แบ่งปันถึง 10 เมษายนนี้ {พระปิดตานะมิ หลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค}

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย siriphan2009, 24 มีนาคม 2016.

  1. siriphan2009

    siriphan2009 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,237
    ค่าพลัง:
    +17,848
    ผมได้เก็บสะสมมาเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว บูชามาจากพระผู้สร้างพระครูนุ่มโดยตรง ซึ่งตอนนี้ท่านก็ยังมีชีวิตอยู่ที่วัดโพธิ์ ท่าเตียนครับ อยากแบ่งปันพระปิดตานะมิ หลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค ให้กับพี่ๆน้องๆไปเก็บกันครับ

    เราๆท่านๆอาจเห็นเป็นพระย่อย แต่พุทธคุณไม่ย่อยตามนะครับ พุทธคุณเช่นเดียวกันพระหลักครับไม่แตกต่างครับ ถ้าไม่เก็บกันตอนนี้ ต่อไปจะหายากเหมือนพระหลักของหลวงปู่นะครับ

    รุ่นอื่นไม่ต้องถามนะครับ ไม่มีหมดไปนานแล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 33.jpg
      33.jpg
      ขนาดไฟล์:
      296.2 KB
      เปิดดู:
      5,605
    • 13.jpg
      13.jpg
      ขนาดไฟล์:
      100.6 KB
      เปิดดู:
      2,633
    • 01.jpg
      01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      128.5 KB
      เปิดดู:
      2,317
    • 03.jpg
      03.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.9 KB
      เปิดดู:
      1,875
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2016
  2. siriphan2009

    siriphan2009 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,237
    ค่าพลัง:
    +17,848
    พระปิดตามหาลาภ นะมิ หลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดถ้ำเขาบุญนาค

    *** ถือได้ว่าเป็นพระ "จิ๋วแต่แจ๋ว" และในขณะที่พระปิดตาข้าวต้มมัดและพระเครื่องรุ่นอื่นๆ ของหลวงปู่สีไปไกลยากจะไขว่คว้ามาครอบครอง พระปิดตานะมิ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะมีพระดีไว้อารธนากัน เพราะราคายังหาเช่าบูชาได้ในหลักร้อย ***

    การออกแบบ: สร้างในปีพ.ศ. ๒๕๑๗ โดยพระครูวิศิษฏ์สมโพธิ์ วัดพระเชตุพน ได้ขออนุญาต หลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดถ้ำเขาบุญนาค ตาคลี เพื่อนำปัจจัยไปสร้างศาลาและกุฏิสงฆ์ที่วัดบ้านเกิดของท่าน เป็นพระปิดตา "พระภควัมบดี" พิมพ์ขัดสมาธิเพชร ด้านหลังเป็นรูปใบโพธิ์ยันต์ "นะมิ" ขนาด ๑ ซ.ม. เหมาะกับเด็กและสตรี ผงที่ผสมใช้เป็นสูตรเดียวกันกับ "พระปิดตานะ ปัดตลอด" หรือ "พระปิดตาข้าวต้มมัด" อาทิ
    ผงว่าน ๑๐๘
    ดอกบัวบูชา หลวงพ่อโสธร
    ขี้ธูปที่บูชา สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง
    ขี้ธูปและดอกไม้จาก ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
    ดอกไม้บูชา พระแก้วมรกต
    ดอกไม้บูชา พระนอน ดพระเชตุพน
    และที่ขาดไม่ได้คือ ชานหมากและน้ำหมากหลวงปู่สี รวมถึงผงวิเศษหลวงปูสี
    โดยเพิ่มในส่วนของผงปูนและเศษทองปิดองค์พระพุทธรูปจาก วัดพระเชตุพน โดยกดพิมพ์ที่วัดพระเชตุพน แล้วจึงนำไปให้หลวงปู่สีปลุกเสกเดี่ยว

    อานุภาพ: เน้นหนักทางเมตตามหานิยมและมหาลาภ ในเรื่องแคล้วคลาดก็ยอดเยี่ยม นับว่าเป็นพระรุ่นหนึ่งที่มีประสบการณ์และปาฏิหารย์มากมาย


    พระปิดตานะมิที่แบ่งปันเป็นพระที่คัดสวยมาแล้วครับ รับประกันความพอใจใน 2 วันหลังจากที่ได้รับพระ การคืนพระต้องอยู่ในสภาพเดิมทั้งพระและกล่องครับ รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ


    บูชา 1-4 องค์ องค์ละ 250 บาท ค่าจัดส่งอีเอ็มเอส 60 บาทต่อครั้ง
    บูชา 5-9 องค์ องค์ละ 220 บาท ค่าจัดส่งอีเอ็มเอส 80 บาทต่อครั้ง
    บูชา 10 องค์ ขึ้นไป องค์ละ 200 บาท ค่าจัดส่งอีเอ็มเอส 80 บาทต่อครั้งครับ



    บูชาวัตถุมงคล โดยการโอนเงินเข้า
    บัญชี นายสิริพันธุ์ ใจเพ็ชร์ ธนาคารไทยพาณิชย์ ออมทรัพย์
    สาขาบางกระบือ เลขที่บัญชี 018-240743-7

    หลังจากโอนเงินแล้ว โทรแจ้งจำนวนเงินที่โอนและแจ้งที่อยู่ในการจัดส่งพระ ได้ที่ มือถือ 086-995-4424, 086-661-1665 หรือแจ้งมาทาง PM ก็ได้ครับ



    แบ่งปันถึงวันที่ 10 เมษานี้เท่านั้นนะครับ พระมีจำนวนไม่มาก หมดแล้วหมดเลยนะครับ

    ตัวอย่างพระที่ให้บูชา

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 109.jpg
      109.jpg
      ขนาดไฟล์:
      202.7 KB
      เปิดดู:
      12,640
    • 103.jpg
      103.jpg
      ขนาดไฟล์:
      198.9 KB
      เปิดดู:
      647
    • 105.jpg
      105.jpg
      ขนาดไฟล์:
      343.9 KB
      เปิดดู:
      573
    • 107.jpg
      107.jpg
      ขนาดไฟล์:
      233.2 KB
      เปิดดู:
      633
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2016
  3. siriphan2009

    siriphan2009 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,237
    ค่าพลัง:
    +17,848
    ช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้ไปทำบุญกับพระครูนุ่มวัดโพธิ์ ท่าเตียน ทำบุญพระสงฆ์อาพาธ เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆของพระครูนุ่ม ถวายปัจจัยจำนวน 44,000 บาท ได้บุญเท่ากันครับ

    พระหลวงปู่ที่พระครูท่าน หมดไปนานแล้วนะครับ กรุณาอย่าไปรบกวนท่านนะครับ ท่านชราภาพมาก ช่วงตัวเองไม่ได้มากว่าสิบปีแล้ว และติดเชื้อได้ง่ายครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 111.jpg
      111.jpg
      ขนาดไฟล์:
      106.6 KB
      เปิดดู:
      411
  4. siriphan2009

    siriphan2009 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,237
    ค่าพลัง:
    +17,848
    ประวัติหลวงปู่สี ฉันทสิริ พระอรหันต์ 7 แผ่นดิน

    [​IMG]


    หลวงปู่สีท่านเป็นชาวอำเภอรัตนะ จังหวัดสุรินทร์ ท่านเกิดเมื่อปีจอ พ.ศ.๒๓๙๒ตรงกับสมัยของรัชกาลที่๓(แต่หนังสือส่วนมากจะลงรัชกาลผิดจะลงเป็นรัชกาลที่ ๔ ทั้งที่ความเป็นจริงองค์รัชกาลที่ ๓ เสด็จสวรรคต ปี ๒๓๙๔ ซึ่งหลวงปู่ท่านเกิดก่อนรัชกาลที่๓ เสด็จสวรรคตถึง ๒ ปี)ส่วนเกิด วัน เดือน ใด ท่านไม่เคยบอก พ่อแม่ของหลวงปู่มีลูกทั้งหมด ๖ คน ท่านเป็นคนโต และแต่เดิมท่านไม่ได้ชื่อ สี ท่านชื่อ ลีเมื่อมีการใช้นามสกุลขึ้นตระกูลของท่านก็ใช้นามสกุลว่า “ดำริ”

    ชีวิตในวัยเด็ก ท่านได้เติบโตขึ้นท่ามกลางกลิ่นไอของป่า ได้ติดตามพ่อของท่านล่าสัตว์เพื่อนำมาเป็นอาหารและเก็บของป่าเพื่อไปขายนำเงินซื้อข้าวของ จนกระทั่งท่านได้อายุ ๑๑ ปี พ่อของท่านได้นำท่านไปฝากกับพระธุดงค์ซึ่งเคยเป็นสหายเก่าของพ่อท่าน ซึ่งเมื่อพระธุดงค์ได้เห็นหลวงปู่สีแล้วก็ถึงกับออกปากขอท่านไปดูแล ซึ่งพ่อของหลวงปู่สีก็ยกให้ ดังนั้นท่านถึงต้องตามพระธุดงค์ตระเวนธุดงค์ด้วยกัน เรียกว่าค่ำไหนนอนนั่น จากป่าดงดิบจังหวัดสุรินทร์จนกระทั่งมาถึงเมืองหลวง (กรุงเทพฯ) ท่านได้พาหลวงปู่สีมากราบสักการะ พระสหธรรรมิกของท่านคือ ขรัวโต (พระเทพกวี) ซึ่งท่านก็คือ สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ในปีพุทธศักราช ๒๔๐๓ ซึ่งพระอาจารย์อินกับสมเด็จโต เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกัน คือหลวงตาแสง จังหวัดลพบุรี จึงสนิทกันมาก เมื่อสมเด็จโตท่านได้เห็นรูปร่างลักษณะของหลวงปู่สี ก็ยินดีนักด้วยบุคลิก ลักษณะของท่านเป็นที่ถูกใจยิ่งนัก จึงได้รับหลวงปู่สีเป็นศิษย์ สมเด็จโตท่านก็ได้อบรมข้อธรรม ถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอักขระขอมไทย และคาถาอาคมต่าง ๆ รวมทั้งการปฏิบัติสมาธิจิต จนแตกฉาน ที่ท่านเรียนรู้ง่ายเป็นเพราะว่าท่านมีพื้นฐานมากจากพระอาจารย์อินได้สอนนั่นเอง ซึ่งต่อมาสมเด็จฯโต ท่านได้เลื่อนลำดับจาก พระเทพกวี เป็น สมเด็จพุฒาจารย์ ทางวัดระฆังก็มีการบวชพระและเณรจำนวน ๑๐๘ รูป พร้อมด้วยบวชชีพราหณ์อีกมากมายเพื่อฉลองตำแหน่งโดยมีสมเด็จฯโตเป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งในการบวชเณรนั้นได้มีหลวงปู่สีรวมอยู่ด้วย ซึ่งได้บวชในพุทธศักราช ๒๔๐๗ ซึ่งตอนนั้นหลวงปู่สีมีอายุได้ ๑๕ ปีหลังจากที่ได้บวชเป็นเณรแล้วท่านก็ได้อยู่วัดระฆังเพื่อเรียนวิชากับสมเด็จโต ซึ่งรวมถึงการทำผงวิเศษทั้งห้าประการอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีอยู่ในพระเครื่องของสมเด็จฯ (มีมูลค่านับล้านบาท และถือเป็นจักรพรรดิ์พระเครื่อง) จนกระทั่ง ปี ๒๔๑๑ องค์รัชกาลที่ ๔ ได้เสด็จสวรรคต ทำให้สมเด็จฯโตจะเก็บตัวเงียบไม่ค่อยจะออกมาพบปะญาติโยมเท่าใดนัก ในช่วงนี้หลวงปู่สี จึงไม่ค่อยได้ติดตามรับใช้สมเด็จฯโต เท่าใดนัก ประกอบกับพระอาจารย์อินทร์กลับจากธุดงค์มาแวะเยี่ยมสมเด็จฯโต หลวงปู่สี จึงขออนุญาตสมเด็จฯ กลับไปเยี่ยมโยมพ่อโยมแม่ พร้อมกับพระอาจารย์อินทร์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • th288.jpg
      th288.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.3 KB
      เปิดดู:
      11,419
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2016
  5. siriphan2009

    siriphan2009 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,237
    ค่าพลัง:
    +17,848
    ประวัติหลวงปู่สี ฉันทสิริ (ต่อ)

    [​IMG]


    หลวงปู่สีหรือสามเณรลี เมื่อเริ่มโตเป็นหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ สง่างาม ผิวพรรณดี ผิดกับเด็กหนุ่มทั่วไป เมื่อกลับมาเห็นสภาพครอบครัวซึ่งมีความลำบาก ก็ขออนุญาตพระอาจารย์อินทร์ สึกออกมาเพื่อช่วยเหลือครอบครัว พระอาจารย์อินทร์ได้ตรวจดูชะตาของหลวงปู่สี ซึ่งขณะนั้นอายุย่าง ๑๙ ปี ว่าชะตาจะต้องเกี่ยวพันกับทางโลก เมื่อพ้นภาวะกรรม ก็จะบวชไม่สึกและสำเร็จในบั้นปลายชีวิต จึงให้สึกตามคำขอ ชีวิตตอนเป็นหนุ่มท่านเป็นคนจริงไม่เคยเกรงกลัวใครนอกจากทำไร่ทำนาแล้วท่านยังมีอาชีพรับจ้างคุมฝูงวัวไปขายข้ามจังหวัด ต่อมาปี ๒๕๑๖ หลวงปู่สีได้ถือโอกาสมาร่วมงานอุปสมบทเป็นพระขององค์รัชกาลที่ ๕ เลยได้มีโอกาสมาพักที่วัดระฆัง และทำให้ท่านได้ทราบว่าสมเด็จฯโตซึ่งเป็นองค์อาจารย์ของท่านได้มรณะภาพไปแล้ว เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน๒๔๑๕ หลังจากองค์รัชกาลที่ ๕ ขึ้นครองราชย์ได้ ๕ ปี

    ต่อมาในปี ๒๔๑๘ มีกบฏฮ่อเกิดขึ้น หลวงปู่สีก็ได้อาสาสมัครเป็นทหารเพื่อไปร่วมรบกับเขาด้วย ปรากฏว่าท่านได้รับเลือกให้อยู่ในหน่วยอาสากล้าตายระดับแนวหน้าซึ่งตอนนั้นเจ้าพระยาภูธราภัยเป็นแม่ทัพ ภายหลังสามารถปราบกบฏฮ่อลงได้ ท่านได้รับความดีความชอบอย่างมากได้ยศเป็นหัวหมู่ และได้เป็นคนสนิทกับเจ้าพระยาภูธราภัยอีกด้วย ซึ่งเจ้าพระยาได้เรียกหลวงปู่สีในตอนนั้นว่า “ไอ้เสือหาญ” เพราะศึกปราบฮ่อเจ้าพระยาได้เห็นประจักษ์ตาว่า ทหารลี หนังดีเหนียว ใจกล้า ตอนหลังได้รับเลื่อนให้เป็นตำรวจหลวงคอยติดตามขบวนเสด็จฯ

    หลวงปู่สีท่านใช้ชีวิตความเป็นหนุ่มอยู่นานหลายปี จนกระทั่งบังเกิดความเบื่อหน่ายทางโลกจึงได้อุปสมบท โดยท่านบอกว่า ท่านบวชที่วัดบ้านเส้า อำเภอบ้านเส้า (อำเภอบ้านหมี่ในปัจจุบัน) โดยมีพระครูธรรมขันธ์สุนทร เป็นพระอุปัชฌาย์ส่วนคู่สวดท่านไม่ได้บอกว่ามีพระอาจารย์รูปใดบ้างเมื่อบวชได้ระยะหนึ่งท่านได้เดินทางมาจำพรรษาอยู่ที่ ถ้ำเขาเสียบ เขตตำบลช่องแคอำเภอตาคลี เพราะว่าก่อนบวชท่านเคยอยู่ในเขตนี้มาก่อน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1613.jpg
      1613.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25.6 KB
      เปิดดู:
      11,149
  6. siriphan2009

    siriphan2009 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,237
    ค่าพลัง:
    +17,848
    จะทยอยนำประวัติและอภินิหารของหลวงปู่มาลงให้อ่านกันครับ
     
  7. kub

    kub Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +63
    ร่วมบูชาพระปิดตานะมิ 2 องค์ ครับ
     
  8. siriphan2009

    siriphan2009 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,237
    ค่าพลัง:
    +17,848
    รับทราบการจองครับ
    560 บาทรวมค่าจัดส่งแล้วครับ
     
  9. siriphan2009

    siriphan2009 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,237
    ค่าพลัง:
    +17,848
    ประวัติหลวงปู่สี ฉันทสิริ (ต่อ)

    [​IMG]


    หลวงปู่สีท่านถือปฏิบัติในการออกธุดงค์ ตลอดเวลาที่ท่านยังมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงหลวงปู่สีท่านบอกว่าท่านธุดงค์ไปทั่วประเทศไทย จากเหนือถึงใต้ตะวันออกถึงตะวันตก ท่านไปมาทั้งหมดเคยธุดงค์ไปฝั่งประเทศลาวจำพรรษาอยู่ในประเทศลาวหลายปี ธุดงค์เข้าประเทศพม่าเลยไปประเทศอินเดียไปนมัสการสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา ท่านยังเล่าว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งท่านธุดงค์ไปภาคเหนือ เพื่อจะไปนมัสการพระบาทสี่รอย เมืองเชียงตุง ประเทศพม่าท่านเดินหลงป่าไม่ได้ฉันอะไรเลยเป็นเวลา ๗ วัน จนรุ่งเช้าของวันที่ ๘มีช้างป่านำหัวบัว และอ้อยมาถวายท่าน (ไม่ทราบว่าเป็นเทวดาหรือว่าเทวานุภาพดลใจให้ช้างนำมาถวาย ?) ท่านจึงนำหัวบัวต้มกับน้ำอ้อยฉันและช้างยังเดินนำทางท่านไปจนพบกับบ้านของชาวบ้านป่า ท่านเล่าว่าท่านเดินธุดงค์อยู่ในป่าแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ พบชายหญิงกำลังกินอะไรกันอยู่ท่านจึงเดินไปถามว่า ทำอะไรกันอยู่หรือทั้งสองก็ตอบหลวงปู่สีว่ากำลังกินยาอายุวัฒนะกันอยู่แต่ หลวงพ่อมาช้าไปยาหมดเสียแล้วจะมีเหลืออยู่ก็ตามใบไม้เท่านั้นเองและทั้งสองคนก็เก็บยาที่ติดอยู่ตามใบไม้ให้ท่านฉัน ซึ่งมีอยู่เล็กน้อยเท่านั้นท่านบอกว่าที่ท่านมีอายุยืนก็เพราะยานี้แหละ และยานี้ยังทำให้ท่านมีร่างกายแข็งแรงไม่หลงลืมเหมือนคนแก่ทั่วๆไปในการธุดงค์ของท่านนั้นต้องเรียกว่า ยอมตายในผ้าเหลืองเลยทีเดียว หลวงปู่เองได้พบกับอาถรรพ์ในป่ามากมายยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ร้าย ผีป่า แม้กระทั่งเทวดามาขอฟังธรรมจากท่านเสมอ และระหว่างที่ธุดงค์นั้นหลวงปู่สีเองได้พบกับพระเกจิที่มีชื่อเสียงต่อมาในอนาคตมากมาย และได้พบปะสนทนาธรรมจนเป็นพระสหธรรมิกที่สนิทกันมากได้แก่ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท หลวงปู่กลั่น วัดพระญาติการามจ.พระนครศรีอยุธยา และที่สำคัญท่านยังเคยได้ร่วมเดินธุดงค์กับ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่สายกรรมฐานที่มีลูกศิษย์มากมายทั่วประเทศ และตัวท่านยังเป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่อ ปาน วัดคลองด่านผู้ที่สร้างเขี้ยวเสือจนโด่งดังและมีราคาแพงอันดับหนึ่งด้วย และท่านเองก็ได้พบกับพระที่มาขอเป็นศิษย์ ในช่วงระหว่างธุดงค์ ซึ่งต่อมามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ ได้แก่ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ (ท่านได้พบกับหลวงปู่สีก่อนที่จะพบกับพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต) หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข จ.ชัยนาท หลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญ จ.ชัยนาท เมื่อท่านอายุมากขึ้นท่านก็ไม่ได้ธุดงค์อีก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2016
  10. siriphan2009

    siriphan2009 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,237
    ค่าพลัง:
    +17,848
    เหตุที่ท่านต้องมาอยู่ที่วัดเขาถ้ำบุญนาค

    เนื่องจากพระอาจารย์สมบูรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาถ้ำบุญนาค ต้องการจะสร้างวัดให้รุ่งเรือง ซึ่งตอนนั้นแทบจะไม่มีอะไรเลย ว่ากันว่า พระอาจารย์สมบูรณ์ได้ไปปรึกษา ปู่โทน หลำแพร ฆราวาสผู้มีอาคมสูง ซึ่งปู่โทนหลำแพร ได้แนะนำให้ไปนิมนต์หลวงปู่สี ซึ่งตอนนั้น ท่านอยู่ที่บ้านหนองพุก ตำบลหนองเรือ อำเภอโนนสัง จังหวัดอุดรธานี (ปัจจุบันเป็นจังหวัดหนองบัวลำภู) ตอนที่ยกขบวนไปรับหลวงปู่สีนั้น หลวงปู่ท่านรู้ล่วงหน้าว่าจะมีผู้มารับไปสร้างวัดท่านจึงเตรียมตัวคอยอยู่แล้ว ทำให้ทุกคนที่ไปนิมนต์หลวงปู่ต่างแปลกใจไปตาม ๆ กัน หลวงปู่ท่านมาอยู่ที่วัดเมื่อปี ๒๕๑๒ ท่านอยู่ที่วัดนี้จนกระทั่งท่านได้มรณภาพเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๐ รวมท่านอยู่วัดถ้ำเขาบุญนาค เป็นเวลา ๘ ปี
     
  11. siriphan2009

    siriphan2009 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,237
    ค่าพลัง:
    +17,848
    ศิษย์ของหลวงปู่

    ตอนนี้จะกล่าวถึงลูกศิษย์องค์สำคัญ ๆ ที่ได้มาเจอหลวงปู่สีในป่าอาทิ หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรี หลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญ


    [​IMG]

    พบหลวงปู่แหวนที่จังหวัดเลย ปี๒๔๕๓

    จากคำบันทึกบอกเล่าของหลวงปู่แหวน ท่านได้กล่าวว่า เมื่อปี๒๔๕๒ ตอนที่ท่านอายุได้๒๒ ปี ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดสร้างถ่อ จังหวัดอุลราชธานี หลังจากนั้นท่านได้ออกธุดงค์ไปแต่ลำพังผู้เดียวด้วยใจเด็ดเดี่ยว ท่านได้จาริกไปเรื่อย ๆ หยุดพักตามถ้ำบ้างป่าบ้าง โคนต้นไม้ตามชายทุ่งบ้าง ช่วงนั้นท่านได้ธุดงค์แถบถิ่นอุบลราชธานีเข้าสู่จังหวัดเลย เรื่อย ๆมา แต่แล้ววันหนึ่งท่านได้พบกับพระธุดงค์องค์หนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่ เป็นพระภิกษุที่อยู่ในวัย ๖๒ ปี ลักษณะเป็นผู้ที่มีเมตตาเต็มเปี่ยม มีปฏิปทาสูง นั่งปฏิบัติธรรมอยู่บนหน้าผาในหุบเขาจังหวัดเลย ในเย็นวันนั้นท่านได้มีโอกาสเข้าไปกราบพระภิกษุองค์นั้นเพราะตลอดระยะเวลาที่ยาวนานพอสมควร ท่านนั่งปฏิบัติอยู่ หลวงปู่แหวนมิได้เข้าไปรบกวนเลย จนเมื่อมีโอกาสจึงได้เข้าไปกราบ หลวงปู่สีเพ่งมองหลวงปู่แหวนอยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเอ่ยถามพระภิกษุแหวนว่า “ ท่านมาจากไหน” หลวงปู่แหวนได้ตอบว่า“มาจากจังหวัดเลยครับ ผมเข้าป่ามาตั้งใจจะแสวงหาที่ปฏิบัติธรรมครับ” หลวงปู่สีได้พูดว่า “ตั้งใจดี หมั่นภาวนานะ” ในวันต่อมาหลวงปู่สีท่านได้สอนกรรมฐานให้กับหลวงปู่แหวน ทำให้การปฏิบัติของหลวงปู่แหวนก้าวหน้าอย่างมาก ทั้งสององค์ได้ร่วมธุดงค์ร่วมกันถึงสองปี ก่อนที่หลวงปู่แหวนจะแยกย้ายไปหาพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตต่อไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2016
  12. siriphan2009

    siriphan2009 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,237
    ค่าพลัง:
    +17,848
    [​IMG]

    พบหลวงปู่บุดดา ที่หนองคาย ปี๒๔๖๗

    จากคำบอกเล่าของหลวงปู่บุดดา ท่านได้กล่าวว่าหลังจากท่านได้บวชในพรรษาที่ ๓ ซึ่งตรงกับปี ๒๔๖๗ ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านทุ่ง อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย พอออกพรรษาท่านก็ออกธุดงค์เข้าป่าแถบป่าเมืองหนองคาย และหลวงพบกันหลวงปู่สี และได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ ซึ่งขณะนั้นหลวงปู่สีมีอายุได้ ๗๕ ปี ในเรื่องการเคารพต่อหลวงปู่สีของหลวงปู่บุดดานับว่ามากมายยิ่งนัก จะเห็นได้ว่าบางครั้งท่านเจ็บป่วยอย่างไร เมื่อถึงวาระท่านจะต้องไปกราบหลวงปู่สีทุกปี บางครั้งอาพาธจนลงจากรถไม่ได้ ก็ให้คนขับรถพาท่านไปที่เขาถ้ำบุญนาค แล้วท่านก็กราบนมันการหลวงปู่สีจากในรถตู้ที่เป็นพาหนะ นี่เป็นตัวอย่างบางเรื่องเท่านั้นจากหลวงปู่บุดดา ถาวโร แห่งวัดกลางชูศรีเจริญสุขพระอรหันต์ ที่มรณภาพแล้วร่างกายไม่เน่าเปื่อย



    [​IMG]

    พบหลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญพระผู้เป็นสหธรรมิกของหลวงปู่บุดดา

    จากคำบอกเล่าของหลวงปู่เย็น ท่านได้กล่าวว่า ท่านได้พบกับหลวงปู่สี ในป่าแถบจังหวัดลพบุรี หลวงปู่สีท่านเป็นพระดี พระเก่ง พูดน้อย ปฏิบัติมาก เวลาไปไหน ถ้าหลวงปู่สีพบต้นไม้ใหญ่ ๆ ท่านจะยืนคุยกับรุกขเทวดา สักพัก ท่านจึงเดินต่อไป เวลาที่หลวงปู่เย็นพักตามถ้ำ จะได้ยินหลวงปู่สีคุยกับเทวดา บางครั้งหลวงปู่สีก็แสดงธรรมแผ่เมตตา หลวงปู่สีเป็นพระที่เมตตามาก เป็นพระแท้ เป็นพระทองคำ หลวงปู่เย็น ทานรโต เทพเจ้าแห่งตัว “ พ “ กล่าวถึงหลวงปู่สีด้วยความเคารพ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใน ด้วยจิตใจที่ยกย่องบูชา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2016
  13. kub

    kub Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +63
    โอนแล้วครับ 28/03/2559 เวลา 11.09 น.
    จำนวน 560.15 บาท

    ที่อยู่

    ยุพิน แซ่เจียะ
    สำนักงานทางหลวงที่ 3
    1900 ถ.ใสสว่าง ต.ธาตุเชิงชุม
    อ.เมือง จ.สกลนคร 47000
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มีนาคม 2016
  14. siriphan2009

    siriphan2009 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,237
    ค่าพลัง:
    +17,848
    รับทราบการโอนแล้วครับ จะรีบจัดส่งให้นะครับ
     
  15. siriphan2009

    siriphan2009 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,237
    ค่าพลัง:
    +17,848
    ภาคอิทธิฤทธิ์ อภินิหารหลวงปู่สี

    [​IMG]


    ปาฏิหารย์แยกกายโปรดโยม

    เมื่อราวต้นปี ๒๕๑๙ ทางวัดเขาถ้ำบุญนาค ได้มีการจัดให้มีงานประจำปีขึ้น ซึ่งไปตรงกับงานอีกวัดหนึ่งในจังหวัดชลบุรี ซึ่งทางวัดก็ได้นิมนต์หลวงปู่สี ไปโปรดญาติโยมชาวจังหวัดชลบุรี ในงานที่วัด หลวงปู่สีก็รับปากว่าจะไป ในวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๑๙ ต่อมาวันงานที่ชลบุรีหลวงปู่ท่านก็ไปประพรมน้ำมนต์ให้ญาติโยมในงานด้วยตามคำนิมนต์ วันถัดมาชาวจังหวัดชลบุรีก็ได้เหมารถมาเที่ยวที่วัดเขาถ้ำบุญนาค ตั้งใจมากราบหลวงปู่สี เพราะติดใจหลวงปู่สี ที่ได้กราบรับพรจากท่านเมื่อวานนี้ที่จังหวัดชลบุรี ข่าวที่หลวงปู่เดินทางไปจังหวัดชลบุรี ในเมื่อวานนี้ แพร่ออกไป เหล่าลูกศิษย์หลวงปู่ที่วัดเขาถ้ำบุญนาค ต่างก็แปลกใจและงงไปตาม ๆ กัน เพราะว่าเมื่อวานนี้หลวงปู่ท่านไม่ได้ไปไหน ท่านอยู่ที่วัดเขาบุญนาคตลอดเวลา เพราะว่าทางวัดมีงาน มีคนกราบไหว้หลวงปู่อยู่ตลอดเวลา พระและลูกศิษย์ที่วัดเขาถ้ำบุญนาค จึงไปกราบถามหลวงปู่ว่า “ หลวงปู่ครับ เมื่อวานนี้หลวงปู่ไปเมืองชลบุรีมาหรือครับ “ หลวงปู่ท่านไม่ตอบ พอมีคนถามนัก ท่านก็เลยล้มตัวลงนอน เลยไม่มีใครกล้าถามอะไรท่านอีก


    ตามคนมาทอดกฐินที่วัด

    หลังจากเมื่อหลวงปู่มรณะภาพไปแล้วเมื่อต้นปี ๒๕๒๐ ปรากฏว่าปีนั้นทางวัดเงียบเหงา ไม่มีใครมาแม้แต่กฐินก็ไม่มีใครนำมาทอด ซึ่งทางวัดก็คิดว่าคงจะไม่มีใครมาแล้วเพราะใกล้จะหมดกำหนดเวลาในการรับผ้ากฐิน จู่ ๆ ก็มีลูกศิษย์หลวงปู่สี ได้นำกองกฐินมาทอดที่วัดเขาถ้ำบุญนาค และเมื่อมาแล้วไม่เห็นหลวงปู่สี ลูกศิษย์หลวงปู่ผู้นั้นก็ถามขึ้นว่า “พระอาจารย์ครับหลวงปู่ท่านไปไหนครับ ไม่เห็นท่านเลยครับ” พระที่อยู่ดูแลท่านก็ได้บอกว่า “ โยม หลวงปู่สีท่านมรณะภาพแล้ว ตั้งแต่ วันที่๒๓ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา คุณโยมไม่ทราบหรือ” ศิษย์หลวงปู่สีผู้นำกฐินมาทอดทำสีหน้าฉงนออย่างงง ๆ แล้วก็พูดขึ้นว่า “อาจารย์ครับ เมื่อราวสองสัปดาห์นี้เอง หลวงปู่ท่านไปหาผม หลวงปู่ท่านบอกว่าให้ช่วยจัดกฐิน มาทอดที่วัดเขาถ้ำบุญนาคด้วยเพราะไม่มีใครมาทอดในปีนี้ พอกระผมทราบเรื่องจากหลวงปู่เช่นนั้น กระผมก็รีบรวบรวมจัดกฐินมาอดนี้แหละครับ “ พระเณรที่วัดต่างมองหน้ากัน แม้แต่ท่านจะละสังขารไปแล้ว ท่านก็ยังเป็นห่วงพระเณรที่วัด ต่อจากนั้นทางวัดก็นำศิษย์หลวงปู่ไปกราบศพหลวงปู่สี ทำให้ศิษย์ผู้นั้นได้ทราบว่าหลวงปู่สีละสังขารไปแล้วจริง ๆ ส่วนที่ไปพบกับตนเมื่อเร็ว ๆนี้นั้น เป็นกายทิพย์ของหลวงปู่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2016
  16. siriphan2009

    siriphan2009 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,237
    ค่าพลัง:
    +17,848
    ไม่ยอมอยู่กุฏิหลังใหม่

    เป็นที่รู้จักกันว่าหลวงปู่สี ท่านเป็นพระที่ปฏบัติที่ไม่ติดในวัตถุ ไม่สะสม และไม่ติดยึดในสิ่งใด ๆ แม้แต่ความสะดวกสบายต่าง ๆ ที่ ลูกสิษย์ทุกคนพร้อมที่จะถวายให้ท่าน แต่ท่านไม่เอา ดังนั้นกุฏิของท่านที่อยู่จึงเป็นกุฏิหลังไม้เก่า ๆ หลังเล็ก ๆ หรือไม่ก็ในถ้ำที่ท่านชอบเข้าไปปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ในวันหนึ่งท่านพระอาจารย์สมบูรณ์เจ้าอาวาสวัดเขาถ้ำบุญนาค ดำริทีจะสร้างกุฏิหลังใหม่ให้หลวงปู่สี คณะกรรมการทุกคนก็พร้อมใจกันจึงได้เรียกช่างปูนมาทำการก่อสร้าง โดยสร้างเป็นกุฏิปูนชั้นเดียว พอท่านทราบเรื่องว่าจะสร้างให้ท่าน ท่านก็บอกว่าจะไม่ยอมไปอยู่ที่กุฏิหลังใหม่ เป็นที่น่ามหัศจรรย์หลังจากที่หลวงปู่สี ท่านพูดเช่นนั้น ช่างปูนที่รับคำสั่งจากท่านเจ้าอาวาสได้ลงมือก่อสร้างกุฏิหลังใหม่ วันนั้นปรากฏว่าช่างปูนไม่สามารถฉาบปูนได้เลย เพราะฉาบปูนเท่าใดก็ไม่ติดจนกระทั่งช่างปูนนึกท้อใจ เพราะไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิตที่รับงานก่อสร้างมานับไม่ถ้วน ในที่สุดก็ตัดสินใจเลิกทำ ความทราบถึงท่านเจ้าอาวาส และพระอาจารย์รักษ์ เตชธัมโม ซึ่งเป็นพระอุปัฏฐากของหลวงปู่ ได้ไปนมัสการหลวงปู่สีและได้ถามท่านว่า “หลวงปู่ครับทำไมไปแกล้งช่างปูนอย่างนั้นครับหากหลวงปู่ไม่อยากอยู่ก็ไม่เป็นไรครับ ให้ช่างปูนเขาสร้างให้เสร็จก่อน” หลวงปู่สีท่านจึงกล่าวว่าก็ให้เขามาทำใหม่สิต่อจากนั้นอีก๒วันพระอาจารย์สมบรูณ์ ท่านเจ้าอาวาสก็เรียกช่างมาทำใหม่ ซึ่งคราวนี้ช่างปูนสามารถฉาบปูนได้เป็นผลสำเร็จอย่างไม่มีปัญหา เพียงวันเดียวก็สามารถฉาบปูนสำเร็จเสร็จ หมดทั้งกุฎิ ทีมงานก่อสร้างในครั้งนั้นต่างเลื่อมใสศรัทธาหลวงปู่ทุกคน กุฎิหลังดังกล่าว ในสมัยที่หลวงปู่ท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านไม่เคยได้ไปใช้สอยเลย เเต่หลังจากที่ท่านมรณะแล้ว บรรดาศิษยานุศิษย์จึงได้อัญเชิญศพของท่านบรรจุในโลงแก้ว แล้วประดิษฐานไว้ที่กุฎิหลังใหม่ ซึ่งเป็นการสะดวกที่จะให้ลูกศิษย์ของหลวงปู่ไปกราบไหว้บูชาหลวงปู่
     
  17. siriphan2009

    siriphan2009 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,237
    ค่าพลัง:
    +17,848
    ย่นระยะทางไปพบสหายธรรม

    ในสมัยที่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ยังดำรงขันธ์อยู่ หลวงปู่สีมักจะเดินทางไปสนทนาธรรมกันอยู่บ่อยครั้ง ในบางครั้งหลวงปู่ศุข ก็เดินทางไปพบหลวงปู่สี และบางครั้งก็ไปพบหลวงปู่สี และบางครั้งก็ไปพบกับหลวงปู่กลั่น วัดพระญาติ ทั้งสามท่านมีความผูกพันกันมาก มักจะผลัดเปลี่ยนเวียนกันไปพบซึ่งกันและกัน และในบางครั้งก็ออกธุดงค์ไปตามป่าดงพงเขาด้วยกันในบางครั้งบางคราว พระสหธรรมทั้งสาม หลวงปู่กลั่น หลวงปู่ศุข หลวงปู่สี ทั้งสามเกิดปี ใกล้เคียงกัน หลวงปู่กลั่นวัดพระญาติ เกิดปี ๒๓๙๐ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พระอาจารย์ของกรมหลวงชุมพรฯ เกิดปี ๒๓๙๐ ส่วนหลวงปู่สี เกิดปี ๒๓๙๒ ซึ่งอ่อนกว่าทั้งสองท่านเพียง ๒ ปี แต่พระอาจารย์ทั้งสามท่านก็มีความผูกพันกัน ธุดงค์และศึกษาปฏิบัติธรรมด้วยกัน มีอะไรก็แลกเปลี่ยนกัน ในครั้งที่หลวงปู่ศุข เป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่สีได้เดินทางไปเยี่ยมและอยู่สนทนาธรรมกัน หลังจากที่ออกพรรษาแล้วหลายวันก็คิดว่าจะออกธุดงค์ไป แต่หลวงปู่ศุขก็ขอร้องให้หลวงปู่สี รออยู่ที่วัดก่อนเช้าวันนั้นหลวงปู่ศุขท่านก็ออกบิณฑบาตร ฝ่ายหลวงปู่สี พอเห็นหลวงปู่ศุขไปแล้วท่านก็เก็บของ ๆ ท่านที่จำเป็นแล้วออกเดินทางไป เมื่อหลวงปู่ศุข กลับจากบิณฑบาตร ทราบจากพระในวัดว่าหลวงปู่สีท่านไปแล้ว หลวงปู่ศุขจึงให้พระเณรฉันข้าวก่อน เดี๋ยวจะกลับมาฉันด้วย ต่อจากนั้นท่านก็เข้ากุฏินำพระคัมภีร์ ๓ เล่ม ตามไปให้หลวงปู่สี ปรากฏว่าพระอาจารย์ทั้งสองรูปมาพบกันที่ตาคลีจากนั้นหลวงปู่ศุข ท่านก็เดินทางกลับวัดที่ชัยนาท ไปฉันอาหารร่วมกับพระเณรจนเสร็จ พระอาจารย์ทั้งสามรูปนี้ท่านสำเร็จอภิญญาชั้นสูง จึงสามารถย่นระยะทางไปไหนมาไหนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งระยะทางจากชัยนาทมาถึงตาคลี ระยะทางประมาณ ๔๐-๕๐ กิโลเมตร ถ้านั่งรถก็ต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงเห็นจะได้ ในเรื่องฤทธิ์เดชต่าง ๆ นี้เวลาที่ลูกศิษย์ถามหลวงปู่ท่านจะแกล้งล้มตัวนอนไม่ตอบคำถามของลูกศิษย์ แต่หากจะถามเรื่องธรรมะต่าง ๆ ท่านก็จะอธิบายขยายข้อธรรมให้อย่างชัดเจน เพราะท่านไม่ต้องการให้ลูกศิษย์ โดยเฉพาะพระภิกษุไปติดในเรื่องเดชฤทธิ์อำนาจ ท่านต้องการให้ใผ่ใจในเรื่องการปฏิบัติธรรม
     
  18. siriphan2009

    siriphan2009 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,237
    ค่าพลัง:
    +17,848
    หลวงปู่สีย่นระยะทาง (ต่อ)

    ในการออกธุดงค์ของหลวงปู่นั้น หลายชายของท่านคนหนึ่ง เคยติดตามไปด้วย ได้เล่าให้ฟังว่า ขณะนั้นยังเป็นสามเณรได้ติดตามหลวงปู่ไปนมัสการพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรี โดยค้างคืนที่พระพุทธบาท รุ่งเช้าพอฉันอาหารเช้าเสร็จเรียนร้อยแล้ว ปรากฏว่ามาถึงตาคลีเป็นเวลาฉันอาหารเพลพอดี ซึ่งระยะทางจากพระพุทธบาทมาถึงตาคลีให้เดินเก่งอย่างไร ก็ไม่สามารถที่จะเดินถึงได้ ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน แต่หลวงปู่ท่านพาเดินได้

    อุจจาระหลวงปู่สีเป็นขี้ผึ้ง
    ในช่วงปลายปี 2519 หลวงปู่สีท่านป่วย คณะศิษย์ได้พาท่านไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัดชัยนาทระหว่างที่ท่านรักษา ตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ท่านไดด้พูดกับลูกศิษย์ว่า " กูจะให้ของดีมึงเอาไว้ใช้ " แต่ก็ไม่มีใครรู้ได้ว่าท่านจะให้ของสิ่งใด ในวันต่อมาหลวงปู่สีท่านมีอาการท้องผูกอย่างแรง ท่านจึงบอกให้พระรักษ์สวนทวารท่าน เพื่ออุจจาระออกมา พระรักษ์จึงทำการสวนตามที่ท่านบอก เมื่ออุจจาระออกมาแล้วปรากฏว่าแทนที่จะมีกลิ่นเหม็นเหมือนของคนทั่วไป แต่กลับมีกลิ่นคล้ายกับสีผึ้ง พระรักษ์ได้ลองใช้มือบี้ดูต่อหน้าคนหลาย ๆ คน ปรากฏว่าเป็นสีผึ้ง ทางวัดจึงได้นำมาเก็บรักษาไว้ เมื่อท่านพระครูนิวิฐปริยัติคุณ( หลวงพ่อสมบูรณ์) ท่านจะทำสีผึ้งครั้งใด ท่านก็จะเอาสีผึ้งส่วนนี้มาผสมด้วยทุกครั้ง ผลปรากฏว่ามีอานุภาพมากมาย จึงเป็นที่ต้องการกันมาก ปัจจุบันทางวัดหมดไปนานแล้ว คงเหลืออยู่ไว้เพียงที่ผสมไว้เท่านั้น

    คำบอกเล่าจาก นาย เพชร ปล้องทอง(ลุงแตง) อายุ 73 ปี บ้านอยู่แถววัดเขาถ้ำบุญนาค มีศักดิ์เป็นเหลนหลวงปู่สี ถ่ายทอดประสบการณ์ในสมัยที่หลวงปู่สีท่านยังอยู่

    พญานาคในถ้ำหน้าวัดเขาถ้ำบุญนาค
    ในสมัยแรกที่พระมหาสมบูรณ์ท่านนิมนต์หลวงปู่สีมาอยู่ที่วัดเขาถ้ำบุญนาค ก่อนที่จะมีกุฏิหลังเล็กที่หน้าปากถ้ำหน้าวัด หลวงปู่สีท่านจะจำวัดอยู่บนก้อนหินที่ในถ้ำ มีอยู่คราหนึ่งหลวงปู่สีท่านไม่สบาย ลุงแตงเล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นมีอยู่ 3คน ที่มานอนเฝ้าหลวงปู่คือ ลุงแตง ทิดสว่าง และลุงขุ่ย นอนกับหลวงปู่ในถ้ำ ช่วงพลบค่ำหลวงปู่ท่านมาสะกิดให้ลุงทั้ง 3 คน ขึ้นมานอนบนก้อนหิน หลวงปู่บอกว่า " เดี๋ยวเขาจะมาคุยกับหลวงปู่" ในถ้ำแห่งนี้จะมีถ้ำเล็ก ๆ ซอยย่อยออกไปอยู่มากมายหลังจากที่หลวงปู่สีท่านบอกได้ซักพักก็มีตัวอะไรไม่ แน่ใจ เลื้อยออกมาจากถ้ำเล็กที่ปิดไว้ ลำตัวขนาดเท่าลำต้นตาลสีดำ บริเวณหัวมีหงอนสีแดง ยาวเท่าไหร่ไม่รุ้เพราะมืด เลื้อยมาชูคอตรงหน้าหลวงปู่สี และหลวงปู่ท่านก็พูดด้วยแต่พูดอะไรกันไม่รู้ สักพักก็เลื้อยออกไปจากถ้ำ ทั้ง ๆ ที่ถ้ำนั้นทำการปิดไว้อยู่ พอสอบถามหลวงปู่ ท่านก็บอกว่า"เขาเป็นผู้รักษาถ้ำนี้และมาขอให้ช่วยรักษาถ้ำนี้ไว้อย่าให้ใคร มาทำลาย" และก็มักจะมีปรากฏการณ์แปลกเกิดขึ้นคือ บริเวณถ้ำหน้าวัดนี้เป็นส่วนหนึ่งของกองภูเขาเล็กที่โรงปูนฯตาคลี จะต้องทำการระเบิดเป็นเศษหิน ไว้สำหรับบดทำปูนซีเมนต์ และเป็นที่ทราบกันดีว่าก่อนจะทำการระเบิดหิน จะต้องมีการเปิดหวอเตือนภัยให้ชาวบ้านละแวกนั้นให้ทราบ เพื่อที่จะไม่เข้ามาเพราะอาจทำให้เกิดลูกหลงจากแรงระเบิดได้ และนับเป็นเรื่องอัศจรรย์ ที่ทุกครั้งจะทำการระเบิดบริเวณใกล้ ๆ ปากถ้ำ คนวางแนวระเบิดแล้วและกำลังจะกดสัญญาณหวอเตือนให้ดัง ระเบิดจะติดก่อนหรือไม่ก็ด้านไปในทุกที

    มีพระพุทธรูปในสระน้ำ
    หลังจากที่หลวงปู่สีท่านย้ายจากในถ้ำมาอยู่ที่กุฏิหลังเล็กหน้าปากถ้ำ ตรงบริเวณด้านหน้ากุฏิหลังนี้จะมีสระน้ำลึกอยู่ มีอยู่วันหนึ่งหลวงปู่สี ท่านมองไปที่สระน้ำและบอกกับพระอาจารย์สมบูรณ์ว่า ใต้สระน้ำนี้มีพระพุทธรูปเก่าอยู่สององค์ ปีหน้าน้ำในสระจะแห้งให้เด็กในวัดไปงมขึ้นมานะ หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งปี น้ำในสระก็แห้งจริงตามที่หลวงปู่สีท่านได้กล่าวไว้ พระอาจารย์สมบูรณ์ท่านจึงให้เด็กวัดลงไปงมหาพระตามที่หลวงปู่ได้เคยบอกไว้ และปรากฏว่าพบพระพุทธรูปโบราณจริง ๆ ตามที่หลวงปู่สีท่านบอกไว้ทุกประการ

    แสนครั้งยังไม่เท่าหนึ่ง(เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับคณะชลบุรีกับหลวงปู่สี)
    สืบเนื่องจากคณะชาวชลบุรีเกิดความ ศรัทธาหลวงปู่ที่หลวงปู่ได้ไปโปรดที่จังหวัดชลบุรี(อ่านได้ตอน ปาฏิหารย์แยกกายโปรดโยม) จึงตามมาหาหลวงปู่ถึงวัด ครั้นพอถึงเวลาฉันเพลแล้ว ชาวชลบุรีก็นำอาหารที่เตรียมมาถวายเพล ท่านก็ลุกขึ้นมานั่งยอง ๆ ฉันอาหาร โดยมีแมวและสุนัขนั่งล้อมหน้าล้อมหลัง ชาวจังหวัดชลบุรีกลุ่มนั้น เมื่อได้เห็นอากัปกิริยาของหลวงปู่เช่นนั้น คือนั่งไม่สำรวม ก็ไม่ศรัทธา จึงได้พากันเดินทางต่อไปยังวัดท่าซุง เพื่อกราบนมัสการหลวงพ่อฤาษีลิงดำ พวกเขาได้เล่าให้หลวงพ่อฤาษีลิงดำฟังถึงหลวงปู่สีว่า “เป็นพระที่ไม่น่านับถือ” แต่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านกลับตอบไปว่า “กราบฉันแสนครั้งยังไม่เท่าได้กราบหลวงปู่สีครั้งเดียว” ต่อมาภายหลังชาวชลบุรีกลุ่มนี้ก็กลับกลายมาเป็นศิษย์ที่นับถือหลวงปู่สีมาก ที่สุดกลุ่มหนึ่งอย่างไม่น่าเชื่อ และได้สร้างพระถวายหลวงปู่สีอยู่หลายรุ่นครับ
     
  19. siriphan2009

    siriphan2009 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,237
    ค่าพลัง:
    +17,848
    หลวงปู่ใบ้หวย

    ตามที่ได้กล่าวไว้ตอนต้นว่าข้าพเจ้ามาหาหลวงปู่สี เพราะได้ทราบจากเพื่อนว่าหลวงปปู่ให้หวยแม่น และให้ง่าย ๆ ไม่ยาก จึงลองมาดู ในวันแรกที่มาหาหลังจากที่คุยกับหลวงปู่อยู่สักพักหนึ่ง หลวงปู่สีท่านก็ได้หยิบกล้วยน้ำว้าจำนวน 3 ลูกห่อกระดาษส่งมาให้ พร้อมทั้งบอกว่า เอ้าเอาไปข้างล่าง ซึ่งข้าพเจ้าก็ทราบแล้วว่าท่านให้หวย แต่ก็แกล้งบอกหลวงปู่สีไปว่า ทำไมหรือครับผมไม่รู้ หลวงปู่ท่านคงรำคาญ เลยบอกว่า " หวยข้างล่าง 35 " ข้าพเจ้ารู้ท้นทีว่าเลขท้ายสองตัว 35 และงวดนั้นก็ออกตามที่หลวงปู่บอกตรง ๆ เลย พองวดที่สองข้าพเจ้าไปหาหลวงปู่ท่านก็พูดดว่า "ส้วมกลม ๆ สองส้วมอยู่ข้างล่าง" ซึ่งข้าพเจ้าก็คิดออกทันทีว่า 00 หรือ 20 และหวยงวดนั้นก็ออก 00 ตรงตามที่คิด หลวงปู่ท่านจะบอกปัญหา ๆ ให้ฟังง่าย ๆ ไม่ต้องคิดมากให้ลึกซึ้ง อย่างเช่น งวดสุดท้ายก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ท่านบอกว่าข้างล่าง " ควายสามตัวต้อนเข้าคอก" ซึ่งใคร ๆ ที่ไปหาก็คิดได้ว่า 34 หรือ 43 และหวยก็ออก 34 ปรากฏว่างวดนั้นถูกกันมากมาย และเป็นการให้หวยครั้งสุดท้ายของหลวงปู่ การไปขอหวยหลวงปู่ ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรเลย ขึ้นไปกราบท่านเสร็จก็ถามท่านได้เลยว่า "หลวงปู่ปัญหางวดนี้มาหรือยัง" ท่านก็จะบอกให้ทันที และแยกให้รู้ด้วยว่าเป็นข้างล่างหรือข้างบน ท่านมักจะบอกอยู่เสมอ ๆ ว่าไม่ใช่ปัญหาของท่านหรอก "ผีมันทำให้ดู" แต่มีสิ่งที่เรา ๆ จะถามและคำพูดที่หลวงปู่ท่านไม่ชอบอยู่หลายอย่าง คนที่ขึ้นไปหาท่านจะโดนดุทันที เมื่อถามท่านดังนี้
    1 อย่าไปถามว่าหลวงปู่มียุงกัดไหม ท่านจะบอกว่าไม่มียุงมันก็มาถามให้มียุงแล้วท่านก็จะทำท่านั่งตบยุงให้ดู ทันทีทั้งที่ก่อนหน้านั้นท่านไปเคยตบยุงเลยสักนิดเดียว
    2 ห้ามพูดคำว่าฝันดี ฝันว่าอย่างนั้นฝันว่าอย่างนี้ ให้หลวงปู่ท่านฟัง เพราะหากไปพูดแล้วหลวงปู่จะดุ แล้วพูดว่า "มึงฝันดี แล้วมาหากูทำไม" นอกจากทั้งสองเรื่องนี้ที่ท่านไม่ชอบแล้ว เวลาที่หลวงปู่ท่านฉันอาหารอยู่ ท่านไม่ชอบให้ใครไปสูบบุหรี่บริเวณใกล้เคียง ท่านจะบอกว่าเหม็น หากใครสูบท่านจะเลิกฉันทันที อาหารที่หลวงปู่ชอบฉันคือ "บะหมี่เหลืองแห้งหมู" กับงบน้ำอ้อย พอคนรู้ว่าหลวงปู่ชอบ ก็นำมาถวายให้ท่านฉันเป็นประจำ มีอยู่วันหนึ่ง หลวงปู่ท่านจะฉันเพล ท่านเปิดปิ่นโตอาหารออกมาดู ปรากฏว่ามีแต่บะหมี่เหลืองแห้งทั้งนั้น ท่านเกาหัวแล้วหันมาบอกข้าพเจ้าพร้อมทั้งพูดว่า " อีกหยัง อีหยังก็บะหมี่ทั้งนั้น" ท่านคงจะเบื่อ เพราะต้องฉันทุกวันทุกมื้อเลย

     
  20. siriphan2009

    siriphan2009 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,237
    ค่าพลัง:
    +17,848
    เอกซ์เรย์หลวงปู่ไม่ติด

    ในคราวที่หลวงปู่สีท่านล้มป่วย คณะศิษย์ได้นำท่านไปรักษายังโรงพยาบาลกองบิน 4 แพทย์ได้นำหลวงปู่สี เข้าเครื่องเอกซ์เรย์ แต่เมื่อล้างฟิล์มเอกซ์เรย์ออกมาแล้ว ปรากฏว่าฉายร่างหลวงปู่สีไม่ติด สร้างความประหลาดใจให้แกแพทย์ที่ทำการรักษาท่านเป็นอย่างมาก ท่านพระครูนิวิฐปริยัติคุณ(หลวงพ่อสมบูรณ์) ต้องเดินมาบอกหลวงปู่สีว่า หมอเขาจะรักษาหลวงปู่ให้หาย หลวงปู่สีไปแกล้งเขาทำไม หลวงปู่ตอบว่า ท่านไม่ใช่คนธรรมดานี่จะได้ถ่ายติด แล้วก็บอกให้นำ ท่านไปเข้าฉายใหม่ ปรากฏว่าครั้งหลังถ่ายติด และในการฉีดยาทุก ๆ ครั้ง หมอต้องขออนุญาตหลวงปู่ทุกครั้ง หากไม่ขออนุญาตก็จะฉีดยาไม่เข้า หมอที่โรงพยาบาลกองบิน 4 และโรงพยาบาลจังหวัดชัยนาท เจอเหตุการณ์เช่นนี้บ่อย ๆ ครั้ง


    ยังไม่ไปจนกว่าโบสถ์จะเสร็จ

    คนที่ใกล้ชิดหลวงปู่ มักจะได้ยินท่านพูดคนเดียวเสมอ ๆ ว่า "ยังไม่ไป ให้โบสถ์เสร็จเรียบร้อยก่อนถึงจะไป" ท่านพูดแบบนี้บ่อย ๆ ครั้ง เคยถามท่าน ท่านตอบว่า "เขาจะรับไปอยู่ด้วย(หมายถึงตาย)แต่ท่านขอผลัดให้โบสถ์เสียก่อน" ซึ่งเมื่อสร้างโบสถ์วัดเขาถ้ำบุญนาคเสร็จและทำการปิดทองฝังลูกนิมิตได้ไม่ นาน หลวงปู่สีท่านก็มรณภาพ ตามที่ท่านได้พูดไว้
     

แชร์หน้านี้

Loading...