ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล

ภูเขาไฟนิการากัวพ่นแก๊สร้อนและลาวาอีกหลังสงบมากว่าร้อยปี​

​

มานากัว 4 ม.ค.- ภูเขาไฟในนิการากัว ประเทศในอเมริกากลางพ่นแก๊สร้อนและลาวาเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือนเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากสงบนิ่งมาร่วม 110 ปี

สถาบันศึกษาภาคพื้นดินนิการากัวแจ้งว่า ภูเขาไฟโมโมตอมโบ ความสูง 1,297 เมตร ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศ ห่างจากกรุงมานากัว 40 กิโลเมตร ส่งเสียงคำรามก่อนพ่นแก๊สร้อนและลาวาในช่วงรุ่งสาง จากนั้นได้สงบลง ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงไม่ได้รับบาดเจ็บ ภูเขาไฟลูกนี้เพิ่งปะทุพ่นแก๊สร้อนและลาวาใส่พื้นที่ร้างผู้คนบริเวณเชิงเขาเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ต่อมาถูกสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวขนาด 3 ลึกเพียง 10 กิโลเมตรในวันคริสต์มาส ภูเขาไฟลูกนี้เคยปะทุครั้งรุนแรงที่สุดเมื่อปี 2448.-สำนักข่าวไทย

แผ่นดินไหวอินเดีย 6.7 ริกเตอร์ ยอดตายเพิ่มเป็น 9 เจ็บเกือบ 200 ราย​

​

อินเดีย 4 ม.ค.-เหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.7 ริกเตอร์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย เมื่อช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมา ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 9 คนแล้ว และมีผู้บาดเจ็บอีกเกือบ 200 คน

ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.7 ริกเตอร์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ซึ่งรับรู้ได้ถึงบังกลาเทศ เนปาล และเมียนมาร์ เมื่อช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็น 9 คนแล้ว และมีผู้บาดเจ็บอีกเกือบ 200 คน กระแสไฟฟ้าและการสื่อสารถูกตัดขาด ทีมกู้ภัยเร่งช่วยเหลือคนงานก่อสร้างที่ติดอยู่ใต้ซากอาคาร ขณะที่สนามบินเมืองอิมผาล เมืองเอกของรัฐมณีปูร์ ซึ่งอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ แม้อาคารผู้โดยสารจะได้รับความเสียหายบางส่วน.-สำนักข่าวไทย

จีนลดค่าเงินหยวนลงอ่อนกว่า 6.5 ต่อดอลลาร์สหรัฐ​

​

เซี่ยงไฮ้ 4 ม.ค.- จีนลดค่าเงินหยวนลงอ่อนกว่า 6.5 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีครึ่งในวันนี้ เนื่องจากเผชิญกระแสกดดันมากขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจชะลอการเติบโต

ธนาคารแห่งประชาชนจีนหรือธนาคารกลางประกาศอัตราอ้างอิงรายวันในวันนี้ที่ 6.5032 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2554 ตามที่เคยประกาศว่า กำลังทำให้เงินหยวนเป็นไปตามตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราแลกเปลี่ยนหยวนต่อดอลลาร์สหรัฐในตลาดจะขึ้นลงได้ไม่เกินร้อยละ 2 จากอัตราอ้างอิงของธนาคารกลาง ธนาคารกลางจีนลดค่าเงินหยวนหลายครั้งรวมเกือบร้อยละ 5 ในหนึ่งสัปดาห์เมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน สร้างความสั่นสะเทือนให้แก่ตลาดการเงินโลก เพราะทำให้สินค้าส่งออกของจีนมีความได้เปรียบด้านราคาเมื่อเทียบกับสินค้าส่งออกของประเทศอื่น ขณะที่สินค้านำเข้าไปในจีนมีราคาสูงขึ้น

นักยุทธศาสตร์ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมองว่า เงินหยวนมีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงอีกในไตรมาสแรกปีนี้ เนื่องจากจีนต้องการให้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปตามกลไกตลาดมากขึ้น ธนาคารกลางจีนส่งสัญญาณหลังจากที่เงินหยวนได้รับการบรรจุไว้ในสกุลสิทธิพิเศษถอนเงิน (เอสดีอาร์) ซึ่งเป็นทุนสำรองของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนว่าอาจจะผ่อนคลายการตรึงค่าเงินไว้กับดอลลาร์สหรัฐในเร็ว ๆ นี้แล้วเปลี่ยนไปตรึงกับตะกร้าสกุลเงินของประเทศคู่ค้าหลักแทน.-สำนักข่าวไทย

อิหร่านกล่าวหาซาอุดีอาระเบียว่าปลุกปั่นให้เกิดความตึงเครียดในภูมิภาค​

​

เตหะราน 4 ม.ค. – กระทรวงต่างประเทศอิหร่านกล่าวหาซาอุดีอาระเบียวันนี้ว่าปลุกปั่นให้เกิดความตึงเครียดในภูมิภาค ภายหลังจากที่ซาอุดีอาระเบียให้ทูตอิหร่านเดินทางออกจากประเทศภายใน 24 ชั่วโมง

โฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่านแถลงว่า ซาอุดีอาระเบียยังคงยั่วยุให้เกิดวิกฤต การเผชิญหน้าและพยายามทำให้ปัญหาภายในประเทศขยายวงกว้างออกมานอกประเทศ จนเกิดการปะทะกันในภูมิภาค ทางการซาอุดีอาระเบียประกาศตอบโต้ภายหลังจากที่สถานทูตในกรุงเตหะรานของอิหร่าน ถูกปาระเบิดเพลิงและทุบทำลายจากฝูงชนที่ไม่พอใจซาอุดีอาระเบียประหารชีวิตอิหม่ามนิกายชีอะห์ จากนั้นนายอเดล อัล-จูเบอีร์ รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบียประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูต และให้คณะทูตอิหร่านเดินทางออกจากประเทศภายใน 48 ชั่วโมง .-สำนักข่าวไทย

บาห์เรนตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านตามซาอุดิอาระเบีย​

​

ดูไบ 4 ม.ค. – บาห์เรนประกาศวันนี้ว่า ได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านหลังจากที่ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านและพันธมิตรตัดความสัมพันธ์กับอิหร่านไปก่อนหน้านี้เพียง 1 วัน

สำนักข่าวบีเอ็นเอของบาห์เรนรายงานว่า บาห์เรนได้ตัดสินใจตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านและได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำงานในสถานทูตบาห์เรนในกรุงเตหะรานเดินทางออกมาจากอิหร่านภายใน 48 ชั่วโมง ก่อนหน้านี้ซาอุดิอาระเบียตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านเมื่อวันอาทิตย์หลังจากที่กลุ่มผู้ประท้วงในอิหร่านบุกเผาสถานทูตซาอุดิอาระเบียในกรุงเตหะรานด้วยความโกรธที่ซาอุดิอาระเบียประหารชีวิตนักการศาสนามุสลิมนิกายชีอะห์ ซึ่งเป็นนิกายที่คนอิหร่านส่วนใหญ่นับถือ ในขณะที่ชาวซาอุดิอาระเบียเป็นมุสลิมนิกายสุนหนี่เป็นส่วนใหญ่

ในขณะเดียวกัน แหล่งข่าวจากกระทรวงต่างประเทศรัสเซียระบุว่า รัสเซียพร้อมที่จะเข้ามาเป็นคนกลางในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของบทบาทของรัสเซียในการเป็นคนกลางดังกล่าว ทางด้านสโมสรฟุตบอลของซาอุดิอาระเบีย 4 ทีม ซึ่งได้แก่ อัล-นาสเซอร์ อัล-ฮิลาล อัล-อาห์ลี และอัล-อิติฮัด ที่ผ่านเข้ารอบในศึกเอเชียนแชมเปียนส์ ลีก กล่าวเรียกร้องในเว็บไซต์ของแต่ละทีมให้เปลี่ยนแปลงสนามแข่งขันที่ต้องไปพบกับทีมสโมสรของอิหร่านในอิหร่านไปแข่งในสนามของประเทศที่เป็นกลาง หลังจากเกิดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ โดยทางสโมสรทั้ง 4 จะขอให้สหพันธ์ฟุตบอลซาอุดิอาระเบียยื่นคำขออย่างเป็นทางการไปยังสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียก่อนการแข่งขันที่จะเริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้.-สำน้กข่าวไทย

กลาโหมฝรั่งเศสเผยการโจมตีทางอากาศทำลายคลังขีปนาวุธไอเอส​

​

ปารีส 4 ม.ค. – กลาโหมฝรั่งเศสแถลงว่า เครื่องบินรบฝรั่งเศสทำลายแหล่งที่มั่นของกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส) เพื่อผลิตขีปนาวุธและเป็นคลังอาวุธ

แถลงการณ์ระบุว่า การโจมตีทางอากาศเมื่อคืนที่ผ่านมามีเป้าหมายที่เมืองอเลปโปทางตะวันออกของซีเรีย ซึ่งเครื่องบินรบฝรั่งเศสออกปฏิบัติการโจมตีร่วมกับกองกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐ ฝรั่งเศสเข้าร่วมกองกำลังผสมที่มีสหรัฐเป็นแกนนำเพื่อปราบปรามกลุ่มติดอาวุธไอเอสในอิรักเมื่อปี 2557 และได้ขยายปฏิบัติการมาในซีเรียเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว โดยระดมโจมตีเป้าหมายไอเอสภายหลังจากที่กลุ่มไอเอสอ้างว่าก่อเหตุโจมตีกรุงปารีสเมื่อ 13 พฤศจิกายน มีผู้เสียชีวิต 130 คน .-สำนักข่าวไทย

อังกฤษอ่วมน้ำท่วมยังวิกฤติ คาดเจอพายุอีกระลอก​

​

อังกฤษอ่วมน้ำท่วมยังวิกฤติ คาดเจอพายุอีกระลอก

อังกฤษ 4 ธ.ค. – สถานการณ์น้ำท่วมทางตอนเหนือของอังกฤษยังคงวิกฤติ และคาดว่าจะต้องเผชิญกับพายุฝนอีกระลอกในไม่กี่วันนี้ ขณะที่ประชาชนทางตะวันออกของสกอตแลนด์ เตรียมรับมือพายุฝนที่คาดว่าจะโหมกระหน่ำในวันนี้

ด้านรัฐบาลอังกฤษให้คำมั่นจะจัดสรรงบประมาณเร่งป้องกันอุทกภัย เนื่องจากฝนตกหนักครั้งนี้สร้างความเสียหายให้บ้านเรือนและร้านค้าหลายพันหลัง พายุฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ. – สำนักข่าวไทย

ที่มา เว็บไซต์สำนักข่าวไทย

 

เวียดนามฮือฮา! อ้างเจอวัตถุทรงกลม 3 ลูก ที่มา‘ลูกไฟบนท้องฟ้า’​

​

หนังสือพิมพ์เยาวชนเวียดนาม ลงข่าวฮือฮา ระบุเจอวัตถุทรงกลม 3 ลูกตกใน 3 จังหวัด วันเดียวกับที่คนไทยในภาคอีสานเห็นลำแสงประหลาดบนท้องฟ้า และเสียงดังกัมปนาทในฝั่งลาว มีตัวอักษรภาษารัสเซีย แต่ยังเถียงกันไม่จบว่า มันคืออะไรแน่...

จากปรากฏการณ์บนท้องฟ้า เมื่อวันที่ 2 ม.ค.59 ที่ผ่านมา ประชาชนในหลายจังหวัดทั้งภาคอีสาน และภาคเหนือ เห็นลำแสงประหลาดพุ่งลงมาจากท้องฟ้าในช่วงเช้า จากนั้นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ติดชายแดนสปป. ด้าน จ.เลย น่าน อุตรดิตถ์ ต่างได้ยินเสียงดังกัมปาทกึกก้องในฝั่ง สปป.ลาว ก่อนจะมีการโจษขานกันว่า อาจมีชิ้นส่วนจรวดตกทางฝั่งลาว ในเขตพื้นที่ของแขวงไซยะบุรี แต่การค้นหาของเจ้าหน้าที่ลาว ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ยังไร้วี่แวว

ต่อมา เมื่อวันที่ 4 ม.ค.59 สื่อท้องถิ่นในเวียดนาม รายงานข่าว ชาวเวียดนามฮือฮา เจอวัตถุโลหะทรงกลม 3 ลูกใน3 จังหวัด ทางภาคเหนือของเวียดนาม เมื่อวันเสาร์ที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ชาวไทยในหลายจังหวัดทางภาคเหนือและภาคอีสาน รวมทั้งชาวลาวมองเห็น ‘ลูกไฟ’ เป็นทางยาว ก่อนจะได้ยินเสียงดังสนั่นตามมา จนพากันคาดเดาว่าอาจเป็นเครื่องบินตก หรืออุกกาบาต

นสพ.เยาวชนในเวียดนาม (Tuoi Tri ) รายงานว่าชาวบ้านใน จังหวัด Tuyen Quang ได้เจอวัตถุโลหะทรงกลม ลูกแรก หลังจากได้ยินเสียงดังมาก จนคิดกันว่าอาจเป็นเครื่องบินหรืออากาศยานระเบิด เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา จากนั้น ชาวบ้าน ในจังหวัด Son Lon และYen Bei ได้พบวัตถุปริศนาแบบเดียวกัน อีก 2 ลูก ในวันเดียวกันด้วย

ด้าน ผู้ว่าจังหวัด Tuyen Quang ยืนยันว่า ทางเจ้าหน้าที่ทางการกำลังตรวจสอบวัตถุดังกล่าวอยู่ว่าเป็นอะไรกันแน่ โดยวัตถุโลหะดังกล่าว มีน้ำหนักประมาณ 50 กิโลกรัม และมีตัวอักษรรัสเซียอยู่บนผิวโลหะ ซึ่งจากการคาดการณ์เบื้องต้น คาดว่า น่าจะเป็นวัตถุที่ใช้ในด้านอุตุนิยมวิทยา

อย่างไรก็ตาม ข้อสันนิษฐานดังกล่าวของผู้ว่าจังหวัด Tuyen Quang นั้น ด้านรองผู้อำนวยการสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของเวียดนามได้ออกมาปฏิเสธ ว่าไม่ใช่ ก่อนที่ต่อมา นายฟาน วาน ทู อดีตหัวหน้ากองไฮเทค ประจำกระทรวงกลาโหมของเวียดนาม เผยกับสื่อท้องถิ่นว่า วัตถุโลหะดังกล่าว บางทีอาจเป็น ถังเก็บลมอัดของจรวด หรือเครื่องบิน.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 4 ม.ค. 2559

ติดลบ 2 องศาเซลเซียส!! หมู่บ้านม้งภูหินร่องกล้า มีเหมยขาบขาวโพลน​

​

หมู่บ้านชาวม้งใน อช.ภูหินร่องกล้า พิษณุโลก อุณหภูมิยอดหญ้า ติดลบ 2 องศาฯ เกิดเหมยขาบ หรือน้ำค้างแข็งบนยอดหญ้า นักท่องเที่ยวแห่ถ่ายภาพ ส่วนช่วงกลาง ม.ค.ดอกพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทยจะบาน อวดดอกสีชมพูสุดสวย...

เมื่อวันที่ 4 ม.ค.59 ชาวบ้านในพื้นที่บ้านใหม่ร่องกล้า หมู่ 10 ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง มีการปรับพื้นที่เพาะปลูกบางส่วน จัดเตรียมโฮมสเตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้เสริม นอกเหนือจากการเพาะปลูก

ทั้งนี้ สภาพอากาศในพื้นที่ที่หนาวเย็นลง เนื่องจากความกดอากาศสูงจากจีนที่แผ่ปกคลุมไทยตอนบน ทำให้มีแม่คะนิ้งหรือเหมยขาบ หรือน้ำค้างแข็ง เกาะที่ยอดหญ้า อุณหภูมิที่ยอดหญ้าวัดได้ติดลบ 2 องศาเซลเซียส ขณะที่อุณหภูมิยอดดอยทั่วไปอยู่ที่ 3-4 องศาเซลเซียส ซึ่งแม่คะนิ้งที่เกิดขึ้น อยู่บริเวณหุบเขาในพื้นที่บ้านใหม่ร่องกล้าที่ระดับความสูง 1,400 เมตร มีนักท่องเที่ยวบางส่วนที่ยังค้างคืนอยู่ ได้ถ่ายภาพน้ำค้างแข็งเก็บไว้

ขณะที่ บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อุณหภูมิต่ำสุด อยู่ที่ 14 องศาเซลเซียส นักท่องเที่ยวที่หลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้พากันเดินทางกลับหมดแล้ว และคาดว่าช่วงกลางเดือนมกราคม จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกรอบ ในการมาเที่ยวชมดอกซากุระเมืองไทย หรือดอกนางพญาเสือโคร่งบานที่ภูลมโล จะเริ่มออกดอกสีชมพู ประมาณกลางเดือนมกราคมเป็นต้นไป.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 4 ม.ค. 2559

ชมรมกำนันเทศบาล ทำบุญให้ผู้ประสบเหตุ​

​

ชมรมกำนันเทศบาล ทำบุญให้ผู้ประสบเหตุ

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 3 ม.ค. ที่ปากทางเข้า “บ้านแม่ปูคา” ถนนสายวัฒนธรรมสันกำแพง-เชียงใหม่ หมู่ 10 ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ได้มีนายสัมฤทธิ์ นามแสง กำนันตำบลแม่ปูคา และ นายสุพจน์ วรรณก้อน นายกเทศมนตรีตำบลแม่ปูคานำเจ้าหน้าที่พนักงาน พร้อมผู้ใหญ่บ้านทั้ง 9 หมู่บ้าน และชาวบ้านประชาชนทั้งผู้สูงอายุและหนุ่มสาวหลายร้อยคนจากทุกหมู่บ้านในตำบลแม่ปูคาได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 6 รูปมาสวดทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่ล่วงลับไปแล้ว

ทางด้านนายสัมฤทธิ์ กำนันตำบลแม่ปูคา ได้เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับเทศบาลผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้านผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้นำท้องถิ่น ประชาชนชาวบ้าน ได้นิมนต์พระสงฆ์มาสวดทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุเป็นประจำทุกปี ซึ่งที่ถนนสายวัฒนธรรมสันกำแพง-เชียงใหม่แห่งนี้ ซึ่งมีปากทางเข้าในตำบลแม่ปูคาด้วย และที่ข้างถนนสายวัฒนธรรมสันกำแพง-เชียงใหม่ จะมีต้นจามจุรี หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ต้นฉำฉา” ขึ้นอยู่ตามข้างถนนมาช้านานแล้ว ทำให้ผู้ที่สัญจรไปมาได้รับอุบัติเหตุรถชนต้นจามจุรีทั้งเสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหายเป็นประจำทุกปี และบางคนก็ได้รับอุบัติเหตุทั้งเสียชีวิตและทรัพย์สินเช่นกัน จึงได้ร่วมกันมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่เสียชีวิตในครั้งนี้และวันขึ้นปีใหม่ด้วย ตลอดจนผู้ที่ได้อุบัติเหตุเสียชีวิตที่ล่วงลับไปแล้วตลอดสายในถนนสายวัฒนธรรมสันกำแพง-เชียงใหม่.

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 4 ม.ค. 2559

ไทยตอนบน อุณหภูมิอุ่นขึ้น อ่าวไทยคลื่นสูง 2 เมตร​

​

ประเทศไทยตอนบน มีอุณหภูมิอุ่นขึ้น กับมีหมอกในตอนเช้า ขณะที่คลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนที่ผ่านบริเวณภาคเหนือตอนบน ทำให้มีฝนตกบางแห่ง หลังจากนั้น อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาฯ ส่วนอ่าวไทย มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร แนะเดินเรือด้วยความระวัง ...

วันที่ 4 มกราคม เริ่มต้นทำงานวันแรกของปี 2559 จากการตรวจสอบสภาพอากาศจากระบบพยากรณ์อากาศไทยรัฐทีวีพบว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนที่แผ่ลงมาปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง จึงทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบน มีอุณหภูมิอุ่นขึ้น กับมีหมอกในตอนเช้า แต่ก็ยังคงทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน มีอากาศเย็นโดยทั่วไป ประกอบกับในวันนี้จะมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนที่ผ่านบริเวณภาคเหนือตอนบน ซึ่งก็จะทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีฝนบางแห่ง หลังจากนั้นอากาศจะเย็นลง อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ดังนั้น ผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว ต้องดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากอากาศที่เปลี่ยนแปลง และเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย

สำหรับพื้นที่ภาคใต้ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ระยะนี้ก็มีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้บริเวณอ่าวไทยตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังในระยะนี้

โดยจากกการตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมเช้านี้พบว่า กลุ่มเมฆฝนที่ปกคลุมท้องฟ้าเมืองไทยค่อนข้างบางตา โดยบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคตะวันออก เช้านี้ท้องฟ้าโปร่ง ไม่พบกลุ่มเมฆฝนในจังหวัดใด ส่วนในพื้นที่ภาคใต้ มีเมฆชั้นสูงเป็นบางส่วน และยังไม่พบกลุ่มเมฆฝนในจังหวัดใดเช่นกัน แต่จากการการคาดการณ์สถานการณ์ฝนในวันนี้ พบว่ายังคงมีโอกาสเกิดฝนเล็กน้อยในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง ในช่วงเย็นๆถึงช่วงหัวค่ำ

ในขณะที่อุณหภูมิเช้านี้ พบว่าพื้นที่สีเขียว คือบริเวณที่มีอากาศเย็นยังคงปกคลุมเป็นวงกว้างในพื้นที่ภาคเหนือ อีสาน กลางตอนบน ประกอบกับมีพื้นที่สีน้ำเงินคือบริเวณที่มีอากาศหนาวปกคลุมบางจุด แถวๆจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา น่าน อุณหภูมิต่ำสุดเช้านี้อยู่ที่ประมาณ 13 องศาเซลเซียส ขณะที่ตามยอดดอยในภาคเหนืออากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส และยอดภูในพื้นที่ภาคอีสาน อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-12 องศาเซลเซียส ส่วนอุณหภูมิสูงสุดช่วงบ่ายวันนี้อยู่ที่ประมาณ 35 - 36 องศาเซลเซียสในพื้นที่ตอนกลางของประเทศ

สภาพอากาศในแต่ละภาคเป็นดังนี้

ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยบริเวณตอนบนของภาคจะมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 13 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-12 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 4 ม.ค. 2559

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

คนสวนชวนทำ ปุ๋ยหมักในตะกร้า​

เผยแพร่เมื่อ 27 ธ.ค. 2015​

The Gardener คนรักสวน รายการที่จะทำให้คุณรู้จักและรักสวนมากยิ่­­­งขึ้น พบกับสวนสวยหลากสไตล์ แหล่งแต่งสวนที่คุณต้องไม่พลาด และเรื่องราวการแต่งสวนในมุมมองของคนทำสวน­­­ตัวจริง แล้วคุณจะรู้ว่าสวนมีเสน่ห์มากแค่ไหน ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00 น. ทาง AMARIN TV HD ช่อง 34 จานดาวเทียมและเคบิลทีวีช่อง 44

 

คนสวนชวนทำ กระถางปลูกจากท่อพีวีซี​

เผยแพร่เมื่อ 16 ธ.ค. 2015​

 

คนสวนชวนทำ : บันไดผักสวนครัว​

เผยแพร่เมื่อ 8 ธ.ค. 2015​

 

คนสวนชวนทำ ถุงสมุนไพรหอม​

เผยแพร่เมื่อ 1 ธ.ค. 2015​

 

คนสวนชวนทำ : การทำฮอร์โมนไข่ เร่งดอก เร่งผล โดยวิธีธรรมชาติ​

เผยแพร่เมื่อ 11 ต.ค. 2015​

 

คนสวนชวนทำ ตอน การปลูกมะนาว​

เผยแพร่เมื่อ 5 ต.ค. 2015​

 

คนสวนชวนทำ : วิธีขยายจุลินทรีย์บำรุงต้นไม้​

เผยแพร่เมื่อ 29 ก.ย. 2015​

 

ถ้ามีสติสัมปชัญญะในการแยกแยะถูกผิดได้พอสมควร และดูปฏิทินเป็น ลองพิจารณาดูว่า "ปีมะเส็ง(พ.ศ.2556) ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล" มันผ่านมานานกี่ปีแล้ว

คนเราคิดอะไร ทำอะไรควรมีขอบเขต ไม่ใช่ตะบี้ตะบันมันเรื่อยไป ถ้ามันไม่ใช่ก็หยุดคิดสักนิดว่ามันน่าจะไม่ใช่แล้ว

ลองดูพระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่างก็ได้ เมื่อพระองค์บำเพ็ญทุกรกิริยา ทรงทรมานร่างกายต่างๆนาๆ แต่เมื่อทรงเห็นว่าน่าจะไม่ใช่หนทางที่จะบรรลุพระโพธิญาณได้ ก็ไม่ทรงแข็งขืน และทรงเลิกทรมานร่างกาย หันกลับมาเสวยพระกระยาหาร จนในที่สุดก็ตรัสรู้ได้

ความเชื่อเรื่องหายนะจนคนจะหายไปครึ่งค่อนโลกในปีนั้นปีนี้นั้น ทำให้หลายคนเสียเงินเสียทอง เสียโอกาสหลายอย่างในชีวิต ลองพิจารณาดูว่า เราเชื่อแบบนั้น จิตใจเราสงบมั้ย มันดับทุกข์อะไรหรือเปล่า อย่าไปหลงคำโฆษณาของคนอื่นที่ว่ามาเตือนเพื่อให้เร่งปฏิบัติ เอาเข้าจริงก็ไม่เห็นใครจะเร่งปฏิบัติอะไร เท่าที่ตามมามีแต่เร่งไปซื้อของมาตุน เร่งชวนกันไปอยู่บนเขา

แม้แต่กระทู้นี้ก็เช่นกัน มีถึง1% หรือเปล่าที่ชวนกันให้เร่งปฏิบัติ รักษาศีล ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว หาทางดับทุกข์ มีแต่สิ่งที่เร่งให้กลัว เร่งให้วิตกจริต หาทางเอาตัวรอดราวกับโลกจะแตกอาทิตย์หน้านี้แล้ว

2556 ก็ไม่มีอะไร 2557ก็ไม่มี 2558ก็ผ่านมาแล้ว จนตอนนี้2559แล้ว หยุดพิจารณาดีมั้ยว่าควรจะไปต่อ หรือว่าจะเอาแบบพระพุทธเจ้าเป็นแบบอย่างดีที่ไม่แข็งขืนเมื่อเห็นว่ามันไม่ใช่

 

กระทู้มันเรียกแขกอ่ะเตง ป๋าเสมไม่เปลี่ยนร๊อกกก ถึงไม่อ่านแค่คลิ๊กเข้ามาก็ได้ยอดวิวแระ
หวัดเดปีใหม่นะ

 

ก็ยังดีที่ไม่ได้ไปทําให้ใครหมดเนื้อหมดตัวแบบที่ท่านบัวคําศรีกับท่านกาลชินไปเจอมา ก็ถือว่าเป็นEntertainmentไป

 

อินโดนีเซียยกระดับเฝ้าระวังภูเขาไฟปะทุบนเกาะสุลาเวสี​

​

จาการ์ตา 5 ม.ค.- โฆษกสำนักงานบรรเทาภัยพิบัติเห่งชาติของอินโดนีเซียแจ้งว่า ทางการได้ยกระดับการเฝ้าระวังภูเขาไฟโซปูตันบนเกาะสุลาเวสีที่อยู่ทางตะวันออกของประเทศ หลังจากปะทุเมื่อค่ำวานนี้

โฆษกเผยกับสำนักข่าวซินหัวของจีนว่า ทางการเพิ่มการเฝ้าระวังจากระดับสองเป็นระดับสามหลังจากภูเขาไฟปะทุเมื่อเวลา 20.53 น.วันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น พ่นกลุ่มควันขนาดใหญ่สูงขึ้นไปถึง 2 กิโลเมตร มีลาวาร้อนไหลออกมาตามเชิงเขาฝั่งตะวันออกของภูเขาไฟ และได้ยินเสียงคำรามดังออกมาจากปากปล่อง การเฝ้าระวังระดับสามเป็นการห้ามประชาชนเข้าไปภายในรัศมี 4 กิโลเมตรจากภูเขาไฟ ด้านศูนย์บรรเทาภัยพิบัติภูเขาไฟวิทยาและธรณีวิทยาออกคำสั่งห้ามประชาชนที่อยู่ในทิศตะวันตกเฉียงใต้และตะวันตกเฉียงเหนือของภูเขาไฟเข้าไปในรัศมี 6.5 กิโลเมตร

โฆษกเผยด้วยว่า สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติระดับท้องถิ่นกำลังประเมินผลกระทบของเถ้าละอองภูเขาไฟที่กระจายในหลายพื้นที่รอบภูเขาไฟ แม้ยังไม่มีคำสั่งอพยพประชาชน แต่ก็ยังคงห้ามเข้าไปในรัศมีที่กำหนด และการปะทุเมื่อวานนี้ไม่ได้ทำให้ประชาชนแตกตื่นแต่อย่างใด เพราะมีการปุทะขนาดเล็กประปรายในช่วงหลายปีมานี้ ปัจจุบันอินโดนีเซียประกาศเตือนภัยระดับสามกับภูเขาไฟ 4 ลูก รวมทั้งภูเขาไฟโซปูตันที่ปะทุเมื่อวานนี้.-สำนักข่าวไทย

อิหร่านเผยซาอุฯตัดสัมพันธ์ไม่กระทบความก้าวหน้าของประเทศ​

​

เตหะราน 5 ม.ค. – โฆษกรัฐบาลอิหร่านแถลงวันนี้ว่า การที่ซาอุดีอาระเบียตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน ไม่ส่งผลเสียหายหรือกระทบต่อความก้าวหน้าของประเทศ

นายโมฮัมหมัด แบกเฮอร์ โนบัคห์ โฆษกรัฐบาลอิหร่านมีแถลงการณ์ในวันนี้ ภายหลังจากที่ซาอุดีอาระเบียประกาศตัดความสัมพันธ์เพื่อตอบโต้กลุ่มผู้ประท้วงโจมตีสถานทูตและสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในอิหร่าน เนื่องจากไม่พอใจที่ซาอุดีอาระเบียประหารชีวิตผู้นำศาสนานิกายชีอะห์ จากนั้นบาห์เรนและซูดานได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านตามซาอุดีอาระเบีย รวมถึงบางประเทศในกลุ่มอาหรับเรียกทูตกลับจากอิหร่าน อย่างไรก็ตามโฆษกรัฐบาลอิหร่านกล่าวว่า ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ลงกับซาอุดีอาระเบียจะไม่ส่งผลกระทบต่อความก้าวหน้าของประเทศ แต่ซาอุดีอาระเบียจะเป็นฝ่ายที่ลำบากเอง .- สำนักข่าวไทย

คูเวตเรียกทูตกลับจากอิหร่านที่ขัดแย้งกับซาอุดีอาระเบีย​

​

คูเวตซิตี 5 ม.ค. – คูเวตเป็นประเทศอ่าวอาหรับรายล่าสุดที่ประกาศเรียกเอกอัครราชทูตกลับจากอิหร่านเพื่อประท้วงเหตุกลุ่มผู้ประท้วงโจมตีทำลายสถานทูตซาอุดีอาระเบียในอิหร่าน

อย่างไรก็ตามทางการคูเวตยังไม่ได้ขับเอกอัครราชทูตอิหร่านออกจากประเทศ หรือลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นภายหลังจากที่ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นมุสลิมนิกายสุหนี่และบาห์เรนลดระดับความสัมพันธ์กับอิหร่านซึ่งเป็นมุสลิมชีอะห์ในสัปดาห์นี้ รวมถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้เรียกเอกอัครราชทูตกลับและลดระดับความสัมพันธ์กับอิหร่านด้วยเช่นกัน ทั้งนี้บาห์เรน คูเวต ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์เป็นสมาชิกในคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (จีซีซี) ร่วมด้วยโอมาน และกาตาร์ สำนักข่าวคูนาของทางการคูเวตรายงานอ้างแถลงการณ์กระทรวงต่างประเทศว่า การโจมตีสถานทูตถือว่าขัดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศ ธรรมเนียมปฏิบัติและละเมิดคำมั่นสัญญาระหว่างประเทศที่อิหร่านจะต้องให้ความคุ้มครองด้านความปลอดภัยของสถานทูตและสวัสดิภาพของคณะทูต .-สำนักข่าวไทย

เกิดระเบิดใกล้สถานกงสุลอินเดียในอัฟกานิสถาน​

​

จาลาลาบัด 5 ม.ค. – ตำรวจรายงานว่า เกิดระเบิดขึ้นใกล้กับสถานกงสุลอินเดียในเมืองจาลาลาบัด ทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน ไม่มีผู้บาดเจ็บและยังไม่ทราบเป้าหมายของผู้ก่อเหตุ

นายอาตอลลาห์ โคกยานี โฆษกสำนักงานผู้ว่าการจังหวัดนันการ์ฮาร์ แถลงว่า ระเบิดที่ซุกไว้ในถังขยะเกิดระเบิดขึ้นในช่วงที่ขบวนรถตำรวจแล่นผ่านมา เจ้าหน้าที่สอบสวนกำลังหาทางตรวจสอบเป้าหมายของการโจมตีครั้งนี้ เหตุระเบิดเกิดขึ้นที่เมืองจาลาลาบัด บริเวณใกล้กับที่ตั้งสถานกงสุลชาติต่างๆ ได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน และอิหร่าน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่มีขึ้นภายหลังเหตุโจมตีสถานกงสุลอินเดีย ที่เมืองมาซาร์-อี-ชารีฟ ทางภาคเหนือ เมื่อวันอาทิตย์ ส่วนเหตุระเบิดครั้งนี้ยังไม่ทราบเป้าหมายแน่ชัด และยังไม่มีกลุ่มใดอ้างเป็นผู้ก่อเหตุ. – สำนักข่าวไทย

ฟิลิปปินส์จะนำเข้าข้าวจากเวียดนามและไทยเพิ่มขึ้นในปีนี้​

​

บูตวนซิตี 5 ม.ค.- สำนักงานอาหารแห่งชาติของฟิลิปปินส์จะนำเข้าข้าวจากเวียดนามและไทยเพิ่มขึ้นในปีนี้ เพื่อให้ประชาชนมีข้าวเพียงพอต่อการบริโภคตลอดทั้งปี

เว็บไซต์มะนิลาบุลเลตินรายงานว่า แม้ว่าปัจจุบันฟิลิปปินส์มีข้าวคงคลังเก็บไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ อยู่แล้ว แต่สำนักงานอาหารแห่งชาติต้องการสร้างความมั่นใจว่าจะมีข้าวเพียงพอหากเกิดภัยพิบัติขึ้นในปีนี้เพื่อให้สามารถแจกจ่ายไปยังหน่วยงานในพื้นที่ประสบภัยได้ทันที ตั้งเป้าจะนำเข้าข้าวจากเวียดนามและไทยอย่างน้อย 50,000 ตัน

ขณะนี้ผู้บริหารของสำนักงานอาหารแห่งชาติกำลังตระเวนตรวจสอบข้าวตามโกดังของสำนักงานทั่วเขตคารากา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะมินดาเนา และกำลังสุ่มตรวจตลาดหลายแห่ง รวมทั้งสั่งการให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นซ่อมแซมโกดังข้าวที่เสียหายจากไต้ฝุ่นหลายลูกตั้งแต่ปี 2556 และหาทางปกป้องโกดังและข้าวในโกดังไม่ให้เสียหายจากไต้ฝุ่นและน้ำฝน.-สำนักข่าวไทย

คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นประณามเหตุโจมตีสถานทูตซาอุฯในอิหร่าน​

​

สหประชาชาติ 5 ม.ค. – คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติแถลงประณามอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้ประท้วงโจมตีสถานทูตซาอุดีอาระเบียในอิหร่าน เนื่องจากไม่พอใจที่ซาอุดีอาระเบียประหารชีวิตผู้นำนิกายชีอะห์คนสำคัญ

แถลงการณ์ของ 15 ประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงฯ ไม่ได้ระบุถึงการประหารชีวิตเชค นิมร์ อัลนิมร์ และเรียกร้องให้อิหร่านปกป้องสถานทูต เจ้าหน้าที่และทรัพย์สินของซาอุดีอาระเบีย ซาอุดีอาระเบียได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านเมื่อวันอาทิตย์หลังเหตุประท้วงจุดไฟเผาสถานทูตในกรุงเตหะราน และสถานกงสุลในเมืองมาชฮัด แถลงการณ์ของคณะมนตรีความมั่นคงระบุประณามอย่างยิ่งต่อการโจมตีสถานทูตซาอุดีอาระเบียในกรุงเตหะราน และสถานกงสุลในเมืองมาชฮัดของอิหร่าน ซึ่งถือเป็นการบุกรุกสถานทูตและสถานกงสุลที่ก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวง นอกจากนี้ สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงฯยังเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายเจรจากันและลดความขัดแย้งในภูมิภาค .-สำนักข่าวไทย

โอบามาออกมาตรการหวังหยุดความรุนแรงจากอาวุธปืน​

​

โอบามาออกมาตรการหวังหยุดความรุนแรงจากอาวุธปืน

สหรัฐ 5 ม.ค. – หลังจากเกิดเหตุกราดยิงขึ้นอย่างต่อเนื่องในสหรัฐ ในที่สุดประธานาธิบดีบารัค โอบามา ตัดสินใจใช้อำนาจบริหารออกมาตรการหยุดยั้งความรุนแรงจากอาวุธปืน โดยไม่รอการผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา

โอบามาระบุว่า มาตรการนี้เป็นสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ขัดต่อข้อบัญญัติที่ 2 แห่งรัฐธรรมนูญ ที่อนุญาตให้ชาวอเมริกันครอบครองอาวุธปืนได้ โดยโอบามาจะเปิดเผยรายละเอียดมาตรการหยุดยั้งความรุนแรงจากอาวุธปืนในเวลา 23.40 น. ตามเวลาในไทย . – สำนักข่าวไทย

ราคาน้ำมันในตลาดเอเชียปรับขึ้นตามความขัดแย้งซาอุฯ-อิหร่าน​

​

ราคาน้ำมันในตลาดเอเชียปรับขึ้นตามความขัดแย้งซาอุฯ-อิหร่าน

สิงคโปร์ 5 ม.ค. – ราคาน้ำมันในตลาดเอเชียวันนี้ปรับตัวสูงขึ้นตามความขัดแย้งทางการทูตระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิหร่านที่บานปลายมากขึ้น แต่ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงมากเกินความต้องการ และเศรษฐกิจอ่อนแอในจีนมีส่วนช่วยสกัดไม่ให้ราคาพุ่งขึ้นมากนัก

ความตึงเครียดระหว่างสองชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จากกรณีที่ซาอุดีอาระเบียประหารชีวิตผู้นำทางศาสนานิกายชีอะห์คนสำคัญส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับอิหร่าน จนถึงขั้นลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกัน ทั้งนี้ซาอุดีอาระเบียถือเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) ซึ่งอิหร่านก็เป็นสมาชิกรายใหญ่ ทำให้เกิดความกังวลว่าความบาดหมางทางการทูตอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมัน .-สำนักข่าวไทย

รถโดยสารไฟไหม้ในจีน เสียชีวิต 14 คน​

​

ปักกิ่ง 5 ม.ค. – เจ้าหน้าที่จีนรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 14 คน และบาดเจ็บ 31 คนจากเหตุเพลิงไหม้รถโดยสารสาธารณะทางภาคเหนือของจีนในเช้าวันนี้

เจ้าหน้าที่จีนในเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยมีรายงานในสื่อสังคมออนไลน์ว่า รถโดยสารเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นกะทันหันใกล้จัตุรัสยินฉวน ส่วนสาเหตุกำลังสอบสวนอยู่ และว่ายังมีอีก 31 คนต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล ทั้งนี้อุบัติเหตุจราจรเกิดขึ้นบ่อยครั้งในจีนซึ่งมักละเลยระเบียบด้านความปลอดภัย ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2556 มีชายคนหนึ่งก่อเหตุเผาตัวตายบนรถโดยสารทางภาคตะวันออก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 47 คน ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ครั้งร้ายแรงที่สุดบนรถโดยสารสาธารณะ .-สำนักข่าวไทย

จีนซื้ออากาศหายใจ​

​

จีน 5 ม.ค.-ปัญหาวิกฤติมลพิษทางอากาศในเมืองจีนนับวันยิ่งเลวร้ายลงสุดๆ ขนาดที่มีรายงานว่า เวลานี้ชาวจีนเริ่มนิยมซื้ออากาศอัดกระป๋องจากแคนาดามาสูดเข้าปอดกันแล้ว

ชาวจีนเริ่มนิยมซื้ออากาศอัดกระป๋องจากแคนาดา มาสูดเข้าปอดกันแล้ว โดยบริษัทผลิตอากาศบริสุทธิ์ ของแคนาดา ที่รับทรัพย์ไปเต็มๆงานนี้ ก็คือ Vitality Air โดยทางบริษัท เปิดเผยว่า ได้ทดลองส่งอากาศอัดกระป๋อง ซึ่งเป็นอากาศบริสุทธิ์จากเมืองในแถบเทือกเขาร็อกกี้ ไปขายในจีน จำนวน 500 กระป๋อง โดยขายหมดเกลี้ยง ภายใน 2 สัปดาห์ โดยราคาขายอยู่ที่กระป๋องละ 14-20 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 504-720 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของกระป๋อง แถมยังต้องสั่งล่วงหน้ามาเพิ่มอีกด้วย ก่อนหน้านั้นทางบริษัทได้ทดลองตลาด ด้วยการขายอากาศอัดกระป๋องบนเว็บไซต์อี-เบย์ก่อน และจากนั้นก็พัฒนาผลิตภัณฑ์เรื่อยมา โดยตั้งใจขายอากาศจริงจังมาก ทั้งนี้การอัดอากาศเข้าไปในกระป๋อง แต่ละกระป๋องจะต้องใช้เวลาราว 10 ชม. โดยทางบริษัทไม่ยอมปริปากว่า กรรมวิธีในการอัดอากาศเข้ากระป๋องนั้นทำอย่างไรเพราะถือเป็นความลับทางธุรกิจ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนก็ให้ทัศนะว่า การซื้ออากาศอัดกระป๋องมาสูด ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง โดยวิธีที่ถูกต้องกว่า ก็คือการกรองมลพิษต่างๆ ออกจากอากาศที่เราสูดดม

อากาศเลวร้ายในจีนยังทำให้เกิดธุรกิจใหม่เฟื่องฟูขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ เจ้าอุปกรณ์ทำนายมลพิษในอากาศ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับชาวจีนในการวางแผนการใช้ชีวิตในแต่ละวัน โดยงานนี้บริษัทที่รับทรัพย์ไปเต็มๆเลยก็คือ ไอบีเอ็ม กับ ไมโครซอฟท์ ที่เข้ามาคิดค้นแอพพลิเคชั่น บนโทรศัพท์มือถือ เตือนภัยมลพิษในอากาศ อากาศเลวร้ายในจีนยังส่อเค้าลากยาวไปอีกหลายปีเลยทีเดียว ซึ่งก็ไม่แน่ว่าอาจมีผลิตภัณฑ์แปลกๆ ใหม่ๆ ออกมาขายทำรายได้งดงามได้อีก เพราะพลเมืองจีนมีตั้ง 1,300 ล้านคน ตลาดใหญ่ที่สุดในโลก ใครๆ ก็ต้องสนใจ

ขณะที่ความพยายามในการช่วยจีนในการแก้ปัญหานี้ก็มีเข้ามาทุกทาง อย่างธนาคารเอดีบี ยอมปล่อยเงินกู้ให้จีนกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ โดยเงินกู้ก้อนนี้จะถูกนำไปใช้ในการลดการใช้ถ่านหินในมณฑลเหอเป่ย ที่อยู่ติดกับกรุงปักกิ่ง และเป็นต้นตอสำคัญของหมอกควันที่บดบังทัศนะวิสัยในเมืองหลวง รวมถึงเมืองท่าที่อยู่ใกล้เคียงอย่างเทียนจิน ทั้งนี้กรุงปักกิ่ง มณฑลเหอเป่ย และเมืองเทียนจิน ซึ่งมีชื่อ เรียกว่าเขต “จิง จิน จี” มีประชากรมากกว่า 110 ล้านคน และครองสัดส่วน ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ทั้งประเทศจีน ปกติพญามังกรจีน จะระมัดระวังเรื่องการกู้เงินจากองค์กรระหว่างประเทศมาก แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะปัญหามลพิษนับวันจะซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้น และนี่ก็คือปัญหาใหญ่ที่จีนต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้ ท่ามกลางการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างแรงในขณะนี้.-สำนักข่าวไทย

ที่มา เว็บไซต์สำนักข่าวไทย

 

ชาวสวนไม่ธรรมดา! ปลูกผักส่งลูกเรียน 3 คน รายได้เหนาะๆ วันละพันห้า​

​

สุดยอดเกษตรชาวสวน ปลูกผักสร้างรายได้แบบเศรษฐกิจพอเพียง มีเงินเข้าบ้านทุกวัน 1,000-1,500 บาท ใช้ระบบน้ำหยดสู้แล้ง ส่งลูกเรียนจบแล้ว 2 คน ส่วนคนเล็กกำลังเรียนการบินพาณิชย์ อนาคตน่าจะเป็นกัปตัน...

เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 59 ผู้สื่อข่าว จ.อ่างทอง ทราบจากเสียงร่ำลือว่า มีชาวสวนผัวเมีย ปักหลักทำกินอยู่ที่บ้านเลขที่ 27 หมู่ 5 ต.ตลาดกรวด อ.เมือง จ.อ่างทอง ปลูกผักครบวงจรแบบเศรษฐกิจพอเพียง สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว ส่งลูกเรียนหนังสือจนจบระดับอุดมศึกษาไป 2 คน ส่วนคนเล็กเรียนอยู่การบินพาณิชย์ เหลืออีก 2 ปีก็จะจบ รายได้ทุกบาทมาจากหยาดเหงื่อแรงงานของตัวเอง

ที่บ้านดังกล่าว ได้พบกับ นายยอดรัก ยาทะยะ อายุ 54 ปี ซึ่งเปิดเผยว่า ตน และภรรยาเช่าที่จำนวน 24 ไร่ พลิกฟื้นผืนดินทำกิน โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง หลังจากก่อนหน้านี้ทำนาขาดทุนเป็นหนี้มาตลอด โดยพยายามเรียนรู้ ลองผิดลองถูก ล้มลุกคลุกคลานมาหลายครั้ง จนหันมาปลูกผักหลายอย่างในพื้นที่สวนของตนเอง โดยมีทั้ง มะระ พริก มะเขือ แตงกวา มะเขือเทศ ทยอยปลูกในพื้นที่ สลับสับเปลี่ยนกันไป ทำให้มีผลผลิตสร้างรายได้ทุกวัน 1,000-1,500 บาท แล้วแต่ราคาผักในท้องตลาด

นายยอดรัก กล่าวอีกว่า ที่สวนของตนนั้น ใช้ระบบน้ำหยด เมื่อเกิดภาวะแห้งแล้งจะใช้น้ำจากบ่อบาดาลที่ขุดไว้สูบมาขังในร่องสวน แล้วใช้ปั๊มน้ำสูบต่อส่งสู่ท่อน้ำหยด ทำให้ลดการใช้น้ำ และมีผลผลิตเพิ่มขึ้น ทั้งลดต้นทุนที่ต้องซื้อยาฆ่าแมลงมาใช้น้ำหมักชีวภาพ ที่ได้เรียนรู้มาตลอดชีวิตนำมาใช้กับพืชในสวน นอกจากนั้น ยังใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านในการจับแมลงวันทองโดยใช้ขวดน้ำพลาสติกเจาะทางเข้าทั้ง 2 ด้าน แล้วนำน้ำใส่ในขวด แขวนไว้ในแปลงผัก เป็นการปราบแมลงแบบไม่ต้องใช้ยา ลดต้นทุนรายจ่าย เพิ่มรายได้

"การปลูกผักในพื้นที่เช่าจำนวน 24 ไร่ ทำกันในครอบครัว มีตัวเองกับภรรยาเป็นหลัก และลูกๆ ก็มาช่วยกัน ไม่มีลูกจ้างเลยสักคน ซึ่งการปลูกผักแต่ละครั้งจะทยอยปลูกสลับผลัดเปลี่ยนกันไปให้ครบวงจร เพื่อให้มีรายได้ไว้ใช้จ่ายในครอบครัวทุกวัน และที่ภาคภูมิใจสุดๆ คือ ปลูกผักสร้างรายได้ส่งลูกเรียนจบ ทำงานแล้ว 2 คน มีจบทางด้านสาธารณสุขทำงานแล้ว อีกคนเรียนจบทางวิศวกรรม ก็ได้งานทำแล้ว ส่วนคนเล็กกำลังเรียนสาขาการบินพาณิชย์ เหลืออีก 2 ปีก็จะจบ เป็นความสำเร็จที่น่าชื่นใจของชาวสวนธรรมดาคนหนึ่ง" นายยอดรัก ชาวสวนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา กล่าว.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 ม.ค. 2559

เดือดร้อนทั้งเมือง! ลำพูนส่อเค้าแล้งหนัก จังหวัดประชุมด่วนรับมือ​

​

ส่อเค้าแล้งหนัก! ชาวบ้านลำพูนสุดเดือดร้อน หลัง ประปาไม่ไหลนานหลาย ชม. ตรวจสอบพบน้ำในเขื่อนมีน้อย ด้านจังหวัดเรียกประชุมด่วนแก้ไข ล่าสุด สถานการณ์ปกติ เตือน งดปลูกพืชใช้น้ำมาก-งดเลี้ยงปลาในแม่น้ำ...

วันที่ 5 ม.ค. 59 นายอนันตพล บุญชู รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานประชุมเตรียมการป้องกัน และแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดลำพูน สืบเนื่องจากปัญหาน้ำประปาไม่ไหลหลายชั่วโมง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านที่ต้องใช้น้ำประปา โดยทาง นายณรงค์ อ่อนสอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ได้มอบหมายให้รองผู้ว่าลำพูนดำเนินการแก้ไขแล้ว ล่าสุดที่ประชุมได้สรุปปัญหาดังกล่าวไว้ดังนี้

กรณี เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 59 แม่น้ำปิงมีปริมาณน้อย ไม่ไหลเข้าระบบสูบน้ำของประปา ทำให้ไม่สามารถผลิตน้ำประปาได้ ผลการประชุมสรุปได้ว่า สถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนแม่งัด มีเพียง 72 ล้านลูกบาศก์เมตร ถือว่าต่ำสุดในรอบ 30 ปี ซึ่งเพียงพอเฉพาะใช้สำหรับน้ำอุปโภคบริโภคเท่านั้น จากปัญหาดังกล่าวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนโดยทั่วไป ผ่านท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และสื่อต่างๆ ควรงดเลี้ยงปลากระชัง และปลูกพืชไร่ ปลูกข้าว เนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงไม่เพียงพอสำหรับการเกษตร หากมีความจำเป็นอย่างแท้จริงแล้ว แนะนำให้ชาวบ้านปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยแทนช่วยเหลือกันไปก่อน รวมทั้งให้ติดตามสถานการณ์ พร้อมวางแผนรับมือกับปัญหาภัยแล้งที่จะมาถึง ในส่วนของสำนักงานป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย อำเภอ และท้องถิ่น เตรียมเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ เช่น เครื่องเจาะบ่อบาดาล รถบรรทุกน้ำ เครื่องสูบน้ำไว้ให้พร้อม หากเกิดเหตุจะได้ดำเนินการได้อย่างเร่งด่วน และมีประสิทธิภาพ

นายอนันตพล กล่าวอีกว่า การวางแผนแก้ไขปัญหาภัยแล้งจะแบ่งไว้ 3 ระยะ ได้แก่ ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ระยะสั้น นั้นให้ซ่อมแซมระบบประปา และระบบบ่อบาดาลให้ใช้การได้ดี ซึ่งจังหวัดลำพูนมีหมู่บ้านแล้งซ้ำซาก จำนวน 8 อำเภอ 29 ตำบล 272 หมู่บ้าน ให้มีการเตรียมการจัดหาภาชนะเก็บกักน้ำสำรองน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งให้เพียงพอ ให้บริหารจัดการน้ำทำฝายชะลอน้ำชั่วคราว หรือกั้นกระสอบทรายในแม่น้ำ เหมืองฝาย โดยกลุ่มผู้ใช้น้ำให้ปิดการใช้น้ำที่ไม่จำเป็น ใช้น้ำเฉพาะการอุปโภคบริโภค ระยะกลางให้สำรวจพื้นที่สาธารณะ และหนองน้ำที่ถูกละเลย เพื่อทำเป็นพื้นที่แก้มลิงในแต่ละอำเภอ เพิ่มฝายชะลอน้ำขนาดเล็กในพื้นที่ต้นน้ำ เชื่อมโยงคลองไส้ไก่ สามารถเก็บกักน้ำได้ในฤดูแล้ง

ส่วนในระยะยาว ทำฝายชะลอน้ำถาวร เพื่อเก็บกักน้ำในระยะยาว เพิ่มพื้นที่ป่าในเขตต้นน้ำแม่กวง และน้ำแม่ทา เพิ่มปริมาณน้ำผิวดินโดยทำแก้มลิง และอ่างเก็บน้ำ อย่างไรก็ตาม ทางหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งสรุปแล้วเสนอไปยังป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำพูน เพื่อจัดทำเป็นแผนการป้องกัน และแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดลำพูนต่อไป.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 ม.ค. 2559

ลุงเมืองน่านจิตอาสา เก็บขยะริมทางกว่า 10 ปี ไม่หวังผลตอบแทน​

​

พบคุณลุงผู้สูงอายุชาวน่าน มีจิตอาสาเก็บขยะข้างทางมากว่า 10 ปี ไม่สนใจค่าตอบแทน เพียงแต่หวังให้บ้านเมืองสะอาด และทำไปเท่าที่แรงจะมี ระบุ ทุกวันนี้ก็ไม่เดือดร้อน อยากให้บ้านเมืองสะอาดใครมาเยือนมาพบเห็นก็จะได้รู้สึกประทับใจ...

มีรายงานว่า ในพื้นที่บ้านดอนแท่น หมู่ที่ 2 ต.กลางเวียง อ.เวียงสา จ.น่าน มีคุณลุงจิตอาสา ถือถุงดำเก็บเศษขยะบริเวณสองข้างทางภายในหมู่บ้าน มานานกว่า 10 ปี จนเป็นที่ชินตาของชาวบ้านในพื้นที่ โดยคุณลุงคนดังกล่าวชื่อนายบรรหาร หล้าน้อย อายุ 67 ปี หรือคุณลุงบรรหาร ชาวบ้านบ้านดอนแท่น เก็บเศษขยะบริเวณสองข้างทางภายในหมู่บ้าน ทางเข้าหมู่บ้าน และข้างถนนสายเวียงสา- น่าน ยาวนับ 10 กิโลเมตร และที่เน้นเป็นพิเศษบริเวณถนนทางหลวงสายแพร่-น่าน ก่อนที่จะเข้าตัวอำเภอเวียงสา โดยเฉพาะศาลาจุดพักผู้โดยสารจะมีคนที่มารอรถ ซึ่งพวกวัยรุ่นทิ้งถุงขนม ถุงพลาสติก กระป๋องเครื่องดื่มเกลื่อนเต็มไปหมดก่อนที่จะขึ้นรถโดยสารไป

ในแต่ละวันคุณลุงบรรหาาร จะออกเก็บขยะตั้งแต่เช้าหลังไปส่งหลานชายสองคนที่โรงเรียนในหมู่บ้านแล้ว โดยทำไปเรื่อยๆ เมื่อเหนื่อยก็พัก หายเหนื่อยก็ทำใหม่ โดยเก็บขยะที่เก็บจะนำไปรวมไว้ในที่เก็บขยะของวัดศรีดอนแท่น ซึ่งเป็นวัดประจำหมู่บ้าน

คุณลุงบรรหาร เล่าอย่างภูมิใจว่า ที่ทำแบบนี้ไม่ได้หวังค่าตอบแทนใดๆ เพราะทุกวันนี้ก็ไม่เดือดร้อน ตนเองอยู่กับหลานชาย 3 คน ลูกชายส่งเงินมาให้ใช้ตลอด แต่ที่ทำไปนั้นเพราะอยากเห็นบ้านเมืองสะอาด โดยเฉพาะอำเภอเวียงสาเป็นประตูสู่จังหวัดน่านและเข้าสู่ลาวในอาเซียน เมื่อใครมาเยือนมาพบเห็นก็จะได้รู้สึกประทับใจ ไม่เพียงเท่านั้นยังได้ช่วยตัดหญ้า ปลูกต้นไม้ในหลายท้องที่ และหวังว่าจะเป็นตัวอย่างสำหรับเยาวชนนำไปปฏิบัติ และงดเว้นการทิ้งขยะตามสถานที่ต่างๆ ด้วย ส่วนตนจะทำได้เท่าที่แรงมี หากได้อุปกรณ์เครื่องมือ คงทำได้ดีกว่านี้ สำหรับผู้จะร่วมทำบุญในภารกิจนี้ สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 09-3198-2553 ได้โดยตรง

ด้านพระครูธวัชนันทกิตติ์ เจ้าอาวาสวัดศรีดอนแท่น ต.กลางเวียง อ.เวียงสา จ.น่าน ได้กล่าวเจริญพรว่า คุณลุงบรรหาร ปกติก็จะทำความสะอาดเก็บกวาด ตัดหญ้า ต้นไม้ อยู่ที่วัดศรีดอนแท่น และตามข้างถนน ข้างแม่น้ำสา ประจำ จนทางวัดและหมู่บ้านเห็นความดีจึงมอบประกาศนียบัตรให้เป็นคนดีศรีเวียงสา หากในสังคมมีคนแบบนี้มากก็จะทำให้บ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 ม.ค. 2559

ตอม่อสะพานพัง! กำลังก่อสร้างที่อยุธยา ทับคนงาน-ชาวบ้าน บาดเจ็บ 12 คน​

​

เกิดเหตุหัวเสาตอม่อ ก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่ ใน อ.พระนครศรีอยุธยา รับน้ำหนักเหล็กไอบีมไม่ไหว พังร่วงลงมาพร้อมแท่นปูนขนาดใหญ่ ทับบ้านด้านล่างพังไป 3 หลัง รถยนต์ 2 คัน มีคนงานและชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 12 คน...

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 ม.ค.59 ผู้สื่อข่าว จ.พระนครศรีอยุธยา รายงานว่า เกิดเหตุสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ที่กำลังสร้างจากฝั่ง ต.เกาะเรียน ข้ามไปฝั่ง หมู่ 1 ต.สำเภาล่ม อ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อไปออกถนนสาย 347 หัวเสาตอม่อรับน้ำหนักน้ำเหล็กไอบีมขนาดใหญ่ที่นำมาใช้ในการก่อสร้างไม่ไหว พังถล่มลงมา

จากรายงานเบื้องต้น มีคนงานและชาวบ้านที่มีบ้านเรือนอยู่ด้านล่าง ใกลักับจุดก่อสร้างดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บรวม 12 คน แยกเป็นคนงาน 10 คน ชาวบ้าน 2 คน บางคนกำลังเข้าห้องน้ำ บางคนกำลังนั่งทอดลูกชิ้น ได้ยินเสียงเอี๊ยดดังยาว เหมือนวัตถุขนาดใหญ่กำลังจะหักโค่นลงมา

จากนั้น ทั้งคนงานและชาวบ้านต่างวิ่งหนีออกมาจากจุดเกิดเหตุ ก่อนที่เหล็กไอบีมยาวประมาณ 300 เมตร จะสไลด์หลุดจากแผ่นปูนหัวเสา หล่นลงมาด้านล่าง พร้อมกับแท่นปูนขนาดใหญ่ ทั้งบ้านพังไป 3 หลัง รถปิกอัพอีก 2 คัน

ส่วนผู้บาดเจ็บอาการหนัก มีประมาณ 3 คน หนึ่งในนั้นเป็นผู้หญิง ถูกเศษวัสดุหล่นใส่ศีรษะแตกเป็นแผลฉกรรจ์ หน่วยกู้ภัยอยุธยา และหน่วยกู้ชีพฯ นำส่ง รพ.พระนครศรีอยุธยา รายละเอียดและความคืบหน้า ผู้สื่อข่าวจะรายงานต่อไป

ต่อมา ผู้สื่อขาวรายงานรายละเอียดว่า ทาง ร.ต.ท.วุฒิภัทร์ ช่วยคิด พงส.สภ. พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งมีพื้นปูนและรางเหล็กถล่มล้มทับบ้านคนและคนงานบาดเจ็บจำนวนมาก ที่บริเวณสะพานสร้างใหม่ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตะวันตก หมู่ 1 ต.สำเภาล่ม ใกล้หมู่บ้านโปรตุเกส จึงพร้อมด้วย นายประยูร รัตนเสนีย์ ผวจ. พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.สมบัติ ชูชัยยะ รอง ผบก.ภ. พระนครศรีอยุธยา นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดฯ และหน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นสะพานคอนกรีตสร้างใหม่ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาจากถนนสายอยุธยา-บางปะอิน (สายใน) ช่วง ต.เกาะเรียน ข้ามไปฝั่งตะวันตก ถนนสายวัดไก่เตี้ย-สำเภาล่ม ช่วง ต.สำเภาล่ม ใกล้หมู่บ้านโปรตุเกส ความยาว 380 เมตร 4 ช่องการจราจร เพื่อเป็นถนนเลี่ยงเมือง จากถนนสายเอเชีย ตัดข้ามไปถนนสาย(347) บางปะหัน-ปทุมธานี

พบแผ่นเหล็กขนาดใหญ่สร้างไว้รองรับแผ่นปูนสำเร็จยาวประมาณ 300 เมตร วางบนเสาตอม่อสูงประมาณ 10 เมตร ล้มโค่นถล่มลงมาทับคนงานและบ้านเรือนประชาชน 3 หลัง เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบช่วยเหลือคนงานชาวกัมพูชาเป็นชาย จำนวน 10 คน บาดเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลาง นำส่งรพ.พระนครศรีอยุธยาและชาวบ้านอีก 2 คน

ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะถูกทับเสียหายจำนวน 2 คัน และบ้านเสียหาย 3 หลัง คือบ้านเลขที่ 46/4 หมู่ 1 ต.สำเภาล่ม ของนายสนอง สมสมัย อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 46/2 ของนายธรรมนูญ สมสมัย อายุ 67 ปี และบ้านของนายรังสรรค์ สมสมัย อายุ 25 ปี ไม่มีเลขที่บ้าน

นางสมปอง สมสมัย อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/2 เล่าเหตุการณ์นาทีระทึกว่า ตอนเกิดเหตุตนอยู่กับหลานชาย 2 คน กำลังทอดลูกชิ้นเพื่อขายให้คนงานก่อสร้างสะพาน จู่ๆ ได้ยินเสียงดังเอี๊ยดๆ ตนจึงคว้าหลานวิ่งออกจากบ้าน ก่อนที่เหล็กจะล้มทับบ้านเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมกับมีท่อนไม้มาทับที่ขาขวา ตนชักหลบเกือบไม่ทัน หนีรอดออกมาได้แบบหวุดหวิด บาดเจ็บที่ขาเล็กน้อย

ส่วน นางสุมลมาลย์ ถูกอารมณ์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านไม่มีเลขที่ บอกว่าตอนเกิดเหตุตนอยู่ในห้องน้ำ เหล็กล้มมาทับครึ่งบ้าน ปิดปากประตูห้องน้ำพอดี ตนตกใจกลัวแต่ยังร้องเรียกเพื่อนบ้านมาช่วยงัดประตูจึงหนีตายออกมาได้ แต่รถกระบะโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บธ 9706 พระนครศรีอยุธยา ถูกทับพังไปครึ่งคัน

ทางด้าน นายประยูร รัตนเสนีย์ ผวจ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ได้สอบถาม นายจีระพงษ์ ปิณฑบุตร ผอ.แขวงการทางชนบทพระนครศรีอยุธยา ทราบว่าโครงการนี้ เป็นโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ตามแนวถนนสาย ก ผังเมืองรวมเมืองพระนครศรีอยุธยา (ตอนที่ 2) จ.พระนครศรีอยุธยา โดยบริษัท ประยูรวิศร์ จำกัด ผู้รับจ้าง ก่อสร้างเสร็จไปแล้วประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุที่พัง มาจากระหว่างการติดตั้งเคลื่อนย้ายพื้นปูนสำเร็จ ที่มีขนาดความกว้าง 9 เมตร ความยาว 25 เมตร จำนวน 12 ตัว ยกขึ้นติดตั้งแล้วจำนวน 9 ตัว เหลืออีก 3 ตัว เชื่อมระหว่างตอม่อ มีความยาว 36 เมตร ขณะทำงานแผ่นปูนสำเร็จเกิดเอียงทำให้รางเหล็กด้านล่าง ที่วางบนตอม่อเอียงตาม จึงไปดึงแผ่นปูนสำเร็จที่วางไว้แล้วจำนวน 8 ตัวล้มลงไปทับบ้านประชาชนด้านล่าง 3 หลัง มีผู้บาดเจ็บรวม 12 ราย

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ตรวจสอบการก่อสร้าง และรูปแบบความมั่นคงแข็งแรง พร้อมสาเหตุการพังในครั้งนี้อย่างละเอียด รวมทั้งสั่งงดทำการก่อสร้าง จนกว่าวิศวกรมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 ม.ค. 2559

พุ่งสูงขึ้น! อุบัติเหตุปีใหม่ 7 วัน สังเวย 380 ศพ เจ็บ 3,216 คน​

​

ศปถ. สรุปยอด 7 วันอันตรายช่วงเทศกาลปีใหม่ 29 ธ.ค. 58 - 4 ม.ค. 59 ตาย 380 คน เจ็บ 3,216 คน เมืองย่าโม เสียชีวิตสูงสุด 15 คน สาเหตุหลักเมาแล้วขับ ขณะปลัด มท. เผย ไม่ปิดศูนย์ ดำเนินมาตรการต่อ พร้อมสั่งอุปกรณ์เพิ่มรับสงกรานต์

เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 59 นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย แถลงสถิติการเกิดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 ของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน หรือ ศปถ. ของวันที่ 7 ในช่วง 7 วันอันตราย 4 ม.ค. 59 พบว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 287 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 40 คน บาดเจ็บ 289 คน สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดมาจากขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 20.14 ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 14.37 เมาสุรา ร้อยละ 13.19 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 85.22 ซึ่งส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ขณะที่จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุมากสุดคือ จ.นครศรีธรรมราช 17 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด คือ จ.อุดรธานี 5 คน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด คือ จ.นครราชสีมา 17 คน

สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 7 วัน คือวันที่ 29 ธ.ค. 58 - 4 ม.ค. 59 เกิดอุบัติเหตุรวม 3,379 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 380 คน ผู้บาดเจ็บรวม 3,505 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุดคือ จ.นครราชสีมา 15 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดคือ จ.เชียงใหม่ 139 ครั้ง สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ เมาสุรา ร้อยละ 24.03 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 17.28 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 83.51 รถปิกอัพ ร้อยละ 7.4

นายกฤษฎา ยอมรับว่า สถิติการเกิดอุบัติเหตุ และเสียชีวิตในปีนี้เพิ่มสูงขึ้น แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติงานอย่างแข็งขัน เห็นได้จากการตรวจจับ อีกทั้งสาเหตุการเสียชีวิต ก็ปรับเปลี่ยนจากที่เคยมีสาเหตุมาจากเมาสุรา แต่เป็นการขับรถโดยใช้ความเร็วเกินที่กฎหมายกำหนด ซึ่งคาดว่าอุบัติเหตุที่เกิดจากการเมาแล้วขับลดน้อยลงเกิดจาก 2 มาตรการ คือ 1. ทหารดูแลตามจุดตรวจและควบคุมและมีการยึดรถจากผู้ที่เมาสุราแล้วขับ 2. จากคำสั่ง คสช. ที่ 46 เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะ เพื่อให้การระงับยับยั้งและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนรำคาญ อันตรายและความเสียหายอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปและจัดระเบียบสังคม โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราว 2557 รวมทั้งการบังคับใช้กฎจราจรอย่างแข็งขัน

ทั้งนี้ จะไม่มีการปิด ศปถ. และจะดำเนินมาตรการ 2 มาตรการต่อไปคือ มาตรการจากคำสั่ง คสช. และมาตรการทางสังคม โดยให้เจ้าหน้าที่ทางปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทำประชาคมและวางกฎกติกาในชุมชนกรณีจัดงานรื่นเริงเพื่อให้เกิดจิตสำนึกร่วมกัน ส่วนการตั้งด่านจะเป็นข้อพิจารณา โดยจะมีการตั้งด่านตรวจให้มากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่อุบัติเหตุจะเกิดจากถนนสายรอง สำหรับด่านชุมชนจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ ต้องให้ชุมชนทำประชาคมสร้างกฎกติกาขึ้นมา เช่น หากเมาสุราแล้วขับรถ ก็อาจลงโทษด้วยการทำความสะอาดวัด หรือหากจัดงานรื่นเริง อาจทำจุดจอดรถเพื่อรวมกุญแจ ป้องกันไม่ให้คนที่ดื่มสุราแล้วขับรถ ซึ่งจะเป็นการสร้างจิตสำนึก เป็นต้น

นอกจากนี้ จะจัดซื้ออุปกรณ์ตรวจจับความเร็วและเครื่องวัดแอลกอฮอล์โดยใช้งบประมาณปี 2559 เพื่อให้ทันใช้ในเทศกาลสงกรานต์ ที่กำลังจะมาถึง.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 ม.ค. 2559

ไทยตอนบนอากาศเย็น หมอกหนาบางพื้นที่ ภาคใต้มีฝน 10% อ่าวไทยคลื่นสูง​

​

ประเทศไทยตอนบนอากาศเย็น มีหมอกตอนเช้า และหมอกหนาบางพื้นที่ ส่วนภาคใต้มีฝน 10% บริเวณตอนกลางถึงตอนล่างของภาค ขณะที่ อ่าวไทยคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ...

วันที่ 5 มกราคม ในระยะนี้ใครจะใช้รถใช้ถนนโดยเฉพาะทางตอนบนของไทย คงต้องระวัง เพราะมีการเตือนเรื่องของหมอก ที่อาจจะลงจัดในหลายพื้นที่ "หมอก" เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่ง มีลักษณะเป็นละอองน้ำขนาดเล็กมากลอยอยู่ในอากาศ ละอองน้ำขนาดเล็กเหล่านี้จะเคลื่อนไหวด้วยอากาศปั่นป่วน หมอกมีหลายชนิด เราแบ่งชนิดของหมอกตามสาเหตุการเกิด ส่วนใหญ่หมอกในประเทศไทยเกิดจากการแผ่ความร้อนบนพื้นดินทำให้อากาศชื้นบนพื้นดินเย็นตัวลงจนถึงจุดอิ่มตัว เกิดการกลั่นตัวของความชื้นในอากาศ เป็นละอองน้ำเกิดเป็นหมอกขึ้น ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมักมีหมอกเกิดในฤดูหนาว ส่วนในภาคกลางและกรุงเทพมหานครมักจะเกิดในตอนปลายฤดูหนาว

ขณะที่ลมพามวลอากาศเย็นที่ปกคลุมตอนบนของประเทศไทยถอยออกไปหรืออ่อนกำลังลง ทำให้ลมฝ่ายใต้มีกำลังแรงขึ้นพัดปกคลุมภาคกลางและกรุงเทพมหานคร จึงทำให้เกิดหมอกหนาทึบปกคลุมในตอนเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น และจะสลายตัวไปในตอนสาย เนื่องจากความร้อนจากดวงอาทิตย์ หมอกเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่ทำให้ทัศนวิสัยเลวลง โดยทั่วไปขณะเกิดหมอกทัศนวิสัยจะต่ำกว่า 1 กิโลเมตร และบางครั้งอาจเกิดหมอกหนาทึบทำให้ทัศนวิสัยต่ำกว่า 100 เมตร

ซึ่งตอนนี้เองจากการตรวจสอบ พบว่ามวลอากาศเย็นจากประเทศจีนกำลังอ่อนปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน แต่ยังคงทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบน มีอากาศเย็นโดยทั่วไปกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่

โดยจากการตรวจสอบอุณหภูมิ พบว่าภาพรวม ช่วงเช้าพื้นที่สีเขียวคือบริเวณที่มีอากาศเย็น ยังคงปกคลุมเป็นวงกว้างในภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง โดยภาคเหนือนั้น คาดดว่าอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ตอนนี้มีพื้นที่สีฟ้า คือมีอากาศหนาวปกคลุมอยู่บริเวณตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 12 - 14 องศาเซลเซียส บริเวณทางตอนบนของแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส ส่วนภาคอีสานอากาศยังทรงๆ ภาคตะวันออกสูงขึ้น 1-3 องศาฯ ภาคกลางสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส สูงสุดอยู่ที่ 34-35 องศาเซลเซียสในช่วงบ่าย 3 โมง

และจากภาพถ่ายดาวเทียมเช้านี้ พบว่า ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคตะวันออก ท้องฟ้าโปร่ง มีเมฆชั้นต่ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเกิดจากอากาศที่ปกคลุมประเทศทั้งประเทศมีกระแสอากาศจมตัว ทำให้ท้องฟ้าไร้เมฆ หรือมีการก่อตัวของเมฆน้อย และโอกาสที่จะเกิดฝนบริเวณประเทศไทยตอนบนจึงน้อย ส่วนภาคใต้ มีเมฆบางส่วน ส่วนใหญ่เป็นเมฆชั้นต่ำ และชั้นสูง พบกลุ่มเมฆฝนเล็กน้อยบางพื้นที่เท่านั้น เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้บริเวณอ่าวไทยตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังในระยะนี้

โดยสถานการณ์ฝนในพื้นที่ภาคใต้ ยังคงมีโอกาสตกร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนใหญ่จะตกในช่วงสายถึงเย็น บริเวณตอนกลางถึงตอนล่างของภาค

ส่วนอุณหภูมิในแต่ละภาคเป็นดังนี้

ภาคเหนือ ตอนบนของภาคอากาศหนาว ส่วนตอนล่างอากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 12 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-12 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 องศาเซลเซียส
ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35 องศาเซลเซียส

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 ม.ค. 2559

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ในวัดหลายๆแห่ง แม้แต่โรงบาล มีโครงกระดูกโชว์ไว้ให้คนดูให้ปลง ว่าที่สุดท้ายเราก็เหลือเท่านี้ ทีนี้ถ้าคนกลัวก็เข้าทางพระที่จะดึงเข้าหาธรรมปฏิบัติ เรียนรู้อะไรคือความจริงที่เราต้องไป ต้องตาย..

การเรียนรู้ภัยพิบัติ ทำให้คนรู้เท่าทัน อะไรเกิด หรือ อาจที่จะกำลังเกิด ส่วนหนึ่งรู้แล้วก็ตั้งรับ ส่วนจะตั้งรับยังไงแล้วแต่กำลังทรัพย์

- คนหนึ่งคนมีเงินมาก หนีไปตั้งรกรากใหม่ที่ไกล ที่สูง (แสดงว่าคนๆนี้มีเงินมากพอที่จะย้ายที่อยู่ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วเพียงเพราะคำเตือนหรือทำนายไม่กี่ข้อ) และ หากเกิดภัยฯขึ้นมาจริงเขาอาจรอด แต่เขาอาจจะหนีรอดไปจากความตายที่กำลังเกิดกับเขาไม่ได้ เพราะเขาถึงเวลาตาย ยมทูตรอเขาที่ๆเขาหนีไปตั้งรกรากใหม่

- อีกคนมีเงินน้อยแต่สนใจธรรมะ สนใจทางรอดโลกนี้โลกหน้า หันหน้าเข้าวัด แต่ไม่ค่อยที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องทำนายภัยพิบัติมากนัก อาจจะฟังข่าวทางโลกบ้าง ข่าวเมื่อมีข่าวสารจากทางราชการให้เตรียมเรื่องการป้องกันภัยแผ่นดินไหวตัวอย่างภาคเหนือเขาก็เตรียมๆเป็นธรรมดาปกติทั่วไปที่สมควรทำ และเขาคิดว่าอะไรเกิดมันก็เกิด คนเราเมื่อถึงเวลาตายอะไรก็ห้ามไม่ได้

- อีกคนสนใจแต่คำทำนาย พอมีใครพูดอะไรก็กลัวไปหมด ไม่รู้จักแยกแยะ ทั้งที่ก็รู้ หรือความกลัวจนเขาลืมก็ไม่ทราบได้ว่าทำนายก็คือทำนาย อาจถูกอาจผิดเป็นธรรมดา คนๆนี้เขาอ่อนต่อมายาทางโลกหรือไม่? หรือขาดการหยั้งคิดพิจารณาตามเหตุผลหรือไม่? หรือเขาเป็นคนไม่ชอบใช้วิจารณญาณในการติดตามข่าวสารทางโลกที่มันยุ่งๆใบนี้? ซึ่งหากเขายังเป็นคนแบบลักษณะนี้ก็ค่อนข้างเป็นห่วง เขาคงขวัญหนีดีฝ่อเมื่อมีใครพูดอะไรที่เกี่ยวกับตาย

ในโลกของการสื่อสารมีสารพัดอย่างทั้งดีและไม่ดีโดยเฉพาะข่าวสารที่ปัจจุบันแต่ละคนเขียนขึ้นมาเอง เพราะฉะนั้นคนใจอ่อน คนไม่รู้จักแยกแยะไม่ควรใช้อินเตอเนท ในการติดตามข่าวที่เกี่ยวกับความเป็นความตาย ไม่ควรอ่านทำนาย ที่เหมาะกับคนประเภทหลังคือข่าวสารที่สื่อทีวีหรือสื่อหลักมอบให้แค่นั้น

โพสที่คุณเกษม มีทั้งมีหลากหลายแนว คนอ่านมีหลากหลายแนว ทำต่อไปเถิดคุณพ ื้นที่นี้เป็นของคุณ คนที่รู้จักแยกแยะจะตัดสินเอง

 

ถ้าเราเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำว่า ดีแล้ว
เจตนาในการทำของเรา มั่นคงแล้ว ในทางที่ดี
ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่จะ ถูกใจ ใครทั้งหมด
ในเมื่อ ความคิดและใจ ของแต่ละคนเอง ยังไม่ มั่นคง ในตัวมันเองเลย
ทำต่อไปครับ ด้วยความเคารพ

 

เยอรมนีช็อก!! นับพันออกปล้น-ข่มขืนเหยื่อในวันปีใหม่ กล่าวโทษฝีมือผู้ลี้ภัย

​

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - รัฐบาลเยอรมนีในวันอังคาร (5 ม.ค.) ประณามเหตุประทุษร้ายทางเพศผู้หญิงพร้อมๆ กันในวันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ในเมืองโคโลญ ทางตะวันตกของประเทศ ด้วยผู้เห็นเหตุการณ์บางส่วนกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของชายชาวอาหรับ แต่ทางการเตือนว่าไม่ควรนำผู้ลี้ภัยมาเป็นแพะรับบาป

ไฮโค มาสส์ รัฐมนตรียุติธรรมเรียกร้องให้มีการสืบสวนอย่างละเอียดต่อเหตุจู่โจมต่างๆ ในไร่ ตั้งแต่ลวนลาม ปล้นสะดม ไปจนถึงได้รับแจ้งว่ามีผู้หญิงถูกข่มขืนอย่างน้อย 1 ราย ท่ามกลางคำกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของพวกสำมะเลเทเมากลุ่มใหญ่ ระหว่างเทศกาลฉลองส่งท้ายปี ที่สถานีรถไฟหลักของเมือง

“นี่เป็นตัวแทนมิติใหม่ของอาญชากรรมที่เราจะต้องจัดการให้ได้” เขาบอกกับผู้สื่อข่าว พร้อมระบุว่า การจู่โจมต่างๆ นานามีลักษณะของการลงมืออย่างพร้อมเพรียง “เจ้าหน้าที่กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหาว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่มือโจมตีเหล่านั้นจะเป็นพวกผู้ลี้ภัย นายมาสส์ตอบกลับว่า ตำรวจยังอยู่ระหว่างการระบุตัวตนคนเหล่านี้ “มันไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับว่าพวกเขามาจากไหน แต่มันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกเขาทำต่างหาก การโยงเรื่องนี้เข้ากับประเด็นผู้ลี้ภัยคงไม่มีอะไรมากไปกว่าการแสวงหาประโยชน์ ตอนนี้คือเวลาที่จะต้องสรุปข้อเท็จจริง”

ตำรวจในโคโลญเผยว่าได้รับการแจ้งความคดีอาญา 90 เรื่องในวันอังคาร (5 ม.ค.) พร้อมอ้างคำบอกเล่าจากเจ้าหน้าที่และผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่ามีวัยรุ่นราว 1,000 คน เชื่อว่าน่าจะมีเชื้อสายอาหรับ เป็นกลุ่มๆ กลุ่มละ 20-30 คน ล้อมกรอบเหยื่อ ประทุษร้ายคนเหล่านั้น และมีหลายคดีที่ลงมือปล้นด้วย

นายโธมัส เดอ ไมเซียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเยอรมนี ยอมรับว่ารู้สึกตกตะลึงต่อเหตุจู่โจมอันเลวทรามนี้ “อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ควรนำพาผู้ลี้ภัยไม่ว่าจะชนเชื้อชาติใดก็ตาม มาอยู่ภายใต้การต้องสงสัยใดๆ”

เฮนเรียตเต เรเกอร์ นายกเทศมนตรีโคโลญ เรียกประชุมฉุกเฉินกับตำรวจในวันอังคาร (5 ม.ค.) หลังเรื่องดังกล่าวกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ ขณะที่เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นายเรเกอร์เคยถูกแทงบริเวณคอ ในเหตุโจมตีที่เชื่อว่าเป็นการแสดงความไม่พอใจที่เขามีจุดยืนต้อนรับผู้ลี้ภัย

เยอรมนีให้การรับรองผู้แสวงหาที่ลี้ภัยราว 1 ล้านคนในปี 2015 ส่วนใหญ่เป็นผู้หลบหนีภัยสงครามในซีเรีย ขณะที่นางอังเกลา แมร์เคิล ปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์เนื่องในวันปีใหม่ บอกว่าเยอรมนีจะยังให้การต้อนรับผู้ลี้ภัยรายใหม่ แม้ถูกวิพากษ์วิจารณ์และคัดค้านมากขึ้นจากพวกฝ่ายขวาที่ต่อต้านคนอพยพ

 

แผ่นดินไหว 5.1 ริกเตอร์ ใกล้เขตทดลองนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ​

​

โซล 6 ม.ค. – ศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวของจีนรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.1 ริกเตอร์ บริเวณใกล้แหล่งทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือในวันนี้ โดยคาดว่าอาจเป็นผลมาจากแรงระเบิดปรมาณู

ทางด้านสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐระบุว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 08.30 น.ในไทย อยู่ห่างไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ หรือราว 50 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองคิลจูซึ่งอยู่ใกล้กับพุง กเย-รี แหล่งทดสอบนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ

ขณะที่กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้แถลงว่า กำลังติดตามตามที่มีรายงานข่าว ส่วนสำนักข่าวยอนฮัพรายงานว่า นายยุน บยองเซ รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ได้เรียกประชุมฉุกเฉินแล้ว โฆษกสำนักบริหารอุตุนิยมวิทยาเกาหลีใต้รายงานว่า จะต้องมีการตรวจวิเคราะห์กันต่อไปเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือไม่ ทั้งนี้เกาหลีเหนือเคยทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ 3 ครั้งเมื่อปี 2549 ปี 2552 และปี 2556 ในเขตพุง กเย-รี.- สำนักข่าวไทย

เกาหลีเหนือประกาศว่าได้ทดลองระเบิดไฮโดรเจน​

​

โซล 6 ม.ค.- เกาหลีเหนือประกาศว่า ประสบความสำเร็จในการทดลองระเบิดไฮโดรเจนช่วงเช้าวันนี้ หลังจากหลายฝ่ายตรวจจับแรงสั่นสะเทือนได้ในพื้นที่ใกล้จุดทดลองนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ของรัฐในเกาหลีเหนือประกาศข่าวว่า การทดลองระเบิดไฮโดรเจนลูกแรกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเหนือประสบความสำเร็จเมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (ตรงกับเวลา 08.30 น.วันนี้ตามเวลาในไทย) อันเป็นไปตามเจตนารมณ์ทางยุทธศาสตร์ของพรรคแรงงาน การประกาศนี้มีขึ้น 2 วัน ก่อนจะถึงวันคล้ายวันเกิดของนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งได้กล่าวเป็นนัยเมื่อเดือนก่อนว่าเกาหลีเหนือพัฒนาระเบิดไฮโดรเจนได้แล้ว แต่ครั้งนั้นผู้เชี่ยวชาญสากลยังไม่เชื่อ ระเบิดไฮโดนเจนใช้ปฏิกิริยาฟิวชันที่จะทำให้เกิดแรงระเบิดอานุภาพรุนแรงกว่าระเบิดจากปฏิกิริยาฟิชชันของยูเรเนียมหรือพลูโตเนียม

ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันหลายฝ่ายสงสัยว่าเกาหลีเหนืออาจทดลองนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 เพราะนักแผ่นดินไหววิทยาตรวจพบแรงสั่นสะเทือนขนาด 5.1 ใกล้สถานที่ทดลองนิวเคลียร์หลักทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาหลีเหนือ ศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวจีนระบุว่า เป็นการระเบิดที่น่าสงสัย ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นคาดว่าอาจเป็นการทดลองนิวเคลียร์ ส่วนสำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐระบุว่า ตรวจจับแรงสั่นสะเทือนได้เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ตามเวลาเกาหลีเหนือ ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมืองคิลจูไป 50 กิโลเมตร เป็นตำแหน่งที่อยู่ถัดจากสถานทดลองนิวเคลียร์พุงกเยรี.-สำนักข่าวไทย

จีนอพยพคนหลังแผ่นดินสั่นสะเทือน เพราะเกาหลีเหนือทดลองระเบิด​

​

ปักกิ่ง 6 ม.ค.- จีนอพยพประชาชนออกจากอาคารต่าง ๆ บริเวณพรมแดนด้านติดกับเกาหลีเหนือ เนื่องจากรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนหลังจากเกาหลีเหนือทดลองระเบิดครั้งใหม่ช่วงเช้าวันนี้

สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของทางการจีนรายงานผ่านบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ว่า ประชาชนบริเวณชายแดนด้านติดกับเกาหลีเหนือรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างชัดเจนในเช้าวันนี้ หลังจากเกาหลีเหนือประกาศว่าได้ทดลองระเบิดไฮโดรเจน พื้นที่ที่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้แก่เมืองเหยียนจี๋ เมืองหุนชุน และเมืองฉางไป่ในมณฑลจี๋หลิน ชาวเมืองเผยว่า โต๊ะเก้าอี้สั่นไหวอยู่หลายวินาที บางบริษัทอพยพพนักงานออกจากอาคารที่สั่นไหว ขณะที่นักเรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งต้องเลิกสอบกลางคันเพราะสนามสันทนาการเกิดรอยแตก

คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือเคยกล่าวเป็นนัยเมื่อเดือนก่อนว่า เกาหลีเหนือมีระเบิดไฮโดรเจนแล้ว แต่ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติไม่เชื่อจนกระทั่งเกาหลีเหนือประกาศอย่างเป็นทางการในเช้าวันนี้.-สำนักข่าวไทย

หลายประเทศประณามเกาหลีเหนือเรื่องทดลองระเบิด​

​

โตเกียว 6 ม.ค.- ประเทศเพื่อนบ้านและหลายประเทศประณามเกาหลีเหนือที่ทดลองระเบิดครั้งใหม่ในเช้าวันนี้ว่าเป็นภัยใหญ่หลวงต่อเสถียรภาพในภูมิภาค

นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่นกล่าวว่า การทดลองนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเป็นภัยร้ายแรงต่อความปลอดภัยของญี่ปุ่นที่ไม่สามารถยอมทนได้อย่างแน่นอน เป็นการละเมิดอย่างชัดเจนต่อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) และเป็นการท้าทายความพยายามของนานาชาติในการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ ญี่ปุ่นจะขอให้สมาชิกยูเอ็นดำเนินการในเรื่องนี้

ด้านประธานาธิบดีปัก กึนฮเยของเกาหลีใต้เรียกประชุมฉุกเฉินสภาความมั่นคงแห่งชาติทันทีหลังเกาหลีเหนือประกาศว่าประสบความสำเร็จในการทดลองระเบิดไฮโดรเจน โดยกล่าวว่า ไม่เพียงเป็นการยั่วยุร้ายแรงต่อความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ แต่ยังเป็นภัยต่ออนาคตของเกาหลีใต้และเป็นการท้าทายสันติภาพและเสถียรภาพของประชาคมโลก

โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวว่า จีนคัดค้านอย่างแข็งขันต่อการทดลองระเบิดของเกาหลีเหนือ ขอให้เกาหลีเหนือยึดมั่นต่อพันธกิจเรื่องการปลดนิวเคลียร์ ยุติการกระทำใด ๆ ที่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอีก และจะเรียกเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือมารับทราบความจริงจังของจีนในเรื่องนี้ ด้านสำนักข่าวซินหัวของทางการจีนระบุว่า การกระทำของเกาหลีเหนือเป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่งและละเมิดมติยูเอ็น เกาหลีเหนือได้ทำให้เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือกลายเป็นถังบรรจุดินปืนที่ไม่เป็นประโยชน์กับประเทศเพื่อนบ้าน หรือแม้แต่กับเกาหลีเหนือเองที่รับปากจะส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม การที่เกาหลีเหนือท้าทายประชาคมโลกเป็นผลจากความรู้สึกไม่ปลอดภัยอันเกิดจากการเป็นปรปักษ์กับสหรัฐมานาน

ส่วนทำเนียบขาวสหรัฐประกาศจะตอบโต้อย่างเหมาะสมกับการยั่วยุของเกาหลีเหนือ ขณะที่ฝรั่งเศสประณามว่า เป็นการละเมิดมติของยูเอ็นอย่างไม่สามารถยอมรับได้ และเรียกร้องประชาคมโลกตอบโต้เกาหลีเหนืออย่างแข็งกร้าว เช่นเดียวกับออสเตรเลียที่ขอประณามด้วยถ้อยคำรุนแรงที่สุด เพราะการกระทำของเกาหลีเหนือตอกย้ำถึงการเป็นรัฐอันธพาลและเป็นภัยต่อสันติภาพเสถียรภาพของประชาคมโลก ออสเตรเลียจะแสดงความกังวลต่อเกาหลีเหนือโดยตรงและเรียกร้องให้ยูเอ็นลงโทษเกาหลีเหนือรุนแรงขึ้น.-สำนักข่าวไทย

รัฐนิวเซาท์เวลส์ออสเตรเลียน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง​

​

ออสเตรเลีย 6 ม.ค.-ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันหลายวัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย เมืองหลายเมืองต้องจมอยู่ใต้น้ำ ผู้คนต้องอพยพจากบ้านเรือน

ภูมิภาคฮันเตอร์ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของนครซิดนีย์ เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ทีมกู้ภัยต้องเข้าช่วยเหลือผู้คนราว 25 คน ที่ติดค้างอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ขณะที่คาดว่าจะมีฝนตกลงมาอย่างหนักอีกในคืนวันนี้ ทำให้ทางการต้องประกาศเตือนภัยน้ำท่วมฉับพลันในบางพื้นที่ของนครซิดนีย์.-สำนักข่าวไทย

พายุลูกแรกถล่มแคลิฟอร์เนีย ทำให้พื้นที่แห้งแล้งเกิดน้ำท่วม​

​

ลอสแอนเจลิส 6 ม.ค.- พายุเอลนีโญลูกแรกของฤดูถล่มตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ทำให้พื้นที่ที่แห้งแล้งมานานเกิดน้ำท่วมและดินถล่มจากฝนตกหนัก

สำนักอุตุนิยมวิทยาสหรัฐแจ้งว่า ท่าอากาศยานลอสแอนเจลิสมีฝนตกมากเป็นประวัติการณ์ วัดปริมาณน้ำฝนได้ 1.42 นิ้ว ลบสถิติ 1.32 นิ้วในปี 2522 นอกจากนี้ยังมีรายงานน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของรัฐแคลิฟอร์เนียจนต้องปิดถนน ประกาศเตือนน้ำท่วมฉับพลัน และไฟฟ้าดับ แม้ฝนเริ่มตกน้อยลงในช่วงบ่ายวันอังคาร แต่คาดว่าจะเกิดพายุฝนฟ้าคะนองมากขึ้นในวันพุธและวันพฤหัสบดี รวมทั้งอาจครอบคลุมไปถึงวันศุกร์ด้วย เตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำและริมชายฝั่งให้อพยพขึ้นสู่ที่สูง

ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า รัฐแคลิฟอร์เนียจะเกิดพายุจากปรากฏการณ์เอลนีโญอีกหลายลูกในช่วงหลายสัปดาห์ แต่จะไม่ทำให้เกิดฝนตกมากพอที่จะบรรเทาภาวะแห้งแล้งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ได้ องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกเตือนเมื่อเดือนก่อนว่า เอลนีโญซึ่งเกิดจากอุณหภูมิผิวน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกอุ่นขึ้นกำลังเลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 15 ปี.-สำนักข่าวไทย

ยอดเหยื่อดินถล่มทางใต้จีนเพิ่มเป็น 58 คน​

​

ปักกิ่ง 6 ม.ค. – หน่วยกู้ภัยจีนต้องขุดหลุมศพหลายสิบหลุมจากดินถล่มครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทิ้งวัสดุก่อสร้างทางภาคใต้ของจีนเมื่อกว่าสองสัปดาห์ก่อน หลังจากยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 58 คน

ทางการเมืองเซินเจิ้นแถลงว่า เจ้าหน้าที่สามารถระบุศพผู้เคราะห์ร้ายได้ 52 คน จากทั้งหมด 58 คน รวมทั้งยังมีผู้สูญหายอีก 25 คน ทั้งนี้เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมเกิดเหตุภูเขาขยะจากวัสดุก่อสร้างพังถล่มลงมาทางเชิงเขาระหว่างฝนตกหนักในเขตนิคมอุตสาหกรรมเมืองเซินเจิ้นที่อยู่ใกล้กับฮ่องกง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตอุปกรณ์ตั้งแต่โทรศัพท์มือถือไปจนถึงรถยนต์ และมีคนงานจำนวนมากจากทั่วประเทศจีน เจ้าหน้าที่จีนควบคุมตัว 11 คนไว้ในข้อหาละเลยความปลอดภัยทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว .- สำนักข่าวไทย

จีนลดค่าเงินหยวนลงอีก​

​

เซี่ยงไฮ้ 6 ม.ค.- ธนาคารกลางจีนลดค่าเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐลงอีกในวันนี้ โดยลงไปแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2554

ธนาคารประชาชนจีนกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงรายวันในวันนี้ที่ 6.5314 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจาก 6.5032 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันจันทร์ ซึ่งวันนั้นเป็นการลดค่าเงินครั้งแรกในรอบ 4 ปีครึ่ง ความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางจีนจุดกระแสวิตกว่าจีนจะลดค่าเงินหลายระลอกเหมือนเดือนสิงหาคมปีก่อน ที่ลดรวมเกือบร้อยละ 5 ในหนึ่งสัปดาห์และทำให้ตลาดการเงินโลกสั่นสะเทือน

เศรษฐกรของพีเอ็นซีไฟแนนเชียลเซอร์วิสกรุ๊ปมองว่า เงินหยวนกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักให้ต้องอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวซบเซา การค้าต่างประเทศของจีนหดตัว ธนาคารกลางจีนลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว 6 ครั้ง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557 อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐกำลังเพิ่มขึ้น และเงินทุนกำลังไหลออกจากจีน.-สำนักข่าวไทย

ที่มา เว็บไซต์สำนักข่าวไทย

 

เกาหลีใต้ประชุมฉุกเฉิน ตอบโต้เกาหลีเหนือทดลองระเบิดไฮโดรเจน​

เผยแพร่เมื่อ 6 ม.ค. 2016
คาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดหลังเกาหลีใต้ประช­ุมฉุกเฉิน ตอบโต้เกาหลีเหนือทดลองระเบิดไฮโ­ดรเจน​

 

มอบถุงยังชีพพระราชทาน ผู้ประสบเหตุสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาถล่ม!​

​

''ในหลวง'' ทรงให้ผู้แทนพระองค์ มอบถุงยังชีพพระราชทานให้ผู้ประสบเหตุสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างพังถล่ม ขณะที่หลายหน่วยงานยื่นมือช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงวิศวกรรมสถานที่เร่งตรวจสอบหาสาเหตุ...

จากกรณี สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ที่กำลังสร้างจากฝั่ง ต.เกาะเรียน ข้ามไปฝั่ง หมู่ 1 ต.สำเภาล่ม อ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อไปออกถนนสาย 347 หัวเสาตอม่อรับน้ำหนักเหล็กไอบีมขนาดใหญ่ที่นำมาใช้ในการก่อสร้างไม่ไหว พังถล่มลงมาทับบ้านเรือนประชาชนเสียหายจำนวน 3 หลัง รถยนต์ 2 คัน มีผู้บาดเจ็บ 12 คน ต่อมา ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีคำสั่งประกาศนำป้ายมาติดห้ามบุคคลไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ เพื่อรอให้วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยลงพื้นที่ตรวจสอบ เพื่อหาสาเหตุในการเกิดเหตุสะพานถล่มอีกครั้ง

ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 59 นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นางมีนา รัตนเสนีย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นตัวแทนมอบถุงยังชีพพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้กับผู้ประสบเหตุทั้งหมด 4 รายคือนางสมปอง สมสมัย อายุ 64 ปี นางริสา เลี๊ยบประเสริฐ อายุ 60 ปี นางอรุณี ไทยประเสริญ อายุ 21 ปี และนางสายพิน สมสมัย อายุ 49 ปี พร้อมด้วย นายวิชญพร ไชยรัตนะ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มอบเงินเยียวยาเบื้องต้นให้รายละ 2,000 บาท

นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่าได้สั่งผู้รับเหมาหยุดดำเนินการก่อสร้างในจุดเกิดเหตุ และห้ามบุคคลภายนอกเข้าพื้นที่อันตราย จนกว่าทางบริษัทผู้รับเหมาจะเคลียร์พื้นที่ให้มีความปลอดภัย จึงจะยกเลิกประกาศฉบับนี้

นายจีระพงษ์ ปิณฑบุตร ผู้อำนวยการแขวงการทางชนบทพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ทางบริษัทผู้รับเหมาจะรับผิดชอบทั้งหมด ทั้งผู้ได้รับบาดเจ็บ 12 ราย และผู้อาศัยบ้านที่เสียหายทั้ง 3 หลัง ให้เช่าบ้านอยู่โดยจะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ส่วนบ้านจะออกแบบสร้างให้ใหม่ตามใจเจ้าของบ้าน ถ้าพอใจแล้วจะลงมือสร้างให้ ส่วนค่าเสียหาย สิ่งของต่างๆ ให้ประเมินมาทีหลัง ทางบริษัทจะเยียวยาดูแลรับผิดชอบ

ทางด้านนางสมปอง สมสมัย อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64/2 กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุตนยังขวัญหนีดีฝ่อกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในเบื้องต้นที่เสนอมาตนเองก็พึงพอใจ แต่ขณะนี้ตนเองและครอบครัวรู้สึกผวาในสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่อยากจะอยู่ในจุดเดิม เนื่องจากนึกคิดถึงวันที่เกิดเหตุตลอดเวลา หลับตาก็ได้ยินแต่เสียงชิ้นส่วน และไม่สบายใจหากยังมีการก่อสร้างสะพานอยู่

ทางด้านคดี พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่าในเรื่องของกฎหมาย ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ใด เนื่องจากว่ายังต้องรอสอบปากคำบุคคลที่อยู่ในที่เกิดเหตุทั้งหมด เบื้องต้นสอบปากคำไปแล้ว 2 ปาก และยังต้องสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จทั้งหมดก่อน และต้องรอผลตรวจจากเจ้าหน้าที่วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยเข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุว่า เกิดขึ้นจากความประมาทจากบุคคลใด จึงจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ ซึ่งผู้บาดเจ็บยังนอนรักษาตัวอีก 5 รายที่ รพ.พระนครศรีอยุธยา จึงต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2 อาทิตย์ขึ้นไป ถึงจะรวบรวมข้อมูลที่แท้จริงได้.

ต่อมาวันเดียวกัน เวลา 11.00 น. นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน อธิบดีกรมทางหลวงชนบท รศ.สิริวัฒน์ ไชยชนะ เลขาธิการ วสท. และ รศ.เอนก ศิริพานิชกร ประธานสาขาวิศวกรรมโยธา วสท. พร้อมด้วย ศ.ดร.อมร พิมานมาศ กรรมการอำนวยการ วสท. ได้เดินทางลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย เพื่อค้นหา และวิเคราะห์สาเหตุทางวิศวกรรม ซึ่งเป็นโครงการของกรมทางหลวงชนบทรับผิดชอบการก่อสร้าง และใช้งบประมาณ โดยได้มอบพื้นที่ให้ บริษัท ประยูรวิศร์ จำกัด เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง

ด้าน นายพิศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ลงเก็บข้อมูล และตรวจสอบพื้นที่การก่อสร้างในที่เกิดเหตุ และสรุปได้ว่าขั้นตอนในการก่อสร้างมีการดำเนินการไปตามรูปแบบมาตรฐานของวิศวกรรมฐาน แต่อย่างไรก็ตาม จะได้มีการตั้งทีมงานวิศวกรที่เชี่ยวชาญสะพาน ร่วมกับทีมงานที่ปรึกษาของบริษัทผู้รับเหมาเข้ามาปรึกษาร่วมกัน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 7 วัน โดยจะดูจากร่องรอยชิ้นส่วนของเคน และชิ้นส่วนแผ่นซิบเมนท์ว่าเป็นอย่างไร เมื่อทราบสาเหตุแล้วเราถึงจะมากำหนดมาตรฐานร่วมกับบริษัทผู้รับเหมา ถึงมาตรการการป้องกันถึงความปลอดภัย

และในส่วนของชิ้นส่วนสะพานที่ตกลงพื้นและเสียหาย จะรีบให้ผู้รับเหมาขนย้ายนำออกไปจากจุดที่เกิดเหตุ และห้ามนำกลับมาใช้ใหม่ ส่วนของตัวเครนก็ต้องใช้ชิ้นส่วนใหม่ทั้งหมด หากจะมีการก่อสร้างใหม่จะต้องมาตรวจสอบอีกครั้งว่า ชิ้นส่วนดังกล่าวได้มาตรฐานหรือไม่ และในส่วนสะพานที่มีการดำเนินการไปบ้างแล้ว จะส่งเจ้าหน้าที่วิศวกรรมสถาน ลงมาตรวจสอบความแข็งแรงของสะพาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสะพานที่สร้าง ว่าจะสามารถใช้งานได้จริง.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 ม.ค. 2559

ตะลึง! หัวมันใหญ่มาก ต้นเดียวหนักกว่า 80 กิโลกรัม​

​

ฮือฮา! หัวมันยักษ์ต้นเดียวหนัก 82.8 กก. ใช้คนยกถึง 6 คน รับรางวัลชนะเลิศ จากการประกวดมันสำปะหลัง ประจำปี 59 งานเกษตรสุรนารี ขณะที่ นักวิชาการเกษตร เผย ปัญหาภัยแล้งในหลายพื้นที่โคราชไม่กระทบมันสำปะหลัง ได้ราคาเต็มเม็ดเต็มหน่วย...

วันที่ 6 ม.ค. 59 นายสมพงษ์ จันพิทักษ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตร จังหวัดนครราชสีมา จัดการประกวดมันสำปะหลังโคราช ในงานเกษตรสุรนารี ประจำปี 2559 มีขึ้นระหว่างวันที่ 6-10 มกราคมนี้ ที่อาคารสุรพัฒน์ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) อ.เมือง จ.นครราชสีมา

สำหรับการประกวดที่เรียกเสียงฮือฮาของผู้มาร่วมงานมากที่สุด คือ การประกวดหัวมันยักษ์ มีเกษตรกรส่งผลผลิตมันสำปะหลังเข้าร่วมกว่า 30 ต้น ปรากฏว่า ต้นที่ชนะเลิศ เป็นพันธุ์เกษตรศาสตร์ อายุการปลูกนาน 2 ปี ของนายณรงค์ สุวรรณดี เกษตรกรชาว อ.พิมาย ต้นเดียวมีน้ำหนัก 82.8 กิโลกรัม ต้องใช้คน 6 คน ช่วยกันยกถึงจะยกขึ้นไหว ได้รับเงินรางวัลชนะเลิศ 7,000 บาท ขณะที่รองชนะเลิศมีน้ำหนัก 82.6 กิโลกรัม พันธุ์ห้วยบง 60 ของเกษตรกร อ.เสิงสาง รองชนะเลิศ 5,000 บาท พร้อมใบประกาศนียบัตร

ขณะเดียวกัน ยังมีการประกวดวัดเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง มีเกษตรกรจาก อ.เสิงสาง อ.หนองบุญมาก และ อ.ครบุรี แหล่งปลูกมันสำปะหลังใหญ่ที่สุดของโคราช ส่งผลผลิตเข้าประกวดกว่า 50 ราย ปรากฏว่า เชื้อแป้งสูงสุดวัดได้ 33.2% รองลงมา คือ 32.6% และ 32.5% คว้าเงินรางวัลต่างๆ มากมาย

ทั้งนี้ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า จากปัญหาภัยแล้งในหลายพื้นที่ของ จ.นครราชสีมา ไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังแต่อย่างใด แต่กลับส่งผลดีต่อคุณภาพของเชื้อแป้ง ทำให้เปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งมันสูงขึ้น เนื่องจากไม่มีความชื้น จากปกติเชื้อแป้งมันส่วนใหญ่อยู่ที่ 25% แต่ช่วงนี้เชื้อแป้งสูงขึ้นเป็น 28-32% ทำให้ขายผลผลิตหัวมันสำปะหลังสดได้ราคาเต็มเม็ดเต็มหน่วย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน จ.นครราชสีมา มีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง 1,598,405 ไร่ มีผลผลิตรวมทั้งสิ้น 5,643,177 ตันต่อปี สร้างมูลค่ารวมกว่า 12,100 ล้านบาทต่อปี

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 ม.ค. 2559

อ่างขางหนาว! อุณหภูมิยอดหญ้า 0.9 องศาฯ เหมยขาบเกาะแปลงผลไม้​

​

ดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่ อากาศยังหนาวเย็นต่อเนื่อง ท้องฟ้าแจ่มใส ไร้เมฆ อุณหภูมิยอดหญ้า 0.9 องศาฯ พร้อม เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง บริเวณแปลงไม้ผลเมืองหนาว คาด พรุ่งนี้ 'เหมยขาบ' เกิดขึ้นอีก ...

วันที่ 6 ม.ค. 59 สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ได้เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง หรือเหมยขาบขึ้นในบริเวณแปลงพลับ และแปลงสาลี โดยอุณหภูมิปกติของเย็นวานนี้ท้องฟ้าแจ่มใสมีเมฆประปราย สูงสุดวัดได้ 20.6 องศาเซลเซียส กลางคืนอากาศหนาวเย็น

ส่วนในเช้านี้ อุณหภูมิปกติในบริเวณสถานีวัดได้ 3.2 องศาเซลเซียส บริเวณที่เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง หรือเหมยขาบในแปลงไม้ผลเมืองหนาว อุณหภูมิยอดหญ้าวัดได้ 0.9 องศาเซลเซียส ขณะที่นักท่องเที่ยวมีเดินทางมาเที่ยวประปราย เนื่องจากหมดฤดูกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ไปแล้ว

ด้าน น.ส.จารุวรรณ ยิ่มหิ้น เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง กล่าวว่า สำหรับวันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสไม่มีเมฆ คาดว่าในเช้าวันพรุ่งนี้น่าจะเกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งขึ้นอีก.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 ม.ค. 2559

หนาวสะท้าน! ดอยอินทนนท์ ติดลบ 3 องศาฯ เกล็ดน้ำแข็งเกาะรถ​

​

นักท่องเที่ยวดอยอินทนนท์ ต้องสะท้าน เช้าวันนี้ติดลบ 3 องศาฯ ประชาชนยังแห่ขึ้นสัมผัส ชื่นชมความงดงามธรรมชาติ ลมหนาว พญาเสือโคร่งบานสะพรั่ง ขณะอุตุฯ ภาคเหนือ เตือน อากาศยังหนาวเย็น แนะดูแลร่างกายให้อบอุ่น

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 6 ม.ค. 59 นายพรเทพ เจริญสืบสกุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า อุณหภูมิยอดดอยอินทนนท์ เช้าวันนี้เข้าสู่จุดเยือกแข็งที่สุดแห่งปี จุดยอดหญ้าอุณหภูมิลดฮวบ วัดได้ -3 องศาเซลเซียส และที่จุดยอดดอย ระบบดิจิตอลวัดได้ 6 องศาเซลเซียส มีเหมยขาบเกิดขึ้นที่ข้างทางบนยอดดอยอินทนนท์ กระจายในหลายจุด และมีลมโชยเป็นระยะๆ ทำให้อากาศบนดอยเย็นยะเยือก รวมถึงเกล็ดน้ำแข็งเกาะรถยนต์ที่จอดบนดอยอินทนนท์ เป็นที่ตื่นตาตื่นใจ

สำหรับนักท่องเที่ยวยังคงมีจำนวนนับพัน แห่มาชมเหมยขาบ สัมผัสอากาศหนาวยามเช้า ชมพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอก รวมทั้งชมดอกไม้หลากหลายพันธุ์บนดอย ทั้งดอกพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทย ที่กำลังเบ่งบานสวยงามในช่วงนี้ด้วย

ด้าน ว่าที่ ร.ต.ปรีชา จินต์ธนาวัตน์ เวรพยากรณ์อากาศ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ รายงานมาว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังอ่อนจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ยังคงทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นโดยทั่วไปกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศที่เปลี่ยนแปลง และเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย

สำหรับ จ.เชียงใหม่ อากาศหนาวกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 11-14 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ขอให้พี่น้องประชาชนดูแลเรื่องของสุขภาพที่อาจจะเจ็บป่วยในช่วงฤดูหนาวนี้ โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ ควรให้ร่างกายอบอุ่นให้มากที่สุด.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 ม.ค. 2559

ไม่ต้องตกใจ คลองลุ่มเจ้าพระยาแห้งขอด เป็นแผนของกรมชลฯ​

​

ภัยแล้งเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมในหลายพื้นที่ เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท น้ำเหือดหายลงทุกวัน คลองมะขามเฒ่าบางจุดแห้งขอด แต่ ผอ.เขื่อนบอกไม่ต้องตกใจ เป็นแผนของกรมชลฯ ในการบริหารน้ำ หากคลองน้ำเยอะ ชาวบ้านก็จะสูบเอาไปหมด...

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ม.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระดับน้ำที่จุดวัดน้ำ C13 เหนือเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ปัจจุบันอยู่ที่ 13.82 ทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาวันนี้ ต่ำกว่าตลิ่งถึง 2.52 เมตร ระดับน้ำท้ายเขื่อนอยู่ที่ระดับ 5.96 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ลดลงอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้น้ำในเขื่อนเจ้าพระยาเริ่มแห้งจนเห็นกองหินโผล่ขึ้นมาบริเวณกลางเขื่อนบ้างแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่นำรถแบ็กโฮขนาดเล็กลงไปทำการซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงให้กับตลิ่งหินตามแนวสันเขื่อน

ขณะเดียวกัน คลองต่างๆ ที่ต้องอาศัยน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาและแม่น้ำ เริ่มแห้งขอดเช่นกัน คลองมะขามเฒ่า-อู่ทอง ที่มีระยะทางยาว 104 กิโลเมตร จากชัยนาท-สุพรรณบุรี มีน้ำเพียงบางบริเวณเท่านั้น บางจุดแห้งขอด รวมไปถึงคลองท้ายเขื่อน ใน อ.สรรพยา ก็แห้งจนเห็นพื้นดิน เด็กๆ พากันลงไปวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน

ด้านนายเอกสิทธิ์ ศักดีธนาภรณ์ ผู้อำนวยการเขื่อนเจ้าพระยา เปิดเผยว่า ระดับน้ำในเขื่อนเจ้าพระยาตามตัวเลขข้างต้นดังกล่าวนั้น เป็นตัวเลขที่ทางกรมชลประทาน ได้วางแผนการระบายน้ำไว้เป็นอย่างดี สำหรับใช้ในการรักษาระบบนิเวศ ระบบประปา และผลักดันน้ำเค็ม ไม่ให้เกิดปัญหาต่อการอุปโภค บริโภคของประชาชน ซึ่งแผนดังกล่าวนั้นได้ออกมาตรการมาตั้งแต่ 1 พ.ย.2558 จนถึงปลายเดือน พ.ค.2559 จึงจะเริ่มมีการปรับแผนใหม่

ส่วนคลองที่แห้งขอดนั้น ก็เป็นไปตามแผนเช่นกัน เพราะหากในคลองมีน้ำเยอะ อาจจะทำให้เกษตรกรแอบสูบน้ำไปใช้ในการทำไร่ ทำนา ส่งผลให้น้ำที่ใช้ในการรักษาระบบนิเวศสูญเปล่า คาดว่าในช่วงวันที่ 10 ม.ค.2559 นี้ ฝนจะตกลงมา ทำให้มีน้ำเก็บไว้ใช้สู้ภัยแล้งอีกอย่างแน่นอน รวมทั้งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ จะมีการสำรวจกลุ่มก้อนเมฆตามพื้นที่ต่างๆ ในจังหวัดชัยนาท หากบริเวณใดมีกลุ่มเมฆหนาแน่น สามารถทำฝนหลวงได้ ก็จะรายงานต่อผู้รับผิดชอบ และลงมือปฏิบัติการทันที.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 ม.ค. 2559

ภัยแล้งอ่างทอง ทำชาวนาและฝูงนกกระยาง เปิดศึกชิงปลาในคลองชลประทาน​

​

ภัยแล้งส่งผลกระทบแล้ว หลังชาวนาที่ อ.วิเศษชัยชาญ และฝูงนกกระยางหลายพันตัว ต้องมาทำศึกแย่งปลาหน้าลอบดักปลาในคลองชลประทานที่แห้งขอดเพื่อเป็นอาหาร โดยฝูงนกที่หิวโซไม่ได้กลัวคน ต่างลงมาจิกกินปลา และบินวนรออยู่ตลอด...

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 6 ม.ค.2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบฝูงนกกระยางหลายพันตัวลงหากินปลาจนต้องแย่งชิงกับชาวนา ที่ต้องนำปลาไปทำอาหาร บริเวณคลองชลประทาน หมู่ 8 ตำบลไผ่ดำพัฒนา อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง หลังชาวนาในพื้นที่ได้เร่งสูบน้ำในคลองชลประทานเพื่อหล่อเลี้ยงต้นข้าวในนา ทำให้คลองเริ่มแห้งขอดและมีฝูงปลานานาชนิดจำนวนมากทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ที่อยู่ในคลองจำนวนมากที่อาศัยอยู่ภายในคลอง และเมื่อน้ำแห้งลง ชาวนาได้วางลอบดักปลากลางคลองเพื่อนำไปเป็นอาหาร แต่ต้องพบกับฝูงนกกระยางหลายพันตัวที่มาลงหาปลาที่เป็นปลาภายในคลองชลประทานที่กำลังแห้งขอด พร้อมแย่งชิงกับชาวนาหลังประสบภัยแล้งน้ำในคลองแห้งขอด

ด้าน นางมาลี ผลแย้ม อายุ 58 ปี ชาวนา ชาวบ้านหมู่ 8 ตำบลไผ่ดำพัฒนา กล่าวว่า หลังจากประสบปัญหาภัยแล้งชาวนาจำนวนมากต่างสูบน้ำในคลองเพื่อหล่อเลี้ยงต้นข้าวในแปลงนาหลายพันไร่ เช่นเดียวกับตนเองที่ได้เร่งสูบน้ำจากคลองชลประทานเพื่อนำไปหล่อเลี้ยงต้นข้าวในแปลงนาจำนวน 14 ไร่ จึงทำให้น้ำในคลองชลประทานแห้งอย่างรวดเร็ว เมื่อน้ำในคลองแห้งขอดลง ชาวนาหลายคนได้วางลอบดักปลาในคลองที่น้ำกำลังแห้งขอด ซึ่งมีปลาหลายชนิดจำนวนมากทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ ที่อยู่อาศัยในคลองมานานเป็นฝูงใหญ่ มารวมตัวกันบริเวณแหล่งน้ำหลังท่อสูบน้ำ เป็นผลพลอยได้ให้ชาวนาได้หาปลาที่มารวมตัวกันอยู่หลังท่อสูบน้ำเพื่อนำไปเป็นอาหาร แต่ก็ต้องแย่งชิงกับฝูงนกกระยางหลายพันตัว ที่กำลังหิวโซ ลงมาหาปลาเป็นอาหารหลังน้ำในคลองแห้งขอด

ชาวนาที่ จ.อ่างทอง กล่าวด้วยว่า เพื่อสู้กับฝูงนกกระยาง ตนเองจำต้องพยายามตบมือทำให้เป็นเสียงดังเป็นระยะๆ เพื่อไล่ฝูงนกกระยาง ให้ออกไปหากินที่อื่นแต่ไม่เป็นผล โดยฝูงนกกระยางยังคงวนเวียนหากินปลาในคลองชลประทาน และเข้าไปอยู่ในนาข้าวพร้อมแย่งชิงหาปลากับชาวนาต่อไป

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 ม.ค. 2559

ลูกปืนตกใส่! ทะลุหลังคาตลาดสด โดนสาวเบญจเพสล้มทั้งยืน​

​

สาววัยเบญจเพส ลูกจ้างขายผักตลาดสดที่ชลบุรี เคราะห์ไม่ดีตั้งแต่ต้นปีถูกกระสุนปืนปริศนา ไม่ทราบที่มาตกทะลุหลังคาเป็นมุมเฉียง ถูกที่กกหูขวาฝังในล้มทั้งยืน ต้องหามส่งรพ. ตำรวจเร่งสอบ มีใครที่อยู่ใกล้ๆ ยิงปืนบ้าง...

เมื่อเวลา 07.50 น. วันที่ 6 ม.ค.59 ร.ต.ท. หญิง ภิญญาลักษณ์ สินวรวิวัฒน์ พงส.สภ.เมืองชลบุรี ได้รับแจ้งมีลูกกระสุนปืนตกใส่หัวคน ได้รับบาดเจ็บ บริเวณตลาดใหม่ ต.มะขามหย่ง อ.เมืองชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบ

พบร่าง น.ส.น้ำผึ้ง มุมทอง อายุ 25 ปี ชาว จ.สุรินทร์ เป็นลูกจ้างร้านขายผักสด มีบาดแผลลูกกระสุนปืนเข้าที่กกหูขวา กระสุนฝังใน ผู้บริหารตลาดได้นำส่ง รพ.ชลบุรี ส่วนบริเวณหลังคาพบรูกระสุนปืน เจาะมองเห็นเด่นชัด เป็นมุมเฉียงลงมายังจุดที่คนเจ็บยืนอยู่

จากการสอบถาม น.ส.ดารุณี กลิ่นขจร อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84/7 หมู่ 4 ต.บางทราย อ.เมือง จ.ชลบุรี นายจ้างของ น.ส.น้ำผึ้ง กล่าวว่า ขณะที่ น.ส.น้ำผึ้ง ลูกจ้างตนยืนขายของอยู่ ได้ยินเสียงร้องว่า อุ๊ย ก่อนจะบอกว่า โดนยิง ตนหันไปดูเห็น น.ส.น้ำผึ้ง ล้มลง จึงรีบตะโกนบอกให้ผู้บริหารตลาดมาช่วยเหลือนำส่ง รพ.ชลบุรี

ต่อมา พ.ต.ต.เศรษฐภุชงค์ มีกุล สว.สส.สภ.เมืองชลบุรี ได้นำเจ้าหน้าที่มาตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมสอบสวนพยานแวดล้อมบริเวณใกล้เคียง หาที่มาว่ากระสุนดังกล่าวมาจากที่ใด เพื่อจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นคาดว่าน่าจะถูกยิงมาจากที่ใดที่หนึ่ง ในรัศมีไม่ไกลจากตลาดสดที่เกิดเหตุมากนัก.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 ม.ค. 2559

ไทยตอนบนอากาศเย็น หลัง 8 ม.ค. มีฝนบางพื้นที่​

​

ไทยตอนบนอากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า และหมอกหนาบางพื้นที่ หลัง 8 ม.ค. มีฝนบางแห่งและอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย ในภาคอีสาน ส่วนภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย มีฝนตก 10% ...

วันที่ 6 มกราคม จากการตรวจสอบจากระบบพยากรณ์อากาศไทยรัฐทีวี พบว่าในช่วงตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 7 มกราคมนี้ มวลอากาศเย็นกำลังอ่อนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน จึงทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นโดยทั่วไป กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ มีกำลังอ่อนลง

แต่หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 8 - 11 มกราคมนี้ มวลอากาศเย็นระลอกใหม่จะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบน มีฝนบางแห่งและอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ดังนั้น ใครที่อยากที่จะสัมผัสลมหนาวทางตอนบนของไทยสุดสัปดาห์นี้ไม่ผิดหวังแน่นอน โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงราย เพราะตอนนี้มีจัดงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2015 ซึ่งจะมีไปถึงวันที่ 10 มกราคมนี้เท่านั้น บริเวณสวนไม้งามริมน้ำกก (ใกล้สนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงราย) อำเภอเมืองเชียงราย โดยจะได้ชมมหัศจรรย์แห่งพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับสวยงามหลากหลายสายพันธุ์ ในสวนเทิดพระเกียรติฯ อุทยานกล้วยไม้ พร้อมสัมผัสวิถีชีวิตล้านนาและไม้ดอกเมืองหนาวนานาพันธุ์ ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นภายใต้บรรยากาศ มหัศจรรย์แห่งบุปผา มนต์เสน่ห์แห่งล้านนา Miracle Flowers of Lanna นอกจากนี้ยังมีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระทันตธาตุ) จากประเทศภูฏานมาประดิษฐานภายในบริเวณงาน ให้นักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศได้เคารพสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตด้วย

โดยจากการตรวจสอบสภาพอากาศที่จังหวัดเชียงรายตลอด 7 วันหลังจากนี้พบว่า ตลอดสัปดาห์ช่วงเช้าและช่วงค่ำ ยังคงได้สัมผัสอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง ต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 13-14 องศา ส่วนช่วงบ่ายนั้นอุณหภูมิ สูงสุดอยู่ที่ 30-31 องศา เมฆค่อนข้างน้อย แดดแรงเป็นพิเศษ

ขณะที่จากการคาดการณ์อุณหภูมิทั่วไทย ก็พบว่าตอนบนของไทยส่วนใหญ่นั้นยังคงถูกปกคลุมด้วย พื้นที่สีเขียว คือบริเวณที่มีอากาศเย็นๆสบายๆ ส่วนภาคเหนือตอนบน และฝั่งตะวันตก แถวจังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ยังคงได้ถูกปกคลุมด้วยพื้นที่สีฟ้า นั่นก็หมายความว่าจะได้สัมผัสกับอากาศหนาวในบางพื้นที่ โดยอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 12-14 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-12 องศาเซลเซียส

ในขณะที่สถานการณ์ฝนในพื้นที่ภาคใต้ส่วนใหญ่นั้น เน้นตกในฝั่งอ่าวไทย โดยมีฝนบางแห่งร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณตอนกลางจนถึงตอนล่างของภาค โดยจะมีโอกาสตกได้ตั้งแต่ช่วงสายไปจนถึงช่วงบ่าย

ส่วนสภาพอากาศในแต่ละภาค

ภาคเหนือ มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ โดยตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12 องศาเซลเซียส ส่วนตอนล่างอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-12 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า กับมีฝนบางแห่ง ร้อยะ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35 องศาเซลเซียส

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 ม.ค. 2559

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์