ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ตลาดหุ้นจีน” ตกฮวบลงอย่างแรงระลอกนี้ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร? โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กรกฎาคม 2558 00:31 น. (แก้ไขล่าสุด 9 กรกฎาคม 2558 09:10 น.)

    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/_VHnxNy4JFE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - หุ้นจีนตกฮวบลงมาอย่างรุนแรงอีกครั้งในวันพุธ (8 ก.ค.) โดยที่ดัชนีหุ้นคอมโพสิตของตลาดเซี่ยงไฮ้ปิดติดลบ 5.90% ส่วนดัชนีหุ้นคอมโพสิตของตลาดเซินเจิ้นก็ตกลง 2.50% การเซซวดของตลาดแดนมังกรนี้ เมื่อบวกเข้ากับปัจจัยเรื่องวิกฤตหนี้สินกรีซ ยังส่งผลทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งอื่น ๆ ในเอเชียพากันร่วงเป็นแถว โดยเฉพาะฮ่องกง ซึ่งมีความเกี่ยวข้องโยงใยใกล้ชิดกับตลาดจีน ดัชนีหั่งเส็งไหลรูดถึง 5.90% ส่วนโตเกียวก็ดิ่ง 3.14%

    การทรุดลงของหุ้นจีนบังเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่ในวันพุธ รัฐบาลแดนมังกรได้ประกาศมาตรการเพิ่มเติม เป็นการสานต่อความพยายามจำนวนมากก่อนหน้านี้ ที่จะสนับสนุนพยุงตลาดซึ่งกำลังอ่อนระโหยโรยแรง หลังจากที่การวิ่งตะบึงแบบกระทิงเปลี่ยวอย่างเมามัน ได้เกิดการเลี้ยวกลับ 180 องศาในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

    [​IMG]
    @ตลาดหุ้นจีนดำดิ่งแรงอีกถึงแม้รบ.ออกมาตรการใหม่ๆ เข้าพยุง – นักลงทุนมองจอคอมพิวเตอร์แสดงข้อมูลหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งที่นครเซี่ยงไฮ้เมื่อวันพุธ (8 ก.ค.) ซึ่งปรากฏว่าหุ้นจีนไหลรูดหนัก โดยดัชนีสำคัญของตลาดเซี่ยงไฮ้ปิดต่ำลง 5.90% ขณะที่ของตลาดเซินเจิ้นก็ติดลบ 2.50% โดยมีบริษัทถึงกว่า 1,300 แห่งหรือเกือบครึ่งหนึ่งของหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดแผ่นดินใหญ่ ขอระงับการซื้อขายเพื่อป้องกันไม่ให้ดำดิ่งต่อไปอีก และโฆษกของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) เตือนว่า ความตื่นตระหนกและการเทขายอย่างไร้เหตุผลของนักลงทุน ก่อให้เกิดภาวะสภาพคล่องตึงตัวในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ทางการจีนพยายามออกมาตรการใหม่ๆ เพื่อสกัดการรูดแรงของตลาดมากว่า 1 สัปดาห์ แต่ก็ยังดูจะไร้ผล

    ทำไมก่อนเดือนมิถุนายน ตลาดหุ้นจีนจึงพุ่งแรง?

    ตลาดหุ้นจีนเริ่มทะยานแรงตั้งแต่ปลายปี 2014 ทั้ง ๆ ที่เศรษฐกิจแดนมังกรอยู่ในช่วงเติบโตขยายตัวด้วยอัตราต่ำที่สุดในรอบ 24 ปี

    การไต่สูงเช่นนี้เริ่มต้นขึ้น หลังจากธนาคารกลางของจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2014 ถือเป็นครั้งแรกในรอบระยะเวลากว่า 2 ปี และหลังจากมีข่าวเปิดตัวโครงการที่จะเชื่อมการซื้อขายระหว่างตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้กับตลาดหุ้นฮ่องกง

    ตลาดหุ้นจีนยังคงพุ่งต่อเนื่องในปี 2015 โดยที่ดัชนีสำคัญของตลาดเซี่ยงไฮ้ขยับทะลุระดับจิตวิทยาสำคัญที่ 5,000 ตอนต้นเดือนมิถุนายน สืบเนื่องจากแรงผลักดันในเรื่องการซื้อขายแบบใช้มาร์จิน ซึ่งพวกนักลงทุนต้องมีเงินฝากไว้กับบริษัทหลักทรัพย์ เพียงแค่สัดส่วนน้อย ๆ ของมูลค่าการซื้อขายของพวกเขา การซื้อขายแบบนี้ทำให้พวกเขาสามารถทำกำไรได้สูงขึ้น ทว่าก็สามารถทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับโอกาสที่จะขาดทุนมากขึ้นเช่นกัน

    ตอนที่ทะยานขึ้นไปถึงจุดสูงสุดในวันที่ 12 มิถุนายนนั้น ดัชนีสำคัญของตลาดเซี่ยงไฮ้พุ่งขึ้นไปถึงกว่า 150% ทีเดียวในรอบระยะเวลา 12 เดือน

    ทำไมตั้งแต่เดือนมิถุนายน ตลาดหุ้นจีนจึงหล่นลงมา?

    ในวันเดียวกันกับที่ตลาดพุ่งไปแตะจุดสูงสุด คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งประเทศจีน (China Securities Regulatory Commission ใช้อักษรย่อว่า CSRC) ประกาศว่าจะใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น กับการซื้อขายโดยใช้มาร์จินของนักลงทุนรายย่อย ในวันถัดมา หน่วยงานคุมกฎแห่งนี้ยังสั่งห้ามการซื้อขายด้วยเงินทุนที่กู้ยืมนอกระบบการซื้อขายโดยใช้มาร์จิน

    เมื่อตลาดเปิดการซื้อขายอีกครั้ง พวกนักลงทุนก็เริ่มเทขายทำกำไร ด้วยความกังวลว่าราคาหุ้นอยู่ในระดับสูงเกินไปแล้ว และความเสี่ยงในตลาดกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

    กระบวนการปล่อยของในพอร์ตเช่นนี้ ในไม่ช้าก็กลายเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ส่งผลทำให้ดัชนีสำคัญของเซี่ยงไฮ้หล่นลงมากกว่า 30% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่ขึ้นไปสูงสุด อารมณ์ของตลาดยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีก เมื่อพวกนักลงทุนที่ซื้อขายโดยใช้มาร์จิน ถูกบังคับให้ขายหุ้นในพอร์ตของตนเพื่อเอาเงินสดมาชำระชดเชยราคาหุ้นที่ตกต่ำลงไป

    [​IMG]

    @ มีการทำอะไรไปแล้วบ้างเพื่อสนับสนุนพยุงตลาด?

    ดัชนีสำคัญของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ดำดิ่งลงมา 7.4% ในวันที่ 26 มิถุนายน แล้ววันรุ่งขึ้นธนาคารกลางของจีนก็ทั้งประกาศลดดอกเบี้ย และลดอัตราส่วนเงินสำรองที่พวกแบงก์ต้องนำมาฝากไว้กับแบงก์ชาติ

    จากนั้น CSRC ยังประกาศผ่อนคลายกฎระเบียบการซื้อขายโดยใช้มาร์จิน ตลอดจนลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเกี่ยวกับหุ้น

    หลังจากนั้นไม่นาน รัฐบาลประกาศมาตรการที่อนุญาตให้พวกกองทุนบำนาญประกันสังคม เข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นได้

    หน่วยงานคุมกฎของตลาดหุ้น ยังตัดลดจำนวนการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนครั้งแรก (initial public offerings หรือ IPOs) ต่อมาก็ขยับไปอีกขั้นหนึ่งด้วยการยกเลิกการทำไอพีโอทั้งหมดซึ่งมีกำหนดจะทำกันในอนาคตอันใกล้นี้

    ในวันพุธ (8 ก.ค.) รัฐบาลแถลงว่า จะอนุญาตให้พวกบริษัทประกันภัยของจีนสามารถนำเอาสินทรัพย์ของตนไม่เกิน 10% มาลงทุนในหุ้น “บลูชิป” ตัวใดตัวหนึ่ง ปรับขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่ยินยอมให้ไม่เกิน 5%

    ขณะเดียวกัน บริษัท ไชน่า ซีเคียวริตีส์ไฟแนนซ์ (China Securities Finance Co.) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินเชี่ยวชาญด้านหลักทรัพย์ และมีภาครัฐหนุนหลัง ก็แถลงว่าจะ “เพิ่ม” การซื้อหุ้นของพวกบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม โดยได้รับความสนับสนุนด้านสภาพคล่องจากธนาคารกลางของประเทศ

    จนกระทั่งถึงวันพุธ (8) CSRC ได้สั่งระงับการซื้อขายหุ้นในบริษัทจดทะเบียนรวมแล้วมากกว่า 1,300 แห่งตามคำขอของบริษัทเหล่านั้นเอง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ราคาหุ้นตกลงไปกว่านี้

    [​IMG]
    @ดัชนีฮั่งเส็งของตลาดฮ่องกงก็ได้รับผลกระทบจากภาวะดำดิ่งของตลาดหุ้นจีนเช่นกัน

    ถัดจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น?

    จริง ๆ แล้วคงไม่มีใครทราบเลย และตลาดยังอยู่ในอาการวูบวาบปั่นป่วนอย่างแรง ด้านหนึ่ง พวกนักลงทุนที่ถูกบังคับให้ขายหุ้นในพอร์ต อาจจะส่งผลทำให้ราคาหุ้นดำดิ่งกันต่อไปอีก หรือในอีกด้านหนึ่ง อาจเกิดมีพวกนักล่าของถูก มองเห็นโอกาสและก้าวเข้ามาช้อนซื้อ

    “จากการที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนซึ่งมีต่อตลาดอยู่ในอาการแตกเป็นเสี่ยง ๆ ไปเสียแล้ว จึงเป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่จะบอกได้ว่า เมื่อไรตลาดจึงจะเริ่มต้นมีเสถียรภาพและกระเตื้องขึ้นหลังจากการตกฮวบในช่วงหลัง ๆ นี้” จาง ฉี นักวิเคราะห์ของไห่ถง ซีเคียวริตีส์ ให้ความเห็นกับเอเอฟพี

    ผลต่อเนื่องที่อาจเป็นไปได้มีอะไรบ้าง?

    นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า การดำดิ่งของตลาดหุ้นคราวนี้อาจถึงกับสร้างความเสียหายให้แก่ระบบเศรษฐกิจจีน ซึ่งใหญ่โตเป็นอันดับ 2 ของโลก ตลอดจนอาจเป็นชนวนทำให้เกิดความไม่สงบทางสังคมขึ้นมา ถึงแม้จีนเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ซึ่งควบคุมผู้ที่ความเห็นแตกต่างจากรัฐบาล อย่างเข้มงวดกวดขันก็ตามที

    มีหลายฝ่ายประมาณการว่า กิจกรรมการซื้อขายหุ้นเป็นตัวช่วยเพิ่มอัตราเติบโตของเศรษฐกิจจีนในรอบไตรมาสแรกปีนี้ มากกว่าครึ่งเปอร์เซ็นต์ทีเดียว ดังนั้น เมื่อภาคการเงินเกิดการชะลอตัวอย่างแรงก็อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมได้เช่นกัน

    “การไหลรูดของตลาดหุ้นจีน ทำให้เกิดความกังวลในเรื่องความเสี่ยงเชิงระบบ (systemic risks)” เอเอ็นแซดแบงกิ้งกรุ๊ป ระบุในบทวิเคราะห์ของตน ถึงแม้จะกล่าวต่อไปด้วยว่า การทรุดตัวของหุ้นแดนมังกรคราวนี้ ยังไม่ถึงกับขยายตัวกลายเป็นวิกฤตไปแล้ว

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรีซรีบขยับ'ขั้นแรก'แผนกู้รอบใหม่ หลังยูโรโซนลั่นต้องให้จบ'อาทิตย์นี้' โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 กรกฎาคม 2558 21:48 น.

    [​IMG]
    @นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี รินกาแฟให้นายอเล็กซิส ซีปราส ระหว่างหารือกันที่สำนักงานใหญ่ของสหภาพยุโรปในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมเมื่อวันอังคาร(7ก.ค.)

    เอเจนซีส์ - กรีซยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการ ขอสินเชื่อช่วยไม่ให้ล้มละลายแพกเกจที่ 3 ต่อยูโรโซนในวันพุธ (8 ก.ค.) พร้อมให้คำมั่นเริ่มเดินหน้ามาตรการปฏิรูปบางอย่างซึ่งเจ้าหนี้ต้องการตั้งแต่ต้นสัปดาห์หน้า ขณะที่นายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ซีปราส ไปกล่าวปราศรัยต่อรัฐสภายุโรปในวันเดียวกัน รับปากว่าเอเธนส์สามารถทำตามเส้นตายของยูโรโซน โดยภายในวันอาทิตย์ (12) นี้ จะจัดทำร่างข้อตกลงรายละเอียดในการแก้ไขคลี่คลายวิกฤตหนี้สินของกรีซอย่างเป็นธรรม เพื่อให้ประเทศของเขายังคงอยู่ในยูโรโซนต่อไป

    การยื่นคำร้องโดย ยูคลิด ซาคาโลตอส รัฐมนตรีคลังคนใหม่ของกรีซ ขอเข้าโปรแกรมเงินกู้จาก “กลไกรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป” (อีเอสเอ็ม) ของยูโรโซน ถือเป็นก้าวแรกในการปฏิบัติตามข้อเรียกร้องจากที่ประชุมซัมมิตฉุกเฉินเมื่อคืนวันอังคาร (7) ของเหล่าผู้นำยูโรโซน ซึ่งต่างแสดงความเอือมระอาและขุ่นเคืองต่อยุทธวิธีการเจรจาของรัฐบาลเอเธนส์ที่นำโดยซีปราส

    คำร้องนี้ ระบุระยะเวลาในการขอกู้เอาไว้ 3 ปี แต่ไม่ได้พูดถึงจำนวนเงินกู้ที่ต้องการ ทว่ามีการพูดถึงมาตรการปฏิรูปต่างๆ ซึ่งเอเธนส์พร้อมจะดำเนินการ

    กรีซนั้นเคยขอเข้าโปรแกรมเงินกู้ช่วยไม่ให้ล้มละลายจากเจ้าหนี้ระหว่างประเทศมาแล้ว 2 แพกเกจ รวมเป็นมูลค่า 240,000 ล้านยูโร โดยที่แพกเกจหลังหมดอายุลงในวันที่ 30 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เอเธนส์ยังไม่สามารถชำระหนี้คืนตามกำหนดให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) อีกด้วย

    [​IMG]
    @ชายคนหนึ่งเดินผ่านจอภาพอิเล็กทรอนิกส์ ที่แสดงให้เห็นอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราต่างประเทศ ณ ตลาดหลักทรัพย์ของออสเตรเลีย ในกรุงซิดนีย์ เมื่อวันพุธ(8ก.ค.) ขณะที่ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ร่วงลง 2.01 เปอร์เซ้นต์ หลังเหล่าผู้นำยุโรปขีดเส้นตายสุดท้ายให้กรีซ บรรลุข้อตกลงกู้ยืมใหม่

    หลังจากนี้ไป เอเธนส์ยังจะต้องยื่นข้อเสนอแผนการคลี่คลายวิกฤตหนี้สินของตนที่มีรายละเอียดครบถ้วนภายในคืนวันพฤหัสบดี (9) และหากผู้เชี่ยวชาญจากคณะกรรมาธิการยุโรป อันเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (อียู), ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี), และไอเอ็มเอฟ อนุมัติข้อเสนอดังกล่าว เหล่ารัฐมนตรีคลังยูโรโซน (ยูโรกรุ๊ป) จะประชุมกันในวันเสาร์ (11) เพื่อเสนอแนะให้เปิดการเจรจาแพกเกจเงินกู้กับเอเธนส์ แล้วจึงตามด้วยการประชุมสุดยอด 28 ชาติอียู ในวันอาทิตย์ (12) เพื่ออนุมัติแผนการช่วยเหลือ ทั้งนี้ พวกผู้นำยูโรโซนกล่าวเตือนในคืนวันอังคารว่า วันอาทิตย์ (12) เป็น “เส้นตายสุดท้าย” ที่จะต้องบรรลุข้อตกลงกันให้ได้ และช่วยให้กรีซรอดพ้นจากภาวะล้มละลาย

    บรรดาธนาคารของกรีซยังคงปิดทำการเป็นสัปดาห์ที่ 2 โดยที่ผู้มีบัญชีเงินฝากสามารถที่จะถอนเงินจากเครื่องเอทีเอ็มได้เพียงวันละไม่เกิน 60 ยูโร ท่ามกลางความหวาดหวั่นว่าเศรษฐกิจกำลังบ่ายหน้าไปสู่การพังทลาย และความเป็นไปได้ที่กรีซจะต้องออกจากการใช้สกุลเงินยูโร หรือที่เรียกกันว่า “เกร็กซิต” (Grexit)

    ซีปราส นั้นเดินทางสู่นครสตาร์สบูร์ก ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐสภายุโรปเมื่อวันพุธ (8) พร้อมชัยชนะจากการลงประชามติของชาวกรีกเมื่อวันอาทิตย์ (5) ที่ต่อต้านไม่ยอมรับมาตรการรัดเข็มขัดเข้มงวดของเจ้าหนี้ ทว่าดูเหมือนชัยชนะดังกล่าวไม่ได้ทำให้เขามีแต้มต่อในการเจรจากับเจ้าหนี้ต่างชาติอย่างที่เขาคุยไว้ เนื่องจากต่างฝ่ายต่างรู้ว่า กรีซต้องการข้อตกลงโดยเร็วที่สุดเพื่อความอยู่รอด

    นายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้นำพรรคฝ่ายซ้ายจัดผู้นี้ ประกาศต่อรัฐสภายุโรปว่า กรีซไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเรียกร้องหาวิธี “ผ่าทางตัน” พร้อมให้สัญญาจะส่งมอบข้อเสนอการปฏิรูปอย่างละเอียดภายใน 48 ชั่วโมง โดยพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำที่จะทำให้สมาชิกยุโรปชาติอื่นๆ ขุ่นเคือง แต่ยังอดไม่ได้ที่จะวิจารณ์ว่า บรรดาเจ้าหนี้ “ก่อการร้าย” กระทั่งกรีซจำเป็นต้องจัดการลงประชามติเกี่ยวกับ “มาตรการรัดเข็มขัดที่ไม่มีวันจบสิ้น”

    ก่อนหน้าที่ซีปราสจะขึ้นพูด โดนัล ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป ได้แถลงย้ำต่อรัฐสภายุโรปถึงเส้นตายสุดท้ายที่กรีซจะต้องส่งแผนการปฏิรูปที่น่าเชื่อถือและเริ่มดำเนินการแผนการเหล่านั้นทันทีภายในสัปดาห์นี้ พร้อมกับบอกว่า หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ตามกำหนด “ก็อาจนำไปสู่การล้มละลายของกรีซ” และก่อให้เกิดปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรป

    ระหว่างการแถลงข่าวเมื่อตอนเที่ยงคืนวันอังคาร หลังการประชุมฉุกเฉินผู้นำยูโรโซน อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ก็กล่าวอย่างชัดเจนว่า ไม่ได้มองแง่ดีจนเกินจริงว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อป้องกันไม่ให้กรีซหลุดออกจากยูโรโซนได้ภายในวันอาทิตย์นี้ แต่สำทับว่า เธอและผู้นำคนอื่นๆ ตระหนักถึงความรับผิดชอบที่มีต่อยูโร

    ขณะที่ฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ที่สัปดาห์ที่แล้วพยายามผลักดันข้อตกลงกับกรีซจนถึงนาทีสุดท้ายนั้น ได้สะท้อนความเดือดดาลที่เพิ่มมากขึ้นของสมาชิกยูโรโซนชาติอื่นๆ จากการที่เอเธนส์เตะถ่วงการเจรจามานานกว่า 5 เดือน โดยแถลงเตือนว่า ขณะนี้ มีการเตรียมแผนรับมือสถานการณ์ “เกร็กซิต” อย่างละเอียดไว้แล้ว

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Focus : ขวากหนามใน BRICS ซัมมิต : ธนาคารกลุ่ม BRICS ความฝันกู้วิกฤตรัสเซียของปูตินถูก AIIB โปรเจกต์ยักษ์ของสี จิ้น ผิง บดบัง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 กรกฎาคม 2558 20:47 น. (แก้ไขล่าสุด 8 กรกฎาคม 2558 23:25 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ – การประชุม 2 วันของกลุ่ม BRICS ใน UFA รัสเซียที่มีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นตามกำหนดประจำปี อาจจะไม่สดใสหลังจากกระแส NDB ธนาคารเพื่อการพัฒนาของ BRICS นั้นถูกกลบมิด จากการผงาดของธนาคารพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AIIB ตามโปรเจกต์ยักษ์ “ซิลค์โร๊ด” ของปักกิ่งที่ถูกผลักดันอย่างหนักนั้นจะทำให้ NDB ยังคงเป็นความหวังเป็นช่องทางสำหรับการพลิกฟื้นทางเศรษฐกิจให้กับรัสเซียต่อไปได้หรือไม่ หลังจากพบว่า หนึ่งในชาติสมาชิกสำคัญ เช่น จีน กลับเอาใจออกห่าง แต่ทว่ารัฐมนตรีเศรษฐกิจและการพัฒนารัสเซีย อเล็กเซย์ อุลยูคาเยฟ (Aleksey Ulyukayev)ยังให้สัมภาษณ์อย่างหนักแน่นในวันอังคาร(7)ว่า สถาบันการเงินทั้งสองไม่ได้เป็นคู่แข่งกันอย่างแน่นอนถึงแม้ทั้ง NDB และ AIIB จะมีต่างมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในจีน และมีจำนวนเงินลงทุนเบื้องต้นไม่ต่างกัน รวมไปถึงจุดประสงค์ในการก่อตั้งที่คล้ายกันคือ เพื่อคานอำนาจธนาคารโลกและ IMF และรวมไปถึงเป็นแหล่งการเงินในโครงการพัฒนาพื้นฐานต่างๆ

    ในการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่ BRICS ที่จะเริ่มต้นขึ้นในระว่างวันที่ 8-9 กรกฎาคม 2015 ที่ UFA ในรัสเซีย และประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูตินเป็นเจ้าภาพ หลังจากก่อนหน้านี้รัฐมนตรีช่วยการคลังรัสเซียเซอร์เกย์ สตอร์ชัค ได้ออกปากเชิญกรีซเข้าร่วมกับ NDB ธนาคารเพื่อการพัฒนาของ BRICS ซึ่งมีฐานอยู่ในเซียงไฮ้ ศูนย์กลางธุรกิจของจีน

    ที่ถึงแม้ว่ากลุ่ม BRICS จะเกิดจากแรงผลักดันของมอสโกที่ร่วมกับจีน บราซิล อินเดีย และแอฟริกาใต้ที่ต้องการขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยูเรเชีย EEU และเชื่อมต่อไปยังทวีปเอเชียซึ่งมีจีนและอินเดียเป็นหัวหอกหลัก ต่อไปถึงทวีปอเมริกากลาง บราซิล ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มลาตินอเมริกา USAN ที่มีสมาชิกจำนวน 12 ประเทศ และแอฟริกาใต้ซึ่งจะสามารถเป็นตัวแทนจากโลกกาฬทวีปขยายโอกาสทางการค้าไปสู่โลกภายนอกได้มากขึ้น

    ดังนั้นจึงเป็นการตั้งคำถามว่า สถานภาพของสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้ง 2 แห่งที่ตั้งขึ้นมาโดยได้จากแรงหนุนจากปักกิ่งเป็นหลักนั้น ทางรัสเซียที่เศรษฐกิจอยู่ในสภาพถดถอยอย่างหนักจะใช้ธนาคารกลุ่ม BRICS ในพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้อย่างไร ในเมื่อการผงาดขึ้นมาของธนาคารพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AIIB ตามโปรเจกต์ยักษ์ “ซิลค์โร๊ด” ของปักกิ่งนั้นได้ดึงกระแสความสนใจล้นหลามของประเทศเข้าร่วมเป็นสมาชิกที่มีจำนวนมาก ซึ่งหมายถึงการมีเม็ดเงินจากต่างชาติเข้าซื้อหุ้นของธนาคารแห่งนี้ และเป็นหลักประกันในความมั่นคงตลอดจนการยอมรับในเวทีโลก

    จากการรายงานของ RT สื่อรัสเซีย ในวันนี้(8) ถึงแม้รัฐมนตรีเศรษฐกิจและการพัฒนารัสเซีย อเล็กเซย์ อุลยูคาเยฟ (Aleksey Ulyukayev) ได้ให้สัมภาษณ์อย่างหนักแน่นถึงความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันการเงินนานาประเทศแห่งใหม่ทั้งสองภายใต้การผลักดันของกลุ่ม BRICS ที่มีเครมลินเป็นโต้โผใหญ่คือ ธนาคารเพื่อการพัฒนา NDB และธนาคารพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AIIB ภายใต้ร่มเงาของปักกิ่งว่า “สถาบันการเงินทั้งสองไม่ใช่คู่แข่งกัน” และสอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ทางฝั่งของจีนในวันที่ 1 กรกฎาคม ล่าสุด ในการรายงานของดิอีโคโนมิกซ์รีวิวที่ว่า “การถือกำเนิดของธนาคาร AIIB ไม่ส่งผลกระทบต่อธนาคาร BRICS อย่างแน่นอน”

    แต่ทว่าในความเป็นจริงอาจไม่ใช่เช่นนั้น

    “ผมคิดว่ายังคงมีที่ว่างอีกมากสำหรับทุกคน เพราะเศรษฐกิจของเรายังขาดเม็ดเงินเพื่อช่วยการลงทุนอีกมาก…ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นธนาคารเอเชีย ธนาคาร BRICS หรือสถาบันการเงินอื่นๆนั้นยังคงมีโอกาส” อุลยูคาเยฟให้สัมภาษณ์ในวันอังคาร(7) หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมผู้ว่าธนาคาร NDB จากการรายงานของ RT

    การให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีเศรษฐกิจรัสเซียมีขึ้นล่วงหน้าก่อนการประชุมซัมมิต BRICS ครั้งที่ 7 ที่เมือง UFA ที่ห่างไกลของรัสเซีย โดยทางกลุ่ม BRICS ตั้งเป้าที่จะระดมเม็ดเงินทุนเริ่มต้น 50 พันล้านดอลลาร์ และต่อมามีแผนที่จะขยายไปราว 100 พันล้านดอลลาร์สำหรับ NDB ตามการรายงานของสื่อธุรกิจอินเตอร์เนชันแลบิสซิเนส ไทม์ส เมื่อวานนี้(7)

    และ RT ได้ชี้เพิ่มเติมว่า การก่อตั้งของธนาคารแห่งนี้เพื่อเป็นคู่แข่งของธนาคารโลก หรือ WORLD BANK ซึ่งอยู่ภายใต้การครอบงำของสหรัฐฯ และชาติตะวันตก และนอกจากนี้ยังมีการตั้งเป้าต้องการให้ NDB ให้การสนับสนุนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศภายในสมาชิกกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ BRICS และล่าสุดมีการเปิดเผยว่า มีแนวคิดให้ความช่วยเหลือต่อประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS เช่นกัน

    แต่ทว่าภายใต้การเกิดขึ้นของธนาคารแห่งนี้ กลับมีเงาทะมึนของธนาคารเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AIIB ภายใต้แรงผลักดันจากปักกิ่งที่มีความต้องการให้สถาบันการเงินแห่งนี้คานอำนาจกับเวิลด์แบงก์และ IMF เหมือนกับที่ธนาคารกลุ่ม BRICS ต้องการ

    และภายใต้การจัดตั้งที่เร็วอย่างก้าวกระโดดของจีน ทำให้ธนาคารแห่งนี้มีสมาชิกจาก 5 ทวีป 57 ชาติเข้าร่วม โดยมีไทยรวมอยู่ในนั้น และที่สำคัญยังรวมไปถึง 4 ชาติหลักจากกลุ่ม BRICS คือ อินเดีย จีน บราซิล และโดยเฉพาะรัสเซีย ที่ดูเหมือนจำยอมต้องลงนามในวินาทีท้ายที่สุดก่อนหมดเส้นตายจากการรายงานของรอยเตอร์ในวันพุธ(8) ในรายงาน “เหตุใดการหันมาจับมือกับปักกิ่งของรัสเซียจึงเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา”

    RT รายงานต่อว่า เป้าหมายของการก่อตั้งธนาคาร AIIB แท้จริงแล้วเพื่อสนับสนุนโครงการซิลค์โร๊ดของจีนในการขยายขอบเขตทางการค้าออกไป โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เงินสนับสนุนการขยายโครงสร้างพื้นฐานในแถบเอเชียแปซิฟิก เป็นต้นว่า การตัดถนนใหม่ การเชื่อมต่อระบบทางรถไฟ และการสร้างสนามบินเพิ่มเติม ซึ่งในสัดส่วนผู้ถือหุ้น AIIB มีจีนโต้โผถืออยู่ราว 20.06 % อินเดีย 7.5 % และรัสเซียผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 5.92 % เป็นลำดับที่ 3 ในเงินทุนเริ่มต้นที่ 50พันล้านดอลลาร์ และจะมีแผนเพิ่มทุนเป็น 100 พันล้านดอลลาร์ในภายหลัง

    ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ของสถาบันบรุคลิงส์ (Brooklings) ที่มีฐานอยู่ในวอชิงตันดีซี สหรัฐฯ เมื่อวานนี้(7)ชี้ว่า จีนนั้นหันเหความสนใจในการมีส่วนร่วมผลักดันการก่อตั้งของ NDB แต่กลับให้ความใส่ใจใน AIIB มากกว่าในความเห็นของบรูซ โจนส์ (Bruce Jones) รักษาการรองประธานและผู้อำนวยการของนโยบายต่างประเทศว่า เป็นเพราะจีนพบว่าการผลักดันเพื่อขยายตัวของกลุ่ม BRICS นั้นเชื่องช้าเกินไปในสายตาของเจ้าสัวแดนมังกร และที่เลวร้ายไปกว่านั้น จีนไม่มีอำนาจอย่างเพียงพอในการออกเสียงภายในกลุ่ม BRICS

    และนี่เองอาจเป็นสาเหตุทำให้จีนเริ่มต้นทุ่มความสนใจให้กับ AIIB เป็นอย่างมาก ซึ่งพบว่านอกจากจำนวนเงินทุนเริ่มต้นที่มีจำนวนไม่ต่างกันแล้วสำหรับทั้งในส่วนของ NDB และ AIIB แต่ยังพบว่าสำนักงานใหญ่ของสถาบันการเงินแห่งใหม่ทั้งสองแห่งยังตั้งอยู่ในจีน โดยธนาคารกลุ่ม BRICS ตั้งอยู่ที่เซียงไฮ้ ในขณะที่สำหนักงานใหญ่ของ AIIB อยู่ในกรุงปักกิ่ง

    และที่สำคัญที่สุด ทั้ง 3 ประเทศใหญ่ที่ถือหุ้นในสัดส่วนสูงสุดของ AIIB กลับกลายเป็น 3 ประเทศสมาชิกจากกลุ่ม BRICS ในการก่อตั้งธนาคาร AIIB ที่ดูคล้ายกับว่า เป็นเสมือน NDB แห่งที่ 2 ภายใต้บังเหียนเอเชีย ที่กลับโตเป็นรูปเป็นร่างเมื่อเทียบกลับธนาคารกลุ่ม BRICS โดยมีการลงชื่อเข้าเป็นสมาชิกนั้นมีมากถึง 57 ประเทศ ซึ่งในส่วนของทางไทย ได้ส่งปลัดกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนาม และได้รับความสนใจจากทั่วโลกจากสื่อเมื่อเทียบกับ NDB

    และทำให้ในขณะนี้รัสเซีย ที่ในขณะนี้เหมือนเสือลำบากจากการถูกคว่ำบาตรอย่างหนักจากทางโลกตะวันตกและญี่ปุ่น ต้องฝากความหวังไว้กับการเติบโตของ BRICS เพื่อหวังจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจรัสเซียกลับมา

    แต่อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่น่าแปลกใจถึงการเป็นคู่แข่งระหว่างธนาคารกลุ่ม BRICS ของปูติน และAIIB ของประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง เมื่อพบว่า มีรอยร้าวระหว่างรัสเซียและจีนปรากฏให้เห็นก่อนหน้านี้ ที่ถึงแม้คนภายนอกทั่วไปจะเข้าใจว่าทั้งจีนและรัสเซียต่างจับมืออย่างเหนียวแน่นเป็นมหามิตร เพราะประเทศทั้งสองมีอุดมการณ์ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น นโยบายการเมืองต่อวอชิงตัน และอีกทั้งในอดีตรัสเซียมีการปกครองแบบลัทธิมาร์กซิสคอมมิวนิตมาก่อน

    ซึ่งในการรายงานของรอยเตอร์ได้วิเคราะห์ถึง การจับมือของเสี่ยหมีปูตินกับปักกิ่งที่แต่แรกเริ่มดูเหมือนมีทิศทางที่แจ่มใส และดูคล้ายว่าทางรัสเซียสามารถค้นพบตลาดใหม่ในเอเชียทดแทนตลาดยุโรป หลังจากการคว่ำบาตรได้เริ่มต้นขึ้นในปีที่ผ่านมา โดยดูได้จากความร่วมมือในการลงทุนทางพลังงานร่วมกัน และอีกทั้งทั้งสองชาติยังประกาศความร่วมมือในทางการทหารหลังจากนั้น แต่ในเชิงปฎิบัติแล้ว จะเห็นได้ว่ามีความก้าวหน้าในเรื่องนี้น้อยมาก

    ในรายงาน “เหตุใดการหันมาจับมือกับปักกิ่งของรัสเซียจึงเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา” ระบุว่า หลังจากที่จีนก้าวเข้ามาให้ความช่วยเหลือบริษัทรัสเซียในด้านเทคโนโลยีแทนที่ชาติตะวันตกหลังจากถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจแล้ว สถาบันการเงินของจีนได้กลายเป็นแหล่งการเงินหลักสำหรับธุรกิจในแดนหมีขาว

    แต่รอยเตอร์กลับพบว่า หลังจาก 1 ปีผ่านไปนับตั้งแต่มีการร่วมมืออย่างใกล้ชิดในระดับทวิภาคี แต่แทบไม่มีความก้าวหน้าในโครงการที่ทั้งรัสเซียและจีนได้ทำร่วมกัน และซ้ำรายประเทศทั้งสองยัง “ทิ้ง” บางโครงการไปเสียเช่นนั้น

    เมื่อเทียบกับอินเดีย ประเทศที่มีศักยภาพในทางเศรษฐกิจในเอเชีย และยังเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS รวมไปถึงการเข้าถือหุ้นใน AIIB ของจีน โดยในทัศนะของโจนส์จากสถาบันบลุคลิงส์ชี้ว่า อินเดียให้ความสำคัญกับการร่วมมือในกลุ่ม BRICS และอีกทั้งยังให้ใจเครมลินมากกว่าที่จีนกระทำ

    ซึ่งไม่เป็นที่น่าแปลกใจในความเห็นของโจนส์ในการอธิบายเพิ่มเติมว่า เพราะในอดีตที่ผ่านมารัสเซียยืนเคียงข้างฝั่งอินเดียมาโดยตลอดโดยเฉพาะในยามที่สหรัฐฯโอบอุ้มศัตรู “ปากีสถาน” และถึงแม้ นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี จะได้รับการต้อนรับจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา อย่างอบอุ่นที่ทำเนียบขาว และมีการกระชับความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดในเวลาต่อมา แต่ในความเห็นของโจนส์ การหว่านล้อมทั้งหมดเพื่อหวังโดดเดี่ยวรัสเซียกลับไม่สำเร็จ

    เพราะล่าสุดอินเดียได้ประกาศว่า อินเดียสนใจข้อตกลงในการเจรจาการค้าฟรีเทรดร่วมกับกลุ่มเขตเศรษฐกิจยูเรเชีย EEU ที่มีรัสเซียเป็นประเทศแกนกลาง และยังมีบทความสื่ออินเดียออกมาเผยแพร่รับการเยือนรัสเซียของโมดีว่า อินเดียจะได้ประโยชน์มหาศาลเพียงใดจากธนาคาร NDB

    ในขณะที่จีน ซึ่งนอกจากจะรักษาระยะห่างมากกว่าโดยเฉพาะในเวทีประชาคมโลกในปัญหาการผนวกไครเมียที่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับประธานาธิบดีปูติน ที่จีนเลือกที่จะงดออกเสียงในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงในสหประชาชาติมากกว่าที่จะหนุนหลังรัสเซียอย่างเต็มตัวด้วยการออกเสียงไม่เห็นชอบแล้ว ยังมีโครงการความร่วมมือที่ชะงักงันในส่วนพลังงานซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญในการสร้างรายได้ให้กับรัสเซียเป็นอย่างมหาศาล

    โดยรอยเตอร์อธิบายเพิ่มเติมว่า ทั้งบริษัทพลังงานรัสเซียและบริษัทพลังงานจีนต่างประสบปัญหาใหญ่ในการดำเนินงานตามแผนงานของตน ถึงแม้ทั้งคู่ได้เริ่มต้นโปรเจกต์การสร้างท่อส่งก๊าซตั้งแต่เดือนกันยายน 2014 ที่ผ่านมา

    ทั้งนี้นักวิเคราะห์ด้านพลังงานได้แสดงความเห็นว่า ไม่มีความเป็นไปได้ว่าทางรัสเซียจะสามารถเริ่มส่งก๊าซในโปรเจกต์ท่อส่งก๊าซเส้นตะวันออกได้ก่อนปี 2018 ตามกำหนดเนื่องมาจากปัญหาความไม่ลงตัวในการชำระเงินล่วงหน้าจำนวน 25 พันล้านดอลลาร์ตามที่จีนได้ร้องขอในการก่อสร้างระบบท่อส่งก๊าซ

    โดยในเดือนกันยายน 2014 เจ้าหน้าที่จากฝั่งบริษัทก๊าซปรอมได้เปรยว่า “ปัญหาในการชำระเงินนั้นยังแขวนอยู่ในอากาศ”

    และที่ร้ายแรงไปกว่านี้ รัสเซียและจีนยังไม่สามารถตกลงได้ทั้งในส่วนของเส้นทางท่อส่งก๊าซที่แน่นอน ค่าใช้จ่ายการก่อสร้างระบบท่อส่ง และที่สำคัญที่สุดคือในปัญหาเรื่องราคาของก๊าซโปรเจกต์อัลไตตะวันตกของรัสเซีย

    รอยเตอร์ยังชี้ว่านอกจากปัญหาด้านความร่วมมือพลังงานที่ทางปูตินหวังจะทดแทนรายได้ที่ขาดหายไปในช่วงการคว่ำบาตรที่ยืดเยื้อแล้ว รัสเซียยังเริ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์เมื่อพบว่า จีนได้ถือโอกาสแผ่ขยายอิทธิพลทางการค้าไปยังเอเชียกลาง ซึ่งเคยอยู่ใต้อาณัติในสมัยอดีตสหภาพโซเวียต เป็นต้นว่า คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน ซึ่ง Central ASIA Analysis ชี้ว่า เครมลินอาจใช้วิธีที่เคยใช้กับยูเครน เช่น การสนับสนุนให้ชนท้องถิ่นพูดภาษารัสเซียติดอาวุธ หรือ การใช้ฐานทัพย่อยที่ตั้งอยู่ในบริเวณนั้น เพื่อโจมตีผลประโยชน์ของจีนในกลุ่มประเทศสหภาพโซเวียตเก่า

    Focus :
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ธนาคารกลางยุโรปเผยคนแห่กู้เงินยูโรมากขึ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 กรกฎาคม 2558 20:56 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี - ธนาคารกลางยุโรป ระบุในวันพุธ (8 ก.ค.) ว่าบรรดาผู้กู้ยืมจากนานาประเทศได้หันมากู้เป็นสกุลเงินยูโรกันมากขึ้น อันเนื่องมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ

    "ด้วยสภาวะแวดล้อมอันเนื่องมาจากดอกเบี้ยที่ต่ำและลดลงเรื่อยๆ ทำให้เงินยูโรถูกใช้เป็นสกุลเงินในการกู้ยืมเพิ่มมากขึ้นโดยบรรดาผู้กู้ยืมจากนานาประเทศในปี 2014 และต้นปี 2015" ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ระบุในรายงานประจำปี

    "ส่วนแบ่งของเงินยูโรในหนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดิม 9 เปอร์เซ็นต์ ไปอยู่ที่เกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสแรกของปี 2015 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2014" อีซีบี ระบุ

    อีซีบียังได้บอกด้วยว่า การลดลงของมูลค่าเงินสกุลยูโร ที่ตกลงมา 10 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 12 เดือน นับถึงพฤษภาคม 2015 ได้ส่งผลกระทบต่อตัวชี้วัดต่างๆ ในการใช้งานระหว่างประเทศของเงินยูโร

    "ในอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ตัวชี้วัดส่วนใหญ่ถูกใช้ประเมินการใช้งานระหว่างประเทศของเงินยูโร ว่าจะกู้เพิ่มอันเนื่องมาจากวิกฤติหนี้สาธารณะในยูโรโซน หรือจะยังคงนิ่งเพื่อทบทวนรอดูสถานการณ์" อีซีบี ระบุ

    อีซีบีบอกว่า หนึ่งในผลกระทบที่เห็นได้ชัดที่สุดของการเสื่อมค่าในสกุลเงินยูโร คือการมีสัดส่วนถือครองเป็นเงินทุนสำรองต่างชาติที่ลดลงไป 2.2 เปอร์เซ็นต์ ไปอยู่ที่ตัวเลข 22.2 เปอร์เซ็นต์ในปี 2014

    "อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปรับอัตราแลกเปลี่ยน แต่ส่วนแบ่งของเงินยูโรยังคงมีเสถียรภาพ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการประเมินค่านั้นได้ครอบคลุมปัจจัยเรื่องมูลค่าที่ลดลง" รายงานระบุ


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัสเซียใจกว้าง ยื่นข้อเสนอกรีซกู้เงินจากธนาคาร BRICS ปลดหนี้ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 กรกฎาคม 2558 14:28 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ – ท่ามกลางปัญหามรสุมกรีซที่สหภาพยุโรปยังไม่สามารถตัดสินใจเด็ดขาดว่าต้องทำเช่นไรกับกรีซ และหนี้สินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ แต่ทว่ารัสเซียได้ประกาศยื่นมือเข้าช่วยกรีซล่าสุด ด้วยการเสนอให้กรีซขอความช่วยเหลือจากธนาคารกลุ่ม BRICS ที่มีรัสเซีย จีน อินเดีย แอฟริกาใต้ และบราซิล เป็นสมาชิกใหญ่อยู่ภายในนั้น โดยมีข้อแลกเปลี่ยนที่กรีซต้องตัดสินใจสมัครสมาชิกเข้าร่วมเพื่อขอรับสิทธิความช่วยเหลือนี้

    บิสซิเนสอินไซด์เดอร์ รายงานในวันพุธ(8)ว่า ในการที่กรีซจะสามารถเข้าถึงเงินช่วยเหลือจากธนาคารกลุ่ม BRICS เพื่อออกจากสถานการณ์วิกฤตนี้ในปัจจุบันได้นั้น ทำได้โดยการที่กรีซสมัครเข้าร่วมกับกลุ่ม BRICS และซื้อหุ้นที่ทางกลุ่มได้นำเสนอออกขายล่าสุด เซอร์เกย์ สตอร์ชัค (Sergey Storchak) ผู้ช่วยรัฐมนตรีการคลังรัสเซียแถลง

    “ถ้าหากทางกรีซยอมซื้อหุ้นจำนวนเล็กน้อยเหล่านี้ จะทำให้กรีซสามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิก และเข้าถึงเงินช่วยเหลือได้ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีความเกี่ยวพันในตัวเลขการให้ความช่วยเหลือและจำนวนหุ้นที่ต้องซื้อ แต่ทว่าข้อกำหนดกว้างๆทั่วไปของกลุ่มระบุว่าตัวเลขทางการคลังของประเทศสมาชิกต้องสมดุล” สตอร์ชัคกล่าว

    สื่อธุรกิจระบุว่า การให้สัมภาษณ์ของกระทรวงการคลังรัสเซียมีขึ้นหลังกรีซต้องฝ่ามรสุมทางการเงินในช่วงนี้ที่มีการเกรงว่า กรีซอาจต้องยอมออกจากเขตเศรษฐกิจยุโรป และไม่ได้ใช้สกุลเงินยูโรอีกต่อไป

    และประกอบกับผลการลงคะแนนประชามติล่าสุดในวันอาทิตย์(5)ของกรีซที่ประกาศไม่ยอมรับมาตรการรัดเข็มขัดของกลุ่มเจ้าหนี้ทรอยกา ส่งผลทำให้ทางกลุ่มผู้นำสหภาพยุโรปต้องกำหนดเส้นตายใหม่ในวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมาโดยประกาศให้กรีซนำข้อเสนอใหม่เข้าสู่โต๊ะเจรจา

    นอกจากนี้ผู้ช่วยรัฐมนตรีการคลังรัสเซียกล่าวต่อว่า “ดูเหมือนว่ากรีซจะเป็นผู้ที่แสดงความสนใจในธนาคาร BRICS ก่อน และทันทีที่ธนาคารเพื่อการพัฒนา BRICS สามารถเปิดทำการได้ ทางบอร์ดบริหารจะเริ่มเตรียมพร้อม และบอร์ดของผู้ว่าการธนาคารจะเริ่มต้นอนุมัติใบสมัครการเข้าร่วมสมาชิกให้กับบรรดาประเทศที่ให้ความสนใจ” และสตอร์ชัคยังเสริมต่อว่า “ผมไม่คิดว่าจะมีปัญหาหากรัฐบาลชาติสมาชิกทั้ง 5 ประเทศทำการรับรองกรีซเข้าร่วมเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิก”

    บิสซิเนสอินไซด์เดอร์รายงานเพิ่มเติมว่า ธนาคาร BRICS ที่มีฐานอยู่ในเซียงไฮ้ คาดว่าจะสามารถเปิดทำการได้ในเดือนเมษายน 2016 ในเงินทุนเริ่มต้นจำนวน 50 พันล้านดอลลาร์ และจะเพิ่มจำนวนเป็น 100 พันล้านดอลลาร์ภายหลังจากนั้น ซึ่งรัสเซียได้เคยเอ่ยปากชวนกรีซเข้าร่วมกลุ่ม BRICSอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีประเทศสมาชิก 5 ชาติ ประกอบไปด้วย รัสเซีย อินเดีย จีน บราซิล และแอฟริกาใต้

    การเปิดเผยของสตอร์ชัคมีขึ้นในวันก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม BRICS ซึ่งจัดขึ้นที่เมือง UFA ของรัสเซียในการประชุมที่ถูกจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหประชาชาติเผย มีพลเรือนถูกสังหารในเยเมนแล้วมากกว่า 1,500 ศพ นับแต่ซาอุฯ เริ่มโจมตีทางอากาศ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 กรกฎาคม 2558 15:07 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – สำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเผย จำนวนของ “พลเรือน” ที่ถูกสังหารในเยเมน ดินแดนที่ได้ชื่อว่า “ยากจนข้นแค้นที่สุดของโลกอาหรับ” ได้เพิ่มเป็นมากกว่า 1,500 รายแล้วนับตั้งแต่ที่ชาติเพื่อนบ้านผู้มั่งคั่งอย่างซาอุดีอาระเบียเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อเยเมน

    ข้อมูลล่าสุดซึ่งรวบรวมโดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ และมีการเผยแพร่เมื่อวันอังคาร ( 7 ก.ค.) ระบุว่า ยอดพลเรือนที่เสียชีวิตในเยเมนนับตั้งแต่ที่ซาอุดีอาระเบียเริ่มการโจมตีทางอากาศเมื่อวันที่ 26 มี.ค. ได้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นอย่างน้อย 1,528 รายแล้วนับถึงวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ยอดผู้ได้รับบาดเจ็บที่เป็นพลเรือนในเยเมนได้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 3,605 ราย

    ขณะเดียวกัน ความขัดแย้งในเยเมนซึ่งปะทุขึ้นหลังจากที่กลุ่มกบฏฮูตีส์ที่มีอิหร่านหนุนหลังประสบความสำเร็จในการโค่นล้มรัฐบาลเยเมนที่มีซาอุดีอาระเบียให้การสนับสนุน ทำให้ทางการซาอุฯซึ่งเสียหน้าอย่างหนักทำการตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศในเยเมน จนนำมาซึ่งการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือนเยเมนเป็นจำนวนมาก

    ข้อมูลจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติยังระบุว่า ความขัดแย้งในเยเมนได้ส่งผลให้เกิดผู้อพยพหนีภัยการสู้รบภายในประเทศแล้วมากกว่า 1 ล้านคนนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ขณะที่ชาวเยเมนอีกมากกว่า 46,000 ชีวิตต้องอพยพออกนอกประเทศ

    ด้านเยนส์ แลร์เก โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ออกโรงเตือนถึงความเป็นไปได้ที่เยเมนจะต้องเผชิญกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งเลวร้าย ขณะที่อองตวน กรองด์ ผู้อำนวยการคณะกรรมาธิการกาชาดสากลประจำเยเมน ออกมายอมรับว่า สถานการณ์ในเยเมนมีแต่จะย่ำแย่เลวร้ายลงทุกขณะ และเรียกร้องให้นานาชาติเร่งหาทางยุติความขัดแย้งในเยเมนโดยเร็วที่สุด

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกาหลีเหนือขู่ใช้มาตรการตอบโต้รุนแรง หากโสมขาวไม่ส่งคืนชาวประมงที่แปรพักตร์ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 กรกฎาคม 2558 18:54 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี - เกาหลีเหนือออกมาแสดงท่าทีข่มขู่ในวัพุธ (8 ก.ค.) โดยระบุว่า เกาหลีใต้จะต้องเจอกับมาตรการตอบโต้ หากไม่ยอมส่งมอบพลเมืองของตนที่ถูกช่วยเหลือจากเรือประมงที่ลอยลำข้ามแดนไป

    เรือยามฝั่งของเกาหลีใต้ได้ช่วยชาวประมง 5 คนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จากเรือของพวกเขาที่ลอยลำข้ามพรมแดนทางทะเล นอกชายฝั่งตะวันออก โดยที่ในจำนวนนั้นมีอยู่ 3 รายที่แสดงทีท่าว่าอยากจะใช้ชีวิตในเกาหลีใต้ ขณะที่อีก 2 คนอยากกลับบ้านในเกาหลีเหนือ

    ด้วยเหตุนี้ทางโซลจึงได้ส่งข้อความไปให้แก่เปียงยาง โดยระบุว่า จะส่งตัวคนที่อยากกลับบ้าน 2 รายให้เกาหลีเหนือ ผ่านทางหมู่บ้านปันมุนจอม แต่ทางเกาหลีเหนือได้ปฏิเสธข้อเสนอ โดยยืนกรานว่าทั้ง 5 คนจะต้องถูกส่งกลับทั้งหมด

    "หากฝั่งใต้ควบคุมตัวพวกเขาไว้แบบฝืนใจ เราจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างรุนแรง" คำพูดของ คัง ซู-ริน หัวหน้ากาชาดเกาหลีเหนือ ถูกระบุไว้ในเว็บไซต์ของทางการ

    "เราจะรอดูท่าทีของฝั่งใต้" เขากล่าว แต่ไม่ได้บอกชัดเจนว่ามาตรการตอบโต้ที่รุนแรงของเกาหลีเหนือนั้นคืออะไร

    เขายังได้กล่าวโจมตีเกาหลีใต้อีกว่า ดึงดันที่จะใช้กำลังบังคับชาวเกาหลีเหนือที่หลงไปฝั่งใต้ให้ทำการแปรพักตร์ พร้อมเรียกร้องให้ส่งตัวคนทั้ง 5 กลับเกาหลีเหนือโดยทันที

    ทั้งนี้ เกาหลีใต้มีนโยบายให้ชาวประมงเกาหลีเหนือที่หลงข้ามแดนมา ได้ตัดสินใจเองว่าจะกลับบ้านหรือไม่

    ช่วงที่ผ่านมา เกาหลีใต้ได้ส่งตัวชาวประมงเกาหลีเหนือ ที่ช่วยมาจากชายฝั่งตะวันออก ให้ได้กลับบ้านไป 2 รายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ กับอีก 5 รายเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่สืบสวนยืนยันว่าคนเหล่านั้นต้องการกลับบ้าน

    ขณะที่เกาหลีเหนือก็มักจะส่งตัวชาวประมงเกาหลีใต้ที่ช่วยได้ในน่านน้ำของตนให้กลับบ้านในเกาหลีใต้ แต่ก็มีบางรายที่ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่และดูเหมือนว่าจะฝืนใจด้วย

    จนถึงตอนนี้ มีชาวเกาหลีเหนือประมาณ 28,000 ราย ที่มาลงหลักปักฐานใช้ชีวิตอยู่ในเกาหลีใต้ นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเกาหลีช่วงปี 1950-1953

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทึ่ง! พบศพ “นาวิกโยธินสหรัฐฯ” สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 บนเกาะกลางแปซิฟิก โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 กรกฎาคม 2558 14:47 น.

    [​IMG]
    @ภาพเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 1943 เผยให้เห็นศพของนาวิกโยธินสหรัฐฯที่ถูกสังหารในยุทธการตาราวานอนอยู่ในหลุมสนามเพลาะ

    เอเอฟพี – ศพของนาวิกโยธินสหรัฐฯ 36 ศพถูกพบบนเกาะแห่งหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิก หลังจากพวกเขาเสียชีวิตในยุทธการนองเลือดครั้งหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อกว่า 70 ปีที่แล้ว สมาชิกรายหนึ่งของทีมเก็บกู้เผย

    มาร์ค โนอา ผู้อำนวยการขององค์กรการกุศล History Flight Inc ของสหรัฐฯ บอกกับสถานีวิทยุนิวซีแลนด์ว่า ศพของพวกเขาถูกค้นพบภายหลังการขุดค้นนาน 4 เดือนบนเกาะเบติโอในประเทศคิริบาส

    โนอา ซึ่งองค์กรของเขาทำงานร่วมกับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯในโครงการนี้ กล่าวว่า ทหารเหล่านี้ถูกสังหารระหว่างยุทธการตาราวาเมื่อปี 1943

    “พวกเขาต่างมีความหวังว่าหากพวกเขาเสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ปกป้องประเทศของพวกเขา พวกเขาจะถูกพากลับบ้าน นั่นเป็นคำสัญญาที่ให้ไว้เมื่อ 70 ปีที่แล้วซึ่งเรารู้สึกว่าควรที่จะรักษาไว้ให้ได้” เขากล่าวเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (7)

    ถึงแม้ศพดังกล่าวจะยังไม่ได้ถูกระบุอัตลักษณ์อย่างเป็นทางการ แต่ โนอา กล่าวว่า เกือบแน่นอนทีเดียวว่าหนึ่งในนั้นคือ ร.ท.อเล็กซานเดอร์ บอนนีแมน ซึ่งรับได้รับเกียรติทางทหารสูงสุดของอเมริกาหลังจากการเสียชีวิต คือเหรียญ Medal of Honor สำหรับความกล้าหาญที่ปรากฏให้เห็นเด่นชัด

    [​IMG]

    คําประกาศเกียรติคุณของ บอนนีแมน ระบุว่า เขาเป็นผู้นำการจู่โจมเมื่อนาวิกโยธินบุกถล่มเกาะแห่งนี้ และยึดครองได้หลังจากที่เขาโจมตีป้อมบังเกอร์กันระเบิดที่คอยขัดขวางการรุกคืบ

    ถ้อยแถลงของเว็บไซต์ History Flight's ระบุว่า ลูกสาวของ บอนนีแมน ตัดสินใจที่จะให้ศพของเขาถูกฝั่งอยู่ในสุสานของครอบครัวในเมืองนอกซ์วิลล์ รัฐเทนเนสซี ข้างๆ พ่อแม่ของเขา หลังจากจัดพิธีศพสาธารณะ

    โดยรวมแล้วมีทหารอเมริกันเสียชีวิตกว่า 1,000 คนที่ตาราวา ขณะที่ทหารญี่ปุ่นถูกสังหารหมดทั้ง 4,800 คน

    โนอา กล่าวว่า ศพเหล่านี้จะถูกส่งกลับประเทศในเดือนนี้ และจะถูกระบุอัตลักษณ์โดยอาศัยบันทึกการรักษาทันตกรรมและการเปรียบเทียบดีเอ็นเอกับญาติที่ยังมีชีวิตอยู่

    เขากล่าวว่า ศพของทหารอเมริกันหลายร้อยคนยังคงอยู่ในหลุมศพชั่วคราวที่พวกเขาถูกฝังภายหลังการสู้รบดังกล่าว และจะยังคงมีความพยายามต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่าศพเหล่านี้จะถูกพากลับบ้าน

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทนาย “นาจิบ ราซัก” ยื่นจดหมายท้า WSJ ยืนยันข้อกล่าวหายักยอกกองทุนรัฐ $700 ล้านก่อนตัดสินใจ “ฟ้องกลับ” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 กรกฎาคม 2558 14:44 น.

    [​IMG]
    @นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก แห่งมาเลเซีย

    เอเจนซีส์ – ทีมทนายความของนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก แห่งมาเลเซีย เรียกร้องวันนี้ (8 ก.ค.) ให้หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์เนิล สื่อดังของอเมริกา ออกมายืนยันว่ากำลังกล่าวหาผู้นำมาเลเซียว่ายักยอกเงิน 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปจากกองทุน วัน มาเลเซีย ดีเวลลอปเมนต์ เบอร์ฮัด (1MDB) ตามที่ได้รายงานข่าวไปหรือไม่ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนแรกก่อนที่ทีมกฎหมายของนายกฯ เสือเหลืองจะพิจารณาฟ้องกลับฐานหมิ่นประมาท

    แทนที่จะส่งจดหมายตักเตือนถึงคู่กรณี (demand letter) เพื่อเริ่มต้นกระบวนการฟ้องหมิ่นประมาทตามที่ปฏิบัติกันโดยทั่วไป โมฮัมหมัด ฮาฟารีซัม ฮารูน หัวหน้าคณะทนายความของ นาจิบ ยืนยันกับเว็บไซต์ มาเลย์ เมล์ ออนไลน์ ว่า พวกเขาเลือกที่จะใช้วิธี “ขอคำยืนยัน” เป็นจุดตั้งต้นในการเอาผิดกับวอลล์สตรีท

    “เราส่งจดหมายขอคำยืนยันก่อน เราต้องการให้วอลล์สตรีทเจอร์เนิลประกาศจุดยืนว่า แหล่งเงินพวกนั้นมาจากไหน และคิดว่ามันถูกโอนมาเข้าบัญชีลูกความของเราใช่หรือไม่”

    วอลล์สตรีทเจอร์เนิลได้เผยแพร่รายงานเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (3 ก.ค.) โดยอ้างเอกสารจากพนักงานสอบสวนมาเลเซียเมื่อไม่นานนี้ที่พบว่า มีการยักย้ายถ่ายโอนเงินจากหน่วยงานภาครัฐ ธนาคาร และบริษัทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกองทุน 1MDB ราว 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปเข้าบัญชีส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก

    ทีมทนายของ นาจิบ ให้เวลาวอลล์สตรีทเจอร์เนิล 2 สัปดาห์ เพื่อชี้แจงว่า พวกเขากำลังกล่าวหาว่ามีการยักยอกเงินทุนในทางที่ไม่เหมาะสมใช่หรือไม่ เนื่องจากในรายงานของวอลล์สตรีทระบุว่า ผู้เขียนเองก็ไม่แน่ใจในแหล่งที่มา และวัตถุประสงค์ของเงินทุนเหล่านั้น

    “เราได้รับคำสั่งให้ขอทราบจุดยืนของพวกคุณ เพราะรายงานที่คุณเผยแพร่ระบุในทำนองว่า พวกคุณเองก็ยังไม่แน่ใจในแหล่งที่มาของ “เงินดังกล่าว และสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเงินก้อนเดียวกัน” แต่ในขณะเดียวกันก็คุณกลับใช้ถ้อยคำที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่า ลูกความของเราไปยักยอกเงินมาจากกองทุน 1MBD จำนวน 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ” เนื้อความในจดหมาย ระบุ

    ทนายของผู้นำมาเลเซียยังแจ้งแก่วอลล์สตรีทด้วยว่า คำยืนยันนี้มีความจำเป็น เพื่อพวกเขาจะได้กลับไปแนะนำนายกฯ นาจิบ ว่าควร “ดำเนินการทางกฎหมายอย่างไรจึงจะเหมาะสม”

    ในรายงานเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (3) วอลล์สตรีทเจอร์เนิลอ้างผลการตรวจสอบเส้นทางเงิน ซึ่งพบว่า เงินจำนวน 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกโอนไปมาระหว่างหน่วยงานรัฐ ธนาคาร และบริษัทต่างๆ ก่อนจะไปสิ้นสุดอยู่ที่บัญชีธนาคารส่วนตัวของ นาจิบ

    วอลล์สตรีทระบุด้วยว่า พื้นฐานของรายงานทั้งหมดมาจากเอกสารของพนักงานสอบสวนมาเลเซียที่เข้าไปตรวจสอบการการดำเนินงานของกองทุน 1MDB ที่กำลังมีหนี้สินล้นพ้น

    อับดุล ฆอนี อัยการสูงสุดมาเลเซีย ยืนยันเมื่อวันเสาร์(4)ว่า ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อตรวจสอบรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์เนิล และได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบริษัททั้ง 3 แห่งที่มีชื่ออยู่ในรายงาน ได้แก่ เอสอาร์ซี อินเทอร์เนชันแนล, เอียะห์ซาน เปอร์ดานา และกันดิงงัน เมินตารี

    เมื่อวานนี้ (7) ฆอนี ได้เปิดแถลงข่าวร่วมกับประธานธนาคารกลางมาเลเซีย, หัวหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และประธานคณะกรรมาธิการต่อต้านการทุจริตคอรัปชันแห่งมาเลเซีย โดยระบุว่า ได้มีการอายัดบัญชีธนาคาร 6 บัญชี และเอกสารอีก 17 ฉบับที่ถูกพาดพิงโดยวอลล์สตรีทแล้ว

    ผู้นำแดนเสือเหลืองยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้นำเงินกองทุนของรัฐไปใช้ส่วนตัว และอ้างว่าข้อกล่าวหาทั้งหมดเป็นเพียง “แผนบ่อนทำลายทางการเมือง”

    กองทุน 1MDB ซึ่งก่อตั้งโดย นาจิบ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจมาเลเซียอย่างยั่งยืน ถูกวิจารณ์ว่าบริหารเงินผิดพลาดจนมีหนี้สินพอกพูนเกือบ 11,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยุโรปอ่อนระทวย! เปิดรับข้อเสนอใหม่กรีซ เงินสดส่อเกลี้ยงแบงก์ใน 2 วัน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 กรกฎาคม 2558 05:33 น. (แก้ไขล่าสุด 8 กรกฎาคม 2558 10:59 น.)

    [​IMG]
    @นายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐนตรีกรีซ(ซ้ายสุด) นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี(ที่ 2 จากซ้าย) และนายฟรังซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส(ขวาสุด) ร่วมด้วยเหล่าผู้นำอียู หารือกันที่สำนักงานใหญ่ของสหภาพยุโรป ก่อนเข้าร่วมประชุมฉุกเฉินอียูในวันอังคาร(7ก.ค.) หลังชาวกรีซ โหวตโน ต่อข้อเสนอช่วยเหลือตามเงื่อนไขของเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ

    รอยเตอร์ - นายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ได้รับคำสัญญาแสวงหาข้อตกลงช่วยเหลือนาทีสุดท้ายจากที่ประชุมประชุมซัมมิทฉุกเฉินยูโรโซนในวันอังคาร (7 ก.ค.) ก่อนธนาคารต่างๆของเอเธนส์จะหมดเงินสดในอีก 2 วันข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ทางออกยังขึ้นอยู่กับว่าผู้นำกรีซจะนำเสนอแผนที่สร้างความพึงพอใจแก่เจ้าหนี้หรือไม่

    เหล่าผ้นำของอียูจะเปิดประชุมกันอีกรอบในวันอาทิตย์นี้ (12 ก.ค.) เพื่ออนุมัติแผนช่วยเหลือกรีซ หากว่าสถาบันเจ้าหนี้ทั้งหลายพอใจกับคำขอกู้ยืมและแผนปฏิรูปของเอเธนส์ “ลูกบอลอยู่ในฝั่งของกรีซแล้ว” นายมัตเตโอ เรนซี นายกรัฐมนตรีอิตาลีกล่าว “วันอาทิตย์หน้าจะเป็นการประชุมเกี่ยวกับกรีซเป็นครั้งสุดท้าย และผมมองโลกในแง่ดี”

    นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ที่บอกตอนเดินทางมาถึงกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ว่ายังไม่มีปัจจัยในการคืนสู่การเจรจากับเอเธนส์ แต่แหล่งข่าวยูโรโซนเผยว่าระหว่างการประชุมน้ำเสียงของเธอได้เปลี่ยนไป และมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างกระตือรือร้นในความพยายามหาทางออกครั้งสุดท้าย

    แมร์เคิลคาดหมายว่า เอเธนส์จะยื่นคำร้องขอเงินกู้อย่างเป็นทางการในวันพุธ (8 ก.ค.) และจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันแก่เศรษฐกิจของเอเธนส์ในวันพฤหัสบดี (9 ก.ค.) เพื่อนำไปแสวงหามติเห็นชอบจากรัฐสภาเยอรมนี และจะได้เริมต้นเจรจากันต่อไป

    “สำหรับยูโรแล้ว เราทุกคนล้วนต้องแบ่งปันความรับผิดชอบ” เธอกล่าวถึงคำเชิญเหล่าผู้นำยูโรโซนประชุมกันอีกรอบในวันอาทิตย์ (12 ก.ค.) พร้อมระบุว่ากำหนดเวลาเร่งด่วนดังกล่าวสะท้อนให้เห็นความอันตรายของสถานการณ์และความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องหาทางแก้ไขปัญหา

    ความช่วยเหลือทางการเงินระยะสั้นจะถูกจัดหาให้ทันทีหากว่ารัฐบาลกรีซมาพร้อมกับข้อเสนออันเป็นที่น่าพอใจและดำเนินการล่วงหน้าในการผ่านกฎหมายเพื่อโน้มน้าวเหล่าเจ้าหนี้ให้รับรู้ถึงความตั้งใจของพวกเขา อย่างไรก็ตาม เวอร์เนอร์ เฟย์มันน์ นายกรัฐมนตรีออสเตรีย บอกว่าหากไม่มีข้อตกลงในวันอาทิตย์ (12 ก.ค.) รัฐบาลยูโรโซนจำต้องมี “แผนบี” มาตรการรองรับในกรณีกรีซ ไม่สามารถเข้าถึงสกุลเงินยูโรและพบว่าตนเองถูกกีดกันออกจากเขตเงินตรานี้

    ด้วยเหล่าธนาคารกรีซกำลังเผชิญกับวิกฤตขาดแคลนเงินสดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แม้ธนาคารกลางแห่งยุโรป (อีซีบี) ประกาศจะยังมอบความช่วยเหลือแก่สถาบันการเงินของกรีซต่อไป แต่ก็มีเงื่อนไขจะเพิ่มกฎเกณฑ์ในการเข้าถึงเงินกองทุน ทำให้นายซีปราสต้องโน้มน้าวเหล่าผู้นำยูโรโซนอื่นๆ 18 คน อนุมัติเงินกู้ใหม่อย่างเร่งด่วน

    แหล่งข่าวใกล้ชิดกับระบบการเงินของกรีซบอกว่าเหล่าธนาคารต่างๆอาจจะเริ่มหมดเงินสดในอีก 2 วันข้างหน้า หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากนานาชาติ อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวยูโรโซนในบรัสเซลส์บอกว่านายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบี รับประกันกับเหล่ารัฐมนตรีคลังว่าธนาคารกลางแห่งนี้จะช่วยพยุงระบบธนาคารของกรีซ ตราบใดที่ยังเดินหน้าเจรจากันต่อไป

    ทั้งนี้ หากธนาคารต่างๆ ของกรีซถึงขั้นอยู่ในภาวะขาดแคลนเงินสด กรีซก็อาจต้องพิมพ์ธนบัตรของตนเอง ซึ่งหมายถึงการออกจากยูโรโซนเป็นชาติแรกนับจากมีการสถาปนาระบบเงินตราสกุลเดียวแห่งยุโรปในปี 1999 และกระตุ้นความสงสัยข้องใจเกี่ยวกับความสามารถในการอยู่รอดระยะยาวของสหภาพการเงินยุโรป

    นางแมร์เคิลและประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ของฝรั่งเศส ร่วมกันคลอดแผนปกป้องกรีซจากการดำดิ่งสู่ความยุ่งเหยิงทางเศรษฐกิจและความเป็นไปได้ต้องละทิ้งยูโร ในนั้นประกอบด้วยโปรแกรมที่มีเงื่อนไขระยะยาวและข้อตกลงเงินทุนระยะสั้นซึ่งครอบคลุมระยะเวลาไม่กี่เดือน แหล่งข่าวระบุ

    อย่างไรก็ตาม ทางออกยังคงขึ้นอยู่กับนายซีปราส ซึ่งต้องผลักดันข้อเสนอปฏิรูปที่น่าเชื่อถือและเร่งรัดมาตรการต่างๆผ่านรัฐสภาในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพื่อความยั่งยืนทางการคลังของกรีซ ถ้าเขาทำตามแนวทางดังกล่าวเหล่ามิตรสหายของกรีซก็จะมอบเงินกู้ระยะสั้น เพื่อปกป้องเอเธนส์จากการพลาดไถ่ถอนพันธบัตร 3,500 ล้านยูโรกับอีซีบี ในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้

    นางแมร์เคิล ที่กำลังถูกกดดันอย่างหนักจากฝ่ายต่างๆ ในเยอรมนีซึ่งสุดเอือมและเรียกร้องดังขึ้นเรื่อยๆ ให้ตัดหางกรีซ ยังประกาศอย่างชัดเจนว่า ขณะนี้ขึ้นอยู่กับซีปราสในการเสนอแผนการที่น่าเชื่อถือ หลังจากก่อนหน้านี้เอเธนส์ปฏิเสธการขึ้นภาษี การลดการใช้จ่าย รวมทั้งการปฏิรูประบบบำนาญและแรงงาน ซึ่งเป็นข้อเสนอที่หารือกันก่อนที่แพกเกจความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มูลค่า 240,000 ล้านยูโร จะหมดอายุลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จะไหวมั้ย? สหรัฐฯ ยอมรับแผนฝึกกบฏซีเรียสู้ไอเอส “ไม่คืบ” เพิ่งหาสมาชิกได้แค่ “60 คน” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    8 กรกฎาคม 2558 09:42 น. (แก้ไขล่าสุด 8 กรกฎาคม 2558 11:07 น.)

    [​IMG]
    @ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ

    รอยเตอร์ - สหรัฐฯ ออกมายอมรับวานนี้ (7 ก.ค.) ว่า แผนจัดตั้งกองกำลังกบฏซีเรียขึ้นมาต่อกรกับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ล่าช้ากว่าที่กำหนดไว้ โดยขณะนี้มีนักรบฝ่ายกบฏที่เข้ารับการฝึกฝนจากสหรัฐฯ เพียง “60 คน”

    สหรัฐฯ ริเริ่มโครงการนี้ขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกยุทธวิธีให้แก่กลุ่มต่อต้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียให้ได้ราวๆ 5,400 คนต่อปี ซึ่งนับเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับนโยบายของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ต้องการดึงพันธมิตรท้องถิ่นมาช่วยต่อต้านพวกหัวรุนแรง และสงวนชีวิตทหารอเมริกันจากการออกรบแนวหน้า

    โครงการนี้เริ่มประสบปัญหาตั้งแต่แรก โดยมีนักรบกบฏจำนวนมากที่ไม่ผ่านเกณฑ์หรือไม่ก็ขอลาออกไป สาเหตุสำคัญก็คือ โอบามา ตั้งข้อบังคับให้คนเหล่านี้ต้องออกไปช่วยกวาดล้างกลุ่มไอเอส ในขณะที่พวกกบฏต้องการจะสู้กับกองทัพรัฐบาลซีเรียมากกว่า

    แอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยอมรับต่อคณะกรรมการด้านกิจการกองทัพแห่งวุฒิสภาว่า จำนวนนักรบกบฏซีเรียที่เข้ารับการฝึกฝนยังน้อยกว่าที่เราคาดหวังไว้มาก “เราจะพยายามให้มากกว่าเดิม เพราะตัวเลข 60 คนยังไม่น่าพอใจเอาเสียเลย เราจะทยอยหาคนเข้ามาเพิ่มอีก”

    คาร์เตอร์ระบุว่า กองทัพสหรัฐฯ อยู่ระหว่างคัดกรองนักรบกบฏราว 7,000 คนเพื่อหาผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการฝึก

    ทำเนียบขาวยอมรับว่า กองกำลังเพียง 60 คนนั้น “ไม่พอ” แต่เชื่อว่ากองทัพทำถูกต้องแล้วที่คัดเลือกบุคคลอย่างละเอียดรอบคอบ ก่อนส่งไปเข้าค่ายฝึกในจอร์แดนและตุรกี

    นักวิจารณ์หลายคนชี้ว่า ตัวเลขนี้สะท้อนถึงความล้มเหลวทางยุทธศาสตร์ของ โอบามา ในการปราบปรามพวกไอเอสในอิรักและซีเรีย ขณะที่กองทัพอเมริกันก็กล่าวโทษกรุงแบกแดดว่าไม่จัดส่งบุคลากรเข้ามารับการฝึกมากพอ

    จอห์น แม็กเคน ส.ว.รีพับลิกันซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการว่าด้วยกิจการกองทัพแห่งวุฒิสภา ถือโอกาสถากถางรัฐบาล โดยชี้ว่า “ไม่มีเหตุผลที่น่าเชื่อถือว่า สิ่งที่เราทำอยู่ขณะนี้จะนำไปสู่การบั่นทอนหรือทำลายกลุ่มไอเอสได้จริง อย่างที่ประธานาธิบดีได้คุยเอาไว้นานแล้ว”

    แม็กเคนยังกล่าวหา โอบามา ว่าเป็นพวก “หลอกตัวเองขั้นรุนแรง”

    ผู้นำกบฏซีเรียบางคนเคยแสดงความเป็นห่วงว่า นักรบที่เข้ารับการฝึกจากอเมริกาอาจก่อความแตกแยกให้แก่ฝ่ายกบฏ และสหรัฐฯ ไม่มีวันทำสำเร็จ หากไม่ได้มุ่งต่อกรกับกองทัพรัฐบาลซีเรียโดยตรง

    ด้าน ส.ว.แจ็ก รีด ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครตชี้ว่า กลุ่มไอเอสยังมีกองกำลังมากที่สุดในภาคตะวันตกของซีเรีย และว่า “หากปราศจากความร่วมมือจากกบฏซีเรียสายกลางที่ยินดีจะช่วยยึดพื้นที่คืนจากไอเอส สถานการณ์ที่เป็นอยู่ก็คงยากที่จะเปลี่ยนแปลง”

    โอบามาได้รับฟังการสรุปรายงานจากผู้บัญชาการทหารที่กระทรวงกลาโหมเมื่อวันจันทร์ (6) จากนั้นก็เปิดแถลงข่าวว่า “เราจะพยายามให้มากขึ้น เพื่อฝึกฝนและติดอาวุธแก่กบฏสายกลางในซีเรีย” แต่ไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

    จนถึงขณะนี้ผู้นำสหรัฐฯ ก็ยังไม่ประกาศชัดเจนว่าวอชิงตันมีแผนเพิ่มเติมอะไรหรือไม่นอกจากการส่งเสบียง อุดหนุนเงินทุน และส่งเครื่องบินขับไล่ไปช่วยปกป้องกองกำลังตัวแทนเหล่านี้ ในกรณีที่เกิดปะทะกับทหารซีเรีย

    คาร์เตอร์ยอมรับว่า นักรบกบฏที่ถูกเกณฑ์มาควรได้รับการปกป้องจากสหรัฐฯ บ้างตามสมควร แต่วอชิงตันยังไม่ได้ตัดสินใจแน่นอนว่าจะช่วยเหลือพวกเขาอย่างไรบ้าง ขณะที่ แมคเคน ก็ถือโอกาสตำหนิรัฐบาลว่า “การส่งคนเข้าไปรบโดยไม่สัญญาว่าจะช่วยปกป้องพวกเขาจากระเบิดถังน้ำมันหรือไม่ เป็นเรื่องน่าอายแท้ๆ”

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผลสำรวจล่าสุดพบชาวเมืองผู้ดีเกินครึ่งมองชาวมุสลิมและศาสนาอิสลามเป็น “ภัยคุกคาม” ชี้อยู่ที่ไหนก่อเหตุรุนแรงที่นั่น โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 กรกฎาคม 2558 09:49 น. (แก้ไขล่าสุด 8 กรกฎาคม 2558 11:05 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดที่จัดทำขึ้นเนื่องในวาระครบรอบ 10 ปีของเหตุก่อวินาศกรรมกลางกรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ปี 2005 หรือเหตุการณ์ก่อการร้ายซึ่งชาวเมืองผู้ดีพากันเรียกขานกันโดยทั่วไปว่า “7/7 Bombings” ระบุ มากกว่าครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างชาวสหราชอาณาจักรในเวลานี้มองชาวมุสลิมเป็น “ภัยคุกคาม” ต่อประเทศชาติ

    ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดซึ่งจัดทำขึ้นโดยสื่อดัง “ฮัฟฟิงตัน โพสต์ ยูเค” ร่วมกับสำนักวิจัย “ยูกอฟ” พบข้อมูลว่าราว 56 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างที่เข้าร่วมการสำรวจมองว่า “ชาวมุสลิมและศาสนาอิสลาม” เป็น “ภัยคุกคามใหญ่หลวง”ต่อเสรีภาพและประชาธิปไตยของโลกตะวันตก ถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นจากระดับ 46 เปอร์เซ็นต์จากการสำรวจเมื่อ 10 ปีที่แล้วที่มีการเก็บข้อมูลหลังเหตุก่อวินาศกรรมในกรุงลอนดอนเกิดขึ้น 1 วัน

    ขณะเดียวกัน ผลสำรวจล่าสุดยังพบว่ามากกว่า 79 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่า จะเกิดเหตุโจมตีที่เป็นฝีมือของชาวมุสลิมขึ้นในสหราชอาณาจักรอีกอย่างแน่นอนในอนาคต มีเพียง 21 เปอร์เซ็นต์ที่มองโลกในแง่ดีว่าเหตุก่อวินาศกรรม “7/7” จะเป็นเหตุรุนแรงครั้งสุดท้ายในสหราชอาณาจักรที่ก่อโดยชาวมุสลิม

    ผลสำรวจยังพบข้อมูลว่า 15 เปอร์เซ็นต์ของชาวเมืองผู้ดีในขณะนี้ มองว่าชาวมุสลิมส่วนใหญ่ที่เข้ามาตั้งรกรากอยู่ในสหราชอาณาจักรเป็นพวกที่ขาดจิตสำนึกในเรื่อง “ความภักดีต่อประเทศชาติ” และพร้อมจะก่อเหตุรุนแรงต่อประเทศที่ตนเข้ามาอาศัยอยู่ได้ทุกเมื่อ

    ทั้งนี้ เหตุก่อวินาศกรรมที่เกิดขึ้นกับระบบการคมนาคมและระบบขนส่งมวลชนกลางกรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ปี 2005 โดยฝีมือของมือระเบิดฆ่าตัวตายที่เป็นชาวมุสลิมหลายคน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในครั้งนั้นไปถึง 52 ราย และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเกือบ 800 รายจากเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นอย่างน้อย 4 จุดทั่วกรุงลอนดอน

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชายฝั่งนอร์ทแคโรไลนา ขึ้นแท่นเขต “น่านน้ำมรณะ” หลังพบนาวิกฯหนุ่มโดนฉลามงาบเป็นรายที่ 8 ในรอบ 3 สัปดาห์ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 กรกฎาคม 2558 11:02 น. (แก้ไขล่าสุด 8 กรกฎาคม 2558 11:09 น.)

    [​IMG]
    เอพี / เอเจนซีส์ /ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เกิดเหตุนาวิกโยธินหนุ่มสหรัฐฯ ได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังถูกจู่โจมโดยฉลามไม่ทราบสายพันธุ์ ขณะว่ายน้ำออกกำลังกายอยู่บริเวณนอกชายฝั่งมลรัฐนอร์ทแคโรไลนา ถือเป็น “เหยื่อรายที่ 8” ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 3 สัปดาห์ที่ถูกเพชฌฆาตแห่งท้องทะเลทำร้าย

    รายงานข่าวในวันอังคาร (7 ก.ค.) ซึ่งอ้างคำแถลงของเรย์มอนด์ แอปเพิลไวต์ โฆษกของโรงพยาบาลประจำฐานทัพนาวิกโยธินที่ “แคมป์ เลอจูน” ระบุว่า นาวิกโยธินวัย 32 ปีรายหนึ่งซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อจากฐานทัพดังกล่าว ได้ถูกฉลามกัดขณะออกไปว่ายน้ำทะเลที่นอกชายฝั่งเมืองเซิร์ฟซิตี มลรัฐนอร์ทแคโรไลนา เมื่อวันชาติสหรัฐฯ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา

    โฆษกโรงพยาบาลประจำฐานทัพแคมป์ เลอจูนรายนี้ เปิดเผยว่า นาวิกโยธินรายนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการจู่โจมของฉลามในครั้งนี้ โดยเขาถูกหน่วยกู้ชีพชายฝั่งและเพื่อนนาวิกโยธินที่ออกไปว่ายน้ำด้วยกันช่วยขึ้นมาจากน้ำในสภาพที่ “แขนข้างขวาขาดรุ่งริ่ง” โดยแขนตั้งแต่บริเวณข้อศอกเรื่อยไปจนถึงข้อมือถูกกัดหายไป

    รายงานข่าวล่าสุดในวันอังคาร (7 ก.ค.) ระบุว่า นาวิกโยธินเคราะห์ร้ายรายนี้ได้รับอนุญาตจากแพทย์ให้กลับไปพักฟื้นในบ้านพักกำลังพลของแคมป์ เลอจูนได้แล้วตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ (5 ก.ค.) ที่ผ่านมา

    อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่าเหตุฉลามทำร้ายมนุษย์ที่บริเวณน่านน้ำนอกชายฝั่งของมลรัฐนอร์ทแคโรไลนาทั้ง 8 ครั้งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นฝีมือของฉลามสายพันธุ์ใด และเป็นการก่อเหตุโดยฉลามตัวเดียวกันหรือไม่

    เหตุฉลามทำร้ายมนุษย์ที่เกิดขึ้นนอกชายฝั่งมลรัฐนอร์ทแคโรไลนาถึง 8 ครั้งในระยะเวลา 3 สัปดาห์ ส่งผลให้มลรัฐแห่งนี้กลายเป็นเจ้าของสถิติใหม่ที่ไม่พึงปรารถนาในฐานะพื้นที่ที่เกิดเหตุสยองที่เกี่ยวข้องกับฉลามสูงที่สุดในรอบ 80 ปี

    รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า เหตุโจมตีโดยฉลามที่นอกชายฝั่งมลรัฐนอร์ทแคโรไลนาส่วนใหญ่ในปีนี้ จะเกิดขึ้นใน “เขตน้ำตื้น” ที่อยู่ไม่ไกลจากชายหาด และถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจที่สัตว์ทะเลน้ำลึกอย่างฉลาม เข้ามาก่อเหตุทำร้ายผู้คนอย่างต่อเนื่องในเขตที่มีกิจกรรมของมนุษย์หนาแน่นและพลุกพล่าน

    ล่าสุด แพทริก ลอยด์ แม็คครอรีย์ ผู้ว่าการรัฐนอร์ทแคโรไลนา วัย 58 ปี ได้สั่งการให้หน่วยงานด้านความปลอดภัยของรัฐเร่งหามาตรการป้องกันอย่างเร่งด่วน และออกคำสั่งให้มีการตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญ เพื่อศึกษารูปแบบการโจมตีของฉลามที่เกิดขึ้นทั้ง 8 ครั้งแล้ว หวังนำข้อมูลที่ได้มาใช้หาทางปกป้องประชากรในรัฐของตน ตลอดจนบรรดานักท่องเที่ยวมิให้ต้องตกเป็นเหยื่อของฉลามอีกต่อไป

    ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน เพิ่งมีรายงานว่าพบชายวัย 47 ปีคนหนึ่งถูกฉลามกัดได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังลงไปว่ายน้ำไม่ไกลจากชายหาดแห่งหนึ่งของเมืองเอวอน มลรัฐนอร์ทแคโรไลนาเพียงไม่กี่นาที โดยสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น WVEC-TV ในเมืองนอร์ฟอล์ก รายงานว่า ชายวัย 47 ปีคนดังกล่าวถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หลังได้รับการช่วยเหลือขึ้นจากน้ำด้วยความทุลักทุเล

    ล่าสุด หน่วยงานที่กำกับดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวของมลรัฐนอร์ทแคโรไลนาประกาศ “ยกระดับเตือนภัย” การถูกฉลามทำร้าย และสั่งปิดชายหาดหลายแห่งแล้วด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

    ด้าน จอร์จ เบอร์เจสส์ ผู้อำนวยการโครงการวิจัยฉลามแห่งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติฟลอริดา ออกโรงเตือนว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่อาจมีฉลามขนาดใหญ่อย่าง ฉลามขาว ฉลามเสือ ฉลามกระทิง ว่ายน้ำเข้ามาใกล้กับชายฝั่งของมลรัฐนอร์ทแคโรไลนาเพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วงนี้ (ตั้งแต่เดือนเมษายน-กันยายน) ถือเป็นฤดูวางไข่ของแม่เต่าทะเลจำนวนมากซึ่งเป็นอาหารโปรดของฉลาม และอาจเป็นแรงดึงดูดให้ฉลามนานาชนิดจากทะเลลึก ว่ายน้ำเข้ามาในเขตน้ำตื้นเพื่อหาอาหาร


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันชาติสหรัฐฯ ปูตินส่ง 2 บินรบ Tupolev TU-95 เลียบฝั่งอะแลสกา – แคลิฟอร์เนียทักทายโอบามา - ต่างประเทศรัสเซียกร้าว “เราพร้อมใช้อาวุธนิวเคลียร์” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2558 19:10 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ - ในขณะที่ประชาชนสหรัฐฯรวมไปถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา กำลังชื่นมื่นกับการฉลองครบรอบ 239 ปีของการก่อตั้งประเทศ แต่ทว่าในเวลา 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นในวันเสาร์(4) Tupolev TU-95 สัญชาติรัสเซีย เครื่องบินรบทิ้งระเบิดระยะไกลที่มีความสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์จำนวน 2 ลำได้บินเฉียดนอกฝั่งรัฐอะแลสกา และในอีก 30 นาทีหลังจากนั้น Tupolev TU-95 ชุดที่ 2 ได้บินเลียบนอกชายฝั่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ส่งผลทำให้กองทัพอากาศสหรัฐฯได้ส่งเครื่งบินรบF-22 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินรบ F-15s บินสกัดทั้ง 2จุดก่อนล่วงล้ำเข้าน่านฟ้าอเมริกา ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ย้ำ “รัสเซียพร้อมที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อป้องกันตัว และชาติพันธมิตร”

    ABC News สื่อสหรัฐฯรายงานเมื่อวานนี้(6)ว่า NORAD ศูนย์ควบคุมป้องกันภัยทางอากาศสหรัฐฯ ระบุว่า กองทัพอากาศสหรัฐฯได้ส่งเครื่องบินรบ F-22 จำนวน 2 ลำออกไปสกัดเครื่องบินทิ้งระเบิดรัสเซีย Tupolev TU-95 จำนวน 2 ลำนอกชายฝั่งอะแลสกาในวันที่ 4 กรกฎาคม นี้ซึ่งตรงกับวันชาติสหรัฐฯ

    จากแถลงการณ์ที่ส่งถึงสื่อสหรัฐฯกล่าวว่า การสกัดเกิดขึ้นในเวลา 10.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นบริเวณนอกชายฝั่งหมู่เกาะ Aleutian Islands ซึ่งอยู่ภายใต้เขต ADIZ หรือเขตควบคุมการบินของสหรัฐฯ

    และหลังจากนั้นในเวลาราว 11.00 น. NORAD ต้องส่งเครื่องบินรบ F-15s ขึ้นบินสกัด Tupolev TU-95 เครื่องบินรบรัสเซียคู่ที่ 2 ในเวลาต่อมาบริเวณนอกชายฝั่งแคลิฟอร์เนียกลาง

    โดย NORAD ยืนยันว่า ไม่มีเครื่องบินรบรัสเซียสามารถล่วงล้ำน่านฟ้าสหรัฐฯซึ่งมีระยะห่างจากชายฝั่งไปราว 12 ไมล์ทะเล

    อย่างไรก็ตาม ฟ็อกซ์ นืวส์ ซึ่งเป็นสื่อแรกที่รายงานในเรื่องนี้ได้แสดงความเห็นว่า ทาง NORAD ไม่ได้ระบุว่า เครื่องบินรบทิ้งระเบิดระยะไกลที่มีความสามารถในการติดหัวรบนิวเคลียร์นั้น ได้ติดอาวุธในขณะบินใกล้ชายฝั่งสหรัฐฯหรือไม่

    ABC News รายงานเพิ่มเติมว่า เครื่องบินรบสัญชาติรัสเซียมักบินเฉียดใกล้รัฐอะแลสกาเสมอ แต่น้อยครั้งเมื่อเทียบกับการบินเข้าใกล้ทางชายฝั่งรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยในเดือนมิถุนายน 2014 เครื่องบินรบรุ่น Tupolev TU-95 จำนวน 2 ลำบินห่างชายฝั่งแลิฟอร์เนียเหนือไปราว 50 ไมล์

    ด้านกระทรวงต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ย้ำผ่านการรายงานของแวลู วอล์ก สื่อสหรัฐฯในวันจันทร์(6)ว่า “รัสเซียพร้อมใช้อาวุธนิวเคลียร์ปกป้องประเทศ และชาติพันธมิตร” พร้อมกับชี้ว่า กองทัพรัสเซียนั้นไม่ได้เป็นภัยต่อประเทศใด หรือประชาคมโลก

    จากแถลงการณ์ กระทรวงต่างประเทศรัสเซียได้สรุป 2 ปัจจัยใหญ่ที่จะบีบบังคับให้รัสเซียจำเป็นต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์ “จากนโยบายทางการทหารของรัสเซีย ทางสหพันธรัฐรัสเซียยังคงแนวคิดเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ที่จะสงวนสิทธิ์ในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ตาม 2สถานการณ์ กล่าวคือ (1) ตอบโต้ศัตรูจากการจู่โจมที่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ หรืออาวุธทำลายล้างอานุภาพสูงประเภทอื่นต่อรัสเซีย หรือประเทศพันธมิตรของรัสเซีย (2) การกระทำก้าวร้าวต่อรัสเซียด้วยการใช้กำลังทหารและอาวุธสงคราม ที่ทำให้รัสเซียต้องตกอยู่ในอันตราย” Mikhail Ulyanov ผู้อำนวยการแผนกควบคุมอาวุธ และการห้ามการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์รัสเซียภายใต้สังกัดกระทรวงต่างประเทศรัสเซียแถลง

    และ Ulyanov ยังระบุจากการรายงานของสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ สื่อรัสเซีย ว่า “นี่ถือเป็นเรื่องปกติในการปกป้องอธิปไตยประเทศ แต่ไม่ส่งผลต่อการคุกคามต่อประชาคมโลก ทางรัสเซียเพียงต้องการส่งสัญญาณเตือนไปยังผู้บุกรุกเท่านั้น ซึ่งหากจะมีเกิดขึ้นในอนาคต”

    อย่างไรก็ตามแวลู วอล์กตั้งข้อสังเกตว่า รัสเซียเริ่มใช้นโยบายการทหารใหม่ในปลายปี 2014 ซึ่งจากเอกสารระบุว่า ภัยคุกคามแรกๆต่อรัสเซียคือการขยายอิทธิพลของนาโต นอกจากนี้ในเอกสารยังระบุว่า รัสเซียขอสงวนสิทธิในการปกป้องพลเมืองรัสเซียที่อาศัยทั่วโลก และเอกสารชิ้นนี้ยังถูกตีความในโลกตะวันตกว่าเป็น ‘nuclear rhetoric’ ของรัสเซีย

    แวลู วอล์กยังรายงานเพิ่มเติมว่า รัสเซียยังประกาศถึงการพัฒนาระบบอำนวยการรบอานุภาพสูงที่มีศักยภาพ "สามารถปิดระดาวเทียมนาโตเหนือชั้นบรรยากาศได้ รวมไปถึงการทำลายจรวดร่อนมิสไซล์แบบนำวิถีอาวุธที่ควบคุมจากระยะไกลของนาโตได้อีกด้วย"

    ซึ่ง KRET หรือ หน่วยงานความก้าวหน้าด้านอิเล็กทรอนิกและวิทยุรัสเซียกรุ๊ปได้พัฒนาระบบอาวุธการทหารใหม่ที่มีศักยภาพในการทำลายจรวดร่อนมิสไซล์แบบนำวิถี รวมไปถึงระบบอาวุธนำวิถีโดยเจาะจงเป้าหมาย และที่น่าสนใจที่ว่าคือ ระบบอำนวยการรบที่ได้รับการพัฒนาล่าสุดนี้มีศักยภาพสามารถทำลายระบบวิทยุ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกของดาวเทียมของประเทศคู่อริได้

    ด้านยูริ มาเยฟสกี (Yuri Mayevsky) รองผู้อำนวยการ KRET ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิตาร์-ทาส สื่อรัสเซียว่า “ระบบยุทโธปกรณ์ใหม่นี้มีเป้าหมายไปที่เครื่องบินรบทิ้งระเบิดระยะไกลทางยุทธวิธีของข้าศึก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิก ตลอดจนรวมไปถึงทำลายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกวิทยุของระบบดาวเทียมของข้าศึก”

    ซึ่งมาเยฟสกีให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า ระบบอำนวยการรบใหม่นี้สามารถติดตั้งได้บนยานรบพื้นราบ รวมไปถึงในเครื่องบินรบ และเรือรบ แต่ทว่าจะไม่ติดตั้งในระบบดาวเทียมเพราะเป็นการขัดต่อหลักกฎหมายต่างประเทศ ซึ่งทางรัสเซียเคารพกฏนี้อย่างเคร่งครัด”

    ส่วนวลาดิมีร์ มิเคเยฟ (Vladimir Mikheyev) ที่ปรึกษารองผู้อำนวยการ KRET แถลงเพิ่มเติมว่า การติดตั้งระบบอำนวยการรบแบบหลากหลายในเรือรบและเครื่องบินรบจะทำงานควบคู่ไปกับระบบต่อต้านขีปนาวุธและเครื่องบิน โดยมิเคเยฟเจาะจงว่า ระบบอาวุธที่ทาง KRET พัฒนาออกมาสำเร็จนั้นสามารถทำลายระบบการสื่อสาร การค้นหาและระบุเป้าหมาย รวมไปถึงอาวุธติดระบบชี้พิกัดของข้าศึกได้อย่างสมบูรณ์

    “เทคโนโลยีใหม่นี้จะใช้กับการต่อต้านขีปนาวุธร่อน และการทำลายระบบวิทยุของดาวเทียมโดยเฉพาะ ซึ่งคล้ายกับว่า ระบบอำนวยการรบใหม่นี้สามารถกดปุ่มปิดสวิตการทำงานของยุทโธปกรณ์ข้าศึกได้โดยปริยาย”ปรึกษารองผู้อำนวยการ KRET แถลง

    แวลู วอล์กรายงานเพิ่มเติมว่า ในอนาคตอันใกล้ ทางKRET จะเริ่มการทดลองยานรบพื้นราบที่จะถูกใช้เพื่อติดตั้งระบบอำนวยการรบแบบหลากหลายนี้ “การทดลองบนพื้นราบจะมีขึ้นภายในบริเวณห้องแล็ป” และเสริมต่อว่า “ภายในสิ้นปีนี้ จะได้เห็นยานรบพื้นราบวิ่งพ้นจากประตูโรงงานเพื่อเริ่มทดสอบภาคสนามในการทดสอบระยะทางต่อไป”

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนเล็งพัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์พิสัยไกล สามารถโจมตีข้าศึกถึง “เกาะกวม” ของสหรัฐฯ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2558 23:24 น. (แก้ไขล่าสุด 8 กรกฎาคม 2558 10:49 น.)

    [​IMG]

    @(แฟ้มภาพ) เครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกล Tu-22M3

    เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - สื่อของรัฐรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของผู้เชี่ยวชาญด้านกลาโหม ชี้จีนจำเป็นต้องพัฒนา “เครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์พิสัยไกล” ซึ่งสามารถโจมตีศัตรูที่อยู่นอกชายฝั่งแดนมังกร ในระยะที่ไกลออกไปถึงในมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อป้องกันและป้องปรามไม่ให้ต่างชาติเข้าแทรกแซงในกรณีที่เกิดการสู้รบขัดแย้งหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน

    หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ ของทางการจีน เมื่อวันอังคาร (7 ก.ค.) ที่ผ่านมา ลงบทความยาวเหยียด 1 หน้าเต็ม ซึ่งระบุว่า ในการประชุมของฝ่ายทหารของจีนเมื่อเร็วๆ นี้ มีการพูดถึงกองทัพอากาศ โดยถือเป็น “กองกำลังทางยุทธศาสตร์” ของประเทศ ทั้งนี้บทความชิ้นนี้อ้างอิงว่าเป็นข้อมูลข่าวสารซึ่งปรากฏอยู่ในรายงานของ “คันวา ดีเฟนซ์ รีวิว” วารสารด้านการทหารและเทคโนโลยีอาวุธซึ่งออกในแคนาดา ฉบับล่าสุด

    ก่อนหน้านี้ “กองกำลังทางยุทธศาสตร์” ของแดนมังกร ถูกสงวนไว้ใช้หมายถึง “เหล่าปืนใหญ่ที่สอง” ของกองทัพ ซึ่งไชน่าเดลี่เองก็อธิบายว่า เป็น “กองกำลังขีปนาวุธยุทธศาสตร์ในทางพฤตินัย” ของจีน

    บทความของไชน่าเดลี่อ้างรายงานของคันวา ดีเฟนซ์ รีวิว ต่อไปว่า ที่ประชุมของฝ่ายทหารดังกล่าวเห็นพ้องกันว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ระยะไกลจะช่วยให้กองทัพอากาศของจีน สามารถโจมตีข้าศึกถึงในมหาสมุทรแปซิฟิก ไกลจนถึงแนวสายโซ่ดินแดนชั้นที่สอง” (Second Island Chain)

    ทั้งนี้พวกนักยุทธศาสตร์จีนมีความคิดกันว่า เมื่อมองออกไปจากจีนแล้ว แนวสายโซ่ดินแดนชั้นแรก หมายถึงเส้นโค้งที่ลากเชื่อมโยงจากญี่ปุ่นถึงไต้หวัน ซึ่งรวมฐานทัพหลายแห่งของอเมริกาบนเกาะโอกินาวาของญี่ปุ่นด้วย

    ขณะที่แนวสายโซ่ดินแดนชั้นที่สอง ขยับขยายออกไปทางด้านตะวันออกในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยครอบคลุมหมู่เกาะมาเรียนา หมู่เกาะแคโรไลน์ และเกาะกวม ซึ่งเป็นดินแดนของอเมริกาและเป็นที่ตั้งฐานทัพอากาศแอนเดอร์เซนของแดนอินทรี

    สำหรับแนวสายโซ่ดินแดนชั้นที่สาม ซึ่งครอบคลุมฮาวายนั้น ก็มีการเอ่ยถึงกันอยู่เป็นครั้งคราว

    บทความในไชน่าเดลี่อ้างรายงานดังกล่าวต่อไปว่า การมีสมรรถนะในการโจมตีไปถึงแนวสายโซ่ดินแดนชั้นที่สอง จะสามารถยับยั้งศัตรูต่างแดนไม่ให้เข้ามาแทรกแซง เมื่อเกิด "สถานการณ์ฉุกเฉินหรือกรณีการสู้รบขัดแย้งขึ้นมา”

    ฝ่ายทหารของจีนนั้นให้คำนิยามว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์ระยะไกลคือเครื่องบินที่สามารถบรรทุกยุทโธปกรณ์ที่ปล่อยจากอากาศสู่พื้นดิน เป็นน้ำหนักมากกว่า 10 ตัน และมีพิสัยการบินอย่างน้อย 8,000 กิโลเมตรโดยไม่ต้องเติมเชื้อเพลิง

    บทความของไชน่าเดลี่ยังอ้าง “แอร์โรสเปซ โนว์เลดจ์” ที่เป็นนิตยสารด้านเทคโนโลยีการทหารของจีน ว่า ในบทความชุดหนึ่งซึ่งเผยแพร่ในนิตยสารนี้เมื่อเดือนที่แล้ว ก็ได้ระบุว่า จีนจำเป็นที่จะต้องมีเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลที่มีเทคโนโลยี “สเตลธ์” นั่นคือสามารถหลบหลีกไม่ให้เรดาร์ตรวจจับได้

    “เครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยปานกลาง โดยเนื้อหาสาระแล้วยังไม่สามารถแก้ไขจุดอ่อนของกองทัพอากาศแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ในแง่ของการโจมตีทางยุทธศาสตร์และการป้องปรามทางยุทธศาสตร์ได้” บทความของไชน่าเดลี่บอก พร้อมกับอ้างอิงหนึ่งในรายงานชุดดังกล่าวของแอร์โรสเปซ โนว์เลดจ์ ที่กล่าวว่า “ด้วยเหตุนี้กองทัพอากาศจึงจำเป็นต้องมีเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ข้ามทวีป ซึ่งมีสมรรถนะในการแหวกผ่านแนวป้องกันทางอากาศของข้าศึก”

    อย่างไรก็ดี ไชน่าเดลี่ได้อ้างอิงความคิดเห็นของ หวัง เอี๋ยนอัน รองบรรณาธิการบริหารของแอโรสเปซ โนว์เลดจ์ ที่บอกว่า เครื่องบินดังกล่าวนี้จะต้องมีโครงสร้างและรูปทรงทางอากาศพลศาสตร์อันล้ำสมัย รวมทั้งติดตั้งเครื่องยนต์กังหันไอพ่นประสิทธิภาพสูง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาใหญ่ที่อุตสาหกรรมการบินของจีนยังไม่สามารถคลี่คลายได้ในระยะสั้น

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กองกำลังเคิร์ดยึดคืน “หมู่บ้านกว่า 10 แห่ง” จากกลุ่มไอเอสในตอนเหนือของซีเรีย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2558 18:08 น. (แก้ไขล่าสุด 8 กรกฎาคม 2558 10:17 น.)

    [​IMG]

    รอยเตอร์ - นักรบชาวเคิร์ดในซีเรียยึดคืนหมู่บ้านกว่า 10 แห่งทางเหนือของเมืองรอกเกาะห์จากกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) โดยมีกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ โจมตีทางอากาศสนับสนุน กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรีย (Syrian Observatory for Human Rights) รายงานในวันนี้ (7)

    อย่างไรก็ตาม นักรบของกลุ่มอิสลามิสต์สุดโต่งกลุ่มนี้ยังคงควบคุมเมืองไอน์อิสซา ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองรอกเกาะห์ไปทางเหนือ 50 กิโลเมตรอยู่ หลังจากยึดเมืองดังกล่าวจากกองกำลังวายพีจีของชาวเคิร์ดในการโจมตีเมื่อวานนี้ (6) กลุ่มสังเกตการณ์ฯ ระบุ ทั้งนี้เมืองแห่งนี้มีความสำคัญต่อกลุ่มไอเอสเนื่องจากอยู่ใกล้กับเมืองรอกเกาะห์ซึ่งเป็นเมืองหลวงโดยพฤตินัยของพวกเขา

    การบุกโจมตีพื้นที่ของกลุ่มวายพีจีครั้งนั้นมีขึ้นภายหลังเมืองรอกเกาะห์ถูกถล่มโจมตีทางอากาศอย่างหนักเป็นพิเศษเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่ง แอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวานนี้ (6) ว่า การโจมตีดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อลดทอนความสามารถของกลุ่มไอเอสในการตอบสนองต่อการรุกคืบของกลุ่มวายพีจีทางตอนเหนือของเมืองรอกเกาะห์

    กลุ่มวายพีจี กองกำลังที่ปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ทางตอนเหนือของซีเรียติดตุรกีซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวเคิร์ด เป็นที่รู้จักในฐานะหุ้นส่วนรายสำคัญเพียงหนึ่งเดียวของกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งกำลังเดินหน้าปราบปรามกลุ่มไอเอสทั้งในซีเรียและอิรัก

    กลุ่มสังเกตการณ์ซึ่งรายงานความเคลื่อนไหวของสงครามนาน 4 ปีในซีเรียนี้จากสำนักงานในอังกฤษ ระบุว่า กลุ่มพันธมิตรมีบทบาทสำคัญในการช่วยกองกำลังวายพีจียึดคืนหมู่บ้าน 11 แห่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองไอน์อิสซา

    กลุ่มวายพีจีซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มกบฏซีเรียกลุ่มเล็กๆ ทำการรุกไล่กลุ่มไอเอสได้อย่างมีนัยสำคัญในจังหวัดรอกเกาะห์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ โดยได้เข้ายึดเมืองเทลอับยาดบริเวณพรมแดนตุรกีเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ก่อนรุกลงไต้สู่เมืองไอน์อิสซา และยึดได้เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน

    ถึงแม้กลุ่มวายพีจีจะแสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาเป็นกองกำลังที่มีศักยภาพในการสู้รบกับกลุ่มไอเอส แต่ความมีประสิทธิภาพของพวกเขากลับถูกมองว่าจะยิ่งทำให้พื้นที่ที่ชาวเคิร์ดเป็นใหญ่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงของซีเรียเหลือน้อยลง

    สหรัฐฯ มีเป้าหมายที่จะฝึกฝนและติดอาวุธให้กันักรบกบฏซีเรียสายกลางเพื่อใช้ต่อกรกับกลุ่มไอเอสในซีเรีย แต่เพนตากอนระบุเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนว่า ความพยายามดังกล่าวกำลังเดินหน้าไปช้ากว่าที่คาดการณ์

    เมื่อวานนี้ (6) ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯจะทำงานหนักขึ้นเพื่อฝึกฝนและติดอาวุธ “กลุ่มต่อต้านสายกลาง”

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    วิกฤติกรีซกลับมาเป็นเกมของเจ้าหนี้อีกครั้ง
    หลังจากได้ชัยชนะจากการลงประชามติไม่เอาแผนเจ้าหนี้ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปรากฎว่าไม่มีอะไรในกอไผ่สำหรับศรีปราชญ์ เหมือนมวยล้มต้มคนดู
    แถมยังกดดันส่งซิกให้รมวคลังศรีธนญชัยให้ลาออกไป เพราะว่าเจ้าหนี้ไม่ชอบหน้าศรีธนญชัยในการเจรจาแก้ไขปัญหาการเงินของกรีซตลอดระยะเวลา5เดือนเศษที่ผ่านมา
    แทนที่จะโหนกระแสประชามติ เอากรีซออกจากยูโร และดำเนินมาตรการตามที่นายMartin Armstrongได้เขียนแนะนำเอาไว้แล้ว เพื่อแก้ปัญหากรีซอย่างถาวร ศรีปราชญ์ยังคงรีๆรอๆข้าวสาร สองทะนานข้าวเปลือก เด็กน้อยตาเหลือกตาลานอยู่ ยังไม่รู้จะเดินหน้าอย่างไร
    รมวคลังคนใหม่ นายEuclid Tsakalotosยังเก้ๆกังๆ อยู่ไม่รู้จะทำอะไร และไม่ได้คุยอะไรกับพวกยูโรกรุ๊ป
    เจ้าหนี้ย้อนกลับว่า โอเคผลประชามติกรีซออกมาแล้ว พวกเรารู้ว่าพวกกรีกไม่ชอบพวกขี้หน้าพวกเรา หาว่าพวกเราหน้าเลือด พวกเราเคารพประชามติของกรีซ แต่ยูโรมันเป็นเรื่องของ19ประเทศทั้งหมด ไม่ใช่ประเทศใดประเทศหนึ่ง ความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำคือ ถ้ากรีซยังอยากจะอยู่ในยูโร ต้องเสนอแผนปฏิรูปการเงินและเศรษฐกิจใหม่ที่เรารับได้ พูดง่ายๆเอาแผนรัดเข็มขัดมาให้ดูก่อน ไม่ใช่ยื้อไปยื้อมา หมดเวลาเล่นละครแล้ว ส่วนเรื่องที่จะลดหนี้ให้ มันอีกเรื่องหนึ่งนะ ลดหนี้ให้ยู พวกไอก็เสียหาย
    เจ้าหนี้ให้เวลากรีซถึงวันพฤหัสที่9กรกฎาคมนี้ที่จะถึงนี้ที่จะเสนอแผนรัดเข็มขัด แลัดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดให้ดูเป็นตัวอย่างไปเลยจะได้สร้างความเชื่อใจกันใหม่ แล้วผู้นำยุโรป28ประเทศจะประชุมซัมมิทในวันอาทิตย์ที่12กรกฎาคมเพื่อตัดสินใจว่าจะให้แผนปฏิรูปกรีซผ่านหรือไม่ เพื่อแลกกับเงินกู้รอบใหม่ที่จะช่วยให้กรีซเดินหน้าได้อีกหลายปี
    ศรีปราชญ์บอกกับประชาชนกรีกว่า จะพยายามทำงานเร่งด่วน เพื่อนำเสนอแผนปรับปฏิรูปกรีซให้เจ้าหนี้ โดยจะไม่ยอมเจ้าหนี้ทั้งหมด เพราะว่ากรีซต้องการมีมาตรการที่ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ด้วย
    ทะเลาะกันไปมาก็กลับมาสู่จุดเริ่มต้นใหม่ สำหรับศรีปราชญ์
    แต่คราวนี้เจ้าหนี้บอกว่า เป็นโอกาสสุดท้ายของกรีซแล้วนะ ไม่เห็นหรือแบงค์ยูกำลังจะล้ม และกรีซกำลังจะล่มจมอย่างไม่มีวันโงหัวขึ้นมาได้ ถ้าไม่ยอมรับความจริง
    ส่วนศรีธนญชัยสบายไปแล้ว หลังจากลาออกจากตำแหน่งรมวคลัง มีคนเห็นเขาควบบิ๊กไบค์กับเมียบนถนนกรุงเอเธนส์อย่างสบายอารมณ์ เขาได้ทำตามหน้าที่แล้ว คือรบกับเจ้าหนี้เต็มที่เพื่อให้มีการลดหนี้กรีซ และมีมาตรการที่จะฟื้นฟูกรีซจริงแต่เมื่อศรีปราชญ์ไม่ชอบหน้าเขา อาจจะกลัวว่าเขาจะเด่นกว่า หรืออาจจะไปเหยียบหัวแม่ตีนศรีปราชญ์เข้า เขาก็พร้อมลาออกทันที โดยไม่ยึดติดอะไร
    ชั่วโมงนี้ขอกันศรีธนญชัยออกไปก่อน เพราะว่าSherlock Holmesขอตั้งข้อสงสัยว่าศรีปราชญ์น่าจะเป็นม้าไม้เมืองเอเธนส์มากกว่า เพราะว่าสามารถเล่นบทฮีโร่ต่อสู้เพื่อคนกรีกได้ แต่เขาเลือกที่จะสวมบทบาททาสของโรมต่อไป
    thanong
    8/7/2015
    Greece debt crisis: Eurozone sets 'final deadline' for new plan - BBC News
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    ถ้าศรีปราชญ์ไปซบหมีขาว จะโดนรัฐประหารทันที
    มีรายงานจากนักข่าวJohn Helmerที่ทำงานประจำที่กรุงมอสโควว่า สหรัฐและเยอรมันเตรียมหนุนให้มีการทำรัฐประหารล้มศรีปราชญ์ ในกรณีที่ศรีปราชญ์นำพากรีซออกจากยูโรไปซบอกหมีขาว
    กรีซเป็นสมาชิกของนาโต้ ทั้งสหรัฐและเยอรมันยอมไม่ได้ที่จะให้กรีซไปอยู่ค่ายรัสเซีย เพราะว่าจะทำให้ดุลทหารในภูมิภาคเสียไป ถ้ารัสเซียได้กรีซเป็นฐานทัพเรือ จะทำให้กองทัพเรือรัสเซียแข็งแกร่งมากขึ้นในเชิงยุทธศาสตร์
    เนื่องจากกรีกอยู่ในนาโต้ ทหารกรีกจึงตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของซีไอเอ หรือสหรัฐฯ
    John Helmerรายงานว่า แผนการรัฐประหารศรีปราชญ์เพื่อต้านอิทธิพลของรัสเซียมีการเตรียมการภายในโดยพวกชนชั้นสูงของกรีซ เจ้าของกิจการเรืออังกฤษ/กรีก และศาสนจักรกรีกที่ต้องการให้กรีซอยู่ในนาโต้ หรือเป็นส่วนหนึ่งของยูโรต่อไป
    ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นางเสือร้ายVictoria Nulandผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ผู้อยู่เบื้องหลังการล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของยูเครน และทำให้ยูเครนมีวิกฤติทุกวันนี้ได้เดินทางมาเยือนเอเธนส์ ท่ามกลางความเป็นกังวลใจของสหรัฐว่าวิกฤติหนี้กรีซอาจจะทำให้เกิดภัยทางภูมิรัฐศาสตร์
    เจ๊หนูคงต้องมีการพูดคุยกับหลายฝ่ายในกรีซว่า จะแก้ปัญหาวิกฤติอย่างไรก็ตาม แต่ต้องไม่ให้ศรีปราชญ์นำพากรีซไปอยู่ค่ายรัสเซียและกลุ่มBRICSที่พร้อมให้ความช่วยเหลือกรีซทางการเงินอยู่แล้ว
    ถ้าไม่เป็นไปตามแผน ก็ให้ทหารออกมาล้มรัฐบาลศรีปราชญ์ไปเลย เพราะว่าจะปั่นให้เกิดการจลาจลได้ง่ายมากในกรีซเวลานี้ที่เกิดวิกฤติการเงินอย่างหนัก
    ศรีปราชญ์นำพากรีซให้อยู่ยูโรต่อ จะโดนเจ้าหนี้บี้จนล่มจม แม้ได้เงินก้อนใหม่มาจะไม่มีวันฟื้น ท้ายที่สุดต้องขายทรัพย์สินทุกอย่างของแผนดินมาใช้หนี้ แต่ถ้าจะเอากรีซออกจากยูโร จะโดนรัฐประหารจากภายในโดยที่สหรัฐและเยอรมันหนุนทหารกรีกอีกทีให้ก่อการ
    ภาวะของกรีซคือ จะคิดหนีเสือร้ายจะปะจรเข้ที่คอยเขมือบ
    ระหว่างทฤษฏีม้าไม้ที่ศรีปราชญ์เป็นเด็กของพวกเจ้าหนี้ยุโรป กับทฤษฎีรัฐประหาร อย่างไหนจะมีน้ำหนักมากกว่ากัน? ความจริงกับความลวงต่างก็ทับซ้อนกันจนยากที่จะแยกออกจากกันในสถานการณ์กรีซที่ลื่นไหลมาก
    ย้อนกลับมาดูเมืองไทย ชักใกล้จะเป็นกรีซเต็มแก่ อเมริกาจะยอมไม่ได้ ถ้าเราจะใกล้ชิดจีนมากเกินไป คงจะเข้าใจกันแล้วนะว่า เรื่องข่าวลือปฏิวัติซ้อนเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เหมือนกรีซเป๊ะ
    thanong
    8/7/2015
    http://www.infowars.com/us-preparin...e-from-falling-under-russian-influence/7/2015
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    หวั่นฟองสบู่หุ้นจีนแตก!!!......
    อ่านข่าวไปก่อน แล้วจะวิเคราะห์ให้อ่านในโพสท์ต่อไป
    1.......
    ธนาคารชาติจีนเตรียมผ่อนคลายการเงินเพิ่ม หวังช่วยประคองตลาดหุ้นหลังถูกถล่มขายอย่างหนักตลอดช่วง3สัปดาห์ ฉุดดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ร่วงถึง 30% โดยมูลค่าหุ้นตามราคาตลาด หรือมาร์เก็ตแค็ปถูกแช่แข็ง $1,400,000ล้าน หรือเท่ากับ 30%ของมาร์เก็ตแค็ปรวม เหตุหุ้น 745 บริษัท หรือราว 26% ของตลาดรวมถูกระงับการซื้อขาย ท่ามกลางแรงเทขายอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้น มีการเก็งกำไรของนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนในประเทศอย่างมาก โดยตลอด 5 ปีที่ผ่านมา จากกระแสเงินทุนไหลเข้าและการซื้อขายด้วยมาร์จินที่พุ่งขึ้นกว่า 123% มียอดหนี้มาร์จินถึง $370,000 ล้าน โดยเฉพาะหุ้นเซี่ยงไฮ้ที่มีดัชนีราคาพุ่งขึ้นกว่า110% โดยทะยานขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็วในช่วง6เดือนแรกปีนี้ถึง 59% จากปลายปีก่อน และมีจุดpeakสูงสุดเมื่อ 12มิ.ย.ที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต อยู่ที่ 5,166 แต่เพียง 3สัปดาห์หลังจากนั้น ดัชนีหุ้นนี้ดิ่งลงถึง 30%มาอยู่ที่ 3,616 วานนี้
    2.......
    จับตาาเงินทุนต่างชาคิไหลออกจากเอเเชีย กรระทบค่าเงินอ่อนตัวลง โดย 3สกุลที่ได้รับผลกระทบขณะนี้คือ ริงกิตมาเลเซีย รูเปียะห์อินโดฯ เปโซฟิลิปปินส์ ซึ่งเงินบาทอ่อนค่าตามมาติดๆ วานนี้อ่อนค่าแตะ 33.99 บาทต่อดอลลาร์ เฉียด 34บาททุกทีแล้ว
    บาททะลุ34ต่อดอลลาร์แล้ว.....
    แนวโน้มหุ้นเช้าอ่อนตัวลงตามภูมิภาคหลังตลาดจีนปรับลงแรง/บาทเปิด34.05
    Thanong
    8/7/2015
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    จีนโดนลองของ
    หุ้นจีนตกไปประมาณ30%ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน ทำให้มูลค่าตลาดรวมหายไป$3.7ล้านล้าน นักลงทุนสถาบัน รวมทั้งอาเฮีย อาหมวยอาตี๋ อาม่า อากงที่เป็นแมงเม่าต่างแตกตื่นกันใหญ่ เพราะว่าเจ้งหุ้นกันถ้วนหน้า
    เหตุการณ์นองเลือดในตลาดหุ้นจีน ทั้งในตลาดเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้และตลาดเชิ่นเจิ้น และตลาดฮ่องกงที่โดนหางเลขไปด้วยไปใช่เป็นเรื่องปกติของกลไกตลาดอย่างแน่นอน แต่เป็นการทุบตลาดของโบรกเกอร์ฝรั่งที่ฝังตัวในการลงทุนในตลาดหุ้นจีนมานาน แม้ว่าจะมีกฎระเบียบบังคับมากมาย
    ทางสื่อFinancial Newsของจีนมองว่า Morgan Stanley หนึ่งใน6แบงค์ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐเป็นตัวการที่จุดพลุให้ทุบหุ้นจีน เพราะว่าอยู่ดีๆก็เปลี่ยนคำแนะนำเกี่ยวกับภาวะตลาดหุ้นจีนให้ขาย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มองหุ้นจีนค่อนข้างจะดี กองทุนฝรั่งมีการช็อร์ทหุ้นจีนอย่างเป็นขบวนการ ทำให้อาจารย์มหาวิทยาลัยของจีน5คน เขียนจดหมายลงนามด้วยกันกล่าวหาว่าอำนาจตลาดการเงินที่ชั่วร้ายกำลังบ่อนทำลายความอ่อนแอของตลาดการเงินจีนเพื่อหวังผลกำไร สถานการณ์ตอนนี้เหมือนกับช่วงต้มยำกุ้งปี1997-1998 เมื่อผู้บงการประธานาธิบดีโอบามา นายจอร์จ โซรอสเปิดเกมถล่มค่าเงินบาทและเงินของเอเซียจนกลายเป็นนกปีกหัก ทำให้เกิดวิกฤติการเงินทั่วทั้งเอเซีย
    จีนถือว่าได้อยู่ในภาวะสงครามกับสหรัฐเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ได้เซ็นสัญญาความร่วมมือกันความมั่นคงทางไซเบอร์กับรัสเซียในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเพื่อร่วมมือกันป้องกันโครงสร้างพื้นฐานของประเทศทั้งสอง ในกรณีที่โดนโจมตีทางไซเบอร์
    ยิ่งโดนถล่มตลาดหุ้นอย่างนี้ จีนยิ่งจะเดือดดาลแต่ยังไม่ออกอาการ เพราะดีว่ายังไงก็ต้องโดน หลังจากที่รัสเซียโดนถล่มไปก่อนเมื่อปีที่แล้ว
    ปูตินถึงกลับถึงบางอ้อว่า ที่รัสเซียโดนยำใหญ่เพราะว่าแบงค์และรัฐวิสาหกิจของรัสเซียโดนล่อให้ไปยืมดอลล่าร์$600,000ล้าน เงินกู้ดอลล่าร์นี้เป็นม้าไม้ พอได้ทีจากวิกฤติยูเครน สหรัฐแซงชั่นรัสเซีย ฝรั่งก็เทขายหุ้นรัสเซีย และถล่มค่าเงินรูเบิ้ลจนค่าเงินร่วงจาก 33-35รูเบิ้ลต่อดอลล่าร์เมื่อต้นปี2014 ไปลงเหวที่80กว่ารูเบิ้ลต่อดอลล่าร์ในเดือนธันวาคมสิ้นปี จีดีพีรัสเซียและระบบการเงินเกือบพัง เดชะบุญที่มีจีนมาแบ๊คสะต๊อบ โดยจีนบอกว่าจะช่วยรัสเซียเต็มที่ ทำให้รัสเซียกลับมามีเสถียรภาพ
    ปูตินถึงได้ประกาศว่า เลิกใช้ดอลล่าร์แล้ว
    สหรัฐไม่ต้องการให้รัสเซียผงาดในยูเรเซียถึงต้องทำลายระบบการเงินรัสเซียให้อ่อนแอก่อน และสหรัฐไม่ต้องการให้หยวนของจีนฝาผงาด จึงกองทัพเรือมาเผชิญหน้าจีนในทะเลจีนใต้ การทุบตลาดหุ้นจีนเป็นการส่งซิกล่วงหน้าว่า สงครามทุกรูปแบบกำลังจะเกิดขึ้น
    แต่จีนมั่นในว่าเอาอยู่ ถึงแม้ว่าข่าวที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าเกิดความโกลาหลอย่างรุนแรงในตลาดหุ้นจีน ซึ่งสรุปเป็นสาระสำคัญได้ดังนี้คือ:
    1. ตลาดหุ้นจีนโดนอั๊งม้อทุบร่วงไป30%
    2. บริษัทจีนที่จะเข้าตลาดทำไอพีโอหยุดหมด เพราะเกรงว่าจะดูดเงินจากตลาดหุ้นทำให้เป็นการซ้ำเติมดัชนีตลาด
    3. 21 โบรกเก้อร์จีนลงขัน120,000ล้านหยวน หรือ$19,300ล้านเพื่อพยุงตลาดหุ้น
    4. กองทุน57กองลงขัน2,200ล้านหยวนเพื่อซื้อหุ้นพยุงตลาด
    5. 700กว่าบริษัทในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และตลาดหุ้นเสินเจิ้น หรือประมาณ1ใน4ขอหยุดเทรด เพราะว่าหุ้นร่วงเอาๆ
    6. ธนาคารกลางจีนประกาศว่าจะอัดฉีดสภาพคล่อง250,000ล้านหยวนเพื่อช่วยให้มีสภาพคล่องในการซื้อหุ้น
    มาตรการเหล่านี้ ถ้านับเป็นเม็ดเงินน้อยนิดเมื่อเทียบกับขนาดของมาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นจีน แต่เอาเข้าจริงแล้วทางการจีนไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมากกับการโดนทุบหุ้น เพราะรู้ว่ายังไงๆต้องโดน
    เอาเข้าจริง หุ้นจีนที่ตกก็ต้องกระทบฝรั่งด้วย เนื่องจากว่าเป็นการร่วมทุนกัน ส่วนอาเฮีย อาหมวยที่เป็นแมงเม่าคงต้องโดนสังเวย ทางการจีนคงปล่อยให้หุ้นลงหนักๆ แล้วค่อยกลับเข้าไปซื้อก็ได้ ยิ่งดี จะได้ช๊อปปิ้งของถูก ฝรั่งหรือยุ่นทำQEไปแล้ว ทำไมจีนQEมั่งไม่ได้
    การทุบหุ้นจีนน่าจะเป็นอาการลุกลี้ลุกลนของสหรัฐด้วย เพราะว่าจีนตกลงซื้อขายพลังงานและสินค้าและบริการต่างๆกับรัสเซียเป็นเงินหยวนและรูเบิ้ลแล้ว ต่อไปไม่จำเป็นต้องสำรองดอลล่าร์ เนื่องจากหยวนเป็นเงินสกุลหลัก พิมพ์ออกมาก็ซื้อของได้เลยไม่ต้องแลกดอลล่าร์ เหมือนธนาคารกลางของสหรัฐตอนนี้ที่ไม่ได้สำรองเงินตราต่างประเทศเลย เพราะว่าดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักของโลก
    จีนค่อยๆผ่องดอลล่าร์ออกมาแล้ว จึงถูกตอบโต้ด้วยการเผชิญหน้าท้าชกของแสนยานุภาพทางกองทัพเรือสหรัฐในทะเลจีนใต้ และการทุบหุ้นจีนให้ย่อยยับ
    อย่างที่จีนพูดในเชิงลับว่า ได้เกิดภาวะสงครามระหว่างจีนและสหรัฐแล้ว
    thanong
    8/7/2015
    As China stocks sink, some accuse Morgan Stanley, other foreign forces - MarketWatch
     

แชร์หน้านี้

Loading...