การใช้ชีวิตแบบพอเพียงของมหาเศรษฐีนามว่า Warren Buffet

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย ทิกเกอร์_ทิกเกอร์, 4 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. ทิกเกอร์_ทิกเกอร์

    ทิกเกอร์_ทิกเกอร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +914
    [​IMG]


    ชีวิตพอเพียงของมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก Warren Buffet วอร์เรน บัพเฟตต์ แปลโดย Wilai Trakulsin


    มีรายการสัมภาษณ์หนึ่งชั่วโมงของสถานีโทรทัศน์ CNBC สัมภาษณ์ วอร์เรน
    บัพเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก ( รองจากบิล เกตส์) ซึ่งบริจาคเงินให้การกุศล 31,000 ล้านดอลล่าร์


    ต่อไปนี้คือแง่มุมบางส่วนที่น่าสนใจยิ่งจากชีวิตของเขา:

    1. เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ และปัจจุบันบอกว่ารู้สึกเสียใจที่เริ่มช้าไป!


    2. เขาซื้อไร่เล็กๆ เมื่ออายุ 14 โดยใช้เงินเก็บจากการส่งหนังสือพิมพ์


    3. เขายังอาศัยอยู่ในบ้านเล็กหลังเดิมขนาด 3 ห้องนอน กลางเมืองโอมาฮา
    ที่ซื้อไว้หลังแต่งงานเมื่อ 50 ปีก่อน เขาบอกว่ามีทุกสิ่งที่ต้องการในบ้านหลังนี้ บ้านเขาไม่มีรั้วหรือกำแพงล้อม


    4. เขาขับรถไปไหนมาไหนต้วยตนเอง ไม่มีคนขับรถหรือคนคุ้มกัน


    5. เขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว แม้จะเป็นเจ้าของบริษัทขายเครื่องบินส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก


    6. บริษัท เบิร์กไช แฮทะเวย์ ของเขามีบริษัทในเครือ 63 บริษัท เขาเขียนจดหมายถึงซีอีโอของบริษัทเหล่านี้เพียงปีละฉบับเดียว เพื่อให้เป้าหมายประจำปี เขาไม่เคยนัดประชุมหรือโทรคุยกับซีอีโอเหล่านี้เป็นประจำ


    7. เขาให้กฎแก่ ซีอีโอ เพียงสองข้อ
    กฎข้อ 1 อย่าทำให้เงินของผู้ถือหุ้นเสียหาย
    กฎข้อ 2 อย่าลืมกฎข้อ 1


    8. เขาไม่สมาคมกับพวกไฮโซ การพักผ่อนเมื่อกลับบ้าน คือทำข้าวโพดคั่วกินและดูโทรทัศน์


    9. บิล เกตส์ คนที่รวยที่สุดในโลก เพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน บิล
    เกตส์คิดว่าตนเองไม่มีอะไรเหมือนวอร์เรน บัพเฟตต์เลย จึงให้เวลานัดไว้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อบิล เกดส์ได้พบบัฟเฟตต์จริงๆ ปรากฏว่าคุยกันนานถึงสิบชั่วโมง และบิล เกตส์กลายเป็นผู้มีศรัทธาในตัววอร์เรน บัพเฟตต์


    10. วอร์เรน บัพเฟตต์ ไม่ใช้มือถือ และไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน


    11. เขาแนะนำเยาวชนคนหนุ่มสาวว่า:

    จงหลีกห่างจากบัตรเครดิตและลงทุนในตัวคุณเอง




    ที่สุดของชีวิต คือ มีปัจจัย ๔ อย่างเพียงพอนั่นเอง

    ๑. มหาเศรษฐีหรือยาจก กินข้าวแล้วก็อิ่ม 1 มื้อ เท่ากัน

    ๒. มหาเศรษฐีหรือยาจก มีเสื้อผ้ากี่ชุด ก็ใส่ได้ทีละชุด เท่ากัน

    ๓. มหาเศรษฐีหรือยาจก มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน พื้นที่ที่ใช้จริงๆ
    ก็เหมือนกันคือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว เหมือนกัน


    ๔. มหาเศรษฐีหรือยาจก จะมียารักษาโรคดีแค่ไหน ยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร
    สุดท้ายก็ต้องตาย เหมือนกัน มองทะลุวัตถุนิยม และเห็นความหมายที่แท้จริงของชีวิต



    ที่มา : teenee.com<!--IBF.ATTACHMENT_884654--><!-- THE POST -->
     
  2. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,608
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,019
    สุดยอดครับ รวยเเล้วคิดได้ขนาดนี้ ไม่ธรรมดาเเล้ว นิพพานเห็นๆเลยอีกหน่อย อนุโมทนาครับท่าน /\
     
  3. bopitb

    bopitb Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +49
    สุดยอดครับ
     
  4. jaeea

    jaeea สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +22
    นี่สิรวยจริง
     
  5. Ponthakorn

    Ponthakorn สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +12
    น่านับถือมากครับ แล้วเล่นหุ้นนี่ยากมั้ยครับ
     
  6. เสฏฐวุฒิ

    เสฏฐวุฒิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +173
    นี่คือยอดคน
     
  7. สัทธาธิกะ

    สัทธาธิกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +373
    (good)
     
  8. a-pin-ya

    a-pin-ya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    314
    ค่าพลัง:
    +672
    วิกฤตเศรษฐกิจ และการเมืองก็เนื่องมาจากความไม่พอเพียง ที่รวยน้อยก็อยากรวยมาก ที่รวยมากก็อยากรวยมากมาก ที่รวยมากมากก็ต้องหาทางกีดกันการค้าเพื่อรักษาความรวยมากมาก ทำให้เป็นการขัดขวางการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ เพราะไปทำลายคู่แข่งจนเจ๊งหมด คนที่รวยก็รวยมากมากจนไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร คนที่จนก็จนมากมากจนไม่มีเงินใช้ และคนจนเมื่อมีปริมาณมากเศรษฐกิจก็ไม่อาจจะขับเคลื่อนไปได้

    แต่ถ้าอภิมหาเศรษฐี ยอมเป็นแค่เศรษฐี แล้วเปิดโอกาสให้เกิดเศรษฐีใหม่ใหม่มาอีกร้อยราย
    ถ้าเศรษฐีไม่กีดกันการค้าไม่งกเงิน แต่เผื่อแผ่ให้ลูกจ้างมีรายได้เพิ่มขึ้น และช่วยผู้ประกอบการรายย่อยให้มีโอกาสลืมตาอ้าปากได้ ประชาชนก็จะมีฐานะดีกันถ้วนหน้า เศรษฐกิจทั้งระบบก็จะดีมาก เพราะความมั่งคั่งได้กระจายไปสู่สังคม ไม่ใช่กระจุกตัวอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

    เงินที่เอาแต่ไหลไปกระจุกแช่อยู่กับ วอร์เรน บัพเฟตต์ หรือ บิล เกตส์ หรืออภิมหาเศรษฐีใด ๆ ในโลก ไม่หมุนเวียนจึงกลายเป็นน้ำเสีย ที่สร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2009
  9. humanbeing

    humanbeing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +214
    4 ข้อสุดท้ายของวอร์เรน บัฟเฟต คมดีค่ะ และเขาเข้าใจคิดในการใช้ชีวิต

    ป.ล. เห็นด้วยกับคุณ a-pin-ya ค่ะ ถ้ามนุษย์จะลดความเห็นแก่ตัวลงกว่านี้ สภาพเศรษฐกิจก็คงจะดีกว่านี้ล่ะค่ะ บริษัทจำนวนมากคงจะไม่ต้องปิดตัวลง คนก็คงจะไม่ต้องตกงานกันมากขนาดนี้
     
  10. Nexu

    Nexu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +130
    ขอบคุณครับ ท่านนี้เป็นคนที่ผมนับถืออีกคนนึง
    มีท่านนึงถามว่าเล่นหุ้นยากไหม... ผมขอตอบให้น่ะ
    ยากครับ.. เหมือนกับเราเล่นกับกิเลสของตัวเองตลอดเวลา เงินทอง.. มันไม่เข้าใครออกใคร
     
  11. hi5

    hi5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +701
    ระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียงมีหลักอยู่ ๒ ข้อคือ
    การเฉลี่ยความมั่งคั่งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์และ
    การเฉลี่ยความมั่งคั่งระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ
    จึงเป็นระบบเศรษฐกิจที่ยุติธรรม และยั่งยืนที่สุด
    นั่นคือ เมื่อไม่มีฝ่ายไหน ที่รวยสุด ๆ
    ก็จะไม่มีอีกฝ่าย ที่จนสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ หรือธรรมชาติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2009

แชร์หน้านี้

Loading...