ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    มินิซีรี่ส์
    21. สงครามการเงินสหรัฐ vsจีนเต็มรูปแบบ
    นักบริหารกองทุนฝรั่งต่างดาหน้าออกมาว่า ตลาดหุ้นจีนที่ตกหนักในช่วงที่ผ่านมาออกอาการเกินเยียวยา
    Paul Singer แห่งElliott Managementกล่าวว่า ฟองสบู่หุ้นจีนที่เกิดจากการเล่นมาร์จิ้นจะมีผลกระทบมากกว่าวิกฤติซับไพร์มของสหรัฐในปี2007เสียอีก แต่จะไม่ทำให้เกิดวิกฤติการเงินโลก
    มูลค่ารวมของตลาดหุ้นจีนเคยใไปถึง$10ล้านล้าน ก่อนที่จะแครชลงมาในระดับ$6.6ล้านล้านในปัจจุบัน
    Bill Ackman แห่ง Pershing Square Capital Management บอกว่าหุ้นจีนเป็นภัยต่อการเงินของโลก อย่างค่อนข้างน่ากลัว
    เขาแสดงความกังวลใจว่าจีนไม่มีความโปร่งใส และตัวเลขเศรษฐกิจจีนไม่น่าเชื่อถือ ยิ่งถ้าดูระบบการเงินจีน ธนาคารเงา และการกู้หนี้ยืมสินมาลงทุน จะเห็นได้ว่าทางการจีนพยายามจะทำให้หุ้นขึ้น ดูแล้วมันแย่กว่าสหรัฐในปี2007
    Jeffrey Gundlachแห่ง DoubleLine Capital เปรียบเทียบหุ้นจีนที่ตกตอนนี้เหมือนกับหุ้นNasdagพังในปี1999 และปี2000 เขาบอกว่าตลาดจีนผันผวนมาก และไม่ชัดเจนที่จะเข้าไปลงทุน
    ทางการจีนได้ออกมาตรการต่างๆเพื่อที่จะพยุงตลาดหุ้น ที่สำคัญที่สุดคือChina Securities Finance Corpได้รับเงิน$483,000ล้านจากทางรัฐบาลเพื่อซื้อหุ้น หรือให้สภาพคล่องเงินกู้แก่บริษัทโบรกเก้อร์
    ผู้บริหารกองทุนฝรั่งมองตลาดหุ้นจีนเลวร้ายมาก แต่ไม่พูดถึงฟองสบู่ตลาดหุ้นสหรัฐที่ปั่นมา7ปีแล้ว อย่างไรก็ ตามทางการจีนค่อยๆแก้ปัญหาตลาดหุ้นร่วงอย่างใจเย็น
    thanong
    17/7/2015
    http://www.bloomberg.com/…/billionaire-ackman-sees-china-st…
    http://www.bloomberg.com/…/chinese-bazooka-xi-readies-483-b…
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    มินิซีรี่ส์
    22. สงครามการเงินสหรัฐ vsจีนเต็มรูปแบบ
    ตลาดหุ้นจีนดีดตัวขึ้นอย่างแรงในวันนี้ (17 กรกฎาคม) จากการแทรกแซงของทางการจีน สะท้อนให้เห็นว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดน่าจะผ่านพ้นไปแล้ว
    หลังจากที่มวลค่ารวมตลาดหุ้นจีนแครชไป$3.7ล้านล้านในระยะเวลาเพียง3สัปดาห์กว่าๆ ทางการจีนได้กระโดดเข้ามาอุ้มในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนมีการฟื้นตัว
    ในวันนี้ ตลาดหุ้นเซินเจ้ินพุ่งขึ้น5% ในขณะที่ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ทะยานขึ้น3.51%
    ในสัปดาห์ที่แล้ว ทางการจีนอัดเงิน$14,000ล้านเข้าไปในตลาดหุ้น และChina Securities Finance Corpได้เตรียมเงิน$483,000ล้านเพื่อซื้อหุ้น และให้สภาพคล่องเงินกู้แก่บรรดาโบรกเก้อร์
    ผู้บริหารการเงินฝรั่งหลายคนก่อนหน้านี้บอกว่าฟองสบู่ตลาดหุ้นจีนที่แตกแล้วยากที่จะเยียวยา แต่กองทุนฝรั่งเช่น Fidelity และ Goldman Sachs ได้ประกาศว่าพายุร้ายในตลาดหุ้นจีนได้ผ่านพ้นไปแล้ว ได้เวลาเดินหน้าต่อ
    Goldman Sachs คาดการว่าตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้จะขึ้น27%ในระยะ12เดือนข้างหน้า
    แล้วตลาดหุ้นจีนเป็นฟองสบู่หรือไม่
    Oliver Blanchard หัวหน้าฝ่ายวิจัยของกองทุนการเงินระหว่างประเทศบอกว่าตลาดหุ้นคาซิโนของจีนไม่ได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจจีนที่ยังดีอยู่มาก
    เขาบอกว่าความตกต่ำของตลาดหุ้นจีนเป็นแค่ฉากรองเท่านั้น
    จีนยังมีกระสุนมากในการดูแลตลาดหุ้น ไม่เหมือนกับสิ่งที่นักวิเคราะห์ฝรั่งพูดก่อนหน้านี้ว่าให้ลืมตลาดหุ้นจีนไปได้
    thanong
    17/7/2015
    http://www.rt.com/b…/310086-china-shenzhen-stock-skyrockets/
    http://www.rt.com/…/310108-escobar-china-economy-globaliza…/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    มินิซีรี่ส์
    23. สงครามการเงินสหรัฐ vsจีนเต็มรูปแบบ
    ท่ามกลางความตรึงเครียดทางทหารในทะเลจีนใต้สืบเนื่องมาจากที่จีนสร้างเกาะเทียมที่หมู่เกาะSpratly ผู้บัญชาการทหารเรือของสหรัฐในภาคพื้นแปซิฟิคประกาศว่า วอชิงตันพร้อมที่จะตอบโต้ภัยจากจีน
    ถึงแม้ว่าประเทศสหรัฐจะอยู่ห่างไกลจากทะเลจีนใต้8,000ไมล์ แต่กองทัพเรือสหรัฐมีเรือรบ4ลำประจำการที่บริเวณนั้น นอกจากนี้กองทัพสหรัฐยังได้ทำการซ้อมรบกับกองทัพของญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และฟิลิปปินส์
    ผู้บัญชาการทหารเรือสหรัฐภาคพื้นแปซิฟิค Scott Swift กล่าวว่าสหรัฐมีความสนใจที่จะซ้อมรบมากขึ้นในภูมิภาคนี้ เพื่ีอที่จะตอบโต้ภัยคุกคามของจีน
    เราได้เห็นสงครามการเงิน สงครามไซเบอร์ และสงครามอากาศระหว่างสหรัฐและจีนแล้ว รอแต่สงครามที่จะรบด้วยอาวุธจริงในแปซิฟิคเท่านั้น เพราะว่าสหรัฐเข้าสู่โหมดของสงครามแล้ว เพื่อปกป้องดอลล่าร์ และสกัดไม่ให้ประเทศใดสามารถท้าทายความเป็นมหาอำนาจแต่เพียงผู้เดียวของสหรัฐ
    thanong
    18/7/2015
    US Pacific Fleet Commander: We Are Ready to Act in South China Sea / Sputnik International
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    ภาคผนวก 1
    สงครามการเงินสหรัฐ vsจีนเต็มรูปแบบ
    ในวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาทองคำตกวูบลงไปที่ระดับ $1,131ต่อออนซ์ ทำให้นักลงทุนทองคำใจแป้วอีก ยิ่งนายJim Rogersออกมาพูดว่าราคาทองอาจจะตกไปถึง$950 ยิ่งไปกันใหญ่
    $950 gold then surge? | Numismatic News
    เกิดอะไรขึ้นกับราคาทองคำ ทั้งๆที่ระบบการเงินส่อมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็น
    1. วิกฤติหนี้กรีซที่คาราคาซัง และหนี้ของรัฐบาลยุโรปที่ไม่มีวันชดใช้ได้ รวมทั้งระบบแบงค์ที่อ่อนแอมาก
    2. ภาวะเงินฝืดบวกเงินเฟ้อ เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก
    3. ดอกเบี้ยติดลบที่ยุโรป
    4. ฟองสบู่ตลาดหุ้นจีนแตกไป30% ตลาดหุ้นและตลาดบอนด์ของสหรัฐก็เป็นฟองสบู่ก้อนโตเท่าระบบสุริยะจักรวาลที่รอวันแตกเหมือนกัน
    5. หนี้โลกพุ่งสูงถึง$200ล้านล้าน หรือโตกว่า3เท่าเมื่อเทียบกับจีดีพีโลกที่$70ล้านล้าน ไม่มีวันที่ระบบการเงินโลกปัจจุบันที่จะสามารถจ่ายหนี้่ได้
    6. ทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และสหประชาชาติออกระเบียบเตรียมรีเซ็ทระบบการเงินโลกแล้ว สหภาพยุโรปให้ประเทศสมาชิกเตรียมออกกฎหมายเพื่อเปิดทางให้สามารถbail in หรือยึดเงินฝากประชาชนเพื่ออุ้มแบงค์ได้
    7. มีความพยายามของพอกอิลิททางการเงินที่จะออกกฎหมายเพื่อให้ยกเลิกการใช้เงินสด เพื่อให้ใช้เงินดิจิตัลแทน เพราะว่าจะคุมระบบการเงินได้อย่างเบ็ดเสร็จ
    8. มีการซ้อมรบของนาโต้ในยุโรป และการซ้อมรบของพันธมิตรตะวันตกที่เอเซีย ทำให้การเผชิญหน้าระหว่างตะวันตกและรัสเซียและจีนตรึงเครียดมากยิ่งขึ้น
    9. สงครามในตะวันออกกลางร้อนแรงขึ้น ไอซิสอาละวาดหนักมากขึ้น แม้ว่าข้อตกลงสัญญานิวเคลียร์กับอิหร่านจะลุล่วงไปด้วยดี
    ทุกครั้งที่ระบบการเงินมีปัญหา ราคาทองจะขึ้น เพราะว่าทองเป็นหลักประกันความเสี่ยงของนโยบายการเงินที่ผิดพลาดของทั้งรัฐบาลและธนาคารกลาง
    หลังวิกฤติ2008 ราคาทองพุ่งสูงจากระดับประมาณ$800ต่อออนซ์เป็น$1,900ในเดือนพฤศจิกายนปี2011 ช่วงนั้นเป็นยุคกระทิงของทอง เพราะว่านักลงทุนหมดความเชื่อถือในระบบเงินกระดาษดอลล่าร์ เนื่องจากธนาคารกลางของสหรัฐกดดอกเบี้ยลงเหลือ0% และทำนโยบายผ่อนคลายทางการเงินอย่างเข้มข้นด้วยการพิมพ์เงินเพื่ออุ้มพันธบัตรเอกชนและของรัฐบาล มีผลทำให้งบดุลของเฟดเพื่มจาก$900,000ล้านเป็น$4.5ล้านล้านในปัจจุบัน
    แต่ราคาทองแครชลงมาอย่างหมดท่า หลังจากทำสถิติสูงสุดในช่วงปลายปี2011 จนถึงทุกวันนี้ ตลาดทองยังอยุ่ในภาวะหมี นักลงทุนเบือนหน้าหนีจากการลงทุนทองคำ เนื่องจากราคาผันผวนในทิศทางขาลงมาตลอด ทั้งๆที่ปัญหาวิกฤติของเขตยูโรโซนร้อนแรงมากยิ่งขึ้น และอีกไม่นานหลังจากนั้น ญี่ปุ่นซบเซาหนัก ทำให้นายกอาเบ้ของญี่ปุ่นสั่งทำQEเหมือนสหรัฐ ธนาคารกลางของญี่ปุ่นดำเนินนโยบายเซมากูซื้อซดะ ทั้งพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นในตลาดหลักทรัพย์กวาดเข้าพอร์ตเรียบ ต่อมาธนาคารกลางของยุโรปก็ทำQEเหมือนกัน
    นโยบายการเงินของโลกตะวันตกและญี่ปุ่นเละตุ้มเป๊มาก เมื่อการเงินเละ ราคาทองย่อมจะต้องสูงขึ้นเพื่อเป็นหลักประกันความเสี่ยง แต่อิลิทการเงินโลกที่ใช้ดอลล่าร์กระดาษเป็นอาวุธย่อมจะปล่อยให้ทองมีราคาขึ้นไม่ได้ เพราะว่าเกรงคนถือดอลล่าร์จะหมดความไว้วางใจในดอลล่าร์ ถ้าดอลล่าร์ตกเมื่อเทียบทอง เท่ากับเงินเฟ้อจะตามมา และดอกเบี้ยจะต้องขยับขึ้น เพราะฉะนั้นการทุบราคาทองจึงต้องทำอย่างเป็นขบวนการเพื่อปกป้องนโยบายดอกเบี้ย0% และการทำQEที่เป็นหัวใจของการเซฟระบบการเงินดอลล่าร์กระดาษในปัจจุบันที่ต้องลากให้ยาวที่สุดเท่าที่จะลากได้ ขณะนี้ลากมาได้7ปีแล้วจนสายป่านตึงเปรี๊ยะ
    ราคาทองที่โดนทุบมาตลอดสะท้อนให้เห็นว่าอิลิทที่อยู่เบื้องหลังระบบการเงินโลกรวมทั้งธนาคารกลางสหรัฐคุมตลาดการเงินได้เกือบเบ็ดเสร็จจริงๆ จึงสามารถทุบราคาทอง หรือปั่นให้ทองให้มีทิศทางลงขาเดียวได้เป็นเวลานานนับจากปลายปี2011 โดยใช้เครื่องมือตราสารทางการเงินที่เรียกว่าอนุพันธ์ (derivatives) ตั้งเป็นโปรแกรมขายล่วงหน้าตลอด
    การทุบราคาทองสวนทางกับความเป็นจริงที่ทองควรจะมีราคาขึ้นอย่างระเบิดเถิดเทิง เพราะว่าธนาคารกลางพิมพ์เงินดิจิตัลอย่างไม่จำกัด เพื่อให้นักลงทุนเอาเงินเกือบจะฟรีไปปั่นหุ้น ระหว่างเงินกระดาษหรือเงินดิจิตัลและทอง ควรจะถืออะไรดี แน่นอนถือทองต้องดีกว่าอยู่แล้ว แต่มีการปั่นหุ้นขึ้น และทุบทองลงมาในเวลาเดียวกัน เพื่อล่อให้คนเข้าตลาดหุ้นและตลาดบอนด์ที่มีการประกันอย่างอ้อมๆว่าดอกเบี้ยจะไม่ขึ้น จนดอกเบี้ยติดลบไปเลยในปลายประเทศในยุโรป ทำให้ราคาทองโงหัวไม่ขึ้น
    แต่ในขณะที่มีการทุบราคาทองนั้น จีน อินเดีย รัสเซียและประเทศต่างๆที่ให้สหรัฐกู้เงินผ่านการถือพันธบัตรสหรัฐ ต่างก็ทะยอยเพิ่มการถือทอง เพราะว่ารู้ดีว่าดอลล่าร์และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐไม่เสถียรแล้ว หนี้สหรัฐเพิ่มสูงกว่า100%ต่อจีดีพี หนี้นอกงบประมาณสูงกว่าจีดีพีอีก4-5เท่า ฐานะการเงินของสหรัฐอย่างนี้ ถือว่าล้มละลายแล้ว ประเทศที่ส่งออกได้ดอลล่าร์มากๆ ไม่ต้องการถือดอลล่าร์อีกต่อไป หรือไม่ต้องการให้สหรัฐกู้เงินอีกต่อไป จำเป็นต้องลดการถือดอลล่าร์ กระจายความเสี่ยง ทองคำเป็นการลงทุนในการกระจายความเสี่ยงอย่างหนึ่ง แต่จะออกจากดอลล่าร์อย่างรวดเร็ว มูลค่าทรัพย์สินดอลล่าร์ที่ถืออยู่จะตก ทำให้ขาดทุน จึงจำต้องค่อยๆผ่องออกไป
    อีกประกาณหนึ่งการทุบทองด้วยทองคำกระดาษของพวกอิลิทตะวันตกเพื่อเชฟดอลล่าร์ถึงจุดหนึ่งจะหมดแรง เพราะว่าต้องมีการส่งมอบทองคำจริงด้วยส่วนหนึ่ง ในขณะที่ตะวันตกมัวเมาในการเทรดทองคำกระดาษ ทองคำจริงไหลไปสู่ตะวันออก โดยเฉพาะเข้าไปในจีนและอินเดียในประมาณที่มาก แค่จีนประเทศเดียวน่าจะมีการเพิ่มการซื้อทองคำแท่งปีหนึ่งๆอย่างน้อย2,000ตันตั้งแต่หลังวิกฤติ2008เป็นต้นมา
    ประเทศตะวันตกด้่วยกันก็ไม่ไว้ใจนิวยอร์คและลอนดอนที่จะเก็บทองของตัวเอง กลัวการเบี้ยวทองกันขึ้น จึงมีการทวงทองกันถ้วนหน้าไม่ว่าจะเป็นเยอรมัน เนเธอร์แลนด์ รวมทั้งประเทศต่างๆในยุโรป
    พวกนักวิเคราะห์การเงินและนักเศรษฐศาสตร์ของตะวันตกต่างรับใช้เจ้านายอิลิทอย่างเข้มแข็งด้วยการออกมาโฆษณาชวนเชื่ออย่างเป็นระยะๆว่าทองคำไม่น่าลงทุน ถือไปไม่มีประโยชน์อะไร ราคามีแต่จะตก ดอกเบี้ยก็ไม่ได้ ซ้ำยังต้องมีภาระเก็บรักษาดูแล
    แต่จีน รัสเซีย อินเดียรู้ดีที่สุดว่า ระบบการเงินดอลล่าร์กระดาษ (dollar system) ที่ครอบงำโลกมาตั้งแต่ปี1971กำลังนับถอยหลังเข้าสู่หายนะ เพราะว่า ถ้าหากประเทศเกิดใหม่นำโดยBRICSรวมตัวกันไม่เอาดอลล่าร์ที่พิมพ์ออกมากลางอากาศ ดอลล่าร์ก็จะหมดความหมาย เรื่องอะไรจะให้สหรัฐใช้ดอลล่าร์นี้มาเสริมแสนยานุภาพทางทหารของสหรัฐเพื่อกดขี่ประเทศทั่วโลกอีกให้อยู่ใต้อุ้งเล็บนกอินทรีย์
    จีนจึงกระโจนเข้าสู่สงครามทองอย่างเต็มตัวเพื่อต่อกรกับพญาอินทรีย์ในเกมการเงินโลก คำถามคือ ยุทธศาสตร์เรื่องทองของจีนคืออะไร?
    thanong
    18/7/2015
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    ภาคผนวก 2
    สงครามการเงินสหรัฐ vsจีนเต็มรูปแบบ
    ยุทธศาสตร์ทองของจีน คือพยายามตุนทองให้มากที่สุด เพื่อระบายดอลล่าร์ออกไป และเพื่อเตรียมการลอยค่าหยวนโดยมีทองคำหนุน (gold backed yuan) เท่ากับจะเป็นการปฏิวัติระบบการเงินโลกเลยทีเดียว
    แค่จีนเอาเศษเสี้ยวจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่เกือบ$4ล้านล้านมาซื้อทอง ทองคำทั้งโลกก็เกือบจะเป็นของจีนทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียวได้
    ในขณะที่ยุทธศาสตร์ทองของโลกตะวันตกและตำราที่เราเรียนกันทุกวันนี้ คือทุบราคาทองลง ยื้อให้ราคาต่ำให้นานที่สุด ไม่ให้ความสำคัญกับทองในฐานะที่เป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ หรือเป็นเงินที่แท้่จริง (real money) โดยเอาผลตอบแทนของหุ้นของบอนด์มาล่อ และในขณะเดียวกันเร่งให้โลกก้าวจากระบบเงินกระดาษ (cash society)ไปสู่ระบบที่ไม่ใช้เงิน กระดาษ(cashless society) กลายเป็นเงินดิจิตัลที่พวกอิลิทโลกสามารถคุมเกมระบบการเงินโลกได้ต่อไป เมื่อคุมเงินดิจิตัลได้ ก็คุมอำนาจทางการเมืองทุกอย่างในโลกได้
    จีนกำลังสมัครให้เงินหยวนอยุ่ในตระกร้าเงินของไอเอ็มเอฟ ซึ่งขณะนี้มีดอลล่าร์ ปอนด์ ยูโรและเยน ถ้าหยวนเข้าไปอยู่ในทำเนียบของไอเอ็มเอฟได้ จะกลายเป็นเงินสกุลหลักของโลกทันที เป็นทางเลือกตัวหนึ่งที่มาแรง เพราะว่าเศรษฐกิจจีนยังม่พื้นฐานการผลิตรองรับ ในขณะที่เศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปมีแต่หนี้ และการบริโภคที่เกินตัว
    ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ทางไอเอ็มเอฟน่าจะประกาศให้หยวนเข้าไปอยู่ในตระกร้าเงินของตัวเองได้ แต่จีนต้องทำตามเงื่อนไขไอเอ็มเอฟด้วยการเปิดเสรีการเงินให้เงินไหลเข้าไหลออกประเทศได้ รวมทั้งเปิดเผยสำรองทองคำที่จีนมีอยู่
    ครั้งสุดท้ายที่จีนเผยทองคำสำรองคือในปี2009โดยประกาศว่ามีทองอยู่1,054ตัน ทำให้มีการคาดการไปต่างๆนาๆ ถึงปริมาณทองคำที่แท้จริงที่จีนถือจริงๆ Bloombergอ้างว่าจีนมีทอง3,050ตัน บางเว็ปบอกว่าจีนมีทองคำมากกว่าสหรัฐ1เท่า คือ16,000ตัวไปแล้ว
    ในวันที่17มิถุนายนที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนทำเซอร์ไพรซ์ด้วยการประกาศสำรองทองคำที่นักลงทุนและนักการเงินเฝ้าคอยตัวเลขจริงมานานแล้ว ธนาคารกลางจีนประกาศว่าได้ซื้อทองคำสำรองเพิ่ม60% จาก1,054ตันในปี2009 เป็น1,658ตัน ณ สิ้นสุดเดือนมิถุนายน2015
    สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ธนาคารกลางจีนบอกว่าเนื่องจากราคาทองคำตกลงมาต่อเนื่องทำให้จีนค่อยเก็บสะสมทองคำผ่านช่องทางหลายด้าน เช่นทองคำที่ผลิตออกมาใหม่ รวมทั้งทองคำที่เก็บในตู้นิรภัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ
    หลังจากที่ตัวเลขทองคำสำรองของจีนออกมา ทุกคนต่างร้องยี้กันหมด เพราะว่าไม่เชื่อว่าจีนจะถือทองคำในปริมาณที่น้อยขนาดนี้ อย่างน้อยๆจีนต้องมีทองคำไม่น้อยกว่าหรือเทียบเท่าสหรัฐที่8,000กว่าตัน
    อย่างว่าเรื่องทองเป็นเรื่องของเจ้าพ่อ เป็นเรื่องของกลเม็ดเด็ดพราย ไม่มีใครบอกความจริงหรอกว่าตัวเองมีทองหน้าตักอยู่เท่าใด ที่จีนประกาศว่ามีทองคำสำรอง1,658ตันอาจจะเป็นไปได้ว่าเวลาเปิดตัวเลขทองคำสำรองให้ไอเอ็มเอฟตรวจสอบจะได้ไม่ต้องโชว์ของจริงให้ดูหมด ให้เห็นตัวเลขต่ำๆไปก่อน เพราะว่าจีนยังต้องการซื้อของถูก
    ราคาทองคำที่โดนทุบลงมาต่อเนื่องมีไอ้โม่งอยู่2พวก พวกแรกแน่นอนคืออิลิทตะวันตกที่ต้องการปกป้องดอลล่าร์ เพราะว่าถ้าราคาทองพุ่ง คนจะแห่ถือทองและทิ้งดอลล่าร์
    และพวกที่2น่าจะเป็นอาตี๋เรานี้เองที่แอบสวมรอยตามน้ำ ในเมื่อตะวันตกทุบทอง จีนก็ร่วมวงทุบทองไปด้วย จะได้กวาดทองเข้าเชฟได้ในราคาถูกจนกว่าทองจะเกลี้ยงตลาดหรือมีการรีเซ็ทระบบการเงินโลกใหม่
    เพราะว่าเมื่อจีนได้ทองในปริมาณที่หนำใจแล้ว จะพิมพ์เงินหยวนออกนอกประเทศให้เป็นเงินสกุลหลักสากลโดยมีทองคำหนุน และอีกส่วนหนึ่งอาจจะให้พันธบัตรสหรัฐหนุนก็ได้ เงินหยวนจะได้ขี่ค้ำคอเงินดอลล่าร์
    จีนต้องการให้หยวนแข็งและมั่นคง ย้ำอีกทีหยวนแข็งและมั่นคง ไม่ใช่หยวนอ่อนและลอยตุ๊บป่องไปมาตามแรงเหวียงของดอลล่าร์ ถ้าจะลอยหยวนที แล้วยังมาเป็นเงินสกุลที่เป็นบริวารของดอลล่าร์อีก ก็จะเป็นการฆ่าตัวตายเปล่าๆ
    จีนคิดไม่เหมือนธนาคารแห่งประเทศไทยที่ต้องการให้บาทอ่อนเพื่อหนุนการส่งออก ให้บามเป็นเงินสกุลบริวารชั้นหางแถวที่พร้อมที่จะโดนทุบให้ไร้ค่า
    เนื่องจากจีนมีนโยบายสร้างเส้นทางสายไหมใหม่ เพื่อให้จีนเป็นมหาอำนาจโลก จีนมีสถาบันการเงินอย่างNew Development Bank, BRICS's Reserve Fund ที่ตกลงร่วมมือสร้างกับBRICS และมี Asia Infrastructure Investment Bankที่มี57ประเทศเข้าร่วม สถาบันการเงินเหล่านี้เตรียมออกบอนด์เป็นหยวนและปล่อยกู้เป็นหยวน ซึ่งจะทำให้หยวนที่เป็นเงินสกุลหลักของโลก ทำให้หยวนที่มีอำนาจซื้อ
    ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ รวมทั้งกองทุนต่างๆมาถือหยวน ทำให้เกิดดีมานด์ของหยวน เมื่อมีดีมานด์ หยวนจะแข็งค่าและมีเสถียรภาพ ขณะนี้จีนเปิดตลาดบอนด์ของตัวเองที่มีมูลค่า$6ล้านล้านว่า ให้ต่างชาติเข้าไปถือแล้ว ถือเป็นขั้นตอนการเปิดเสรีที่สำคัญ
    จีนค่อยๆลดความสำคัญของการส่งออกตามลำดับ ใช้ความเสถียรของหยวนเพื่อเพิ่มอำนาจซื้อควบรวมกิจการทั่วโลก
    ดอลล่าร์จะลดความสำคัญไปเอง จะอ่อนค่าลงไปเรื่อยๆ เพราะว่ามีหยวนที่มีปัจจัยพื้นฐานเข้มแข็งกว่ามาแข่ง ถึงจุดหนึ่งดอลล่าร์จะพังไปเอง ถ้าไม่ก่อสงครามปกป้องก่อน
    ถือว่าหนามยอกเอาหนามบ่ง ที่สหรัฐสร้างดอลล่าร์อย่างไร จีนก็เล่นกลับแบบย้อนศรไปเลย
    thanong
    18/7/2015
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Nibiru Facts/Elenin Facts/2012/NWO/FEMA/Earth Quakes/T Cyclones etc

    [​IMG]

    ดูวิดีโอนี้อธิบายเวลาที่ดาวเคราะห์เอ็กซ์มาถึง ข้อมูลจากวงกลมพืช
    WATCH THIS VIDEO explaining Planet X ARRIVAL time, info from Crop Circles.

    <iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/vcLD-d6Y8Ng" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
    https://www.youtube.com/watch?v=vcLD-d6Y8Ng

    Nibiru - ผลดาวเคราะห์ X ที่มีต่อโลก เปิดเผย - ส่วนที่ 4 - ใหม่
    Nibiru - Plane X Effects on Earth Revealed - Part 4 - New.

    ระยะเวลาที่ดาวเคราะห์เอ็กซ์ที่ได้รับการเปิดเผย จาก 22 พฤษภาคม 2011 จนถึงวันที่มันมาถึงสนามแม่เหล็กของโลก
    Planet X's timeline revealed, from May 22nd 2011 until the day it reaches planet Earth's magnetic field.

    กลุ่มของวงการเพาะปลูกที่พบในฮอลแลนด์, 28 เมษายน จนถึง 4 กรกฎาคม 2015, แสดงให้เราเห็นอย่างชัดเจนว่าวันที่ Nibiru จะมาให้เรามองเห็นและวันที่มันจะไปถึงความใกล้ชิดสูงสุดกับโลกของเรา
    Group of crop circles found in Holland, April 28th through July 4th 2015, shows us in a clear way the date Nibiru will become visible and the day it will reach maximum proximity to our planet.
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    ... "กรีซ : รับข้อตกลงแรกจากเงินกู้ ... นางแมร์เคิ่ล ของเยอรมันถูกสงสัยว่าเป็น "สาย" ให้อเมริกามาทำลายยุโรป "

    [​IMG]
    .
    ... สุดท้ายปืนใหญ่จากเยอรมันก็ยิงเข้ากลางใจกรีซ กรีซยอมรับการให้กู้เงินจากเยอรมันเพื่อจะรักษา "ระบบธนาคาร" โดยให้ประชาชนรับกรรม โดยการขึ้นภาษี ลดบำนาญข้าราชการ และ "ขายสมบัติชาติรัฐวิสาหกิจ" เมื่อลงนามในรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ผ่านมาเป็นหนึ่งในสี่ส่วนของข้อตกลงทั้งหมด
    ... ภายนอกผนังอาคารก็มีการประท้วงรัฐบาลบอกว่าอย่าไปกู้เงินของเยอรมัน หลายบอกว่า "นาซี" เยอรมันกำลังจะกลับมายึดประเทศอีกครั้ง
    ... “Cancel the bailout!” and “No to the policies of the EU, the ECB and the IMF.
    "ยกเลิกการรับความช่วยเหลือ ปฎิเสธนโยบายของอียู อีซีบี และ ไอเอ็มเอฟ"
    ... ยายแก่คนหนึ่งวัย 71 ปี ที่เกิดทันสมัยนาซี ออกมาบอกว่า "จะไม่ยอมให้พวกเยอรมันมายึดประเทศอีกครั้งหนึ่ง และบอกว่ารัฐบาลเรามองไม่ออกว่าเยอรมันนั้นต้องการยุโรปอีกครั้ง"
    ... Euclid Tsakalotos รมว.การคลังคนใหม่และนาย Yanis Varoufakis รมว.คนเดิมก็ไม่เห็นด้วย และเขาก็ได้โหวตที่จะไม่รับความช่วยเหลือนี้ ที่จะทำให้การว่างงานกรีซที่อยู่เดิม 25% ร่วงหนักลงไปอีก
    ... นางแมร์เคิ่ลนั้นเคยมีกรณีความสัมพันธ์กับอเมริกามานานทั้งการถูกให้หน่วยสืบราชการลับเยอรมัน BND ช่วยหาข่าวลับให้ NSA ของอเมริกา คอยสืบจับตาผู้นำฝรั่งเศสและอียูมานาน จนกลายเป็นเรื่องอื้อฉาว ทำเหมือนเป็น "สาย" หรือ "ลูกน้อง" ของอเมริกา ... German BND spy agency 'helped US target France' - BBC News
    ... ขณะที่ตามแนวคิด New World Order เธอเองก็มีการถูกวิจารณ์ว่าบุคลิกเธอลึกลับและมีการแสดงออกเหมือนพวกกลุ่มอิลลูมินาติมาทุกครั้ง รวมทั้งที่เธอถูกทางรัสเซียบอกว่าเป็นลูกสาวของ "ฮิตเล่อร์" ผู้นำนาซีที่ครั้งหนึ่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เป็น "เครื่องมือของอเมริกา" ในการป่วนทำลายยุโรป จนย่อยยับจนสุดท้ายอเมริกาขี่มาขาวมาช่วยเหลือในฐานะผู้ชนะร่วมด้วย ซึ่งเรื่องที่ฮิตเล่อร์ได้รับการช่วยเหลือทางการเงินจากวอลล์สตรีทนั้นเป็นเรื่องจริงเมื่อมีการเปิดเผยในภายหลังมากมาย ... ... WALL STREET AND THE RISE OF HITLER, by Antony C. Sutton
    ... ยิ่งประกอบกับที่นักวิเคราะห์ข่าวในยุโรปบอกว่านับตั้งแต่ ฝรั่งเศส โดยชาร์ล เดอโกลต้องการสร้างยุโรปให้เป็น "ขั้วอำนาจที่สาม" ... ต่อจากอเมริกาและโซเวียตรัสเซียนั้น อเมริกาก็มีการพยายามทำลายสหภาพยุโรปมาโดยตลอด เช่น "สงครามในยูเครน" ก็เช่นกัน เพื่อทำให้ยุโรปทะเลาะกันเองจากภายใน จนย่อยยับแลัวค่อยมาช่วยเหลือซื้อกิจการต่างๆในภายหลัง
    ... เพราะนับจาก "สงครามเวียตนาม" มาที่อเมริกาพาลูกหลานของตนและของประเทศพันธมิตรไปฆ่าชาวเวียตนามตายและตัวเองก็ตายเกือบสามแสนคน ทำให้คนอเมริกันไม่ชอบอย่างมาก อเมริกาจึงใช้นโยบายใหม่ "จ้างให้คนไปรบและตายแทน" เหมือนสมัยฮิตเลอ่ร์ เราจึงเห็นทั้ง สงครามยูเครน และ ISIL ที่เป็นการจ้างให้คนอื่นรบแทน
    ... ซึ่งตรงกับตำราพิชัยสงครามของจีนที่ว่า "ถ้าต้องไปรบสมรภูมิที่ไกลๆ นานๆ อย่ารบเอง ให้คนอื่นไปรบแทน" นี่คือนโยบายใหม่ของอเมริกาหลังสงครามเวียตนามมาตลอด เพราะอเมริการู้ดีว่าอังกฤษพาลูกหลานตนและบริวารไปตายในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง 700,000 คนนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการล่มสลายของจักรวรรดิอังกฤษด้วยเช่นกัน
    ... นักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียงชาวฝรั่งเศสอย่างนาย Thomas Piketty บอกว่าการที่เยอรมันทำการให้กรีซกู้ด้วยขัอเงื่อนไขที่รัดเข็มขัดแบบสุดโหดนั้นคือ "การทำลายยุโรป" อย่างชัดเจนและบอกว่าพวกหัวอนุรักษ์ไม่เคยจำบทเรียนจากอดีต
    ... โดยเขายกตัวอย่างจากประวัติศาสตร์ สมัยที่เยอรมันแพ้ "สงครามโลกครั้งที่ 1" ที่ต้องเสียค่าปฎิกรรมสงครามจากข้อตกลง ‘Treaty of Versailles’ อย่างมากมายและสุดท้ายเยอรมันก็รับไม่ไหว สุดท้ายเกิด "ฮิตเล่อร์" ขึ้นมาประดับโลก ( ... กรีซกำลังรอให้กำเนิด ฮิตเล่อร์แห่งกรีซ )
    ... และบอกว่า "เยอรมัน" ลืมไปแล้วหรือว่าเยอรมันฟื้นจากสภาพผู้แพ้ใน "สงครามโลกครั้งที่ 2" ได้อย่างไร ก็เพราะว่า "อเมริกา" และผู้ชนะสงคราม ยอมผ่อนเบาและ "ยกเลิกหนี้" และค่าปฎิกรรมสงครามให้ เพื่อให้เยอรมันมีโอกาศลืมตาอ้าปากทำมาหากิน สร้างเงินทองค่อยๆสะสมมาจนกลายเป็นมหาอำนาจทางการค้าการเงินอีกครั้งหนึ่ง ดังเช่นในปัจจุบัน
    ... http://www.independent.co.uk/…/german-conservatives-are-des…
    ... เพราะนักประวัติศาสตร์บางคนเคยบอกว่า "เยอรมัน" และ "ญี่ปุ่น" ผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นมีพลังมาก อเมริกาต้องการสร้างให้ประเทศทั้งสองเป็น "ผู้ช่วย" ร่วมกับตนในการครอบครองโลก โดยมีข้อแม้ว่าต้องตัด "การทหาร" ของทั้งสองประเทศออกให้ไร้เขี้ยวเล็บ ซึ่งความจริงที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนั้น
    ... "เยอรมัน" จะเป็น "สาย" หรือ "นายหน้า" ของอเมริกา อิลลูมินาติจริงหรือไม่ แต่เรื่องราวที่ผ่านมากมันบอกมาแบบนั้น เพื่อรอวันอเมริกาและอิลลูมินาติมากินรวบทีเดียว ยามที่ยุโรปย่อยยับเยินยุ่ยหมดแล้ว อีกครั้งหนึ่ง เหมือนในอดีต
    .
    WALL STREET AND THE RISE OF HITLER, by Antony C. Sutton
    Tear gas v petrol bombs: Clashes mar massive Greek protest against bailout deal — RT News
    http://www.independent.co.uk/…/german-conservatives-are-des…
    http://www.independent.co.uk/…/german-conservatives-are-des…
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กบฏฮูตีในเยเมนเสียค่ายทหารอีก 2 แห่ง หลังโดนถล่มหนักทางบก-ทางอากาศ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 กรกฎาคม 2558 18:30 น.

    [​IMG]
    @รถยนต์หุ้มเกราะของนักรบขบวนการต่อต้านแห่งภาคใต้ (Southern Resistance) วิ่งอยู่บนถนนระหว่างที่มีการปะทะกับนักรบกลุ่มฮูตีในเมืองเอเดนทางตอนใต้ของเยเมน (17 ก.ค.)

    รอยเตอร์ – นักรบท้องถิ่นและกองทหารบกในเยเมนยึดคืนค่ายทหาร 2 แห่งจากกลุ่มฮูตีเมื่อคืนนี้ ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ ระบุ โดยถือเป็นความพ่ายแพ้อีกครั้งหนึ่งในรอบสัปดาห์ของกลุ่มกบฏนิกายชีอะห์กลุ่มนี้

    การรุกคืบดังกล่าวมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่รัฐบาลพลัดถิ่นของเยเมนประกาศว่าเมืองเอเดนทางตอนใต้ “เป็นอิสระแล้ว” ซึ่งถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่นำโดยซาอุดีอาระเบียและในสงครามกลางเมืองที่ดำเนินมาเกือบ 4 เดือนและคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 3,500 คน

    กองกำลังชาวเยเมนที่ซาอุดีอาระเบียหนุนหลังได้เข้ายึดค่ายทหารบกลาบูซาในตอนเหนือของเมืองท่าแห่งนี้ในจังหวัดลาห์จ และกองบัญชาการกองพลยานเกราะที่ 117 ในจังหวัดชับวาทางตะวันออกซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 230 กิโลเมตร โดยได้รับการสนับสนุนจากการโจมตีทางอากาศด้วยอีกแรง

    เจ้าหน้าที่ในกองกำลังต่อต้านฮุตีกล่าวว่า การบุกโจมตีดังกล่าวมีการวางแผนกันมาหลายสัปดาห์แล้วและต้องขอบคุณการฝึกฝนและการจัดสรรอาวุธจากซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

    สงครามในเยเมนเป็นความขัดแย้งระหว่างบรรดารัฐอ่าวอาหรับสายสุหนี่ที่สนับสนุนรัฐบาลพลัดถิ่นชุดนี้กับกลุ่มฮูตีนิกายชีอะห์ที่ภักดีต่ออิหร่าน ซึ่งยิ่งทำให้การเป็นปฏิปักษ์กันและความบาดหมางระหว่างนิกายในภูมิภาคนี้เลวร้ายมากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ทางอำนาจในประเทศที่ยากจนและเสียหายเพราะความขัดแย้งแห่งนี้ได้คุกรุ่นมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และนักรบในภาคใต้ของเยเมน ซึ่งเป็นสมรภูมิของศึกเมื่อไม่นานมานี้เกือบทั้งหมด ก็หาทางเป็นอิสระจากภาคเหนืออันเป็นถิ่นของกลุ่มฮูตีมานานแล้วด้วยเช่นกัน

    ชาวบ้านระบุว่า กองกำลังฮูตีและพันธมิตรของพวกเขาในกองทัพบกของเยเมนได้พยายามที่จะรวมกลุ่มกันใหม่และชิงคืนชานเมืองทางเหนือของเอเดนเมื่อวานนี้ (17) พร้อมกับยิงจรวดใส่เขตคอร์มัคซาร์

    ความพยายามดังกล่าวถูกขัดขวาง นักรบกลุ่มต่อต้านฮูตีระบุ และขณะนี้กำลังมีการบุกโจมตีประสานกับการจู่โจมทางอากาศเพื่อยึดคืนฐานทัพอากาศอากาศอานัด หนึ่งฐานทัพที่ใหญ่ที่สุดของเยเมน ซึ่งอยู่ห่างเมืองเอเดนไปทางเหนือราว 60 กิโลเมตร

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000081409
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “คอเมเนอี” ชี้อิหร่านทำข้อตกลงนิวเคลียร์ไม่ได้แปลว่า “ญาติดี” กับสหรัฐฯ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 กรกฎาคม 2558 15:51 น.

    [​IMG]
    @อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน

    เอเจนซีส์ – อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ประกาศว่ารัฐบาลเตหะรานยังไม่เปลี่ยนแปลงจุดยืนที่มีต่อ “ชาติก้าวร้าว” อย่างสหรัฐฯ แม้จะทำข้อตกลงนิวเคลียร์กับกลุ่มมหาอำนาจ P5+1 แล้วก็ตาม พร้อมกล่าวหาอเมริกาว่าต้องการบีบให้อิหร่าน “ยอมจำนน”

    คอเมเนอี ได้เป็นผู้นำละหมาด และกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันตรุษอีดิลฟิฏรีซึ่งเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองของชาวมุสลิมหลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอนที่จัดขึ้นในอิหร่านวันนี้ (18 ก.ค.) โดยประชาชนที่เข้าร่วมพิธีต่างร้องสาปแช่ง “อเมริกาจงไปตายเสีย” และ “อิสราเอลจงไปตายเสีย”

    คอเมเนอี ระบุว่า ข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ที่อิหร่านทำร่วมกับมหาอำนาจทั้ง 6 จะไม่มีผลใดๆ ต่อการสนับสนุนที่อิหร่านมีต่อพันธมิตรอย่างรัฐบาลซีเรียและอิรัก รวมถึงพลเมืองที่ถูกกดขี่ข่มเหงในเยเมน บาห์เรน และปาเลสไตน์

    คำพูดของ คอเมเนอี วันนี้(18) เป็นการตอกย้ำจุดยืนที่ว่า เตหะรานยอมเจรจากับ P5+1 ก็เพื่อให้ได้ข้อตกลงนิวเคลียร์ที่จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจเท่านั้น

    ตามเงื่อนไขของข้อตกลงนิวเคลียร์ มาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐฯ องค์การสหประชาชาติ และสหภาพยุโรปบังคับใช้ต่ออิหร่าน จะถูกผ่อนคลายลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่อิหร่านก็จะต้องปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่จะลดทอนกิจกรรมนิวเคลียร์ลงอย่างน้อย 10 ปี เพื่อให้นานาชาติหมดกังวลว่าอิหร่านจะลักลอบพัฒนาอาวุธทำลายล้างสูง

    รัฐบาลอิหร่านปฏิเสธคำครหาของชาติตะวันตก โดยยืนยันว่าโครงการนิวเคลียร์มีวัตถุประสงค์ด้านพลังงานเพื่อสันติและการแพทย์เท่านั้น

    คอเมเนอี ยังคงมีท่าทีไม่ไว้วางใจอเมริกา โดยระบุว่า ประธานาธิบดีอเมริกันทุกคนต่างพยายามบีบให้อิหร่าน “ยอมจำนน” พร้อมเตือนว่าหากเกิดสงครามอีกครั้ง สหรัฐฯ จะต้องเป็นฝ่ายสูญเสียยิ่งกว่าเดิม

    “พวกชาวอเมริกันบอกว่าจะยับยั้งไม่ให้อิหร่านได้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์... พวกเขาก็รู้ว่ามันไม่จริง เราเคยมีคำฟัตวา (คำตัดสินทางศาสนา) ไปแล้วว่า อาวุธนิวเคลียร์ถือเป็นของต้องห้ามตามหลักชารีอะห์ ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวอะไรกับการเจรจานิวเคลียร์เลย”

    ผู้นำสูงสุดอิหร่านยังเตือนว่า ข้อตกลงที่ทำร่วมกับสหรัฐฯ อังกฤษ รัสเซีย จีน ฝรั่งเศส และเยอรมนี ยังไม่ถูกประกาศเป็นกฎหมาย และจะต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะอิหร่านจะไม่ยอมให้สิ่งใดมาบั่นทอนหลักการปฏิวัติอิสลาม และความเข้มแข็งในการป้องกันประเทศ แต่ขณะเดียวกันก็กล่าวชื่นชมความพยายามของประธานาธิบดี ฮัสซัน รอฮานี และคณะผู้แทนเจรจาอิหร่านซึ่งนำโดยรัฐมนตรีต่างประเทศ โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ

    “พวกเขาต้องยอมเจ็บปวด และทุ่มเททำงานกันอย่างหนัก” คอเมเนอี กล่าว

    “ร่างข้อตกลงถูกเตรียมเอาไว้แล้ว และไม่ว่าจะผ่านการรับรองหรือไม่ พวกเขาก็ได้ทำหน้าที่ของตนจนสำเร็จลุล่วง และสมควรได้รับรางวัลตอบแทน”

    ในฐานะผู้นำสูงสุดของอิหร่าน คอเมเนอี มีอำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้ายในทุกๆ กิจการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในประเทศหรือต่างประเทศ รวมถึงข้อตกลงนิวเคลียร์ด้วย

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000081366
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    17 ก.ค. ปริศนาพลังงานมืดและสสารมืด

    [​IMG]
    @(ภาพถ่ายวงแหวนสสารมืดในกาแล็กซีคลัสเตอร์ CL0024+17 จากกล้องโทรทัศน์อวกาศฮับเบิล - Credit NASA, ESA และ M.J.Jee John Hopkins University)

    ปราชญ์ในสมัยโบราณเชื่อว่า สสารที่มีในธรรมชาติล้วนประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม และไฟ ปราชญ์ปัจจุบันกลับพบว่า สสารทุกรูปแบบที่เรารู้จักประกอบด้วยธาตุธรรมชาติ 92 ชนิดและมีในปริมาณเพียง 5% ของทั้งหมดที่เอกภพมี นั่นคือทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเห็นเป็นเพียงส่วนปลายบนของก้อนน้ำแข็งที่ลอยอยู่ในทะเลเท่านั้น เพราะอีกประมาณ 23% เป็นสสารมืด (dark matter) ที่ยังไม่มีใครรู้ว่าเป็นอะไร และ 72% ที่เหลือเป็นพลังงานมืด (dark energy) ที่ทำหน้าที่ผลักดันเอกภพให้ขยายตัวด้วยความเร็วที่มากขึ้นๆ ตลอดเวลา

    การใช้คำว่า มืด ในที่นี้จึงเป็นคำที่เหมาะสม เพราะนักฟิสิกส์เองก็ยังไม่รู้ว่า มันมาจากไหนและเป็นอะไร แต่เราก็รู้ว่าถ้าเรารู้ธรรมชาติที่แท้จริงของสสารมืดเมื่อใด เราก็จะรู้ว่าอะไรทำให้กาแล็กซี่ต่างๆ อยู่กันเป็นกระจุกได้ และถ้าเราเข้าใจธรรมชาติของพลังงานมืด เราก็จะรู้ว่า เอกภพจะถึงจุดจบในลักษณะใด

    ย้อนอดีตไปเมื่อ 17 ปีก่อนวงการดาราศาสตร์ได้ตกตะลึงกับข่าวการเห็นอิทธิพลของพลังงานมืด โดยคณะนักดาราศาสตร์และนักดาราฟิสิกส์สองคณะซึ่งได้ศึกษาการระเบิดของ supernova ชนิด 1a ที่อยู่ไกลโพ้น เพื่อวิเคราะห์ธรรมชาติของการขยายตัวของเอกภพ นับตั้งแต่ที่เกิด Big Bang คือเมื่อ 13,700 ล้านปีก่อนจนถึงปัจจุบัน

    ความคาดหวังของนักดาราศาสตร์ทุกคนคือจะเห็นความเร็วในการขยายตัวช้าลงๆ เมื่อเวลาผ่านไป เพราะกาแล็กซี่หนึ่งจะถูกดึงดูดด้วยแรงโน้มถ่วงจากกาแล็กซี่อื่นๆ ทั้งหมดในเอกภพ แต่กลับได้เห็นความเร็วในการขยายตัวของเอกภพเพิ่มขึ้นตลอดเวลา นั่นคือ เอกภพกำลังขยายตัวด้วยความเร่ง เสมือนว่าถูกแรงลึกลับที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อนทั้งผลักทั้งดันกาแล็กซี่ต่างๆ ให้มันมีความเร็วยิ่งขึ้นๆ Michael Turner จึงได้ตั้งชื่อพลังงานปริศนานั้นว่า พลังงานมืด

    การค้นพบที่ยิ่งใหญ่สำคัญและน่าตกตะลึงนี้ทำให้ Adam Riess กับ Brian Schmidt แห่ง Australian National University ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี 2011 ร่วมกับ Saul Perlmutter แห่ง Lawrence Berkeley National Laboratory ในสหรัฐอเมริกา

    เมื่อไม่มีใครรู้เกี่ยวกับธรรมชาติที่แท้จริงของพลังงานมืด ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาที่ฮ็อตมากที่สุดในวงการดาราศาสตร์ปัจจุบัน ที่นักเอกภพวิทยาและนักดาราฟิสิกส์ทุกคนสนใจ นักดาราฟิสิกส์บางคนคิดว่า พลังงานมืดเป็นแรงชนิดใหม่ที่มีอยู่ทั่วไปในอวกาศ เหมือนอากาศที่มีอยู่ในบอลลูน หรืออาจจะเป็นเพียงภาพลวงตา คือไม่มีจริง แต่ถ้าพลังงานมืดไม่มีในธรรมชาติ นั่นแสดงว่า นักฟิสิกส์ยังไม่เข้าใจทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของ Einstein อย่างถ่องแท้ หรือพลังงานมืดอาจเป็นสมบัติหนึ่งของสุญญากาศที่สามารถทำให้อวกาศขยายตัวได้ ตามแนวความคิดเรื่องค่าคงตัวของเอกภพ (cosmological constant) ที่ Einstein ได้เคยนำมาใช้ในทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปตั้งแต่ปี 1917 โดย Einstein คิดว่า ค่าคงตัวของเอกภพที่มีในสุญญากาศมีอิทธิพลต่อต้านแรงโน้มถ่วง

    ในปี 2013 คณะนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ 120 คนที่ทำงานวิจัยในโครงการ Dark Energy Survey (DES) มูลค่า 1,600 ล้านบาท ได้ใช้กล้องโทรทรรศน์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 เมตรที่ Cerro Tololo Inter – American Observatory ใน Chile ศึกษากาแล็กซี่ประมาณ 200 -300 ล้านกาแล็กซี่ ที่อยู่กันเป็นกระจุก (cluster) ประมาณ 100,000 กระจุก และได้วิเคราะห์ supernova 4,000 ดวงที่ระเบิดในกาแล็กซี่ต่างๆ (กาแล็กซี่บางกาแล็กซี่ ณ เวลาที่สังเกตอาจไม่มีการระเบิดของ supernova) เพื่อวัดความหนาแน่นของพลังงานมืด และวัดค่าคงตัวของเอกภพ และค้นหาแรงชนิดใหม่ในธรรมชาติ เพื่อจะตอบคำถามที่ว่า เอกภพมีพลังงานมืดหรือไม่ และทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปยังสมบูรณ์ดี หรือบกพร่อง

    นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์บางกลุ่มก็กำลังสนใจค้นหาสสารมืดที่หลายคนคิดว่ามีอยู่ระหว่างกาแล็กซี่ เพื่อวิเคราะห์แรงโน้มถ่วงที่เกิดจากสสารมืดว่าจะเบี่ยงเบนรังสีของแสงจากกาแล็กซี่ ขณะเคลื่อนที่ผ่านสสารมืดว่าเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าการเบี่ยงเบนเป็นจริง ภาพของกาแล็กซี่ที่เห็นจะบิดเบี้ยวเล็กน้อย ปรากฏการณ์นี้เรียก weak lensing

    ด้านนักวิทยาศาสตร์ยุโรปแห่ง European Space Agency ก็ได้วางแผนจะปล่อยจรวดนำกล้องโทรทรรศน์อวกาศชื่อ Euclid มูลค่า 19,000 ล้านบาทขึ้นอวกาศเพื่อศึกษาปรากฏการณ์ weak lensing ด้วย และในเวลาเดียวกันนักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ ก็ได้เสนอโครงการ Large Synoptic Survey Telescope ซึ่งเป็นกล้องโทรทรรศน์ที่เลนส์ของกล้องมีเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 8.4 เมตร และกล้องมีมูลค่า 15,500 ล้านบาทเพื่อศึกษาธรรมชาติของพลังงานมืดด้วย

    ข้อมูลที่ได้จวบจนปัจจุบันยังไม่มีคำตอบสุดท้าย กล่าวคือ นักฟิสิกส์ยังไม่มั่นใจว่าทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของ Einstein จะต้องมีการปรับปรุงหรือไม่ และแรงชนิดที่ 5 มีในธรรมชาติหรือไม่ โดยทุกคนมีความเห็นพ้องกันว่า กว่าจะตัดสินฟันธงได้ อาจต้องใช้เวลาอีก 10 ปี

    นอกจากพลังงานมืดแล้ว วงการนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ก็สนใจศึกษาธรรมชาติของสสารมืดด้วย

    นักดาราศาสตร์นั้นได้รู้มานานแล้วว่า ในอวกาศมีอะไรบางอย่างที่ส่งแรงดึงดูดแบบโน้มถ่วงกระทำต่อบรรดาดาวฤกษ์ที่อยู่ในกาแล็กซี่จนทำให้กาแล็กซี่สามารถคงรูปได้ ความสงสัยว่าเอกภพมีสสารมืดได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1933 เมื่อนักดาราศาสตร์ชาวสวิสชื่อ Fritz Zwicky ได้พบว่า กาแล็กซี่ต่างๆ ที่อยู่เป็นกลุ่มในกระจุกกาแล็กซี่ Coma ต่างก็เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง จนแรงโน้มถ่วงที่มีในกระจุกไม่น่าจะเพียงพอในการทำให้มันทรงสภาพเป็นกระจุกได้

    Zwicky จึงสันนิษฐานว่า จะต้องมีสสารลึกลับบางชนิดที่ตามองไม่เห็นซึ่งกำลังทำให้กระจุกกาแล็กซี่ทรงสภาพอยู่ได้ เขาจึงเรียกสสารลึกลับนั้นว่า dunkle materie หรือ dark matter

    ความคิดของ Zwicky เกี่ยวกับสสารมืดได้รับการสนับสนุนในอีก 40 ปีต่อมา เมื่อนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์สตรีชาวอเมริกันชื่อ Vera Rubin ได้พบว่า ความเร็วของดาวฤกษ์ต่างๆ ในกาแล็กซี่ ขณะโคจรไปรอบจุดศูนย์กลางของกาแล็กซี่นั้นมีความเร็วสูงเกินที่จะทำให้มันสามารถคงอยู่ในกาแล็กซี่ได้ นั่นคือ Rubin ได้พบว่า ดาวฤกษ์ที่อยู่ไกลจากจุดศูนย์กลางของกาแล็กซี่มีความเร็วใกล้เคียงกับดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้ศูนย์กลาง เสมือนดาวเคราะห์แคระพลูโตมีความเร็วพอๆ กับดาวพุธ เธอจึงสันนิษฐานว่า ในแต่ละกาแล็กซี่มีสสารมืดที่ดึงดูดดาวฤกษ์ไว้ ทำให้ดาวฤกษ์ดวงนั้นเป็นสมาชิกดวงหนึ่งของกาแล็กซี่

    นี่คือหลักฐานชิ้นแรกๆ ที่ชี้นำว่า สสารมืด มีจริง แต่หลักฐานที่มีน้ำหนักที่สุด คือ หลักฐานที่ได้จากการศึกษา cosmic microwave background หรือรังสีไมโครเวฟภูมิหลัง (CMB) ที่เกิดหลังการระเบิด Big Bang ที่กล้องโทรทรรศน์อวกาศของ NASA ชื่อ Wilkinson Microwave Anisotropy Probe ได้วัดความแปรปรวนของอุณหภูมิของรังสี ภูมิหลังจากการระเบิดใหม่ๆ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สสารธรรมดากับสสารมืดมีอันตรกริยากันอย่างรุนแรง การวัดอุณหภูมิที่ละเอียดแสดงให้เห็นว่า สสารที่มีในเอกภพ 72% เป็นสสารมืด

    ด้านนักฟิสิกส์อนุภาคมูลฐานก็สนใจเรื่องสสารมืดเช่นกัน เพราะมีทฤษฎีชื่อทฤษฎี supersymmetry ที่ได้พยากรณ์ว่า ธรรมชาติยังมีอนุภาคอีกชนิดหนึ่ง ที่มีมวลประมาณ 200-300 เท่าของโปรตอน แต่มีอันตรกริยาค่อนข้างน้อยกับอนุภาคอื่นๆ และอนุภาคมวลมากแต่มีอันตรกริยาน้อย (weakly interacting massive particle หรือ WIMP) นี้อาจเป็นสสารมืดของนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ก็ได้ และนักฟิสิกส์เหล่านี้ก็กำลังหวังว่าเครื่องเร่งอนุภาค Large Hadron Collider (LHC) ที่ CERN ในสวิสเซอร์แลนด์สามารถสร้างอนุภาค Wimp นี้ได้ ถ้ามีการเพิ่มพลังงานของโปรตอนที่จะพุ่งมาชนกัน

    (อ่านต่อ..http://manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9580000080759)
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หน้าตาเหมือนไม่ใช่คนเดิม โดนทำอะไรมาหรือเปล่า ดูหน้าเขาดีๆ ครับ

    นายกฯกรีซปรับครม.ขนานใหญ่ ตะเพิดพวกต้านแผนปฏิรูปพ้นรัฐบาล โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 กรกฎาคม 2558 02:28 น.

    [​IMG]


    นายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซปรับคณะรัฐมนตรีขนานใหญ่เมื่อวันศุกร์(17ก.ค.)

    รอยเตอร์ - นายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซเมื่อวันศุกร์(17ก.ค.) ปรับคณะรัฐมนตรีขนานใหญ่ ด้วยตะเพิดเหล่ารัฐมนตรีที่ก่อขบถโหวตต่อต้านข้อเสนอปฏิรูปของเหล่าเจ้าหนี้นานาชาติแลกกับข้อตกลงช่วยเหลือ

    นายกรัฐมนตรีซีปราส ถูกทำให้อ่อนแอจากการก่อขบถของเหล่าส.ส.ภายในพรรคไซรีซาของเขา ที่ลงมติต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดที่เสนอโดยเหล่าเจ้าหนี้ระหว่างประเทศในรัฐสภาเมื่อวันพฤหัสบดี(16ก.ค.) บีบให้เขาต้องพึ่งเสียงจากฝ่ายค้าน เพื่อผ่านแพ็กเก็จที่จำเป็นสำหรับความอยู่รอดของกรีซ

    เพื่อแลกกับความช่วยเหลือทางการเงินสูงสุด 86,000 ล้านยูโร กรีซได้ตอบรับแผนปฏิรูปต่างๆอาทิ การลดงบประมาณจ่าย ขึ้นภาษี และปฏิรูประบบบำนาญ นอกจากการปฏิรูปด้านต่างๆ แล้ว ยังจะต้องยอมนำสินทรัพย์ต่างๆ ของรัฐกรีซรวมเป็นมูลค่า 50,000 ล้านยูโร เป็นต้นว่า ธนาคารของกรีซที่ถูกโอนมาเป็นของรัฐภายหลังการเพิ่มทุน เข้ามาสู่กองทุนทรัสต์ซึ่งรัฐบาลกรีซจะเข้ามายุ่งเกี่ยวไม่ได้ สินทรัพย์เหล่านี้ที่สำคัญแล้วจะถูกนำไปขายเพื่อนำเงินมาชำระหนี้สินให้ลดต่ำลง ถึงแม้บางส่วนคือราว 12,500 ล้านยูโรจะถูกนำไปลงทุนในประเทศกรีซเอง

    ปานอส สโครเลติส จะก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีพลังงาน แทนนายปานากิโอติส ลาฟาซานิส หนึ่งในขบถหัวแข็งภายในพรรคไซรีซา ส่วนนายจอร์ด คาตรูกาลอส รัฐมนตรีปฏิรูปการบริหารจะได้เป็นรัฐมนตรีแรงงานคนใหม่

    ทรายฟอน อเลเซียดิส แกนนำของสหภาพผู้ชำนาญการด้านภาษีของกรีซ ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แทนนางนาเดีย วาลาวานี ที่เพิ่งลาออกไปเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ โดยที่ยูคลิด ซาคาโลโตส ที่ขึ้นนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแทนนายานิส วารูฟากิส เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา สามารถรักษาตำแหน่งของตนเองไว้ได้

    การลละเก้าอี้ของนายวารูฟากิส เมื่อสัปดาห์ก่อน เกิดขึ้นจากความพยายามลดทอนความไม่พอใจของผู้นำยูโรโซนของนายซีปราส หลังจากนายวารูฟากิส ขยันสร้างความเดือดดาลให้เพื่อนชาติสมาชิกในยูโรโซน ด้วยสไตล์การเจรจาที่ไม่เดินไปตามกรอบตามแบบแผน ตลอดจนชอบเลคเชอร์ขู่ขวัญคนอื่นๆ รวมทั้งรณรงค์เรียกร้องให้ประชาชนชาวกรีกโหวต "โน" ในการลงประชามติเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม

    ส่วนตำหน่งอื่นๆที่มีการเปลี่ยนแปลงรวมถึง คริสโคโฟรอส เวอร์นาร์ดาคิส ที่จะได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ขณะที่นางโอลกา เกโรวาสซิลี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นโฆษกรัฐบาลคนใหม่

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000081231
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    คนเมืองผู้ดี (บางคน) เขานิยมทำอย่างนั้นข้างถนนไม่แคร์สายตาผู้คน


    [​IMG]

    ----------------
    โพสต์นี้ไม่มีอะไรมากครับ แค่อยากบอกให้รู้ว่าคู่รักชาวอังกฤษที่เรียกตัวเองว่า "เมืองผู้ดี" บางรายเขาก็จะนิยม "ทำอย่างนี้" ข้างถนนด้วย แม้จะอยู่ในสถานที่สาธารณะ มีผู้คนพลุกพล่านก็ตาม ตามรายงานข่าวบอกว่าทั้งสองรายออกมาจากผับเปลื้องผ้า (เปลือย) ในเมือง Magaluf ประเทศสเปน ซึ่งเป็นสวรรค์ของพวกนักเที่ยวชาวอังกฤษและชาวต่างชาติ ที่ขึ้นชื่อเสรีในเรื่องอย่างว่ามากๆ งานนี้มีคนไปเห็นและถ่ายคลิปไว้ไปโพสต์ในเว็บลามก สื่อฯสเปนก็ลง และเดอะมิเรอร์ของอังกฤษก็เอามาลง แต่ยังไม่เห็นบีบีซีจอมเจือกประเทศไทยเอาไปลงเลยนะ
    The Eyes
    18/07/2558
    ------------
    http://www.mirror.co.uk/…/new-magaluf-sex-video-shows-60896…
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    อเมริกาวันนี้: ผู้ก่อการร้ายบุกฐานทัพเรือกราดยิงนาวิกโยธินสหรัฐฯดับ 4 นาย วิสามัญผู้ก่อเหตุคาที่ ตำรวจสหรัฐฯจับกุมประชาชนเดินขบวนประท้วงครบรอบ 1 ปีการเสียชีวิตของ Eric Garner ชายผิวสีด้วยฝีมือของตำรวจ
    ------------
    หันมาดูความวุ่นวายภายในสหรัฐฯบ้าง มีอยู่สองข่าว ข่าวแรกคือเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่านาย Muhammad Youssef Abdulazeez ชาวอเมริกันเชื้อสายคูเวตบุกเดี่ยวเข้าไปภายในอาคารรับรองกองทัพเรือภายในฐานทัพเรือของสหรัฐฯ เมือง Chattanooga รัฐ Tennessee ประเทศสหรัฐอเมริกา และยิงเจ้าหน้าที่นาวิกโยธินที่ปฏิบัติหน้าที่เสียชีวิต 4 นาย (บางสำนักข่าวบอกว่า 3 ) และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 คน ส่วนผู้ก่อเหตุก็ถูกวิสามัญคาที่
    ทางสหรัฐฯรีบออกมาแก้ตัวทันทีว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายสากล สันนิษฐานว่าอาจจจะเป็นการก่อการร้ายภายในหรือเป็นอาชญากรรมทั่วไป ไม่มีองค์กรสิทธิมนุษชนหน้าไหนออกมาเรียกร้องความยุติธรรมในการวิสามัญผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ ถ้าเป็นที่เมืองไทยสหรัฐฯจะรีบเสนอหน้าออกมาปกป้องผู้ร้ายและตำหนิรัฐบาลไทยทันที แต่พอเกิดเหตุที่ประเทศของเขาพวกองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆพากันหายหัวปิดปากเงียบกริ๊บ
    ข่าวที่สองเมื่อวันที่ 17 ก.ค.58 ที่ผ่านมา ประชาชนชาวสหรัฐฯทั้งผิวขาวและผิวสีหลายพันคนพากันออกมาเดินขบวนประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมให้กับนาย Eric Garner ในนครนิวยอร์ก หลังจากที่นาย Eric Garner ถูกตำรวจนิวยอร์กล็อกคอจนขาดลมหายใจเสียชีวิตคาที่บนทางเดิน เนื่องจากสันนิษฐานว่าเขาขายบุหรี่แบบแบ่งขาย (loose cigarettes) รายงานบอกว่าประชาชนหลายพันคนออกมารวมตัวกันที่ Columbus Circle ในวันศุกร์ พากันโห่ร้องตะโกนว่า "Shame! Shame! Shame!" (น่าละอาย! 3 times ไม่ได้พาดพิงหรือล้อเลียนใครนะ RT เขาเขียนมาอย่างนั้นจริงๆ) และเรียกร้องกดดันให้มีความยุติธรรมในคดีอาญาและให้มีการปฏิรูปตำรวจด้วย
    รายงานข่าวบอกว่า ตำรวจเมืองนิวยอร์กได้จับกุมผู้ประท้วงในครั้งนี้อย่างน้อย 20 กว่าคน อีกครั้งที่พวก HRW เงียบกริ๊บตามเคย แต่พอทางการไทยจับพวกนักศึกษาผลไม้พิษรับจ้างป่วนเข้าคุกบ้าง สหรัฐฯอียูและ HRW รีบเสนอหน้าออกมาเรียกร้องให้ปล่อยเด็กของตนทันที ทีข่าวนี้เป็นข่าวใหญ่ แต่สื่อฯกระแสหลักกระบอกเสียงของรัฐบาลสหรัฐฯและอังกฤษอย่าง CNN และ BBC ไม่กล้าลงข่าวนี้แม้แต่นิดเดียวปิดหูปิดตาประชาชนต่อไป แต่ RT news ของรัสเซียเกาะติดสถานการณ์ลงทั้งภาพลงทั้งคลิปให้ชาวอเมริกันและชาวโลกได้ดูกันจุใจแบบฟรีๆไปเลย ดังนั้นเรตติ้งของสื่อฯฝั่งรัสเซียจึงพุ่งกระฉูด
    งานนี้ทางการของนิวยอร์กได้จ่ายค่าปิดปากให้กับครอบครัวของ Eric Garner เป็นจำนวนเงิน 5,900,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 200 ล้านกว่าบาท) ตำรวจสหรัฐฯก็รอดตัวไปตามระเบียบ ตอนนี้ขบวนการ "Black Lives Matter" เริ่มจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของสหรัฐฯแล้วเนื่องจากความอยุติธรรมและการเหยียดผิวในสังคมสหรัฐฯเอง
    The Eyes
    19/07/2558
    ----------
    Kuwait-Born Shooter, 'All-American Kid,' Kills Four US Marines in Tennessee / Sputnik International
    http://www.rt.com/…/310153-tennesee-shooter-failed-backgro…/
    http://www.rt.com/…/310153-tennesee-shooter-failed-backgro…/
    New Yorkers Hold Rally on Anniversary of Police Killing Eric Garner / Sputnik International
    Chattanooga Shooting Death Toll Rises to Five - US Navy / Sputnik International
    Do Black Lives Matter Yet? Eric Garner's Death, One Year On / Sputnik International
    Family of Eric Garner Settles with New York City for $5.9 Million / Sputnik International
    Head of New York Police Union Slams Eric Garner Settlement as 'Obscene' / Sputnik International
    Do Black Lives Matter Yet? Eric Garner's Death, One Year On / Sputnik International
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    <iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/tcEd-Pp67LU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


    ตำรวจอเมริกันจับหญิงวัยรุ่นทุ่มลงกับพื้นฟันหักกระจาย
    --------------
    เป็นไงเล่าตำรวจที่พึ่งของประชาชนในสหรัฐฯ (บางคนนะ) ในคลิปนี้คือตำรวจรัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา จับวัยรุ่นหญิงอายุ 18 ปี ทุ่มลงกับพื้นหลังจากตำรวจผลักเธอให้นั่งเก้าอี้อย่างรุนแรง และเธอใช้เท้าของเธอเตะตำรวจเพื่อเป็นการตอบโต้ในขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งและถูกล็อกกุญแจมืออยู่ คลิปนี้บันทึกไว้ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2013 แต่พึ่งจะมีการเผยแพร่เมื่อเร็วๆนี้ RT news ของรัสเซียจัดให้อีกแล้วครับท่าน
    ป.ล. เดี่ยวจะว่าเพจนี้ลงแต่ข่าวรัสเซีย ไม่ค่อยมีข่าวอเมริกาบ้างเลย อ่ะ วันนี้จัดให้ 3 ข่าวติดๆ เด็ดๆทั้งนั้น คริๆ
    The Eyes
    19/07/2558
    --------------
    Colorado cop slams handcuffed teen to hospital floor, knocks her teeth out (VIDEO) — RT USA
    https://www.youtube.com/watch?v=tcEd-Pp67LU
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    เชื้อพระวงศ์รัสเซียต้องการให้ลบชื่อของมือฆ่ายกครัวราชวงศ์โรมานอฟออกจากแผนที่มอสโคว์

    [​IMG]

    -----------
    พักนี้มีความเคลื่อนไหวแปลกๆ เกี่ยวกับเรื่องทายาทราชวงศ์รัสเซีย ทั้งในรัสเซียและตะวันตก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับสถาบันฯของไทย โปรดอย่าพยายามนำมาเกี่ยวโยงกันหรือชี้นำไปสู่ประเด็นอื่น เห็นว่ามีความน่าสนใจจึงแปลให้สมาชิกแฟนเพจได้อ่านเพื่อเป็นความรู้ ไม่ได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่น โดยเมื่อวันที่ 17 ก.ค.58 ที่ผ่านมา สำนักข่าว RT news พาดหัวข่าวเรื่องหนึ่งว่า "Royal descendants want Romanovs’ killer’s name erased from Moscow map" ก็แปลตามที่ได้ตั้งชื่อโพสต์ไว้ข้างบนนั่นแหละครับ โดยในเนื้อข่าวได้บอกไว้ดังนี้...
    สมาชิกราชวงศ์โรมานอฟ (Romanov) ออกมาเรียกร้องให้ศาลาว่าการกรุงมอสโคว (Moscow City Hall) เปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งซึ่งปัจจุบันได้ตั้งชื่อตามกลุ่ม Bolshevik ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการปลงพระชนพระเจ้าซาร์นิโคลาสที่ 2 และราชวงศ์ในปี 1918 (กลุ่ม Bolshevik เป็นสมาชิกของพรรคแรงงานประชาธิปไตยสังคมนิยมรัสเซียมาร์คซิสต์ - Marxist Russian Social Democratic Labour Party : RSDLP ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียต กลุ่ม Bolsheviks มีอำนาจในรัสเซียมากตั้งแต่ช่วงก่อนปฏิวัติเดือนตุลาคมปี 1917 ผู้ก่อตั้งกลุ่ม Bolsheviks และมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากก็คือ Vladimir Lenin และ Alexander Bogdanov)
    กลุ่มตัวแทนราชวงฆ์รัสเซีย (Russian Imperial House) กล่าวว่าการเปลี่ยนชื่อ (สถานที่ดังกล่าว) ควรจะทำให้เสร็จในวันครบรอบการสังหาร ซึ่งเกิดขึ้นในเช้ามืดของวันที่ 17 กรกฎาคม 1918 (พ.ศ.2461) สถานีรถไฟดังกล่าวปัจจุบันนี้เรียกชื่อว่า "Voikovskaya" (ซึ่งตั้งชื่อตาม Pyotr Voykov) หลังจากที่ Pyotr Voikov ซึ่งทำงานในคณะกรรมการวิสามัญ (Extraordinary Commission) ของกลุ่ม Bolshevik ซึ่งทำหน้าที่กักราชวงค์ Romanovs (ทั้งครอบครัว) ไว้ภายในราชวัง และต่อมาได้สังหารและกำจัดร่างของครอบครัวพระเจ้าจักรพรรดินิโคลาสที่2 ทั้งครอบครัว เหล่าเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์โรมานอฟ (ที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งตอนนั้นหนีออกไปอยู่ต่างประเทศในยุโรป) ยังได้เรียกร้องให้ทางการของรัสเซียเปลี่ยนชื่อเขต Voikovsky ในกรุงมอสโคว์โดยอ้างเหตุผลดังกล่าวอีกด้วย
    Lukyanov ชาวเยอรมันซึ่งเป็นทนายความของราชวงศ์กล่าวกับสำนักข่าว Interfax ว่าควรจะมีการเปลี่ยนชื่อ (สถานที่ดังกล่าว) มาเป็นเวลานานแล้ว "มันเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดแผนที่กรุงมอสโคว์เกี่ยวกับชื่อของบุคคลที่มีส่วนร่วมในการปราบปราม (repression) และผู้ที่ร่วมกันสังหารครอบครัวของจักรพรรดิ (Tsar) ชื่อของ Voikov ยังคงปรากฎอยู่ภายใต้คำสั่งการใช้กรดซัลฟูริค 80 กิโลกรัมเพื่อทำลายร่างของครอบครัวของพระเจ้าจักรพรรดิรัสเซีย ซึ่งรวมทั้งผู้รับใช้ใกล้ชิดด้วย"
    ทนายชาวเยอรมันของเชื้อพระวงศ์รัสเซียกล่าวว่า "การเปลี่ยนชื่อใหม่อาจจะเป็นการฟื้นฟูความยุติธรรมทางประวัติศาสตร์ โดยการเปลี่ยนชื่อใหม่นี้อาจจะหมายความว่ารัสเซียเป็นรัฐประชาธิปไตยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอดีตที่เป็นเผด็จการสุดโต่ง (totalitarian past) (นั่น… เริ่มเสี้ยมทีละนิดๆหละ) Patriarch Alexy II [อดีตสมเด็จพระสังฆราชนิกายออร์ธอดอกซ์ของรัสเซีย] กล่าวว่าการปลงพระชนของซาร์ (พระเจ้าจักรพรรดิ) เป็นการเริ่มต้นของการปราบปรามและเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่งที่ปลดปล่อยออกมาสู่พลเมืองของรัสเซีย"
    ความคิดริเริ่มที่คล้ายกันนี้ได้มีการเตรียมการไว้โดยฝ่ายนิติบัญญัติของเขตเทศบาลเมือง Voikovskiy ฝ่าย Aleksandr Zakondyrin ได้แนะนำให้มีการจัดทำโพลออนไลน์และให้มีการเลือกชื่อใหม่ให้กับพื้นที่ดังกล่าว ส่วนโฆษกศาลาว่าการ (กรุงมอสโคว์) ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Kommersant ว่ายังไม่ได้รับคำแนะนำใดๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนและความคิดริเริ่มเช่นว่านั้นเลย ซึ่งอาจจะรับไว้พิจารณาให้รวดเร็วที่สุดเมื่อได้รับ ในขณะเดียวกัน Elena Shuvalova รองสภาดูม่าของกรุงมอสโคว์ (Moscow City Duma) ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "ผู้อยู่อาศัยในเขต Voikovskiy คัดค้านการเปลี่ยนชื่อเขต เนื่องจาก อาจจะต้องทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนแปลงหนังสือเดินทางและเอกสารอื่นๆตามไปด้วย"
    เมื่อต้นปีนี้ Vladimir Petrov สมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติของภูมิภาค Leningrad Region ได้ขอให้เหล่าผู้นำเชื้อพระวงศ์ราชวงศ์โรมานอฟ (Grand Duchess Maria Vladimirovna และ Prince Dimitri Romanovich) เป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมประจำชาติ (symbols of national culture) และสืบสานขนบธรรมเนียมต่างๆไว้ เช่นในชาติยุโรปหลายประเทศที่ยังคงรักษากษัตริย์เอาไว้จนถึงทุกวันนี้
    นักการเมืองคนนี้ให้คำแนะนำว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้อาจจะช่วยให้ข้อถกเถียงประเด็นทางการเมืองต่างๆภายในรัสเซียมีความราบรื่นและช่วยให้มีการฟื้นฟู "อำนาจด้านจิตวิญญาณ" ของประเทศขึ้นมาก็ได้ Vladimir Petrov กล่าวต่ออีกว่า "เหล่าทายาทของพระเจ้าซาร์เห็นด้วยในโครงการนี้ซึ่งทางการอาจจะให้การรับประกันและอนุญาตให้ที่พักซักแห่งซึ่งเป็นหนึ่งในพระราชวังที่เคยเป็นของพวกเขาก่อนที่จะมีการปฏิวัติ"
    นี่เป็นความเคลื่อนไหวที่ว่าแปลกๆจากฝั่งที่ต้องการจะทวงคืนอำนาจเก่า ซึ่งอาศัยอยู่ในต่างประเทศ (ในยุโรป) ทางกลุ่มผู้นำมหาอำนาจในยุโรปและสหรัฐฯยังสงวนท่าทีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยังไม่กล้าออกหน้าโดยตรง แต่ก็ไม่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์หรือคัดค้านเกี่ยวกับนิวคิดดังกล่าว คล้ายกับความสงบก่อนพายุจะมา คราวนี้หันมาดูความคิดเห็นจากทางการของรัสเซียกันบ้างว่าจะตอบโต้กับการจุดกระแสนี้ขึ้นมาได้อย่างไรบ้าง
    Aleksandr Zakatov ประธานนายกราชวงศ์รัสเซีย (Chancellery of the Russian Imperial House) ออกมากล่าวว่า "ราชวงศ์โรมานอฟ ไม่มีสิทธิ์มากล่าวอ้างเรียกร้องในสมบัติหรืออภิสิทธิ์และอำนาจใดๆทางการเมือง แต่ก็ไม่ว่าอะไรหาราชวงศ์จะกลายมาเป็นสถาบันทางประวัติศาสตร์และเป็นส่วนหนึ่งของมรดกชาติ (national legacy)"
    ในปี 2013 มีการจัดทำโพลสำรวจความคิดเห็นในการเชื่อมโยงกับวันครบรอบ 400 ปีของราชวงศ์โรมานอฟ ซึ่งแสดงผลว่าพลเมืองชาวรัสเซียจำนวน 28% อาจจะเห็นด้วยกับการปกครองด้วยระบบซาร์ (Tsars) แต่มีเพียง 6% เท่านั้นที่บอกว่ากษัตริย์ในยุคใหม่นี้จะต้องมาจากราชวงศ์โรมานอฟเท่านั้น ประมาณ 13% มองว่า นักการเมืองในยุคปัจจุบันอาจจะได้รับการสถานปนาให้เห็นพระเจ้าซาร์พระองค์ใหม่ และได้เสนอคำแนะนำให้มีการทำประชามติอย่างกว้างขวางทั่วประเทศเพื่อตัดสินใจคัดเลือกผู้สมัครแข่งขัน (candidate) ประชาชนส่วนมาก 67% กล่าวว่า "รัสเซียควรจะปล่อยระบบกษัตริย์ไว้ในอดีต และคงไว้ซึ่งประชาธิปไตยต่อไป"
    นี่… ข่าวต้นฉบับเขาว่ามาอย่างนี้นะ และก็มีการพยายามออกมาเคลื่อนไหวจากฝ่ายที่อ้างว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งสืบราชสมบัติเป็นพระเจ้าซาร์ของรัสเซียองค์ต่อไป ตอนนี้มีอยู่สองสายคือ Grand Duchess Maria Vladimirovna เธอเป็นเหลนของพระเจ้าจักรพรรดิ Alexander ที่ 2 ของรัสเซีย เกิดที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน ในปี 1953 ปัจจุบันอายุ 62 ปี ตำแหน่ง "Grand Duchess of Russia" เธอแต่งตั้งให้ตัวเอง แต่รัสเซียในปัจจุบันไม่ยอมรับตำแหน่งดังกล่าวอย่างเป็นทางการ แต่งงานกับอดีตเชื้อพระวงศ์ห่างๆของเยอรมันซึ่งมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับราชวงศ์อังกฤษด้วย ปัจจุบันนี้เธออาศัยอยู่ในฝรั่งเศสและสเปน
    ส่วนอีกคนหนึ่งที่อ้างสิทธิ์ในการขึ้นครองราชเป็นกษัตริย์รัสเซียเช่นกันก็คือ Prince Dimitri Romanovich คนนี้เกิดในปี 1926 ปัจจุบันอายุ 89 ปี เกิดที่ฝรั่งเศสเป็นลูกชายของ Prince Roman Petrovich of Russia คนนี้เป็นเหลนของพระเจ้าจักรพรรดินิโคลาสที่ 1 ของรัสเซีย เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร Danske Bank อ้างสิทธิ์ในความเป็นรัชทายาทของราชวงศ์โรมานอฟ
    ทั้งสองสายนี้จะออกมาเคลื่อนไหวผ่านพวกนักการเมืองบางคนในรัสเซีย ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.58 ที่ผ่านมา RT news ก็รายงานว่าส.ส.ท้องถิ่นของรัสเซียเสนอให้ทางทายาทของซาร์แห่งรัสเซียกลับมาอยู่ที่รัสเซีย โดยเสนอให้ใช้พระราชวังที่ไครเมียเป็นที่พักอาศัย แผนนี้สอดรับกับยุทธการต่อต้านรัสเซียที่นำโดยสหรัฐฯและยุโรปที่เริ่มขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ และพยายามที่จะโยงมาที่ไครเมียได้ให้ได้ โดยใช้อดีตสถาบันฯของรัสเซียนี่แหละมาโจมตีรัสเซียเอง เพื่อตัดกำลังอำนาจทางการเมืองของรัฐบาลรัสเซียในยุคปัจจุบันที่นำโดยปธน.วลาดิมีร์ ปูติน
    หากสามารถปลุกกระแสนี้ให้แรงขึ้นได้ ก็จะมีผลกระทบต่ออำนาจทางการเมืองและการปกครองในรัสเซียทันที เพราะคงปฏิเสธไม่ได้ว่าทายาทเหล่านั้นไม่ได้รับการสนับสนุนจากฝั่งตะวันตก แต่เท่าที่สังเกตกระแสนี้ยังไม่ได้รับการตอบรับจากประชาชนชาวรัสเซียในยุคปัจจุบันมากเท่าที่ควร ย้ำ! นั่นคือที่รัสเซียนะ ไม่เกี่ยวกับไทยนะครับ
    The Eyes
    19/07/2558
    -----------
    http://www.rt.com/…/310098-royal-descendants-want-romanovs…/
    http://www.rt.com/politi…/269029-russia-imperial-house-back/
    https://en.wikipedia.org/…/Maria_Vladimirovna,_Grand_Duches…
    https://en.wikipedia.org/wiki/Prince_Dimitri_Romanov
    https://en.wikipedia.org/wiki/Bolsheviks
    https://en.wikipedia.org/wiki/October_Revolution
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    [​IMG]

    ... "ทุกสงครามมีข้ออ้างเสมอ : ... จากอเล็กซานเดอร์แห่งมาซีโดเนีย ถึง บุชน้อยเมกา"
    ... "ข้ออ้าง" จะอยู่บนผิวดิน แต่ "เหตุผล" จะอยู่ในใจผู้ก่อสงคราม ว่าอะไรคือแรงจูงใจที่แท้จริงในการจุดไฟและก่อเปลวเพลิงสงคราม
    ... "อเล็กซานเดอร์แห่งมาซีโดเนีย" บุตรแห่งเจ้าชายฟิลิปและนางโอลิมเพียสมารดาที่ไม่ใช่ชาวมาซีโดเนีย ได้เข้าสู่การเมืองกรีกตั้งแต่ 336 ปีก่อนคริสตกาล โดยมีอาจารย์อย่าง อริสโตเติลช่วยสอนปรัชญาให้ มีพ่อเจ้าชายฟิลิปช่วยสอนเรื่องการบังคับบัญชากองทัพ และมารดาคอยสอนเรื่องร้อยเร่เพทุบายในราชสำนักและการเมืองให้ ทำให้เขากลายเป็นกษัตริย์หนุ่ม ที่มีความสามารถที่เพียบพร้อมในทุกด้านของการเป็นผู้นำ
    ... แต่การที่พ่อมีมเหสีใหม่ทำให้เขาและแม่ร่วมกันวางแผนกำจัดฆ่าพ่อตัวเอง ( แม่กลัวว่าหญิงคนใหม่ของพ่อที่เป็นชาวมาซิโดเนียแท้ๆ ที่ถูกต้องตามกฏสันตติวงศ์จะมาทวงบัลลังค์ไปครอง ) จนเข้าขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 22 ปั หลังจากขึ้นครองราชของเขาจึงมีชาวกรีก และ มาซีโดเนีย หลายคนไม่พอใจหนีไปเข้ากับศัตรูตลาดกาลอย่าง "เปอร์เซีย"
    ... "เปอร์เซีย" นี่เองที่เคยมาบุกโจมตี "กรีก" เมื่อ 150 ปีก่อนหน้า ในปี 490 ก่อนคริสตการ กษัตริย์ดาไรอัสที่ 1 แห่งเปอร์เซียได้ยกทัพมารุกรานกรีซแต่ถูกเอเธนส์ตีแตกพ่ายไปที่ทุ่งมาราธอน ตามด้วยสิบปีต่อมาพระเจ้าเซอร์ซีสทายาทกษัตริย์ดาไรอัสที่ 1 ก็ยกมาอีก ก่อนจะพ่ายแพ้อีกจากการต่อต้านของชาวสปาร์ต้ากลุ่มเล็กๆ ที่ช่องเขาเทอร์โมไพเล ซึ่งการโจมตีครั้งที่สองนั้นเองที่ชาวเปอร์เซียได้ยึดและปล้นชิงวิหารอาธีนา วิหารคู่เมืองของกรีก เป็นการหมิ่นเกียรติและศักดิ์ศรีกันอย่างมาก
    ... ดังนั้นสิ่งนี้เองที่เอล็กซานเดอร์ยกเอามาเป็น "ข้ออ้าง" ในการจะยกทัพไปตีเปอร์เซีย เพื่อทำให้ชาวกรีกเห็นดีเห็นงาม ยอมเข้าเป็นแนวร่วม ( หาจุดที่สังคมโหยหาและเคียดแค้นให้เจอ ) หลังจากที่ช่วงแรกได้ปราบปรามหัวเมืองที่แข็งข้อกับกษัตริย์หนุ่มใหม่ป้ายแดง จนสิ้นแล้ว
    ... ส่วน "เหตุผล" ที่แท้จริงนั้น มีอยู่สามสี่ข้อ ที่อยู่ในใจเขา หนึ่งคือ กรีกนั้นพื้นที่เพาะปลูกไม่เพียงพอดินก็ไม่ดีแห้งแล้ง ชาวบ้านอดอยาก ต้องการที่ดินเพื่อการเกษตรเพิ่ม สองกรีกนั้นยังมีการแตกแยกภายใน ทำสงครามระหว่างรัฐย่อยๆต่างๆมาร่วมร้อยปี ไม่มีความสามัคคี จึงต้องการ "สร้างสงครามกับเปอร์เซีย" เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อทำให้การเมืองภายในกรีกเป็นหนึ่งเดียวสามัคคีกัน นั่นคือสาเหตุหลัก ส่วนสาเหตุรองคือ ต้องการได้ "ทองคำ" จากเปอร์เซียมาใช้จ่ายในกองทัพอันยิ่งใหญ่ และสุดท้ายเขาหลงไหลในบทกวี "อีเลียด" ของโฮเมอร์เกี่ยวกับสงครามกรุงทรอย เขามีความฝันที่จะทำแบบนั้นมาตลอด
    ... นั้นคือเรื่องของ "อเล็กซานเดอร์แห่งมาซีโดเนีย" ในอดีตอันนานไกล
    ... ส่วน "จอร์จ บุชน้อย" คอนนั้นก็ทำแบบเดียวกันกับกรณี 9/11 ที่ "ข้ออ้าง" เรื่องป้องกันการก่อการร้าย แต่แท้จริงแล้วเหตุการณ์นี้ถูกสร้างหลอกตาคนทั้งโลกเพราะเหตุผลหลักๆสองประการ คือหนึ่งตอนนั้น "บุชโกงการเลือกตั้ง" ที่รัฐฟลอริด้า กับอัลกอร์ โดยไปตัดสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของชนเชื้อสายสเปน ฮีสแปนิส และชาวผิวดำที่เป็นฐานเสียงของพรรค "เดโมแครท" จึงเกิดกระแสต่อต้านบุชมากมายจนถึงกับเป็นประธานาธิบดีคนแรกในอเมริกาที่โดนมะเขือเทศปาใส่ในพิธีสาบานตัวรับตำแหน่ง คะแนนความนิยมตกต่ำอย่างมาก
    ... และ "เหตุผล" อีกข้อคือ ตอนนั้น กำแพงเบอร์ลินแตกแล้ว อเมริกาเป็นเจ้ามหาอำนาจแบบชายเดี่ยวมาได้สิบปี จึงต้องการไปยึดเอาอดีตเมืองบริวารของอดีตโซเวียตรัสเซียมาให้มากที่สุดทั้งในยโรปและเอเชีย เช่น อัฟกานิสถานที่เชื่อมกับทะเลแคสเปียนที่อุดมด้วยบ่อน้ำมันนั้นถูกรัสเซียถอนตัวออกไปแล้ว อเมริกาต้องการ "ขยายอิทธิพล" ของตนไปแทนในดินแดนอาหรับย่านนั้น จึงเกิดการสสร้างเรื่อง 9/11 และการเชื่อมโยงมั่วนิ่มระหว่างบินลาดินและโมฮัมหมัด โอมาร์หัวหน้าตาลีบัน จนในที่สุด บุชน้อยก็บุกยึดดินแดนตะวันออกของเปอร์เซียใหม่ ( อิหร่าน ) ได้ในที่สุด
    ... ประวัติศาสตร์สอนเราเสมอว่า "ทุกสงครามมีข้ออ้างเสมอ" สำหรับผู้ล่าอำนาจ แต่ว่า "เหตุผล" ที่แท้จะไม่ออกมาให้เห็นมาสื่อกระแสหลัก
    .
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รบ.สั่งประหยัดน้ำด่วน วิกฤตหนักถึงขั้นขอ ปชช.อย่าเพิ่งล้างรถ ย้ำเกษตรห้ามสูบน้ำ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 กรกฎาคม 2558 09:35 น. (แก้ไขล่าสุด 19 กรกฎาคม 2558 09:44 น.)

    [​IMG]
    @พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกรัฐบาล (แฟ้มภาพ)


    “สรรเสริญ” เผย “ประยุทธ์” สั่งด่วนทุกภาคส่วนใช้น้ำประหยัด ชะลอกิจกรรมใช้น้ำมากไปก่อน ขออย่าคิดแค่ว่ามีเงินจ่ายค่าน้ำ เหตุช่วงนี้สุดวิกฤตถึงขั้นขอ ปชช.อย่าเพิ่งล้างรถ ภาคเอกชนขอให้กักน้ำใช้ ราชการต้องใช้น้ำมีสติ ย้ำงดสูบน้ำเกษตรเด็ดขาด

    วันนี้ (19 ก.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งการด่วนพิเศษให้แจ้งต่อทุกหน่วยงานทุกภาคส่วนให้ใช้น้ำอย่างประหยัดที่สุดในช่วงวิกฤตนี้ กิจกรรมใดที่ใช้น้ำมาก และสามารถชะลอออกไปได้ควรละไว้ก่อน เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ แม้บางคนอาจจะคิดว่ามีสตางค์จ่ายค่าน้ำประปาแล้วคิดจะใช้ตามปกติ ขอให้คิดใหม่ว่า ขณะนี้เป็นสถานการณ์วิกฤต จะเห็นแก่ความสะดวกสบายส่วนตนไม่ได้ ภาคเอกชนที่รู้ว่าประกอบธุรกิจที่ต้องใช้น้ำจำนวนมาก เช่น สนามกอล์ฟ สระว่ายน้ำ หรือที่พักโรงแรม ขอให้ใช้น้ำในส่วนกักเก็บ หรือสำรองของตนเองก่อนเป็นลำดับแรก และที่สำคัญที่สุดคือ ส่วนราชการต้องดำเนินการให้ทุกส่วนเห็นเป็นตัวอย่าง ใช้น้ำอย่างมีสติ วางแผนอย่างรอบคอบ หากฝ่าฝืนอาจจะมีมาตรการขั้นเด็ดขาดต่อไป ในส่วนของพี่น้องประชาชนกิจกรรมบางส่วนถ้าชะลอได้ก็ขอให้ชะลอไปก่อน เช่น ล้างรถ อาจใช้การปัดเช็ดถี่ๆ แทน ขอให้ตระหนักว่าเราอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติ

    สำหรับพี่น้องเกษตรกร รัฐบาลยังคงขอความร่วมมืองดสูบน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรโดยเด็ดขาด ในช่วงวันเสาร์ ถึงวันจันทร์นี้ เพราะต้องสงวนน้ำไว้ผลักดันน้ำทะเลที่หนุนสูง มิฉะนั้นอาจกระทบต่อระบบการจัดทำน้ำประปาทั้งหมด จึงขอความร่วมมืออย่างจริงจังจากทุกคนโดยพร้อมเพรียง

    http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000081468
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ละเมิดหยุดยิง เคียฟปะทะกบฏยูเครนตะวันออกในโดเนตสค์ ดับ 5 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 กรกฎาคม 2558 10:40 น. (แก้ไขล่าสุด 19 กรกฎาคม 2558 10:43 น.)

    [​IMG]

    รอยเตอร์ - ในวันเสาร์ (18) เกิดการปะทะระหว่างกองกำลังแนชันแนลการ์ดของรัฐบาลยูเครน และกบฏยูเครนในบริเวณตอนกลางของโดเนตสค์ ยูเครนตะวันออก ซึ่งเป็นบริเวณที่มีชาวบ้านอาศัย ส่งผลทำให้มีประชาชนในพื้นที่เสียชีวิต 4 รวมไปถึงทหารจำนวน 1 นาย

    กลุ่มกบฏยูเครนแถลงข่าวว่า มีชาย 1 คนเสียชีวิตจากการปะทะระหว่างกองกำลังของรัฐบาลยูเครนและกลุ่มกบฏยูเครนตะวันออกที่บริเวณตอนกลางของโดเนตสค์ ซึ่งพยานในเหตุการณ์ของรอยเตอร์ได้เปิดเผยว่า เห็นร่างผู้เสียชีวิตอยู่ภายในตึกที่กำลังไหม้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่แน่ชัดในขณะนี้ ว่า ผู้เสียชีวิตเป็นคนเดียวกันกับที่กลุ่มกบฏยูเครนกล่าวถึงหรือไม่

    ด้านโฆษกกองทัพยูเครน แอนดรี ไลเซนโก (Andriy Lysenko)แถลงว่า “กบฏยูเครนโจมตีอย่างหนักในช่วงกลางคืนเพื่อไม่ต้องการให้ตกเป็นเป้าสังเกตของหน่วยงานสังเกตการณ์นานาชาติ”

    และเสริมต่อว่า ทางกลุ่มกบฏเลือกที่จะโจมตีเขตที่อยู่อาศัยประชาชนในพื้นที่บริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของโดเนตสค์ ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของกบฏนิยมมอสโกกลุ่มนี้ และเป็นผลทำให้ทหารยูเครน 1 นายเสียชีวิต รวมไปถึงหญิงสูงวัยชาวยูเครน 1 คน และหลานสาวอีก 1 คน และชายชาวยูเครนอายุ 49 ปีเสียชีวิตอีก 1 ราย

    แต่ในด้านตรงข้ามกบฏยูเครนตะวันออก กลับกล่าวหาว่า ทางแนชันแนลการ์ดเคียฟเป็นฝ่ายโจมตีอย่างหนัก ซึ่งเสียงการปะทะที่เป็นเสียงกราดยิง และระเบิดสามารถได้ยินไปทั่วใจกลางโดเนตสค์ในช่วงเย็นวันเสาร์ (18) จากการให้สัมภาษณ์ของพพยานในเหตุการณ์ โดเนตสค์เป็นเขตที่อยู่ใต้การปกครองของกลุ่มกบฏ และได้รับการลงคะแนนออกเสียงประชามติประกาศแยกตัวจากยูเครนในปีที่ผ่านมา

    อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ระบุว่า ตัวเลขบาดเจ็บสูญเสียตามที่ทั้งสองฝ่ายอ้าง ไม่สามารถได้รับการยืนยันจากแหล่งอื่น

    ด้านหน่วยงานสังเกตการณ์จากสหภาพยุโรป OSCE ระบุว่า ถึงแม้จะอยู่ในช่วงระหว่างการหยุดยิง แต่ไม่มีฝ่ายใดสั่งถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่แนวรบอย่างจริงจังตามข้อตกลง ซึ่งในวันศุกร์ (17) ไอวิกา ดาซิค (Ivica Dacic) หัวหน้า OSCE แถลงถึงสภาพหดหู่ด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ความขัดแย้งนี้ และร้องให้ทุกฝ่ายยึดตามข้อตกลงมินสค์ ที่จะนำไปสู่ทางออกของความขัดแย้งแท้จริง

    [​IMG]

    [​IMG]

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000081482
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “เบน เบอร์นันกี” อดีตประธานเฟด ชี้บรรดาผู้นำยุโรปทำวิกฤตกรีซแย่ลง จวกเละ “นโยบายรัดเข็มขัด” รังแต่สร้างปัญหา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 กรกฎาคม 2558 07:09 น. (แก้ไขล่าสุด 19 กรกฎาคม 2558 10:48 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เบน เบอร์นันกี อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ ฯ (เฟด) ออกโรงโจมตีผู้นำชาติในยุโรป โดยระบุ ความล้มเหลวของนโยบายด้านเศรษฐกิจของยุโรป คือ ต้นตอสำคัญที่ทำให้วิกฤตหนี้สินของกรีซ ดิ่งเหวเลวร้ายลงยิ่งกว่าเดิม พร้อมจวกเละ “นโยบายรัดเข็มขัด” ที่มีเยอรมนีเป็นตัวตั้งตัวตี มีแต่จะ “เพิ่มปัญหาให้ชาติลูกหนี้”

    เบน แชลอม เบอร์นันกี ในวัย 61 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Chairman of the Federal Reserve) คนที่ 14 ในประวัติศาสตร์ ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2006 - เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014 ระบุว่า ความล้มเหลวแบบไม่เป็นท่าของนโยบายด้านเศรษฐกิจของยุโรปที่ถูกกำหนดโดยบรรดาผู้นำชาติในยุโรป คือ ต้นตอสำคัญที่ทำให้ตัวเลขการว่างงานในทวีปนี้มีแต่จะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกในช่วงปี 2008 เป็นต้นมา เช่นเดียวกับวิกฤตหนี้สินของกรีซ

    เบอร์นันกี ซึ่งในปัจจุบันรับหน้าที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ให้กับสถาบันบรูคกิงส์ (Brookings Institution) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุว่า ตัวเลขการเติบโตและผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซน หรือกลุ่ม 19 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรร่วมกันนั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่ “น่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง” นับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกในช่วงปี 2008

    อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่า เมื่อช่วงปลายปี 2009 และปี 2010 อัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาและของยุโรปในช่วงเวลานั้นต่างอยู่ที่ระดับประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์เท่า ๆ กัน แต่เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป อัตราการว่างงานในสหรัฐฯขณะนี้ได้ลดลงอย่างสำคัญเหลือราว 5.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สวนทางกับตัวเลขการว่างงานโดยเฉลี่ยของชาติในยุโรปที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 13 เปอร์เซ็นต์ในเวลานี้

    เบอร์นันกี ชี้ว่า ตัวเลขการว่างงานที่ไม่มีแนวโน้มจะลดลง ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาต่อเนื่องของยุโรป ถือเป็นผลโดยตรงมาจากการที่บรรดาผู้นำในยุโรปไม่มีการออกมาตรการทั้งทางการเงินและการคลัง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของตนอย่างเพียงพอ นอกจากนั้น การ “ลุ่มหลง” อยู่กับการบังคับใช้ “มาตรการรัดเข็มขัด” เพื่อรักษาวินัยทางเศรษฐกิจของยุโรป ถือเป็นเครื่องมือการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจที่ถูกนำมาใช้แบบ “ผิดที่ - ผิดเวลา”

    “ผมไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดบรรดาผู้นำในยุโรป ถึงได้ดึงดันใช้มาตรการรัดเข็มขัดอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทั้ง ๆ ที่เห็นได้ชัดว่า การอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแบบขนานใหญ่ และการใช้นโยบายงบประมาณแบบขาดดุล ถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่พวกเขาควรต้องรีบดำเนินการ ผมยังรู้สึกงงงวยอย่างที่สุดที่ได้เห็นว่า ผู้นำชาติในยุโรปยังคงยึดมั่นในแนวทางรัดเข็มขัด แม้จะตระหนักว่า แนวทางนี้จะไปทำลายความเชื่อมั่นของภาคธนาคาร และลดทอนกำลังซื้อของผู้บริโภคลงอย่างสำคัญ ทั้งที่ 2 ปัจจัยดังกล่าวนี้ถือได้ว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ” เบอร์นันกี อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ ฯ กล่าว

    อดีตประธานเฟด ยังตำหนิบรรดาประเทศฝ่ายเจ้าหนี้ในยุโรป ว่า เป็นตัวการสำคัญที่ซ้ำเติมวิกฤตหนี้สินของกรีซให้เลวร้ายลงยิ่งกว่าเดิม จนเศรษฐกิจของกรีซประสบภาวะหดตัวลงถึงเกือบ 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤต ขณะที่อัตราการว่างงานของกรีซยังคงพุ่งสูงเกินกว่า 25 เปอร์เซ็นต์เมื่อช่วงสิ้นปี 2014 ที่ผ่านมา

    “บรรดาชาติเจ้าหนี้ในยุโรป คือ ตัวการใหญ่ที่ทำให้ชาติที่ป่วยไข้อย่างกรีซ มีอาการทรุดหนักลง ผมประหลาดใจมากเมื่อได้ทราบว่า พวกเขาเลือกที่จะจ่ายยาซึ่งมีชื่อว่า austerity (หมายถึงมาตรการรัดเข็มขัด) ที่มีสรรพคุณในการชะลอการเติบโตและลดทอนขีดความสามารถในการชำระหนี้ให้กับกรีซ ทั้งที่คนไข้ที่ชื่อว่ากรีซนี้ กำลังต้องการยาเร่งการเติบโตเพื่อหารายได้มาชำระหนี้” เบอร์นันกี กล่าวเสริม พร้อมแนะว่า ถึงเวลาแล้วที่บรรดาผู้นำทางการเมืองและเศรษฐกิจของยุโรปจะต้องยอมผ่อนคลายความเข้มงวดของมาตรการรัดเข็มขัดลง และหันมาเปิดใจกว้างยอมรับว่า “การกระตุ้นเศรษฐกิจ” ถือเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่สุดในเวลานี้

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000081458
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดแผ่นดินไหว 5.3 ตามมาตราแมกนิจูดเขย่าเกาะลูซอนของฟิลิปปินส์ ยังไร้รายงานความเสียหาย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 กรกฎาคม 2558 04:14 น. (แก้ไขล่าสุด 19 กรกฎาคม 2558 10:44 น.)

    [​IMG] [​IMG]

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) รายงานในวันเสาร์ (18 ก.ค.) ยืนยันการเกิดแผ่นดินไหวซึ่งสามารถวัดความรุนแรงได้ที่ระดับ 5.3 ตามมาตราแมกนิจูด ทางตอนเหนือของเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นบ้านของประชากรกว่า 50 ล้านคน และได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่มีประชากรอาศัยอยู่มากเป็นลำดับที่ 4 ของโลกรองจากเกาะชวา เกาะฮอนชู และเกาะเกรทบริเทน

    รายงานข่าวซึ่งอ้างข้อมูลของยูเอสจีเอส ระบุว่า ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวขนาดปานกลาง ซึ่งวัดแรงสั่นสะเทือนได้ที่ระดับ 5.3 ตามมาตราแมกนิจูดในครั้งนี้ อยู่ลึกลงไปใต้ทะเลบริเวณ “ช่องแคบลูซอน” ของมหาสมุทรแปซิฟิกราว 24.5 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเมืองกลาเบเรีย (Claveria) ในจังหวัดกากายัน บนเกาะลูซอนของฟิลิปปินส์ ไปทางเหนือเพียงแค่ 15 กิโลเมตร

    แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวขนาดปานกลางซึ่งวัดแรงสั่นสะเทือน ได้ที่ระดับ 5.3 ตามมาตราแมกนิจูดในครั้งนี้ สามารถรับรู้ได้ทั่วไปในเมืองกลาเบเรีย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่ตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศฟิลิปปินส์ และยังถือเป็นบ้านของประชากรราว 30,500 คน

    อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานการเกิดความเสียหายใด ๆ จากแผ่นดินไหวในครั้งนี้ รวมถึง ไม่พบรายงานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกัน ก็ไม่พบการรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนตามบรรดาอาคารสูงในกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ ที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางของแผ่นดินไหวครั้งนี้ไปราว 458 กิโลเมตรแต่อย่างใด

    ก่อนหน้านี้ เมื่อปี ค.ศ. 1990 เคยเกิดแผ่นดินไหวทางตอนเหนือของเกาะลูซอนเช่นเดียวกับครั้งนี้ แต่ทว่าแผ่นดินไหวซึ่งสามารถวัดแรงสั่นสะเทือนได้สูงถึงระดับ 7.6 ตามมาตราแมกนิจูดในครั้งนั้น ส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่อาคารบ้านเรือนเป็นบริเวณกว้าง และทำให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 2,400 ราย

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000081448
     

แชร์หน้านี้

Loading...