ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    In Pics : ชาวกรีซชุมนุมหนุนโหวต'โน'ประชามติเงินช่วยเหลือ S&Pหั่นเครดิตเหลือ-CCC โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มิถุนายน 2558 03:28 น.

    [​IMG]
    @มีประชาชนราว 17,000 คนรวมตัวกันบนท้องถนนของเอเธนส์และเทสซาโลนิกิเมื่อวันจันทร์(29มิ.ย.) แสดงพลังว่าจะโหวต "โน" ต่อข้อเสนอข้อตกลงช่วยเหลือจากเจ้าหนี้นานาชาติ

    เอเอฟพี/รอยเตอร์ - มีประชาชนราว 17,000 คนรวมตัวกันบนท้องถนนของเอเธนส์และเทสซาโลนิกิเมื่อวันจันทร์(29มิ.ย.) แสดงพลังว่าจะโหวต "โน" ต่อข้อเสนอข้อตกลงช่วยเหลือล่าสุด พร้อมกล่าวหาเหล่าเจ้าหนี้นานาชาติว่าขู่กรรโชก ขณะที่เอสแอนด์พี ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงจาก 'CCC' สู่ '-CCC' โดยบอกว่าตอนนี้ความเป็นไปได้ที่เอเธนส์จะออกจากยูโรโซนอยู่ที่ 50-50

    "ชีวิตของเราไม่ได้เป็นของเจ้าหนี้" ป้ายข้อความหนึ่งที่ขึงอยู่เหนือผู้ประท้วง ที่ส่วนใหญ่เป็นเหล่าผู้สนับสนุนนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส และบอกว่าจะทำตามเสียงเรียกร้องของผู้นำรายนี้ที่ขอให้โหวตต่อต้านข้อตกลงล่าสุดในการลงประชามติวันอาทิตย์นี้(5ก.ค.) แม้เสี่ยงผลักให้ประเทศต้องออกจากยูโรโซนก็ตาม

    "ประชาชนกรีซเสียสละมามากแล้ว สิ่งที่ผมสนใจไม่ใช่ยูโร แต่เป็นสิ่งรับประกันเกี่ยวกับวิถีชีวิตที่สง่างามของอนุชนรุ่นหลัง" สานเกลิส เซเรส วัย 50 ปี ที่ว่างงานมาตั้งแต่ช่วงต้นของวิกฤตหนี้สินปี 2010 บอกกับเอเอฟพีจากจัตุรัสซินตักมาในเมืองหลวง

    ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์(29มิ.ย.) เหล่าผู้นำสหภาพยุโรป ร้องขอผู้มีสิทธิ์ออกเสียงชาวกรีซ โหวตสนับสนุนข้อเสนอช่วยเหลืออันที่เป็นถกเถียงหรือไม่ก็เสี่ยงออกจากยูโรโซน โดยนายฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เตือนชาวกรีซว่าไม่ควรเลือกฆ่าตัวตายเพียงเพราะกลัวความตาย พร้อมเรียกร้องโหวต "เยส" เนื่องจากหากโหวต "โน" จะเท่ากับหันหลังให้แก่ยุโรป อย่างไรก็ตาม ลอลา บากรินา หนึ่งในผู้ชุมนุมบอกว่าเธอจะโหวต "โน" เพราะเธอต้องการปลดปล่อยลูกๆให้เป็นอิสระ"

    ท่ามกลางเสียงขัดขืนของประชาชนชาวกรีซต่อข้อเสนอข้อตกลงช่วยเหลือจากเหล่าเจ้าหนี้นานาชาติ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส(S&P)ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ จาก'CCC' สู่ '-CCC' โดยบอกว่าตอนนี้ความเป็นไปได้ที่เอเธนส์จะออกจากยูโรโซนอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์

    โต๊ะเจรจาเงินช่วยเหลือระหว่างกรีซกับเหล่าเจ้าหนี้พังครืนลงเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กระพือความกังวลหนักหน่วงขึ้นว่าอีกไม่นานประเทศแห่งนี้คงต้องออกจากยูโรโซน ขณะที่เจ้าหนี้กรีกรายหนึ่งบอกกับรอยเตอร์เมื่อวันจันทร์(29มิ.ย.) บอกว่าพวกเขาจะไม่ชำระหนี้ 1,600 ยูโร ที่จะครบกำหนดในวันอังคาร(30มิ.ย.) แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)

    S&P ประเมินว่ามีความเป็นไปได้ที่กรีซอาจผิดนัดชำระหนี้ภาคเอกชนในช่วง 6 เดือนข้างหน้า และในกรณีที่กรีซต้องออกจากยูโรโซน จะทำให้ประเทศแห่งนี้ขาดแคลนเงินตราต่างประเทศสำหรับภาคเอกชนและภาครัฐอย่างรุนแรง ซึ่งบางทีอาจนำไปสู่การจำกัดการนำเข้าสำคัญๆ

    นอกจากนี้แล้วทางเอสแอนด์พียังให้แนวโน้มความน่าเชื่อถือของกรีซเป็น "เชิงลบ" ซึ่งหมายความว่าเอเธนส์อาจจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงอีก โดย S&P ระบุว่าอาจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของกรีซ ภายใน 6 เดือนข้างหน้าในกรณีผิดนัดชำระหนี้ภาคเอกชน

    [​IMG]

    In Pics :
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปธ.ยุโรปร้องกรีซโหวต YES เจ้าหนี้แบะท่าพร้อมเจรจาใหม่หลังประชามติ
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มิถุนายน 2558 02:30 น. (แก้ไขล่าสุด 30 มิถุนายน 2558 10:57 น.)

    [​IMG]
    @ฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเมื่อวันจันทร์(29มิ.ย.) เรียกร้องชาวกรีซโหวต "YES" ในประชามติชี้ชะตารับข้อเสนอกู้ยืมหรือออกจากยูโร

    เอเอฟพี - ฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเมื่อวันจันทร์(29มิ.ย.) เรียกร้องชาวกรีซโหวต “YES” ในประชามติชี้ชะตารับข้อเสนอกู้ยืมหรือออกจากยูโร ขณะที่คำสั่งปิดธนาคารของเอเธนส์ทำประชาชนตะเกียกตะกายควานหาเงินสด อย่างไรก็ตามพอมีสัญญาณแง่ดีเข้ามาบ้าง หลังเหล่าเจ้าหนี้อย่างเยอรมนี แบะท่าประนีประนอมพร้อมเปิดโต๊ะเจรจารอบใหม่ แต่ต้องหลังประชามติ ส่วนประธานยูโรกรุ๊ปก็เชื่อว่ายังมีหนทางที่จะหลีกเลี่ยง “Grexit” หรือกรีซต้องออกจากยูโรโซน

    จุงเกอร์ กล่าวโจมตีตรงๆ ต่อนายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีของกรีซ โดยบอกว่าเขารู้สึกผิดหวังต่อพฤติกรรมของรัฐบาลซ้ายจัดเอเธนส์ พร้อมระบุถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลของนายซีปราสต้องบอกความจริงกับผู้มีสิทธิออกเสียง

    กรีซ ซึ่งประกาศมาตรการควบคุมเงินทุนเมื่อวันอาทิตย์ (28 มิ.ย.) กำลังโงนเงนสู่การผิดนัดชำระหนี้ต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ในวันอังคาร (30 มิ.ย.) และเป็นไปได้ที่ต้องออกจากยูโรโซน หลังสร้างความตกตะลึงด้วยการล้มโต๊ะเจรจาหนี้กับเหล่าเจ้าหนี้ระหว่างประเทศเมื่อวันเสาร์ (27 มิ.ย.)

    เมื่อยังไม่มีข้อตกลงปฏิรูปแลกความช่วยเหลือซึ่งจะปลดล็อกเงินกู้งวดสุดท้าย 7,200 ล้านยูโรที่ถูกแช่แข็งไว้ กรีซซึ่งนับตั้งแต่ปี 2010 ได้รับแพกเกจเงินกู้ช่วยไม่ให้ล้มละลาย 2 แพกเกจคิดเป็นมูลค่ารวม 240,000 ล้านดอลลาร์แล้ว ก็คงต้องผิดนัดชำระหนี้ ไม่มีเงินผ่อนจ่ายคืนเงินกู้ให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เมื่อถึงกำหนดชำระในวันอังคาร (30 มิ.ย.)

    “ผมจะบอกกับชาวกรีซ คนที่ผมที่รักอย่างสุดใจว่าคุณไม่ควรเลือกฆ่าตัวตายเพียงเพราะคุณกลัวความตาย” อดีตนายกรัฐมนตรีลักเซมเบิร์กล่าว พร้อมเรียกร้องชาวกรีซโหวต “เยส” ในการลงประชามติวันอาทิตย์ (5 ก.ค.) นี้ “การโหวตโนอาจหมายถึง กรีซปฏิเสธยุโรป” เขาแถลงต่อผู้สื่อข่าวในกรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของเบลเยียม


    ชาวกรีซแห่ไปยังตู้เอทีเอ็มเพื่อถอนเงิน หลังรัฐบาลเอเธนส์ชุดปัจจุบันซึ่งเป็นพวกฝ่ายซ้ายประกาศจัดการลงประชามติในวันที่ 5 กรกฎาคมนี้ ว่ามหาชนชาวกรีกจะยอมรับหรือปฏิเสธผลลัพธ์การเจรจาข้อตกลงช่วยเหลือทางการเงินระหว่างเอเธนส์กับเจ้าหนี้นานาชาติกลุ่มทรอยกา

    นายจุงเกอร์ แสดงความผิดหวังอย่างยิ่งต่อนายซีปราสวัย 40 ปี เนื่องด้วยในช่วงเวลา 5 เดือนแห่งการเจรจาหนี้ที่เต็มไปด้วยปัญหา ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปรายนี้เป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดหรือบางครั้งก็เป็นพันธมิตรเพียงหนึ่งเดียวของกรีซ อย่างไรก็ตามเอเธนส์ ก็ตอบโต้กลับมาอย่างทันควัน โดยตั้งคำถามถึงความจริงใจของนายจุงเกอร์ในโต๊ะเจรจา

    นายซีปราส สร้างความตกตะลึงแก่ยุโรปในช่วงกลางดึกวันศุกร์ (26 มิ.ย.) ด้วยประกาศจัดลงประชามติในวันที่ 5 กรกฎาคม ให้ชาวกรีซเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตนเองว่าจะสนับสนุนข้อตกลงช่วยเหลือของเจ้าหนี้หรือไม่ ซึ่งเหล่าผู้นำอียูบางคนมองว่าการโหวตครั้งนี้ ในความเป็นจริงก็เหมือนเป็นการตัดสินอนาคตของกรีซในยูโรโซน

    นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เรียกร้องประนีประนอมด้วยเตือนว่าหากเงินยูโรล้ม ยุโรปก็จะล้มตามไปด้วย โดยเธอบอกว่าพร้อมเจรจารอบใหม่กับรัฐบาลกรีซ แต่การเจรจาใดๆ น่าจะมีขึ้นหลังการลงประชามติแล้ว

    ส่วนนายเจอโรน ดิจเซลโบลม ประธานยูโรกรุ๊ป ยืนยันว่าประตูสำหรับกรีซยังเปิดอยู่ แม้ถูกล้มโต๊ะเจรจาเงินช่วยเหลือไปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมเชื่อยังมีความเป็นไปได้ที่จะหลีกเลี่ยง “Grexit” หรือกรีซต้องออกจากยูโรโซน “ผมขอบอกอีกครั้งว่า สำหรับเราประตูยังคงเปิดอยู่ แม้ในขณะเดียวกันความเป็นไปได้และเวลาที่เหลือนั้นมีอย่างจำกัดอย่างยิ่ง”

    ซีปราส ซึ่งพรรคซีรีซาของเขา ก้าวขึ้นสู่อำนาจในเดือนมกราคม ด้วยโนยายหาเสียงต้านมาตรการรัดเข็มขัด แนะนำให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงโหวตต่อต้านข้อตกลง โดยบอกว่ามันจะซ้ำเติมความทุกข์ทรมานแก่ประเทศที่ต้องอดทนกับภาวะถดถอย ความยุ่งเหยิงและตัวเลขคนว่างงานที่สูงลิ่วมานานกว่า 5 ปี

    เหล่ารัฐมนตรีคลังยูโรโซนเมื่อวันเสาร์ (29 มิ.ย.) แสดงความโกรธเกรี้ยวต่อกรีซที่ปฏิเสธขยายข้อตกลงช่วยเหลือ ที่จะช่วยให้การเงินของเอเธนส์ยังอยู่ในภาวะลอยตัวเกินวันที่ 30 มิถุนายน และล่วงเลยไปจนถึงวันลงประชามติ

    การตัดสินใจดังกล่าวกระตุ้นให้ชาวกรีซแห่ไปยังตู้เอทีเอ็มเพื่อถอนเงิน เพิ่มความตึงเครียดแก่ภาคธนาคารของประเทศที่แต่เดิมก็ง่อนแง่นอยู่ก่อนแล้ว และเพื่อหยุดการไหลออกของเงิน เอเธนส์จึงประกาศปิดธนาคารไปจนถึงวันที่ 6 กรกฎาคม ด้วยออกข้อกำหนดให้ประชาชนชาวกรีซสามารถถอนเงินได้เพียงวันละ 60 ยูโร (ราว 2,230 บาท) เท่านั้น ยกเว้นเพียงชาวต่างชาติที่ยังคงสามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้ตามเกณฑ์การถอนเงินขั้นสูงสุด ตามที่ธนาคารแต่ละแห่งเป็นผู้กำหนด ขณะที่ตลาดหุ้นเอเธนส์ก็ปิดทำการไปจนถึงวันที่ 7 กรกฎาคม

    อย่างไรก็ตาม มาตรการเข้มงวดนี้ที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องระบบธนาคารจากความตื่นตระหนกของประชาชน ก็ไม่อาจยับยั้งประชาชนชาวกรีซได้ โดยผู้คนยังคงรุดกันออกไปต่อแถวเพื่อถอนเงินตามเพนดานสูงสุดที่สามารถเบิกได้ในแต่ละวัน “ไม่มีเงิน ไม่มีความหวัง เราจะผ่านสถานการณ์แบบนี้ไปได้อย่างไร” คริส เบกัส หนุ่มว่างงานวัย 28 ปีคนหนึ่งบอกกับเอเอฟพีระหว่างที่กำลังกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม

    วิกฤตที่ลุกลามอย่างรวดเร็วนี้มีขึ้นหลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้ออกคำแถลงภายหลังการประชุมฉุกเฉินทางโทรศัพท์ของสภาผู้ว่าการของธนาคาร โดยระบุว่า มีมติให้คงเพดานการจัดหาความช่วยเหลือด้านสภาพคล่องฉุกเฉินให้แก่พวกธนาคารต่างๆ ของกรีซเอาไว้ในระดับที่ได้ให้ไปเมื่อวันศุกร์ (26 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีการอัดฉีดให้เม็ดเงินเพิ่มเติมให้อีก หลังจากที่ได้เพิ่มเพดานความช่วยเหลือดังกล่าวนี้มาแล้วหลายครั้ง ตลอดระยะเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข้อมูลชี้มีพลเมืองจากประเทศกลุ่ม “ความร่วมมือเซี่ยงไฮ้” มากกว่า 2,000 ชีวิตเข้าร่วมกลุ่มติดอาวุธสุดโต่งในต่างแดน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มิถุนายน 2558 02:14 น. (แก้ไขล่าสุด 30 มิถุนายน 2558 10:47 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ข้อมูลล่าสุดระบุ มีพลเมืองมากกว่า 2,000 ราย จากประเทศสมาชิกขององค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization : SCO) ที่เดินทางออกนอกประเทศบ้านเกิดของตนเพื่อไปเข้าร่วมกับกลุ่มติดอาวุธสุดโต่งทั้งหลาย

    รายงานข่าวที่มีการเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (29 มิ.ย.) ซึ่งอ้างการออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนของตาอาลาย มูซาบาเยฟ ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายประจำภูมิภาคขององค์กรเอสซีโอ (SCO Regional Anti-Terrorist Center) ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา มีพลเมืองมากกว่า 2,000 ชีวิต จากประเทศสมาชิกของกลุ่มองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) เดินทางไปเข้าร่วมกับกลุ่มนักรบหัวรุนแรงที่มีแนวคิดสุดโต่งหลายกลุ่มในต่างประเทศ

    ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่แห่งศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายประจำภูมิภาคของเอสซีโอ ระบุว่า ในจำนวนกลุ่มติดอาวุธสุดโต่งที่พลเมืองจากชาติสมาชิกเอสซีโอเดินทางไปเข้าร่วมด้วยนั้น มีรายชี่อของกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) แห่งอิรักและซีเรีย, กลุ่มแนวร่วมอัล-นุสราในซีเรีย ตลอดจนเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ในหลายประเทศทั้งในภูมิภาคตะวันออกกลางและทวีปแอฟริการวมอยู่ด้วย

    อย่างไรก็ตาม มูซาบาเยฟยอมรับว่า จนถึงขณะนี้มีพลเมืองจำนวนหนึ่งของประเทศสมาชิกเอสซีโอที่เดินทางไปเข้าร่วมกับพวกสุดโต่งได้เสียชีวิตแล้วจากการสู้รบหรือปฏิบัติการทางทหารในรูปแบบต่างๆ

    แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ พลเมืองของกลุ่มประเทศเอสซีโอที่เดินทางกลับมายังประเทศบ้านเกิดของตนหลังจากไปเข้าร่วมกับกลุ่มติดอาวุธสุดโต่งต่างๆ เนื่องจากคนกลุ่มนี้ซึ่งยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด ได้กลับเข้าประเทศมาพร้อมกับทักษะการต่อสู้ การใช้อาวุธ และเทคนิคการวางแผนก่อการร้ายรูปแบบต่างๆ ซึ่งอาจถูกนำมาใช้ในการก่อเหตุโจมตีหรือบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศบ้านเกิดได้

    ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่แห่งศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายประจำภูมิภาคของเอสซีโอระบุว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศสมาชิกเอสซีโอซึ่งประกอบด้วยรัสเซีย จีน ทาจิกิสถาน คีร์กิซสถาน อุซเบกิสถาน และคาซัคสถานจะต้องหันมายกระดับความร่วมมือด้านข่าวกรองและความมั่นคงระหว่างกันให้มากขึ้นเพื่อรับมือกับภัยคุกคามนี้

    ทั้งนี้ องค์กร Shanghai Cooperation Organization เดิมใช้ชื่อว่า “กลุ่มเซี่ยงไฮ้ 5” (Shanghai Five) ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1996 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการเมือง เศรษฐกิจ และความมั่นคงระหว่างสมาชิกแรกก่อตั้ง 5 ประเทศ คือ จีน รัสเซีย ทาจิกิสถาน คีร์กิซสถาน และคาซัคสถาน แต่เมื่อมีการรับเอาอุซเบกิสถานเข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 6 เมื่อปี 2001 จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อองค์กรมาเป็นชื่อที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

    [​IMG]


     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คาร์บอมบ์เด็ดชีพอัยการสูงสุดอียิปต์ อิสลามิสต์โจมตีเอาคืนระบบยุติธรรม โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มิถุนายน 2558 01:02 น. (แก้ไขล่าสุด 30 มิถุนายน 2558 10:39 น.)

    [​IMG]
    @นายฮิชาม บารากัต อัยการสูงสุดของอียิปต์ เสียชีวิตจากคาร์บอมบ์เมื่อวันจันทร์(29มิ.ย.)

    รอยเตอร์ - อัยการสูงสุดของอียิปต์เสียชีวิตในวันจันทร์ (29 มิ.ย.) หลังได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุคาร์บอมบ์ถล่มขบวนรถของเขาขณะกำลังเดินทางออกจากบ้านในกรุงโคไรในวันเดียวกัน ชี้ให้เห็นว่าพวกนักรบอิสลามิสต์กำลังขยายการโจมตีต่อระบบศาลยุติธรรม

    เหล่าผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆ ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีมากขึ้นจากเหล่าอิสลามิสต์หัวรุนแรงที่ต่อต้านประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี และโกรธเคืองต่อกรณีศาลออกบทลงโทษอย่างหนักหน่วงจำคุกสมาชิกของขบวนการภราดรภาพมุสลิม ที่ตอนนี้กลายเป็นกลุ่มนอกกฎหมาย

    เหตุโจมตีในวันจันทร์ (29 มิ.ย.) ถือเป็นปลิดชีพเจ้าหน้าที่รัฐที่มีตำแหน่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ ซิซี อดีตผู้บัญชาการทหารที่นำกองทัพขับไล่ประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด มอร์ซี ในปี 2013 ตามหลังการประท้วงใหญ่ต่อต้านการปกครองของผู้นำรายนี้ ขณะที่นายมอร์ซี นั้น เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา เพิ่งถูกพิพากษาประหารชีวิตจากความผิดเกี่ยวกับการแหกคุกหมู่ในปี 2011

    สื่อมวลชนแห่งรัฐและแหล่งข่าวยุติธรรมยืนยันว่านายฮิชาม บารากัต อัยการสูงสุดของอียิปต์ เสียชีวิตที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเขตเฮลิโอโปลิส หลังจากเข้ารับการผ่าตัดหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้

    เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุที่คนร้ายลงมือคาร์บอมบ์ถล่มขบวนรถของนายฮิชาม บารากัต อัยการสูงสุดของอียิปต์เมื่อวันจันทร์(29มิ.ย.) จนส่งผลให้อัยการสูงสุดรายนี้เสียชีวิต

    เบื้องต้นยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีดังกล่าว ส่วนแหล่งข่าวด้านความมั่นคงเผยว่าระเบิดถูกซุกซ่อนในรถยนต์ที่จอดอยู่และถูกจุดชนวนจากระยะไกลระหว่างที่ขบวนรถของนายบารากัตแล่นผ่าน ขณะที่ มีนา สำนักข่าวแห่งรัฐบอกว่าแรงระเบิดยังทำให้คนอื่นๆได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 9 คน ในนั้นมีทั้งตำรวจและพลเรือน

    เมื่อเดือนที่แล้ว เครือข่ายอียิปต์ของพวกนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) เรียกร้องสมุนโจมตีเหล่าผู้พิพากษา เปิดแนวรบใหม่ก่อความไม่สงบในประเทศที่มีพลเรือนมากที่สุดในโลกอาหรับ และในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม มีผู้พิพากษา 3 คนถูกยิงเสียชีวิตในเมืองอัล-อาริช แถบคาบสมุทรไซนาย

    อียิปต์กำลังเผชิญกับเหตุรุนแรงจากฝีมือพวกก่อความไม่สงบที่มีฐานในอยู่แถบคาบสมุทรไซนาย ที่คร่าชีวิตตำรวจและทหารแล้วหลายร้อยศพ นับตั้งแต่การล่มสลายของนายมอร์ซี โดยกลุ่มที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดได้แก่ ไซนายพรอวินซ์ ที่ประกาศภักดีต่อไอเอส

    โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีบอกกับสำนักข่าวมีนาว่า กระทรวงมหาดไทยจะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยก่อนหน้าวันครบรอบการโค่นล่มนายมอร์ซี ในวันที่ 30 มิถุนายน ในนั้นรวมถึงยกระดับเตือนภัยขั้นสูงสุดและเสริมกองกำลังด้านความมั่นคงตามสถาบันสำคัญต่างๆ

    อาห์เมด เอล-ไซนด์ ที่ถูกมองในฐานะผู้พิพากษาหัวแข็งและมักออกมาวิพากษ์วิจารณ์ขบวนภราดรภาพมุสลิม บอกก่อนหน้าที่นายบารากัตจะเสียชีวิตว่า การโจมตีไม่อาจขัดขวางเหล่าผู้พิากษาและอัยการรัฐของอียิปต์ จากการทำหน้าที่เพื่อชาติที่ได้รับมอบหมายตามรัฐธรรมนูญ เพื่อเอาชนะเครือข่ายก่อการร้ายและอาชญากรรมอื่นๆ

    ว่ากันว่าระบบศาลยุติธรรมของอียิปต์มีความเป็นอิสระจากรัฐบาลและทหาร แต่ผู้พิพากษาบางส่วนก็ถูกกล่าวหาว่ามีความลำเอียงอย่างโจ่งแจ้งด้วยมักสั่งลงโทษจำคุกเป็นเวลานานและประหารหมู่ต่อพวกอิสลามิสต์

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปากพาซวย! ช่อง NBC สาปส่งเจ้าพ่ออสังหาฯ “โดนัลด์ ทรัมป์” เลิกถ่ายทอดทั้ง “มิสยูเอสเอ-มิสยูนิเวิร์ส” เหตุปากพล่อยหมิ่นผู้อพยพเม็กซิกัน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มิถุนายน 2558 08:58 น.

    [​IMG]
    @โดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

    เอเอฟพี – สถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีประกาศตัดความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ โดนัลด์ ทรัมป์ เจ้าพ่อนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และดาราทีวีเรียลลิตีโชว์ชาวอเมริกันซึ่งผันตัวมาเป็นผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี ภายหลังจากมหาเศรษฐีรายนี้ออกมาวิจารณ์เหยียดหยามผู้อพยพเม็กซิกันว่าเป็นพวก “ตัวปัญหา”

    นั่นหมายความว่า เวทีประกวดขาอ่อนทั้ง มิสยูเอสเอ และมิสยูนิเวิร์ส ที่ ทรัมป์ เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอด จะไม่ออกอากาศผ่านช่องเอ็นบีซีอีกต่อไป และตัว ทรัมป์ เองก็ต้องหลุดจากรายการเรียลลิตีโชว์ “The Apprentice” ที่เขาเป็นดาราตัวเอกอยู่ด้วย

    ก่อนหน้านี้ 4 วัน สถานีโทรทัศน์ยูนิวิชันซึ่งเป็นเจ้าตลาดทีวีภาคภาษาสเปนในสหรัฐฯ ก็ออกมาตัดสัมพันธ์กับกองประกวดมิสยูนิเวิร์สเช่นกัน

    สัปดาห์ที่แล้ว เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์รายนี้ประกาศตัวจะชิงตำแหน่งผู้แทนพรรครีพับลิกันในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 และใช้เวลา 45 นาทีพูดพล่ามโวยวายเรื่องต่างๆ ที่ระคายหูผู้ฟังทั้งในอเมริกาและต่างประเทศ

    ชาวอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิกเป็นพลเมืองกลุ่มน้อยที่เติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐฯ และส่วนใหญ่ก็เป็นลูกหลานผู้อพยพชาวเม็กซิโก

    ทรัมป์ กล่าวว่า “ตอนเม็กซิโกส่งคนมาให้เรา พวกเขาไม่ได้คัดเอาพวกที่ดีที่สุดมา... แต่กลับส่งพวกที่สร้างปัญหา และพวกนั้นก็เอาปัญหามาทิ้งไว้ที่เรา ทั้งเรื่องยาเสพติด อาชญากรรม โจรข่มขืน”

    มิเกล อังเกล โอโซริโอ ชอง รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเม็กซิโก ออกมาวิจารณ์คำพูดของ ทรัมป์ ว่าเต็มไปด้วย “อคติ” และ “หาสาระไม่ได้”

    กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิชาวอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิกล้วนประณามคำพูดของ ทรัมป์ ส่วนตัวเก็งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตอย่าง ฮิลลารี คลินตัน ก็ถือโอกาสนี้ถล่มมหาเศรษฐีปากพล่อยว่าพูดจายั่วยุให้เกิดความแตกแยก

    อย่างไรก็ตาม ดูเหมือน ทรัมป์ จะยังไม่สะทกสะท้านกับเสียงก่นด่าทั้งหลาย เพราะเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เขายังออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลจังโก้จ่ายเงินสร้าง “กำแพง” กั้นระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโกเสียด้วย

    “ผมจะต้องใช้วิธีรุนแรง ถ้าพวกเขาไม่ช่วยสนับสนุนหรือออกเงินสร้างกำแพง” ทรัมป์ กล่าวในรายการ State of the Union ทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น

    “เราต้องรองรับคนสารพัดกลุ่มที่เดินทางข้ามแดนเข้ามา ซึ่งคนพวกนี้แย่... แย่มากๆ”

    “ผมไม่ได้หมายถึงชาวเม็กซิกันเท่านั้นนะ แต่หมายถึงทุกๆ กลุ่ม ซึ่งมีทั้งฆาตกรและพวกโจรข่มขืนด้วย”

    “เม็กซิโกปฏิบัติไม่ดีกับเรา ทำเหมือนเราเป็นพวกโง่เง่าเต่าตุ่น ซึ่งอันที่จริง... ผู้นำของประเทศเราก็เป็นอย่างนั้นเสียด้วย”


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผลสำรวจชี้กรุงเทพฯ ติดโผเมืองที่มีราคาขาย “เบียร์” สุดถูกเป็น “อันดับ 10 ของโลก-อันดับ 3 ในเอเชีย” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    30 มิถุนายน 2558 08:56 น. (แก้ไขล่าสุด 30 มิถุนายน 2558 10:45 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผลสำรวจล่าสุดชี้ “กรุงเทพมหานคร” เมืองหลวงของประเทศไทย ติดอันดับเมืองที่มีราคาจำหน่าย “เบียร์” ต่ำที่สุดเป็นอันดับที่ 10 ของโลก และเป็นอันดับที่ 3 ในทวีปเอเชีย เป็นรองแค่เพียงกรุงนิวเดลีของอินเดีย และนครโฮจิมินห์ของเวียดนาม ส่วนเมืองคราคอฟทางภาคใต้ของโปแลนด์ และกรุงเคียฟเมืองหลวงของยูเครน ครองแชมป์ร่วมกันในฐานะเมืองที่มีราคาจำหน่ายเบียร์ “ถูกที่สุดของโลก”

    ผลสำรวจ “2015 เวิลด์ เบียร์ ไพรซ์ อินเด็กซ์” โดยทีมงานของเว็บไซต์ “GoEuro.co.uk” ซึ่งสำรวจข้อมูลราคาจำหน่าย (ปลีก) ของเบียร์ตามร้านอาหารและซูเปอร์มาร์เก็ตใน 75 เมืองใหญ่ทั่วโลกในปีนี้พบว่า เมืองคราคอฟ ซึ่งเป็นบ้านของประชากรราว 761,900 คนทางภาคใต้ของโปแลนด์ และกรุงเคียฟเมืองหลวงของยูเครน ถือเป็นเมืองที่มีราคาจำหน่ายของเบียร์ต่ำเตี้ยติดดินที่สุดในโลกร่วมกันในปี 2015 นี้ จากการที่ราคาขายโดยเฉลี่ยของเบียร์ขนาด 330 มิลลิลิตรในเมืองทั้งสอง อยู่ที่เพียงขวดละ 1.07 ปอนด์สเตอร์ลิง (ราว 56.8 บาท)

    นอกเหนือจากเมืองคราคอฟของโปแลนด์ และกรุงเคียฟเมืองหลวงของยูเครนแล้ว เมืองอื่นๆ ที่มีชื่อติดอันดับการมีราคาจำหน่ายเบียร์ต่อขวดที่ต่ำที่สุดใน 10 อันดับแรกของโลกจากการสำรวจล่าสุดในปีนี้ ยังประกอบไปด้วยกรุงบราติสลาวาของสโลวาเกีย (1.09 ปอนด์), เมืองมาลากาของสเปน (1.11 ปอนด์), กรุงนิวเดลีของอินเดีย (1.13 ปอนด์), นครโฮจิมินห์ของเวียดนาม (1.15 ปอนด์), กรุงเม็กซิโกซิตีของเม็กซิโก (1.26 ปอนด์), กรุงเบลเกรด ของเซอร์เบีย (1.27 ปอนด์), กรุงอะซุนซิอองของปารากวัย (1.28 ปอนด์) และกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทยซึ่งอยู่ในอันดับ 10 ของการเป็นเมืองที่มีราคาจำหน่ายโดยเฉลี่ยของเบียร์ขนาด 330 มิลลิลิตรต่อขวดที่ “1.36 ปอนด์ หรือราว 72.2 บาท”

    หากเปรียบเทียบเฉพาะในทวีปเอเชียแล้ว กรุงเทพมหานครจะอยู่ในอันดับที่ 3 ของการเป็นเมืองที่มีเบียร์ราคาถูกที่สุด เป็นรองแค่เพียงกรุงนิวเดลีของอินเดีย และนครโฮจิมินห์ของเวียดนาม

    แต่หากนับเฉพาะเมืองใหญ่ในกลุ่มประเทศอาเซียนแล้ว นครโฮจิมินห์จะรั้งอันดับ 1 ของการเป็นเมืองสวรรค์ของเบียร์ราคาถูก ตามมาด้วยกรุงเทพฯ ในอันดับที่ 2 ส่วนในอันดับที่ 3-5 คือ เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย (1.40 ปอนด์), กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ (1.47 ปอนด์) และกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย (2.76 ปอนด์)

    ในทางกลับกัน ผลสำรวจครั้งนี้ระบุว่านครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ครองตำแหน่งเมืองที่มีราคาจำหน่ายปลีกเบียร์ขนาด 330 มิลลิลิตรต่อขวดที่ถือว่า “แพงหูฉี่ที่สุดในโลก” ตกราคาขวดละ 4.08 ปอนด์ (ราว 216.6 บาท) ตามมาด้วยเขตปกครองพิเศษฮ่องกง (3.97 ปอนด์), เมืองเทลอาวีฟของอิสราเอล (3.73 ปอนด์), กรุงออสโลของนอร์เวย์ (3.42 ปอนด์) และมหานครนิวยอร์กของสหรัฐอเมริกา (3.36 ปอนด์) ตามลำดับ


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประมงโคราชผวา! น้ำลดกระชังเลี้ยงปลาอื้อกว่า 3,000 กระชัง ทำ 2 เขื่อนใหญ่น้ำเน่า โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มิถุนายน 2558 11:27 น. (แก้ไขล่าสุด 30 มิถุนายน 2558 12:00 น.)

    [​IMG]
    @การเลี้ยงปลากระชัง ในเขื่อนลำแชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ที่มีเป็นจำนวนมาก

    ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - แล้งส่งผลกระทบพ่อแม่พันธุ์ปลาในแหล่งน้ำธรรมชาติสูญพันธุ์ ล่าสุด “อ่างเก็บน้ำละหานลูกนก” เนื้อที่กว่า 3,000 ไร่แห้งขอด เผยหวั่นกระชังเลี้ยงปลาใน 2 เขื่อนใหญ่โคราช ลำแชะ-มูลบน จำนวนมากกว่า 3,000 กระชังทำน้ำเขื่อนเน่าเสีย เร่งลดจำนวนก่อนเกิดปัญหา พร้อมส่งเสริมหันเลี้ยงปลากระชังในบ่อดินแทน

    วันนี้ (30 มิ.ย.) นายสมพร กุลบุญ ประมงจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงผลกระทบภัยแล้งด้านการประมงว่า สถานการณ์ภัยแล้งที่ทวีความรุนแรงอยู่ในขณะนี้ส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของปลาธรรมชาติต่างๆ อย่างมาก โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำละหานลูกนก อ.บ้านเหลื่อม เนื้อที่ประมาณ 2,000-3,000 ไร่ขณะนี้น้ำแห้งขอดพ่อแม่พันธุ์ปลาธรรมชาติในอ่างเก็บน้ำดังกล่าวได้สูญพันธุ์ไปแล้ว นอกจากนี้ อ่างเก็บน้ำแห่งอื่นๆ กำลังทยอยแห้งขอดจากภาวะฝนทิ้งช่วง ภัยแล้ง และปรากฏการณ์เอลนีโญ

    ขณะนี้ทางประมงจังหวัดนครราชสีมาได้มีการประกาศห้ามจับสัตว์น้ำในฤดูสืบพันธุ์วางไข่และเลี้ยงดูลูกอ่อนตั้งแต่เดือน 1 มิ.ย.-30 ก.ย. ของทุกปี ช่วงนี้ฝนตกลงมาน้อย ปลาที่สืบพันธุ์วางไข่ยากยังไม่มีการสืบพันธุ์เลย ส่วนปลาที่สืบพันธุ์ง่ายในธรรมชาติ เช่น ปลาสร้อย มีแนวโน้มประชากรมากขึ้น แต่ปลาที่มีการเจริญพันธุ์ยากก็มีผลต่อการสืบพันธุ์วางไข่ รวมถึงปลาอีกหลายชนิดที่ได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้ง เช่น ปลาพวงโคราช ปลาดุกนา หรือปลาดุกด้าน หรือปลาดุกอุย ที่มีแนวโน้มจะสูญพันธุ์ไปจากท้องไร่ท้องนา

    นายสมพรกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือคุณภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของ จ.นครราชสีมา โดยเฉพาะเขื่อนลำแชะ อ.ครบุรี และเขื่อนมูลบน อ.ครบุรี เนื่องจากมีการเลี้ยงปลาในกระชังรวมมากกว่า 3,000 กระชัง ซึ่งมีเป็นจำนวนมากกว่าพื้นที่แหล่งน้ำ อีกทั้งปริมาณน้ำได้ลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ทางเขื่อนและประมงจังหวัดพยายามเจรจากับผู้ประกอบการให้ลดการทำกระชังเลี้ยงปลาลงให้เหลือ 500 กระชัง สำหรับเขื่อนมูลบน และเขื่อนลำแชะ ควรมีแค่ 1,000 กระชัง เพื่อให้สัมพันธ์กับแหล่งน้ำ

    ทั้งนี้ ธรรมชาติของปลาเมื่อกินอาหารเข้าไปเท่าไหร่ก็มักจะขับถ่ายของเสียออกมาเท่านั้น ฉะนั้นหากมีมากจนเกินไปจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำในเขื่อนที่อาจสกปรกเน่าเสียใช้การไม่ได้ ซึ่งขณะนี้ก็พยายามบำบัดด้วยจุลินทรีย์กันอยู่

    ขณะที่ทางจังหวัดนครราชสีมาได้มีการส่งเสริมให้ทำบ่อเลี้ยงปลาในพื้นที่นาลุ่มแทนเลี้ยงในเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำ เช่นที่ ต.ธารประสาท หมู่ 3 บ้านวังม่วง อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา เกษตรกรประสบความสำเร็จในการทำกระชังเลี้ยงปลาในบ่อดิน ขณะนี้กำลังขยายพื้นที่ออกไปเพื่อลดจำนวนการเลี้ยงปลากระชังในเขื่อนลงให้ได้ นายสมพรกล่าวในตอนท้าย


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ทต.ดงคอน” ชัยนาทเรียกชาวนาบ้านทุ่งกระถินประชุมลดความขัดแย้งแย่งสูบน้ำบาดาล อ่างทองเร่งสูบน้ำทำนา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มิถุนายน 2558 10:33 น. (แก้ไขล่าสุด 30 มิถุนายน 2558 10:41 น.)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    @ชาวนาในพื้นที่ตำบลอินทรประมูล อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เร่งสูบน้ำจากบ่อบาดาลกลางนาขึ้นมาทำนา

    ชัยนาท/อ่างทอง - เทศบาลตำบลดงคอน อำเภอสรรคบุรี เรียกชาวนาบ้านทุ่งกระถินประชุมลดความขัดแย้งสูบน้ำจากบ่อบาดาลมาใช้ทำนาที่เกิดการดึงน้ำใต้ดินระหว่างบ่อบาดาลขนาดใหญ่ 32 วา ที่กลุ่มชาวนาส่วนน้อยได้ใช้ประโยชน์ กับบ่อบาดาลขนาดเล็ก 18 วา ที่กลุ่มชาวนาส่วนใหญ่ไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้ได้ ส่วนชาวนาอ่างทอง เร่งสูบน้ำบาดาลทำนากว่า 40 ไร่ แม้เสี่ยงขาดทุน แต่ก็ต้องสู้เพื่อหารายได้

    วันนี้ (30 มิ.ย.) ที่ศาลาประชาคม หมู่ 16 ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เทศบาลตำบล (ทต.) ดงคอน อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เรียกประชุมชาวนาบ้านทุ่งกระถิน หมู่ที่ 6 และชาวนาบ้านทุ่งกระถินพัฒนา หมู่ที่ 16 ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท กว่า 100 คน เกี่ยวกับความขัดแย้งในการสูบน้ำจากบ่อบาดาลมาใช้ทำนาที่เกิดการดึงน้ำใต้ดินระหว่างบ่อบาดาลขนาดใหญ่ 32 วา ที่กลุ่มชาวนาส่วนน้อยได้ใช้ประโยชน์ กับบ่อบาดาลขนาดเล็ก 18 วา ที่กลุ่มชาวนาส่วนใหญ่ไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้ได้ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา และทำความเข้าใจร่วมกัน ไม่ให้เกิดการแย่งน้ำ และลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เพราะต่างมีความต้องการนำน้ำไปใช้หล่อเลี้ยงต้นข้าวที่กำลังจะแห้งตายเหมือนกัน

    โดยมี นางวัญจนา ชันโรจน์ ปลัดอำเภอสรรคบุรี นายเนรมิต ชูมก หัวหน้าสำนักปลัดเทศบาลตำบลดงคอน ดร.พบพร เศรษฐพฤกษา ผู้อำนวยการกลุ่มวิชาการน้ำบาดาล สำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 สุพรรณบุรี นางกมลวรรณ อ่ำบุญ เจ้าพนักงานทรัพยากรธรณีชำนาญงาน สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชัยนาท และเจ้าหน้าที่ทหารชุดประสานงานประจำพื้นที่ชุดที่ 8 จังหวัดชัยนาท เป็นผู้มารับฟังปัญหา และหาทางออกให้แก่ชาวนาทั้ง 2 กลุ่ม

    โดยกลุ่มชาวนาส่วนใหญ่ อ้างว่า ไม่สามารถสูบน้ำจากบ่อบาดาลขนาดเล็กของแต่ละคนขึ้นมาใช้ทำนาได้ เนื่องจากมีบ่อน้ำบาดาลขนาดใหญ่ที่ทางราชการเจาะไว้ให้ ตั้งอยู่ที่หมู่ 6 ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ซึ่งมีแรงสูบน้ำมาก และกลุ่มชาวนาส่วนน้อยได้ใช้ประโยชน์ ทุกครั้งเมื่อมีการเปิดใช้น้ำจากบ่อบาดาลขนาดใหญ่ จะทำให้เกิดการดึงน้ำใต้ดินจากบริเวณโดยรอบ ส่งผลให้บ่อบาดาลขนาดเล็กไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้ได้ ขณะที่กลุ่มชาวนาส่วนน้อยบอกว่า ใช้ประโยชน์จากบ่อบาดาลที่ทางราชการเจาะให้ไว้มาหลายปีแล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร

    ดร.พบพร เศรษฐพฤกษา ผู้อำนวยการกลุ่มวิชาการน้ำบาดาล สำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 สุพรรณบุรี จึงได้ตรวจสอบข้อมูลของบ่อบาดาลขนาดใหญ่ที่กลุ่มชาวนาส่วนใหญ่อ้างถึง พบว่า เป็นบ่อบาดาลที่เจาะไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 มีความลึก 48 เมตร ท่อวัดน้ำ 36-42 เมตร ซึ่งเป็นการใช้น้ำชั้นเดียวกันกับบ่อขนาดเล็กที่กลุ่มชาวนาส่วนใหญ่ใช้ แต่มีแรงสูบมากกว่า ทำให้เมื่อเปิดใช้งานจะทำให้เกิดกรวยน้ำลดขยายวงกว้าง อีกทั้งสภาพความแห้งแล้ง ส่งผลให้บ่อบาดาลขนาดเล็กไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาได้

    ที่ประชุมจึงมีข้อยุติให้กลุ่มชาวนาส่วนน้อยที่ใช้น้ำจากบ่อบาดาลขนาดใหญ่แห่งนี้ หยุดการสูบน้ำชั่วคราวเพื่อไม่ให้เกิดการดึงน้ำใต้ดิน โดยสำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 สุพรรณบุรี จะจัดหาแหล่งขุดเจาะบ่อบาดาลขนาดเล็กให้กลุ่มชาวนาส่วนน้อยไว้ใช้แทน เพื่อให้ชาวนาทั้งหมดในพื้นที่สามารถสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ได้เท่าเทียมกัน ไม่เกิดการดึงน้ำใต้ดินระหว่างกันเพื่อให้นาข้าวที่ปลูกไว้ในพื้นที่กว่า 3,000 ไร่ จะได้ไม่ต้องขาดน้ำแห้งตาย และไม่ทำให้เกิดความขัดแย้ง แย่งน้ำกันใช้ระหว่างชาวนาในตำบลเดียวกัน

    **ชาวนาอ่างทองเร่งสูบน้ำบาดาลทำนา

    ด้าน นายสกล เหล็กไหล อายุ 57 ปี ชาวนาบ้านเลขที่ 98/1 หมู่ 2 ตำบลอินทรประมูล อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เปิดเผยว่า ลงทุนทำนากว่า 40 ไร่ ในทุ่งนาอินทรประมูล หลังเกิดภัยแล้งชลประทานชะลอการจ่ายน้ำ โดยใช้น้ำบาดาลในบ่อกลางนาที่ขุดบ่อบาดาลไว้แล้วทำการสูบน้ำเร่งปรับพื้นที่ และลงมือปักดำข้าวในแปลงนา ต้องสู้เสี่ยงภัยแล้ง แมลง และหนูนากัดกินที่มีผลต่อการเสี่ยงขาดทุน แต่ต้องลุยเสี่ยงทำนาเนื่องจากหากทำนาล่าช้าน้ำมาอดทำตลอดปี

    “หลังหยุดทำนาในช่วงต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลให้เงินช่วยเหลือ แต่ช่วงนี้ชลประทานชะลอการจ่ายน้ำ จึงใช้น้ำจากบ่อบาดาลที่ขุดเจาะไว้มาทำนา แม้ว่าการทำนาสู้ภัยแล้งจะมีต้นทุนสูงมากขึ้น ทั้งค่าน้ำมันสูบน้ำ ค่าปุ๋ย ค่ายา และหนูนาที่อาละวาด แต่ต้องทำเพราะไม่มีรายได้” นายสกล กล่าว



     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชาวสะเอียบจี้“บิ๊กตู่”กำราบคนแหก ข้อตกลงยุติเขื่อนแก่งเสือเต้น โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มิถุนายน 2558 12:57 น.

    [​IMG]

    แพร่ - ชาวสะเอียบส่งตัวแทนยื่นหนังสือผ่านทหารค่ายพระยาไชยบูรณ์ถึง “บิ๊กตู่” จี้กำราบคนแหกข้อตกลงยุติสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น หลังพบดอดขนเครื่องมือ-แผนที่เข้าจุดก่อสร้าง

    วันนี้(30 มิ.ย.) นายสมมิ่ง เหมืองร้อง แกนนำต้านเขื่อนแก่งเสือเต้น พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้านต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ จำนวน 5 คน ได้เข้าพบพ.อ.ชาตรี สงวนธรรม ผบ.ม.พัน 12 ค่ายพระยาไชยบูรณ์ อ.เด่นชัย จ.แพร่ เพื่อยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้กำชับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ให้ปฏิบัติตามข้อตกลงยุติการสร้างเขื่อน โดยมีร.ต.เอกสิทธิ์ ทาต่อย เป็นผู้รับเรื่อง พร้อมกับยืนยันว่าจะส่งให้ถึงมือนายกรัฐมนตรี

    นายสมมิ่ง กล่าวว่า หลังพล.อ.ประยุทธ์เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ชาวสะเอียบได้ยื่นหนังสือให้ทางรัฐบาลหยุดโครงการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 57 ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือในการแก้ปัญหาเป็นอย่างดี มีการระงับโครงการและแจ้งมาทางจดหมายมาถึงชาวสะเอียบ เมื่อ 25 พ.ย.57 แต่กลางเดือนมิ.ย. 58 ชาวบ้านพบว่ามีคน 8 คน นำเครื่องมือเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลกำหนดจุดพื้นที่ อาทิ แผนที่ กล้องส่อง และเอกสาร เข้าไปในจุดที่จะมีการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น แสดงให้เห็นว่าเรื่องเขื่อนยังไม่หยุดตามที่รัฐบาลได้รับปากกับชาวบ้านไว้ หรือมีผู้ไม่หวังดีเข้ามาสร้างความแตกแยกระหว่างรัฐบาลกับประชาชนชาวสะเอียบ จึงมีมติให้แกนนำส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้รับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อตัดสินใจต่อไป

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “กว๊านพะเยา” แห้งจนเดินได้-เนินดินโผล่สลอน สภา ปชช.ชงทำประตูระบายน้ำรอบทิศ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 มิถุนายน 2558 17:02 น. (แก้ไขล่าสุด 29 มิถุนายน 2558 17:53 น.)

    [​IMG]

    พะเยา - สภาประชาชนฯ เสนอผู้ว่าฯ จัดงบทำประตูระบายน้ำรอบกว๊านพะเยา แก้ภัยแล้ง-น้ำท่วม หลังโดนแล้งคุกคาม ระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง จนล่าสุดระดับน้ำลึกแค่เข่า คนเดินได้สบาย-เนินดินโผล่ให้เห็นสลอน

    [​IMG]

    วันนี้ (29 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำในแหล่งน้ำต่างๆ ทั่วจังหวัดพะเยายังคงน่าเป็นห่วง ระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะกว๊านพะเยาปริมาณน้ำเริ่มแห้งลงจนสามารถมองเห็นเนินดินกลางกว๊านหลายจุด คนสามารถเดินลงไปตกปลากลางกว๊านได้ เพราะระดับน้ำลึกเพียงแค่หัวเข่า มีปริมาณน้ำต่ำกว่า 15 ล้าน ลบ.ม. จนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องหยุดจ่ายน้ำ พร้อมขอความร่วมมือเกษตรกรชะลอการทำนาจนกว่าจะเข้าสู่ช่วงฤดูฝน

    ด้านนายราษี ณ ลำปาง ประธานสภาประชาชนจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยนายชุมพล ลีลานนท์ ผู้ประสานงานฯ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เรียกร้องให้พิจารณาจัดทำประตูน้ำรอบกว๊านพะเยา รวมกว่า 20 แห่ง เพื่อใช้ในการเปิด-ปิด และระบายน้ำ โดยทางจังหวัดได้ให้เจ้าหน้าที่เข้ารับเรื่อง เพื่อเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาพิจารณาต่อไป

    นายชุมพลระบุว่า ทางสภาประชาชนจังหวัดพะเยาได้สำรวจพบว่าท้องน้ำกว๊านพะเยา กับท้องนามีความลึกใกล้เคียงกัน ดังนั้นเมื่อในฤดูฝนถ้าปิดประตูระบายน้ำท้ายกว๊านพะเยา พอน้ำสูงเกินกว่ามาตรฐานเพียงเล็กน้อย หรือราว 10 เซนติเมตรเท่านั้น ก็จะทำให้น้ำเอ่อท่วมนาข้าวที่อยู่เหนือกว๊านพะเยาได้รับความเสียหาย

    ทั้งนี้ สภาฯ เห็นว่าควรมีการจัดทำประตูน้ำราว 20 แห่งเพื่อใช้เปิดรับน้ำตอนฤดูฝน และปิดกักเก็บน้ำช่วงฤดูแล้ง ซึ่งจะทำให้กว๊านพะเยาสามารถกักเก็บน้ำได้มากกว่าปัจจุบันที่เก็บได้เพียง 33 ล้าน ลบ.ม. โดยใช้งบประมาณเพียงแค่ราว 10 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งดีกว่าการขุดลอกที่ใช้งบประมาณมากแต่ไม่ค่อยเกิดประสิทธิภาพ

    อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ 2558 จังหวัดพะเยาได้บูรณาการทุกภาคส่วนดำเนินการฟื้นฟูกว๊านพะเยา ขุดลอก กำจัดผักตบชวา ปรับปรุงคุณภาพน้ำ รวมทั้งพัฒนาในแหล่งน้ำอื่นๆ ด้วย และเมื่อเร็วๆ นี้ได้เปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำจังหวัดพะเยาที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา มีเป้าหมายจัดทำข้อมูลสารสนเทศและองค์ความรู้การบริหารจัดการลุ่มน้ำด้วย


     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทภ.3 เร่งแก้ปัญหาภัยแล้งภาคเหนือ พบแม้แต่บ่อน้ำตื้นในวัดเชียงใหม่ยังแห้ง
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 มิถุนายน 2558 14:35 น. (แก้ไขล่าสุด 29 มิถุนายน 2558 14:44 น.)

    [​IMG]

    พิษณุโลก/เชียงใหม่ - ทภ.3 เร่งแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในภาคเหนือ หลังสถานการณ์แล้งรุนแรง ส่วนพื้นที่เชียงใหม่แม้แต่บ่อน้ำตื้นในวัดยังเริ่มแห้ง พระสงฆ์ต้องสูบน้ำจากคลองชลประทาน-สระน้ำมาใช้อาบน้ำ ซักผ้า และรดน้ำต้นไม้กันแล้ว

    [​IMG]

    วันนี้ (29 มิ.ย.) พล.ต.คู่ชีพ เลิศหงิม รองแม่ทัพภาคที่ 3 และรองผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในการประชุมแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3 หลังจากสถานการณ์ภัยแล้งคุกคามและรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ปัญหาขาดแคลนน้ำ ทั้งภาคการเกษตร และการอุปโภคบริโภค

    [​IMG]

    จากการสำรวจพบว่าพื้นที่ประสบภาวะขาดแคลนน้ำมีแนวโน้มจะมีปัญหาน้ำมีจำนวน 6 จังหวัด 40 อำเภอ ได้แก่ พิษณุโลก พิจิตร ตาก นครสวรรค์ น่าน และจังหวัดอุตรดิตถ์

    [​IMG]

    ในส่วนจังหวัดพิษณุโลกมีพื้นที่ประสบภัยแล้งและประสบปัญหาขาดแคลนน้ำกันทั้ง 9 อำเภอ และได้มีการประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) แล้วจำนวน 1 อำเภอ คือ อ.พรหมพิราม อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกแจ้งว่าจะนำงบประมาณของจังหวัดมาบรรเทาความเดือดร้อนต่อไป

    ขณะที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ระยะที่ผ่านมาศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ได้ขึ้นบินโปรยสารทำฝนหลวงได้ผลระดับหนึ่ง โดยมีฝนตกเล็กน้อย-ปานกลางหลายพื้นที่ แต่ยังไม่สามารถคลี่คลายปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นได้ ล่าสุดพบว่านอกจากชาวนาเชียงใหม่หลายพื้นที่จะยอมเสี่ยงทำนาแห้งกันแล้ว แม้แต่บ่อน้ำตื้นก็เริ่มแห้งขอดแล้วเช่นกัน

    โดยขณะนี้พระภิกษุสามเณร และเจ้าอาวาสวัดเขตคิชฌาวาส หรือวัดทุ่งรังแร้ง ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ต้องนำเครื่องไดโว่ไปติดตั้งสูบน้ำจากคลองชลประทานสายใหญ่บริเวณหน้าวัด นำขึ้นไปกักเก็บในถังน้ำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้ง

    เนื่องจากบ่อน้ำตื้นของวัดที่ใช้เครื่องสูบน้ำขึ้นมาใช้อุปโภคบริโภค-รดน้ำต้นไม้ มีสภาพแห้งจนหัวกะโหลกโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ เมื่อเปิดก๊อกน้ำขึ้นมาใช้ก็จะมีเสียงลมออกมาด้วย และเปิดน้ำใช้ได้ไม่นานน้ำก็จะแห้งหมดบ่อจนต้องยืนเฝ้าตลอดเพื่อไม่ให้เครื่องสูบน้ำไหม้พังเสียหาย

    พระครูศีล คุณากรณ์ เจ้าอาวาสวัดเขตคิชฌาวาส หรือวัดทุ่งรังแร้ง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ปีนี้บ่อน้ำตื้นภายในวัดแห้งเป็นครั้งแรก ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งนี้ เชื่อว่ามาจากภาวะภัยแล้งที่ยาวนาน และฝนทิ้งช่วง ทำให้น้ำใต้ดินแห้งตามไปด้วย ทางวัดเองต้องสูบน้ำจากคลองชลประทานหน้าวัด และหนองน้ำหลังวัดขึ้นมาใช้อาบน้ำ ซักผ้า และรดน้ำต้นไม้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ทั้งนี้ เชื่อว่าหากมีฝนตกลง มาสถานการณ์น่าจะดีขึ้น

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “กลุ่มอนุรักษ์บ่อแฮ้ว” หยุดเคลื่อนไหว หลังทหาร-จังหวัดฯ ยันไม่มีกำหนดสร้างโรงไฟฟ้าขยะ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 มิถุนายน 2558 17:01 น. (แก้ไขล่าสุด 29 มิถุนายน 2558 17:09 น.)

    [​IMG]

    ลำปาง - เครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติฯ บ่อแฮ้ว เมืองรถม้า ประกาศยุติการเคลื่อนไหวคัดค้านโรงไฟฟ้าขยะชั่วคราว หลังทหาร-จังหวัดฯ ยืนยันยังไม่มีกำหนดสร้าง แต่พร้อมกลับมารวมตัวอีกหากมีคนคิดทำ

    วันนี้ (29 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านกลุ่มเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต.บ่อแฮ้ว อ.เมืองลำปาง กว่า 200 คน ได้รวมตัวกันที่ลานด้านหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลบ่อแฮ้ว เพื่อรอรับฟังการชี้แจงข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการคัดค้านโรงไฟฟ้าขยะ จากนายวิทยา วงศ์ชมภู แกนนำเครือข่ายฯ

    โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร, ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน สภ.เมืองลำปาง ตลอดจนตำรวจทั้งใน-นอกเครื่องแบบคอยดูแลความสงบเรียบร้อย พร้อมทั้งนำรถผู้ต้องขังมาเตรียมรับสถานการณ์ไม่คาดคิดด้วย

    จากนั้นได้มีการเชิญตัวแทนหมู่บ้านต่างๆ ในเขต ต.บ่อแฮ้ว ที่มาร่วมชุมนุมด้วย คือ บ้านป่าเหียง, ทุ่งกู่ด้าย, บ่อแฮ้ว, ท่าขัว, ป่ายะ, ทุ่งโค้ง, ม่วงแงว, น้ำโท้ง เข้าร่วมรับฟังคำชี้แจงจากนายวิทยา ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อบต.บ่อแฮ้ว โดยมี ผกก.สภ.เมืองลำปาง และผู้แทนจากมณฑลทหารบกที่ 32 เข้าร่วมด้วย

    นายวิทยา วงศ์ชมภู แกนนำเครือข่ายฯ ได้อ่านคำแถลงการณ์ให้ตัวแทนชาวบ้านตำบลบ่อแฮ้วฟังว่า เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2558 ที่ผ่านมา ตนและแกนนำอีกหลายคนได้เข้าร่วมประชุมหาข้อยุติในเรื่องการคัดค้านโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ซึ่งทางกลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้ออกมาต่อต้านคัดค้านตลอดหลายเดือนก่อนหน้านี้ ที่มณฑลทหารบกที่ 32 โดย พล.ต.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 เป็นประธานการประชุม และมีนายมงคล สุกใส รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เข้าร่วมด้วย

    ผลการประชุม ทางตัวแทนเครือข่ายได้รับการยืนยันจากผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ว่า ยังไม่มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะในช่วงเวลานี้อย่างแน่นอน ซึ่งเครือข่ายเชื่อมั่นในคำพูดของผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32

    ทางเครือข่ายฯ จึงขอแสดงเจตนารมณ์ว่า จะยุติความเคลื่อนไหวคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะเป็นการชั่วคราว แต่ถ้าจะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะในตำบลบ่อแฮ้ว ทางเครือข่ายฯ ก็จะออกมาเคลื่อนไหวอีก

    พร้อมกันนี้ ทางเครือข่ายฯ ได้ขอบคุณแกนนำทุกหมู่บ้าน ตลอดจนพี่น้องชาวตำบลบ่อแฮ้ว ผู้ร่วมอุดมการณ์ที่ได้ร่วมกันต่อสู้ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ และเสียสละเวลาอันมีค่ามาร่วมเคลื่อนไหวตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และขอให้พี่น้องชาวตำบลบ่อแฮ้วคอยเฝ้าระวังพื้นที่ เพราะว่านายทุนยังคอยจ้องเพื่อใช้พื้นที่ดังกล่าวสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ หากมีการเคลื่อนไหวสามารถแจ้งให้แกนนำและหมู่บ้านได้รับทราบทันที เพื่อจะได้ออกมาร่วมต่อสู้อีกครั้ง

    นายวิทยายังได้แจ้งถึงเรื่องเงินกองทุนของเครือข่ายฯ และมีมติของแกนนำคนอื่นๆ ต่อที่ประชุมอีกว่า จะเอาเงินที่พี่น้องร่วมบริจาคเข้ากองทุนฯ ที่เหลือไปทำบุญตามวัดต่างๆ ใน ต.บ่อแฮ้ว โดยจะจัดกิจกรรมปั่นจักรยานทำบุญในวันอาทิตย์ที่ 5 ก.ค. 2558 ที่จะถึงนี้ จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาว ต.บ่อแฮ้ว เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกัน

    หลังจากนั้นชาวบ้านก็ได้รับประทานอาหารร่วมกัน ก่อนจะแยกย้ายกลับโดยไม่มีเหตุความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    4 เขื่อนใหญ่บุรีรัมย์ และ “อ่างฯ ห้วยสวาย” แห้ง หยุดส่งน้ำเพื่อการเกษตร
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 มิถุนายน 2558 16:02 น. (แก้ไขล่าสุด 29 มิถุนายน 2558 16:11 น.)

    [​IMG]

    อ่างเก็บน้ำห้วยสวาย ต.สองชั้น อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ แห้งปริมาณน้ำเหลือน้อย ล่าสุดหยุดส่งน้ำเพื่อการเกษตรแล้วเพื่อเก็บไว้ผลิตประปาบริการประชาชน วันนี้ ( 29 มิ.ย.)

    [​IMG]

    บุรีรัมย์ - สถานการณ์ภัยแล้งบุรีรัมย์ยังขยายวงกว้าง ชลประทานจังหวัดฯ ระบุเขื่อนใหญ่ 4 แห่งหยุดส่งน้ำเพื่อการเกษตรเหตุน้ำเหลือน้อย ล่าสุดอ่างเก็บน้ำห้วยสวาย อ.กระสัง ปริมาณน้ำลดต่ำเหลือเพียง 5 ล้าน ลบ.ม. ต้องหยุดส่งน้ำเพื่อการเกษตรเพื่อเก็บน้ำไว้ผลิตประปาบริการประชาชน

    [​IMG]

    วันนี้ (29 มิ.ย.) สถานการณ์ภัยแล้งที่จังหวัดบุรีรัมย์ยังคงขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยสวาย ต.สองชั้น อ.กระสัง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบที่ใช้ทั้งเพื่อการเกษตรและผลิตประปาบริการประชาชนในตัวอำเภอกระสัง มีปริมาณลดต่ำเหลือเพียง 5.415 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 39.96% ของปริมาณความจุอ่างทั้งสิ้น 13.55 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือเป็นปริมาณที่ต่ำแต่ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต

    ทางโครงการชลประทานจังหวัดจึงได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำอ่าง และกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ โดยเบื้องต้นมีมติให้ชะลอการส่งน้ำเพื่อการเกษตรไปก่อน จากที่ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนได้ส่งน้ำให้เกษตรกรในเขตบริการเพาะปลูกข้าวไปแล้ว ซึ่งต้องรอประเมินสถานการณ์น้ำอีกครั้ง เพราะน้ำที่เหลือในอ่างเก็บน้ำห้วยสวายดังกล่าวจะต้องใช้ในการผลิตประปาเฉลี่ยเดือนละ 60,000 ลูกบาศก์เมตร แต่หากมีฝนตกและมีน้ำเข้าอ่างเพิ่มขึ้นจะส่งน้ำให้ทำการเกษตรตามปกติต่อไป

    ด้าน นายกิติกุล เสภาศีราภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทาน จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ขณะนี้มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่งของ จ.บุรีรัมย์ ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำลำนางรอง, อ่างเก็บน้ำคลองมะนาว, อ่างเก็บน้ำลำปะเทีย และอ่างเก็บน้ำลำจังหัน ที่ต้องชะลอการส่งน้ำเพื่อการเกษตรเนื่องจากปริมาณน้ำต่ำ ส่วนอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 16แห่ง ให้ขึ้นอยู่กับมติของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำแต่ละอ่างจะเป็นผู้พิจารณาประเมินสถานการณ์น้ำ

    อย่างไรก็ตาม ก็ขอฝากเตือนเกษตรกรนอกเขตชลประทานควรจะชะลอการทำนาออกไปก่อนเพื่อลดความเสี่ยงต้นข้าวขาดน้ำเสียหาย เพราะขณะนี้ในพื้นที่ยังมีฝนตกน้อยและทิ้งช่วง พร้อมกันนี้ยังได้ขอความร่วมมือประชาชนได้ใช้น้ำอย่างประหยัดและมีคุณค่า เพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคจากภาวะฝนทิ้งช่วงในช่วงหน้าแล้งนี้ด้วย

    4
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เพิ่งย่างเข้าหน้าฝน! ชาวปลาบากทุกข์หนัก นาข้าวเริ่มยืนต้นตาย
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มิถุนายน 2558 10:50 น. (แก้ไขล่าสุด 30 มิถุนายน 2558 12:08 น.)

    [​IMG]

    นครพนม - เพิ่งย่างเข้าสู่หน้าฝนแต่ภัยแล้งมาเยือนแล้ว 11 หมู่บ้านในอำเภอปลาปาก นครพนม เดือดร้อนหนักในรอบ 10 ปีหลังอ่างเก็บน้ำเริ่มแห้งขอด ชาวนาจำใจลงทุนเพิ่มเร่งสูบน้ำเลี้ยงต้นข้าวก่อนยืนต้นตาย

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม สถานการณ์ภัยแล้งมีแนวโน้มวิกฤตหนัก ภายหลังฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ส่งผลกระทบหนักพื้นที่นาข้าวของชาวบ้านที่ได้ทำนาหว่านกันไปแล้วและเตรียมต้นกล้าปักดำนาปี แต่จนถึงขณะนี้ประสบปัญหาขาดน้ำ เช่นเดียวกับเกษตรกรในพื้นที่ ต.ปลาปาก อ.ปลาปาก จ.นครพนม รวม 11 หมู่บ้าน ไม่เพียงแต่ได้รับผลกระทบจากพื้นที่นาข้าวขาดน้ำ ต้องหาทางสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำธรรมชาติ เข้าไปหล่อเลี้ยงยืดอายุต้นข้าวที่ขาดน้ำเหี่ยวตาย ทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มวันละ 500-1,000 บาท

    หนำซ้ำอ่างเก็บน้ำดอนเตย ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำสำคัญขนาดใหญ่เนื้อที่นับ 100 ไร่ กำลังวิกฤตน้ำแห้งขอด ปริมาณน้ำต่ำในรอบ 10 ปี สร้างความวิตกให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ เนื่องจากปัจจุบันเหลือแหล่งน้ำที่เดียวในการสูบหล่อเลี้ยงนาข้าว หากฝนไม่ตกอีก 2 สัปดาห์คาดว่าน้ำในอ่างจะเหือดแห้ง ไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงนาข้าว ได้รับความเสียหายเหี่ยวตายกว่า 1,000 ไร่แน่นอน

    นายบัวภา พ่อเสือ อายุ 57 ปี เกษตรกรชาวบ้านหนองบัว ต.ปลาปาก อ.ปลาปาก จ.นครพนม กล่าวว่า ปีนี้ยอมรับว่าเดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้งกันมาก ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล หนักสุดรอบ 10 ปีก็ว่าได้ เพราะตอนนี้ฝนตกน้อยมาก ปริมาณน้ำไม่เพียงพอ พื้นที่นาข้าวของชาวบ้านที่ทำนาปี รวมถึงกล้าข้าวที่รอการปักดำเริ่มขาดน้ำเหี่ยวตาย ยิ่งพื้นที่ไม่มีแหล่งน้ำเริ่มเสียหาย

    ที่สำคัญพื้นที่ ต.ปลาปาก อ.ปลาปาก เกษตรกรกำลังวิตกกังวลหลังปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเริ่มแห้งขอด เนื่องจากเกษตรกรอาศัยสูบน้ำในอ่างเก็บน้ำดอนเตยหล่อเลี้ยงนาข้าวรอฝนตกลงมา

    “คาดว่าจะไม่เพียงพอเพราะพื้นที่นาข้าวต้องการน้ำมาก หากอีกภายใน 1 เดือนปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอ เชื่อว่านาข้าวของเกษตรกรจะต้องเสียหายหนัก ขาดทุน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบหาทางพัฒนา ขุดลอกแหล่งน้ำให้มีความลึกเก็บน้ำได้ตลอดปี”

    ด้าน นายสง่า แสงแก้ว นายก อบต.ปลาปาก อ.ปลาปาก จ.นครพนม กล่าวว่า จากการสำรวจพื้นที่นาข้าวของชาวบ้านในพื้นที่ 11 หมู่บ้าน กำลังได้รับผลกระทบภัยแล้งนับ 1,000 ไร่ เพราะชาวบ้านทำนาหว่านตั้งแต่ต้นฤดู รวมถึงเตรียมกล้าข้าวปักดำนาปี แต่ฝนตกน้อยมาก ทำให้นาข้าวขาดน้ำ ต้องอาศัยสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำสาธารณประโยชน์ เพิ่มค่าใช้จ่ายวันละเป็น 1,000 บาท เพราะยังมีความหวังให้นาข้าวรอดจากภัยแล้ง รอฝนตกลงมา

    ที่สำคัญปีนี้อ่างเก็บน้ำดอนเตยเนื้อที่นับ 100 ไร่ ที่เป็นแหล่งน้ำสำคัญของตำบลปลาปากกลับแห้งขอด ปริมาณน้ำน้อยเหลือเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ วิกฤตหนักในรอบ 10 ปี สร้างความวิตกแก่ชาวบ้าน เพราะหากไม่มีน้ำในอ่างยิ่งกระทบหนักนาข้าวเสียหายหนักแน่นอน

    ทาง อบต.ได้เร่งสำรวจให้ความช่วยเหลือตามกรอบอำนาจหน้าที่ แต่อาจจะไม่เพียงพอ จึงได้วางแผนสำรวจเสนอไปยังทางจังหวัด หน่วยงานเกี่ยวข้อง จัดสรรงบประมาณมาพัฒนาขุดลอกให้เก็บน้ำได้ตลอดปี เพียงพอต่อพื้นที่การเกษตร

    จึงอยากให้รัฐบาลเห็นความสำคัญจัดสรรงบประมาณมาพัฒนา แก้ไขปัญหาระยะยาวสามารถทำการเกษตรตลอดปี ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซาก เพราะปัจจุบันภัยแล้งได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านมาก

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บุรีรัมย์ขอฝนหลวงช่วยนาข้าว-สวนยาง ขาดน้ำรอแห้งตายกว่า 3.7 แสนไร่
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มิถุนายน 2558 10:10 น. (แก้ไขล่าสุด 30 มิถุนายน 2558 10:28 น.)

    [​IMG]

    นาข้าว เกษตรกร จ.บุรีรัมย์ ขาดน้ำหล่อเลี้ยงรอแห้งตายกว่า 350,000 ไร่ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดฯเร่งขอสนับสนุนฝนหลวง ช่วยเหลือต่อเนื่อง วันนี้ ( 30 มิ.ย.)

    บุรีรัมย์ - เกษตรและสหกรณ์ จ.บุรีรัมย์ทำเรื่องขอสนับสนุน “ฝนหลวง” ต่อเนื่อง เพื่อเติมน้ำในเขื่อนและช่วยเหลือนาข้าว สวนยางเกษตรกร แล้งขาดน้ำกว่า 370,000 ไร่ จากก่อนหน้านี้ได้ขอไปแล้ว 2 ครั้ง มาปฏิบัติการบินแล้ว 14 เที่ยวแต่ฝนยังตกน้อย คาดหากฝนไม่ตก 2-3 สัปดาห์ทั้งนาข้าว สวนยาง จะขาดน้ำแห้งตายเสียหายเป็นวงกว้าง

    วันนี้ (30 มิ.ย.) นายอาคม พิญญศักดิ์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ได้ทำเรื่องขอสนับสนุนฝนหลวงจากหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.ขอนแก่น และหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.นครราชสีมา อย่างต่อเนื่อง หลังเกษตรกรในพื้นที่ 18 อำเภอ จากทั้งจังหวัด 23 อำเภอ ได้ร้องขอความช่วยเหลือเนื่องจากมีนาข้าวที่ไถหว่านไปแล้วประสบปัญหาขาดน้ำหล่อเลี้ยงกว่า 350,000 ไร่ ทั้งยังมีสวนยางพาราขาดน้ำอีกกว่า 20,000 ไร่ รวมพื้นที่ที่กระทบแล้งกว่า 370,000 ไร่ ซึ่งคาดว่าหากฝนไม่ตกลงมาภายใน 2-3 สัปดาห์ทั้งนาข้าวและสวนยางพาราก็จะแห้งตายเสียหายเป็นวงกว้าง

    อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้ขอสนับสนุนฝนหลวงไปแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งทางศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงได้ออกปฏิบัติบินโปรยสารเคมีทำฝนหลวงในห้วงวันที่ 8-14 มิ.ย. และวันที่ 15-21 มิ.ย. 2558 ที่ผ่านมาแล้วรวม 14 เที่ยว แต่ยังฝนตกน้อย บางพื้นที่ไม่มีฝนตก เนื่องจากความชื้นไม่สัมพัทธ์สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย

    ดังนั้น ทางสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดฯ จึงต้องมีการเสนอขอสนับสนุนฝนหลวงอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งหรือภาวะฝนทิ้งช่วง นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อต้องการเติมปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ที่มีสภาพตื้นเขินแห้งขอดอีกด้วย

    นายอาคมกล่าวอีกว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งหรือภาวะฝนทิ้งช่วงที่เกิดขึ้นในช่วงนี้จนส่งผลให้อ่างเก็บน้ำทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กในพื้นที่มีปริมาณน้ำกักเก็บน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทั้งยังส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรโดยเฉพาะนาข้าว และสวนยางพาราของเกษตรกรในหลายพื้นที่ประสบปัญหาขาดน้ำมากกว่า 370,000 ไร่ ทางเกษตรและสหกรณ์จังหวัดจึงได้เสนอขอสนับสนุนฝนหลวงอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาขาดน้ำหล่อเลี้ยงพื้นที่การเกษตรและป้องกันการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคในอีกทางหนึ่งด้วย


     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกษตรกรโคราชดื้อ! แห่ทำนาหว่านข้าวรอฝน ผวาสูญยับวอน “ฝนหลวง” ช่วย
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 มิถุนายน 2558 12:59 น. (แก้ไขล่าสุด 29 มิถุนายน 2558 13:30 น.)

    [​IMG]

    @เกษตรกรชาว อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ไม่ฟังเสียงรัฐห้าม แห่ทำนาข้าวหว่านข้าวรอฝน ชี้ใน 1 เดือนฝนไม่ตกเสียหายยับแน่ วันนี้ ( 29 มิ.ย.)

    ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เกษตรกรโคราชดื้อไม่ฟังเสียงรัฐห้าม แห่ทำนาหว่านข้าวรอฝน วอนเร่งทำฝนหลวงช่วย ชี้ 1 เดือนฝนไม่ตกเสียหายยับแน่ ฝากหน่วยงานรัฐแก้ปัญหาระยะยาวเพิ่มแก้มลิงเก็บน้ำหน้าฝนไม่ปล่อยทิ้ง ขณะเกษตรจังหวัดฯ สั่งเกาะติดทุกพื้นที่ ด้าน “พ.อ.สมหมาย” ทหารมือปราบแก๊งฮุบป่าชี้แล้งเหตุทำลายป่าต้นน้ำ แนะนำ “หลุมดำ” ขุดดินขายมาทำเป็นแหล่งกักน้ำ ระบุค่าย ทภ.2 ต้องกำหนดเวลาจ่ายน้ำแล้ว

    วันนี้ (29 มิ.ย.) นายสะอาด รูปงาม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.มะเกลือเก่า อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ในฐานะประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำโคกมะเกลือ เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรกว่า 200 ราย รวมพื้นที่นาข้าวกว่า 1,500 ไร่ ในท้องที่ อ.สูงเนิน ได้เริ่มทำการปลูกข้าวโดยทำนาหว่านไปแล้วเพื่อรอฝนและน้ำจากโครงการชลประทาน แต่ช่วงนี้โครงการชลประทานคงไม่มีน้ำปล่อยมาให้ ซึ่งภายใน 1 เดือนนี้หากยังไม่มีฝนตกลงมานาหว่านที่เกษตรกรทำไว้ต้องเสียหายอย่างแน่นอน

    ขณะนี้ต้องขอวิงวอนให้หน่วยงานรัฐเร่งปฏิบัติการทำฝนหลวงเพื่อให้มีฝนตกในพื้นที่ อ.สูงเนิน ก่อนนาข้าวจะเสียหายหมด และยอมรับว่าการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานรัฐขอให้เกษตรกรชะลอการเพาะปลูกข้าวนาปีออกไปก่อนนั้นคงไม่เป็นผลและไม่ทันการณ์แล้ว เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่ได้ไถหว่านข้าวกันไปแล้ว

    “อยากฝากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องว่าควรมีการบริหารจัดการน้ำให้ดีโดยเฉพาะการสร้างแหล่งน้ำ หรือแก้มลิงให้มากขึ้นเพื่อมากักน้ำไว้ใช้ ไม่ใช่ปล่อยให้น้ำไหลทิ้งไปในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำซับประดู่ เก็บน้ำได้เล็กน้อยมากและไม่มีการขุดลอก เมื่อถึงฤดูแล้งก็ประสบปัญหาน้ำแห้งขอดเหมือนเช่นทุกปีโดยไม่มีการวางแผน ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาเช่นนี้ตลอดไป” นายสะอาดกล่าว

    ขณะที่นายสมบูรณ์ ซารัมย์ เกษตรจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงต้นฤดูการเพาะปลูกยังไม่พบความเสียหายเกิดขึ้น และได้ประกาศให้เกษตรกรทราบแล้วว่า ให้ชะลอการเพาะปลูกข้าวนาปีออกไปก่อนเพราะฝนทิ้งช่วง ซึ่งตนได้มอบหมายให้เกษตรอำเภอสำรวจและดูแลให้ใกล้ชิด ตรงไหนเป็นอย่างไร มีน้ำในการหว่านหรือไม่และกระทบอย่างไร ต้องเก็บข้อมูลให้รอบด้านเพื่อเร่งหาทางช่วยเหลือเกษตรกรได้ทันท่วงที

    ด้าน พ.อ.สมหมาย บุษบา หัวหน้าคณะทำงานเพื่อความมั่นคงกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) กล่าวว่า ปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นล้วนมาจากสาเหตุการบุกรุกทำลายป่าต้นน้ำ สุดท้ายส่งผลกระทบมาสู่ประชาชนจำนวนมาก ซึ่งตนมีแนวความคิดว่า กรณีที่กลุ่มนายทุนหรือชาวบ้านขายพื้นที่ให้นายทุนขุดดินออกไปขายและเกิดหลุมดำหลายร้อยหลุมในพื้นที่ ต.พลกรัง, ต.พุดซา อ.เมือง จ.นคราชสีมา และขณะนี้มีคนมอบหลุมดำดังกล่าวให้ทางรัฐแล้วไม่น้อยกว่า 500 ไร่นั้น อยากให้หน่วยงานต่างๆ มาช่วยกันคิดว่าจะสามารถนำหลุมดำดังกล่าวมาทำเป็นแก้มลิงผันน้ำเข้าไปเก็บและนำออกมาใช้เมื่อจำเป็นเมื่อเกิดภัยแล้งได้หรือไม่

    อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์ในวันนี้เกิดวิกฤตแล้งแล้วทุกคนต้องช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัด ขณะนี้ในค่ายทหารของกองทัพภาคที่ 2 เองได้กำหนดการจ่ายน้ำเป็นช่วงเวลาแล้ว โดยใน 1 วันจะปล่อยน้ำมาให้กำลังพลใช้แค่ช่วงเช้ากับช่วงเย็นเท่านั้นเพื่อประหยัดน้ำใช้ ซึ่งหากท้องถิ่นใดจะนำแบบอย่างไปใช้ก็จะสามารถช่วยกันประหยัดน้ำได้เช่นกัน

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชาวนาพื้นที่ไชโยวอนรัฐขุดบ่อบาดาลหลังแล้งหนัก ลพบุรีร่วมแห่ปลัดขิกขอฝน
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 มิถุนายน 2558 14:00 น. (แก้ไขล่าสุด 29 มิถุนายน 2558 14:13 น.)

    [​IMG]

    อ่างทอง/ลพบุรี - ชาวนาอำเภอไชโย วอนรัฐช่วยเหลือขุดบ่อบาดาล หลังคลองชลประทานแห้งขอด ต้นข้าวแห้งเหี่ยวรอวันตาย ด้านชาวนา 2 ตำบลในเมืองลพบุรีกว่า 100 คน ร่วมทำพิธีสวดคาถาพระพิรุณศาสตร์ และแห่ปลัดขิกแบบโบราณขอฝนกลางทุ่งนา

    วันนี้ (29 มิ.ย.) นายทรงยศ มะกรูดทอง อายุ 62 ปี สมาชิกสภาเกษตรอำเภอไชโย พร้อมชาวนาในตำบลเทวราช อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง วอนขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขุดบ่อน้ำบาลเพื่อบรรเทาภัยแล้งให้เกษตรกรในพื้นที่ หลังคลองชลประทาน ที่ยาวกว่า 10 กิโลเมตร น้ำแห้งขอด ชาวนาทุกข์หนักไร้น้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าวแห้งเหี่ยวเฉายืนต้นรอความตาย ขาดเงินทุนขุดเจาะบ่อบาดาล ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐ

    โดยพื้นที่ทำนาตำบลเทวราชนั้นอยู่ในเขตที่ราบลุ่ม แก้มลิงรับน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก น้ำจะไหลเข้าท่วมพื้นที่ทำนาของเกษตรกรในช่วงเดือนตุลาคม ส่งผลให้ชาวนาในพื้นที่ที่ยังไม่ได้ลงมือทำนาหมดโอกาสทำนาเลี้ยงครอบครัวตลอดปี เมื่อถึงฤดูทำนาในช่วงเดือนพฤษภาคม กลับประสบปัญหาภัยแล้ง หลังชลประทานชะลอการจ่ายน้ำ เนื่องจากน้ำต้นทุนเหลือน้อย และถ้าทำนาในช่วงเดือนสิงหาคมนั้นต้องเสี่ยงที่ต้นข้าวต้องประสบปัญหาน้ำท่วมขังช่วงเก็บเกี่ยว ผลผลิตเสียหาย จำต้องหยุดการทำนาไร้เงินจุนเจือเลี้ยงครอบครัว

    ทางด้านชาวนาที่ได้เสี่ยงลงทุนทำนาไปแล้วในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กลับต้องชอกช้ำใจอย่างหนัก เนื่องจากหลังลงทุนทำนาไปแล้ว แต่ต้นข้าวกำลังแห้งเหี่ยวยืนต้นตายหลังขาดน้ำ ส่วนชาวนาที่ต้องการขุดเจาะบ่อน้ำบาลนั้นต้องใช้เงินทุนสูงเป็นหนี้สินเพิ่มขึ้น จึงได้เรียกร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลที่นำโครงการขุดเจาะบาดาลช่วยภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง มาขุดเจาะบ่อบาดาลในพื้นที่ทุ่งนาในตำบลเทวราช อำเภอไชโยด้วย

    ที่บริเวณกลางทุ่งนาหมู่ที่ 13 ตำบลโพธิ์เก้า อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ชาวนาในพื้นที่ตำบลโพธิ์เก้าต้น และตำบลโพธิ์ตลาดแก้ว อำเภอเมืองลพบุรี กว่า 100 คน ซึ่งได้ทำนาปลูกข้าวกันไปแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมากว่าหมื่นไร่ ได้ร่วมแต่งชุดขาวพร้อมเครื่องบวงสรวงเป็นผลไม้นานาชนิด ร่วมทำพิธีขอฝน ชุมนุมเทวดา สวดคาถาพระพิรุณศาสตร์ และแห่ปลัดขิก

    โดยมีพระครูวรวิหารานุรักษ์ เจ้าคณะตำบลโพธิ์เก้าต้น พร้อมพระสงฆ์ จำนวน 11 รูป ร่วมสวดคาถาพระพิรุณศาสตร์ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้น ก็เริ่มแห่ปลัดขิกเดินบนคันนา ขณะที่ท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มขึ้นมาเต็มท้องฟ้าอย่างไม่น่าเชื่อ โดยการสวดขอฝน และแห่ปลัดขิกในครั้งนี้ เนื่องจากฝนได้ทิ้งช่วงมานานกว่า 1 เดือนแล้ว และข้าวที่ทำการเพาะปลูกไปกำลังขาดน้ำ และยืนต้นตาย ชาวนาไม่สามารถหาแหล่งน้ำได้จึงได้จัดพิธีขอฝนแบบโบราณเพื่อให้ฝนตกลงมาช่วงเหลือนาข้าวของตนเอง

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อีกแล้ว! คราบน้ำมันถูกคลื่นซัดเข้าหาดแม่รำพึงยาวหลาย กม. โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 มิถุนายน 2558 11:32 น. (แก้ไขล่าสุด 29 มิถุนายน 2558 11:36 น.)

    [​IMG]

    ระยอง - ชาวประมงเมืองระยอง พบคราบน้ำมันดำมืดถูกคลื่นซัดเข้าหาดแม่รำพึง เป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตร ส่งกลิ่นเหม็นฟุ้ง ขณะที่เจ้าหน้าที่บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ลงเก็บตัวอย่างคราบน้ำมันไปตรวจสอบในห้องแล็บ

    วันนี้ (29 มิ.ย.) ชาวบ้านบริเวณชายหาดแม่รำพึง หมู่ 10 ต.ตะพง อ.เมืองระยอง ได้แจ้งผู้สื่อข่าวว่า พบคราบน้ำมันลอยดำมืดเป็นทางยาวหลายกิโลเมตร ตั้งแต่สะพานศูนย์เพาะเลี้ยงกุ้งประมง ชายหาดแม่รำพึง ไปถึงบริเวณจุดหินดำท่ามกลางกระแสคลื่นลมแรง ส่งกลิ่นเหม็นฟุ้งกระจาย

    [​IMG]

    จึงรุดไปดูที่เกิดเหตุ ชาวบ้าน และกลุ่มประมงชายฝั่งได้พาไปชี้ให้ดูลูกคลื่นที่กำลังซัดเข้าชายฝั่งจะเห็นคราบน้ำมันลอยเป็นสาย ขณะที่เรือประมงกำลังออกไปหากุ้ง แจ้งเข้ามาว่า มีคราบน้ำมันจำนวนมากลอยอยู่กลางทะเล และส่งกลิ่นเหม็นเป็นอย่างมากด้วย

    [​IMG]

    หลังได้รับแจ้ง นายทวีป แสงกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตะพง (นายก อบต.) เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด เจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ พบเห็นคราบน้ำมันลอยดำมืดไปทั่วบริเวณ ถูกคลื่นลมซัดเข้าชายหาดเป็นระลอก ขณะที่เจ้าหน้าที่บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ทำการเก็บตัวอย่างคราบน้ำมันไปตรวจสอบในห้องแล็บ

    ทั้งนี้ นายอนุชา เพชรรัตน์ เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อม บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า เก็บตัวอย่างคราบน้ำมันส่งไปเข้าห้องแล็บเกี่ยวกับการกลั่นน้ำมัน เพื่อจะได้ทราบว่าเป็นน้ำมันประเภทอะไร แต่ก็ต้องดูว่ากรมเจ้าท่าออกไปตรวจสอบกลางทะเลว่า เรือสินค้าขนาดใหญ่ที่จอดลอยลำกลางทะเลมีสิ่งผิดปกติหรือไม่

    ด้าน นายอุทิศ ทวีสัตย์ อายุ 59 ปี เจ้าของร้านอาหารทะเล “มองทะเล” กล่าวว่า เมื่อเวลา 05.00 น. วันเดียวกัน ขณะกำลังนอนหลับท่ามกลางลมทะเล ได้กลิ่นเหม็นน้ำมันมากจึงเดินออกมาดูบริเวณชายหาด เห็นน้ำทะเลเป็นสีดำห่างจากชายฝั่งออกไปเล็กน้อย และมีกลิ่นเหม็นน้ำมันรุนแรง พอใกล้สว่างน้ำทะเลเริ่มลงทำให้เห็นคราบน้ำมันเกลื่อนชายหาดเป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตร ขณะเดียวกัน ลมทะเลเริ่มพัดไปทางหินขาว เขต ต.เพ คาดว่าคราบน้ำมันจะถูกคลื่นลมพัดเข้าชายหาดแม่รำพึงไปทางหินขาว และก้นอ่าว ต.เพ

    ขณะที่ นายทวีป แสงกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตะพง กล่าวว่า คราบน้ำมันถูกคลื่นลมซัดเข้าชายหาดแม่รำพึง หน่วยงานที่รับผิดชอบไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้แม้แต่ครั้งเดียว เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยๆ ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวหาดแม่รำพึง และร้านอาหารทะเลสด ฝากหน่วยงานที่รับผิดชอบส่งเจ้าหน้าที่นำเรือออกตรวจการณ์ และสอดส่องอย่างจริงจังเสียที พร้อมประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบระดมเก็บคราบน้ำมันทำความสะอาดชายหาดโดยเร็ว

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ป.ป.ช.ยะลาพบหลักฐานข้าราชการในพื้นที่ทุจริต เตรียมเสนอนายกฯ ใช้มาตรา 44 จัดการ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มิถุนายน 2558 12:36 น. (แก้ไขล่าสุด 30 มิถุนายน 2558 13:19 น.)

    [​IMG]

    ยะลา - ป.ป.ช.ยะลา เตรียมเสนอนายกรัฐมนตรี ให้จัดการต่อข้าราชการระดับสูงในพื้นที่ยะลา ตามมาตรา 44 หลังมีหลักฐานการทุจริต ขณะนี้ดำเนินการสอบสวนไปได้ 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว พร้อมแถลงผลงานรอบ 6 เดือน ในช่วงเดือนตุลาคม 2557 ถึง มีนาคม 2558

    วันนี้ (30 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงาน ป.ป.ช.ยะลา ถ.สุขยางค์ อ.เมือง จ.ยะลา นายพายัพ คชพลายุกต์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดยะลา ได้แถลงผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือน (ต.ค.57-มี.ค.58) ที่ได้ดำเนินการมาว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.57 จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) โดยมี พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาค 4 นายภานุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต. ร่วมกับเครือข่ายภาคราชการ และประชาชนผู้เข้าร่วมกว่า 1,000 คน พร้อมทั้งเปิดโครงการ “องค์กรใสสะอาดชายแดนใต้” ของ ศอ.บต. ณ อาคารศรีนิบงศูนย์เยาวชน วันที่ 30 ม.ค.58 จัดโครงการ “คอร์รัปชัน ฉันไม่ช่วย” โดยเชิญทนายความในจังหวัดยะลา และนักกฎหมายในจังหวัดยะลา ได้มีการปรับเปลี่ยนทัศนคติให้ตระหนักถึงเรื่องปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการได้เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันการทุจริต และการไม่ให้ความร่วมมือ หรือคำแนะนำให้แก่คนที่ทุจริตในจังหวัดยะลา ณ โรงแรม ปาร์ควิว

    วันที่ 9 มี.ค.58 จัดเสวนา “คนยะลากับปัญหาคอร์รัปชัน” และคอนเสิร์ตต่อต้านคอร์รัปชัน โดยศิลปินกลุ่ม Hammer โดยมีกลุ่มเครือข่ายภาคประชาชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา สถานบันการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาเข้าร่วมโครงการ ฯ ณ หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ในวันที่ 26 มี.ค.58 จัดโครงการ “e-GP & ราคากลาง” โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเจ้าหน้าที่พัสดุของส่วนราชการ จำนวน 1,120 คน ได้เข้าใจในระบบจัดซื้อจัดจ้าง และการเปิดเผยราคากลางของหน่วยงานของรัฐให้แก่ประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้อง ณ โรงแรม ปาร์ควิว และวันที่ 30 มี.ค.58 จัดอบรม “ครอบครัว อปท. โปร่งใส ห่างไกล คอร์รัปชัน” โดยมีผู้บริหาร และรองผู้บริหาร อปท. ในอำเภอบันนังสตา พร้อมทั้งคู่สมรส เข้ารับฟังเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนตามกฎหมาย ป.ป.ช.” นายพายัพ กล่าว

    ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดยะลา ยังกล่าวอีกว่า สำหรับภารกิจด้านการตรวจสอบทรัพย์สินทางสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดยะลา มีภารกิจหน้าที่ในการตรวจสอบความถูกต้อง และความมีอยู่จริงในทรัพย์สิน และหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใน 8 อำเภอ ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาล 15 แห่ง องค์การบริหารส่วนตำบล 48 แห่ง จำนวนทั้งสิ้นรวม 64 แห่ง

    ซึ่งขณะนี้กำลังจะดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง และความมีอยู่จริงในทรัพย์สิน และหนี้สินของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 2 ราย ซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการแจ้งให้ชี้แจงข้อเท็จจริง ส่วนเรื่องกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้วประมูล มีจำนวน 3 เรื่อง การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต อีกจำนวน 16 เรื่อง

    “สำหรับกรณีมีการร้องเรียนข้าราชการระดับสูงในพื้นที่เข้าข่ายทุจริต ซึ่งทาง ป.ป.ช.ยะลา ได้ดำเนินการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ จึงไม่สามารถระบุชื่อได้ ขณะนี้ขั้นตอนการสอบสวนใกล้จะเสร็จแล้วดำเนินการไปได้ 70-80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรายนี้ถือเป็นรายแรกของจังหวัดยะลา ตามมาตรา 44 หากดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ทาง ป.ป.ช.ยะลา ก็จะส่งเรื่องไปยังท่านนายกรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการตามมาตรา 44 ต่อไป โดยไม่ต้องรอให้คดีเสร็จสิ้น โดยทาง ป.ป.ช.ยะลา มีพยานหลักฐานพร้อม ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล พยานวัตถุ รวมทั้งเส้นทางการเงิน” นายพายัพ กล่าว




     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เวที ค2 โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา กฟผ.อ้างคนพื้นที่ส่วนใหญ่เห็นด้วย
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มิถุนายน 2558 12:44 น. (แก้ไขล่าสุด 30 มิถุนายน 2558 13:23 น.)

    [​IMG]

    ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - การไฟฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ เปิดเวที ค2 อ.เทพา ฟังความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่สร้างโรงงานไฟฟ้าถ่านหิน อ้างส่วนใหญ่เห็นด้วย แต่กังวลเรื่องมลพิษ โรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาดจริงหรือไม่

    วันนี้ (30 มิ.ย.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ มีแผนในการสร้างโรงงานไฟฟ้าถ่านหิน และท่าเทียบเรือขนถ่ายถ่านหินในพื้นที่ ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา บนพื้นที่ 2,962 ไร่ มีกำลังการผลิตติดตั้งประมาณ 1,100 เมกะวัตต์ จำนวน 2 เครื่อง ใช้ถ่านหินคุณภาพดีนำเข้าจากต่างประเทศเป็นเชื้อเพลิง โดยใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาดในการผลิตไฟฟ้า

    ซึ่งจากการที่มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ 4 ตำบล จำนวน 2 ครั้ง ปรากฏว่า ได้มีความวิตกกังวลจากประชาชนในพื้นที่ซึ่งเข้าร่วมการรับฟังความคิดเห็น (ค1 และ ค2) ในเรื่องต่างๆ หลายเรื่อง โดยเฉพาะมีข้อสงสัยจากประชาชนว่า การที่ กฟผ. และ รัฐบาลต้องการสร้าง โรงไฟฟ้าถ่านหินที่ อ.เทพา เพราะมีความต้องการที่รองรับอุตสาหกรรมหนักปิโตรเคมี เช่นเดียวกับนิคมอุสาหกรรมที่ จ.ระยอง รวมทั้งไม่มั่นใจว่า หลังเกิดโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เทพาแล้ว จะทำให้พื้นที่ของ อ.เทพา เป็นพื้นที่สีเขียวอีกหรือไม่ และโรงไฟฟ้าชีวมวลจะเอาถ่านหินมาเผาเศษวัสดุไม่เพียงพอจริงหรือไม่

    ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการ ได้ชี้แจงให้คำตอบแก่ประชาชนในประเด็นนี้ว่า เหตุผลการสร้างโรงงานไฟฟ้าถ่านหินที่ อ.เทพา เพื่อรองรับการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และการเพิ่มขึ้นของประชากรในภาคใต้ และของประเทศ โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ไม่ได้ให้คนเทพาใช้ไฟฟ้าเพียงส่วนเดียว แต่เป็นการสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ และพื้นที่ อ.เทพา มีความเหมาะสมทั้งในเรื่องที่ตั้งโรงงาน และท่าเรือในการขนส่งถ่านหินจากต่างประเทศ

    โดยในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าคำนึงถึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และการสร้างพื้นที่สีเขียวเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชุมชน ดังนั้น จึงไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่สีเขียวของ อ.เทพา แต่อย่างใด ส่วนโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่ประชาชนตั้งข้อวิตกกังวลนั้น เป็นนโยบายของรัฐบาลในเรื่องของพลังงาน แต่ไม่มีอยู่ในแผนการศึกษาของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ แต่อย่างใด

    โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนในพื้นที่ 4 หมู่บ้านของ อ.เทพา จ.สงขลา ที่เข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเห็นด้วยต่อการเกิดขึ้นของโรงไฟฟ้าถ่านหิน แต่ยังมีข้อวิตกกังวลในเรื่องสิ่งแวดล้อม ที่อาจจะมีผลกระทบต่อชุมชนในเรื่องของอาชีพ และกังวลต่ออันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อสุขภาพ หากการป้องกันสารพิษต่างๆ ที่เกิดจากกระบวนการผลิตไม่เป็นไปตามระบบ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ที่สนับสนุน พร้อมที่จะรับฟังคำชี้แจงในเรื่อง กระบวนการก่อสร้างการการป้องกัน และการกำจัดสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ได้เปิดเผยว่า ในการทำความเข้าใจต่อประชาชนครั้งที่ 3 (ค3) ในเร็วๆ นี้ จะมีการชี้แจงรายละเอียดทึกเรื่องที่ประชาชนต้องการทราบ


     

แชร์หน้านี้

Loading...