การรับขันธ์ แบบใหน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย love2410, 28 มกราคม 2009.

  1. love2410

    love2410 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +1
    ช่วยหน่อยนะคับผมจะไปรับขันธ์ที่วัดเจดีย์หอยแต่ผมไม่รู้ว่าต้องรับขันธ์เทพ หรือ ขันธ์ 5
    ผมอยากทราบว่าขันธ์เทพกับขัน5ต่างกันอย่างงัยหรอคับ ขันเทพรับมาแล้วจะ
    เป็นอย่างงัยปฎิบัติอย่างไร และขันธ์ 5 รับมาจะต้องปฎิบัติอย่างไร
     
  2. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    ในความคิดของหน่อยเริ่มจากขันธ์ห้าหรือขันธ์เทพก็ได้นะคะ
    เป็นแค่ "พิธีรีตอง" ให้คนเขายอมรับสิ่งที่เราจะเป็นต่อไปเฉยๆ ค่ะ
    เรื่องของเทพเทวดาเขามาแล้ว มาก่อนเราทำพิธีรับอีกค่ะ


    ดังนั้น แค่พิธีรีตองไม่สำคัญมากเท่ากับการปฏิบัติตนต่อไปนะคะ
     
  3. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    วิธีปฏิบัติตนของผู้รับขันธ์


    1. อธิบายให้คนในครอบครัวเข้าใจวัฒนธรรมของผู้รับขันธ์
    ที่อาจทำอะไรแตกต่างไปจากเดิมเพื่อให้ครอบครัวสนับสนุนเรา

    2. พยายามอย่าทรงเจ้า เพราะทรงแล้วหลงตัวเองง่าย ธรรม
    ไม่คืบหน้า มีแต่จะลดลง ให้ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญบารมีเหมือนปกติ

    3. ฝึกสมาธิสื่อสารกับเทพพรหม ที่เราร่วมบารมีด้วย เพื่อทำกิจ
    เบื้องบนได้ตรงทาง ถูกต้อง และไม่หลงตนเองเมื่อได้พลังพิเศษค่ะ

    4. บำเพ็ญบารมีทำกิจให้เบื้องบน โดยจิตอาสา เสียสละตนเอง
    ไม่เห็นแก่ความเป็นมนุษย์ ไม่ติดความเป็นมนุษย์และความเป็นเทวดา

    5. พยายามแสวงหาครูบาอาจารย์ที่เข้าใจแนวทางของเรา พระหรือ
    ครูอาจารย์ที่เข้าใจผู้รับขันธ์เดี๋ยวนี้มีมาก ที่ต่อต้านก็มากเช่นกัน
     
  4. ปวีณ์

    ปวีณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +722
    ทางวัดแนะนำให้รับขันธ์หรือค่ะ หรือว่าอย่างไร แล้วทำไมถึงอยากรับขันธ์
     
  5. สงบระงับ

    สงบระงับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +2,919

    โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
    การรับขันธ์ ควรพิจารณาให้รอบคอบ เพราะขันธ์5 คือ รูป ,เวทนา,สัญญา ,สังขาร,วิญญาณ เมื่อ เราเกิดมานั้น พ่อแม่ ได้ให้เรามาครบแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องไปรับจากใครเพิ่มอีก การที่เรามีเทพหรือสิ่งใดก็แล้วแต่มาประสิทธิ เราควรหมั่นรักษาศีล5ให้เป็นปรกติ สวดมนต์ แผ่เมตตา กรวดน้ำ ทำบุญ ทำใจให้บริสุทธิ์ ฝึกสมาธิ เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว สำหรับการเกิดเป็นมนุษย์ เพราะเห็นหลายๆคนรับขันธ์มาแล้วไม่อยู่ในศีลในธรรม ชีวิตก็ตกต่ำกว่าเดิม ก็เข้าใจว่ารับขันธ์ทำให้ชีวิตแย่ลง ในขณะที่คนที่ไม่ได้รับขันธ์ เมื่อรู้ว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาประสิทธิ ก็หมั่นรักษาศีล สวดมนต์ทำสมาธิแผ่เมตตา ชีวิตก็ดีขึ้นโดยที่ไม่ได้ไปรับขันธ์จากที่ใดเลย ดังนั้น ท่านที่รับขันธ์มาแล้วก็ไม่ต้องเป็นกังวลนะค่ะ หากท่านอยู่ในศีลในธรรม ทำใจให้บริสุทธ์อยู่เสมอ ทุกอย่างดีขึ้นแน่นอนค่ะ

     
  6. jerajajen

    jerajajen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2008
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +267
    คุณต้องดูจุดประสงค์ก่อนว่าทำไมถึงต้องรับขันธ์ มีองค์หรืออย่างไร หรือพระให้รับก็รับ
    ระวังพระหากินก็มี พระดีก็มี แต่พระไม่ควรมายุ่งทางนี้แล้ว คุยกันใหม่
     
  7. love2410

    love2410 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +1
    คือว่าผมมีองค์อะคับ ก้อเลยอยากไปรับขันธ์กับหลวงพ่ออะคับ
     
  8. ปวีณ์

    ปวีณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +722
    ขอโทษนะค่ะ ไม่ทราบว่าคุณ love 2410 มีคนทักว่ามีองค์หรือมีอาการอะไรแสดงออกมาว่ามีท่าน
    จริงๆ ปวีณ์ เห็นด้วยกับคุณ สงบระงับนะค่ะ
    เพราะตัวเองมีประสบการณ์ตรงนั้นมาแล้ว แ ล้วเพื่อนปวีณ์ก็ไปรับขันธ์มา แต่ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นมา เหมือนกับเป็นการหลงตัวเองว่าเรามีท่าน ชีวิตต้องดีขึ้น แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น ปวีณ์อยากให้คุณ พิจารณาดีดีนะค่ะ สื่อสารกับท่านได้แล้วหรือยัง เอาไว้ค่อยคุยกันต่อแล้วกัน เพราะเพื่อนๆหลายๆคนต้องมีคำแนะนำดีดีให้คุณอยู่แล้ว
    ขันธ์ที่วัดเจดีย์หอย แพงเหมือนกันนี่ค่ะ
     
  9. Masquerader

    Masquerader เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +323
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=24nobold vAlign=center align=middle bgColor=#cccccc height=91>คนมีองค์ กับ ร่างทรง ต่างกันอย่างไร??
    โดย : ประชาบดีบุตร
    </TD></TR><TR><TD class=middledetails vAlign=center align=middle bgColor=#e5e5e5><TABLE class=middle14 cellSpacing=5 cellPadding=5 width=850><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD class=middledetails vAlign=center align=middle width="100%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=left bgColor=#cccccc height=1034>คนมีองค์ หมายความได้ถึง คนที่มี องค์พระ หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาคุ้มครอง หรือมีความเกี่ยวพันกับชีวิตมาตั้งแต่เกิด อาจจะเป็นพันธะสัญญาแต่ชาติปางก่อน หรือทำบุญกุศลมามาก ทำให้เกิดมาชาตินี้เป็นคนที่สามารถสื่อจิตไปถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นคนที่ไม่มีองค์มาแต่กำเนิด แต่อาศัยการฝึกฝนจิต นั่งสมาธิ สวดมนต์บูชาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จนสามารถสื่อจิตถึงเทพเจ้าได้ เมื่อคนมีองค์แล้ว ไม่หมั่นฝึกจิต สวดมนต์ นั่งสมาธิ การรับรู้สื่อจิตไปถึงองค์ก็จะค่อยๆหายไป กลับมาเป็นคนที่ ไม่มีองค์ ไปในที่สุด...

    ร่างทรง คือคนที่ตั้งตนเป็นใหญ่เหนือสามัญชนทั่วๆไป ด้วยการแสดงอิทธิฤทธิ์ เช่น อมควันธูป เดินลุยไฟ เหยียบหนาม เสกของ จัดสร้างวัตถุมงคลระดับต่ำ ทำนายทายทัก รักษาโรค ทำไสยศาสตร์ เล่นของดำ โดยส่วนใหญ่มักจะแอบอ้างพระนามของเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและทำให้ดูยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์

    นอกจากเรื่องเข้าทรง ยังมีเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ ภาพนิมิต เสียงแว่วๆ พูดภาษาแปลกๆ อะไรต่อมิอะไรมั่วไปหมด ทำให้ศาสนาเสื่อม การทำนายทายทักที่เห็นว่าพวกร่างทรงนั้นสามารถทำได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงแค่คาดเดา หรือไม่ก็หากแม่นจริงๆ ก็คือการเล่นวิชา ไสยศาสตร์ของเขมร (พวกนี้มีจริงๆครับ แต่ไม่ใช่แนวทางของศาสนาฮินดู) พวกที่นิมิตเห็นอดีตของเรา ทายเงินในกระเป๋าสตางค์ได้ถูกต้อง ทายชื่อแฟนเก่า ทายใจ ตอบได้ว่าสามี-ภรรยามีชู้อยู่ที่ไหน ตลอดจนการเสกของเข้าท้อง ฯลฯ พวกนี้มีอยู่จริง แต่เป็นวิชามาร (ทางเขมร หรือพม่า) คนโดนของจากพวกนี้จะถูกฉุดดึงให้ชีวิตตกต่ำ ทำอะไรก็ไม่ขึ้น คนที่รู้ตัวและต้องการจะหลีกห่างจากร่างทรงพวกนี้ก็จะโดนไสยศาสตร์เช่นกัน ขอจงเข้าใจว่า วิชามารพวกนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์และฮินดูทุกพระองค์

    คนที่ถูกทักว่า มีองค์ อย่าเพิ่งไปหลงเชื่อหลงดีใจ เพราะคนมีองค์ไม่ใช่ว่ามีได้ง่ายๆ บุญกุศลไม่ถึงพอก็ไม่สามารถมีได้เลยตลอดชีวิตนี้ ถามตัวคุณเอง ก่อนว่าคุณได้ปฏิบัติศีล ปฏิบัติธรรม ทำบุญกุศลไว้มากมายเพียงพอที่จะ มีองค์ ได้แล้วหรือไม่ แม้แต่นักบวช พราหมณ์ พระสงฆ์ เกจิอาจารย์ ผู้ปฏิบัติธรรมแก่กล้ามีวิชา ก็มีอีกนับไม่ถ้วนที่ยัง "ไม่มีองค์" เลย!!!!

    สรุป...คนมีองค์ ไม่จำเป็นต้องเป็น ร่างทรง...
    ร่างทรง อาจจะ ไม่มีองค์ เลยก็ได้ (ผู้ที่เข้าข่ายหลอกลวง)
    คนมีองค์ ไม่จำเป็นต้อง รับขันธ์ เพราะการรับขันธ์ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาฮินดูแม้แต่น้อย
    ถ้ามีคนทักว่า มีองค์ ก็ให้เฉยๆไว้ อย่าหลงเชื่อ... คุณอาจจะมีองค์จริง หรือไม่มีองค์ ก็ไม่มีใครทราบ และไม่จำเป็นต้องทราบ...
    อย่าไปเสียเงินค่าพิธีแม้แต่บาทเดียว เพราะถ้าเสียเงินครั้งแรกจากการรับขันธ์..คุณจะโดนของเขมรทันที...และต้องเสียไปเรื่อยๆจนหมดตัวในที่สุด!!

    ขอให้กลับไปสวดมนต์ภาวนาบูชาพระอย่างเดิม และประพฤติตนเป็นคนดี ถือศีล 5 หรือตั้งอยู่บนพรหมวิหาร 4 มีความเมตตา กรุณา ต่อผู้อื่น ทำบุญบ้างเมื่อมีโอกาส จะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตตัวเองและผู้อื่นมากกว่าครับ...


    </TD></TR></TBODY></TABLE>อ้างอิงจาก www.siamganesh.com เว็บเค้าดีจริง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. Masquerader

    Masquerader เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +323
    คุณอาจจะเคลิบเคลิ้ม เมื่อถูกร่างทรงทักว่าคุณมีองค์ของเทพองค์นั้นองค์นี้..การได้ไปอยู่ในสถานที่ที่เป็นจุดอับ อัดแน่นไปด้วยควันธูป กลิ่นกำยาน กลิ่นดอกไม้ รอบข้างเต็มไปด้วยผู้คนพนมมือไหว้ มีเทวรูปของเทพเจ้ามากมาย เต็มไปด้วยเศียรของฤาษีพ่อแก่ หัวโขน กุมารทอง เจ้าพ่อเจ้าแม่ ฯลฯ บรรยากาศเหล่านี้จะก่อให้เกิด ความกลัว , ความกลัวก่อให้เกิดความศรัทธา , ความศรัทธาและบรรยากาศ จะก่อให้เกิดความเคลิบเคลิ้ม... และความเคลิบเคลิ้มนี่เอง ที่จะทำให้คุณเกิดอุปาทานคล้อยตาม จิตประหวัดก่อให้เกิดอาการมือชา ตัวชา ตัวสั่น ปวดหัว ดนตรีไทยที่บรรเลงทำให้เกิดการร่ายรำ เมื่อผู้คนรอบข้างคุณเริ่มมีอาการ คุณก็จะมีอาการ เมื่อคุณมีอาการ คนอื่นๆก็คล้อยตาม...ทำการทรงเจ้ากันมั่วไปหมด!!

    >>>> ตามตำหนักทรง เราสามารถพบเห็นเรื่องทุเรศๆ ที่บิดเบือนไปจากศาสนาพุทธ-พราหมณ์-ฮินดู ได้มากมาย เช่น ร่างทรงพระพิฆเนศอ้วกแตกเพราะสูบบุหรี่ใบจากในขณะประทับทรง , พระแม่อุมาลงประทับลงร่างทรงที่เป็นกะเทย , พระวิษณุนารายณ์ต่อสู้กับนางตะเคียน , พ่อแก่ฤาษีประทับทรงแล้วกระโดดกอดสีกา , พระแม่ลักษมีดูดวงให้ลูกศิษย์ , พระนารายณ์อวตารสูบบุหรี่ยี่ห้อ Marlboro , พระพรหมลงมาใบ้หวยให้เลขเด็ดแก่ลูกศิษย์ , พระพุทธเจ้ามาลงประทับร่างคนหน้าเหมือนโจร , พระศิวะคุยภาษาแขกกับเจ้าแม่กวนอิม (อันนี้ฮาสุดๆ) ฯลฯ แล้วคุณทั้งหลายยังจะคิดว่าองค์เทพเจ้าต่างๆที่ลงมาประทับนั้น เป็นองค์จริงๆแน่หรือ??

    ก็เพราะคำว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" นี่เองที่ทำให้ประเทศไทยเราไม่เจริญสักที หากพบเห็นสิ่งที่ไม่น่าจะใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดูท่าจะเป็นการหลอกลวง เป็นการแหกตา ก็สมควร ลบหลู่ ให้รู้แล้วรู้รอดกันไป!! คนไทยกลัวกันเยอะครับ ประเทศชาิติเลยไม่ไปถึงไหนสักที...

    การอัญเชิญทิพยสภาวะของเทพเจ้าลงมาสู่กายแห่งมนุษย์ หรือการประทับทรงนั้น หาใช่เรื่องที่ใครๆ จะทำกันได้ทั่วไป ผู้ที่สามารถอัญเชิญพลังบารมีแห่งองค์เทวะมาประทับหรือสื่อจิตไปถึงองค์เทวะได้นั้น จะต้องได้รับการฝึกจิต ปฏิบัติธรรม เพื่อชำระกาย ชำระใจของตนให้สะอาดเสียก่อน ขอได้โปรดเข้าใจและศึกษาอย่างถ่องแท้นะครับ / เขียนโดย - ประชาบดีบุตร
     
  11. Masquerader

    Masquerader เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +323
    เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เรามีองค์หรือเปล่า หรือชอบไปเที่ยวหาร่างทรงตามตำหนักต่าง ๆ เป็นเทพจริงหรือเปล่า หรือเป็นเพียงสัมภเวสีที่แอบอ้างหากินไปวัน ๆ พอถูกเขาทักว่ามีองค์ก็เลยพาลรับขันธ์ 5 ไปเลยก็มี ถ้าทำถูกต้องก็ดีไป ถ้าทำไม่ถูกต้อง กลายเป็นว่าเอาผีมาใส่ไว้ในตัวก็จะซวยไปกันใหญ่ เพราะบางทีเราไม่ทราบว่า ตำหนักไหนแท้หรือเทียม บางคนไม่มีอะไร แต่พอเห็นเขามีองค์ก็พาลอยากจะเป็นบ้าง ก็เลยทำให้มีทั้ง คนทรงเจ้า หรือ เจ้าเข้าทรง ก็อยู่ในวิจารณญาณของท่านที่ต้องพิจารณาศึกษาให้ดีเสียก่อน
    เทพแต่ละองค์มีบารมีสูงมาก ไม่มานั่งสั่นๆ การสั่นที่เราพบเห็นกันคืออาการของ ผีเข้า หรือ สัมภเวสีเข้า เนื่องจากบุญของผู้ที่กำลังจะเข้านั้นน้อยมากๆ และการใช้พลังงานมากในการเข้าออก เทพจริงๆ สวมร่างได้ไม่ต้องเชิญและไม่ต้องสั่น(สวมตามบารมีของผู้นั้นว่ามีธาตุกุศลมากน้อนแค่ไหน) การสั่น หรือการทรมารร่าง ให้อาเจียร หงายท้อง ปวดหัว ปวดบ่า นั้นเป็นบาปมหันต์ เราเองไปทรมารสัตว์ยังบาปเลย แล้วเทพ หรือมหาเทพมาทรมานมนุษย์ ให้จริต ร่างผิดเพี้ยนไป ยิ่งบาปมาก หรือพูดง่ายๆ คือ "สัตว์โลก ย่อมไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน" เทพเทวดาส่วนใหญ่ ก็ไม่เสี่ยงกับการถูกขับลงจากสวรรค์ หรือหมดอายุขัยง่ายๆ ด้วยวิธีนี้.
    ข้อสำคัญ ที่สั่นๆ นั้นเรียกว่าการเข้าทรง แล้ว ทำประโยชน์อะไรให้ร่างนั้นบ้าง นอกจากมาเกาะกิน บุญ เครื่องเซ่นไหว้ แล้ววันหนึ่งก็ไป..ในระหว่างการลง ผู้ที่ไม่เคยเห็นหรือศึกษา ก็คิดว่าเป็นความวิเศษ...
    ถาม - ตามตำหนักทรงทำไมต้องเจิมหน้าผาก ?
    ตอบ - การเจิมหน้าผากเป็นการสะกด หรือกดให้สังขารวิญญาณนั้นอยู่ภายใต้อำนาจตนเอง หรือกดให้เป้นบริวาร พระพุทธเจ้าสอนธรรมมะ ให้กับสาวก แม้แต่องคคุลีมาร ยังสำเร็จอรหันต์ มิได้ให้เจิมหน้าผากใคร
    ถาม - เหตุใดวันพระจึงไม่ยอมเข้าทรง?
    ตอบ - วันพระคือวันที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมโปรด สรรพสัตว์ทั้งหลาย และเหล่าทวยเทพเทวดา มาฟังธรรม เทวดาก็ต้องการหลุดพ้นเหมือนกัน การที่ตำหนักต่างๆ ไม่ทรง เรียกว่าไม่กล้าเข้า เพราะเกรงกลัวอำนาจ
    ...จึงขอให้ใช้สติพิจารณาไตร่ตรอง...
     
  12. Masquerader

    Masquerader เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +323
    มีผู้คนจำนวนมากถูกทักว่ามีองค์ เป็นช่องทางทำมาหากินของพวก มิจฉาชีพ อาสัยช่องทางของเรื่องลี้ลับมาหลอกลวงต้มตุ๋น

    ****แท้จริงแล้วมนุษย์เราเกิดมามีองค์เทพปกปักษ์รักษา อย่างน้อย 2 องค์ (อยู่ห่างจากเราเพียง 3 ศอก) ****

    ตำหนักทรง ร่างทรงต่างๆ หลอกให้ไปรับขันธ์ ล้วนแล้วแต่เป็นผี หรือสัมภเวสีทั้งสิ้น!!!!!

    เนื่องจากผีเหล่านี้ร่อนเร่พเนจร ไม่มีสังขาร จึงมาอาศัยร่างมนุษย์เกาะกินบุญ ทำบุญไปเท่าไหร่สัมภเวสีพวกนี้เอาไปหมด ทำบุญมาก แต่ชีวิตก็ไม่ดีขึ้น มันจะดีได้อย่างไรในเมื่อท่านไปรับ "ผีเข้าตัว" บางขันธ์มีเป็นสิบวิญญาณ ขึ้นอยู่กับสำนักไหน สำนักที่เป็นเสือสมิง บรรดาที่ถูกหลอกรับขันธ์มาก็เป็นวิญาณเสือสมิงเข้าตัวทั้งนั้น ที่ผ่านมาปราบไปเป็นจำนวนมาก
    ร่างทรงต่างๆ ไม่รู้ว่าตัวเองถูกผีเข้า แต่เข้าใจว่าเป็นเทพเจ้า อ้างตนเป็นเทพองค์ใหญ่ๆ เพราะถ้าบอกว่าเป็นผี.. ก็คงไม่มีใครศรัทธาเชื่อถือ เลยอ้างตนเป็นพระแม่อุมาบ้าง พระศิวะบ้าง พระพิฆเนศบ้าง พระพรหมบ้าง เสด็จพ่อ ร.5 บ้าง (ท่านไม่มาดูหมอดูดวง หรือมายุ่งกับเรื่องผัวเมีย ทำนายทายทักอะไรเพระท่านไม่มีหน้าที่จุกจิกกับเรื่องแบบนี้) บ้างก็อ้างเป็นกรมหลวงชุมพรบ้าง พระเจ้าตาก ฯลฯ ก็วนเวียนกันอยู่แค่นี้ เพราะกษัตริย์ไทยดังๆ มีอยู่ไม่กี่องค์ หากินง่าย ยิ่งเป็น ร.5 ก็หลอกคนได้มากที่สุดเพราะคนนับถือเยอะ ..
    ในข้อเท็จจริงแล้ว ใครทรงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ท่านแจ้งความเรียกตำรวจจับได้เลย ..หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กฏหมายเค้ามีอยู่..!!
    ผู้ที่รับขันธ์มา ส่วนใหญ่แล้วชีวิตอัปปาง วิบัติ ลมสลายเกือบทุกรายไป ที่ยังไม่ออกเหตุก็เพราะบุญยังเยอะ สุดท้ายจบลงด้วย โรคมะเร็ง เบาหวาน อัมพฤกา อัมพาต หรืออุบัติเหตุ แทบทั้งสิ้น รวมถึงเจ้าของตำหนักคนทรงก็ตามมักจะจบชีวิตด้วยเหตุนี้ โดนผีกัดกินอวัยวะภายในเจ็บป่วยในบั้นปลายชีวิต...บ้างก็ล้มตายด้วยอุบัติเหตุไปเลย!!!
     
  13. Masquerader

    Masquerader เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +323
    ความเข้าใจกรณีการรับขันธ์
    ขันธ์ 5 ของมนุษย์นั้น ประกอบไปด้วย รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์
    เทพ เป็นจิตวิญญาณ มีขันธ์เพียง 3 ขันธ์ คือ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ วิญญาณขันธ์ จึงต้องอาศัยการแต่งขันธ์ 5 ของมนุษย์ ที่จัดตบแต่งขึ้นมาเป็นตัวแทนของตน ว่าได้ยอมรับเป็นร่างให้กับเทพองค์นั้น ๆ และยังหมายถึงข้อตกลง ระหว่างเทพกับมนุษย์ผู้ตกลงปลงใจยอมรับหน้าที่เป็นสังขารขันธ์ให้กับองค์เทพผู้นั้นไว้ใช้ร่างของตนสร้างบารมี โดยมีองค์เทพผู้ทำพิธีมอบขันธ์ให้เป็นสักขีพยาน หากแม้นมีใครระหว่างเทพกับมนุษย์มีการผิดข้อตกลง ก็ต้องเดือดร้อนถึงผู้เป็นครูที่เป็นสักขีพยาน จะต้องทำหน้าที่ว่ากล่าวตักเตือนผู้กระทำผิดต่อไป
    ความหมายของขันธ์ต่างๆ
    ขันธ์ 5 หมายถึงการรับ ศีล 5 มาปฏิบัติโดยเคร่งครัด ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าเผลอไปรับเข้า มิฉะนั้นอาจถูกลงโทษได้
    ขันธ์ 8 หมายถึงการรับ ศีล 8 ซึ่งจะต้องประพฤติพรหมจรรย์ ห้ามร่วมหลับนอนฉันท์สามีภรรยา งดเว้นอาหารมื้อเย็น สวดมนต์ไหว้พระ เจริญสมาธิภาวนา เหมือนการถือศีลบวชพราหมณ์นั่นเอง
    ขันธ์ 9 หมายถึงการรับ ศีลอุโบสถ ถือศีล 8 เคร่งครัด เด็ดดอกไม้ก็ไม่ได้ ดมดอกไม้หรือเครื่องหอมก็ไม่ได้ กินแต่อาหารเจ หรือมังสวิรัติ
    ขันธ์ 10 หมายถึง ศีลของสามเณรหรือสามเณรี ก็เท่ากับการถือบวชโดยถือสิกขาบท 10 ประการ
    ขันธ์ 16 หมายถึง ศีลของนักบวช 227 ที่มุ่งการบำเพ็ญสมาธิภาวนา กินอาหารมือเดียว งดเว้นของสดของคาว กินแต่ผลไม้ เผือกมัน ไม่เที่ยวเดินพลุกพล่าน อยู่ด้วยการสำรวมปฏิบัติ นั่งสมาธิเป็นที่เป็นทาง แทบจะทำตัวเหมือนนักบวช เพียงแต่เป็นการบวชใจไม่ได้บวชกายเท่านั้น
    ดังนั้นหากถือปฏิบัติตามที่กล่าวมาแล้วไม่ได้ ก็จงอย่าได้รับขันธ์เลย หากแม้นมีใครแนะนำให้รับก็จงพิจารณาให้ถ้วนถี่เสียก่อน เพราะการรับขันธ์นั้นไม่ใช่เพียงนำมาบูชาเท่านั้น จะต้องปฏิบัติเป็นประจำด้วยก็คือ การสวดมนต์ไหว้พระ หรือเทพที่บูชา โดยเฉพาะการนั่งสมาธิ ต้องนังสมาธิให้ถึงขั้นสูงสุดเท่าที่ชีวิตนี้จะทำได้ รวมถึงการแผ่เมตตาถึงสรรพสัตว์ ไม่เช่นนั้นแล้วอาจสร้างปัญหาให้เดือดร้อนได้ เพราะถือว่าผิดสัจจะที่รับมา
     
  14. หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ

    หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +22
    ขันธ์เทพ ไม่ควรรับครับ เพราะหนัก
    ขันธ์ห้า มีอยู่แล้วทุกคนครับ ผู้เดินทางมรรค นิยมสลัดขันธ์ห้าออกไปเพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งหลาย มากกว่าที่จะรับเพิ่มให้ต้องแบก เป็นการเพิ่มทุกข์เปล่าๆครับ
    หากสำนักใดสอนให้รับขันธ์ เข้าข่ายมิจฉาทิฏฐิครับ...
     
  15. Masquerader

    Masquerader เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +323
    คำแนะนำเรื่องการรับขันธ์
    ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ จะมีองค์หรือไม่ก็ตาม ก็จงอย่าไปรับขันธ์เลย ถ้าท่านหมั่นสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ แผ่เมตตาถึงครูบาอาจารย์ และองค์เทพที่คุ้มครองตนเอง ก็น่าจะเพียงพอแล้ว เพราะการที่เทพมาอยู่กับเราก็ด้วยเหตุที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น คือปรารถนาจะได้ร่วมสร้างบารมี และช่วยเหลือผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกันมาก่อน พาร่างสร้างบารมีทำบุญไหว้พระ สร้างแต่กรรมดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
    ถ้าเราทำได้ดังนี้ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปรับขันธ์ เทพเป็นผู้ที่มีจิตเมตตา ย่อมไม่สร้างปัญหาใด ๆ ให้กับร่างที่จะมาอยู่ด้วย เพราะท่านกลัวบาป การที่จะทำให้เจ็บป่วยหนักหนาแสนสาหัส หรือลงโทษอะไรหนักหนาคงไม่มี นอกจากช่วยเหลือเท่านั้น แต่ที่มันเจ็บป่วยหรือมีปัญหาในหน้าที่การงาน การเงิน จนล้มละลาย มันเป็นเรื่องของวิบากกรรมที่ใครจะเข้าไปแก้ไขได้ นอกจากช่วยประคับประคองหรือดลจิตดลใจให้ไปหาผู้ที่สามารถแก้ไขวิบากกรรมส่วนนี้ได้
    ดังนั้นการที่เราได้กล่าวถึงกรณีการรับขันธ์นี้ ก็เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ใช้วิจารณญาณในการแก้ไขตนเองให้ถูกต้อง ไม่ใช่ใช้เงินแก้ไข มนุษย์เราไม่อาจฝืนกฏแห่งกรรมได้ แต่อาจได้รับการชี้แนวทางแก้ไขได้ เพราะปัญหาต่างๆ ทั้งชีวิตความรัก การงาน สุขภาพ ฐานะการเงิน ที่รุมเร้ามนุษย์นั้น มีกรรมเป็นต้นเหตุที่สำคัญ การแก้ไขเรามาแก้กันที่ปลายเหตุมันก็ไม่จบ ต้องรู้จักต้นเหตุ เพราะเหตุเกิดที่ไหนก็ดับที่นั่น...
     
  16. หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ

    หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +22
    หากการรับขันธ์ หมายเป็นกุศโลบายให้รักษาศีล ก็นับว่าเป็นเรื่องดี
     
  17. panaone99

    panaone99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +292
    A nu mo tha na sa thu with Kun Masquerader ka.
     
  18. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ผมก็มีองค์ครับ ไม่ต้องไปรับขันธ์ที่ไหนหรอกครับ ให้ศึกษาจากพระไตรปิฎก หรือ ไปเวปนี้เลยครับลองศึกษาดูครับ http://www.thaniyo.net/
     
  19. สงบระงับ

    สงบระงับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +2,919
    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ หวังว่าเจ้าของกระทู้คงเข้าใจเรื่องการรับขันธ์หรือไม่รับขันธ์ดีในระดับหนึ่ง ค่อยๆศึกษาและปฏิบัติตนอย่างชาวพุทธไปนะค่ะ รักษาศีล5 เป็นปรกติ ทำบุญ สวดมนต์ ฝึกสมาธิ แผ่เมตตาอยู่เสมอ ต่อไปก็จะกระจ่างใจในเรื่องต่างๆได้ด้วยตัวเองและจะไม่กังวลสงสัยว่า "จะรับหรือไม่รับขันธ์ดี" สาธุค่ะ
     
  20. ทีมชุมพร

    ทีมชุมพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +167
    ขันธ์5 =ศีล 5 มีศีล 5 ครบ ทางกายมีศีล5 วาจามีศีล5 ใจมีศีล5 ปฏิบัติครบรวม 15 ข้อ เทพเทวดามีหน้าที่คุ้มครองผู้ทรงศีล ได้โสดาบันทันที นอกจากครูหมอ ครูโนราห์ ที่มีการส่งต่อ(ครอบครู) เท่านี้และครับเอาเนื้อๆๆ ไหว้พระทุกวันยิ่งดีครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...