คิดว่า นรก-สวรรค์ มีจริงไหม

หึ หึ

 

พี่คนนี้พูดได้ถูกใจดีจัง อิอิ...

กะจะพูดแบบพี่แหละ แต่คิดไม่ออก

อนุโมทนาค่ะ ^^

 

พี่ๆ

เห็นบอกว่าไปนรกมาแล้ว..

มาเล่าให้ฟังมั่งดิ่ ^^ อิอิ

เล่าหน่อยนะคร้าๆๆๆๆ อย่าเม้ม อิอิ ^^

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ เหอๆๆ

 

เชื่อค่ะเพราะจากหลายๆ เหตุ แต่ไม่อยากตกนรกเลยงะ เพราะบางอย่างทำไปไม่ได้ตั้งใจง่ะ ที่สำคัญคือทำไมต้องให้ปีนต้นงิ้วด้วยงะ กาจิกก้นมันก็เลือดออกิจิ น่ากลัวอะ แผลเหวอะหวะแถมยังลงไม่ได้ โดนจิ้มอีก โอ้ย ทรมาน และเห็นในภาพที่ครูเอามาให้ดู >> คนที่มักมากในกาม ดูภาพลามก โดนจับบมัดกะเสาแล้วให้กางขา แล้วปล่อยหนูปิศาจมารุมกัด ปิ๊ อ่ะ - - ~ คิดแล้วทรมานนนนนนนน ... >>> ไอ้การดูภาพลามกบ่อยๆ มันก็มีเยอะอะสมัยนี้ เราๆ คงยอมรับกันอ่ะ เพราะคนมันมีอารมณ์ มันมีความรู้สึกมีความอยากอ่ะ ในเมื่อธรรมชาติสร้างมนุษย์มาแบบนี้ แล้วทำตามอารมณ์แต่ไม่ได้เดือดร้อนใครมันผิดหรอง่ะ หรือธรรมชาติสร้างมาเพื่อให้หัดห้ามใจตัวเอง แหะๆๆๆๆๆ


สงสัย แง แง ไม่อยากตกนรก แต่เราไม่เคยทำบาปหนักอารายน่า

 

ครับๆ

ผมผิด

ขอโทษ ละกัน ครับ

ถ้า นรก สวรรค์ มีจริง

ผม ว่าทุกคน คงตก นรก กัน หมด แน่ เลย ครับ

เฮ้อ..เซ็ง ตกนรก ละ กุ

 

ไม่ผิดหรอก...

หลายคน หลายความคิด

ขอบคุณนะคะ ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น เหอะๆๆๆ ^^

 

อืมเราก็ว่างั้นเเหละยิ่งคนที่ชอบปรามาศเนี่ยไม่รู้เรื่องอะไรก็พูดมาก หาว่าโน่นว่านี้ว่าเขาบ้า มั่งเเหละเราว่าคนเเบบนี้ ตกชัวร์(cry)

 

ไม่ทุกคนหรอกครับ ใครรุ้ถึงความเป็นจริง ก้อคงไม่ตกอบายภูมิ

 

อย่าคิดมากค่ะ อย่าคิดมาก

กระทู้นี้ เปิดกว้าง...

ทุกคนแสดงความคิดเห็นได้ ^^

ขอแค่ไม่ลบหลู่ความเห็นของผู้อื่นค่ะ ^^

ไม่ว่าคุณจะคิดยังไงก็ไม่ผิด

อย่าคิดมากเลยนะจ้ะ น้องหนู Angel อิอิ ^^

 

ก็อ่านตรงลายเซ็น ตรง "จิตออกจากร่างเป็นอย่างไรตามมาดู" นั่นแหละ ใช่เลย

 

ในใจก็กะลังคิดอยู่ว่ามันเป็นอย่างไร

อยู่ในขั้นระหว่างกะลังพิสูจน์อยู่ (แต่คิดว่าคงอีกนาน กว่าจะรู้เรื่อง)

แต่ส่วนตัวแล้ว คิดว่ามีจริง มิเช่นนั้น ในโลกนี้ คงมีแต่มนุษย์

ไม่มีพวก หมู หมา กา ไก่ ... สัตว์จำพวกนี้เกิดมาจากไหน พวกเค้าทำกรรมอะไรไว้

เพราะกรรม เล็กน้อย จึงทำให้เกิดเป็นหมู หมา กา ไก่

ถ้า กรรมมาก นรก คงเป็นที่ไปสำหรับ สัตว์เดรัจฉานเหล่านั้น

ใช่มั๊ยครับ

 

ทางที่ดีที่สุด ทำดีไว้ ไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งนั้นนะคะ การสงสัยในสิ่งที่มีอยู่ มันจะทำให้เราฉลาด แต่การสงสัยในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง มันจะทำให้เราเพ้อเจ้อ นอกจากซะว่า จะพิสูจน์ได้แบบจริงแท้แน่นอน

+เวลาทำการบ้าน +

สงสัยไปเรื่อยๆจนนนอกประเด็นโจทย์(เหมือนกับการออกจากความปกติ)

พยายามหาคำตอบของความสงสัยนั้นโดยสมมติฐาน และสร้างภาพต่างๆ นาๆ (เป็นการกระทำที่มีเหตุผลทางจิต แต่ไร้สาระในด้านความจริง)

ทั้งๆที่ทฤษฎีเดิมมันก็เห็นๆ กันอยู่แล้วว่าพิสูจน์ได้จริง (คือความจริงของโลกที่เห็นๆกันอยู่ทุกวัน ไม่ใช่โลกในจินตนาการที่ไหน) นอกจากซะว่า สมมติฐานของเรา จะพิสูจน์ได้จริง... แต่ยังไม่เคยเห็นการสมมติฐานไหน ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการทั่วโลก เท่าทฤษฎีเดิมที่พิสูจน์ได้จริงของไอสตาล์ยน อิอิ (คือที่คุณนั่งเล่นคอมอยู่ตอนนี้ ไม่มีอะไร)

การแก้โจทย์ในข้อนี้คือ ทำไปเรื่อยๆ ตามสายทาง(ทำดีไว้ จิตใจสะอาด) และแบบฉบับของความจริง มิใช่จินตนาการ

====================================
ถามว่าความเชื่อต่างๆ มีเหตุผลไหม ??? มีซิ แต่ควรใช้วิจารณญาณให้มากพอ และรู้ตัวเองตลอดเวลา


ลงท้าย : คุณจะฉลาดและได้รับการยอมรับก็ต่อเมื่อคุณสร้างสรรค์ คิดค้น ในสิ่งที่เป็นจริง เห็นได้จริง ปฏิบัติจริง ... เหมือนนักวิทยาศาสตร์ค่ะ

จะสมมติก็สมมติแต่พองาม เหมือนศิลปะ แอบสแตรก(ถ่ายทอดอารมณ์)บ้าง แนวปิกาสโซ่(เหลี่ยม)บ้าง มันเป็นศาสตร์ของจินตนาการ ย้ำว่า แต่พองาม
...แต่ความจริงคือนิติศาสตร์(กฎหมายในสังคม) วิศวะ และบริหารธุรกิจ


จบข่าววว...

 

การคิดไม่ใช่ ความผิด รึ ไม่ดี

ความคิด ทำ ให้ เรา เป็น คนฉลาดขึ้น

อย่าง เช่น วิชา คณิต

บางคนถามว่า วิชา คณิตทำไมต้องเรียน สมการ ถอดลูด ไซคอสแทน

เพราะใน ชีวิตประจำวัน หรือ ความเป็นจริง เราไม่ได้ใช้มันเลย

เด็กๆ อาจจะพูดประชดว่า ใช้ไปซื้อผลไม้ไง เวลาชื้อต้อง ถอดลูด ก่อน

ต้อง เอามา หาร แบ่ง เป็น กีบๆ

555+


ผู้ใหญ่ก็จะบอกว่า การที่เราเรียนไปนั้นเพื่อทำให้เราเป็นคนช่างคิด

เพราะคิดแล้วทำให้เรา ฉลาด

ดังนั้น การคิด ในสิ่งต่างๆ ไม่ใช่ เรื่องผิด

แต่ คนเราชอบ คิดมาก

คิด ทุกเรื่อง

เช่น เรื่องความเป็นจริง ที่คนเราเขาคิดมาแล้ว ก็ เอาไปคิดอีก

ว่ามันทำไม ? เป็นเพราะอะไร?


ตวามจริง มันก็ คือ ความจริง คิดยังไงทำยังไง ก็ "จริง"

เราไม่ควรไปคิดให้มันปวดหัว

แต่.. ถ้าคุรเกิดสงสัย ว่าจริงๆ แล้ว มันไม่ใช่

คุณค่อย คิด แล้วนำความคิดของคุณนั้น

มา พิสูจน์ให้ เรา ดู กันได้ทุกคน

ว่าคุณคิดถูก ว่าสิ่งนี้ อย่างนี้ มันเป็นความจริง


มันก็ ง่ายๆ แค่ นี้ แหละครับ

 

ก้อง่ายๆแค่นี้แหละครับ

 

ผม ว่า มี ใคร บาง คน เข้า ใจ ผิด นะ ครับ

อ่าน แล้ว มัน เข้า ใจ คนละเรื่อง กับ ที่ผม เขียน เลย อ่ะนะ


แล้วก็รู้สึกอีกอย่างนึง ว่า มีใครบาง คนเริ่ม มี อคติ กับ ผม ละ


การมีอคติทำให้ไร้เหตุผล

 

อย่าคิดมากค่ะ อย่าคิดมาก...

กระทู้นี้ ไม่อยากให้เกิดการทะเลาะกันค่ะ...

คนทะเลาะกันคือ "คนโง่"

ความคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็ทะเลาะกัน

แต่กระทู้นี้ ให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น

ในขณะเดียวกัน ก็เคารพความเห็นผู้อื่นด้วย

ขอให้ทุกท่าน แชร์ประสบการณ์ที่ไปเยือน นรก-สวรรค์

หรือถ้าไม่เคยไปเยือน ก็แสดงความคิดเห็นก็ได้ค่ะ

แต่อย่าทะเลาะกันนะคะ ค่อยๆพูดจากัน ไม่มีอคติ ใจกว้าง ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น

แล้วโลกก็จะสงบสุขค่ะ ^^

 

มีสำหรับคนที่เข้าใจว่ามี แต่ไม่มีสำหรับคนที่เข้าใจว่าไม่มี
ยากตรงที่ใครจะอธิบายให้เข้าใจ

 

มีครับ เพราะผมได้รับกําทุกวัน ผมรู้แล้วครับ นรกอยู่ใกล้กับเราเลยก็ว่าได้ สววค์ก็อยู่ข้างๆเรานี้แหละ ผมเชื่อครับ

 

ไม่เคยมีประสบการณ์ตรงซะด้วย ได้แต่อ่านหนังสือเอา เอาเป็นว่าถ้า จขกท. อยากได้ข้อมูลเรื่องนี้ในทางที่ออกไปในแนววิทยาศาสตร์หน่อยก็ขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ละกัน (ไม่รู้ว่าจะยังหาได้อีกหรือเปล่าเพราะมันก็ออกมานานแล้วแต่น่าจะยังพอหาได้)



ชีวิตระหว่างภพ (Life between Life)

เรื่องจริง ! จากประสบการณ์การสะกดจิตเป็นช่วงพิเศษที่อยู่กึ่งกลางระหว่างภพ คือช่วงที่ดวงวิญญาณออกจากร่างเดิม และกำลังจะเข้าสู่ร่างใหม่ แปลจากเรื่อง Life Between Life ของ Dr. Joel L. Whitton Ph. D. Joe Fisher

รายละเอียด

เรื่องราวแตกต่างจาก ชาติภพ เบื้องหน้ากำเนิดและเบื้องหลังความตายกับข้ามภพ ย้อนเวลาเยียวยาปัจจุบัน แปลและเรียบเรียงโดย จุไรรัตน์ อารยะกิตติพงศ์ เป็นบันทึกเรื่องราวของนายแพทย์ไบรอัน แอล ไวส์ จิตแพทย์ชาวอเมริกัน ได้ทดลองรักษา ผู้ป่วยที่เกิดอาการวิตก เครียด หวาดกลัวทุกอย่าง กังวลรุนแรง และนอนไม่หลับ ฯลฯ ด้วยวิธีสะกดจิตแต่สิ่งที่ปรากฏเป็นภาพในอดีตชาติพรั่งพรูออกมาสร้างความตะลึงงุนงงให้วงการแพทย์ยุคใหม่มาก่อนหน้านี้

ชีวิตระหว่างภพ ประสบการณ์จริงจากการรักษาด้วยวิธีสะกดจิตผู้ป่วยและอาสาสมัครนับร้อย นั่นคือมิติชีวิตระหว่างความตาย ช่วงที่ดวงวิญญาณออกจากร่างเดิมและกำลังจะไปเกิดเป็นร่างใหม่

เป็นการค้นพบของ ดร.วิตตันช่วงเวลาการตายและการเกิดนี้โดยบังเอิญจากการออกคำสั่งผิดไปเพียงคำเดียว แต่เป็นการค้นพบที่มีค่ายิ่ง เป็นการช็อควงการแพทย์แผนปัจจุบันอีกครั้งหนึ่ง

"...หนังสือเล่มนี้เป็นอีกเล่มหนึ่งที่จัดได้ว่าเป็นรายงานการวิเคราะห์ผลของ การวิจัยที่เป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตสาขาหนึ่ง ที่นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์แห่งยุคใหม่ส่วนหนึ่งยอมรับกัน นายแพทย์โจแอล วิตตันนั้นไม่เพียงเป็นนักวิทยาศาสตร์และเป็นแพทย์ระดับหัวหน้าภาควิชาจิตเวชศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยโตรอนโตอันเป็นมหาวิทยาลับที่ใหญ่ที่สุดอห่งหนึ่งของแคนาดาเท่านั้น แต่ยังเป็นคนที่มีชื่อเสียงผู้คนทั้งหลายให้ความนับถือในด้านของคุณธรรม..." บางส่วนจากคำนำเสนอของ นายแพทย์ประสาน ต่างใจ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกัยเรื่องทำนองนี้ ชาวอเมริกันจำนวนสองในสามเชื่อในเรื่องชีวิตหลังความตาย ในปี ๑๙๘๒ ผลของแกลลอปโพลแสดงว่า ชาวอเมริกันจำนวน ๒๓ เปอร์เซ็นต์ เชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด

ไม่รู้ว่าถ้าจะส่งซื้อทางเวปนี้ http://www.matichonbook.com/index.php?mnuid=5&selmnu=470426102702 จะยังได้อยู่หรือเปล่า

 

ขอบคุณนะคะ สำหรับคำแนะนำ อิอิ ^^