โลกและจักรวาลใบนี้ใครสร้างหนอ วานผู้รู้ช่วยตอบหน่อยเป็นวิทยาทาน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย akara25, 13 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. akara25

    akara25 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +48
    โลกและจักรวาลใบนี้ใครเป็นผู้สร้างหนอ ช่วยตอบหน่อยครับ ผมไม่ได้มาลองภูมิใครในเว็บนี้ เพียงแต่เป็นคำถามที่ผมเองก็ไม่รู้จะตอบคนศาสนาอื่นอย่างไร เช่นกัน ผมนับถือศาสนาพุทธ และผมโชคดีที่ได้รู้จักเพื่อนหลายศาสนา อาทิ ฮินดู อิสลาม และคริสต์ ซึ่งถ้าจะมีการพูดคุยกันเรื่องความเชื่อแล้ว ถ้าไม่รู้จักนิสัยใจคอกันจริงๆ มีหวังยิงกันไปข้างนึงแน่ แต่หัวข้อที่ผมยกขึ้นมานี้ เป็นหัวข้อเดียวที่ผมตอบไม่ได้ เพราะอย่างที่รู้กัน ศาสนาอื่นจะใช้คำว่า "พระเจ้าสร้างทุกอย่าง" ซึ่งตัวผมเองยึดหลักของพระพุทธองค์มาตั้งแต่เด็ก ในเรื่องของพหูสูตร อย่างไรก็ดี อย่าตอบคำว่า พระเจ้า หรือ ธรรมชาติ เลย เพราะผมไม่ต้องการสองคำตอบนี้ มันไม่ต่างจาก ไข่ กับ ไก่ ใครเกิดก่อนกัน ท่านผู้รู้ที่บรรลุแล้วช่วยไขข้อข้องใจให้ผมหน่อยนะครับ ผมจะได้ใช้ความเป็นพุทธะ เผยแพร่โดยใช้เหตุ และ ผล ในการคุยกับพวกเขา ขอบคุณมากครับ
     
  2. akara25

    akara25 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +48
    ผมต้องการคำตอบที่เพื่อที่จะได้มีคำตอบให้กับพวกศาสนาอื่น หากไม่สามารถตอบได้ผมคิดว่าคุณไม่ต้องตอบจะดีกว่านะครับ คุณ khajonsak9999 เพราะสิ่งที่คุณตอบไม่ประเทืองปัญญาผมเช่นกัน
     
  3. winterball

    winterball เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +307
    ถ้ามีใครมาตอบแล้วก็สงสัยกันอีก ทะเลาะกันอีก ไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไรเลยครับ
    แล้วทำไมไม่ถามกลับไปล่ะว่าใครสร้างพระเจ้า...
    อ่ะ...ทะเลาะกันอีก... บอกอีกว่าไม่มีใครมีปัญญาเท่าพระเจ้า...
    ถามอีก..แล้วพระเจ้าให้สมองมาทำไม...

    อ่ะ...อารมณ์ขึ้นๆมาอีกแล้ว...

    แล้วก็ออกนอกลู่นอกทาง ลืมไปว่าเขาสอนให้รักกัน
    ลืมไปว่าไม่ว่าศาสนาไหนเขาก็สอนให้เมตตากัน
    ลืมไปว่าไม่ว่าศาสนาไหนเขาก็สอนไม่ให้ฆ่าประหัดประหารกัน...

    สรุปก็ได้ตายไปพร้อมกับความสงสัย... และเวลาที่เกิดมาก็เอามานั่งสงสัยกับสิ่งที่ไม่ได้ทำให้ตนเองและผู้อื่นพ้นทุกข์เลย...

    ปล่อยๆเถอะครับ
     
  4. karain

    karain เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    639
    ค่าพลัง:
    +707
    akara27 ผมเห็นด้วยนะ
     
  5. karain

    karain เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    639
    ค่าพลัง:
    +707
    เคยสงสัยเหมือนกัน
     
  6. akara25

    akara25 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +48
    รู้สึกรำคาญไหมที่เวลาถามคนที่เชื่อพระเจ้า แล้วเขาจะตอบว่า พระเจ้าสร้างโน้น สร้างนี่ สร้างนั่น แต่เวลาถามคนพุทธว่าใครสร้าง กลับไม่มีใครตอบผมสักคน แล้วอย่างงี้จะไปว่าเขาได้เยี่ยงไรเล่า.....อะนิจจัง
     
  7. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ไม่ใช่ๆ คุณขจรศักดิ์ คนนี้เด็กใหม่ ผลัดหลงเข้ามา เหตุแรกคือจะมา
    ชักชวนคนไปในกิจกรรมของเขา แต่เข้ามาแล้วก็อ่านเสียหน่อย นี้
    คงสนใจธรรมะใดๆ ขึ้นมา ก็เงี่ยหูฟัง พอมีไอเดีย ก็อยากตรวจสอบ
    ว่าจะมีอะไรตรงกับที่เขาคิดคำนึงถึงไหม

    นี่ก็น่าจะสัมมาทิฏฐิอยู่ แต่ก็อยากชักชวนให้แสดงเหตุผลกัน แต่เรื่องพระ
    เจ้านี่ อ้ายกระผมก็ขอบาย ให้คนอื่นเขาพูดด้วยเหตุผลเขาไป ขออย่าง
    เดียว อย่ามาโยง พุทธศาสนา ก็จะเป็นกุศลแก่เขาแน่นอน

    * * * * * *

    พุทธะ ไม่ใช่ไม่ตอบนะ ตอบปฏิเสธการกล่าวถึง นั้นคือคำตอบ
    เหตุผลมันก็คือๆ รู้ไปแล้วก็เอามาช่วยทำวิปัสสนาเข้าสู่นิพพานไม่ได้
    เอามาตั้งเพื่อทำสมาธิสมถะยานิกก็ไม่ได้ เพราะไม่รู้ รูป-นาม ของพระเจ้า
    เป็นอย่างไรกันแน่ ถ้าเอากางเขนมาแทน นั่นจะใช้รูปพระเจ้าหรือ ก็ไม่ใช่
    จะเป็นรูปคนสักคนหรือ ก็จะวุ่นนะ ใครก็ได้ หน้าใครก็ได้สิคราวนี้ ขวดโค๊ก
    ก็ยังได้เลย ถ้านิเชาว์เขาจะทำสมาธิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2008
  8. akara25

    akara25 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +48
    ผมไม่ได้เขียนข้อความกวนใครเลยแม้แต่น้อย แล้วคำถามก็เขียนชัดเจนว่าช่วยตอบประเทืองปัญญา หากไม่มีคำตอบให้อย่าตอบดีกว่าครับ ไปอ่านกระทู้อื่นเถิด เพราะผมก็เขียนชัดเจนว่า ต้องการรู้เพื่อตอบคนต่างศาสนาเพราะเขาถามอย่างนั้นจริงๆ เพราะชาวพุทธก็ชอบไปถามเขานิ แถมยังว่าเขาอีกต่างหาว่าอะไร อะไร ก็พระเจ้า แต่พอเขาถามกลับ ใบ้รับประทาน...หน้าแหกไหมหละ อย่างงี้ ขอผู้ที่มีเหตุ และผลมาตอบนะครับ มีแต่ภูมิกะโหลกกะลา ไม่ต้องมาตอบให้คนอื่นเขารำคาญ ขอบคุณมากครับ
     
  9. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    ตอบแบบไม่ใช่พุทธ

    พี่เห็นว่า...น้องไม่ต้องการคำตอบว่า "พระเจ้า" กะ "ธรรมชาติ"

    จากคำถามน้องนะคะ

    น้องไม่ได้ถามว่า ใครสร้าง เอกภพและสรรพสิ่ง

    แต่น้องถามว่า ใครสร้าง "โลก" และ "จักรวาล"

    พี่ขอยืนยัน นั่งยัน นอนยัน เลยว่า ....

    พวกเราทุกๆคน สร้างโลกและจักรวาลของเราค่ะ ^^

    น้องนั่นแหละ ที่สร้างโลกใบนี้และจักรวาลนี้

    (ไม่ลงรายละเอียดนะ ไปถามเป็นการส่วนตัวเอง อิอิ)
     
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ก็ได้ ลองดู ตามภูมิกะโหลกกะลานะ ผิดพลาดขออภัย

    คุณ akara มาทางสายพราหม์เนอะ

    พระศิวะ วิษณุ นารายณ์ และ อีกหลายท่าน อันนี้ไม่รู้จริงๆว่า มีมาอย่างไร

    แต่ในหลักคำสอนนั้น ก็กล่าวถึง ฤาษี ก็มาดู ฤาษี กัน ฤาษี นี้มาจากอะไร
    ส่วนใหญ่มาจากภูมิมนุษย์ เมื่อตบะแก่กล้า พระศิวะ วิษณุ นารายณ์ ก็ต้อง
    ยอมรับ และให้พร บางครั้งก็อาจต้องเคารพกัน ดังนั้น ฤาษี ที่ไปจากภูมิ
    มนุษย์ ผู้ที่พระเจ้าทั้งสามนับถือแล้ว ย่อมเสมอกัน รบกันก็ได้ แข่งกันก็ได้
    พนันกันก็ได้ สาปกันและกันก็ได้ จริงไหม ดังนั้น ฤาษีนี้ ไปจากภูมิมนุษย์
    ถึงแม้มนุษย์จะอยู่ภายใต้การสร้างของสามเทพ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง เทพทั้งสาม
    ก็ต้องยอมรับให้เสมอ

    เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะกล่าวว่า เทพเจ้า ไปจาก ภูมิมนุษย์ ข้อนี้เป็นเหตุเป็นผล
    ไหมครับ ข้อนี้เป็นเหตุผลที่ชี้แจงแล้วโดยพระพุทธะ ว่ามหาเทพมีปัจจัยการ
    เกิดอย่างไร เช่นนี้ ถือว่า พุทธะได้กล่าว หรือ ล่วงรู้การเกิดของเทพหรือยัง
     
  11. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,572
    ค่าพลัง:
    +4,560
    แสดงว่าคุณไม่ค่อยได้อ่านกระทู้ต่างๆที่ผ่านมา
    หลักวิทยาศาสตร์ โลกเราเกิดมาได้14000ล้านปี
    สิ่งมีชีวิตแรกเกิดในทะเลเมื่อ4000ล้านปีที่ผ่านมา
    จักรวาลเกิดจากการระเบิดครั้งใหญ่เรียกว่า บิ๊กแบง
    จึงเกิดจักรวาลต่างๆขึ้นมา
    จักรวาลหลายๆจักรวาลจะรวมอยู่ในแกแลกซี่ แกแลกซี่หลายๆแกแลกซี่ก็จะรวมเป็นมหาจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล
    จักรวาลจะขยายตัวไปเรื่อยๆในที่สุดก็จะยุบตัวระเบิดเป็นบิ๊กแบง สลับไปมาอย่างนี้
    ทางพุทธก็คือการเกิด ดับๆนั่นเอง
    พระพุทธเจ้าก็ระบุถึงการก่อเกิดชีวิตไว้
    ชีวิตต่างๆในโลก ก็จะมีการขยายตัวเหมือนจักรวาลนั่นเอง เพราะเป็นสิ่งเดียวกัน คือ ห้วงเวลา อวกาศ สสาร(รวมถึงมนุษย์)จะเกิดดับๆไปตามจักรวาลแม่บทนั่นเอง
    นั่นเพราะสิ่งมีชีวิตแรกเริ่ม มีการพัฒนาสายพันธ์ต่อเติมขยายตัวหรือหดหายไป
    ปัจจุบันจึงมีสิ่งมีชีวิตมากมายอยู่ในหลายๆมิติหรือหลายภพภูมิ
    สสารและพลังงานต่างๆที่รวมตัวเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตนั้น ก็เกิดดับๆเวียนว่ายตายเกิดกันตลอดเวลา และมีแต่จะขยายจำนวนมากขึ้นๆจนเกิดการระเบิดครั้งใหม่จึงจะเริ่มต้นวงจรชีวิตขึ้นใหม่ต่อไป
     
  12. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    พระเจ้าสร้าง พระเจ้าในที่นี้คือพลังงานอย่างหนึ่ง แทรกซึมไปในทุกสรรพิ่งพลังงานนี้เป็นผู้หล่อเลี้ยงสรรพิ่งให้ดำรงอยู่
    ท่านเล่าจื้อเรียกสิ่งนี้ว่า เต๋า ท่านกล่าวว่า เต๋า เป็นมารดาของสรรพสิ่ง ทุกสิ่งไหลเทมาจากนี้
    ในศาสนาพุทธคือ.... ถ้าใครอยากรู้จริงๆ ให้ติดต่อทางข้อความส่วนตัว
    ผมไม่แสดงความเห็นในนี้ มันจะกระทบกับความเชื่อของใครหลายๆคนในนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2008
  13. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    อย่าใส่ใจกับข้อความที่ปรากฏ ผ่านมา

    หากใส่ใจ จะว้าวุ่นเปล่า ๆ สนใจ คำถาม คำตอบของเราดีกว่าครับ

    ผมก็อยากรู้
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ใครสร้างคุณหละ คุณ อัคร ถ้าไม่รู้ผมจะตอบแทนให้

    ตอบว่า พ่อแม่ และความรัก อาหาร ที่คุณกินอยู่ทุกวัน ความรู้ที่คนอื่นให้คุณมา

    แล้วถามต่อว่าใครสร้างพ่อแม่คุณ หละ ก็ตอบว่า คุณตา คุณยาย

    มันเป็น อนัตตรปัจจัย นะ คือ ถ่ายทอดกันมา เพราะมีสิ่งนั้นจึงมีสิ่งนี้

    ผมอธิบายไปหลายครั้งแล้วเรื่องนี้ สิ่งใดๆ ล้วนมาจากเหตุทั้งสิ้น
     
  15. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,331
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,273
    พระมารดาแห่งดวงดาว หรือ องค์พระแม่สระทิพย์แห่งเต๋าครับ
     
  16. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ตอบ อกาลิโก

    เรื่องโลกและชีวิตยังคงเป็นประเด็นค้นหาไม่สิ้นสุด?

    นี่คือความเป็นมนุษย์ที่ได้มีชีวิตอยู่ในโลก ถ้าไม่มีโลก..ชีวิตจะเกิดได้ไหม ถ้าไม่มีชีวิต..จิตใจจะรู้ว่ามีโลกไหม ทั้งสองอย่างนี้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ต้องมีทั้งสองอย่างทั้งชีวิตซึ่งมีจิตใจด้วย จึงจะรับรู้ว่ามีโลกได้ ในทางกลับกันเพราะมีโลกจึงมีชีวิตเกิดขึ้นและมีจิตใจเกิดขึ้น ทั้งสองอย่างคืออันหนึ่งอันเดียวกัน เมื่อมีชีวิตมีจิตใจก็มีความคิด และความคิดของมนุษย์ก็หลากหลาย เพราะมนุษย์แต่ละคนเกิดในสภาพแวดล้อมต่างกัน เติบโตขึ้นมาแตกต่างกัน มีความคิดที่แตกต่างกัน แต่ความคิดก็หนีไม่พ้นเรื่องว่า..เราเกิดมาทำไม เพื่ออะไร ที่อยู่ๆ ก็เกิดขึ้นมารับรู้ และวันหนึ่งก็ตาย ตายแล้วไปไหน มันมีความหมายอะไร นี่คือความรู้สึกส่วนตัวที่ว่าต้องการจะรู้ ต้องการจะหาคำตอบต่อปัญหานี้ 0ต้องศึกษาและปฏิบัติด้วยตัวเอง? สิ่งเหล่านี้ตั้งแต่อดีตก็จะมีคนบอก แต่เราไม่ใช่เพียงแต่จะรู้จากที่ผู้อื่นบอกว่าเป็นอย่างไร เราต้องหาด้วยตัวของเราเอง ต้องหาความเข้าใจด้วยตัวเอง ต้องหาความรู้เรื่องนี้ทั้งหมดด้วยตัวของเราเอง ผมทำอย่างนี้ตลอดมาตั้งแต่เป็นเด็ก คนอื่นผมไม่รู้ อย่างเวลาเข้าเรียนหนังสือ บางคนอาจจะเรียนเพื่อให้รวยและเพื่อไปทำอาชีพอะไรให้มันรวย แต่ผมสนใจที่จะหาความรู้มากกว่า ฉะนั้นเวลาเลือกเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนรุ่นเดียวกับผมเขาก็จะเลือกเป็นหมอหรือเป็นวิศวะ เพราะว่าเป็นอาชีพที่ทำรายได้ แต่ผมไม่สนใจ ผมไปเลือกวิทยาศาสตร์ เพราะยุคนั้นยังไม่มีวิชาปรัชญา มหาวิทยาลัยสงฆ์ยังไม่มี และผมนึกว่ายังไม่จำเป็นจะต้องบวช ไม่รู้สึกว่าการแสวงหาเรื่องนี้จำเป็นจะต้องไปบวช 0เรียกว่ายุคนั้นวิชาปรัชญาและศาสนายังไม่มีเลย? ผมเข้ามหาวิทยาลัยปี 2483 ยุคนั้นสาขาวิชาปรัชญาในมหาวิทยาลัยยังไม่มีเลย เทียบกับตะวันตกวิชานี้เขามีมานานแล้ว มีผู้บุกเบิกพยายามจะให้มีวิชาปรัชญาเกิดขึ้น แต่กว่าจะมีก็นาน ผมไม่ได้ไปบุกเบิกเพราะผมเรียนวิทยาศาสตร์

    ในวิชาวิทยาศาสตร์ผมก็รู้เรื่องโลกและชีวิตได้ 0ถึงที่สุด
    'วิทยาศาสตร์-ปรัชญา-ศาสนา'เข้ามาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร? วิทยาศาสตร์ในอดีตจะเน้นสารวัตถุของโลกที่เรียกว่า 'Mater' หรือ 'Material' เป็นโลกของสารวัตถุ เคยเน้นมาอย่างนั้นตลอดเวลา ข้อควรคิดคือว่าวิทยาศาสตร์เริ่มขึ้นในประเทศตะวันตก เพราะฉะนั้นศัพท์วิทยาศาสตร์ก็เป็นศัพท์ตะวันตกทั้งนั้น เพราะปัญหาของคนตะวันตกตลอดมาเขาต้องต่อสู้กับความเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศซึ่งเป็นเรื่องของวัตถุ เมื่อเขาต้องต่อสู้กับความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น เขาต้องเรียนรู้เพื่อให้เข้าใจ พูดง่ายๆ ว่าอะไรเป็นศัตรู ก็ต้องเรียนรู้เพื่อให้รู้จักศัตรู ฉะนั้นการค้นคว้าศึกษาของตะวันตกก็คือการศึกษาค้นคว้าเรื่องวัตถุ อันนี้เป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์ในอดีต เขาเน้นความรู้ความเข้าใจเรื่องของวัตถุ เพราะฉะนั้นจะถือได้ว่าวิทยาศาสตร์เน้นที่จะรู้และเข้าใจวัตถุ แต่ว่าสติปัญญาของนักวิทยาศาสตร์เมื่อพัฒนามาก็พยายามแสวงหาความรู้ไปถึงขั้นที่ว่าวัตถุทั้งหมดทั้งสิ้นเกิดขึ้นมาได้ยังไง อันนี้ก็หมายความว่าเขาศึกษากว้างออกไปไม่ใช่เป็นแค่ระดับโลกของเราแล้ว แต่ขยายตัวออกไปถึงนอกโลก ออกไปสู่จักรวาล

    ปัญหาเลยเกิดขึ้นว่าจักรวาลเกิดขึ้นมาได้ยังไง 0ด้วยวิธีการของวิทยาศาสตร์? วิธีการของวิทยาศาสตร์ คือ การวิเคราะห์ สังเกตการณ์ และใช้อุปกรณ์สังเกตการณ์ โดยหาความรู้เอามาวิเคราะห์และคาดคะเนว่าธรรมชาติทางวัตถุมีกฎเกณฑ์อย่างไร ขยายไปเรื่อยๆ ความรู้ความเข้าใจขยายออกไป นี่คือเรื่องที่ว่าทำไมวิทยาศาสตร์เน้นทางวัตถุ หรือ 'สสารนิยม' (Materialism) หรือ Mater นั่นเอง ทั้งเรื่องพลังงานหรือเรื่องอะไรก็มาจากสสารนี่แหละ แต่ที่สำคัญคือผมต้องการจะเน้นการรู้กว้างลึกไปถึงขั้นที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมาอย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีในปัจจุบัน เขาพยายามหาคำตอบจากทฤษฎีที่เรียกว่า 'Big Bang' ว่าทุกอย่างเกิดจากเม็ดเล็กนิดเดียวที่ร้อนจัดอัดแน่นจนระเบิดขึ้นและก่อนหน้านั้นไม่มีอะไรเลย ความรู้ปัจจุบันรู้ไปถึงว่าหลังจากเม็ดนั้นระเบิดแล้วมันขยายตัวออกมาและกลายเป็นทุกอย่างที่เห็นเป็นสิ่งเหล่านี้ มาในปัจจุบันนี้ปัญหาเกิดขึ้นมาว่านอกจากวัตถุมันมีอะไรที่รับรู้วัตถุหรือเปล่า

    ผมเคยถามมาก่อน ถ้าไม่มีสิ่งที่เรียกว่าจิต จะมีอะไรรู้ว่าเป็นวัตถุไหม 0มองว่าจิตกับวัตถุจึงมีความสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก?
    คุณบอกว่ามีวัตถุ อะไรรู้ว่ามีวัตถุ ตัวรู้มันเป็นอย่างไร มันอยู่ที่ไหน มันมีมาตั้งแต่เมื่อไร ตรงนี้เป็นเรื่องของปรัชญา และต้นกำเนิดทั้งวัตถุและจิตมาอย่างไร ฉะนั้นจึงมีศาสนาเสนอเข้ามาว่าทุกอย่างเกิดมายังไง ไม่ว่าจะเป็นวัตถุหรือจิต ฉะนั้นในศาสนากล่าวว่ามันมีการสร้างทุกอย่างขึ้น มีศาสนาที่เชื่อการสร้างของเทพเจ้า ที่เรียกว่า 'พระเจ้าสร้างโลก' ทั้งหมดอาจเป็นเรื่องที่คนคิดขึ้นก็ได้ แต่ว่าตัวความคิดไม่ใช่วัตถุ แต่เป็นจิต ฉะนั้นเรื่องจิตก็ต้องเป็นเรื่องที่จะต้องศึกษาหาความรู้ นี่คือที่มาของศาสนา และเป็นที่มาของพุทธศาสนาด้วย เป็นที่มาของปรัชญาด้วย เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นศาสนา ปรัชญา วิทยาศาสตร์ ที่แท้ก็พูดเรื่องเดียวกันว่าเรามามีชีวิต มีทั้งจิตใจ มีทั้งร่างกายที่ศึกษาได้ด้วยวิทยาศาสตร์ แต่จิตในทางวิทยาศาสตร์ยังไม่ได้มีการศึกษามากพอ 0แต่

    ทุกวันนี้วิทยาศาสตร์มีการศึกษาเรื่องจิตมากขึ้น?
    ถ้ามาระยะหลังวิทยาศาสตร์เริ่มสนใจพิจารณาเรื่องจิตมากขึ้น แต่นักวิทยาศาสตร์บางพวกก็ยังไปอาศัยวัตถุ โดยไปคิดว่าสมองเป็นแหล่งของความคิดหรือจิต ปัญหามีอยู่ว่าสมองเป็นที่อยู่ของจิตหรือสมองเป็นจิต ผมสนใจเรื่องพรรค์นี้ ปัญหาที่ยังไม่มีใครขบแตก ผมสนใจว่าผู้คนคิดยังไงด้วย ไม่สนใจเพียงแต่ว่าใครเสนอแนวคิดยังไง นักปรัชญา นักศาสนา นักวิทยาศาสตร์ เคยเสนอไว้มากมาย แต่ที่สำคัญที่ผมรู้สึกคือเราต้องรู้ด้วยตนเอง ไม่ใช่ฟังที่เขาว่ามา เราต้องหาหนทางที่จะรู้ของเราเอง 0

    การศึกษาวิทยาศาสตร์จะมีขั้นตอน..แต่ถ้าเป็นด้านปรัชญาและศาสนา ต้องมีขั้นตอนและวิธีการด้วยหรือเปล่า?
    ต้องมีขั้นตอน ถ้าจะศึกษาว่าใครเสนออย่างไรในทางศาสนา ศาสนาคริสต์เสนออย่างไร ศาสนาพุทธเสนออย่างไร และยังมีว่าคริสต์นิกายไหนอีก พุทธนิยายไหน พุทธเถรวาทหรือพุทธมหายาน หรือพุทธวัชรยานของทิเบตคิดยังไง ควรจะเรียนรู้เรื่องเหล่านี้ เมื่อเรียนรู้แล้วไม่ควรจะยอมเชื่อ ทดสอบดูว่าแนวคิดอันนี้สำหรับเราเข้าใจไหม เราตามได้ไหม เขาแนะนำแนวทางปฏิบัติเพื่อจะบรรลุความเข้าใจ เราทำแล้วได้แค่ไหน อย่างนี้เราก็ใช้เวลาศึกษาเรื่อยมา สิ่งที่เขียนไว้คิดว่าเรารู้กันสักแค่ไหน และถ่ายทอดออกมา ผลงานของผมคือการถ่ายทอดความรู้ตามรูปแบบที่ผมเห็นว่าเหมาะ เขียนออกมาเป็นบทความ บทกวี หรืออะไรต่ออะไรบ้าง ในบางกรณีผมก็ไปแปลของเขามา หรือว่าคนนี้เขาคิดยังไง คนนั้นเขาคิดยังไง บางทีเสนอไปแล้วคนเขาก็ชอบ อย่าง 'คาลิล ยิบราน' คนชอบกันเยอะ 0'ระวี ภาวิไล'เหมือนเป็นสัญลักษณ์ปรัชญาของ'คาลิล ยิบราน'? จะว่าไปคนที่พยายามหาผู้ที่บรรลุปัญญายิ่ง เราเรียกว่า 'พระพุทธเจ้า' ส่วนผู้ที่แสวงหาสำหรับผมก็คือ 'พระโพธิสัตว์' หมายถึงผู้ที่ยังแสวงหาอยู่ ยังไม่เจอ แต่ว่าเจอบางอย่างแล้ว เพียงแต่ยังไม่สมบูรณ์ ผมคิดว่าคนเหล่านี้ตั้งมากมายเป็นโพธิสัตว์ทั้งนั้น ผมแปลปรัชญาของยิบรานสมัยนั้นคนพูดถึงมาก ที่จริงกว่าคนจะเริ่มสนใจ ผมแปลมาตั้งนานแล้ว และพิมพ์แล้วก็ขายไม่ออกช่วงระยะหนึ่ง เล่มแรกที่แปลแล้วพิมพ์ปี 2504 นั้นขายไม่ออก กว่าจะขายได้ประมาณปี 2513 ในช่วงไม่กี่ปีคนก็เริ่มมีรสนิยม มีพัฒนาการ มีความเข้าใจอะไรขึ้นมา

    วิตกเกี่ยวกับ'ภาวะโลกร้อน'(Global Warming)ที่คาดการณ์ว่าสภาพอากาศโลกจะเปลี่ยนไป?
    นั่นเป็นการคาดคะเนของวิทยาศาสตร์ที่เอาหลักวิชามาพยากรณ์อนาคต การพยากรณ์อาจจะเกิดก็ได้ อาจจะไม่เกิดก็ได้ หรืออย่างน้อยอนาคตจะต้องเปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน แต่วิทยาศาสตร์อาจจะนำเอาข้อมูลที่จะทำให้มันเปลี่ยนแปลงเข้ามาไม่มากพอ เรายังเรียนอะไรไม่รู้อีกเยอะแยะ คุณจะสังเกตว่าข่าวการกล่าวถึงน้ำแข็งละลายมันเปลี่ยนไปทุกปี บางทีมันมากขึ้น บางทีมันน้อยลง แสดงว่ามนุษย์ยังมีความรู้ไม่ชัดเจน ความรู้ความเข้าใจยังเปลี่ยนอยู่เรื่อยในเรื่องต่างๆ มากมาย ความรู้ของเราไม่ใช่ความรู้ถึงขั้นที่สุด ต้องหาไปเรื่อยๆ ทำต่อไปเรื่อยๆ เขามีการกล่าวกันว่าศาสดาอย่าง 'พระพุทธเจ้า' เท่านั้นที่รู้สิ่งแท้ไม่เปลี่ยนเลย สิ่งที่ท่านรู้ไม่มีวันเปลี่ยนคือเป็น 'อกาลิโก' หมายถึงไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา ฉะนั้นแต่ละคนควรจะแสวงหาสิ่งที่เป็นอกาลิโก

    จุดประกาย วรรณกรรม ปีที่ 20 ฉบับที่ 6617 วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 โลกและชีวิต ระวี ภาวิไล ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ 2549
     
  17. akara25

    akara25 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +48
    อากาศ ท้องฟ้า น้ำทะเล จักรวาล สัตว์ ต้นไม้ มนุษย์ ดิน ฝุ่นละออง ชั้นบรรยากาศ ใครหนอสร้าง ช่างสมบูรณ์แบบ ลองคิดดูให้ดี มันจะเกิดขึ้นเองเหรอ หากเรามองไปรอบตัวเรา จะเห็นโต๊ะ เก้าอี้ คอมพิวเตอร์ ประตู หน้าต่าง
    อันนี้ เราเห็นและพิสูจน์ได้ ว่ามนุษย์สร้าง แต่ในฐานะชาวพุทธ การที่เราอยากที่จะรู้ในสิ่งที่ไม่รู้ พระพุทธเจ้าไม่ได้กล่าวไว้ในพระไตรปิฏกเลย ว่าผิด หากเราใช้เหตุผลพิจารณาสิ่งต่างๆในโลกใบนี้ให้ดี มันมีอะไรที่น่าค้นหา เกิดขึ้น (มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ต้องหาคำตอบ ไม่ใช่ฟังตามกันมา หรือคิดเอาเอง) ตั้งอยู่ (มันมีวิถีทางของมันในวัฐจักรของมันกี่ ปี กี่ เดือน ) ดับไป (ตามกาลเวลาที่ถูกสร้างขึ้นให้โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ 365 วันในหนึ่งปี ) สรุป......แล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มันเป็นอยู่นะวันนี้ ใครสร้างหละ???? แล้วมันจะตั้งอยู่กี่ปี แล้วมันจะดับเมื่อไหร่ ???
     
  18. thaidelphi

    thaidelphi สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +16
    โลกและจักรวาลใบนี้ใครสร้างหนอ วานผู้รู้ช่วยตอบหน่อยเป็นวิทยาทาน
    คำตอบคือ พ่อและแม่ของจักรวาลเป็นผู้สร้าง-ให้กำเนิดไงครับ
    เหมือนกับคุณ พ่อและแม่คุณก็เป็นคนสร้างคุณขึ้นมาไง
    //--------------------------------------
    ไม่มีใครเกิดทันเห็นตอนกำเนิดของจักรวาลสักที ไม่มีหลักฐานและบันทึกทางประวัติศาสตร์เลย
    ยากเกินไปที่มนุษย์เราจะตอบได้ชัดเจน
     
  19. ศิษยานุศิษย์

    ศิษยานุศิษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +303
    เชิญหาคำตอบได้ที่ www.sangthip.com ค่ะ
     
  20. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เอาแนวจักรวาลก็ได้

    เรื่องการแตกบิกแบงกลายเป็นพลังงานความถี่ต่ำสุดๆนี้ยกไว้ก่อน
    เรื่องความถี่ต่ำสุดๆเริ่มรวมตัวกันจนหนาแน่นยกไว้ก่อน
    เรื่องกลุ่มพลังงานหนาแน่นรวมตัวกันเป็นละอองพลังงานยกไว้ก่อน
    เรื่องละอองพลังงานรวมตัวกันเป็นกลุ่มก๊าซ ธาตุประถมภูมิ(H+)ยกไว้ก่อน
    เรื่องธาตุประถมภูมิ(H+) รวมตัวกันสองอนุภาดเป็น(He) ยกไว้ก่อน
    เรื่องธาตุ He และ H+ อันเป็นปรมณูภาคแตก และรวมตัวไปเป็นธาตุในตารางทั้งหมดยกไว้ก่อน


    มาดูกันที่พัดลม พัดลมสองตัวถ้ามีซี่จำนวนเท่ากัน หมุนด้วยความถี่เดียว
    กัน มันจะเข้าใกล้ หรือ ขี่กันได้ เท่าที่ความหนาของใบ(วงโครจรอิเลคตรอน)
    มันจะไม่ทับกัน เราก็เลื่อนเขาหากันได้ใกล้สุด แต่ถ้าความถี่ไม่ตรงกันเป็นไง
    ก็ต้องตีกัน ต้องตีจากกัน แตกจากกัน ดังนั้น วัตถุใดๆที่มีความถี่ใกล้เคียง
    กัน มีสนามวงโคจรของอนุภาคประกอบแทรกซ้อนกันได้ ก็มีโอกาสรวมตัวกัน
    มากว่าหนึ่ง ดังนั้น H กับ H จึงรวมตัวกันได้ เป็นอนุภาคที่มีประจุ 2 ก็เป็น He

    เมื่อมีพัดลมที่มีความถี่ของใบพัดไม่เท่ากันจะรวมตัวได้ไหม ก็มีโอกาสเป็นไป
    ได้ ขึ้นอยู่กับความถี่ในการหมุนของพัดลมสองตัวนั้น จะไม่มาขบกัน ก็ย่อม
    เข้าใกล้และรวมตัวกันได้ ก็เกิดเป็นธาตุอื่นๆมากมาย ขึ้นกันแต่ละธาตุจะมีความ
    ถี่สัมพันธ์กันหรือไม่ ส่วนบางธาตุแม้นจะขบตีกัน แต่เป็นการแลก
    เปลี่ยนกันด้วยจังหวะ เปรีบยดังสายพานที่หมุนคล่อมไปบนฟันเฟือง(ใบพัด
    อย่างหนึ่ง) ก็จะเกิดอัญญรูปได้ เกี่ยวพันกันได้ในรูปแบบซับซ้อนมากขึ้น และ
    ทำให้มีช่องว่างระหว่างฟันเฟืองได้ไกลขึ้น ไม่ต้องขบกันก็ได้ และในช่องว่าง
    ของฟันเฟืองก็จะมีที่พอให้สิ่งอื่นๆไปอยู่

    คราวนี้มาดู น้ำมันพืชสองหยดในขัน ถ้าดูไปเรื่อยๆ ทิ้งไว้นานๆ เจ้าน้ำมันพืช
    นั้นถ้ามันมีโอกาสใด้ใกล้กัน มันจะมารวมตัวกัน เพราะเหตุหนึ่งคือมันมีความ
    ถี่เท่ากัน จึงรวมตัวกันสนิทได้ และที่มันเข้าใกล้กันแล้วจะดูดเข้าหากัน ก็เพราะ
    มันอนุภาคที่กระโดดมาแลกเปลี่ยนกันได้ เพราะสนามของเส้นแรงพลังงานนั้น
    มันเหมือนดั่งสายพานที่ช่วยดึงเข้าหากันเป็นรัศมีวงโคจร

    การรวมตัวกันนี้คือการกินกัน คือการกินง้วนดิน คือที่มาเริ่มแรกของการมีสังขาร
    หนาแน่น และยังคงดำเนินไป บางส่วนก็แตกออกมาเป็นกลุ่มธาตุภายใน เป็นดั่งอวัยวะในการสลายธาตุ ในการกลืนธาตุ เพื่อเสริมธาตุข้างนอกให้เติมโตขึ้น ดั้งน้ำมันในขันหลายหยด ก็จะมีรัศมีแผ่ขยายขึ้น ยิ่งขยายโอกาศดูด
    น้ำมันเล็กให้เป็นของตนก็มากขึ้น เก่งกว่าน้ำมันหยดเล็กๆ อื่นที่อยู่ใกล้เคียง
    และที่สุดน้ำมันหยดเล็กๆทั้งหมด ก็จะถูกกลืนเข้าสู่สังขารที่ใหญ่ขึ้น ไปเป็น
    ลำดับ น้ำมันนี้เป็นอนุภาคไฮโดรคาร์บ่อน(มีง่วนดิน - เพราะมี CarBon - ง่วน
    ดินรสหวาน ก็ ไฮโรคารบอนที่เรียกว่า น้ำตาล น้ำตาลนี้อร่อย ให้พลังงานสูง
    ให้จำนวนธาตุที่เอามาประกอบเป็น อมิโนโปรตีนนั้นง่าย แตกง่าย สลายง่าย
    พลังงานที่คายออกจากการแตกตัวก็เยอะ )
    และเมื่อรวมตัวได้ในบางรูป จะเป็นอมิโน และอมิโนก็คือน้ำย่อย ตัวแคตตาไลท์ช่วยย่อยสลาย และอื่นๆ จนมันก่อนรูปเป็นอะไรที่มีความซับซ้อน
    ในธาตุแต่ละตัวภายใต้น้ำมันวงใหญ่ก็จะมีผนังชั้นกั้น เหมือนน้ำกับน้ำมัน
    มันจะแยกจากกันด้วยพนังพื้นผิว ความหน้าแน่ของผิ ความตึงผิวที่ดีก็จะทำ
    ให้โอกาสการก่อรูปได้ไม่ถูกเจาะทำลายนั้น จะดีขึ้น จนค่อยๆพัฒนาไปด้วยเหตุ
    ปัจจัยง่ายๆจาก H , He และธาตุต่างๆ จนกระทั่งเป็นอาการครบ 32

    ...........

    อาการครบ 32 ยกไว้ ให้ข้ามมาดูการเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นที่มาของ ฤาษี
    เมื่อเกิด ฤาษี เมื่อนั้นสิ่งเสมือนพระเจ้าก็เกิดขึ้นด้วยทิฏฐิของพราหม์นั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2008

แชร์หน้านี้

Loading...