ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    วันชี้ชะตากรีซ
    พวกทรอยก้า และเยอรมันทำกับกรีซได้แสบจริงๆ
    สหรัฐหักหน้า หรืออาจจะบอกว่าตบหน้าพวกทรอยก้า หรือไอเอ็มเอฟ ธนาคารกลางยุโรป สหภาพยุโรป รวมทั้งเยอรมันนีด้วยก็ได้ ด้วยการเปิดเผยรายงานGreece Reportที่ทางฝ่ายวิจัยทางเศรษฐกิจของไอเอ็มเอฟได้ทำขึ้นในวันพฤหัสบดีที่2กรกฎาคมที่ผ่านมา
    งานวิจัยของไอเอ็มเอฟระบุชัดเจนว่าไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤติหนี้กรีซได้ ถ้าหากไม่มีการลดหนี้อย่างน้อย30% ขยายระยะเวลาปลอดการจ่ายหนี้ และให้กรีซกู้เงินก้อนใหญ่เพื่อยืนพื้นให้ได้ มิเช่นนั้นกรีซจะต้องมีภาระหนี้และจ่ายดอกเบี้ยจนไม่มีทางที่เศรษฐกิจจะโงหัวขึ้นมาจากน้ำได้
    รายงานของไอเอ็มเอฟสอดคล้องกับจุดยืนของนายYanis Varoufakis รมวคลังกรีซมาตลอดว่า การเจรจาแก้ไขปัญหาหนี้กรีซจำต้องลดหนี้ (debt relief)ก่อนเป็นประการแรก เพราะว่ากรีซมีหนี้320,000ล้านหรือ185%ต่อจีดีพี ไม่มีทางที่จะจ่ายหนี้ได้
    แต่ที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่า นางChristine Lagarde กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของไอเอ็มเอฟ นายMario Draghiผู้ว่าการธนาคารกลางยุโรป นายJean-Claude JunckerประธานEuropean Commissionและ นายWofgang Schaeuble รมวคลังของเยอรมันต่างก็ยืนยันมาตลอดไม่ให้มีการลดหนี้ให้กรีซ แต่บีบบังคับด้วยเล่ห์กลทางการเมืองต่างๆนาๆ ให้กรีซทำตามเงื่อนไขของเจ้าหนี้ เพื่อแลกกับเงินกู้ก้อนใหฒ่7,200ล้านยูโร แต่กรีซไม่ยอมอันนำมาถึงจุดที่ต้องผิดนัดชำระหนี้ในวันที่1กรกาคมที่ผ่านมา
    เหตุผลไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ทำไมสหรัฐใช้อิทธิพลทางการเมืองเพื่อเปิดเผยรายงานของไอเอ็มเอฟออกมา3วันก่อนที่กรีซจะลงประชามติว่าจะรับแผนฟื้นฟูการเงินของกรีซฉบับเจ้าหนี้หรือไม่ในวันนี้ อย่างไรก็ตามนายJack Lew รมวคลังสหรัฐได้พูดก่อนหน้านี้แล้วว่าเจ้าหนี้และกรีซควรที่จะประนีประนอมกัน โดยที่กรีซต้องได้รับการลดหนี้
    อย่างนี้Lagarde, Draghi, Juncker, Schaeubleต้องหน้าแตกทางการเมือง เพราะว่ารู้ทั้งรู้ว่ากรีซต้องพังแน่ ถ้าต้องทำตามในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ยังไล่บี้กรีซให้พัง
    มีข่าวว่าอังกฤษแอบแฮ๊คข้อมูลการสื่อสารระหว่างAngela MerkelและนายSchaeubleได้ในเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้กรีซ โดยที่Merkelมีทีท่าที่ผ่อนปรนมากกว่าSchaeuble และทั้งคู่รู้มานานแล้วว่า แก้ปัญหากรีซไม่ได้ถ้าหากเจ้าหนี้ไม่ยอมลดหนี้ให้ อังกฤษแอบเอาข้อมูลนี้ไปให้สหรัฐ และท้ายที่สุดสหรัฐตัดสินใจเล่นพวกเจ้าหนี้ยุโรปกลับด้วยการเปิดเผยรายงานของไอเอ็มเอฟ
    รายงานของไอเอ็มเอฟระบุว่า กรีซต้องได้เงินกู้ก้อนใหม่อย่างน้อย10,000ล้านยูโรในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และอีก50,000ล้านยูโรในระยะ3ปีข้างหน้า รวมทั้งต้องได้รับการปลอดเวลาจ่ายหนี้20ปี ก่อนที่ระยะเวลาจ่ายหนี้จะสิ้นสุดลงในปี2055
    ถ้าหากเจ้าหนี้เจรจากับกรีซโดยอิงรายงานของไอเอ็มเอฟ ป่านนี้เรื่องก็จบนานแล้ว แต่ยังยืนพื้นไล่บี้กรีซ เพราะว่ากลัวว่าต่อไปเสปน โปรตุเกส อิตาลี รวมทั้งฝรั่งเศสจะเอาเยี่ยงอย่าง โดยเฉพาะอิตาลีและฝรั่งเศสมีหนี้ที่สูงมาก ถึงจุดๆหนึ่ง รัฐบาลจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ เพราะว่าจีดีพีอ่อนแอ จะเป็นภาระหนักให้กับสหภาพยุโรปโดยรวม รวมทั้งอีซีบีที่ต้องพิมพ์เงินหูดับตับไหม้เพื่ออุ้มระบบการเงินของยุโรปทั้งหมด
    เมื่อวานหนังสือพิมพ์Financial Timesของอังกฤษรายงานว่า หลังประชามติ รัฐบาลกรีซมีแผนการที่จะยึดเงินฝากประชาชน30%จากบัญชีเงินฝากที่มีเงินอย่างน้อย8,000ยูโร เพื่อเอาเงินนี้มาอุ้มแบงค์ นายVaroufakisรีบออกมาปฏิเสธข่าวนี้ว่าไม่มีความจริง ในขณะที่เสียงประชาชนกรีกยังก้ำกึ่งว่าจะโหวตเยสเพื่อรับแผนเจ้าหนี้ หรือจะโหวตโน
    แต่การเปิดเผยรายงานของไอเอ็มเอฟทำให้นายAlexis Tsiprasได้เปรียบ เพราะว่าเขาพูดกับประชาชนว่า เห็นไหม พวกเราถูกมาตลอดที่ต่อสู้กับพวกเจ้าหนี้เพื่อให้ลดหนี้มาอยู่ระดับที่กรีซสามารถหายใจได้ก่อนที่จะให้ทำแผนรัดเข็มขัด นายVaroufakisก็บอกว่า ยอมให้ตัดแขนเสียดีกว่าที่จะเซ็นสัญญาทาสกับเจ้าหนี้
    แน่นอนสหรัฐไม่ต้องการให้กรีซออกจากยูโร เพราะกลัวผลกระทบทางภูมิรัฐศาสตร์ เพราะว่ากรีซเมื่อไม่มีทางเลือกจะไปซบอกรัสเซีย ถ้ารัสเซียใช้กรีซเป็นฐานทัพเรือ นาโต้จะตกเป็นรองในด้านการทหาร
    ทั้งนายTsipras และVaroufakisยืนยันว่าไม่ต้องการเอากรีซออกจากยูโร เพียงแต่ต่อสู้เพื่อให้ลดหนี้ ให้มีการแก้เงื่อนไขของการแก้ไขปัญหาการเงินของกรีซให้ดีหรือมีความยุติธรรมมากขึ้น
    ถ้าประชาชนโหวตYesในประชามติวันนี้ นายTsiprasจำต้องลาออก แล้วต้องหารัฐบาลใหม่ที่จะทำตามแผนเจ้าหนี้โดยอำนาจการต่อรองจะมีไม่มาก ถ้าโหวตโน จะเป็นการเพิ่มบารมีให้Tsiprasไปเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อให้ได้ลดหนี้ และเงื่อนไขการแก้ปัญหาวิกฤติกรีซได้ดียิ่งขึ้น
    มาถึงจุดนี้แล้ว โหวตโน น่าจะเข้าวิน
    thanong
    5/7/2015
    ​IMF says Greece needs third bailout of €60bn, debt relief — RT Business
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้นำตูนิเซียประกาศภาวะฉุกเฉิน เพิ่มอำนาจรัฐบาล-ทหาร-ตำรวจรับมือ “นักรบอิสลามิสต์” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 กรกฎาคม 2558 22:45 น. (แก้ไขล่าสุด 4 กรกฎาคม 2558 22:51 น.)

    [​IMG]

    @ประธานาธิบดีเบญิ คาอิด เอสเซบซี ผู้นำตูนิเซีย

    รอยเตอร์ / เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – ประธานาธิบดีเบญิ คาอิด เอสเซบซี ผู้นำตูนิเซีย ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศในวันเสาร์ ( 4 ก.ค.) เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลของเขามีอำนาจเพิ่มมากขึ้น ในการรับมือกับสถานการณ์ไม่ปกติทางด้านความมั่นคง หลังเกิดเหตุโจมตีโดยพวกอิสลามิสต์ที่โรงแรมริมชายหาดแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเมืองของสหราชอาณาจักรถูกสังหารไปถึง 38 ราย

    กฎหมายที่ประกาศบังคับใช้ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินนี้จะช่วยเปิดทางให้รัฐบาลตูนิเซีย ปฏิบัติหน้าที่ของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทางด้านความมั่นคงทั้งทหารและตำรวจก็จะมีอำนาจที่เพิ่มสูงขึ้นในการรับมือกับภัยคุกคาม แม้ต้องแลกมาด้วยการที่เสรีภาพและสิทธิทางกฎหมายบางประการ ของประชาชนชาวตูนิเซียอาจต้องถูกลิดรอนไปบ้าง

    ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทางการตูนิเซียมีขึ้น หลังเกิดเหตุโจมตีบนแหล่งตากอากาศชายทะเลที่ซุสเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ตลอดจนเหตุโจมตีด้วยอาวุธปืนที่พิพิธภัณฑ์บาร์โดในกรุงตูนิส เมืองหลวงของประเทศเมื่อช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งถือเป็นสองเหตุการณ์อุกอาจสะเทือนขวัญฝีมือกลุ่มติดอาวุธที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของตูนิเซีย และถือว่า เป็นภัยคุกคามที่สำคัญยิ่งต่ออุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว ที่เป็นแหล่งรายได้สำคัญของตูนิเซีย

    ทั้งนี้ ข้อมูลข่าวกรองของทางการตูนิเซีย ระบุว่า มือปืนทั้ง 3 รายที่เป็นผู้ก่อเหตุโจมตีทั้งสองครั้งดังกล่าวได้รับการฝึกมาในช่วงเวลาเดียวกันจากค่ายฝึกของพวกนักรบญิฮัดที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างลิเบีย ที่กลายสภาพเป็นดินแดนที่ไร้ขื่อแปจากผลพวงของการแย่งชิงอำนาจกันเองของรัฐบาล 2 ชุดที่ตั้งขึ้นมาเป็นคู่แข่งกัน ส่งผลให้บรรดากลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ใช้โอกาสนี้แผ่ขยายอิทธิพลได้อย่างเต็มที่

    รายงานข่าวระบุว่า ครั้งล่าสุดที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในตูนิเซียนั้น ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2011 เมื่อครั้งที่มีการลุกฮือของประชาชนจากผลพวงของปรากฎการณ์ “อาหรับ สปริง”เพื่อขับไล่ประธานาธิบดีซิเน เอล-อบิดีน เบน อาลี

    [​IMG]

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000075703
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    [​IMG]

    วิกฤตหนี้กรีซ: ไม่ใช่ ‘การเมือง’ VS ‘เศรษฐกิจ’ แต่ทั้งสองอย่างนี้คือเรื่องเดียวกัน
    โดย ชาญ อัคยา 5 กรกฎาคม 2558 09:45 น.
    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ Asia Times)

    Greece: It’s not politics vs. economics; Politics IS economics and vice versa
    BY CHAN AKYA
    02/07/2015

    นักเศรษฐศาสตร์ที่เป็นนักทฤษฎีเกม (Game Theorist) อย่างรัฐมนตรีคลัง ยานิส วารูฟากิส ของกรีซ พยายามโฟกัสไปที่จุดอ่อนของพวกคู่เจรจา เพื่อให้พวกเขายอมรับใน “ผลลัพธ์ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่แต่ละฝ่ายพึงพอใจที่สุด” ทว่าความผิดพลาดของเขาอยู่ตรงที่ว่า เขามองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงในสภาพความเป็นจริงทางการเมืองของยุโรปนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา ทำให้เขาหลงผิดคิดว่า “ผลลัพธ์ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่แต่ละฝ่ายพึงพอใจที่สุด” ของฝ่ายกรีซ และของฝ่ายเจ้าหนี้ทรอยกา (อียู, ไอเอ็มเอฟ, อีซีบี) นั้น ยังคงเป็นสิ่งเดียวกันอยู่

    นับตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้วเมื่อวิกฤตหนี้สินกรีซเกิดการระเบิดเปรี้ยงป้างเปิดแง่มุมใหม่ๆ ขึ้นมา เราก็ได้ยินได้ฟังการแสดงความคิดเห็นกันทางทีวีซึ่งต้องบอกว่าออกจะไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยเท่าใดนัก ทัศนะซึ่งเราได้ยินได้ฟังกันมักซ้ำไปซ้ำมา ดูจะไม่ห่างไปจากแนวทางดังต่อไปนี้:

    **วิกฤตกรีซเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมืองไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจ
    **ยูโรโซนเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นจากแนวความคิดทางการเมือง ไม่ใช่จากแนวความคิดทางเศรษฐกิจ
    **ด้วยเหตุผลทางการเมือง ไม่ใช่เหตุผลทางเศรษฐกิจเลย เยอรมนีจะเข้าช่วยเหลือกรีซให้พ้นจากภาวะล้มละลาย
    และอะไรทำนองนี้

    บางทีพวกนักแสดงความคิดเห็นทางทีวีเหล่านี้ ยังไม่ได้มีความเข้าอกเข้าใจเอาจริงๆ ว่า การเมืองนั่นแหละ คือ เศรษฐกิจ และในทางกลับกัน เศรษฐกิจก็คือการเมือง เมื่อพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งเก็บกวาดชัยชนะมาได้อย่างงดงามจนได้ขึ้นครองอำนาจ เหมือนอย่างที่พรรคไซรีซา (Syriza) กระทำสำเร็จในกรีซเมื่อตอนต้นปีนี้ การเลือกตัวเลือกทางการเมืองเช่นนี้ ที่สำคัญแล้วมันเป็นการทำหน้าที่ของเศรษฐกิจ

    ในกรณีนี้อธิบายได้ว่า เพราะประชาชนชาวกรีกต้องการให้พรรคการเมืองซึ่งสัญญาที่จะดำเนินหนทางแก้ไขเศรษฐกิจที่ดีกว่าเดิม ได้เป็นผู้ครองอำนาจ หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง ไซรีซานั้นให้สัญญาอย่างเฉพาะเจาะจงว่า พวกเขาสามารถดำเนินการให้กรีซยังคงได้รับการช่วยเหลือจากยุโรปไม่ให้ต้องล้มละลายต่อไป แต่จะเป็นการช่วยเหลือซึ่งไม่มีเงื่อนไขอันเข้มงวดสร้างความยากลำบากพ่วงติดมาด้วย

    ในการเลือกตั้งอีกแห่งหนึ่งซึ่งจัดขึ้นปีนี้เหมือนกัน สาธารณชนชาวสหราชอาณาจักร ต่างพากันตัดสินใจทอดทิ้งไม่ใยดีกับดรามาทางการเมืองอันชวนหดหู่ที่ดำเนินมาเป็นแรมเดือน แล้วหันมาให้ความสนับสนุนพรรคคอนเซอร์เวทีฟ (Conservative) โดยเป็นที่ชัดเจนว่าไม่ใช่เพราะเลื่อมใสทัศนะทางการเมืองของพรรคนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ออกเสียงจำนวนมากกลับไม่พอใจด้วยซ้ำไป หากแต่พวกเขายังต้องเลือกพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ก็เพราะผลงานการดำเนินการทางเศรษฐกิจของพรรค (หรือเราอาจจะพูดให้ถูกต้องยิ่งขึ้นได้ว่า เพราะพวกเขายังคงมีความหวาดกลัวผลงานทางเศรษฐกิจในอดีตของพวกฝ่ายค้าน) อย่างที่ผมได้เสนอเอาไว้ในข้อเขียนเรื่อง Does Britain face ‘challenging’ election result? (ดูรายละเอียดได้ที่ Does Britain face ‘challenging’ election result? | Asia Times)

    ในทั้งสองกรณีนี้ เศรษฐกิจมีอิทธิพลเหนือการเมือง นอกจากนั้น สิ่งที่เรามองเห็นต่อมาก็คือ พลัง 2 พลังที่ดูเหมือนแตกต่างกันนี้ ส่วนใหญ่แล้วกลับกำลังเคลื่อนที่แบบโยงใยเกี่ยวร้อยไปด้วยกัน

    ความพยายามของนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ซีปราส (Alexis Tsirpas) ที่จะทำตามคำมั่นสัญญาของพรรคไซรีซา ได้รับการหนุนส่งจาก ยานิส วารูฟากิส (Yanis Varoufakis) นักเศรษฐศาสตร์ผู้สันทัดในทฤษฎีเกม (game theory) ซึ่งซีปราสแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทั้งนี้เป้าหมายอย่างเจาะจงของนักทฤษฎีเกมผู้นี้อยู่ที่การมุ่งโฟกัสไปยังพื้นที่ซึ่งเป็นจุดอ่อนของคู่เจรจาต่อรอง อันได้แก่:

    1.ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งทางธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank) จะต้องเข้าไปแบกรับในฐานะที่เป็นผู้ค้ำประกัน ในกรณีที่กรีซตัดสินใจประกาศขอล้มละลาย

    2.ความเสียหายโดยตรงซึ่งพวกผู้เสียภาษีชาวยุโรปจะต้องแบกรับ สืบเนื่องจากเป็นผู้ค้ำประกันกรีซ (ตัวแทนของผู้เสียภาษีเหล่านี้ในที่นี้ก็คือ อียู)

    3.ความเสียหายที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จะต้องเป็นผู้แบกรับ จากการเข้าร่วมปล่อยกู้ให้แก่กรีซ

    ผลก็คือ แนวความคิดหลักเบื้องหลังโมเดล “ความลำบากใจของนักโทษ” (prisoner’s dilemma) ตามทฤษฎีเกม ในเวอร์ชั่นของวารูฟากิส นั้น ตั้งเป้าเอาไว้ว่า ต้องพยายามเสนอแนะให้ทั้งสองฝ่ายยอมเลือกผลลัพธ์สภาวะเลวกว่าอุตมภาพ (sub-optimal outcome) ในความคิดของผมนั้น ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า เขาเข้าใจผิดคิดไปว่า ผลลัพธ์สภาวะเลวกว่าอุตมภาพของกรีซ คืออย่างเดียวกันกับผลลัพธ์สภาวะเลวกว่าอุตมภาพของคณะเจ้าหนี้ทั้ง 3 (Troika อันได้แก่ อียู, ไอเอ็มเอฟ, และอีซีบี) โดยที่ตารางโมเดล “ความลำบากใจของนักโทษ” ตามทฤษฎีเกม ต่อไปนี้ น่าจะสามารถอธิบายให้เห็นได้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน

    [​IMG]
    @ ดูภาพประกอบ

    วารูฟากิสจินตนาการว่าตัวเขาเองกำลังผลักดันให้คณะเจ้าหนี้เดินไปสู่ผลลัพธ์ในช่องบนด้านซ้ายของตาราง แต่ปรากฏว่ามันกลับจบลงที่ผลลัพธ์ในช่องล่างด้านขวาของตาราง เหตุผลก็ไม่มีอะไรเลย เป็นเรื่องธรรมดาๆ อย่างเรื่องจังหวะเวลานี่เอง --บางทีอาจจะเนื่องจากความเป็นนักวิชาการ จึงทำให้เขาหลงลืมไม่ได้คำนึงถึงความเปลี่ยนแปลงซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับเงื่อนไขต่างๆ ที่มีความเคลื่อนไหวตัวกันอย่างคึกคัก รวมถึงไม่ได้พิจารณาว่าความเปลี่ยนแปลงของเงื่อนไขดังกล่าวเหล่านั้นจะมีความหมายอย่างไรสำหรับทฤษฎีเกม พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ วารูฟากิสผู้ซึ่งอยู่ในช่วงกลางปี 2015 กลับกำลังใช้ยุทธศาสตร์ซึ่งน่าจะใช้ได้ผลดีในช่วงกลางปี 2009 หรือกระทั่งถ้ายอมอะลุ้มอล่วยให้หน่อย ก็เป็นยุทธศาสตร์ที่ยังอาจจะได้ใช้ผลในช่วงกลางปี 2012 ด้วย

    สาเหตุที่ทำให้เขาผิดพลาด ได้แก่การที่เขาไม่ได้ขบคิดให้ชัดเจนแจ่มแจ้งเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในสภาพความเป็นจริงทางการเมืองของยุโรปนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา อันได้แก่:

    1.พวกพรรคการเมืองที่นิยมมาตรการเข้มงวด ได้ชัยชนะในการเลือกตั้งจนสามารถขึ้นครองอำนาจ และก็สามารถแสดงให้เห็นความก้าวหน้าในหลายๆ ประเทศ อย่างเช่น ไอร์แลนด์ และ สหราชอาณาจักร แต่เวลาเดียวกันนั้น พวกพรรคการเมืองที่ต่อต้านมาตรการเข้มงวดในหลายๆ ประเทศเฉกเช่นฝรั่งเศส กลับประสบความล้มเหลวอย่างเห็นชัดจากการที่ไม่สามารถก่อให้เกิดการเติบโตขยายตัวอย่างแท้จริงใดๆ ไม่สามารถทำให้เงื่อนไขต่างๆ ทางเศรษฐกิจกระเตื้องดีขึ้นมาได้

    2.จากการที่เวลาผ่านไปเรื่อยๆ (และกระบวนการโอนธนาคารต่างๆ หลายหลากให้กลายเป็นกิจการของรัฐ) ทำให้มาถึงขณะนี้ ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับระบบการเงินถ้าหากกรีซจะต้องออกไปจากยูโรโซน (Greek exit หรือ Grexit) ได้ลดน้อยลงไปมากแล้ว

    3.สิ่งที่เรียกกันว่า “ความเสี่ยงจากการแพร่กระจายโรค” (contagion risk) ซึ่งเคยเป็นหัวข้อฮิตฮอตในปี 2009 พอมาถึงเวลานี้กลับไม่ได้ถูกมองเป็นเรื่องน่าห่วงใยอะไรอีกต่อไปแล้ว เมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ของพวกประเทศยูโรโซน แม้กระทั่งในชาติยูโรโซนรายที่อ่อนแอที่สุด

    วารูฟากิสยังเข้าใจผิดพลาดในอะไรบางอย่างอีก ซึ่งนี่ดูจะมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นมานิดนึง ทว่าต้องถือเป็นลางร้ายอันมหันต์สำหรับกรีซ นั่นคือ เมื่อพิจารณาจากทัศนะมุมมองทางการเมืองแท้ๆ ของชาวเยอรมันแล้ว ปัจจุบันกรีซได้กลายเป็นสมาชิกยูโรโซนประเภทเป็นใบประดับ ซึ่งสามารถขาดหายไปก็ได้เสียแล้ว ทั้งนี้ถ้าหากดูกันในแง่มุมทางเศรษฐกิจ ดังนี้:

    **ชาวเยอรมันทั้งหลายต่างสงสัยข้องใจกันมาก ถ้าไม่ถึงกับรับทราบกันอย่างชัดเจนไปแล้ว ว่าในยอดหนี้สินทั้งหมด 350,000 ล้านดอลลาร์ของกรีซนั้น ราวครึ่งหนึ่งทีเดียวได้ถูกแทงเป็นหนี้สูญ ซึ่งจำนวนมากของหนี้สูญเหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกเขาจะต้องแบกรับ

    **การผลักดันให้กรีซออกไปจากยูโรโซน จะเป็นการตอกย้ำให้เห็นต้นทุนและผลต่อเนื่องที่แท้จริง ของการที่ประเทศเล็กๆ แห่งใดแห่งหนึ่ง ต้องออกไปจากการใช้สกุลเงินยูโร

    **ในทางกลับกัน การออกไปของกรีซจะช่วยรั้งบังเหียนกำราบ “ม้าพยศ” ใดๆ ก็ตามในอิตาลีและสเปน จึงเท่ากับเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดลัทธิเอาอย่างเดินตามกรีซขึ้นมา

    **ความสูญเสียอันเกิดขึ้นจากหนี้สินของกรีซ จะต้องเป็นความอับอายขายหน้าทางการเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่ายูโรโซนจะยังคงสามารถเดินหน้าต่อไปได้เมื่อพิจารณาจากความเป็นจริงที่เศรษฐกิจของกรีซนั้นมีขนาดเล็กๆ เท่านั้น ขณะเดียวกันการออกไปของกรีซยังจะช่วยลดเสียงหงุดหงิดรำคาญทั้งหลายให้เบาลงไปด้วย

    สรุปรวมจากการคาดคำนวณทั้งหมดเหล่านี้ ย่อมเป็นที่ชัดเจนว่า ไม่ว่าคุณจะพิจารณาจากทัศนะมุมมองของชาวกรีกหรือของชาวเยอรมัน ตลอดจนของทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จุดโฟกัสไม่เคยเลยที่จะเป็นเพียงเรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียว หรือเป็นเพียงเรื่องการเมืองอย่างเดียวเท่านั้น ทั้งสองอย่างนี้มีการพัวพันรัดร้อยกันอยู่อย่างแยกไม่ออก

    นอกเหนือจากพวกผู้เล่นรายหลักที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น คราวนี้ขอให้เราลองมาพิจารณากันว่าฝ่ายอื่นๆ ในโลกมีการตอบรับอย่างไรต่อการที่กรีซมีแนวโน้มที่จะต้องออกไปจากยูโรโซน:

    1.รัฐมนตรีคลังของสหราชอาณาจักร ออกมาเตือนว่า จะต้องเกิด “ผลต่อเนื่องด้านลบอันร้ายแรง” ถ้าหากกรีซออกไปจากยูโรโซน ในที่นี้เราย่อมมองเห็นการผสมผสานกันทั้งเรื่องการเมือง (สหราชอาณาจักรมีกำหนดจะจัดการลงประชามติของตนเองเช่นกันว่าจะยังคงเป็นสมาชิกของอียูต่อไปหรือไม่) และเรื่องเศรษฐกิจ (กระแสการตื่นหนีเงินยูโร และหันมาถือเงินปอนด์สหราชอาณาจักรที่มีความปลอดภัยมากกว่า ย่อมจะกลายเป็นการบั่นทอนความได้เปรียบของสินค้าส่งออกของสหราชอาณาจักร รวมทั้งยังจะมีผลกระทบกระเทือนการลงประชามติในสหราชอาณาจักรดังที่กล่าวไว้ข้างต้นอีกด้วย)

    2.สำหรับสหรัฐฯ ได้แสดงความปรารถนาให้ทั้งสองฝ่ายดำเนินการสนทนาหารือกันต่อไป ท่าทีเช่นนี้ดูจะเป็นสิ่งที่เพื่อนดีๆ คนหนึ่งจะต้องกระทำกันอยู่แล้ว แต่มันจะมีแง่มุมเพิ่มมากขึ้นทันทีเมื่อเราหันไปโฟกัสที่ข้อมูลข่าวสารชิ้นถัดไป นั่นคือความหวั่นหวาดซึ่งออกมาจากการที่รัสเซียแสดงการเกี้ยวพากรีซ ตลอดจนสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตภายหลังเกิดการผิดนัดชำระหนี้แล้ว อันได้แก่การที่กรีซอาจผละออกจากเส้นทางวงโคจรของยุโรปตะวันตก และหันมาสู่วงโคจรของรัสเซียซึ่งมีความเป็นปรปักษ์กับฝ่ายตะวันตกเพิ่มมากขึ้น สภาพเช่นนี้หากมองกันที่เปลือกนอกก็อาจจะบอกว่ามันคือเหตุผลทางการเมือง ทว่าจริงๆ แล้วผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นสิ่งซึ่งมองเห็นได้ชัดเจนกว่าด้วยซ้ำ เพราะโดยสภาวการณ์เช่นนี้ย่อมจะทำให้เงินยูโรอ่อนแอลงอย่างรุนแรง และกลายเป็นปัญหาท้าทายใหญ่โตสำหรับพวกบริษัทอเมริกัน

    3.ในส่วนจีน ได้แสดงออกอย่างเปิดเผยว่าปรารถนาให้กรีซยังคงอยู่ในยูโรโซนต่อไป เหตุผลทางเศรษฐกิจของจุดยืนเช่นนี้ย่อมเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากเรื่องดีมานด์ ทว่าปัจจัยทางการเมืองก็มีส่วนโยงใยเกี่ยวข้องด้วย นั่นคือ ถ้าหากกรีซ “สามารถ” ออกจากสกุลเงินยูโรได้ แล้วมีความจำเป็นอะไรที่ ซินเจียง หรือ ทิเบต จะต้องเป็นส่วนหนึ่งของสกุลเงินเหรินหมินปี้ด้วย?

    ในทุกๆ กรณี ย่อมเห็นได้อย่างกระจ่างว่าเหตุผลข้อพิจารณาทางการเมืองและทางเศรษฐกิจนั้นถูกเชื่อมโยงร้อยรัดเข้าด้วยกันโดยตลอด ดังนั้นบันทึกช่วยจำซึ่งควรส่งไปให้แก่พวกนักแสดงความเห็นทางทีวีทั้งหลายก็คือ: เลิกพูดถึงเรื่องทั้งสองนี้อย่างกับว่ามันเป็นสองอย่างที่แตกต่างกันเสียทีเถอะ


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000075705
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นายกฯ มาเลย์โวยสื่อดัง หลังถูกแฉกองทุนรัฐโอนเงิน $700 ล้านเข้าบัญชีส่วนตัว
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 กรกฎาคม 2558 22:22 น. (แก้ไขล่าสุด 4 กรกฎาคม 2558 16:33 น.)

    [​IMG]
    @นายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประณามรายงานข่าวของวอลล์สตรีท เจอร์นัล ว่าเป็นความพยายามทำลายทางการเมืองอย่างไม่ลดละ

    รอยเตอร์ - นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประณามรายงานข่าวของวอลล์สตรีท เจอร์นัล ว่าเป็นความพยายามทำลายทางการเมืองอย่างไม่ลดละ หลังจากหนังสือพิมพ์ดังฉบับนี้รายงานอ้างผลการสืบสวนกองทุน 1MBD ที่กำลังมีปัญหา พบร่องรอยการโอนเงินเกือบ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าบัญชีที่อ้างว่าเป็นบัญชีส่วนตัวของผู้นำรายนี้ หากรายงานดังกล่าวเป็นจริงก็จะเป็นครั้งแรกที่ผู้นำรายนี้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับคำกล่าวหายักยอกเงินกองทุนของรัฐ

    สำนักนายกรัฐมนตรีของนายนาจิบ แถลงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของผู้นำระบุว่า "มันเป็นความพยายามร่วมกันของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องการกัดเซาะความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของเรา สร้างความแปดเปื้อนแก่รัฐบาล และขับไล่นายกรัฐมนตรีที่ได้รับเลือกตั้งมาตามกระบวนการประชาธิปไตย นี่คือคำกล่าวหาล่าสุดที่อ้างคณะสืบสวนที่ไม่เปิดเผยตัวตน มาโจมตีนายกรัฐมนตรี มันเป็นความพยายามทำลายล้างทางการเมืองอย่างไม่ลดละ"

    ถ้อยแถลงระบุต่อไปด้วยว่า เอกสารที่ถูกสื่อมวลชนดังกล่าวนำมาประกอบในรายงานข่าวนั้นไม่ควรถูกยอมรับว่าเป็นของจริงจนกว่าจะได้รับการตรวจสอบอย่างเหมาะสมจากเจ้าหน้าที่เสียก่อน

    ทางวอลล์สตรีท เจอร์นัล ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อถ้อยแถลงของสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะปฏิกิริยาเบื้องต้นของแนวร่วมรัฐบาลแห่งชาติ (อัมโน) พรรคของนายราจิบ แสดงความสนับสนุนผู้นำวัย 61 ปีรายนี้ “ถ้าพวกเขา (วอลล์สตรีท เจอร์นัล) จริงจังกับความน่าเชื่อถือของข้อมูล รายงานข่าวก็ควรเปิดเผยแหล่งข่าว” อัลดุล ราห์มาน ดาห์ลาน รัฐมนตรีด้านความผาสุกของคนเมือง ระบุในทวิตเตอร์

    พรรคการเมืองฝ่ายค้าน 2 พรรค เรียกร้องนายนาจิบหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวระว่างการสืบสวนข้อกล่าวหา ส่วนพรรคอื่นๆ บอกว่าเขาควรเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินต่อสาธารณะ อย่างไรก็ตาม เหล่านักวิเคราะห์เชื่อว่าเก้าอี้ของนายนาจิบยังมั่นคง “ตอนนี้นายกรัฐมนตรีอยู่ในสถานะที่มีอิทธิพลสูงอย่างมากภายในพรรค” วัน ไซฟูล วัน จัน จากสถาบันกิจการประชาธิปไตยและเศรษฐกิจ ในกัวลาลัมเปอร์กล่าว “แค่เขาพูดอะไรบางอย่างออกมา ดูเหมือนทุกคนก็ต้องฟังแล้ว”

    วอลล์สตรีทอ้างเอกสารผลสอบสวนของรัฐบาลซึ่งพบว่า เงินจากกองทุน 1MBD ถูกโอนเข้าบัญชี นาจิบ ราซัค ถึง 5 ครั้ง ในจำนวนนี้เงินก้อนใหญ่ที่สุด 2 ก้อน 620 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 61 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้โอนผ่านเครือข่ายบริษัทที่เชื่อมโยงกับ 1MBD ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง ในเดือนมีนาคม 2013

    สื่อแห่งนี้รายงานด้วยว่ากองทุนแห่งนี้ก็กำลังถูกสืบสวนแยกกันโดยธนาคารกลางของประเทศ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตำรวจและคณะกรรมการบัญชีสาธารณะของรัฐสภา อย่างไรก็ตาม ทาง 1MBD ชี้ว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่มีมูล และพวกเขาไม่เคยโอนเงินใดๆ ให้นายกรัฐมนตรี

    นาจิบซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานกรรมการที่ปรึกษาของกองทุน 1MDB เคยยืนยันว่าไม่เคยกระทำผิดใดๆที่เกี่ยวข้องกับกองทุนนี้ และกล่าวหาว่าทั้งหมดเป็นเพียงแผนป้ายสีของพวกต่อต้านรัฐบาล

    ทั้งนี้ กองทุนเพื่อการพัฒนาที่ก่อตั้งโดยนาจิบ ถูกวิจารณ์ว่าบริหารเงินผิดพลาด จนมีหนี้สินพอกพูนเกือบ 11,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000075455

    งามไส้! วอลล์สตรีทแฉ “กองทุนพัฒนาเศรษฐกิจมาเลเซีย” โอนเงิน $700 ล้านเข้า “บัญชีส่วนตัวนายกฯ” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 กรกฎาคม 2558 15:31 น. (แก้ไขล่าสุด 4 กรกฎาคม 2558 16:28 น.)

    รอยเตอร์ - บริษัท วัน มาเลเซีย ดีเวลลอปเมนต์ เบอร์ฮัด (1MDB) ซึ่งเป็นกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจมาเลเซียในระยะยาว ประกาศยืนยันวันนี้ (3 ก.ค.) ว่าไม่เคยมีการโอนเงินจำนวนมหาศาลให้แก่นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ตามที่เป็นข่าว หลังสื่อชั้นนำของอเมริกา วอลล์สตรีทเจอร์นัลออกมาเปิดโปงว่าเงินของธนาคาร หน่วยงานภาครัฐ และบริษัทที่เชื่อมโยงกับ 1MDB ถูกยักย้ายถ่ายเทไปเข้าบัญชีส่วนตัวของผู้นำแดนเสือเหลืองถึง 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    ทั้งนี้ หากข้อมูลของวอลล์สตรีทเจอร์นัลเป็นจริง จะถือเป็นครั้งแรกที่นายกฯ นาจิบ ตกเป็นผู้ต้องหายักยอกเงินกองทุนของรัฐโดยตรง

    โฆษกรัฐบาลเสือเหลืองรีบออกมาชี้แจงว่า นายกรัฐมนตรีไม่เคยนำเงินกองทุน 1MBD ไปใช้จ่ายส่วนตัว

    “ตามที่สื่อต่างประเทศได้เผยแพร่รายงานเมื่อเช้าวันนี้ 1MDB ขอชี้แจงให้เข้าใจตรงกันว่า บริษัทไม่เคยโอนเงินกองทุนให้แก่ท่านนายกรัฐมนตรี” คำแถลงจาก 1MDB ระบุ

    “การเสนอข้อมูลเป็นอื่นอย่างที่สื่อบางสำนักกำลังทำอยู่ ถือเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบ และจงใจบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของกองทุน”

    กลุ่มบีเอ็นที่ผูกขาดอำนาจบริหารในมาเลเซียมาเกือบ 60 ปีกำลังถูกฝ่ายค้านสับเละเกี่ยวกับพฤติกรรมทุจริตคอรัปชันของคนในรัฐบาล รวมถึงปัญหาหนี้สินของกองทุน 1 MDB ที่พอกพูนจนเสี่ยงต่อการล้มละลาย แม้แต่อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลอย่าง มหาเธร์ โมฮัมหมัด ซึ่งเคยอุปถัมภ์ค้ำชู นาจิบ มาก่อนก็ยังเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ

    วอลล์สตรีทอ้างผลสอบสวนของรัฐบาลซึ่งพบว่า เงินจากกองทุน 1MBD ถูกโอนเข้าบัญชี นาจิบ ราซัก ถึง 5 ครั้ง ในจำนวนนี้มีเงินก้อนใหญ่ 2 ก้อน (620 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่โอนให้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง เดือนมีนาคม ปี 2013

    1MDB ชี้ว่า ข้อกล่าวหาทั้งหมด “ไม่มีมูล” และเอกสารที่วอลล์สตรีทนำมาอ้างก็ยังไม่เคยถูกตรวจสอบว่ามีจริง และเชื่อถือได้จริงหรือไม่

    นาจิบซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานกรรมการที่ปรึกษาของกองทุน 1MDB ยืนกรานปฏิเสธข้อหายักยอกเงิน โดยชี้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงแผนป้ายสีของพวกต่อต้านรัฐบาล

    กองทุนเพื่อการพัฒนาที่ก่อตั้งโดยนาจิบ ถูกวิจารณ์ว่าบริหารเงินผิดพลาดจนมีหนี้สินพอกพูนเกือบ 11,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000075277
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “พาณิชย์”เอาจริงบังคับ 6 แสนนิติบุคคล ส่งงบการเงินผ่านระบบ e-Filing ปี 59
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 กรกฎาคม 2558 09:48 น. (แก้ไขล่าสุด 5 กรกฎาคม 2558 10:26 น.)

    [​IMG]

    “พาณิชย์”เอาจริง บังคับนิติบุคคลกว่า 6 แสนราย ต้องส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) บังคับใช้ 100% ในปี 59 เล็งยกเลิกการยื่นเป็นเอกสาร เตรียมประสานผู้ทำบัญชีสร้างความเข้าใจให้นิติบุคคลอีกทาง แถมขยายสิทธิ์ให้นับชั่วโมงบัญชีได้ 1 ชั่วโมงต่อ 1 งบการเงิน

    น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ มีแผนที่จะผลักดันให้นิติบุคคลคงอยู่ทั่วประเทศขณะนี้จำนวน 613,509 ราย นำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) ทั้งหมด โดยเริ่มรณรงค์ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป และในปี 2559-2560 จะผลักดันให้นิติบุคคลทั้งหมดส่งงบการเงินผ่านระบบ e-Filing ซึ่งจะช่วยให้การรับงบการเงินทำได้รวดเร็วมากขึ้น และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจได้ทันท่วงที สอดคล้องกับนโยบายดิจิตอล อีโคโนมี่ของรัฐบาล

    ทั้งนี้ ในเบื้องต้นกรมฯ จะดำเนินการสร้างฐานข้อมูลงบการเงินปี 2557 ในรูปแบบ XBRL ให้กับนิติบุคคลทุกราย เพื่อให้นิติบุคคลที่นำส่งงบการเงินปี 2558 ไม่ต้องกรอกข้อมูลงบการเงินปี 2557 แต่กรอกเฉพาะข้อมูลปีปัจจุบันที่จะนำส่งเท่านั้น ทำให้ผู้นำส่งงบการเงินมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับบริษัท บิซิเนส ออนไลน์ จำกัด (มหาชน) หรือ BOL เพื่อสนับสนุนดำเนินการจัดทำข้อมูลงบการเงินปี 2557 ในรูปแบบ XBRL ทั้งหมดแล้ว ตั้งเป้าหมายจะแล้วเสร็จภายในเดือนธ.ค.2558 นี้

    อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่กรมฯ ได้เปิดให้บริการนำส่งงบการเงินผ่านระบบ e-Filing เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2558 จนถึงขณะนี้ มีผู้สมัครลงทะเบียนแล้วจำนวน 11,567 ราย แสดงตัวตนต่อเจ้าหน้าที่จำนวน 6,038 ราย และส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 2,002 ราย ซึ่งยังมีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับนิติบุคคลที่มีอยู่ทั้งหมด

    “การยื่นงบการเงินแบบ e-Filing จะทำให้รัฐสามารถนำผลไปวิเคราะห์ และประเมินแนวโน้มธุรกิจได้ทันที และยังช่วยลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย ในการจัดเก็บเอกสาร ลดการใช้กระดาษ ซึ่งกรมฯ ขอให้นิติบุคคลทุกรายรีบมาทะเบียนโดยเร็ว”

    น.ส.ผ่องพรรณกล่าวว่า ปัจจุบัน กรมฯ ได้ปรับปรุงฐานข้อมูลผู้ทำบัญชีใหม่ โดยบูรณาการร่วมกับสภาวิชาชีพบัญชีให้มีฐานข้อมูลเดียวกัน ซึ่งขณะนี้มีผู้ทำบัญชีทั้งหมด 48,708 ราย โดยกรมฯ จะประสานกับผู้ทำบัญชีโดยตรงทุกรายเพื่อให้ประสานกับผู้ประกอบการให้นำส่งงบการเงินทาง e-Filing ทั้งหมด ขณะเดียวกันได้มีมาตรการจูงใจให้ผู้ทำบัญชีโดยได้รับความร่วมมือจากสภาวิชาชีพบัญชีขยายระยะเวลาสำหรับผู้ทำบัญชีที่นำส่งงบการเงินผ่านทาง e-Filing ให้ได้นับชั่วโมงพัฒนาความรู้ทางบัญชีได้จำนวน 1 ชั่วโมงต่อ 1 นิติบุคคลที่นำส่งงบการเงินไปจนถึงปี 2559



     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฝันเป็นจริง สิ้นปีไม่ต้องใช้สำเนาบัตรประชาชน-ทะเบียนบ้าน ติดต่อรัฐ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 กรกฎาคม 2558 06:46 น.

    [​IMG]

    @นายศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์กรมหาชน) หรือ EGA

    EGA ฟันธงสิ้นปีไม่ต้องใช้สำเนาบัตรประชาชน-ทะเบียนบ้าน ติตต่อราชการ กับ 7 กระทรวงนำร่อง ใน 33 หน่วยงาน 121 บริการ รับ พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกฯ ชี้ขณะนี้อยู่ระหว่างการเขียนโปรแกรมให้ระบบเชื่อมโยงกัน ควบคู่การออก กม.ลูก แก้ระเบียบไม่ต้องใช้สำเนา พร้อมกระตุ้นนำข้อมูลบริการใส่ตู้คีออสเพื่ออำนวยความสะดวกตามจุดต่างๆ หวังลดการเดินทางไปหน่วยงานรัฐ

    นายศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์กรมหาชน) หรือ EGA กล่าวว่า ตามที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานราชการดำเนินการตาม พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558 โดยกฎหมายดังกล่าวจะมีผลวันที่ 21 ก.ค.นั้น ขณะนี้ EGA ได้รับมอบหมายจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ในการรับผิดชอบทำโครงการลดสำเนากระดาษเพื่อบริการประชาชน (Smart Service) ภายใต้งบ ประมาณ 95 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการอบรมเชิงปฏิบัติการกับหน่วยงานนำร่อง 7 กระทรวง เรียบร้อยแล้ว ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงไอซีที กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอุตสาหกรรม เรียบร้อยแล้ว พบว่ามีบริการ 121 บริการ ใน 33 หน่วยงาน ที่ไม่ต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้านภายในสิ้นปี อย่างแน่นอน

    ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูล 7 กระทรวงนำร่อง พบว่ามีบริการรวมทั้งสิ้นจำนวน 394 บริการ โดยสามารถแบ่งกลุ่มบริการของแต่ละหน่วยงานเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 บริการที่หน่วยงานมีระบบสารสนเทศรองรับและประชาชนต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัว ประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้านอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างในการขอรับบริการ จำนวน 33 หน่วยงาน รวม 121 บริการ กลุ่มที่ 2 บริการที่หน่วยงานไม่มีระบบสารสนเทศรองรับและประชาชนต้องใช้สำเนาบัตรประจำ ตัวประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้านอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างในการขอรับบริการ จำนวน 38 หน่วยงาน รวม 256 บริการ กลุ่มที่ 3 บริการที่หน่วยงานมีระบบสารสนเทศรองรับและประชาชนไม่ต้องใช้ทั้งสำเนาบัตร ประจำตัวประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้านในการขอรับบริการ จำนวน 7 หน่วยงาน รวม 10 บริการ และกลุ่มที่ 4 บริการภายในของหน่วยงานเอง ซึ่งต้องมีการใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 3 หน่วยงาน รวม 7 บริการ

    สำหรับขั้นตอนการดำเนินการโครงการดังกล่าวหลังจากทราบว่ามีบริการใดในโครงการนำร่องที่ไม่ต้องใช้สำเนาแล้ว EGA จะ ดำเนินการอบรมเชิงปฏิบัติการกับบริษัทที่พัฒนาซอฟต์แวร์การให้บริการของแต่ละกระทรวงมาทำความเข้าใจร่วมกันเพื่อให้เขียนโปรแกรมเพิ่มเติมเพื่อให้บริการต่างๆสามารถเชื่อมโยงกับระบบสมาร์ทการ์ดตลอดจนการเชื่อมต่อกับระบบ ทะเบียนราษฎร์ของกระทรวงมหาดไทยเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ยืนยันความเป็นตัวตนได้ ซึ่งหลังจากระบบสามารถเชื่อมโยงกันได้แล้ว EGA จะเป็นผู้ซื้อเครื่องอ่านสมาร์ทการ์ดแจกให้หน่วยงานต่างๆ ไปให้บริการ โดยคาดว่าจะมีจุดในบริการประมาณ 10,000 จุด ใน 33 หน่วยงานของ 7 กระทรวงนำร่อง ขณะเดียวกันก็ต้องทำควบคู่กับการออกกฎหมายลูก ซึ่งต้องสำรวจดูว่ามีบริการไหนบ้างที่มีการเขียนระเบียบกระทรวงไว้ว่าต้องใช้สำเนา เพื่อให้หน่วยงานสามารถทำงานได้โดยไม่ผิดกฎระเบียบ

    'จริงๆ แล้วหากหน่วยงานไหนมีความพร้อมก่อน ก็สามารถให้บริการได้เลย แต่ไม่เกินสิ้นปี ทั้ง 7 กระทรวงนำร่องต้องเปิดบริการสมาร์ทเซอร์วิสให้ได้ทั้งหมด ซึ่งคาดว่าการประปาน่าจะให้บริการได้ก่อนหน่วยงานแรก อีกหน่อยขอมิเตอร์น้ำก็ไม่ต้องใช้สำเนา แต่ยังไงเรายังต้องมีการเซ็นลายเซ็นต์อยู่'

    นอกจากนี้หน่วยงานนำร่องต้องนำข้อมูลของบริการที่สำคัญมาให้บริการผ่านตู้เอนกประสงค์หรือคีออส เพื่อให้บริการประชาชนนอกสถานที่ด้วย เพื่อให้ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลจากหน่วยงานได้เพียงเสียบบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด เช่น การตรวจสอบรายชื่อทะเบียนราษฎร์ การสอบถามสิทธิประโยชน์จากสำนักงานประกันสังคม การสอบถามสิทธิโครงการ 30 บาท เบี้ยคนพิการ และข้อมูลเครดิตบูโร เป็นต้น ซึ่งขณะนี้มีเพียง 4-5 บริการที่ประชาชนสามารถสอบถามได้ โดยในระยะยาวต้องการให้มีถึง 20 บริการ และอาจจะต่อยอดไปถึงการยื่นคำร้องเรื่องต่างๆในเบื้องต้นโดยไม่ต้องไปถึงหน่วยงานเพื่อนัดวันผ่านระบบเอสเอ็มเอส จะช่วยลดภาระในการเดินทางไปที่หน่วยงานต่างๆหลายรอบได้

    http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000075727
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ถ้า พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ คิดถูกแสดงว่าการที่ รัฐบาลปราบการทุจริจกูมาถูกทาง

    “นันทเดช” รู้ทัน! ฉะพวกอีแอบหากินกับ นศ.ถูกจับ หนุนป่วนขวางสอบโกง
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 กรกฎาคม 2558 03:22 น. (แก้ไขล่าสุด 5 กรกฎาคม 2558 09:12 น.)

    [​IMG]
    @พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์

    “พล.ท.นันทเดช” แทงใจดำพวกหนุน นศ. ป่วน แค่กลัว รบ. สอบทุจริตสาวถึงตัว ชี้หวังใช้นศ. เป็นเครื่องมือเคลื่อนไหวต่อ จึงเป็นที่มาถูกจับแต่ไม่ขอประกันตัว ถามจะให้ นศ. ป่วนอยู่เหนือ กม. หาก นศ. กลุ่มอื่นไม่พอใจยกคนไปกระทืบ - เผาธรรมศาสตร์ บ้างจะทำอย่างไร เหน็บสหรัฐฯโวยวาย ทีพวก “ไอเอส” ฆ่าคนเป็นว่าเล่นทำไมไม่ไปประท้วงบ้าง หนุน รบ. เคร่งครัด กม.- เต็มที่ปราบโกง ถึงเวลา ปชช. จะออกมาปกป้องเอง

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตรอง ผอ.ศูนย์ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก Nuntdach Makswat ระบุเป็นจดหมายถึง “คนหากินกับเด็กๆ ที่ถูกจับ” โดยอธิบายให้เห็นถึงสาเหตุ ทำไมถึงต้องป่วนรัฐบาลที่เข้ามาปราบทุจริต ป่วนแล้วได้อะไร และทำไมให้ นศ. ดาวดินติดคุก ไม่ขอประกันตัว ตามข้อความดังนี้

    “ประเทศนี้อยู่ในภาวะที่ต้องปรับปรุง (พูดคำว่าปฏิรูปพวกเด็กๆ อาจไม่เข้าใจ) เพื่อให้ภาวะที่ผิดปกติกลับมาอยู่ในภาวะที่ปกติให้ได้มากกว่าครึ่งหนึ่งก่อน ถึงจะมีการเลือกตั้งตามมา ภาวะผิดปกติที่รัฐบาลต้องเข้ามาจัดการเหล่านั้น ก็ล้วนแต่เกิดจากกลุ่มคนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่ง ทำเรื่องขึ้นมาทั้งสิ้น ตั้งแต่เรื่องการทุจริตเงินชาติไป 100 กว่าเรื่อง การจัดการกติกาของบ้านเมืองให้ผิดเพี้ยนไปเป็นประโยชน์เอื้อให้นักการเมืองทุจริตได้ง่ายขึ้น เช่น การจัดซื้อจัดจ้างมักจะมีการประกาศยกเว้นการใช้ระเบียบสำนักนายกฯในการจัดซื้อจัดจ้าง หลายๆ เรื่อง เพื่อไม่ให้มีกติกาควบคุม แต่รัฐบาลชุดนี้ พยายามจะเปลี่ยนระเบียบจัดซื้อฯ มาเป็น พระราชบัญญัติฯเพื่อให้ ครม. ไม่มีอำนาจยกเว้น เรื่องกติกาในการจัดซื้อจัดจ้าง ป้องกันการโกงกิน ฯลฯ รวมถึงการนำเงินในอนาคตของชาติมาใช้ล่วงหน้าแบบกรีกอีกด้วย ตอนนี้รัฐบาลยังพบว่า มีการทุจริตหลายรูปแบบตั้งแต่เล็กจนถึงใหญ่โผล่ขึ้นมามากมายทั่วประเทศไทย ยกตัวอย่างในภาคอิสาน ภาคเดียวพบการทุจริต มากกว่า 2 พันเรื่อง

    ดังนั้น การออกมาสนับสนุนเด็กให้ออกมาต่อต้านรัฐบาล จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นของคนที่ทำความผิดไว้ จะต้องทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ก่อนที่รัฐบาลจะสอบสวนความผิดมาถึงตัวเอง ในขณะที่รัฐบาลมุ่งมั่นจะทำให้การทุจริตมันลดน้อยลง ไม่ใช่มากเกือบ 100% เหมือนสมัยก่อน แต่ก็ต้องชงักลงเพราะเรื่องแบบนี้ ที่ทยอยกันเข้ามาเรื่อยๆ

    ดังนั้น กติกาที่ป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง จึงต้องมีขึ้นมากกว่าภาวะปกติ การใช้ศาลทหารจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น และก็ถูกต้อง ทุกคนยอมรับแม้แต่ต่างชาติ โดยเฉพาะในอาเชียนนั้นสนับสนุนเลย พวกต่างประเทศที่ออกมาโวยวาย ก็ทำตามหน้าที่ เช่น สหรัฐฯ เพราะในข้อเท็จจริงแล้ว สหรัฐฯทำยิ่งกว่าการจับนักศึกษาในประเทศไทยเสียอีก และบางครั้งก็เคยมาทำในไทยด้วย ฝรั่งบางพวกก็ถูกจ้างให้ทำ

    ก็อยากถามว่า ทำไมพวก ISIS ตัดหัวคนไปเป็น 10 ตั้งตลาดค้าทาสแบบโบราณ และ ยังพิพากษาทุกเรื่องด้วยคนๆ เดียว ยิงกราดฆ่าคนอังกฤษไป 30 คน ที่ชายหาดตูนิเซีย เมื่อ 2 - 3 วันนี้ ฯลฯ พวกมึงไม่ไปประท้วงบ้างละ แล้วลองคิดซิว่าถ้ารัฐบาลไม่คุมเข้มเรื่องแบบนี้ ปล่อยให้ดันเกิดขึ้นในไทย มหาอำนาจพวกนี้ไม่รุมยำประเทศไทยหนักถึงขนาดต้องใช้เงินชดเชยให้คนอังกฤษเลยหรือ

    อีกเรื่องที่น่าเป็นห่วง ไม่ใช่แต่เด็กพวกนี้อยากออกมาเคลื่อนไหว พวกเด็กอีกหลายร้อยกลุ่มก็อยากออกมาเหมือนกัน ปัจจุบันนี้ก็ต้องคอยห้ามปราบกันอยู่ สมมติว่าถ้าไม่จับพวกน้องๆ ก็จะเป็นตัวอย่าง ทำให้พวกเด็กอาชีวะอีกหลายสิบกลุ่มที่พร้อมจะออกมา กระทืบพวกน้องอยู่ในขณะนี้ ออกมาเคลื่อนไหวเอาอย่างบ้าง ด่ากันไปด่ากันมา พวกนี้เห็นพวกน้องไม่เคารพกติกา พวกเขาก็ไม่เคารพบ้าง อาจจะยกไปเผาธรรมศาสตร์อีก รัฐบาลจะทำอย่างไรละ ทำไมไม่ใช้สมองคิดดูบ้างว่า ทุกคนที่ทำผิดกฎหมายต้องถูกจับอย่างเท่าเทียมกัน ไปขึ้นศาลธรรมดาก็เหมือนกันละครับ กฎหมายมันบังคับไว้อย่างนี้ อย่ามาอ้างเลย

    เมื่อทำผิด ก็ต้องถูกจับ แต่ดันไม่ยอมประกันตัว เจตนามันชัดเจนว่า ต้องการให้การถูกจับนั้นเป็นเงื่อนไข ในการเคลื่อนไหวต่อ พวกอีแอบทั้งหลายก็โผล่หัวออกมาสนับสนุนกันใหญ่ บางคนสนับสนุนผ่านจอคอมพิวเตอร์ บางคนก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรหรอก ขอให้มีชื่อไปร่วมด้วยดูดังดี แต่กูไม่รับผิดชอบอะไรกับเด็กด้วย เด็กติดคุก พวกกูเอาไปคุย เอารูปไปลงเฟซบุ๊ก บางคนไปแอบอ้างกับนายใหญ่ขอตังค์อีกว่า ถึงเวลาแล้ว ดังนั้น อีก 2 - 3 วัน ก็จะเห็นมวลชนหน้าเดิมๆ ทยอยกันออกมาชุมนุมสนับสนุนเด็ก บางคนก็เอาเรื่องไปขอตังค์ฝรั่ง แม่หากินกับเด็กชัดๆ เลย ครับ และคนพวกนี้ทำทุกอย่างที่ทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน ตั้งแต่การปล่อยข่าวว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ถูกพวกอำมาตย์ยัดปืนไปในกระเป๋า มหาวิทยาลัยทักษิณที่สงขลา พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนสร้าง พล.อเ.ปรม ถึงอสัญกรรม ฯลฯ

    ประเทศไทยตอนนี้ จะไปรอดหรือไม่รอดก็อยู่ที่คนในชาตินี่ล่ะ ที่จะแสดงออกให้เห็นว่าเรื่องเด็กๆ มันควรเป็นไปตามกฎหมาย หรือ จะให้อภิสิทธิ์แก่พวกเขา เพราะถ้าอยากออกจากคุก แค่ขอประกันตัวก็ออกไปได้แล้ว แต่ดันไม่ขอ ผมภาวนาอย่าให้เหตุการณ์แบบ 6 ตุลา 19 เกิดขึ้นมาอีกเลยครับ ดังนั้นรัฐบาลต้องรักษากติกาให้เคร่งครัด และก็อย่าไปหวังว่าจะเหมือนเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 มันคนละเรื่องเลยหนู รัฐบาลนี้ออกมาเพราะประชาชนเรียกร้อง และ อยากให้ขุดเรื่องทุจริตให้จบก่อน ดังนั้น เมื่อถึงเวลา ประชาชนจะออกมาเอง เพื่อป้องกันรัฐบาล

    เขียนมาเหมือนกับเชียร์รัฐบาลเสียดีเลิศประเสริฐศรี ขอบอกว่าที่เขียนมานี้ไม่มีผลได้เสีย อะไรกับพวกรัฐบาลเลยสักนิดสาบานได้ เขียนตามความจริงที่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง เขียนมาเพราะห่วงไยประเทศไทย เวลาผ่านไปเร็วมากเผลอไปก็ 2 ปีแล้ว จะมีเลือกตั้งใหม่ เรื่องทุจริตต่างๆ จะจบทันไหมละ ถ้ารัฐบาลเขวไปมาเพราะเรื่องนกกระจิบแบบนี้”

    http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000075717
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ด่วน!! ตูนิเซียประกาศภาวะฉุกเฉิน โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.ค. 5, 2015

    [​IMG]
    presstv – ประธานาธิบดี ตูนิเซีย ประกาศภาวะฉุกเฉิน หลังเหตุมือปืนบุกเดี่ยวสังหารนักท่องเที่ยวที่สถานที่ตากอากาศแห่งหนึ่งไปได้ราวหนึ่งสัปดาห์

    ตามรายงานสำนักข่าวรัฐบาลตูนิเซีย ว่า หลังจากรัฐบาลตูนิเซียประกาศภาวะฉุกเฉิน จะมีการแถลงกับประชาชน แต่ไม่มีการเปิดเผยในรายละเอียด

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มือปืนบุกเดี่ยวสังหารนักท่องเที่ยวที่สถานที่ตากอากาศแห่งหนึ่ง มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิต 38 ราย นับเป็นเหตุการณ์ก่อการร้ายที่รุนแรงที่สุดในตูนิเซีย

    กลุ่มก่อการร้ายไอซิส ออกมาอ้างว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายครั้งนี้

    คำประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นการเพิ่มอำนาจให้หน่วยรักษาความมั่นคง ขณะเดียวกันจะมีการจำกัดสิทธิเสรีภาพการชุมนุมของประชาชน ก่อนหน้านี้ทางการตูนิเซียได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น รวมทั้งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ประจำการเพิ่มเติมตามโรงแรมและชายหาด

    PressTV-اعلام وضعیت فوق‌العاده در تونس

    ด่วน!! ตูนิเซียประกาศภาวะฉุกเฉิน | abnewstoday
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    <iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/Km3uhv6oVWg" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    บางสิ่งบางอย่างกำลังมีผลกับทั่วทั้งระบบสุริยะ - สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ แรงขึ้น 230% (Something is Affecting the Entire Solar System - Sun's Magnetic Field 230% Stronger)

    การมาถึงของกรรมตามสนอง (nemesis maturity)

    เผยแพร่เมื่อ 24 มิถุนายน 2015 (Published on Jun 24, 2015)

    สิ่งแปลกต่างๆ ที่กำลังเกิดทั้งภายในและภายนอกอวกาศ (Strange things are happening in both outer and inner space)

    นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าระบบสุริยะ, ดวงอาทิตย์ และชีวิตตัวเองกำลังเปลี่ยนแปลงรูปแบบ ไปในรูปแบบที่ไม่เคยปรากฏมาทั้งหมด พวกเขากำลังรายงานการเปลี่ยนแปลงที่ถูกบันทึกไว้ในอวกาศที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
    การศึกษาแสดงให้เห็นว่าดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์กำลังมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่ก้าวเร่ง ที่เด่นชัดที่สุดคือพวกเขาส่วนใหญ่กำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศ (scientists are discovering that the Solar System, the sun, and life itself are mutating in totally unprecedented ways. They are reporting changes that are being recorded in space that have never been seen before Studies show that the Sun and the planets themselves are physically changing at an accelerated pace. Most notably, they are undergoing major changesin their atmospheres.)

    ขอเริ่มต้นด้วยดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะของเราและทุกชีวิตที่อยู่บนโลกนี้มาจากดวงอาทิตย์ ถ้าไม่มีดวงอาทิตย์ เราจะไม่ได้มีชีวิตอยู่ สิ่งนี้เป็นเพียงความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์ และเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกิดขึ้นในหรือบนดวงอาทิตย์ ซึ่งในที่สุดจะส่งผลกระทบต่อทุกๆ ชีวิตที่มีอยู่ (Let's begin with the Sun. The Sun is the center of our Solar System, and all life that is on this Earth came from the Sun. If there were no Sun, we would not be alive. This is simply scientific fact. And so any changes that occur in or on the Sun will eventually affect every person alive.)

    เราทราบกันดีว่าสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา มีการศึกษาโดย ดร. Mike Lockwood จากห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Rutherford Appleton ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ดร. Lockwood กำลังค้นคว้าดวงอาทิตย์ และรายงานว่าตั้งแต่ปี ค.ศ. 1901 สนามแม่เหล็กโดยรวมของดวงอาทิตย์ได้แรงขึ้น 230 % (We know that the Sun's magnetic field has changed in the last 100 years. There's a study by Dr. Mike Lockwood from Rutherford Appleton National Laboratories, in California. Dr. Lockwood has been investigating the Sun, and reports that since 1901 the overall magnetic field of the Sun has become stronger by 230 percent.)

    ดวงจันทร์: ดวงจันทร์ของโลกมีการเพิ่มขึ้นของบรรยากาศ รอบดวงจันทร์ที่มีนี้ ชั้นลึกของ natrium 6,000- kilometre- ซึ่งไม่ได้เคยมีมาก่อน
    Moon: Earth's moon is growing an atmosphere . Around the moon, there is this 6,000- kilometre- deep layer of Natrium that wasn't there before.

    ดาวพุธ: น้ำแข็งขั้วโลกที่ไม่คาดคิดถูกค้นพบพร้อมกับสนามแม่เหล็กที่แข็งแกร่งที่น่าแปลกใจที่แท้จริง (Mercury: Unexpected polar ice discovered, along with a surprisingly strong intrinsic magnetic field.)

    ดาวศุกร์: มีการเพิ่มขึ้น 2,500% ในความสว่างแสงอรุณและการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในชั้นบรรยากาศของโลกในเวลาน้อยกว่า 40 ปี (Venus: 2500% increase in auroral brightness, and substantive global atmospheric changes in less than 40 years.)

    ดาวอังคาร: "ภาวะโลกร้อน" พายุขนาดใหญ่การหายตัวไปของ ice caps ขั้วโลก
    (Mars: “Global Warming,” huge storms, disappearance of polar icecaps.)

    ดาวพฤหัสบดี:. มีการเพิ่มขึ้นกว่า 200% ในความสว่างของรอบเมฆพลาสม่า (เข็มขัดขนาดใหญ่ในชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ยักษ์มีการเปลี่ยนแปลงสี, ฮอตสปอตรังสีได้จางหายไป และสว่างวาบขึ้นมาอีกครั้ง ...) http:. //www.nature.com/nature/journal / ...(Jupiter: Over 200% increase in brightness of surrounding plasma clouds.(Huge belts in the giant planet's atmosphere have changed color, radiation hotspots have faded and flared up again, and cloud levels have thickened and dissolved, all while space rocks have been hurtling into it the gas giant.) http://www.nature.com/nature/journal/...)


    ดาวเสาร์: มีการลดลงที่สำคัญในความเร็วเจ็ตสตรีมในแถบเส้นศูนย์สูตรเพียง ~ 30 ปีที่ผ่านมาพร้อมกับการพุ่งพร่านของรังสีเอกซ์จากเส้นศูนย์สูตร (Saturn: Major decrease in equatorial jet stream velocities in only ~30 years, accompanied by surprising surge of X-rays from equator.)

    ดาวยูเรนัส: มีการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในความสว่าง กิจกรรมเมฆโลกที่เพิ่มขึ้น (โลกนี้เคยมีบรรยากาศที่เงียบสงบ.) (Uranus: Big changes in brightness, increased global cloud activity (This planet used to have a very calm atmosphere. ))

    ดาวเนปจูน: มีความสว่างในชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้น 40 % MIT researcher finds evidence of global warming on Neptune's largest moon | MIT News ZNeptune: 40% increase in atmospheric brightness. http://newsoffice.mit.edu/1998/tritonX

    ดาวพลูโต: ความดันบรรยากาศเพิ่มขึ้น 300% แม้ในขณะที่ดาวพลูโตห่างไกลจากดวงอาทิตย์ Pluto is undergoing global warming, researchers find | MIT News (Pluto: 300% increase in atmospheric pressure, even as Pluto recedes farther from the Sun.
    Pluto is undergoing global warming, researchers find | MIT News)

    โลก การเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ และทางธรณีฟิสิกส์แกนโลก มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน และแน่นอน แกนของโลกถูกเปลี่ยน (Earth: Substantial and obvious world-wide weather and geophysical changes. Earth's Axis has changed.)

    บนโลก กิจกรรมภูเขาไฟโดยรวมเพิ่มขึ้น 500 % จากปี ค.ศ. 1875-1975 ในขณะที่กิจกรรมแผ่นดินไหวได้เพิ่มขึ้น 400 % ตั้งแต่ปี ค.ศ.1973 ดร. Dmitriev กล่าวว่าเมื่อเปรียบเทียบปี ค.ศ.1963-1993 จำนวนโดยรวมของภัยพิบัติทางธรรมชาติ - พายุเฮอริเคนไต้ฝุ่น สไลด์โคลน คลื่นยักษ์ ฯลฯ - ได้เพิ่มขึ้น 410 % (On Earth, the overall volcanic activity increased 500 percent from 1875 to 1975, while the earthquake activity has increased by 400 percent since 1973. Dr. Dmitriev says that comparing the years 1963 to 1993, the overall number of natural disasters — hurricanes, typhoons, mud slides, tidal waves, etc. — has increased by 410 percent. )


    ความแรงของสนามแม่เหล็กของโลกกำลังลดลง การลดลงนี้จริงเริ่มเมื่อ 2000 ที่ผ่านมา แต่อัตราการลดลงอย่างรวดเร็วเริ่มเกิดมากขึ้นเมื่อ 500 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้ในช่วง 20 ปี หรือมากกว่า สนามแม่เหล็กโลกได้อยู่ในสภาพเอาแน่เอานอนไม่ได้ /ไม่อยู่กับร่องกับรอย http: //www.grahamhancock.com/phorum/r ...
    (The Earth's magnetic field has been decreasing. This decrease actually began 2000 years ago, but the rate of decrease suddenly became much more rapid 500 years ago. Now, in the last 20 years or so, the magnetic field has become erratic.http://www.grahamhancock.com/phorum/r...)

    Earth’s magnetic field could flip within a human lifetime...

    A doubling of the Sun's coronal magnetic field during the past 100 years
    http://www.nature.com/nature/journal/...
    https://en.wikipedia.org/wiki/Michael...)
    The Sun is more active now than over the last 8000 years
    http://www.mpg.de/research/sun-activi...

    Solar Influence on Global and Regional Climates
    http://link.springer.com/article/10.1...

    Russian Scientist Says Planets' Atmospheres are Changing
    http://www.awaken.cc/awaken/pagesE/li...

    Mercury's magnetic field
    https://en.wikipedia.org/wiki/Mercury...

    Music credit: YouTube Audio Library
    1) It's Coming - Josh Kirsch & Media Right Productions
    2) The Island - Soundtrack - My Name is Linkoln on Tyros4
    You Tube channel "Telmo Gama"
    https://www.youtube.com/watch?v=M1Pf_mjuh6U
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดีน่ะครับสภาพนี้ ความแรงของสนามแม่เหล็กของโลกกำลังลดลง การลดลงนี้จริงๆ เริ่มเมื่อ 2000 ปีที่ผ่านมา แต่อัตราการลดลงอย่างรวดเร็วเริ่มเกิดมากขึ้นเมื่อ 500 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้ในช่วง 20 ปี หรือมากกว่า สนามแม่เหล็กโลกได้อยู่ในสภาพเอาแน่เอานอนไม่ได้ /ไม่อยู่กับร่องกับรอย
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Focus : สื่อนอกชี้ สัมพันธ์ไทย-จีนหยั่งรากลึกหลังดีลเรือดำน้ำ1.1 พันล้านดอลลาร์เกิดขึ้นในช่วงเวลารัฐประหาร โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 กรกฎาคม 2558 11:16 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ – การเดินหมากซื้อเรือดำน้ำจากจีนของไทยครั้งนี้ไม่ธรรมดา เพราะเป็นเสมือนตัวบ่งชี้ทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ไทยให้ความใกล้ชิดกับจีนเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ดีลข้อเสนอนี้จะออกมาจากทางจีนก่อนก็ตาม ดังนั้นในทัศนะของแวลู วอล์ก(Value Walk) สื่อออนไลน์สหรัฐชี้ว่า เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเมื่อดูจากราคาข้อเสนอพิเศษจากจีนที่สามารถเอื้อมถึงในมุมมองจากงบดุลด้วยสนนราคา 1.1 พันล้านดอลลาร์แบบแพ็คเกจ และที่สำคัญเป็นเสมือนการที่ไทยสามารถใช้ดีลการซื้อครั้งนี้กระชับมิตรทางการทหารกับจีนไว้ได้มากขึ้น ในขณะที่ไทยยังคงสามารถมีความสัมพันธ์กับสหรัฐฯที่ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีเย็นลงนับตั้งแต่ไทยเข้าสู่โหมดการทำรัฐประหารเป็นต้นมา และอีกทั้งรวมไปถึงเรือดำน้ำเป็นสิ่งที่กองทัพเรือไทยปรารถนามาโดยตลอด เพราะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เวียดนามที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซีย ได้สั่งซื้อเรือดำน้ำจากรัสเซียเข้าประจำการถึง 6 ลำ จึงไม่เป็นที่แน่แปลกใจและไม่ใช่สิ่งที่ต้องตกใจว่าเกิดเหตุการณ์คับขันใดขึ้นกองทัพเรือไทยจึงต้องการเรือดำน้ำเข้าประจำการในช่วงเวลานี้

    แวลู วอล์ก (Value Walk) สื่อออนไลน์สหรัฐฯรายงานวันนี้(4)ว่า ดีลเรือดำน้ำสัญชาติจีน 039B จำนวน 3 ลำในสนนราคา1.1 พันล้านดอลลาร์เพื่อเข้าประจำการเหมือนชาติอื่นๆนั้นดูเหมือนเป็นสิ่งที่น่าจับตา โดยพบว่าก่อนหน้านั้นในวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา ทางกองทัพเรือไทยได้ยื่นแผนการจัดซื้ออย่างเป็นทางการแล้ว และดูเหมือนว่ากองทัพเรือไทยมีความพยายามในการจัดหาเรือดำน้ำเข้าเสริมเขียวเล็บประเทศมาโดยตลอด

    ดังนั้นการเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของไทยภายใต้รัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหารจึงมองได้เพียงอย่างเดียวว่า มีความประสงค์ต้องการผูกสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทางจีนเป็นพิเศษ เพราะนับตั้งแต่หลังการทำการัฐประหาร 1 ปีก่อนหน้านั้น ในขณะที่ความสัมพันธ์กับชาติตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐฯชาเย็นลง ไทยแสวงหาความยอมรับในระดับสากลมากขึ้น และดูเหมือนจีนที่เป็นผู้นำมหาอำนาจระดับภูมิภาคได้ประกาศโอบอุ้มนายกรัฐมนตรีไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และผู้นำระดับสูงทางกองทัพของไทยได้ไปเยือนจีนในเวลาต่อมา ดังนั้นดีลการซื้อขายเรือดำน้ำจากจีนจึงเสมือนนหมุดที่ตอกย้ำลงบนทิศทางที่ไทยได้หันทิศทางไป

    สื่อสหรัฐฯยังรายงานเพิ่มเติมว่า และเมื่อพิจารณาถึงเรือดำน้ำที่ไทยพิจารณาจะจัดซื้อ พบว่าเป็นเรือดำน้ำสัญชาติจีนรุ่น e 041 ที่รู้จักโดยทั่วไป แต่ทว่าตามการระบุที่แท้จริงของจีนแล้ว เรือลำดำน้ำรุ่นนี้คือ 039B ซึ่งถูกเรียกตามการระบุ NATO ว่า Yuan ซึ่งพบว่าเรือดำน้ำชั้น Yuan ได้เข้าประจำการประจำกองทัพจีนนับตั้งแต่ปี 2006 และมาจนถึงขณะนี้ได้มีการต่อเรือดำน้ำชั้น Yuan แล้วถึง 12 ลำ ซึ่งนอกจากไทยที่หมายตาเรือดำน้ำรุ่นนี้จากจีนแล้ว ปากีสถานกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาตกลงซื้อจากจีน

    และแวลู วอล์ก รายงานเพิ่มเติมว่า เรือดำน้ำ 039B นั้นมาพร้อมกับระบบอาวุธล้ำสมัย และระบบ Air-Independent Propulsion system (AIP)หรือระบบเครื่องยนต์ที่ไม่ต้องพึ่งอากาศจากผิวน้ำ ที่จะช่วยให้เรือดำน้ำรุ่นนี้อยู่ใต้น้ำได้เป็นเวลานานเมื่อเทียบกับเรือดำน้ำระบบดีเซล-ไฟฟ้าโดยทั่วไป โดยระบบนี้สามารถทำให้เรือดำน้ำรุ่นนี้อยู่ใต้น้ำได้นานถึง 21 วัน โดยไม่ต้องโผล่ ซึ่งเทคโนโลยีนี้ทำงานได้เนื่องจากเครื่องยนต์สเตอร์ลิง (Stirling Engine)ที่จีนสั่งนำเข้ามาจากสวีเดนในช่วงยุค 80

    และพบว่านี่เป็นครั้งแรกที่เรือดำน้ำสัญชาติของจีนถูกหมายตาจากชาติอื่นอย่างเปิดเผย ถึงแม้ก่อนหน้านี้เรือดำน้ำของจีนจะได้รับความไว้วางใจจากบังกลาเทศและปากีสถาน แต่ทว่าเป็นการสั่งซื้อทางตรง

    สื่อสหรัฐฯรายงานว่เพิ่มเติมอีกว่า ด้วยสนนราคา1.1พันล้านดอลลาร์ของเรือดำน้ำจีนจำนวน 3 ลำชั้น Yuan ที่งบประมาณกองทัพเรือไทยสามารถจัดการได้ภายใต้ 3.6 ล้านบาท ทำให้ขอเสนอการจัดซื้อผ่านมติออกเสียงของคณะกรรมการกองทัพเรือไทยจำนวน 17 คนด้วยเสียง 14-3 และแพ็คเกจมานอกจากตัวเรือดำน้ำแล้ว ยังมาพร้อมกับการฝึกสอน และ 8 ปีสำหรับแพ็คเกจสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และอุปกรณ์ต่างๆ

    ซึ่งพลเรือเอก ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการกองทัพเรือไทยยอมรับว่า ด้วยงบประมาณจำกัดของกองทัพทำให้สามารถสั่งซื้อเรือดำน้ำจากประเทศอื่นได้แค่ 2 ลำแต่ไร้อาวุธ เมื่อเปรียบเทียบกับข้อเสนอของจีนที่ได้ถึง 3 ลำและติดตั้งมาพร้อมอาวุธในตัว

    พลเรือเอก ไกรสร ยังกล่าวต่อว่า ส่วนในการจัดซื้อ เป็นการจัดซื้อเป็นระบบจีทูจี จ่ายเงินโดยภาครัฐ กองทัพเรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เพราะกองทัพเรือพิจารณาตามครม.ได้สั่งการลงมา และส่วนความจำเป็นในการซื้อเรือดำน้ำยามที่ไม่มีสงคราม ผบ.ทร. ระบุว่า เรื่องนี้ถือว่าตอบยาก เพราะเวลาจำเป็นที่ต้องใช้ แต่กลับไม่มีเรือดำน้ำไว้ใช้เพื่อป้องกันประเทศ และที่สำคัญที่สุดทางไทยไม่มีเรือดำน้ำมานานกว่า 50 ปีแล้ว นับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ซึ่งเรือดำน้ำจัดเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ในการป้องปรามที่สำคัญของประเทศทีเดียว

    นอกจากนี้สื่อสหรัฐฯเชื่อว่า เมื่อเรือดำน้ำมาประจำการแล้ว ทางไทยจะกำหนดให้เรือดำน้ำเหล่านี้แล่นตรวจการณ์ในบริเวณอ่าวไทย และจะมีความจำเป็นมากขึ้นโดยเฉพาะหากมีการยกระดับความรุนแรงในเหตุพิพาทบริเวณทะเลจีนใต้และไทยยังสามารถใช้เรือดำน้ำเหล่านี้ป้องกันการล่วงล้ำอ่าวไทยจากข้าศึก รวมไปถึงยังทำให้กองทัพเรือไทยลดการพึ่งพาการใช้ยานรบเหนือน้ำทุกประเภทอีกด้วย

    และสื่อสหรัฐฯยังรายงานต่อว่า ในเมื่อพิจารณาในย่านเอเชียแปซิฟิกพบว่า สิงคโปร์มีเรือดำน้ำเข้าประจำการจำนวน 4 ลำ มาเลเซียมีจำนวน 2 ลำ พร้อมกับแผนการที่จะสั่งซื้อเพิ่มอีก 10 ลำ ในขณะที่เวียดนามมีจำนวน 4 ลำและอยู่ในระหว่างการส่งมอบอีก 2 ลำจากรัสเซีย ในขณะที่ฟิลิปปินส์มีแผนจะสั่งซื้อเรือดำน้ำ 3 ลำ เป็นต้น

    แผนการจัดซื้อเรือดำน้ำของไทยเกิดขึ้นท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ดูใกล้ชิดน้อยลงหลังจากการทำรัฐประหารของพลเอกประยุทธ์ในพฤษภาคมปีที่ผ่านมา โดยภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา สหรัฐฯได้สั่งระงับความช่วยเหลือทางการทหารจำนวน 3.5 พันล้าดอลลาร์ โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงสหรัฐฯหลายคนได้เตือนไทยถึงผลกระทบในแง่ลบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐฯหากไทยยังอยู่ในบรรยากาศการรัฐประหาร

    และนอกจากนี้กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯในขณะนั้นถึงกับประกาศว่า การทำรัฐประหารของไทยเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของการถดถอยถึงเสรีภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2014

    แต่กระนั้นภายใต้ความสัมพันธ์ที่อึมครึมนี้ แต่กลับพบว่า ทางสหรัฐฯยังคงยืนยันให้ยังมีการฝึกซ้อมคอบบ้าโกลด์ประจำปี ต่อไปในปีหน้า ซึ่งถือเป็นการฝึกผสมร่วมเก่าแก่ที่สุดที่เกิดขึ้นในปี 1982

    แวลู วอล์กยังระบุด้วยว่า สำหรับจีนแล้ว ดีลการซื้อขายเรือดำน้ำให้ไทยนั้นถือเป็นสิ่งที่ดี เมื่อพิจารณาถึงชาติพันธมิตรในภูมิภาคนี้ที่นับวันจะหายากมากขึ้นเนื่องมาจากปัญหาพิพาททางทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก ดังนั้นจึงถือเป็นแง่บวกสำหรับจีนที่จะซื้อใจไทย และผูกสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไทยไว้ในช่วงเวลานี้

    [​IMG]


    Focus :
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โรงงานรองเท้าถล่มทางตะวันออกของจีน ดับ 9
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 กรกฎาคม 2558 11:58 น.

    [​IMG]

    เอพี – โรงงานผลิตรองเท้าแห่งหนึ่งในมณฑลเจ้อเจียง (Zhejiang)ทางตะวันออกของประเทศเกิดถล่มในบ่ายวันอาทิตย์(4) เสียชีวิต 9 ราย และบาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 30 คน

    ในเบื้องต้นสาเหตุการถล่มครั้งนี้ยังไม่แน่ชัด หลังจากโรงงานผลิตรองเท้าจีนแห่งหนึ่งในเมืองเหวินหลิง (Wenling) มณฑลเจ้อเจียง (Zhejiang)เกิดพังถล่มลงมาในบ่ายวันอาทิตย์(4) ซึ่งเป็นช่วงกะงานวันหยุด

    และหน่วยกู้ภัยจีนสามารถช่วยเหลือคนงานอีก 42 คนออกจากเศษกองอิฐที่ทับถมออกมาได้ และนำตัวคนเหล่านั้นส่งโรงพยาบาลบริเวณใกล้เคียง ซึ่งในไม่นานหลังจากนั้นมีผู้เสียชีวิตจำนวน 9 ราย ทางการเมืองเวินหลิงรายงานจากแถลงการณ์

    [​IMG]

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชาติเจ้าหนี้กุมขมับ! ฝ่ายโหวต “No” จ่อคว้าชัยขาด 60:40 ลงประชามติกรีซ ผู้นำฝรั่งเศส-เยอรมันนัดถกด่วนหาทางออก โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 กรกฎาคม 2558 01:07 น.

    [​IMG]

    @ฝ่ายโหวตโนจ่อคว้าชัยชนะโดยได้เสียงสนับสนุนจากการทำประชามติคราวนี้ทะลุ “61 เปอร์เซ็นต์” ซึ่งนั่นจะหมายถึงชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของอเล็กซิส ซีปราส

    รอยเตอร์ / เอพี / เอเอฟพี / เอเจนซีส์ /ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – ผลสำรวจความคิดเห็นครั้งสุดท้าย ที่มีการเผยแพร่ภายหลังการปิดหีบลงประชามติในกรีซในวันอาทิตย์ ( 5 ก.ค.) ชี้ ฝ่ายโหวต “No” หรือพวกที่ “ไม่เอาด้วย” กับเจ้าหนี้ต่างประเทศเป็นฝ่ายมีคะแนนนำฝ่ายที่โหวต “Yes” ขณะที่ผลการนับคะแนนการลงประชามติล่าสุดพบว่า ฝ่ายโหวต “No” เป็นฝ่ายที่มีคะแนนนำฝั่งที่โหวต“Yes”แบบค่อนข้างทิ้งช่วงห่าง ที่ 59.8 เปอร์เซ็นต์ ต่อ 40.1 เปอร์เซ็นต์ และส่อเค้าว่าอาจได้รับชัยชนะด้วยคะแนนอย่างเป็นทางการที่มากเกินกว่า “61 เปอร์เซ็นต์” เมื่อการนับคะแนนเสร็จสิ้นลง

    รายงานข่าวล่าสุดซึ่งอ้างผลการสำรวจความคิดเห็นของ 3 สำนักวิจัย คือ จีพีโอ , เมตรอน อนาไลซิส และเอ็มอาร์บี ที่เพิ่งถูกเผยแพร่สู่สาธารณะหลังปิดหีบการจัดลงประชามติครั้งประวัติศาสตร์ในกรีซ ต่างระบุตรงกันว่า ฝ่ายที่เลือกโหวต “โน” หรือฝ่ายที่ไม่ยอมรับเงื่อนไขและข้อเสนอต่างๆของเจ้าหนี้ระหว่างประเทศเป็นฝ่ายที่มีคะแนนนำอยู่ประมาณ“3 เปอร์เซ็นต์ ”

    ขณะที่ผลการนับคะแนนการลงประชามติซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นไปเพียง 10 เปอร์เซ็นต์พบว่า ฝ่ายโหวต “No” เป็นฝ่ายที่มีคะแนนนำฝั่งที่โหวต“Yes” ที่ 59.8 เปอร์เซ็นต์ ต่อ 40.1 เปอร์เซ็นต์ และมีความเป็นไปได้สูงมากที่ฝ่ายโหวตโนจะเป็นฝ่ายชนะโดยได้เสียงสนับสนุนจากการทำประชามติคราวนี้ทะลุ “61 เปอร์เซ็นต์” ซึ่งนั่นจะหมายถึงชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของรัฐบาลเอเธนส์ภายใต้การนำของอเล็กซิส ซีปราส

    ด้านนิคอส ฟิลิส โฆษกของพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย “ซีริซา” ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งในวันอาทิตย์ ( 5) โดยแสดงความเชื่อมั่นว่า ผลการลงประชามติครั้งประวัติศาสตร์นี้ จะช่วยเปิดทางให้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราสสามารถเดินหน้าต่อในการบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ทรอยก้า 3 ฝ่าย ที่ประกอบด้วยสหภาพยุโรป (อียู), กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้ในที่สุด

    โฆษกพรรคซีริซารายนี้ยังระบุด้วยว่า ผลการลงประชามติซึ่งมีแนวโน้มว่า ฝ่ายโหวต “No” จะได้รับชัยชนะแบบขาดลอย น่าจะช่วยให้ภาคการเงิน-การธนาคารของกรีซกลับเข้าสู่สภาวะปกติ หลังต้องเผชิญกับ “ มรสุมแห่งความไม่แน่นอน” มาตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา

    ขณะที่กาเบรียล ซาเคลลาริดิส โฆษกรัฐบาลกรีซตลอดจนโฆษกกระทรวงการคลังกรีซ ออกมาแถลงในวันอาทิตย์ (5) โดยระบุ ทางกระทรวงการคลังของกรีซเตรียมนัดหารือด่วนกับผู้บริหารของธนาคารพาณิชย์ต่างๆภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อหามาตรการรองรับ “เหตุไม่คาดฝัน” ที่อาจเกิดขึ้นหลังการจัดลงประชามติ

    ล่าสุดทางทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสออกคำแถลงที่ระบุว่า ประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ โอลลองด์ ผู้นำแดนน้ำหอมมีกำหนดพบหารือนัดพิเศษร่วมกับนายกรัฐมนตรีหญิงอังเกลา แมร์เคิลแห่งเยอรมนี เกี่ยวกับอนาคตของกรีซและทางออกที่เหมาะสมต่อปัญหาหนี้สินของกรีซ ในช่วงค่ำคืนวันจันทร์ (6 ก.ค.) นี้ที่กรุงปารีส

    ก่อนหน้านี้ กรีซมีอันต้องถูกจารึกชื่อเอาไว้ในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลกว่า เป็นประเทศพัฒนาแล้วชาติแรกที่ “ผิดนัดชำระหนี้” ต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หลังไม่สามารถจ่ายคืนหนี้สินจำนวน 1,500 ล้านยูโร (ราว 50,680 ล้านบาท) ที่ครบกำหนดชำระคืนไปเมื่อเวลา 05.00 น.ของวันพุธ ( 1 ก.ค.) ที่ผ่านมาตามเวลาในประเทศไทย

    ที่ผ่านมา รัฐบาลฝ่ายซ้ายของกรีซภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราสและกลุ่มการเมือง “ซีริซา” ได้พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อทาบทามเหล่าเจ้าหนี้นานาชาติจนถึงในนาทีสุดท้าย เพื่อขอความช่วยเหลือทางการเงินในวันอังคาร (30 มิ.ย.) แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะปกป้องกรีซจากการกลายเป็นประเทศพัฒนาชาติแรก ที่ต้องผิดนัดชำระหนี้ไอเอ็มเอฟนำมาซึ่งความโกลาหลทางการทูตและภาวะตื่นตระหนกตกใจของบรรดานักลงทุนทั้งรายใหญ่รายย่อยทั่วโลก ที่ต่างไม่คาดคิดว่าการเจรจารอบแล้วรอบเล่าระหว่างกรีซและเจ้าหนี้ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 5 เดือน จะจบลงแบบพังครืนไม่เป็นท่า และปราศจากข้อสรุปที่เป็นชิ้นเป็นอัน

    ด้านหนังสือพิมพ์ “Süddeutsche Zeitung” ของพวกเสรีนิยมหัวก้าวหน้าและพวกกลุ่มการเมืองสายกลาง-ซ้าย ซึ่งมีฐานอยู่ที่นครมิวนิคของเยอรมนี เปิดเผยข้อมูลซึ่งอ้างเอกสารลับของรัฐบาลเยอรมนี ที่ระบุว่า ในความเป็นจริงแล้ว ภาวะหนี้สินของกรีซนั้นสูงลิ่วกว่าที่หลายฝ่ายคาดคิดเอาไว้ถึงขั้นที่ว่า เมื่อถึงปี ค.ศ. 2030 ยอดหนี้สินของกรีซในเวลานั้นก็จะยังคงพุ่งสูงถึงระดับ 118 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีเลยทีเดียว ถึงแม้ว่ากรีซจะยอมถอยด้วยการรับข้อเรียกร้องทั้งหมดของเจ้าหนี้ 3 ฝ่าย

    ทั้งนี้ มีข้อมูลว่า ในเวลานี้กรีซซึ่งต้องแบกรับตัวเลขหนี้สินที่มีสัดส่วนสูงถึง 175 เปอร์เซ็นต์ ของจีดีพี ถูกมองว่า กำลังนับถอยหลังสู่การก้าวออกจากกลุ่มยูโรโซนหรือกลุ่ม 19 ประเทศในยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโรร่วมกัน แต่นั่นก็ถือเป็นผลโดยตรงจากความไร้วินัยทางการเงินการคลังของกรีซตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้ว่าแบงก์ชาติเยอรมัน เตือน “อังเกลา แมร์เคิล” ระบุ ศก.เมืองเบียร์อาจย่อยยับ หากกรีซออกจาก “ยูโรโซน” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 กรกฎาคม 2558 02:02 น.

    [​IMG]
    @เยนส์ ไวด์มันน์ ผู้ว่าการธนาคารกลางของเยอรมนี

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – เยนส์ ไวด์มันน์ ผู้ว่าการธนาคารกลางของเยอรมนี ( บุนเดสบังก์) ออกโรงเตือนรัฐบาลเมืองเบียร์ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีหญิง อังเกลา แมร์เคิล ถึง “ความเสียหายใหญ่หลวง” ต่อภาวะทางด้านงบประมาณของเยอรมนี หากว่ากรีซต้องก้าวออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มยูโรโซน หรือกลุ่ม 19 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรร่วมกัน

    รายงานข่าวซึ่งถูกเผยแพร่โดย “ฮันเดิลสบลัตต์” หนังสือพิมพ์ธุรกิจฉบับรายวันชื่อดังของเยอรมนีระบุว่า ผู้ว่าการธนาคารกลางของเยอรมนี ( บุนเดสบังก์) ได้เตือนรัฐบาลของนางแมร์เคิลแล้วถึงผลกระทบที่จะตามมา หากกรีซกระเด็นออกจากยูโรโซน (Grexit) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลกระทบทางด้านงบประมาณที่เยอรมนีต้องเผชิญและแบกรับ

    ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ธนาคารกลางของเยอรมนีได้กัน “เงินสำรอง” ไว้รองรับความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้สินยูโรโซนไว้แล้วกว่า 14,400 ล้านยูโร (ราว 539,860 ล้านบาท)

    แต่หากกรีซต้องก้าวออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มยูโรโซนจริง ทางบุนเดสบังก์คาดการณ์ไว้ว่า เยอรมนีอาจต้องเผชิญกับหายนะใหญ่หลวงเนื่องจาก “หมดปัญญา” หางบประมาณแผ่นดินมารองรับความเสียหายทางเศรษฐกิจ ที่จะเกิดขึ้นตามมา

    ในอีกด้านหนึ่ง ฮันส์ มิเชลบัค สมาชิกรัฐสภาอาวุโสสายอนุรักษ์นิยมจากพรรคคริสเตียน โซเชียล ยูเนียน (CSU) ที่เป็นพันธมิตรทางการเมืองของรัฐบาลอังเกลา แมร์เคิล ได้ออกมากล่าวว่า กรีซน่าจะมี “อนาคตที่ดีกว่า” รออยู่ หากเลือกก้าว ออกไปให้พ้นจากกลุ่มยูโรโซนและเงินสกุลยูโร พร้อมระบุ รัฐบาลฝ่ายซ้ายในกรีซ รวมถึง ประชาชนชาวกรีกเองเป็นฝ่ายที่เลือกจะเดินบน “เส้นทางแห่งความโดดเดี่ยวทางเศรษฐกิจ” เอง จากการไม่ปฏิบัติตามและไม่รับเงื่อนไขของเจ้าหนี้ในการรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจและสร้างวินัยทางการคลัง

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยานรัสเซียเข้าเติมเสบียงให้สถานีอวกาศนานาชาติได้สำเร็จ หลังล้มเหลวหลายครั้ง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 กรกฎาคม 2558 19:47 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี - ยานอวกาศบรรทุกสิ่งของไร้คนขับของรัสเซียสามารถเข้าเทียบสถานีอวกาศนานาชาติได้สำเร็จในวันอาทิตย์ (5 ก.ค.) หลังจากที่ภารกิจเติมเสบียงเคยล้มเหลวไปแล้ว

    รอสคอสมอส หน่วยงานด้านอวกาศแดนหมีขาว ระบุในคำแถลงว่า ยานอวกาศขนส่งสิ่งของ "โปรเกรส เอ็ม-28เอ็ม" ได้เข้าเทียบสถานีอวกาศนานาชาติในฝั่งของรัสเซีย เมื่อตอน 10.11 น. ตามเวลามอสโก

    ยานลำนี้บรรทุกข้าวของหนักกว่า 2,300 กิโลกรัม โดยมีทั้งอ็อกซิเจน , เชื้อเพลิง , อาหาร , อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ , รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวสำหรับมนุษย์อวกาศ 3 ราย ในสถานีอวกาศนานาชาติแห่งนี้

    "เจนนาดี พาดัลกา" กับ "มิคาอิล คอร์นิเอนโก้" สองมนุษย์อวกาศของรัสเซีย พร้อมด้วย "สก็อต เคลลีย์" จากสหรัฐฯ คือส่วนหนึ่งของคณะเดินทางชุดที่ 44 ซึ่งกำลังอยู่ในอวกาศขณะนี้ โดยจะมีมนุษย์อวกาศมาเพิ่มอีก 3 รายช่วงปลายเดือนกรกฎาคม

    ผู้บัญชาการพาดัลกา มีกำหนดเดินทางกลับสู่โลกในเดือนพฤศจิกายนนี้ ขณะที่คอร์นิเอนโก้กับเคลลีย์ต้องอยู่ทำภารกิจต่อจนถึงเดือนมีนาคมปีหน้า

    ยานโปรเกรสเข้าเทียบสถานีอวกาศนานาชาติ หลังถูกปล่อยขึ้นฟ้าจากฐานยิงในคาซัคสถานเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยวนรอบโลก 34 รอบก่อนเทียบท่า

    ยานโปรเกรสจะยังคงเทียบท่าที่สถานีอวกาศนานาชาติเป็นเวลา 4 เดือน เพื่อใช้ในการบรรจุขยะและอุปกรณ์ที่ไม่ใช้แล้ว ก่อนเดินทางกลับสู่โลก แล้วจะทำการเผาไหม้ตัวเองตอนเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ เหนือมหาสมุทรแปซิฟิก

    การบรรลุภารกิจในครั้งนี้ ได้สร้างความโล่งใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นยุติความล้มเหลวที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้

    บัญชีทวิตเตอร์ของสถานีอวกาศนานาชาติมีการเขียนข้อความว่ารู้สึกราวกับเป็นคริสต์มาสในเดือนกรกฎาคม

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จรวดฟอลคอน 9 เกิดระเบิดขณะทำการยิงส่งยานแคปซูลดราก้อน โดยบริษัท "สเปซเอ็กซ์" ซึ่งบรรทุกอุปกรณ์ราคาแพงเอาไว้

    ก่อนหน้านั้นก็เคยมีการส่งยานโปรเกรสเมื่อเดือนเมษายน ซึ่งจบไม่ค่อยสวยเช่นกัน โดยทางศูนย์ควบคุมของรัสเซียขาดการสื่อสารกับยานลำนั้น จึงทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองดูมันลอยต่ำลงมาอย่างช้าๆ แล้วถูกเผาไหม้ไปในชั้นบรรยากาศ

    นอกจากนี้ในเดือนตุลาคมเมื่อปีที่แล้ว อเมริกาก็ยังต้องสูญเสียยานขนส่งซิกนัส เนื่องจากจรวดอันทาเรสเกิดระเบิดขึ้นหลังปล่อยออกจากฐานยิงได้เพียงไม่นาน

    นาซ่า เคยบอกว่า สถานีอวกาศนานาชาติมีเสบียงมากพอที่จะใช้ได้ไปจนถึงเดือนตุลาคม ก่อนที่ยานโปรเกรสจะไปถึง แต่ถึงกระนั้น ผู้คนในอุตสาหกรรมด้านอวกาศก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดีนัก หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุถึง 3 ครั้ง


     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นายกฯมาเลย์อาจถูกฟ้อง'คดีอาญา' อัยการสูงสุดยันได้'เอกสาร'พัวพันการโอนเงินร่วม$700ล.โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 กรกฎาคม 2558 22:12 น.

    [​IMG]
    @นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย เดินทางมาเข้าร่วมการละศีลอดและเลี้ยงอาหาร ณ มัสยิดแห่งหนึ่งบริเวณชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อช่วงเย็นวันอาทิตย์ (5) เขาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่ามีการโอนเงินจากกองทุน 1MDB มาเข้าบัญชีส่วนตัวของเขา รวมทั้งบอกด้วยว่าได้ส่งเรื่องให้ทนายความพิจารณาว่าจะฟ้องร้องผู้ที่กล่าวหาทำให้เขาเสียชื่อเสียงอย่างไรหรือไม่

    เอเจนซีส์ – นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย กำลังเสี่ยงที่จะตกเป็นจำเลยถูกฟ้องร้องความผิดคดีอาญา หลังจากอัยการสูงสุดแถลงยืนยันเมื่อคืนวันเสาร์ (4 ก.ค.) ว่า ได้รับเอกสารจำนวนหนึ่งจากคณะทำงานสอบสวนเฉพาะกิจ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องพัวพันกับกรณีกล่าวหาทุจริตอันครึกโครมที่ระบุว่า ได้มีการแอบถ่ายโอนเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ จากกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐ ไปยังบัญชีส่วนตัวของผู้นำฝ่ายบริหารของแดนเสือเหลืองรายนี้

    กรณีกล่าวหาทุจริตที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมนี้ เริ่มต้นขึ้นมาเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (3) จากการที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) รายงานว่า มีการเคลื่อนย้ายเงินเกือบ 700 ล้านดอลลาร์ออกจากบัญชีเงินฝากของหน่วยงานต่างๆ ที่เชื่อมโยงอยู่กับกองทุน วัน มาเลเซีย ดิเวลอปเมนต์ บีเอชดี (1MDB) ก่อนไปจบที่บัญชีส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีราซัค โดยธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงสุด 2 รายการคือ 620 ล้านดอลลาร์ และ 61 ล้านดอลลาร์ เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนมีนาคม 2013

    รายงานของ WSJ ได้อ้างอิงเอกสารหลายชิ้นที่ได้รับมา ซึ่งรวมถึงแบบฟอร์มการโอนเงินจากธนาคารและผังงานของเจ้าหน้าที่สอบสวนของรัฐบาล โดยข่าวระบุว่า เงินเหล่านี้มีต้นทางมาจากไหนนั้นยังไม่ชัดเจน และเสริมว่า การสอบสวนของรัฐบาลไม่ได้ให้รายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับกองทุนที่ถูกกล่าวหาว่าโอนเงินเข้าบัญชีนาจิบ

    ด้านนาจิบได้ออกมาปฏิเสธรายงานของ WSJ และระบุว่า เป็นความพยายามของอดีตนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด ในการโค่นล้มตน ขณะที่กองทุน 1MDB ยืนยันเช่นกันว่า ไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา

    อดีตนายกรัฐมนตรีมหาเธร์นั้น ได้อำลาตำแหน่งตั้งแต่เมื่อปี 2003 หลังบริหารประเทศอยู่นาน 22 ปี แต่จนกระทั่งถึงเวลานี้ เขาก็ยังคงถูกมองว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางการเมือง และก่อนหน้านี้ มหาเธร์ได้ออกมาเรียกร้องหลายครั้งให้นาจิบลาออก

    ส่วนสำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซียก็ออกคำแถลงขานรับนาจิบว่า ข้อกล่าวหาที่ปรากฏใน WSJ เป็นความพยายามบ่อนทำลายเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของรัฐบาล รวมทั้งมุ่งล้มล้างนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง

    ขณะเดียวกัน มูฮัมหมัด ไครัน อาเสะห์ เลขาธิการฝ่ายการเมืองของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นาจิบอาจดำเนินการทางกฎหมายกับ WSJ

    [​IMG]
    @โลโก้ของกองทุน 1 MDB ติดเด่นอยู่บนแผ่นป้ายขนาดใหญ่บริเวณที่กำลังมีการก่อสร้างโครงการ “ตน ราซัค เอ็กซ์เชนจ์” ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ โครงการนี้ถือเป็นโครงการ “เรือธง” ของกองทุนที่กำลังปรากฎข่าวอื้อฉาวแห่งนี้

    อย่างไรก็ตาม อับดุล กานี ปาเตล อัยการสูงสุดของมาเลเซียแถลงในคืนวันเสาร์ (4) ว่า คณะทำงานเฉพาะกิจที่ประกอบด้วยหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล กำลังสอบสวนข้อกล่าวหาดังกล่าวในเชิงลึก พร้อมกันนั้นเขายืนยันว่า ทางคณะทำงานได้ส่งเอกสารให้เขาจำนวนหนึ่ง ซึ่งรวมถึงเอกสารหลายชิ้นที่เกี่ยวข้องพัวพันกับข้อกล่าวหาที่ว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีของนาจิบ

    เห็นกันว่าการส่งเอกสารดังกล่าวให้อัยการสูงสุด อาจปูทางไปสู่การฟ้องร้องนาจิบในคดีอาญา

    อัยการสูงสุดเผยด้วยว่า คณะทำงานเฉพาะกิจได้บุกเข้าตรวจค้นสำนักงานของบริษัทที่เกี่ยวข้องโยงใยกับ 1 MDB ทั้ง 3 แห่ง ซึ่งถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับการโอนเงิน แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดมากไปกว่านี้

    ทางฝ่ายรองนายกรัฐมนตรี มูห์ยิดดิน ยัสซิน ผู้มีอำนาจอันดับ 2 ในพรรคของนาจิบ ได้แสดงท่าทีเพิ่มความกดดันต่อนาจิบ ด้วยการเรียกร้องเมื่อวันอาทิตย์ (5) ให้ทางการตรวจสอบข้อกล่าวหาของ WSJ เนื่องจากเป็นข้อกล่าวหาร้ายแรงที่สร้างความแปดเปื้อนให้แก่ความน่าเชื่อถือและความซื่อสัตย์สุจริตของนายกรัฐมนตรี ขณะที่พวกสมาชิกรัฐสภาพรรคฝ่ายค้าน ก็เรียกร้องให้นาจิบลาออกและเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน

    อย่างไรก็ตาม ซาฮิด ฮามิดี รัฐมนตรีมหาดไทยตอบโต้ว่า ข้อกล่าวหาต่อนาจิบนันหละหลวม เนื่องจากอิงกับเอกสารที่ไม่ได้รับการยืนยัน พร้อมเตือนว่า ตำรวจจะใช้อำนาจตามกฎหมายอย่างเต็มที่กับผู้ที่พยายามทำลายเศรษฐกิจและกระบวนการประชาธิปไตยของมาเลเซีย

    สำหรับกองทุน1MDB ก่อตั้งขึ้นโดยนาจิบในปี 2009 และขณะนี้เขาก็ยังคงมีตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาของกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจมาเลเซียในระยะยาวแห่งนี้ ปัจจุบัน 1 MDB มีหนี้สินราว 11,000 ล้านดอลลาร์ ท่ามกลางข้อกล่าวหาบริหารงานผิดพลาดและทำธุรกรรมไม่โปร่งใสในต่างแดน

    ในบรรดาผู้วิจารณ์ ซึ่งรวมถึงมหาเธร์ด้วย ได้เรียกร้องให้มีการสอบสวนคดีอาญา ทว่า ทั้งนาจิบและ 1MDB ยืนยันว่า ไม่ได้กระทำผิดใดๆ

    อย่างไรก็ดี หลังจากถูกกดดันอย่างหนัก เมื่อต้นปีนี้ นาจิบสั่งการให้อัยการสูงสุดตรวจสอบบัญชีของ 1MDB ทว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการรายงานผลการตรวจสอบต่อสาธารณชนแต่อย่างใด

    ข้อกล่าวหาล่าสุดถือเป็นหนึ่งในวิกฤตการเมืองครั้งร้ายแรงที่สุดสำหรับผู้นำแดนเสือเหลืองคนปัจจุบัน

    วัน ไซฟุล วัน จัน ผู้อำนวยการกลุ่มคลังสมอง “อินสติทิวต์ ฟอร์ เดโมเครซี แอนด์ อิโคโนมิก แอฟแฟร์ส” ให้ความเห็นา เรื่องนี้สร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อนาจิบ และเป็นครั้งแรกที่ผู้นำฝ่ายบริหารของมาเลเซียอาจถึงขั้นถูกฟ้องร้องในคดีอาญา

    นาจิบนั้นเป็นบุตรของ ตน อับดุล ราซัค นายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของมาเลเซีย นาจิบขึ้นเป็นผู้นำฝ่ายบริหารของประเทศในปี 2009 เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเรื่องการบริหารเศรษฐกิจ นอกจากนั้นเขายังพัวพันเกี่ยวข้องกับคดีสังหารนางแบบชาวมองโกเลียเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ซึ่งแม้เขายืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง แต่ก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 2 คนที่มีความเกี่ยวข้องกับนาจิบในขณะนั้น ถูกศาลตัดสินว่าฆาตกรรมนางแบบคนดังกล่าว

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รบ.โคลอมเบียขู่ถอนตัวจากโต๊ะเจรจาสันติภาพ หากกบฏ “เอฟเออาร์ซี” ไม่เลิกโหมการโจมตีทั่วประเทศ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 กรกฎาคม 2558 07:34 น.

    [​IMG]
    @อุมเบร์โต เด ลา กาเญ หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาของรัฐบาลโคลอมเบีย

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – รัฐบาลโคลอมเบียขู่ถอนตัวจากโต๊ะเจรจาสันติภาพ กับกลุ่มกบฏกองกำลังติดอาวุธเพื่อการปฏิวัติแห่งโคลอมเบีย หรือกลุ่มกบฏเอฟเออาร์ซี หลังกลุ่มกบฏฝ่ายซ้ายที่จับอาวุธทำสงครามกองโจรกับรัฐบาลโบโกตามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1964 กลุ่มนี้ หันมาโหมการโจมตีขึ้นทั่วประเทศ

    รายงานข่าวซึ่งอ้างอุมเบร์โต เด ลา กาเญ หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาของรัฐบาลโคลอมเบียระบุว่า ขณะนี้กระบวนการสันติภาพที่มีรัฐบาลของคิวบาเป็น “คนกลาง”ได้ก้าวสู่จุดที่ “ย่ำแย่เลวร้ายที่สุด” นับตั้งแต่ที่การเจรจานี้เปิดฉากขึ้นเมื่อปี 2012 และว่ารัฐบาลโคลอมเบียอาจพิจารณาถอนตัวจากโต๊ะเจรจาที่กรุงฮาวานาของคิวบา หากว่าฝ่ายกบฏยังคงโหมการโจมตี และไม่แสดงออกว่า ต้องการยึดมั่นในแนวทางแห่งสันติภาพ

    ตลอดหลายสัปดาห์มานี้ กลุ่มกบฏ “Fuerzas Armadas Revolucionarias de Colombia” หรือเอฟเออาร์ซี ได้ก่อเหตุวางระเบิดโจมตีหลายครั้งต่อท่อส่งน้ำมันของรัฐบาลที่ตัดผ่านแนวป่าลึกและแม่น้ำ จนก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อสภาพแวดล้อม อีกทั้งยังเริ่มก่อเหตุโจมตีในเขตเมืองที่มีพลเรือนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จนเกิดการยิงปะทะกับกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลโคลอมเบียหลายต่อหลายครั้ง

    กระบวนการเจรจาสันติภาพที่มีรัฐบาลของคิวบาเป็นตัวกลางถือว่ามีความคืบหน้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยรัฐบาลโคลอมเบียและกบฏเอฟเออาร์ซีสามารถตกลงกันได้แต่เฉพาะประเด็นปลีกย่อย เช่น การร่วมมือปราบปรามการค้ายาเสพติด และการหยุดยิงชั่วคราวเป็นระยะเท่านั้น ส่วนประเด็นหลักอย่างเรื่องการวางอาวุธของกลุ่มกบฏและการนิรโทษกรรมให้กับสมาชิกฝ่ายกบฏ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนเชลยนั้นมีความคืบหน้าน้อยมาก นับตั้งแต่ที่การเจรจาสันติภาพนี้เริ่มต้นในปี 2012

    ทั้งนี้ กลุ่มกบฏเอฟเออาร์ซีถือเป็นกลุ่มกบฏนิยมซ้ายที่เก่าแก่ที่สุดของภูมิภาคลาตินอเมริกา ขณะที่ความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างกลุ่มกบฏนี้กับรัฐบาลโบโกตาตั้งแต่ปี 1964 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 200,000 รายทั่วโคลอมเบีย

    ú.
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จากข่าวน่ะครับ ผมว่าการที่ประชาชนชาวกรีซลงมติโหวต NO 61% ก็สมควรน่ะครับ เพราะการนำเสนอของสื่อธุรกิจสหรัฐ ไฟแนนซ์เชียลไทม์ที่ว่า ถือว่าเป็นความเสี่ยงของประชาชนกรีซที่ยังคงมีบัญชีเงินฝากอยู่ในระบบธนาคาร โดยบรรดาประชาชนกรีกต้องเสี่ยงสูญเงินในบัญชีถึง 30% ของเงินฝากทั้งหมดที่มีอยู่ในบัญชีเพื่อรักษาระบบธนาคารกรีซไว้ ซึ่งรัฐมนตรีการคลังของกรีซได้ออกมาแถลงข่าวปฎิเสธว่า “เป็นข่าวลือที่ไม่มูลความจริงโดยสิ้นเชิง” กรีซยังมีทางออกคือไปเข้าร่วมกับกลุ่ม BRICS และมีรายได้จากท่อส่งก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย แต่คงเป็นฝันร้ายของอเมริกา สหรัฐ และก็ยูเครน เพราะคงหมดความสำคัญ เพราะรัสเซียไม่จำเป็นต้องขายก๊าซให้ยุโรปผ่านยูเครนอีกต่อไป

    In Pics : คูหาลงประชามติเปิดแล้ว "ชี้ชะตาที่ยืนกรีซในอียู-อนาคตซีปราส" รมว.คลังกรีซปัดลือ “ไร้สาระ!! เงิน 30%ในบัญชีเงินฝากไม่หาย” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 กรกฎาคม 2558 16:31 น. (แก้ไขล่าสุด 5 กรกฎาคม 2558 17:12 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ – หลังจากเฝ้ารอด้วยใจระทึกมาตลอดเกือบสัปดาห์ ในที่สุดประชาชนชาวกรีก รวมไปถึงนายกรัฐมนตรีกรีซ อเล็กซิส ซีปราสได้มีโอกาสเดินเข้าคูหาเพื่อหย่อนบัตรลงคะแนนเพื่อออกเสียงเห็นด้วยหรือคัดค้านการตอบรับเงื่อนไขข้อเสนอของเจ้าหนี้ต่างชาติ ซึ่งหากมีการออกเสียงลงคะแนน “เยส” หรือตอบรับ ส่งผลให้ซีปราสต้องลาออกจากคำมั่นที่ได้ให้ไว้ก่อนหน้านี้ ด้าน ยานิส วารูฟากิส รัฐมนตรีการคลังของกรีซออกมาแถลงข่าวปฎิเสธ 30% ของเงินในบัญชีธนาคารกรีซไม่มีทางหายเพื่อถูกใช้อุ้มระบบธนาคารกรีซ

    หนังสือพิมพ์ซิดนีย์มอร์นิงเฮอรัลด์ สื่อออสเตรเลียรายงานวันนี้(5)ว่า คูหาการลงประชามติกรีซได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในความพยายามครั้งสุดท้ายที่จะกอบกู้วิกฤตหนี้สิน และการคงสถานภาพการคงอยู่สมาชิกภาพสหภาพยุโรป ตลอดไปจนถึงการใช้สกุลเงินยูโรต่อไป ซึ่งนั่นหมายความว่า ประชาชนกรีกส่วนใหญ่ต้องลงคะแนน “รับ” หรือ “เยส” ในการลงคะแนน ที่ตลอดทั้งสัปดาห์รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีกรีซเอียงซ้าย อเล็กซิส ซีปราสได้พยายามโน้มน้าวให้ชาวกรีกต่างออกไปใช้สิทธิ "โหวตโน" เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อเงื่อนไขมาตรการรัดเข็มขัดที่บรรดาเจ้าหนี้ต่างชาติต้องการให้กรีซทำเพื่อแลกรับความช่วยเหลือในส่วนที่เหลือ ซึ่งถือแม้ว่ากรีซตามกำหนดการแล้วได้ผิดการชำระหนี้กับสถาบันการเงินระหว่างประเทศ IMF ในวันอังคาร(30 มิถุนายน) ไปแล้วก็ตาม

    โดยสื่อออสเตรเลียรายงานเพิ่มเติมว่า ผลประชามติครั้งนี้อาจเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่ว่า กรีซจะเป็นชาติแรกจากทั้งหมด 19 ประเทศที่ต้องออกจากเขตยูโรดซนหรือไม่ แต่ทั้งนี้ในผลการสำรวจล่าสุดพบว่า ประชาชนกรีกจำนวน 74% ยังคงต้องการอยู่ร่วมกับสหภาพยุโรปต่อไป มีเพียง 15% เท่านั้นที่ต้องการให้เอเธนส์กลับไปใช้สกุลเงินเก่าแดรชมาร์สกรีกต่อไปไป ในขณะที่อีก 11% ยังไม่สามารถตัดสินใจได้

    บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า คูหาเริ่มเปิดทำการตั้งแต่ 7.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น และคาดว่าผลการลงประชามติแรกที่จะปรากฏนั้นจะสามารถร้บรู้ได้ภายในช่วงค่ำ ซึ่งถึงแม้รัฐบาลกรีซจะออกมารณรงค์ให้ประชาชนโหวตโน แต่ทว่าฝ่ายค้านกรีซและผู่ที่ไม่เห็นด้วยเตือนว่า การโหวตโนจะทำให้กรีซถูกขับออกจากยูโรโซนในที่สุด

    และสื่ออังกฤษยังรายงานเพิ่มเติมถึงคำถามในการลงคะแนนของประชาชนกรีก ที่มีรายงานว่านายกรัฐมนตรีกรีซได้เดินเข้าคูหาไปใช้สิทธิ์เสร็จสิ้นแล้ว

    โดยในคำถามที่ยาวและซับซ้อนจำนวน 1 ข้อ อนุญาตให้ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนกาช่องออกความเห็น “รับ” หรือ “ปฎิเสธ” เท่านั้น ซึ่งในคำถามมีข้อความว่า “เห็นด้วยในข้อเสนอของคณะกรรมาธิการยุโรป ธนาคารกลางยุโรป ECB และ IMF ที่ยื่นต่อกลุ่มยุโรปในวันที่ 25 มิถุนายน 2015 ซึ่งประกอบไปด้วย 2 ส่วนอยู่ในข้อเสนอร่วมนี้ และตกลงรับ”

    เป็นที่น่าสนใจว่า สกายนิวส์ สื่ออังกฤษได้รายงานว่า คำถามในการลงประชามติของกรีซนั้นทั้งซับซ้อนและยากที่จะคาดเดาได้ว่าต้องการสื่ออันใดกันแน่

    ด้าน IMF ได้ออกแถลงการณ์ในวันพฤหัสบดี(2)เตือนว่า กรีซยังคงต้องเผชิญหน้ากับมรสุมทางการเงินขนาดมหึมาไม่ว่าผลลัพท์ทางเลือกที่ประชาชนกรีกได้ตัดสินจะออกมาในรูปใดก็ตาม และเอเธนส์ยังต้องการเม็ดเงินจำนวนมากถึง 50 ล้านยูโร และการปลดหนี้ครั้งใหญ่

    ทั้งนี้สื่อออสเตรเลียระบุว่า หากปรากฏว่าเสียงประชามติส่วนใหญ่ออกเสียง “เยส” สนับสนุนให้เดินหน้ารับข้อเสนอของกลุ่มเจ้าหนี้ต่างชาติทรอยกาแล้ว ทั้งซีปราส และรัฐมนตรีการคลังกรีซ ยานิส วารูฟากิส ได้ลั่นวาจาว่า คนทั้งคู่จะยอมลาออก ซึ่งจะนำมาสู่ความยุ่งเหยิงทางการเมืองครั้งใหม่ของเอเธนส์ ที่จะต้องเลือกว่า ต้องทำให้รัฐบาลพรรคเนชันแนล ยูนิตีของกรีซกลับคืนสู่โต๊ะเจรจากับกลุ่มเจ้าหนี้ต่างชาติต่อ หรือจะประกาศการจัดเลือกตั้งทั่วไปก่อนเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

    และในการให้สัมภาษณ์ของวารูฟากิสในวันเสาร์(4) เขาได้เรียกกลุ่มเจ้าหนี้ต่างชาติว่า “เป็นการก่อการร้าย” โดยรัฐมนตรีการคลังกรีซกล่าวผ่านการสัมภาษณ์ของหนังสือพิมพ์สเปน El Mundo daily ว่า “ในสิ่งที่คนเหล่านั้นกำลังกระทำต่อกรีซนั้นถือเป็นการก่อการร้าย” และชายผู้นี้ยังกล่าวต่อไปอีกว่า “สิ่งที่ทางบรัสเซลส์และทางทรอยกาต้องการในวันนี้คือการเห็นผลโหวตเยส เพื่อต้องการหยามกรีซ”

    นอกจากนี้ซิดนีย์มอร์นิงเฮอรัลด์ยังรายงานต่อว่า รัฐมนตรีการคลังของกรีซยังได้ออกมาแถลงข่าวปฎิเสธจากการนำเสนอของสื่อธุรกิจสหรัฐ ไฟแนนซ์เชียลไทม์ว่า ถือว่าเป็นความเสี่ยงของประชาชนกรีซที่ยังคงมีบัญชีเงินฝากอยู่ในระบบธนาคาร โดยบรรดาประชาชนกรีกต้องเสี่ยงสูญเงินในบัญชีถึง 30% ของเงินฝากทั้งหมดที่มีอยู่ในบัญชีเพื่อรักษาระบบธนาคารกรีซไว้ โดยวารูฟากิสประณามว่า “เป็นข่าวลือที่ไม่มูลความจริงโดยสิ้นเชิง”

    โดยหนังสือพิมพ์ธุรกิจบริติช บิสซิเนส เดลี ได้อ้างคำพูดของแหล่งข่าวทางการเงินที่ใกล้ชิดการเจรจาหนี้กรีซระบุว่า เจ้าของบัญชีเงินฝากที่มีเงินมากกว่า 8,000 ยูโรในบัญชีอาจถูกบังคับให้ต้องรับการถูกแฮร์คัท หรือปรับลดจำนวนเงินในบัญชีลง

    และนอกจากเงินในบัญชีธนาคารที่ทางสกายนิวส์ สื่ออังกฤษชี้ว่า ไม่แน่่ว่าเมื่อธนาคารเปิดทำการแล้ว กรีซจะยังคงมีเงินจำนวนเพียงพอสำหรับทุกบัญชีเงินฝากของประชาชนหรือไม่ ซึ่งเป็นที่แน่ชัดในเวลานี้ว่า "กรีซถังแตกแล้ว" ในส่วนมาตรการควบคุมเงินทุนของเอเธนส์ยังได้ส่งผลทำให้อาหารและยารักษาโรคขาดแคลนหนัก ซึ่งทำให้ประชาชนกรีกต้องหวาดผวาด้วยไม่ทราบว่าธนาคารทั่วประเทศจะเปิดทำการอีกครั้งได้เมื่อใด และทำให้ประชาชนโดยทั่วไปต่างกักตุนเงินสด และสิ่งของจำเป็นในชีวิตท่ามกลางความวิตกว่าระบบเศรษฐกิจของประเทศจะล่มนับจากนี้

    และสำหรับร้านค้าต่างๆที่จำหน่ายอาหารและสินค้าในชีวิตประจำวันนั้นกลับมีชั้นวางขายที่ว่างเปล่า โดยสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ แป้งสาลี น้ำตาล เกลือ และพาสต้าเป็นสินค้ายอดฮิตที่ประชาชนกรีกทั่วไปต้องมีไว้ในความครอบครอง
    In Pics :
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รวมพลังต้านจีน "อเมริกา-ออสเตรเลีย" เปิดฉากซ้อมรบใหญ่ ญี่ปุ่นส่งกำลังมาแจม
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 กรกฎาคม 2558 15:34 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี - สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียเปิดฉากซ้อมรบครั้งใหญ่ที่ทำด้วยกันเป็นประจำทุก 2 ปีในวันอาทิตย์ (5 ก.ค.) โดยมีญี่ปุ่นเข้าร่วมด้วยเป็นครั้งแรก ท่ามกลางความตึงเครียดที่มีต่อจีนอันเนื่องมาจากข้อพิพาทเกี่ยวกับดินแดนทางทะเล

    การซ้อมรบ "ทาลิสแมน เซเบอร์" ในรัฐควีนส์แลนด์และรัฐนอร์ทเทิร์น เทอร์ริโทรี ของแดนจิงโจ้จะมีบุคลากรทางทหาร 30,000 นายจากอเมริกาและออสเตรเลียมาเข้าร่วม โดยจะฝึกซ้อมกันทั้งภาคพื้นดิน ทางทะเล ทางอากาศ

    นอกจากนี้ยังมีบุคลากรทางทหาร 40 นายจากกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินของญี่ปุ่น กับทหารอีกกว่า 500 นายจากนิวซีแลนด์ มาเข้าร่วมในการซ้อมรบครั้งนี้ ที่จะมีไปจนถึงวันที่ 21 กรกฎาคม

    "นี่คือมิตรประเทศที่มีความสำคัญมาก นี่เป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญยิ่ง ตอนนี้เรากำลังเผชิญกับความท้าทายจากหลายพื้นที่ของโลก โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง" นายกรัฐมนตรี โทนี แอบบอตต์ ของออสเตรเลีย กล่าวบนเรือบลูริดจ์ของสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

    การซ้อมรบนี้ ซึ่งจัดเป็นครั้งที่ 6 เกิดขึ้นในช่วงที่จีนกำลังแผ่ขยายอิทธิพลทั้งด้านยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย โดยมีการสร้างเกาะเทียมและอาคารสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออกที่กำลังเป็นกรณีพิพาท

    "นี่เป็นการส่งข้อความแฝงไปยังทุกระดับ ทั้งเรื่องฮาร์ดแวร์ไปจนถึงเรื่องเทคนิค ความเชี่ยวชาญเชิงกลยุทธและความร่วมมือ อเมริกาและชาติพันธมิตรหลักๆ กำลังทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อรับมือกับจีน" จอห์น ลี ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ระบุ

    "มันเกี่ยวกันอย่างแน่นอน กับแนวคิดที่ว่าจีนกำลังกร่างมากขึ้นทุกที แถมดูเหมือนจะทุ่มเงินเพิ่มศักยภาพทางทหารเพื่อหนุนความอหังการในทะเลจีนใต้โดยเฉพาะ" เขากล่าว

    อย่างไรก็ตาม จีนได้เคยปฏิเสธคำวิจารณ์ของสหรัฐฯ ในการประชุมแชงกรีลาไดอะล็อกเมื่อเดือนพฤษภาคม เรื่องการถมที่ในทะเลจีนใต้ โดยบอกว่าเป็นการดำเนินการภายใต้อธิปไตยของตน

    ลีเชื่อว่า บรรดามิตรประเทศของอเมริกา อย่างเช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินเดีย เวียดนามและฟิลิปปินส์ คงจะสนับสนุนการซ้อมรบนี้ เช่นเดียวกับการสนับสนุนกิจกรรมของออสเตรเลียและญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้

    "ไม่สงสัยเลยว่าจะต้องได้การตอบรับที่ดีอย่างแน่นอน เพราะชาติอื่นๆ ต่างก็หวังกันว่าอเมริกาและชาติพันธมิตรที่มีศักยภาพจะทำงานร่วมกันเพื่อต้านจีน" เขากล่าว



     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    จีนจัดซ้อมรบภายใต้ปฏิบัติการ "Hong Kong Defender-2015C" ขึ้นเป็นครั้งแรกในวันที่ 4 July เอ๊ะ… ทำไมต้องเป็นวันที่ 4 ด้วยนะ? ฮี่ๆๆ

    [​IMG]

    -----------
    พอพูดถึงเรื่องวันชาติสหรัฐฯ (4 July) มีอีกข่าวหนึ่งที่น่าสนใจซึ่งเกิดขึ้นในวันเดียวกันกับวันที่ 4 ก.ค.ที่สหรัฐฯและสถานทูตสหรัฐฯในต่างประเทศทั่วโลกเขาจัดงานฉลองวันชาติขึ้น แต่ที่ฮ่องกงมีแปลก จึนจัดให้เป็นพิเศษเช่นกัน เพื่อเอาใจสหรัฐฯ แต่ไม่ใช่เชิญชวนให้ประชาชนชาวจีนและชาวฮ่องกงไปร่วมฉลองวันชาติของอเมริกาที่ฮ่องกงนะขอรับ จีนบอกว่าต้องทำให้พิเศษกว่าที่อื่นๆ โดยจัดซ้อมรบทางทหาร 3 เหล่าทัพ (บก เรือ อากาศ) ขึ้นที่ฮ่องกงซะเลย และพึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกซะด้วย ภายใต้ปฏิบัติการ "Hong Kong Defender-2015C" โดยกองทัพปลดแอกประชาชนของจีน (People's Liberation Army) เรียกชื่อย่อว่า "PLA" (ปลา?) อ่ะปลาจริงดิ จะให้อ่านเป็นอย่างอื่นได้ไงเล่า?
    การซ้อมรบในครั้งนี้เป็นการซ้อมรบด้วยกระสุนจริง (live-fire exercise) (LFX) มีทั้งเฮลิค็อปเตอร์ จรวดทำลายรถถัง ยานเกราะ เรือปืน จากกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศของจีนที่ประจำการอยู่ในฮ่องกงเพื่อปกป้องฮ่องกงเข้าร่วมฝึกด้วย ทางจีนได้เชิญให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมชมการซ้อมรบดังกล่าวด้วย รายงานข่าวบอกว่ามีประชาชนเข้าชมการซ้อมรบในครั้งนี้มากกว่า 500 คน นาย Lam Shuk Yee ประธานสภาสหภาพหอค้าของฮ่องกง (Hong Kong Federation of Trade Unions) ที่เข้าร่วมชมปฏิบัติการซ้อมรบกล่วว่า "เหล่าทหารเป็นที่น่าประทับใจมาก! ผมรู้สึกปลอดภัยมากที่มีพวกเขาอยู่รอบๆ" (พูดจริงนะคุณลี? จริงดิ ดูสหรัฐฯเองก็ขยายกองทัพของตัวเองไปทั่วโลก ก็อ้างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนทั้งนั้น จะแปลกอะไรที่จีนจะมีกองทัพของตนประจำการอยู่ในฮ่องกงแทนที่จะเป็นกองทัพของชาติตะวันตกเหมือนสมัยที่ฮ่องกงตกอยู่ภายใต้การยึดครองของอังกฤษจนถึงปี 1997)
    หวังว่างานปาร์ตี้ Hong Kong Defender-2015C นี้คงจะถูกใจสหรัฐฯและชาติตะวันตกที่ต้องการจะเข้ายึดฮ่องกงอีกรอบนะ นี่เป็นการเดินเกมของจีนที่เฉียบคมมาก แทนที่จะจัดฉลองการได้รับอิสภาพจากอังกฤษ เพื่อให้สอดรับกับงานฉลองวันประกาศอิสภาพของสหรัฐฯ เดี๋ยวพวกโปรตะวันตกก็จะถือโอกาสออกมาประท้วงปฏิวัติร่มรอบที่สองอีก จีนก็ดัดหลังด้วยการจัดซ้อมรบข่มซะเลย
    The Eyes
    06/07/2558
    ----------
    PLA holds military drill in HK, locals invited to observe - People's Daily Online
    Locals invited to observe PLA drill in Hong Kong|WCT
    PLA holds military drill in HK, locals invited to observe - Xinhua | English.news.cn
    PLA holds military drill in HK, locals invited to observe[1]- Chinadaily.com.cn
     

แชร์หน้านี้

Loading...