!*กรุแตก3*!หลวงปู่ธรรมชัย วัดทุ่งหลวง(พระสหธรรมิกของหลวงพ่อฤาษีฯ) รายการร่วมบุญ หน้า4

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย HipPo*, 15 เมษายน 2013.

  1. HipPo*

    HipPo* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    3,101
    ค่าพลัง:
    +7,908
    ครูบาธรรมชัย.jpg ครูบาธรรมชัย.jpg ครูบาธรรมชัย.jpg ครูบาธรรมชัย.jpg


    สวัสดีพี่ๆน้องๆ ทุกท่านครับ

    มาถึงวันนี้ก็เป็นกระทู้ที่3 ในการตั้งปณิธานหาพระเครื่อง-วัตุถุมงคล
    ของพระสุปฎิปันโนที่เนื่องกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ มาให้พี่ๆน้องๆได้บูชากัน
    รวมทั้งเผยแพร่เรื่องราว คุณธรรมของหลวงปู่ให้สาธุชนได้ทราบและประจักษ์

    แน่นอนว่าสหธรรมิกของหลวงพ่อเราทุกองค์ เป็นพระอริยเจ้าที่หลวงพ่อได้รับรองในคุณธรรมอันประเสริฐแล้ว
    วันนี้มีโอกาสอีกครั้ง ในการนำพระของหลวงปู่ครูบา ธรรมชัย วัดทุ่งหลวง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
    ได้มีโอกาสบูชาพระของท่าน แม้จะเป็นพระเล็กๆน้อยๆ
    แต่พุทธคุณประมาณมิได้ เชิญชม และบูชากันได้ครับ




    ตามรอยเท้าพ่อก้าวแรก :หลวงปู่ครูบาวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม ก้าวต่อๆไป ... ไม่รู้จะมีโอกาสได้ทำหรือเปล่า แล้วแต่พระพาไปครับ.... หากมีบุญสัมพันธ์ คงได้ทำตามฝัน
    ให้มีโอกาสได้นำพระเครื่อง ของสหธรรมิกของหลวงพ่อมาแบ่งกันบูชาให้ครบทุกองค์[/COLOR][/B]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 เมษายน 2013
  2. HipPo*

    HipPo* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    3,101
    ค่าพลัง:
    +7,908
    [​IMG]



    ประวัติครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง


    ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่


    คำสอนอาจารย์

    ครูบาธรรมชัยเป็นพระปฏิบัติชอบ เป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของประชาชน อย่างกว้างขวางอีกองค์หนึ่งแห่งถิ่นไทยงาม ท่านเป็นพระอาจารย์สายเดียวกันกับครูบาชุ่ม โพธิโก ครูบาคำแสน วัดสวนดอก ที่เคยเป็นศิษย์ใกล้ชิดครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งลานนาไทยมาก่อน

    เมื่อปี พ.ศ. 2481 ขณะที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยป่วยหนักอยู่ ณ วัดจามเทวี ครูบาธรรมชัย และครูบาชุ่ม โพธิโก ได้ร่วมเฝ้ารักษาพยาบาลอย่างใกล้ชิดทั้งกลางวัน กลางคืน ท่านครูบาทั้งสองผู้เป็นศิษย์ รู้ได้ด้วยญาณว่าพระอาจารย์ใหญ่ครูบาเจ้าศรีวิชัย เห็นจะไม่รอดแน่แล้วครั้งนี้ เพราะอาการป่วยหนักมีแต่ทรงกับทรุด สุดความสามารถของหมอจีน หมอไทย และหมอฝรั่งในสมัยนั้นจะเยียวยารักษา ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยเอง ก็รู้ตัวว่าอาพาธครั้งนี้ท่านไม่รอดแน่ ๆ ท่านไม่เคยเกรงกลัวกับความตายเลย ไม่รังเกียจความตาย เพราะการที่มนุษย์เราตายไปนั้น เป็นเสมือนปิดบัญชีลูกหนี้เสียครั้งหนึ่งนั่นเอง

    "คำสั่งสอนก่อนทิ้งสังขารของครูบาศรีวิชัย"

    "ศิษย์ทั้งหลาย เราเห็นจะไม่รอดแน่ อาการครั้งนี้หนักนักขอทุกคนอย่าได้ทิ้งการงานที่เราทำไว้ จงช่วยกันจัดการก่อสร้างการบุญสุนทานแทนเราต่อไปเถิด " ครูบาเจ้าศรีวิชัยบอกกับครูบาชุ่ม และ ครูบาธรรมชัย ตลอดจนศิษย์ทุกคนในวันนั้น ด้วยเหตุนี้เอง ครูบาชุ่ม โพธิโก และครูบาธรรมชัย จึงได้ดำริมีความคิดเห็นตรงกันว่า ควรจะได้ว่าจ้างช่างมาปั้นรูปเหมือนท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย ไว้เป็นที่ระลึก สำหรับให้คณะศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย ได้กราบไหว้บูชา ช่างได้ปั้นรูปเหมือนครูบาเจ้าศรีวิชัยอย่างเร่งรีบ ขนาดเกือบเท่าองค์จริงแข่งกับเวลามรณภาพที่ใกล้เข้ามาทุกที เมื่อช่างปั้นรูปเหมือนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครูบาชุ่มและครูบาธรรมชัยได้พร้อมใจกันกับคณะศิษย์ ยกเอารูปปั้นเข้าไปวางยังปลายเท้าครูบาเจ้าศรีวิชัยที่กำลังนอนอาพาธอยู่ จากนั้นก็นมัสการกราบเรียนให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์ ในการปั้นรูปเหมือนของท่านขึ้นในครั้งนี้ ครูบาเจ้าศรีวิชัยได้บอกให้ครูบาชุ่ม และครูบาธรรมชัยช่วยกันประคองร่างท่านลุกขึ้นนั่ง เมื่อท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยได้เห็นรูปปั้นของท่านแล้ว ท่านถึงน้ำตาเอ่อออกมาคลอดเบ้าด้วยความปิติยินดี น้ำตาค่อย ๆ ไหลลงอาบแก้ม ขณะที่ท่านได้ยื่นมือมาลูบไล้รูปปั้นของท่าน พลางพึมพำโมทนาว่า

    "ขอให้ศิษย์ทั้งหลาย ให้ถือปฏิบัติบำเพ็ญความดีดังรูปปั้นนี้ให้ยึดมั่นในพระวินัย ให้มีเมตตากรุณาต่อประชาชนโดยเสมอหน้ากัน อย่าเลือกที่รักมักที่ชัง จงบำเพ็ญประโยชน์ให้แก่สาธารณะอบรมศรัทธาประชาชนให้อยู่ในศีลกินในธรรม ปกติประชาชนนั้นมีความดีอยู่ในตัวมากบ้างน้อยบ้างไม่เสมอกัน กิเลสตัณหาสิ่งแวดล้อม ทำให้พวกเขาหลงผิดคิดทำบาปอกุศลต่าง ๆ นานาไปตามอารมณ์อันรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จงพยายามสั่งสอนอบรมศรัทธาประชาชนให้เข้าใจถึงธรรมะความเป็นจริงของชีวิตในโลกนี้และโลกหน้าเถิด"

    ครูบาชุ่ม และ ครูบาธรรมชัยก้มกราบรับเอาคำสั่ง ของพระอาจารย์ครูบาเจ้าศรีวิชัยใส่หัวใส่เกล้าด้วยความซาบซึ้งถึงใจ เวลานี้รูปปั้นเหมือนองค์นี้ยังคงประดิษฐานอยู่ ณ วัดวังมุย ตำบลประตูป่า อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ประชาชนเคารพบูชาเลื่อมใสมาก มีอภินิหารปรากฏอยู่เสมอ หลังจากถวายฌาปนกิจครูบาเจ้าศรีวิชัยแล้ว

    ครูบาธรรมชัยได้กลับมาทำหน้าที่เป็นครูสอนโรงเรียนประชาบาล และครูสอนนักธรรมที่สำนักวัดป่าสัก และ วัดน้ำพุ สมัยนั้นครูสอนประชาบาลหายาก ทางศึกษาธิการอำเภอได้อาราธนาให้พระภิกษุสงฆ์ช่วยสอนหนังสือเด็ก ๆ ชาวบ้านด้วย เป็นการสอนฟรี ๆ ไม่ได้มีเงินเดือนอะไร ซึ่งครูบาธรรมชัยก็เต็มใจสอนให้ด้วยจิตอันเปี่ยมไปด้วยเมตตา มีความกรุณาสงสารเด็ก ๆ ชาวบ้าน ท่านสอนหนังสือและสอนนักธรรมเป็นเวลาถึง 9 ปี สอนนักธรรมได้นิตยภัตรปีละ 24 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • images.jpg
      images.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.3 KB
      เปิดดู:
      7,357
  3. HipPo*

    HipPo* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    3,101
    ค่าพลัง:
    +7,908
    [​IMG]


    ประวัติครูบา


    ครูบาธรรมชัย นามเดิมว่า กองแก้ว เมืองศักดิ เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2457 ตรงกับเดือน 9 เหนือ ขึ้น 14 ค่ำ ปีขาลฉะศก ทางเหนือเรียกว่า ปีกาบยี่ รศ.133 จุลศักราช 1276 ถือกำเนิดที่หมู่บ้านสันป่าสัก หมู่ที่ 6 ตำบลป่าสัก อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เป็นบุตรของนายสุจา หรือหนามพรหมเสน มารดาชื่อนางคำป้อ บิดามารดามีอาชีพแพทย์แผนโบราณและช่างไม้ ทำสวน ทำนา มีพี่น้องร่วมท้องมารดาเดียวกัน 7 คน ท่านเคารพบูชาในบิดา มารดามาก เชื่อฟังคำสั่งสอนอยู่ในโอวาทของผู้บังเกิดเกล้าอย่างเคร่งครัด ท่านเป็นผู้มีนิสัยพูดจริง ทำจริง ไม่เหลาะแหละเหลวไหล สนใจในธรรมะ ชอบเข้าวัดเข้าวามาตั้งแต่เล็ก ๆ เพราะบิดาเคยบวชเรียนมาแล้วรอบรู้ในอรรถในธรรม จึงได้อบรมปลูกนิสัยลูกทุก ๆ คนให้ยึดมั่นในพระรัตนตรัย

    ท่านได้เข้ารับการศึกษาจากโรงเรียนประชาบาล ณ บ้านสันป่าสักจบชั้นประถมปีที่ ๓ มีความประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนกิริยามารยาทเรียบร้อยมีความอุตสาหพยายามเป็นผู้มีความเสียสละกตัญญูกตเวทีตาต่อบุพการี

    สามเณรกองแก้ว


    เมื่อท่านเรียนจบชั้นประถม 3 อายุได้ 15 ปี ครูบาธรรมชัย ได้เข้าอบรมเป็นศิษย์วัดสันป่าสักอยู่ 3 เดือน หัดท่องเรียนเขียนอ่านตัวอักขระพื้นเมืองเหนือและเรียนสวดมนต์สิกขาสามเณร โดยมีพระบิดา และพระอินหวันเป็นผู้สอน เมื่อท่องเรียนเขียนอ่านได้คล่องแล้ว จึงได้บวชเป็นสามเณรในวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2471 เดือน 6 เหนือ ขึ้น 6 ค่ำ ปีมะโรงสัมฤทธิศก ทางเหนือเรียกว่าปีเบิกสี เจ้าอธิการคำมูล ธัมวงฺโส วัดแม่สารบ้านตอง เป็นอุปัชฌาย์

    เป็นสามเณรอยู่ได้ 1 พรรษา มีความสนใจในสมถกรรมฐานมาก ไม่ว่าจะทำงานอะไรอยู่ที่ไหน จิตใจคอยครุ่นคิดอยู่แต่เรื่องการธุดงค์ของพระสงฆ์องค์เจ้า รุ่นครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ที่บวชเรียนแล้วนิยมพากันเข้าป่าบำเพ็ญเพียรภาวนา แสวงหาธรรมวิเศษ เราเป็นสามเณรน้อยก็ได้ชื่อว่าบวชเรียนเข้ามาอาศัยในพระศาสนา ควรจะออกเดินทางเข้าป่าดูบ้างเพื่อแสวงหาพระธรรมอันวิเศษ

    หลังจากครุ่นคิดไตร่ตรองอยู่หลายวัน ท่านจึงได้เข้าไปกราบลาสมภารเจ้าวัดว่า ขอลาเข้าไปบำเพ็ญกรรมฐานในป่าสักหนึ่งพรรษา สมภารเจ้าวัดตกใจ เพราะยังเห็นว่าเป็นสามเณรอ่อนพรรษา ไม่ประสีประสาในเรื่องอรรถธรรมตลอดจนวัตรปฏิบัติของพระธุดงค์ดีพอ ขืนเข้าไปอยู่ป่าอาจจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้โดยง่าย จึงได้ห้ามปราบไว้ แต่ครูบาธรรมชัย หรือสามเณรกองแก้วในสมัยนั้น ก็ยืนกรานที่จะเดินธุดงค์เข้าป่า ไปกระทำความเพียรแต่เพียงผู้เดียวให้จงได้ สมภารเจ้าวัดอ่อนอกอ่อนใจเลยอนุญาตให้ไปได้ตามปรารถนาไม่อย่างชัดศรัทธาให้เป็นบาป และยังได้แนะนำแนวทางการปฏิบัติกรรมฐานในป่าให้หลายอย่างด้วยความเมตตาเอ็นดู

    ธุดงค์โดดเดี่ยว
    เมื่อกราบลาสมภารเจ้าวัดแล้ว สามเณรกองแก้วก็ออกจากวัดไป มีบริขารเท่าที่จำเป็น ตามถ้ำ ตามเพิงผา ไม่จำเป็นต้องใช้กลดใช้มุ้งให้ยุ่งยาก ถ้ายุงจะกัด ทากจะดูดกินเลือดก็ให้มันกินเลือดตามต้องการ ไม่อาลัยใยดีในสังขาร แต่สำหรับบาตรนั้นจำเป็นต้องมีเพื่อใช้ในการออกบิณฑบาต หาปัจจัยมาหล่อเลี้ยงสังขารตามความจำเป็น เมื่อเดินทางไปถึงป่าห้วยดิบแต่ลำพังผู้เดียว ได้พบชาวบ้านวัยกลางคนผู้หนึ่งออกมาจากป่า ชายผู้นั้นแสดงความตกใจ เมื่อรู้ว่าสามเณรองค์น้อยจะเข้าป่าไปบำเพ็ญเพียรภาวนา เขาได้กล่าวเตือนอย่างหวาดกลัวว่า เวลานั้นมีเสือเย็นหรือเสือสมิงตัวหนึ่งกำลังออกอาละวาดหากินอยู่ในป่า เสือดุร้ายตัวนี้โตใหญ่เกือบเท่าควายหนุ่ม เป็นเสืออาคม คือ มีตุ๊เจ้าหรือพระองค์หนึ่งแก่กล้าวิชาไสยศาสตร์ เกิดร้อนวิชามีอาเพศให้เป็นไปด้วยบาปกรรม ชอบแปลงร่างเป็นเสือตัวใหญ่ลักเอาวัวควายชาวบ้านไปกินบ่อย ๆ นานวันเข้าถึงกับคาบเอาคนไปกิน มีชาวบ้านที่ออกป่าไปเก็บฟืนและสมุนไพรในป่าแล้วถูกเสืออาคมตัวนี้คาบไปกินหลายรายแล้ว ขอให้สามเณรรีบกลับวัดเสียเถิด ขืนเข้าไปอยู่ในป่ามีหวังเจอเสือเย็นตัวนี้แน่

    สามเณรไม่กลัวเสือ บอกว่าอันคนเรานี้ ไม่ว่าจะยากดีมีจน เมื่อเกิดมาก็ดิ้นรนกันไปต่าง ๆ นานา แล้วในที่สุด ก็สิ้นสุดปลายทางที่ความตายเหมือนกันหมด ไม่มีใครที่จะหลีกหนีความตายไปได้พ้น เราเกิดมาในชาตินี้ ได้บวชเรียนในพระศาสนา ถือได้ว่าเป็นบุญกุศลใหญ่ จะต้องปฏิบัติกิจพระศาสนาด้วยการลงมือปฏิบัติธรรมให้รู้แจ้งเห็นจริง ด้วยการเข้าไปปฏิบัติกรรมฐานในป่า ขออุทิศชีวิตให้กับป่าดงพงพี เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายอันพึงจะมี มิได้อาลัยเสียดายต่อชีวิต ถ้าจะตายก็ขอให้มันตายไปเถิด ขอให้ปฏิบัติธรรมบำเพ็ญเพียงสร้างสมบารมีเป็นพอ ชีวิตคนเรานี้สั้นนัก วันตายจะมาถึงเมื่อไรไม่มีใครรู้ ดังนั้นจึงอยากจะเร่งรีบสร้างความดีด้วยการปฏิบัติธรรมเพราะการรีรอผัดวันประกันพรุ่งย่อมถือได้ว่า เป็นผู้อยู่ในความประมาท ปัจฉิมโอวาทหรือพระวาจาครั้งสุดท้ายของพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ได้ทรงรวบรวมซึ่งโอวาททั้งปวงที่ได้ประทานไว้ตลอด 45 พรรษา ลงในจุดใหญ่ใจความคือ ความไม่ประมาท อันเดียวเท่านั้นพระพุทธองค์ตรัสว่า

    "ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราผู้ตถาคตเตือนท่านทั้งหลายให้รู้ สังขารมีความเสื่อมความฉิบหายไปเป็นธรรมดา"

    "ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ตนและผู้อื่นให้สมบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด"ชายชาวบ้านได้สดับตรับฟังถ้อยวาจาของสามเณรกองแก้วดั่งนี้ ก็ยกมือโมทนาสาธุให้กับความตั้งใจอันอาจหาญเด็ดเดี่ยวของสามเณร และกล่าวสรรเสริญว่า สามเณรแม้จะอายุยังน้อยแต่มีจิตเคารพศรัทธาเลื่อมใสในหลักธรรมของพระพุทธเจ้าอย่างไม่มีวิจิกิจฉา คือไม่มีความสงสัยในพระรัตนตรัยสามเณรเป็นผู้เจริญโดยแท้ เป็นนักบุญที่มนุษย์และเทวดาจะพึงสรรเสริญ กล่าวแล้วชายชาวบ้านป่าก็กราบลาไป

    ป่าห้วยดิบ
    สามเณรกองแก้วได้ธุดงค์เข้าไปในป่าห้วยดิบด้วยจิตตั่งมั่นไม่หวั่นไหว ป่าใหญ่แห่งนี้ชุกชุมด้วยสัตว์ร้ายอาศัยหากิน เช่น เสือ ช้าง หมี งู กระทิง เป็นต้น สามเณรเลือกได้ทำเลเหมาะสมใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นเป็นที่พักอาศัยสำหรับนั่งบำเพ็ญสมาธิและเดินจงกรม ธรรมชาติของป่าอันสงัดเงียบวังเวงใจ ทำให้อารมณ์ความรู้สึกเบาสบายถูกกับนิสัยรักสงบของท่านมาก ความรู้สึกหวาดกลัวภัยอันตรายในป่าไม่มีเลย เพราะได้ตั้งจิตที่จะอุทิศตนต่อการปฏิบัติกรรมฐานอย่างเด็ดเดี่ยว แม้จะเสียชีวิตก็ไม่อาลัยเสียดาย เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าตนเองมีศรัทธาในธรรมะของพระพุทธเจ้าอย่างเด็ดขาด ไม่สงสัยหวั่นไหว เมื่อไม่หวั่นไหวมีใจตั้งมั่นในการปฏิบัติจนถึงที่สุดจักต้องพบธรรมวิเศษ อันเป็นพระธรรมที่พ้นจากโลก อยู่เหนือโลกและไม่ถูกจำกัดด้วยกาลเวลาอย่างแน่นอน คืนแรกในป่าห้วยดิบ

    สามเณรนั่งสมถภาวนาอยู่จนค่อนคืนจิตตั้งมั่นในสมาธิยังไม่เป็นที่พอใจ เพราะยังมีถีนะมิทธะความง่วงเหงาหาวนอนบ้าง ความคิดฟุ้งซ่านของอารมณ์บ้าง (อุทธัจจะกุกกุจจะ) ซึ่งเป็นสิ่งกั้นความดีมิให้เกิดที่เรียกว่า นิวรณ์คอยรบกวนจิตไม่ให้รวมตัวสงบได้ ทำให้ได้ความรู้ว่า ความตั้งใจของคนเรานี้ พอทำเข้าจริง ๆ มันไม่ค่อยจะได้ผลดังใจเลย ต้องมีอุปสรรคขัดขวางเป็นธรรมดา จิตคนเรานี่มันเหมือนลิงหลุกหลิกยิ่งพยายามจะบังคับให้อยู่นิ่ง ๆ ยิ่งหลุกหลิกไปกันใหญ่ ทำให้รู้สึกนึกขำ และตั้งใจว่าจะต้องเพ่งเพียรเอาชนะจิต บังคับมันให้สงบอยู่ในอำนาจของตนให้จงได้ หลังจากเดินจงกรมแล้วก็นั่งหลับในงีบหนึ่งก็พอดีสว่าง ตลอดคืนไม่มีสัตว์ป่าเข้ามาแผ้วพานรบกวนเลย ลงไปอาบน้ำเย็นเฉียบชำระกายในห้วย แล้วจึงออกไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน ได้อาหารพอสมควรตามศรัทธาของชาวบ้าน นำมาขบฉันในป่าแต่พออิ่ม เพื่อยังชีพ ไม่พยายามติดใจในรสชาติเอร็ดอร่อยของอาหาร เห็นว่าอาหารเป็นสิ่งปฏิกูลที่จำใจต้องขบฉันเข้าไปก็เพื่อให้สังขารร่างกายพอดำรงอยู่ได้เท่านั้น เพื่อที่จะมีแรงบำเพ็ญสมณธรรมต่อไป ขณะที่นั่งขบฉันอาหารในบาตรอยู่ใต้ต้นไม้นั้น สังเกตเห็นว่า ตรงที่นั่งอยู่มีรอยบุ๋มกดลงไปในดิน เมื่อเพ่งดูก็รู้ว่าเป็นรอยตีนเสือขนาดใหญ่เท่าจานข้าว รู้สึกแปลกใจจึงลุกขึ้นเดินสำรวจดูก็ได้พบอีกว่า มีรอยเสือใหญ่อยู่ทั่วบริเวณนั้น เป็นรอยใหม่ ๆ แสดงว่า เสือตัวนี้มันมาเดินวนเวียนอยู่โคนต้นไม้ตอนที่สามเณรเข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน

    พอรู้ว่าเสือขนาดใหญ่มาปรากฏในบริเวณที่นั่งสมาธิบำเพ็ญบารมี พลันมีอาการขนลุกซู่ไปทั้งตัว จิตใจหวั่นไหวรู้สึกกลัวจนตัวสั่นขาดสติไปชั่วขณะ แต่แล้วก็ตั้งสติได้ และนึกขำตัวเองทีแรกบอกว่าไม่กลัวอะไร พร้อมแล้วที่จะยอมตายในป่า แต่พอเอาเข้าจริง ๆ เห็นแค่รอยเสือก็ตกใจกลัวขาดสติเสียแล้ว นี่แสดงอีกว่า จิตคนเรานี้มันชอบหลอกหลอนตัวเราเอง เหมือนลิงหลอกเจ้าจริง ๆ เมื่อรู้แน่ว่า เสือมาเยี่ยมจริง ๆ ไม่ได้ตาฝาดหรือฝันไป สามเณรก็พยายามสงบใจลงนั่งที่โคนต้นไม้ใหญ่ ดำรงสติให้ตั้งมั่นรำพึงถึง "สติปัฎฐาน 4" อันเป็นหลักสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่าภิกษุในพระธรรมวินัยไปอยู่ในป่าหรือว่าอยู่ที่โคนต้นไม้ หรือ ไปอยู่ที่ว่างบ้านเรือนสกปรกโสโครกทั้งข้างนอกข้างใน ชวนให้อาเจียนเหียนรากแท้ ๆ เราเบื่อหน่ายในร่างกายเราปรารถนาจะทำจิตให้สะอาดบริสุทธิ์ตัดขาดจากกิเลส ถ้าเราตัดขาดจากกองกิเลสตัณหาคือร่างกายสังขารนี้ได้แล้ว เราก็จะไปอยู่แดนนิพพานซึ่งเป็นแดนสุขอย่างยิ่ง สามเณรกองแก้วเล่าว่า ท่านได้พิจารณาอย่างนี้ไปตามความรู้ความเข้าใจของสามเณรวัยเยาว์ที่ยังอ่อนต่อการศึกษาในหลักพระธรรม พิจารณาไปตามที่ครูบาอาจารย์สั่งสอนจะผิดจะถูกอย่างไรไม่คิดถึง คิดอย่างเดียวว่าครูบาอาจารย์สอนมานี้เป็นของจริงแท้ เป็นธรรมะของพระพุทธเจ้าแน่ เมื่อพิจารณาอย่างนี้กลับไปกลับมาเป็นเวลานานพอสมควร ปรากฏอัศจรรย์ว่า จิตรวมตัวเข้าสู่ความสงบอย่างไม่รู้ตัวเป็นสมาธิในเอกจิต ลืมเรื่องเสือ ลืมทุกสิ่งทุกอย่างในอดีตและปัจจุบันหมดสิ้น แต่มีสติรู้ตัวว่า มีอารมณ์โพรงสว่างไสวสภาพจิตมีความเยือกเย็นแช่มชื่นอย่างพรรณนาไม่ถูก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. HipPo*

    HipPo* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    3,101
    ค่าพลัง:
    +7,908
    บทเริ่มเรื่องราวที่เกี่ยวโยงกับ พระสหธรรมิกของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    [​IMG]

    ทองคำค่าควรเมือง

    ครูบาธรรมชัยหรือท่านพระครูกองแก้ว ธมมชโย ท่านเป็นพระทรงอภิญญา มีตาทิพย์และหูทิพย์จริงล่ะหรือ ? เกี่ยวกับเรื่องนี้ ใคร่จะขอนำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเจริญศรัทธา และสู่การพิจารณาของท่านที่สนใจ ส่วนที่ท่านจะเชื่อหรือไม่นั้นเป็นสิทธิ์ของท่านผู้อ่านแต่ละท่าน เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อคราวพิธีบรรจุสารีริกธาตุสมเด็จพระพุทธมหามงคลบพิตร ที่อำเภอหาดใหญ่ ตำบลน้ำน้อย เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ประมาณปี 2519 และพระอาจารย์ที่ร่วมในพิธีนี้ด้วย หลังจากเสร็จพิธีแล้ว คณะศรัทธาญาติโยมได้นิมนต์ครูบาธรรมชัย และ พระอาจารย์ที่ร่วมในพิธีหลายองค์ ไปเที่ยวน้ำตกทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เท่าที่จำได้ก็มี หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อสิม พุทธาจาโร หลวงพ่อชุ่ม โพธิโก ร่วมขบวนไปด้วยในครั้งนี้

    น้ำตกทรายขาว เป็นเทือกเขาใหญ่สูงสุดที่สำคัญมากในปัตตานี ในอดีตเคยมีการทำเหมืองทองคำที่เขาลูกนี้ คณะหลวงปู่หลวงพ่อที่ไปเที่ยวน้ำตกทรายขาวเป็นอันมาก ปรารภกันว่า สถานที่แห่งนี้ หลวงปู่ทวดเหยียบทะเลน้ำจืด เคยมาบำเพ็ญสมณะธรรมในอดีตกาลนานโพ้น และเมื่อประมาณ 60 - 70 ปีที่ล่วงมานี้ เคยมีผู้มาขุดหาแร่ทองคำทำเหมืองทองมาแล้ว แต่ได้เลิกร้างไปในเวลาต่อมา เพราะว่าทองคำในดินได้หมดไป

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำได้เอ่ยขึ้นว่า "จะเป็นไปได้ล่ะหรือ ? ที่สายแร่ทองคำจะหมดไปได้ง่าย ๆ จากภูเขาทรายขาวนี้ น่าจะ "เพ่ง" ดูใต้พื้นดินลึกลงไปว่า ยังมีแร่ทองคำเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า แล้วหลวงพ่อทุกองค์ที่ไปเที่ยวน้ำตกทรายขาวก็ได้ใช้พลังสมาธิ "เพ่ง" สำรวจดูใต้ผืนแผ่นธรณีในบริเวณนั้น

    หลวงพ่อชุ่ม โพธิโกเพ่งดูแล้วครู่หนึ่งก็บอกว่า พบแร่ทองคำอยู่ลึกมากเหลืองอร่ามไปหมดเป็นตัน ๆ มากมายเหลือเกิน มนุษย์ยังไม่สามารถขุดค้นลงไปได้ถึง

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ "เพ่ง" ดูบ้างก็เป็นทองคำอยู่ลึกลงไปใต้ดินเช่นเดียวกันกับที่หลวงพ่อชุ่มได้เพ่งเห็นทองคำเหมือนกัน แต่หลวงพ่อสิม พุทธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว ได้เพ่งดูแล้วกลับมองไม่เห็นทองคำที่อยู่ใต้ดิน ท่านได้เห็นแต่มือดำ ๆ ใหญ่โตมาก เป็นมือมีห้านิ้วคล้ายมือมนุษย์แต่ใหญ่โตเท่าภูเขาเลากาอยู่ใต้ดิน

    หลวงปู่หลวงพ่อเหล่านั้นเมื่อได้ฟังคำตอบของหลวงพ่อสิม แล้วก็หัวเราะกันใหญ่ คือพวกท่านมีอารมณ์เพลิดเพลินสนุก นึกอยากจะหยอกล้อกันเล่นนั่นเอง ครูบาธรรมชัยจึงยกมือขึ้นแล้วบอกให้หลวงพ่อสิมเพ่งดูอีกครั้ง เมื่อหลวงพ่อสิมเพ่งดูลงไปใต้ดินก็พบว่า มือลึกลับใหญ่โตนั้นหายไป แล้วได้พบแร่ทองคำจำนวนมากมายอยู่ใต้ดินเหลืองอร่ามไปหมด

    หลวงพ่อสิมเลยหัวเราะใหญ่ เพราะได้รู้ว่า มือลึกลับใหญ่โตที่ปิดแร่ทองคำใต้ดินไว้เมื่อสักครู่นี้นั้น คือมือของครูบาธรรมชัยนั่นเอง หลวงพ่อสิมเลยกล่าวชมเชยยกย่องครูบาธรรมชัยเป็นการใหญ่ว่า เก่งมาก ๆ ๆ สามารถเอามือปิดกั้นขุมทองคำทั้งขุมไว้ได้ไม่ให้ท่านเห็น

    ครูบาธรรมชัยได้กราบขอขมาหลวงพ่อสิมที่ล่วงเกินล้อเล่นในครั้งนี้

    หลวงพ่อสิมหัวเราะชอบใจบอกว่า ไม่ถือ ๆ ๆ สนุกดี

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำถามหลวงพ่อสิมว่า ทำไมทองคำจำนวนมหึมานี้คนถึงขุดลงไปไม่พบ

    หลวงพ่อสิมหลับตาใช้ญาณหยั่งรู้อยู่ครู่หนึ่งก็ลืมตาตอบว่า เมื่อถึงเวลาทองจำนวนนี้จะปรากฏขึ้นมาเอง เป็นทรัพย์ในดินของประเทศชาติ เป็นของคู่บุญญาบารมีของรัชกาลต่อไป ตอนนี้เทวดายังไม่ยอมให้ทองคำจำนวนนี้ปรากฏ เพราะยังไม่ถึงเวลา

    หลวงพ่อชุ่ม โพธิโก กล่าวว่า ทองคำที่นี่มีมากก็จริง แต่ยังเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับทองคำที่มีอยู่ในผืนแผ่นดินไทยอีกหลายแห่ง ต่อไปในอนาคตประเทศชาติของเราจะร่ำรวยใหญ่ ประชาชนก็จะร่ำรวยมีสุขตามดวงเมืองที่เจริญรุ่งโรจน์

    ครูบาธรรมชัยหลับตาใช้ญาณหยั่งรู้บ้าง ท่านกล่าวว่า ทองคำที่น้ำตกทรายขาวนี้เป็นของอาถรรพณ์ที่ฝังลึกอยู่ใต้ดินป้องกันไม่ให้ข้าศึกษาศัตรูมาครองได้ ข้าศึกศัตรูที่บังอาจล่วงล้ำก้าวข้ามขุมทองแห่งนี้เข้ามาจะพบกับความวิบัติฉิบหายในที่สุด

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเป็นพระทรงวิชชา 3 เรื่องหยั่งรู้อดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นของธรรมดาสำหรับท่านมาก ท่านเห็นด้วยกับครูบาธรรมชัยและหลวงปู่หลวงพ่อร่วมคณะว่า มีทองคำเป็นตัน ๆ มากมายอยู่ที่ภูเขาทรายขาวจริง ทองคำไม่ได้หมดไปตามความเข้าใจของพวกทำเหมืองทองคำยังมีอยู่ใต้ดินนอนนิ่งอยู่ในดิน เวลานี้ใครไปขุดก็เอาขึ้นมาไม่ได้ เพราะยังไม่ถึงเวลาที่เทวดาจะให้ ขืนไปขุดเทวดาก็จะบันดาลให้พบสิ่งกำบังตาอย่างอื่นแทน หรือไม่ก็จะเจอแต่อุปสรรคอันตรายต่าง ๆ เมื่อถึงเวลาทองคำจำนวนมหึมานี้ก็จะปรากฏขึ้นมาเอง ดังนั้นผู้ได้คิดอยากจะร่ำรวยแอบไปขุดในเวลานี้ ขอให้เลิกล้มความคิดนี้เสียเถิด อย่าทำเลยจะประสบเคราะห์กรรมอันตรายนะครับ...นี่ผู้เขียนว่าเองหลวงปู่หลวงพ่อไม่ได้พูดประโยคนี้



    [​IMG]

    ญาณพิเศษ


    เรื่องมีตาทิพย์ของครูบาธรรมชัยนี้ เป็นที่ยอมรับในหมู่พระเถระชั้นสูงที่อยู่ในวงพระกรรมฐานได้ยกย่องว่า ครูบาธรรมชัยมีญาณพิเศษตาทิพย์หูทิพย์ สามารถจะนั่งทางในไปนรก-สวรรค์ได้ รู้ว่าใครตายไปแล้วไปอยู่ที่ไหน ท่านสามารถติดต่อวิญญาณของผู้นั้นได้ รู้ว่ามนุษย์และสัตว์ที่เกิดมาในโลกนี้ มาจากไหน ชาติก่อน ๆ เคยเสวยภพชาติเป็นอะไรมาบ้าง รู้ว่าคนนี้ป่วยเจ็บจะตายหรือจะหายเมื่อไร รู้ว่าคนที่ไม่ป่วยเจ็บมีร่างกายแข็งแรงดีที่มาพบท่านนั้น เมื่อไหร่จะตาย เมื่อไหร่จะมีโชคลาภ ล่วงรู้ด้วยว่า ในใจกำลังคิดอะไร คิดดีหรือคิดชั่ว เรียกว่าท่านมี เจโตปริยญาณ รู้จักกำหนดวาระจิตผู้อื่น

    นกทิพย์
    เกี่ยวกับเรื่องหูทิพย์นั้น มีเรื่องที่น่ากล่าวถึงอยู่เรื่องหนึ่ง เมื่อคราวมีพิธีบวงสรวงที่พระธาตุจอมกิตติ อำเภอเชียงแสน เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2518 ในพิธีมีหลวงปู่สำคัญ ๆ หลายองค์ไปร่วมด้วย เช่น หลวงปู่ชุ่ม โพธิโก หลวงปู่คำแสน วัดสวนดอก หลวงปู่คำแสน วัดป่าดอนมูล หลวงปู่บุดดา แห่งสำนักสงฆ์สองพี่น้อง อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ครูบาชัยยะวงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ครูบาธรรมชัยและหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ปรากฏว่า ในพิธีนมัสการบวงสรวงครั้งนั้น มีปรากฏการณ์มหัศจรรย์หลายอย่างเป็นต้นว่า มีฝูงนกประหลาดสีสวยหมู่หนึ่งบินมากระทำประทักษิณาวัตรรอบ ๆ องค์พระธาตุ 3 รอบ แล้วพากันบินเข้ามาเกาะกิ่งไม้ใกล้ ๆ พิธีที่หลวงปู่หลวงพ่อกำลังนั่งปรกพิธีกรรมอยู่

    นกประหลาดสีสวยเหล่านั้นได้ส่งเสียงร้องขึ้นพร้อม ๆ กันอย่างเจื้อยแจ้วไพเราะ ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนจำนวนนับพัน ๆ ที่นั่งพนมมือสงบเงียบนิ่งรวมอยู่ในบริเวณพิธีกรรม ทุกคนต่างก็ประหลาดใจที่ได้เห็นนกบินมาประทักษิณาวัตร และส่งเสียงร้อยในพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นอย่างยิ่ง

    พล อากาศโท ม.ร.ว.เสริม สุขสวัสดิ์ ได้นมัสการถามหลวงพ่อฤาษีลิงดำภายหลังออกจากสมาธินั่งปรกแล้วว่า การที่ฝูงนกประหลาดไม่เคยเห็นมาก่อนในโลกนี้บินมาประทักษิณาวัตรและส่งเสียง ร้องประสานเสียงอย่างไพเราะนี้จะมีความหมายเป็นประการใดหรือไม่ขอรับ

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำยิ้ม ๆ ตอบว่าให้ถามครูบาชุ่มดูซิ

    ท่านเจ้ากรมฯ เสริม สุขสวัสดิ์ จึงได้หันไปนมัสการถามหลวงปู่ชุ่ม โพธิโก ครูบาชุ่มยิ้ม ๆ ว่าให้ถามหลวงปู่คำแสน วัดสวนดอกดูซิ

    ครั้นเมื่อหันไปนมัสการถาม หลวงปู่คำแสนก็ชี้มือไปที่ครูบาธรรมชัยแล้วว่า ให้ถามครูบาธรรมชัยดูซิ การที่พระอริยเจ้าทั้งสามองค์บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบคำถาม ทำให้หลวงปู่สิม หลวงปู่บุดดา หลวงปู่คำแสน วัดป่าดอนมูล ต่างก็พากันหัวเราะและสนับสนุนให้ครูบาธรรมชัยเป็นผู้ตอบ

    ครูบาธรรมชัยรู้ว่า หลวงปู่หลวงพ่อเหล่านั้นถวายเกียรติยกย่องท่าน จึงกราบนมัสการหลวงปู่หลวงพ่อเหล่านั้นด้วยความเคารพ แล้วจึงตอบว่า นกประหลาดฝูงนี้ไม่มีในภูมิประเทศเขตถิ่นนี้ หากเป็นฝูงนกมาจากโลกอื่น คือมาจากโลกทิพย์ เป็นพวกเทวดาจำแลงแปลงกายมา เพื่อสำแดงสาธุการอนุโมธรรมะและร่วมสวดพระคาถาศักดิ์สิทธิ์จากโลกทิพย์ร่วมด้วยในพิธีกรรม

    นี่แสดงว่า ครูบาธรรมชัยรู้ภาษานกและยังล่วงรู้ว่า นกเหล่านั้นมาจากไหน เป็นอะไร เมื่อพิธีการบวงสรวงจบลงแล้ว ฝูงนกเหล่านั้นได้พากันเกาะหมู่บินประทักษิณาวัตรรอบ ๆ พระธาตุจอมกิตติ 3 รอบ แล้วบินหายวับไปในท้องฟ้าจนสุดสายตาของทุกคนในที่นั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. HipPo*

    HipPo* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    3,101
    ค่าพลัง:
    +7,908
    "เสียงจากถ้ำ (นารายณ์) ฉบับพิเศษ เขียนโดยหลวงตาวัชรชัย เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์)

    [​IMG]


    เรื่องที่จะนำมาถ่ายทอดต่อไปนี้ คัดลอกมาจากหนังสือ "เสียงจากถ้ำ (นารายณ์) ฉบับพิเศษ : บนเส้นทางพระโยคาวจร" เขียนโดย "สายฟ้า" [หลวงตาวัชรชัย เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์)] ผู้ถ่ายทอดกราบขออนุญาตต่อหลวงตาวัชรชัย ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ และจะขอตัดตอนนำเฉพาะบางตอนที่กล่าวถึงหลวงพ่อฤๅษีลิงดำกับหลวงปู่ครูบาธรรมชัย โดยตรงมาถ่ายทอด ดังนี้


    ท่านผู้อ่านคงจำได้ว่า เมื่อตอนที่เขียนถึงหลวงปู่คำแสนเล็ก ได้เคยกล่าวถึงพระสงฆ์องค์หนึ่งที่หลวงปู่คำแสนเล็กทั้งดุและเอ็นดู และเมื่อตอนที่แล้วของหลวงปู่ชุ่มในพิธียกฉัตรจำลองที่พระธาตุจอมกิตติ ได้เอ่ยชื่อพระสุปฏิปันโนองค์สุดท้ายในรายชื่อพระที่ไปร่วมพิธีบวงสรวงครั้งสำคัญ พระองค์นั้นคือ “หลวงปู่ธรรมชัย” แห่งวัดทุ่งหลวง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ นั่นเอง

    ท่านผู้อ่านที่รัก ถ้าจะมีพระดีสักองค์ที่รักและเคารพพ่อของเรา (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง) อย่างสุดที่จะรักได้ และแสดงความในใจออกมาทางกายได้เหมือนใจที่สุด องค์นี้แหละเป็นอย่างที่กล่าวนั้น

    ผู้เขียนพบหลวงปู่ครูบาธรรมชัยครั้งแรกในงานบวงสรวงยกฉัตรพระเจดีย์ธาตุจำลองที่วัดพระธาตุจอมกิตติ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เมื่อเกือบจะ 30 ปี โน้น แต่บุคลิกภาพของท่านยังชัดเจนไม่เคยเลือนราง ยังต่อเนื่องภาพลำดับเหตุการณ์ของหลวงปู่ ไม่เคยจางหาย เช้าวันนั้น...พวกเราชาววานรชาญสมรชาญบุรุษทั้งหลาย นั่งล้อมรอบพ่อรอเวลาฤกษ์จะบวงสรวงยกฉัตร ขณะนั้นก็มีพระร่างเล็กห่มดองครองสีกรัก ใส่ประคำคอเม็ดใหญ่ มือถือไม้สั้นอย่างทะนุถนอมแต่โอ่อ่าดุจถือคฑาประจำยศ ใบหน้าท่านเกลื่อนเกลี่ยด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า เดินค้อมไหล่นิดๆ เข้ามากราบองค์พระเจดีย์จำลอง กราบนุ่มนวลนบนอบกอบใส่เกล้า

    [​IMG]

    เรานี่... ดูท่านแล้วต้องน้อมใจ ก้มหัวนึกกราบตามท่านชนิดห้ามใจไม่อยู่ เสร็จแล้วท่านก็มากราบพ่อแทบเท้า ยิ้มสบตาพ่อด้วยรอยยิ้มเหมือนเด็กดีใจ โอยนี่มันคืออะไร... พ่อก็มองหน้ารับยิ้มตอบเหมือนท่านผู้ใหญ่จับตาพบเด็กน้อยที่คอยหา เอาล่ะ....เท่านี้ก็พอที่จะกระตุ้นความอยากของผู้เขียนให้ชนะความสำรวมมารยาทได้ทันที เมื่อเลี่ยงเข้าไปถามท่านว่า

    “หลวงปู่กราบสวยจังครับ ตอบกราบเจดีย์ยิ่งงามมาก...” (กำลังจะถามต่อว่า หลวงปู่กราบอะไร เห็นอะไร ทำนองนั้นแหละ) ท่านก็หันมายิ้มตอบว่า

    “หลวงปู่กราบพระบรมสารีริกธาตุพระพุทธเจ้า แสงรังสีสวยงามเหลือเกิน เป็นบุญมากน๊อ...” ก็หายสงสัยคลายอารมณ์คัน ผู้เขียนน่ะไม่ได้เห็นแสงฉัพพลัณณรังสีเหมือนหลวงปู่ แต่รู้แน่ชัดเพราะเห็นพ่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุนั้นกับตาของตัวเองตามที่เขียนเล่าในตอนหลวงปู่ชุ่ม

    หลวงปู่ธรรมชัยองค์นี้ จะเรียกว่าพระอภิญญาหรือเปล่า ไม่ชัดเจนนัก แต่ด้านทิพจักขุญาณนี่ว่องไวไม่ทันกำหนดจิต หลวงปู่เป็นพระหมอ สงเคราะห์ผู้คนด้านรักษาโรคและกฎของกรรมพิสดารพ้นวิสัยเยียวยาของแพทย์สมัยปัจจุบัน เวลาท่านตรวจอาการของโรค จะให้คนไข้จับไม้คฑาที่ท่านถือคู่กายอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ คนไข้จับด้านปลาย หลวงปู่จับทางด้าม ลืมตาบอกเสียงจะแจ้งเลย...

    “เป็นโรคกษัย....ไม่ใช่มะเร็ง... ป่วยมา 3 ปี 4 เดือน 12 วัน มีอาการปวดเอียว (ผู้เขียนช่วยท่านจดฉลากยาในบางครั้งต้องย้ำถาม จึงได้ความว่าปวดเอว ภาษาเหนือนี่ลืมไปหลายชาติแล้ว) ...ให้กินยามะขางโหด... ยา...(โอย...จำชื่อไม่ได้ มันนานมาแล้ว เกือบ 30 ปี แล้วก็มีมากมายหลายขนาน) ... รักษา 29 วัน หาย!”

    แล้วท่านก็ยิ้มเต็มหน้าเมตตาล้นใจ มองหน้าคนไข้ ผู้เขียนเห็นเขากราบ หน้าเบิกบานมีความสุข ยังนึกว่าคงจะหายโรคก่อน 29 วัน ด้วยซ้ำไป เอ้า...คนอื่นต่อไป... ทยอยเข้ามายาว...แถวยาว...

    สมัยแรกๆ หลวงปู่ธรรมชัยจะรักษาคนไข้ที่บ้านซอยสายลม... มีอยู่วันหนึ่งกำลังทำงานง่วนอยู่ในห้องสอนกรรมฐานปัจจุบันของซอยสายลมนี่แหละ นั่งกันอยู่ในห้อง มีฝามีผ้าม่านปิด ท่านรีบบอกผู้เขียน

    “นี่....รีบไปเข็นรถลูกหลวงปู่มาเร็ว เอามาเร็วๆ เข้ามาก่อนใครๆ เขาไข้หนักหนานัก”


    ผู้เขียนรีบตาลีตาลานออกไปนอกห้อง หน้าบ้านก็ไม่มี โน่น ! ที่ถนนหน้าบ้านสายลมโน่น....กำลังเปิดประตูท้ายรถแวนเข็นทุลักทุเลลงจากรถ ผู้เขียนรีบเข้าไปช่วยด้วยความงงมากกว่าความสงสาร ....นี่ ขนาดนี้เชียวหรือ ท่านเห็นได้ รู้ได้ยังไง โอย...พาเข้าไปตรงหน้าหลวงปู่ นั่งหน้าเหลืองเหมือนศพ มีสายเสียบจากเอว จากท้อง จากอะไร เขียนว่าอะไรดี....ไอ้ที่ใช้ปัสสาวะน่ะ ระโยงระยางแยงลงในขวด ในถุงพลาสติกที่แขวนรอบรถ ญาติคนป่วยบอกว่าหมอเชิญให้กลับมาตายที่บ้าน หลวงปู่มอง...ยิ้ม....โคลงหน้าจังหวะสั้นๆ สุภาพเชียว

    “ไม่ตาย...ไม่ตาย... ไปอยู่กับปู่ที่เชียงใหม่ รับรองเดือนเดียวหาย...”


    ข่าวที่แน่ชัดในเวลาต่อมาอีก 2 เดือน ก็คือ กวาดวัด ทำงานได้ มอบกายถวายชีวิตให้หลวงปู่เรียบร้อยไปแล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. HipPo*

    HipPo* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    3,101
    ค่าพลัง:
    +7,908
    [​IMG]

    [​IMG]

    หลวงปู่ธรรมชัยมาปรากฏกายสงเคราะห์ศิษยานุศิษย์ที่วัดท่าซุงในปี 2519 ซึ่งเป็นปีที่ 2 ของงานประจำปี ท่านมาทีหลังหลวงปู่องค์อื่นแต่ทำงานมากกว่าทุกองค์รวมกัน ทั้งรักษาโรค ทั้งแก้วิบากกรรม (แก้ไขให้ผ่อนหนักเป็นเบา) ทั้งพยากรณ์ให้กำลังใจ หลังฉันอาหารเช้า (ฉันมื้อเดียว ประมาณ 10.00 น.) ก็ลงมือรักษาไปจนโน่น....ดึกเลย จะพักบ้างก็สรงน้ำตอนเย็น ใบหน้ายิ้มตลอดเวลา ผู้เขียนไม่เคยเห็นท่านทำหน้าบึ้งเบื่อหน่าย ไม่เคยได้ยินคำบ่นจากปากว่าเหน็ดเหนื่อย ทั้งๆ ที่คนไข้ก็มีอาการป่วยมากมายหลายประเภท ท่านก็รักษาช่วยเหลือเขาได้

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง.... ทีนี้โรคใจ...

    คนนี้เป็นผู้หญิง สวยเสียด้วย เป็นนางงามและดาราภาพยนตร์สมัย 20 ปี กว่าโน้น เธอเข้ามากราบ... กราบ.... กราบ... กราบ... พอเงยหน้ามองหลวงปู่เท่านั้นแหละ... หน้าสวยๆ นี่...เบะเบ้เลย ร้องไห้โฮลั่นห้อง ไม่อายใคร

    “หลวงปู่เจ้าขา....ฮือ...ฮือ....หลวงปู่....”

    ตาฉ่ำน้ำ ตามองหน้าหลวงปู่เหมือนจะกลืน เหมือนจะกลัว

    “พระอรหันต์มีจริงนะเจ้าคะ....หลวงปู่...”

    “ผมอยากบวชครับ หลวงปู่...”


    อ้าว.... ผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ เธอก็รำพันของเธอต่อไป ....ยิ่งร้องไห้ น้ำมูกนี่ไหลเปรอะหมดงามกันเลยล่ะ

    หลวงปู่ก็ยิ้ม..ม... พยักหน้าน้อยๆ แล้วพยักหน้าให้ผู้เขียนพาเธอไปล้างหน้าล้างตา กลับออกมายิ้มแป้นสวยกว่าเดิม เพราะตอนนี้ยิ้มแบบมีความสุข สงบจากปิติโลดโผนนั้นแล้ว หันหน้าไปคุยกับพี่ ป้า น้า อา ผู้หญิงที่นั่งประดาหน้าหลวงปู่อยู่ด้วยกัน หลวงปู่ธรรมชัยหันมาพูดกับผู้เขียนเบาๆ ว่า

    “คนนี้ชาติก่อนเขาชื่อ สุทัศน์ บวชเป็นศิษย์หลวงปู่คู่กับเรานี่แหละ”


    อ้าว...มาเกี่ยวข้องกับเราด้วย อย่างนี้นี่เอง ตอนพาไปชี้ห้องน้ำล้างหน้าถึงได้เดินเกาะผู้เขียนไปเหมือนสนิทกันนักหนา ทั้งที่เพิ่งพบหน้ากันครั้งเดียวนี้เอง แล้วหลวงปู่ก็เล่าต่อ

    “บวชแล้วก็ทำความเพียรเคร่งครัด ได้ฌานสมาบัติเก่งพอตัว แต่ยังไม่ทันได้เป็นพระอริยะก็เกิดเรื่องเสียก่อน คือ พอคลายความเพียรนั่งพักอยู่หน้ากุฏิ ชาวบ้านเขาแห่นางงามชนะการประกวดผ่านหน้าไป ใจสุทัศน์กำลังสบายอยู่ก็นึกไปว่า “เขามีบุญนะที่เกิดมาสวยได้เป็นนางงาม..... เกิดสิ้นชีวิตในช่วงอารมณ์นั้น... ก็เลยต้องมาเกิดเป็นนางงาม ตายจากชาตินี้จะขึ้นไปอยู่ชั้นดุสิต จะลงมาเกิดอีกครั้งที่เกาะภูเก็ตพร้อมหลวงปู่ ในสมัยศาสนาครบ 5,000 ปี โน่น...”

    โอ้โฮ...ท่านพูดคล่องไม่ต้องตั้งท่าหลับตาสักนิด....!


    สำหรับตัวผู้เขียนเอง จากการสัมผัสเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ธรรมชัยมา มีความคิดเห็นเป็นส่วนตัวว่า ถึงจะพบจะเห็นหลวงปู่มาก แต่ความมักคุ้นจะมีน้อยกว่าองค์อื่นๆ ทั้งนี้เห็นจะเป็นเพราะหลวงปู่ไม่ได้มุ่งสอนพระกรรมฐาน มุ่งในด้านสงเคราะห์ แบ่งเบาทุกข์หยิบยื่นสุขแก่สุขภาพทางกายที่ได้รับวิบากกรรมทุกข์ทรมานเสียเป็นส่วนใหญ่ การเข้าไปนั่งถามนั่งฟังนานๆ จึงไม่มีโอกาสนัก เพราะระยะนั้นผู้เขียนมีความปรารถนาบวชรุนแรงมาก คิดแบบไฟแรงจัดว่า เราจะสนใจเฉพาะอารมณ์ตัดอารมณ์ละเพื่อพระนิพพานเท่านั้น ก็เลยได้เรื่องหลวงปู่ธรรมชัยมาเล่าค่อนข้างน้อย

    สิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้เขียนรู้สึกได้คือ ความเมตตากรุณาและความอ่อนน้อมที่สูงส่งไม่มีประมาณ ความเมตตานั้นเห็นชัดเจนใจที่ท่านสงเคราะห์ประชาชน ใบหน้าบ่มสุข สายตานุ่มนวลยิ้มฉายเชื่อมสายตาคนไข้ให้ตื้นตันปิติ การพยักหน้าที่สุขุมเชื่อมั่นที่ทำให้ผู้คนอบอุ่นใจได้ว่า ได้ที่พึ่งที่วางใจได้สนิท คนหนึ่งจบภาระจากไป ก็ส่งสายตาตามปิดงานสงเคราะห์อย่างหมดจดงดงาม อีกคนหนึ่งเข้ามาเฉพาะหน้าก็เงยหน้าฉายแววอบอุ่นต้อนรับเป็นอย่างนี้เสมอมา.... ไม่เคยแสดงอาการเหน็ดเหนื่อยเบื่อหน่ายให้ผู้คนเห็น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. HipPo*

    HipPo* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    3,101
    ค่าพลัง:
    +7,908
    [​IMG]

    ในด้านความอ่อนน้อมนั้นเห็นได้ที่ตัวหลวงปู่ การเดินที่เนิบนาบ ค้อมไหล่ การแย้มยิ้มที่อาบอิ่มกระแสใจ คำพูดที่ซื่อตรงสบายอารมณ์สบายหู ....แต่ถ้าจะดูให้ชัดเจนต้องดูเวลาที่ท่านกราบพ่อ (หลวงพ่อฤๅษีฯ) จากเท้าและเข่าที่กระโหย่งถึงมือและเศียรเกล้าที่กรานกราบแนบพื้น จากมือที่พนมถวายคำพูดและสนทนาปราศรัย มือนั้นงามนอบน้อมเหมือนช่อดอกไม้ที่ประคองบูชา ไม่เคยตกต่ำลงมาจนกว่าคำพูดนอบน้อมจะจบลง นั่นก็ยังไม่น่าอัศจรรย์ใจ เพราะพระดีที่มีความสุขแล้ว ท่านก็ทำกันอย่างนั้นทุกองค์ ที่ประทับใจผู้เขียนไม่มีลืมกลับเป็นตอนนี้....

    วันนั้นหลวงปู่มาธุระที่กรุงเทพฯ มาพักที่บ้านซอยสายลม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พ่ออยู่ที่วัดท่าซุง พี่อ๋อย (ที่จริงผู้เขียนน่าจะเรียกแม่ ถึงตอนที่เขียนถึงท่านจะเรียกให้สมใจ) ก็ให้จัดหลวงปู่พักบนห้องพ่อ เราก็พาท่านขึ้นไปกราบเรียนว่า

    “หลวงปู่... พักบนเตียงหลวงพ่อนะขอรับ ผมเปลี่ยนที่นอนให้เรียบร้อยแล้ว”

    เท่านั้นแหละผู้อ่านเอ๋ย.... หลวงปู่ธรรมชัยถึงกับคุกเข่าลงบนพื้นหน้าเตียงนอน กราบลงบนพรมวางเท้าแล้วพูดเสียงน่าสงสารว่า

    “จะฆ่าหลวงปู่หรื๊อ.... จะให้หลวงปู่ตกนรกหรื๊อ.... หลวงปู่ขอนอนตรงนี้ก็พอแล้ว...”

    แล้วท่านก็กราบชี้ตรงที่วางเท้าหน้าเตียงนอนพ่อ ก็ต้องรื้อฟูกลงมาปูตามที่ท่านยืนยันขันแข็ง

    หลวงปู่ธรรมชัยน่าจะปีเดียวกับพ่อ (หลวงพ่อฤๅษีฯ) แต่มารยาทการแสดงออกนั้น เสมือนลูกที่กระทำต่อพ่อที่ตนรักและเกรงกลัว

    ....ยิ่งหลวงปู่อ่อนน้อมและค้อมต่ำ ก็ยิ่งส่งให้ท่านดูสูงส่ง มั่นคงในความดีไม่มีประมาณ และยิ่งชี้ชัดให้พระคุณของพ่อเด่นกระจ่าง แม้จะพยายามปกปิดซ่อนเร้นให้เห็นแต่ความธรรมดาสามัญตลอดมาก็ตาม...

    [​IMG]

    จนเวลานี้.... แม้พระคุณทั้งสองจะทิ้งร่างลาโลกไปแล้วก็ยังส่งมอบมรดกธรรมล้ำค่าไว้ให้ลูกหลานทัศนาใช้สอย นั่นก็คือ ความอ่อนน้อมถ่อมตน และการปกปิดความดีไม่อวดอ้าง เหมือนจันทร์เพ็ญเด่นกระจ่าง แม้จะเอาเมฆนุ่มหนามาบดบังเอาไว้ก็ยังครองใจชาวโลกให้จดจ่อระลึกถึงอยู่ไม่มีเวลาเสื่อมสลายคลายศรัทธา.


    *ขอขอบคุณ ภาพประกอบและเนื้อหาจาก เว็ปวัดท่าซุงดอทคอม /คุณ Wannachai 001 และคุณ tamsak
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • images (1).jpg
      images (1).jpg
      ขนาดไฟล์:
      315.1 KB
      เปิดดู:
      5,226
    • 024_5_b.jpg
      024_5_b.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.8 KB
      เปิดดู:
      5,785
  8. HipPo*

    HipPo* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    3,101
    ค่าพลัง:
    +7,908
    ได้ลงข้อมูลต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว

    พระที่จะนำมาแบ่งกันบูชาในครั้งนี้คือ "พระผงจันทร์ลอย ครูบาธรรมชัย ปี๒๕๒๗"

    หาพบเจอได้ยากมาก ปรกติบูชากัน500-1,000 บาท ...... กระทู้นี้ให้บูชาราคาพิเศษแน่นอนครับ
    ลูกหลานหลวงพ่อเหมือนกัน ต้องมีใจอาทรแก่กัน แบ่งกันไปบูชาตามกำลังครับ

    รับรองว่าพิเศษแบบหาที่ไหนไม่ได้จริงๆ ช่วงเย็นๆลองติดตามชมกันครับ



    หมายเหตุ: เนื่องจากสมาชิกบางท่านสงสัยว่าหลวงปู่ธรรมชัยสร้างพระผงจันทร์ลอยด้วยหรือ
    ขออนุญาตเรียนว่า แท้จริงแล้วพระผงจันทร์ลอยนี้ มีชื่อรุ่นจริงว่า "รุ่นสร้างพระอุโบสถ วัดทุ่งหลวง ปี๒๕๒๗ "

    หลวงปู่มรณภาพเมื่อวันเสาร์ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ แล้ว สิริอายุ ๗๓ ปี ๖ เดือน พรรษา ๕๓.... พระผงรุ่นนี้สร้างปี พ.ศ.๒๕๒๗ นับเรียกว่าเป็นรุ่นทิ้งทวนกันเลยทีเดียว
    ชาวบ้านในแถบวัด เล่าขานกันมาแบบนี้ ...หลวงปู่เป็นพระหมอยา มุ่งมั่นรักษาบรรเทาทุกข์ให้กับชาวบ้านตลอดทุกลมหายใจของท่าน
    การสร้างวัตถุมงคลมีเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่ทันหลวงปู่ พระผงจันทร์ลอยนี้นับเป็นพระที่แท้และทันหลวงปู่อธิษฐานจิตอย่างแน่แท้
    และยังไม่มีการปลอมแปลงหรือเลียนแบบครับ

    เหตุดังที่ได้เรียนชี้แจงในข้าวต้น ประกอบกับพระของหลวงปู่ไม่ได้โด่งดังระดับประเทศอย่างเกจิอาจารย์ท่านอื่นๆ
    การสร้างพระรุ่นนี้ก็เพื่อบูรณะอุโบสถ หาใช่เป็นการบูชาเชิงพาณิชย์
    การที่นำมาแบ่งปันกันในครั้งนี้ ก็เพื่อทำตามปธิธาณที่ผมได้ตั้งใจไว้ .... เพื่อบูชาพุทธคุณ เก็บรักษาสมบัติของหลวงปู่ธรรมชัยที่หลวงพ่อฤาษีได้กล่าวยกย่องในคุณธรรมเป็นที่ประจักษ์

    .....ดังนั้นจึงขอรับประกันมั่นใจในความแท้ และทัน หลวงปู่ตลอดชีพ คืนเต็มจำนวนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 เมษายน 2013
  9. oomdi

    oomdi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    405
    ค่าพลัง:
    +1,261
    ติดตามครับ
     
  10. HipPo*

    HipPo* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    3,101
    ค่าพลัง:
    +7,908

    ขอบคุณครับ .... ช่วงเย็นๆลองเลือกชมได้ครับ
     
  11. HipPo*

    HipPo* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    3,101
    ค่าพลัง:
    +7,908
    หลวงปู่ธรรมชัย

    อดีตที่ผ่านพ้นตอนที่ ๕๗

    เรื่องเล่าต่าง ๆ โดยพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    อดีตที่ผ่านพ้นตอนที่ ๕๗ : หลวงปู่ธรรมชัย - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน



    ๕๗. หลวงปู่ธรรมชัย


    หลวงปู่ครูบาธรรมชัย ธมฺมชโย แห่งวัดทุ่งหลวง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระสุปฏิปันโนที่ควรแก่การเคารพเป็นที่ยิ่ง จริยาวัตรของท่านงดงามเย็นตาเย็นใจ เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรมเป็นอย่างสูง สงเคราะห์ต่อมหาชนโดยมิเห็นแก่เหนื่อยยาก แค่เห็นอิริยาบถอันนุ่มนวล และรอยยิ้มเปี่ยมปรานีของท่าน ก็ชื่นใจจนบอกไม่ถูกแล้ว...

    “ท่านผู้รู้” เมตตาบอกว่า หลวงปู่ครูบาธรรมชัยปรารถนาซึ่งพระโพธิญาณ จะเห็นได้ว่างานสงเคราะห์ญาติโยมพุทธบริษัท ด้วยการรักษาโรคภัยและแก้กรรมทุกชนิดนั้น เป็นงานของพุทธภูมิอย่างแท้จริง แม้ภายหลังหลวงปู่จะเปลี่ยนใจ ขอเป็นเพียงอัครสาวกของสมเด็จพระศรีอาริยเมตตรัยก็ตาม ท่านก็ยังคงทำงานของพระโพธิสัตว์อยู่เช่นเดิม...

    บรรดาศิษย์ของหลวงปู่ครูบาศรีวิชัย ยอดนักบุญแห่งลานนาไทยนั้น หลวงปู่ครูบาธรรมชัยก็เป็นองค์หนึ่ง ที่เป็นที่พึ่งของชนทั้งหลาย วัดทุ่งหลวงของท่านแม้จะอยู่บ้านป่าบ้านดง หลวงปู่ก็สามารถรวบรวมศรัทธาจากญาติโยม สร้างเป็นวัดใหญ่โตมโหฬาร พร้อมด้วยเมืองพระนิพพาน สวยงามติดตาติดใจ...

    ความสามารถของหลวงปู่ไม่เป็นที่สงสัยเลย ใครเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคอะไร เป็นมากี่ปี กี่เดือน ใช้ยาอะไรรักษา ท่านบอกได้ละเอียดยิบ กรรมเก่าของใครเป็นอย่างไร จะแก้อย่างไร หลวงปู่บอกได้หมด “หลวงพ่อ” บอกว่า “ทิพจักขุญาณของหลวงปู่ธรรมชัย เยี่ยมที่สุดในยุคปัจจุบันนี้...!” เพราะหลวงปู่ต้องมาช่วยรักษาคนโดยตรง ดังนั้น จำเป็นอยู่เองที่ทิพจักขุญาณของท่านต้องเลิศจริง ๆ ไม่อย่างนั้นจะทราบสมุฏฐานของโรคโดยละเอียดไม่ได้ “หลวงพ่อ” นั้นเคยรักษาคนในระยะแรก ๆ “แต่มันไม่ใช่งานของฉัน พอเห็นหลวงปู่ธรรมชัยปุ๊บ ฉันก็รู้ว่าเจ้าของงานเขามาแล้ว” ตั้งแต่นั้นมา ใครมาให้ “หลวงพ่อ” รักษา ท่านบอกให้ไปหาหลวงปู่ธรรมชัยทั้งสิ้น...

    หลวงปู่กล่อม (พระธรรมวราลังการ) วัดบุปผาราม ครั้งยังเป็นเจ้าคุณเทพฯ อยู่ พบหลวงปู่ครูบาธรรมชัย ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้ตำแหน่งที่พระครูวรเวทย์วิสิฐ หลวงปู่กล่อมซึ่งเป็นเจ้าคุณเทพฯ อายุมากกว่าหลวงปู่ครูบาสามสิบปีเห็นจะได้ กราบหลวงปู่ครูบาธรรมชัย พร้อมกับกล่าวว่า...

    “พระเดชพระคุณขอรับ กระผมทราบว่าตนเองปรารถนาพระโพธิญาณ แต่กระผมโง่เขลาเบาปัญญา ไม่ทราบว่าตนเองบกพร่องในบารมีใดบ้าง ขอความกรุณาจากพระเดชพระคุณ ได้โปรดเมตตาชี้แนะแก่กระผมด้วยเถิดขอรับ...”

    หลวงปู่ครูบาธรรมชัยเอง ท่านก็ไม่นึกว่าจะถูกจู่โจมเอาซึ่งหน้าอย่างนั้น ถึงกับพับเพียบแต้ พนมมือตอบอย่างหมดทางเลี่ยงว่า “ปัญญาบารมีกับวิริยะบารมียังพร่องอยู่ พยายามหน่อยนะครับ” เรื่องนี้หากจดจำผิดพลาดก็ต้องขออภัย เพราะเป็นเวลา ๑๕ – ๑๖ ปีมาแล้ว...!

    ความเมตตาของหลวงปู่ ยากจะหาใดเปรียบได้ ท่านให้การสงเคราะห์แก่ผู้คน โดยไม่ได้นึกถึงองค์ท่านเองเลยแม้แต่น้อย บ่อยครั้งที่ท่านต้องอดเพล เพราะญาติโยมกลุ้มรุมกันอยู่โดยไม่ยอมถอย เมื่อโยมไม่ไปท่านก็ไม่ลุก ยังคงช่วยเหลือรักษาพยาบาลด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ผลคือเลยเวลาจนต้องอดเพล...!

    คำว่า หวงของ รู้สึกจะไม่มีในพจนานุกรมส่วนองค์ของท่านเลย ใครขออะไรท่านให้เขาหมด แม้แต่ลูกประคำที่คล้องคออยู่ ท่านก็ถอดให้เขาหน้าตาเฉย อาตมาเองก็ยังได้มาเส้นหนึ่ง ปัจจุบันลูกประคำเส้นนี้อยู่กับน้องแสงชัย ซึ่งเป็นน้องชายอาตมาเอง เขาไปทำงานต่างประเทศ จึงให้เขาไว้เป็นเครื่องคุ้มตัว...

    หลวงปู่เคยมอบธรรมะให้ชนิดที่อาตมาคิดไม่ถึง เกือบหงายท้องเพราะรับไม่ทัน

    ตอนนั้น...อาตมากับสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ซึ่งหลวงปู่รับเขาเป็นลูกสาวบุญธรรม ไปให้หลวงปู่ช่วยรักษาโรคด้วยกัน เกิดรู้จักกันขึ้นและมีการติดต่อกันทางโทรศัพท์ เพราะเธอมีปัญหาสารพัดมาขอคำปรึกษาอยู่บ่อย ๆ ...

    ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ความเมตตานั้นเหมือนกับแม่เหล็กที่ดึงดูดเศษเหล็ก ยิ่งสงเคราะห์เขามากเท่าไร และเขาเป็นผู้หญิงด้วย เขากลับคิดไปว่า เราต้องรักใคร่ชอบพอเขาแน่แล้ว แม้อาตมาในตอนนั้นจะรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไร มีจุดมุ่งหมายอย่างไร แต่เธอไม่รับรู้ด้วย เมื่อคิดว่าเรารัก เขาก็ทุ่มเทใจตอบมาทั้งสิ้น...!

    ผลคือ...เธอตกหลุมที่ตัวเองขุดเอง ถอนตัวไม่ขึ้น ไปกราบถามหลวงปู่ว่า ทำไมเป็นถึงเพียงนี้ จะหลับจะตื่นเฝ้าคิดถึงแต่อาตมา เขาโดนไสยศาสตร์จากอาตมาหรือเปล่า...?

    หลวงปู่ตอบชนิดอาตมาหงายหลังทั้งยืนว่า “ใช่...!”

    คุณเอ๋ย...โลกทั้งโลกมันมืดไปหมด ทำไมครูบาอาจารย์ของเรากลายเป็นเช่นนี้...! "

    อาตมาหน้ามืดไปทั้งอาทิตย์ คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก ในที่สุดมาสรุปกับตนเองว่า การรู้เห็นของหลวงปู่ไม่มีทางผิดพลาดอย่างเด็ดขาด เมื่อท่านจงใจผิดเช่นนี้ ท่านต้องกำลังให้อะไรเราอย่างแน่นอน

    ในที่สุดก็สรุปออกมาได้ว่า... กำลังใจเรายังอ่อนมาก กระทบแค่นี้จะตายซะให้ได้ ยังต้องเร่งการปฏิบัติอีกมากนัก และการเมตตาต่อเพศตรงข้ามนั้น ต้องพึงระวังให้จงหนัก หาไม่จะกลายเป็นวัวพันหลักดิ้นไม่หลุดทีหลัง

    พอหาข้อสรุปได้ก็ชักฟ้าแจ้งจางปาง ไปกราบหลวงปู่อีกครั้ง คราวนี้ท่านยิ้มหวานอย่าบอกใครเชียว...โธ่...หลวงปู่นะ หลวงปู่...เล่นส่งข้าวสารมาทั้งกระสอบ เกือบถูกทับตายคาที่ซะแล้วไหมล่ะ...!

    หลวงปู่ท่านเป็นผู้คล่องในพิธีการต่าง ๆ เป็นอย่างมาก อาตมาชอบดูท่านทำพิธีต่าง ๆ เวลาท่านสวดชุมนุมเทวดาแต่ละครั้ง “หลวงพ่อ” กลับจะถึงวัดอยู่แล้ว ทางนี้หลวงปู่ยังว่าไม่ถึงครึ่งเลย ละเอียดละออเป็นที่สุดจริง ๆ...

    เพราะท่านทุ่มเทความรู้ความสามารถทั้งหมด ในการสงเคราะห์ต่อมหาชน จนสุดที่สังขารท่านจะทนไหว จึงต้องทิ้งร่างไปในที่สุด ท่ามกลางความสุดรักสุดอาลัยของหมู่ศิษย์ทั้งหลาย ร่มโพธิ์ร่มไทรได้ถึงกาลโค่นลงอีกต้นหนึ่งแล้ว...

    อาตมาลงมาร่วมงานศพหลวงปู่ที่กรุงเทพฯ ได้พักอยู่กับหลวงปู่มหาอำพัน ที่วัดเทพศิรินทราวาส ตอนเช้าขณะที่สวดมนต์ทำวัตรเช้าอยู่ สำเนียงสวดของอาตมากลายเป็นเสียงสวดแบบเหนือไปหมด ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้...?!? ลืมตาขึ้นด้วยความสงสัย...เห็นหลวงปู่ธรรมชัยยืนยิ้มเห็นฟันดำเป็นเงา อยู่ห่างจากอาตมาไม่ถึงเมตร...! อาตมารีบกราบแทบเท้าท่านด้วยความตื้นตันใจ หลวงปู่ละสังขารไปแล้ว ยังอุตส่าห์มาให้เรากราบเท้าจนถึงที่นอนเลย...

    ครูบาอาจารย์แต่ละองค์ ค่อย ๆ ร่วงโรยไปตามวาระของท่าน คำสั่งคำสอนและการปฏิบัติองค์เป็นตัวอย่างของท่าน เป็นสมบัติล้ำค่าที่ท่านทิ้งไว้เป็นมรดกแก่ศิษย์ทั้งหลาย จะติดองค์ท่านก็จงติดแบบเป็นอนุสติเถิด ระลึกถึงเมื่อใด ความเมตตาปรานีของท่านที่มีต่อเราก็เต็มอิ่มเต็มอารมณ์เมื่อนั้น หลวงปู่จากไปแต่กาย ความดีของท่านยังคงอยู่ในดวงจิตดวงใจของเราทั้งหลายตราบสิ้นกาลนาน...

    ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๓๓

    พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ​
     
  12. Banana_KU61

    Banana_KU61 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +3,344
    ขอโมทนาบุญกับปณิธานอันดีงามของน้องแบ๊งค์ด้วยครับ พี่จะรอชม ^_^
     
  13. HipPo*

    HipPo* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    3,101
    ค่าพลัง:
    +7,908
    ตัวอย่างพระผงจันทร์ลอย ปี๒๕๒๗
    ที่มีให้บูชาในINTERNET ทั่วไป (ขออนุญาตยืมภาพประกอบจากเว็ปต่างๆ)

    ลองพิมพ์ Google searchด้วยคำว่า "พระผงปี ๒๕๒๗ หลวงปู่ธรรมชัย"

    (บางกระทู้ในเวปพลังจิตนี้เองก็เคยเห็นลงให้บูชาครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00034.JPG
      DSC00034.JPG
      ขนาดไฟล์:
      142.8 KB
      เปิดดู:
      326
    • DSC00035.JPG
      DSC00035.JPG
      ขนาดไฟล์:
      132.7 KB
      เปิดดู:
      289
    • 1448769-3.jpg
      1448769-3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.7 KB
      เปิดดู:
      667
    • 1448769-4.jpg
      1448769-4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90.2 KB
      เปิดดู:
      362
    • CR3_3454.jpg
      CR3_3454.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.1 KB
      เปิดดู:
      391
    • CR_3454.jpg
      CR_3454.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.4 KB
      เปิดดู:
      369
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 เมษายน 2013
  14. HipPo*

    HipPo* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    3,101
    ค่าพลัง:
    +7,908
    [​IMG]



    [​IMG]


    เปิดให้บูชา"พระผงจันทร์ลอย รุ่นสร้างอุโบสถ วัดทุ่งหลวงอ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ปี๒๕๒๗"

    (ตอนนี้มีเพียง ๓๐ องค์เท่านั้น)


    บูชาองค์ละ 300 บาท ส่งEMSฟรี

    บูชา2องค์ขึ้นไป องค์ละ 250บาท ส่งEMSฟรี

    พิเศษ บูชา 5 องค์ขึ้นไปเพียงองค์ละ 200 บาทเท่านั้น ส่งEMSฟรี




    ----------------------------------------------------------------------------------

    ชื่อบัญชี :นาย ธวัชชัย ปัญญามีรักษ์
    บัญชีออมทรัพย์ :เลขที่ 566-479-416-4
    ธนาคารไทยพาณิชย์

    สาขา คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    หรือมีข้อสงสัยใดๆโปรดติดต่อ : 089-9568832 (แบงค์) ได้ครับ

    กรุณาจองและโอนภายใน 5 วันนะครับ


    ----------------------------------------------------------------------------------​


    *ส่ง EMS เพิ่มค่าส่ง 50 บาทต่อครั้งครับ
    *รับประกันความแท้ 100% ตลอดชีพยินดีคืนเงินเต็มจำนวน หากตรวจสอบว่าเป็นพระเก๊หรือเลียนแบบครับ แต่พระต้องอยู่ในสภาพเดิม
    *ขอกราบขอบพระคุณล่วงหน้า กับสมาชิกทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมและบูชาด้วยครับ
    [/CENTER]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. HipPo*

    HipPo* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    3,101
    ค่าพลัง:
    +7,908
    ตัวอย่างพระชุดนี้ครับ สภาพสวยคมกริบ เก่าเก็บสภาพเดิมๆจากวัด

    บางองค์จะมีลักษณะเนื้อเนียน แต่บางองค์ก็จะมีปุยขึ้นเป็นบางแห่ง

    พระสภาพใกล้เคียงกับที่ถ่ายให้ชมทั้งชุดนะครับ ถ่ายทีละองค์ไม่ไหว ลองพิจารณาดูครับ

    จองก่อน คัดสวยให้ก่อนนะครับผม ^^
    .....​

    พิเศษ สมณาคุณภาพหลวงปู่ด้านหลังเป็นคาถา 1ใบต่อการบูชา1องค์


    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF0130.JPG
      DSCF0130.JPG
      ขนาดไฟล์:
      195.6 KB
      เปิดดู:
      316
    • DSCF0132.JPG
      DSCF0132.JPG
      ขนาดไฟล์:
      182.7 KB
      เปิดดู:
      201
    • DSCF0133.JPG
      DSCF0133.JPG
      ขนาดไฟล์:
      187.6 KB
      เปิดดู:
      217
    • DSCF0136.JPG
      DSCF0136.JPG
      ขนาดไฟล์:
      196.1 KB
      เปิดดู:
      241
    • DSCF0137.JPG
      DSCF0137.JPG
      ขนาดไฟล์:
      193.3 KB
      เปิดดู:
      214
    • DSCF0139.JPG
      DSCF0139.JPG
      ขนาดไฟล์:
      190.4 KB
      เปิดดู:
      210
    • DSCF0140.JPG
      DSCF0140.JPG
      ขนาดไฟล์:
      183 KB
      เปิดดู:
      234
    • DSCF0141.JPG
      DSCF0141.JPG
      ขนาดไฟล์:
      192.2 KB
      เปิดดู:
      238
    • DSCF0142.JPG
      DSCF0142.JPG
      ขนาดไฟล์:
      189 KB
      เปิดดู:
      210
    • DSCF0143.JPG
      DSCF0143.JPG
      ขนาดไฟล์:
      198 KB
      เปิดดู:
      217
    • DSCF0145.JPG
      DSCF0145.JPG
      ขนาดไฟล์:
      212.9 KB
      เปิดดู:
      5,016
    • DSCF0146.JPG
      DSCF0146.JPG
      ขนาดไฟล์:
      228.9 KB
      เปิดดู:
      5,017
    • DSCF0153.JPG
      DSCF0153.JPG
      ขนาดไฟล์:
      336.7 KB
      เปิดดู:
      214
    • DSCF0151.JPG
      DSCF0151.JPG
      ขนาดไฟล์:
      241.9 KB
      เปิดดู:
      362
    • DSCF0152.JPG
      DSCF0152.JPG
      ขนาดไฟล์:
      237.2 KB
      เปิดดู:
      365
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 เมษายน 2013
  16. Sanguank

    Sanguank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,386
    ขอจองบูชา จำนวน 2 องค์ครับ
    โอนเงินแล้วจะแจ้งอีกครั้ง
     
  17. HipPo*

    HipPo* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    3,101
    ค่าพลัง:
    +7,908
    รับทราบการจอง2องค์ ... ขอบคุณมากครับ
     
  18. Banana_KU61

    Banana_KU61 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +3,344
    พี่นิมนต์ 2 องค์ครับ โอนให้สัปดาห์หน้าพร้อมคำข้าวงวดแรกครับ
    คัดงามๆ ให้ด้วยนะครับ ^_^
     
  19. Nakraksa

    Nakraksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    3,481
    ค่าพลัง:
    +14,350
    จอง 10 องค์ค่ะ
     
  20. HipPo*

    HipPo* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    3,101
    ค่าพลัง:
    +7,908
    รับทราบการจอง2องค์ครับ ได้ครับพี่คัดให้สวยๆครับ:cool:

    รับทราบการจองจำนวน10องค์ครับ ....ขอบคุณครับ เก็บรักษาไว้ให้ครับ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...