ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

อนุโมทนา สาธุ ครับ ประสบการณ์ดีๆ ที่นำมาเล่าสู่กันฟัง ... ^__^

 

ยังไม่จบ ที่เด็ดสุด

ท่านมหา ยังได้นำเหรียญ พอจ.ท่านหนึ่ง ทีเป็นเพื่อนกับ พอจ.รวย
มาให้สัมผัสทดสอบพลังงาน

เหรียญมีขนาดใหญ่ แต่แบน ความสูงประมาณไข่ไก่

พอจับตอนแรก เหมือนพลังงานแผ่มาเบาๆ แผ่ออกเป็นรัศมีวงกลม
พลังงานเต้นตุบๆ เป็นจังหวะ แล้วก็ เหมือนโดนพายุลม อยู่ใจกลางพายุ

เป็นครั้งแรกที่เจอ กสิณลม ผ่านวัตถุมงคล

ท่านมหาแอบขำเบาๆ (ป.ล.เหมือนสายตาจะบอกว่า เป็นไงล่ะ พอจ.ในเหรียญคือ พอจ.สายตรง
ของท่านมหาและศิษย์พี่ใหญ่ ได้ข่าวว่าท่านดุดันมาก)

เราก็ตอบท่านมหาว่า กสิณลม แผ่มาเบาๆ ไม่ให้ตั้งตัว แล้วพัดกระหน่ำซะหัวหมุน

 

การอาบน้ำมนต์ พอจ.รวย

ที่วัดใช้น้ำบาดาล และด้วยอากาศร้อนขนาดนี้ 40 องศา
น้ำที่วัดก็ประมาณน้ำอุ่นจนร้อน ลวกไข่ได้เลยล่ะ แล้วพอจ.ก็ให้นั่งเก้าอี้

ท่านทำน้ำมนต์เสร็จ ก็ตักราดทีละขัน(ใหญ่)

ตอนแรกที่ราดลงไป อุ่นจนร้อน พอแค่หายใจเข้าไปหนึ่งครั้ง
ก็กลับเย็น เย็นเหมือนมีคนเอาน้ำแข็งมาไว้ในตัว
มันแผ่ซ่านจากข้างใน เย็นแบบไปทั่วทุกรูขุมขน

เย็นแบบต้องยกมือกอดอก วันแรก ก็แค่สงสัย
วันที่สองที่สาม เลยรู้เลยว่า กสิณน้ำนะ

เพราะระหว่างวัน อากาศร้อนจะสุก ก็ไปอาบน้ำ มันก็
เย็นนิดนึง แต่เย็นแค่ผิวภายนอกระบายความร้อน

แต่ตอนอาบน้ำมนต์ มันเหมือนนั่งอยู่ใต้น้ำตก เหมือนโฆษณาฮอลล์
เย็นซ่ามาก

 

ส่วน กสิณไฟ ไม่ต้องพูดถึง เผากันมันส์ไปเลย

และอีกเรื่อง อันนี้ น้องที่ไปด้วย นั่งสมาธิด้วย
บอกว่าแอบลืมตามาดูตอนนั่งสมาธิ เหมือนเห็น
พอจ.นั่งอยู่สององค์(แยกร่าง กสิณดิน) อันนี้อาจจะแค่ตาฝาด

พิสูจน์ไม่ได้ จับต้องไม่ได้
แต่ พอจ.บอกว่า ยังมีเรื่องราวให้โยมได้เรียนรู้อีกเยอะ

 

จากโพสต์ของดร.นนต์ค่ะ บอกบุญต่อ
ขอเชิญร่วมบุญบูรณะอุโบสถ
กับหลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม

ท่านทั้งหลาย เนื่องด้วยวัดกระดึงทอง อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ กำลังอยู่ในระหว่างการบูรณะซ่อมแซมพระอุโบสถเก่าที่สร้างมานานหลายสิบปี โดยอยู่ในการควบคุมดูแลของพระราชปัญญาวิสารัท หรือที่รู้จักกันดีในนาม หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม พระอริยเจ้า ผู้พ้นจากอาสวกิเลสแล้ว ปีนี้หลวงปู่มีอายุครบ 89 ปี 69 พรรษา และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดกระดึงทอง

หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม (นามเดิม เหลือง ทรงแก้ว) นับเป็นลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ด้วยเพราะมารดาบิดาของท่านเป็นศิษย์ผู้ใกล้ชิดกับหลวงปู่ดูลย์ อตุโล และยังเป็นศิษย์คนสำคัญของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร อีกด้วย รวมทั้งได้เคยศึกษาธรรมกับพ่อแม่ครูอาจารย์อีกหลายองค์ อาทิ เช่น หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม พ่อท่านลี ธัมมธโร หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่สิม พุทธาจาโร นอกจากนั้น หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม ยังเคยร่วมธุดงค์ฝากผีฝากไข้ซึ่งกันและกันกับพระอริยเวที (หลวงปู่มหาเขียน ฐิตสีโล) และยังให้ความเคารพสนิทสนมกับหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และหลวงปู่จาม มหาปุญโญ อีกทั้งยังเป็นกัลยาณมิตรธรรมคู่กันมากับหลวงปู่จันทร์แรม เขมสิริ อีกด้วย จึงนับว่า หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม เป็นพระป่ากัมมัฏฐาน และนับเป็นศิษย์รุ่นที่สองของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อีกองค์หนึ่งที่ยังดำรงธาตุขันธ์อยู่ในปัจจุบัน

อนึ่ง หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม นับเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์และเป็นพระอุปัชฌาย์ ที่คอยอบรมสั่งสอนหลวงพ่อฉลวย อาภาธโร จนกลายเป็นพระอริยเจ้า ผู้สามารถข้ามพ้นอาสวกิเลส ติดตามหลวงปู่ไปได้อีกองค์หนึ่ง

หลวงพ่อฉลวย อาภาธโร เอ่ยกับผู้เขียนในวันที่ไปสรงน้ำหลวงปู่พอสรุปได้ว่า... การได้ช่วยหลวงปู่ในการบูรณะซ่อมแซมโบสถ์ในครั้งนี้ นับว่ามีอานิสงส์มาก และนับเป็นการตอบแทนพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ดีอีกทางหนึ่ง จึงนับเป็นโอกาสทองที่พวกเรามิควรพลาด...

ดังนั้น ผู้เขียน (ดร.นนต์) ในฐานะเป็นศิษย์หลวงพ่อฉลวย อาภาธโร และเป็นหลานศิษย์หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม จึงมีความปีติยินดีขอเชิญผู้ศรัทธาทั้งหลาย ได้ร่วมกันสร้างมหากุศลกับหลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม ด้วยการร่วมกันบริจาคเงิน เพื่อบูรณะซ่อมแซมพระอุโบสถ วัดกระดึงทอง อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ โดยสามารถร่วมบุญโดยตรงกับหลวงปู่ที่วัดกระดึงทอง หรือจะโอนผ่านบัญชีของพระราชปัญญาวิสารัท (หลวงปู่เหลือง) โดยตรงดังนี้

บัญชี หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม (เหลือง ทรงแก้ว)
เลขบัญชี. 308-0-35909-7
ธนาคารกรุงไทย สาขาบ้านด่าน ประเภทออมทรัพย์
ติดต่อสอบถามรายละเอียด พระอาจารย์ทิม 080-464-4043

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
18 เมษายน 2559

 

ก่อนจะเขียนถึงพี่สิงห์ต่อไป ขอบอกก่อนว่า
เรื่องอิทธิฤทธิ์ กสิณใดๆ เวทย์มนต์คาถาอาคม
ศึกษาไป ตามบัญชาของผู้ที่ต้องการให้เขียนเรื่องสิงห์เท่านั้น

ในชาตินี้คงยึดมาเป็นสรณะไม่ได้ ยึดได้เพียงแต่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ขอพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสูงสุดของข้าพเจ้า
ไตรสรณคมน์

แต่เรื่องกสิณนั้น ยังจะฝึกต่อไปให้ช่ำชอง

 

เล่าเรื่องศิษย์พี่ ต่ออีกนิด ที่ทำให้จารุรู้สึกทึ่ง
ไม่ใช่ไสยเวทย์ ไม่ใช่ทิพย์จักษุ แต่เป็นการล่วงรู้วาระจิต

ศิษย์พี่สามารถล่วงรู้ว่าจารุเจอสภาวธรรมใดมาบ้าง
ไม่ว่าจะเห็นตนเองเป็นกระดูก ประชุมเพลิงตนเอง จนมอดไหม้
แต่บอกได้ตรงใจว่า ติดที่ลูก ไม่กล้ายั่งสมาธินาน กลัวจิตตนเองหลุดไป
และยังบอกอีกว่า รู้ใช่มั้ยว่าลูกเราเป็นยังไง
จะได้เป็นมาเฟียในอนาคต เป็นหัวโจก ไม่กลัวใคร ตายไม่กลัว
อันนี้ จารุได้แต่เงียบ เพราะเป็นสิ่งที่รู้เฉพาะตน

เรื่องกรรมนารีของลูกชายก็หนัก
ศิษญ์พี่บอก ผชคนนี้(ตุ้ยตอนโต) ขยิบตาให้ผญ คนไหน สามที เตรียมตัวได้ว่าเสร็จมันแน่
ผช คนนี้ หน้ายิ้ม ต่อยคนตายได้

อาการจะมากขึ้นตามวัย ที่เติบโต (จารุพยายามฝืน โดยพาทำบุญปล่อยนกปล่อยปลาเสมอ)

แต่เป็นเรื่องที่เห็นอนาคต ที่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง

ศิษย์พี่บอกว่าคิดถูกแล้ว ที่เลี้ยงลูกเอง คนอื่นคงเอาไม่อยู่
ให้เข้าวัดเสียแต่เล็ก จะได้เปลี่ยนวิถี
อาจจะได้เป็นพระสงฆ์ที่น่าเลื่อมใสในพระศาสนา
ดวงผูกพันธ์มาแต่หลายชาติภพ ต้องประคองช่วยเหลือ
จนตลอดรอดฝั่ง

ใจคนนั้นยากนักหยั่งถึง แต่ศิษย์พี่ นั่งคุยไม่ถึงสิบนาที
ถอนรากถอนโคนจิตใจ กิเลส บ่วงทั้งหมด

แต่ศิษย์พี่บอกว่า ชาตินี้ เลือกแล้ว จะเรียนสายดำ
เพื่อต่อกรกับสายดำ ด้วยกัน

เราควรเคารพในทางที่แต่ละคนเลือก

 

กลอนเมืองผีของคุณ 0000 หายไปไหน ว่าจะกลับมานั่งอ่านอีกรอบ

 

ร่วมบุญกับหลวงปู่เหลือง เข้าบัญชีกรุงไทย

 

ราตรีนั้น สิงห์ฝันเห็นขรัวอินทร์ มายิ้มให้ นัยน์ตาท่านยังสุกสกาว
แวววาวเหมือนดาวเหนือในคืนเดือนดับ

สิงห์ละเมอเรียกชื่อ อาจารย์ แล้วเอื้อมมือไปไขว่คว้า
จับชายจีวรได้ ก็สวมกอดขาพระอาจารย์ไว้แน่น

แต่เมื่อเงยหน้า ขรัวอินทร์กลับหายไป กลายเป็นพระพักตร์เจ้าหอหน้าแทน

สิงห์คลายมือที่กอดออก รู้สึกงุนงง เจ้าหอหน้าพระพักตร์เรียบเฉย

แล้วตรัสว่า "ข้าคือครูของเจ้า จงอย่าคิดล้างครู จงรักและเคารพข้า
ดังเช่นที่รักและเคารพขรัวอินทร์ สัตย์สาบานใดจงอย่าลืมหลง"

 

สิงห์นั้นเป็นคนใจแข็งนัก แม้เป็นเจ้าหอหน้าผู้เรืองฤทธิ์
ก็อิดออดมิอยากรับเป็นอาจารย์ แม้เจ้าหอหน้าจะเอ่ยปากรับเป็นศิษย์
ก็แบ่งรับแบ่งสู้ ไม่ยอมยกขันธ์ครู ถือว่าผิดธรรมเนียมยิ่งนัก

มิใช่ทรนงตนหรืออวดดี แต่คิดว่าตนนั้นเป็นศิษย์มีครู(ขรัวอินทร์)อยูู่แล้ว
จึงมิกล้ายกครูกับใครอีก แม้จักเก่งกล้าสามารถซักเพียงใด
เพราะใจนั้นภักดีต่อครู แม้ครูจักมิได้ดำรงธาตุขันธ์แล้วก็ตาม
วิชาอันวิเศษทั้งหลายก็มิอาจทำให้ใจสิงห์คลอนแคลนได้

น้ำใจนี้เอง จึงทำให้เจ้าหอหน้าพึงใจนัก และตัดใจรับไว้เป็นศิษย์
(ที่ว่าตัดใจนั้น จักอธิบายในกาลต่อไป)

 

ขรัวอินทร์ผู้หยั่งรู้ดินฟ้า และจิตใจคน จึงบันดาลให้เกิดนิมิตนั้น
เพื่อให้สิงห์รับเจ้าหอหน้าเป็นครูอย่างสนิทใจ
และละไว้ซึ่งความกริ้วที่เจ้าหอหน้าจะบันดาลโทสะกับ
สิงห์ที่ไม่รับเกียรติอันสูงส่งนี้

ในนิมิตสืบไปนั้น ขรัวอินทร์ได้ปรากฏกายขึ้นอีกครา ข้างๆ เจ้าหอหน้า
แล้วเอ่ยถ้อยคำที่ซาบซึ้งตรึงใจนัก

"จงอย่าลืมหลง อย่ายำเกรงผู้ใด เจ้านั้นไซร้เป็นศิษย์มีครู พ่อจักอยู่ข้างกายเจ้าทุกเมื่อ"

คำว่าครูดังก้องกัมปนาทอยู่ในอากาศ ส่วนคำว่า พ่อจักอยู่ข้างกายเจ้าทุกเมื่อ
นั้นดังเหมือนเสียงกระซิบที่ค่อยๆเลือนไป พุ่งตรงสู่ใจสิงห์ แล้วสิงห์ก็ตื่นจากนิทรา
ความรู้สึกเย็นซ่านแผ่ไปทั่วตัวสิงห์ ดั่งต้องละอองฝนเย็นฉ่ำชื่นใจ

สิงห์เหลือบมองทั้งสองพระองค์ เจ้าหอหน้ายังบรรมทมในท่าประทับนั่ง
ส่วนพระอนุชา บรรทมนอนข้างๆ เจ้าหอหน้า

สิงห์ที่นอนขวางประตู จึงลุกขึ้นเงียบๆ เปิดประตูออกไป
ภายนอก เห็นท่านขุนสองคน นั่งหลับอยู่ข้างประตูซ้ายขวา

จึงเดินไปตรงชานเรือน มองผู้ป่วยที่นอนเรียงราย
เห็นบ่าวไพร่ชายหญิง ท่าทางอ่อนเพลีย นอนระเกะระกะ
คงจักคอยเฝ้าดูอาการผู้ป่วยจนเหนื่อยอ่อน

 

สิงห์มองไปรอบๆ รอบๆตัวบ้านยังจุดคบเพลิงอยู่
ชาวบ้านยังเดินยามรอบๆ ตัวบ้าน

สิงห์แหงนมองท้องฟ้า ดูจันทราและดารา แจ้งใจในฤกษ์ผานาที
แล้วจึงเร่งทำการในใจดังที่ได้นิมิตถึงอาจารย์

จึงเดินลงกระได อย่างเร่งรีบ ตามกลิ่นควันไฟไปที่โรงครัว

เมื่อถึงโรงครัวแล้ว ก็ได้พบแม่ยิ้มตามที่คาด

 

เมื่อสิงห์เจอแม่ยิ้ม จึงได้ไหว้วานให้ทำพานครู ร้อยมาลัยกร
และแต่งขันธ์ห้า หาเครื่องบูชาอันได้แก่ดอกไม้ธูปเทียน

วันนั้นช่างเหมาะเจาะ เป็นวันแรม(วันพระ) และยังเป็นวันครู คือ
วันพฤหัสบดีอีกด้วย (เหมือนกับวันพรุ่งนี้ 21 เม.ย. 2559 มิผิดเพี้ยน)

แม่ยิ้มนั้น เมื่อสิงห์กลับมาครานี้ มาในนามของขุนสิงห์ข้าในเจ้าหอหน้า
แม้ยังไม่ได้มีพิธีถือน้ำ ก็ให้เคารพยำเกรงในบารมีเจ้าหอหน้า
จึงมิกล้ากล่าวหยอกเย้าหรือตำหนิสิงห์ที่ไหว้วานตน ซึ่งมีอายุมากกว่า
จึงเร่งรีบให้บ่าวไพร่ จัดหาให้ไกล้เคียงกับสิ่งที่ขุนสิงห์พรรณามากที่สุด
เท่าที่จะหาได้ และยังร้อยมาลัยให้ด้วยตนเอง

ในครั้งโบราณกาลนั้น ข้าแผ่นดิน(ข้าราชการ)นั้น แม้อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน
แต่มีศักดิ์และสง่าราศรีต่างกันมาก ตรงที่เป็นข้าของใคร

 

อนุโมทนาบุญ กับคุณ dowlong ค่ะ
ทำบุญสร้างบันไดนาคขึ้นศาลาการเปรียญ เพิ่มกับวัดประชาบำรุงอีก 500 บาท
รวมกับของคุณ itou ก่อนหน้านั้น รวมเป็น

ครบ 5,000 ตามที่ตั้งใจ

อาจจะได้ไปหาครูบาบุญมีเพื่อถวายปัจจัย ในวันเสาร์นี้ค่ะ
วันอื่นก็ติดงาน ติดดูดวงค่ะ
สาธุ

 

แล้วแม่ยิ้ม ก็จัดพานทองเหลือง ประกอบด้วยกรวยใบตองในแต่ละกรวย
ใส่ดอกไม้ขาว เทียนขาว 1 คู่ ธูป 3 ดอก ในแต่ละกรวย รวม 5 กรวย
หมากพลู 5 คำ วางบนพานด้านนอกกรวย นอกจากนี้ยังมีผ้าดิบขาว
และผ้าแดง(สีแดงก่ำมิใช่แดงแปร๊ดดังสมัยนี้) ใบลานที่เขียนด้วย
อักขระคาถา นะ โม พุท ธา ยะ และหอยเบี้ย(เงินเบี้ย) 4 เบี้ย

ที่เพิ่มคือ มาลัยกร งดงามอีกหนึ่งพวง

 

ทำไมต้อง นะ โม พุท ธา ยะ เมื่อจักเรียนพระคาถา อาคม

นะ คือ อาโป หล่อเลี้ยงร่างกายและดวงจิต ธาตุน้ำ กำลังธาตุ 12
โม คือ ปฐวี ให้กำลังวังชา ธาตุดิน กำลังธาตุ 21
พุท คือ เตโช ให้ความอบอุ่นแก่ร่าง ธาตุไฟ กำลังธาตุ 6
ธา คือ วาโย หล่อเลี้ยงชีวิต ไฟหนุนลม ลมหนุนไฟ ธาตุลม กำลังธาตุ 7
ยะ คือ เป็นที่ตั้งของวิญญานธาตุ อากาศธาตุ กำลังธาตุ 10

คุณพระพุทธ 56 นี้ ถ้าแบ่งครึ่งออกจะเป็น 28 และ เอาอากาศธาตุ 10
บวกรวมเข้าไปเท่ากับ 38 คือคุณพระธรรม คุณพระพุทธ 56 นี้ ถ้าแบ่งออกเป็น 4 ส่วนก็จะเท่ากับ 14
คือคุณพระสงฆ์ รวมกันเป็น 108 พุทธคุณ

จริงแล้วยังมี

แก้ว 4 ดวงสำหรับหนุนธาตุ
นะ แก้วมณีโชติ หนุนอาโป ธาตุน้ำ
มะ แก้วไพทูรย์ หนุนปถวี ธาตุดิน
อะ แก้ววิเชียร หนุนเตโช ธาตุไฟ
อุ แก้วปัทมราช หนุนวาโย ธาตุลม

หนุนด้วยแก้ววิเชียร อะนะ นะอะ อามะ มะอะ อะอุ อุอะ ฯลฯ
หนุนด้วยแก้วปัทมราช อุนะ นะอุ อุมะ มะอุ อุอะ อะอุ
หนุนด้วยแก้วมณีโชติ นะมะ มะนะ นะอะ อะนะ นะอุ อะนะ
หนุนด้วยแก้วไพฑุรย์ มะนะ นะมะ มะอะ อะมะ มะอุ อุมะ

เลือกใช้ตามความเหมาะสม
ธาตุน้ำ ใช้ทางเสน่ห์ เมตตา มหานิยม
ธาตุไฟ ใช้ทางคงกระพันชาตรี อิทธิปาฎิหาริย์
ธาตุดิน ใช้ทางขับไล่ภูตผีปีศาจ สะเดาะ
ธาตุลม ใช้ทางกำบัง ล่องหน สะกอ จังงัง

ธาตุพระกรณี
จะ คือ ธาตุน้ำ
ภะ คือ ธาตุดิน
กะ คือ ธาตุไฟ
สะ คือ ธาตุลม

ใช้จนแกล้วกล้า ขึ้นใจ จักพลิกพลิ้ว เป็นมหาเวทย์ ผู้เรียกคาถา ตั้งธาตุ
ปลุกเสก ได้ดั่งใจหมาย และเป็นพื้นฐานการลงอักขระยันตร์

// ขนลุกทำไม ยังเพิ่งขึ้นอนุบาลด้านคาถา

 

พรุ่งนี้ จารุจะตั้งพานครู นะจ๊ะ

 

พานครูของจารุ

จุดธูป 3 ดอก ไหว้พระรัตนตรัย

จุดธูป 9 ดอก เอ่ยชื่อสกุล อารธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์ที่เคารพ
และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขอให้มาประสิทธิ์ประสาทวิชชา

ขอให้ได้วิชาที่เคยได้ร่ำเรียนมาทุกภพชาติกลับคืน

ใช้แต่ผ้าขาวแทนครูที่ล่วงลับ

สาธุ

ป.ล.ยันตร์ นะ โม พุท ธา ยะ ยังไม่ได้เขียน รอสมาธิมาก่อน ซะงั้น

 

ระหว่างแม่ยิ้มจัดเตรียมเครื่องไหว้ครูให้นั้น สิงห์ก็ได้อาบน้ำขัดสีฉวีวรรณ
จนรู้สึกสะอาดทั้งกายและใจ ระหว่างอาบน้ำก็ภาวนา นะโมพุทธายะ

ได้เครื่องไหว้ครูครบแล้ว ขอบอกขอบใจแม่ยิ้มแล้วจึงอวยพร
ให้ครองรักครองเรือนกับพี่ทอง จนโดนแม่ยิ้มเอ็ด

จึงรีบขึ้นเรือนไป หมายจักบูชาครู เพลานั้น
ไก่ขันได้ซักพัก ผู้คนตื่นขึ้นทำกิจวัตร รวมทั้งพวกท่านขุนทั้งหลาย
ที่ต่างเมียงมองขันธ์ครูในมือสิงห์เป็นตาเดียว