การทับถมผู้ื่อื่น ถือเป็นวจีกรรมอันร้ายแรงแค่ไหนครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ติดบ่วง, 2 เมษายน 2013.

  1. ติดบ่วง

    ติดบ่วง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2012
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +771
    พอดีเรื่องนี้ผมพบเห็นมานานพอสมควร เนื่องจากผมไ้ติดตามเพจFaccebook เพจหนึ่งที่ชอบเอาภาพคนตาย อุบัติเหตุมาโพสต์ ซึ่งผมเป็นคนชอบดูเว็บแนวนี้มานานแล้วครับ แต่ีที่ดูแล้วไม่สบายใจคือ เวลามีภาพคนที่ตายอย่างน่าอนาถหรือตายโหง ก็มักจะมีผู้ที่คึกคะนองมาคอมเม้นภาพว่า ทายาหม่องเดี๋ยวก็หาย กินยาพาราสักสองเม็ดเดี๋ยวก็หาย หรือหมอให้ยากลับไปบ้านแล้ว หรือทำแกล้งถามว่าตายรึยัง ทั้งที่ก็รู้ว่าเขาตายแล้ว เหมือนเป็นเรื่องตลก หรือคอมเม้นต์เพื่อเรียกความน่าสนใจ แม้บางครั้งผมหรือบางท่านมาด่าว่า ว่าถ้าเจอกับตัวท่านเองบ้างหรือคนที่ท่านรักท่านจะมาสนุกอย่างนี้มั้ย?(จริงก็เป็นคำแรงกว่านี้นะครับ) แค่คนที่ตายเขาก็ทุกข์อยู่แล้ว ไหนจะญาติๆและคนที่รักและผูกพันกับคนที่ตายอีก แต่ยังมีคนที่ไม่มีสำนึกมาโพสต์ข้อความเหมือนเยาะเย้ย เห็นเป็นเรื่องตลกอีก แต่ก็ยังจะมีการคอมเม้นต์เช่นนี้เสมอๆ แต่สำหรับผมก็จะแค่บอกว่าขอให้ผู้ตายไปสู่สุขคติครับ เคยด่าไปครั้งหนึ่ง แต่คิดว่าคงต้องพอจะดีกว่า คนที่มันไม่มีสำนึกคิดไม่ได้เตือนหรือด่าก็คงเท่านั้น รวมทั้งในชีวิตจริงๆเราก็คงจะเห็นกันบ่อยๆพวกชอบซ้ำเติม หรือเยาะเย้ย ถากถาง ดูแคลนผู้อื่น
    ผมเลยสงสัยว่าโทษหรือผลกรรมของการทับถม หรือล้อเลียนคนอื่นนี่จะเท่ากับการโกหกหรือยุยงมั้ยครับ แต่ส่วนตัวของผม ก็เจออยู่บ่อยๆ แต่ปัจจุบันก็คงไม่ให้ความสำคัญอะไรครับกับปากคนเท่าไหร่หรอกครับ คนเราถ้าใจสกปรก คิด พูด แสดงออกก็ไปในทางสกปรกอยู่แล้ว ประตูนรกรออยู่แล้ว แค่นี้หละครับ แค่มาเล่าสู่กันฟังเฉยๆ ขอบคุณนะครับ
     
  2. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    หลวงปู่ดู่ สอนศิษย์ เรื่อง กรรมทางวาจา

    .................................................

    หลวงปู่ท่านมักกล่าวถึงมงคลที่สำคัญที่ท่านอยากให้ลูกศิษย์ นำไปปฎิบัติ
    คือมงคล ๓๘ ประการ มงคลที่ท่านพูดถึงบ่อยๆนั่นคือ สัมมาวาจาชอบ คือพูดแต่สิ่งที่เป็นมงคล

    ท่านว่าคนส่วนมากสร้างกรรมทางวาจา เพราะกรรมนี้สร้างได้ง่าย แต่เขาไม่รู้หรอกว่า ผลของกรรมเมื่อส่งผลจะร้ายแรงเพียงไร คำพูดนั้นสำคัญมาก บางคนพูดไม่ดีกับคนอื่น จนเป็นเหตุโกรธเกลียดกันชั่วชีวิตก็มี

    บางรายคำพูดเพียงไม่กี่คำ ก็ทำให้ไม่พูดกันไปหลายปี คนส่วนมากที่ขึ้นโรงขึ้นศาล หรือทะเลาะกันไปจนถึงฆ่ากันตาย ก็เพราะคำพูดที่ไม่ดีนี่แหละ หลวงปู่ท่านสอนเสมอว่า อย่าไปพูดไม่ดีกับใครเขา ถ้ามีคนมาว่าหรือด่าเรา แต่เราไม่ว่าหรือด่าเขาตอบมันก็จะไม่มีเรื่องกัน แต่ถ้าแกไปด่าเขาเมื่อไหร่นั่นแหละเรื่องใหญ่

    ท่านสอนศิษย์เสมอว่า อย่าไปพูดทำลายความหวังของใครเขา เพราะนั่นอาจเป็นความหวังเดียวที่เขามีอยู่ ถ้าแกไปพูดเข้าเมื่อไหร่ กรรมใหญ่จะตกแก่ตนเอง ท่านบอกไว้อีกว่าคนที่ชอบด่าหรือใส่ร้ายผู้อื่น รวมไปถึงการพูดไม่ดีต่างๆกับคนอื่นนั้น กรรมจะมาเร็วมาก เขาผู้นั้น จะเป็นคนที่มีศัตรูทั้งภายนอกและภายใน ไม่เป็นที่รักของคนทั่วไป ตรงกันข้ามกลับเป็นที่น่ารังเกียจแก่คนทั้งหลาย กรรมนี้จะทำให้เขามีเรื่องเดือดร้อนอยู่เสมอๆ ทั้งกายและใจ

    บางคนทำกรรมนี้ไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้ตัว พอกรรมดีที่ตนสร้างมาแต่ปางก่อนหมดหรือเหลือน้อยลง กรรมชั่วที่สร้างนี้จะสนองเขาอย่างหนัก ทั้งในภพนี้และภพหน้า ในภพนี้เวลาที่มีกรรมดีแต่ปางก่อนจะส่งผลให้มีความสุขหรือมีโชคลาภ กรรมชั่วก็จะเข้ามาตัดรอนกรรมดี เหมือนอย่างเขาผู้นั้น ซื้อหวย ๕๖ หวยก็จะออก ๕๕ หรือ ๕๗ บางทีก็ติดต่อการค้าหรืองานต่างๆ มองเห็นอยู่ว่างานนี้ได้แน่นอน แต่พอถึงเวลาก้ไปไม่ทันบ้าง ไปแล้วไม่เจอ หรือมีเหตุต่างๆมาทำให้มีอุปสรรคอยู่เสมอๆ ซึ่งที่จริงแล้วผู้นั้นจะมีโชคที่ควรได้ประมาณเป็นล้านๆ เขาจะได้แค่หมื่นสองหมื่น หรือโชคครั้งหนี้จะได้หลายหมื่น แต่เขากลับได้เพียงไม่กี่พันบาท หรือเพียงได้ไม่กี่ร้อยเท่านั้นเอง
    นี้เป็นเพราะกรรมชั่วเข้ามาตัดรอนกรรมดี และรวมถึงญาติพี่น้องลูกหลาน เขาเหล่านั้นก็จะนำความเสียหายเดือดร้อนมาให้ มีพี่น้องหรือญาติไปจนถึงเพื่อนฝูง ก็จะโกงทรัพย์สินของเราบ้าง บางครั้งก็พูดใส่ร้ายให้โทษ ด่าว่าทะเลาะวิวาท ทำให้เราไม่สบายกายและสบายใจเป็นอย่างมาก มีเรื่องเดือดร้อนอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่จบสิ้น มีลูกหลานก็จะดื้อด้าน ว่านอนสอนยาก ทำความเดือดร้อน ทำให้เสียเงินทองอย่างมิได้ขาด ว่ากล่าวลูกหลานไม่เชื่อฟัง ไม่เคารพนับถือ ลูกหลานบางคนก็จะอกตัญญู ตนเองมักจะเดือดร้อนด้วยการเป็นโรคร้ายที่รักษายากหรือรักษาไม่หาย เช่น อัมพฤต อัมพาต มะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคร้ายต่างๆอีกมากมายหลายชนิด

    หลวงปู่ดู่ท่านบอกไว้ว่า กรรมทางวาจามีร้ายแรงมาก การที่เราพูดใส่ร้าย หรือพูดไม่ดีจนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน และเสียใจ หรือไปพูดทำลายความหวังต่างๆของเขา ถ้ารู้ตัวให้หยุดเสีย ถ้าไม่หยุดหรือเลิกทำเสีย กรรมไม่สนองแต่เฉพาะชาตินี้ พอตายลงไปยังต้องไปใช้กรรม ยังนรกตามขุมต่างอีก

    https://www.facebook.com/watputtaprompanyo?ref=stream
     
  3. chuchart_11

    chuchart_11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +2,932
    ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านหลวงปู่สำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ
     
  4. stttana

    stttana Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +34
    อันตราย ใหญ่หลวงเลยทีเดียว เพราะเกิดจาก อกุศลจิต จนเกิดเป็น อกุศลกรรม จากความคิด จนกลายเป็นการกระทำ สะสมมากๆ จะเป็นนิสัยติดตัวยากจะแก้ไข และให้มีผลสูง เพราะเป็นกรรม ที่เกิดครบองค์โดยสมบรูณ์ทีเดียว
    จะขอ ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างเรื่องที่หลายๆท่านเลยได้ยินได้ฟังมา คือ เรื่อง "การอนุโมทนา" ทาน เพียงท่านๆพูดแค่ "อนุโมทนา" "สาธุ" พวก เปรต เทวดา มาร พรหม ก็ ได้บุญกุศลใหญ่ เกิดกับตน แม้จะไม่ได้รวมทำบุญในครั้งนั้น นี่คือ อานิสงฆ์ในด้านดี ของการพูดดี อย่างที่เคยได้ยินได้ฟังกันมายังบุญหนักขนาดนี้ แล้วถ้าเปรียบกันในทางตรงกันข้าม จะอันตราย กรรมจะหนักแค่ไหน ทั้งยังผิดศีล ข้อที่ 4 พูดเพ้อเจ้อ ส่อเสียด ลองทบทวนดูดีๆ ไม่ต้องต้องไปคิดอะไรมากมาย จงระวังไว้อย่า เผลอไปตอบโต้เด็ดขาด จะเกิดกรรมที่ ร้ายแรงกว่า...
     
  5. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    [๗๓๘] สาวัตถีนิทาน ฯ
    ในสมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระพุทธดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย วาจาอันประกอบด้วยองค์ ๔ เป็นวาจาสุภาษิต ไม่เป็นวาจาทุพภาษิต
    เป็นวาจาไม่มีโทษ และเป็นวาจาอันวิญญูชนทั้งหลายไม่ติเตียน องค์ ๔ เป็นไฉน
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
    ย่อมกล่าวแต่วาจาที่บุคคลกล่าวดีแล้วอย่างเดียว ไม่กล่าววาจาที่บุคคลกล่าวชั่วแล้ว ๑
    ย่อมกล่าวแต่วาจาที่เป็นธรรมอย่างเดียว ไม่กล่าววาจาที่ไม่เป็นธรรม ๑
    ย่อมกล่าวแต่วาจาอันเป็นที่รักอย่างเดียว ไม่กล่าววาจาอันไม่เป็นที่รัก ๑
    ย่อมกล่าวแต่วาจาจริงอย่างเดียว ไม่กล่าววาจาเท็จ ๑

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย วาจาอันประกอบด้วยองค์ ๔ เหล่านี้แล เป็นวาจาสุภาษิต
    ไม่เป็นวาจาทุพภาษิต เป็นวาจาไม่มีโทษ และเป็นวาจาอันวิญญูชนทั้งหลายไม่ติเตียน ฯ

    [๗๓๙] พระผู้มีพระภาค ผู้พระสุคตศาสดา
    ครั้นตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
    สัตบุรุษทั้งหลาย ได้กล่าววาจาสุภาษิตว่าเป็นที่หนึ่ง
    บุคคลพึงกล่าววาจาที่เป็นธรรม ไม่พึงกล่าววาจาที่ไม่เป็นธรรม เป็นที่สอง
    บุคคลพึงกล่าววาจาอันเป็นที่รัก ไม่พึงกล่าววาจาอันไม่เป็นที่รัก เป็นที่สาม
    บุคคลพึงกล่าววาจาจริง ไม่พึงกล่าววาจาเท็จ เป็นที่สี่ ดังนี้ ฯ

    ครั้งนั้นแล ท่านพระวังคีสะลุกขึ้นจากอาสนะ ทำผ้าห่มเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประนมอัญชลี
    เฉพาะพระผู้มีพระภาคแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เนื้อความนี้
    ย่อมแจ่มแจ้งกะข้าพระองค์ ข้าแต่พระสุคต เนื้อความนี้ย่อมแจ่มแจ้งกะข้าพระองค์ ฯ
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เนื้อความนี้จงแจ่มแจ้งกะเธอเถิด วังคีสะ ฯ

    [๗๔๐] ครั้งนั้นแล ท่านพระวังคีสะได้ทูลสรรเสริญพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาทั้งหลาย
    อันสมควร ณ ที่เฉพาะพระพักตร์ว่า
    บุคคลพึงกล่าวแต่วาจาที่ไม่เป็นเหตุ ยังตนให้เดือดร้อน และไม่เป็นเหตุ
    เบียดเบียนผู้อื่น วาจานั้นแลเป็นสุภาษิต บุคคลพึงกล่าว แต่วาจาอันเป็นที่รัก
    ที่ชนทั้งหลายชื่นชมแล้ว ไม่ถือเอาคำที่ชั่วช้าทั้งหลาย กล่าวแต่
    วาจาอันเป็นที่รักแก่ชนเหล่าอื่น คำสัตย์แล เป็นวาจาไม่ตาย ธรรมนี้
    เป็นของมีมาแต่เก่าก่อน สัตบุรุษทั้งหลายเป็นผู้ตั้งมั่นแล้วในคำสัตย์
    ที่เป็นอรรถและเป็นธรรม
    พระพุทธเจ้าตรัสพระวาจาใด ซึ่งเป็นวาจาเกษมเพื่อให้ถึงพระนิพพาน
    เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์พระวาจานั้นแลเป็นสูงสุดกว่าวาจาทั้งหลาย ดังนี้ ฯ
    สารีปุตตสูตรที่ ๖


    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๕ หน้าที่ ๒๒๙/๒๘๙ ข้อที่ ๗๓๘ - ๗๔๐
     
  6. Mon Treal

    Mon Treal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +536
    077 นินทา-ว่าร้าย

    ปัญหา ตามปกติ การนินทาลับหลังก็ดี การว่าร้ายต่อหน้าก็ดี ถือกันว่าเป็นสิ่งไม่ควรกระทำ พระผู้มีพระภาคทรงแนะนำในเรื่องนี้ไว้อย่างไร ?

    พุทธดำรัส ตอบ “ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ไม่ถึงกล่าววาทะลับหลัง ไม่พึงกล่าวคำล่วงเกินต่อหน้านั้น เราอาศัยอะไรกล่าวแล้ว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในประการแรกนั้น พึงทราบว่า วาทะลับหลังใด ไม่เป็นจริง ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่พึงกล่าววาทะลับหลังนั้นเป็นอันขาด แม้ทราบว่าวาทะลับหลังใด จริง แท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ก็พึงสำเนียกเพื่อจะไม่กล่าววาทะลับหลังนั้น พึงเป็นผู้รู้จักกาลเพื่อจะกล่าววาทะลับหลังนั้น
    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในประการหลังนั้น พึงทราบว่า คำล่วงเกินต่อหน้าใด ไม่เป็นจริง ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่พึงกล่าวคำล่วงเกินต่อหน้านั้นเป็นอันขาด แม้ทราบว่าคำล่วงเกินต่อหน้าใดจริง แท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ก็พึงสำเนียกเพื่อจะไม่กล่าวคำล่วงเกินต่อหน้านั้นและทราบว่า คำล่วงกินต่อหน้าใดจริง แท้ ประกอบด้วยประโยชน์ ในเรื่องนั้น พึงเป็นผู้รู้จักกาล เพื่อจะกล่าวคำล่วงเกินต่อหน้านั้น....”
    อรณวิภังคสูตร อุ. ม. (๖๖๐)
    ตบ. ๑๔ : ๔๒๘-๔๒๙ ตท. ๑๔ : ๓๖๕
    ตอ. MLS. III : ๒๘๑-๒๘๒
     
  7. pice94

    pice94 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2011
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +173
    อนุโมทนาครับ ทำให้ผมหายเครียดกับคำพูดของคนอื่นลงได้ครับ
     
  8. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ไม่ทราบเหมือนกันครับ หาบาลีชัดๆไม่ได้
    แต่จะสนใจเรื่องเลวๆทำไมละครับ จิตใจเศร้าหมองเปล่าๆ
     
  9. พงพัน

    พงพัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +478
    เคยมีกระทู้"เรื่องกรรมของพระพุทธเจ้า"ในเว๊บพลังจิตตอนนึงดังนี้
    ชาติหนึ่งเคยเป็นเด็กชาวประมง ในหมู่บ้านชาวประมง เห็นชาวประมงฆ่าปลาก็มีความชื่นชม ด้วยผลของกรรมนั้นจึงเกิดเจ็บที่ศรีษะ ในขณะที่วิทูฑภะฆ่าพวกศากยะในกรุงกบิลพัสด์
    ยกมาให้เปรียบเทียบใกล้เคียงกัน ก็ฝากเตือนไปถึงท่านที่ชื่นชอบดูมวย นิยมความเจ็บปวดของสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่ไม่ใช่ตัวเอง ท่านเองก็หนีไม่พ้นเช่นกันไม่ว่าจะด้วยกายกรรม(ลงมือทำเอง)ได้รับผลมากที่สุใด ทางวาจา(วจีกรรม)และ(มโนกรรม)ใจก็ย่อมได้รับผลลดหลั่นกันไปตามแต่เจตนาของแต่ละคนทำมากได้มากทำน้อยได้น้อยใครหัวโจกคนเริ่มได้ก่อน
     

แชร์หน้านี้

Loading...