เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 30 มิถุนายน 2010.

  1. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    อ้อ ลืม บอกไป ช่วย อ.สุวิ ขยายความ เรื่อง เห็ดหูหนู

    เห็ดหูหนู เมื่อนำมาทำเป็นอาหาร มีสรรพคุณ ทางยา ติดมาด้วย เป็น ยาเย็น ครับ

    กินมากๆ มีฤทธิ์ ทำให้ เย็น ไฟ ในกาย มันก็๋ อ่อนลง เท่านั้นแหละครับ

    แต่ กิน เป็น อาหร พอ ประมาณ ไม่ มี อันตราย เพีง แค่ อร่อย ..... ลิ้น

    กิน เยอะๆ กิน เป็นประจำ นั่นแหละ จะเย็น เกินไป ไม่ค่อยดี นะ

    อันที่ จริง อาหาร ทุก ตัว นั่นแหละ อย่างกิน ซ้ำๆ เป็นประจำ ซ้ำซาก

    ต้องรู้ จัก สลับ สับ เปลี่ยน ไป มา ..... เพื่อ ให้ ร่างกาย มี สะสม สารอาหาร หรือ แร่ธาตุ ที่ได้ จากอาหาร บางชนิด เกิน ขนาด

    ต้องรู้ จัดกิน นะครับ...... กิน ดี มี สุข.......
     
  2. ชัชชลี

    ชัชชลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +1,411
    นำภาพวันงานถวายองค์พระพุทธชินราช(จำลอง) เพื่อเป็นพระประธานที่วัดพ่อขุนผาเมือง จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 27/11 มาให้ชมกันค่ะ
    หมอสุวิและครอบครัวให้เกียรติมาร่วมงานและยังมีคุณ Lazaza เดินทางจากขอนแก่น มาร่วมทำบุญด้วยค่ะ
    บุญนี้สำเร็จสมบูรณ์ด้วยดีแล้วค่ะ อนุโมทนาสาธุค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image3-1.JPG
      image3-1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      242.3 KB
      เปิดดู:
      81
    • image1-1.JPG
      image1-1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      447.6 KB
      เปิดดู:
      132
    • image2-1.JPG
      image2-1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      315.2 KB
      เปิดดู:
      96
  3. chaivat chinkidjakar

    chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,601
    ค่าพลัง:
    +21,777
    กำลังหิวเลย เพิ่งจะผัดไก่ผัดใบกระเพลาเสร็จเรียบร้อย....อิอิ
    เมื่อคืนก็หมูสามชั้นกับเห็ดหูหนู...:cool:
     
  4. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166

    สำหรับคน อยู่ในเมือง หนาวๆ หมูสามชั้นต้มกับเครื่องพะโล้ ไฟลุมๆ อ่อนๆ จน เปื่อย นุ่ม กินกับ ผักคะน้า ลวกสุก หรือ ผัก เขียว ลวก สุก กับ น้ำพะโล้

    ถ้าไม่มี หมั่นโถ ก็ กินกับ ข้าวสวย ร้อนๆ ก็ อร่อย ล้ำ.........55
     
  5. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    ที่ มาเล่า เรื่อง อาหารการกิน บ่อย ๆ ก็ มิใช่ อะไร

    ระยะ หลังๆ มานี้ ผม เอง อยู่ นิ่งๆ เฉยๆ ไม่ค่อย มีเรื่อง วิ่งวุ่น วาย อะไร กับ ชาวโลก เค้า

    พอ อยุ่ นิ่ง มากเข้า

    ความคิด ความเห็น มัน ก็ กลับ เห็น ภาพ ตัวเอง ภาพ รอบตัว ชัดขึ้น

    ทำให้ ได้เรียนรู้ จัก ตัวเอง และ ของรอบตัว มากขึ้น

    โอ เจ้าปะคุณ แค่ ของใกล้ ตัว ก็ เยอะแยะ แล้ว มีให้ เรา ได้ ค้นคว้า น่าสนใจ

    แค่ อากาศ ที่เรา หายใจ เข้าไป
    น้ำ ที่ เราดื่ม
    อาหาร ที่ เรากิน

    บ้านที่ เราอยู่ ที่หลับที่นอน ฯลฯ

    ของใกล้ ตัว เรา นี่แหละ ทั้งที่ ดี มี ประโยชน์ ให้คุณให้โทษ แก่ ชีวิตเรา

    ไม่ต้อง ไป โทษ นั่น โทษนี่ หรือ วิ่งไป หา อะไร ที่มันหายาก ไกลตัว หรอก

    เอา แค่ รอบตัว นี่แหละ ทำความเข้าใจ กับมัน รู้ จัก กิน รู้ จักใช้ เข้าใจถึง จำนวน สัดส่วนที่พอเหมาะ

    อาหาร เครื่องดื่ม สารเคมี ฯ ที่ มนุษย์ รับ เข้าร่างกาย ล้วนแล้ว สร้าง ผล กับร่างกาย ทั้งสิ้น
    จะเป็นประโยชน์ ให้ คุณ หรือ โทษ

    ก็ แล้ว แต่ว่า สารนั้น มีผล กับเรา เช่นไร บ้าง
    บางอย่าง ให้ประโยชน์ สร้างเสริม ก็ จริง หากดูไป นานๆ ลงลึกไป มันก็ มี จำนวน และสัดส่วนที่ จำกัด มิใช่ว่า อะไร ที่ เค้า ว่า กินแล้ว ดี ก็ ตั้งหน้าตั้งตา กินๆๆๆ เข้าไป

    ไม่ ยั้งคิด นานไป มี สารตกค้าง สะสม จน เกิน ขีด ความสามารถ ที่ ร่างกาย กำจัด พิษ นั้นได้ ก็ เป็นโทษ

    แม้น สารพิษ ที่ เรา คิดว่า น่ากลัว หลายๆ อย่าง ก็ มีประโยชน์ ต่อร่างกาย แต่ ต้องได้รับ ในจำนวน เล็กน้อย เท่าที่ ร่างกายรับได้ และ กำจัด พิษ ในตัวมัน ออกได้ สารพวกนี้ แหละ เค้าก็ เอามา ทำเป็นยา รักษาโรค บ้าง ยา เพื่อผล อันพึ่งประสงค์ บ้าง แต่ ต้องอยู่ในการควบคุม การใช้งาน ปกติ ก็ น่าจะเป็น นายแพทย์ เป็นผุ้ สั่งยา และ ควบคุม การใช้ ยา

    แม้นแต่ ของ ที่ เราไม่ได้ เห็นมันเป็นยา อาจเห็น เป็น อาหาร เป็นผัก เป็นผลไม้ เป็นสมุนไพร หรือ เครื่องดื่ม น้ำ ธรรมดา ก็ ตาม

    รุ้ อีกสักหน่อย มอง ให้ เห็น อีกสักนิด มีหลายๆ อย่าง ที่ น่า ใส่ใจ กับมัน

    คล้ายๆ คำพูด แบบฝรั่ง ที่ เค้าบอกว่า " คุณกินอะไร คุณ ก็ ได้อย่างนั้น"

    อากาศ , น้ำ , อาหาร , สิ่งแวดล้อม ที่ ท่านอยุ่ นั่นแหละ เป็น ตัวกำหนด คุณภาพ และสุขภาพ ของ ท่าน เอง
     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,096
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,044
    a.jpg

    สุขสันต์วันเกิดท่าน อ สุวิค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • HappyBDcake.jpg
      HappyBDcake.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.5 KB
      เปิดดู:
      947
  7. chaivat chinkidjakar

    chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,601
    ค่าพลัง:
    +21,777
    (^)HBDs
    ครับ อ.สุวิ
     
  8. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    ขอให้สำเร็จทุกอย่างคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2015
  9. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,424
    ค่าพลัง:
    +13,166
    สุขสันต์ วันเกิด นะครับ อาจารย์


    [​IMG]

    พระยอดขุนพล กรุเมืองศรีเทพ

    องค์ นี้ เป็นเนื้อชินเงิน พุทธศิลป แบบทราวดี ผสมขอม
    เป็นพระปาง สมาธิ ด้านหลัง องค์พระ มี ซุ้ม รัศมี เปลวเพลิง แสดงถึง พุทธบารมี
    ประทับนั่ง บนอาสนะยกสูง ที่ฐาน มี รูปสัตว์ นอนหมอบ อยู่ หนึ่ง ตัว เข้าใจว่า เป็น กวาง

    บางคนจะมองเป็น หนู หรือ เป็น เสือ ก็ แล้ว แต่ จะ จินตนาการ เอา

    ที่ ผมมองให้ เป็น กวาง ก็ เพราะ จะได้ เข้ากับเรื่อง ราว ประวัติ ตำนาน เมืองศรีเทพ

    เมืองศรีเทพ ปัจจุบัน เป็น อำเภอศรีเทพ อยู่ในจังหวัด เพชรบูรณ์ กรมศิลปากร ได้ เข้าสำรวจขุดค้น โบราณ สถาน หลายแห่ง ในเมืองศรีเทพ นี้ พบว่า เป็นเมือง เก่าแก่ มีอายุ มาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 12 - 16 เก่าแก่ และมี อายุ ต่อเนื่องมายาวนานมาก จึง ทำให้ พบหลัีกฐาน ทางประวัติศาสตร์ โบราณวัตถุ มากมาย
    ในยุคแรกๆ คนไทยยังไม่รุ้ คุณค่า มีพวกฝรั่ง เข้ามา สำรวจ ขุดค้น โบราณวัตถุ ส่วนใหญ่ ก็ ถูก ส่งออกไป จนมายุค หลัง 2500 เศษๆ ที่ กรมศิลป เข้ามาขุดค้น

    ดังนั้น พระกรุศรีเทพ แท้ๆ จึง หาดูได้ยาก มาก มีแต่ชื่อ ลอง ค้นหา ด้วยกูเกิ้ล ออกมา เจอ เยอะแยะ ดู แล้ว พบว่า ล้วนแต่เป็นพระเก๊ ทั้งสิ้น

    แล้ว พระแท้ๆ ไป อยู่ไหน กันหมด น่าคิด นะครับ

    แต่ ก็ ยังดี ที่ ยังมีเหลือ อยู่ ที่นี่ 1 องค์...........................สวัสดี ครับ.........................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2015
  10. พ่อณภัทร

    พ่อณภัทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    7,877
    ค่าพลัง:
    +3,633
    สุขสันต์วันเกิดครับอาจารย์ ขอให้ท่านมีความสุขทุกวันครับ
     
  11. chaivat chinkidjakar

    chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,601
    ค่าพลัง:
    +21,777
    :cool:สวยมากเลยครับ มองทีแแรกเห็นเป็นงูเลยครับ อ้าวดูอีกทีกลายเป็นลิง. นืกว่ามีหลายองค์...อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2015
  12. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ก่อนวันเกิดคุณหมอสุวิ พวกเราเหล่า X-Man (ซึ่งเป็นคำที่คุณหมอใช้เรียกพวกเราไปรวมตัวประชุมกันนะคะ ดิฉันไม่ได้เป็นคนใช้คำนี้ค่ะ) ได้ไปรวมตัวกันที่บ้านของคุณหมอ อย่างที่ได้เคยเล่าไปแล้วว่า มันเหมือนกลายเป็นวัฒนธรรมตามปรกติของกลุ่ม ที่จะต้องมีการรวมตัวการเช่นนี้ ในช่วงเวลาแถวๆ ประมาณนี้กันทุกปี



    เมื่อมีการรวมตัวกัน ก็ต้องมีเรื่องมากมายมาให้คุยกันล่ะก้าาา


    เรื่องหนึ่งที่ดิฉันจะยกนำมาพูดคุยนั้นก็คือ เรื่องของดอกไม้ และดอกไม้ที่ว่านี้ก็คือดอกดาวเรือง



    เหตุที่เป็นดอกดาวเรือง เพราะช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา ดิฉันได้มีโอกาสต้องรับคุณลุงชาวเกาหลี ซึ่งเคยได้พาดิฉันเที่ยวที่ประเทศของเขา เมื่อหลายปีก่อน แต่เมื่อเขามาประเทศของเรา ก็อดคิดถึงเขาไม่ได้ จึงซื้อของไปเยี่ยม (เขาจะพักที่บ้านเพื่อน ซึ่งเป็นบริษัทที่ลุงเขาทำงานรับสินค้าจากที่นี้ นำไปเผยแพร่ และค้าขายสินค้าเหล่านี้อะนะคะ ดังที่น่าจะเคยเล่าไปก่อนหน้านี้บ้างแล้วในหน้ากระทู้ก่อนๆ)


    ในระหว่างที่พวกเรามีแผนที่จะไปตลาดไทในวันนั้น ระหว่างรอขึ้นรถ ลุงก็ได้พูดคุยเกี่ยวกับตัวยาที่ตอนนี้ทางประเทศเกาหลีใต้กำลังมีการประชาสัมพันธ์กันอยู่ผ่านทางทีวีโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ลักษณะของรายการออกแนววาไรตี้ค่ะ ทำให้ไม่น่าเบื่อเท่าที่เห็นจากรูป


    แล้วลุงแกก็เล่าบอกว่า แพทย์ผู้นี้ได้ทำการวิจัยพบว่า ดอกดาวเรืองเนี่ย มันช่วยเรื่องตา ทำให้ตาของเราสดใส และดีขึ้นได้ งานนี้ยายจึงไม่เกี่ยวแต่ประการใด



    โดยความนิยมที่ผู้ชมได้รับชมและสนใจนี้มีถึง 28 เปอร์เซ็นต์(โดยประมาณ) หลังจากออกอากาศไป 2 ช่องทีวี ต้องขออนุญาตเล่าให้ผู้อ่านเข้าใจก่อนว่า ค่าเฉลี่ยโดยปรกติ ถ้าช่องไหนของประเทศเกาหลีใต้ ออกอากาศแล้วได้ค่าเฉลี่ยในครั้งนั้นที่ 10 เปอร์เซ็นต์(โดยประมาณ) จะถือว่าเป็นค่ากลางๆ ที่พอรับได้ เนื่องจากเขาจะต้องหารกับจำนวนช่องทีวีที่มีอยู่


    อย่างเช่นบ้านเรามีช่องทีวีสมัยก่อน คือ 3 5 7 9 11 ก็ต้องหารจำนวน 5 ช่องนี้ หากได้เปอร์เซ็นต์ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ ในช่องใดช่องหนึ่งในขณะที่ออกฉาย (สมมตินะคะ เพื่อให้เข้าใจกันง่ายขึ้น) ก็จะเท่ากับรายการนั้น ผู้ชมให้ความสนใจเป็นปรกติที่พอรับได้ ไม่ดีไม่แย่


    แต่หากรายการใดสูงกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ เช่นรายการละคร ซีรีส์เกาหลี หากในครั้งแรกที่ออกฉายได้แค่ 5 เปอร์เซ็นต์ แต่อาทิตย์ต่อมา และอาทิตย์ต่อมา ค่าเปอร์เซ็นต์กลับขึ้นกราฟ เป็น 7 ไปเป็น 11 >>>เซเว่น อีเลฟเ...ว่...น



    จากนั้นกราฟที่เรียกว่า Rating ก็ยังวิ่งขึ้นไปที่ 15 >>> 17 >>> 17.5 >>18>>> 21 >>>24 >>26 >>> 28 อย่างนี้ล่ะก็ ผู้อ่านคงรับทราบความรู้สึกของ ผู้สร้างละคร ได้เลยว่า ค่าเฉลี่ยเดิมจาก 5 ที่ทำท่าว่าจะตายแหล่ ไม่ตายแหละ เรียกรถพยาบาลมาคอยท่า ล่อแล่แน่แท้แล้ว อยู่ดีๆ หากละครเรื่องนั้น กลับวิ่งก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง ขึ้นไปเป็น 28 ในเดือนถัดๆ ไปในอาทิตย์ที่ละคร ซีรีส์ออกอากาศมันเป็นเยี่ยงไร? มันจะยิ่งกว่าการซื้อหุ้นแล้วได้นอนกินกำไรอย่างไงอย่างนั้น


    5555 ดิฉันนอกเรืองซะมาก แต่ก็อยากให้ผู้อ่านทราบว่า นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ประเทศเกาหลีใต้มีการแข่งกันกันสูง เนื่องจากมีเปอร์เซ็นต์มาเปรียบเทียบในระหว่างช่องทีวี และเลยเถิดไปเป็นการวัดค่าเฉลี่ยของคน ไม่ว่าจะเป็น ประวัติบุคคลที่ลงเลือกตั้ง หรือระหว่างการลงคะแนนเลือกตั้ง เปอร์เซ็นต์การแข่งขันระหว่างบริษัทต่างๆ ร้านค้า ฯลฯ ทุกอย่างกลายเป็นการแข่งขันเพียงเพราะเจ้าเปอร์เซ็นต์เนี่ย ได้กลายเป็นพระเจ้าของพวกเขาไปแล้ว


    ดังนี้พอคุณลุงได้นำเอกสารเรื่องดอกดาวเรือง และค่าความสนใจที่ผู้ชมได้รับทราบนั้นมีสูงถึง ประมาณ 28 เปอร์เซ็นต์ ลุงก็เลยสนใจอยากจะหาดอกดาวเรืองนี้ไปจำหน่ายนะสิคะ ซึ่งลุงก็คิดว่า คงจะหาได้ง่ายในประเทศไทย แต่ที่ไหนได้ชีวิตมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอกชิมิ


    ลุงไปตลาดไทก็หวังว่าจะไป ปะจ๊ะ กับผู้ขายดอกดาวเรือง หรือไม่ก็นำเมล็ดพันธ์ไปทดลองปลูกที่ประเทศบ้านเกิด ซึ่งมีอากาศที่เรียกว่าแทบจะสวนทางกับพี่ไทย


    แต่ทว่า ไม่น่าเชื่อว่า เมื่อเราไปหาดอกดาวเรืองพันธ์ไทย กลับไม่มีในตลาด พันธ์ดอกดาวเรืองที่มีขายนั้น เป็นพันธ์ต่างชาติ อาทิ พันธ์ฝรั่งเศส เป็นต้น


    ความสงสัยในสรรพคุณทำให้ดิฉันได้นำไปหารือกับคุณหมอสุวิว่า ที่ลุงแกเล่าให้ฟังว่าแพทย์ได้ทำการวิจัยพบว่า หากนำดอกดาวเรืองไปตากแห้ง แล้วนำมาต้มกินต่างน้ำทั้งวันเป็นประจำแล้ว จะช่วยให้ดวงตากลับมาปิ๊งปั๊งได้จริงหรือไม่?



    หมอสุวิก็ยอมรับว่า จริง


    แต่ครั้นจะไปสอยดอกดาวเรืองมาจากตลาดโดยตรงก็อย่าได้ทำเป็นอันขาด เพราะเหตุว่ามันมีแต่ยาฆ่าแมลงทั้งสิ้น นี่แหละที่ทำให้ชีวิตมันยาก 555 เราจำเป็นต้องหามาปลูกเอง อย่างที่ลุงเขาได้ทำนั้นเองค่ะ


    และเมื่อเราได้ใช้พลังจิตตรวตสอบทดลองดูแล้ว หากนำตัวยาอื่นมาผสมลงไปด้วย ก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาดวงตาให้กลับมาแวววาวได้เร็วกว่าปรกติกว่าการใช้ดอกดาวเรืองเพียงอย่างเดียวต้มน้ำอีกด้วยค่ะ ^ ^


    นอกจากนี้การตามหาเรืองราวของดอกดาวเรืองพันธ์ไทยในอากู๋ระหว่างการพูดคุยกันก็เกิดขึ้น และพบว่า ดอกดาวเรืองพันธ์ไทย แท้จริงแล้วอาจไม่มีอยู่จริง เพราะยิ่งค้นก็ยิ่งพบว่า เป็นไปได้ที่ดอกไม้ที่เราเห็นร้อยมาลัยขายอยู่กันดาดดื่นนี้ แท้จริงมันอาจจะล่องข้ามน้ำข้ามทะเลมากับเรือสัมเภาก่อนหน้านี้ ไม่ลำใดก็ลำหนึ่ง เป็นซะอย่างนั้นไปอะนะคะ ซึ่งเป็นเรืองที่น่าสนใจจริงๆ สำหรับหนึ่งในเรื่องที่เรานำมาพูดคุยกันในการประชุมในวันนั้นค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ธันวาคม 2015
  13. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    รอนะคะ ว่าจะต้องใช้ตัวยาใดเพิ่มคะ
     
  14. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    สวัสดีค่ะคุณล้อเล่น

    จริงๆ ถ้าไม่มีผู้อ่านท่านใดถามมาก็คิดว่าจะไม่เขียนเรื่องนี้ต่อนะคะ เป็นเพราะยาตัวนี้น่าจะเป็นกระสายยา (ในความคิดของดิฉัน) ทำให้ตัวยานำไปใช้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    และที่ไม่ได้พิมพ์มาบอกแต่แรก เป็นเพราะกระสายยาตัวนี้ ไม่ได้เป็นไอเดียที่มาจากดิฉัน แต่หมอสุวิเธอปิ๊งปั้งคิดขึ้นมา แล้วให้พวกเราอันได้แก่ดิฉันและคุณพลังไฟ ซึ่งในขณะนั้นนั้นทดลองพลังตัวยากันอยู่ด้วยพร้อมกัน ได้ช่วยกันทดลองตรวจสอบพลังยาหนะค่ะ


    ดังนี้จึงน่าจะต้องขออนุญาตก่อน แต่คิดว่าหมอสุวิคงจะไม่ว่าอะไรล่ะมั้งค่ะ เพราะว่ามีผู้อ่านถามเข้ามาเอง เป็นกรณีเช่นนี้ คือถ้ามีคนไข้คนใดถามอะไรมา หมอก็มักจะตอบอยู่แล้ว(มั้ง) แต่ในบางเรืองก็ไม่ตอบ(แฮะ) เพราะบางทีมันยิ่งทำให้ฟุ้งอะนะคะ


    ตัวยาที่พวกเราในวันนั้นวัดพลังตัวยารวมกันกับดอกดาวเรืองตากแห้งแล้วนำไปชงเป็นชาดื่ม นั่นก็คือ เก๊ากี้ค่ะ (สะกดถูกไหมอะ?) ถ้าผู้อ่านมีเชื้อสายจีนก็จะถึงบางอ้อได้ทันที แต่ถ้าผู้อ่านเป็นไทยแท้ อันนี้อาจต้องพึ่งพาหาดูรูปร่างหน้าตาจากอากู๋ดูเอาเองนะคะ


    และมันทำให้ดิฉันรู้สึกขอบคุณเทคโนโลยีในยุคนี้จริงๆ ที่ทำให้พวกเราสามารถสืบค้นสารานุกรมค้นคว้าได้ง่ายดายมากๆ (บางทีง่ายดายมากเกินไป จนเป็นดาบสองคม) ไม่เหมือนสมัยยังเด็ก กว่าจะได้รู้จักอะไรสักอย่าง หน้าตาเป็นเยี่ยงใด ต้องไปค้นกันที่ห้องสมุด และบางทีอาจไม่เจอในสิ่งที่กำลังสงสัยซะด้วย (ถ้าห้องสมุดเล็ก หรือไม่ก็มีผู้อื่นยืมหนังสือก่อนเราไปแล้วอะนะคะ)
     
  15. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    มีผู้อ่านท่านหนึ่งเขียนมาถามหลังไมค์ค่ะ ขออนุญาตนำมาตอบหน้าไมค์นะคะคุณ wi9 คะ


    ถาม อ่านเรื่องที่คุณกะทิเขียนมาแล้วเห็นว่าจะเขียนเรื่องความแตกต่างของมารและอสูรทางกายภาพฯลฯ กลัวว่าจะลืมเลยมาขอครับ จริงๆอยากรู้เรื่องยักษ์ด้วยครับเราะชอบพูดกันว่ายักษ์มารอสูรเลยงงๆว่าต่างกันอย่างไร ถ้าเกิดเขียนแล้วก็ขออภัยด้วยครับเพราะจำได้ว่าเหมือนค้างอยู่

    ตอบ ไม่ได้ลืมค่ะ แต่ที่ยังไม่เขียน เพราะว่าเนื้อหามันสั้นหนะคะ กำลังคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะเขียนอย่างไรให้สนุก แต่เนื้อหามันสั้นเกินไป(ในความคิด) จึงคิดว่าเอาเก็บไว้ก่อนหนะค่ะ เดี๋ยวเผื่อนึกเรืองอื่นที่มันพอเข้ากันได้ แล้วจะได้นำมาผสมกัน เพื่อทำให้เรื่องราวสนุกค่ะ จึงขอผลัดไปก่อนละกัน


    ถาม อ.อาชวินท่านล่วงลับแล้ว ไม่ทราบมีใครรับตรวจพลังบุญบาป ออร่าฯลฯบ้างไหมครับ

    ตอบ อันนี้คิดว่าหมอสุวิก็คงวัดได้ค่ะ แต่ไม่ได้เอามาเป็นค่าดู(ค่าครู ค่าวิชา) เพราะว่าหมอท่าน มีค่าดู ค่าวิชา เป็นอาชีพหมอหนะค่ะ ส่วนอ.อาชวิน มีค่าครู ค่าวิชาในอาชีพหมอดูตาทิพย์ (อ่านแล้วไม่ งง นะคะ)



    ส่วนดิฉันคิดว่าน่าจะทำได้ค่ะ เพียงแต่เพราะไม่เคยลองทำ และเพราะส่วนใหญ่ที่วัดพลังนั้น จะใช้วัดพลังของสิ่งที่หมอสุวิยื่นให้ใส่มือ เช่น ตัวยาต่างๆ ดังกล่าวไปแล้ว หรือไม่ที่ดิฉันวัดเอง ก็จะเป็นตัวเลข เบอร์โทรศัพท์ ร่วมกันกับพื้นดวงของคนผู้นั้นที่ต้องการดู ในแต่ละบุคคล ว่ามีความเข้ากันได้หรือไม่ได้ คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์อะนะคะ อันนี้ก็เป็นวิชาที่หมอสุวิและนำต่อยอดในการพัฒนาวิชาให้กับดิฉันมาอีกทีค่ะ


    และหรืออื่นๆ ที่ดิฉันเคยวัด ก็คือพลังบุญจากการอนุโมนทนาของนก ที่ดิฉันเคยเขียนเล่าไปแล้วในกระทู้ที่ผ่านมาอะนะคะ ดังนี้ดิฉันจึงคิดว่า ตนเองก็น่าจะวัดพลังอื่นๆ ได้เหมือน เพียงแต่ไม่เคยได้ลองวัดดู


    แต่คงไม่มีใครกล้าวัดตรวจพลังบุญบาป หรอกนะคะ เพราะอันนี้เป็นเรื่องเซ้นซีทีฟ sensitive มากค่ะ เพราะมีตัวแปรในแต่ละวันของคนๆ นั้นอยู่ตลอดเวลา ยิ่งในช่วงนี้หากผู้ใดมีตัวประหลาดมาเกาะ ซึ่งช่วยนี้เขามากันเยอะแยะ และมักใช้วิชาเพื่อฉ้อฉล ฉกฉวยบุญ อย่างนี้ยิ่งไปกันใหญ่ หมอสุวิถึงได้เข้ามาเขียนแนะนำด้วยตัวเอง ว่าควรสวดมนต์บทใดเพื่อป้องกันตัว อย่างไรไปแล้วก่อนหน้านี้นะคะ ผู้อ่านสามารถย้อนกลับไปอ่านทบทวนได้ค่ะ


    ถาม ที่ว่าใบขิงกินได้แล้วใบกระชายกินได้ไหมครับมีประโยชน์อย่างไรครับ

    ตอบ หมอสุวิคอนเฟิร์มมาค่ะว่า ใบกระชายก็กินได้เช่นกัน อาจใช้ใบอ่อนปรุงอาหาร ค่ะ ที่พิเศษกว่านั้น (น่าสนใจมากๆ) คือ ใบแก่นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ตากแห้ง ชงเป็นชากิน แก้โลหิตเป็นพิษ แก้โรคในช่องปาก แก้ปากคอแห้ง(อันเนื่องจากพิษโลหิต อาการคือ คอจะแห้ง ปากเป็นแผล แผลร้อนใน) ค่ะ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2015
  16. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    ขอบคุณมากคะ คุณatidtarn ขออนุญาต เรียกว่าคุณกะทิ ด้วยนะคะ



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2015
  17. Belmondo

    Belmondo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +480
    ที่ต่างประเทศในยุโรปสามารถหาซื้อ อาหารเสริมแบบเม็ดที่มีส่วนผสมจากสารที่ชื่อว่า "ลูทีน" (มีมากในบร็อคโคลี่กับกะหล่ำปลี) กับสารที่อยู่ในดอกดาวเรือง (Zeaxanthin) สำหรับดวงตาโดยเฉพาะเลยค่ะ ดิฉันก็เพิ่งสั่งซื้อมาทาน
     
  18. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    นิทาน พลังอธิษฐานของกะทิ ตอน เมืองไทยมีอะไรดีๆ มากว่าที่เราคิด


    เกิดเป็นคนไทย เรียกว่าตั้งแต่เกิดกันล่ะว่างั้น ดิฉันก็พยายามมองหาสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ในประเทศนี้

    เริ่มจากอากาศ ( ==")

    เริ่มจากฤดู (ที่แตกต่าง (==@))

    เริ่มจากผู้คนที่จายดดดดี (จริงอะ สมัยนี้)

    เริ่มจากระเบียบวินัย และความสะอาด โดยเฉพาะถนนที่สะอาดสะอ้าดดดด (ชะแง้ นีสนึง >> ตรงไหนเหยอ?)

    ฯลฯ

    ฯลฯ

    อีกมากมาย

    แต่ก็นั่นแหละนะคะ ในที่สุดก็พบล่ะค่ะ ดังสุภาษิตคำพังเพย "ความพยายามอยู่ที่ไหน ... ความพะยายามมม อยู่ที่นั้น

    เพราะที่ปฏิเสธไม่ได้เลย นั่นก็คือ ยิ้มสยามประเทศ ซึ่งเราเพิ่งจะสร้างวัฒนธรรมนี้กันได้ไม่น่า ตามนโยบาย สยามประเทศ จำได้ว่า ดูละครเรื่องแม่พลอย สี่แผ่นดิน หรืออะไรสักอย่าง ได้มีการนำเรืองนโยบายส่งเสริมให้คนในชาติ "ยิ้ม" ให้กันและกัน


    ดังนี้การยิ้มสำหรับคนไทย จึงไม่ใช่ว่าเป็นวัฒนธรรมที่มีมานานนนนนเป็นพันปี แต่ทว่าเพิ่งจะเกิดหลังรัชกาลที่ 5 มานี่เอง


    แต่ทว่า เพราะการยิ้ม และรอยยิ้มนี่แหละ เมื่อดิฉันได้ไปเยือนในต่างแดน พบว่า การยิ้มและรอยยิ้ม ที่ติดเป็นนิสัย ทั้งนี้ยิ้มๆ ไปอย่างนั้นโดยอัตโนมัติ เหมือนการแปรงฟันล้างหน้าตอนเช้า ร่างกายเราทำไปโดยแทบไม่ต้องสั่ง ก็ยิ้มออกมาได้ แม้ในใจจะ....ฯลฯ ...ก็ตาม แต่นั่นแหละ มันสร้างความแตกต่างระหว่างพี่ไทย กับประเทศอื่นๆ ได้จริงๆ ซะด้วย บางประเทศก็ว่า หลงใหลเสน่ห์พี่ไทยยิ้มแย้ม แต่บ้างก็ให้คำจำกัดความเข้าข่ายว่ามันแปลก ไม่ปรกติอยู่


    และอีกหนึ่งความแตกต่างที่ใหญ่หลวง และทำให้รู้สึกภูมิใจ(อันที่มองหามาแล้ว แม้เพียงน้อยนิด) นั่นก็คือ เมืองไทย เป็นประเทศที่อุดมไปด้วยยา ตัวยา ป้องกัน และ รักษาสุขภาพ ที่เรียกว่า ใหญ่ และหลากหลาย ที่สุด หนึ่งในโลก ก็แทบจะว่าได้


    เรามักจะบ่นๆ กันว่า อากาศพี่ไทยนั้น ร้อน แต่เพราะความ อบอุ่นดังตู้อบซาวน่า และความร้อนที่อุณหภูมิแทบจะคงที่(เหมือนๆ กัน) ตลอด(แทบ)ทั้งปี นี่แหละ ที่ทำให้ประเทศเราอุดมไปด้วย พืชพันธุ์ และมันก็เป็นตัวยาไปในตัวของมัน ที่หาได้ง่ายกว่าประเทศอื่น หรืออีกทีคือ ประเทศอื่นเขาไม่มี โรคบางโรคที่ว่าร้ายแรงสำหรับประเทศอื่น กลับมีตัวยาที่เก็บได้ง่ายๆ ข้างถนน บ้านเรา


    / ยังมีต่อ ...(งานเข้าค่ะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2015
  19. Jindamunee

    Jindamunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,187
    Lutein (LOO-teen) and zeaxanthin

    สารสกัดนี้มีมานานแล้วนะครับ เมื่อกินกับถังเช่าผลจะแรงและเร็วครับ
    เผอิญผมซื้อถังเช่ามาบำรุงร่างกายเวลากินก็กินพร้อมๆกันกับที่บำรุงสายตา
    ได้เห็นผลโดยบังเอิญครับ เจ้าจุดอะไรๆที่หางตาและจุดที่เราเห็นเวลา
    แหงนมองฟ้า มันหายไปหมด และสายตาดีเยี่ยมขึ้นครับมองอะไรจับภาพได้
    ดีไม่มีปัญหา จากเดิมทีที่การมองเห็นเริ่มแย่
     
  20. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    นิทาน พลังอธิษฐานของกะทิ ตอน เมืองไทยมีอะไรดีๆ มากว่าที่เราคิด (ต่อ)


    ในอดีต ความรู้ของรุ่นต่อรุ่น มักส่งต่อสืบๆ กัน แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ความรู้ด้านตัวยาจากธรรมชาติในแบบไทยๆ เลือนหายไปมากจากการเข้ามาของแพทย์แผนปัจจุบัน เหตุนี้ทำให้แม้แต่พืชพันธุ์ แม้หากเป็นตัวยาที่ดีขึ้นอยู่ข้างทาง คนผู้พบเห็นก็ยังไม่รู้ว่ามันอาจมีประโยชน์รักษาตนเองได้ นำไปใช้ได้อย่างไรบ้าง


    ที่จะกล่าวนี้ พอดีในช่วงที่ไปเยี่ยมคุณหมอสุวิ มีโรคประหลาดบางอย่างเกิดขึ้นในอีกซีกโลกหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิด ในวันนั้นมีข่าวลงรูปภาพของหญิงคนหนึ่งจากรัสเซีย ไซบีเรียด้วย


    ทั้งนี้รวมกับเหตุการณ์ท่านตัวประหลาดทัังหลายที่ก่อนนี้มาเยือนโลกมนุษย์ และเข้าเบียดเบียนมนุษย์ไปทั่วโลก (รวมถึงในประเทศเรา) และทั้งนี้รวมไปถึงโรคประหลาดที่เกิดขึ้นใหม่ อีกด้วย แต่บางชนิดก็เป็นโรคจากต้นตอโรคเก่า แต่พัฒนาสายพันธุ์ให้ยาตัวเก่ารักษาไม่ได้ผล


    สาวน้อยนางนี้ (ที่อยู่ในรูปภาพผ่านสื่อเฟสบุ๊คออนไลน์ในวันนั้น) มีอาการเหมือนผิวหนังไหม้ แต่ลึกลงไปของผิวหนัง ใต้ผิวหนังได้ถูกกินไปด้วย และแผลของผิวหนังนั้นกินเนื้อที่เป็นบริเวรกว้างออกไปจากจุดเดิม


    จากรูป อาการนี้เกิดขึ้นที่ผิวหน้าด้วย อาการจึงกินเนื้อที่ไปทั่วแก้มเลยทีเดียว นอกจากนี้บริเวรอื่นๆ ตามร่างกายของเธอ ก็มีอาการผิวหนังเหมือนรอยไหม้เช่นนี้ ขึ้นอยู่ด้วย



    หมอสุวิเปรยๆ ว่า มันมีที่มาที่ก่อให้เกิดโรค ที่ไม่ใช่มาจากบนโลกใบนี้ ((มาเมื่อไม่นานมานี้) ดังนี้ จึงเรียกว่า ต่อให้ประเทศของเธอมียา แต่ก็อาจไม่สามารถรักษาโรคที่เธอเป็น อย่างได้ผลทันตา))


    แต่กะทิเธอก็คิดอะไรขึ้นมาได้ จึงถามหมอสุวิออกไปว่า :


    กะทิ : หมอคะ... ถ้าเอาผักบุ้งไทย (กะทิเธอพูดไปก็คิดภาพที่เห็นไปด้วย ...ผักบุ้งไทยใบจะเป็นสีเขียว แต่ส่วนตรงก้านใบเป็นสีม่วงแดง ใบผักบุ้งจะเล็กและเรียวกว่าผักบุ้งจีน มันชอบขึ้นแนวชอบเลื้อยไปบนดิน โดยเฉพาะใกล้หนองน้ำ แหล่งน้ำ เหตุที่ใบมันเล็ก และมีความเหนียวกว่า คนจึงนิยมกินน้อยลง (เห็นภาพไปก็พูดไปด้วย)) มาตำให้ละเอียด แล้วเอามาใส่อ่างอาบน้ำ แล้วแช่หญิงสาวผู้นี้ลงไปในน้ำ เธอจะหายไหมคะ?


    หมอสุวิ : หมอทวนคำกะทิเธอ (แล้วยิ้มน้อยๆ พร้อมหัวเราะเบาๆ) เออ....แล้..ว ถ้าเอาน้ำมะพร้าวใส่ลงไปในอ่างน้ำด้วยล่ะ จะยิ่งทำให้เธอคนนี้(ในรูปภาพ) หายเร็วยิ่งขึ้นไหม?


    กะทิ : (รับเอาไปคิด วัดพลังการรักษาว่าน่าจะเป็นไปได้รึไม่? แต่ยังไม่ทันจะคิดได้คำตอบอย่างดี เพราะมีพี่พลังไฟนั่งอยู่ไม่ไกลกันนัก ก็ได้รับฟัง แต่พิจารณาพลังยาอยู่ด้วย พร้อมๆ กัน จำไม่ได้แล้วว่าพี่พลังไฟพูดว่าอะไรนะคะ)


    หมอสุวิ : แล้...ว ถ้าไม่ต้องเอาเธอผู้นี้(คนในรูป) ลงไปแช่ในอ่างน้ำ( ตามภาพในความคิดของกะทิเธอ) ล่ะ แต่เอามาทาโดยตรงที่ผิวหนังเลยเนี่ย จะได้ผล และหายจากโรคเหมือนกันไหม?


    กะทิ : เฮะๆๆๆ (หัวเราะขื่นๆ) ง่ายกว่ากันเยอะเลยค่ะ (ความยุ่งยากในขั้นตอนหายไปเยอ....ะ) ถ้างั้นหมอก็เขียนลงไปใต้ภาพ(ในเฟสบุ๊ค ที่ขึ้นอยู่หน้าจอในมือถือที่หมอถืออยู่) สิคะ ว่ามันมีวิธีรักษาแบบนี้ได้



    หมอสุวิ : เออ...แต่หมอไม่รู้จัดภาษาไซบีเรียหว่า จะให้เขียนบอกยังไง? 555




    นอกจากนี้ พวกเรายังคุยกันเรื่องสรรพคุณของตัวยาจากผลไม้ที่เราเห็นกันจนชินตาอีกด้วย


    / ยังมีต่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...