ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    RT news ของรัสเซียรายงานข่าวจากสนามรบแนวหน้าในซีเรีย ในหมู่บ้านร้างเหล่านี้ไม่มีประชาชนอยู่อาศัยแล้ว มีแต่พวกผู้ก่อการร้ายใช้เป็นสถานที่อำพรางกายและเป็นสนามรบในการต่อสู้กับกองทัพของรัฐบาลกลางซีเรีย เครื่องบินรบของรัสเซียได้รับคำสั่งห้ามโจมตีมัสยิดเด็ดขาด แม้ว่าจะมีผู้ก่อการร้ายไอซิสเข้าไปอยู่ข้างในก็ตาม นี่คือจุดหนึ่งที่ปูตินได้ใจชาวมุสลิม เพราะให้ความเคารพต่อสถานที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา และเพื่อเป็นการป้องกันการปลุกระดมชาวมุสลิมให้ต่อต้านรัสเซียด้วย นับว่าเป็นการเดิมเกมที่ฉลาดมากๆ ต่างกันกับใครบางคนนะ...

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/S9Fu3lqrwQk" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    https://www.youtube.com/watch?v=S9Fu3lqrwQk
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    ไฟไหม้ที่เทียนจินอีกแล้ว รายงานข่าวเบื้องต้นบอกว่าเกิดจากแอลกอฮอลรั่วไหล

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/0s8MyYWP5oY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    https://www.youtube.com/watch?v=0s8MyYWP5oY
    https://www.rt.com/news/318418-fire-warehouse-china-alcohol/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    ตุรกีเดือดไม่เลิก ทั้งพลุไฟ ระเบิดขวดปลิวว่อนจากผู้ประท้วงปะทะกับตำรวจปราบจลาจลในเขต Gazi เมือง Istanbul แหล่งท่องเที่ยวติดอันดับโลกกลายเป็นแบบนี้ไปซะแล้ว รถไฟรุ่นใหม่สไตล์ตุรกี

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/FLEVwdTAVdQ" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    https://www.youtube.com/watch?v=FLEVwdTAVdQ
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    นึกว่าจะแน่... สหรัฐบอกเครื่องบินรบของตนเองให้อยู่ห่างเครื่องบินรบของรัสเซียในซีเรีย 32.2 กม. หากเจอเครื่องบินรบของรัสเซียเข้าใกล้ก็ให้ยกเลิกปฏิบัติการทันที ฮิ้ววววว!

    [​IMG]

    -----------
    1.) อ่านเจอข่าวนี้อยากแชร์ให้แฟนเพจได้รับรู้ความรู้สึกบางอย่างบ้าง (คริๆ) สนุกพะยะค่ะ... วันที่ 12 ต.ค.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "หลีกเลี่ยงวิกฤต: เครื่องบินสหรัฐได้รับคำสั่งให้หลีกทางให้เครื่องบินรบรัสเซียในซีเรีย" (Avoiding Crisis: US Aircraft Ordered to Make Way for Russian Jets in Syria) ยังไงหละนี่อเมริกา? CNN รายงานว่า คณะผู้แทนของทั้งสองประเทศได้ประชุมปรึกษาหารือกันผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์เกี่ยวกับความปลอดภัยทางการบินในปฏิบัติการในซีเรียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
    ระหว่างการเจรจาต่อรองกันนั้นทั้งสองฝ่ายก็หารือกันเกี่ยวกับหนทางที่จะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ใดๆที่อาจจะเป็นไปได้ระหว่างกองทัพอากาศของทั้งสองประเทศในขณะมีการโจมตีทางอากาศเหนือท้องฟ้าซีเรีย
    รายงานข่าวบอกว่า ทางสหรัฐได้ออกคำสั่งห้ามนักบินอเมริกันเข้าใกล้เครื่องบินรบของรัสเซียในรัศมี 32.2 กม. (20 ไมล์) ในขณะที่บินอยู่เหนือน่านฟ้าซีเรีย (อ้าว… ถ้าเครื่องบินรบของอเมริการักษาระดับห่างตามที่ได้รับคำสั่งนี้แล้ว และเครื่องบินรบของรัสเซียกระแซะเข้าไปดูหน้านักบินอเมริกันใกล้ๆหละ เครื่องบินรบของสหรัฐควรจะทำอย่างไร?) รายงานข่าวว่าในกรณีนี้ ถ้าตรวจพบว่าเครื่องบินรบของรัสเซียอยู่ในพื้นที่ปฏิบัติการของสหรัฐ ให้เครื่องบินรบของสหรัฐลำใดๆที่ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ ให้ "ยกเลิก" ปฏิบัติการของเขาในพื้นที่นั้นทันที การโจมตีทางอากาศของสหรัฐได้ถูกยกเลิกไปแล้วหลายครั้งภายใต้กฎข้อนี้ (ฮ่าๆๆ... เป็นงั้นป๊ะ มีงี้ด้วย "ไล่บี้ให้หมดเลยน้อง" ปูตินไม่ได้กล่าว คริๆ)
    ตามรายงานข่าวของ CNN สหัฐรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่อาจจะเป็นไปได้ในกรณีที่นักบิน (ของสหรัฐ) อาจจะถูกบังคับให้ต้องดีดตัวเอง (ออกจากเครื่องบิน) เหนือดินแดนของซีเรีย (ทำไมต้องดีดตัวเองออกจากเครื่องบินด้วยครับ? ก็ถ้าไม่อยากโดนขีปนาวุธจากเครื่องบินรบของรัสเซียสอยร่วงไปกับเครื่องบินรบของตัวเองก็ต้องดีดออกเท่านั้นแหละครับ) และสถานการณ์เช่นนี้ก็ดูเหมือนว่าไม่อาจจะเป็นที่ยอมรับได้สำหรับรัสเซียด้วยเช่น (จริงเหรอครับ CNN รัสเซียยอมรับไม่ได้แต่อเมริกาถอยนี่นะ?)
    คณะผู้แทนของเพนตาก้อนกล่าวว่า "การประชุมกันสี่รอบครึ่งมีผลเป็นบวก และแหล่งข่าวสื่อฯรัสเซียก็รายงานเกี่ยวกับข้อตกลง Russo-American ในประเด็นนี้ด้วย" ตราบเท่าที่ยังไม่มีการเปิดเผยเอกสารดังกล่าวออกสู่สาธารณะ
    ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายได้เดินหน้าหารือกันเกี่ยวกับการป้องกันการเข้าไปในน่านฟ้าของตุรกี ซึ่งถูกมองว่าเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับสหรัฐและพันธมิตรนาโต้ด้วย (อันนี้สื่อฯรัสเซียไม่ได้มั่วข่าวนะครับ แอ็ดมินลองหาข่าวจากเว็บไซท์ของ CNN แล้วพบว่า CNN ก็ลงข่าวนี้เช่นกัน ใส่ลิ้งค์อ้างอิงไว้ด้านล่างแล้วนะครับ)
    2.) มาดูฝั่งเยอรมันบ้างนะครับ ตอนนี้รู้สึกว่าเยอรมันมีความกล้ามากขึ้น กล้าแข็งข้อต่ออเมริกา ด้วยการออกมาประท้วงต่อต้านการค้า TTIP ของสหรัฐฯโดยภาคประชาชนที่รวมตัวกันเป็นแสน เยอะมาก งานนี้เยอรมันบอกว่าไม่เอา TTIP ใครจะมองว่านี่เป็นการสร้าง anti-America propaganda (โฆษณาชวนเชื่อต่อต้านอเมริกา) ก็ตามใจนะ แต่เชื่อว่าชาวเยอรมันที่ลุกฮือขึ้นในครั้งนี้คงจะไม่คิดอย่างนั้นแน่ ตอนนี้สื่อฯสหรัฐฯกำลังเล่นมุก "ตัวเองตกเป็นเหยื่อ" ของการต่อต้านอเมริกา เพียงเพราะว่าตัวเองไม่สามารถเข้าไปรุกรานประเทศอื่นๆได้ตามอำเภอใจอีกต่อไป และไม่สามารถกดหัวให้ประเทศอื่นๆทำตามคำสั่งของตัวเองได้อีกต่อไป เข้าใจเล่นนะ
    คุณเอาระเบิดไปทิ้งใส่โรงพยาบาล สร้างสงครามในประเทศอื่นๆ ยุยงสนับสนุนให้เกิดความแตกแยกในประเทศเหล่านั้น แต่พอมีคนอื่นรู้ทันเล่ห์ของคุณและไม่เห็นด้วยกับวิธีการของคุณ คุณกลับพยายามปลุกกระแส "อเมริกากำลังถูกรังแก/อเมริกากำลังถูกต่อต้าน/อเมริกากำลังตกเป็นเหยื่อของความเกลียดชัง" ขึ้นมาในหมู่ประชาชนของตัวเองและในสายตาชาวโลกซะงั้น นี่ตอนนี้ CNN กำลังเล่นมุกนี้อยู่ (กรรม!) ไม่มีใครเขาเกลียดชังคนอเมริกันแบบเหมารวมทั้งประเทศหรอกครับ ที่เขาตำหนินั้นก็คือตำหนิการกระทำและนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯที่เวลากระทำอะไรก็อ้างชื่อของประเทศตัวเองไปทำ ถ้าจะตำหนิผู้ที่ทำให้ชื่อเสียงของอเมริกาได้รับความเสียหายก็ต้องตำหนิ รัฐบาล นักการเมือง และสืื่อฯของพวกเขาเองนั่นแหละ อย่าพยายามไปโทษคนอื่นหรือมอมเมาประชาชนของตนเองอีกต่อไปเลย
    กลับมาที่ข่าวเกี่ยวกับท่าทีของเยอรมันต่อนะครับ... วันที่ 12 ต.ค.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "รองนายกรัฐมนตรีของเยอรมันเรียกร้องให้ยุติการเฆี่ยนตี (/ลงโทษ) ทางอุดมการณ์ของรัสเซีย" (German Vice Chancellor Calls for End to 'Ideological Castigation' of Russia)
    Sigmar Gabriel รัฐมนตีรับผิดชอบกิจการด้านเศรษฐกิจและพลังงาน และรองนายกฯของเยอรมันนีได้เรียกร้องให้กลุ่มประเทศตะวันตกมองให้ลึกเกี่ยวกับนโยบายต่างๆของรัสเซีย รายงานข่าวโดยหนังสือพิมพ์ Deutsche Welle ของเยอรมัน
    Sigmar Gabriel ประกาศในที่ประชุมพรรคประชาธิปไตยสังคม (Social Democratic Party) ในเมือง Mainz ว่า "สิ่งที่พวกเราไม่ต้องการก็คือการการลงโทษทางอุดมการณ์อย่างถาวร การค้นหาอย่างจริงจังสำหรับเหตุผลใหม่ที่ถาวรสำหรับความขัดแย้ง"
    นักการเมืองเยอรมันเน้นย้ำว่า การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในซีเรียจะเป็นไม่ได้หากปราศจากรัสเซีย ในขณะที่ตะวันตกในด้านหนึ่งพากันของให้กรุงมอสโคว์ช่วยเหลือในซีเรีย และอีกด้านหนึ่งก็พยายามที่จะโดดเดี่ยวกรุงมอสโคว์ในเวทีทางการเมือง มันเป็นความผิดพลาดโดยสิ้นเชิง (ชัดไหมครับโอบาม่า?)
    ในขณะเดียวกัน Sigmar Gabriel ก็ชี้ให้เห็นว่า รัสเซียเป็นประเทศที่มีความซับซ้อน และเป็นพันธมิตรที่ยุ่งยาก (complicated country and troublesome partner ก็เขาไม่ทำตามคำสั่งของพวกคุณ พวกคุณก็ตราหน้าเขาว่ายุ่งยากซะงั้น ฮ่าๆๆ อันนี้เขาพูดเพื่อรักษาหน้าให้กับตะวันตกและอเมริกา ถ้าเอียงรัสเซียเต็มที่เดี๋ยวจะถูกกล่าวว่าเป็นไส้ศึกและอยู่ฝ่ายรัสเซียมั๊ง? คริๆ) โดยกล่าวเพิ่มว่า การยกเลิกการแซงชั่นต้องการดำเนินการตามข้อตกลงสันติภาพกรุงมินส์กโดยสมบูรณ์ซึ่งเกี่ยวกับวิกฤตยูเครน (ตอนนี้สถานการณ์ในยูเครนระหว่างทั้งสองฝ่ายกำลังเป็นไปในทิศทางที่เป็นบวก ยกเว้นอเมริกาจะเข้าไปทำให้มันเดือดขึ้นมาอีกรอบเท่านั้น)
    หนังสือพิมพ์ Deutsche Welle ของเยอรมันยังได้รายงานอีกด้วยว่า Gabriel ตั้งใจที่จะเดินทางไปเยือนกรุงมอสโคว์ภายในเดือนตุลาคมนี้ (according to anonymous sources แหล่งข่าวผีบอกอีกแล้วครับท่าน สงสัยสื่อฯเยอรมันจะเริ่มติดเชื้อผีบอกจากสื่อฯสหรัฐฯและสื่อฯอังกฤษอีกรายแล้วหละมั๊งนี่)
    เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา Gabriel ได้ประกาศว่า การคงมาตรการแซงชั่นต่อต้านรัสเซียไว้เป็นระยะเวลานานนั้นเป็นไปไม่ได้ (สำหรับใครครับ? ตอนนี้รัสเซียเริ่มจะชินกับการแซงชั่นดังกล่าวแล้วนะ และตั้งตัวได้แล้ด้วย ฝ่ายที่กำลังอ่วมอย่างหนักและต่อเนื่องก็คือภาคการเกษตรและเศรษฐกิจของอียูและสหรัฐฯต่างหากหละ) หากตะวันตกสนใจในการทำงานร่วมกันกับกรุงมอสโคว์ (ไม่ใช่กรุงวอชิงตัน คริๆ) เกี่ยวกับวิกฤตซีเรีย ในกรุงเบอร์ลิน คำเรียกร้องเหล่านั้นจะถูกนำมาเป็นค่า "เบี่ยงเบน" (deviation) จากสายการเมืองที่เป็นทางการ (ก็แสดงว่าตอนนี้เยอรมันกำลังปลุกกระแสให้มีการยกเลิกการแซงชั่นรัสเซีย หลังจากที่รู้แล้วว่าถูกสหรัฐหลอกใช้เป็นเครื่องมือให้บ่อนทำลายรัสเซียและทำลายตัวเองโดยใช่เหตุ Yep, some lessons must be paid in a high price.)
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    12/10/2558

    ภาพจาก © Ministry of Defense of the Russian Federation

    Read more: Avoiding Crisis: US Aircraft Ordered to Make Way for Russian Jets in Syria

    ----------
    Avoiding Crisis: US Aircraft Ordered to Make Way for Russian Jets in Syria
    U.S. diverts aircraft to avoid Russian fighter - CNNPolitics.com
    German Vice Chancellor Calls for End to 'Ideological Castigation' of Russia
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    นักรบหญิงชาวเคิร์ดเพชรฆาตหน้าหยก (YPG) ที่ส่งผู้ก่อการร้ายไอซิสไปลงนรกมานักต่อนักแล้ว แนวร่วมสำคัญของรัฐบาลซีเรีย สหรัฐฯพยายามแย่งนักรบชาวเคิร์ดเหล่านี้ออกจากอัสซาด และยุให้ร่วมกับ FSA เพื่อต่อสู้กับกองทัพรัฐบาลอัสซาด แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะว่า พวก FSA บางส่วนก็โจมตีชาวเคิร์ดในซีเรียเช่นกัน

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/jxCHbQYL77c" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    https://www.youtube.com/watch?v=jxCHbQYL77c
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/TmZZ2_lPesA" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    เครื่องบินรบรัสเซียโจมตีทางอากาศใส่จุดถ่ายโอนกำลังของกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติที่เดินทางเข้าไปในซีเรีย ใกล้หมู่บ้าน Al-Mastumah จังหวัด Idlib ทางตอนเหนือของซีเรีย รายงานข่าวบอกว่ารัสเซียสามารถทำลายเป้าหมายของไอซิสได้ถึง 53 แห่งใน 24 ชั่วโมง
    https://www.youtube.com/watch?v=TmZZ2_lPesA
    https://www.rt.com/news/318353-russia-strike-isis-targets/
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/40gUtN1OYWs" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    สนามรบซีเรียของจริง กองทัพซีเรียร่วมมือกับกองทัพอากาศรัสเซียถล่มฐานที่มั่นของกบฏ FSA ลูกน้องสหรัฐฯและตะวันตกไม่ยั้ง ทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศ
    https://www.youtube.com/watch?v=40gUtN1OYWs
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข่าวเครื่องบินรบทิ้งระเบิด Mig-29 ของรัสเซียถูกยิงตก หลังแอบบินล๊กอเป้าเรดาห์ ล้ำพรหมแดนตุรกี
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
    ข่าวนี้สื่อฯอังกฤษเล่นมาได้ 2-3 วันแล้วครับ พอเอาเข้าให้จริงก็อ้างแหล่งข่าวผีบอก แล้วก็เอาภาพเก่าที่เครื่องบิน
    ภาพนี้น่าจะเป็น MiG-23 Flogger ของกองทัพอากาศซีเรียที่ถูกยิงตกเมื่อวันที่ 19 มี.ค.2011

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/zN7MYHCFXbU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    ยุทธศาสตร์รัสเซียในการบดขยี้ไอซิสและนำสันติภาพกลับสู่ตะวันออกกลาง

    [​IMG]

    -------------
    ตั้งแต่รัสเซียเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่กลุ่มก่อการร้ายไอซิสและกลุ่มอื่นๆในซีเรียโดยได้รับการร้องขอจากรัฐบาลซีเรียที่มีความชอบธรรม สื่อฯสหรัฐฯและตะวันตกต่างก็พากันเล่นข่าวโจมตีรัสเซียอย่างหนักทุกวัน ทั้งด้วยการใส่ร้ายต่างๆนาๆและเต้าข่าวขึ้นมาเองซึ่งพิสูจน์ในภายหลังว่าไม่จริงตามที่สื่อฯกระบอกเสียงของรัฐบาลสหรัฐฯและตะวันตกเหล่านั้นนำเสนอบิดเบือนเลยแม้แต่น้อย และมีบางคนออกมาพูดเป็นทำนองดิสเครดิตรัสเซียว่า ที่รัสเซียเข้าไปในซีเรียนั้นก็เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของตนเองและพยายามขยายอำนาจอิทธิพลของตนเองเท่านั้น จริงหรือไม่? วันก่อนอ่านเจอบทวิเคราะห์ฉบับหนึ่งจากนักวิเคราะห์ชาวรัสเซียโดยตรง เห็นว่าน่าสนใจไม่น้อยจึงของแปลบางส่วนมาให้แฟนเพจได้อ่านดังนี้
    วันที่ 11 ต.ค.58 สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "วิธีการวางแผนของกรุงมอสโคว์ในการบดขยี้ขบวนการก่อการร้ายไอซิส และนำสันติภาพกลับสู่ตะวันออกกลาง" (How Moscow Plans to Crush ISIL, Bring Peace to Middle East)
    สื่อฯรัสเซียเกริ่นนำว่า Andrei Sushentsov นักรัฐศาสตร์จากสภาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งชาติประจำกรุงมอสโคว์ (Moscow State Institute of International Relations) วิเคราะห์ว่า รัสเซียมีทรัพยากรด้านภูมิรัฐศาสตร์และกองทัพอย่างเพียงพอเพื่อที่จะเอาชนะพวกหัวรุนแรงขบวนการก่อการร้ายอิสลามในซีเรีย (Islamic extremists in Syria) ถ้าไอซิสถูกบดขยี้ ดังนั้นมันก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายในการสร้างสันติภาพ (peace-building) ทั่วทั้งตะวันออกกลาง
    Sushentsov กล่าวว่า "รัสเซียได้พิสูจน์ตัวเองแล้่วว่ามีกำลังที่จะรับมือได้ในตะวันออกกลาง เป็นประเทศที่จะดำเนินปฏิบัติการทางทหารได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จนบัดนี้ มีแต่สหรัฐเท่านั้นที่แสดงว่าสหรัฐอาจจะย้ายกองทัพของตนเองออกไปไกลจากชายแดนของประเทศต่างๆ... ด้วยการยิงขีปนาวุธแบบ cruise missiles ไปยังตำหน่งของขบวนการก่อการ้ายไอซิสจากเรือรบของรัสเซียในทะเลแคสเปี้ยน รัสเซียได้แสดงให้เห็นอย่างไร้ข้อกังขาแล้วว่ากองทัพของรัสเซียอยู่ในภูมิภาคนี้"
    + รัสเซียมีสองยุทธศาสตร์ในการต่อสู้กับขบวนการก่อการ้าย
    ------------
    นักรัฐศาสตร์ชาวรัสเซียอธิบายว่า สาระสำคัญของการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในซีเรียนั้นก็คือเรื่องความมั่นคงของชาติของรัสเซีย การปรากฎตัวของกลุ่มก่อการร้ายมีการปลุกระดมจากภูมิภาคเทือกเขา North Caucasus และเอเซียกลางในกลุ่มไอซิส ซึ่งหมายความว่า รัสเซียอาจจะเผชิญกับกลุ่มก่อการร้ายที่มีการฝึกมาอย่างดีจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทั่วดินแดนของรัสเซียด้วย นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมกรุงมอสโคว์ถึงเข้าใจว่าจากมุมมองด้านยุทธศาสตร์นี้ การปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในตะวันออกกลางนั้นดีกว่าจะมาสู้กับผู้ก่อการร้ายเหล่านั้นบนแผ่นดินของตัวเองตามท้องถนนเป็นระยะเวลาหลายปี (นี่คือเรื่องของผลประโยชน์ของรัสเซีย รัสเซียกำลังต่อสู้กับไอซิสในต่างแดนก็เพื่อรักษาผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติ เพราะรัสเซียรู้อยู่แล้วว่าพวกนั้นไปจากไหนบ้าง ก็จากเพื่อนบ้านของรัสเซียและส่วนหนึ่งจากภายในรัสเซียเองนั่นแหละ ถ้าไม่ออกไปจัดการข้างนอกให้เบ็ดเสร็จ ไม่ช้าโรคไอซิสก็จะลุกลามเข้าไปในรัสเซีย)
    รัสเซียอาจจะมียุทธศาสตร์อยู่สองประการในซีเรีย โดยยุทธศาสตร์แรกจะถูกจำกัดด้วยเรื่องเวลา การจำกัดขอบเขต (/ไม่ให้ขยายวงกว้างออกไป) และใช้ทรัพยากรของรัสเซียให้น้อยที่สุด ภายใต้ยุทธศาสตร์นี้ รัสเซียจะมุ่งความสนใจไปที่การทำลายสิ่งปลูกสร้างระบบสาธารณูปโภค (infrastructure) ของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสโดยไม่พยายามที่จะมุ่งกำจัดผู้ก่อการร้ายไอซิสเป็นรายตัวที่พากันวิ่งไปทั่วทะเลทรายซีเรีย อย่างไรก็ตามสิ่งนี้หมายความว่า พวกผู้ก่อการร้ายไอซิสอาจจะหวนกลับมา (ก่อเหตุ) เหมือนเดิม และก็จะกลายเป็นภัยคุกคามต่อรัฐบาลซีเรียและประชาคมนานาชาติอีกครั้งก็ได้
    แน่นอนถ้าไม่มีการกำจัดให้หมดหรือให้เหลือน้อยที่สุด หลังจากที่รัสเซียยุติปฏิบัติการในซีเรียแล้วผู้ก่อการร้ายไอซิสก็จะกลับมายึดครองเมืองต่างๆอีกครั้ง อย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในอิรัคและลิเบียในตอนนี้ แม้จะทำลายฐานที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายไปได้หมดก็ตาม ยุทธศาสตร์นี้สหรัฐฯเคยใช้มาแล้ว แต่ไม่ได้ผล เป็นแค่การเลี้ยงไข้ไอซิสและอิรัคไปวันๆผลาญงบกลาโหมไปเรื่อยๆเท่านั้นเอง แล้วรัสเซียจะทำอย่างไรหละคราวนี้?
    ในมุมมองของนักวิเคราะห์รัสเซียก็คือ กรุงมอสโคว์จึงมีความสนใจในรัฐบาลของปธน.บาชาร์ อัสซาด ให้คงมีอำนาจอยู่ในซีเรียเพื่อเป็นพันธมิตรของรัสเซีย (ยังไง?) เมื่อมีอัล-อัสซาดอยู่ในซีเรีย รัสเซียก็จะสามารถขยายการแสดงตนด้านกองทัพเรือของตนเองในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ และสามารถที่จะดำเนินงานเกี่ยวกับการขายแก๊สให้อิสราเอลและไซปรัสผ่านดินแดนของซีเรียได้ (เขายังไม่ตอบคำถามในยุทธศาสตร์แรกให้ชัดเจน ว่ารัสเซียจะป้องกันไม่ให้กลุ่มก่อการร้ายกลับมาอีกได้อย่างไร แต่รีบตัดเข้าเรื่องของผลประโยชน์ด้านธุรกิจแทน)
    นักวิเคราะห์มองว่า นั่นคือเหตุผลว่าทำไมรัสเซียถึงได้มียุทธศาสตร์ที่สอง ซึ่งเป็นการกวาดล้างไอซิสออกไปจากผิวหน้าของโลกโดยสิ้นเชิง (ยังไง?) ยุทธศาสตร์นี้เป็นงานที่หินมากๆ และเป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ก็อยากที่จะทำให้บรรลุผลได้ (แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นไปไม่ได้) เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย รัสเซียจะต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับซีเรีย อิหร่าน และอิรัค และหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ก่อการร้ายแทรกซึมเข้าไปในดินแดนของตนเองให้ได้
    ถ้ารัสเซียจัดการทำลายขบวนการก่อการร้ายไอซิสได้อย่างเบ็ดเสร็จ นั่นจะเป็น "การประสบความสำเร็จที่น่าทึ่งมาก" เลยทีเดียว (incredible achievement) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างสันติภาพขึ้นในตะวันออกกลางและทำให้ซีเรียและอิหร่านกลายเป็นพันธมิตรที่ซื่อสัตย์ต่อกรุงมอสโคว์ ในที่สุดสันติภาพก็จะกลับมาสู่ชีวิตของประชาชนชาวซีเรียและชาวอิรัคจำนวนหลายล้านคน และผู้ลี้ภัยที่ประสบวิกฤตอยู่ในยุโรปก็จะเริ่มบรรเทาลง
    นักวิเคราะห์ได้พยายามเรียกร้องความร่วมมือร่วมใจจากนานาชาติว่า มันจะเป็นการดีกว่ามากๆ หากประชาคมนานาชาติทั้งหมดจะเข้ามาร่วมกันต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายไอซิส อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะปราศจากการมีส่วนร่วมของชาติตะวันตก รัสเซียก็ยังสามารถที่จะเอาชนะกลุ่มก่อการร้ายไอซิสได้ นักรัฐศาสตร์สรุป
    + มุมมองของนักวิเคราะห์ไทย (ข้างถนน) เกี่ยวกับการดำเนินการขั้นที่สองของรัสเซียในการป้องกันไม่ให้ไอซิสกลับเข้าไปในซีเรีย
    ------------
    Andrei Sushentsov นักรัฐศาสตร์รัสเซียไม่ได้พูดไว้อย่างชัดเจนว่ารัสเซียจะป้องกันปัญหาไอซิสจะกลับมาก่อเหตุในซีเรียได้อย่างไรหลังจากที่รัสเซียสามารถทำลายฐานที่มั่นและคลังอาวุธของขบวนการก่อการร้ายไอซิสในซีเรียได้หมดแล้ว (ในอนาคต) เขาชิ่งตัดไปที่เรื่องของผลประโยชน์ธุรกิจท่อแก๊สและเรื่องภูมิรัฐศาสตร์แทนโดยไม่ได้ลงในรายละเอียดมากนัก และมุ่งเขียนเพื่อสนับสนุนอัสซาดให้อยู่ในอำนาจต่อไปซึ่งก็ต้องยอมรับว่านั่นเป็นจุดประสงค์ของรัสเซียแน่นอน แต่จะทำอย่างไรหละก็เมื่อสหรัฐฯและตะวันตกบางประเทศรวมทั้งเหล่าประเทศมหาเศรษฐีน้ำมันในตะวันออกกลางอย่างซาอุดิฯอาระเบียที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐฯต่างก็ยืนกระต่ายขาเดียวว่าต้องล้มอัสซาดให้ได้
    จริงแล้วรัสเซียได้ดำเนินยุทธศาสตร์ด้านการเมืองและการทูตควบคู่ไปกับด้านการทหารมาแต่ไหนแต่ไรแล้วในกรณีการพยายามแก้ไขวิกฤตซีเรีย รัสเซียต้องการให้ทั้งฝ่ายค้านของซีเรียที่กำลังถูกปั่นหัวให้ต่อสู้กับรัฐบาลซีเรียอยู่ในขณะนี้ตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมืองในปี 2011 หันมาเจรจากับรัฐบาลอัสซาดโดยใช้สันติวิธีในเวทีต่างๆ
    หากเจรจากันรู้เรื่องและได้รับความร่วมมือจากคู่กรณีโดยไม่มีมือที่สาม สี่ ห้า… เข้าไปยุแหย่ให้เกิดความขัดแย้งอีก ทำไมจะไม่สามารถยุติสงครามกลางเมืองของซีเรียได้ หากทุกฝ่ายในซีเรียร่วมมือกันต่อเพื่อนำสันติภาพกลับเข้าสู่ซีเรียจริงๆแทนมุ่งไปที่การแย่งชิงอำนาจกัน ปัญหาเรื่องความแตกแยกและสงครามกลางเมืองก็จะได้รับการแก้ไข และก็จะเหลือเพียงปัญหาเดียวก็คือไอซิสเท่านั้น
    สมมุติว่ารัสเซียสามารถถล่มและทำลายฐานที่มั่นและคลังอาวุธ ที่กบดาน ที่ซ่องสุมของขบวนการก่อการร้ายไอซิสในซีเรียได้หมด แต่พวกผู้ก่อการร้ายเหล่านั้นอาจจะหวนกลับเข้าไปในซีเรียอีกก็ได้หลังจากที่หลบหนีออกไปจากซเรียในช่วงที่รัสเซียโจมตีทางอากาศอย่างหนัก และแม้ว่ากองทัพของซีเรียจะมีปฏิบัติการภาคพื้นดินยึดเมืองต่างๆกลับมาได้หมดแล้ว หลังจากที่รัสเซียถอนกองกำลังของตัวเองออกไป และทหารของซีเรียกลับเข้าสู่กรมกองของตัวเองตามปรกติ นี่คือจุดที่น่าเป็นห่วง
    ดังนั้นยุทธศาตร์ขั้นที่สองของรัสเซียก็คือต้องสร้างความปรองดองระหว่างฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลซีเรียให้ได้ เพื่อใช้เป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้และป้องกันไม่ให้ไอซิสกลับเข้าไปในซีเรียอีก โดยไม่ต้องพึ่งพาทหารต่างชาติใดๆให้เข้าไปประจำการอย่างถาวรหรือเป็นเวลาหลายปีอย่างที่สหรัฐฯและนาโต้อ้างในการคงกองกำลังของตนเองไว้้ใน อิรัค อัฟกานิสถาน เป็นต้น
    ในการสร้างความปรองดองกันระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลอัสซาดนั้น รัสเซียเสนอให้มีการแบ่งอำนาจกัน ไม่ได้หมายความว่าแบ่งแยกการปกครองหรือแบ่งแยกดินแดน แต่อาจจะดึงฝ่ายค้านที่มีกำลังแข็งแรงเข้าร่วมงานในทีมรัฐบาลอัสซาดด้วยก็ได้ หรืออาจจะดึงเข้ามาอยู่ในเวทีทางการเมืองในรัฐสภาของซีเรียอย่างเป็นทางการก็ได้ ด้วยการจัดการเลือกตั้งใหม่ ที่ฝ่ายค้านยอมรับและให้ความร่วมมือในกฎกติกาใหม่ว่าฝ่ายค้านสามารถที่จะลงสมัครแข่งขันได้อย่างยุติธรรม และมีตะวัันตกให้การรับรองในการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ด้วย ส่วนสหรัฐฯจอมงอแงจะยอมรับหรือไม่นั้น "ช่างหัวมัน" ก็ถ้ากระบวนการทางการเมืองเป็นไปในลักษณะที่ว่ามานี้แล้ว ความปรองดองของทั้งสองฝ่ายภายในซีเรียก็อาจจะเกิดขึ้นได้ นี่คือจุดที่รัสเซียต้องการ
    เมื่อรัสเซียสามารถพิสูจน์ได้ว่า รัสเซียสามารถทำให้ซีเรียสงบได้จริง และในซีเรียก็มีกองกำลังเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์มีอาวุธได้ก็คือกองทัพของรัฐบาลกลาง และรัสเซียสามารถทำให้ทุกฝ่ายมั่นใจได้ว่ารัฐบาลกลางจะไม่ใช้กองทัพของตนไปในทางที่ผิดกลับกลุ่มหรือฝ่ายหรือชาติพันธุ์ต่างๆในซีเรียได้อย่างแท้จริง เช่นอิหร่าน และประเทศอื่นๆ ทุกประเทศทั่วโลกก็จะยอมรับรัสเซีย และรัฐบาลใหม่ของซีเรียแม้จะได้อัสซาดเป็นผู้นำของซีเรียต่อไปก็ตาม
    ก้าวต่อไปของรัสเซียก็คือการทำให้อิรัคสงบ และเยเมนด้วย ตอนนี้รัสเซียเริ่มขยับเกมเข้าไปในเยเมนบ้างแล้ว เพราะซาอุดิอาระเบียดื้อ คิดว่าตัวเองมีแบ็คดี อย่างสหรัฐฯและตะวันตก จึงได้ใจบินไปถล่มเยเมนที่วี่ทุกวัน ยูเอ็นก็ใบ้รับประทาน หากซาอุดิฯไม่ยอมรามือจากซีเรียง่ายๆ งานนี้ซาอุดิอาระเบียได้เจอของจริงบ้างหละ อย่าลืมว่าตอนนี้กองทัพเยเมนและกลุ่มฮูติลุยเข้าไปในซาอุดิฯได้แล้วเป็นบางส่วน ไปเปิดศึกในดินแดนของซาอุดิอาระเบียโดยตรงเลย ถ้านอกจากอิหร่านแล้ว มีรัสเซียเข้าไปหนุนคณะปฏิวัติเยเมนด้วย อย่างที่รัสเซียกำลังหนุนรัฐบาลซีเรียอยู่ในขณะนี้ นั่นคือฝันร้ายของซาอุดิอาระเบียชัดๆ จะถอยออกจากซีเรียหรือไม่ ส่วนที่อิสราเอล ฝ่่ายฮามาสไม่เล่นไม้แข็ง แต่ปาเลสไตน์เล่นเกมปล่อยให้เด็กวัยรุ่นขว้างปาก้อนหินแข่งกับลูกกระสุนปืนจากทหารอิสราเอลแทน รัสเซีย และอิหร่านก็เฉยๆ ปล่อยให้เป็นเรื่องภายในของอิสลาเอลกับปาเลสไตน์ไป ถ้าอิสลาเอลไม่หยุดยื่นมือเข้าไปยุ่งในซีเรีย ไฟภายในอิสราเอลก็จะลุกลามขึ้นเรื่อยๆแบบนี้ ตุรกีก็กำลังตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับอิสราเอลนี่แหละ อันนี้ไม่ได้หมายความว่ารัสเซียสนับสนุนหรืออยู่เบื้องหลังความวุ่นวายภายในของทั้งอิสราเอลและตุรกีนะ ไม่เกี่ยวกับรัสเซียเลย แต่ผู้นำของปาเลสไตน์เป็นพันธมิตรของรัสเซีย ถ้าบีบี้ยอมรามือจากซีเรียจริง ปูตินอาจจะขอให้ผู้นำปาเลสไตน์ปรามเยาวชนชาวปาเลสไตน์ในอิสราเอลเลิกป่วนก็ได้
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    13/10/2558

    ภาพจาก © Sputnik/ Dmitriy Vinogradov

    ------------
    How Moscow Plans to Crush ISIL, Bring Peace to Middle East
    Russia Cooperates With Yemeni Gov't, Opposition to Settle Conflict - Lavrov
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
    ข่าวบันเทิง... อเมริกาซัดกันเอง โอบาม่าบอกว่าเขาสงสัยข่าวโคมลอยเกี่ยวกับกบฏซีเรียตั้งแต่เริ่มต้นหละ (ฮ่าๆๆ)

    [​IMG]

    -------------
    วันที่ 12 ต.ค.58 สำนักข่าว RT news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "โอบาม่าบอกว่าเขาสงสัยข่าวโคมลอยเกี่ยวกับกบฏซีเรียตั้งแต่เริ่มต้นหละ" (Obama says he was ‘skeptical’ of Syria rebel boondoggle from the start)
    ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่ากล่าวในการให้สัมภาษณ์ในการรายการ 60 Minutes ว่าความล้มเหลว (ของรัฐบาลสหรัฐฯ) ในโปรแกรมมูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท) ที่ใช้ในการก่อตั้งกองทัพตัวแทน (proxy army) ในซีเรียนั้นเป็นการทดสอบ (test ขี้แมวนี่ ทดสอบด้วยชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ชาวซีเรียและสนับสนุนให้เกิดสงครามกลางเมืองในประเทศอื่นนี่นะคือการทดสอบของสหรัฐฯ? เมื่อโครงการดังกล่าวล้มเหลวไม่เป็นท่า โอบาม่าก็บอกว่า...) เขามีความสงสัยเกี่ยวกับโครงการนี้ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นแล้ว โอบาม่ายังได้บอกด้วยว่าเขาปฏิเสธที่จะส่งทหารของสหรัฐเข้าไปในซีเรีย
    โอบาม่ากล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า "ผมได้มีความสงสัยตั้งแต่ตอนเริ่มต้นแล้วเกี่ยวกับแนวคิดที่ว่า พวกเรากำลังจะสร้างกองทัพตัวแทนนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในซีเรียหรือไม่? เป้าหมายของผมก็คือพยายามทดสอบข้อเสนอนั้น ว่าพวกจะสามารถฝึกและติดอาวุธให้กับ (กบฏ) ฝ่ายค้านสายกลางที่จะต่อสู้กับไอซิสได้หรือเปล่านะ?" (ฮ่าๆๆ... สุดจะฮาครับท่าน ไหงถึงได้พูดเอาตัวรอดแบบนั้นหละครับท่านโอบาม่า? ตอนแรกก็ออกหน้าออกตาว่าเด็กของตัวเอง (กบฏสายกลางซีเรีย) เก่งอย่างนั้นอย่างนี้ สหรัฐฯทุ่มงบไม่อั้น แต่พอปูตินเข้าไปสั่งสอนพวกกบฏสายกลางของสหรัฐฯและไอซิสในซีเรีย ทั่วโลกก็ออกมาเย้ยสหรัฐฯว่าล้มเหลวในแผนการดังกล่าว คราวนี้โอบาม่าบอกว่าฝึกกบฏเพื่อต่อสู้กับไอซิสเฉยเลย ก็ไหนตอนแรกบอกว่าเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการล้มระบอบอัสซาดไม่ใช่รึ? งานนี้เรือแตกครับท่าน โอบาม่ารีบโดดขึ้นฝั่งก่อนใครแล้วถีบหัวเรือส่งเลย เพนตาก้อนและซีไอเอเจ้าของความคิดรับผิดชอบเองนะ งานนี้คุณโอบาม่าไม่เกี่ยวนะ คริๆ ช่างเป็นผู้นำที่รักลูกน้องแบบเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ เห็นท่าไม่ดีเรือกำลังรั่วและจะล่มพี่โอบาม่าขอคว้าชูชีพโดดขึ้นฝั่งก่อนใครเลย นายแน่มาก!)
    ในการออกอากาศเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โอบาม่าได้ให้สัมภาษณ์ดับพิธีกร Steve Kroft ในรายการทีวี CBS (ที่เดียวกับที่ปูตินไปให้สัมภาษณ์ตอนไปประชุมยูเอ็นที่สหรัฐเมื่อเร็วๆนี้) ซึ่งมีการบันทึกเทปเมื่อวันอังคาร หลายวันก่อนที่รัฐบาล (สหรัฐฯ) จะประกาศหยุดความพยายามในการฝึกกองกำลังผู้ก่อการร้ายสายกลางในซีเรีย (a force of ‘moderate’ militants in Syria) (ตอนนี้มีคำพูดว่า ผู้ก่อการร้ายดี (good terrorist) ผู้ก่อการร้ายเลว (bad terrorist) ขึ้นมาในวงการสื่อฯของสหรัฐฯและตะวันตก พวกที่สหรัฐฯสนับสนุนอย่างออกหน้าออกตาจะเรียกว่า good terrorist ส่วนพวกตัวละครอย่างไอซิสและอัลเคด้า อัล-นุสรา ก็จะถูกเรียกว่า bad terrorist ฮึ่ม… ขึ้นชื่อว่าผู้ก่อการร้ายแล้วมันเลวด้วยกันทั้งนั้นและ โจรก็คือโจรอยู่วันยังค่ำ ไม่ต้องพยายามสร้างภาพให้ตัวเองดูดีเพื่อลดกระแสเสียงประนามด้วยการเรียกลูกกระเป๋งของตัวเองว่า good terrorist หรอก)
    รายงานข่าวบอกว่าหลังจากที่ได้ผลาญเงินงบประมาณไปหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ (อิ่มเปรมกันทั่วหน้าทั้งนักการเมืองและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในโปรแกรมนี้รวมทั้งผู้ก่อการร้ายสายกลางในซีเรียด้วยหละสิ?) กรุงวอชิงตันก็มีนักรบเพียง "สี่ หรือ ห้า" คนเท่านั้นที่จะแสดงให้เห็นถึงความพยายาม (มูลค่าหลายร้อยล้านเหรียญ ว้าววว!) ยุทโธปกรณ์ทั้งหมดจบเห่ (end up) ในมือของพวกjihadist เนื่องจากกบฏที่ฝึกโดยสหรัฐฯถูกจับได้ (ข้อแก้ตัว จะได้เนียนหน่อย?) หรือละทิ้ง (หน้าที่) โดยไม่ได้เผชิญหน้ากับไอซิสในสนามรบเลย (ใครบอกว่าไม่เผชิญหน้า เผชิญสิ แต่เผชิญแบบเอาอาวุธต่างๆไปส่งให้ไอซิสและอัล-นุสรายังไงหละ บางส่วนก็เข้าร่วมกับพวกนั้นเลย เนียนไหมแผนการของสหรัฐฯ?)
    เมื่อถูกถามว่าทำไมโอบาม่าถึงยังเดินหน้าโปรแกรมดังกล่าวอยู่อีกหากเขามีความสงสัย? โอบาม่าตอบว่า นั่นเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เขาต้องทำคือ "เพื่อพยายามทำในสิ่งที่แตกต่าง" (ทั้งๆที่คุณไม่มีความมั่นใจอะไรเลยซักอย่างนี่นะ? กรรมหละสิผู้นำประเทศประชาธิปไตยเบอร์หนึี่งของโลก!) โอบาม่าให้เหตุผลเพิ่มอีกข้อหนึี่งว่า "เพราะว่าพวกเรามีหุ้นส่วนอยู่ในภาคพื้นดิน ที่ได้ลงทุนไปและมีความสนใจในการมองหาแนวทางบางอย่างในการแก้ไขปัญหานี้" (หลังจากที่มีการเลือกตั้งผู้นำซีเรียในปี 2014 ประชาชนส่วนมากก็เลือกอัสซาด และเขาก็ไม่ได้มองว่าอัสซาดเป็นปัญหาของประเทศเขาเลย มีแต่สหัฐฯและพันธมิตรที่ต้องการจะโค่นล้มอัสซาดอย่างที่ได้โค่นล้มซัดดัมและกัดดาฟี่เท่านั้นที่มองว่าอัสซาดเป็นปัญหา และก็เป็นปัญหาของสหรัฐฯกับพรรคพวกด้วย ทำไมเป็นอย่างนั้นหละ? ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีไอซิสในซีเรียเลย พึ่งจะมีก็ตอนหลังที่เกิดสงครามกลางเมืองซีเรียในปี 2011 หลังจากที่สหรัฐฯและพรรคพวกให้การสนับสนุนพวกฝ่ายค้านแพ้เลือกตั้งไม่ใช่รึ?)
    Kroft พยายามชงคำถามเรียกคะแนนสงสารให้กับสหรัฐฯว่า : "และพวกเขา (หุ้นส่วนของสหรัฐฯในพื้นที่) ต้องการให้คุณทำมัน?" (And they wanted you to do it? แหม… เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะ เข้าใจชงนะครับท่านพิธีกร กำลังเล่นบทสหรัฐฯถูกบังคับให้เดินหน้าสนับสนุนผู้ก่อการร้ายสายกลางอยู่หละสิ น่าสงสารจัง... ใครนะที่มีอำนาจเหนือสหรัฐฯถึงกับบังคับให้สหรัฐฯทำอย่างนั้นได้? คริๆ)
    Obama ตอบว่า: "เอ่อ… ไม่ นั่นไม่สิ่งที่ผมพูด (Well, no. That's not what I said. แต่มันเป็นสิ่งที่ผมอยากจะสื่อออกมาแบบนั้นเลย ขอบใจนะ Kroft ที่รู้ใจ ฮ่าๆๆ)"
    รายงานข่าวบอกว่า โอบาม่าได้พยายามที่จะจัดกรอบเกือบจะทุกคำถามหลายครั้งที่เปลี่ยนเรื่องคุย ซึ่งทำให้พิธีกร Kroft รู้สึกอึดัด และก็ได้เปรยว่า "ผมมีความรู้สึกว่าผมกำลังถูกขัดขวางยังไงไม่รู้สิครับท่านมิสเตอร์ประธานาธิบดี" (I feel like I'm being filibustered, Mr. President. ฮ่าๆๆ... เพราะว่าพิธีกรถามไม่ตรงคำตอบนะสิครับท่าน เหมือนใครนะ? คริๆ)
    รายงานข่าวบอกว่าทำเนียบขาวได้ยุติโปรแกรมฝึก (กบฏ/ผู้ก่อการร้ายสายกลาง ตอนนี้สื่อฯรัสเซียไม่เรียกว่ากบฏหละ แต่ใช้คำว่า "ผู้ก่อการร้ายสายกลาง" แทนซะเลย ฮ่าๆๆ) เพราะว่ามันไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ (เป็นสิ ก็เขาตั้งใจฝึกผู้ก่อการร้ายไม่ใช่รึ? กบฏสายกลางหนะแค่ฉากหน้าหรือข้ออ้างตบตาประชาชนชาวอเมริกกันและทั่วโลกต่างหาก หมากตื้นๆ) แต่ทำเนียบขาวบอกว่าจะเดินหน้าสนับสนุนอาวุธให้กับกลุ่มก่อการร้ายซีเรียสายกลางต่อไป (กรรม! ยังชั่วไม่เลิกอีก)
    "ดูสิ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันไม่ได้ผล" โอบาม่ากล่าวถึงโปรแกรมฝึกผู้ก่อการร้ายสายกลาง (อันนี้เรียกตามสื่อฯรัสเซีย) แต่ก็แย้งว่า ไม่มีแนวทางแบบ "กระสุนเงิน" (silver bullet) ที่จะใช้แก้ไขปัญหาในซีเรียได้ (มีครับ... สหรัฐฯและพันธมิตรถอยออกไปให้หมด problem solved ทันที!) กรุงวอชิงตันจะเดินหน้าสนับสนุนฝ่ายค้านสายกลางในซีเรียในความหวังของการเปลี่ยนแปลงระบอบในกรุงดามัสกัส แต่ "สิ่งท่พวกเราจะไม่กระทำก็คือการพยายามแทรกตัวเองลงไปในแคเปญจ์ด้านกองทัพภายในซีเรีย" โอบาม่ากล่าว (สรุปว่า สหรัฐฯก็ยังจะเดินหน้าสนับสนุนให้เกิดสงครามกลางเมืองในซีเรียต่อไป ไม่ใช่เรื่องการปราบปรามไอซิสแล้ว แต่เป้าหมายของสหรัฐฯและพันธมิตรก็คือล้มรัฐบาลอัสซาดที่ไม่ยอมก้มหัวให้สหรัฐฯ แม้ว่าอัสซาดจะมาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนส่วนมากของซีเรียก็ตาม กรรม!)
    โอบาม่ากล่าวว่า "สิ่งที่พวกเราไม่สามารถที่จะกระทำได้ไปมากกว่านี้ และผมเองก็เป็นคนแรกที่ตระหนักในเรื่องนี้ดี ก็คือการเปลี่ยนแปลงระบบกลไกภายในซีเรีย (นโยบายในการหาเสียงของโอบาม่าก็คือ Change เปลี่ยนมันหมดทุกอย่าง เช่นเปลี่ยนลิเบียที่สงบสันติให้เป็นประเทศที่วุ่นวายไร้กฎหมาย กลายเป็นประเทศที่แตกแยกล่มสลาย หลังจากที่บุชโค่นซัดดัมได้แล้ว โอบาม่าก็เปลี่ยนให้เป็นสงครามไอซิสในอิรัคต่ออีก รัฐบาลอัสซาดที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนชาวซีเรีย โอบาม่ากับสมุนฝ่ายค้านและพันธมิตรบอกว่า ไม่เอา จะต้องเปลี่ยนให้ซีเรียเป็นแบบลิเบีย จากที่ก่อนหน้านี้เยเมนไม่มีสงครามกับเพื่อนบ้าน โอบาม่าก็ช่วยเปลี่ยนให้ซาอุดิอาระเบียใช้เครื่องบินรบไปถล่มเยเมนได้ตามอำเภอใจ รัฐบาลยูเครนที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนชาวยูเครน โอบาม่าก็ช่วยเปลี่ยนด้วยการสนับสนุนยึดอำนาจเขาแล้วก็ตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดอย่างโปโรเชนโก้ขึ้นมาแทน นี่แหละนโยบาย "เปลี่ยนแปลง" ของโอบาม่า)" (ที่ว่ามานี่จริงไหมครับท่านโอบาม่า? หรือจะแถไปว่านี่คือการสร้าง propaganda ต่อต้านอเมริกาอีก?)
    ตามความคิดเห็นของโอบาม่านั้น ชัยชนะเหนือกลุ่มก่อการร้ายไอซิสจะขึ้นอยู่กับประชากรชาวซุนนี (Sunni) ในซีเรียและอิรัค "เป็นการทำงานในลักษณะร่วมมือกัน" (working in a concerted way) กับกองกำลังพันธมิตรที่หนุนหลังโดยสหรัฐฯ
    กรรม! สหรัฐฯมามุกเดิมอีกแล้วครับท่าน พวกนี้กำลังใช้ศาสนาและเรื่องนิกายเป็นเครื่องมือในการสร้างความแตกแยกในสังคมในประเทศต่างๆ ในอิรัคก็พูดแบบนี้ คราวนี้ก็ทำเป็นเรียกเสียงสนับสนุนจากประชาชนชาวซีเรียซึ่งนับถือนิกายซุนนีเป็นส่วนมาก ถามจริงๆเถอะครับท่านโอบาม่่า นายเอาสมองส่วนไหนของนายคิด?
    เดี๋ยวจะเล่าอะไรให้ฟังนะครับ เมื่อราวๆ สองสัปดาห์ก่อนแอ็ดมินได้ดีเบทกับ "โปรอเมริกา" คนหนึ่ง ซึ่งพยายามพูดในมุมมองของตนเองเพื่อโจมตีและดิสเครดิตของอัสซาดและสนับสนุนนโยบายของสหรัฐฯในส่วนที่เกี่ยวกับซีเรีย และดูเหมือนจะออกแนวต่อต้านรัสเซีย ดังนั้นจึงสรุปว่าเขาคนนั้นเป็น "โปรอเมริกา" เขาเชื่อว่า ปธน.บาชาร์ อัสซาดเป็นชีอะห์เป็นชนกลุ่มน้อยในซีเรีย จะให้เชื่อว่าการที่อัสซาดชนะการเลือกตั้ง "ใสสะอาด" ได้อย่างไร?
    เป็นความจริงที่อัสซาดเป็นชีอะห์ และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของซีเรีย (นาง Asma al-Assad) นับถือนิกายซุนนี ประชากรชาวซีเรียทั้งหมดมีประมาณ 17 ล้านคน แบ่งตามกลุ่มนิกายทางศาสนาและชาติพันธุ์ดังนี้ เป็นชาวซุนนีประมาณ 74% (มีซุนนีอาหรับประมาณ 59-60%), ชาวเคิร์ด 9%, Turkomen (3%) นับถือนิกายซุนนี, มีผู้นับถือนิกายชีอะห์ 13%, คริสเตียนและอื่นๆ 4% ในซีเรียไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งทางนิกายศาสนาอย่างที่บางคนบางประเทศพยายามจะทำให้เกิดขึ้น
    ในเมื่อวันพุธที่ 4 มิถุนายน ปี 2014 รัฐบาลซีเรียได้จัดให้มีการเลือกตั้งขึ้น มีประชาชนชาวซีเรียออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 11,634,412 คน (73.42%) จากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งหมด 15,845,575 อัสซัดชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง 10,319,723 คิดเป็น 88.7%, Hassan al-Nouri ได้ 500,279 คะแนน (4.3%), Maher Hajjar ได้ 372,301 คะแนน (3.2%) บัตรเสีย/โนโหวด 442,108 บัตร (3.8%) มีพรรคฝ่ายค้านซึ่งเป็นพวกกบฏที่จับอาวุธขึ้นต่อสู้กับรัฐบาลอัสซาดอยู่ในขณะนี้ ไม่เปิดให้มีการจัดการเลือกตั้งในเขตยึดครองของตนเอง และไม่ส่งตัวผู้สมัครเข้าชิงด้วย เพราะรู้ว่าสู้คะแนนเสียงของฝ่ายผู้สนับสนุนอัสซาดไม่ได้แน่ๆ แม้ว่าอัสซาดจะเป็นชีอะห์ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในซีเรียก็ตาม จึงประท้วงการเลือกตั้งด้วยวิธีดังกล่าว
    แต่รายงานข่าวไม่ได้บอกว่าประชาชนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงบางส่วนในเขตยึดครองของกลุ่มกบฏฝ่ายค้านได้ไปออกเสียงลงคะแนนนอกเขตหรือไม่ ผลออกมาก็คืออัสซาดชนะการเลือกตั้ง มีหลายประเทศส่งผู้แทนเข้าไปสังเกตการณ์ในการเลือกตั้งครั้งนั้นและยอมรับว่าการเลือกตั้งมีความชอบธรรม ยกเว้นสหรัฐฯและพันธมิตรในยุโรปที่พากันไปบอมซีเรีย ไม่ได้ส่งคณะผู้แทนไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย เพราะว่าเป็าหมายหลักของพวกนี้ก็คือโค่นล้มอัสซาด เรื่องอะไรจะยอมไปสังเกตการณ์ ถ้าไปก็เท่ากับว่ายอมรับว่าอัสซาดมีความชอบธรรมจากการเลือกตั้งนะสิ ดังนั้นความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลอัสซาดในสายตาของสหรัฐฯและยุโรปก็คือตัวเองไม่ส่งผู้แทนไปร่วมสังเกตการณ์และไม่ยอมรับ (เรื่องของคุณ นี่เป็นซีเรีย เป็นอธิปไตยของซีเรีย เป็นการตัดสินโดยประชาชนชาวซีเรียไม่ใช่อธิปไตยของสหรัฐฯหรือตะวันตก)
    กลับมาที่ตรรกะของนายโปรอเมริกาคนนั้นนะครับ จากคำพูดของเขาก็สามารถจัดให้อยู่ในรูปแบบของตรรกะได้ดังนี้
    1.) นิกายชีอะห์เป็นประชากรชนกลุ่มน้อยในซีเรีย
    2.) ชนกลุ่มน้อยชนะการเลือกตั้งถือว่าไม่ใสสะอาด (ผิด! เพราะผิดหลักประชาธิปไตยและเสรีภาพ)
    3.) นายบาชาร์ อัล-อัสซาดนับถือนิกายชีอะห์ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในซีเรีย
    4.) ดังนั้น แม้ว่านายบาชาร์ อัล-อัสซาดจะชนะการเลือกตั้งก็ไม่ถือว่าเป็นการชนะที่ใสสะอาด
    นี่… บางคนที่เป็นโปรอเมริกาชอบใช้ตรรกะวิบัติเพี้ยนๆแบบนี้ เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งในซีเรียของปธน.อัสซาด คราวนี้แอ็ดมินก็เลยเปรียบกรณีของโอบามาให้เขาดูโดยอาศัยตรรกะเดียวกันนี้ (ของเขาเอง)
    1.) ชนผิวสี (อัฟริกัน-อเมริกัน, non-white) เป็นประชากรชนกลุ่มน้อยในสหรัฐฯ
    2.) ชนกลุ่มน้อยชนะการเลือกตั้งถือว่าไม่ใสสะอาด (อันนี้เขาพูดเอง)
    3.) นายบารัค โอบาม่า เป็นคนผิวสี (/ผิวดำ) ซึ่งถือว่าเป็นชนกลุ่มน้อยในสหรัฐอเมริกา
    4.) ดังนั้น แม้ว่านายบารัค โอบม่าจะชนะการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ก็ไม่ถือว่าเป็นการชนะที่ใสสะอาด (นะสิ?)
    นี่โอบาม่ากำลังจะมามุกนี้แต่คงจะนึกได้ว่าตัวเองก็เป็นชนกลุ่มน้อยเช่นกันก็เลยไม่พูดต่อ แต่หันไปปลุกระดมให้ชาวชุนนีซึ่่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของซีเรียให้หันหลังให้ปธน.อัสซาดแทนซะงั้น ขืนบอกว่าการที่อัสซาดซึ่งเป็นประชากรส่วนน้อยของประเทศชนะการเลือกตั้งแล้วไม่มีความชอบธรรม ซวยหละสิ แล้วโอบาม่าหละมีความชอบธรรมตรงไหนหละนี่? ปลาหมอเกลือบตายเพราะปากแท้ๆ
    โอบาม่าดิ้นต่ออีก โดยการตำหนิรัฐบาลของปธน.บาชาร์อัสซาด เกี่ยวกับความล้มเหลวของพวกกบฏที่หนุนหลังโดยสหรัฐฯในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิส (โดยกล่าวว่า) ตราบใดที่อัสซาดยังอยู่ในอำนาจ การให้คนเหล่านั้น (those folks) มุ่งความสนใจไปที่ไอซิสนั้นเป็นเรื่องยาก (ก็อัสซาดเขาก็ต่อสู้กับไอซิสอยู่ไม่ใช่รึ? แล้วทำไมสหรัฐฯถึงไม่บอกให้กบฏเหล่านั้นร่วมมือกับรัฐบาลซีเรียต่อสู้กับไอซิสให้ได้ก่อน แต่กลับเลือกที่จะล้มรัฐบาลอัสซาดก่อนการปราบไอซิสซะงั้นหละ? นั่นแหละนิสัยของคนพวกนี้ไม่เคยที่จะยอมรับว่าเป็นความผิดของตนเอง งานถนัดคือปัดความผิดให้พ้นตัวเองด้วยการกล่าวโทษคนอื่นแทน เสียชื่อผู้นำประเทศมหาอำนาจหมดเลย ความเป็นลูกผู้ชายของคุณอยู่ตรงไหนครับโอบาม่า? เฮ้อ… อ่านบทสัมภาษณ์ของโอบาม่าแล้วก็เหนื่อยใจแทนประชาชนชาวอเมริกันเหลือเกิน)
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    13/10/2558

    ภาพจาก U.S. President Barack Obama © Kevin Lamarque / Reuters

    ------------
    https://www.rt.com/usa/318425-obama-syria-strategy-russia/
    Syria Demographics Profile 2014
    https://en.wikipedia.org/wiki/Religion_in_Syria
    https://en.wikipedia.org/wiki/Syria
    https://en.wikipedia.org/wiki/Syrian_presidential_election,_2014
    https://en.wikipedia.org/wiki/Bashar_al-Assad
    Bashar al-Assad wins re-election in Syria as uprising against him rages on | World news | The Guardian
    https://www.rt.com/news/318107-obama-ends-syrian-rebels/
    President Obama - CBS News
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    [​IMG]

    อเมริกามามุกเดิมอีกแล้วครับท่าน... สหรัฐฯ "รู้สึกผิดหวัง" ด้วยการกล่าวหาว่ามีการละเมิดหลักประชาธิปไตยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเบลารุสเมื่อวันที่ 11 ต.ค.58 ที่ผ่านมา (Yep, หากไม่ใช่คนของอเมริกาอย่าหวังเลยว่าสหรัฐฯจะยอมรับว่าเป็นประชาธิปไตย), อดีต รมว.ต่างประเทศลัตเวียกล่าว่าสหรัฐฯเล่นบท "เลดี้ขี้อิจฉา" ในขณะที่รัสเซียกำลังประสบความสำเร็จในซีเรีย (คริๆ)
    -------------
    วันที่ 13 ต.ค.58 สำนักข่าว Sputnik news รายงานว่า นาย Mark Toner เลขาโฆษกก.ต่างประเทศของสหรัฐฯออกมาร้องโหยหวนโอดครวญเมื่อวันจันทร์นี้ว่า กรุงวอชิงตันยินดีกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเบลารุส แต่สหรัฐฯบอกว่าการละเมิดหลักการประชาธิปไตย (violations of democratic principles) ได้เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการ (เลือกตั้ง) นั่นแหละลูกไม้ของสหรัฐฯ
    เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประเทศเบลารุส (Belarus) ได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีขึ้น นาย Alexander Lukashenko รักษาการประธานาธิบดีของเบลารุสชนะการลงคะแนนเลือกตั้งด้วยคะแนนนิยมถึง 83.5% ซึ่งหมายความว่าจะได้ดำรงค์ตำแหน่งประธานาธิบดีต่อต่อกันเป็นสมัยที่ห้า (พวกตะวันตกขี้อิจฉาชอบพูดเหน็บแนมลุงหนวดว่าเป็นเผด็จการคนสุดท้ายของยุโรป ฮ่าๆๆ แต่ประชาชนชาวเบลารุสชอบลุงหนวดอ่ะ ทำไงได้)
    นาย Mark Toner กล่าวในแถลงการณ์ว่า "สหรัฐฯยินดีกับการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่สงบสันติในวันที่ 11 ตุลาคมในกรุงเบลารุส อย่างไรก็ตาม พวกเรา (อเมริกา) รู้สึกผิดหวัง (ช่างหัวอเมริกาสิครับ) ที่การเลือกตั้งครั้งนี้ของเบลารุสหลุดจากพันธกรณีและภาระผูกพันระหว่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ... ซึ่งแสดงโดยรายงานจาก OSCE ODIHR และสมัชชารัฐสภาผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้ง"
    Toner อ้างรายงานที่บันทึกว่า (มี) ปัญหาที่สำคัญเกี่ียวกับการนับคะแนนและการจัดระเบียบในการออกเสียงลงคะแนน (คูหาเลือกตั้ง?)
    หลังจากการเลือกตั้งของประเทศเบลารุส องค์กรเพื่อความปลอดภัยและความร่วมมือแห่งยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe - OSCE) ได้ออกมากล่าวว่า กระบวนการไม่ได้เป็นประชาธิปไตยโดยสิ้นเชิง และได้เรียกร้องให้เบลารุสดำเนินขั้นตอนที่สำคัญเพื่อรับประกันว่ากรุงมินส์กจะสามารถดำเนินการตามพันธกรณีประชาธิปไตยของ OSCE (นี่แหละเครื่องมือที่สำคัญอย่างหนึ่งของอียูและสหรัฐฯที่จะใช้กดดันหรือเล่นงานประเทศต่างๆที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับสหรัฐฯและยุโรป ใครเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ของ OSCE คนนั้นก็คุมองค์กรนี้ได้ แปลกที่พวกนี้ไม่อ้างหน่วยงานของยูเอ็น แต่ดันอ้างหน่วยงานของตัวเอง ก็ต้องย้อนถามกลับไปยังสหรัฐฯและอียูอีกว่าแล้วการเลือกตั้งในยูเครนที่ผ่านมาโดยได้รัฐบาลหุ่นเชิดอย่างโปโรเชนโก้มานั้นเรียกว่าเป็นไปตามพันธกรณีและหลักการประชาธิปไตยของ OSCE และสหรัฐฯรวมทั้งอียูแล้วใช่ไหม?)
    ในขณะเดียวกัน หลังจากที่มีการปิดการลงคะแนนแล้ว นาย Vladimir Churov ประธานคณะกรรมาธิการการเลือกตั้งกลางของรัสเซียกล่าวว่า โดยภาพรวมแล้วตนเองรู้สึกพึงพอใจกับกระบวนการการเลือกตั้งประธานาธิบดี (ของเบลารุสในครั้งนี้)
    ในช่วงเช้าของวันเลือกตั้ง นาย Sergei Lebedev ประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายบริหารของกลุ่มประเทศเอกราชในเครืออดีตสมาชิกสหภาพโซเวียต (head of the CIS Executive Committee) กล่าวว่า การเลือกตั้งในประเทศเบลารุสได้จัดให้เป็นไปตามกฎหมายของประเทศและตามหลักประชาธิปไตยทั่วไป และก็มีความโปร่งใสด้วย
    อ้าวววว! ว่าไงหละครับสหรัฐฯและ OSCE หน้าแตกยับอีกสินี่? อเมริกาบอกว่าการเลือกตั้งปธน.ของเบลารุสไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย (ของสหรัฐฯ?) แต่ทางรัสเซียและกลุ่มประเทศสมาชิก CIS ที่มีเบลารุสรวมอยู่ด้วยบอกว่า เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยและโปร่งใสไร้กังวลใดๆ ฮ่าๆๆ เมื่อไหร่อเมริกาถึงจะเลิกนิสัยวางก้ามชี้นิ้วออกคำสั่งเผด็จการกับประเทศนั้นประเทศนี้ซักทีนะ พอประเทศต่างๆที่เขาอึดอัดกับพฤติกรรม hegemony ของสหรัฐฯและไม่อวยสหรัฐฯ สหรัฐฯก็ออกมาบอกว่าประเทศเหล่านั้นหรือคนเหล่านั้นกำลังปลุกกระต่อต้าน (เผด็จการ) อเมริกา ซะงั้น กรรม! เรื่องแหลได้ถ้วยนี่ต้องยกให้เขาหละ
    อ้อ… วันที่ 12 ต.ค.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "อียูระงับการแซงชั่นเบลารุสเป็นเวลาสี่เดือน แต่ก็ (ขู่ว่า) พร้อมที่จะแซงชั่นอีก" (เมื่อไหร่ก็ได้ที่อียูต้องการจะทำ ว่างั้นเถอะ)"
    เบลารุสซึ่งเป็นหนึ่งในอดีตสภาพโซเวียต ได้ถูกสหรัฐฯและอียู (รังแก) แซงชั่นเป็นเวลาเกือบสิบปี ซึ่งรวมถึงการแบนวีซ่าและการเข้มงวดด้านการเงิน ทั้งเป็นรายบุคคลและองค์กร
    พวกตะวันตกได้กล่าวหาว่าทางการของเบลารุสได้ไล่ล่าพรรคฝ่ายค้านทางการเมืองและปฏิเสธสิทธิขั้นพื้นฐานและเสรีภาพของพลเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสรีภาพในการแสดงออก (อ่ะฮ้า... แล้วทีทางการของยูเครนไล่ล่านักการเมืองฝ่ายค้านที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลหุ่นเชิดนั่นหละคืออะไร? แล้วที่รัฐบาลยูเครนเลี้ยงพวกนีโอนาซีและไล่ปิดปากสื่อฯที่ไม่เชียร์รัฐบาลยูเครนเด็กของสหรัฐฯและอียูรวมทั้งแบนสื่อฯต่างชาติที่ไม่ทำตัวเป็นกระบอกเสียงให้รัฐบาลยูเครนหุ่นเชิดของอเมริกาและอียูนั่นหละคืออะไร? แล้วการที่มีการยกพวกไปข่มขู่คุกคามนักการเมืองฝ่่ายค้านในยูเครนนั่นหละคืออะไร? เขาเรียกว่าสิทธิและเสรีภาพอแบบอเมริกาและตะวันตกใช่ไหม? การที่ประเทศใดประเทศหนึ่งไม่ค่อยมีการประท้วงนั่นประท้วงนี่ ไม่มีการเผานั่นเผานี่จากการก่อจลาจลนี่อียูมองว่าไม่เป็นประชาธิปไตยและไม่มีเสรรีภาพใช่ไหม? เสรีภาพในการแสดงออกแบบอียูก็คือประท้วงแล้วต้องเผา สไตล์ฝรั่งเศสที่เกิดขึ้นบ่อยๆอย่างนั้นใช่ไหม? เบลารุสบอกว่าประชาธิปไตยแล้วเผาแบบนั้น เบลารุสไม่ต้องการหรอกนะ เชิญอียูเก็บไว้ใช้เองที่บ้านของอียูเหอะ อย่าพยายามแพร่เชื้อให้ประเทศอื่นๆเลยประที่มากับความรุนแรงหนะ)
    งานนี้ไม่มีอะไรมาก ก็อียูกำลังอยากได้เพื่อน พยายามจะดึงเบลารุสออกจารัสเซีย ก็ใช้วิธีการทั้งขู่ทั้งล่อใจ แหม… ลุงหนวดแกเป็นเกม ไม่งั้นคงไม่อยู่มาได้นานขนาดนี้หรอก อ้อ… งานนี้เยอรมันเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันในการยกเลิกแซงชั่นเบลารุสชั่วคราวนะ ก็สามารถที่จะมองได้ว่า เยอรมันกำลังหาแนวร่วมในการแข็งข้อกับอเมริกาหละ คริๆ
    อ้อ… แถมให้อีกข่าวหนึ่งครับ อันนี้หนุกดี... ชาวบ้านกำลังช่วยกันรุมยำอเมริกา วันที่ 11 ต.ค.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "US Taken Position of ‘Jealous Lady’ Seeing Russian Triumph in Syria" แปลว่า "สหรัฐฯเล่นบท 'นางอิจฉา' มองดูรัสเซียคว้าชัยในซีเรีย" (ฮ่าๆๆๆ อันนี้ชอบครับ มันสะใจไงก็ไม่รู้นะ คริๆ)
    รู้ไหมว่าใครพูดคำนี้ออกมา? Janis Yurknas อดีต รมว.ต่างประเทศของลัตเวีย พันธมิตรในกลุ่มประเทศบอลติกของสหรัฐฯนั่นแหละ โดยกล่าวว่า "รัสเซียประสบความสำเร็จในการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในซีเรีย ในขณะที่สหรัฐฯก็ได้แต่แสดงท่าทีของนางอิจฉา (posture of a jealous lady) ออกมาเท่านั้น" (ฮ่าๆๆ... ไม่ยักกะรู้ว่าท่านอดีต รมว.ต่างประเทศลัตเวียก็มีรสนิยมดูละครหลังข่าวของไทยด้วยนิ คริๆ)
    อีกซักหน่อยนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าเราสร้าง anti-America propaganda เต้าข่าวขึ้นมา งั้นมาดูคำพูดของ Janis Yurknas กันเลย นาย Janis Yurknas กล่าวว่า "ผมคิดว่าอียูกำลังเตรียมตัวเพื่อจัดตั้งการติดต่อกัน หากบรรลุข้อตกตงพักรบในภูมิภาค Donbass ได้ ก็อาจจะมีการยกเลิกแซงชั่นรัสเซียในเร็วๆนี้ (ไม่ยกเลิกได้ไงครับตอนนี้เศรษฐกิจของอียูกรอบมากๆเลย) หากมันเป็นความจำเป็นสำหรับยุโรปในการแก้ไขปัญหาวิกฤตผู้อพยพในขณะนี้ ยุโรปต้องการความสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซียในตอนนี้มากกว่าที่เคยเป็นมา รัสเซียกำลังจะประสบความสำเร็จในปฏบัติการในซีเรีย ในขณะที่สหรัฐฯก็เล่นบทเป็นเลดี้ขี้อิจฉา" (ผู้ชายลัตเวียนี่ก็ปากจัดใช่ย่อยนิ ฮ่าๆๆ)
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    13/10/2558

    ภาพจาก © Sputnik/ Ramyl Sytdyckov

    ------------
    US 'Disappointed' by Alleged Violations at Belarus Presidential Election
    EU Suspends Sanctions Against Belarus for 4 Months, Ready to Re-impose Them
    Lukashenko Hopes West Finally Will See Democracy in Belarus
    US Taken Position of ‘Jealous Lady’ Seeing Russian Triumph in Syria
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2015
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐส่งอาวุธให้กลุ่มกบฏซีเรียกว่า 50 ตัน
    โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ต.ค. 13, 2015

    [​IMG]

    (แฟ้มภาพ ส่วนหนึ่งของอาวุธที่สหรัฐลำเลียงได้ถึงมือกลุ่มกบฏซีเรีย )

    U.S. gives 50 tons of ammunition to Syria rebel groups - CNNPolitics.com

    รายงานเผยว่า เครื่องบินของสหรัฐได้ลำเลียงส่งมอบออาวุธจำนวน 50 ตัน ให้กับกลุ่มกบฏในซีเรีย

    presstv – พ.อ แพทริค ไรเดอร์ โฆษกศูนย์บัญชากลางของสหรัฐ ในสังกัดกระทรวงกลาโหม แถลงว่า ได้มีการส่งเครื่องบินลำขนาดใหญ่แบบ ซี -17 ของกองกองทัพอเมริกา เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยมีเครื่องบินขับไล่ตามประกบคอยคุ้มกัน เพื่อปฏิบัติการหย่อนเสบียงอาวุธจากทางอากาศที่เป็นกระสุนน้ำหนักราว 50 ตัน หรือราว 100 ถุง ให้แก่กลุ่มกบฏฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย

    ตามรายงานระบุวา อาวุธดังกล่าวถูกหย่อนลงในจังหวัด ฮาสซาเกห์ ทางตอนเหนือของซีเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่ครอบครองของกลุ่มกบฏซีเรีย

    เจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามเผยในวันจันทร์(12ต.ค.) ว่าการทิ้งเสบียงและอาวุธทางอากาศแก่กองกำลังฝ่ายค้านได้เริ่มขึ้นเมื่อวันอาทิตย์(12ต.ค.) ส่วนหนึ่งในแผนยกเครื่องทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯที่แถลงออกมาช่วงสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อช่วยพวกกบฏสู้รบกับรัฐบาลซีเรีย
    เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯแถลงว่าได้ล้มเลิกโครงการฝึกฝนและจัดหายุทโธปกรณ์แก่กบฏสายกลางที่ต่อต้านประธานาธิบดีอัสซาด หลังความล้มเหลวของโครงการดังกล่าวที่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงกลางปี กระพือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อยุทธศาสตร์ทำสงครามของประธานาธิบดีบารัค โอบามา
    เจ้าหน้าที่กลาโหมระดับของสหรัฐฯรายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์โดยไม่ประสงค์เอ่ยนามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่าโครงการใหม่จะมีการฝึกฝนเหล่าแกนนำกบฏซีเรียโดยตรง สวนทางกับเป้าหมายก่อนหน้านี้ที่จะให้การฝึกฝนโดยรวมแก่หน่วยทหารราบของพวกเขาทั้งหมด นอกจากนี้แล้วการสนับสนุนของสหรัฐฯจะพุ่งเป้าไปในด้านอาวุธ อุปกรณ์สื่อสารและกระสุน โดยโครงการยกเครื่องใหม่นี้จะเริ่มต้นขึ้นอีกไม่กี่วันข้างหน้า

    ขณะเดียวกันพวกกบฏอาหรับซีเรียเผยว่าได้รับแจ้งจากวอชิงตัน กำลังลำเลียงอาวุธใหม่มาส่งมอบช่วยเหลือพวกเขาที่เตรียมปฏิบัติการจู่โจมเมืองรักกา เมืองหลวงโดยพฤตินัยของไอซิส

    PressTV-ارسال سلاح برای مخالفان سوریه از سوی پنتاگون


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    สหรัฐส่งอาวุธให้กลุ่มกบฏซีเรียกว่า 50 ตัน | abnewstoday
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    如来 (หยูไหลหรือหยู่ไล้) เป็นมาเช่นนั้นเอง ผู้เขียน: เหล่าตั๊ง

    如来 หยูไหลหรือจีนแต้จิ๋วว่าหยู่ไล้ เป็นคำที่ปราชญ์ทางพุทธศาสนาของจีนแปลมาจากคำว่า “ตถาคต”ตถาคตเป็นคำที่พระพุทธเจ้าทรงเรียกพระองค์เอง ฉะนั้น ตถาคตก็จึงหมายถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งยังแปลว่า “พระผู้ไปแล้วอย่างนั้น”

    ปราชญ์ทางพุทธศาสนาของจีนมีสติปัญญาล้ำลึก ไม่ได้แปลคำว่า “พระผู้ไปแล้วอย่างนั้น” เป็นหยูชวี่ 如去 เพราะถ้าท่านไปแล้วอย่างนั้น คนจีนที่ยากจนทนทุกข์ทรมานและด้อยการศึกษาในสมัยนั้น จะไปพึ่งอะไรได้ ก็จึงได้แปลเป็นหยูไหล 乘如实之道而来,而成道觉 หรือ 佛如自安稳之道而来,此佛亦如是而来,故称如来 แปลว่าเป็นมาเช่นนั้นเอง หรือเป็นเช่นนั้นเอง ท่านพุทธทาสภิกขุ ผู้เป็นสดมภ์หลักทางพุทธศาสนาของไทย ได้เคยยกคำว่า “ตถาคต” และ “ตถตา” ในคำเทศนาสั่งสอนของท่าน

    ในพุทธศาสนาแบบจีน(นิกายมหายาน)นั้น ถือว่ามีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นแล้ว นับจำนวนไม่ถ้วน คำว่าโฝ佛 หรือโฝถัว佛陀 ถือเป็นการเอ่ยนามถึงพระพุทธเจ้าโดยรวม通称 เช่นเดียวกับคำว่าหยูไหลก็เป็นการกล่าวโดยรวม

    แต่พระพุทธะในนิกายมหายานมีองค์พระศากยมุนี释迦牟尼 องค์พระอมิตาภพุทธ阿弥陀佛 ฯลฯ พระพุทธเจ้าดังได้เอ่ยนามนี้เป็นชื่อเฉพาะ特称 หากแต่บางครั้งก็เติมคำว่าหยูไหลลงไปด้วย เช่น 释迦如来佛,阿弥陀如来 ขอสาธุชนโปรดทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ก่อนจะเอ่ยคำว่า “มันเป็นเช่นนั้นเอง”

    Webboard - Manager Online
     
  14. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    หลังจากที่ฝ่าย DPR/LPR ถอนอาวุธหนักออกจากเขตสู้รบ กองทัพยูเครนยิงจรวดถล่มตึกที่พักอาศัยของชาวบ้านในยูเครนตะวันออก (โดเน็ทส์ก) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาอีกแล้วครับท่าน แล้วอย่างนี้จะให้เป็นไปตามข้อตกลงเจรจาสันติภาพกรุงมินส์กได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ทางสหรัฐฯออกมาบอกว่าถ้าจะให้ยกเลิกแซงชั่นรัสเซีย ก็ต้องมีการดำเนินการตามข้อตกลงกรุงมินส์ก แต่ลูกน้องของอเมริกาก็ยังขยันยิงจรวดโจมตีชาวบ้านในยูเครนตะวันออกอยู่อย่างนี้นี่นะ
    ------------

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/r84_qxwOI_A" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    https://www.youtube.com/watch?v=r84_qxwOI_A
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    อ้อ… ทางกรุงเคียฟเขาฉลองครบรอบวันก่อตั้ง "กองทัพกบฏยูเครน" ( Ukrainian Insurgent Army - UPA) ซึ่งเป็นพวก Right Sectors หัวรุนแรง และพวก Azov มีกองทัพเป็นของตนเองไม่ขึ้นตรงต่อรัฐบาล พวกนี้เป็นลูกน้องของอเมริกาและตะวันตก เขาก็เลยฉลอง UPA ด้วยการยิงจรวดถล่มยูเครนตะวันออกมั๊ง? จากนี้ต่อไปคงจะยากที่ยูเครนจะกลับไปสงบได้ดังเดิม

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/1veftPOUTPU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    https://www.youtube.com/watch?v=1veftPOUTPU
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
    สัญญาณบอกเหตุถึง การล่มสลายของ สหรัฐฯ อเมริกา

    [​IMG]

    ------------
    โดย: Tor Teerawat
    อารยะธรรมต่างๆในโลก ที่เคยปรากฏขึ้นบนหน้าประวัติศาสตร์นั้น ได้ถือกำเนิดขึ้น และ ล่มสลายลงไป เป็นวัฏจักร จักรวรรดินิยมทั้งหลายที่ได้ล่มสลายลงไปแล้วในอดีต เราจะพบว่า ครั้งนี้ในประวัติศาสตร์จะเป็นคิวของอเมริกา ที่จะกลายเป็นบทเรียนและบันทึกทางประวัติศาสตร์ ที่วางอยู่เคียงคู่กับจักรวรรดินิยมและอารยะธรรมโบราณทั้งหลาย
    ในหลายทศวรรษที่ผ่านมา อเมริกาได้รับประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ การเปลี่ยนแปลง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากในด้านคุณธรรม ส่วนบุคคลและของสังคมการเมือง ผลของการเปลี่ยนแปลงนี้ก็คือ อเมริกาในปัจจุบัน ความเกียจคร้าน ความไร้ศีลธรรมและความเห็นแก่ตัวได้กลายเป็นจิตวิญญาณที่ปกคลุมอยู่ทั่วไปในสังคม และภายใต้ความมืดมน ของสภาพการณ์ดังกล่าวนี้ การปกครองของผู้มีคุณธรรม (meritocracy) จะถูกแทนที่ด้วยการปกครองของชนชั้นและวงศ์ตระกูล ประชาชาติใดก็ตามที่การปกครองของผู้มีคุณธรรม ถูกแทนที่ด้วยการปกครองของชนชั้นและวงศ์ตระกูล สังคมและประชาชาตินั้น จะไม่สามารถดำรงความอยู่รอดของตนสืบไปได้ด้วยความแข็งแกร่งและมั่นคง ปัจจุบันนี้สังคมของอเมริกาไม่ว่าจะในด้านของการเมือง ด้านเศรษฐกิจ ด้านจริยธรรมทางสังคม ที่ได้ประสบกับความเสียหายและความเสื่อมทรามด้วยมือของกลุ่มชนชั้นและวงศ์ตระกูลดังกล่าว ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วก็คือพวกนายทุน ที่กำลังควบคุมและครอบงำอยู่ ซึ่งต่างก็ให้การสนับสนุนค้ำจุนซึ่งกันและกัน เกาะกุมและทรงอิทธิพล
    ปัจจุบันการใช้ชีวิตอยู่ในความฟุ่มเฟือยและความสุขสำราญ จะเป็นเครื่องสนองความพึงพอใจ ของประชาชนชาวอเมริกันมากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด คุณค่าของการทำงานและความพยายามในการที่จะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ กำลังหมดสิ้นไปจากสังคม ความพยายามในการทำงานอย่างหนักนับว่าเป็นเรื่องที่ไร้สาระ การโกหกและการหลอกลวงกำลังถูกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือหลักเพื่อให้บรรลุสู่เป้าหมายต่างๆ ซึ่งสามารถพบเห็นได้ในทุกระดับของสังคมอเมริกันนับจากระดับสูงสุดจนถึงที่ต่ำสุด บรรดานักการเมืองจะพูดโกหกปลิ้นป้อนอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และความเสื่อมทรามทางศีลธรรมของสมาชิกในสังคมเองก็เป็นเหตุทำให้การโกหกและการหลอกลวงได้แพร่ระบาดไปในหมู่ประชาชนโดยทั่วไป
    จิม เนลสัน แบล็ค (Jim Nelson Black)ชาวอเมริกัน นักวิจัยเกี่ยวกับปัญหาสังคมอเมริกา มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ “เมื่อประชาชาติทั้งหลายได้ตายลง” (When nations die) ส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้เขากล่าวว่า “เมื่อเราพิจารณาประวัติศาสตร์ในช่วงสามพันปีที่ผ่านมาเราจะพบว่ามีอารยะธรรมต่างๆ มากมายปรากฏขึ้น แต่ท้ายที่สุดก็ต้องพบกับความตกต่ำและการล่มสลาย ประวัติศาสตร์โลก ก็คือประวัติศาสตร์ของประชาชาติทั้งหลายที่ถูกพิชิตโดยประชาชาติอื่น หรือผลจากการจรลาจลและความโกลาหลต่างๆ ที่ทำให้มันล่มสลายลง และขณะนี้พยานหลักฐานและกรณีแวดล้อมต่างๆ ของเหตุการณ์ลักษณะนี้ที่กำลังเกิดขึ้น ในประเทศของเรา (อเมริกา) เช่นเดียวกัน เมื่อเราพิจารณาความหายนะและเหตุการณ์ต่างๆ ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่จักรวรรดิ์ ต่างๆได้ล่มสลายลง มีความคล้ายคลึง กับสังคมของเรา ในเวลานี้
    พวกเราส่วนใหญ่คิดว่าการถูกทำลายล้างของเมืองคาร์เธจ (Carthage) การปรากฏขึ้น ของจักรวรรดิกรีก และการล่มสลายของจักรวรรดิโรม เป็นแค่การจินตนาการเกี่ยวกับอดีตและบทเรียนต่างๆ อันยาวนานแห่งประวัติศาสตร์ที่ถูกหลงลืมไปแล้วเพียงเท่านั้น และเหตุการณ์ต่างๆ อย่างเช่น การพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิล การแบ่งแยกจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ การล่มสลายของระบอบการปกครองแบบกษัตริย์ของฝรั่งเศส การเสื่อมสลายลงที่ละน้อยของจักรวรรดิอังกฤษนั้น ไม่ค่อยมีความสำคัญ และไม่เป็นที่ชัดเจนสำหรับพวกเราสักเท่าใด ส่วนใหญ่พวกเราไม่ค่อยจดจำเกี่ยวกับบทเรียนต่างๆ ทางประวัติศาสตร์เท่าใดนัก เช่นในกรณีที่เกี่ยวกับขบวนการเคลื่อนไหวทางปัญญาของฝรั่งเศส หรือประเด็นที่นำไปสู่การปฏิวัติอเมริกา เราได้เรียนรู้บทเรียนจากประวัติศาสตร์เป็นจำนวนมาก แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอดีตที่ไม่อาจหลีกหนีและเป็นสถานะทางประวัติศาสตร์ของเรา นี่เป็นประเด็นที่มีความสำคัญยิ่งที่จะทำให้เราสามารถเข้าใจถึงธรรมชาติและเนื้อแท้ของการดำเนินชีวิตในยุคสมัยนั้นได้อีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้เนื่องจากว่ายุคสมัยเหล่านั้นและความสัมพันธ์ต่างๆ ของมันจะสะท้อนให้เห็นถึงหัวใจของปัญหาที่อยู่เบื้องหน้าของเราในปัจจุบัน”
    จิม เนลสัน แบล็ค : ความคล้ายคลึงกันของสถานการณ์ในปัจจุบันของอเมริกากับความหายนะและเหตุการณ์ต่างๆ ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ นับว่าเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง
    มีเหตุผลหลายประการที่สามารถอธิบายถึงการล่มสลายและความพินาศของแต่ละประชาชาติ ซึ่งหนึ่งในเหตุผลที่สำคัญที่สุด(ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักจะถูกมองข้าม) ที่สามารถกล่าวได้ก็คือ “การละทิ้งศาสนา” รัสเซล เคิร์ก (Russell Kirk) ผู้เป็นเชี่ยวชาญด้านทฤษฎีเกี่ยวกับการเมืองและเป็นนักวิจัยด้านประวัติศาสตร์มีความเชื่อว่า รากศัพท์ของคำว่า “culture” (วัฒนธรรม) มาจากคำว่า “cult” (การเคารพบูชาหรือพิธีปฏิบัติทางศาสนา) กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ วัฒนธรรมนั้นถูกประกอบขึ้นบนพื้นฐานของโลกทัศน์ทาง ศาสนาหรือทางจิตวิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง อียิปต์โบราณเป็นสังคมแห่งพิธีกรรมที่ก่อรูปขึ้นบนพื้นฐานของการเคารพบูชาบรรดาเทพเจ้าและเทพีธรรมชาติ ส่วนกรีกและโรมันก็มีวิหารเคารพบูชารูปปั้นสักการะของตนเอง ด้วยการศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของอินเดีย จีนและส่วนอื่นๆ ของโลกจะเห็นได้ว่าทั้งหมดเหล่านี้ รากฐานของอารยธรรมล้วนเกิดขึ้นมาจากลักษณะหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนา และเป็นเรื่องธรรมชาติที่ว่าเมื่อความเชื่อต่างๆ แบบดั้งเดิมของประชาชาติหนึ่งได้อ่อนแอลง ก็จะทำให้ประชาชาติทั้งหลายตายลง ศาสนาที่เป็นหลักสำหรับการบริหารจัดการประชาชาติก็ได้ตายไปแล้วจากสังคมอเมริกา
    วิลล์ ดูแรนท์ (Will Durant) กล่าวว่า "สังคมหนึ่งที่ปราศจากศาสนาจะไม่สามารถ ดำรง อยู่ได้" สังคมอเมริกันกำลังย่างก้าวเข้าสู่เส้นทางที่ปราศจากฎเกณฑ์ทางศาสนา แผ่นป้ายบัญญัติสิบประการ (Ten Commandments) ถูกยกออกไป และคุณค่าต่างๆ ทางด้านศาสนาถูกรวบรวมออกไปจากชนชั้นของสังคม พื้นฐานความเชื่อของคริสต์ศาสนาไม่มีการเรียนการสอนในโรงเรียนต่างๆ ของรัฐอีกต่อไป และส่วนใหญ่มักจะถูกนำมาเย้ยหยันถากถางในเวทีต่างๆ ทางด้านการศึกษาและด้านสื่อ ดังนั้นจะสามารถจินตนาการอะไรได้อีกเกี่ยวกับอนาคตของประเทศนี้
    ในหนังสือของเนลสัน แบล็ค ได้ชี้ให้เห็นถึงสามด้านของการล่มสลาย คือ
    1.วิกฤติของความไร้กฎระเบียบ
    2.การสูญเสียระบบทางด้านเศรษฐกิจ
    3.การเมืองของชนชั้นปกครอง นายทุน และ นักการเมือง กับเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ
    ในประวัติศาสตร์เราจะพบเห็นตัวอย่างที่ชัดเจนอย่างมากมายที่เกิดจากผลต่างๆ ที่นำมาซึ่งความหายนะจากการล่มสลายของกฎหมายและความเป็นระบบระเบียบ ในสมัยกรีกโบราณ สัญญาณแรกของความหายนะก็คือ การสูญสิ้นการเคารพให้เกียรติของสาธารณชนต่อจารีตประเพณี ความมักง่าย ความเปรอะเปื้อนและไร้ขื่อแปรของบรรดาเยาวชน ซึ่งผลติดตามมาก็คือ ศิลปะและความบันเทิงต่างๆ ที่ชักนำไปสู่ความเสียหาย นักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์เอง ก็ได้ทำให้บรรยากาศของพูดคุยและความสัมพันธ์ต่างๆ บิดเบี้ยวไป การบรรยายและการปาฐกถา กลายเป็นสถานที่ของการต่อสู้และการแข่งขันชิงชัยกัน ปัญญาชนเริ่มที่จะหัวเราะเยาะและถากถางซึ่งกันและกัน และโจมตีต่อรากฐานต่างๆ ทางจารีตประเพณีดั้งเดิมของสังคมแบบกรีกโบราณ (Hellenistic) บรรดานักคิดสมัยใหม่จะพูดแต่เรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานต่างๆ และเรียกร้องให้มอบสิทธิในการแสดงทัศนะความคิดเห็นให้แก่เยาวชนคนหนุ่มสาวในสังคม โดยปราศจากการชี้นำทางด้านจารีตประเพณีแบบดั้งเดิม ผู้ที่เริ่มเข้าสู่ยุคใหม่กลายเป็นพวกป่าเถื่อนและเริ่มที่จะทำลายระบบแบบแผนเก่าๆ และชาวกรีกก็ค่อยๆกลายเป็นประชาชาติที่ไร้กฎระเบียบและพบกับความอัปยศ
    + ความเสื่อมทรามทางด้านวัฒนธรรม
    สาเหตุหลักที่นำพาวัฒนธรรมไปสู่ความเสื่อมสลาย ได้แก่
    - ความเสื่อมถอยของระบบการศึกษา
    - ความอ่อนแอของรากฐานทางวัฒนธรรม
    - การสูญเสียความเคารพในจารีตประเพณีต่างๆ
    - การแพร่ขยายของลัทธิวัตถุนิยม
    นี่คือ ปัจจัยที่ทำให้วัฒนธรรมทั้งหลายเกิดความเสียหาย โดนัลด์ ดัทลีย์ (Donald Dudley)จากการศึกษาวิจัยของเขาเกี่ยวกับอารยธรรมโรมัน กล่าวว่า “มิใช่มีแค่เพียงปัจจัยเดียวเท่านั้นที่ทำให้จักรวรรดินี้ต้องล่มสลายลง ทว่าการล่มสลายนั้นเป็นมาจากความอ่อนเปลี้ยเพลียแรง และความอ่อนแอที่เกิดขึ้นในสังคมของโรมัน แม้ว่าผลกระทบของความอ่อนแอเหล่านี้ อาจจะแตกต่างกัน แต่โดยรวมแล้วมันคือสาเหตุที่ทำให้อารยธรรมนั้นต้องล่มสลายลง”
    ความเสื่อมทรามทางวัฒนธรรมของประชาชาติหนึ่งๆ นั้นจะนำไปสู่การการล่มสลายทางสังคมและวัฒนธรรมอย่างรวดเร็ว และตัวอย่างของการล่มสลายดังกล่าวนี้จะมีความคล้ายคลึงกัน ในอารยธรรมต่างๆ ที่หลากหลาย จากการศึกษาและวิจัยประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับอารยธรรมทั้งหลาย ความคล้ายคลึงกัน แม้จะมีความแตกต่างทางวัฒนธรรม ระหว่างจักรวรรดิทั้งหลายที่ล่มสลายลงไปแล้วก็ตาม แต่ลักษณะวิธีการที่นำไปสู่การล่มสลายของวัฒนธรรมเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกัน ตัวอย่างเช่น ความสุดโต่งในการใช้ชีวิตที่หรูหราฟุ่มเฟือย การแสวงหาความสุขสำราญ และความมัวเมาในโลกีย์ในจักรวรรดิโรมัน ถูกล่าวถึงว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุที่สำคัญของการล่มสลายทางวัฒนธรรมของจักรวรรดิดังกล่าว
    ความเสื่อมทรามทางด้านศีลธรรมมักจะเกิดจากผลการปัจจัยหลัก 3 ประการ ได้แก่
    - ความไร้ศีลธรรม
    - การทำลายความเชื่อต่างๆ ทางศาสนา
    - การดึงชีวิตของมนุษย์ไปสู่ความว่างเปล่าและความไร้แก่นสาร
    เอ็ดเวิร์ด กิบบอน ( Edward Gibbon) นักประวัติศาสตร์คนหนึ่งที่ได้เขียนเกี่ยวกับการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันไว้เช่นนี้ว่า “ผู้นำของจักรวรรดิต้องประสบกับความอ่อนแอ ความเสื่อมเสียและความเชื่อในเรื่องเหลวไหล ค่านิยมทางศีลธรรมและกฎหมายต่างๆ ที่เข้มงวดได้สิ้นสลายลง การกดขี่และการปราบปรามถูกนำมาใช้ การใช้อำนาจอย่างไม่ถูกต้องทำให้ประชนในชาติ อ่อนแอลงหากต้องเผชิญหน้ากับการรุกรานของต่างชาติ การกดขี่และการปราบปรามที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมอเมริกาปัจจุบัน ภายใต้ข้ออ้างของการพิทักษ์ปกป้องความมั่นคงของชาตินั้นได้กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้ว เพียงพอแล้วที่เราจะพิจารณาจากคำรายงานต่างๆ ที่มีการเผยแพร่เกี่ยวกับการเผชิญหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจของอเมริกาที่ปฏิบัติต่อกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง
    การละเมิดสิทธิมนุษยชนใน อเมริกา
    ปัญหาสิทธิมนุษยชน ในสหรัฐ มี 6 ข้อได้แก่
    1.การดำเนินชีวิต
    2.เสรีภาพและสวัสดิภาพของมนุษย์
    3.สิทธิและเสรีภาพทางการเมือง
    4.สิทธิในด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม
    5.การเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ-สิทธิสตรีและเด็ก
    6.การละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศอื่น
    การละเมิดสิทธิมนุษยชน ในสังคมอเมริกัน มีให้เห็นอย่างดาษดื่น แม้แต่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่รัฐ มีการกระทำเกินกว่าเหตุหลายคดีความ นอกจากนี้ ชีวิตชาวอเมริกันในปัจจุบัน ก็ขาดหลักประกันด้านความปลอดภัย รวมทั้งความเท่าเทียมกันในสังคม
    รายงาน ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2004 ว่าในปี 2003 การละเมิดสิทธิมนุษยชน ในหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ก็มีปรากฏให้เห็น อาทิ กรณีของ นาง เจ้าเยี่ยน นักธุรกิจหญิงชาวจีนรายหนึ่ง ที่เดินทางไปสหรัฐ เมื่อเดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว ก่อนจะถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐใส่กุญแจมือและทุบตี โดยไม่มีความผิด
    การเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ ในสังคมอเมริกัน ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์การ์เดียน ของอังกฤษ ฉบับวันที่ 9 ตุลาคม 2004 ที่ระบุว่าในปี 2002 ครอบครัวชาวอเมริกันผิวขาว มีคุณถาพ ชีวิตที่ดี กว่าครอบครัวอเมริกันเชื้อสายละตินถึง 11 เท่า และมากกว่าอัฟฟริกันอเมริกันถึง 15 เท่า นอกจากนี้ การปฏิบัติตนของเจ้าหน้าที่รัฐ ต่อ ชาว อเมริกันผิวสี โดยทั่วไป ก็แย่กว่าพลเมืองอเมริกันผิวขาว
    จากข้อมูลของกระทรวงยุติธรรม สหรัฐ ในเดือนพฤศจิกายน 2004 ระบุว่า นักโทษมากกว่า 70% ในดินแดนแห่งเสรีภาพ เป็นชาวอเมริกันผิวสี สถานการณ์การทำร้ายผู้หญิง และเด็กในสหรัฐ ก็รุนแรงไม่แพ้ประเทศอื่น จากสถิติอาชญากรรมของเอฟบีไอ พบว่าในปี 2003 เกิดคดีข่มขืนกระทำชำเราถึง 93,233 คดี หรือเท่ากับว่ามี ผู้หญิงทุก 63.2 คนใน 100,000 คน ตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิด ทางเพศ ในทุกๆปี มีเด็กที่ถูกบังคับให้เป็นโสเภณีหรือค้าประเวณี ราว 400,000 คน
    + ด้านสิทธิความเท่าเทียมระหว่างเพศ
    จากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐเมื่อเดือนมกราคม 2004 ชี้ชัดว่า ผู้หญิงที่ทำงานเต็มเวลา เช่นเดียวกับผู้ชายแต่ได้เงินเพียง 81.1% ที่ผู้ชายได้รับ ซึ่งนั่นคือการละเมิดสิทธิมนุษยชน ด้านความเท่าเทียมกัน ของ เพศชาย และ เพศหญิง
    กาชาดสากลระบุ การทรมานนักโทษเป็นสิ่งที่ทหารอเมริกันปฏิบัติจนเป็น''ระบบ'' ไปแล้ว ในด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศอื่น หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ และ นิวส์วีก เคยนำมาตีแผ่เรื่องราวเมื่อหลายปีก่อน เกี่ยวกับการใช้วิธีการรุนแรงต่างๆ ในการทรมานนักโทษ ในอัฟกานิสถานและ ในคุก อบูคอหริบ ในอิรัก แหล่งข่าว ของคณะกรรมการกาชาดสากล ให้ข้อมูลว่า การทรมานนักโทษของทหารอเมริกัน ไม่ใช่เกิดขึ้นครั้งเดียว แต่ทำจนกลายเป็น ระเบียบปฏิบัติ ไปแล้ว
    กองทัพสหรัฐ ได้ทำการเข่นฆ่าอย่างป่าเถื่อน ระหว่างที่เข้าโจมตีในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในสงครามอิรัก ซึ่งจากสถิติการเสียชีวิตของพลเมืองอิรัก คาดว่าการโจมตีอิรัก นำไปสู่การล้มตายของคนมากกว่า 100,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเป็นผู้หญิงและเด็ก
    สหรัฐอเมริกา มีปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนมากมาย แต่ก็ยังเที่ยวไปทำสงคราม เหยียบย่ำอธิปไตย และละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศอื่น
    ข้อมูลล่าสุดยืนยัน จำนวน “เด็กไร้บ้าน” ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้นจนมีจำนวนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ในยุคการบริหารประเทศของ “บารัค โอบามา” ชี้ในจำนวนประชากรเด็กทุกๆ 30 คนในเมืองลุงแซมจะมีเด็กไร้บ้าน 1 ราย
    ศูนย์ครอบครัวคนไร้บ้านแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นซีเอฟเอช) เผยผลการศึกษาล่าสุดในรายงานชุด “America’s Youngest Outcasts” พบข้อมูลว่า นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาก้าวขึ้นบริหารประเทศในสมัยแรกเมื่อ 20 มกราคม ปี 2009 เป็นต้นมา จำนวนของ “เด็กไร้บ้าน” ในสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มขึ้นเป็น “เกือบ 2.5 ล้านคน” แล้วนับถึงปี 2013 ที่ผ่านมา ถือเป็นจำนวนเด็กไร้บ้านที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ
    ขณะเดียวกัน ผลการศึกษาครั้งนี้ยังสรุปว่าในจำนวนประชากรเด็กทุกๆ 30 คนในเมืองลุงแซมเวลานี้ จะมีเด็กไร้บ้านรวมอยู่ด้วย 1 ราย โดยที่มลรัฐแคลิฟอร์เนียมีจำนวนเด็กไร้บ้านอยู่มากที่สุดในประเทศ คือ เกือบ 527,000 คน หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 5 ของเด็กไร้บ้านทั่วสหรัฐฯ
    ผลการศึกษาที่พบว่า จำนวนเด็กไร้บ้านในอเมริกาขณะนี้ที่มีจำนวนเกือบ 2.5 ล้านคนนั้น ถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการสำรวจของกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ (ดีโออี) ที่ระบุ จำนวนเด็กไร้บ้านในเมืองลุงแซมมีจำนวนราว 1.3 ล้านคนเท่านั้น
    ผลการศึกษาล่าสุดชี้ว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำและการว่างงานที่พุ่งสูงในยุคของรัฐบาลโอบามา คือ ต้นตอสำคัญที่ทำให้พ่อแม่ชาวอเมริกันจำนวนมากสูญสิ้นศักยภาพในการผ่อน-เช่าบ้าน และหลายครอบครัวต้องกลายสภาพจาก “มนุษย์เงินเดือน” เป็น “คนเร่ร่อน” ซึ่งรวมถึงบรรดาเด็กๆในครอบครัวเหล่านี้ที่ต้องกลายเป็นเด็กไร้บ้านในที่สุด
    ทั้งนี้ ข้อมูลจากรายงานล่าสุดของเอ็นซีเอฟเอชยังระบุว่า จำนวนเด็กไร้บ้านในสหรัฐฯ ได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 8 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปี 2012-2013
    นอกจากนี้ ผลจากโครงการพัฒนาและวิจัยอาวุธต่างๆ และ การทำกิจกรรมสงคราม นอกประเทศของสหรัฐ แบบล้างผลาญงบประมาณชาติ ผลประโยชน์ของชาติตกไปอยู่ในมือนักการเมืองและนายทุน ทำให้สหรัฐมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้น ถึง 18 ล้านๆเหรียญ ในปัจจุบัน ไม่รวมดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทุกๆนาที มีมูลค่ามากถึง 10 ล้านเหรียญต่อนาที จะเป็นอีกหนึ่งตัวเร่งให้ อเมริกา ไปสู่ความล่มสลาย
    จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ บรรดาจักรวรรดิทั้งมวลในช่วงยุคสุดท้ายของเขาจะมีการปราบปรามประชาชนอย่างกว้างขวาง
    แคทเธอรีน เอ็ดเวิร์ดส์ (Catherine Edwards) นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษกล่าวว่า “สภาพการณ์ที่ไร้ศีลธรรมที่เรากำลังประสบอยู่ในขณะนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด การคุมกำเนิดและการทำแท้งเพื่อหลีกเลี่ยงการมีบุตรก็เคยเป็นส่วนหนึ่งจากวิธีการที่เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่มีอยู่ในกรุงโรมในยุคสมัยนั้น เมื่อผู้สามีไม่ยอมรับลูกของตนเองที่ถือกำเนิดขึ้นมา ดังนั้นในความเป็นจริงแล้วทำให้เด็กกลายเป็นสิ่งมีอยู่ที่ไร้ซึ่งอัตลักษณ์ ในช่วงวันสุดท้ายของจักรวรรดิโรมันชีวิตกลายเป็นสิ่งไร้คุณค่า กฎหมายต่างๆ กลายเป็นเรื่องยุ่งยากและเป็นภาษีอากรที่หนักหน่วง การค้าและการผลิตเป็นสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดผลกำไร ในที่สุดเด็กๆ (การมีบุตร) กลายเป็นภาระรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นสำหรับการดำเนินชีวิต การทำแท้งและการฆ่าทารก กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา บางครั้งเด็กๆ ถูกขายไปเป็นทาส การดำเนินชีวิตและมารยาทต่างๆ คือความสนุกสนานเฮฮาอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง การชุมนุมพบปะที่เต็มไปด้วยความสำเริงสำราญ การมีเพศสัมพันธ์ได้กระทำกันอย่างเปิดเผย ชาวคริสต์ผู้เคร่งครัดศาสนาและผู้คัดค้านจะถูกกีดกันออกจากสังคม”
    ในสังคมอเมริกาขณะนี้ อัตราที่สูงของการทำแท้งที่พบเห็นในหมู่สตรีชาวอเมริกันคือในช่วงอายุระหว่าง 20 ถึง 24 ปี ซึ่งอยู่ในช่วงวัยที่ดีที่สุดของการเจริญพันธุ์และการให้การอบรมสั่งสอนแก่เยาวชนในอนาคต และในช่วงวัยนี้เองที่จะตกเป็นเป้าของกระแสการโหมโฆษณาชวนเชื่อที่จะชักจูงไปสู่ป่าแห่งความไร้ศีลธรรม ในคุณค่าต่างๆ แห่งการดำเนินชีวิตของชาวอเมริกันมากกว่าวัยใด
    จากการพิจารณาถึงสภาพการณ์ของสังคมปัจจุบันของเอมริกาในทั้ง 3 ปัจจัย แห่งการล่มสลายที่ได้กล่าวถึงในข้างต้นสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน รัสเซล คิร์ก (Russell Kirk) ได้กล่าวว่า “ในทัศนะของผมสังคมอเมริกันกำลังว่ายวนอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของความหายนะ ในขณะที่หลายคนกล่าวว่า การมาถึงขั้นตอนนี้นับเป็นความเฟื่องฟูของอารยธรรมของเรา แต่ความจริงแล้วสภาพการณ์เช่นนี้เป็นผลมาจากการใช้อำนาจต่างๆ ที่กำลังอยู่ในสภาพของการทำลายล้างวัฒนธรรมของตนเอง การคุยโวโอ้อวดเกี่ยวกับความเป็นเสรีภาพประชาธิปไตย (Democratic freedoms) ที่มีอยู่ในสังคมเสรีนิยม (Liberal society) ในความเป็นจริงมันคือความเป็นทาสแห่งตัณหาและเป็นภาพลวงตาที่กำลังทำลายล้างความเชื่อต่างๆ ทางด้านศาสนา และจากการมุ่งเน้นในการสร้างวัตถุและสร้างชุมชนเมืองศิวิไลนั้นจะนำพาสังคมไปสู่การล่มสลาย และจะลบทำลายแบบแผน มารยาทและจารีตประเพณีที่ดีงามต่างๆ ในชีวิตให้หมดไป” หากเราพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ของการล่มสลายของอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ทั้งหลายนั้น เราจะยอมรับได้อย่างชัดเจนว่าอเมริกานั้นกำลังตั้งอยู่ในความสูงชันขั้นสุดท้าย ก่อนจะลงหุบเหว ที่มีคล้ายคลึงกัน กับสิ่งที่ได้เกิดขึ้นในกรีก โรมัน อียิปต์โบราณและในอารยธรรมอื่นๆ และในวันนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกันสำหรับอารยธรรมตะวันตก ศาสตราจารย์อัลลาน บลูม (Allan Bloom) ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “จุดจบของการคิดแบบอเมริกัน” ว่า “ประวัติศาสตร์ของโลกในครั้งนี้กำลังจะเป็นคิวของอเมริกา
    ประชาชาติอเมริกาขณะนี้กำลังอยู่ในเส้นทางซึ่งจะไปนำพาไปสู่ปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ อารยธรรมทั้งหลายก่อนหน้านี้ ไปสู่การล่มสลาย ความเชื่อต่างๆ และผู้นำที่ไร้ความคู่ควรจะถูกโฆษณาในสื่อของระบบการศึกษาและการวางนโยบายต่างๆ อย่างง่ายดาย และแบบอย่างพฤติกรรมทางเพศในอเมริกาในปัจจุบัน มีความน่าเกลียดยิ่งกว่า ที่เคยเป็นอยู่ในอารยธรรมทั้งหลายที่ได้ล่มสลายไปแล้วเสียอีก ชีวิตของมนุษย์กลายเป็นสิ่งไม่มีค่า ทารกแรกเกิดถูกทิ้งขว้างไว้ที่นี่ที่นั่น ทารกในครรภ์จะถูกทำแท้งและเด็ก ๆ จะถูกขายไปเป็นทาส ที่น่าแปลกประหลาด ยิ่งไปกว่าทั้งหมดนั่นก็คือ อีกด้านหนึ่งของพฤติกรรมที่ตรงข้ามกับมนุษยธรรมนั่นก็คือ สาขาวิชาเกี่ยวกับการช่วยเหลือทางด้านการแพทย์ถูกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือสำหรับการฆ่าตัวตายของคนแก่ชราที่ได้กลายเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป
    เมื่อเทียบกับชนรุ่นต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ บรรดาครอบครัวของชาวอเมริกันในวันนี้มีเสถียรภาพต่ำกว่ามาก การแต่งงานได้สูญเสียความสำคัญของมันไปแล้ว การหย่าร้างและเด็ก ๆ ที่เกิดจากความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวที่ผิดกฎหมาย ชีวิตทางเพศสัมพันธ์หมู่ได้กลายเป็นที่แพร่หลาย และเด็ก ๆ ได้ตกอยู่ในความเสี่ยงและอันตรายอย่างมากและไม่มีการปกป้องใด ๆ สำหรับพวกเขา มุมมองของประชาชนโดยทั่วไปเกี่ยวกับการสมรส จริยธรรมต่าง ๆ ทางเพศและการเลี้ยงดูและการอบรมขัดเกลาเด็ก ๆ เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่ว่าปรากฏการณ์ต่าง ๆ อย่างเช่น การใช้ชีวิตครอบครัวร่วมกับบุคคลที่มีผู้ให้กำเนิด(พ่อ)คนเดียวกัน สิ่งเหล่านั้นกำลังเป็นภัยคุกคามต่อโครงสร้างแบบดั้งเดิมของครอบครัวซึ่งกำลังจะเป็นตัวทำลายการคุ้มกันต่าง ๆ ทางด้านกฎหมายและทางศีลธรรมให้หมดไป
    + เบรสซินสกี (Brzezinski) กับการประกาศอันตรายของการล่มสลาย
    ซบิกนีเยฟ เบรสซินสกี (Zbigniew Brzezinski) ถือกำเนิดในวันที่ 28 มีนาคม 1928 ในกรุงวอร์ซอเมืองหลวงของโปแลนด์ ในปี 1953 เขาได้รับปริญญาเอกสาขารัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด และในปี 1958 ได้กลายเป็นพลเมืองของอเมริกา ปัจจุบันนี้เขาสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอพกินส์ (Johns Hopkins University) ภายหลังจากใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนี้มา เป็นระยะเวลานานหลายปี ทำให้เขาในรู้จักสังคมอเมริกา ทั้งในด้านการเมืองและวัฒนธรรมเป็นอย่างดี เขาเป็นนักยุทธศาสตร์ ซึ่งเคยเป็นที่ปรึกษาอดีตคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกาและปัจจุบันนี้ก็เช่นกัน เขาเป็นผู้มีบทบาทสำคัญ ในการกำหนดนโยบายในระยะยาวต่างๆ ของอเมริกา เขาได้เขียนไว้ในบทหนึ่งจากหนังสือเล่มล่าสุดของเขาที่มีชื่อว่า “วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ : อเมริกากับวิกฤตอำนาจโลก” (Strategic Vision: America and the Crisis of Global Power)โดยกล่าวว่า “อเมริกาในขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกับช่วงเวลาแห่งการล่มสลายของอดีตสหภาพโซเวียต”
    เบรสซินสกี กล่าวว่า “สถานการณ์ในปัจจุบันของอเมริกามีความคล้ายคลึง กับอดีตสหภาพโซเวียต นั่นคือ ทั้งสองประเทศ ระบอบของรัฐได้กลายเป็นอัมพาต และทั้งสองได้สูญเสียศักยภาพในการที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในทางการเมือง และเพื่อที่จะครอบงำเหนือภูมิภาคต่างๆ ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของโลก จึงต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายและงบประมาณทางทหารจำนวนมหาศาลแต่ก็ไร้ผล และ อเมริกาเองก็ได้สูญเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากมายไปในอิรักและในอัฟกานิสถาน อิทธิพลระหว่างประเทศของอเมริกาได้ลดลงไปอย่างมาก และปัญหา ภายในประเทศก็ต้องเผชิญกับปัญหาความไม่พึงพอใจทางสังคม (ซึ่งหนึ่งในตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่สามารกล่าวได้ก็คือ ขบวนการเคลื่อนไหวแห่ง Wall Street) เบรสซินสกี ได้วิเคราะห์ตรวจสอบไว้ในหนังสือของเขาเกี่ยวกับสัญญาณต่างๆ ของการล่มสลายของอเมริกา กระแสการถดถอยในด้านการบริหารจัดการ ทั้งภายในประเทศและ ต่างประเทศของประเทศนี้ และลักษณะการสูญเสียโอกาสต่างๆ ในเวทีระดับโลก หลังจากสงครามเย็น สาสน์ที่ได้รับจากการวิเคราะห์และวิจัยของเบรสซินสกี ถือได้ว่าเป็นสัญญาณเตือนภัยแห่งประวัติศาสตร์ ที่บ่งบอกถึงการเริ่มต้นของการล่มสลายของอารยธรรม อเมริกา
    ป.ล.หากสังคมอเมริกา ยังคงเป็นเช่นนี้อยู่ต่อไป ทุกๆปัญหา จะเป็นเหมือนระเบิดเวลา ที่สุดท้ายจะนำพา อเมริกา ไปถึงจุดล่มสลาย ในอนาคต.
    Abortions In America
    Social Decay, Moral Decay and Cultural Decay in USA
    Demystifying The Collapse Of American Society
    http://www.thecommonconservative.com/?p=211
    http://www.nolanchart.com/article7132-the-coming-collapse-of-american-society.html
    Love, honour and... no way! Why get married? | Home News | News | The Independent
    http://www.akdart.com/culture2.html
    http://wwww.sahibzaman.com/
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    โอละพ่อ… อเมริกาปอกเปลือกอเมริกา: ที่แท้ก็สหรัฐฯนี่เองที่เป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ส่งปิ๊กอัพโตโยต้าไปให้กบฏซีเรีย แล้วมันก็หลุดไปอยู่ในมือของขบวนการก่อการร้ายไอซิสและกลุ่มอื่นๆ ฮ่าๆๆๆ (ข่าวบันเทิงอีกแล้วครับท่าน)

    [​IMG]

    -----------
    วันที่ 13 ต.ค. 58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "รถโตโยต้าของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสไม่เรื่องลึกลับอีกต่อไป ระหว่างที่การสนับสนุนสหรัฐฯสนับสนุนกบฏสายกลาง (ซีเรีย)" (ISIL Toyotas Are No Mystery Amid US Support for 'Moderate' Rebels) ฮิ้วววว
    ในคอลัมน์ Opinion ของสำนักข่าว Sputnik มีการเกริ่นนำว่า "นาย Daniel McAdams ประธานสถาบัน Ron Paul Institute (ของอเมริกานะครับ) กล่าวในรายการ Radio Sputnik ของรัสเซียว่า ความลึกลับ (/ปริศนา) เกี่ยวกับการใช้รถบรรทุกปิ๊กอัพ Toyota Hilux ไม่ได้เป็นความลึกลับที่แท้จริง เมื่อพิจารณาถึงการสนับสนุนของสหรัฐฯต่อกลุ่มกบฏซีเรีย และอาวุธบางส่วนที่ไปตกอยู่ในมือของกลุ่มก่อการร้ายอัลเคด้า" (เป็นงั้นไป... โอบาม่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนหละครับนี่? ไม่ต้องแกกระโดดขึ้นฝั่งก่อที่เรือจะล่มซะอีก จากคำพูดที่ว่า "ผมมีความสงสัยเกี่ยวกับข่าวโคมลอยในโปรแกรมฝึกกบฏซีเรียตั้งแต่ตอนเริ่มต้นแล้ว" คริๆ ช่วยย้ำหัวตะปูให้นะครับคุณโอบาม่า หวังว่าคงจะถูกใจนะ)
    Daniel McAdams กรรมการผู้จัดการของสถาบัน Ron Paul เพื่อสันติภาพและเจริญรุ่งเรืองกล่าวกับสถานีวิทยุของสปุ๊ดนิ๊คนิวส์ว่า "การตราจสอบรถกระบะโตโยต้าที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายในกลุ่มก่อการร้ายไอซิสไม่ถือว่าเป็นเรื่องลึกลับอะไรเลย เมื่อพิจารณาการเปิดเผยที่พบว่า 60 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของการให้ความช่วยเหลือของสหรัฐฯต่อกลุ่มกบฏสายกลาง ซึ่งก็ไปจบลงในมือของกลุ่มนั้น (ไอซิส)"
    รายงานข่าวในเดือนเดือนเมษายน 2014 ที่จัดทำโดยสถานีวิทยุ NPR (National Public Radio) ของสหรัฯได้ยกย่องสรรเสริญเยินยอการใช้รถ Toyota Hilux ในกิจการสงครามได้แสดงให้เห็นว่า "เมื่อเร็วๆนี้กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯได้จัดส่งรถกระบะโตโยต้าจำนวน 43 คันไปให้กองทัพปลดปล่อยซีเรีย (Free Syria Army - FSA) อาวุธที่สหรัฐฯจัดส่งไปให้ซีเรียมากถึง 60-80 เปอร์เซ็นต์ไปตกอยู่ในมือของกลุ่มก่อการร้ายอัลเคด้าและเครือข่าย Joshua Landis ผู้เชี่ยวชาญซีเรียที่มหาวิทยาลัย University of Oklahoma (สหรัฐฯ) กล่าวกับสำนักข่าว AP เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา" (งานนี้สื่อฯรัสเซียไม่ได้เต้าข่าวขึ้นมาเองอย่างสื่อฯอเมริกาและสื่อฯอังกฤษนะครับ อ้างมาจากสื่อฯอเมริกาอีกทีหนึ่งด้วย คริๆ)
    McAdams กล่าวว่า "ผมคิดว่าปริศนาที่แท้จริงก็คือว่า 'ไม่มีปริศนาที่แท้จริงเลย' (I think the real mystery is that there is no real mystery. เอ่อ… ขอบอกตามตรงนะครับ แอ็ดมินชอบสถาบันรอน พอลของอเมริกาสถาบันนี้อ่ะ) <…> ถ้าหากว่าเราเราสองกับสองมารวมเข้าด้วยกัน (มันจะกลายเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าสี่หรือมากกว่า4ได้อย่างไร? คริๆ) และดูสิ่งที่ศาสตร์จารย์ Landers เฉลยออกมา มันไม่ใช่ศาสตร์ที่เกี่ยวกับจรวดที่จะพบว่ารถโตโยต้าเหล่านั้นหายไปไหน (ไอซิส)"
    รายงานข่าวบอกว่าไม่ได้มีแต่รถโตโยต้าเท่านั้นที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในความขัดแย้งในซีเรีย คลิปวีดีโอเมื่อเร็วๆนี้ซึ่งมีการบันทึกภาพในพื้นที่ที่มีการยึดครองได้ใหม่ๆในซีเรียยังได้แสดงถึงการทำลายรถกระบะ ISUZU D-Max พวงมาลัยขวาด้วย (ดูคลิปจากล้ิงค์ข้างล่างหรือจากคอมเม้นท์ในโพสต์นี้ ชัดเจนแจ่มแจ้งแดงแจ๋เลย)
    McAdams กล่าวว่า "มันจะเป็นการดีกว่า หากในปี 2006 อย่างที่พวกเราได้รับรู้จาก Wikileaks (ชื่อกลุ่มแฮ็กเกอร์ชื่อดังคอยเปิดเผยเรื่องลับๆที่ไม่ชอบมาพากลของรัฐบาลอเมริกา) มันจะเป็นการดีกว่าหากว่ารัฐบาลสหรัฐฯไม่ตัดสินใจทำลายเสถียรภาพรัฐบาลซีเรีย"
    รายงานข่าวบอกว่า ในเดือนธันวาคม 2014 พบว่ากลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงซึ่งรวมทั้งนักรบต่างชาติในซีเรียด้วยได้ใช้พาหนะจากสหรัฐฯ ซึ่งทั้งรถบรรทุกปิ๊กอัพที่ก่อนหน้านี้ใช้โดยบริษัทประปาในรัฐเท็กซัส (กรรม! อ่ะฮ้าแล้วตอนนี้ไอซิสก็หันมานิยมใช้ฮัมวี่ของกองทัพอเมริกาด้วยนะครับ ประมาณ 2,300 คันเชียวนะ สหรัฐฯอ้างว่าถูกปล้นไปในอิรัคซะงั้น ฮ่าๆๆ)
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    14/10/2558

    ภาพจาก © REUTERS/ Stringer

    ----------
    ISIL Toyotas Are No Mystery Amid US Support for 'Moderate' Rebels
    Officials: CIA-backed Syrian rebels under Russian blitz
    Let's Go Places
    https://www.youtube.com/watch?v=LXzvSZCx_K0
    https://youtu.be/tk9QBT4gWS0?t=51
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    RT ช่วยอเมริกาไขปริศนาอีกแรง ฮ่าๆๆ
    --------

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/LXzvSZCx_K0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    https://www.youtube.com/watch?v=LXzvSZCx_K0

    นักรบญิฮัด ISIS รักการขับโตโยต้า US ประหลาดใจว่าทำไม
    ISIS jihadists love driving Toyotas, US wonders why

    อภินันทนาการจากสหรัฐฯให้ไอซิส
    ---------

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/tk9QBT4gWS0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    https://youtu.be/tk9QBT4gWS0?t=51

    กองทัพกำหนดควบคุมเมืองชนบทแห้งของ Hama
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
    อังกฤษปฏิเสธข่าวสื่อฯเมืองผู้ดี (?) อ้างแหล่งข่าวผีบอกว่ากองทัพอากาศอังกฤษอนุญาตให้ยิงเครื่องบินของรัสเซียในอิรัคได้

    [​IMG]

    -----------
    วันที่ 13 ต.ค. 58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "อังกฤษปฏิเสธนโยบายตามที่ถูกกล่าวหาว่าอนุญาตให้โจมตีเครื่องบินรบของรัสเซียในตะวันออกกลาง"
    รายงานข่าวบอกว่าเจ้าหน้าที่กลาโหมของอังกฤษได้ปฏิเสธรายงานที่ว่า เครื่องบินรบ Tornado แห่งกองทัพอากาศแห่งราชอาณาจักรอังกฤษที่ปฏิบัติภารกิจโจมตีทางอากาศในอิรัค ซึ่งขณะนี้ได้มีการติดตั้งขีปนาวุธจากอากาศ-สู่-อากาศที่มีความสามารถยิงเครื่องบินรบของรัสเซียได้ในทางทฤษฎี (ถ้าในทางปฏิบัตินั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง) บีบีซีรายงาน
    ก่อนหน้าที่จะมีการเปิดเผยรายงานนี้ หนังสือพิมพ์ Daily Star ประเภทแทบลอยด์ (tabloid) ได้รายงานว่านักบินรบของอังกฤษได้รับอนุญาตให้โจมตีเครื่องบินรบของรัสเซียในตะวันออกลางได้ในกรณีที่พบว่าชีวิตของพวกเขาถูกคุกคาม
    เอกอัครราชทูตของรัสเซียประจำกรุงลอนดอนได้ร้องขอให้รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษช่วยตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวตามที่สื่อฯอังกฤษได้รายงานไป กระทรวงกลาโหมของรัสเซียก็ได้ส่งหนังสือทางการทูตขอรายละเอียดต่อทูตทหารที่สถานทูตอังกฤาในรัสเซียด้วย
    ทั้งกลาโหมและกระทรวงต่างประเทศในกรุงลอนดอนได้ให้คำตอบเป็นเสียงเดียวกัน โดยพูดว่ารายงานเกี่ยวกับเครื่องบินรบ Tornado ที่ติดตั้งขีปนาวุธแบบ air-to-air พร้อมกับการอนุญาตให้นักบิน (ของอังกฤษ) โจมตีรัสเซียนั้นตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริง (contrary to fact)
    Jonathan Marcus ซึ่งรับผิดชอบด้านกลาโหมและการทูตได้เขียนหนังสือชี้แจงไปยังสำนักข่าว BBC ว่าแม้ว่าเครื่องบินรบ Tornado ของอังกฤษจะประจำการอยู่ในไซปรัส (Crypus) และกำลังปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในอิรัคก็ตาม แต่บางทีเครื่องบินรบเหล่านั้นบางที "อาจจะบินเหนือน่านฟ้าของซีเรียในภารกิจการรวบรวมข่าวกรอง" ด้วยซึ่งหมายความว่าการเผชิญหน้ากับเครื่องบินรบของรัสเซียอาจจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ (encounters with Russian jets would become unavoidable)
    ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ประเทศหนึ่งจะได้รับอนุญาตให้ใช้กองทัพในดินแดนของประเทศหนึ่งได้ก็ต่อเมื่อทางการของประเทศนั้น (เจ้าบ้าน) ได้ร้องขอความช่วยเหลือแล้วเท่านั้น (ฮาดี้ก็เลยขอให้ซาอุดิฯบินไปบอมบ์เยเมนรายวัน วันละหลายเที่ยวได้ตามอำเภอใจ โดยทาางกฎหมายซาอุดิอาระเบียและพันธมิตรก็อ้างได้ว่าไม่ผิดที่บินไปถล่มเยเมน ได้รับการร้องขอและอนุมัติจากรัฐบาลพลัดถิ่นเยเมนที่นำโดยฮาดี้ซึ่งถูกซาอุดิฯและสหรัฐฯสั่งได้ตามต้องการ)
    ตามกฎระเบียบแนวทางการแก้ไขปัญหาของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือบนพื้นฐานของจุดประสงค์ของการป้องกันและรักษาความปลอดภัยของชาติ รัสเซียได้ดำเนินปฏิบัติการทางอากาศในการตอบสนองต่อคำร้องขอโดยผู้นำที่มีความชอบธรรมของซีเรียซึ่งก็คือ ปธน.บาชาร์ อัสซาด (ตรงนี้สื่อฯสหรัฐฯและตะวันตกและสื่อฯที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของสื่อฯเหล่านั้นจะไม่กล้าพูดย้ำแบบนี้ กลัวว่าผู้ฟังจะหันไปสนับสนุนอัสซาดแทน ซึ่งตรงข้ามกับความต้องการของรัฐบาลสหรัฐฯและมหาอำนาจในยุโรป)
    ก็สรุปว่าข่าวที่ว่าทางการของอังกฤษอนุญาตให้เครื่องบินรบของอังกฤษยิงเครื่องบินรบของรัสเซียเหนือน่านฟ้าอิรัคได้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานั้น ไม่เป็นความจริง แต่ถ้ารัสเซียไม่กระชากคออังกฤษมาถามให้รู้เรื่อง คิดว่าทางการของอังกฤษจะออกมาแก้ข่าวนี้ไหม?
    ทุกวันนี้สื่อฯอังกฤษและตะวันตกรวมทั้งสหรัฐฯด้วย (บางสำนัก) นิยมเล่นข่าวแบบนี้คือข่าวลวงเป็นส่วนมาก โดยมีวัตถุประสงค์ทางด้านการเมือง สื่อฯพวกนี้อ้างว่าเป็นสื่อฯเมืองผู้ดี แต่พฤติกรรมที่แสดงออกนั้นกลับตรงกันข้ามกับคำโฆษณาคุณภาพของตัวเองโดยสิ้นเชิง วัฒนธรรมการกุข่าวเต้าข่าวหลอกลวงใส่ร้ายรายวันกำลังได้รับความนิยมในวงการสื่อฯตะวันตกและสหรัฐฯเป็นอย่างมาก ขาวกำลังจะกลายเป็นดำ ดำกำลังจะกลายเป็นขาว เป็นเรื่องน่าเศร้าที่กระแสโลกกำลังพากันหันมาเล่นข่าวในลักษณะนี้มากขึ้น จนสังคมไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอันไหนข่าวจริง อันไหนข่าวลวง มั่วกันไปหมด สื่อฯเหล่านั้นกำลังบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือที่เคยมีมานานของตนไปเรื่อยๆ
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    14/10/2558

    ภาพจาก © Flickr/ aceebee

    ----------
    UK Denies Alleged Policy Allowing to Strike Russian Jets in Middle East
    UK Trying to Protect its Own Jihadists From Russian Airstrikes in Iraq?
    Moscow:UK Should Explain Report of Permission to Hit Russian Jets Over Iraq
     

แชร์หน้านี้

Loading...