เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

การสอนธรรมครั้งพุทธกาล

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย มาจากดิน, 22 กุมภาพันธ์ 2015.

แท็ก: เพิ่มแท็ก

หน้า 1 ของ 5

มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

9 เมษายน 2008

โพสต์:

5,913

กระทู้เรื่องเด่น:

10

ค่าพลัง:

+2,493
[FONT=&quot]ครั้งพุทธกาล[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]พระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหลาย[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ตามปกติจะไม่ได้สอนข้อธรรมลึกๆ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]แก่คฤหัสถ์ทั่วไป[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เหมือนอย่างที่สอนแก่พระสงฆ์ที่มุ่งมาศึกษาโดยตรง[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT]
[FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]

[/FONT]
http://group.wunjun.com/#!/meditation http://group.wunjun.com/whatisnippana

มาจากดิน, 22 กุมภาพันธ์ 2015

#1
- ถูกใจ x 1
- ดูรายการ

มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

9 เมษายน 2008

โพสต์:

5,913

กระทู้เรื่องเด่น:

10

ค่าพลัง:

+2,493

ครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหลาย ตามปกติจะไม่ได้สอนข้อธรรมลึกๆ แก่คฤหัสถ์ทั่วไป เหมือนอย่างที่สอนแก่พระสงฆ์ที่มุ่งมาศึกษาโดยตรง แต่ในหมู่มหาชนนอกภิกขุสังฆะนั้น ก็มีบางคนบางส่วนที่สนใจ และก้าวไปมากในการศึกษาอย่างเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่ม ที่จะแสวงหา

ดังที่บางท่าน อย่างจิตรคฤหบดีผู้เป็นอนาคามี ก็มีภูมิธรรมสูง ได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะด้านอุบาสกธรรมกถึก สามารถอธิบายช่วยแก้ความติดขัดในธรรมแก่ภิกษุทั้งหลายแม้แต่ที่เป็นเถระได้ (องฺ.เอก.20/151....) หรืออย่างอุบาสิกาขุชชุตรา พระพุทธเจ้าก็ทรงยกย่องเป็นเอตทัคคะด้านพหูสูต (องฺ.เอก.20/152)

แต่เมื่อพูดกว้างๆ ทั่วๆไป ในสังคมคฤหัสถ์โดยรวม ธรรมที่สอนตามปกติก็อย่างทิศ ๖ อันแสดงธรรมหรือหน้าที่ที่พึงปฏิบัติต่อกันระหว่าง มารดาบิดา - บุตรธิดา อาจารย์ - ศิษย์ สามี - ภรรยา มิตร - มิตร นายงาน - คนงาน สมณพราหมณ์ - กุลบุตร พระสงฆ์ -ชาวบ้าน ในสิงคาลสูตรนี้ ตลอดทั้งหมด ไม่กล่าวถึงหลักธรรม สำคัญอย่าง อริยสัจ ปฏิจจสมุปบาท ฌาน นิพพาน ใดๆ

http://group.wunjun.com/#!/meditation http://group.wunjun.com/whatisnippana

มาจากดิน, 22 กุมภาพันธ์ 2015

#2
มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

9 เมษายน 2008

โพสต์:

5,913

กระทู้เรื่องเด่น:

10

ค่าพลัง:

+2,493

หลักฐานยืนยันที่ชัดเจนมาก ไม่ต้องหาที่ไหนไกล ขนาดอนาถบิณฑิกเศรษฐีที่ใกล้ชิดพระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์ ได้อุปถัมภ์พระศาสนา กล่าวได้ว่ามากที่สุด และเป็นโสดาบัน กว่าจะได้ฟังธรรมหลักใหญ่ ก็ตอนเจ็บหนักนอนอยู่บนเตียงจวนจะสิ้นชีพ

เรื่องมีว่า คราวนั้น พระสารีบุตร พร้อมด้วยพระอานนท์ที่ติดตาม ได้ไปเยี่ยมอนาถบิณฑิกเศรษฐี และได้ให้โอวาทแก่ท่านเศรษฐี โดยมีสาระสำคัญว่าไม่ควรเอาอุปาทานไปยึดติดถือมั่นต่อสิ่งทั้งหลาย ดังคำสรุปท้ายโอวาทว่า

ดูกรคฤหบดี เพราะฉะนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า อารมณ์ใดก็ตาม ที่เราได้เห็น ได้ยิน ได้ทราบ ได้แจ้งแก่ใจ ได้แสวงหา ได้คุ้นใจ เราจักไม่ยึดติดถือมั่นอารมณ์นั้น และวิญญาณที่อาศัยอารมณ์นั้น จักไม่มีแก่เรา ดูกรคฤหบดี ท่านพึงศึกษาอย่างนี้เถิด

อนาถบิณฑิกเศรษฐี ฟังโอวาทจบแล้ว ถึงกับร้องไห้ และได้กล่าวว่า

...กระผมได้เข้ามาใกล้ชิดองค์พระศาสดา และพระภิกษุทั้งหลาย ผู้เป็นที่เจริญใจมาเป็นเวลายาวนาน แต่กระนั้นก็ไม่เคยได้สดับธรรมีกถาอย่างนี้เลย

พระอานนท์ ตอบชี้แจงว่า

ดูกรคฤบดี ธรรมีกถาอย่างนี้ ไม่แสดงแก่คนนุ่งขาวชาวคฤหัสถ์ จะแสดงแต่แก่บรรพชิต

อนาถบิณฑิกเศรษฐี รู้อย่างนั้นแล้ว ได้กล่าวขอร้องว่า

ข้าแต่พระสารีบุตรผู้เจริญ ถ้าอย่างนั้น ขอธรรมีกถาอย่างนี้ จงแสดงแก่คนนุ่งขาวชาวคฤหัสถ์บ้างเถิด เพราะว่า กุลบุตรจำพวกมีกิเลสธุลีในดวงตาน้อยที่มีอยู่ แต่เพราะมิได้สดับธรรม ก็จะเสื่อมไป คนที่จะรู้เข้าใจธรรม จักมี (ม.อุ.14/720-740)

หลังจากพระสารีบุตรและพระอานนท์กลับออกมาไม่นาน ท่านเศรษฐีก็ถึงแก่กรรม และเข้าถึงดุสิตภพ

http://group.wunjun.com/#!/meditation http://group.wunjun.com/whatisnippana

มาจากดิน, 22 กุมภาพันธ์ 2015

#3
VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

29 พฤษภาคม 2009

โพสต์:

998

ค่าพลัง:

+1,579
ขอแสดงความเห็นนะครับในสมัยพุทธกาลตามพระไตรปิฎกนั้นพระพุทธองค์สั่งสอนเหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลายโดยไม่เลือกชั้นวรรณะแต่อย่างใดไม่ว่าจะอยู่ในวรรณะไหนพระองค์ท่านก็สอนตามจริตของแต่ละคนด้วยกุสโลบายต่างๆจึงมีถึง84000พระธรรมข้นธ์ุไม่เคยแบ่งว่าเป็นอุบาสกอุบาสิกาพระภิษุณีหรือพระภิษุสงฆ์พระองค์ทรงสั่งสอนเวไนยส้ตว์ให้พ้นทุกข์ตามทางที่พระองค์ทรงบอกไว้ส่วนใครจะไปได้แค่ไหนก็อยู่ที่บารมีของแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน อุบาสกอุบาสิกาทั้งหลายก็มีโอกาสได้ฟังพระโอวาทพระธรรมเท่าๆกับภิษุสงฆ์เหมือนๆกันดังพุทธวจนะที่พระองค์ทรงตรัสไว้ สาธุ
แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2015

VERAJAK, 22 กุมภาพันธ์ 2015

#4
- ถูกใจ x 1
- ดูรายการ
มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

9 เมษายน 2008

โพสต์:

5,913

กระทู้เรื่องเด่น:

10

ค่าพลัง:

+2,493

นี่ว่าใช่ธรรมะมั้ยครับ

ทิศ ๖ ปฏิบัติหน้าที่ต่อบุคคลที่สัมพันธ์กับตนให้ถูกต้องตามฐานะทั้ง ๖ คือ

๑. ก. บุตรธิดา บำรุงมารดาบิดาผู้เป็นเหมือนทิศเบื้องหน้า โดย

๑) ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ

๒) ช่วยทำกิจธุระการงานของท่าน

๓) ดำรงวงศ์สกุล

๔) ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นทายาท

๕) เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน

ข. มารดาบิดา อนุเคราะห์บุตรธิดา ดังนี้

๑) ห้ามกันจากความชั่ว

๒) ฝึกอบรมให้ตั้งอยู่ในความดี

๓) ให้ศึกษาศิลปวิทยา

๔) เป็นธุระในการมีคู่ครองที่สมควร

๕) มอบทรัพย์สมบัติให้เมื่อถึงโอกาส

http://group.wunjun.com/#!/meditation http://group.wunjun.com/whatisnippana

มาจากดิน, 22 กุมภาพันธ์ 2015

#5
VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

29 พฤษภาคม 2009

โพสต์:

998

ค่าพลัง:

+1,579
อุบาสกอุบาสิกา. พระอริยสงฆ์เจ้า ล้วนมีหน้าที่ต้องทำทำตามหน้าที่ตนเต็มกำลัง อุบาสกอุบาสิกามีหน้าที่ตามโลกธรรมส่วนจิตเค้าจะยึดมั่นถือมั่นหรือไม่เป็นอีกอย่างที่ไม่มีใครรู้แล้วแต่จิตของใครของมันพระอริยสงฆ์เจ้าท่านก็มีหน้าที่เผยแพร่พระธรรมท่านก็ทำตามหน้าที่เมื่อถึงเวลาขันธุ์แตกสลายตามเวลาก็หมดหน้าทีืในชาตินี้ อุบาสกอุบาสิกานั้นก็เหมือนกันมีหน้าที่ของตนก็ทำตามหน้าที่ตนก็แค่นัิน สาธุ

VERAJAK, 22 กุมภาพันธ์ 2015

#6
- ถูกใจ x 1
- ดูรายการ
มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

9 เมษายน 2008

โพสต์:

5,913

กระทู้เรื่องเด่น:

10

ค่าพลัง:

+2,493

VERAJAK said: ↑

อุบาสกอุบาสิกา. พระอริยสงฆ์เจ้า ล้วนมีหน้าที่ต้องทำทำตามหน้าที่ตนเต็มกำลัง อุบาสกอุบาสิกามีหน้าที่ตามโลกธรรมส่วนจิตเค้าจะยึดมั่นถือมั่นหรือไม่เป็นอีกอย่างที่ไม่มีใครรู้แล้วแต่จิตของใครของมันพระอริยสงฆ์เจ้าท่านก็มีหน้าที่เผยแพร่พระธรรมท่านก็ทำตามหน้าที่เมื่อถึงเวลาขันธุ์แตกสลายตามเวลาก็หมดหน้าทีืในชาตินี้ อุบาสกอุบาสิกานั้นก็เหมือนกันมีหน้าที่ของตนก็ทำตามหน้าที่ตนก็แค่นัิน สาธุ
Click to expand...

ถ้ายังงั้น คือ ตามที่คุณว่า ธรรมะก็คือหน้าที่ถูกมั้ยครับ

http://group.wunjun.com/#!/meditation http://group.wunjun.com/whatisnippana

มาจากดิน, 23 กุมภาพันธ์ 2015

#7
มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

9 เมษายน 2008

โพสต์:

5,913

กระทู้เรื่องเด่น:

10

ค่าพลัง:

+2,493

ต่างคนต่างก็มีหน้าที่ทำหน้าของตนๆ ให้ดีตามเพศ-วัย ก็เป็นธรรมะใช่มั้ยครับ

ก. สามี บำรุงภรรยา ผู้เป็นเหมือนทิศเบื้องหลัง โดย

๑) ยกย่องให้เกียรติสมฐานะภรรยา

๒) ไม่ดูหมิ่น

๓) ไม่นอกใจ

๔) มอบความเป็นใหญ่ในงานบ้าน

๕) หาเครื่องแต่งตัวมาให้เป็นของขวัญตามโอกาส

ข. ภรรยา อนุเคราะห์สามี ดังนี้

๑) จัดงานบ้านให้เรียบร้อย

๒) สงเคราะห์ญาติมิตรทั้งสองฝ่ายด้วยดี

๓) ไม่นอกใจ

๔) รักษาทรัพย์สมบัติที่หามาได้

๕) ขยันช่างจัดช่างทำเอางานทุกอย่าง

http://group.wunjun.com/#!/meditation http://group.wunjun.com/whatisnippana

มาจากดิน, 23 กุมภาพันธ์ 2015

#8
VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

29 พฤษภาคม 2009

โพสต์:

998

ค่าพลัง:

+1,579

ธรรมมะมิใช่หน้าที่ธรรมะคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่เรียกว่าพระธรรมผู้ที่นับถือศาสนาพุทธเชื่อในพระพุทธพระธรรมและพระสงฆ์จึงได้ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งส่วนหน้าที่ของฆราวาสในโลกธรรมไม่ว่านับถือศาสนาไหนทุกคนก็มีหน้าที่ของตนที่ต้องทำไม่ว่าเชื้อชาติหรือสัญชาติไหนก็มีเหมือนๆกันทั้งหมดตามสภาวะของแต่ละคนส่วนพระอริยสงฆ์เจ้าท่านออกจากเรือนเข้าสู่ร่มกาสาวะภ้ทรเฝ้าปฏิบัติตามพระพุทธวจนะแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยตนเองจนพ้นจากหลุมที่ตนตกอยู่เมื่อขึ้นจากหลุมนั้นได้แล้วจึงได้ทำหน้าที่พระอริยสงฆ์เจ้าช่วยเหลือผู้อื่นให้ขึ้นจากหลุมที่ตกอยู่ตามทางที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้เผยแพร่ธรรมะตามที่พระพุทธองค์ทรงสั่วสอนเพื่อประโยชน์ต่อผู้อื่น. สาธุ

แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2015

VERAJAK, 23 กุมภาพันธ์ 2015

#9
มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

9 เมษายน 2008

โพสต์:

5,913

กระทู้เรื่องเด่น:

10

ค่าพลัง:

+2,493

VERAJAK said: ↑

ธรรมมะมิใช่หน้าที่ ธรรมะคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ที่เรียกว่าพระธรรม ผู้ที่นับถือศาสนาพุทธเชื่อในพระพุทธพระธรรมและพระสงฆ์ จึงได้ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ส่วนหน้าที่ของฆราวาสในโลกธรรมไม่ว่านับถือศาสนาไหนทุกคนก็มีหน้าที่ของตนที่ต้องทำไม่ว่าเชื้อชาติหรือสัญชาติไหนก็มีเหมือนๆกันทั้งหมดตามสภาวะของแต่ละคนส่วนพระอริยสงฆ์เจ้าท่านออกจากเรือนเข้าสู่ร่มกาสาวะภ้ทรเฝ้าปฏิบัติตามพระพุทธวจนะแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยตนเองจนพ้นจากหลุมที่ตนตกอยู่เมื่อขึ้นจากหลุมนั้นได้แล้วจึงได้ทำหน้าที่พระอริยสงฆ์เจ้าช่วยเหลือผู้อื่นให้ขึ้นจากหลุมที่ตกอยู่ตามทางที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้เผยแพร่ธรรมะตามที่พระพุทธองค์ทรงสั่วสอนเพื่อประโยชน์ต่อผู้อื่น. สาธุ
Click to expand...

แล้วหน้าที่ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เรียกว่าพระธรรมมั้ยครับ

ก. บำรุงมิตรสหาย ผู้เป็นเหมือนทิศเบื้องซ้าย โดย

๑) เผื่อแผ่แบ่งปัน

๒) พูดอย่างรักกัน

๓) ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

๔) มีตนเสมอ ร่วมสุขร่วมทุกข์กัน

๕) ซื่อสัตย์จริงใจต่อกัน

ข. มิตรสหาย อนุเคราะห์ตอบ ดังนี้

๑) เมื่อเพื่อนประมาท ช่วยรักษาป้องกัน

๒) เมื่อเพื่อนประมาท ช่วยรักษาทรัพย์สมบัติของเพื่อน

๓) ในคราวมีภัย เป็นที่พึ่งได้

๔) ไม่ละทิ้งในยามทุกข์ยาก

๕) นับถือตลอดวงศ์ญาติของมิตร

http://group.wunjun.com/#!/meditation http://group.wunjun.com/whatisnippana

มาจากดิน, 23 กุมภาพันธ์ 2015

#10
มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

9 เมษายน 2008

โพสต์:

5,913

กระทู้เรื่องเด่น:

10

ค่าพลัง:

+2,493

ก. นาย บำรุงคนรับใช้และคนงาน ผู้เป็นเหมือนทิศเบื้องล่าง โดย

๑) จัดงานให้ทำตามความเหมาะสมกับกำลังเพศวัยและความสามารถ

๒) ให้ค่าจ้างรางวัลสมควรแก่งานและความเป็นอยู่

๓) จัดสวัสดิการดี มีช่วยรักษาพยาบาลในยามเจ็บไข้ เป็นต้น

๔) มีอะไรได้พิเศษมา ก็แบ่งปันให้

๕) ให้มีวันหยุดและพักผ่อนหย่อนใจตามโอกาส

ข. คนรับใช้และคนงาน อนุเคราะห์นาย ดังนี้

๑) เริ่มทำงานก่อน

๒) เลิกงานทีหลัง

๓) เอาแต่ของที่นายให้

๔) ทำการงานให้เรียบร้อยและดียิ่งขึ้น

๕) นำความดีของนายงานและกิจการไปเผยแพร่

http://group.wunjun.com/#!/meditation http://group.wunjun.com/whatisnippana

มาจากดิน, 23 กุมภาพันธ์ 2015

#11
นันทะชัยดี เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

21 มิถุนายน 2014

โพสต์:

251

ค่าพลัง:

+378

ธรรมที่สูงเกินกว่า ฌาน สมาธิเป็นระดับวิมุตติ เป็นธรรมที่ละเอียด ยากที่บุคคลธรรมดาจะเข้าถึง จะเข้าใจ เพราะธรรมระดับนี้ รู้ได้ด้วยใจ ธรรมเป็นสำหรับผู้ปฏิบัติเท่านั้น ที่จะต้องสละทุกสิ่งทุกอย่างในเรื่องทางโลกมาเท่านั้นครับ

นันทะชัยดี, 23 กุมภาพันธ์ 2015

#12
มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

9 เมษายน 2008

โพสต์:

5,913

กระทู้เรื่องเด่น:

10

ค่าพลัง:

+2,493

ก. ศิษย์ บำรุงครูอาจารย์ ผู้เป็นเหมือนทิศเบื้องขวา โดย

๑) ลุกรับ แสดงความเคารพ

๒) เข้าไปหา (เช่น ช่วยรับใช้ ปรึกษาซักถาม รับคำแนะนำ)

๓) ตั้งใจฟังและรู้จักฟัง

๔) ปรนนิบัติ ช่วยบริการ

๕) เรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ เอาจริงเอาจัง ถือเป็นกิจสำคัญ

ข. ครูอาจารย์ อนุเคราะห์ศิษย์ ดังนี้

๑) แนะนำฝึกอบรมให้เป็นคนดี

๒) สอนให้เข้าใจแจ่มแจ้ง

๓) สอนศิลปวิทยาให้สิ้นเชิง

๔) ยกย่องให้ปรากฏในหมู่พวก

๕) สร้างเครื่องคุ้มภัยในสารทิศ (สอนให้เอาไปใช้งานเลี้ยงชีพได้จริง)

http://group.wunjun.com/#!/meditation http://group.wunjun.com/whatisnippana

มาจากดิน, 23 กุมภาพันธ์ 2015

#13
มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

9 เมษายน 2008

โพสต์:

5,913

กระทู้เรื่องเด่น:

10

ค่าพลัง:

+2,493

นันทะชัยดี said: ↑

ธรรมที่สูงเกินกว่า ฌาน สมาธิเป็นระดับวิมุตติ เป็นธรรมที่ละเอียด ยากที่บุคคลธรรมดาจะเข้าถึง จะเข้าใจ เพราะธรรมระดับนี้ รู้ได้ด้วยใจ ธรรมเป็นสำหรับผู้ปฏิบัติเท่านั้น ที่จะต้องสละทุกสิ่งทุกอย่างในเรื่องทางโลกมาเท่านั้นครับ
Click to expand...

คุณจะสละทางโลก แล้วคุณจะไปไหนครับ ในเมื่อคุณมีครอบครัวบ้านเรือนที่ต้องดูแล ทำมาหาเลี้ยงลูกเมีย

http://group.wunjun.com/#!/meditation http://group.wunjun.com/whatisnippana

มาจากดิน, 23 กุมภาพันธ์ 2015

#14
มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

9 เมษายน 2008

โพสต์:

5,913

กระทู้เรื่องเด่น:

10

ค่าพลัง:

+2,493

ก. คฤหัสถ์ บำรุงพระสงฆ์ ผู้เป็นเหมือนทิศเบื้องบน โดย

๑) จะทำสิ่งใด ก็ทำด้วยเมตตา

๒) จะพูดสิ่งใด ก็พูดด้วยเมตตา

๓) คิดสิ่งใด ก็คิดด้วยเมตตา

๔) ต้อนรับด้วยความเต็มใจ

๕) อุปถัมภ์ ด้วยปัจจัย ๔

ข. พระสงฆ์ ย่อมอนุเคราะห์คฤหัสถ์ ดังนี้

๑) ห้ามปรามสอนให้เว้นจากความชั่ว

๒) แนะนำสั่งสอนให้ตั้งอยู่ในความดี

๓) อนุเคราะห์ด้วยน้ำใจงาม

๔) ให้ได้ฟังได้รู้สิ่งที่ยังไม่เคยรู้ไม่เคยฟัง

๕) ชี้แจงอธิบายสิ่งที่เคยฟังแล้วให้เข้าใจแจ่มแจ้ง

๖) บอกทางสวรรค์ให้ (สอนวิธีดำเนินชีวิตให้ประสบความสุข)

http://group.wunjun.com/#!/meditation http://group.wunjun.com/whatisnippana

มาจากดิน, 23 กุมภาพันธ์ 2015

#15
มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

9 เมษายน 2008

โพสต์:

5,913

กระทู้เรื่องเด่น:

10

ค่าพลัง:

+2,493

ปัญหาเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำ ซึ่งมีความหมายคลาดเคลื่อน เลือนกลายแปลกออกไปตามกาลสมัย

ตัวอย่างสำคัญ คือ คำว่า “ปฏิบัติธรรม” ซึ่งความหมายที่แท้ ควรได้แก่ การนำเอาธรรมไปใช้ในการดำเนินชีวิต หรือการดำเนินตามธรรม แต่ปัจจุบัน มักใช้คำนี้ในความหมายว่า เป็นการฝึกอบรมทางจิตปัญญาขั้นหนึ่งระดับหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปแบบ และทำไปตามแบบแผนที่ได้กำหนดไว้

http://group.wunjun.com/#!/meditation http://group.wunjun.com/whatisnippana

มาจากดิน, 23 กุมภาพันธ์ 2015

#16
เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

28 มกราคม 2008

โพสต์:

3,972

ค่าพลัง:

+3,241

มาจากดิน said: ↑

ปัญหาเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำ ซึ่งมีความหมายคลาดเคลื่อน เลือนกลายแปลกออกไปตามกาลสมัย

ตัวอย่างสำคัญ คือ คำว่า “ปฏิบัติธรรม” ซึ่งความหมายที่แท้ ควรได้แก่ การนำเอาธรรมไปใช้ในการดำเนินชีวิต หรือการดำเนินตามธรรม แต่ปัจจุบัน มักใช้คำนี้ในความหมายว่า เป็นการฝึกอบรมทางจิตปัญญาขั้นหนึ่งระดับหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปแบบ และทำไปตามแบบแผนที่ได้กำหนดไว้
Click to expand...

มันจะไป คลาดเคลื่อนตรงไหนหละฮับ

ก็ ท่านเจ้าของกระทู้ วิจัย วินิจฉัย ระบุออกมาเองว่า " ธรรมะส่วนใหญ่เขามีไว้สอนพระ "

ดังนั้น การปฏิบัติธรรม ที่ไม่ใช่ชีวิตประจำวันของฆารวาส คำสอนเหล่านั้นก็
ย่อมเป็นคำสอนที่มีต่อ " พระภิกษุ "

ทีนี้ ฆารวาส เนี่ยะ ชอบปฏิภาณว่าตนเป็น พระ ชอบสั่งสอน ทั้งที่ พระพุทธองค์
ไม่ได้เลือกใช้ให้ทำหน้าที่ สั่งสอน สร้างคำสอน ก็ยัง สะเออะ สร้างตำรา สร้าง
เว็บไซท สร้างแบบแผนการสั่งสอน

ฆารวาส มีหน้าที่เดียวต่อธรรมคือ " สนทนาตามกาล "
" สนทนาตามเหตุ คือ ต้องมีคนถาม " ไม่ใช่ แต๊ดๆๆๆๆๆๆ ระริกระรี้ สะกิดสอนคน
แล้วไปนั่งปั้นหน้า หน้าสำรับอาหาร จะกินอะไรดี เย็นจะกินอะไรดี เดือนหน้าจะไปกิน
อะไรดี ( ข้องกับกาม ตลอดเวลา )

สงครามพระ : ลั่นกลองรบ !!

เอกวีร์, 23 กุมภาพันธ์ 2015

#17
VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

29 พฤษภาคม 2009

โพสต์:

998

ค่าพลัง:

+1,579

ต้องขออภัยนะครับถ้าไม่สามารถแยกหน้าที่ในโลกธรรมก้บพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ได้ ในทุกๆศาสนาล้วนสอนให้มนุษย์เป็นคนดีทำสิ่งที่ดีเป็นลูกที่ดีเป็นสามีภรรยาที่ดีเป็นบิดามารดาที่ดีนั้นคือคนดีในโลกธรรมส่วนพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นสอนให้มนุษย์สามารถพ้นทุกข์ได้ถ้ามนุษย์สามารถเดินตามทางที่พระองค์ทรงชี้บอกทางได้ไม่ว่าเป็นฆราวาสหรือพระสงฆ์ทุกคนมีสิทธิที่จะเดินตามทางที่พระพุทธองค์ทรงชี้แนะอยู่ที่ตัวของคนๆนั้นจะมีปัญญาเข้าใจพระธรรมของท่านมากน้อยแค่ไหนและเข้าใจถูกหรือผิดเป็นสัมมาทิฐิหรือมิจฉาทิฐิและเมื่อเข้าใจแล้วสามารถทำได้หรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง. ขอย้ำว่าหน้าที่ทางโลกธรรมทุกคนเกิดมาต้องมีและทำตามหน้าที่ที่ทำได้ทุกศาสนาทุกเชื้อชาติส่วนพระธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมดุทธเจ้าคือแผนที่มุ่งสู่ทางพ้นทุกข์ที่ทุกคนมีสิทธิที่จะเดินตามทางที่พระองค์ทรงชี้บอกไว้ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อใครจะเดินถูกทางหรือผิดทางใครจะเดินถึงหรือไม่ถึงก็แล้วแต่ปัญญาของคนๆนั้นว่ามีแค่ไหนก็เท่านั้นเองสาฌุ

VERAJAK, 23 กุมภาพันธ์ 2015

#18
มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

9 เมษายน 2008

โพสต์:

5,913

กระทู้เรื่องเด่น:

10

ค่าพลัง:

+2,493

นี่ใช้ธรรมะมั้ยครับ

 [FONT=&quot]ครั้งหนึ่ง[/FONT] [FONT=&quot]อุชชัยพราหมณ์ได้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า[/FONT] [FONT=&quot]และกราบทูลว่า[/FONT] [FONT=&quot]ตนจะไปอยู่ต่างถิ่น[/FONT] [FONT=&quot]จะขอให้พระพุทธองค์แสดงธรรม[/FONT] [FONT=&quot]ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขปัจจุบัน[/FONT] [FONT=&quot]และธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขภายหน้า[/FONT]
[FONT=&quot]พุทธเจ้าได้ตรัสว่า[/FONT]

“[FONT=&quot]ดูกร[/FONT] [FONT=&quot]พราหมณ์[/FONT] [FONT=&quot]ธรรม[/FONT] [FONT=&quot]๔[/FONT] [FONT=&quot]ประการนี้[/FONT] [FONT=&quot]เป็นไปเพื่อประโยชน์เพื่อความสุขปัจจุบัน[/FONT] [FONT=&quot]กล่าวคือ[/FONT] [FONT=&quot]อุฏฐานสัมปทา[/FONT] [FONT=&quot]อารักขสัมปทา[/FONT] [FONT=&quot]กัลยาณามิตตตา[/FONT] [FONT=&quot]สมชีวิตา[/FONT]

[FONT=&quot]๑.[/FONT] [FONT=&quot]อุฏฐานสัมปทา[/FONT] [FONT=&quot]เป็นไฉน [/FONT]? [FONT=&quot]คือ[/FONT] [FONT=&quot]กุลบุตรหาเลี้ยงชีพด้วยความขยันในการงาน[/FONT] [FONT=&quot]ไม่ว่าจะเป็นกสิกรรม ก็ดี[/FONT] [FONT=&quot]พาณิชยกรรม ก็ดี[/FONT] [FONT=&quot]โครักขกรรม ก็ดี[/FONT] [FONT=&quot]ราชการทหาร ก็ดี[/FONT] [FONT=&quot]ราชการพลเรือน ก็ดี[/FONT] [FONT=&quot]ศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ดี[/FONT] [FONT=&quot]เธอเป็นผู้ขยัน[/FONT] [FONT=&quot]ชำนิชำนาญ[/FONT] [FONT=&quot]ไม่เกียจคร้าน[/FONT] [FONT=&quot]ในงานนั้น[/FONT] [FONT=&quot]ประกอบด้วยปัญญาเครื่องสอบสวนตรวจตรา[/FONT] [FONT=&quot]รู้จักวิธีปฏิบัติในเรื่องนั้นๆ[/FONT] [FONT=&quot]สามารถทำ[/FONT] [FONT=&quot]สามารถจัดการ[/FONT] [FONT=&quot]นี้เรียกว่า [/FONT] [FONT=&quot]อุฏฐานสัมปทา[/FONT]

[FONT=&quot]๒. อารักขสัมปทา[/FONT] [FONT=&quot]เป็นไฉน [/FONT]? [FONT=&quot]คือ[/FONT] [FONT=&quot]กุลบุตรมีโภคทรัพย์[/FONT] [FONT=&quot]ที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร[/FONT] [FONT=&quot]เก็บรวบรวมขึ้นด้วยกำลังแขน[/FONT] [FONT=&quot]อย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ[/FONT] [FONT=&quot]เป็นของชอบธรรม[/FONT] [FONT=&quot]ได้มาโดยธรรม[/FONT] [FONT=&quot]เธอจัดการรักษาคุ้มครองทรัพย์เหล่านั้น[/FONT] [FONT=&quot]โดยพิจารณาว่า[/FONT] [FONT=&quot]ทำอย่างไร[/FONT] [FONT=&quot]ราชาทั้งหลายจะไม่พึงริบโภคะเหล่านี้ของเราเสีย[/FONT] [FONT=&quot]พวกโจรไม่พึงลักไปเสีย[/FONT] [FONT=&quot]ไฟไม่พึงไหม้เสีย[/FONT] [FONT=&quot]น้ำไม่พึงพาไปเสีย[/FONT] [FONT=&quot]ทายาทอัปรีย์ก็จะไม่พึงเอาไปเสีย[/FONT] [FONT=&quot]นี้เรียกว่า [/FONT] [FONT=&quot]อารักขสัมปทา[/FONT]

[FONT=&quot]๓[/FONT]. [FONT=&quot]กัลยาณามิตตตา[/FONT] [FONT=&quot]เป็นไฉน [/FONT]? [FONT=&quot]คือ[/FONT] [FONT=&quot]กุลบุตรเข้าอยู่อาศัยในคามหรือนิคมใดก็ตาม[/FONT] [FONT=&quot]เธอเข้าสนิทสนมสนทนาปราศรัย[/FONT] [FONT=&quot]ถกถ้อยปรึกษา[/FONT] [FONT=&quot]กับท่านที่เป็นคหบดีบ้าง[/FONT] [FONT=&quot]บุตรคหบดีบ้าง[/FONT] [FONT=&quot]พวกคนหนุ่มที่มีความประพฤติเป็นผู้ใหญ่บ้าง[/FONT] [FONT=&quot]คนสูงอายุที่มีความประพฤติเป็นผู้ใหญ่บ้าง[/FONT] [FONT=&quot]ผู้ประกอบด้วยศรัทธา[/FONT] [FONT=&quot]ประกอบด้วยศีล[/FONT] [FONT=&quot]ประกอบด้วยจาคะ[/FONT] [FONT=&quot]ประกอบด้วยปัญญา[/FONT] [FONT=&quot]เธอศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยศรัทธา[/FONT] [FONT=&quot]ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยศรัทธา[/FONT] [FONT=&quot]ศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยศีล[/FONT] [FONT=&quot]ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยศีล[/FONT] [FONT=&quot]ศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยจาคะ[/FONT] [FONT=&quot]ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยจาคะ[/FONT] [FONT=&quot]ศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยปัญญา[/FONT] [FONT=&quot]ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยปัญญา[/FONT] [FONT=&quot]นี้เรียกว่า [/FONT] [FONT=&quot]กัลยาณมิตตตา[/FONT]

[FONT=&quot]๔.[/FONT] [FONT=&quot]สมชีวิตา[/FONT] [FONT=&quot]เป็นไฉน [/FONT]? [FONT=&quot]คือ[/FONT] [FONT=&quot]กุลบุตรเลี้ยงชีวิพอเหมาะ[/FONT] [FONT=&quot]ไม่ให้ฟุ่มเฟือยเกินไป[/FONT] [FONT=&quot]ไม่ให้ฝืดเคืองเกินไป[/FONT] [FONT=&quot]โดยรู้เข้าใจทางเพิ่มพูนและทางลดถอยแห่งโภคทรัพย์[/FONT] [FONT=&quot]ว่าทำอย่างนี้[/FONT] [FONT=&quot]รายได้ของเราจึงจะเหนือรายจ่าย[/FONT] [FONT=&quot]และรายจ่ายของเราจึงจักไม่เหนือรายได้[/FONT] [FONT=&quot]เปรียบเหมือนคนชั่งตาชั่งหรือลูกมือคนชั่งยกตาชั่งขึ้นแล้ว[/FONT] [FONT=&quot]ย่อมรู้ว่าหย่อนไปเท่านั้น[/FONT] [FONT=&quot]หรือเกินไปเท่านี้[/FONT]

“[FONT=&quot]ถ้าหากกุลบุตร[/FONT] [FONT=&quot]นี้[/FONT] [FONT=&quot]รายได้น้อย[/FONT] [FONT=&quot]แต่เลี้ยงชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อ[/FONT] [FONT=&quot]ก็จะมีผู้กล่าวว่าเอาได้ว่า กุลบุตรผู้นี้[/FONT] ...[FONT=&quot]กินใช้ทรัพย์สมบัติเหมือนคนกินมะเดื่อ[/FONT] [FONT=&quot]ถ้ากุลบุตรนี้มีรายได้มาก[/FONT] [FONT=&quot]แต่เลี้ยงชีวิตอย่างฝืดเคือง[/FONT] [FONT=&quot]ก็จะมีผู้กล่าวว่าเอาได้ว่า[/FONT] [FONT=&quot]กุลบุตรผู้นี้ คงจะตายอย่างคนอนาถา[/FONT] [FONT=&quot]แต่เพราะกุลบุตรนี้เลี้ยงชีวิตพอเหมาะ...นี้เรียกว่า[/FONT] [FONT=&quot]สมชีวิตา[/FONT]

[FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ดูกรพราหมณ์[/FONT][FONT=&quot] โภคะที่เกิดขึ้นโดยชอบอย่างนี้แล้ว โภคะที่เกิดขึ้นโดยชอบอย่างนี้แล้ว ย่อมมี อบายมุข (ช่องทางเสื่อม) ๔ ประการ คือ เป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา เป็นนักเลงการพนัน มีมิตรชั่วสหายชั่ว ฝักใฝ่ในคนชั่ว เปรียบเหมือนอ่างเก็บน้ำแหล่งใหญ่ มีทางไหลเข้า ๔ ทาง มีทางไหลออก ๔ ทาง หากคนปิดทางน้ำเข้าเสีย เปิดแต่ทางน้ำออก อีกทั้งฝนก็ไม่ตกต้องตามฤดูกาล เมื่อเป็นเช่นนี้ อ่างเก็บน้ำใหญ่นั้น เป็นอันหวังได้แต่ความลดน้อยลงอย่างเดียว ไม่มีความเพิ่มขึ้นได้เลย...

“ดูกรพราหมณ์ โภคะที่เกิดขึ้นโดยชอบอย่างนี้แล้ว ย่อมมี อายมุข (ช่องทางเพิ่มขึ้น) ๔ ประการ คือ ไม่เป็นนักเลงหญิง ไม่เป็นนักเลงสุรา ไม่เป็นนักเลงการพนัน มีมิตรดี มีสหายดี ใฝ่ใจในกัลยาณชน เปรียบเหมือนอ่างเก็บน้ำใหญ่ ใหญ่ มีทางไหลเข้า ๔ ทาง มีทางไหลออก ๔ ทาง หากคนเปิดทางน้ำเข้า ปิดทางน้ำออก และฝนก็ตกต้องตามฤดูกาล เมื่อเป็นเช่นนี้ อ่างเก็บน้ำใหญ่นั้น เป็นอันหวังได้แต่ความเพิ่มพูนอย่างเดียว ไม่มีความลดน้อยลงเลย...

“ดูกรพราหมณ์ ธรรม ๔ ประการ เหล่านี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขปัจจุบัน แก่กุลบุตร”[/FONT]



http://group.wunjun.com/#!/meditation http://group.wunjun.com/whatisnippana

มาจากดิน, 23 กุมภาพันธ์ 2015

#19
มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

9 เมษายน 2008

โพสต์:

5,913

กระทู้เรื่องเด่น:

10

ค่าพลัง:

+2,493

VERAJAK said: ↑

ต้องขออภัยนะครับ ถ้าไม่สามารถแยกหน้าที่ในโลกธรรม ก้บ พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ได้ ในทุกๆศาสนาล้วนสอนให้มนุษย์เป็นคนดีทำสิ่งที่ดีเป็นลูกที่ดีเป็นสามีภรรยาที่ดีเป็นบิดามารดาที่ดีนั้นคือคนดีในโลกธรรม ส่วนพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นสอนให้มนุษย์สามารถพ้นทุกข์ได้ ถ้ามนุษย์สามารถเดินตามทางที่พระองค์ทรงชี้บอกทางได้ ไม่ว่าเป็นฆราวาสหรือพระสงฆ์ทุกคนมีสิทธิที่จะเดินตามทางที่พระพุทธองค์ทรงชี้แนะอยู่ที่ตัวของคนๆนั้นจะมีปัญญาเข้าใจพระธรรมของท่านมากน้อยแค่ไหน และเข้าใจถูกหรือผิดเป็นสัมมาทิฐิหรือมิจฉาทิฐิ และเมื่อเข้าใจแล้วสามารถทำได้หรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง. ขอย้ำว่าหน้าที่ทางโลกธรรมทุกคนเกิดมาต้องมีและทำตามหน้าที่ที่ทำได้ทุกศาสนาทุกเชื้อชาติ ส่วนพระธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมดุทธเจ้าคือแผนที่มุ่งสู่ทางพ้นทุกข์ที่ทุกคนมีสิทธิที่จะเดินตามทางที่พระองค์ทรงชี้บอกไว้ ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ใครจะเดินถูกทางหรือผิดทาง ใครจะเดินถึงหรือไม่ถึงก็แล้วแต่ปัญญาของคนๆนั้นว่ามีแค่ไหนก็เท่านั้นเองสาฌุ
Click to expand...

ธรรมะที่คุณ JAK คิดว่า ว่าธรรมะนำยกมาดูตรงนี้สิครับ ที่ว่าทำให้พ้นทุกข์ได้

http://group.wunjun.com/#!/meditation http://group.wunjun.com/whatisnippana

มาจากดิน, 23 กุมภาพันธ์ 2015

#20

(คุณต้องเข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน เพื่อที่จะโพสต์)

หน้า 1 ของ 5

แชร์หน้านี้

Loading...