เพื่อการกุศล กลับมาอีกครั้งเชิญบูชาวัตถุมงคล เพื่อร่วมบุญสร้างกุฏิสงฆ์ และรูปเหมือนพระพี่หลวงป่าบง เริ่มหน้า 31

สร้างพระที่ระฤกฉลองสมโภชเชียงใหม่ 720 ปี​

เนื่องด้วยในปีนี้ พศ.2559 เป็นวาระดิถีครบ 60 รอบนักษัตร 720 ปี การสร้าง "นพบุรีสรีนครพิงค์เชียงใหม่" ปีพุทธศักราช 1839 - 2559 ผมจึงคิดอยากชักชวนทุกท่านร่วมสร้างกุศล หล่อพระพุทธรูปศิลปะล้านนา(เชียงใหม่)ผสมลังกา เพื่อเป็นที่ระฤกในวาระวิเศษดังกล่าวนี้ และจะจัดสร้างพระผงพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองตั้งแต่ครั้งแรกสถาปนานครนั่นคือ "พระเสตังคมณี(พระแก้วขาว) และ พระศิลา" ที่ประดิษฐาน ณ วัดเชียงมั่น และยังเป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์ พระนางจามเทวี ผู้ครองนครหริภุญไชย และ พญามังราย ผู้สถาปนาอาณาจักรล้านนา ด้วยผงมวลสารวิเศษมากมาย จึงประกาศบอกบุญแก่ญาติธรรมสร้างกุศลใหญ่ในครั้งนี้

​

1.หล่อพระพุทธรูปสำริดผสมชนวนมวลสาร 1 องค์ จะมีการนำวัตถุมงคลต่างๆมาร่วมบอกบุญให้บูชา

​

2.สร้างพระผง พระเสตังคมณี และ พระศิลา
ให้ร่วมบุญชุดพิเศษ 500 บาท รับพระผงเนื้อแก่มวลสาร พิมพ์พิเศษด้านหน้าพระเสตังคด้านหลังพระศิลา 1 องค์ พิมพ์พระเสตังค 1 องค์ และพิมพ์พระศิลา 1 องค์ รวมทั้งชุด 3 องค์

ขอเชิญร่วมกุศลกันในครั้งนี้ครับ

 

ปิดรายการ

 

ผงอิทธิเจ วัดสัมฤทธิ์เพียวๆ บรรจุหลอกเลี่ยมพร้อมห้อย จากวัดโดยตรง
ทำบุญเส้นละ 450 บาท มีจำนวน 3 เส้น

 

ผงมหาพุทธคุณสัมฤทธิ์
ประกอบด้วย 1.ผงอิทธิเจวัดสัมฤทธิ์ 2.ผงพุทธคุณ (มวลสารรวมพระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต ) 3.ผงจักรพรรดิ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
รายละเอียดความวิเศษของผงแต่ละชนิดจะนำเสนอต่อไป

บูชาหลอดละ 300 บาท ลงชื่อจองและจำนวนได้เลยไม่จำกัด

 

ஐอภิชิโต ภิกขุ ศิษย์น้องหลวงปู่เทพโลกอุดรஐ
............

**สำเร็จวิชาจากในดงแดนลี้ลับ**
............
**ผู้สร้างความอัศจรรย์เสกใบไม้เป็นนก**
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
✪พิสูจน์ฤทธิ์เสกใบไม้กลายเป็นนก✪
............
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๖ เคยมีข่าวดังครึกโครม เรื่องพระสงฆ์ผู้ทรงฤทธิ์ แสดงอำนาจพลังจิตเสกใบไม้กลายเป็นนก เรื่องราวดังกล่าวเป็นข่าวใหญ่พาดหัวหนังสือพิมพ์ในยุคนั้น ผู้ฅนตื่นตะลึงพากันติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างมาก ท่านที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงนี้ คือ ท่านอภิชิโต ภิกขุ (ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ) ท่านเป็นลูกของมหาเศรษฐีในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง บิดาท่านมีนามว่า พระยาศึกษา ศิริสมบัติ ต่อมาท่านอภิชิโต ภิกขุ บวชเป็นสามเณรเพื่อแก้บน แต่ภายหลังท่านได้พบพระอาจารย์ลึกลับนาม **หลวงตาดำ หรือหลวงพ่อดำ** ท่านผู้นี้ได้นำท่านเข้าไปศึกษาวิชาภายในสถานที่ลึกลับ ที่เรียนสืบกันมาว่า **ในดง** เมื่อสำเร็จวิชาแล้วท่านได้ฝึกตาย เรื่องราวของท่านคล้ายกับหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ด้วยทั้งสองท่านต่างเป็นศิษย์ในสายเดียวกัน
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
ท่านอภิชิโต ภิกขุ เป็นพระสงฆ์ที่ทรงฤทธิ์มีพลังจิตสูงมาก สามารถแสดงอำนาจของพลังจิตไปจริง ศิษย์ของท่านเป็นผู้มีความสำคัญในวงสังคมมากมาย เรื่องการแสดงฤทธิ์ของท่านเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๖ เนื่องจากช่วยศิษย์ คือ พ.อ.(พิเศษ)ชม สุคันธรัต เพื่อให้พ้นคำครหาว่า **ฤทธิ์อำนาจจิตไม่มีจริง** เนื่องจาก พ.อ.ชม ได้ไปเป็นวิทยากรพูดเรื่องพลังจิต ทั้งแสดงอำนาจพลังจิตตามที่ได้ฝึกมาเช่น คงกระพัน, ดับพิษไฟล้วงน้ำมันเดือด, ฯลฯ แต่ช่วงที่เป็นวิทยากร มีผู้ถามเกี่ยวกับการเสกแปลงธาตุ เสกใบไม้ให้เป็นต่อแตน หรือให้เป็นสัตว์ต่าง ๆ ว่ามีจริงหรือไม่ ท่าน พ.อ.ชม กล่าวตอบว่ามีจริง ผู้ถามจึงให้ท่านเสกให้ดู แต่ด้วยพลังจิตท่านเวลานั้นไม่สูงพอ ไม่สามารถเสกแปลงธาตุได้จึงโดนเขาดูแคลน จึงได้มาขอให้อาจารย์อภิชิโต ภิกขุ ช่วยเสกแปลงธาตุเพื่อพิสูจน์เรื่องดังกล่าวว่ามีจริง อ้อนวอนอยู่นานท่านอภิชิโต ภิกขุ จึงยอมแสดงฤทธิ์ เป็นเหตุให้เกิดการพิสูจน์ฤทธิ์วิชาแปลงธาตุจนเป็นข่าวโด่งดัง
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
เหตุการณ์ประวัติศาสตร์นี้ มีการบันทึกภาพไว้หลายช่วง ตั้งแต่เด็ดใบไม้เสกจนเป็นนกทีละช่วง แต่กาลเวลาทำให้ข้อมูลหลายส่วนสูญหายไป เหลือเพียงภาพที่เคยใช้พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ เหลือเพียงภาพเดียวในปัจจุบัน ท่านอภิชิโต แสดงฤทธิ์เมื่อวันอังคารที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๖ เวลา ๑๘.๐๐ น. โดยมีนักหนังสือพิมพ์ทำการบันทึกภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว แต่เมื่อถึงเวลาถ่ายทำจริงแสงสว่างไม่พอ ทั้งกำลังไฟฟ้าในบริเวณนั้นไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวได้ ในการพิสูจน์คราวนี้มีบุคคลสำคัญในยุคนั้นหลายท่าน เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย
............
✪ผู้สังเกตการณ์ในคราวนี้✪
............
๑..พระยาสารกิจพิลาศ พร้อมครอบครัว
............
๒.. นางสาวไทย หรือ นางสาวสยามในสมัยนั้น
............
๓.. อาจารย์บุญมี เมธางกูร ผู้เขียนหนังสือความมหัศจรรย์ทางจิต และประธานผู้ก่อตั้งมูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ
............
๔.. นางแนบ มหารีรานน์ อาจารย์สอนกรรมฐาน และสอนพระอภิธรรม ท่านมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วไป
............
๕.. พระพุทธทาสภิกขุ (พุทธทาส อินทปัญโญ) ผู้เขียนหนังสือธรรมะ อันโด่งดังเป็นที่รู้จักกันดี
............
๖.. อาจารย์ชุม ไชยคีรี ฆราวาสจอมขมังเวทย์ ศิษย์สำนักเขาอ้อผู้มีชื่อเสียงทางเข้มขลัง

❀❀❀❀❀❀❀❀
............

ในการพิสูจน์ฤทธิ์ครั้งนี้ความจริงยังมีผู้ร่วมสังเกตการณ์อีกมาก แต่มีการบันทึกไว้หรือพอสืบทราบได้เพียงเท่านี้ ช่างภาพผู้ถ่ายภาพทั้งเป็นผู้นำเรื่องราวลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ คือ คุณบรรจง มีแสงพราว ในการแสดงฤทธิ์คราวนี้ท่านอภิชิโต ภิกขุ เสกใบมะม่วงเป็นนกน้อยสีสันสดใส เป็นนกที่สีแปลกไม่เคยพบเห็นในธรรมชาติ ลำตัวมีสีสันคล้ายสีรุ้ง โดยท่านอภิชิโต ภิกขุกล่าวว่า
............
**นกชนิดนี้ท่านจำสีสันลักษณะมาจากในดงลี้ลับ สถานที่ที่ท่านฝึกว่าจากหลวงตาดำ ในสถานที่นั้นมีนกเช่นนี้อยู่ทั่วไป ท่านจึงเสกทำด้วยความเคยชินมาตั้งแต่ครั้งสมัยฝึกวิชา**
............
เมื่อเสกนกได้แล้วท่านยังได้ให้ศิษย์นำเชือกมาผูกจานกน้อยนั้นไว้ แล้วส่งปลายเชือกให้ท่าน พระพุทธทาสภิกขุ จับเชือกที่ผูกนกน้อยนี้ไว้ เหตุการณ์นี้สร้างความอัศจรรย์ให้แก่ผู้พบเห็นอย่างมาก ขนาดว่าพระพุทธทาสภิกขุ ยังออกปากยอมรับ ว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์หาคำตอบไม่ได้ ในตอนสุดท้ายท่านอภิชิโต ภิกขุ ยังได้เสกงูขึ้นมาจากผ้า กลายเป็นงูเห่าขนาดใหญ่ ชูคอแผ่แม่เบี้ยอยู่เบื้องหน้าคณะผู้พิสูจน์ จนทุกท่านที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องทึ่งไปตาม ๆ กัน
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
✪เหตุการณ์นี้ถูกนำเยแพร่เป็นข่าว✪
............
➸ ข่าวหนึ่งหนังสือพิมพ์เดลิเมล์ ฉบับวันจันทร์ที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๙๖ โดยมีรายละเอียดในการสัมภาษณ์ และภาพถ่ายหลายภาพ ทั้งภาพขณะนั่งเสกใบไม้ จนกลายเป็นนก มีภาพที่จับนกอยู่ในมือด้วย แต่ภาพได้สูญหายไปตามกาลเวลา ส่วนภาพที่เคยได้เห็นในหอสมุดแห่งชาติ ปัจจุบันมีมือดีฉีกออกหายไปจนหมดสิ้น
............
➸ นำเผยแพร่อีกครั้งในหนังสือพิมพ์บางกอกไทม์ ฉบับวันจันทร์ที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๖
............
➸ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันอาทิตย์ที่ ๒๘ , วันจันทร์ที่ ๒๙, วันอังคารที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๙ เป็นการนำเรื่องราวของท่านมาลงติดต่อกันถึง ๓ ฉบับ ผู้ฅนให้ความสนใจเป็นอันมาก พากันสืบหาท่าน อภิชิโต ภิกขุ แต่ในเวลานั้นท่านมรณภาพไปแล้วราว ๓ ปี
............
❀❀❀❀❀❀❀❀
............
ภายหลังเหตุการณ์พิสูจน์ฤทธิ์ แสดงการแปลงธาตุเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๖ นำมาซึ่งความเดือดร้อนวุ่นวาย ด้วยผู้ฅนจากทั่วทุกสารทิศต่างเดินทางมาพบท่าน อภิชิโต ภิกขุ ซึ่งขณะนั้นจำพรรษาอยู่ที่ วัดลาดบัวขาว ถนนเจริญกรุง ที่ผู้ฅนมาพบท่านก็เพื่อขอให้ท่านเสกแปลงธาตุ ผู้ฅนมามากมายแน่นขนัดลานวัดเต็มไปด้วยผู้ฅนและร้านค้า ผู้ฅนมาเพื่อให้ท่านเสกแปลงธาตุจนภายหลังท่านหลบลี้ผู้ฅน ออกเดินธุดงค์เดี่ยวเข้าสู่ป่าเขาหายไปนานแรมปี ภายหลังได้ย้ายไปจำพรรษา ณ วัดเงินคลองบางพรม ธนบุรี แล้วเก็บตัวเงียบ ปิดตัวจากสังคมมาพบใคร
............

ภายหลังศิษย์ได้สร้างสถานที่ถวายท่าน แต่นั้นมาท่านได้ย้ายไปจำพรรษาในสถานที่ส่วนบุคคล ไม่พบผู้ฅนทั่วไปส่งเดชอีกด้วยเบื่อหน่าย เรื่องราวของท่านจึงเป็นความลับมาตลอด จนพึ่งมีการเปิดเผยเป็นครั้งแรกอย่างละเอียดให้สังคมได้รู้จักท่าน ว่าครั้งหนึ่งท่านผู้นี้เคยแสดงความอัศจรรย์ พิสูจน์อำนาจพลังจิตว่ามีอยู่จริงให้มายากล หรือเป็นเพียงเรื่องนิทานเล่าสู่กันฟังเอาเพลินเท่านั้น จึงขอนำเรื่องราวของท่านมาเผยแพร่ให้ทุกท่านได้ทราบดังนี้

 

1.ผงอิทธิเจ วัดสัมฤทธิ์เพียวๆ บรรจุหลอกเลี่ยมพร้อมห้อย จากวัดโดยตรง
ทำบุญเส้นละ 450 บาท มีจำนวน 3 เส้น

2.ผงมหาพุทธคุณสัมฤทธิ์
ประกอบด้วย 1.ผงอิทธิเจวัดสัมฤทธิ์ 2.ผงพุทธคุณ

ขอร่วมบุญอย่างล่ะ 1 ครับ

 

ขอร่วมบุญบูชาผงอิทธิเจกรุวัดสัมฤทธิ์เพียวๆ บรรจุหลอด
และผงมหาพุทธคุณสัมฤทธิ์ มวลสารรวมฯ อย่างละ 1 หลอด

 

1.ผงอิทธิเจ วัดสัมฤทธิ์เพียวๆ บรรจุหลอกเลี่ยมพร้อมห้อย จากวัดโดยตรง
ทำบุญเส้นละ 450 บาท
2.ผงมหาพุทธคุณสัมฤทธิ์
ประกอบด้วย 1.ผงอิทธิเจวัดสัมฤทธิ์ 2.ผงพุทธคุณ
อย่างละ 1 ครับ

 

รายการนี้หมดแล้วครับ

 

ความรู้สึกประหลาดเมื่อบูชาพระเครื่องและผงพุทธคุณ

เรื่องราวที่ขอหยิบยกมาเล่านี้เป็นเรื่องราวของบุคคลท่านหนึ่ง ซึ่งมีความศรัทธาในพระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ (ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ) อย่างสูงน่าชื่นชม ท่านผู้นี้ได้นำภาพถ่ายของท่าน พระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ ที่เผยแพร่อยู่ไปขยายใส่กรอบบูชาเสียใหญ่โตดูน่าเลื่อมใส นำภาพไปบูชาในห้องพระจัดที่ได้อย่างดีมีเครื่องบูชา ทั้งยังเสาะหาพระเครื่องวัตถุมงคลของท่านพระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ มาบูชาเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองอีกด้วย ถึงจุดนี้อยากพูดถึงสักนิดว่าปัจจุบันพระเครื่องของท่านพระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ ทุกรุ่นทุกแบบมีราคาแพงมากขึ้นทุกวัน ทำให้ผู้ที่เคารพเลื่อมใสในพระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ หลาย ๆ ท่านที่มีความศรัทธาแต่มีปัจจัยไม่มากพอเสาะหาวัตถุมงคลรุ่นเกาของท่านมาครอบครองได้ ส่วนพระเครื่องที่สร้างใหม่ในยุคหลังก็วังเวงเกินบูชา ทั้งเจตนาการสร้าง มวลสาร ผู้ปลุกเสก ทุกอย่างคลุมเครือไร้ความแน่นอน ด้วยของเก่าของดีมวลสารศักดิ์สิทธิ์ของท่าน พระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ ปัจจุบันมีฅนนำมาแอบอ้างกันมาก เหตุนี้ผู้ที่เคารพศรัทธาที่มารู้จักท่านในยุคปัจจุบันหลายที่ได้เพียงแค่หาภาพท่านมาบูชาเท่านั้น บ้างก็บูชาพระเครื่องที่อ้างว่ามีผงหรือมวลสารเก่าของท่านพระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ มาแขวนบูชา ซึ้งที่บอกว่ามีมวลสารนี้มีมากน้อยเพียงไรไม่มีใครทราบอัตราส่วน ๑ ต่อ ๑๐,๐๐๐ ส่วนก็ไม่ทราบได้
เหตุนี้คณะของผู้ทำหนังสือ “อภินิหารสะท้านไตรภพ พระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ (ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ)” มีความเห็นว่าเป็นเช่นนี้ต่อไปพระเครื่องวัตถุมงคลของท่าน พระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ คงหายากยิ่งและมีราคาแพงมากขึ้นทุกวัน และยิ่งมีการรวบรวมทำประวัติของท่านมานำเสนออย่างถูกต้องชัดเจน เชื่อว่าต่อไปย่อมมีผู้สนใจมาเคารพนับถือในพระอาจารย์สายในดง นับถือพระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ ตลอดจนผู้ศรัทธาในองค์หลวงปู่เทพโลกอุดรต่างหันมาสนใจศึกษา ทั้งเสาะหาวัตถุมงคลของท่านพระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ กว้างขวางขึ้นอย่างแน่นอน ในปัจจุบันเซียนใหญ่สายท่าพระจันทร์หลายท่าน เวลานี้หันมาซุ่มเก็บวัตถุมงคลของพระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ มากขึ้นทุกวัน ตัวอย่างเซียนใหญ่ปรมาจารย์เหรียญของเมืองไทอย่าง คุณวิรัตน์ ท่าพระจันทร์ ท่านนี้เป็นอาจารย์ในวงการเหรียญ ศิษย์ของท่านมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของฅนทั้งประเทศอยู่ ๒ ฅน คือ คุณบอย ท่าพระจันทร์ กับ คุณตือ (เจริญ) ท่านพระจันทร์ สองท่านนี้ล้วนเป็นศิษย์รักของ คุณวิรัตน์ ท่าพระจันทร์ และในเวลานี้ทราบข่าวว่า คุณวิรัตน์ ท่าพระจันทร์ มีเหรียญรุ่น ๑ ของพระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ สภาพสวยเก็บไว้มากเหรียญด้วยเลื่อมใสศรัทธาใน ท่านพระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ อย่างมาก เหตุว่าท่านบังเอิญไปพบศิษย์ ตลอดจนผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคยพบเห็นการแสดงฤทธิ์ของ ท่านพระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ ท่านแสดงอภินิหารเหนือธรรมชาติต่าง ๆ มาด้วยตาตนเอง เช่น เดินทะลุกำแพง ออกบิณฑบาตไปในที่ไกล ๆ ศิษย์ที่อยู่ไกลข้ามประเทศ ข้ามจังหวัดได้ใส่บาตรท่าน ทั้งที่เวลานั้นตัวท่านอยู่กรุงเทพ บางคราวยังไปบิณฑบาตถึงต่างประเทศ ทั้งที่เวลานั้นท่านอยู่ที่วัดเงิน คลองบางพรม แต่มีฅนไทไปพบเจอท่านก็เคยมี และอีกหลายเรื่องราวที่ล้วนน่าสนใจทั้งสิ้น ซึ่งผู้ที่เล่าเรื่องราวเหล่านั้นล้วนเป็นผู้มีอันจะกิน เป็นผู้มีหน้าตาในสังคมทั้งสิ้นแล้วใยท่านจะมาเล่าเรื่องราวเหลวไหลหลอกกันเพื่ออะไร ? คุณวิรัตน์ จึงสนใจทั้งเกิดความเลื่อมใสศรัทธา ในองค์ท่านพระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ มากเป็นพิเศษ
เชื่อว่าเมื่อเซียนใหญ่หันมาเก็บพระเครื่องของท่านเช่นนี้ ในอนาคตอันใกล้นี้พระเครื่องของท่าน (เฉพาะที่มีมาตรฐาน) คงมีราคาแพงและเป็นที่เสาะหาเพิ่มขึ้นทุกวันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเหรียญรุ่น ๑ เนื้อทอง (มีรุ่นเดียวที่ทันเสก) กับพระสมเด็จรุ่นที่มีมาตรฐานเท่านั้น เช่น พระสมเด็จแดง พระวัดลาดบัวขาว พระผงรุ่นสุดท้าย เป็นต้น ของเหล่านี้ต่อไปคาดว่าต้องเป็นที่เสาะหาทั้งมีราคาสูงอย่างแน่นอน เพราะในปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านหลายรุ่นมีราคาหลักแสน ไปแล้ว เช่น พระสมเด็จเขียว, สมเด็จแดง, สมเด็จผงครูฝึก ของบางอย่างหายากราคาแพงทั้งที่ไม่น่าจะแพง เช่น ลูกดิน ชนิดท่านอภิชิโต ภิกขุ ปั้นเองนั้น ทราบว่ามีการเปลี่ยนมือในราคาแพงไม่น่าเชื่อ คาดว่านะจะเป็นก้อนดินเหนียวที่แพงที่สุดในประเทศไทเป็นแน่ มีนายห้างใหญ่ผู้มากบารมีท่านหนึ่งนำไปบูชาด้วยศรัทธาในพระอาจารย์สายในดง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมากสำหรับข้าพเจ้า ที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับลูกดินมาแบบให้เปล่าจากศิษย์ของท่าน พระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ ต่อมาได้แจกพรรคพวกเพื่อนฝูงไป โดยไม่คิดเลยว่าเวลาผ่านไปไม่กี่ปีจะมีราคาค่างวดสูงเช่นนี้ เหตุนี้ทำให้ข้าพเจ้าตระหนักว่าผู้ศรัทธาในพระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ ย่อมมีมากเพิ่มขึ้นทุกวัน แม้นต้นทุนชีวิตฅนเรามีมาไม่เท่ากัน แต่ต่างมีความศรัทธาเสมอด้วยกันทั้งสิ้น เหตุนี้คณะของข้าพเจ้าและผู้จัดทำทั้งหมดจึงตกลงกันว่าต้องการอยากมอบสิ่งดี ๆ ให้กับศิษย์ และผู้เคารพศรัทธราในพระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ
ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงหาข้อมูลเพื่อจัดทำหนังสือประวัติพระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ ได้ไปสัมภาษณ์ลูกหลานตลอดจนศิษย์ของ พระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ เมื่อพูดคุยถูกคอสนิทสนมไปมาหาสู่ ศิษย์ของพระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ หลายท่านได้เมตตามอบมวลสาร ผงเถ้าอัฐิครูบาอาจารย์ของท่านพระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ ตลอดจนตลอดจนผงศักดิ์สิทธิ์ที่ พระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ เคยเขียนลบสะสมเอาไว้ ตลอดจนผงของครูบาอาจารย์ที่ท่านสะสมไว้สร้างทำพระเครื่องวัตถุมงคล เมื่อยามที่ได้มอบมวลสารผงศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มาผู้มอบได้กำชับให้ตั้งสัตย์รับคำว่า ไม่ให้นำมวลสารเหล่านี้ไปขายกิน ไปหาประโยชน์ใส่ตนโดยมิชอบ เหตุนี้คณะของข้าพเจ้าเมื่อแบ่งมวลสารไปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันคนละนิดหน่อย ผงมวลสารส่วนที่เหลือยังมีอยู่พอสมควร จึงเห็นว่าควรมาแจกสมนาคุณกับหนังสือประวัติของท่าน เพราะผู้ที่ซื้อหนังสือประวัติของท่าน อาจารย์อภิชิโต ภิกขุ ทุกฅนนั้นย่อมมีความศรัทธาในองค์ท่าน เหตุนี้จึงสมควรให้เขาได้รับสิ่งดี ๆ ที่แท้จริงเป็นของขลังของอัศจรรย์ที่ท่านอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ เคยสร้างเคยสะสมมาแต่ครั้งอดีตไปบูชา หากนำมาสร้างเป็นพระเครื่องก็ดูเป็นพุทธพานิชไม่ใช่แนวทางของพวกเรา จึงเห็นควรว่านำผงเก่าล้วนมาบรรจุลงในขวดขนาดเล็ก ทั้งประกอบพิธีกรรมบวงสรวงอัญเชิญครูบาอาจารย์ในดง ให้ท่านมาประสิทธิ์อย่างถูกต้องตามขันตอนพิธีกรรม และการที่ไม่ให้พระคณาจารย์ใดเสกก็ด้วยเหตุผลที่ว่า “ของที่รุ่นครูอาจารย์ที่ได้ จะให้ใครมาเสกทับส่งเดชไม่ได้ ผู้เสกประสิทธิ์ต้องเป็นผู้ที่สร้างทำไว้เท่านั้น” การบรวงสรวงเพิ่มอัญเชิญครูท่านมาเพิ่มมาเติมในช่วงตลอดเข้าพรรษาในสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง เพื่อให้ผู้ฅนสามารถนำไปเลี่ยมแขวนบูชาได้จริงศักดิ์สิทธิ์เป็นเท่าทวี หรือหากบูชากับบ้านก็สามารถนำผงในขวดออกมาใช้แก้ไข หรือทำการมงคลได้ตามตำราที่ระบุไปกับคู่มือ และผงนี้เองที่ครั้งหนึ่งเคยมีผู้สงสัยเป็นอันมากว่าใช่หรือไม่ บ้างถากถางว่าเป็น “ผงวิเศษตราร่มชูชีพ” ซึ่งไม่ว่ากัน มนุษย์ผู้ขาดญาณวิถีย่อมองข้ามไม่รู้ว่าสิ่งใดสูงต่ำอย่างไร ? มาวันนี้ผงพุทธคุณชุดนี้ได้ก่อนอภินิหารมากมายหลายครั้ง ดังเรื่องของคุณบินหลา เมืองคอน ที่เกิดประสบการณ์กับผงแจกฟรีจากหนังสือดังนี้
เมื่อได้รับคำถามจาก คุณธวัช พรหมมา หรือนามในเฟสบุ๊คคือ บินหลา เมืองคอน ว่า ท่านได้ซื้อหนังสือมาได้รับผงพุทธคุณมานำมาพกติดตัวแล้วเกิดวิงเวียนมีอาการมึนหัว และเกิดปวดเมื่อยตามเนื้อตัวทุกครั้งที่อาราธนาผงนี้ไปกับตัว ภายหลังไปกล้านำผงนี้ติดตัวไปไหนต่อไหนด้วยอีกเลย คงวางไว้หน้าหิ้งบูชาได้กราบไหว้เท่านั้น ท่านจึงนำอาการที่เกิดขึ้นนี้สอบถามมาเพื่อหาเหตุผล และหาค่ำตอบทั้งวิธีแก้ไขอาการดังกล่าวที่เกิดกับตน เมื่อทราบได้พิจารณาดูเห็นแน่ว่าในตัวของคุณบินหลา เมืองคอน น่าจะมีสิ่งที่มองไม่เห็นแอบแฝง หรือพลังแอบแฝงเป็นแน่แท้ พลังที่อยู่ในตัวดังกล่าวนี้ เมื่อมาเจอพลังที่อยู่ในพระเครื่องและผงพุทธคุณอาจเกิดอาการปะทะกันขึ้น ด้วยผงพุทธคุณของท่านอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ เป็นที่ทราบดีว่าดีเด่นทางกันและแก้สิ่งอาถรรพ์ทั้งหลายอย่างชะงัด ข้าพเจ้าจึงแนะนำไปว่าในตัวคงมีพลัง หรือมีสิ่งแอบแฝงอยู่ในตัวอย่างแน่นอน คุณบินหลา เมืองคอน จึงตอบมาว่า ในตัวของท่านผู้นี้แต่ครั้งยังเยาว์วัยแม่ของท่านเคยบอกว่าท่านมีของอาถรรพ์ตามธรรมชาติ เป็นสิ่งที่เกิดติดตัวมาแต่เดิมคือท่านมี “ผมผีช่อ” ถือเป็นของอาถรรพ์มนุษย์เป็นของดีในตัวแต่เกิด
เมื่อทราบดังนี้จึงมั่นใจแน่ว่า คุณธวัช พรหมมา (บินหลา เมืองคอน) มีพลังอาถรรพ์โดยธรรมชาติที่เกิดจากมีของเก่าติดตัวมาแต่อดีต และเชื่อว่าต้องมีพลังหรือมีใครบางอย่างที่มองไม่เห็นอยู่กับตัว คอยรักษาตัวท่านผู้นี้อยู่ด้วยมาตลอด เหตุนี้เมื่อได้ของสูงอย่างผงพุทธคุณแบบหัวเชื้อของเก่าของอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ ที่มีผงของอาจารย์ในดงอยู่มากผสมอยู่ ผงที่มีพลังอยู่มหาศาลมาปะทะเข้ากับพลังจากสิ่งที่มองไม่เห็นในตัว คุณบินหลา เมืองคอน จึงทำให้เกิดอาการทางกาย เช่น มึนหัวผิดปกติ มีอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวอย่างประหลาด ทุกครั้งไปท่านผู้นี้จะ ครั้นเนื้อครั้นตัว ไม่ปลอดโปร่งสบายตัวเลยแม้นสักครั้ง เหตุนี้ข้าพเจ้าจึงแนะนำวิธีแก้ไขไปให้ปฏิบัติตาม โดยจุดธูปบอกกล่าวครูบาอาจารย์ในดง ท่านพระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ คุณบิดา คุณมารดา เทพเทวาตลอดจนวิญญาณที่รักษาตัวท่านอยู่ ขอให้รับรู้และช่วยเหลือหากมีสิ่งใดล่วงเกิน หรือมีสิ่งใดไม่ดีหรือแอบแฝงในตัวคุณบินหลา เมืองคอน ของให้ทุเลาเบาบางแล้วคลายหายไป
โดยให้โยงสายสิญจน์จากภาพถ่ายมาสู่ขันน้ำมนต์ ซึ่งในน้ำมนต์ในขันจึงแนะนำให้เอาผงพุทธคุณนี้เล็กน้อยใส่ลงไปในน้ำ แล้วจึงให้ว่าคาถาไปตามคู่มือบูชาผงพุทธคุณที่ได้รับไปพร้อมผงนั้น และสุดท้ายได้ทราบว่าหลังจากทำพิธีกรรมตามที่แนะนำไป สุดท้ายทราบว่าอาการต่าง ๆ เหล่านั้นได้ทุเลาเบาบางหายไปดีขึ้นอย่างน่าประหลาด นี้เกิดจากอำนาจของครูบาอาจารย์ที่ผู้ได้สัมผัสเท่านั้นจึงจะรู้ โดยมิได้แต่งเรื่องราวดังกล่าวขึ้นเองแต่อย่างใด เป็นเพียงนำเรื่องราวของท่านผู้ประสบมาได้เล่าสู่ให้ฟัง เห็นว่าน่าสนใจจึงนำมาเผยแพร่ต่อเท่านั้น เพราะหากผู้ใดเกิดอาการเช่นนี้หลังจากได้รับผงชุดนี้ไป หรืออาราธนาพระเครื่องของพระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ แล้วเกิดอาการคล้ายกันนี้ ท่านสามารถแก้ไขได้โดยใช้ผงชุดนี้ไปทำ หรือจะเอาพระเครื่องนั้น ๆ แช่ทำน้ำมนต์เองที่บ้านก็เชื่อว่าได้ผลดีอย่างแน่นอน ......... สุดท้ายยังมีเรื่องน่าสนใจของคุณธวัช พรหมมา กล่าวคือ ส่วนตัวของท่านผู้นี้เคารพในพระนเรศวรจึงได้ตั้งหิ้งบูชา และได้นำมีดมาใส่พานถวายเอาไว้ โดยปลายมีนี้หันพุ่งไปทางภาพถ่ายขนาดใหญ่ของ พระอาจารย์อภิชิโต ภิกขุ ท่านเล่าว่าวันหนึ่งกลับมาบ้านปรากฏว่า “มีด” ที่เคยตั้งอยู่ในพานหันปลายมีดมาทางภาพพระอาจารย์ อภิชิโต ภิกขุ ปรากฏว่ามีดเล่มนี้ตกลงมาจากพานใส่ มีดมาตกอยู่ที่พื้นห้องโดยไม่มีใครมาหยิบจับแต่อย่างใด และใครเป็นผู้หยิบมีดออกมาจากพานที่ใส่ ? นี้คือเรื่องราวที่ คุณคุณธวัช พรหมมา เคยเล่าถ่ายทอดได้ทราบ และขอขอบพระคุณที่ท่านยอมให้นำเรื่องราวดังกล่าวนี้มาเผยแพร่เพื่อเป็นประโยชน์ดังนี้

 

ขอร่วมบูชา 2 หลอดค่ะ

 

ขอบูชา ผงมหาพุทธคุณสัมฤทธิ์ 1 หลอด ครับ

 

ร่วมบุญเพิ่ม ผงมหาพุทธคุณสัมฤทธิ์ มวลสารรวมผงวิเศษ 3 ชนิดอีก 1 หลอด

 

ร่วมบุญ 2 หลอด ครับ

 

ผงพุทธคุณ 1 หลอด

 

บูชาผงมหาพุทธคุณสัมฤทธิ์ 1 หลอด

 

จอง 2 หลอดครับ

 

ขอเพิ่ม ผงมหาพุทธคุณสัมฤทธิ์ ประกอบด้วย 1.ผงอิทธิเจวัดสัมฤทธิ์ 2.ผงพุทธคุณ
ขอเพิ่มอีก 1 ครับนะครับ

 

ขอบูชา 3 หลอดครับ

 

ขอบูชา ผงมหาพุทธคุณสัมฤทธิ์
ประกอบด้วย 1.ผงอิทธิเจวัดสัมฤทธิ์ 2.ผงพุทธคุณ (มวลสารรวมพระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต ) 3.ผงจักรพรรดิ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
จำนวน 1 หลอดครับ