ท่านว่าระดับธรรมของท่าน สูงหรือไม่ เพราะอะไร

ยังคิดเอา

เวลา เราภาวนาด้วยการคิดเอา คาดเดาเอา นักภาวนาจะ หยิบศัพท์ คำว่า "ว่าง" มากล่าวเป็น ธง โบกสะบัด เป็นสัญญาณ โดยไม่รู้ตัวว่า ไปยก "ธง" แห่งความพ่ายแพ้ ไม่ออกหัดปฏิบัติ

พอกล่าวธรรมเมื่อไหร่ สังเกตเลย แทนที่จะ ระลึกเห็น ความเพียร

จะยก "ธง" ขึ้นมาโบกก่อนหน้า ทำบ่อยๆ เข้า เป็น บ้า แบบ พี่จี๋ กลายเป็น สัตว์สัญญาเสีย ไม่สามารถเห็น สัญญาขันธ์ แสดงไตรลักษณ์ได้

" กาย เวทนา จิต ธรรม " สติปัฏฐาน4 ทำไมยังไม่กล่างถึง สัญญา

ก็เพราะว่า มันยังมี ภูมิธรรมไม่ถึง จะไป ฟัดกับ สัญญาขันธ์

ต้อง ปฏิบัติไปให้มากๆ พอตัว จนจิตมี สติเป็นวินัย พระ หรือ คนที่ ภาวนาเป็น
ก็จะ แย๊บให้เห็น สัญญาขันธ์ ให้ยกพิจารณา

ถ้า การภาวนาสติปัฏฐานยังไม่เคยแต่ เอาแต่ ยกธง โบกสบัด กูว่าง กูจะช่วยสัตว์ในนรกให้หมดก่อน ก็เอา สนตี ไปรับประทาน ได้เลย

 

กล้วยไข่พอใจแค่ประพฤติศีล ประพฤติธรรมก็เพียงพอ
เอาแค่เห็นธรรมก็จะพระตถาคตเจ้าโดยธรรมชาติของศาสนาพุทธไม่ต้องไปเน้นความพินอบภิเทาต่อพระองค์
เพราะพระพุทธเจ้าทรงกล่าวเน้นว่า
ผู้ใดถึงธรรม ผู้นั้นก็ถึงท่าน..

 

เนี่ยะ ตัวอย่าง วิบากจิต ที่ไปปรารภว่า " ว่าง "

พอยก ธง "ว่าง" ปั๊ป ความพอใจในการปฏิบัติจะสั้นจุ๊ดจู๋ กลับไป จมการสมาทานศีล การจาคะ

วนเวียนกิจ อันข้อง หรือ เข้าหาโลก(หิวอารมณ์) .....โดน พยาจิตราช!! มัน ตบหัวทิ่ม

 

เนี่ยะ หากเข้าใจ

แล้วเห็น กริยาจิต อาการของจิต ไหลไปมี ทิฏฐิ หรือ การดำริ แม้นการปฏิบัติปั๊ป พยาจิตราช มันหลอกตบหัวทิ่มหมดแหละ

แต่ ทางออกมีไหม

กลับไป ที่การปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา ทำให้มากๆ เพื่อ ตามเห็น ความพอใจ ความไม่พอใจ ความเฉย เป็น สิ่งเกิด แล้วก็ดับ ก็จะ ค่อยๆ เข้าไปเห็น หนทางซ่องเสพกุศลจำนวนมาก พร้อมด้วยอุบายนำออก ที่ถูกวิธี ได้ สักวันหนึ่ง ไม่ยาก บางคนแค่ ขณะจิตเดียว ก็เชน เซ็น โซ ไซ ซาโตริ กันไป เขาก็ว่า มี

 

จิตใจผู้ใดที่ยังมีความขัดแย้งอยุ่ภายในจิต แสดงว่ายังมีอารมณ์ต่างดุลมาคอยแสดงให้จิตใจกระเพิ่มขุ่นมัวนำไปสู่ความวุ่นวายไม่สงบภายในจิต จึงควรพิจารณาดูแลรักษาจิต ในลักษณะนี้ให้ดีด้วย ... ^_^

 

กลัยไปกระบวนท่าเดิมๆ
ก็เหมือนไปยึด ไปติด
ควรยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยน
ที่ง่ายและสะดวกกว่าบ้าง

 

จิตไม่ใช่เรา เราไม่ใช่จิต
เราไม่ปรุงแต่ง จิตไม่เสพอารมย์
อะไรจะกระเพื่อม!!!

 

คิดได้แบบนั้นก็ดีแล้วท่าน แต่อย่ามัวเวียนว่ายอยู่กับความคิดสังขารนี้ก็แล้วกัน ... ^__^

 

ถามว่า เห็นความจริงในธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ นั้น เห็นความจริงอะไร

จะเรียกว่า สภาพจิต ณ เวลานั้นมันว่างจากความยึดถืออยู่ก็คงจะไม่ผิด

ตรงนี้มันแปร่ง ๆ ครับ น่าจะใช้คำว่า
จิตนั้นจึงว่างเว้นจากการหลงก่อภพก่อชาติ

แต่ถ้าจะให้เห็นตรงลงไปอีกก็คือ
ตัวที่สำคัญว่าเป็นจิตนั่นแหละ คืออวิชชา
และตัวจิตนั่นแหละ คือตัวภพเลยทีเดียว
อวิชชาพาก่อภพ

เพราะจริง ๆ ถ้าว่าปราศจากความพอใจไม่พอใจอยู่ ณ เวลาใด
เวลานั้นจิตก็ไม่มี เพราะปราศจากความสำคัญมั่นหมายใด ๆ
หรือจะพูดว่า ตัวกูของกูไม่มี ณ เวลานั้นก็ได้
ที่มีก็เพราะไปหลงให้ค่าทางใดทางหนึ่งอยู่นั่นเอง
(แม้แต่การไปให้ค่าว่า มันเป็นอุเบกขาอยู่ก็ตามที)

ดังนั้นที่ว่าว่างนั้น ผู้รู้ท่านจะหมายถึง ว่างเปล่าจากความยึดถือ
ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวเป็นตนใด ๆ
ไม่ใช่ว่างแบบสำคัญมั่นหมายว่า โล่ง ๆ ว่าง ๆ
ควานหาอารมณ์สุขทุกข์ไม่เจอ อันนั้นเป็นปรากฏการณ์ทางจิต
ไม่พ้นวิสัยแห่งโลกียะไปได้เลย

แต่ครูบาอาจารย์ท่านก็ว่า ความบริสุทธิ์ของจิต
มีส่วนช่วยให้เข้าถึงความจริงได้ ข้อนี้ขอยกตัวอย่างเช่น
เวลาจิตบริสุทธิ์มันไม่ทุกข์ พอหลงมีมลทินกลุ้มรุม
มันดิ้นรน ก็เห็นทุกข์ชัด เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์ เกิดดับอยู่นั่น
เดี๋ยวมีตัณหา เดี๋ยวไม่มีตัณหา ก็พิจารณาเห็นตามความเป็นจริงไป
ถ้าเหตุปัจจัยถึงพร้อมก็จะได้รู้แจ้งเห็นจริงในธรรมชาติ
ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นได้เอง

ความว่างจะต้องหมายถึงความว่างดังว่า และ
ความว่างชนิดนี้เป็นผล ถ้าหมายเอาโดยตรงจะคลาดเคลื่อนทันที
ทีนี้ญาณเห็นทุกข์มันอีกตัวหนึ่ง ต้องไปรู้ตามเห็นตาม
รู้ทุกข์เห็นทุกข์ตามความเป็นจริงเอา
มันถึงจะปล่อยวางสลัดคืนอย่างหมดเยื่อใยต่อไปครับ

 

ต้องปล่อยไปกระมัง

ความที่ไป รับรองพี่จี๋ ให้เป็น อริยะเจ้า สัพพัญญู อรหันต์ใส่เกียรมา ถอยหลังกลับ มาขนสัตว์นรกก่อน

พอไปรับรองแบบนั้น บกกับ การอ้างว่าตนมีศีลชั้นเลิศ มุสาวาทานี้ไม่มี ก็เลยต้อง จำใจ ยอมรับ พี่จี๋ ทำให้ต้องทำตัวโงโงบาบา "ว่าง" แบบ โวหาร ปากพร่ำบ่น แต่ หนทางภาวนา มืดแปดด้าน อ้างเอาดื้อๆว่า รู้ทั่วถึง "ว่าง" ชนิดนั้น เป็นอยู่ ทั้งๆที่ ยังไม่ได้ภาวนาฮาอะไร แถม ยังตบยุง ดันทะลึ่ง อ้างรู้ว่า "ว่าง" ของตนนั้น ถูกที่สู๊ดดดด สนตี !!!!


แต่ถ้า ปล่อยการรับรองพี่จี๋ ปั๊ป ศีลข้อมุสา บริสุทธิทันที ฮะเอ่อ
[ ภาษาธรรม เรียกว่า การทำกลับคืนตามธรรม ก็ เข้าถึงธรรมได้ทันที
เช่น พวกที่ อาบัติปาราชิก พอสึกออกมาแล้ว ก็ภาวนาต่อ ทำกลับคืน
ตามธรรม ตามตำราที่นักอภิธรรมวิจัยมา สำเร็จได้ถึง อนาคามี พวกที่
ปาราชิกออกมา มาคโวสโกกับเมีย ก็ปรามาสกันไม่ได้ ยังมีสิทธิเต็ม75 ]

 

ไม่ใช่เทศน์เก่ง แต่เป็นเรื่องของคนพูดมาก
พูดมากจริงๆ

 

ตบหัวทิ่มบ้าบอ พูดมาก!!

 

พี่ศรีจะเป็นอะไรกูยังไม่รู้เลย
แต่กูโปรคนเคารพศีล มันจะมีความผิดถึงขั้น
ลงไปท่องนรกก็ยอมไม่เป็นไรน่ะนะ

 

เชยระเบิดระเบ้อ มีตรงไหนฮับ ที่ผมเอา นรก มาขู่

มีแต่กล่าวว่า ผิดแล้วผลิก ก็ สำเร็จนิพพานได้ทันที ไม่ต้อง สะสมบุญ ทาน

มีแต่กล่าวว่า ถึงถูกอยู่ก็ผลิก สำเร็จนิพพานได้ทันที ไม่ต้อง สะสมบุญ ทาน

มีแต่ จี้ให้ ภาวนาเพื่อไปนิพพาน ไม่ใช่ "ว่าง" เป็นนักรบสุญญตา แต่
บอกว่า "ตน" พร่องบุญ ต้องสะสมศีล ทาน แต่สักพัก อ้าง ตนมีบุญมาก(ตรงนี้ อ้างปฏิปทานไปช่วยสัตว์อื่น)

จิต มันตบหัวทิ่ม พูดอะไร แย้งตัวเอง ไปมา [ หากตามดูความไม่เที่ยง ก็ ยกเข้า ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ได้ทันที ]

 

เอิ่ม ว่าแต่ว่า เลิก บา เรื่องคนเพ่งกสิณ นกบ้ากาม หรือยังฮับ

หรือ ยังไปเชื่อว่า อายเฮียตัวนั้น ทำโน้น ทำนี่ได้ มีฤทธิ์ น่าเคารพ


สนตี !!! [ อันนี้ ส่งให้ คนโน้น ที่มัน ท้าว่า จะเพ่งโดยไม่ต้องเห็นตัวอะนะ ]

 

ถ้าคิดแบบนี้. ไม่มีทางถึงพระองค์

 

คนบางคนก็ดีแต่ว่าคนอื่นเนอะ สังเกตุมานานแหล่ะ ไม่เห็นพี่เค้าไปด่าใครก่อนนะคะ มีแต่โดนกระแหนะกระแหน่พาดพิงเลยต้องออกมาพูดบ้าง อะไรบ้าง

ว่าแต่ทำได้เหมือนพี่เค้าไหมคะ ไหนลองพิสูจน์ให้หนูดูหน่อย เหมือนที่พี่เค้าทำให้หนูดู บอกก่อนนะหนูขอพี่เค้าพิสูจน์เอง เพราะก่อนจะเชื่ออะไรต้องมีหลักฐานเป็นรูปธรรม ซึ่งแม้ว่าเจ้าตัวเค้าอยู่ห่างไปหลายร้อยกิโล เค้าสามารถทำให้หนูรู้สึกถึงพลังงานกสิณทั้ง ไฟ ดิน น้ำ อากาศและลม และสีได้จริง หรือจะให้คุณ Valentine พิสูจน์อีกคนก็ได้นะคะ

และขอบอกตรงนี้เลยว่าพี่เค้าไม่ได้เอาสิ่งนี้มาเพื่อโม้ แต่เค้าเอามาช่วยรักษาคนอื่นส่วนใหญ่ พี่เค้ายังช่วยรักษาบางอาการให้หนูเลย โดยที่ยังอยู่ห่างหลายร้อยโลเหมือนเดิม ที่สำคัญพี่เค้าจะย้ำเสมอไม่ให้ยึดกับสิ่งเหล่านี้ แต่ให้เน้นสติให้มากเพื่อเป้าหมายหลักนั่นคือพ้นทุกข์ ส่วนเป้าหมายรองเพื่อช่วยเหลือ หรือสงเคราะห์ผู้อื่นก็ว่ากันไปตามจริตของแต่ละคน

จนถึงตอนนี้ fc พี่เค้าก็ยังเหนียวแน่น กำลังใจเพียบ เพราะพี่เค้าทำได้จริงๆ ไม่ได้เก่งแต่ปากเหมือนบางคน ที่เอาแต่ด่า หรือใส่ความเท็จคนอื่นๆ ขอบอกให้รู้ไว้ค่ะ

ว่าแต่ก็แปลกนะคะ ไปว่าพี่เค้าบ้ากาม ตกลง คนที่ว่าคนอื่นๆบ้ากามนี่ ใจคิดลามกอยู่รึเปล่าคะ ถ้าพี่เค้าบ้ากามทำไม fc พี่เค้าถึงเยอะและเหนียวแน่นล่ะ และทำไมเค้าฝึกแล้วสำเร็จ เอาพลังงานมาใช้ได้จริงล่ะคะ

อย่าลืมนะว่าก่อนที่จะนำมาใช้ได้จริง ท่านเจ้าของวิชาท่านก็ต้องเทสก่อนระดับนึงว่าพื้นฐานนิสัยเป็นอย่างไร ถ้าเลวมากท่านคงไม่ยอมให้เอามาใช้ได้จริงหรอกนะคะ ตรรกะง่ายๆแค่นี้ทำไมคิดไม่ออกคะนี่

ดังนั้นที่เอาพี่เค้ามาว่าน่ะ รู้จริงรึเปล่าคะหรือว่าอิจฉากันแน่ อย่าเอาแต่ด่าพี่เค้ามากนะคะ เดี๋ยวคนอื่นเค้าจะว่าได้ว่าเราไม่แมนนะคะลุง อิอิ

 

เชยระเบิดระเบ้อ

ต้องทำความเข้าใจก่อน นะฮับว่า เราจะเอา ธรรม เป็นใหญ่

การเอาธรรมเป็นใหญ่ เราจะไม่เอา ความเป็นภพชาติ ที่มี ชรา มรณะ มาหลอกต้มกัน

การที่ คนเรา เอาสภาพธรรมที่เป็นเรื่องของ สภาวะสัตว์ มีโรค มีภัย มีอุปทาน มาร้อยรัด
กันเราเรียกว่า "ธรรมลามก" หรือ บ้ากามภพ กามสัญญา

การที่เขาเพ่งฮาอะไรใส่ตัวคุณ หรือ แม้แต่ต่อให้เขา เหาะเหิน เดินอากาศได้ มันก็เป็นเรื่อง
ของกามลามก สถาณเดียว และ หาดเอาสิ่งนี้ใหญ่กว่าธรรม ก็จะ ถือว่า ตบตา และทำให้
อุปทานที่ไม่เคยเกิด มันเกิดขึ้น !! อย่างเช่น คุณไม่เคยอุปทานไปเรื่องเพ่งพลังใส่มือ แล้ว
เขาทำ เกิดอะไรขึ้น เกิดอุปทานขึ้น หลังจากนั้นเกิดอะไร ....คือ บางคนในกลุ่มคุณ ก็
โน้นได้ พล๊อตเรื่องไปเขียนนิยาย นิทาน เมาสังสารวัฏยิ่งขึ้น

แต่ถ้าเขา เพ่งสิ่งอะไรใส่ตัวคุณ แล้ว เขายกปรารภว่า นี้เป็นของลวง เป็นของไม่เที่ยง

ทำให้ประจักษ์ แต่ ทำก็เพื่ออาศัย ระลึก นำออกจากภพชาติ อันนี้ เราจะให้คะแนนมาก
เพราะ มันจะทำให้คุณ มุ่งนิพพานโดยไม่ต้องไปเสียเวลา ซึ่ง ในเชิงของการภาวนา พอจิต
คุณได้ที่ คุณจะทำอย่างเขาได้ หรืออาจจะไม่ได้ นั่นไม่แปลก เพราะ จิตเสีย ไปแล้ว คือ
หมายถึง จิตของคุณมันจะมีสัญญาในเรื่องนั้นๆ ซึ่งมีแล้วหากเอาไว้ใช้ประโยชน์ ก็พอทำเนา
แต่ถ้ามีแล้ว ไม่ได้เอาไปใช้ประโยชน์อะไร เพราะ ก่อนหน้า เที่ยวโม้ เที่ยวโอ่ ยกยอปอปั้นกัน
เอง เขาเรียกว่า " เน่าใน " ได้ของไปก็ใช้ประโยชน์ไม่เป็น

รักษาโรค สนตี !! ไอ้ที่เขาทำเขาไม่ได้เรียก รักษาโรค อะไรแบบนั้น เขาเรียกว่า
ทำให้ เมาโลก และ เป็น โรค หนักกว่าเดิม

เว้นไว้แต่ เขารักษาคุณแล้ว ก็แนะนำ ธรรมโอสถ ธรรมที่ดำริออกจากภพชาติ เห็นทุกข์
เห็นโทษของการมีสังขาร ก็จะอีกเรื่องหนึ่ง


fc สนตี !!!

 

แล้ว พลังอะไรก็ตาม ในเชิงของธรรมะ หากเขาทำได้

นั่นแปลว่า " เกิดจิตหยั่งลงสู่ ครรภะ นามรูป "

พูดง่ายๆ ว่า คุณ แบะท่า ให้เขา เอาจิตมา ปฏิสนธิในตัวคุณ

นกบ้ากาม ก็แค่ เหยื่อ ของถุงหนัง มีสิ่งโสโครกไหลจาก รูรั่ว 7 รู เป็นนิจเท่านั้น

 

อย่า งง นะฮับ

คือ ถ้าคนบางคนในโลกนี้ เขาไม่ได้ แบะท่า รอรับ

ต่อให้เขาเหาะได้ อยู่ตรงหน้า เขาก็จะ พากัน จับ เอาไปเผา ได้

เหมือนในอินเดีย พอมีพวกอะไร แสดงอะไรได้จริง พวกที่ทำได้จริง
เนี่ยะ แค่เขาไม่เชื่อ ไม่แบะท่ารับ เขาก็พร้อมจะ จับไปเผา ตายฮาไป

มันจึงเป็น " สังขาร " ที่หลอกต้มได้เฉพาะ พวกที่ พร้อมจะเชื่อ ไม่ก็หลอกกันเอง เท่านั้น