ติดตามสถานะการณ์

Thanong Fanclub



จีน vs สหรัฐ: ความแกร่งทางพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ต่างกัน
จีนสะสมความร่ำรวย ผลิตสินค้าได้ในราคาถูก ความสามารถในการแข่งขันสูงที่สุดในโลก ดูได้จากดุลการค้าเกือบ$400,000ล้านที่เป็นบวกเมื่อปีที่แล้ว
ส่วนสหรัฐเป็นประเทศผู้บริโภคเกินตัว สร้างแต่หนี้ เสียดุลการค้า$700,000กว่าล้านในปี2014
จีนเป็นเจ้าหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สหรัฐเป็นลูกหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
คำถามคือสหรัฐจะใช้กลยุทธดอลล่าร์กระดาษที่พิมพ์ออกมาเปล่าๆ ทำสงครามการเงินรบกับจีนได้นานอีกเท่าใด ในเมื่อพื้นฐานเศรษฐกิจขอ
งสหรัฐกลวง ไม่มีของจริง มีแต่ยืมเงินอนาคตมาเพื่อการบริโภค ส่วนจีนมีการสะสมความร่ำรวยเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆผ่านการผลิตของเศรษฐกิจที่แท้จริง
เมื่อหยวนออกมาแข่งกับดอลล่าร์ เงินสกุลใหนจะมีความน่าเชื่อถือกว่ากัน?
thanong
8/7/2015

 

Thanong Fanclub



หุ้นนิวยอร์คหยุดซื้อขายเหตุขัดข้องทางเทคนิค.......
โดนโจมตีไซเบอร์??



ตลาดหุ้นนิวยอร์คกลับมาเปิดซื้อขายตามปกติหลังต้องหยุดพักซื้อขายนานเกือบ 4 ชั่วโมงเพราะเหตุบกพร่องทางเทคนิค โดยกระทรวงความมั่นคงแห่งแผ่นดินแม่ของสหรัฐชี้ไม่ใช่มาจากการโจมตีทางไซเบอร์
ขณะที่ทำเนียบยืนยันไม่มีสิ่งบ่งชี้ความเลวร้ายต่อเหตุการณ์หยุดซื้อขายหุุ้นครั้งนี้
นอกจากนี้ยังพบว่าสายการบิน American Airlines ต้องหยุบินชั่วคราวด้วยเพราะเกิดปัญหาของระบบคอมพิวเตอร์ เช่นเดียวกับ Wall Street Journal ที่เกิดเว็บไซต์ล่ม
ในขณะเดียวกัน หุ้นจีนละต่อ:
เกาะติดธนาคารชาติจีนเข้าแทรกแซงตลาดหุ้นหวังกอบกู้เสถียรภาพตลาด.......
1.....
นักลงทุนรายย่อยจีนตื่นกลัวตลาดหุ้นจีนฟองสบู่แตก เทขายหุ้นหนัก ฉุดดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิตดิ่งหนักช่วงเปิดตลาดวานนี้กว่า9% ก่อนที่มาตรการพยุงหุ้นเริ่มส่งผล กลับมาปิดตลาด -5% ขณะที่หุ้นฮ่องกงเริ่มได้รับผลกระทบเต็มๆ ดัชนีหั่งเส็งร่วงกว่า 1,400 จุด หรือ-5%
2....
ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วง 3สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลดัชนีราคาหุ้น-30%จากจุดพีคเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. โดยมีหุ้นที่ถูกพักซื้อขายกว่า 1.300บริษัท ส่งผลมาร์เก็ตแค็ปหายไปกว่า $2.6 ล้านล้านดอลลาร์ ท่ามกลางการเข้ามาแทรกแซงของธนาคารขาติจีนที่ใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน และอัดฉัดสภาพคล่องอย่างต่อเนื่อง หวังพยุงหุ้นให้กลับมาทีเสถียรภาพ
3....
มีข้อน่าสังเกตว่า ตลาดหุ้นจีนแม้ว่าถูกเขย่า และท้าทายจากแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติอย่างหนักในหุ้นกลุ่มA-shares แต่ธนาคารชาติจีนมีการกำหนดค่าเงินหยวนไว้คงที่ 6.20ต่อดอลลาร์ เพื่อจำกัดวงความเสียหายในอยู่ในประเทศ ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายของเงินทุน
4.....
ทางการจีนกำลังดำเนินการให้เศรษฐกิจค่อยชะลอตัวลงแบบซอฟท๋ แลนดิ้ง ไม่ใช่อย่างนักวิเคราะห์ตะวันคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะเกิดฮาร์ด แลนดิ้ง โดยทางการจีนได้เปิดทางให้ธุรกิจจีนไปลงทุนในต่างประเทศช่วง 2-3ปีล่วงหน้าก่อนแล้ว เพื่อลดความเสี่ยงที่กำลังเกิดขึ้น เนื่องจากทุนสำรองของจีนยังมั่นคงมีจำนวนถึง $4ล้านล้าน
Thanong
9/7/2015

 

Thanong Fanclub



สงครามไซเบอร์
สหรัฐประกาศนโยบายปกป้องความมั่นคงทางไซเบอร์ใหม่โดยรมว.กลาโหมนายAshton Carterในเดือนเมษายนที่ผ่านมา นโยบายไซเบอร์ใหม่นี้มีขึ้นในขณะที่สหรัฐและรัสเซีย+จีนมีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เลวร้ายลงจนถึงขั้นมีการปิดล้อมกันทางทหารแล้วที่ยุโรปตะวันออกและทะเลจีนใต้ตามลำดับ
เป้าหมายมี3 ประการคือ
1. ปกป้องเครือข่าย ระบบคอมฯและข้อมูลของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ
2. ปกป้องมาตรภูมิ และผลประโยชน์ของสหรัฐต่อการถูกโจมตีไซเบอร์ และผลกระทบที่ตามมา
3. ให้การสนับสนุนทางไซเบอร์ทางทหารและการปฏิบัติการอื่นๆ
สรุปคือนโยบายไซเบอร์ของเพนตากอนคือปกป้องระบบคอมฯของตัวเอง ปกป้องประเทศสหรัฐและผลประโยชน์ของสหรัฐ และโจมตีไซเบอร์ทางทหารและพลเรือนกับประเทศที่ถือว่าเป็นศัตรู
http://www.defense.gov/h…/features/2015/0415_cyber-strategy/
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จีนและรัสเซียตอบโต้สหรัฐด้วยการเซ็นสัญญาความร่วมมือทางไซเบอร์ที่ครอบคลุมในกิจกรรมทุกด้าน โดยเฉพาะทางความมั่นคงและทางทหาร
ข้อตกลงทางไซเบอร์ระหว่างสองประเทศนี้ ชี้ให้เห็นว่าเป็นการเตรียมการภาวะสงครามในรูปแบบต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างค่ายตะวันตกและตะวันออก
http://www.russia-direct.org/…/china-russia-cyber-security-…
thanong
9/7/2015

 

Thanong Fanclub



จีนตอบโต้สหรัฐด้วยสงครามไซเบอร์?
ยังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปว่าเกิดอะไรขึ้นกับการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ค สายการบิน United Airlinesและสื่อWall Street Journalเจอความขัดข้องทางเทคนิคจนระบบล่มใช้การไม่ได้ในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกัน และระบบล่มหลายชั่วโมงในวันพุธที่ผ่านมา
แต่ความบังเอิญไม่มีในโลก
ระบบของตลาดหุ้นนิวยอร์ค สายการบินยูไนเต็ท และสื่อวอลล์สตรีทล่มในขณะที่ตลาดหุ้นของจีนและฮ่องกงกำลังแครช โดยทางจีนกล่าวหาว่าโบรกเก้อร์ฝรั่ง นำโดยMorgan Stanleyเป็นตัวจุดพลุการขาย และอาจารย์มหาวิทยาลัยจีน6คนร่วมลงชื่อว่า สหรัฐกำลังทำลายหุ้นจีนเหมือนกับที่นายจอร์จ โซรอสถล่มค่าเงินเอเซียจนกลายเป็นต้มยำกุ้งในปี1997-1998
มีความเป็นไปได้3ประการในกรณีระบบของตลาดหุ้นนิวยอร์ค สายการบินยูไนเต็ท และสื่อWall Streetล่ม:
1. เป็นการขัดข้องทางเทคนิคตามที่เอฟบีไอ หรือทำเนียบขาวยืนยัน
2. โดนจีน หรือประเทศอื่นโจมตีทางไซเบอร์เพื่อเป็นการตอบโต้สหรัฐ
3. คนในเล่นกันเอง
ข้อแรกไม่น่าที่จะเป็นไปได้ เพราะว่าระบบของตลาดหุ้นนิวยอร์ค สายการบินยูไนเต็ท และสื่อWall Street Journalจะล่มในเวลาไล่เลี่ยกันได้อย่างไร เป็นเวลาหลายชั่วโมงโดยที่ช่างเทคนิคไอทีเป็นงง
ต้องไม่ลืมว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์คเป็นสัญญลักษณ์ของทุนนิยมและความร่ำรวยทางการเงินของสหรัฐ สายการบินยูไนเต็ทเป็นสัญญลักษณ์สายการบินแห่งชาติของสหรัฐ และสื่อWall Street Journalเป็นสัญญลักษณ์สื่อที่ทรงอิทธิพลสุดในการรายงานข่าวตลาดการเงินและเศรษฐกิจของสหรัฐ
เลยกลายเป็นเป้าใหญ่?
เอฟบีไอ หรือทำเนียบขาวต้องปฏิเสธว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่ แค่ความขัดข้องทางเทคนิค (computer glitches)ธรรมดา ถ้าเป็นการโดนโจมตีไซเบอร์จริง จะเสียหน้ามาก หมายความว่าระบบคอมฯของสหรัฐอ่อนแอมากต่อการถูกโจมตี ต่อไปในอนาคตระบบทุกอย่างอาจถูกโจมตีให้ล่มได้ เศรษฐกิจและการเงินจะพังพินาศ
ข้อสองระบบล่มในสหรัฐเพราะถูกจีนหรือประเทศอื่นที่เป็นศัตรูกับสหรัฐโจมตี ข้อนี้มีความเป็นไปได้ Zerohedgeรายงานว่าจากการเฝ้าดูการโจมตีทางไซเบอร์ในโลกนี้แบบรีลไทม์ของNorse Corpsพบว่าแทรฟฟิคการโจมตีจากจีนมาสหรัฐหนาแน่น แต่เป้าไปที่St Louis เลยไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับที่ระบบตลาดหุ้นนิวยอร์ค สายการบินยูไนเต็ท และสื่อWall Street Journalล่มหรือไม่
ทั้งจีนและรัสเซียถือว่าอยู่ในภาวะสงครามกับสหรัฐเรียบร้อยแล้ว รัสเซียโดนสหรัฐถล่มการเงินจนเละเมื่อปีที่แล่้ว และตอนนี้นาโต้กำลังระดมพลเพื่อปิดล้อมจีนในยุโรปตะวันออก ช่วงนี้ จีนกำลังโดนถล่มตลาดหุ้นและการปิดล้อมในทะเลจีนใต้ อาจจะทำการตอบโต้เพื่อเตือนก็เป็นไปได้
ข้อสามก็มีความเป็นไปได้สูงเหมือนกันว่าระบบล่มเพราะว่าทำกันเอง เพราะว่าเราได้ทราบแล้วว่าระบบการเงินสหรัฐและของตะวันตกไปต่อไม่ได้ เนื่องจากมีหนี้ท่วมท้น ทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และองค์การสหประชาชาติได้เตรียมแผนการปรับโครงสร้างหนี้ของประเทศ (sovereign debt)แล้ว หรือเตรียมการรีเซ็ทระบบการเงินโลก เพื่อนับหนึ่งใหม่
กองทุนการเงินระหว่างประเทศต้องการbail in หรือให้ยึดเงินฝากประชาชนเพื่อเพิ่มทุนแบงค์ ล้างหนี้สูญ เพราะว่าระบบไม่สามารถจะไปต่อไปได้ เนื่องจากภาระหนี้ สูงกว่ารายได้อย่างกู่ไม่กลับ การทำ QEโดยธนาคารกลางและการกดดอกเบี้ยอยู่ระดับ0%ก็เพื่อเป็นการซื้อเวลาการปรับโครงสร้างการเงินนั้นเอง
มีหลายคนมองกันวันการรีเซ็ทล้างหนี้ อาจจะเกิดในเดือนกันยายนหรือตุลkคมที่จะถึงในปีแห่งเสียงแตรของชาวยิวที่จะมีการยกหนี้กันเพื่อเริ่มรอบปีใหม่ที่จะเกิดขึ้นทุกๆ7ปี แต่ปี2015นี้จะครอบรอบใหญ่49ปี (7คูณ7) เพื่อเริ่มปี50
ระบบการเงินตะวันตกอ่อนแอเข้าขั้นล้มละลายแล้ว อันเห็นได้จากวิกฤติกรีซที่สามารถดึงทั้งยูโรลงไปได้ เมื่อยุโรปมีปัญหา สหรัฐจะมีปัญหาด้วย เพราะว่าความเกี่ยวโยงหรือเชื่อมโยงกันในระบบการเงิน อันเห็นได้จากการที่ธนาคารกลางของสหรัฐอุ้มธนาคารสหรัฐและยุโรป$16ล้านล้านในช่วงวิกฤติการเงิน2008
จึงมีการปั่นตลาดหุ้นจีนในช่วงที่ผ่านมา และทุบหุ้นจีนลงมาตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน เอากันให้เจ้งด้วยกันจะได้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่
การทำให้ระบบคอมฯของตลาดหุ้นนิวยอร์ค สายการบินยูไนเต็ท และสื่อWall Street Journalล้มอาจจะเป็นการทดสอบจิตวิทยามวลชนก็ได้ ว่าให้คุ้นเคยกับระบบที่ใหญ่กว่าที่กำลังจะล่มตามมา เหมือนหนังHollywoodในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีแต่ความรุนแรงและสงครามเพื่อให้ประชาชนคนดูคุ้นเคยกับโลกที่จะตามมา เวลาเกิดการทำสงครามจะได้ไม่ตื่นตระหนก เห็นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าดูหนังจนเพลินจนแยกโลกแห่งความเป็นจริงและโลกมายาไม่ออก
ถ้าจะรีเซ็ทระบบการเงินโลก อะไรจะดีไปกว่าทำให้ระบบเงินฝากหายไปเลยในพริบตา? เหมือนกับการเสกให้สายการบินมาเลย์เซียMH370หายตัวไปแล้วอย่างไม่ทิ้งร่องรอย
สรุปกันเอาเองกันต่อนะครับ อย่าเพิ่งเชื่อในทฤษฎีใดทฤษฎีหนึ่ง
thanong
9/7/2015
http://www.zerohedge.com/…/what-first-world-cyber-war-looks…

 

Thanong Fanclub



สหรัฐ vs จีน: สงครามการเงินเต็มรูปแบบได้เริ่มแล้ว
หุ้นจีนที่ดิ่งเหวในเวลานี้ และระบบคอมฯของของตลาดหุ้นนิวยอร์ค สายการบินยูไนเต็ทและสื่อWall Street Journalที่ทำงานไม่ได้หลายชั่วโมง ในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน ชี้ให้เห็นว่าสงครามการเงินและไซเบอร์ระหว่างสหรัฐและจีนได้เกิดขึ้นแล้ว
ตลาดหุ้นจีนที่เป็นฟองสบู่และกำลังถูกทุบให้แตกเวลานี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของกลไกตลาด แต่เป็นฝีมือของแก๊งค์Wall Streetที่ใช้ดอลล่าร์เป็นม้าไม้เข้าไปลงทุนในหุ้นจีน ปั่นให้เป็นฟองสบู่ เชียร์หุ้นจีน แล้วเมื่อถึงจุดหนึ่งจะเลี้ยวกลับหลังหันสั่งขายหุ้น ทำให้เกิดแพนิก เพื่อทุบหุ้นทำให้ฟองสบู่แตก
เป็นความจริงว่าจีนมีมาตรการคุมกองทุนฝรั่งไม่ให้ลงทุนในตลาดจีนได้สะดวก เพื่อป้องกันการเก็งกำไรหรือการปั่นที่ทางการคุมไม่ได้ ไม่เหมือนตลาดไทยที่ซ่าสุดฤทธิ์ เปิดเสรีเพื่อยอมเป็นลูกไก่ให้แก๊งค์Wall Street โยกย้ายซ้ายขวาได้ตามใจชอบ กองทุนฝรั่งมีโนมินีมากในจีน สามารถซิกแซกผ่านมาตรการเพื่อลงทุนในหุ้นจีนได้
แก๊งค์Wall Street ถนัดมากในการสร้างฟองสบู่การเงินแล้วทุบ เพราะว่าคุมธนาคารกลาง มีกระสุนดอลล่าร์ในมือไม่จำกัด ทำลายรัสเซียไปแล้วในปีที่แล้วด้วยการให้กู้$600,000 ได้เวลาจะล่อให้โอบามาประกาศแซงชั่น แล้วเรียกเงินคืนทันที ผลก็คือเศรษฐกิจรัสเซียล่ม ค่าเงินรูเบิ้ลพัง เหมือนที่ไทยโดนต่างชาติเรียกดอลล่าร์คืนในปี1997 ทำให้เงินบาทพัง ประเทศต้องเข้าโปรแกรมไอเอ็มเอฟ ยังดีที่มีจีนคอยอุ้มหมีขาว มิเช่นนั้นเจ้งไปแล้ว ไม่สามารถยืนหยัดได้ในตอนนี้
ตลาดจีนโดนแก๊งค์Wall Streetปั่นให้เป็นฟองสบู่ พวกอาหมวย อาตี๋ อาแป๊ะ อาม่าก็เข้าร่วมผสมโรงด้วย กับกองทุนจีน เฮฮาปาตีร์กันยกใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา เพราะว่าหุ้นจีนขึ้น80%ตั้งแต่ต้นปี ก่อนจะโดนถล่มช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานำโดยMorgan Stanleyและกองทุนฝรั่งอื่นๆ ทำให้ตลาดหุ้นจีนเหมือนถูกไฟไหม้ป่า อาหมวยอาตี๋หนีออกไม่ทัน
ถามว่าทางการจีนรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น คำตอบคือรู้ แต่ก็ปล่อยให้ทำกัน ถ้าไม่มีบทเรียนก็จะไม่ซาบซึ้งกัน
ได้มีมาตรการต่างๆในการพยุงหุ้น ไม่ว่าจะเป็นการหยุดการเอาบริษัทใหม่เข้าตลาด ให้โบรกเก้อจีนลงขันซื้อหุ้น กองทุนจีนลงขันซื้อหุ้น ธนาคารกลางจีนปล่อยสภาพคล่องซื้อหุ้น แต่บริษัทจีนเกือบ2ใน3ได้หยุดเทรดหุ้นแล้วจากมาตรการcircuit breaker หรือระบบตัดไฟช๊อตเพื่อป้องกันหุ้นร่วงต่อ
แต่เอาเข้าจริง ทางการจีนไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากกับตลาดหุ้น เหมือนภาพที่สร้างออกมาให้ปรากฎ คงจะปล่อยให้ตลาดที่เป็นฟองสบู่ปรับตัวลงมาอยู่ในระดับพื้นฐานที่แท้จริง
ทางการจีนมีมาตรการที่สำคัญคือการห้ามผู้ถือหุ้นใหญ่เกิน5%ขายหุ้นเป็นเวลา6เดือน เพื่อป้องกันการเทขาย แล้วเตรียมเงินก้อนใหญ่ ประมาณ$500,000ล้านเพื่อเข้าไปช๊อปปิ้งของถูก
ตอนที่เลห์แมน บราเธอรส์ล้มปี 2008 รัฐบาลสหรัฐใช้เงิน$750,000ล้าน อุ้มธุรกิจและบริษัทสหรัฐ
ก็ดีเสียอีกที่จะได้ลดไขมันในตลาดหุ้น แม้ว่าจะต้องเลือดตกยางออก แต่ก็เป็นบทเรียนสำหรับทุกคนให้รู้ว่าสงครามการเงิน ม้าไม้ดอลล่าร์พิษสงมันเป็นอย่างไร
จีนจะใช้เงินรัฐซื้อหุ้นทั้งหมด เอากลับมาเป็นของรัฐต่อไป ดีเสียอีกจะได้ไล่ฝรั่งออกไปให้หมด
เสร็จแล้วจีนก็ถือโอกาสเล่นสหรัฐกลับด้วยสงครามไซเบอร์เพื่อล้างแค้นที่ปั่นหุ้นจีนและทุบหุ้นจีนในวันพุธที่ผ่านมา ด้วยการถล่มระบบคอมฯหรือเครือข่ายคอมฯของตลาดหุ้นนิวยอร์ค สายการบินยูไนเต็ท และสื่อWall Street Journal ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ที่สำคัญทางการเงินและเศรษฐกิจของสหรัฐทั้งนั้น ทำให้ระบบล่มหลายชั่วโมง เทรดหุ้นไม่ได้ เครื่องบินขึ้นไม่ได้ สื่อเจอจอดำ
เอฟบีไอหรือทำเนียบขาวออกข่าวว่าเป็นความขัดข้องทางเทคนิค ถ้ายอมรับว่าจีนโจมตีจะเสียหน้า ที่สำคัญที่สุดมันจะสะท้อนให้เห็นว่าระบบความมั่นคงทางไซเบอร์ของสหรัฐไม่มั่นคงเสียแล้ว จากกองโจรแฮ๊กเกอร์ของจีนที่มีหลายหมื่นหลายแสนคน
เราทราบกันดีจากประวัติศาสตร์ว่าสงครามการเงินและเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นก่อนสงครามด้วยอาวุธร้ายเสมอ
ตอนนี้ฝรั่งกับจีนและรัสเซียกำลังล่อกันไปล่อกันมาใต้ดินและบนดินกันเละเทะแล้ว แต่เมืองไทยยังไม่รู้เรื่อง ยังไม่ตื่น เพราะว่าโลกสวย ปล่อยให้กลไกตลาดทำงานไป ต้องเปิดเสรีการเงินเพิ่ม ให้บาทอ่อนๆจะได้ค้าขายคล่อง อยากได้ประชาธิปไตยเร็วๆ ต้องความมั่นใจต่างชาติ ฝรั่งเป็นพ่อเป็นพระเจ้า ต้องทำตามคำสั่งมัน เดี๋ยวมันไม่ค้าขายด้วย
ฮ๊วย!
thanong
9/7/2015

 

Jeerachart Jongsomchai



... "เส้นทางรถไฟจีนในอาเซียน = ... คำตอบของโรฮีนจา + หมู่เกาะสแปรตลี่ย์ + ไทยซื้อเรือดำน้ำ ... และการสกัดกั้นอิทธิพลจีนของอเมริกา"
.
... "นักเดินทางต้องอ่านแผนที่ให้เข้าใจอย่างทะลุปลุโปร่ง เพื่อจะไม่หลงทาง" ฉันใด นักค้นหาความจริงต้องอ่านแผนที่แห่งความจริงให้กระจ่างทะลุ เพื่อความเข้าใจถูกต้องฉันนั้น ... ถนนสายหนึ่งเปรียบเสมือนเรื่องราวหนึ่ง แต่พอเรื่องราว สอง สาม เรื่อง มาพาดเกี่ยวเชื่อมโยงกันแล้ว อาจจะทำให้หลงทาง หรือหลงประเด็น หรืออาจจะติดกับดักให้เข้าสู่ทางตันได้
... "เครือข่ายเส้นทางรถไฟ" ที่ "จีน" เริ่มโครงการในการสร้างในย่านอาเซียนนี้มีขึ้นเมื่อปี 2006 เป็นช่วงเดียวกับที่จีนต้องการเชื่อม ตะวันตกของจีนกับเอเชียกลาง หรือ "ทรานส์ยูเรเชีย" ที่จะเชื่อมฝั่งซินเกียงต่อไปยังเอเชียกลางอย่างคาซักสถาน อุซเบกิวสถาน คีร์กีซสถาน จนยาวทะลุไปรัสเซียและยุโรป ที่จีนต้องการให้เป็น "ทางสายไหมสมัยใหม่"
... ขณะที่ "เครือข่ายเส้นทางรถไฟทางใต้ของจีน" ที่เชื่อมกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น คืออีกโครงการที่เกิดขึ้นพร้อมๆกัน ในปี 2006 ที่ต้องการขยายเครือข่ายเชื่อมการกระจายสินค้าระหว่างจีนกับอาเซียน โดยมีปลายทางหลักอยู่ที่ "สิงคโปร์" ( ช่องแคบมะละกา ) ที่สามารถขนถ่ายสินค้าระหว่างกันได้ โดยผ่าน "ประเทศไทย" และนอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมกับเมืองท่าหลักๆในอาเซียนได้ เช่น ฮานอย ทวาย ย่างกุ้ง ( แต่ "เจ้าผิว" โดนเรื่อง "โรฮีนจา" มาเบรกทำให้โครงการสะดุด เวียตนาม แม้ว่าจะพยายามยุให้เกิดกรณีทะเลาะระหว่างจีน เวียตนาม แต่โครงการนี้ยังเดินหน้าต่อไป ) จนถึงกัมพูชา และแหลมฉบัง ของไทย
... โดยมี "ไทย" เป็นสะพาน ดินแดน เชื่อมหลักทั้งหมด
... นักวิเคราะห์ต่างประเทศ เขาจึงมองว่าการจะ "ซื้อเรือดำน้ำจีนของไทย" นั้นเป็นพยายามเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกันของไทยจีนเพื่อปูทางไปสู่ จุดหมายดังกล่าว จีนต้องการจีบไทยมากขึ้น ดึงไทยมาจากอเมริกามากขึ้น ขณะที่ไทยเองก็เอือมระอาอเมริกาที่ทำเราเหมือนเป็นเมียเก็บ เมียเช่าราคาถูกมากนาน ( ดูหนังเรื่อง Air America แล้วตีความบทบาทของสินจัย หงษ์ไทยให้แตก นั่นคือมุมมองที่อเมริกามองไทย แต่ว่าดูดีเกินไปด้วยซ้ำ ) ... ... ดังนั้นเราจึงจะเห็นว่า บทบาทจีนในเวทีโลกโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและการเงิน รอบคอบและมั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ ดีกว่าอเมริกาที่ฟุ่มเฟือย สร้างหนี้เกินตัว สร้างบ่อนพนันในวอลล์สตรีทจนคนเบื่อ และบีบการใช้ดอลล่าร์ไปจนอึดอัด
... ดังนั้นถ้าโครงการซื้อเรือดำน้ำผ่านไปได้ จะมีความร่วมมือต่อมาเรื่อยๆ และที่สำคัญจีนอาจจะมีการขอยืมไทยใช้เป็น "ฐานทัพเรือ" ในการคุ้มครองเส้นทางเดินเรือจากไทยในอนาคตด้วยเช่นกันที่แหลมฉบัง เพราะว่าโครงการนี้ ส่วนหนึ่งจะเชื่อมทะเลอ่าวเบงกอลจากพม่าที่ "ทวาย" มาผ่านกาญจนบุรีของไทย และทะลุ อ่าวไทยที่แหลมฉบัง จะลดความหนาแน่นของ "ช่องแคบมะละกา" ของสิงคโปร์ลงไปได้เยอะ นั้นคือทำไม คสช. จึงจะรีบสร้างทางรถไฟรางคู่เชื่อมตรงนี้โดยเร็ว โดยที่มีจีนกับไทยร่วมลงทุนกัน ( แต่มีข้อที่พึงระวัง ว่าอย่ามีเงื่อนไข ในการกู้ที่โหดร้ายแบบ ไอเอ็มเอฟ หรือ ธนาคารโลก ที่กู้จนใช้หนี้ไม่หมด แบบ กรีซ )
... สิ่งที่เกิดขึ้นในไทย เรื่องการออกมาค้านเรื่องเรือดำน้ำ เรื่องนักศึกษาถูกจับตัวเพราะต้านรัฐบาลทหาร เรื่องโรฮีนจาในไทย เรื่องระเบิดในปัตตานี ล้วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางเครือข่ายรถไฟทั้งสิ่้นไม่ว่าจะตั้งใจสกัดหรือไม่ก็ตาม เพราะอเมริดามีหน่วยงานด้านนี้อยู่แล้วไม่ว่า ซีไอเอ หรือ NED ( แต่ถ้าศึกษาเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 1 เส้นทางรถไฟสายเบอร์ลิน - แบกแดด จะเข้าใจว่าคือการสกัดอิทธิพลของเยอรมันไม่ให้เข้าถึงแห่งน้ำมันในตะวันออกกลาง ของอังกฤษ คือสาเหตุที่แท้จริงของสงครามโลกครั้งที่ 1 )
... หรือ "สงครามยูเครน" ก็ถูก ซีไอเอสร้างขึ้นเพื่อสกัดกั้น "ทางส่งแก๊สและน้ำมันของรัสเซีย" เพราะว่า แก๊สน้ำมันประมาณ 80% จากรัสเซียจะไปยุโรปต้องผ่านยูเครน เป็นชุมทางท่อขนส่งพลังงานสำคัญที่สุด
... ส่วน "พม่า" นั้น จีนวางแผนมานานแล้ว ที่จะออกไปทะเลอันดามัน อ่าวเบงกอล ที่เมือง "เจ้าผิว" ในรัฐ "ยะไข่" ตะวันตกของพม่าเพื่อเชื่อมต่อกับ "ยูนนาน" ทางใต้ของจีน เพื่อขนส่งน้ำมันและแก๊สจากอาฟริกา และอาหรับ ที่จีนไปกว้านซื้อไปเยอะ แต่หาทางส่งที่ประหยัด ไม่ต้องอ้อมโลก แต่สุดท้ายโดน "สกัดกั้น" โดยการสร้างเรื่อง "โรฮินจา" โดยอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน ( แต่ผู้อพยพที่ไปยุโรปกลับไม่ว่าอะไร ไม่ว่าอะไรยุโรปเลย ) เพราะทางออกพม่านั้นเป็นทางที่ใกล้กว่า
... และจะเห็นว่าตั้งแต่ 2010 หลังเลือกตั้งกำมะลอ อเมริกาพยายามดึงพม่าออกจากจีนมากขึ้น ทั้งยังสร้างความแตกแยกระหว่างสองชาติ ทั้งชนกลุ่มน้อยโกกั้ง ว้าแดง มูเซอแดง ... เป็นไปได้สูง เพราะในสมัยสงครามเย็นอเมริกาก็หนุนชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่มในการปั่นป่วนรัฐบาลพม่ามาแล้ว
... ส่วนทาง "เวียตนาม" นั้นอเมริาพยายามสร้างกรณีขัดแย้งเรื่อง "หมู่เกาะสแปรตลี่์และพราราเซิ่ล" มาทำให้เวียตนามและจีนทะเลาะกัน เพื่อจะทำให้โครงการรถไฟเชื่อมกับสองประเทสะดุดลง ล่าสุดโครงการรถไฟความเร็วสูงที่จะเชื่อมกัน ญี่ปุ่นก็ถอนตัวออกมาแล้ว ( ไม่รู้ว่าโดนลูกพี่บีบลูกเงาะคู่หรือเปล่า ) ส่วนกัมพูชานั้นตั้งแต่เจ้านโรดมสีหนุมาจนถึงอฮุนเซนยังสนิทกับจีนมาโดยตลอด
... ซึ่งเรื่องเครือข่ายเส้นทางรถไฟเชื่อมจากฝั่งเวียตนามมาทะลุพม่าจนถึงจีนตอนใต้และสิงคโปร์นั้น ไม่ใช่ของใหม่ แต่เป็นโครงการณ์เก่าที่สมัยล่าอาณานิคม "อังกฤษ" และ "ฝรั่งเศส" ที่ตอนนั้นกำลังล่าเมืองขึ้นไปทั่วโลก วางแผนที่จะทำเส้นทางเชื่อมกันเพื่อรุมกินโต๊ะจีน ที่กำลังเป็น "คนป่วยของเอเชีย" สมัยราชวงศ์ชิง จึงเตรียมเส้นทางไว้ล่วงหน้า เตรียมดูดทรัพยากรและหาทางลงเรือส่งกลับบ้าน และเป็นเส้นทางการส่งสินค้าด้วย และช่วงปี 1930s อังกฤษก็จะเริ่มสร้างโครงการเส้นทางรถไฟสาย "พม่า - ยูนนาน" แล้วด้วย แต่ยกเลิกไปเสียก่อน เพื่อจะตีท้ายครัวจีน แต่เส้นทางถนนนั้นสร้างไปแล้ว จนกลายเป็นถนนประวัติศาสตร์ " Burma Road" ที่แสนคดเดี้ยวและอันตราย จีนแค่ปัดฝุ่นโครงการใหม่แค่นั้นเอง
... ดังนั้นเราจึงต้องอ่านแผนที่โลกแห่งเรื่องราวความจริงให้ทะลุ อย่าเดินทางไปในถนนทางตันที่เขาสร้างมาหลอกหรือแม้แต่ตกเหวทางความเข้าใจหรืออคติได้ เพราะเมื่อตกไปแล้ว โอกาศจะเข้าใจอะไรก็จะน้อยลงไปอีก
.
https://en.wikipedia.org/wiki/Kunming–Singapore_Railway

 

ไอซิส ลักพาตัวเด็กอิรัก 111 คน เพื่อล้างสมอง-ปลูกฝังแนวคิดก่อการร้าย
โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.ค. 8, 2015



presstv – กลุ่มก่อการร้ายไอซิส ก่อเหตุลักพาตัวเด็กนักเรียนจำนวน 111 ราย ไปจากหลายพื้นที่ของเมืองโมซุลทางภาคเหนือของอิรัก เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คาด เตรียมนำตัวไปรับการฝึก “ก่อการร้าย”

สถานีโทรทัศน์ข่าวภาษาอาหรับ “อัล ซูมาเรีย” รายงานว่า ซาอีด มามูซินี โฆษกพรรคประชาธิปไตยเคอร์ดิสถาน ในอิรักระบุว่า เด็กที่ถูกสมาชิกกลุ่มไอซิสลักพาตัวไปนั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 111 รายและส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กที่มีอายุระหว่าง 10 – 15 ปี

แหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า เด็ก ๆ ที่ถูกลักพาตัวไปทั้งหมด จะถูกส่งตัวไปยังโรงเรียนของกลุ่มไอซิส ซึ่งจะมีการสอนทั้งวิชาการต่อสู้ การฝึกก่อวินาศกรรม และการ “ล้างสมอง” ปลูกฝังอุดมการณ์แบบสุดโต่งของกลุ่มไอเอสให้กับเด็กเหล่านี้

โฆษกพรรคประชาธิปไตยเคอร์ดิสถาน ในอิรัก เผยว่า กลุ่ม ไอซิส ได้ก่อเหตุลักพาตัวเด็ก ๆ ไปแล้วอย่างน้อย 1,420 ราย จากพื้นที่เมืองโมซุล เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรักนับตั้งแต่ที่กลุ่มไอเอสบุกเข้ายึดเมืองแห่งนี้เอาไว้ได้เมื่อกว่า 1 ปีมาแล้ว และเด็ก ๆ เกือบทั้งหมดจะถูกฝึกเข้ม เพื่อเตรียมถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจก่อวินาศกรรม และทำงานด้านข่าวกรองในพื้นที่เป้าหมาย

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ในระยะหลัง กลุ่มไอซิสมักใช้เด็ก ๆ เหล่านี้ให้ทำหน้าที่เพชฌฆาตในการประหารชีวิตเชลยศึกที่เป็นนักรบของฝ่ายตรงข้ามที่ถูกจับตัวได้ รวมถึง ตัวประกันที่อยู่ในความควบคุมของไอซิสส ตลอดจน การใช้เด็กๆ พวกนี้ให้ทำหน้าที่ประหารชีวิตนักรบกลุ่มไอซิสด้วยกันที่พยายามหนีทัพ หรือพ่ายแพ้ในการสู้รบ

นอก

เหนือจากเด็ก ๆ รวมอย่างน้อย 1,420 รายที่ถูกลักพาตัวไปจากเมืองโมซุลและพื้นที่อื่น ๆ ทางภาคเหนือของอิรักแล้ว ข้อมูลจากหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐบาลอิรักยังระบุว่า มีเด็กอีกราว 500 รายที่ถูกกลุ่มไอเอสลักพาตัวไปจากพื้นที่จังหวัดอันบาร์ทางตะวันตก และจังหวัดดิยาลาที่อยู่ทางตะวันออกของประเทศ



PressTV-111 کودک عراقی توسط داعش ربوده شدند
PressTV-استفاده داعش از کودکان در عملیات انتحاری

ไอซิส ลักพาตัวเด็กอิรัก 111 คน เพื่อล้างสมอง-ปลูกฝังแนวคิดก่อการร้าย | abnewstoday

 

เวหา จักรพยุหะ ได้เขียนบันทึกใหม่: สถิติดวงดาวเรื่องถนนทรุด.

สถิติดวงดาวเรื่องถนนทรุด





เป็นปรากฎการณ์เล็กๆ แต่ก็ไม่ใช่จะเกิดปล่อยนัก
ก็เลยวิเคราะห์ดูว่าเกิดจากอะไร
จากดวงจักรราศี
จะเห็นดาวอาทิตย์ ( ๑ ) + อังคาร ( ๓ )
ที่ราศีเมถุน ( ภพ ๓ ดวงเมือง ) = ราศีเกี่ยวกับ ถนนหนทาง การคมนาคม กระทรวงคมนาคม ฯลฯ
ดาวอาทิตย์จรเล็ง ๑๘๐ องศา กับ ดาวพลูโตจร ( ดาวแห่งพังทลาย พินาศรุนแรง หรือ การรื้อล้างสร้างเสริม ฯลฯ )
ดาวอังคารจร เล็ง ๑๘๐ องศาดาวเสาร์เดิมดวงเมือง ( ถาวรวัตถุ สิ่งก่อสร้างเก่าๆ )
และ ทับสนิท ๐ องศา ดาวมฤตยูเดิมดวงเมือง ( เจ้าแห่งความเร็ว )ในราศีเมถุน ( ถนนหนทาง )
ขณะที่ ดาวมฤตยูจรในเรือนวินาศน์ เล็ง ๑๘๐ องศา ราหูจร ในเรือนอริ ดวงเมืองพอดี
ดาวจันทร์ เจ้าเรือน เกี่ยวกับ ยานพาหนะ ก็ไปกุมกับพลูโต
และ ทำมุมร้าย ๙๐ องศา กับดาวพุธเดิมดวงเมือง
และทำมุม๑๕๐ องศา กับ จันทร์เดิมดวงเมือง
พุธเจ้าเรือนถนนหนทาง ก็ทำมุมร้าย ๔๕ องศากับดาวอาทิตย์เดิมดวงเมืองด้วย
ก็บันทึกไว้เป็นสถิติโหรอีกเรื่องหนึ่ง

 

ปอกเปลือก ทรราช
จีนสามารถช่วยปลดหนี้ให้กรีซได้หรือไม่?



------------
วันก่อน (7 ก.ค.58) เข้าไปส่องสื่อฯจีนเพื่อดูว่ามีข่าวอะไรน่าสนใจบ้าง ก็มีหลายข่าวอยู่นะ ข่าวเกี่ยวความผันผวนของตลาดหุ้นจีน ซึ่งสื่อฯจีนเขาไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องราวใหญ่โตขนาดว่า "สัญญาณบ่งบอกว่าฟองสะบู่จีนกำลังจะแตก" อย่างที่สื่อฯตะวันตกกำลังโหมข่าวโจมตีอยู่ในขณะนี้เลย จึงคิดว่าไม่น่าจะรุนแรงเท่าไรนัก งั้นไปดูข่าวอื่นต่อ และก็ไปสะดุดที่บทบรรณาธิการของเว็บไซต์สื่อฯออนไลน์ Global Times ของจีนที่ขึ้นชื่อเรื่องว่า "Can China play a role in Greek debt crisis?" ซึ่งก็แปลตามหัวข้อของโพสต์นี้นั่นเอง อยากจะรู้ว่าในมุมมองของจีนนั้นเขาคิดอย่างไรกับกรณีวิกฤตหนี้สินของกรีซที่ทั่วโลกกำลังจับตาอยู่ในขณะนี้ พออ่านแล้วคิดว่าถ้าเอามาแปล เล่าให้แฟนเพจได้รู้บ้างก็คงจะดี ไม่ยาวเท่าไรนัก กำลังดี ฟังดูนะครับ...
----------
ในขณะที่จีนได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างยิ่งยวดโดยเปิดเผยเพื่อที่จะรักษาเสถียรภาพของตลาดหุ้นของจีนเอาไว้ ระเบียบการเงินของยุโรปก็กำลังได้รับการท้าทายโดยไม่ลดละจากกรีซ การทำประชามติเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาซึ่งบอกว่า "ไม่" ต่อมาตรการรัดเข็มขัดของพวกเจ้าหนี้ต่างประเทศ (ทรอยก้า) ซึ่งก่อให้เกิดทางตันที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนนับตั้งแต่มีการก่อตั้งยูโรโซน (eurozone) ขึ้นมา กรีซได้ผิดชำระหนี้เงินกู้ IMF มาแล้ว และอียูอาจจะเป็นรายต่อไปที่จะโดนกรีซผิดชำระหนี้ ในขณะเดียวกัน ธนาคารกรีซก็ได้ปิดให้บริการมาเป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้ว ประเทศกรีซกำลังอยู่บนปากเหวของการล้มละลาย (The country is on the verge of bankruptcy)
หลายคนต่างก็มีความสนใจเป็นอย่างมากว่าจีนอาจจะก้าวเข้าไปมีบทบาทหลังจากที่กรีซกับอียูประสบความล้มเหลวในการเจรจาประณอมหนี้กัน พวกเขาประหลาดใจว่าจีนจะเสนอให้ความช่วยเหลือกรีซได้หรือไม่ และจีนจะเข้าไปมีบทบาทอะไรในข้อขัดแย้งภายในของอียูเอง
ความขี้สงสัยใคร่รู้นี้เป็นสิ่งที่พอจะเข้าใจได้ เนื่องจากจีนมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่อุดมสมบูรณ์ (เหลือเฟือว่างั้นเถอะ คุยทับซะเลย) และกรีซก็ยังเป็นประเทศที่สำคัญในการริเริ่มโครงการ "หนึ่งสายพานลำเลียง หนึ่งถนน" (One Belt, One Road) ของจีนด้วย เห็นได้ชัดว่าจีนกำลังจะเข้าไปช่วยเหลือกรีซแก้ไขปัญหาในการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม
อย่างไรก็ตาม จีนยังหวังว่าความพยายามของตนจะช่วยยกกรีซออกจากความยากลำบาก สามารถที่จะเป็นประโยชน์ต่อภาพลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่และยังเป็นการสร้างสรรค์ด้วย อีกนัยหนึ่งนั้น จีนก็ต้องการที่จะมีส่วนร่วมที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งกรีซและอียู ความคิดนี้ฝังรากลึกอยู่ในความสำพันธ์ต่างประเทศของจีน
มันไม่ใช่ภาษาทางการทูตเมื่อนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง (Li Keqiang) ของจีนกล่าวว่า "จีนหวังที่จะเห็นกรีซอยู่ในยูโรโซนต่อไป" จีนอาจจะเป็นประเทศหนึ่งในหลายประเทศที่อยู่ภายนอกอียู ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่ายุโรปจะรุ่งเรืองเฟื่องฟู อียูที่แข็งแกร่งจะเป็นการตอบโต้ที่สำคัญที่สุดต่อสหรัฐฯ ในขณะที่จีนจะไม่ได้รับความสูญเสียอะไรเลย (เพราะอะไร? ก็เพราะว่าจีนจะหันมาค้าขายกับอียูมากขึ้นนะสิ)
ประชาชนชาวจีนธรรมดาสามัญทั่วไป อาจจะคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกรีซนั้นเป็นเรื่องที่ห่างไกลจากจีนมากนัก แต่การสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดจะทำให้เรา (ชาวจีน) เข้าใจได้ว่าชาติสมาชิกของอียูส่วนมากแล้วมีแนวโน้มที่จะเป็นเพื่อนกับจีน ในโครงการที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันทั้งจีนและอียูนั้น เราสามารถที่จะมีทัศนคติที่ดีได้ (พูดอีกก็ถูกอีกหละ)
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับกรีซได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินผ่านสถาบันพหุภาคีต่างๆ (multilateral institutes) เช่น IMF จีนยังได้ลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของกรีซอีกด้วย ในช่วงเวลาวิกฤตหนี้สินของกรีซนี้ จีนก็ยังได้รับซื้อพันธบัตรของกรีซเอาไว้ด้วย
กรีซมีโอกาสมากที่จะอยู่ในยูโรโซน (ต่อไป) แม้ว่าจะปฏิเสธเงื่อนไขการรับเงินช่วยเหลือ (ของพวกเจ้าหนี้) ก็ตาม อียูเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่กรีซ (bailout) ดังนั้น จีนก็สามารถที่จะรับภาระช่วยอียูให้ก้าวพ้นวิกฤตหนี้มหาศาลในครั้งนี้ไปได้ (เขาให้คำว่า EU ไม่ใช่กรีซเท่านั้นที่กำลังประสบวิกฤตในครั้งนี้)
ยุโรปจะต้องเผชิญหน้ากับหลังวิกฤตหนี้สินของกรีซ (post-Greece crisis) จีนควรจะให้ความสนใจไปที่ว่ายูโรโซนจะเก็บกวาดความยุ่งเหยิงที่กรีซได้สร้างไว้ได้อย่างไร และสิ่งที่ยูโรโซนจะสามารถต้านทานต่อผลที่จะตามมาได้
---------
นี่คือในมุมมองของจีนต่อการให้ความช่วยเหลือกรีซ ซึ่งมองว่าไม่เกินความสามารถของจีนหรอกหนี้ก้อนแค่นี้เอง จีนช่วยได้อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าพวกเจ้าหนี้จะยอมให้จีนช่วยหรือไม่ พวกเจ้าหนี้ก็ไม่กล้าโยนเค้กให้จีน เพราะถ้าจีนเข้าไปรับซื้อหนี้เน่าของกรีซไว้ทั้งหมด นั่นหมายความว่ากรีซจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของจีนหรืออยู่ภายใต้อิทธิพลของจีนไปโดยปริยาย ยูโรปยอมไม่ได้เด็ดขาด ยังไงซะพวกเจ้าหนี้ก็จะหาทางบีบให้กรีซยอมรับเงื่อนไขของเจ้าหนี้และให้อยู่ต่อในยูโรโซนต่อไปจนได้ แต่พวกเจ้าหนี้ก็เตรียมมาตรการรองรับในกรณีที่แย่ที่สุดซึ่งก็คือกรีซออกจากยูโรโซนเอาไว้แล้ว แต่ยังไม่เปิดเผย นั่นก็หมายความว่ากรีซเสร็จจีนกับรัสเซียแน่ๆ ซึ่งนั่นจะหมายถึงตราประทับที่หน้าอับอายของอียูไปตลอดกาล
The Eyes
09/07/2558
----------
Can China play a role in Greek debt crisis? - Global Times

 

ปอกเปลือก ทรราช
ปัญหาความขัดแย้งกลุ่มชาติพันธุ์ "อุยกูร์" ขยายเป็นความขัดแย้งระหว่างจีนกับตุรกี และกำลังลามมาที่ไทย



------------
ไทยแก้ไขปัญหาเรื่องผู้อพยพและการค้ามนุษย์ชาวโรงฮิงญาได้แล้ว ปัญหาใหม่ก็เกิดขึ้นอีก เมื่อมีชาวซินเจียงอุยกูร์ (Xinjang Uyghur) หลบหนีจากจีนเข้ามายังเมืองไทย เกี่ยวอะไรกับไทยด้วยหละ? นั่นสิ... อุยกูร์เกี่ยวอะไรกับไทยด้วย การก่อเหตุความรุนแรงและความขัดแยงในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ที่ประเทศจีน ซึ่งต้องการจะแบ่งแยกดินแดนจากจีนนั้นมันเกี่ยวอะไรกับประเทศไทยด้วย? ไม่เกี่ยวเลย แต่มีบางคนบางกลุ่มที่ต้องการให้เกี่ยว ใครคือผู้ให้ที่ลี้ภัยแก่นาง Rebiya Kadeer ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มอุยกูร์? ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน? นางเป็นนักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมืองแกนนำของกลุ่มชาติพันธุ์อุยกูร์ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของจีน ปัจจุบันนี้นางลี้ภัยอยู่ที่รัฐเวอร์จิเนียประเทศสหรัฐฯภายใต้ปีกของอเมริกา
เมื่อมีการก่อเหตุความรุนแรงในจีนโดยกลุ่มอุยกูร์บางคน ทางการจีนก็ใช้กำลังปราบปราม ดำเนินคดี จับเข้าเข้าคุก และลงโทษประหารชีวิต (บางราย) บางคนก็หลบหนีความผิด บางคนที่ไม่ได้ทำความผิดก็หนีออกจากจีนมาด้วย หนีไปที่ไหน? ไปตุรกี บางส่วนมาทีประเทศไทย อ้างว่าเพื่อต้องการจะเดินทางต่อไปยังตุรกี แล้วทำไมต้องมาที่ประเทศด้วย? ไทยไม่ได้มีชายแดนติดกับตุรกีและจีนซะหน่อย? นั่นสิ เดินทางมาทางไหน? เครื่องบิน ค่าใช้จ่ายมันไม่ใช่ถูกๆนะ ทำไมถึงไม่ไปประเทศอื่น? ทำไมต้องเป็นประเทศไทยด้วย? ต้องถาม ยูเอ็นเอชซีอาร์ และสหรัฐฯผู้อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้ซะแล้ว ทำไมต้องมองว่า ยูเอ็นเอชซีอาร์ อยู่เบื้องหลัง? ก็พี่แกรีบแสดงตัวทันทีที่ไทยส่งชาวอุยกูร์บางส่วนกลับประเทศจีนหลังจากผ่านการพิสูจน์สัญญาชาติตามกฎหมายระหว่างประเทศแล้วนะสิ แต่ทั้งตุรกีและ ยูเอ็นเอชซีอาร์ บอกว่าไทยละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะไม่ยอมส่งพวกอุยกูร์ที่หลบหนีเข้าเมืองไปยังจุดหมายปลายทางที่เขาต้องการซึ่งรวมทั้งผู้ที่มีคดีติดตัวหนีความผิดจากจีนมาด้วย แล้วจะให้ไทยอธิบายเรื่องนี้กับจีนอย่างไร?







จริงๆแล้วจีนต้องการให้ไทยส่งตัวชาวอุยกูร์ทั้งหมดกลับไปพิสูจน์ที่จีนเลยหละ แต่ไทยบอกว่าเพื่อความเป็นกลางต้องพิสูจน์สัญชาติก่อนถ้าพบว่าเป็นชาวอุยกูร์จริงและไม่มีหมายจับไม่มีคดีความจากทางจีนติดตัวมา ไทยก็ยินดีจะส่งไปยังตุรกีซึ่่งเป็นประเทศปลายทางตามที่ชาวอุยกูร์ต้องการ (อย่าลืมนะว่าตุรกีก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่สหรัฐฯใช้เป็นฐานฝึกกองกำลังติดอาวุธอ้างว่าเพื่อส่งไปล้มรัฐบาลซีเรีย ต่อไปอาจจะมีโปรแกรมฝึกให้กับกลุ่มอุยกูร์ด้วยก็ได้) ซึ่งทางตุรกีและจีนก็ตกลงตามนี้ แต่ตุรกีต้องการมากกว่านั้นคือให้ส่งทั้งหมดนั้นไปที่ตุรกีโดยตรง จีนบอกว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ นั่นก็เท่ากับไทยทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศเช่นกันเพราะอาจจะเข้าข่ายให้ที่ลี้ภัยแก่ผู้มีความผิดที่หนีมาจากประเทศอื่น (จีน) ไม่ว่าจะทำอย่างไรไทยก็จะโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง แต่จุดยืนของไทยก็คือไม่ขอเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งนั้นด้วย และอย่าพยายามดึงไทยเข้าไปร่วมด้วย และพวกสื่อฯรับจ้างก็อย่ามาอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชนอีก ว่าไทยไม่ช่วยเหลือชาวอุยกูร์ที่หลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
เมื่อวานนี้ (9 ก.ค.58) ลุงตู่ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเกี่ยวกับกรณีส่งตัวชาวอุยกูร์จำนวน 100 คน (หลังผ่านกระบวนการพิสูจน์สัญชาติแล้ว) กลับไปที่จีนเมื่อวันที่ 8 ก.ค 58 ผ่านมาหลังจากเกิดเหตุการบุกเข้าทำลายสถานกงศุลไทย (สถานทูต) ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี.



-------------
โดยลุงตู่กล่าวว่า "อย่าลืมว่าวันนี้เราไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง ขอร้องว่าอย่าเอาเราไปเป็นคู่ขัดแย้งทุกเรื่องเลย วันนี้เราเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลาง ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและพันธกรณีระหว่างประเทศทั้งสิ้น มันมีกระบวนการตรวจสอบการพิสูจน์สัญชาติ มีความผิดอะไรหรือไม่ เราในฐานะประเทศคนกลางก็ต้องตรวจสอบและแยกส่งให้เกิดความชัดเจน ถ้าเราไม่ทำแบบนี้มันก็มีปัญหา ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ส่งกลับไปยังประเทศต่างๆ ตามขั้นตอนและหลักฐาน ซึ่งบางประเทศมีปัญหามากกว่านี้เสียอีก อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ขอให้มีการแก้ไขกันในระดับรัฐบาลดีกว่า ยืนยันว่าขณะนี้เรากำลังทำอยู่"



"แต่ผมก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องของผม ก็ส่งไปให้แล้ว มันอยู่ที่กติกา สัญญาว่าอย่างไรในขณะที่อีกประเทศหนึ่งสัญญาว่าจะดูแลให้ดีที่สุด ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ไปใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาและลงโทษ มีการรับรองซึ่งทั้งหมดก็ต้องรับรองซึ่งกันและกันด้วย ทั้งนี้ผมก็ให้กระทรวงการต่างประเทศประเมินดูว่า ถ้าสถานการณ์ยังเกิดความรุนแรงขึ้นก็อาจจะต้องปิดสถานทูตไทยในตุรกีแล้วหาที่ทำงานใหม่ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย วันนี้ยืนยัน เรายังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตุรกีอยู่ วันนี้เราต้องช่วยกันลดแรงกดดันลงไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นมันจะกลับมาที่ตัวเราเอง อย่าลืมว่าเราเป็นประเทศที่อยู่กลางทาง เหมือนกรณีปัญหาการค้ามนุษย์โรฮีนจา เนื่องจากมีการหลบหนีข้ามแดนมาอยู่กับเรา เราต้องพิสูจน์สัญชาติว่าใครเป็นพวกไหน อย่างไร เกิดที่ไหน ก็ต้องส่งกลับไปตามนั้น"





เมื่อถามย้ำว่า ข้อตกลงที่ไทยคุยไว้กับทางการจีน คือ เมื่อกลับไปแล้วกลุ่มอุยกูร์เหล่านี้ต้องกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรม และจะดูแลความปลอดภัยโดยจีนยืนยันว่าจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถ้าไม่เกี่ยวข้องก็จะปล่อยตัว หาที่ทำกินให้ แต่ถ้ามีหลักฐานประจักษ์ชัดเจนก็ต้องดำเนินคดี ยืนยันว่าไทยปฏิบัติถูกต้องทุกประการ ไม่ต้องมากังวล ตนทำอะไรระมัดระวังอยู่แล้ว วันนี้ขออธิบายให้ชาวมุสลิมได้ทราบว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปทำลายใครทั้งสิ้น ความมุ่งหวังของเราคือให้เกิดความสงบสุขมากที่สุด ก็เหมือนกับกรณีถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นไม่ว่าจะกรณีใดก็ตามก็ต้องไปดูตามพันธะสัญญาของกฎหมาย เราจะไปทำตามใจตนเองไม่ได้ หรือจะเข้าข้างใดข้างหนึ่งก็ไม่ได้ ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ได้ก่อน วันนี้ก็ขึ้นอยู่กับหลักฐานต่างๆ ที่ได้มา หลักฐานใครพร้อมและชัดเจนมากกว่าก็ต้องส่งกลับไป
เมื่อถามว่า ขณะนี้ทางตุรกี ได้ช่วยดูแลสถานทูตไทยอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาก็ต้องดูแลเรา เราคงจะไปสั่งเขาไม่ได้ วันนี้ก็ได้ขอร้องเขาไปแล้วว่าให้ช่วยดูแลก็อยู่ที่ว่าเขาจะดูแลเราได้แค่ไหน มีขีดความสามารถแค่ไหน แต่ปัญหามันอยู่ที่ความรุนแรงเกิดขึ้นเพราะคนกลุ่มนี้ เมื่อถามว่า คนไทยที่อาศัยในตุรกีขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานยังไม่มีผลกระทบ ถ้ามีก็คงมีการรายงานขึ้นมา ถ้ารายงานมาเมื่อไหร่ก็ทราบเมื่อนั้น เรื่องนี้ตนรู้มาตั้งแต่ต้นจนจบ
เมื่อถามต่อว่า กลุ่มที่เคลื่อนไหวทำลายทรัพย์สินของทางการไทยเป็นกลุ่มไหน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็เป็นกลุ่มที่ส่งกลับไปนั่นแหละ กลับไปรวมกลุ่มกับไอ้คนที่อยู่เก่าอยู่แล้วที่ตุรกีเขารับเข้าไปอยู่ในประเทศเขาไง ก็เป็นเรื่องของเขา เขาต่อสู้ตามแนวความคิดของเขา ก็เป็นเรื่องของเขาสิ ทำไมจะต้องเอาไทยไปขัดแย้งกับตุรกี ขัดแย้งกับจีน หรืออุยกูร์ ความจริงไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับเราสักเรื่องเลย อย่าไปกังวลเรื่องนี้เลย เดี๋ยวมันก็คลี่คลาย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็บานปลายไปสู่เรื่องนั้นเรื่องนี้ไปถึงชาวมุสลิมกลายเป็นเรื่องใหญ่โต สื่อก็ช่วยกันทำให้เรื่องต่างๆ มันลดลงหน่อยได้หรือไม่ ผมไม่ได้ขัดแย้งกับมุมมองของสื่อ แต่ขอให้มองว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติอยู่ตรงไหน ความขัดแย้งอยู่ที่ไหน ถ้ามัวแต่ไปขยายความขัดแย้งอยู่อย่างนี้ หาเรื่องไปเรื่อยๆ ปัญหาไม่มีวันจบก็ขอให้สื่อเลิกเสียที เรื่องไหนมีการอธิบายแล้วก็ขอให้จบ ไม่ต้องไปขุดคุ้ยให้มันได้อะไรขึ้นมา”
-----------
ปัจจุบันมีชาวอุยกูร์ที่อยู่ในการดูแลของไทยประมาณ 1,300 คน (จะมีมาเพิ่มอีกไหมนี่?) ไทยได้ส่งไปยังตุรกีแล้วทั้งสิ้นจำนวน 170 คน ใครได้ประโยชน์จากจุดนี้หากขยายความขัดแย้งออกไปจนกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศระหว่างไทยกับตุรกี เข้าแผนต่อต้านจีนอีกหละ ใครที่คบกับจีนเป็นเพื่อนกับจีนหรือรัสเซียก็ถูกกลั่นแกล้งและบ่อนทำลายแบบนี้ไปเรื่อย เพราะสหรัฐฯไม่ชอบที่จะเห็นจีนมีอำนาจและมีพันธมิตรเพิ่มมากขึ้น
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีการประท้วงต่อต้านจีนในตุรกี จนชาวจีนที่อาศัยอยู่ในตุรกีถูกทำร้ายไปด้วย อันเนื่องมาจากการปล่อยข่าวว่าจีนห้ามประพิธีทางศาสนาของบางศาสนาในช่วงเดือนรอมฏอน (Ramadan) ในเขตปกครองตนเอง Xinjiang Uygur แต่ทางการจีนได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง แต่ชาวอุยกูร์ที่อพยพไปอยู่ในตุรกีบางส่วนก็ออกมาประท้วงเผาธงชาติของจีน และทำร้ายชาวจีนบางคนในตุรกี (สูตรเดิมเหมือนกับที่เอามีดไล่แทงคนในที่สาธารณะในมณฑลซินเจียงกุยอูร์ที่เป็นข่าวบ่อยนั่นแหละ) แต่พวกที่ก่อเหตุเหล่านี้ไม่กล้าที่จะบุกไปทำลายสถานทูตจีนในตุรกี เพราะอะไร? แต่พอมีข่าวว่าไทยส่งตัวชาวอุยกูร์บางส่วนกลับไปที่จีน พวกนี้กลับพากันบุกเข้าไปทำลายสถานทูตไทยในตุรกี นั่นหมายถึงว่าชาติตะวันตกไม่สามารถให้ความปลอดภัยแก่สถานทูตต่างประเทศและนักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวหรือประกอบธุรกิจในประเทศนั้นๆได้เลย (หรือจงใจให้เกิดเหตุการอย่างนั้นขึ้นมากันแน่?)
เมื่อวันที่ 7 ก.ค.58 ที่ผ่านมา สำนักข่าว China Daily ของจีนลงข่าวเรื่องหนึ่งว่า "Turkey's twisted facts" แปลว่า "ข้อเท็จที่บิดเบี้ยวของตุรกี (การบิดเบือนข้อมูล)" โดยสื่อฯจีนรายงานว่า...
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรณีที่นักท่องเที่ยวชาวจีนถูกโจมตีและถูกรบกวนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในตุรกีได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยให้กับเหล่านักท่องเที่ยวชาวจีน (ในตุรกี)
หลังจากที่สื่อฯท้องถิ่นได้รายงานว่าจีนสั่งแบนในช่วงเดือนรอมฎอนในเขตปกครองตนเองซินเจียงกุยอูร์ การโจมตีหลายครั้งมีเป้าหมายที่นักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเกิดขึ้นในตุรกีและในช่วงที่มีการประท้วงต่อต้านจีนทั่วประเทศ
แต่รายงานบอกว่า "ชาวมุสลิมในซินเจียงถูกสั่งให้ระงับการสวดมนต์และการถือศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอนซึ่งเป็นที่เห็นได้ชัดว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง (a blatant distortion of facts)"
ในฐานะที่เป็นประเทศที่มีเสรีภาพในการประดิษฐานความเชื่อทางศาสนา (มีเสรีภาพในการนับถือศาสนา) ในรัฐธรรมนูญของประเทศจีน จีนให้ความเคารพพิธีกรรมทางศาสนาของชาวมุสลิมอย่างเต็มที่
แม้ว่าในปีนี้ก่อนเดือนรอมฎอนจะเริ่มขึ้น ทางการของซินเจียงซึ่งเป็นบ้านของชุมชนชาวมุสลิมจำนวนมากที่สุดในประเทศ ได้แสดงออกถึงความพยายามเพื่อให้มั่นใจว่าชาวมุสลิมจะสามารถประกอบพิธีถือศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอนในความสงบและความสามัคคี
ประเทศที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ตุรกีมีความเชื่อมโยงทั้งทางภาษาและศาสนากับชุมชนอุยกูร์ในซินเจียง และเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ตุรกีได้ชี้นิ้วกล่าวหามาที่นโยบายของจีนในภูมิภาคดังกล่าว
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลตุรกีได้ออกแถลงการณ์โดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า "ตุรกีมีความเป็นกังวลใจเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อชาวมุสลิมของจีน" นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนอีกด้วย และทำให้ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีมีความตึงเครียดขึ้นมา
การแทรกแซงของกรุง Ankara (เมืองหลวงของตุรกี) ในปัญหาซินเจียงของจีนได้กลายเป็นปัญหาคอขวดในพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างจีนกับตุรกี รัฐบาล (ของตุรกี) ไม่ควรปล่อยให้พวกชาตินิยมและพวกขวาจัดเข้ามายึดครองสายสัมพันธ์กับจีนซึ่งนั่นทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศเป็นตัวประกัน
ตุรกีควรจะเคารพบรรทัดฐานพื้นฐานการปกครองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้วยการใช้การเคลื่อนไหวเพื่อลดความรู้สึกต่อต้านจีน และนำผู้กระทำผิด (perpetrators) เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เช่นการไล่ล่าทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ (harassment of foreign tourists) ซึ่งเป็นอาชญากรรม และนำมาซึ่งความอับอายให้กับอารยสังคม
มันเป็นความรับผิดชอบที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในการปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยวชาวจีน และป้องกันไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
นี่สื่อฯจีนเขาเขียนสั่งสอนรัฐบาลตุรกีสั้นๆ แค่นี้ รู้เรื่อง! สื่อฯจีนกล้าที่จะสู้กับความจริงที่ตุรกีไม่อาจจะปฏิเสธได้ และเป็นการประณามการกระทำความรุนแรงต่อนักท่องเที่ยวชาวจีนด้วย มันเป็นเรื่องขายหน้าของรัฐบาลตุรกีมากๆ ที่ไปหลงเชื่อข่าวปล่อยข่าวลือจนนำไปสู่ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คราวนี้พวกจ้องจะสร้างสถานการณ์ก็หันมาโจมตีสถานทูตไทยแทน (กรรม!) สื่อฯไทย (ขี้ข้าอเมริกา) มีความกล้าที่จะทำข่าวอย่างสื่อฯจีนบ้างไหม? ลองตรวจดูแล้ว สื่อฯไทย (บางสำนัก) นอกจากไม่ให้ข้อมูลที่ครบถ้วนรอบด้านกับสังคมแล้ว ดูเหมือนว่าจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับ ยูเอ็นเอชซีอาร์ ซะด้วย รีบประโคมข่าวทันทีว่า ยูเอ็นเอชซีอาร์ ออกมาตำหนิไทยว่าทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ เฮ้อ… เพลียจิตกับสื่อฯขี้หมาพวกนี้จริงๆ ดูเหมือนว่าพวกนี้จะชอบใจซะด้วยที่สถานทูตของประเทศตัวเองถูกเผา (กรรม!)
ลองเช็กข่าวย้อนหลังดู ไม่ใช่มีเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนเท่านั้นนะที่ถูกโจมตี พอเขาปลุกคนให้คลั่งแล้วยังลามไปถึงการบุกเข้าไปทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีอีกด้วยเนื่องจากเข้าใจว่าเป็นชาวจีน (ไม่มีเหตุผลเลย!)
งานนี้ลุงตู่ทำถูกแล้วที่ไม่ยอมให้ใครมาดึงไทยเข้าไปสู่ปัญหาความขัดแย้งเรื่องอุยกูร์ในจีน เขาจะจัดการอย่างไรก็เรื่องของพวกเขา นั่นถือว่าเป็นเรื่องภายในประเทศของเขา ไทยไม่มีสิทธิ์เข้่าไปยุ่ง ต้องตำหนิ ยูเอ็นเอชซีอาร์ ด้วยว่าส่งคนเหล่านั้นเข้ามาในประเทศไทยทำไม ทำไมถึงไม่ส่งไปที่อื่น? ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก เพราะสหรัฐฯต้องการจะให้ไทยเกิดปัญหาร้อยแปดพันเก้า ไม่ว่าทั้งในหรือต่างประเทศ ปล่อยให้พี่แกซ่าไปก่อน ตอนนี้ก็ลังดิ้นสุดๆ เศรษฐกิจภายในประเทศสหรัฐฯเองก็แย่ กลุ่ม BRICS และ SCO ก็เริ่มจะแข็งขึ้นเรื่อยๆ อียูก็หันมา sweet กับจีนมากขึ้น ดูซิว่าจักรวรรดิอเมริกาจะอยู่รอดได้ซักกี่น้ำ
คำถามสำคัญ... ทำไมต้องเป็นที่ซินเจียงอุยกูร์ด้วย? ง่ายๆ… ก็เพราะ "โครงการเส้นทางสายไหมเส้นใหม่" (New Silk Road) ของจีนอย่างไรเล่า ถ้าแยกซินเจียงออกจากจีนได้ โครงการนี้ที่จะเชื่อมมายังเอเซียกลางและเอเซียใต้รวมทั้งรัสเซียด้วยก็จะเป็นหมันทันที ไหนจะเส้นทางการวางแนวท่อแก๊สจากรัสเซียเข้าไปยังจีนมูลค่ามหาศาลอีกหละ ไม่แปลกใจที่สหรัฐฯสนับสนุนซินเจียงอุยกูร์ โดยยกประเด็นเรื่องกลุ่มชาติพันธุ์และศาสนาขึ้นมาเป็นข้ออ้าง สนับสนุนให้มีการก่อเหตุและใช้ความรุนแรงในพื้นที่ พอรัฐบาลจีนปราบปราม สหรัฐฯก็สวมบทพระเอกผู้รักความเป็นธรรม (จอมปลอม) ออกมาตำหนิรัฐบาลจีนทันที เขาวางหมากกันไว้เรียบร้อยแล้ว
ป.ล.การนำเสนอข่าวนี้พิจารณาแล้ว โดยพยายามใช้คำพูดที่จะไม่ถูกนำไปบิดเบือนให้เกิดเป็นความขัดแย้งทางศาสนา เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อฯอย่างเป็นทางการแล้ว จึงนำคำพูดของลุงตู่มาเผยแพร่อีกต่อหนึ่งและเสริมข่าวจากฝั่งจีนให้ผู่อ่านได้รับข้อมูลเพิ่มเติมด้วย เพราะฉะนั้นกรุณาอย่าพยายามดึงเรื่องนี้เข้าสู่หรือนำไปเป็นประเด็นทางศาสนาเพื่อหวังจะให้เกิดความขัดแย้งทางศาสนาและเชื้อชาติขึ้นมาในประเทศไทยเด็ดขาด นะครับ
The Eyes
09/07/2558
----------

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



ญี่ปุ่นรับคำท้าดวลสหรัฐฯ สร้างหุ่นยักษ์มาสู้กัน
เมื่อต้นเดือนนี้ที่ผ่านมา บริษัท Suidobashi Heavy Industry บริษัทชั้นนำของญี่ปุ่น ตอบรับคำท้าจากบริษัท MegaBots ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งท้าดวลหุ่นยนต์ต่อสู้ ญี่ปุ่นวางแผนลงมือสร้างหุ่นยนต์ยักษ์ของตน ออกแบบอิงรากฐานวัฒนธรรมญี่ปุ่น



สำหรับบริษัท MegaBots ขงอเมริกา จะป้อนโปรแกรมข้อมูลลงไปจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยกำหนดการต่อสู้ และยังไม่มีการยืนยันไฟต์ดวลหุ่นยนต์นี้ว่าจะเป็นการดวลอย่างจริงจัง แต่ฝ่ายญี่ปุ่นยกให้อเมริกากำหนดเวลานัดดวล ตอนนี้อยู่ขั้นการผลิต และลงมือสร้างหุ่นยนต์ของทางทีมงาน



โลกเราชักจะใกล้หนังฮอลีวู๊ดเข้าไปทุกวันแล้ว เพราะต่างฝ่ายจะต้องงัดเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของตนมาผลิตหุ่นยนต์เพื่อไม่ให้เสียหน้า และในอีกไม่กี่ 10 ปีมนุษย์เองอาจต้องต่อสู้กับหุ่นยนต์ชนิดปัญญาประดิษฐก็อาจเป็นได้
@ เสธ น้ำเงิน4

 

Thanong Fanclub




กองทัพอากาศสหรัฐซ้อมทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ทะเลทรายรัฐเนวาดา
กองทัพอากาศสหรัฐกำลังพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์B61ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเป็นรุ่นMod 12 ซึ่งได้รับการซ้อมทิ้งลงไปในทะเลทรายเนวาดา
B61ถือว่าเป็นอาวุนิวเคลียร์ระดับท๊อปของสหรัฐในช่วงสงครามเย็นตั้งแต่ปี1963 ระเบิดนิวเคลียร์นี้สามารถบรรจุในเครื่องบินเร็วเหนือเสียงได้ มันสามารถปล่อยรังสีออกมาได้สองจังหวะจากการระเบิด แต่ระเบิดลูกนี้ต้องทิ้งตามแรงโน้มถ่วง เนื่องจากว่าไม่ได้ควบคุมโดยระบบเรดาร์
โปรแกรมระเบิดนิวเคลียร์B61นี้ค่อนข้างแพง ต้องใช้เงิน$11,000ล้าน แต่โอบามายังคงลงทุนดูแลรักษาต่อให้สมกับราคาที่เป็นเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
thanong
9/7/2015
http://rt.com/usa/272533-air-force-mock-nuclear-bomb/

 

Thanong Fanclub


@จอภาพที่ด้านนอกของธนาคารแห่งหนึ่งในฮ่องกงเมื่อวันพฤหัสบดี (9) แสดงให้เห็นดัชนีสำคัญๆ ของตลาดจีนซึ่งเป็นที่นิยมติดตามกันในฮ่องกง

หุ้นจีนรีบาวด์วันนี้
สรุปสถานการณ์ล่าสุดสำหรับหุ้นจีนที่โดนถล่มหนักในระยะ3สัปดาห์กว่าที่ผ่านว่า
1. ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ดีดกลับเกือบ6%วันนี้ เซินเจิ้นขึ้นเกือบ4%
2. ตำรวจและหน่วยงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของทางการแดนมังกร ยังเปิดการสอบสวนการทำชอร์ตเซลล์ที่เดิมพันว่าราคาหุ้นจะหล่นลงอีก
3. ธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีนประกาศอัดฉีดสภาพคล่องให้แก่ไชน่า ซีเคียวริตี้ส์ ไฟแนนซ์ คอร์ป
4. ตั้งกองทุนรัฐเพื่อซื้อหุ้น พยุงตลาด
5. มีบริษัทประมาณ 1,500 แห่ง หรือกว่า 50% ของหุ้นที่จดทะเบียนในตลาด อยู่ในสภาพระงับการซื้อขาย
อ่านรายละเอียดของข่าวได้:
ตลาดหุ้นจีนฟื้นยกแผง โดยดัชนีสำคัญของเซี่ยงไฮ้ปิดวันพฤหัสบดี (9 ก.ค.) บวกขึ้นมาเกือบ 6% ภายหลังปักกิ่งเพิ่มมาตรการใหม่ๆ สกัดการเทขาย แล้วยังส่งผลหนุนเนื่องให้ตลาดหลักทรัพย์เอเชียพุ่งตามกัน กระนั้น ดีลเลอร์ยังไม่มั่นใจว่า สถานการณ์นี้จะคงอยู่นานแค่ไหน ชี้ต้องจับตาว่าจีนจะมีมาตรการใดตามออกมาอีก
ดัชนีคอมโพสิตของตลาดเซี่ยงไฮ้ ไหลรูดลงลึกมากกว่า 30% ทีเดียว นับตั้งแต่ภาวะกระทิงเปลี่ยวถึงจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 12 เดือนที่แล้ว ทำให้เกิดความหวาดวิตกไม่เพียงเรื่องภาวะของตลาดการเงินเท่านั้น หากยังลามไปถึงภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของจีน ที่มีขนาดใหญ่โตเป็นอันดับ 2 ของโลก
อย่างไรก็ตาม ในวันพฤหัสบดี (9) ดัชนีคอมโพสิตของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ปิดการซื้อขายโดยสามารถดีดขึ้น 5.76% หรือ 202.14 จุด อยู่ที่ 3,709.33 มูลค่าการซื้อขาย 673,300 ล้านหยวน (110,100 ล้านดอลลาร์) ทั้งนี้หลังจากดิ่งลงลึกสุด 3.81% ในช่วงเช้า ก่อนจะดีดตัวกลับโดยกระเด้งขึ้นแรงสุดถึง 6.88% รวมแล้วในวันเดียวดัชนีมีการแกว่งตัวกว่า 10%
เช่นเดียวกัน ดัชนีคอมโพสิต ของตลาดเซินเจิ้น ซึ่งเป็นตลาดหุ้นอันดับ 2 ของจีน ก็ปิดพุ่งขึ้น 3.76% หรือ 70.90 จุด อยู่ที่ 1,955.53 โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 277,600 ล้านหยวน
ภาวะการดีดแรง ยังสะท้อนให้เห็นจากการที่มีหุ้นกว่า 1,100 ตัวในทั้งสองตลาด พุ่งขึ้นแตะ 10% อันเป็นขีดสูงสุดที่จะปรับเพิ่มได้ในแต่ละวัน โดยที่ปัจจัยบวกสำคัญที่สุดมาจากการที่ทางการจีนออกคำสั่งเมื่อค่ำวันพุธ (8) ห้ามนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งหมายถึงนักลงทุนที่ถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนเอาไว้อย่างน้อย 5% ตลอดจนตัวผู้บริหารบริษัทดังกล่าวด้วย ดำเนินการขายหุ้นตัวนั้นๆ ภายในระยะเวลา 6 เดือน
ไม่เพียงเท่านั้น ในวันพฤหัสบดี (9) ตำรวจและหน่วยงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของทางการแดนมังกร ยังเปิดการสอบสวนการทำชอร์ตเซลล์ที่เดิมพันว่าราคาหุ้นจะหล่นลงอีก นอกจากนั้น ธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (พีเพิลส์ แบงก์ ออฟ ไชน่า) ซึ่งเป็นธนาคารกลางของแดนมังกร ยังประกาศอัดฉีดสภาพคล่องให้แก่ไชน่า ซีเคียวริตี้ส์ ไฟแนนซ์ คอร์ป (ซีเอสเอฟ) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้สินเชื่อแก่ภาคธุรกิจหลักทรัพย์ โดยหน่วยงานผู้คุมกฎตลาดหลักทรัพย์ได้ออกคำแถลงในเวลาต่อมาว่า ซีเอสเอฟจะจัดหาสภาพคล่องให้แก่นักลงทุนที่ต้องการซื้อ “กองทุนของรัฐ” ซึ่งมีการดำเนินการเหมือนกับกองทุนรวม
เฉียน ฉือหมิน นักวิเคราะห์ของเซินหว่าน ฮงหยวน กรุ๊ป ชี้ว่า การดีดขึ้นของราคาหุ้นล่าสุดอาจช่วยคลายความกดดันในการแตกตื่นเทขายลงได้บ้าง แต่ผลพวงนี้จะคงอยู่นานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับว่า ปักกิ่งจะมีมาตรการใดๆ ตามออกมาอีก
ขณะที่ ตู้ ฉางชุน นักวิเคราะห์ของนอร์ทอีสต์ ซีเคียวริตี้ส์ในเซี่ยงไฮ้ ขานรับว่า ตลาดรับรู้ถึงปัจจัยบวกบางอย่าง แต่ยังไม่อาจฟันธงได้ว่า ปักกิ่งชนะราบคาบ เนื่องจากขณะนี้ยังมีบริษัทจดทะเบียนกว่าครึ่งที่ขอให้หน่วยงานผู้คุมกฏสั่งระงับการซื้อขายไว้ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาไหลรูดลงไปอีก
ทั้งนี้ ในวันพฤหัสบีด มีบริษัทประมาณ 1,500 แห่ง หรือกว่า 50% ของหุ้นที่จดทะเบียนในตลาด อยู่ในสภาพระงับการซื้อขาย
จากการฟื้นตัวของตลาดหลักทรัพย์จีนในวันพฤหัสบดี ยังได้ส่งอานิสงส์ไปช่วยหนุนตลาดหุ้นเอเชียอื่นๆ ดีดขึ้นเช่นกัน หลังจากเกิดการเทขายอย่างหนักในช่วงเช้า เป็นต้นว่า ตลาดฮ่องกง ดัชนีหั่งเส็งปิดเพิ่มขึ้น 3.73% หลังจากตกแรงที่สุดในการซื้อขายระหว่างวันในรอบกว่า 6 ปีเมื่อวันพุธ (8) ส่วนตลาดโตเกียวปิดวันพฤหัสบดีก็ฟื้นขึ้นมา0.60% จากที่ดิ่งลงกว่า 3%
ขณะที่ดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ในตลาดวอลล์สตรีทเมื่อคืนวันพุธ ตกลง 1.47% เนื่องจากถูกรุมเร้าจากความกังวลกับผลกระทบจากตลาดหุ้นรูดที่อาจเกิดกับเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นกำลังหลักของเศรษฐกิจโลก ตลอดจนจากวิกฤตหนี้กรีซ
ภาวะตลาดหุ้นจีนทรุดยังส่งผลลุกลามไปยังสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิด เช่น สินแร่เหล็ก ซึ่งจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยราคาแร่เหล็กดิ่งทำสถิติต่ำสุดในรอบ 6 ปีในวันพฤหัสบดี
thanong
9/7/2015
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000077842

 

วิกิลีกส์เผยแพร่เอกสารเพิ่ม เปิดโปงซาอุดี้ฯ เกี่ยวพันการต่อต้านซีเรียและสหรัฐฯ
วิกิลีกส์ได้เปิดเผยเอกสารที่อ้างว่าริยาดมีการติดต่อกับหนึ่งในศัตรูตัวฉกาจของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.ค. 9, 2015



@(ภาพ) จากซ้ายไปขวา ประธานาธิบดีอับเดล-ฟัตตาห์ เอล-ซิซซี่ ของอียิปต์, ประธานาธิบดีโอมาร์ อัล-บาชิร ของซูดาน, ประมุขคูเวต เชคซาบาห์ อัล-อะห์มัด อัล-จาบีร อัล-ซาบาห์, กษัตริย์ซัลมานแห่งซาอุดี้ฯ, และประธานาธิบดีอับเดล รับบู มันซูร ฮาดี ของเยเมน, ขวา, เดินเข้าที่ประชุมสุดยอดชาติอาหรับในเมืองชาร์ม อัล-ชีค ซีนายใต้ อียิปต์ เมื่อ 28 มีนาคม 2015

จากเอกสารที่รั่วไหลออกมาโดยวิกิลีกส์ มีสนธิสัญญาลับฉบับหนึ่งระหว่างกาตาร์, ตุรกี และซาอุดิอารเบียที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความตั้งใจที่จะโค่นล้มรัฐบาลซีเรีย การเปิดเผยนี้มาจากจูเลียน อัสซานจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์อื้อฉาวนี้
อัสซานจ์อ้างกับทีวีรัสเซียช่องหนึ่งเมื่อวันอาทิตย์ว่า ข้อตกลงลับนี้ลงนามโดยกลุ่มประเทศอ่าวในปี 2012 เขาเสริมว่า มหาอำนาจตะวันตกอย่างเช่น ฝรั่งเศส อังกฤษ และสหรัฐฯ ก็เกี่ยวข้องในข้อตกลงลับนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม อัสซานจ์กล่าวว่า พันธมิตรของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางกระทำการในลักษณะที่เป็นปฏิปักษ์มากขึ้น ซาอุดิอารเบียถึงขนาดทำการขัดขืนคำสั่งของวอชิงตัน Press TV รายงาน

เอกสารที่รั่วไหลออกมานี้เป็นหนึ่งในรายงานของรัฐบาลหลายแสนชุดที่ได้เปิดเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับมหาอำนาจสำคัญในตะวันออกกลางจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งซาอุดิอารเบีย เอกสารที่รั่วไหลนี้ยังอ้างว่าประกอบไปด้วยการติดต่อสื่อสารภัยในของสถานทูตซาอุดี้ฯ ทั่วโลก

ความไม่สงบทางการเมืองในซีเรียได้ทำให้ประชาชนเสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 230,000 คน นับตั้งแต่ปี 2011 รัฐบาลสหรัฐฯ และพันธมิตรได้ให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มนักรบต่างๆ ในซีเรียเพื่อทำการสู้รบกับกองกำลังของรัฐบาล
วิกิลีกส์ยังได้เปิดเผยเอกสารที่อ้างว่าริดยาดมีการติดต่อกับหนึ่งในศัตรูตัวฉกาจของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน ซาอุดิอารเบียเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ มานานหลายปี แต่วอชิงตันได้แสดงความกังวลกับการกล่าวหาว่า มีผู้บริจาคชาวซาอุดิอารเบียให้การสนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบในอัฟกานิสถาน รวมทั้งกลุ่มนักรบอื่นๆ ในภูมิภาคนั้น Wall Street Journal รายงาน

จากเอกสารอื่นๆ ที่รั่วไหลออกมา เอกอัครราชทูตซาอุดี้ฯ ในปากีสถานได้พบปะกับนาซีรุดดีน ฮักกอนี ในปี 2012 ฮักกอนีเป็นผู้ระดมทุนคนสำคัญของเครือข่ายฮักกอนี กลุ่มหัวรุนแรงที่อยู่ในรายชื่อเฝ้าจับตาเป็นกลุ่มก่อการร้ายของยูเอ็นมาตั้งแต่ปี 2010

ฮักกอนีได้ขอให้ทูตซาอุดี้ฯ รับญาลาลุดดีน ฮักกอนี พ่อของเขาเข้ารับการรักษาตัว ญาลาลุดดีนเป็นผู้ก่อตั้งองค์กรหัวรุนแรงนี้ ตามเอกสารที่รั่วไหลนี้ เขามีหนังสือเดินทางของซาอุดี้ฯ

วิกิลีกศ์เริ่มเปิดเผยเอกสารลับในเดือนมิถุนายน และยังมีข้อมูลการติดต่อสื่อสารทางสื่อออนไลน์ระหว่างกระทรวงต่างประเทศในริยาดกับประเทศอื่นๆ อีกด้วย เอกสารส่วนใหญ่เขียนขึ้นเป็นภาษาอาหรับ

ในปี 2010 อัสซานจ์ได้เผยแพร่เอกสารลับทางการทหารของสหรัฐฯ จำนวนมาก ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในอัฟกานิสถานและอิรัก การกระทำดังกล่าวทำให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ของสหรัฐฯ โกรธเกรี้ยว แต่ทำให้อัสซานจ์มีชื่อเสียงไปทั่วโลก



Source : WikiLeaks Publishes More Documents Revealing Saudi Connection Against Syria And United States

WikiLeaks Publishes More Documents Revealing Saudi Connection Against Syria And United States



วิกิลีกส์เผยแพร่เอกสารเพิ่ม เปิดโปงซาอุดี้ฯ เกี่ยวพันการต่อต้านซีเรียและสหรัฐฯ | abnewstoday

 

น้ำมันพุ่ง-หุ้นสหรัฐฯฟื้นหลังตลาดทุนจีนกระเตื้อง ทองคำขึ้น โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กรกฎาคม 2558 04:59 น.



รอยเตอร์/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันขึ้นแรงและวอลล์สตรีทบวกเล็กน้อยเมื่อวันพฤหัสบดี(9ก.ค.) ตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีน ที่ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับความยุ่งเหยิงทางการเงินในชาติเศรษฐกิจและผู้บริโภคใหญ่ของโลก ส่วนทองคำขยับลงจากดอลลาร์ที่แข็งค่า

น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 1.13 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากร่วงลง 5 วันติด คิดเป็น 13 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.56 ดอลลาร์ ปิดที่ 58.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ตลาดหุ้นแดนมังกรร่วงลงมามากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ในระยะเวลาแค่ช่วง 3 สัปดาห์หลังสุด ส่งผลให้ราคาหุ้นดิ่งลงถึง 30% คิดเป็นมูลค่าถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์ กระพือความกังวลต่อสถานะของเศรษฐกิจหมายเลข 1 ของโลกแห่งนี้

อย่างไรก็ตามในวันพฤหัสบดี(9ก.ค.) ตลาดหุ้นจีนฟื้นยกแผง โดยดัชนีสำคัญของเซี่ยงไฮ้ปิดวันพฤหัสบดี (9 ก.ค.) บวกขึ้นมาเกือบ 6% ภายหลังปักกิ่งเพิ่มมาตรการใหม่ๆ สกัดความยุ่งเหยิงในรวมถึงห้ามนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งหมายถึงนักลงทุนที่ถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนเอาไว้อย่างน้อย 5% ตลอดจนตัวผู้บริหารบริษัทดังกล่าว ดำเนินการขายหุ้นตัวนั้นๆ ภายในระยะเวลา 6 เดือน

ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นจีน ยังส่งผลหนุนเนื่องให้ตลาดหลักทรัพย์เอเชียและยุโรปพุ่งตามกัน เช่นเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ในวันพฤหัสบดี(9ก.ค.) ฟื้นตัวจากปิดลบอย่างหนักหน่วงหนึ่งวันก่อนหน้านี้

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 33.20 จุด (0.19 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,548.62 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 4.63 จุด (0.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,051.31 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 12.64 จุด (0.26 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,922.40 จุด

"สิ่งที่คุณเห็นในวันนี้คือการปรับขึ้นจากความผ่อนคลาย หลังต้องประสบวันที่เลวร้ายอย่างมากเมื่อวานนี้" เดวิด เลวี ผู้จัดการการลงทุนของเคนโจล แคปิตอล แมนเนจเมนต์กล่าว อย่างไรก็ตามเขาเสริมว่าทั้งวิกฤตหนี้กรีซและการดิ่งลงของตลาดหุ้นจีน ยังคงเป็นความเสี่ยงใหญ่

ด้านราคาทองคำเมื่อวันพฤหัสบดี(9ก.ค.) ขยับลงเล็กน้อยจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังจากหนึ่งวันก่อนหน้านี้ขยับขึ้นแรง นักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำท่ามกลางวิกฤตในกรีซและตลาดหุ้นจีน โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 4.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,159.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000077924

 

โดนโจมตีกงสุลไม่พอ สหรัฐฯถล่มซ้ำประณามไทยบังคับส่งตัวอุยกูร์ไปจีน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 0 กรกฎาคม 2558 04:16 น.



@สภาพความเสียหาย ณ สถานกงสุลไทยในอิสตันบูล หลังจากถูกกลุ่มผู้ประท้วงถูกโจมตีเมื่อคืนวันพุธ(8ก.ค.) กรณีขับไล่ชาวมุสลิมอุยกูร์ไปยังจีน

เอเอฟพี - สหรัฐฯเมื่อวันพฤหัสบดี(9ก.ค.) ประณามไทย ต่อกรณีเนรเทศชนกลุ่มน้อยเชื้อสายอุยกูร์ราว 100 คนไปยังจีน โดยเตือนว่าคนเหล่านั้นอาจถูกปฏิบัติอย่างทารุณจากทางการปักกิ่ง พร้อมเรียกร้องไทย เคารพพันธสัญญาระหว่างประเทศด้วยการไม่ขับไล่ผู้ลี้ภัยที่เหลือ

"สหรัฐฯรู้สึกผิดหวังไทยอย่างยิ่ง" จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯระบุในถ้อยแถลง "เราขอประณามไทยที่บังคับเนรเทศชนกลุ่มน้อยอุยกูร์กว่า 100 คนไปจีนในวันที่ 9 กรกฎาคม พวกเขาเสี่ยงถูกปฏิบัติอย่างรุนแรงโดยไม่ชอบด้วยกระบวนการทางกฎหมาย"

ชะตากรรมของกลุ่มชาวอุยกูร์ในไทยตกอยู่ท่ามกลางความสงสัยมานาน หลังจากไทยตัดสินว่าพวกเขามีความผิดฐานลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายในปี 2014

อย่างไรก็ตามไทยเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี(9ก.ค.) ว่าได้ส่งตัวสตรีและเด็กชาวอุยกูร์ราว 170 คนไปยังอิสตันบูลเมื่อปลายเดือนมิถุนายน หลังถูกทางการไทยควบคุมตัวไว้นานกว่า 1 ปี ส่วนอีกประมาณ 100 คน ส่งไปยังจีน ในวันพุธ(8ก.ค.)ที่ผ่านมา

สำหรับชาว อุยกูร์ เป็นชนกลุ่มน้อยทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งพูดภาษาเติร์ก และบ่อยครั้งก็มักต่อต้านการปกครองของรัฐบาลปักกิ่ง ขณะเดียวกันแนวทางปฏิบัติของจีนต่อชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ ก็เป็นประเด็นอ่อนไหวในตุรกีและทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายตกอยู่ในความตึงเครียด โดยชาวเติร์กบางส่วนมองว่าตนเองมีวัฒนธรรมและมรดกทางศาสนาร่วมกับพี่น้องอุยกูร์ และตุรกีก็เป็นที่พักพิงหลักของชาวอุยกูร์พลัดถิ่นจำนวนมาก

เมื่อค่ำวันพุธ(8ก.ค.) ผู้ชุมนุมต่อต้านจีนบุกจู่โจมสถานกงสุลไทยในอิสตันบูล เพื่อประท้วงต่อค้านการเนรเทศดังกล่าว ถือเป็นการแสดงออกล่าสุดในตุรกีต่อแนวทางปฏิบัติกับชาวอุยกูร์ของจีน ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนบอกว่าชาวอุยกูร์ที่หลบหนีออกมาจากแดนมังกร มีความเป็นไปได้ที่จะถูกทรมานและล่วงละเมิดต่างๆหากถูกส่งตัวกลับไป ทั้งนี้มีชาวอุยกุร์อยู่ในมณฑลซินเจียง ทางภาคตะวันตกของจีน ราว 10 ล้านคน และจำนวนมากบอกว่าพวกเขาต้องเผชิญกับการกดขี่ทางศาสนาและวัตนธรรม

"การกระทำของไทยสวนทางกับพันธสัญญาระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับแนวทางปฏิบัติที่ดำเนินการมาอย่างยาวนานในการมอบที่พักพิงที่ปลอดภัยแก่บุคคลที่อ่อนแอ" กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯระบุในถ้อยแถลง พร้อมเรียกร้องไทยระงับการเนรเทศเพิ่มเติม"

"องค์กรความช่วยเหลือต่างๆควรได้รับอิสระในการเข้าถึงชาวอุยกูร์ และไทยควรเคารพพันธสัญญาระหว่างประเทศด้วยการไม่ขับไล่ผู้ลี้ภัยเหล่านั้น" สหรัฐฯระบุ "เราเรียกร้องไทยยอมให้ชาวอุยกูร์ที่ยังตกค้างอยู่ได้เดินทางไปยังประเทศที่พวกเขาเลือกด้วยความสมัครใจ"


ⴹ

 

กรีซยื่นแผนปฏิรูปทันเส้นตาย สถานีต่อไป...ลุ้นเจ้าหนี้ชี้ชะตา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กรกฎาคม 2558 05:55 น.


@ ผู้ชุมนุมชาวกรีซฝักใฝ่ยุโรปถือธงชาติกรีซและยูโรโซน ระหว่างรวมตัวกันหน้ารัฐสภาในเอเธนส์เมื่อวันพฤหัสบดี(9ก.ค.) ขณะที่รัฐบาลกรีซได้ส่งแพ็กเก็จข้อเสนอปฏิรูปต่อเหล่าเจ้าหนี้ยูโรโซนแล้ว

รอยเตอร์ - รัฐบาลกรีซได้ส่งแพ็กเก็จข้อเสนอปฏิรูปต่อเหล่าเจ้าหนี้ยูโรโซนแล้วในวันพฤหัสบดี(9ก.ค.) เพื่อปลดล็อคเงินช่วยเหลือใหม่ให้รอดพ้นจากภาวะล้มละลาย และจะขอรัฐสภาเปิดประชุมในวันศุกร์(10ก.ค.) เพื่อรับรองมาตรการต่างๆดังกล่าวในทันที

นายเจอโรน ดิจเซลโบลม ประธานยูโรกรุ๊ป ยืนยันได้รับเอกสารต่างๆแล้วและบอกผ่านโฆษกว่าเขาจะไม่แสดงความคิดเห็นใดๆจนกว่ามันจะผ่านการประเมินจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญของคณะกรรมาธิการยุโรป ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)

เจ้าหน้าที่กรีซรายหนึ่งเผยว่าจะมีการร้องขอรัฐสภาให้อำนาจรัฐบาลซ้ายจัดเพื่อเจรจาต่อรองแนวทางปฏิบัติล่วงหน้าที่ต้องดำเนินการก่อนได้รับเงินช่วยเหลือใหม่ใดๆ ซึ่งเป็นก้าวย่างสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นแก่เหล่าเจ้าหนี้ที่เคลือบแคลงต่อความตั้งใจจริงของเอเธนส์

นายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีซ้ายจัดของกรีซ ใช้เวลาทั้งวันร่วมกับเหล่าคณะรับฐมนตรี ในการร่างแพ็กเก็จขึ้นภาษี ปฏิรูปบำนาญและมาตรการเสรีทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยให้เอเธนส์อยู่รอดในยูโรโซน

หากผู้เชี่ยวชาญจากคณะกรรมาธิการยุโรป อันเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (อียู), ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี), และไอเอ็มเอฟ อนุมัติข้อเสนอดังกล่าว เหล่ารัฐมนตรีคลังยูโรโซน (ยูโรกรุ๊ป) จะประชุมกันในวันเสาร์ (11) เพื่อเสนอแนะให้เปิดการเจรจาแพกเกจเงินกู้กับเอเธนส์ แล้วจึงตามด้วยการประชุมสุดยอด 28 ชาติอียู ในวันอาทิตย์ (12) เพื่ออนุมัติแผนการช่วยเหลือ ทั้งนี้ พวกผู้นำยูโรโซนกล่าวเตือนในคืนวันอังคารว่า วันอาทิตย์ (12) เป็น “เส้นตายสุดท้าย” ที่จะต้องบรรลุข้อตกลงกันให้ได้ และช่วยให้กรีซรอดพ้นจากภาวะล้มละลาย

ทั้งนี้ทางรัฐสภากรีซจำเป็นต้องลงมติรับรองผ่านแผนดังกล่าวเป็นกฎหมายอีกครั้งในสัปดาห์หน้า หากว่าได้รับความเห็นชอบจากเหล่าผู้นำยูโรโซน ณ ที่ประชุมซัมมิทในวันอาทิตย์(12ก.ค.)นี้ โดยข้อเสนอใหม่นี้อยู่บนพื้นฐานของการเริ่มเจรจาขอเงินช่วยเหลือเป็นระยะเวลา 3 ปี และปล่อยสินเชื่อระยะสั้นจำนวนหนึ่งเพื่อให้กรีซยังอยู่รอดต่อไป

บรรดาธนาคารของกรีซยังคงปิดทำการมาตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน เมื่อรัฐบาลประกาศมาตรการควบคุมเงินทุนและกำหนดให้ผู้มีบัญชีเงินฝากสามารถถอนเงินจากเครื่องเอทีเอ็มได้เพียงวันละไม่เกิน 60 ยูโร หลังการเจรจาเงินช่วยเหลือก่อนหน้านี้พังครืน จากนั้นในวันต่อมา เอเธนส์ ก็ผิดนัดชำระหนี้ไอเอ็มเอฟ และตอนนี้ก็เสี่ยงพลาดไถ่ถอนพันธบัตร 3,500 ล้านยูโรกับอีซีบี ในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ หากปราศจากเงินช่วยเหลือใดๆ

นับตั้งแต่ปี 2010 กรีซ ได้รับความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟและยูโรโซน มาแล้ว 2 ก้อน รวมเป็นเงินกว่า 240,000 ล้านยูโร แต่เศรษฐกิจยังหดตัวลงไป 1 ใน 4 อัตราคนว่างงานก็สูงลิ่ว 25 เปอร์เซ็นต์ โดยหนุ่มสาวครึ่งหนึ่งไม่มีงานทำ

โดนัลด์ ทัสก์ ประธานคณะมนตรียุโรป ซึ่งจะนั่งเป็นประธานในการประชุมซัมมิตครั้งพิเศษวันอาทิตย์นี้ ที่จะตัดสินชะตากรรมของกรีซ กล่าวในวันพฤหัสบดี ภายหลังพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ของกรีซ ว่า ขณะที่เอเธนส์ต้องยื่นข้อเสนอที่สอดคล้องกับความเป็นจริงให้ฝ่ายเจ้าหนี้พิจารณา ทางฝ่ายเจ้าหนี้ก็ต้องมีข้อเสนอที่สอดคล้องความเป็นจริงพอๆ กัน ในเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้ของกรีซอย่างยั่งยืน

หากล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงในวันอาทิตย์(12ก.ค.) ในนั้นรวมถึงการปล่อยเงินบางส่วนให้กรีซนำไปสำรองชำระคืนหนี้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า อาจนำมาซึ่งพังครืนของธนาคารต่างๆของกรีซในสัปดาห์ที่กำลังมาถึง

ทั้งนี้หากไม่ได้ข้อตกลงจริงๆ เหล่าผู้นำจาก 28 ชาติสหภาพยุโรป จะหารือกันถึงมาตรการต่างๆเพื่อจำกัดความเสียหายจากการพังครืนของกรีซ ในนั้นรวมถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ความเป็นไปได้ที่จะควบคุมตามแนวชายแดนและมาตรการต่างๆที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบจากชาติเพื่อนบ้าน

แนวคิดเกี่ยวกับแผนสำรองดังกล่าวไม่เว้นแม้กระทั่งฝรั่งเศส ผู้สนับสนุนตัวยงของกรีซ ที่ยอมรับว่ากำลังทำงานรับมือในกรณีกรีซออกจากพื้นที่สกุลเงินเดียว หากความพยายามบรรลุข้อตกลงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ล้มเหลว

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000077929

 

ECBไม่มั่นใจทำข้อตกลง'กรีซ'สำเร็จ IMF-USจี้'เยอรมนี'ยอมลดหนี้ให้เอเธนส์ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กรกฎาคม 2558 22:00 น.


@คริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่บอกว่า ข้อตกลงใหม่จะต้องมีทั้งมาตรการรัดเข็มขัดทางการคลังซึ่งเอเธนส์ต้องดำเนินการ และทั้งการปรับโครงสร้างหนี้ก้อนมหึมาของกรีซ

เอเจนซีส์ - ขณะที่กรีซกำลังรีบดำเนินการจัดทำแผนปฏิรูปเพื่อส่งให้ยุโรปพิจารณาภายในเที่ยงคืนวันพฤหัสบดี (9 ก.ค.) โดยที่ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีบีซี) กล่าวแสดงความไม่มั่นใจว่าจะสามารถช่วยเหลือเอเธนส์ให้รอดพ้นจากภาวะล้มละลายได้สำเร็จหรือไม่ ปรากฏว่าพวกผู้นำซึ่งมีส่วนกี่ยวข้องดูจะแตกความเห็นกันเป็น 2 แนวทาง ทั้งนี้ประธานอียูและนายใหญ่ไอเอ็มเอฟตลอดจนขุนคลังสหรัฐฯชี้ถึงความจำเป็นที่จะต้องยอมปรับโครงสร้างหนี้ให้กรีซ ทว่านายกรัฐมนตรีของเยอรมนี ผู้เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของกรีซ ยังคงยืนกรานว่าต้องไม่มีลดหนี้ ที่เรียกกันว่า “แฮร์คัต”

อิล โซเล 24 โอเร หนังสือพิมพ์ของอิตาลีรายงานคำให้สัมภาษณ์ของ มาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี ที่กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าจะได้ข้อสรุปเพื่อปลดล็อกแพกเกจเงินกู้ใหม่ให้กรีซได้สำเร็จหรือไม่ ขณะเดียวกันเขาก็ไม่เชื่อว่า รัสเซียจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือเอเธนส์ เพราะหมีขาวเองก็ประสบปัญหาทางการเงิน

แม้กระทั่งฝรั่งเศส สมาชิกชาติยูโรโซนที่สนับสนุนเอเธนส์แข็งขันที่สุด ยังยอมรับเมื่อวันพฤหัสบดี ว่า กำลังเตรียมการรับมือการออกจากยูโรโซนของกรีซ หากความพยายามครั้งสุดท้ายในช่วงสุดสัปดาห์นี้ล้มเหลว

ทั้งนี้ อีซีบีประกาศคงระดับการอัดฉีดสภาพคล่องฉุกเฉินแก่พวกธนาคารกรีซเท่าเดิมต่อจนถึงสุดสัปดาห์นี้ โดยที่บรรดาผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) มีกำหนดหารือกันเป็นครั้งสุดท้ายในวันอาทิตย์ (12) ว่าจะอนุมัติแพกเกจความช่วยเหลือก้อนที่ 3 ให้กรีซหรือไม่

ภายใต้กรอบเวลาที่ตกลงกันตอนต้นสัปดาห์นี้ รัฐบาลกรีซซึ่งได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการขอเงินกู้แพกเกจที่ 3 ระยะเวลา 3 ปีจาก “กลไกรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป” (อีเอสเอ็ม) เมื่อวันพุธ (8) จะมีเวลาจนถึงเที่ยงคืนวันพฤหัสบดี(9) ในการเสนอมาตรการปฏิรูปโดยละเอียดและน่าเชื่อถือให้คณะเจ้าหนี้พิจารณา


@กลุ่มผู้เกษียณอายุเข้าแถวที่เบียดเสียดกันยาวเหยียดตามธนาคารที่เปิดบริการอย่างจำกัดเพียงไม่กี่แห่งสำหรับจ่ายเงินบำนาญ ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ความเดือดร้อนที่กรีซกำลังเผชิญอยู่

โดนัลด์ ทัสก์ ประธานคณะมนตรียุโรป ซึ่งจะนั่งเป็นประธานในการประชุมซัมมิตครั้งพิเศษวันอาทิตย์นี้ ที่จะตัดสินชะตากรรมของกรีซ กล่าวในวันพฤหัสบดี ภายหลังพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ของกรีซ ว่า ขณะที่เอเธนส์ต้องยื่นข้อเสนอที่สอดคล้องกับความเป็นจริงให้ฝ่ายเจ้าหนี้พิจารณา ทางฝ่ายเจ้าหนี้ก็ต้องมีข้อเสนอที่สอดคล้องความเป็นจริงพอๆ กัน ในเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้ของกรีซอย่างยั่งยืน

คำกล่าวของทัสก์ สอดคล้องไปในทางเดียวกับการแสดงความเห็นเมื่อวันพุธของ คริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่บอกว่า ข้อตกลงใหม่จะต้องมีทั้งมาตรการรัดเข็มขัดทางการคลังซึ่งเอเธนส์ต้องดำเนินการ และทั้งการปรับโครงสร้างหนี้ก้อนมหึมาของกรีซ

เช่นเดียวกับ แจ็ค ลูว์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ซึ่งเข้าร่วมกดดันเจ้าหนี้ยุโรปอีกทาง โดยกล่าวยืนยันความจำเป็นในการลดหนี้ให้กรีซ พร้อมกับเตือนว่าหากปล่อยให้เอเธนส์ออกจากยูโรโซนจะถือเป็นความผิดพลาดด้านภูมิรัฐศาสตร์

อย่างไรก็ตาม เยอรมนี เจ้าหนี้ใหญ่สุดของเอเธนส์ ยืนกรานว่า การลดหนี้ผิดสนธิสัญญาของอียู นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล บอกว่า มาตรการ “แฮร์คัต” แบบคลาสสิก ซึ่งก็คือการลดยอดเงินต้นให้แก่ลูกหนี้นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ต้องหยิบมาพูดกันเลย ถึงแม้เธอยังไม่ได้ถึงกับปฏิเสธการบรรเทาภาระหนี้สินด้วยวิธีอื่นๆ เป็นต้นว่า การยืดเวลาชำระหนี้ ตลอดจนการลดอัตราดอกเบี้ย

ขณะเดียวกัน เจนส์ ไวด์แมนน์ ผู้ว่าการธนาคารกลางเยอรมนี (บุนเดสแบงก์) และเป็นผู้วางนโยบายอาวุโสของอีซีบี ได้ออกมากล่าวปรามดรากีว่า การช่วยเหลือกรีซต่อจากนี้ไป เป็นอำนาจการตัดสินใจของรัฐบาล ไม่ใช่ธนาคารกลาง

ไวด์แมนน์ยังสำทับว่า มาตรการควบคุมเงินทุนที่กรีซประกาศใช้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่แล้ว ควรบังคับใช้ต่อไปจนกว่าเอเธนส์จะบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ และอีซีบีไม่ควรเพิ่มการอัดฉีดสภาพคล่องให้ธนาคารเอกชนของกรีซ

ทั้งนี้ กระทรวงคลังกรีซประกาศเมื่อวันพุธ ขยายเวลาการปิดทำการธนาคารพาณิชย์ออกไปอีกจนถึงวันจันทร์หน้า (13) และยังคงการจำกัดการถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็มที่ 60 ยูโรต่อวันต่อไป

วันเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่ยุโรปเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ธนาคารใหญ่บางแห่งของกรีซอาจต้องปิดกิจการและถูกคู่แข่งที่เข้มแข็งกว่าเข้าผนวกกิจการ อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปฏิรูปภาคการธนาคารที่จะตามมาหลังจากแพกเกจความช่วยเหลือกรีซ

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถึงขั้นบอกว่า แบงก์ใหญ่สุด 4 แห่งของกรีซ อาจลดเหลือเพียง 2 แห่ง ซึ่งแน่นอนว่า มาตรการนี้จะถูกต่อต้านอย่างรุนแรงในเอเธนส์

ในอีกด้านหนึ่ง หนังสือพิมพ์คาทิเมอรินี ของกรีซฉบับวันพฤหัสบดีรายงานว่า เอเธนส์กำลังวางแผนขอเงินช่วยเหลือในแพกเกจที่ 3 เป็นมูลค่า 12,000 ล้านยูโรระยะ 2 ปี ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ เพื่อชดเชยภาวะถดถอยหลังจากการเจรจากับเจ้าหนี้ยืดเยื้อและไร้ผลนานกว่า 5 เดือน ส่งผลให้ต้องปรับการคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้เป็นถดถอยราว 3% จากเดิมที่เคยคาดว่า จะมีอัตราเติบโต 0.5%

หนังสือพิมพ์อีกฉบับคือ นาฟเทมพอริกีแจงว่า รัฐบาลจะเสนอขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็น 28% และขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าหรูจาก 10% เป็น 13%, อาหารแปรรูป ภัตตาคาร บริการขนส่ง และบริการรักษาพยาบาลภาคเอกชนจาก 13% เป็น 23% และโรงแรมจาก 6.5% เป็น 13% โดยเอเธนส์ต้องการเงินกู้ 10,000-12,000 ล้านยูโร

อย่างไรก็ดี มาตรการเหล่านี้บางข้อน่าจะถูกต่อต้านจากพรรคไซริซา พรรคการเมืองฝ่ายซ้ายของซีปราส และพรรคร่วมรัฐบาล อินดิเพนเดนซ์ กรีกส์ หลังจากรัฐบาลได้ชัยชนะขาดลอยในการทำประชามติคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัดของเจ้าหนี้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (5)


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000077893

 

ก.ต่างประเทศปากีสถานยัน นายกฯปากีฯ – อินเดีย นัดพบหารือนอกรอบศุกร์นี้หลังประชุมสุดยอด“BRICS” ที่รัสเซีย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กรกฎาคม 2558 21:36 น.



เอพี / เอเจนซีส์ /ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – กระทรวงการต่างประเทศปากีสถาน ยืนยันในวันพฤหัสบดี ( 9 ก.ค.) โดยระบุ นายกรัฐมนตรีนาวาซ ชารีฟ ผู้นำรัฐบาลอิสลามาบัด จะพบหารือนอกรอบกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย ในวันศุกร์ ( 10) หลังจากที่ผู้นำ “ชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์” ทั้งสองเดินทางเข้าร่วมประชุมสุดยอด กลุ่มประเทศเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่รายใหญ่ของโลก หรือกลุ่มประเทศ “BRICS” ที่รัสเซีย

รายงานข่าวล่าสุดซึ่งอ้างคำแถลงโดยกาซี คาลิลุลเลาะห์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศปากีสถานในวันพฤหัสบดี ( 9)ยืนยันว่า ชาริฟจะพบหารือกับผู้นำรัฐบาลอินเดียที่เมืองอูฟาของรัสเซีย ซึ่งเป็นสถานที่จัดประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศ บริคส์ และกลุ่มองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization : SCO )

คำแถลงของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศปากีสถานระบุว่า ผู้นำของปากีสถานและอินเดีย จะหารือกันแบบทวิภาคีในหลากหลายประเด็นปัญหา ทั้งปัญหาภัยคุกคามของลัทธิก่อการร้าย ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาข้อพิพาทด้านการทำประมง ฯลฯ

อย่างไรก็ดี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศปากีสถานปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดใด ๆ ว่า ในระหว่างการพบหารือของผู้นำปากีสถานและอินเดียที่รัสเซียในคราวนี้ ผู้นำทั้งสองจะหยิบยกประเด็นพิพาทเรื่องอธิปไตยเหนือแคว้นแคชเมียร์ ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความละเอียดอ่อนมาหารือกันหรือไม่ ท่ามกลางภาวะความสัมพันธ์ทางการทูตที่ไม่ราบรื่นนัก ระหว่างชาติเพื่อนบ้านแห่งภูมิภาคเอเชียใต้ทั้งสองซึ่งต่างมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบครอง

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เพิ่งเกิดการยิงปะทะกันระหว่างทหารรักษาชายแดนของอินเดียและปากีสถาน บริเวณรอยต่อพรมแดนที่อยู่ใกล้กับเมืองซิอัลกอตของปากีสถาน ขณะที่เมื่อช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว รัฐบาลอินเดียประกาศล้มแผนเจรจากับปากีสถาน หลังจากที่เอกอัครราชทูตของปากีสถานประจำกรุงนิวเดลี แอบหารือลับกับผู้นำกลุ่มแบ่งแยกดินแดนแคชเมียร์

 

ผมว่ารัสเซียคงตัดไฟที่ส่งไปในเขตของยูเครนเท่านั้น เพราะได้ยินข่าวมาว่า โปรโตเชนโก่ คิดจะชักดาบหนี้สินกับรัสเซียน่ะครับ รัสเซียคงไม่จำเป็นต้องส่งไฟฟ้าใช้ยูเครนใช้ เพราะหนี้สินไม่ยอมจ่ายเขา ข่าวเรื่องหนี้ของยูเครนกับรัสเซียไม่มีการกระพือข่าวเหมือน กรณีกรีซกับยูโรเลยใช่ไหมครับ เพราะอะไรก็ไปคิดกันครับ สงครามข่าวสาร ข่าวไหนเป็นประโยชน์กับตัวก็กระพือ ข่าวไหนตัวเสียก็ซุกซ่อน

เคียฟอ้าง “รัสเซีย” ตัดไฟเขตกบฏยูเครนปกครอง ส่งสัญญาณมอสโกเริ่มหน่าย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กรกฎาคม 2558 16:02 น.



เอเอฟพี – โวโลดิมีร์ เดมคิชิน (Volodymyr Demchyshyn) รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานยูเครนแถลงในวันอังคาร(7)ว่า รัสเซียได้หยุดการให้บริการพลังงานแก่ลูกันสค์และโดเนตสค์ เขตอิทธิพลของกลุ่มกบฏยูเครนตะวันออก แสดงให้เห็นว่าทางรัสเซียเริ่มคลายความสนใจในการให้สนับสนุน

โวโลดิมีร์ เดมคิชิน (Volodymyr Demchyshyn) รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานยูเครนแถลงในวันอังคาร(7)ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อไม่นานมานี้มอสโกได้หยุดการให้บริการกระแสไฟฟ้าให้กับลูกันสค์และโดเนตสค์ เขตอิทธิพลของกลุ่มกบฏยูเครนตะวันออกเพราะไม่ชำระค่ากระแสไฟฟ้าที่ค้างจ่าย

“เราประสบปัญหาในการเจรจากับพวกรัสเซีย” เดมคิชินกล่าวในที่ประชุมกระทรวงพลังงาน จากการรายงานของสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์-ยูเครน

และกล่าวต่อว่า “ทางเราสามารถประสบความสำเร็จปิดท่อส่งจำนวน 4 เส้นที่ต่อจากรัสเซียเข้าไปยังดินแดนนอกเหนือการควบคุมของเคียฟ”

จากคำแถลงของรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานยูเครนพบว่า ท่อส่งพลังงานเหล่านั้นส่งป้อนพลังงานให้กับเขตยูเครนตะวันออกมีมูลค่า 15 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน แต่ทว่า “เงินก้อนนี้ไม่ได้รับการถูกจ่ายออกมา” เดมคิชินแถลง

แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการแถลงออกมาจากมอสโกหรือจากตัวแทนกลุ่มกบฏยูเครนในเรื่องนี้

เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า เขตยูเครนตะวันออกที่แต่เดิมเป็นหัวใจภาคอุตสาหกรรมแต่เดิมกลับต้องร้างหลังจากเริ่มต้นการลุกฮือของกลุ่มชาวยูเครนพูดภาษารัสเซียในทางภาคตะวันออก และส่งผลทำให้เหมืองถ่านหินและเหมืองแร่เหล็กต้องปิดตัว หรือหยุดการผลิตชั่วคราวเนื่องมาจากไม่มีกระแสไฟฟ้า

ประกอบกับมาตรการสายเหยี่ยวแข็งกร้าวของนายกรัฐมนตรียูเครน อาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค ในร่างกฎหมายมาตรการปิดกั้นทางเศรษฐกิจที่อยู่ในดินแดนควบคุมของกลุ่มกบฎนิยมมอสโก โดยยัตเซนยุคได้สั่งให้กระทรวงพลังงานยูเครนหยุดการจ่ายพลังงานทั้งหมดให้กับดินแดนในการควบคุมของกบฎยูเครนตะวันออกตั้งแต่วันที่ 1 พฤษาคมนี้เป็นต้นไป

นอกจากนี้ก๊าซธรรมชาติที่ถูกส่งจากยูเครนไปยังภูมิภาคตะวันออกของประเทศนั้นต่ำกว่ามากด้วยเช่นกัน

แต่ก่อนหน้านี้มอสโกได้เคยรับปากว่า จะการช่วยเหลือทดแทนในส่วนที่ถูกสั่งตัดไปจากทางเคียฟโดยจะทำการสร้างระบท่อส่งตรงจากรัสเซียผ่านเข้าไปในดินแดนของกลุ่มกบฎยูเครนตะวันออกโดยตรงเชื่อมต่อกับระบบท่อส่งเดิมที่มีอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า เคียฟชี้ว่าในขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าความก้าวหน้าของแผนการเหล่านี้นั้นไปในทิศทางใดแล้ว แต่ทางเคียฟเชื่อว่ากลุ่มติดอาวุธยูเครนตะวันออกได้แอบขโมยพลังงานผ่านระบบท่อก๊าซที่ข้ามระหว่างพรมแดนยูเครน-รัสเซียในบริเวณเขตอิทธิพลของกลุ่มกบฎ


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000077711