ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย jarujun, 21 มกราคม 2015.

  1. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    โดยเฉพาะขุนแก้วนั้น ให้แคลงใจนักว่าสิงห์จักยกขันธ์ครูกับผู้ใด
    ก็ไพล่ไปคิดถึง พ่อครูขาว แต่ก็ให้งงนัก ใยขันครูจึงมีมาลัยกร
    แล้วใยขุนสิงห์หน้าอ่อน จึงเดินตรงไปที่ห้องพระที่ทั้งสองพระองค์
    ประทับอยู่ และยังไม่เสด็จออกมา

    ด้วยสังหรณ์ใจ จึงเดินมาดักหน้าก่อนสิงห์จะเข้าประตูห้องพระ
    ที่มีอีกสองท่านขุนยืนเฝ้าทวารประตูอยู่ ด้วยท่าทางเคร่งขรึม
    "ขุนสิงห์ เจ้าจะทำการอันใด นั่นขันธ์ครู เจ้าจักนำไปครอบครู
    กับผู้ใด โปรดจงแถลงถ้อยเถิด"

    ขุนสิงห์ เงียบไปอึดใจ ก่อนจะพูดด้วยหน้าตาเรียบเฉยเหมือนจะเชิดหน้านิดๆ
    แล้วเหลือบแลด้วยหางตา เกือบจะคล้ายอาการลอยหน้าลอยตา
    เสียแต่หน้าตานิ่งๆ เหมือนจะระอาคนถาม
    (เป็นกริยาประจำตัว ที่พาให้เกิดเภทภัย และเป็นที่หมั่นไส้ในหมู่ทหาร
    แม่ทัพ นายกอง ในกาลต่อมา)

    "ขออภัย ท่านขุนแก้ว การนี้เป็นเรื่องของข้าและผู้จักเป็นครู
    หาใช่การใดของท่านไม่"

    ได้ฟังดังนั้น ให้ขัดอารมณ์ขุนแก้วนัก จึงตรงไปผลักอกสิงห์ แม้ไม่แรงมาก
    เหมือนเป็นการท้าเชิง แต่ก็ทำให้พานในมือสั่น จนกรวยดอกไม้เกือบตก
    "ชะ ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยโสเพียงนี้ คงคิดว่าเจ้าหอหน้าคัดท้าย"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2016
  2. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ก่อนที่ขุนแก้วผู้จงรัก กับขุนสิงห์ผู้ยียวนจะวางมวย

    ท่านขุนที่ยืนอารักขา หน้าประตูกำลังมองหน้ากัน ว่าจักห้ามหรือกระไรดี
    กลัวทั้งสองพระองค์จะได้ยิน เพราะรู้พระทัยเจ้าหอหน้า ว่าทรงไม่พอพระทัยมาก
    ให้ข้าในพระองค์ มีเรื่องทะเลาะชกต่อยกัน หากแม้นใครบังอาจ
    จะถูกลงทัณฑ์ ไม่ไว้หน้าและตำแหน่ง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

    ประตูห้องพระก็เปิดออกอย่างแรง ตามพระอารมณ์ของเจ้าหัวหน้า
    "พวกมึงสองคน เป็นข้าในกูทั้งสอง มึงยังกล้าพยศใส่กันอีก
    มึงเห็นกูเป็นหลักเป็นตอกระนั้น ไอ้ขุนแก้ว มึงกล้าว่ากูคัดท้ายขุนสิงห์หรือวะ"

    สิ้นสุรเสียงดังก้องกัมปนาท จนทุกคนที่อยู่บนเรือนเงียบกริบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2016
  3. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ทุกคน รีบถวายบังคม เจ้าหอหน้าที่ประทับยืนหน้าห้องพระ
    ขุนแก้วมิกล้าเอ่ยอันใด ได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบพระเนตร

    พลันสายพระเนตรเจ้าหอหน้าก็เหลือบไปเห็นขันธ์ครู ในมือสิงห์ จึงเอ่ยขึ้น

    "ขุนสิงห์ มึงจักถือขันธ์ครูไปยกครูกับผู้ใด"

    ขุนสิงห์เอ่ยด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
    "ข้าพระพุทธเจ้า จักขอยกครูกับใต้ฝ่าละอองพระบาท พะย่ะค่ะ"

    ท่านขุนทุกคน แม้เกรงบารมีเจ้าหอหน้า แต่ก็หันไปสบตากันถ้วนทั่ว
    ด้วยเจ้าหอหน้า เคยลั่นวาจาว่าจะไม่รับพวกตนเป็นศิษย์ แม้จักเพียร
    พยายามอ้อนวอนขอ มอบกายถวายชีวิต ท่านก็ไม่ทรงใจอ่อนให้ โดย
    ไม่เคยบอกเหตุผลกลใด แต่เมื่อมิมีผู้ใดได้เป็นศิษย์ ทุกคนจึงยอมสงบ
    รอเพลาเจ้าหอหน้าใจอ่อนซักครา

    แม้กระนั้น พระองค์ก็ยังเฝ้าสอนกลศึก และตำราพิชัยสงคราม รวมทั้ง
    การฝึกเพลงดาบ เพลงมวย แต่ก็ยังไม่ใช่ ศิษย์มีครู
     
  4. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    พระอนุชา หันไปสบพระเนตรกับเจ้าหอหน้า

    "กระนั้นหรือ เข้ามาในห้อง ข้าจักทำพิธีให้"

    ท่านขุนทุกคนมองหน้ากัน ด้วยความฉงนและสะเทือนใจ
    ใยขุนสิงห์ จึงได้เป็นศิษย์คนแรกของเจ้าหอหน้า

    บานประตู ไม่ได้ปิดลง ตามพระบัญชาของเจ้าหอหน้า
    แล้วพ่อครูขาว ก็ได้มาเป็นพยานในพิธีกรรมอันเรียบง่าย
    แต่ศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนพยายามเงี่ยหูฟังถ้อยคำในห้องพระ
    แต่ให้น่าแปลกใจนัก ที่จับใจความมิได้เลย(ผีบังตา พาให้หูแชเชือนด้วยพระเวทย์)

    เจ้าหอหน้านำสิงห์ สวดอารธนาคุณพระศรีรัตนตรัย โดยมีพระอนุชาเป็นพยาน
    ในพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ และพ่อครูขาวคอยช่วยจัดแจงให้ไม่พร่อง

    แล้วเจ้าหอหน้ากับสิงห์ก็นั่งประจัญหน้ากัน

    เจ้าหอหน้ากล่าวเบาๆ ราวกับเสียงกระซิบว่า

    "จริงแล้วไซร้ ข้าและเจ้านั้นเกิดในร่มเศวตฉัตร จักต้องมีฉัตรเงินฉัตรทอง 7 ชั้น
    อีกทั้งยังต้องขึ้นขันธ์ 108 ประกอบด้วยเครื่องสังเวยบัดพลี มีพราหมณ์มุนีเป็นผู้ทำพิธี
    เป่าร้องด้วยแตรสังข์ แต่เพลานี้ พี่ยอมจักให้เจ้ายกขันธ์ 5 นี้ โดยมิต้องมีพิธีกรรม"

    //ตอนนั้นเจ้าหอหน้ายังเป็นเพียงพระอุปราชวังหน้า จึงใช้ฉัตรเพียง 7 ชั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2016
  5. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    "ข้า... สิงห์....ขอมอบกายถวายวิญญา เป็นศิษย์ จะตั้งใจเล่าเรียน
    เพียรวิชา จักตั้งมั่นในศิลธรรม ขอครูจงประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ข้าด้วยเถิด"

    เป็นครั้งแรกที่สิงห์เห็นเจ้าหอหน้าแย้มพระโอษฐน์ขึ้นนิดๆ(ยิ้ม)

    แล้วหันหน้าไปทางพระพุทธรูป สิงห์รีบทำตาม ทรงจุดธูป 16 ดอก แล้วกล่าวบท
    ชุมนุมเทวดา

    สัคเค กาเม จะ รูเป คิริสิขะระตะเฏ จันตะลิกเข วิมาเน

    ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถุมหิ เขตเต

    ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม ยักขะคันธัพพะนาคา

    ติฏฐันตา สันติเก ยัง มุนิวะระวะจะนัง สาธะโว เม สุณันตุฯ

    ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตาฯ



    ทรงเอ่ยโดยไม่หันพระพักตร์มาว่า "สิงห์จงกล่าวคาถาชุมนุมครู บูชาครู และสรรเสริญครูตามพี่ ด้วยจิตอันเป็นสมาธิ"



    พุทธังวันทิตวา ธัมมังวันทิตวา สังฆังวันทิตวา

    ข้าพเจ้าขอไหว้ซึ่งพระพุทธคุณณัง พระธรรมคุณณัง พระสังฆคุณณัง

    อนึ่งข้าพเจ้าขออาราธนาคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า อีกทั้งคุณบิดามารดา คุณอุปัชฌาย์ คุณครูบาอาจารย์ คุณพระฤาษีนารอด คุณพระฤาษีนาไลย คุณพระฤาษีหน้าวัว คุณพระฤาษีตาไฟ คุณพระฤาษีประไลยโกฏ คุณพระฤาษีกัสสป คุณพระฤาษีไกรภพ คุณพระฤาษีทัศมงคล คุณพระภรตมุนีฤาษีเทวา ทั้งเพชรฉลูกัน และนักสิทธิ์วิทยา อีกทั้งพระนางธรณี พระคงคา พระเพลิง พระพาย พระอิศวรผู้เป็นเจ้าฟ้า เธอมาประสิทธิพระพรชัยให้แก่ข้าฯ ข้าฯจะขออัญเชิญเทพยดาทั้งหลายทั่วพื้นปฐพีดล พระฤาษีทั้ง ๑๐๘ ตน บันดาลดลด้วยสรรพพสิทธิ์วิทยา พระครูพา พระครูเฒ่า ครูพักและครูอักษรสถาพรกรรมสิทธิ์แก่ข้าฯในการบัดนี้เทอญฯ



    อิติปิโสภะคะวา ข้าพเจ้าขออันเชิญสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาอยู่เหนือเกล้าเกตุเกษีขอเชิญพระพรมมาธาดาธิบดีอยู่เบื้องบ่าซ้าย เชิญพระนารายณ์ทรงฤทธีมาอยู่เบื้องบ่าขวาขอเชิญนางพระคงคามาเป็นน้ำลาย ขอเชิญพระพายมาเป็นลมปากขอเชิญพญานาคมาเป็นสร้อยสังวาน ขอเชิญพระกาฬมาเป็นดวงใจข้าพเจ้าจะทำสิ่งใด ภูติใดพรายใดอย่าได้มาเบียดเบียนบีฑาอย่าได้ประมาทพาดพรั้งขออันเชิญครูเเต่หนหลังพระฤาษีทั้ง 108 องค์เดชะคุณครูบาธิยายอันเลิสล้ำคุณครูผู้อยู่ในถ้ำจงมาช่วยอวยพระพรชัยประสิทธิ์ให้แก่ข้าฯ พุทธังประสิทธิ์มหาประสิทธิ์ ธัมมังประสิทธิมหาประสิทธิ์สังฆังประสิธิมหาประสิทธิ์

    (ตามด้วยคาถาบูชาครู)

    วันทิตวา สุคะนาธัง พุทธัญจะ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ สาธุกัง นะโมพุทธายะ ทิพพมันตรานัง ปะวักขามิ ยะถาพลัง ปัญจะอักขรา นิชาตา นโมพุทธายะ วันทะติฯ นะมัสสิตวา อิสีสิทธิ โลกะนาถัง อะนุตตะรัง อิสีจะพันธนัง สาตรา อะหังวันทามิตัง อิสีสิทธิ เวสสะฯ วันทิตวา อาจาริยัง ครูปาทัง อาคัจฉาหิ สัพะกัมมา ประสิทธิเม สัพพะอันตรายัง วินัสสันติ สัพพะสิทธิ ภะวันตุเมฯ

    มะอะอุ อธิกะมูลัง ตรีเทวานัง มหาศาสตรา อุอุ อะอะ มะมะ มันตรา อุสาอะวา มหามันตังฯ

    โองการพินธุนาธัง อุปปันนังพรหมา สหบดี นามังอาธิกัปเป สุอาคะโต ปัญจะปะทุมัง ทิสวา นะโมพุทธายะ วันทะนังฯ

    สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิการิยะ ตะถาคะโต สิทธิเตโช ชัยโยนิจจัง สิทธิลาโภ นิรันตรัง สิทธิกัมมัง ภะวันตุเมฯ

    อุกาสะ วิปฏิ ปฏิพาหายะ อุกาสะ อาราธนานัง ครูอาจาริยัง อาคัจฉันตุ ปริมันภะสัง

    ปูชนียัง สัพพะสิทธิ กะเรนะตุมัง สิทธิ์เตชัง สิทธิพลัง สิทธิกิจจัง อะหังวันทามิ ตังสะทา

    โอม นะโม นมัสการ ข้าฯจะไหว้คุณพระอาจารย์สิ้นทั้งมวล ตั้งแต่คุณท้าวมหาพรหมและพระอิศวรศิวะศังกรและคุณพระสี่กรนารายณ์เป็นประธาน อีกคุณดิน คุณลม คุณน้ำ คุณไฟ คุณอุณาโลมปฏิโลม คุณอัสวาส คุณนิสวาท คุณอากาศเป็นปริโยสามชั้นที่สุด อีกทั้งคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า คุณพระสังฆเจ้า คุณเทพเจ้า ตั้งแต่พระอาทิตย์เทวา พระจันทร์เทวา

    พระอังคารเทวา พระพุธเทวา พระพฤหัสบดีเทวา พระศุกร์เทวา พระเสาร์เทวา พระราหูเทวา พระเกตุบดีเทวา ขอบารมีเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯ ทั้งพระแม่ธรณี พระแม่คงคา นางเมขลาอันสถิตเที่ยวอยู่ในสาคร ทั้งหมู่เพทพยาธรเธอเสด็จจรในอากาศ อีกคุณพระฤาษีผู้ประสิทธิ์ประสาท

    (คาถาสรรเสริญครู)

    ครูผู้รู้สมเวทและสมยา สรรพยา สรรพคาถา สรรพมนต์ตรา มหายันต์ และอาคมเธอเสด็จทุกสถาน ข้าฯจะขอนมัสการกราบไหว้ ขอให้ข้าฯ เชี่ยวชาญทั้งคุณว่านและคุณยา ทั้งคุณมนต์ตราเวทย์คาถาและมหายันต์ ขอให้เป็นศรีสิทธิเตโชชัย ทั้งอักขระที่มีฤทธิ์ ทั้งนิคหิตที่เที่ยวไกล อักขระใด ๆ เชิญมาสถาพร ทุกสรรพเวทย์สโมสร พระอิศวรเธอประทานอวยพระพรชัยประสาทประสิทธิ์

    ให้แก่ข้าฯมา ทั้งคุณพระเวทย์และว่านยา คุณมหามนต์ตราคาถายันต์

    สิทธิสัพพะสุขขัง ภะวันตุเมฯ เอหิคาถา ปิยังกาโย ทิศาปาโมกขัง อาจาริยัง

    เอหิพุทธานุภาเวนะ เอหิธัมมานุภาเวนะ เอหิสังฆานุภาเวนะ

    กูจะสูบพระคาถาทั้งปวงขึ้นเหนืออก กูจะยกพระคาถาทั้งปวงขึ้นไว้เหนือเกศ

    พระครูกูเธอจึงให้กูเป็นเอกแก่คนทั้งหลาย เอหิคลาย คลาย ปิยังมะ มะ

    พุทธัง สะระหิโสมาเร สะระเอหิมาเร มาระ อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิฯ

    ธัมมัง สะระหิโสมาเร สะระเอหิมาเร มาระ อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิฯ

    สังฆัง สะระหิโสมาเร สะระเอหิมาเร มาระ อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิฯ

    กะขะคะฆะงะ จะฉะชะฌะยะ ฏะฐะฑะฒะณะ ตะถะทะธะนะ

    ปะผะพะภะมะ

    ยะระละวะ สะหะฬะ อัง ทรงอะ ทรงอา ทรงอิ ทรงอี ทรงอุ ทรงอู ทรงเอ ทรงโอ ทรงเอา ทรงอัง ทรงอะ ทรงนะโมพุทธายะ ทรงอักขระ ๔๑ ตัวโอกาเส ติฏฐาหิ ติฎฐาหิฯ

    อิติอักขรา นามะโหนะติ เอหิพันธัง พันธัง นะโมพุทธายะ นะผูก โมมัด

    พุทรัด ธารึง ยะกรึง

    อะสังวิสุโลปุสะพุภะ อิมัง กายะพันธะนัง อะทิถามิฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2016
  6. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ทรงสวดและเอ่ยพระคาถาด้วยพลังจิตอันแรงกล้าและดุดัน
    ขนในกายของทั่วทุกตัวตนคนในเรือนนั้น ต่างตั้งชัน
    ส่วนสิงห์รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งกาย โดยเฉพาะรอยสักยันต์ในตน
    ราวกับได้รับการสักใหม่ เจ็บราวกับเลือดออกมาซิบๆ แต่กระนั้น
    ก็หาสนใจไม่ เอ่ยตามพระคาถาโดยไม่ลดละ จดจำให้ขึ้นใจ
    จนจบจึงเย็นวาบไปที่กระหม่อม เหงื่อไหลชโลมกายราวกับอาบน้ำ
    ทั้งเจ้าหอหน้าก็เช่นกัน พระเสโทหลั่งไหล ชโลมพระวรกาย
     
  7. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แล้วจึงสั่งสิงห์ว่า "จงขอขมาข้าเสียก่อนจึงจะรับเป็นครูได้"
    "ข้าสิงห์ ขอขมาและขออโหสิกรรม หากข้านั้นเคยประมาทพลาดพลั้ง
    ทั้งที่ตั้งใจ และไม่ตั้งใจ ทำให้ระคายพระทัย ไม่ว่าจะด้วยกายกรรม วจีกรรม
    มโนกรรมก็ดี ขอพระองค์อย่าทรงกริ้วและขออภัยโทษ ขอจงอโหสิกรรมให้
    ข้าพระพุทธเจ้า และรับเป็นศิษย์ด้วยเถิด"

    เจ้าหอหน้าจึงตรัสด้วยพระสุรเสียงดุดันและละจริงจัง
    "ข้า เจ้าหอหน้า (ตามด้วยพระนามจริง และตำแหน่งในขัตยิวงศ์ = แต่ขอไม่เขียนเพราะเป็นเพียงนิทาน)
    ขออภัยโทษและอโหสิกรรมให้สิงห์ และขอรับสิงห์เป็นศิษย์ บัดนี้จงเรียกข้าว่า
    พ่อ(ครู)"

    จากนั้นพ่อครูขาวนำขันทองเหลืองขนาดเล็กใส่น้ำสะอาดไว้เกือบเต็ม พระอนุชาส่ง
    มีดพกทองขนาดเล็กส่งให้ เจ้าหอหน้าหยดพระโลหิตลงในน้ำในขันทองเหลือง
    สิงห์รีบทำตาม เลือดนั้นไหลลงไปรวมกันเป็นหยดเดียว

    "ขอให้ศิษย์ของข้าจงเอ่ยสัตย์สาบานว่า จะไม่คิดคดทรยศ ล้างครู หาไม่ ขอให้
    ต้องตายอย่างทรมาน ไม่มีแม้แผ่นดินจะกลบหน้า" ทรงตรัสต่อ

    "ข้าสิงห์ จักจงรักภักดี มอบกายถวายชีวิตต่อพ่อแล้ว จักไม่คิดคดทรยศ เป็นศิษย์ชั่วคิดล้างครู
    หาไม่แล้วขอให้ตายอย่างทรมาน ไม่มีแม้แผ่นดินจักกลบหน้า"

    แล้วเจ้าหอหน้า ก็จิบน้ำสาบานนั้น แล้วจึงส่งให้สิงห์ดื่มจนหมด

    จากนั้นยกพานครูขึ้นบริกรรม แล้วส่งให้สิงห์ สิงห์ยกบูชาครูเหนือหัว

    จากนั้นจึงยกพานครู บูชาหน้าพระ แล้วนำน้ำสะอาด ใส่ขันเล็กหนึ่งขัน
    บูชาพานครูอีกที

    เป็นอันจบพิธีกรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2016
  8. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ทำไมนักรบสมัยก่อนจึงโหดจังซี่???
     
  9. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    อนุโมทนา สาธุ กับคุณ ยศกร ทำบุญกับหลวงปู่เหลือง
    จำนวน 1,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 26491.jpg
      26491.jpg
      ขนาดไฟล์:
      212.1 KB
      เปิดดู:
      69
  10. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    จบพิธีกรรม อันเข้มขลัง

    เจ้าหอหน้าก็ทรงพระดำเนินออกมาตรงไปที่ คนเจ็บที่นอนอยู่
    บางคนก็มีอาการเพ้อเพราะพิษไข้ เจ้าหอหน้าทรงกำชับให้พ่อครูดูแลคนป่วย

    จากนั้นทรงพระดำเนินไปประทับนั่งที่ตั่งกลางบ้าน พร้อมกับที่แม่ยิ้มพร้อมพวกบ่าว
    และชาวบ้าน นำสำรับพระกระยาหารมาถวาย และวางสำรับไว้เป็นวง บนโตกที่สาน
    แต่พี่ทองได้ทานอาหารร่วมวงกับพ่อครู ส่วนแม่ยิ้มคอยรับใช้ นั่งพับเพียบไกล้
    สองพระองค์ ท่านขุนทั้งหลาย ก็มาทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาบนเรือน

    ก่อนที่จะเสวย ทรงตรัสด้วยพระสุรเสียงดังกังวาล

    "วันนี้เป็นฤกษ์ แลเพลาอันเป็นสวัสดิมงคล ข้าได้รับขุนสิงห์เป็นศิษย์คนแรก"

    เว้นระยะไปพักหนึ่ง จึงตรัสต่อว่า

    "แม้พวกเจ้า เหล่าขุนราชองครักษ์ทั้งหลาย จักมีความกินแหนงแคลงใจ
    ใยข้าจึงรับสิงห์เป็นศิษย์ ด้วยเพิ่งรู้จัก ยังอาจมิรู้น้ำใจอันแท้ แต่ข้าเจ้าหอหน้า
    มิได้รับสิงห์เป็นศิษย์เพียงเอาแต่น้ำใจตน สิงห์นั้นเป็นศิษย์มีครูอยู่ก่อนเก่า
    คือ ขรัวอินทร์ แลชะตาของขุนสิงห์ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ขุนอินทร์เป็นครูของข้า
    อันวิชาดีวิเศษทั้งหลาย ขุนสิงห์นั้นได้รับถ่ายทอดมาจากขรัวอินทร์ทั้งสิ้น
    แม้อักขระยันต์ก็เป็นขรัวอินทร์ที่ลงไว้ แลยันต์สิงห์ที่จารไว้ที่อกสิงห์เป็นหมายมั่น
    ให้ข้าทราบถึงน้ำใจของขรัวอินทร์ ข้าจึงได้รับขุนสิงห์เป็นศิษย์ แลการรับศิษย์นั้น
    ในน้ำใจของข้า พวกเจ้าทั้งหลายคือศิษย์ของข้าทั้งสิ้น แต่สิงห์นั้นข้าต้องรับไว้ด้วยพิธีกรรมอันตามครู
    เพื่อเป็นการเคารพครูของสิงห์ หากพวกเจ้ามีข้อเห็นแย้ง ขอให้แจ้งแถลงเถิด ข้ามิใช่ผู้ลุแก่อำนาจ
    อันพวกเจ้าก็ได้มอบกายถวายชีวิต ในสงครามร่วมกันมา"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2016
  11. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แล้วพระองค์ก็ทรงทอดถอนพระปัสสาสะ

    "อันตัวข้า เมื่อหลบออกมาจากอิระวดี กลับมาครองหัวเมืองเหนือ
    อายุข้าเพียง 16 เป็นดั่งที่พวกเจ้ากร่นด่าขุนสิงห์ ว่าปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม"

    แล้วกวาดสายพระเนตรไปยังท่านขุนทุกคน และหยุดลงที่ขุนแก้ว
    สายพระเนตรจ้องลงมา ขุนแก้วได้แต่หลบตา
     
  12. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    "ข้ามิได้ย่อท้อต่ออุปสรรคอันใด เฝ้ารวบรวมไพร่พลของข้าเอง
    ฝึกฝน เคี่ยวกรำ ด้วยข้ารู้ไซร้ อันดาบดี ต้องผ่านความร้อนแลวันเวลา
    หลายร้อย หลายพันฆ้อน จนขึ้นรูป เป็นศาสตราวุธจักรักษาแผ่นดินไว้ได้

    จักทำการใหญ่ ใจต้องกว้าง แลรู้จักให้โอกาสผู้อื่น ดาบเล่มเดียวแม้จักคม จักดี
    ตีด้วยเหล็กน้ำพี้ เสกไว้ด้วยมนตรา ก็มิอาจรักษาแผ่นดินได้ จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
    ดั่งเช่นที่ข้าเคยให้โอกาสพวกเจ้า"

    จบคำนั้น พวกท่านขุนก็แจ้งใจ และรู้สึกผิดเป็นล้นพ้น ได้แต่ถวายบังคม
    แล้วกล่าวพร้อมเพรียงกันว่า "เป็นพระมหากรุณาธิคุณ ล้นเกล้า ล้นกระหม่อม พะย่ะค่ะ"
     
  13. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แล้วก็ทรงเสวยพระกระยาหารกันเงียบๆ

    จากนั้นท่านขุนก็มารายงานว่า เตรียมตัวพร้อมเดินทางต่อ ไปยังอโยธยา

    ทั้งสองพระองค์ ครานี้ ฉลองพระองค์ด้วยชุดชาวบ้านเช่นเดียวกับพวกท่านขุน
    รวมทั้ง สิงห์ เข้ม และทองด้วย
     
  14. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เข้มนั้นให้ตื่นเต้น เป็นอันมาก ที่จักได้กลับบ้าน ไปพบนางในดวงใจ
    ให้รู้สึกเป็นห่วงพ่อครูเอกเป็นอันมาก โดยมิได้รู้เลยว่า ชะตาของตน
    จักต้องพลัดถิ่นไปอีกนาน ด้วยชะตาเกิดมารับใช้แลตายเพื่อแผ่นดิน

    ส่วนกองของท่านขุนทั้งสอง นั้นได้เดินทางล่วงไป เพื่อแจ้งข่าวแก่
    พ่อครูเอกไว้แล้ว แม่เอื้อมนั้นให้นับวันรอชายอันเป็นที่รัก คือ สิงห์ !!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2016
  15. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    กองกำลังของเจ้าหอหน้า ก็ควบม้า ไปโดยไม่พักอีกครา ครานี้
    ไม่มีกองกำลัง ลอบทำร้าย พักกองทัพ หนึ่งราตรี แล้วเดินทางต่อ

    เมื่อประมาณม้าได้หนึ่งวัน จึงจักถึงค่ายพ่อครูขาว ก็ปรากฏ กองกำลังม้า
    ราวสิบห้าคน วิ่งตรงมา สิงห์เตรียมชักดาบกลางหลัง กองม้านั้น
    ก็โยนผ้าสีขาวขึ้นบนฟ้า เป็นสัญญาน เจ้าหอหน้าบังคับม้าให้หยุด
    อีกฝ่ายก็หยุดเช่นกัน แล้วม้าสองตัวพร้อมผู้ขี่ จากขบวนม้านั้น ก็วิ่งตรงต่อมา
    เมื่ออยู่ในระยะที่เห็นได้ชัดเจน จึงเห็นว่าเป็นสองท่านขุนที่ล่วงมาก่อนนั่นเอง

    แล้วสองกองกำลังม้า ก็รวมตัวกัน กองที่มาใหม่ จัดกระบวนม้า ขนาบข้าง
    อีกทีเสมือนคุ้มกันภัย ไม่มีใครพูดคุยกัน ต่างเร่งม้า ไปให้ถึงค่ายของพ่อครูเอก

    เนื่องจากเวลานั้น โพล้เพล้เต็มทน จนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ก็ไม่มีคนจุด
    คบเพลิง แต่อาศัยความชำนาญทางแทน เกรงจักตกเป็นเป้า ให้ศตรูอีกครา

    จนมาถึงค่ายก็ดึกสงัด ทั้งม้าและคนต่างเหนื่อยล้าแทบขาดใจ
     
  16. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    วันที่ 25 เมษายน เป็นวันคล้ายวันสวรรคต ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    :':)':)'(

    ภาพจากกัลยณมิตรที่นำพวงมาลัยไปถวายท่าน ที่ทุ่งลุมพลี อยุธยา ค่ะ

    ภาพบางภาพถ่ายทอดเรื่องราว นานัปการ

    และภาพสุดท้าย ถวายความเคารพที่บ้านของป้าจารุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 89644.jpg
      89644.jpg
      ขนาดไฟล์:
      107.5 KB
      เปิดดู:
      111
    • 91147.jpg
      91147.jpg
      ขนาดไฟล์:
      134.9 KB
      เปิดดู:
      58
    • 91148.jpg
      91148.jpg
      ขนาดไฟล์:
      198 KB
      เปิดดู:
      116
    • 35186.jpg
      35186.jpg
      ขนาดไฟล์:
      106.2 KB
      เปิดดู:
      120
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2016
  17. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แม้เป็นเวลาดึกสงัดเพียงใด แต่คบไฟในค่ายก็สว่างไสว รอการมาของเจ้าชีวิต

    ประตูค่ายอันใหญ่ค่อยๆ เปิด เป็นจังหวะเดียวกับที่ขบวนม้าวิ่งเข้าไป
    โดยมิต้องชะงักม้าเลย แล้วก็ปิดตามอย่างรวดเร็ว สมกับเป็นค่ายใหญ่
    ที่อโยธยาวางใจนัก

    ขบวนม้าก็ควบต่อไปที่ลานหน้าบ้านพ่อครูเอกทันที

    พ่อครูเอกและฝูงชนย่อมๆ ยืนรออยู่ที่หน้าตีนเรือน (หัวกระไดบ้าน)
    เมื่อขบวนม้าควบมาจนหยุด ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว พ่อครูเอกก็คุกเข่าลง
    พนมมือขึ้นเตรียมถวายบังคม ถึงแม้จะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เพราะโพกผ้า
    เนื้อตัวขมุกขมอมทั้งสิ้น จนทุกคนโดดลงจากหลังม้า จนชนในขบวนม้า
    แล้วนั่งลงจนสิ้น เหลือเพียงบุรุษผู้สูงสง่า ทรงไม่ปลดผ้าพันพระพักตร์ออก
    แต่ชาวบ้านที่มาต้อนรับก็พร้อมใจกันถวายบังคม ทรงดำเนินไปขึ้นบันได
    เมือถึงตีนบันไดที่มีตุ่มน้ำเล็กๆรออยู่ พ่อครูขาวก็ตักน้ำราดรดพระบาททั้งสอง
    พระองค์ ถือเป็นการแสดงความเคารพสูงสุด

    สิงห์มองกริยานั้น ให้แปลกใจนัก ใยเจ้าหอหน้า แม้พระชันษาอ่อนวัยกว่า
    และไม่ได้มีท่าทางลุแก่อำนาจ แต่ใยพ่อครูขาวจึงได้เคารพนบนอบ ด้วยรู้
    น้ำใจในครูตน ว่าเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรีเพียงใด

    ทุกคนล้วนเกี่ยวพัน ด้วยบารมีของเจ้าหอหน้านั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2016
  18. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    จนทั้งสองพระองค์ ขึ้นไปบนเรือน สิงห์เห็นแม่เอื้อม รีบขึ้นเรือนพาพวกบ่าวไพร่หญิง
    ขึ้นไปต้อนรับ สิงห์มองอย่างชั่งใจเพียงครู่ ว่าจะตามขึ้นไปหรือไม่ เห็นแม่เอื้อม มองลงมา
    จึงไม่ปลดผ้าคลุมหน้าออก รีบเสเดินหนีไป เพื่อเตรียมอาบน้ำชำระร่างกาย

    และจักไปยังกุฏิเก่าของขรัวอินทร์ ด้วยรู้ว่าพ่อครูเก็บไว้ให้ตนเสมอ

    เมื่อถึงกุฏิ ก็พบว่ามิได้ดูรกร้างว่างเปล่าดังที่ตนคิด รอบๆบริเวณใ บไม้ไม่มีซักใบ ถูกกวาดอย่างเรียบร้อย
    จึงเดินขึ้นบันไดเรือนไปอย่างรวดเร็ว เตรียมผลัดผ้า จักไปอาบน้ำคลายความเหนียวตัว

    เมื่อขึ้นไปถึงระเบียงกุฏิ ก็พบตั่งมีโถข้าวและอาหารจัดเตรียมไว้ สิงห์ขมวดคิ้ว
    แล้วจึงเปิดประตูเรือนเข้าไปด้วยจิตสับสนนัก เสื่อถักใหม่ถูกปูไว้ พร้อมหมอนหนุน
    บนหมอนมีมาลัยกร ร้อยไว้อย่างงดงามปราณีตบรรจง ภายในเรือน(กุฏิ) สะอาดหมดจด
    แม้พื้นไม้ก็ขัดจนขึ้นมัน เมื่อมองไปที่หน้าต่างที่ปิดแน่น สิงห์ก็เห็นดอกมะลิ
    ถูกร้อยเป็นสายยาวนำมาประดับไว้ สิงห์เปิดหน้าต่างให้ลมเย็นในยามดึกพัดเข้ามา
    กลิ่นมะลิลอยมาแตะจมูก ลมพัดให้มะลิที่ร้อยไว้ พัดมาลูบไล้ใบหน้าสิงห์พอดี

    สิงห์สูดดมกลิ่นอ่อนเมื่อแรกสัมผัส แล้วหอมขจรขจายไปในทรวง แล้วให้คิดถึงกลิ่นกายของสตรีนัก
    ด้วยความหงุดหงิดในใจ สิงห์จึงเปิดหีบไม้ที่มีไว้ในห้อง เพื่อเก็บเสื้อผ้า

    ในหีบที่เคยว่างเปล่า เต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่ตัดไว้อย่างปราณีต
    รวมถึงผ้าขาวม้าสำหรับผัดเปลี่ยน กลิ่นดอกไม้แห้งอบขจรขจาย

    สิงห์รู้สึกราวกับตนเป็นสิ่งแปลกปลอมในกุฏินี้ เป็นสิ่งสกปรกโสมม
    ด้วยความหงุดหงิดใจ เมื่อวางดาบไว้ที่หัวนอนแล้ว รวมทั้งสัมภาระ

    จึงเดินลงเรือนไปด้วยอารมณ์ปึงปัง โดยไม่รู้ใจตน
    แล้วตักน้ำอาบราด เมื่อเปิดตุ่มน้ำ น้ำก็เต็มเปี่ยม แถมยังมีดอกมะลิ
    ลอยอยู่ สิงห์ยิ่งหงุดหงิดนัก แต่เมื่อตักน้ำขันแรกไปแล้ว ก็เย็นใจลง

    แล้วจึงขึ้นไปผลัดผ้า แล้วนั่งทานอาหารเลิศรสที่ตั้งในตั่งรออยู่ชานเรือน

    //อาหารเลิศรส วันนั้นคือ ปลาแดดเดียวทอด กับข้าวสวยร้อนๆ และแกงกะทิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2017
  19. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สาธุ กับกัลยาณมิตร ที่ได้มอบ ครุฑยุดนาค มากมาย เพื่อ
    ให้ พอจ.รวย แห่ง วัดสวนป่าภาวนาธรรม ได้นำไปใช้ใน
    บวรพระศาสนา คาดว่าจะได้ติดฐานองค์ปฐม ที่จะจัดสร้างต่อไป

    จารุเป็นธุระจัดการส่งมอบให้ด้วยความเต็มใจ

    เสร็จแล้วคงจะงดงาม อลังการมาก

    ผู้ให้เล่าว่า

    ตามประวัติการสร้างครุฑยุดนาควัดพระแก้ว สร้างครั้งแรกในปี พ.ศ. 2398 (ร.4)
    สร้างพร้อมครุฑยุดนาคที่ประดับระเบียงพระอุโบสถวัดพระแก้ว หลังจากนั้นมีการสร้างเรื่อยๆ
    มาเกือบทุกปีครับ ปกติจะนับว่าสมเด็จฯ โต ท่านเป็นผู้สร้าง (ปลุกเสก)
    แต่ผมต้องถือว่าพระมหากษัตริย์ท่านเป็นผู้สร้างมากกว่าครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 34664.jpg
      34664.jpg
      ขนาดไฟล์:
      199 KB
      เปิดดู:
      119
    • 34667.jpg
      34667.jpg
      ขนาดไฟล์:
      222.4 KB
      เปิดดู:
      55
    • 34671.jpg
      34671.jpg
      ขนาดไฟล์:
      187.6 KB
      เปิดดู:
      50
    • 34967.jpg
      34967.jpg
      ขนาดไฟล์:
      278.4 KB
      เปิดดู:
      68
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2016
  20. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สิงห์รู้สึกเหมือนได้กับบ้าน และตนนั้นเป็นชายที่มีคู่เสียแล้ว
    สิงห์นึกไพล่ไปถึงวิถีชีวิตอันสงบ กลับมาจากไร่จากนา มีศรีภรรยา
    ดูแลเรือนชานสะอาดเรียบร้อย หุงหาอาหารไว้คอยท่า
    สิงห์น่าจะมีความสุขที่สุด แต่กลับทุกข์หนัก จนข้าวเกือบติดคอ
    เมื่อเห็นเข้ม เดินขึ้นกระได(บันได)เรือนมา ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
     

แชร์หน้านี้

Loading...