ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    ไทยตกเป็นเป้าของวอชิงตันดีซี
    เรื่องอุยกูร์ โรฮิงญา ความปลอดภัยในการบิน การกดดันให้ไทยกลับไปมีการเลือกตั้ง ดาวดิน รวมทั้งการให้อียูเล่นงานไทยเรื่องประมง ฯลฯจะดูให้ดีๆ จะเห็นชัดว่าล้วนแล้วแต่มีส่วนเชื่อมโยงกันเป็นการสมคบระหว่างประเทศ (international conspiracy)เพื่อทำลายความมั่นคงของไทย เนื่องจากว่าประเทศไทยยังไม่แสดงทีท่าที่ชัดเจนที่จะยอมอยู่ใต้อิทธิพลของวอชิงตัน ดีซี
    รายงานล่าสุดของเพนตากอนชื่อว่า “National Military Strategy of the United States of America 2015”

    [​IMG]

    Document: 2015 U.S. National Military Strategy - USNI News

    ระบุชัดเจนว่า ฝ่ายทหารของสหรัฐได้เปลี่ยนนโยบายความมั่นคง จากที่เคยเน้นการสู้รบกับผู้ก่อการร้าย มาเป็นการเผชิญหน้ากับรัฐประเทศที่ท้าทายธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างประเทศ (international norms)
    Paul Craig Roberts อดีตผู้ช่วยคลังสหรัฐสมัยประธานาธิบดีเรแกนอธิบายว่า ประเทศที่ท้าทายธรรมเนียมปฎิบัติระหว่างประเทศ คือประเทศที่ดำเนินนโยบายเป็นเอกเทศ หรืออิสระจากวอชิงตันดีซี
    รายงานเพนตากอนระบุว่า ประเทศที่ท้าทายธรรมเนียมปฎิบัติระหว่างประเทศนี้คือ รัสเซีย จีน เกาหลีเหนือ และอิหร่าน แต่คุณRobertอธิบายต่อไปว่าประเทศเหล่านี้ไม่ได้เป็นภัยต่อสหรัฐเพราะว่ามีแผนโจมตีสหรัฐทางทหาร แต่เนื่องจากต้องการดำเนินนโยบายเป็นเอกเทศที่ไม่ให้สหรัฐเป็นมหาอำนาจของโลกแต่ผู้เดียว
    พูดง่ายๆ ศัตรูตัวยงของสหรัฐไม่ใช่ไอซิสอีกต่อไป แต่เป็นรัสเซียและจีน
    ความจริงแล้วเพนตากอนต้องการพุ่งเป้าไปยังรัสเซีย ยังมีความพยายามที่จะดึงจีนเป็นพันธมิตรเพื่อปิดล้อมรัสเซียไม่ให้ผงาดอยู่ ถึงแม้จะมีการขู่จีนว่าความตรึงเครียดในภูมิภาคแปซิฟิคเกิดจากอิทธิพลที่ขยายตัวของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทะเลจีนใต้ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ
    เราได้เห็นแล้วว่าประเทศที่ไม่ก้มหัวให้เพนตากอนมีชะตากรรมอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นIraq, Afghanistan, Libya, Syria, Somalia, Yemen, Pakistan, Ukraine, รวมทั้งPalestine
    มาระยะหลังนี้ จะเห็นได้ว่าสหรัฐเริ่มใช้ "ธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างประเทศ" มาใช้กับไทยเกือบทุกเรื่อง เพื่อกดดันไทย หรือให้ให้ไทยเป็นผู้ร้ายในตายตาชาวโลก เนื่องจากว่าไทยยังไม่ยอมตกลงที่จะร่วมขบวนการเป็นทัพหน้าในการปิดล้อมจีน สหรัฐกำลังเข้าสู่จุดเสื่อม ส่วนรัสเซียและจีนกำลังผงาด จึงดำเนินนโยบายทุกอย่างเพื่อที่จะล้มรัสเซียและจีนให้ได้เพื่อคงความเป็นมหาอำนาจโลกแต่ผู้เดียวของตัวเอง
    ความพยายามล่าสุดของสหรัฐในการดึงไทยเป็นพันธะมิตรเพื่อปิดล้อมจีนเกิดขึ้นในการประชุมShangri-la Diaglogueที่สิงคโปร์เมื่อไม่นานมานี้ โดยที่นายAshton Carterรมวกลาโหมสหรัฐ พยายามเกลี้ยกล่อมพลเอก ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รมวกลาโหมไทยร่วมมือในการปิดล้อมจีน ถ้าตอบตกลง เขาจะช่วยจัดการปัญหาระหว่างประเทศให้ไทยทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นโรฮิงญา สิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย ฯล
    ไทยแค่แบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่องนี้ เพราะว่าเราคบจีนเป็นมหามิตรและมีสหรัฐเป็นพันธมิตรตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถ้าทั้งสองประเทศมีความขัดแย้งกัน น่าที่จะจัดการกันเอง ไม่ควรดึงไทยเข้าร่วมด้วย เพราะว่าเราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร
    นี้คือจุดยืนของฝ่ายไทย แต่เป็นจุดยืนที่ดีซียอมรับไม่ได้ เพราะว่านโยบายของดีซีคือทุกประเทศต้องทำตามสิ่งที่ดีซีต้องการ
    เมื่อประเทศไทยดื้อดึง ไม่ยอมเป็นเด็กดี เราจึงได้เห็นท่าทีแต่ละอย่างของสหรัฐและอียูที่ไม่เป็นมิตรกับไทยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการทำรัฐประหารเป็นต้นมา แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐและอียูต่อประเทศไทยเลวร้ายทั้งนั้น
    ไฮไลท์คือการมาเยือนไทยของนาย Daniel Russel รองรมวต่างประเทศสหรัฐที่เลคเช่อร์ไทยเรื่องประชาธิปไตย และสนับสนุนน้องปูอย่างออกหน้าออกตา ถือว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทย โดนไทยประท้วงจนต้องถอยฉาก แต่แค่ถอยเอาเชิง แล้วกลับมารุกไทยใหม่ผ่านการกดดันในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้อพยพโรฮิงญา การสนับสนุนกลุ่มผู้ต้านบิ๊กตู่ เรื่องความปลอดภัยของดูแลสายการบินจากไทย อียูแจกใบเหลืองไทยเรื่องประมง และล่าสุดเรื่องอุยกูร์ที่มีการทำลายสถานทูตไทยในตุรกี
    ทุกเรื่องเป็นการสร้างเรื่องทั้งนั้น ไม่ได้เกิดตามเหตุปัจจัยตามปกติ
    นอกจากจะแซงชั่นรัสเซีย ดีซียังให้ท้ายแก๊งค์Wall Street อยู่เบื้องหลังการถล่มตลาดหุ้นจีนอย่างแยบยลในช่วงเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากไม่ยอมเป็นพันธมิตรกับสหรัฐ
    ประเทศไทยต้องระวังตัวกันดี เพราะว่าเหตุร้ายน่าจะเพิ่มขึ้นตามลำดับหลังพิษอุยกูร์ ทั้งๆที่ไทยส่งอุยกูร์กลับตุรกี และจีนโดยที่UNHCR เจ้าหน้าที่จีนและตุรกีมาดูแลช่วยตรวจสอบ เหลือแค่60คนโดยประมาณที่ยังตรวจสอบสัญชาติไม่ได้ ไทยพยายามไม่ให้อุยกูร์เป็นเรื่อง แต่ก็กลายเป็นเรื่องขึ้นไปได้ โดยมีความเสี่ยงให้กลายเป็นเรื่องศาสนา
    ทีการก่อการร้ายในภาคใต้ประเทศไทยเพื่อทำลายความมั่นคง ดีซีไม่เคยช่วยแม้แต่น้อย หรือทำเป็นมองไม่เห็น แต่เรื่องอื่นๆที่ไม่เป็นเรื่องกลับมาออกหน้าออกตาประนามไทย
    อย่างนี้ เราควรต้องระวังมิตรที่แสนดีแล้ว เพราะว่าต่อไปจะเล่นงานไทยที่ไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างประเทศเรื่องอุยกูร์ ไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างประเทศเรื่องโรฮิงญา ไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างประเทศเรื่องประชาธิปไตยการเลือกตั้ง ไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างประเทศสาระพัดเรื่องอันนำไปสู่การแซงชั่นประเทศไทยในที่สุด เหมือนที่รัสเซียโดน
    thanong
    11/7/2015
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัฐสภากรีซโหวต “รับรอง” แผนปฏิรูปการคลัง-แหล่งข่าวบรัสเซลส์แย้มแพ็กเกจเงินกู้ใหม่อาจใหญ่ถึง 74,000 ล้านยูโร โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 กรกฎาคม 2558 10:01 น. (แก้ไขล่าสุด 11 กรกฎาคม 2558 10:22 น.)

    [​IMG]

    @สมาชิกพรรคไซรีซาเข้าไปแสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ซีปราส หลังเสร็จสิ้นการประชุมรัฐสภาเมื่อวานนี้ (10 ก.ค.)

    เอเอฟพี – รัฐสภากรีซลงมติรับรองแผนปฏิรูปการคลังฉบับล่าสุดที่นายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ซีปราส นำเสนอต่อเจ้าหนี้ต่างชาติแล้วในวันนี้ (11 ก.ค.) ซึ่งถือเป็นความร่วมแรงร่วมใจเพื่อช่วยชาติให้รอดจากภาวะล้มละลาย ขณะที่แหล่งข่าวในกรุงบรัสเซลส์ชี้ว่า แผนปฏิรูปของกรีซอาจนำไปสู่การปลดล็อกวงเงินกู้งวดใหม่ที่มีมูลค่ามหาศาลถึง 74,000 ล้านยูโร

    แพ็กเกจปฏิรูปได้รับการโหวตรับรอง 251 ต่อ 49 เสียง ซึ่งเท่ากับรัฐสภาได้ให้อำนาจแก่ ซีปราส ในการเจรจาต่อรองครั้งสุดท้ายกับองค์กรเจ้าหนี้ ก่อนที่จะมีการเรียกประชุมซัมมิตผู้นำสหภาพยุโรปในวันอาทิตย์นี้(12) ซึ่งจะถือเป็นวันชี้ชะตากรีซว่าจะอยู่หรือไปจากยูโรโซน

    แผนปฏิรูปที่ ซีปราส ยื่นต่อบรัสเซลส์เมื่อวันพฤหัสบดี(9) ประกอบด้วยคำมั่นสัญญาว่าจะแก้ไขระบบบำนาญ, การขึ้นภาษี และการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งไม่แตกต่างจากเงื่อนไขที่เจ้าหนี้เรียกร้องเมื่อเดือนที่แล้วเพื่อช่วยให้กรีซ “อยู่รอด” ในอียูต่อไป

    อย่างไรก็ดี การอ่อนข้อของ ซีปราส ครั้งนี้ทำให้ให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากสมาชิกฮาร์ดไลน์ในพรรครัฐบาลไซรีซา ซึ่งมีอยู่ 10 คนที่งดออกเสียง ในขณะที่พรรคฝ่ายค้านกลับช่วยโหวตสนับสนุนแผนของรัฐบาล

    “มันเป็นการเลือกที่จะแสดงความรับผิดชอบต่อประเทศชาติอย่างสูง เรามีหน้าที่ที่จะต้องช่วยให้ประชาชนดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้... เราไม่เพียงจะอยู่ในยุโรปต่อไปเท่านั้น แต่ต้องอยู่อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับพลเมืองยุโรปอื่นๆ ด้วย” ซีปราส กล่าวก่อนที่รัฐสภาจะลงมติ

    ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง แหล่งข่าวในบรัสเซลส์เผยกับเอเอฟพีว่า ข้อเสนอปฏิรูปชุดล่าสุดของกรีซ “เป็นบวก” มากพอที่จะเปิดทางให้กรีซได้รับแพ็กเกจเงินกู้ 74,000 ล้านยูโร

    ซีปราส หันมายอมรับเงื่อนไขสำคัญๆ ของเจ้าหนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลของเขาและประชาชนกรีซยืนยันว่า “รับไม่ได้เด็ดขาด” ทั้งนี้ ก็เพื่อให้เอเธนส์มีโอกาสได้รับเงินช่วยเหลือในช่วงเวลา 3 ปี ซึ่งรวมถึงการลดหนี้ และแพ็กเกจสนับสนุนการลงทุนอีก 35,000 ล้านยูโร

    แม้ท่าทีอ่อนข้อของกรีซจะทำให้หลายฝ่ายโล่งอก แต่ก็ยังมีความเคลือบแคลงสงสัยอยู่บ้าง โดยเฉพาะผู้นำกลุ่มยูโซนอย่างเยอรมนีที่เกรงว่า กรีซจะยังเป็น “หลุมดำ” ดูดเงินช่วยเหลือซึ่งมาจากภาษีของชาวยุโรปต่อไปโดยไม่มีอะไรดีขึ้น

    แหล่งข่าวในอียู ระบุว่า กลไกรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (European Stability Mechanism – ESM) พร้อมที่จะพิจารณาปล่อยกู้ในวงเงิน 58,000 ล้านยูโร บวกกับวงเงินกู้อีก 16,000 ล้านยูโรจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพื่อรวมเป็นแพ็กเกจงวดที่ 3 ให้แก่กรีซ

    รัฐมนตรีคลังจาก 19 ประเทศยูโรโซนจะประชุมกันในวันนี้ (11) เพื่อพิจารณาว่าจะอนุมัติแพ็กเกจช่วยเหลือให้แก่กรีซหรือไม่ ซึ่งโอกาสก็ยังมีเพียง 50-50 เนื่องจากสมาชิกสายเข้มงวดอย่างเยอรมนียังมีท่าทีคัดค้านการปล่อยกู้เพิ่มเติมให้เอเธนส์

    แผนปฏิรูปที่กรีซเสนอล่าสุดยังต่ำกว่าเป้าหมายที่องค์กรเจ้าหนี้เรียกร้องในหลายประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องการยกเลิกนโยบายเว้นภาษีแก่เกาะต่างๆ ของกรีซ และการตัดลดงบประมาณกองทัพ

    ฝรั่งเศสและอิตาลีออกมาแสดงความชื่นชมข้อเสนอใหม่ของ ซีปราส โดยประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ ระบุว่าเป็นคำสัญญาที่ “จริงจังและน่าเชื่อถือ” แต่ขณะเดียวกันก็เตือนว่ายุโรป “ยังไม่ได้ตัดสินใจ”

    ด้านเยอรมนีระบุว่า ผลของการเจรจาวิกฤตหนี้กรีซในช่วงสุดสัปดาห์นี้ยัง “เปิดกว้างทุกทาง”

    เบอร์ลินเป็นผู้นำกลุ่มประเทศยูโรโซนสายเข้มงวดที่เตือนว่า กรีซซึ่งได้รับแพ็กเกจเงินกู้ไปแล้ว 2 งวด รวมมูลค่า 240,000 ล้านยูโรในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และยังได้รับการลดหนี้ให้อีก 107,000 ล้านยูโรเมื่อปี 2012 ยังคงล้มเหลวในการปฏิรูปการคลัง และทำตัวเป็น “หลุมดำ” ดูดเงินภาษีของพลเมืองยุโรป

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000078375
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Weekend Focus : ตลาดเงินลุ้น “กรีซ” ดิ้นเฮือกสุดท้ายเสนอแผนน้าวใจเจ้าหนี้ก่อนลา “ยูโรโซน” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 กรกฎาคม 2558 09:00 น.

    [​IMG]

    วิกฤตหนี้กรีซที่ยืดเยื้อมานานถึง 5 ปีก้าวสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากเมื่อวันอังคารที่ 30 มิ.ย. กรีซกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วชาติแรกที่ผิดนัดชำระหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หลังไม่สามารถจ่ายคืนหนี้ 1,500 ล้านยูโรที่ครบกำหนด รวมถึงผลประชามติที่ชาวกรีซกว่าครึ่งประเทศพร้อมใจ “ไม่เอา” มาตรการรัดเข็มขัดที่บีบคั้นเศรษฐกิจ ทำให้บรรดาผู้นำยุโรปต้องตัดสินใจว่าจะโอบอุ้มกรีซซึ่งมีหนี้สินล้นพ้นต่อไป หรือปล่อยให้กรีซซึ่งเป็น “จุดอ่อน” พ้นไปจากกลุ่มยูโรโซน

    เงินที่กรีซไม่จ่ายเงินคืนไอเอ็มเอฟถือว่าเป็นจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ มีค่าเท่ากับผิดนัดชำระหนี้ รวมทั้งส่อนัยถึงการละเมิดพันธสัญญาของเอเธนส์

    รัฐบาลกรีซได้พยายามหันไปขอความช่วยเหลือจากหุ้นส่วนในยูโรโซนและธนาคารกลางแห่งยุโรป (อีซีบี) พร้อมกันนั้นก็ได้ประกาศจัดทำประชามติในวันที่ 5 ก.ค. เพื่อหยั่งเสียงประชาชนว่าจะยินดีกลืนเลือดยอมรับมาตรการรัดเข็มขัดเข้มงวดอีกหรือไม่ แต่แล้วผลประชามติก็ออกมาว่า ชาวกรีซ 61.31% โหวตไม่ยอมรับข้อเสนอของฝ่ายเจ้าหนี้ ขณะที่ผู้ลงคะแนนยอมรับมีเพียง 38.69% โดยที่มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 62.5% และทำให้เกิดกระแสความหวั่นกลัวว่ากรีซคงไม่แคล้วต้องออกไปจากยูโรโซน หรือที่เรียกว่า “เกร็กซิต” (Grexit)

    ถึงแม้นายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ซีปราส จะบอกว่านี่ไม่ใช่การลงคะแนนเพื่อแตกหักกับยุโรป แต่ผู้นำยูโรโซนหลายๆ คนก็ออกมาเตือนตั้งแต่ก่อนหน้านี้ว่า การโหวต “โน” เงื่อนไขเจ้าหนี้มีค่าเท่ากับการปฏิเสธร่วมใช้สกุลเงินเดียว

    กระแสตื่นกลัวแบงก์ล้มทำให้ชาวกรีซพากันแห่ถอนเงินจ้าละหวั่น จนในที่สุดเอเธนส์ต้องประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุน โดยให้ธนาคารต่างๆ ระงับบริการ 1 สัปดาห์ และจำกัดการถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม

    เวลานี้กรีซต้องการเงินสดฉุกเฉินโดยเร่งด่วนจากอีซีบีเพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจเป็นอัมพาต ไม่เช่นนั้นก็อาจถูกบีบให้ออกหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ หรือกลับไปใช้เงินสกุลดรักมาซึ่งเท่ากับเป็นการอำลายูโรโซนโดยปริยาย ทว่าเมื่อวันจันทร์ (6 ก.ค.) อีซีบีได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องของเอเธนส์ที่ต้องการให้ขยายวงเงินสภาพคล่องฉุกเฉินที่ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ของกรีซ มิหนำซ้ำยังสั่งเพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อ อันจะทำให้แบงก์กรีซเข้าถึงกองทุนนี้ยากยิ่งขึ้นในอนาคต

    นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนีกำลังถูกกดดันอย่างหนักจากชาวเมืองเบียร์ซึ่งเอือมระอากับปัญหาวินัยการคลังของเอเธนส์ และเรียกร้องให้ยูโรโซนตัดหางกรีซไปเสียจะดีกว่า แต่ถึงกระนั้น แมร์เคิล ยังให้โอกาส ซีปราส นำเสนอแผนปฏิรูปที่น่าเชื่อถือพอ หลังจากก่อนหน้านี้เอเธนส์ปฏิเสธไม่ยอมช่วยเหลือตัวเองสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นภาษี ลดรายจ่าย หรือปฏิรูประบบบำนาญ ซึ่งเป็นข้อเสนอที่หารือกันก่อนที่แพ็กเกจความช่วยเหลือจากอียูและไอเอ็มเอฟมูลค่า 240,000 ล้านยูโร จะหมดอายุลง

    พลเมืองยุโรปโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกลุ่มบอลติก ฟินแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ ไม่ต้องการให้รัฐบาลของตนนำเงินภาษีไปช่วยอุ้มระบบการคลังของกรีซที่เป็นเสมือน “หลุมดำ” ของยุโรป ในขณะที่ฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน มีท่าทีเห็นอกเห็นใจกรีซอยู่พอสมควร และต้องการให้กรีซกับยูโรโซนตกลงกันได้ดีกว่าจะให้เกิดภาวะ Grexit

    ทั้งนี้ มีรายงานว่า ซีปราส เตรียมจะขอให้เจ้าหนี้ “แฮร์คัต” หนี้สินเดิมลงถึง 30% ทว่าการลดหนี้อาจเป็นเงื่อนไขซึ่งเยอรมนีและพันธมิตรไม่สามารถรับได้


    ล่าสุดผลการประชุมผู้นำยุโรปที่จัดขึ้น ณ กรุงบรัสเซลส์เมื่อวันอังคาร (8) ได้ข้อสรุปว่า ผู้นำยูโรโซนจะให้เวลากรีซถึงช่วงปลายสัปดาห์นี้เพื่อเสนอแผนปฏิรูปที่เป็นรูปธรรมและน่าเชื่อถือเพียงพอ ความช่วยเหลือทางการเงินระยะสั้นจะถูกจัดหาให้ทันทีหากว่ากรีซมาพร้อมกับข้อเสนออันเป็นที่น่าพอใจ และดำเนินการผ่านกฎหมายเพื่อโน้มน้าวเหล่าเจ้าหนี้ให้รับรู้ถึงความตั้งใจจริงในการแก้วิกฤตหนี้สิน

    อย่างไรก็ตาม เวอร์เนอร์ เฟย์มันน์ นายกรัฐมนตรีออสเตรีย เตือนว่า หากไม่ได้ข้อตกลงภายในวันอาทิตย์ (12 ก.ค.) ยูโรโซนก็จำต้องมี “แผนบี” มารองรับ ในกรณีที่กรีซจะต้องถูกกีดกันออกจากการร่วมใช้เงินยูโร

    สถานการณ์ที่เป็นไปได้สำหรับกรีซ

    ระหว่างที่อนาคตของกรีซกับยูโรโซนยังอยู่ในขั้นลูกผีลูกคน นักวิเคราะห์ก็ได้ประเมินสถานการณ์จำลองที่อาจจะเป็นไปได้อย่างน้อย 3 แนวทาง ได้แก่

    1. กรีซออกจากยูโรโซนหลังจากพยายามเจรจาแต่ล้มเหลว

    ผู้สังเกตการณ์ส่วนใหญ่ชี้ว่า นี่เป็นสถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด เพราะแม้ซีปราสจะยืนยันว่า การลงประชามติของชาวกรีซไม่ใช่การแตกหักกับยุโรป แต่เพื่อทำให้เอเธนส์มีอำนาจต่อรองกับเจ้าหนี้มากขึ้น ทว่าผู้นำของยุโรปจำนวนมากกลับมองว่านี่อาจเป็นจุดจบของการเจรจาต่อรองอันยืดเยื้อเพื่อให้กรีซอยู่ในยูโรโซนต่อไป ซิกมาร์ เกเบรียล รองนายกรัฐมนตรีของเยอรมนี ถึงกับวิจารณ์ในคืนวันอาทิตย์ (5) ว่า เมื่อผลประชามติออกมาเช่นนี้ก็เท่ากับนายกรัฐมนตรีกรีซ “ได้รื้อทำลายสะพานสุดท้ายซึ่งยังเชื่อมระหว่างยุโรปกับกรีซ ให้มีช่องทางเคลื่อนไปสู่การประนีประนอมได้” ไปเรียบร้อยแล้ว

    เจอโรน ดิจเซลโบลม ประธานยูโรกรุ๊ป กล่าวว่า เวลานี้ขึ้นอยู่กับเอเธนส์ว่าจะยื่นเสนอมาตรการปฏิรูปที่ยากลำบากมาให้พิจารณาหรือไม่ ขณะที่นายกรัฐมนตรี อีวา โคแพกซ์ ของโปแลนด์ ชี้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นขั้นตอนใหม่มุ่งไปสู่ Grexit

    2. การล่มสลายของแบงก์กรีซ ซึ่งอาจนำไปสู่ Grexit หรือก่อให้เกิดข้อตกลง

    ถึงแม้การทำข้อตกลงใดๆ ระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้โดยเฉพาะชาติสมาชิกอื่นๆ ของยูโรโซน อาจจะมีลักษณะเป็นข้อตกลงทางการเมือง ทว่าสิ่งซึ่งเป็นเงาทะมึนครอบอยู่เหนือการต่อรองทางการเมืองใดๆ กลับเป็นเรื่องสถานะของพวกธนาคารกรีซ ซึ่งได้ปิดทำการมาตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน หลังจากอีซีบีระงับไม่เพิ่มเพดานการอัดฉีดสภาพคล่องฉุกเฉินให้

    รัฐบาลกรีซให้สัญญาต่อประชาชนว่า การโหวต “โน” จะทำให้แบงก์กลับมาเปิดทำการในวันอังคาร (7) แต่ไม่มีแนวโน้มใดๆ เลยว่า อีซีบีจะเพิ่มการสนับสนุน “ความช่วยเหลือสภาพคล่องฉุกเฉิน” หรือ ELA จากระดับ 89,000 ล้านยูโรที่ได้อนุมัติไปแล้ว นั่นหมายความว่า ธนาคารของกรีซมีโอกาสอยู่รอดต่อไปอีกเพียงไม่กี่วัน ตัวเลือกหนึ่งที่เป็นไปได้คือ แบงก์กรีซเปิดทำการอีกครั้งพร้อม “สกุลเงินคู่ขนาน” ก่อนฟื้นเงินสกุล “ดรักมา” กลับมาใช้ใหม่ ซึ่งหมายความว่า รัฐบาลกรีซต้องเตรียมการผละจากสกุลเงินยูโรนั่นเอง

    แต่ในอีกด้านหนึ่ง การที่แบงก์กรีซล้มกันระนาวก็อาจกระตุ้นให้ยุโรปหันกลับมาร่วมแรงร่วมใจกัน สหภาพยุโรป (อียู) อาจยอมเพิ่มทุนให้แก่ระบบการธนาคารกรีซก็เป็นได้ แต่วิธีการดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบทางการเมืองต่อสมาชิกยูโรโซนชาติอื่นๆ ที่เผชิญปัญหาหนี้สินเหมือนกัน เช่น สเปน ที่พรรคการเมืองกระแสหลักกำลังถูกท้าทายจากพรรคที่ต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด

    ปีเตอร์ คาซิมีร์ รัฐมนตรีคลังสโลวาเกีย พยายามพูดตัดไฟแต่ต้นลมในเรื่องนี้ โดยบอกว่า การปฏิเสธแผนปฏิรูปของชาวกรีซไม่ควรหมายความว่าเอเธนส์จะได้เงินกู้ง่ายขึ้น ขณะที่เจ้าหนี้ใหญ่สุดของกรีซคือ กองทุนฟื้นฟูของยูโรโซน (EFSF) ยังขู่จะเรียกหนี้ 130,900 ล้านยูโรคืนจากรัฐบาลกรีซ หลังจากเอเธนส์ผิดนัดชำระหนี้ไอเอ็มเอฟเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา


    3. ผู้นำอียูตกลงช่วยและป้องกันการล่มสลายของแบงก์กรีซ

    แม้สถานการณ์นี้จะมีความเป็นไปได้น้อยที่สุด แต่นายกรัฐมนตรี ซีปราส ก็ได้จัดเตรียมกรอบข้อตกลงและมาตรการปฏิรูปต่างๆ ซึ่งเขาได้ยินยอมตกลงไปก่อนการทำประชามติแล้ว สิ่งที่ซีปราสยินยอมเหล่านี้ไม่แตกต่างมากนักจากสิ่งที่ยูโรโซนและไอเอ็มเอฟเรียกร้อง ทว่าส่วนซึ่งแตกต่างและต้องถือเป็นปัญหาใหญ่มากก็คือ ซีปราสยังต้องการได้เงินกู้แพ็กเกจที่ 3 เป็นมูลค่า 29,100 ล้านยูโร ซึ่งมากกว่าเงินกู้งวดสุดท้ายจากแพ็กเกจที่ 2 ที่ได้เจรจาต่อรองกันมา 5 เดือนแล้วถึง 4 เท่าตัว แถมมีความเป็นไปได้ว่า ถ้าหากหวนกลับมาเจรจาต่อรองกันใหม่ ซีปราสไม่เพียงต้องการได้เงินกู้เพิ่มเติม แต่ยังจะขอลดหนี้เกือบ 50,000 ล้านยูโรภายในระยะเวลา 3 ปีด้วย

    การเพิ่มทุนให้แก่แบงก์กรีซนั้น จะทำได้ก็ต่อเมื่อเอเธนส์ต้องสามารถเข้าถึงกองทุนช่วยเหลือถาวรของยูโรโซน นั่นคือ กลไกเสถียรภาพการเงินยุโรป (อีเอสเอ็ม) ทว่าในขณะนี้ เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่า กรีซจะได้รับสิทธิดังกล่าว

    จนถึงขณะนี้ยังไม่เคยมีชาติใดที่ถูกขับออกจากยูโรโซน ดังนั้น สิ่งที่จะตามมาหลังเกิดปรากฏการณ์ Grexit จึงยากที่จะคาดเดา แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่ากรีซอาจเผชิญปัญหาค่าเงินตราลดลง เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรง และถูกกีดกันจากตลาดการเงินระหว่างประเทศนานหลายปีคล้ายกับกรณีของอาร์เจนตินาเมื่อปี 2002 อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของเอเธนส์จะทรุดหนัก ขณะที่การหวนกลับไปใช้สกุลเงินดรักมาแม้จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะยาว แต่ในช่วงเวลาอันใกล้นี้ยังไม่เห็นว่าจะเป็นผลดีต่อกรีซได้อย่างไร

    ภาวะ Grexit ยังอาจทำให้ธนาคารกลางแห่งยุโรป (อีซีบี) ต้องสูญเงิน 118,000 ล้านยูโรที่ให้กรีซกู้ยืมไป รวมถึงเงินทุนอีก 20,000 ล้านยูโรที่ใช้รับซื้อพันธบัตรรัฐบาลกรีซ และแม้ในทางทฤษฎีอีซีบีจะสามารถ “พิมพ์แบงก์” เพื่อเพิ่มทุนขึ้นมาใหม่ แต่ก็ต้องถูกคัดค้านอย่างหนักจากเยอรมนี

    สิ่งที่น่ากังวลไม่แพ้เรื่องเศรษฐกิจก็คือผลกระทบทางการเมือง เนื่องจากรัฐบาลยุโรปหลายประเทศกำลังเผชิญกระแสต่อต้านการร่วมใช้สกุลเงินเดียว และเฝ้าจับตาดูทางออกของปัญหากรีซอย่างใกล้ชิด นายกรัฐมนตรี มาเรียโน ราฮอย แห่งสเปน ถึงกับออกปากเตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การปล่อยให้กรีซหลุดยูโรโซนจะถือเป็นสัญญาณร้ายที่บ่งบอกว่าความเป็นปึกแผ่นของกลุ่มประเทศผู้ใช้เงินยูโรโซนนั้นไม่แน่นอนอีกต่อไป


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000078358
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำมัน-ทองคำคงที่ หุ้นสหรัฐฯทะยานเชื่อยูโรโซนอนุมัติแผนปฏิรูปของกรีซ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 กรกฎาคม 2558 05:22 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี/รอยเตอร์ - น้ำมันทรงตัวในวันศุกร์(10ก.ค.) หลังไออีเอคาดหมายว่าอุปสงค์พลังงานโลกในปีหน้าจะเติบโตแบบชะลอตัวมากขึ้น ส่วนวอลล์สตีทพุ่งแรงจากความเชื่อมั่นว่ากรีซจะได้รับเงินช่วยเหลือก้อนใหม่จากเหล่าเจ้าหนี้ ขณะที่ทองคำปิดในกรอบแคบๆ ตามความเห็นจากประธานเฟด

    น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 4 เซนต์ ปิดที่ 52.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ ปิดที่ 58.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ทบวงพลังงานระหว่างประเทศ(ไออีเอ) ประมาณการณ์อุปสงค์พลังงานโลกสำหรับปี 2016 เป็นครั้งแรก ด้วยคาดหมายว่าอุปสงค์น้ำมันโลกในปีหน้าจะขยายตัว 1.2 ล้านบาร์เรล หดตัวลงจาก 1.4 ล้านบาร์เรลในปี 2015

    ขณะเดียวกันไออีเอยังเผยด้วยว่ากำลังผลิตน้ำมันโลกเติบโตขึ้น 550,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนมิถุนายน เป็น 96.6 ล้านบาร์เรล เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยจาก 1 ปีก่อน 3.1 ล้านบาร์เรล

    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯขยับขึ้นอย่างกว้างขวางเมื่อวันศุกร์(10ก.ค.) ด้วยดัชนีหลักปิดบวกมากกว่าร้อยละ 1 ด้วยความหวังว่ากรีซ จะได้รับอนุมัติเงินช่วยเหลือก้อนใหม่จากที่ประชุมเหล่าเจ้าหนี้ที่กำลังมาถึง ซึ่งจะช่วยให้เอเธนส์รอดพ้นจากภาวะล้มละลายและยังอยู่ในยูโรโซนต่อไป

    ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 211.79 จุด (1.21 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,760.41 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 25.31 จุด (1.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,076.62 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 75.30 จุด (1.53 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,997.70 จุด

    วอลล์สตรีทเกาะอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน หลังจากแผนขอรับความช่วยเหลือล่าสุดของกรีซ ยอมโอนอ่อนในประเด็นที่ยึดมั่นซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการประนีประนอมมานาน ในนั้นรวมถึงด้านภาษีและเงินบำนาญ โดยข้อเสนอนี้ได้รับการตอบรับด้วยความยินดีจากเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสและอิตาลี แม้ เยอรมนี ยังสงวนท่าทีอยู่

    ข้อเสนอปฏิรูปที่ถูกส่งถึงองค์กรเจ้าหนี้ "ทรอยกา" ซึ่งได้แก่ คณะกรรมาธิการยุโรป, ธนาคารกลางแห่งยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จะถูกนำขึ้นพิจารณาในที่ประชุมรัฐมนตรียูโรโซนในวันเสาร์นี้ (11) ก่อนที่จะมีการเรียกประชุมซัมมิตผู้นำยุโรป 28 ประเทศเพื่อชี้ขาดอนาคตของกรีซในวันอาทิตย์(12)

    นอกจากปัจจัยดังกล่าวแล้ว วอลล์สตรีท ยังได้แรงหนุนจากภาวะฟื้นตัวของตลาดทุนจีน หลังรัฐบาลแดนมังกรใช้มาตรการสนับสนุนชุดใหญ่

    การขยับขึ้นของตลาดทุนอเมริกาและความเห็นของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ที่คาดหมายเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ ขณะที่ยังมีความกังวลต่อความอ่อนแอของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ฉุดให้ราคาทองคำเมื่อวันศุกร์(10ก.ค.) ปิดในกรอบแคบๆ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 1.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,157.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผวาอิทธิฤทธิ์'ซูเปอร์ไต้ฝุ่นจันทร์หอม' จีนอพยพผู้คนเกือบล้าน!! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 กรกฎาคม 2558 04:04 น. (แก้ไขล่าสุด 11 กรกฎาคม 2558 04:06 น.)

    [​IMG]

    @ภาพถ่ายดาวเทียมตอนที่ซูเปอร์ไต้ฝุ่นจันทร์หอมซัดเข้าถล่มหมู่เกาะโอกินาวาของญี่ปุ่น และกำลังมุ่งหน้าสู่ไต้หวัน ขณะที่ล่าสุดมันคืบคลานเข้าใกล้นครเซี่ยงไฮ้ ของจีนทุกขณะ


    เอเอฟพี - ซูเปอร์ไต้ฝุ่นจันทร์หอม ถาโถมมุ่งหน้าสู่นครเซี่ยงไฮ้ในวันเสาร์(11ก.ค.) กระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ต้องสั่งอพยพประชาชนมากกว่า 865,000 คน ทางภาคตะวันออกของจีน ตามหลังประกาศเตือนภัยขั้นสูงสุด หลังจากพายุลูกดังกล่าวเพิ่งซัดถล่มหมู่เกาะโอกินาวาของญี่ปุ่นและไต้หวันไปหมาดๆ

    ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติจีน(เอ็นเอ็มซี) เผยว่าพายุทรงพลังลูกนี้อาจเป็นไต้ฝุ่นลูกรุนแรงที่สุดที่ซัดจะถล่มมณฑลเจ้อเจียง ทางใต้ของเซี่ยงไฮ้ นับตั้งแต่ปี 1949

    ผวาอิทธิฤทธิ์'ซูเปอร์ไต้ฝุ่นจันทร์หอม' จีนอพยพผู้คนเกือบล้าน!!
    คลื่นขนาดยักษ์ขนาดเท่ากับตึกหลายชั้นซัดเข้าหาฝั่ง จากอิทธิพลของซูเปอร์ไต้ฝุ่นจันทร์หอมที่คืบคลานเข้าใกล้นครเซี่ยงไฮ้ทุกขณะ จนทางการต้องประกาศอพยพกว่า 865,000 คน

    พายุลูกนี้เพิ่งคร่าชีวิตผู้คน 5 ศพในฟิลิปปินส์ช่วงต้นสัปดาห์และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 20 คนในญี่ปุ่นเมื่อวันศุกร์(10ก.ค.) ขณะที่ลมแรงขุดรากถอนโคนต้นไม้และซัดอาคารสั่นไหว สถานีโทรทัศน์โตเกียวรายงาน

    ขณะเดียวกันก็มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกกิ่งไม้หักโค่นลงมาทับ 4 คนในไต้หวัน หลังจากเกาะแห่งนี้ถูกพายุไต้ฝุ่นจันทร์หอมซัดถล่มในวันศุกร์(10ก.ค.) ท่ามกลางคลื่นทะเลนอกชายฝั่งมีระดับสูงสุดถึง 10 เมตร

    ในตอนเช้าตรู่วันเสาร์(11ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น พายุอยู่ห่างจากมณฑลเจ้อเจียง ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 235 กิโลเมตร และยังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆขณะที่มันมุ่งหน้าสู่ผืนแผ่นดิน

    คาดหมายว่าซูเปอร์ไต้ฝุ่นจันทร์หอม จะเคลื่อนผ่านเฉียดใกล้ทางตะวันออกของนครเซี่ยงไฮ้ หลังจากขึ้นฝั่งบริเวณทางใต้ของเมืองพร้อมกับความเร็วลมสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    นอกเหนือจากการอพยพขนานใหญ่แล้ว เรือประมงอีกเกือบ 30,000 ลำ ก็จำเป็นต้องมุ่งหน้ากลับเข้าฝั่งในเจ้อเจียง

    สำนักข่าวซินหัวระบุว่าหลายเมืองในมณฑลแห่งนี้ มีรายงานต้องเผชิญกับภาวะฝนตกหนักและลมกระโชกแรงล่วงหน้าก่อนพายุจะมาถึง และทางเซี่ยงไฮ้ได้ประกาศเตือนภัยไต้ฝุ่นแล้ว "พายุที่กำลังมานั้นถูกจะทรงพลังมาก เราต้องผนึกประตูและหน้าต่าง รวมถึงกักตุนอาหาร" ชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านฮัวกัง ซึ่งตั้งอยู่ริมชายฝั่งกล่าว

    ประชาชนในย่านฟาร์มประมงริมชายฝั่งในมณฑลฝูเจี้ยน ทางใต้ของเจ้อเจียง ก็ถูกร้องขอให้อพยพตั้งแต่ตอนเช้าวันศุกร์(10ก.ค.) ด้วยเป็นครั้งแรกที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติจีน ประกาศเตือนภัยสีแดงหรือขั้นสูงสุด สำหรับซูเปอร์ไต้ฝุ่นลูกนี้

    ไต้ฝุ่นลูกนี้ถือเป็นพายุลูกที่ 2 ที่ซัดถล่มจีนในรอบ 2 วัน หลังจากก่อนหน้านี้พายุโซนร้อนหลินฟา เพิ่งขึ้นฝั่งมณฑลกวางโจว ทางใต้ของประเทศ


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยืนยันแล้ว พบ “เชื้อไวรัสอุบัติใหม่” มีต้นตอจาก “กระรอก” คร่าชีวิตชาวเยอรมัน 3 ศพ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กรกฎาคม 2558 21:23 น. (แก้ไขล่าสุด 10 กรกฎาคม 2558 21:29 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – ผลการศึกษาล่าสุดซึ่งมีการตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการแพทย์ชื่อดัง “ นิวอิงแลนด์ เจอร์นัล ออฟ เมดิซีน” ระบุ การเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาของชายสูงวัยชาวเยอรมันจำนวน 3 ราย ระหว่างช่วงปี 2011 – 2013 แท้ที่จริงแล้วเกิดจากการติด “ เชื้อไวรัสกระรอก” ซึ่งถือเป็นเชื้อไวรัสชนิดอุบัติใหม่ล่าสุดที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อมนุษย์

    ผลการศึกษานานแรมปีของทีมนักวิจัยจากสถาบันฟรีดริช เลิฟเฟลอร์ แห่งประเทศเยอรมนี ซึ่งได้ตีพิมพ์เผยแพร่ลงในวารสารนิวอิงแลนด์ เจอร์นัล ออฟ เมดิซีนฉบับ 9 ก.ค. ระบุว่า สาเหตุที่แท้จริงที่นำไปสู่การเสียชีวิตระหว่างช่วงปี 2011 – 2013 ของชายสูงวัยชาวเยอรมัน 3 รายซึ่งมีอายุระหว่าง 60 – 70 ปี และต่างมีอาชีพเป็น “นักผสมพันธุ์กระรอก” นั้น แท้จริงแล้วเกิดจากการที่ชายทั้งสามรายได้รับเชื้อในตระกูล “บอร์นาไวรัส” มาจากสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในความดูแลของพวกเขา คือ กระรอกสายพันธุ์พื้นเมือง ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศแถบอเมริกากลาง

    ผลการศึกษาดังกล่าวระบุว่า ในความเป็นจริงแล้วเคยมีการค้นพบไวรัสตัวอื่นในตระกูลบอร์นาไวรัสมาก่อน และไวรัสจากตระกูลนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นอันตรายต่อสัตว์จำพวกม้า แกะ และนกบางสายพันธุ์

    อย่างไรก็ดี เชื้อไวรัสที่ถูกทีมวิจัยพบว่าอยู่ในตัวชายทั้งสามคนและเป็นต้นตอที่ทำให้เกิดการอักเสบภายใน "สมอง" ของผู้ติดเชื้อจนนำไปสู่การเสียชีวิตนั้น ถือเป็นเชื้อไวรัสอุบัติใหม่ซึ่งมีต้นตอมาจากกระรอกพันธุ์พื้นเมืองอเมริกากลาง และสามารถแพร่กระจายเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ได้

    แม้จะสามารถยืนยันได้ว่า เชื้อไวรัสตระกูลบอร์นาที่ทีมนักวิจัยจากสถาบันฟรีดริช เลิฟเฟลอร์ค้นพบนั้นเป็นไวรัสมรณะสายพันธุ์ใหม่จริง แต่ทีมวิจัยยังไม่สามารถให้คำตอบได้แน่ชัดว่า ผู้เสียชีวิตทั้งสามรายในเยอรมนีซึ่งมีประวัติว่า สนิทสนมกันด้วยนั้น ได้รับเชื้อไวรัสนี้มาจากกระรอกของพวกเขาได้อย่างไร

    เนื่องจากผู้เสียชีวิต 2 ใน 3 รายนี้ถูกกระรอกกัดหรือข่วนก่อนจะล้มป่วย แต่ผู้เสียชีวิตอีกรายหนึ่งได้ล้มป่วยลงโดยที่ไม่เคยถูกกระรอกกัดหรือข่วนมาก่อน จึงทำให้ทีมวิจัยยังไม่สามารถสรุปได้ว่า การติดเชื้อทางบาดแผลคือช่องทางที่เชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ติดต่อเข้าสู่ร่างกาย และจำเป็นต้องศึกษาวิจัยเพิ่มเติมต่อไป

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000078279
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ขุนคลังสหรัฐฯ‘วิตก’ตลาดหุ้นทรุดแรงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน โดย เอเชียอันเฮดจ์ 10 กรกฎาคม 2558 23:29 น.

    [​IMG]
    @แจ๊ก ลูว์

    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ Asia Times)

    Jack Lew checks the tea leaves on China s economy
    By Asia Unhedged
    08/07/2015

    ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ของจีนอยู่ในช่วงดำดิ่งอย่างน่ากลัวในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แจ๊ก ลูว์ ขุนคลังสหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวแสดงความกังวลดังๆ เมื่อวันพุธ (8 ก.ค.) ว่า เรื่องนี้อาจสร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจจีนโดยรวม ทั้งนี้ไม่เฉพาะรัฐมนตรีว่าการคลังอเมริกันเท่านั้น พวกนักเศรษฐศาสตร์ในโลกตะวันตกต่างพากันพูดถึงประเด็นนี้ โดยที่มีความเห็นแตกต่างกันไป

    รัฐมนตรีคลัง แจ๊ก ลูว์ (Jack Lew) ของสหรัฐฯ กล่าวแสดงความกังวลออกมาดังๆ ว่า การที่ตลาดหุ้นจีนซวดเซหนักหน่วงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อาจส่งผลกระทบกระเทือนสร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจของแดนมังกร อีกทั้งยังเป็นการบั่นทอนความพยายามของปักกิ่งที่จะทำการปฏิรูปเศรษฐกิจ

    “เป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวลจริงๆ ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะมีความหมายอย่างไรต่อการเติบโตในระยะยาวในประเทศจีน” ลูว์ กล่าวเช่นนี้ในงานประชุมว่าด้วยเสถียรภาพทางการเงินงานหนึ่ง ซึ่งจัดขึ้นในกรุงวอชิงตันเมื่อวันพุธ (8 ก.ค.) (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Washington worries China stock crash could hit Chinese economy | Reuters) เขายังพูดต่อไปอีกว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นบททดสอบความสามารถในการบริหารจัดการเศรษฐกิจของจีน

    “ทางผู้วางนโยบายของจีนจะตอบโต้รับมือกับเรื่องนี้อย่างไร และมันจะส่งผลกระทบอะไรบ้างต่อเงื่อนไขแกนกลางต่างๆ ของเศรษฐกิจจีน?” ลูว์ ตั้งคำถาม

    การดำดิ่งของตลาดหุ้นจีนระลอกนี้จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของแดนมังกรอย่างไรบ้าง? คำถามนี้พวกนักเศรษฐศาสตร์ที่ติดตามความเป็นไปของจีนหลายราย อย่างเช่น เว่ย เหยา (Wei Yao) นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งประจำอยู่ที่กรุงปารีสของธนาคารโซซิเอเต เยเนรัล (Societe Generale) ได้ออกความเห็นตอบโต้การเล็งการณ์ในแง่ร้าย โดยชี้ว่าขณะที่การดำดิ่งของตลาดย่อมเป็นสถานการณ์ซึ่งสร้างความเจ็บปวดเสียหายอย่างไม่ต้องสงสัย (เป็นต้นว่า อัตราเติบโตแท้จริงในจีดีพีของจีนในรอบระยะเวลา 12 เดือนจากนี้ไป อาจจะหดหายไปราวๆ 0.5 – 1% ทีเดียว) ทว่าความเสียหายซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะหน้าเหล่านี้ ทางการจีนน่าจะสามารถรับมือจัดการได้

    เธออธิบายว่า เหตุผลที่เธอคิดเห็นเช่นนี้ เนื่องมาจากถึงแม้ปัจจุบันมีครัวเรือนชาวจีนมากขึ้นซึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ทว่าก็ต้องถือว่าจำนวนที่ยังค่อนข้างน้อยอยู่

    อย่างไรก็ตาม มีคนอื่นๆ ซึ่งบอกว่า การตกฮวบของตลาดหลักทรัพย์ กลายเป็นการเพิ่มปัจจัยสร้างความเสียหายอย่างใหญ่โตอีกประการหนึ่งให้แก่เศรษฐกิจของจีน หนึ่งในผู้มีความเห็นแนวนี้ได้แก่ ราจิฟ บิสวอส (Rajiv Biswas) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ติดตามภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก อยู่ที่บริษัทวิเคราะห์วิจัย ไอเอชเอส (IHS) บิสวอสบอกกับ “ดอยเช่อ เวลเล่อ” สถานีวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติเยอรมนี ระหว่างการให้สัมภาษณ์ในวันอังคาร (7 ก.ค.) ว่า การเซซวดของตลาดหุ้น ได้สร้างความเสียหายทางการเงินให้แก่พวกนักลงทุนชาวจีนที่นิยมใช้เงินกู้มาเล่นหุ้น และนี่ก็ทำให้เศรษฐกิจจีนต้องเผชิญปัญหาความไม่สมดุลอันสำคัญอีกอย่างหนึ่ง เพิ่มเติมขึ้นมาจากความไม่สมดุลเดิมๆ เป็นต้นว่า การทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้านที่อยู่อาศัย, อัตราเติบโตที่กำลังอ่อนตัวลงของการใช้จ่ายเพื่อการลงทุน, การที่พวก “ธนาคารเงา” ปล่อยกู้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงระหว่างปี 2010-2014 โดยที่แทบไม่ถูกจัดระเบียบกำกับตรวจสอบเอาเลยจวบจนกระทั่งในช่วงหลังๆ มานี้ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Why do Chinese stocks keep tumbling? | Asia | DW.COM | 07.07.2015)

    บิสวอสยังเตือนด้วยว่า มีความเสี่ยงถึง 25% ที่ในช่วง 2 ถึง 3 ปีข้างหน้านี้ เศรษฐกิจจีนจะเกิดการชะลอตัวแบบทรุดฮวบรวดเร็ว (hard-landing) และนั่นก็จะส่งผลกระทบกระเทือนอย่างสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวมอีกด้วย

    เอเชียอันเฮดจ์นั้นไม่เห็นด้วยกับประเมินแบบพวกมองการณ์แง่ร้ายมืดมนไปหมดของบิสวอน แต่ก็มองว่า ธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (People’s Bank of China ใช้อักษรย่อว่า PBOC) ซึ่งเป็นแบงก์ชาติของแดนมังกร ต้องเคลื่อนไหวแบบตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในแนวรบด้านการเงิน ถ้าหากจะควบคุมวิกฤตในปัจจุบันให้อยู่หมัด ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ เอเชียอันเฮดจ์ได้ชี้ไว้แล้ว ถึงผลกระทบในทางลบของการที่อัตราดอกเบี้ยแท้จริงและอัตราแลกเปลี่ยนของจีนขึ้นสูงอย่างไม่สมควรและอย่างไม่ถูกจังหวะเวลา ตลอดจนผลร้ายของเรื่องเหล่านี้ซึ่งมีต่อการส่งออกของจีน ความผิดพลาดอย่างไม่สมควรอีกประการหนึ่ง ได้แก่ความดื้อรั้นของธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน ที่ยังคงประคับประคองให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนกับเงินดอลลาร์ เคลื่อนไหวได้เพียงในช่วงที่แคบมากๆ

    PBOC ยังคงรักษาเรื่องนี้เอาไว้กระทั่งหลังจากที่ไอเอ็มเอฟได้ให้คำรับรองเมื่อเร็วๆ นี้แล้วว่า ปัจจุบันเงินหยวน “มีมูลค่าที่เหมาะสมแล้ว”

    (จากคอลัมน์ Asia Unhedged ในเอเชียไทมส์)


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข่าวกรองเผยโจมตีทางอากาศปลิดชีพ “ผู้บัญชาการไอเอส” ในอัฟกัน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 กรกฎาคม 2558 19:44 น.

    [​IMG]
    @ ชาฮีดุลเลาะห์ ชาฮิด หนึ่งในผู้บัญชาการของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในภาคตะวันออกของอัฟกานิสถาน ซึ่งถูกโดรนสังหารในรอบสัปดาห์นี้

    รอยเตอร์ – เจ้าหน้าที่ข่าวกรองเปิดเผยในวันนี้ (11) ว่า ผู้บัญชาการอาวุโสรายหนึ่งของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ถูกสังหารในการโจมตีทางอากาศที่ภาคตะวันออกของอัฟกานิสถาน ซึ่งถือเป็นสมาชิกระดับสูงรายที่ 4 ของกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ที่ถูกสังหารในพื้นที่ดังกล่าวในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

    ฮาเฟซ ซาอีด เป็นผู้นำของกลุ่มไอเอสใน “รัฐโคราซาน” ซึ่งเป็นคำศัพท์เก่าที่ใช้อธิบายถึงอัฟกานิสถานและปากีสถาน ทั้งนี้อ้างจากศูนย์อำนวยการความมั่นคงแห่งของอัฟกานิสถาน (NDS)

    เขาถูกสังหารพร้อมกับนักรบอีก 30 ราย ขณะที่พวกเขารวมตัวกันในเขตอาชินของจังหวัดนันการ์ฮาร์เมื่อค่ำวานนี้ (10) สำนักงานข่าวกรองระบุ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโจมตีดังกล่าว

    ซาอีด ซึ่งเป็นชาวปากีสถาน อยู่ในหมู่พวกนักรบตอลิบานอาวุโสกลุ่มเล็กๆ แต่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งได้หันไปสวามิภักดิ์กับกลุ่มไอเอสในอัฟกานิสถาน

    บุคคลสำคัญพวกนี้เป็นเป้าหมายการโจมตีของโดรนสหรัฐฯ ซึ่งสังหารผู้บัญชาการของกลุ่มไอเอสไปแล้ว 3 คนในพื้นที่นี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึง ชาฮีดุลเลาะห์ ชาฮิด และ กูล ซามาน

    หลังจากขับไล่กลุ่มกบฏตอลิบานออกไป ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมากลุ่มไอเอสได้ยึดพื้นที่ในหลายเขตของจังหวัดนันการ์ฮาร์ ซึ่งมีพรมแดนเป็นแนวยาวและเปราะบางติดกับพื้นที่ไร้ขื่อแปภายในปากีสถาน

    เขตอาชินตกเป้นของกลุ่มไอเอสเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากที่เกิดการปะทะอย่างหนักหน่วงกับกลุ่มตอลิบาน

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000078530
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไม่เคยพบเคยเห็น! เจ้าพระยา-สะแกกรังแห้ง แพข้ามฝั่งเชื่อมอุทัยฯ-ชัยนาท หยุดไร้กำหนด โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 กรกฎาคม 2558 09:17 น. (แก้ไขล่าสุด 11 กรกฎาคม 2558 11:03 น.)

    [​IMG]

    อุทัยธานี - ระดับน้ำจุดบรรจบกันระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยา-สะแกกรัง ลดฮวบแบบไม่เคยพบเคยเห็นกันมาก่อน จนสันดอนทรายโผล่ ชุมทางแพขนานยนต์เชื่อมอุทัยฯ-ชัยนาท ต้องหยุดให้บริการแบบไม่มีกำหนด ทำร้านค้า ร้านอาหาร ของที่ระลึกริมฝั่งปิดตัวกันระนาว

    [​IMG]

    วันนี้ (11 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ระดับน้ำบริเวณจุดบรรจบระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยา กับแม่น้ำสะแกกรัง บ้านท่าซุง หมู่ที่ 1 ต.ท่าซุง อ.เมือง อุทัยธานี จุดสำคัญที่ประชาชนจะใช้เป็นเส้นทางลัดใช้บริการแพขนานยนต์โดยสารบรรทุกรถยนต์ และพืชผลทางการเกษตรข้ามฟากผ่านไปทาง อ.มโนรมณ์ จ.ชัยนาท เพื่อเดินไปจังหวัดต่างๆ และกรุงเทพฯ ลดลงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มีสันดอนทรายกลางแม่น้ำแล้ว ชาวบ้านริมน้ำบอกว่าดูจากระดับน้ำที่ลดลงแล้วคาดว่าจะหนักที่สุดในรอบ 50 ปี

    ซึ่งระดับน้ำที่ลดลงดังกล่าว ทำให้แพขนานยนต์ต้องหยุดให้บริการมากว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากระดับน้ำลดจนเกิดสันดอนกลางแม่น้ำ และปริมาณน้ำต่ำกว่าตลิ่งมากจนไม่สามารถเทียบท่าได้ โดยจะปิดให้บริการอย่างไม่มีกำหนด หรือจนกว่าระดับน้ำจะสูงขึ้นในระดับที่แพขนานยนต์จะวิ่งผ่าน และเทียบท่าได้

    เบื้องต้น คาดว่าหากฝนไม่ตก เขื่อนภูมิพลไม่เปิดการระบายน้ำลงมาเพิ่มก็จะใช้เวลาอีกยาวนาน ทำให้ประชาชนทั้งสองฝั่งที่เคยใช้บริการนำรถยนต์ข้ามฟากต้องขับรถอ้อมไปใช้สะพานท่าน้ำอ้อยทางทิศเหนือ และสะพานธรรมามูลทางทิศใต้ ที่มีระยะทางห่างออกไปอีกกว่า 30 กิโลเมตร เพื่อข้ามฟากแทน ทำให้ต้องเสียเวลา และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

    นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ร้านค้าทั้งร้านอาหาร ร้านขายของฝากต่างๆ บริเวณท่าเทียบเรือทั้ง 2 ฝั่ง ต้องปิดร้านกันชั่วคราวไปกว่า 30 ร้าน ส่งผลให้ขาดรายได้จากการค้าขายไป และต้องหันไปหางานรับจ้างอย่างอื่นแทน


    http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000078363
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คนอุทัยฯ เฮ! ฝนหลวงบิน 108 เที่ยว ทำฝนโปรยน้ำขังนา-ชุบชีวิตต้นข้าวแล้ว โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กรกฎาคม 2558 09:57 น. (แก้ไขล่าสุด 10 กรกฎาคม 2558 10:40 น.)

    [​IMG]

    อุทัยธานี - ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษเมืองปากน้ำโพขึ้นบินปฏิบัติการ 108 เที่ยวใน 9 วัน ทำฝนโปรยเล็กน้อย-ปานกลางต่อเนื่อง จนมีน้ำขังท้องนา ฟื้นต้นข้าวก่อนแห้งตายแล้ว แต่อ่างเก็บน้ำยังวิกฤตไม่มีน้ำใหม่ไหลเข้า

    วันนี้ (10 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระมหากรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจัดตั้งศูนย์ฝนหลวงพิเศษ ซึ่งมีฐานบินอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ พร้อมด้วยเครื่องบินทำฝนหลวงอีกจำนวน 4 ลำ ปรับแผนปฏิบัติการทำฝนเพื่อเข้าช่วยเหลือภัยแล้งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และพื้นที่การเกษตรภาคกลางทั้ง 14 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี จังหวัดอ่างทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดสระบุรี จังหวัดนครปฐม จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร

    โดยเริ่มปฏิบัติการทำฝนหลวงมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นมา ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1-9 ก.ค.ได้ทำการบินโปรยสารเคมีทำฝนหลวงวันละ 12 เที่ยวบิน รวม 108 เที่ยวบิน โดยร้อยละ 50 จะขึ้นบินโปรยสารเคมีในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานีทางทิศตะวันตกในพื้นที่เขตรักษาป่าห้วยขาแข้งทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งเป็นต้นลม ที่จะให้มีฝนตกในพื้นที่ทั้ง 14 จังหวัดภาคกลาง

    ปรากฏว่าปฏิบัติการทำฝนหลวงที่ผ่านมาทำให้มีฝนตกลงเล็กน้อย-ปานกลาง ตามแนวเทือกเขาป่าห้วยขาแข้ง และในอีกหลายพื้นที่ เช่น อ.ห้วยคต อ.หนองฉาง ต่อเนื่องติดต่อกัน 3-4 วันแล้ว ทำให้พอมีน้ำขังในแปลงนาหล่อเลี้ยงต้นข้าวก่อนแห้งตาย

    อย่างไรก็ตาม การทำฝนหลวงที่ผ่านมายังไม่สามารถทำให้น้ำไหลเข้าเติมอ่างเก็บน้ำเพื่อการเกษตรของชลประทาน ทั้งอ่างเก็บน้ำทับเสลา อ.ลานสัก และอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้ว อ.ห้วยคต แต่อย่างใด จึงทำให้อ่างเก็บน้ำดังกล่าวยังคงวิกฤตอย่างหนัก

    http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000077962
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำอูนเขตอำเภอศรีสงครามแห้งขอด ชี้แล้งหนักในรอบ 50 ปี โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กรกฎาคม 2558 16:18 น.

    [​IMG]

    นครพนม - ลำน้ำอูน อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม แห้งหนักในรอบ 50 ปี เผยเครื่องสูบน้ำด้วยไฟฟ้าผันน้ำช่วยเกษตรกรไม่ได้ นายอำเภอศรีสงครามรุดตรวจสอบแก้ไข ชี้ผลกระทบทั้งนาข้าว เลี้ยงปลากระชัง และการใช้น้ำอุปโภค บริโภค

    วันนี้ (10 ก.ค.58) สถานการณ์ภัยแล้งที่ จ.นครพนม ถึงแม้ว่าจะมีฝนตกติดต่อกัน 2-3 วันแล้ว แต่ปริมาณน้ำฝนยังไม่เพียงพอกับความต้องการของเกษตรกรที่ทำเกษตรกรรมได้ โดยพื้นที่ทำนาที่อยู่ในที่สูงรองรับน้ำได้ไม่มากนัก บางพื้นที่ต้นข้าวขาดน้ำกำลังจะแห้งตาย บางแห่งท้องนาดินแตกระแหงขาดน้ำ ซึ่งทางจังหวัดนครพนมโดยนายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กำชับให้ทุกอำเภอหาทางช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อน

    ล่าสุดชาวบ้านบ้านดอนสมอ หมู่ 1,7 ต.ท่าบ่อสงคราม อ.ศรีสงคราม แจ้งว่า น้ำในลำน้ำอูนแห้งขอด สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านดอนสมอไม่สามารถสูบน้ำไปหล่อเลี้ยงนาข้าวได้ โดยนายกนก ศรีวิชัยนันท์ นายอำเภอศรีสงครามพร้อมเจ้าหน้าที่ เดินทางไปตรวจสอบตามที่ชาวบ้านแจ้ง พบลำน้ำอูนแห้งขอด ฝายกั้นน้ำเสื่อมสภาพ เครื่องสูบน้ำเกยตื้น ไม่สามารถสูบน้ำไปหล่อเลี้ยงนาข้าว เกือบ 3,000 ไร่ได้

    ทั้งนี้ นายอำเภอศรีสงคราม จึงได้ประสานกรมชลประทานให้ปิดประตูน้ำอูนลง และจะประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องนำกระสอบทรายมาทำฝายกั้นน้ำให้สูงขึ้น เพื่อให้โป๊ะเครื่องสูบลอยน้ำ สามารถสูบน้ำให้กับชาวนาที่เดือดร้อนอย่างเร่งด่วน

    ด้านายเรืองชัย อินทรประเสริฐ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดมากว่า 54 ปีแล้ว ไม่เคยพบว่าลำน้ำอูนแห้งมากขนาดนี้ ในช่วงเดือนนี้เมื่อปีที่แล้วน้ำเต็มฝั่งไม่มีปัญหาเรื่องสูบน้ำไปใส่ในนาข้าว แต่ปีนี้แล้งมากไม่เคยพบมาก่อน นอกจากกระทบต่อชาวนาแล้ว ยังเดือดร้อนต่อชาวประมงหาปลา และเลี้ยงปลาในกระชังด้วย

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้ว่าฯ อยุธยา ลงตรวจแม่น้ำน้อยในเสนา หลังได้รับผลกระทบน้ำแล้งหนัก โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 กรกฎาคม 2558 17:13 น.

    [​IMG]

    พระนครศรีอยุธยา - ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ตรวจแม่น้ำน้อยและประตูระบายน้ำเชื่อมคลองต่างๆ ในพื้นที่อำเภอเสนา หลังได้รับผลกระทบน้ำแล้งหนัก

    [​IMG]

    วันนี้ (11 ก.ค.) นายอภิชาติ โตลิดกเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจแม่น้ำน้อยในพื้นที่ อ.เสนา และประตูระบายน้ำต่างๆ ที่เชื่อมน้ำจากแม่น้ำไหลเข้าสู่คลองสาขาต่างๆ ที่แม่น้ำน้อยไหลผ่าน โดยแม่น้ำน้อยมีความยาวไหลผ่าน จ.พระนครศรีอยุธยา ถึง 32 กิโลเมตร โดยอำเภอที่ต้องใช้น้ำจากแม่น้ำน้อยได้แก่ อ.บางบาล อ.ผักไห่ และ อ.เสนา

    นายอภิชาติ โตลิดกเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่สำรวจแม่น้ำน้อยในพื้นที่ อ.เสนา และประตูระบายน้ำที่เชื่อมกับแม่น้ำน้อยและไหลเข้าสู่คลองสาขาต่างๆ ที่ไหลผ่านมีความยาว 32 กิโลเมตร ซึ่งมี อ.บางบาล อ.ผักไห่ และ อ.เสนา ต้องใช้น้ำจากแม่น้ำน้อย โดยพบว่าระดับน้ำในคลองสาขาที่ไหลส่งมาจากแม่น้ำ ล่าสุดมีปริมาณน้ำเหลือน้อยมาก ทำให้เกษตรกรทั้ง 3 อำเภอปลูกข้าวก่อนที่กรมชลประทานประกาศมีกว่า 2 แสนไร่ ส่วนใหญ่กำลังตั้งท้อง จึงทำให้ชาวนาต้องแย่งกันสูบน้ำ

    "ได้สั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอที่เสี่ยงกับการขาดน้ำของเกษตรกรต้องลงมือควบคุมการสูบน้ำด้วยตนเองเพื่อไม่ให้การสูบน้ำกลายเป็นการแย่งน้ำ เกษตรกรที่อยู่ปลายน้ำจะได้น้ำเท่าเทียมกันหมดและยังเป็นการลดการเสี่ยงในการสูญเสียข้าวที่กำลังตั้งท้องไม่ให้เสียหายทั้งหมด"

    ด้านนายสมจิต มงคลหมู่ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.รางจระเข้ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุะยา กล่าวว่า ปีนี้คลองชลประทานน้ำแห้งแล้งที่สุดไม่สามารถส่งน้ำต่อไปยังคลองสาขาได้ ถือว่าเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เชื่อว่า ภายใน 7 วันหากน้ำยังไม่มีเพิ่ม และฝนยังไม่ตก ชาวนาต้องเตรียมรับมือกับความเสียหายทั้งหมด

    http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000078498
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    อัพเดทข่าว "อุยกูร์" : ปธน.ตุรกียอมรับว่ารายงานที่กล่าวหาจีนแบนถือศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอนในชินเจียงอุยกูร์นั้น ไม่เป็นความจริง จีนจวกกลับตุรกีและพวกบิดเบือนข่าวว่ามีการเมืองอยู่เบื้องหลัง ชัดนะ!

    [​IMG]

    -------------
    + บทนำ
    -------------
    มีข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องอุยกูร์ทั้งในตุรกีและจีน มาเล่าให้ฟังต่อ หลังจากที่มีข่าวไทยส่งตัวผู้กระทำผิดกฎหมายชาวอุยกูร์แล้วหลบหนีเข้าเมืองไทยอย่างผิดกฎหมายกลับไปประเทศจีน และลุงตู่ก็ได้ชี้แจงไปแล้ว ไม่วายที่สื่อฯขี้ข้าอเมริกาจะเอาประเด็นนี้ไปขยายความต่ออีก ส่วนพวกสมุนกระเป๋งอเมริกาก็เที่ยวปล่อยข่าวลวง บิดเบือนข้อมูล ใส่ร้ายจีนและไทยตามโซเชียลมีเดีย หวังจะให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศและกลายเป็นประเด็นทางศาสนาต่อไปอีก (มันมีความสุขกันมากนักหรือไงนะที่ได้แสดงพฤติกรรมที่น่ารังเกียจเช่นนั้นออกมา? ไม่เข้าใจพวกนี้จริงๆ!) ไม่เป็นไร งั้นเราก็จะเอาความจริงมาแสดงให้สังคมได้รับรู้ ดูซิว่าพวกนี้จะแถ จะบิดเบือนต่อไปได้อีกซักกี่น้ำ
    มีอยู่ประมาณ 5 ข่าว ยาวเหมือนกันนะ แต่ก็จะพยายามพูดให้สั้นๆ กระชับ และเก็บประเด็นให้ครบนะครับ แต่ถ้าสั้นเกินไปก็ไม่หนุกอ่ะ (หมายถึงข่าวนะครับ อย่าไปคิดถึงอย่างอื่นหละ คริๆ ไม่ใช่ จ.ปืนสั้นปืนจิ๋วอะไรนั่นนะ ฮี่ๆๆ จนได้)

    [​IMG]

    หลังจากที่กลุ่มหัวรุนแรงไล่ทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวจีนในตุรกี และถูกจีนออกมาตำหนิและประณามอย่างหนัก ทางกลุ่มผู้ประท้วงพยายามที่จะอำพรางการก่อเหตุของตนด้วยการออกมาประท้วงตำหนิรัฐบาลจีนและไทยเกี่ยวกับการส่งตัวผู้กระทำผิดกฎหมายกลับประเทศจีนโดยอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชนบังหน้า ทางไทยก็ระมัดระวังในการใช้คำพูดที่จะไม่ให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยใช้ความว่า "ผ่านการพิสูจน์สัญชาติ" แทน ซึ่งเป็นการรักษาน้ำใจด้วยกันทุกฝ่าย แต่อีกฝ่ายหนึ่งเหมือนไม่เข้าใจหรือไม่ยอมรับรู้ในการส่งสัญญาณที่แสดงออกถึงเจตนาดีในมิตรภาพระหว่างประเทศ ถ้าจะว่ากันจริงๆ แล้วก็คือ "ขั้นตอนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน" กลับไปรับโทษที่จีนนั่นแหละ
    ก็จีนเขามีหลักฐานชัดเจนว่าใครบ้างที่กระผิดกฎหมายของเขา เช่นก่อเหตุหรือมีส่วนร่วมในการก่อเหตุร้ายสร้างสถานการณ์ก่อการร้ายในประเทศจีน ไทยและจีนอุตส่าห์ไม่ใช้คำนี้แล้ว เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและไม่อยากให้สถานการณ์บานปลายออกไป แต่ดูเหมือนว่าทางตุรกีจะไม่เข้าใจในเจตนาดีนี้เอาซะเลย เล่นออกมาแถลงข่าวตำหนิจีน เพียงเพราะเสพข่าวลือที่ไม่มีที่มาที่ไป หาหลักฐานไม่ได้ว่าจีนสั่งห้ามประกอบพิธีทางศาสนาของบางศาสนาตั้งแต่เมื่อไร
    พอถูกจีนโต้กลับว่า "เอาหลักฐานมาสิที่ว่าจีนสั่งห้ามหนะ!" จ๋อย! แต่ยังแถไปเรื่องใหม่อีกหันมาเล่นเรื่องการส่งตัว "ผู้ร้ายข้ามแดน" กลับไปรับโทษที่จีนว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศซะงั้น ซึ่งหัวเรือใหญ่ในเรื่องนี้ก็คือสหรัฐฯกับ UNHCR นั่นแหละ
    + ปธน.ตุรกียอมรับว่าข่าวลือไม่เป็นความจริง
    -------------
    เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ประธานาธิบดี Recep Tayyip Erdoğan ของตุรกีออกมายอมรับว่าข่าวที่ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้านี้นั้น "ไม่มีมูลความจริง" (inaccurate) โดยสำนักข่าว Hurriyet Daily News ของตุรกีรายงานว่า รายงานข่าวจำนวนมากที่กล่าวหาจีนว่าเข้มงวดในกลุ่มมุสลิมอุยกูร์ในช่วงที่มีพิธีถือศีลอดในเดือนรอมฎอนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์นั้น "ไม่ได้สะท้อนถึงความเป็นจริง" (not reflect reality) ปธานาธิบดี Recep Tayyip Erdoğan แถลงการณ์ในระหว่างที่มีการชุมนุมประท้วงต่อต้านจีน (anti-Chinese demonstrations) ของกลุ่มชาตินิยมชาวตุรกี ซึ่งแถลงในช่วงเย็นวันท่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ปธน. Erdoğan ได้ออกมาเรียกร้องว่า "ตนเองมีกำหนดการจะเดินทางไปเยี่ยมจีนภายในไม่กี่วันนี้ และได้อธิบายช่วงเวลาการเกิดเหตุเมื่อเร็วๆนี้ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติต่อชาวอุยกูร์ของกรุงปักกิ่งว่า meaningful (มีความหมาย/สำคัญ/ถูกต้อง/สมเหตุสมผล/เหมาะสม)"
    ปธน. Erdoğan กล่าวต่ออีกว่า "อย่างไรก็ตาม การสร้างภาพให้ใหญ่โตออกไปและประโคมข่าวในสื่อฯต่างๆได้ทำให้เกิดความรู้สึกว่ามีแนวโน้มที่เป็นไปได้ในการแสวงหาผลประโยชน์อย่างจงใจหรือไม่?" (ท่านตั้งคำถามกับใครหรือครับ? สื่อฯที่ประโคมข่าวเป็นของพวกท่านเองและของสหรัฐฯแลตะวันตกไม่ใช่รึ? ถ้าอย่างนั้นท่านคงพอจะทราบแล้วสินะครับว่าพวกที่ประโคมข่าวบิดเบือนข่าวพวกนั้นมีเจตนาแอบแฝงบางอย่าง เหมือนสื่อฯขี้หมาแห้งแถวๆบ้านเรานี่แหละ ฮื่ม! ขอบคุณท่านปธน.ที่มองภาพออกว่าเป็นเกมของใคร) อ้อ… สำหรับเรื่องการโจมตีนักท่องเที่ยวจีนนั้น สื่อฯตุรกีบอกชัดเลยนะว่าเป็นฝีมือของ "กลุ่มผู้ประท้วงโปร-อุยกูร์" (pro-Uighur protesters) ชัดนะ! ตรงกับที่ลุงตู่ใหัสัมภาษณ์กับสื่อฯวันก่อนเป๊ะเลย
    ต่อกรณีของการทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวจีนนั้น ปธน. Erdoğan กล่าวว่า "ผมขอเรียกร้องให้ประชาชนระมัดระวังในเรื่องนี้ ผมขอร้องให้ประชาชนอย่าได้ตกเป็นเหยื่อของพวกหวังก่อกวนทางการเมือง การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของแขกชาวเอเซียตะวันออกของพวกเรา ที่เข้ามาทำงาน ท่องเที่ยวในประเทศของพวกเรานั้นถือว่าเป็นเกียรติของพวกเรา"
    น่าสังเกตเป็นอย่างมากว่าจู่ก็มีการปล่อยข่าวบิดเบือนใส่ร้ายจีน และตามด้วยการบิดเบือนกฎหมายระหว่างประเทศโดยชูเรื่องสิทธิมนุษชนบังหน้าอีกครั้งในกรณีที่ไทยส่งตัวผู้หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายกลับไปที่จีน ก่อนหน้าที่ปธน.ตุรกีจะเดินทางไปเยี่ยมจีน สหรัฐฯวางแผนเอาไว้แล้ว ต้องการที่จะให้จีนกับตุรกีเก็บความบาดหมางใจกันในเรื่องอุยกูร์ขึ้นมาให้ได้ เพราะว่ามันจะได้กระทบกับความร่วมมือในโครงการเส้นทางสายไหมระหว่างจีน-ตุรกีด้วย และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของทั้งสองประเทศด้วย คอยดูว่าจีนจะสั่งสอนตุรกีอย่างไรบ้าง
    + ปธน.ตุรกีให้ความมั่นใจในการคุ้มครองสถานทูตต่างประเทศ แม้จะช้าไปหน่อย
    -------------
    ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ประท้วงบุกเข้าไปทำลายสถานทูตและสถานกงศุลใหญ่ของไทยในนครอิสตันบูลนั้น ปธน. Erdoğan กล่าวว่า "พวกเราสามารถส่งเสียงของเราต่อต้านความอยุติธรรมได้ (เขาพูดเพื่อเอาใจพวกอุยกูร์ โดยใช้ไทยเป็นเครื่องมือ ซึ่งจริงๆเขาก็รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร เขาไม่พูดถึงการกระทำที่ไม่ยุติธรรมของพวกที่ก่อคดีก่อเหตุซึ่งเป็นชาวอุยกูร์ แต่พูดเหมือนกับว่าไทยไม่ยุติธรรมที่ส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปให้จีน นักการเมืองก็เป็นอย่างนี้แหละ ไม่ต้องแปลกใจ ก็ต้องเข้าใจสถานะของเขาด้วย ก็คงถูกบีบมาจากฐานเสียงเช่นกัน) แต่พวกเราก็ต้องระมัดระวังกับรายงานที่เป็นการยั่วยุ (provocative reports) (เสียงนี้จะได้ยินทะลุหูของพวกสื่อฯจอมเสี้ยมทั้งหลายในประเทศไทยบ้างหรือไม่หนอ?) มันเป็นเกียรติของพวกเราที่จะปกป้องคณะทูตชาวต่างชาติ มันเป็นเกียรติของพวกเราที่จะปกป้องคณะทูตของต่างชาติและลูกจ้างของพวกเขาในตุรกี ผมได้แจ้งให้กับคณะทูตและนักท่องเที่ยวของทุกประเทศในตุรกีว่า พวกเขาจะปลอดภัยและไร้กังวลในที่นี่ เราจะไม่อดทนอดกลั้นกับเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ใดๆทั้งนั้น"
    แต่ท่านก็ปล่อยให้มันเกิดขึ้น! แม้ว่าท่านจะออกมาพูดปลอบใจในภายหลัง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความน่าอับอายในฐานะผู้นำประเทศ และประเทศของท่านที่จะต้องเผชิญเลือนหายไป ไม่ว่ารัฐบาลของท่านจะมีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์นั้นด้วยหรือไม่ แต่มันก็ได้พิสูจน์แล้วว่าระบบการให้ความคุ้มครองสถานทูตต่างประเทศภายในประเทศของท่านนั้นเป็นเช่นไร แต่ก็ยังดีที่ท่านออกมายอมรับสู้กับความจริง และห้ามปรามไม่ให้เหตุการณ์รุกลามบานปลายไปกว่านี้
    + สื่อฯจีนเตือนตุรกี อย่าชี้นิ้วมาที่เรื่องการส่งตัวผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายกลับไปที่จีน
    -------------
    บทบรรณาธิของหนังสือพิมพ์ Global Times ในเครือ หนังสือพิมพ์ People's Daily Online ของจีนขึ้นชื่อเรื่องว่า "Turkey cannot point finger at deportations" โดยเนื้อหาช่วงต้นเป็นการพูดถึงการส่งตัวชาวอุยกูร์ที่เป็นพลเมืองของจีนจำนวน 100 คนกลับไปที่จีนเมื่อวันพุธที่ผ่านมาซึ่งเป็นชาวอุยกูร์ที่หลบหนีเข้ามาในไทยอย่าง "ผิดกฎหมาย" (จีนใช้คำว่า illegal immigrants - ผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย) จากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ตามที่เคยแจ้งให้ทราบในโพสต์ข่าวเกี่ยวกับอุยกูร์ก่อนหน้านี้ โดยรายงานถึงการโจมตีสถานทูตไทยในอิสตันบูลซึ่งจีนเรียกกลุ่มผู้ก่อเหตุเหล่านั้นว่า "Pan-Turkish" (ในขณะที่สื่อฯตุรกีเรียกว่า "โปร-อุยกูร์")
    สื่อฯจีนรายงานว่า เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าผู้ที่หลบหนีออกนอกประเทศซึ่งถือสัญชาติตุรกี (Turkish citizens) เหล่านั้นส่วนมากแล้วเป็นพวกผู้อพยบอย่างผิดกฎหมายจากจีน เจ้าหน้าที่รัฐบาลตุรกีได้ให้การช่วยเหลือพวกเขาในการเปลี่ยนสัญชาติให้กับพวกเขา (ปัญหาก็มีอยู่ว่าแล้วรัฐบาลตุรกีไปให้สัญชาติชาวอุยกูร์ได้อย่างไร? ความเป็นไปได้อาจจะมีอยู่สองกรณีคือ 1.) ทำที่สถานทูตของตุรกีในจีนนั่นแหละ 2.) หรือทำที่ตุรกี คือให้พวกอุยกูร์เหล่านั้นเดินทางไปที่ตุรกีก่อน จากนั้นก็เปลี่ยนสัญชาติหรือถือหนังสือเดินทางสองใบทั้งของจีนและของตุรกี แล้วก็เดินทางกลับไปที่ซินเจียง แล้วก็ก่อเหตุ และหลบหนีออกมา นี่สำหรับผู้ที่มีคดีติดตัวมาด้วยนะ ไปที่ไหนไม่ไปดันมาที่เมืองไทย อ้างว่าจะเดินทางต่อไปที่มาเลย์เซีย แล้วสื่อฯบางสำนักก็ลงข่าวอีกว่ามีเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพื่อที่จะทำให้ไทยถูกมองอีกว่าในเรื่องนี้เป็นการค้ามนุษย์ แล้วเราก็จะถูกสหรัฐฯและอียูหาเรื่องแบนสินค้าและอื่นๆโดยยกเรื่องสิทธิมนุษยชนขึ้นมาตำหนิไทยอีก กรรม! นี่แหละถึงได้บอกว่าสื่อฯขี้หมาแห้ง มันพากันคิดแต่จะเล่นข่าวเอามันอย่างเดียว ไม่คิดว่าจะมีผลกระทบอะไรตามมากันบ้างเลยหรือไง? หรือว่าพวกนี้ต้องการให้เป็นอย่างนั้น?)
    สื่อฯจีนรายงานต่ออีกว่า ไม่แปลกใจหรอกว่า "สหรัฐฯ" มีส่วนเกี่ยวข้องในข้อขัดแย้งนี้ด้วย การออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง "การละเมิดสิทธิมนุษยชน" ย้ำๆอยู่หลายครั้งนั้น การถกเถียงโต้แย้งกับพวกเขาเป็นเรื่องที่ "ไร้สาระ" (meaningless) (จริงป๊ะ สุเนียฯ? คริๆ)
    พวกกลุ่มสิทธิมนุษยชนบางกลุ่มออกมา (ปล่อยข่าวลวง) กล่าวอ้างว่า ชาวอุยกูร์เหล่านั้นจะเผชิญกับการทรมาน หรือหายสาบสูญไปหลังจากที่ส่งตัวกลับไปที่จีนแล้ว (เขานึกว่าจีนเป็นเจ้าหน้าที่ซีไอเอของสหรัฐฯหรือไง? คิดว่าตัวเองทำชั่วได้แล้ว คนอื่นจะทำนิสัยอย่างนั้นเหมือนกับพวกตัวเองหรือไงนะ?) สื่อฯจีนกล่าวต่ออีกว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเรื่องน่าขบขัน จีนได้ทำลายการใช้กำลังบังคับในการให้รับสารภาพในสถานที่คุมขังแล้ว (จีนก็ยอมรับว่าเคยมีในอดีต แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว จะมีแต่ก็คุกลับของซีไอเอเท่านั้น อเมริกาพยายามที่จะปิดบังความชั่วของตนแล้วก็ป้ายสีจีนด้วยข้อหาเดียวกันซะนี่) มันเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทีจะเที่ยวไล่เตะ (ก้น) ผู้ต้องสงสัยทั่วไปในทุกๆเรื่อง (เอ๊ะจีนเขากำลังพูดถึงประเทศไหนหรือเปล่านะที่มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องความโหดร้ายของตำรวจหนะ (police brutality) ประเทศไหนนะที่มีการเหยียดผิวมากที่สุดในโลกตอนนี้?)
    สื่อฯจีนกล่าวต่ออีกว่า "สิ่งที่น่าฉงนสงสัยมากที่สุดของตุรกีในวันนี้ก็คือ ความสัมพันธุระหว่างจีนกับตุรกีได้พัฒนามาเป็นอย่างดีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตุรกีกลายเป็นหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน ตุรกียังคงเป็นจุดสำคัญในโครงการเส้นทางสายไหมเส้นใหม่ที่ริเริ่มโดยจีน แต่พวกขบวนการ pan-Turkism กำลังบ้าคลั่งป่าเถื่อน" (But pan-Turkism is running wild.) (ว้าวววว จีนไม่ได้ด่าอย่างเดียวนะ แต่ยังพยายามชี้ให้ตุรกีเปิดหูเปิดตาดูผลประโยชน์ร่วมกันด้วยว่ามีมูลค่ามากและคุ้มค่าขนาดไหน หรือจะบ่อนทำลายผลประโยชน์ของชาติตนเพียงเพราะหูเบาหลงเชื่อคำยุของผู้ที่วางแผนอยู่เบื้องหลังขบวนการ pan-Turkism คิดเอาเองนะท่านผู้นำตุรกี)
    + จีนออกหมัดสั่งสอนตุรกี แย้มว่าอุยกูร์บางคนมีประวัติร่วมมือกับผู้ก่อการร้ายและไอซิส
    --------------
    ตรงนี้สำคัญมาก... สื่อฯจีนรายงานต่ออีกว่า พวกผู้อพยพหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายจากซินเจียงบางคนมีประวัติว่ามีส่วนร่วมในกิจกรรมของพวกผู้ก่อการร้าย บางคนไปไกลยิ่งกว่านั้นอีกคือเข้าร่วมกับพวกไอซิสโดยผ่านตุรกี พวกผู้ก่อนการร้ายเหล่านั้นก็แอบเดินทางกลับเข้าไปที่จีนโดยอาศัยเส้นทางเดิม การตัดเส้นทางของพวกผู้ก่อการร้ายเหล่านั้นถือว่าเป็นการกระทำที่ถูกกฎหมายโดยจีนและไทย ซึ่งเกี่ยวข้องกับความมั่นคงระดับชาติของจีน เช่นเดียวกับการต่อต้านการก่อการร้ายสากล (โอ้ว! มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆซะแล้วนะนี่ จีนเขาแฉเองเลยนะ พวกแกล้งโลกสวยตาใสทั้งหลายจะรู้บ้างไหมหนอว่ามัจจุราชได้เดินทางมาเคาะประตูอยู่หน้าบ้านท่านแล้ว?)
    จีนมองเรื่องนี้เกี่ยวกับการเมืองของตุรกีว่า "เพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง พวกนักการเมืองชาวตุรกีอาจจะสนับสนุนพวกหัวรุนแรงที่เข้าไปทำลายสถานกงศุลต่างประเทศ แต่ว่า หากไฟของกลุ่ม pan-Turkism ได้ถูกสุมขึ้นมาแล้ว ประเทศ (ตุรกี) เองนั้นแหละจะเป็นประเทศแรกที่จะถูกเผาไหม้ (ซะเอง)" (นี่จีนหวังดีนะถึงเตือนชาวตุรกีให้ได้รู้ถึงผลที่จะตามมาของการสนับสนุนพวกหัวรุนแรง)
    สื่อฯจีนกล่าวถึงกรณีความร่วมมือระหว่างไทย-จีนเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "การจัดการกับปัญหาผู้อพยพยหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ตามระเบียบแบบแผนของจีนและไทย ได้กลายเป็นข้อขัดแย้งในการรายงานข่าวของบางสำนักข่าว แต่จีนและไทยก็ไม่ได้ทำอะไรผิดในกรณีนี้เลย พวกเราเข้าใจดีว่าทำไมสังคมตุรกี ถึงมีปัญหาในเรื่องนี้ จีนจะยังคงรักษาหลักการของตน ส่วนสหรัฐนและพวกที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายนั้น จีนจะไม่สนใจพวกเขา (China will just ignore them)" (ฮี่ๆๆ เด็ดขาดมากครับเฮียสี ก็รู้ๆกันอยู่ว่าพวกนี้ก็แค่รับจ็อบออกงานอีเว้นต์เท่านั้นเอง จีนทำรายงานเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯออกมา พวกนักสิทธิมนุษยชนจอมปลอมรับจ้างเหล่านั้นเคยรู้บ้างหรือไม่? จีนจวกสหรัฐฯหน้าแตกยับไปแล้วในเรื่องนี้ แต่สหรัฐฯก็ยังด้านได้อายอดงัดเรื่องสิทธิมนุษยชนมาโจมตีจีนหวังจะกลบเกลื่อนกลิ่นโชยอันเน่าเฟะในประเทศตัวเอง ที่พูดมานี้จริงนะ เคยลงข่าวให้อ่านแล้วด้วย อเมริกาพูดไม่ออกซักคำ)
    + กระทรวงต่างประเทศจีนออกหน้าป้องไทย "กรุงปักกิ่งไม่ให้ความสนใจผู้ประท้วงเกี่ยวกับการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน"
    --------------
    ขอต่อให้อีกซักข่าวนะครับ เมื่อวันที่ 11 ก.ค.58 ที่ผ่านมาสำนักข่าว China Daily อ้างจากสำนักข่าว Xinhua ว่าเจ้ Hua Chunying โฆษกหญิงกระทรวงต่างประเทศของจีนแถลงข่าวว่า "พลเมืองชนกลุ่มน้อยชาวจีนที่ถูกส่งตัวกลับมาเหล่านี้เป็นพวกผู้อพยพหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งได้เดินทางไปอาศัยอยู่ในประเทศไทยในหลายช่องทางด้วยกัน พวกหลบหนีเข้าเมืองเหล่านี้ใช้หนังสือเดินทางปลอม ละเมิดกฎหมายและฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศในการเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศ"
    ก.ต่างประเทศของจีนออกแถลงการณ์หลังจากที่บางประเทศ ซึ่งรวมทั้งสหรัฐฯ ตุรกี ออกมาแสดงความกังวลของ UNHCR (เจ้าพ่อขบวนการค้ามนุษย์?) ต่อกรณีที่ไทยส่งตัวชาวอุยกูร์บางคนที่มีประวัติและเป็นพลเมืองของจีนกลับไปที่จีน เจ้หัวกล่าวว่า "รัฐบาลบางประเทศได้เพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงและให้สถานะแก่ผู้อพยพผิดกฎหมายเหล่านี้ว่าเป็น 'ผู้ลี้ภัย' (refugees) อย่างผิดๆ วิพากษ์วิจารณ์การบังคับใช้กฎหมายความร่วมมือระหว่างจีนและประเทศไทยและดึงเข้าสู่ปัญหาเรื่องการเมือง ประเทศเหล่านั้นแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ในกรณีหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย (illegal immigration) และการลักลอบเข้าเมือง และการละเมิดสนธิสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นอันตรายต่อความพยายามในความร่วมมือทั่วโลกในการต่อสู้กับการอพยพผิดกฎหมาย เรา จะ ไม่ ยอมรับ สิ่ง นั้น เด็ดขาด! (We will never accept it)" (ชัดเจนมากครับเจ้หัว)
    Hua Chunying ออกมาประณามการทำร้ายพลเมืองของจีนและสถานทูตของไทยเมื่อเร็วๆนี้ในตุรกี ซึ่งเนื่องมาจากการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีนว่า "เราให้ความสำคัญในคำสัญญาของรัฐบาลตุรกีเป็นอย่างมากที่จะไม่อนุญาตให้ผู้ใดมีส่วนร่วมในกิจกรรมก่อวินาศกรรมที่เป็นผลประโยชน์ของจีนในดินแดนของตุรกี และจีนขอเรียกร้องให้ตุรกีใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องความปลอดภัยและสิทธิความชอบธรรมทางกฎหมายของสถานทูตและส่วนบุคคลของจีน และประเทศอื่นๆที่เกี่ยวข้อง" (เรื่องนี้เราเป็นผู้น้อย ไม่มีกำลังที่จะไปงัดกับสหรัฐฯ และก็ไม่ใช่ปัญหาของเราโดยตรง เราต้องขอให้จีนออกหน้าจวกทั้งสหรัฐฯและตุรกีแทน ในขณะเดียวกันจีนก็พร้อมที่จะปกป้องไทยเต็มที่ เมื่อไทยถูกรังแก มันแหย่จีนไม่ได้ก็มาหาเรืื่องเรากระทบชิ่งไปที่จีน ถ้าจีนไม่ทำอะไรในกรณีนี้ จีนก็อาจจะเสียผลประโยชน์และมิตรที่ดีซึ่งก็คือไทยไปได้ ดังนั้นจีนจึงไม่อาจปล่อยให้อันธพาลโลกมาหาเรื่องไทยได้ง่ายๆ)
    Hua Chunying กล่าวต่ออีกว่า "จีนประท้วงกองกำลังบางฝ่ายที่พยายามจะแทรกแซงกิจการภายในของจีนผ่านทางกลุ่มชาติพันธุ์และประเด็นทางศาสนา และบ่อนทำลายความมั่นคงและเสถียรภาพของจีน ความพยามเหล่านี้ล้มเหลวไม่เป็นท่า (These attempts are doomed to failure)"
    นาย Dong Manyuan นักวิจัยประจำสถาบันการศึกษาระหว่างประเทศของจีน (China Institute of International Studies) ออกมาพูดปกป้องไทยว่า "การส่งตัวชาวอุยกูร์ที่หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายกลับจีนนั้นแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยได้ใช้สิทธิ์อำนาจอธิปไตยของตนตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายของประเทศไทย ประชาคมนานาชาติควรจะเคารพในการตัดสินใจของไทยด้วย!"
    ต้องงี้ดิ แบบนี้จะไม่ให้รักเฮียสีได้อย่างไรหละครับ ส่วนอเมริกาหนะหรือ? เคยเห็นเขาออกมาชมไทยซักอย่างบ้างหรือเปล่าตั้งแต่มีรัฐบาลนี้มา? มีแต่คอยจะหาเรื่องกลั่นแกล้งสนับสนุนพวกขายชาติบ่อนทำลายประเทศไทยสิไม่ว่า จริงๆแล้วไทยเราก็เป็นงานอยู่นะ ไม่ต้องออกหน้าให้โผงผางมาก กระซิบบอกเฮียก็พอ แล้วจีนก็จัดให้... ไม่ผิดหวังครับ ติ่งอเมริกาดิ้นแล้ว!
    ป.ล. วันนี้เก็บภาพสาวๆสวยๆชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยในเขตปกครองซินเจียงอุยกูร์มาฝากเป็นภาพประกอบข่าวนะ เปลี่ยนบรรยากาศบ้างครับ
    The Eyes
    12/07/2558
    ----------
    http://www.hurriyetdailynews.com/reports-on-chinese-practic…
    Turkey cannot point finger at deportations - Global Times
    http://www.hurriyetdailynews.com/china-says-uighurs-being-s…
    http://www.chinadaily.com.cn/…/2015…/11/content_21252365.htm
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลิขสิทธิ์รูป เรื่องที่คนทำเว็บไซต์ทุกคนต้องรู้ ก่อนโดนฟ้องหลายแสน !!

    [​IMG]

    การเอารูปมาใช้ในเว็บไซต์น่ากลัวกว่าที่ทุกคนคิดกันไว้เยอะครับ เมื่อก่อนเราทำงานส่งครู แค่ Copy รูปจากกูเกิ้ล แล้วเขียนในรายงานว่า “ขอบคุณรูปภาพจาก Google” ก็เสร็จแล้ว แต่ในการทำงานจริง ๆ อาจทำให้เราเสียเงินหลายแสนได้เลยครับ

    ทำไมเราต้องสนใจเรื่องลิขสิทธิ์รูปด้วย

    จาก Case Study ของบริษัทไทยบริษัทหนึ่ง ที่ใช้รูปจาก Google เล็ก ๆ นิดเดียว แล้วโดนฟ้องจากเว็บไซต์ขายรูปรายใหญ่ของต่างประเทศ Getty Image เป็นเงิน 8 แสนบาท จนเกือบทำให้บริษัทเจ๊งไป ก็น่าจะทำให้บริษัทไทยหลาย ๆ บริษัทตระหนักถึงเรื่องลิขสิทธิ์รูปมากขึ้น

    จะเห็นว่าพวกลิขสิทธิ์ของรูปก็ฟ้องกันโหดไม่ต่างกับ การใช้ Font ในเว็บไซต์ สักเท่าไร วันนี้ผมก็มีบทความดี ๆ เกี่ยวกับลิขสิทธิ์รูปในเว็บไซต์มาให้อ่านกันครับ เรื่องนี้สำคัญกับคนทำเว็บไซต์ทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟรีแลนซ์ ที่บางทีลูกค้าหารูปมาจากไหนไม่รู้ แล้วเราโดนฟ้องแทนครับ

    บทความนี้เรียบเรียงมาจากบทความ Copyright 101: The 10 Things to know about Imagery ของเว็บไซต์ Sitepoint ครับ ท่านใดถนัดอ่านภาษาอังกฤษก็สามารถแวะเข้าไปที่บทความต้นฉบับได้เลยครับผม

    10 ข้อที่ทุกคนต้องรู้เกี่ยวกับลิขสิทธิ์รูปภาพในเว็บไซต์

    ข้อ 1 : “ลิขสิทธิ์” คืออะไร

    ความคุ้มครองทางกฏหมายที่คุ้มครองผู้สร้างเนื้อหา (รูป, เพลง, วีดิโอ, งานเขียน etc.) จากการถูกผู้อื่นนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

    ข้อ 2 : ลิขสิทธิ์จะได้มาตอนไหน

    ตั้งแต่วินาทีที่เนื้อหาถูกสร้างขึ้นมาก็ได้รับการคุ้มครองด้านลิขสิทธิ์แล้ว โดยไม่ต้องไปจดทะเบียนตามกฏหมายก็ได้

    ข้อ 3 : มีกฏหมายการคุ้มครองลิขสิทธิ์ที่ใช้ได้ทั่วโลกมั้ย

    ไม่มี แต่ละประเทศมีกฏหมายคุ้มครองลิขสิทธิ์ที่แตกต่างกัน กฏหมายบางประเทศอาจจะสนับสนุนกับกฏหมายอีกประเทศได้ แต่สิ่งที่เหมือนกันทุกประเทศมีอยู่อย่างหนึ่งคือ : ถ้าคุณไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์ คุณเอาเนื้อหานั้นไปใช้ไม่ได้

    ข้อ 4 : ถ้าเราไม่รู้เรื่องกฏหมายลิขสิทธิ์เลย แล้วโดนฟ้อง ถือว่าผิดมั้ย

    อันนี้ไม่ใช่ข้ออ้างครับ ถึงแม้เราจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็มีความผิดทางกฏหมายอยู่ดี

    ข้อ 5 : ใครจะเป็นคนรับผิดชอบเมื่อมีการละเมิดลิขสิทธิ์ในเว็บไซต์

    เจ้าของเว็บไซต์เป็นผู้รับผิดชอบ ถึงแม้ว่าเขาจะจ้างคนอื่นมาทำเว็บไซต์ให้ เจ้าของเว็บไซต์ก็จะเป็นคนแรกที่ต้องรับผิดชอบเมื่อมีการละเมิดลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ถ้าการละเมิดลิขสิทธิ์เกิดจากตัวคนทำเว็บไซต์ เจ้าของเว็บไซต์ก็โยนความผิดไปที่คนทำเว็บไซต์ได้

    ประเภทเนื้อหาที่กฏหมายไทยครอบคลุม มีดังนี้ (เรียบเรียงมาจากเว็บไซต์ Thailawonline)

    งานเขียน (หนังสือ, สิ่งพิมพ์, คำบรรยาย, โปรแกรมคอมพิวเตอร์? ฯลฯ)
    งานศิลปะ (ภาพวาด, รูปถ่าย, กราฟฟิก ฯลฯ)
    งานเสียง
    งานภาพยนต์ (รวมถึง การถ่ายทอดต่าง ๆ)
    งานแสดง
    (ผมสรุปมาจากที่อ่านร่างกฏหมายคร่าว ๆ ในเว็บไซต์อีกทีนะครับผม ซึ่งท่านใดมีความรู้ที่ถูกต้องกว่าสามารถแจ้งได้ครับ และท่านที่ต้องการความถูกต้อง 100% ทางกฏหมายแนะนำให้ปรึกษานักกฏหมายครับ)

    ข้อ 6 : ในการทำเว็บไซต์ สิ่งที่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์คืออะไรบ้าง

    นำเนื้อหาจากเว็บไซต์ผู้อื่นมาลงในเว็บไซต์ตัวเอง โดยคุณสามารถอ้างอิงเป็นย่อหน้า / ประโยคได้ ถ้าคุณให้เครดิตคนเขียนต้นฉบับ และมีลิงค์ไปยังบทความต้นฉบับ
    นำเนื้อหาในสิ่งพิมพ์ออนไลน์ของผู้อื่น เช่น อีเมล มาลงในเว็บไซต์โดยไม่ได้รับอนุญาต
    Forward อีเมลของคนอื่นให้อีกคน โดยไม่ได้รับอนุญาต
    แก้ไขเนื้อหาของผู้อื่น ซึ่งเปลี่ยนความหมายไปจากเดิม
    ข้อนี้สำคัญที่สุดครับ การนำโลโก้, ไอคอน, รูป, วีดิโอ, เสียง จากเว็บไซต์อื่นมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
    ข้อ 7 : ประเภทลิขสิทธิ์ที่เจอบ่อย ๆ มีอะไรบ้าง

    Freeware – นำไปใช้ได้ฟรี และนำไปแชร์ต่อได้ แต่ไม่สามารถแก้ไขหรือเอาไปขายต่อได้โดยไม่ได้รับอนุญาต
    Shareware – นำไปใช้ได้ฟรี แต่ถ้าจะใช้ในระยะยาวต้องบริจาคเงิน สามารถนำไปแชร์ได้แต่ต้องให้เครดิตทุกครั้งโดยไม่ต้องขออนุญาต
    Fair Use – สามารถนำไปใช้ได้เพื่อการศึกษาและเขียนวิจารณ์ โดยไม่ต้องขออนุญาต
    Creative Commons – นำไปใช้ได้ฟรี แต่ต้องอยู่ในกฏที่ลิขสิทธิ์กำหนดไว้ คุณต้องให้เครดิตเจ้าของเนื้อหาทุกครั้ง โดยเจ้าของเนื้อหาเป็นผู้กำหนดว่า อนุญาตให้แก้ไขมั้ย, บังคับให้คุณเอางานไปแก้แล้วต้องเป็นลิขสิทธิ์ Creative Commons เหมือนกันมั้ย, อนุญาตให้ใช้ในงานค้าขายมั้ย
    Public Domain – ลิขสิทธิ์ที่เราสามารถนำไปใช้ได้ฟรี โดยไม่ต้องขออนุญาต ครอบคลุมเนื้อหาพวกเรื่องที่เป็นความจริง (เช่น โลกเป็นทรงกลม / ทะเลสีฟ้า) , ไอเดีย, ขั้นตอนการทำงาน และยังครอบคลุมงานที่ลิขสิทธิ์หมดอายุไปแล้วด้วย (เช่น นิยายที่เก่ามาก ๆ)
    ข้อ 8 : ถ้ากฏหมายมันยุ่งยากขนาดนี้ แล้วเราจะทำเว็บไซต์ที่มีรูปสวย ๆ ในเว็บไซต์ได้ยังไง

    มีหลายทางมากครับ มาดูกันว่าทำยังไงได้บ้าง

    A) สร้างมันขึ้นมาเองเลย

    เราทำกราฟฟิกเอง ถ่ายรูปเอง เขียนบทความเอง มันก็เป็นของเรา 100% ตามกฏหมายครับ นอกจากนั้นเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีก็ช่วยให้เราทำเนื้อหาคุณภาพดีได้ง่ายขึ้น มีโปรแกรมทำกราฟฟิก โปรแกรมตกแต่งภาพที่สะดวกขึ้น ทำให้การทำเนื้อหาขึ้นมาเองไม่ยากจนเกินไป

    หรือถ้าทำไม่เป็น ก็มีหนังสือสอนมากมาย รวมถึงเนื้อหาฟรีบนอินเตอร์เน็ตที่จะช่วยให้เราเก่งขึ้นมาได้ นอกจากนั้นในระยะยาวเรายังสามารถขายรูปถ่ายของเราให้กับคนอื่นที่ไม่สนใจจะทำเองได้อีกด้วย

    B) ถ้าคุณเป็นฟรีแลนซ์ ลองให้เวลาตัวเองเดือนละ 1 วันมาถ่ายรูป

    หาวันว่าง ๆ สักวันมาถ่ายรูปที่ต้องใช้บ่อย ๆ เช่น เครื่องคิดเลข, โทรศัพท์, มือถือ, ลำโพง, คนจับมือ, เงิน ฯลฯ รับรองว่าจะช่วยเบาเงิน และเบาแรงคุณในอนาคตได้อีกเยอะ

    รูปพวกนี้คนส่วนใหญ่มักจะซื้อจากในเว็บไซต์ขายรูปกัน ถ่ายเสร็จก็เอาไปขายได้นะครับ

    C) ติดต่อช่างถ่ายรูปโดยตรง

    คุณสามารถติดต่อกับช่างถ่ายภาพเพื่อขอรูปเค้ามาใช้ในเว็บไซต์ได้ครับ โดยแลกเปลี่ยนกับการให้เครดิตรูปเพื่อช่วยเผยแพร่เจ้าของผลงาน ซึ่งมีคนถ่ายรูปสวย ๆ ทั้งบน Instagram และเว็บไซต์ DeviantArt ที่จะอยากนำผลงานมาลงในเว็บไซต์ของคุณแลกกับเครดิต

    D) ซื้อจากเว็บไซต์ขายรูป (STOCK PHOTO)

    อันนี้เป็นทางออกที่หลาย ๆ บริษัทเลือกใช้กันครับ เป็นการซื้อรูปมาจากเว็บไซต์ขายรูป ซึ่งจะทำให้เราสามารถเอารูปเหล่านั้นไปใช้บนเว็บไซต์ได้อย่างถูกกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เราก็ยังมีโอกาสโดนฟ้องได้ ถ้าเว็บไซต์ที่เราซื้อรูปมาไม่ได้เอารูปนั้นมาขายอย่างถูกกฏหมาย

    ถ้าลองไปค้นดูจะพบว่ามีกรณีที่เว็บไซต์ขายรูปชื่อดัง อย่าง Getty Images หรือ Corbis โดนฟ้องจากเจ้าของรูปที่ไม่เคยเอารูปมาขาย แต่รูปกลับมาโผล่ในเว็บไซต์ให้คนอื่นเข้ามาซื้อได้

    ข้อ 9 : ขนาดเว็บขายรูปยังมีปัญหาขนาดนี้ แล้วเราจะเชื่อใครดี ?

    จริง ๆ ถ้าจะบอกว่าอย่าเชื่อใครเลยก็ไม่ผิด แต่เราอาจมีโอกาสรอดมากขึ้นโดยทำสิ่งเหล่านี้ทุกครั้งที่มีการซื้อขายรูป:

    เก็บใบเสร็จ และใบเสนอราคาไว้ให้ดี
    ถ่ายภาพหน้าจอของ Terms of use, ข้อมูลลิขสิทธิ์, และเนื้อหาต่าง ๆ ที่บอกว่ารูปนี้มีลิขสิทธิ์แบบ “Royalty Free (ในไปใช้ทางการค้าได้)”
    อย่าลืมว่าแม้แต่เว็บแจกรูปฟรี ที่บอกว่ารูปพวกนี้เป็น Public Domain เอาไปใช้ยังไงก็ได้ ก็ยังมีโอกาสที่เค้าจะไปเอารูปจากเว็บขายรูปมาลง ซึ่งทำให้เราโดนฟ้องได้ เพราะฉะนั้นเวลาเจอรูปสวย ๆ ที่ฟรี หรือราคาถูกมาก ๆ ให้ระวังตัวกันไว้ให้ดีครับ

    ข้อ 10 : เรื่องสุดท้ายที่เราควรคำนึงถึงตอนทำเว็บไซต์

    ระวังการใช้รูปถ่ายที่แถมมากับ Template เว็บไซต์ไว้ให้ดีครับ เพราะถึงคุณจะจ่ายเงินซื้อ Template มาใช้ สิ่งที่คุณซื้อคือ Code กับ Layout ของเว็บไซต์ ไม่ได้ซื้อรูป ลิขสิทธิ์ของรูปพวกนี้จะไม่ได้ให้กับคุณ หรือเว็บไซต์ใหม่ที่คุณจะสร้าง โดยส่วนใหญ่ลิขสิทธิ์รูปจะให้กับ “คนที่สร้าง Template” คนเดียวเท่านั้น และถูกใช้เพื่อสาธิตการวางเนื้อหาลงใน Template เท่านั้น

    อ่านมาถึงตรงนี้คุณอาจจะรู้สึกว่าการนำรูปถ่ายมาใช้ในเว็บไซต์นี่ยากเหลือเกิน ผมก็ขอสรุปเทคนิคการนำภาพมาใช้แบบสั้น ๆ ครับ: พยายามถ่ายรูปเอง หรือให้คนรู้จักถ่าย แต่ถ้าทำไม่ได้จริง ๆ ก็ให้เช็คดี ๆ ว่าภาพจากที่ใด ๆ ที่นำมาใช้มีลิขสิทธิ์เป็นลายลักษณ์อักษร แม้แต่ Google Image ที่เดี๋ยวนี้ค้นหารูปแบบ Creative Commons ได้แล้ว ทางกูเกิ้ลเองก็ยังบอกว่า “เราไม่ได้การันตีว่ารูปเหล่านี้จะเป็น Public Domain จริง ๆ หรือเป็นลิขสิทธิ์อื่น”

    สุดท้ายนี้ผมก็มีเว็บไซต์ขายรูปดี ๆ ที่น่าเชื่อถือได้มาฝากกันครับ

    รวมเว็บไซต์ขายรูปที่ราคาไม่แพง และไม่ค่อยมีปัญหาฟ้องร้อง

    VIVOZOOM – การันตีรูปถูกลิขสิทธิ์ รับประกันด้วยเงิน 25,000 ดอลล่า

    [​IMG]

    @เว็บไซต์ Vivozoom เป็นเว็บไซต์แรกที่กล้าบอกว่า ถ้ามีการฟ้องร้องเกิดขึ้นทางเว็บไซต์ยินดีจ่ายเงิน 25,000 ดอลล่า เพื่อช่วยเหลือในการฟ้องร้องทางกฏหมาย

    SHUTTERSTOCK – การันตีด้วยเงิน 10,000 ดอลล่า

    [​IMG]

    @เว็บไซต์ Shutterstock ก็การันตีว่าจะให้เงินถึง 10,000 ดอลล่าถ้ามีการฟ้องร้องลิขสิทธิ์เกิดขึ้น ซึ่งความจริงแล้วฟ้องร้องครึ่งนึงแค่ 10,000 ดอลล่าไม่พอแน่ ๆ ครับ ท่านใดมีเว็บไซต์ที่แนะนำเกี่ยวกับการซื้อรูปภาพ สามารถแจ้งมาในส่วน Comment ได้เลยครับ เดี๋ยวผมจะเพิ่มลงในลิสต์ตรงนี้ให้ครับผม หรือถ้าท่านใดมีประสบการณ์โดนฟ้องเรื่องลิขสิทธิ์รูป รบกวนมาแชร์เพื่อให้ท่านอื่น ๆ ได้ระวังตัวกันด้วยครับผม

    เพิ่มเติม : การฟ้องลิขสิทธิ์รูปในศาล

    เจ้าของลิขสิทธิ์จะเรียก กี่ล้าน กี่สิบล้านก็ตาม สุดท้ายแล้ว ศาลจะเป็นผู้กำหนด อัตราเงินให้โจทก์เอง

    (ฟ้องไป 10ล้าน ที่ได้จริงๆคือ หมื่นห้า 5555555555555+)
    แต่ฟ้องให้ดูเยอะไว้ก่อน จะได้ขู่คนอื่นด้วย
    จากคุณ Agrias Oaks

    เพิ่มเติม : การเอารูปมีลิขสิทธิ์มาลง FACEBOOK ผิดมั้ย

    การนำ รูปที่มี ลิขสิทธิ์ มาใช้เป็นดิสเฟสบุ๊ค……ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ต่อเจ้าของลิขสิทธิ์ตาม มาตรา 15 (2) ในส่วนของการนำ ผลงานนั้น มาเผยแพร่ต่อสาธารณะชนครับ

    สรุปคือ ผิด……..แต่ผู้ที่มีอำนาจฟ้อง คือ เจ้าของ คนเดียวเท่านั้น
    และแน่นอนว่า บางครั้งเจ้าของอยู่ ต่างประเทศ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราเอามาใช้

    และบ่อยครั้ง ถึงเขารู้ก็ไม่สนใจ เพราะ
    1. เราไม่ได้เอาไปขาย หรือทำอะไร แค่เอามาเป็นดิสเพลย์เท่านั้น
    2. เค้าขี้เกียจ ทำเรื่องฟ้องข้ามประเทศ (ยุ่งยาก + เสียเงินเยอะ)
    3. บางครั้ง เจ้าของผลงาน คิดไปในทาง ภูมิใจเสียด้วย

    แต่นั่นคือ กรณี เราเอามาใช้เฉยๆ ไม่ใช่ในทางพาณิชย์นะครับ
    จากคุณ Agrias Oaks

    ลิขสิทธิ์รูป เรื่องที่คนทำเว็บไซต์ทุกคนต้องรู้ ก่อนโดนฟ้องหลายแสน !! - Designil
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    ผู้ก่อตั้งเว็บไซท์ "thepiratebay" พ้นข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาเกี่ยวกับซอฟแวร์และสื่ออิเล็กทรอนิค

    [​IMG]

    -------------
    ขออนุญาตแทรกข่าวนี้ก่อนนะครับเดี๋ยวจะเล่าข่าวอูยกูร์ให้ฟังต่อในโพสต์ต่อไป บางคนอาจจะไม่ทราบว่า "thepiratebay" คืออะไร มันคือ "เว็บไซท์โจรสลัดอ่าว" ฮ่าๆๆ ไม่ใช่ เขาตั้งชื่ออย่างนั้นเอง thepiratebay คือหนึ่งในเว็บทอร์เร้นท์ (torrent) ซึ่งเป็นโปรโตคอล (protocol) แบบหนึ่งหรืออีกช่องทางหนึ่งในการแชร์ข้อมูลในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ผ่านโปรแกรม (ซอฟแวร์) ประเภทบิตทอร์เร้นท์ (bittorrent) เหมือนกับห้างสรรพสินค้า หรือห้องสมุดขนาดใหญ่ทั่วโลก รวมเกือบทุกอย่างไว้ในนั้น เริ่มตั้งแต่ e-books, e-magazine, เพลง, ภาพยนตร์, ซอฟแวร์, รูปภาพ-กราฟิก, คลิป, เกมส์, แอ็พพลิเคชั่นต่างๆ ฯลฯ รวมว่าสารพัดอย่างที่อยู่ในโลกอินเตอร์เน็ทที่สามารถส่งต่อให้กันได้ และเป็นที่นิยมหรือต้องการของคนทั่วไปหรือจะใช้สำหรับเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการส่งไฟข้อมูลในกลุ่มก็ได้ (แต่ไม่แนะนำเพราะว่าอันตรายเกินไป อาจจะถูกดูดข้อมูลไปที่อื่นได้ง่ายๆ)
    มีทั้งที่ถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย มีทั้งบนดินและใต้ดิน มีทั้งด้านสว่างและด้านมืด ของแถมที่ไม่พึงประสงค์ประเภทไวรัสคอมพิวเตอร์ก็มีด้วยเช่นกัน (ซึ่งก็เป็นปรกติของโลกอินเตอร์เน็ทอยู่แล้ว) ประมาณว่าตาดีได้ตาร้ายเสียว่างั้นเถอะ ข้อแนะนำคือ 18+ สำหรับการเข้าสู่เว็บไซท์และใช้บริการพวกนี้ ผู้ที่เข้าไปใช้บริการส่วนมากก็จะเป็นประเภทเข้าไปหาของฟรี (ซอฟแวร์คอมพิวเตอร์) มาทดลองใช้งานซึ่งมีทั้งของเก่าและของใหม่ (ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของท่านเอง)
    นั่นคือลักษณะของเว็บทอร์เร้นท์ทั่วไปโดยคร่าวๆ กลับมาที่ข่าวต่อนะครับ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.58) สำนักข่าว Sputnik news รายงานว่า "สี่โจรสลัด" (ผู้ก่อตั้งเว็บไซท์) ซึ่งประกอบด้วย Gottfrid Svartholm (ฉายา anakata), Fredrik Neij, Peter Sunde และ Carl Lundström ทุกคนพ้นผิดจากการละเมิดลิขสิทธิ์และการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
    ศาลเบลเยี่ยมตัดสินว่าไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าทั้งสี่คนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Pirate Bay หนึ่งในเว็บไซท์ที่ให้บริการแชร์ข้อมูลที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก ในระหว่างที่มีการไต่สวนคดี ดังนี้คดีนี้จึงต้องตกไป คดีนี้มีมาตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2011
    The Eyes
    12/07/2558
    ----------
    Four Pirate Bay Founders Acquitted in Copyright Case / Sputnik International
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    โอบามาหลุดปากพูดว่าสหรัฐกำลังเร่งฝึกนักรบไอซิสหรือ ISIL
    "We are speeding up training our ISIL forces....."
    ช๊อคกันไปหมด
    thanong
    12/7/2015

    <iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/p2NkjNvwuaU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    https://www.youtube.com/watch?v=p2NkjNvwuaU
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    ข่าวจากไทยรัฐ:
    ทางการจีนยันชาวอุยกูร์ 109 คนถูกไทยส่งกลับ มีแผนไปเป็นนักรบญิฮัดที่ตุรกี!!
    กระทรวงตำรวจจีนออกโรงยืนยัน ชาวมุสลิมอุยกูร์ 109 คนที่ถูกทางการไทยส่งตัวกลับจีน มีแผนเดินทางไปเป็นนักรบญิฮัด ในตุรกี ซีเรีย หรืออิรัก พร้อมระบุ ในจำนวนนี้ 13 คน เคยลงมือก่อการร้าย และ 2 คนได้แหกคุกหลบหนีออกจากจีน
    วันที่ 11 ก.ค. 58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงตำรวจของจีนยืนยันเมื่อวันเสาร์ที่ 11 ก.ค. ว่า ผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย ชาวมุสลิมอุยกูร์ จำนวน 109 คน ซึ่งถูกทางการไทยเนรเทศส่งตัวกลับจีน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมานั้น มีแผนการเดินทางไปเป็นนักรบญิฮัดในประเทศตุรกี ซีเรีย หรืออิรัก
    โดยจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจีนพบว่า มีแก๊งคนหัวรุนแรงทางศาสนาหลายแก๊งในตุรกี ที่มีการเกณฑ์ผู้คนด้วยการปลุกระดมชักชวนให้พวกเขาเดินทางไปซีเรีย และอิรัก เพื่อเข้าร่วมเป็นนักรบญิฮัด นอกเหนือจากนั้นเจ้าหน้าที่จีนยังมีการสืบทราบด้วยว่ามีนักการทูตชาวตุรกีหลายคนที่ประจำการอยู่ในประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) บางประเทศที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้การเคลื่อนไหวผิดกฎหมายนี้ทำได้ง่ายขึ้น
    ตามรายงานของกระทรวงตำรวจของจีน ยังระบุด้วยว่า ชาวจีนหัวรุนแรงหลายคน และเหล่าหัวหน้าแก๊ง ซึ่งรู้จักในชื่อ ‘พวกปลาช่อน’ ได้ถูกเนรเทศออกจากประเทศในอาเซียนปีนี้ ขณะที่ผู้อพยพผิดกฎหมาย 109 คน ที่ถูกส่งกลับมายังประเทศจีน ในสัปดาห์นี้ ปรากฏว่า 13 คนได้หลบหนีออกจากจีนไปหลังจากร่วมมือกันก่อการร้าย และอีก 2 คน ได้หลบหนีออกจากสถานคุมขัง
    กระทรวงตำรวจของจีน ยังแจ้งว่า ตามรายงานเกี่ยวกับประวัติผู้อพยพผิดกฎหมาย 109 คน พบว่า คนเหล่านี้ส่วนมากถูกปลุกปั่นยุยงให้กลายเป็นคนหัวรุนแรง โดยสื่อที่เผยแพร่จากสภาอุยกูร์โลก และขบวนการอิสลาม เตอร์กีสถานตะวันออก ส่วนชาวจีนพวก ‘ปลาช่อน’ หลายคนนั้น ยังรวมถึงนายมีห์มุต โอบูลีลา ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ถูกส่งกลับมาจีน ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า แก๊งเหล่านี้ได้มีการจัดตั้งมาอย่างดีและจัดระบบตามลำดับขั้นที่ชัดเจน โดยได้ดำเนินการให้คนที่ถูกชักชวนมาเดินทางทั้งทางบกและทางทะเล ผ่านหลายประเทศ รวมทั้งเวียดนาม กัมพูชา ลาว และไทย เพื่อเข้าไปยังตุรกี และหลังจากเดินทางถึงตุรกีแล้ว กลุ่มก่อการร้าย ETIM จะนำคนเหล่านี้ไปยังซีเรียเพื่อร่วมในการสู้รบ
    12/7/2015
    ทางการจีนยันชาวอุยกูร์ 109 คนถูกไทยส่งกลับ มีแผนไปเป็นนักรบญิฮัดที่ตุรกี!! - ข่าวไทยรัฐออน
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    เยอรมันและพรรคพวกต้องการเตะกรีซออกจากยูโร
    ระหว่างการประชุมEurogroupในวันเสาร์ที่ผ่านมาเพื่อพิจารณาแผนอุ้มกรีซ มีเอกสารของนายWolfgang Schaeubleรมว คลังของเยอรมันที่เสนอว่าควรให้กรีซออกจากเขตยูโร แช่แข็งเป็นเวลา5ปี แล้วค่อยกลับเข้ามาในเขตยูโรใหม่ในปี2020
    เนื่องจากปัญหาการเงินของกรีซเกินเยียวยา และพวกยุโรปไม่ไว้ใจกรีซอีกต่อไป เพราะว่าไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน หรือจะทำตามเงื่อนไขเงินกู้รอบใหม่หรือไม่
    ปรากฎว่ามีหลายประเทศเอาด้วยกับเยอรมัน ไม่ว่าจะเป็นฟินแลนด์ เอสโตเนีย ลิธัวเนีย สโลวาเกีย สโลเวเนีย รวมทั้งเนเธอร์แลนด์
    นายAlexis Tsipras นำเสนอแผนการเงินในวันพฤหัสที่ผ่านมาที่ถือว่าเป็นการประนีประนอมกันสุดๆ เพื่อให้เจ้าหนี้ยุโรปพิจารณา โดยยอมรัดเข็มขัด ตัดลดงบประมาณเงินบำนาญ รวมทั้งขึ้นVATเป็น23% เพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือเกือบ53,000ล้านยูโรที่กรีซจำต้องใช้ในอีก3ปีข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดชำระหนี้ต่อไป
    ไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีการขอให้มีการลดหนี้กรีซหรือไม่
    แต่อยู่ดีๆมีข่าวว่า กรีซมีความต้องการเงินอีกอย่างน้อย25,000ล้านยูโร เพื่อที่จะใช้เพิ่มทุนแบงค์
    เท่านั้นเองนายSchaeubleออกอาการวีนแตก เงินจำนวนมากมายนี้ มันเกินเลยที่เยอรมันหรือเจ้าหนี้จะรับได้ ทำให้การประชุมEurogroupของรัฐมนตรีการคลังของเขตยูโรไม่มีความคืบหน้าใดๆในการแก้ไขปัญหาวิกฤติการเงินของกรีซที่ยอมเจ้าหนี้สุดๆแล้ว แต่เม็ดเงินที่จะมาอุ้มกรีซมันสูงมากจนทั้งยุโรปรับไม่ได้
    ขึ้นอยู่กับผู้นำเขตยูโร หรือนางAngela Merkelว่าจะเอาอย่างไรต่อไปในวันนี้ในการพูดคุยกับผู้นำยุโรปคนอื่นๆ
    ตลาดการเงินที่เทรดสูงขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เนื่องมาจากขานรับข่าวดีว่าปัญหาหนี้กรีซ จะได้รับการแก้ไข หรือตกลงกันได้ แต่ความจริงก็คือว่า ณ จุดนี้ยังไม่ได้ตกลงอะไรกันได้เลย
    Tsipras ดื้อดึงไม่ยอมเอากรีซออกจากยูโร จึงมีโอกาสที่จะโดนพวกประเทศยูโรถีบกรีซออกจากยูโร
    ยอมรับว่า ตามข่าวหนี้กรีซเหนื่อยจริงๆ เพราะว่ากรีซทำตัวยิ่งกว่าเป็นหมาหัวเน่าเสียเอง
    thanong
    12/7/2015
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    วิหารโซโลมอนที่3
    กำลังคอยดูว่า Temple Insituteที่เยรูซาเลมจะประกาศอะไรใหญ่โตในวันพรุ่งนี้ หรือวันที่12กรกฎาคม อาจจะพลิกโลกได้
    Temple Instituteมีเป้าหมายสร้างวิหารโซโลมอนที่3 บนMount Moriah ที่กรุงเยรูซาเลมแต่อาจจะจุดปะทุสงครามศาสนาได้
    วิหารโซโลมอน1โดนกษัตริย์บาบิโลนNebuchadnezzar II ในปี 587 ก่อนคริสตกาล ถือว่าเป็นวิหารที่ศักดิ์สิทธิ์มากเพราะว่าเป็นที่บรรจุแผ่นหินบัญญัติ10ประการที่พระเจ้าได้มอบให้โมเสส
    หลังจากนั้นมีการสร้างวิหารโซโลมอน2ขึ้นมาแทน แต่โดนพวกโรมันทำลายอีกในปีคศ 70
    ต่อมาพวกมุสลิมตีกรุงเซรูซาเลมได้ ได้สร้างสุเหร่าขึ้นมาแทนเรียกว่าDome on the Rockในปีคศ691 ซึ่งยังคงดำรงมาถึงทุกวันนี้ ขณะนี้อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลจอร์แดน แม้ว่ายิวจะยึดเยรูซาเลมได้ แต่ไม่กล้าครอบครองDome on the Rock
    พวกยิวรอมานานเกือบ1,300ปีที่จะสร้างวิหารโซโลมอน3 มีการเตรียมการอย่างดี คอยแต่จังหวะการเมือง แต่การสร้างวิหารโวโลมอน3หมายความว่าDome on the Rockจะถูกบดบังรัศมี หรือไม่ก็ต้องถูกทำลาย
    แล้วผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร? รอดูคำประกาศของTemple Instituteในวันพรุ่งนี้
    แฟนคลับที่เคยอ่านซีรี่ส์จักรวรรดิโรมันคืนชีพจะเข้าใจความลึกซึ้งของเรื่องนี้ได้ดีว่าเป็นศูนย์กลางทางศาสนาของโลกใหม่ หรืออาจจะเป็นจุดปะทุของสงครามครูเสดหรือWW3ก็เป็นไปได้
    thanong
    11/7/2015
    ภาพประกอบคือภาพจริงของสุเหร่าDome on the Rockบน Mount Moriahที่เยรูซาเลม มีภาพจำลองของวิหารโซโลมอน3อยู่ด้านขวา
    https://www.facebook.com/2273868496...1436628767./10150567245444969/?type=1&theater
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,441
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ล้นวัด! คนเชียงใหม่แห่รับ-ส่งดาวพฤหัสบดี โหรดังชี้ ขรก.-นักการเมืองมีสิทธิ์โดนเปิดโปง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กรกฎาคม 2558 08:29 น. (แก้ไขล่าสุด 12 กรกฎาคม 2558 10:08 น.)

    [​IMG]

    เชียงใหม่ - ชาวเชียงใหม่แห่ร่วมพิธีรับ-ส่งดาวพฤหัสบดีย้ายราศีล้นวัดพวกเปีย โหรดังชี้ “ราศีมีน, กันย์, มังกร” หนัก ขณะที่ “เชียงใหม่” ตกราศีมีน ปัญหาเยอะทั้งข้าวยากหมากแพง กิจการเจ๊ง คนทำงานเจอเจ้านายจับผิด นักเรียน นักศึกษาอาจมีเรื่องร้าย ระวัง “รับน้องใหม่” ระบุนักบุญคนบาป-ข้าราชการ นักการเมือง เจอกระชากหน้ากาก

    [​IMG]

    วันนี้ (12 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนชาวเชียงใหม่จำนวนมากพากันเข้าร่วมพิธีถวายเครื่องเซ่นไหว้รับ-ส่งดาวพฤหัสบดี ย้ายราศีคืนที่ผ่านมา จนล้นบริเวณมณฑลพิธีวัดพวกเปีย ในตัวเมืองเชียงใหม่ ตามความเชื่อของชาวล้านนา พร้อมทั้งขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล และจุดธูปเทียนถวายเครื่องเซ่นไหว้ อธิษฐาน เพื่อให้ปกปักรักษาคุ้มครองให้มีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัย พร้อมนิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 9 รูป สวดนพเคราะห์ เจริญพระพุทธมนต์ และสืบชะตา ตามแบบประเพณีล้านนา เพื่อความเป็นสิริมงคล

    อาจารย์ภูริศักร์ ทุมสวัสดิ์ อาจารย์โหราศาสตร์ เจ้าพิธีบอกว่า “เชียงใหม่” ตกลัคนาราศีมีน ดาวประจำเมืองคือ ดาวพฤหัสบดี ซึ่งตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. 58-8 ส.ค. 59 ดาวพฤหัสบดีจะโคจรเข้าภพอริ หมายความว่า อุปสรรค ปัญหา จะพบกับปัญหามากมายทั้งข้าวยากหมากแพง การค้าขายย่ำแย่ ผู้ประกอบการเจ๊ง เลิกกิจการ บุคคลที่ทำงานประจำจะถูกผู้ใหญ่เจ้านายจับผิดกลั่นแกล้ง (เจ้านายเปลี่ยนไป)

    ในด้านการศึกษาและศาสนา มีภาพลักษณ์ไม่ดี สูญเสียปูชนียบุคคล พระมหาเถระ นักเรียนนักศึกษาจะก่อเรื่องร้ายๆ ระวังเรื่องรับน้องใหม่ โรงเรียนเอกชนจะเลิกกิจการ ข้าราชการพลเรือน และนักการเมืองจะเป็นข่าว น้ำลดตอผุด คนบาปในคราบนักบุญจะถูกกระชากหน้ากาก และถูกลงโทษตามกฎหมาย ฟ้าดินจะลงโทษ คนที่ทำอะไรไม่โปร่งใสจะถูกเปิดโปง

    อาจารย์ภูริศักดิ์ย้ำว่า ชาวเชียงใหม่จะเจอแต่เรื่องร้ายๆ ทั้งภัยธรรมชาติอย่างรุนแรง คนดีมีคุณธรรม ความดีจะคุ้มครอง เทพเทวาอารักเมืองอ่อนกำลังช่วยไม่ได้ ตนเองเป็นที่พึ่งแห่งตน

    ส่วนราศีที่ดวงตกหนัก ต้องส่งดาวคือ “ราศีมีน, กันย์, มังกร” ต้องส่งเรื่องร้ายออกให้ดับไปกับดาวมฤตยู หนักจะได้เป็นเบา ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมพิธีรับส่งถวายเครื่องสังเวยเรื่องร้ายๆ ก็จะบรรเทาเบาบางลง

    ทั้งนี้ ระหว่างที่ทำพิธีเผาธูปเทียนมีลมหมุนดูดขึ้นไปบนอากาศทำให้เปลวไฟสูงกว่า 3 เมตร ต่อหน้าประชาชนที่ไปร่วมพิธีที่ต่างพากันตกตะลึง


    http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000078588
     

แชร์หน้านี้

Loading...