การพิจารณา กิเลส ในใจของตน แบบ ธรรมยุติ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ลุงมหา๑, 15 กันยายน 2013.

  1. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937

    ขออนุญาติครับ

    ขอนำบทความที่ผมได้เขียนเอาไว้แล้ว ในเว็บนี้ มาเผยแผ่ต่อ
    เพื่อว่า เพื่อนพ้องน้องพี่ ญาติธรรมชาวเว็บ จะได้พากัน พิจารณา

    "กิเลสในใจของตน"

    เพื่อจะได้รู้วิธีที่จะสู้กับมัน

    เห็นหลายๆท่าน ถามกระทู้ และ ตอบกระทู้
    สู้อุตสาห์ บรรจงเขียนออกมาซะ คิดเอาเองว่าดีที่สุด
    แต่ด้วย สติ ปัญญา ที่ไปไม่ถึง
    แต่ด้วย ภูมิรู้ ภูมิธรรม ที่ไปไม่ถึง
    ทำให้ข้อเขียน ที่เขียนออกมา แทรกเอาไว้ด้วยกิเลส โผล่ออกมามากมาย

    ทั้งข้อเขียนที่ ไม่เป็นประโยชน์
    ทั้งข้อเขียนที่ อวดโอ่ ในสติปัญญา ภูมิรู้ ภูมิธรรม ของตน
    ทั้งข้อเขียนที่ ตามล่า ตามล้าง .....

    แต่ก็เห็นท่านเหล่านั้น เขียนออกมาด้วย ความ ภูมิอก ภูมิใจ เป็นหนักหนา

    ลองอ่านดูแล้ว ก็พิจารณาดูว่า ท่านรู้ ท่านเห็น "กิเลสในใจตน" ได้มากน้อยเท่าใด


    พระโมคคัลลานะเคยเกิดเป็นมารมาก่อน!!
    เรื่องของมาร เรื่องของกิเลส จุดสูงสุดคือ อะไร


    http://palungjit.org/posts/8298314

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ
    ลุงมหา
     
  2. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    เรื่องราวบางอย่างซับซ้อน ซ้อนเงื่อน ยากเกินกว่าปัญญาคนธรรมดาจะเข้าใจได้
    สมมติ นิพพานเปรียบเหมือนการตาย คุณคิดว่าคนประเภทไหนที่อยากให้คุณตาย คนประเภทไหนอยากให้คุณอยู่ ศัตรูหรือว่ามิตร แต่ไม่ว่ามิตรหรือศัตรู หากกาลแห่งความตายมาถึงคุณจะหลบเลี่ยงไปได้อย่างไร คุณทำใจยอมรับมันได้แล้วจริงหรือ หากคุณมีความคิดที่จะหลบเลี่ยงหลีกหนีกฏแห่งกรรมแม้เพียงเศษเสี้ยว จิตมารก็ปรากฏขี้นแล้วและรอเวลาจนเติบใหญ่จนมีกำลังมากพอแล้วก็เข้าครอบครองจิตใจ เกือบจะทุกสิ่งล้วนเริ่มต้นด้วยรักและก็จบลงด้วยรัก แม้แต่ความอามาตแค้นพยาบาทก็ล้วนเริ่มต้นด้วยรักเกือบโดยทั้งสิ้น แล้วถ้าเป็นเช่นนี้จริง คุณก็คงคิดว่าผมเป็นมารด้วยใช่ไหม
     
  3. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    พิจารณา พิจารณา พิจารณา

    ขออนุญาตครับ

    ธรรมนั้นไม่สมควรจะไปอ่านเพียงอย่างเดียว

    เพราะที่ต้องทำคือ อ่านและ พิจารณา ให้เข้าใจ

    เมื่ออ่านเพียงอย่างเดียว ก็เลยไม่เข้าใจ จึงก็ขอยกคำำสอนครูบาอาจารย์มาบอกเล่าอีกที

    สรุปให้อีกก็ได้ว่า
    กิเลสมันครองจิต ครองใจเราทั้งหลายอยู่แต่เดิมแล้วครับ


    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ

    ลุงมหา

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2013
  4. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    ผมเข้าใจนะว่าลุงกำลังสื่ออะไร ลุงต่างหากที่ไม่เข้าใจในสิ่งทีผมกำลังสื่อ ที่ผมเรียกว่าจิตมาร เพราะมันจะนำไปสู่ความเป็นมาร ถ้าลุงไม่เชื่อก็ลองดูสักตั้งนะครับ บางอย่างมันก็ต้องทำเอง เป็นเอง รู้เอง กิเลสน่ะแค่เข้ามาเล่นเน็ต มาถาม มาตอบนี่ก็เกาะใจกันจนบานตะไทแล้วครับ เศร้าแล้วก็เศร้าอีก ทุกสิ่งในโลกนี้ถ้าไม่รู้เท่าทันมันก็กิเลสทั้งนั้นแหละครับเพราะตัณหาก็คือกิเลส ผมก็ขอสรุปของผมว่า กิเลสเท่าที่มีอยู่ก็มากพอแล้วก็อย่าไปเพิ่มมันอีกเลยจะดีกว่านะครับ โลกธรรม 8 เรียนมาตั้งเยอะ ไม่งั้นคงไม่เป็นมหาหรอกใช่ไหมครับ
     
  5. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ก้าวหน้าต่อไปๆๆๆ


    ขออนุญาติครับ

    เมื่อท่านนักปฏิบัติ ปฏิบัติได้ถูกต้อง ท่านก็จะก้าวหน้าไปๆๆๆ

    การปฏิบัติ สมาธิภาวนาคือ

    การสะสมกำลังสติ การสะสมกำลังสมาธิ

    การสำรวมระวังตั้งสติ สัมปชัญญะ เพื่อเพิ่มกำลัง การรู้ตัวทุกอิริยาบถ

    บางท่าน อาจจะ สะสมทีละเล็กทีละน้อย ตั้งแต่ สองสามนาที ต่อวัน
    ปฏิบัติไป สะสมไป ทีละเล็กทีละน้อย จนครบ จนเต็ม
    คือการมีสติ สัมปชัญญะ อยู่ได้ตลอดวัน

    บางท่านจิตจะสว่างโพลงขึ้นมา แล้วมีสติสัมปชัญญะ เต็มอยู่อย่างนั้น นานหลายเดือน

    เมื่อครั้งที่องค์หลวงตามหาบัว ซึ่งท่านเป็นแบบที่จิตสว่างโพล่งขึ้นมา
    แล้วท่านไปเล่าถวายให้ องค์หลวงปู่มั่นฟัง องค์ท่านถึงกับอุทานว่า


    "เป็นอย่างนี้หรือ เป็นเหมือนเราอย่างนี้หรือ นึกว่าจะไม่เจอคนที่สองที่เป็นอย่างเรา"

    ผมคาดเดาเอาเองว่า เพราะองค์ท่านทั้งสอง เคยปรารถนาพุทธภูมิมาก่อน
    ทำให้การปฏิบัติของท่านไม่ได้ยาก ไม่ได้ลำบากอะไรเลย

    แต่สาเหตุที่ท่านสำเร็จช้า อาจจะเป็นเพราะว่าเหตุ ๒ ประการคือ

    ๑ องค์ท่านยังไม่ได้ลาพุทธภูมิ
    ๒ องค์ท่าน ต้องการพิจารณาธรรมให้ครบถ้วนมากที่สุด เพื่อจะได้สอนพระเณร รุ่นหลัง จะได้ไม่ติดขัด

    แม้กระนั้น องค์หลวงตามหาบัว ท่านยังว่างเว้นจากการสงเคราะห์ธรรมให้ญาติโยมเป็นเวลานาน
    จนกระทั่งองค์ท่านมาทำผ้าป่าช่วยชาติ องค์ท่านจึงรับกิจนิมนต์มากมายเป็นเวลานานถึง ๑๐ ปีเต็มๆ
    โชคยังดีที่ องค์ท่านได้เมตตาให้ อัดเทปการอบรมสั่งสอนพระเณรเอาไว้ตั้งแต่สร้างวัดป่าบ้านตาดใหม่ๆ

    เราจึงได้มีพระธรรมเทศนาอันเข้มข้นเพราะสอนพระเณรโดยตรง ที่องค์ท่านเรียกว่า
    "แกงหม้อจิ๋ว"
    เพราะแสดงธรรมปรมัตถ์ โดยตรง

    และเมื่อองค์ท่านได้แสดงธรรมสอนฆราวาสญาติโยม องค์ท่านเรียกว่า
    "แกงหม้อใหญ่"
    เพราะต้องแสดงธรรมถึง ศรัทธา ทาน ศีล มากๆหน่อย

    จะเห็นว่า การปฏิบัติสมาธิภาวนานั้น
    ท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิ จะปฏิบัติ ได้ง่าย ปฏิบัติได้สะดวกกว่า สายอื่นๆมาก

    ไม่ว่าท่านนักปฏิบัติสมาธิภาวนา
    อยู่ในขั้น การสะสมกำลังสติ การสะสมกำลังสมาธิ
    หรืออยู่ในขั้น การสะสมกำลังสติ การสะสมกำลังสัมปชัญญะ

    กิเลสในจิต ในใจของท่าน จะค่อยๆถูกแทนที่ด้วย สติ สมาธิ สัมปชัญญะ
    ซึ่งก็คือ การขัดเกลา กิเลส ออกจากจิต ออกจากใจ ทีละเล็กทีละน้อย นั่นเอง

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ

    ลุงมหา

     
  6. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ต้องมองธรรมอย่างไร ? ต้องพิจารณาธรรมอย่างไร ?

    ขออนุญาตครับ

    ดูจากจำนวนของผู้ที่เข้ามาอ่านกระทู้นั้น

    จะเห็นว่า จำนวนท่านผู้อ่านที่ไม่ใช่สมาชิก จะมากกว่า จำนวนท่านผู้อ่านที่เป็นสมาชิก จะต่างกันมาก

    เพียงแต่ท่านที่ไม่ใช่สมาชิก ถามตอบปัญหาไม่ได้ อนุโมทนาไม่ได้เท่านั้น

    มีข้อดีข้อเสียอะไร เป็นหน้าที่ของ ฝ่ายเจ้าหน้าที่เว็บต้องพิจารณาเอาเองว่า สมควรจะพัฒนาต่อไปอย่างไร

    ถ้าบอกว่า การโมทนาบุญ การอนุโมทนาบุญ มีกุศลผลบุญอย่างโน้น อย่างนี้
    แล้วทำไมไม่เปิดให้ ผู้ที่ไม่ใช่สมาชิก ได้มีโอกาส อนุโมทนา บ้าง

    การพิจารณาธรรมนั้น ต้องสอดส่องมองหา

    ธรรมที่มีประโยชน์ต่อตน
    ธรรมที่ตนเข้าใจ
    ธรรมที่ตนไม่เข้าใจ

    แล้วสอบถามในส่วนที่ตนไม่เข้าใจนั้น

    ไม่ใช่แอะอะ ก็ ไม่รู้จักมองในข้อเขียน ที่เป็นส่วนดี ที่เขาเขียน
    แต่กลับ บอกออกมาว่า ไม่เห็นด้วย ในส่วนนั้น ส่วนนี้ ไม่ชอบใจใน ข้อนั้น ข้อนี้

    อันเป็นการไม่เคารพในธรรม ไม่ให้เกรียติแก่ผู้นำธรรมนั้นออกมาเผยแผ่
    อยากให้เขาอธิบายขยายธรรม ในส่วนที่ตนไม่เข้าใจ
    กลับไม่แสดงอาการเคารพในธรรม ไม่ให้เกรียติกับ ผู้เผยแผ่ธรรมนั้นๆ

    มันก็จะบอก มันก็จะฟ้อง สติปัญญา ศรัทธา ความเพียร ของ ตัวท่านเอง

    ต่อให้ตอบออกไป ก็ย่อมไม่สามารถช่วยอะไรได้
    แต่มีเหตุผลที่ต้องตอบเพราะ ความเป็นเจ้าของกระทู้ เพื่อประโยชน์สำหรับผู้มีบุญวาสนาบารมี ที่ได้ผ่านมาอ่าน เท่านั้นเอง


    จากข้อเขียนของผม ครูบาอาจารย์ บอกเล่าคุณสมบัติของกิเลสอย่างละเอียด ละออ ขนาดนั้น คุณยังกล้าใช้คำพูดของคุณออกมาว่า

    หรือคุณ กล้าหาญบังอาจพูดออกมาว่า

    ครูบาอาจารย์ ผู้บอกผู้เล่า ท่านก็
    ไม่รู้ความจริงด้วยหรือ

    เมื่อคุณ ไม่รู้จริง มันก็เรื่องของคุณ

    แต่ท่านอย่าได้ลืมว่า
    ธรรม นั้น เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธองค์
    ธรรม นั้น เผยแผ่ อธิบายขยายธรรม โดยพระอริยะสงฆ์ ครูบาอาจารย์
    ธรรม นั้น เผยแผ่ บอกเล่า โดย ผู้รู้ธรรม

    ครูบาอาจารย์ท่านก็บอกท่านก็เล่า อย่างละเอียดละออ ขนาดนั้น

    คุณก็ยังบอกเล่า คุณก็ยังแย้ง ของคุณออกมาว่า


    เมื่อคุณยังไม่เข้าใจว่า

    จากคำสอนขององค์หลวงตามหาบัว ญานสัมปันโน องค์ท่านได้สอนว่า


    "จนแม้แต่ตัวเรา ก็ไม่รู้ว่า ความคิดที่เกิดขึ้นมาในใจเรานั้น อันไหนเป็นเรา อันไหนเป็นกิเลส"
    "เพราะทั้งเรา ทั้งมาร ทั้งกิเลส มันผสมกลมกลืน อยู่ในจิต อยู่ในใจเรา มานานแสนนาน"


    เหตุที่เราต้องหลอกมาร ก็เพื่อ หลีกเลื่ยง ไม่ให้มาร มันมาคอยจ้องทำลายเราเท่านั้นเอง

    ครูบาอาจารย์นั้น ท่านก็คอยหลีกเลี่ยงการผจญกับมาร ในยามที่ท่านยังไม่เข้มแข็งพอที่จะสู้กับมันได้

    เมื่อยามที่ท่านมีมหาสติ มหาปัญญา ท่านจึงเข้าพันตูกับมาร แบบ พอฟัดพอเหวี่ยง กับมารได้

    ผมจึงขอเตือนให้ใช้
    วิธีหลีกเลี่ยง การผจญกับมาร ในช่วงที่เรายังต่อกรกับมันไม่ได้
    และอย่าได้ไปท้าทายมาร เป็นอันขาด

    ขอให้ดูตัวอย่าง
    การตั้งประเทศไทย การตั้งกรุงสุโขทัย พอตั้ง สถาปนากรุงสุโขทัยปั๊บ
    ทางกรุงศรีสัตนาคณหุต{สปป.ลาว ในปัจจุบัน} ก็แจ้งว่า ท่านมาตั้งประเทศไทยได้อย่างไร นี่เป็นอาณาเขตของเรา
    เมื่อเขายกทัพมา ทางเราก็เจรจา ขอเป็นเมืองขึ้นของเขา (ยอมส่งเครื่องราชบรรณาการให้)
    เมื่อเรากล้าแข็งเมื่อไร เราก็ประกาศเอกราชของเราเอง(ไม่ยอมส่งเครื่องราชบรรณาการให้อีกต่อไป)

    แล้วคุณคิดว่า กรุงศรีสัตนาคณหุต{สปป.ลาว ในปัจจุบัน} หลอกง่ายด้วยไหม ?


    คุณคิดว่า การปฏิบัติธรรมขั้น วิมุติหลุดพ้นนั้น ใครๆก็ทำได้หรือครับ
    ถ้ามันง่าย เราคงมีพระอรหันต์เต็มบ้านเต็มเมืองไปแล้ว

    ดังนั้น ครูบาอาจารย์ท่านจึงใช้ช่วงของการเดิน มหาสติ มหาปัญญา พิจารณาธรรมอย่างหนักหน่วง

    เพื่อเตรียมให้พร้อมสำหรับ การ วิมุติหลุดพ้น เมื่อไม่หลุดพ้น ท่านก็หันกลับมา พิจารณาธรรม ด้วยมหาสติ มหาปัญญา วนเวียนอยู่อย่างนั้น
    เมื่อการปฏิบัติธรรม จนอิ่มจนพอ ในธรรมส่วนนั้นๆ จึงจะผ่าน จึงจะข้าม ธรรม ส่วนนั้นๆไปได้
    เมื่อท่านผู้ใดผ่านการพิจารณา ธรรมด้านปัญญา ได้ยาก
    ท่านก็ต้องพิจารณา ธรรมด้านปัญญา นั้นนาน
    เมื่อท่านก็ต้องพิจารณา ธรรมด้านปัญญา นั้นนาน
    ท่านก็ย่อมมีปัญญามาก ตามไปด้วย

    เมื่ออินทรีย์แก่กล้า แล้ว การ วิมุติหลุดพ้น จึงจะทำได้

    ไม่มีท่านผู้ใด ก็สามารถข้ามการพิจารณาธรรม ด้วยมหาสติ มหาปัญญา
    ไปสู่การพิจารณาธรรมเพื่อวิมุติหลุดพ้นไปได้ง่ายๆ
    ไม่มีท่านผู้ใด ก็สามารถข้ามการพิจารณาธรรมเพื่อวิมุติหลุดพ้น ไปสู่ความเป็น อรหันต์ ได้ง่ายๆ

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ

    ลุงมหา

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2013
  7. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    พายเรือในอ่างๆๆ

    ขออนุญาตครับ

    ขอเรียนเชิญท่านไปพายเรือในอ่างของท่านเถอะครับ
    เพราะผมคงจะไม่ไปพายร่วมกับท่าน
    ถ้าเก่ง ถ้ากล้า ถ้าสามารถ ก็ขอเรียนเชิญ ท่านไปตั้งกระทู้ของท่านเอง

    เท่านี้ละครับ
    ต้องขออภัยต่อ เพื่อนพ้องน้องพี่ชาวเว็บทุกๆท่าน
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา
     
  8. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ชวนเสาวนาเรื่องธรรม เรื่อง กิเลสในใจตน

    ขออนุญาตครับ

    ขอเรียนเชิญ ท่านที่บุญมีกุศล ท่านที่เป็น สัมมาทิฐิ เข้ามาพูดเข้ามาคุย
    ตามหัวข้อกระทู้ นะครับ

    แต่ถ้าจะมาถาม เพื่อให้ อธิบายขยายความเรื่อ
    "มาร" ผมคงตอบให้ไม่ได้
    แต่ถ้าจะมาชวนผมไป
    "พายเรือในอ่าง" ผมคงตอบให้ไม่ได้

    เรียนเชิญนะครับ เพื่อประโยชน์ของคนหมู่มาก
    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา

     
  9. theerasp

    theerasp Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +36
    ผมยังหัดรักษาศีล 5 แบบเตาะๆแตะๆ จึงไม่กล้าพูดมาก แต่รู้ว่าศีลที่ใจ ยากมากแค่นั้น
     
  10. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ลำดับการปฏิบัติแบบธรรมยุติสายฆราวาส

    ขออนุญาติครับ

    การรักษาศีลที่ใจนั้นยากจริงๆครับ เพราะต้องผ่านการฝึกมหาสติก่อน
    ก็ที่ครูบาอาจารย์สายฆราวาส ท่านเรียกว่า "การรู้ตัวทุกอิริยาบถ" นั่นละ่ครับ

    ตอนที่ผมฝึกเองนั้น ผมมีกฎเหล็กของผมเองว่า

    "ไม่ส่งจิตออกนอก"
    "ไม่ไปทางฤทธิ์"
    "ไม่สนใจดอกไม้พญามาร"

    และผมเป็นประเภท "รู้ได้เร็ว" คือ ไม่ต้องมีใครมาสอน และ ไม่ต้องสะสมการรู้ตัวทุกอิริยาบถ ทีละเล็กทีละน้อย
    แต่ใช้กำลังฌานอันกล้าแข็ง ทะลวงให้จิตสว่างโพล่งขึ้นมา แล้วเกิดมหาสติขึ้นได้เลย

    เมื่อเกิดการรู้ตัวทุกอิริยาบถ มีสติ สัมปชัญญะ ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว
    การรักษาศีลที่ใจ จึงสามารถทำได้อย่างง่ายดาย

    อ้อ การปฏิบัติของผมนั้น
    ผมข้ามขั้น การพิจารณา "เวทนา" และการพิจารณา "อสุภะ"

    และขณะปฎิบัติในสมัยนั้น ผมจะสวดพระคาถาบท

    "ชินบัญชร"
    "มรรคแปด"
    "ธัมมจักกัปปวัตนสูตร"
    "ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก"
    "ถวายพรพระ" และ "มหาการุณานิโก"

    ก่อนทำวัตรเช้า-เย็น อัญเชิญเทวดาก่อน แล้วตามด้วยพระคาถาชินบัญชร

    นอกจากบางวันที่สมาธิมาเร็ว จะสวดพระคาถาไม่ได้ ก็ข้ามไปปฎิบัติไปเลย

    การปฎิบัติ ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงการรู้ตัวทุกอิริยาบถ ผมใช้เวลาแค่ประมาณ ๗-๘ ปี เท่านั้น

    เริ่มปฎิบัติ ตั้งแต่เรียน มอรามคำแหง ช่วงท้ายๆไปจนทำงานเป็นวิศวกร

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ

    ลุงมหา

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2013
  11. theerasp

    theerasp Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +36
    ขอทราบความหมายไม่ส่งจิตอกนอก ครับ เพราะที่ผมฝึกอยู่คือ เอาศีล ทั้ง 5 ข้อเป็นฐานในการวัด เมื่อเกิด มีอารมณ์ชอบใจ ไม่ชอบใจ หรือเฉยๆ ก็แสดงว่า ยังเมา อารมณ์ อยู่ครับ เมื่อมีการโกรธ ต่อ บุคคล หรือสัตว์ แสดงว่า ยังพร่องในเรื่อง ศีล ข้อ 1 อยู่ เมื่อเกิดความตระหนี่หรือยังต้องหาทรัพย์มาให้มากเกินความจำเป็นแสดงว่ายังพร่องในศีล ข้อ 2 อยู่ เมื่อเกิดการ กระทบทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย แล้วเกิดชอบใจ ไม่ชอบใจ แสดงว่ายังพร่องในศีลข้อ 3 อยู่ครับ และ การที่เรายังไม่สามารถปฏิบัติใด้และเกิดการยกตัวอย่างที่ไม่ตรงกับความจริงแสดงว่ายังพร่องในศีลข้อที่ 4 อยู่นะครับ ผมจึงยังไม่ทราบความหมายว่าส่งจิตออกนอก เพียงเห็นแต่สภาพ อารมณ์ ความคิดที่มันคลาดจาก ศีลทิฐิที่ตั้งไว้ เห็นแต่ความส่ายแส่ของอารมณ์ และเห็นแต่ความหมกมุ่นของอารมณ์จมอยู่กับ รูป รส กลิ่น เสียง และ กายสำผัส ได้แต่ฝึกระงับไม่ให้ออกมาจัดจ้านกับ บุคคล สัตว์ ต่างๆ นะครับ พอระงับหนักเข้าก็ไปออกทางคะนองทางมือ ความมันส์ในอารมณ์ การหนีโลก หนีสิ่้งกระทบไปอีก จนต้องขมวดดูไปเรื่อยๆฝึกไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็หายใจสั้นบ้าง ยาวบ้าง สวดมนต์ในใจบ้าง แผ่เมตตาบ้าง พักผ่อนคือหลับตาบ้าง พอหลับแบบดิ่งลึกก็เพลียแบบกูไม่อยากตื่น แต่พอออกมารบกับสิ่งกระทบได้สักพักก็เกิดความมันส์ในอารมณ์ สลับกันไปอย่างแต่แปลกคือ พอหลับแบบรู้ว่ามีฝันหรือใจสวดมนต์เองโดยไม่ได้บังคับการตื่นขึ้นมานั้นไม่มีความเพลียหรืออ่อนล้าแต่พอบอกกับใจตัวเองว่ารบมาทั้งคืนแล้วขอหลับแบบเป็นตายมั่งจะดูซิว่า 1 เฮือก ก่อนหลับเป็นยังไง โอ้โห มาเลยครับ อยู่ดีๆมันวิ่งมาจากรบกับอารมณ์แล้วมาจ่อดูที่ลมหายใจแบบ หยดน้ำที่ไม่ร้อน ไม่เย็น อบอุ่น และ มีความรู้สึกแบบครบถ้วนเพียงแค่ 1 หยดน้ำนั้นเปลี่ยนชีวิตและมุมมองไปทั้งหมดไปเลยและมีกำลังปฏิบัติแบบไม่ท้ออีก หรือเราจะหลงอารณ์อีกแล้วหนอ
     
  12. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    สะสมกำลังสติ กำลังสมาธิ ให้เต็ม ก่อนเสมอ

    ขออนุญาตครับ

    การปฎิบัติ สมาธิภาวนา สำหรับผู้เริ่มต้น คือ

    การมุ่งสะสม กำลังสติ และ กำลังสมาธิ ให้เต็มกำลังก่อนเสมอ
    จึงมุ่งไปที่ "การรู้ตัวทุก อิริยาบถ"
    แล้ว จึงมุ่งไปที่ "การพิจารณาด้านปัญญา"

    การส่งจิตออกนอก ในช่วงที่กำลังสติ กำลังสมาธิ ยังไม่เต็ม คือ ความฟุ้งซ่าน
    จะมีผลทำให้ การสะสมกำลังสติ และ การสะสมกำลังสมาธิ ล้าช้าออกไปๆๆ

    อาการของการสะสมกำลังสติ กำลังสมาธิเต็มแล้ว คือ
    อาการที่มีความเย็นกาย มีความเย็นใจ ตลอดเวลาที่นั่งปฎิบัติ สมาธิภาวนา

    ถ้าลองไปเดินจงกลม บนพื้นหินอ่อน บนพื้นกระเบื้อง บนพื้นหินแกรนิต ท่ามกลางแดดร้อนจัด

    จะไม่รู้สึกร้อน อะไรเลย ควรจะเดินได้ อย่างน้อย ๒ ชั่วโมง

    เมื่อกำลังสติ กำลังสมาธิ เต็มแล้ว เมื่อ การรู้ตัวทุกอิริยาบถผ่านแล้ว

    จึงจะสามารถ พิจารณาเรื่อง "จิต" คือ การตามดูตามรู้ความคิดที่ผุดขึ้นมาๆ

    จึงจะสามารถ พิจารณาเรื่อง "ธรรม" คือ การตามดูตามรู้คำตอบ ที่ผุดขึ้นมาตาม คำถามที่ผุดขึ้นก่อนหน้าคำตอบนั้นๆ

    "จิต" คือ ความคิดที่ผุดขึ้นมา ใน สมาธิ
    "ธรรม" คือ คำตอบ ที่ผุดขึ้นมา ตาม ความคิดที่ผุดขึ้นมา ก่อนหน้านั้น

    การสะสมกำลังสติ และ การสะสมกำลังสมาธิ ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของจิตเอง
    อย่าไปฝืนใดๆ

    ให้ตามรู้แต่เพียงอย่างเดียว

    ถ้ากำลังสมาธิกล้าแข็งกว่า กำลังสติ จะมีอาการ นั่งหลับ (เวลาที่นั่งจะหายไป)
    เช่น นั่งภาวนา ๓๐ นาที แต่รู้ตัวแค่ ๕-๑๐ นาที เท่านั้น

    ถ้ากำลังสติกล้าแข็งกว่ากำลังสมาธิ จะเข้าสมาธิได้ยาก สติจะมองเห็นความคิด อยู่ดลอดเวลา แต่ความเย็นกาย ความเย็นใจไม่เกิดขึ้น
    ถ้าเป็นอย่างนี้ ให้กลับไปภาวนา ให้รู้ลมหายใจใหม่ เรื่อยๆ อย่าได้ปล่อยให้ความคิดฟุ้งซ่านเกิดขึ้นนานเกินไป

    เรื่องการปรับสมดุลของสติ และ สมาธิ จะเป็นไปเอง โดยอัตโนมัติ
    ไม่ต้องไปกังวลใดๆ ให้มุ่งภาวนา ดูลมหายใจไปเรื่อยๆ

    จนกว่าจิตจะเป็นสมาธิ คือ การที่มีสติ อยู่ดลอดเวลา และ มีความเย็นกาย เย็นใจไปพร้อมๆ กันด้วย

    ภายใต้ ความเย็นกาย เย็นใจนั้น ก็ให้ภาวนาดูลมหายใจต่อไป จนกว่า กำลังสติ กำลังสมาธิ จะเต็ม

    ขอโมทนา ขออนุโมทนา

    ลุงมหา

     
  13. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    การสั่งสมบุญ นำสุขมาให้
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อาศัยความที่คุณ บัญญัติว่า " หรือเราจะหลงอารมณ์อีกแล้วหนอ "
    ก็ขอกล่าวยืนตามที่คุณได้กล่าวออกมา

    อาศัย อะไรกล่าว

    อาศัย " การยกตัวอย่างที่ไม่ตรงกับความจริง " อาธิ

    เอา เรื่อง ศีล1 หรือ อินทรีย์สังวรณ์ศีล ซึ่งเป็น ศีลที่รักษาเพียง
    ข้อเดียวจะทำให้ รักษาศีล5 8 227 300 ได้ครบ ไปผลิกกล่าว
    เป็น ศีลข้อ3

    ซึ่งตรงนี้แหละที่น่าจะเป็นเหตุของ การส่งออก เพราะ เห็น
    หลายกระทู้ จขกท ก็โพสเน้นมาเรื่อง " กาม "

    และการแฉลบเล็กน้อยเกี่ยว กรรมทางมือ ทางไม้ ซึ่งก็น่าจะ
    สื่อไปถึง อะไรบางอย่างที่ไปเข้าใจว่า เป็นอุปสรรค กับ เข้าใจ
    ว่าเป็นหนทางหลุดพ้น เลยทำให้ ปรารภ ศีล ผิด และ วิบัติ

    ทางแก้ ไม่มี

    ทางปฏิบัติ ก็ทราบไปซื่อๆ รู้ไปซื่อ เห็นความเกิดดับของ การรู้ซื่อๆ
    เข้ามาอีก จะทำให้ หยุดอยู่ที่ " รู้ " ที่เงียบๆ ไม่จำเป็นต้องพูด ไม่
    จำเป็นต้องฮือ ไม่จำเป็นต้องอือ ก็รู้ว่า จบลงที่ " รู้ "

    พอเห็นการทำงานของ สัญญาขันธ์ได้ ถนัดๆ ก็จะไม่หลง ตามสิ่ง
    ที่ เกิดแล๊บแว็บวั๊บ ปิ้ง ไอเดีย อีก
     
  15. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ปฎิบัติไป ลด ละ เลิก กิเลสไป สำรวมระวังไป เข้าใจธรรมไป ก้าวหน้าไปๆๆ

    ขออนุญาตครับ

    ผมขึ้นหัวข้อกระทู้ว่า "การพิจารณา กิเลส ในใจของตน แบบ ธรรมยุติ"

    เพื่อให้ท่านนักปฎิบัติเข้าใจกิเลสในเบื้องต้นก่อน
    แล้วต่อไป ก็คือ การปฎิบัติสมาธิภาวนา แบบธรรมยุติ
    คือ การสะสมกำลังสติ กำลังสมาธิ เมื่อกำลังสติ กำลังสมาธิเต็มแล้ว

    ต่อไปคือ การฝึกสติ การฝึกการรู้ตัวทุกอิริยาบถ เมื่อกำลังสติ แบบการรู้ตัวทุกอิริยาบถเต็มแล้ว

    ต่อไปคือ การพิจารณาด้านปัญญา

    เมื่อปฎิบัติไป การสำรวมระวังกาย วาจา ใจ ก็จะมากยิ่งขึ้นๆ ตามไปด้วย

    เมื่อผ่านการรู้ตัวทุกอิริยาบถแล้ว ก็จะรับรู้ถึงการสำรวมระวังอย่างสูง

    การพูด การจา การเขียน ธรรม ก็จะเป็นธรรมจริงๆ

    ไม่ใช่ เขียนกระทู้ปนกันให้มั่วไปหมด จนไม่รู้ว่า
    อันไหนเป็นภาษาธรรม อันไหนเป็นภาษาคน

    ท่านผู้ใดสามารถเขียนธรรมปฎิบัติเป็นภาษาธรรม ออกมาได้ โดยไม่มีภาษาคนปนมาด้วย

    ก็จะเป็นข้อพิจารณาว่า ท่านปฎิบัติได้มากน้อยเท่าไร

    ท่านผู้ใดสำรวมระวัง จะมาก จะน้อย ผมก็รู้แล้วว่าท่านเป็นสัมมาทิฐิ

    ส่วนท่านที่ยก ธรรมกระดาษ ธรรมสัญญาความจำ เอ่ยอ้างพระไตรปิฏก
    ต่อให้ท่านยกเหตุยกผลใดๆมาอ้าง ผมก็ไม่ให้ราคาอะไรเลย

    เพราะผมถือว่า ผู้ปฏิบัติ ต้องสามารถบอกเล่าเรื่องราวต่างๆออกมาได้
    เพราะมันเรื่องที่ตน ปฏิบัติเอง รู้เอง เห็นเอง

    ถ้าบอกเล่าออกมาไม่ได้ เรื่องที่ตน รู้เอง เห็นเอง ยังบอกเล่าออกมาไม่ได้
    แล้วปฏิบัติต่อไป มันจะก้าวหน้าไปได้อย่างไร

    เรื่องที่ตนเองปฏิบัติ ยังไม่รู้ว่า อะไร เป็นอะไร ก็แสดงว่ายังไปไม่ถึงไหน

    แล้วที่ร้ายไปกว่านั้น ปฏิบัติก็ไม่ถูกทาง ปฏิบัติแล้วไม่รู้ว่าตนอยู่ตรงไหน
    ไม่รู้ว่าตนจะไปต่ออย่างไร
    ก็กลัวว่าคนอื่นจะไม่เชื่อว่าตนรู้จริง ถึงกับไปตั้งกระทู้ถามในเรื่องที่ตนปฏิบัติไปยังไม่ถึง

    คนที่เขาปฏิบัติจริงๆก็คงจะขำกลิ้ง แค่จะตั้งชื่อกระทู้ ก็ตั้งไม่ถูก
    แล้วจะไปอธิบายขยายความต่อไปได้อย่างไร

    ท่านที่ปฏิบัติจริง รู้จริง เห็นจริง จะไม่ออกมาช่วยกันบ้างหรือครับ
    ไม่ว่าจะเพื่อประโยชน์ส่วนตน หรือประโยชน์ส่วนรวม

    หรือจะทนเห็นกระทู้เตี้ยอุ้มค่อม ต่อไปๆๆๆๆๆ

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ

    ลุงมหา

     
  16. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ภาษาธรรม ที่ไม่สามารถสื่อให้สัตว์โลกจำนวนมากเข้าถึงธรรมได้
    กับ ภาษาคน ที่บอกกล่าวให้สัตว์โลกทั้งหลายเข้าถึงธรรมและปฏิบัติจนสำเร็จได้

    พระพุทธองค์ เห็นประโยชน์ในสิ่งใดมากกว่ากัน?
     
  17. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ท่านเข้าใจธรรมหรือไม่? ท่านเห็นธรรมหรือยัง?

    ขออนุญาตครับ

    ท่านเข้าใจคำสอนครูบาอาจารย์นี้หรือไม่?

    องค์หลวงตามหาบัว ญานสัมปันโน ท่านบอกเล่าว่า


    "องค์หลวงปู่มั่น นั้น ท่านเป็นธรรมทั้งแท่ง"
    "ไม่ว่า ท่านจะพูดอะไร ไม่ว่าท่านจะทำอะไร ล้วนเป็นธรรมทั้งหมด
    "

    ผมก็บอกแล้วว่า

    อ่านแล้ว พิจารณาด้วยนะครับ

    เมื่อไม่เห็นธรรม แล้วจะเข้าใจธรรมได้อย่างไร

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ

    ลุงมหา
     
  18. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ถ้าลุงมหา จะสร้างประโยชน์กับสัตว์โลก ในเรื่องการเผยแพร่ธรรมะปฏิบัติ
    ก็เริ่มทำเลยดีไหมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2013
  19. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ต้องรู้จักหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ตนเอง

    ขออนุญาตครับ

    ผมเริ่มมาตั้งนานแล้วครับ

    ในเว็บนี้จะมีซักกี่ท่านที่ "ต้องรู้จักหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ตนเอง"


    ข้อเขียนของผมตั้งแต่ 23-08-2010, 09:07 AM

    "สมาธิ ปัญญา การรู้ลงที่จิต ใน สภาวะธรรมที่เกิดขึ้น"

    http://palungjit.org/threads/สติดีดออกจากสมาธิ.253359/page-2#post3693147

    ขออนุญาตครับ
    ขอกราบนมัสการ สมเด็จพระบรมครูพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ขอกราบนมัสการ พ่อแม่ครูบาอาจารย์พระอริยะสงฆ์ทุกๆท่าน
    ขอกราบนมัสการ องค์เทพ องค์พรหม ทั้งหลายที่ได้ให้ความเมตตาตลอดมา
    ขอกราบนมัสการ ครูอาจารย์ที่เป็นฆราวาสทุกๆท่าน

    กระผมขออนุญาตตอบปัญหาธรรมเพื่อเป็นวิทยาทาน ให้แก่ผู้สนใจใคร่รู้
    เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ ของเหล่าฆราวาสทั้งหลาย
    เฉพาะผู้ที่มีภูมิรู้ ภูมิธรรม ต่ำกว่า หรือ ใกล้เคียง กับ ข้าพเจ้าเท่านั้น
    ไม่ได้มีเจตนาจะอวดโลกแต่ประการใด


    กระผมเข้าใจว่า ธรรม นั้น กว้างขวาง ละเอียด ลึกซึ้ง สุดประมาณ
    การที่กระผมรู้มานั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ประมาณ เศษธุลีดิน ยังเปรียบไม่ได้

    สำหรับท่านที่มีภูมิรู้ ภูมิธรรม สูงส่งอยู่แล้ว
    ขอกราบนมัสการผ่านไป อย่าได้เสียเวลามาอ่านเลย


    ขอกราบนมัสการมาด้วยความเคารพอย่างสูงสุด
    ลุงมหา
    ........................
    ........................
    ........................


    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ

    ลุงมหา

     
  20. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ผมหมายถึง ธรรมะปฏิบัติ หนะครับ ลุงมหา
    ไม่ใช่ธรรมะกระดาษ ธรรมะสัญญาความจำ หนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...