ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UNHCR เผย ชาวยูเครนมากกว่า 900,000 ราย อพยพหนีสงครามกลางเมืองออกนอกประเทศ ส่วนใหญ่เลือกหนีไปซบ “รัสเซีย” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 มิถุนายน 2558 07:27 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (Office of the UN High Commissioner for Refugees : UNHCR) เผยในรายงานฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ ( 27 มิ.ย.) โดยระบุ จำนวนของประชาชนชาวยูเครนที่อพยพหนีตายจากสงครามกลางเมืองในพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศ ออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้พุ่งสูงขึ้นจนทะลุหลัก 900,000 รายไปแล้ว และส่วนใหญ่เลือกเข้าไปพักพิงใน “รัสเซีย”

    รายงานฉบับล่าสุดของยูเอ็นเอชซีอาร์ระบุว่า จนถึงขณะนี้มีชาวยูเครนอพยพหนีภัยการสู้รบออกนอกประเทศไปแล้ว สูงถึง 900,300 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีถึง 746,000 รายโดยประมาณที่เลือกขอเข้าไปพักพิงในรัสเซีย

    นอกเหนือจากรัสเซียแล้ว ข้อมูลของยูเอ็นเอชซีอาร์ที่ถูกเผยแพร่ออกมายังระบุว่า ประเทศปลายทางอื่นๆที่ผู้อพยพหนีภัยสงครามชาวยูเครนมุ่งหน้าไปยังประกอบด้วย เบลารุส ( 81,200 คน) , เยอรมนี (4,600 คน) , โปแลนด์ (3,600 คน) และอิตาลี (2,900 คน)

    ในขณะเดียวกัน ยูเอ็นเอชซีอาร์ยังพบว่า มีชาวยูเครนอีกราว 1.35 ล้านคนที่ต้องหนีตายออกจากบ้านเรือนของตน และกลายสภาพเป็น “ผู้อพยพลี้ภัยภายในประเทศของตัวเอง” ซึ่งในจำนวนนี้กว่า 807,000 รายเป็นผู้สูงอายุ และอีกราว 171,000 รายเป็นเด็ก ส่วนอีก 57,500 รายเป็นผู้พิการ

    รายงานข่าวระบุว่า สถานการณ์การสู้รบระหว่างกองทัพรัฐบาลยูเครน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากฝั่งสหรัฐอเมริกาและโลกตะวันตก กับกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนทางภาคตะวันออกของยูเครนซึ่งมีจุดฝักใฝ่รัสเซีย ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ ส่งผลกระทบต่อความพยายามของยูเอ็นเอชซีอาร์ รวมถึง บรรดาองค์กรบรรเทาทุกข์นานาชาติ ในการเข้าให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จำเป็นต่อชาวยูเครน โดยเฉพาะในพื้นที่ “วงแหวนถ่านหินดอนบาสส์”

    ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานว่า รัสเซียยังคงเป็นประเทศที่จัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมรายใหญ่ที่สุดให้กับยูเครน คิดเป็นสัดส่วนกว่า 50 เปอร์เซ็นต์หรือ “ครึ่งหนึ่ง” ของความช่วยเหลือที่ยูเครนได้รับจากโลกภายนอกทั้งหมด

    และความช่วยเหลือจากรัสเซียเกือบทั้งหมดเป็นการช่วยเหลือชาวยูเครนแบบโดยตรง โดยไม่ผ่านสหประชาชาติหรือองค์กรความช่วยเหลืออื่นใด

    อย่างไรก็ดี ทางยูเอ็นเอชซีอาร์ ระบุว่า ยอดเงินบริจาคของนานาชาติเพื่อช่วยเหลือชาวยูเครนในขณะนี้ ยังคงอยู่ที่ระดับ 20.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 696 ล้านบาท) ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่ 40.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,370 ล้านบาท)

    UNHCR
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    In Pics : Update : ระเบิดปาร์ตีสวนน้ำไต้หวันยอดบาดเจ็บพุ่งไม่ต่ำกว่า 500 โคม่าหนักถึง 181 พบผงแป้งสีปริศนาจุดประกายไฟหน้าเวที โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 มิถุนายน 2558 10:28 น. (แก้ไขล่าสุด 28 มิถุนายน 2558 10:36 น.)

    [​IMG]

    เอพี/เอเจนซีส์ – หลังเกิดเหตุปาร์ตีสวนน้ำฟอร์โมซา ฟัน คอสท์ (Formosa Fun Coast Water Park) ในกรุงนิวไทเป ไต้หวันในเวลา 20.30 น. เมื่อวานนี้(27) และสาเหตุการเกิดระเบิดและมีเพลิงไหม้คาดว่า การปะทุไฟเกิดขึ้นจากสารผงแป้งสีไม่ทราบที่มาใกล้กับบริเวณเวทีการแสดง และทำให้กระทรวงสาธารณสุขไทเปแถลงในวันอาทิตย์(28)ว่า ยอดล่าสุดของผู้บาดเจ็บสูงถึง 509 คน และในจำนวนนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึง 181 คนด้วยกัน และในจำนวนผู้บาดเจ็บทั้งหมดมีชาวจีนและชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วย

    เอพีรายงานวันนี้(28)ถึงเหตุสลดระเบิดการแสดงที่สวนน้ำฟอร์โมซา ฟัน คอสท์ (Formosa Fun Coast Water Park) ในกรุงนิวไทเป ไต้หวัน ซึ่งในเบื้องต้น หวัง เวย-เชง (Wang Wei-sheng) เจ้าหน้าที่ติดต่อประสานงานประจำศูนย์สั่งการดับเพลิงกรุงนิวไทเปให้สัมภาษณ์ว่า เหตุเกิดขึ้นจากการระเบิดของสารผงแป้งไม่ทราบที่มาใกล้กับบริเวณหน้าเวทีการแสดงที่มีผู้เข้าชมแออัดไม่ต่ำกว่า 1,000 คนในขณะนั้น

    ด้านสื่อท้องถิ่นไต้หวัน เซนทรัล นิวส์ เอเจนซีส์ รายงานในวันนี้(28)โดยอ้างตัวเลขจากกระทรวงสาธารณสุขไต้หวันว่า มีจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดล่าสุดจำนวน 509 คน และในจำนวนนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึง 181 คนด้วยกัน

    และในจำนวนตัวเลขผู้บาดเจ็บมีนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ และนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมอยู่ในนี้ด้วย

    โดยก่อนหน้านี้สื่อท้องถิ่นไต้หวันรายงานว่า การตรวจสอบเบื้องต้นของหน่วยดับเพลิงท้องถิ่นระบุว่า “การระเบิดและเพลิงไหม้” อาจเกิดจากผงสีทำปฏิกิริยากับความร้อนจากแสงไฟส่องสว่างของเวทีจนติดไฟลุกไหม้ขึ้นมา อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่ก็สามารถเข้าควบคุมและดับเปลวไฟได้อย่างรวดเร็ว

    ในขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าผงแป้งสีเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงหรือไม่

    สื่อท้องถิ่นอ้างชายผู้อยู่ในเหตุการณ์คนหนึ่งว่า ไฟเริ่มไหม้จากด้านซ้ายของเวทีก่อน โดยตอนแรกเขาเข้าใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของสเปเชียลเอฟเฟกต์งานปาร์ตี้ แต่ต่อมาก็รู้สึกว่ามันผิดปกติจนกระทั่งผู้คนส่งเสียงกรีดร้อง พร้อมกับวิ่งหนีแตกฮือคนละทิศคนละทาง

    และการขนย้ายผู้บาดเจ็บออกจากที่เกิดเหตุก็เป็นไปอย่างทุลักทุเล ด้วยรถพยาบาลไม่สามารถเข้าถึงใจกลางพื้นที่ได้ ทำให้บางส่วนต้องใช้ห่วงยางว่ายน้ำแทนเปลหามคนเจ็บออกไป

    ในขณะที่นายอีริค ชู ผู้ว่ากรุงนิวไทเปซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดของไต้หวัน ก็แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บอกว่ามันเป็นเหตุบาดเจ็บหมู่ครั้งเลวร้ายที่สุดของนิวไทเป โดยสั่งปิดสวนน้ำลงทันทีและเร่งการสวบสวนหาสาเหตุอย่างละเอียด รวมถึงขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากเมืองข้างเคียงอย่างไทเป เถาหยวน และคีลุง

    [​IMG]

    [​IMG]

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000072941
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปชช.กว่าครึ่งแสนเดินขบวนขับไล่ผู้นำกลางเมืองหลวงฮอนดูรัส ชี้มีเอี่ยวทุจริต
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มิถุนายน 2558 22:56 น. (แก้ไขล่าสุด 28 มิถุนายน 2558 11:26 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี / เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ประชาชนชาวฮอนดูรัสหลายหมื่นคนออกมาร่วมเดินขบวนในวันศุกร์ (26 มิ.ย.) กลางกรุงเตกูซิกัลปา เมืองหลวงของประเทศ เพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดีฮวน ออร์ลันโด เอร์นันเดซ ลาออกจากตำแหน่ง หลังผู้นำฮอนดูรัสรายนี้ตกเป็นข่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตหลายกรณี

    กลุ่มผู้เข้าร่วมเดินขบวนขับไล่ประธานาธิบดีฮวน ออร์ลันโด เอร์นันเดซ ในกรุงเตกูซิกัลปาครั้งนี้ คาดว่าจะมีจำนวนสูงถึงกว่า 50,000 รายตามการประเมินของฝ่ายที่จัดการประท้วง

    นอกจากกลุ่มผู้ประท้วงจะตะโกนขับไล่ผู้นำฮอนดูรัสด้วยถ้อยคำรุนแรงแล้ว มีรายงานว่าผู้ประท้วงบางส่วนได้ใช้วิธีการเป่าแตรและการถือคบเพลิงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหวคราวนี้ด้วยเช่นกัน

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายที่จัดการเดินขบวนที่มีผู้เข้าร่วมกว่าครึ่งแสนรายในครั้งนี้ได้ยื่นข้อเรียกร้องให้ ประธานาธิบดีฮวน ออร์ลันโด เอร์นันเดซ ต้องยอมลาออกจากตำแหน่งในทันที และต้องการให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติขึ้นมาอย่างเป็นทางการ

    รายงานข่าวระบุว่า พื้นที่ที่ถือว่าเป็นจุดศูนย์กลางของการชุมนุมขับไล่ผู้นำประเทศในครั้งนี้ถูกระบุว่า อยู่บริเวณถนนซูยาปา โดยกลุ่มผู้ประท้วงซึ่งมีแผนจะเดินขบวนผ่านไปยังทำเนียบประธานาธิบดีฮอนดูรัส ได้รับคำเตือนให้ระวังการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจำนวนมากที่ถูกระดมมาคุ้มกันความปลอดภัยของทำเนียบฯ

    ทั้งนี้ ประธานาธิบดีฮวน ออร์ลันโด เอร์นันเดซ ในวัย 46 ปี ซึ่งมีภูมิหลังเป็น “นักธุรกิจ”แต่ผันตัวเองเข้าสู่ถนนสายการเมืองได้ก้าวขึ้นครองตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 55 ในประวัติศาสตร์ของประเทศตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคมปี 2014 และถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับการทุจริตในหลายกรณีรวมถึงเรื่องอื้อฉาวล่าสุด ที่เขาถูกฝ่ายค้านเปิดโปงว่าแอบยักยอกเงินงบประมาณแผ่นดินเข้ากระเป๋าตัวเองจำนวน 90 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,040 ล้านบาท) โดยเงินจำนวนนี้ถูกระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของงบดูแลสุขภาพของ “คนยากจน” จำนวนมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ (ราว 10,135 ล้านบาท)

    อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีฮวน ออร์ลันโด เอร์นันเดซ ยืนกรานจะไม่ลาออกจากตำแหน่งตามแรงกดดัน แต่พร้อมเปิดการเจรจากับฝ่ายต่อต้านเพื่อหาทางออกให้กับวิกฤตทางการเมืองของประเทศ และยืนยันว่าตนเองมิได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา

    ปชช.กว่าครึ่งแสนเดินขบวนขับไล่ผู้นำกลางเมืองหลวงฮอนดูรัส ชี้มีเอี่ยวทุจริต

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000072887
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สำหรับผมนายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ เป็นวีรบุรุษตัวจริงเพราะเขาเป็นคนหนุ่มที่มีความกล้า และเข้าใจว่าขณะนี้กรีซตกอยู่ในสภาพใด และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบไหนที่ควรนำมาใช้ในการพัฒนาประเทศ เพราะการใช้มาตรการรัดเข็มขัด ถึงแม้ได้รับเงินกู้ แต่ถ้าเศรษฐกิจไม่ฟื้น ทรัพย์สินที่สร้างรายได้ให้ประเทศก็เป็นของประเทศอื่นๆ ไปหมดแล้ว สุดท้ายเมื่อต้องการเงินก้อนใหม่มาฟื้นฟูประเทศ และใช้หนี้ต่างประเทศ เมื่อเงินก้อนเก่าหมดไป กรีซก็ต้องตกอยู่ในสภาพ“ผิดนัดชำระหนี้" และถูกยึดทรัพย์สินโดยเจ้าหนี้อยู่ดี ยังไงสภาพนี้ก็ต้องย้อนกลับมาในอีกไม่กีปีข้างหน้า สู้เข้าสู่สภาวะนี้ ในตอนที่ยังมีทรัพย์สินที่สร้างรายได้อยู่กับตัว และยังมีสิทธิต่อรองอยู่ดีกว่า

    นายกฯ กรีซแถลงกลางดึก จัดประชามติชี้ชะตาข้อตกลงช่วยเหลือต้นเดือนหน้า
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มิถุนายน 2558 06:43 น. (แก้ไขล่าสุด 28 มิถุนายน 2558 11:14 น.)

    [​IMG]

    @นายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ประกาศผ่านสถานีโทรทัศน์ช่วงเช้ามืดวันเสาร์(27มิ.ย.) ว่าเขาจะจัดลงประชามติในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม เพื่อตัดสินชะตาข้อตกลงช่วยเหลือที่เสนอโดยเจ้าหนี้นานาชาติ

    เอเอฟพี - นายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ประกาศช่วงเช้ามืดวันเสาร์ (27 มิ.ย.) ว่าเขาจะจัดลงประชามติในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ว่าประเทศจะรับหรือปฏิเสธ ผลลัพธ์การเจรจาข้อตกลงช่วยเหลือระหว่างเอเธนส์กับเจ้าหนี้นานาชาติ ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้

    “ประชาชนต้องตัดสินใจโดยปราศจากการขู่กรรโชกใดๆ ประชามติจะมีขึ้นในวันที่ 5 กรกฎาคม” นายซีปราส แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐตอน 01.00 น.(ตรงกับเมืองไทย 05.00 น.)

    นายซีปราสออกถ้อยแถลงถึงประชาชนทั่วประเทศ ก่อนหน้าการประชุมฉุกเฉินรัฐมนตรีคลังยูโรโซนในวันเสาร์ (20 มิ.ย.) ท่ามกลางความวิตกกังวลอย่างสูงว่ากรีซอาจผิดนัดชำระหนี้ในวันอังคารหน้า (30 มิ.ย.) ที่อาจนำไปสู่การออกจากยูโรโซนของเอเธนส์

    “เป็นเวลา 6 เดือนแล้ว รัฐบาลกรีซเป็นผู้นำการต่อสู้เพื่อหาข้อตกลงที่ใช้การได้และเคารพประชาธิปไตย” ซีปราสกล่าว “เราถูกร้องขอให้บังคับใช้มาตรการรัดเข็ดขัด ผ่อนคลายตลาดแรงงาน ตัดลดบำนาญและขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์อาหาร เป้าหมายคือลบหลู่ประชาชนทั้งมวล”

    เขากล่าวต่อว่า “นี่คือความรับผิดชอบครั้งประวัติศาสตร์ ที่ดูเหมือนว่าตอนนี้เราต้องตัดสินใจอนาคตของประเทศแล้ว ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเราต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ ซึ่งจะเป็นที่พึ่งพาของอนุชนรุ่นหลัง”

    ก่อนหน้านี้ในวันศุกร์ (26 มิ.ย.) กรีซเพิ่งปฏิเสธข้อเสนอขยายโครงการช่วยเหลือออกไป 5 เดือนเป็นเงิน 12,000 ยูโรของเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ โดยบอกว่า “มิอาจยอมรับได้” พร้อมยืนยันจะซื่อสัตย์ต่อหลักการต่อต้านรัดเข็มขัดต่อไป แม้เค้ารางหายนะทางการเงินกำลังคืบคลานเข้ามา

    เหล่าเจ้าหนี้ อันประกอบด้วยคณะกรรมาธิการยุโรป ธนาคารกลางยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ยืนกรานว่ากรีซต้องบรรลุข้อตกลงในสัปดาห์นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงผิดนัดชำระหนี้ไอเอ็มเอฟในสัปดาห์หน้า

    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเอเธนส์ระบุในถ้อยแถลงว่า ไม่อาจยอมรับข้อเสนอดังกล่าวได้ โดยบอกว่าเงื่อนไขปฏิรูปที่แนบมาด้วยนั้นจะทำให้เศรษฐกิจตกต่ำและความช่วยเหลือนั้นมีจำนวนเงินที่ไม่เพียงพอกับระยะเวลา 5 เดือน


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกาหลีใต้หวั่น “เมอร์ส” ระบาดเพิ่ม หลังพบผู้ติดเชื้อจากโรงพยาบาลแห่งใหม่
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มิถุนายน 2558 14:24 น. (แก้ไขล่าสุด 28 มิถุนายน 2558 11:20 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - เกาหลีใต้ระบุในวันนี้ (27 มิ.ย.) ว่า พวกเขากำลังเฝ้าตรวจสอบโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในทางตะวันออกของกรุงโซลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีความกังวลว่าคนหลายร้อยคนที่นั่นอาจสัมผัสเชื้อไวรัสกลุ่มอาการทางเดินหายในตะวันออกกลางหรือเมอร์ส

    สตรีวัย 70 ปีรายหนึ่งซึ่งติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ขณะเยี่ยมญาติที่ติดเชื้อในโรงพยาบาลแห่งดังกล่าวได้ทำให้เกิดความกังวลว่า เธออาจแพร่กระจายเชื้อไวรัสเมอร์สในสถานที่แห่งใหม่นี้แล้ว

    “เรากำลังทุ่มเทความพยายามของเราไปที่การตามติดต่อและแยกเดี่ยวผู้ที่มาใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายนี้” เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงสาธารณสุข บอกกับผู้สื่อข่าวในวันนี้ (27

    สตรีรายดังกล่าวเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน สองวันหลังจากถูกวินิจฉัยพบโรค แต่เนื่องจากระยะเวลาฟักตัวของเชื้อไวรัสชนิดนี้คือ 14 วัน ดังนั้นใครก็ตามที่ติดเชื้อจากเธออาจเพิ่งจะเริ่มแสดงอาการในช่วงไม่กี่วันข้างหน้านี้เท่านั้น

    เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวระบุว่า มันเร็วเกินไปที่จะบอกว่าการแพร่ระบาดอาจอยู่ในช่วงขาลงแล้ว และชี้ว่าอาจมีผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลแห่งดังกล่าว

    การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ประเทศนี้รายงานว่ามีผู้ติดเพิ่มเติม 1 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในการะบาดที่ใหญ่ที่สุดของไวรัสชนิดนี้นอกซาอุดีอาระเบียอยู่ 182 ราย

    อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 31 ราย กระทรวงสาธารณสุข ระบุ

    ผู้ติดเชื้อรายใหม่ล่าสุดคือพยาบาลวัย 27 ปีจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งทางตะวันออกของกรุงโซล ซึ่งเชื่อว่าติดเชื้อขณะพยาบาลคนไข้

    เธอเป็นผู้ติดเชื้อรายที่ 5 ของโรงพยาลแห่งดังกล่าว ซึ่งมีผู้ป่วยกว่า 100 คนถูกแยกเดี่ยวมาตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน หลังจากสัมผัสกับไวรัสชนิดนี้ขณะเข้ารับการล้างไต

    จากผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้วทั้งหมด 182 คน 90 คนฟื้นตัวแล้ว 31 คนเสียชีวิต และอีก 61 คนยังอยู่ระหว่างรับการรักษา ในจำนวนนี้ 13 คนถูกบันทึกว่ามีอาการหนัก

    กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีปัญหาด้านสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว ขณะที่ผู้ที่ถูกแยกเดี่ยวในตอนนี้อยู่ที่ 2,467 ราย ลดลงจาก 2,931 รายเมื่อวันศุกร์ (26)


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000072807
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กองกำลังเคิร์ด-ทัพซีเรียประจันหน้า “ไอเอส” ในตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มิถุนายน 2558 16:03 น. (แก้ไขล่าสุด 28 มิถุนายน 2558 11:22 น.)

    [​IMG]

    รอยเตอร์ – กองกำลังเคิร์ดและกองทัพซีเรียต่างสู้รบกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) รอบเมืองฮาซากาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียเมื่อคืนนี้ ในขณะที่พวกนักรบญิฮาดกลุ่มนี้พยายามยึดพื้นที่ในย่านใจเมืองใกล้พรมแดนอิรักแห่งนี้เพิ่มเติม กลุ่มสังเกตการณ์ ระบุในวันนี้ (27 มิ.ย.)

    กลุ่มไอเอสเปิดฉากการโจมตีหลายพื้นที่ในเมืองฮาซากาที่รัฐบาลยึดครองอยู่เมื่อวันพฤหัสบดี (25) ในการสู้รบซึ่งองค์การสหประชาชาติรายงานว่าทำให้มีพลเรือนพลัดถิ่นหลายพันคน

    กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรีย (Syrian Observatory for Human Rights) ซึ่งติดตามความขัดแย้งนี้โดยอาศัยแหล่งข่าวภาคพื้น ระบุว่า กองกำลังวายพีจีของชาวเคิร์ดสู้รบกับกลุ่มไอเอสบริเวณรอบนอกชุมชนกีรานในทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองฮาซากา

    เมืองฮาซากาถูกแบ่งออกเป็น 2 เขตภายใต้การยึดครองของรัฐบาลและของฝ่ายทางการเคิร์ด และมีประชากรชาวอาหรับ, ชาวเคิร์ด และชาวคริสต์อาศัยอยู่รวมกัน

    อาณาเขตนี้มีความสำคัญต่อทุกฝ่ายที่กำลังต่อสู้อยู่ เนื่องจากมันตั้งกั้นอยู่ระหว่างดินแดนของกลุ่มไอเอสในซีเรียและอิรัก อีกทั้งมีพื้นที่ทางตอนเหนือติดกับพรมแดนตุรกี

    กองกำลังวายพีจีระบุว่า พวกเขาไม่ได้ประสานงานกับกองทัพซีเรียของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งก็กำลังสู้รบกับกลุ่มไอเอสในชุมชนอัล-นาชวาทางตะวันตกเฉียงใต้ และพื้นที่รอบอาคารหน่วยงานความมั่นคงแห่งหนึ่งในเมืองนี้ กลุ่มสังเกตการณ์ฯ ระบุ

    ในสัปดาห์นี้กลุ่มไอเอสยังได้โจมตีเมืองโคบานีที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวเคิร์ด ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองฮาซากาติดพรมแดนตุรกี

    มีรายงานว่ากลุ่มไอเอาได้สังหารคนไปแล้วอย่างน้อย 145 รายในและนอกเมืองโคบา ซึ่งกลุ่มสังเกตการณ์อธิบายว่าเป็นหนึ่งในการสังหารหมู่ที่เลวร้ายที่สุดโดยน้ำมือพวกไอเอสในซีเรีย


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Weekend Focus : สังคมเหยียดผิว: ปัญหาที่อเมริกายังแก้ไม่ตก
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มิถุนายน 2558 07:45 น.

    [​IMG]

    เหตุการณ์หนุ่มวัยรุ่นผิวขาวบุกเข้าไปยิงคนตาย 9 ศพภายในโบสถ์เก่าแก่ของชาวแอฟริกัน-อเมริกันในเมืองชาร์ลสตัน มลรัฐเซาท์แคโรไลนา เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ทำให้ชาวอเมริกันหลายคนอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า เหตุใด “ลัทธิเหยียดผิว” จึงยังไม่ตายไปจากสังคมประชาธิปไตยอย่างสหรัฐฯ และล่าสุดก็ได้นำมาสู่กระแสต่อต้านธงสมาพันธรัฐ หรือ Confederate flag ซึ่งมีประวัติผูกพันไปถึงการต่อสู้ยุคสงครามกลางเมืองและระบบทาส

    ดีแลนน์ รูฟ มือปืนผิวขาววัย 21 ปี ซึ่งถูกจับกุมและโดนข้อหาหนัก 9 กระทงฐานฆาตกรรมสมาชิกกลุ่มศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิลในโบสถ์เอมานูเอล เอ.เอ็ม.อี มีประวัติเขียนข้อความเหยียดเชื้อชาติลงในสื่อออนไลน์หลายครั้ง และยังถ่ายรูปคู่กับธงสมาพันธรัฐมาอวดลงสื่ออินเทอร์เน็ต

    โดยปกติแล้ว ผู้ที่นิยมชมชอบธงชนิดนี้จะแขวนหรือประดับธงไว้บนเสื้อ เนื่องจากเห็นว่าเป็นสัญลักษณ์แทนประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของรัฐเซาท์แคโรไลนา และเพื่อเป็นการรำลึกถึงประชาชนหลายแสนคนในรัฐฝ่ายใต้ที่เสียชีวิตในสงครามกลางเมืองช่วงปี ค.ศ. 1861-1865

    ในมุมกลับกัน ผู้ที่ต่อต้านธงสมาพันธรัฐกลับมองว่า ธงชนิดนี้สื่อถึง “ระบบทาส” ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต และกลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ปลุกระดมการแบ่งแยกสีผิวและเกลียดกลัวคนต่างชาติในสหรัฐอเมริกา

    นิกกี ฮาลีย์ ผู้ว่าการหญิงแห่งรัฐเซาท์แคโรไลนา ได้ออกมาเรียกร้องให้สมาชิกสภาท้องถิ่นแห่งรัฐปลดธงสัญลักษณ์ดังกล่าวออกจากอาคารที่ทำการของรัฐในเมืองโคลัมเบีย หลังจากที่ธงชนิดนี้เคยปลิวสะบัดอยู่ที่นี่มานานถึงครึ่งศตวรรษ

    “ถึงเวลาแล้วที่เราจะเอาธงนี้ออก” ฮาลีย์ ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน เปิดแถลงข่าวที่เมืองเอกของรัฐเซาท์แคโรไลนา ซึ่งอยู่ห่างจากโบสถ์คนผิวสีในเมืองชาร์ลสตันที่ถูกหนุ่มหัวรุนแรงกราดยิงประมาณ 160 กิโลเมตร

    “ธงนี้แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของอดีต แต่ไม่ใช่ตัวแทนอนาคตของรัฐที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้”

    การถกเถียงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพลเมืองต่างเชื้อชาติกำลังเป็นประเด็นทางสังคมที่ร้อนแรงในสหรัฐฯ หลังเกิดคดีตำรวจผิวขาวยิงสังหารคนดำหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งทำให้เกิดขบวนการต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองภายใต้สโลแกน “Black lives matter” หรือ “ชีวิตคนผิวสีมีความหมาย”

    คาร์ล สมิธ หนุ่มผิวสีวัย 29 ปีในเมืองชาร์ลสตัน ระบุว่า “ธงอย่างเดียวที่เราควรจะใช้ก็คือธงชาติสหรัฐฯ... ทำไมพวกคุณถึงสนับสนุนธงที่สร้างความแตกแยก มากกว่าธงที่ทำให้ผู้คนร่วมกันเป็นหนึ่ง”

    อย่างไรก็ดี โฆษกกลุ่ม Sons of Confederate Veterans ซึ่งยกย่องเกียรติภูมิของทหารที่เสียชีวิตในสงครามกลางเมืองภาคใต้ เตือนว่าทุกฝ่ายไม่ควรด่วนตัดสินใจเรื่องนี้เร็วเกินไป

    “มันเป็นเวลาที่แย่ที่สุดที่เราจะมาคิดเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์... ระบบทาสไม่ใช่ตราบาปของรัฐทางใต้ แต่ถือเป็นตราบาปของชาติอเมริกันทั้งหมด เพราะมันคือรากฐานความเจริญรุ่งเรืองของวอลล์สตรีทและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในทุกวันนี้”

    ภาคธุรกิจสหรัฐฯ ก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อกระแสสังคม โดยบริษัทค้าปลีก วอลมาร์ท และ เซียร์ส โฮลดิงส์ ได้ประกาศถอดสินค้าทุกรายการที่มีรูปธงสมาพันธรัฐออกจากชั้นวาง

    โฆษกวอลมาร์ท ชี้ว่า บริษัทไม่ต้องการให้สินค้าที่จำหน่ายสร้างความไม่พอใจต่อคนกลุ่มใด

    “เราได้สั่งถอดสินค้าทุกชนิดที่มีรูปธงสมาพันธรัฐอเมริกาออกจากระบบจัดวาง ทั้งหน้าร้านและเว็บไซต์” ไบรอัน นิค โฆษกวอลมาร์ท ระบุในคำแถลง

    ด้าน เซียร์ส โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นเจ้าของเครือซุปเปอร์มาร์เก็ตเซียร์ส (Sears) และเคมาร์ท (Kmart) ไม่ได้จำหน่ายธงสมาพันธรัฐอเมริกาอยู่แล้ว แต่ได้มีมาตรการเพิ่มเติมโดยถอดสินค้าของบุคคลที่ 3 ที่วางจำหน่ายในตลาดสินค้าออนไลน์ของทางบริษัทออกด้วย

    สังคมแห่งการเหยียดผิว

    ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อวิทยุเมื่อวันจันทร์(22 มิ.ย.)ว่า เหตุกราดยิงโบสถ์คริสต์ที่รัฐเซาท์แคโรไลนาสะท้อนให้เห็นว่า สหรัฐฯ ยังไม่พ้นจากการเป็นสังคมเหยียดผิว และถึงขั้นเอ่ยคำต้องห้ามคือ “นิโกร” (nigger) ซึ่งเป็นคำเรียกดูถูกคนผิวสี และยังถือเป็นคำหยาบคายที่สุดคำหนึ่งในภาษาอังกฤษ เพื่อเน้นถึงความเลวร้ายของอาชญากรรมความเกลียดชังที่อเมริกากำลังเผชิญอยู่

    “เรายังขจัดปัญหานี้ไม่ได้” โอบามา บอกกับพิธีกร มาร์ก มารอน แห่งสถานีวิทยุพ็อดแคส WTF

    “แค่เราไม่พูดคำว่านิโกรในที่สาธารณะเพราะมันไม่สุภาพ ยังไม่ใช่มาตรวัดว่าสังคมของเราเหยียดผิวอยู่หรือไม่”

    คำต้องห้ามคำนี้อยู่คู่ประวัติศาสตร์สหรัฐฯ มาอย่างยาวนาน แต่แทบจะไม่มีใครเอ่ยมันในที่สาธารณะ โดยเฉพาะบรรดานักการเมือง แต่ โอบามา ตัดสินใจพูดคำนี้ออกสื่อเพราะต้องการให้กระทบใจคนอเมริกัน จนนำไปสู่การทบทวนจิตสำนึกของตนเอง

    โจช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาว ออกมายอมรับว่า ถ้อยคำที่ประธานาธิบดีใช้โต้แย้งในสถานการณ์เช่นนี้ถือว่ามีผลยั่วยุพอสมควร แต่ก็ยืนยันว่า โอบามา ไม่รู้สึกเสียใจเลยที่เลือกใช้คำนี้

    Weekend Focus :
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำมัน-ทองคำทรงตัวจับตาวิกฤตหนี้กรีซ หุ้นมะกันปิดแคบ
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มิถุนายน 2558 05:20 น. (แก้ไขล่าสุด 28 มิถุนายน 2558 11:13 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันและทองคำทรงตัวในวันศุกร์ (26 มิ.ย.) ตลาดจับตาโต๊ะหารือโครงการนิวเคลียร์อิหร่านในเวียนนาและการเจรจาหนี้กรีซ ปัจจัยนี้ก็ฉุดให้วอลล์สตรีทปิดผสมผสาน แม้ได้แรงหนุนจากผลประกอบการอันแข็งแกร่งของไนกี้

    น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 7 เซ็นต์ ปิดที่ 59.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 6 เซ็นต์ ปิดที่ 63.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    กรีซตะเกียกตะกายเพื่อให้ได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม สำหรับนำไปชำระหนี้คืนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่ครบกำหนดในวันอังคารหน้า (30 มิ.ย.) อย่างไรก็ตามพวกเขาปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำแล้วต่อเงื่อนไขปฏิรูปแลกเงินช่วยเหลือที่เสนอโดยเหล่าเจ้าหนี้นานาชาติ กระพือความกังวลรอบใหม่ว่าเอเธนส์อาจผิดนัดชำระหนี้และท้ายที่สุดต้องออกจากยูโรโซน

    ขณะเดียวกัน ตลาดยังเฝ้ารอการเจรจาระหว่างอิหร่านและชาติมหาอำนาจที่ว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงจำกัดโครงการนิวเคลียร์ของเตหะรานทันเส้นตายสิ้นเดือนนี้หรือไม่ ซึ่งหากประสบความสำเร็จ ชาติมหาอำนาจก็จะปลดมาตรการคว่ำบาตร เปิดทางให้อิหร่านส่งน้ำมันเข้าสู่ตลาดระหว่างประเทศได้เพิ่มเติม

    ด้านราคาทองคำในวันศุกร์ (26 มิ.ย.) ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ หลังกรีซยังไม่สามารถตกลงกับเจ้าหนี้ได้ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 1.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,173.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (26 มิ.ย.) ปิดผสมผสาน โดยเอสแอนด์พี 500 ทรงตัว หลังนักลงทุนจับตาสถานการณ์หนี้กรีซ ส่วนดาวโจนส์ปิดบวกเล็กน้อย จากผลประกอบการอันแข็งแกร่งของไนกี้

    ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 56.32 จุด (0.32 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,946.68 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 0.82 จุด (0.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,101.49 จุด แนสแดค ลดลง 31.68 จุด (0.62 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,080.51 จุด

    ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก ได้แรงหนุนจากไนกี้ อิงก์ ที่ขยับขึ้นถึงร้อยละ 4.3 ปิดที่ 109.71 ดอลลาร์ต่อหุ้น หลังบริษัทผู้ผลิตเครื่องกีฬายักษ์ใหญ่เปิดเผยกำไรรายไตรมาสดีกว่าที่คาด แต่แนสแดคขยับลงจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของไมครอน เทคโนโลยี อิงค์

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แค่เสนอขยายเงินช่วยเหลือ 5 เดือน เพื่อประวิงเวลาไม่ให่สถานะการณ์เข้าสู่จุดวิกฤตก่อนถึงเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ยูโรคาดหวังไว้ ซึ่งผมคิดว่าเป็นกรณีของรัสเซียเพราะ มีการต่อมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียออกไปอีก 6 เดือน คงคิดว่าจะจัดการกับรัสเซียได้ล่ะสิ ก็เลยขยายเงินช่วยเหลือกรีซไปอีก 5 เดือน เพราะถึงเวลานั้นจัดการรัสเซียสำเร็จ ก็คงไม่มีใครช่วยกรีซอีก จะทำอะไรกับกรีซก็ได้ทุกอย่าง แบบกรีซเป็นลูกไก่ในกำมือ เวลาช่างพอเหมาพอเจาะกันพอดีเลย

    เจ้าหนี้เสนอขยายเงินช่วยเหลือ 5 เดือน แต่กรีซสวนไม่ยอมถูกขู่กรรโชก
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มิถุนายน 2558 02:30 น. (แก้ไขล่าสุด 28 มิถุนายน 2558 11:10 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - เหล่าเจ้าหนี้ระหว่างประเทศในวันศุกร์ (26 มิ.ย.) ยื่นข้อเสนอขยายโครงการช่วยเหลือออกไป 5 เดือนเป็นเงิน 12,000 ยูโร พร้อมเตือนกรีซว่าต้องบรรลุข้อตกลงในสุดสัปดาห์นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงผิดนัดชำระหนี้ไอเอ็มเอฟในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ความหวังฝ่าทางตันดับวูบลงในแบทันที หลังกรีซปฏิเสธข้อเสนอ “รับหรือไม่รับ” นี้ โดยยืนยันจะซื่อสัตย์ต่อหลักการต่อต้านรัดเข็มขัดต่อไป แม้เค้ารางหายนะทางการเงินกำลังคืบคลานเข้ามา

    นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เรียกร้องเอเธนส์ อย่าละทิ้งข้อเสนอที่เอื้อเฟื้ออย่างเป็นพิเศษนี้ ที่จะมอบเงินสดอันสำคัญแก่กรีซไปจนถึงเดือน 30 พฤศจิกายน เพื่อแลกกับการปฏิรูปครั้งใหญ่ซึ่งทางเอเธนส์ขัดขืนมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ความหวังดังกล่าวแทบพังทลายในทันที หลังจากรัฐบาลเอเธนส์ระบุในถ้อยแถลงว่าไม่อาจยอมรับข้อเสนอดังกล่าวได้ โดยบอกว่าเงื่อนไขปฏิรูปที่แนบมาด้วยนั้นจะทำให้เศรษฐกิจตกต่ำและความช่วยเหลือนั้นมีจำนวนเงินที่ไม่เพียงพอกับระยะเวลา 5 เดือน

    ขณะที่นายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ก็บอกว่าเขาปฏิเสธข้อเสนอรับหรือไม่รับจากคู่หูอียูและประกาศซื่อสัตย์ต่อหลักการต่อต้านรัดเข็มขัดต่อไป แม้เค้ารางหุบเหวลึกทางการเงินอยู่ห่างออกไปแค่ไม่กี่วัน “หลักการของยุโรปคือต้องไม่อยู่บนพื้นฐานของการขู่กรรโชกและการยื่นคำขาด” เขากล่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมซัมมิทเหล่าผู้นำอียู 2 วัน ที่ถูกบดบังโดยหัวข้อวิกฤตหนี้กรีซ “นี่คือชั่วโมงวิกฤต ไม่ควรมีใครได้รับสิทธิ์นำหลักการเหล่านี้ไปวางบนความเสี่ยง”

    คำกล่าวของซีปราสเกิดขึ้นไม่นานหลังจากเขาหารือกับนางแมร์เคิล และนายฟรังซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศส ก่อนหน้าการประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนอันสำคัญ ที่มีเป้าหมายค้นหาข้อตกลงเพื่อยุติวิกฤตการณ์ดังกล่าว

    ข้อเสนอดังกล่าวมีขึ้นตามหลังการเจรจาหลายรอบตลอดทั้งสัปดาห์ เพื่อหาทางยุติการเผชิญหน้าระหว่างเหล่าเจ้าหนี้กับรัฐบาลซ้ายจัดของนายซีปราส ซึ่งปฏิเสธปฏิรูปเพิ่มเติมเพื่อแลกกับความช่วยเหลือ หลังเผชิญกับความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจมานานกว่า 5 ปี

    เอเอฟพีรายงานว่า ในข้อเสนอที่ได้เห็นนั้น เหล่าเจ้าหนี้พร้อมจัดสรรเงินในทันที 1,800 ล้านยูโร ในความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อช่วยเอเธนส์นำไปชำระหนี้ 1,500 ยูโรแก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอ) ที่ครบกำหนดในวันที่ 30 มิถุนายน เมื่อรัฐบาลกรีซลงมติเห็นชอบข้อตกลงปฏิรูปที่เห็นพ้องกับเจ้าหนี้และเริ่มดำเนินการทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม นายโวล์ฟกัง ชอยเบิล รัฐมนตรีคลังเยอรมนี ยอมรับว่าโอกาสของข้อตกลงนี้มีแค่ 50-50 เท่านั้น

    ในการหารือสั้นๆ นายซีปราสบอกกับแมร์เคิลกับออลลองด์ ว่าเขาไม่เข้าใจต่อจุดยืนที่แข็งกร้าวของทั้ง 2 และร้องขอเวลาเพิ่มเติม แต่สองผู้นำทรงอิทธิพลที่สุดของยูโรโซน ยืนกรานว่าการประชุมยูโรโซนในวันเสาร์นี้ (27 มิ.ย.) มีความสำคัญยิ่งต่อการเดินหน้าสู่ข้อตกลง

    พรรคไซรีซาของนายซีปราส ได้รับเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา จากนโยบายหาเสียงต่อต้านมาตรการเข็มขัด และขัดขืนคำเรียกร้องของเจ้าหนี้ที่อยากให้ตัดลดบำนาญและขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อปลดล็อคเงินช่วยเหลืองวดสุดท้ายของแพ็กเกจเงินช่วยเหลือ 240,000 ล้านยูโร

    การขยายแพกเกจเงินช่วยเหลือออกไปจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน จะเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เดือนธันวาคมและจะเป็นการให้เวลาเอเธนส์เพิ่มเติมในการเจรจาความช่วยเหลือทางการเงินในอนาคตจากคู่หูยูโรโซน

    ทั้งนี้ นายเจอโรน ดิจเซลโบลม ประธานรัฐมนตรีคลังยูโรโซน บอกว่าข้อตกลงต้องบรรลุกันให้ได้ในวันเสาร์ (27 มิ.ย.) ไม่เช่นกันนั้นก็จะไม่มีเวลาเพียงพอสำหรับผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ขณะที่แหล่งข่าวเผยว่าแผนข้อเสนอของเจ้าหนี้ได้ถูกส่งถึงสมาชิกรัฐสภาเยอรมนีแล้ว เพื่อที่จะได้ลงมติต่อมาตรการนี้ในทันทีหากว่ารัฐบาลกรีซตอบรับข้อตกลงในวันเสาร์

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คลื่นความร้อนในปากีฯคลี่คลายแล้ว แต่ยอดตายมากกว่า1,150ศพ
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มิถุนายน 2558 23:33 น.

    [​IMG]

    @ชาวปากีสถานต้องอาศัยน้ำที่รั่วออกมาจากท่อประปาเพื่อคลายร้อนจากภาวะคลื่นความร้อนปกคลุมการาจี อย่างไรก็ตามในวันศุกร์(26มิ.ย.) อุณหภูมิเย็นลงแล้ว

    รอยเตอร์ - ลมทะเลพัดพาอุณหภูมิในการาจีลดต่ำลงในวันศุกร์(26มิ.ย.) ช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมานแสนสาหัสจากคลื่นความร้อน ที่คร่าชีวิตผู้คนทั่วเมืองท่าของปากีสถานแห่งนี้ระหว่างเทศกาลถือศีลอีดในเดือนรอมฎอนของชาวมุสลิม ไปมากกว่า 1,150 ศพ

    อันวาร์ คาซมี โฆษกของเอธี เวลแฟร์ องค์กรการกุศลใหญ่ที่สุดของปากีสถานบอกว่า "จนถึงวันศุกร์ มีผู้เสียชีวิตตามโรงพยาบาลต่างๆของรัฐอย่างน้อย 1,150 ศพ"

    ท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนจัดสูงสุดถึง 44 องศาเซลเซียส ร้อนที่สุดนับตั้งแต่ปี 1981 แต่ประชาชนกลับต้องเผชิญกับปัญหาไฟฟ้าขัดข้อง จึงกระพือเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดต่อแนวทางการรับมือกับวิกฤตการณ์คราวนี้ของรัฐบาลในเมืองที่มีประชากร 20 ล้านคน

    ศพไร้ญาติของผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนปกคลุมการาจี กำลังจะถูกนำไปฝังโดยเอธี เวลแฟร์ องค์กรการกุศลใหญ่ที่สุดของปากีสถาน

    ปัญหาไฟฟ้าดับส่งผลให้ประชาชนไม่สามารถใช้พัดลม ไม่มีน้ำใช้หรือแสงสว่างในช่วงเริ่มต้นของเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวมุสลิมจะไม่รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำระหว่างรุ่งสางจนตะวันลับขอบฟ้า

    อย่างไรก็ตามดอคเตอร์ โมฮัมหมัด ฮารีฟ ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์อากาศแห่งชาติเผยว่าในวันศุกร์(26มิ.ย.) อุณหภูมิสูงสุดลดลงมาเหลือราวๆ 36 องศาเซลเซียส หลังจากต้องเผชิญกับอุณหภูมิร้อนระอุสูงสุดราว 44-45 องศาเซลเซียสมาตั้งแต่วันเสาร์ (20 มิ.ย.)

    ในวันศุกร์(26มิ.ย.) จำเป็นต้องมีการประกอบพิธีศพเหยื่อที่ไม่สามารถระบุตัวตน 50 ศพ ก่อนดำเนินการฝังศพเหล่านั้นอย่างเร่งด่วน หลังจากประสบปัญหาร่างผู้เสียชีวิตล้นโรงเก็บศพ "เรารอมา 3 วันแล้วสำหรับญาติๆที่จะมาอ้างสิทธิ์ และตอนนี้เราต้องฝังศพ 50 ศพ" เจ้าหน้าที่ขององค์กรการกุศลเอธี เวลแฟร์เผย พร้อมเชื่อว่าเหยื่อบางคนน่าจะเป็นคนเร่ร่อน "ก่อนที่เราจะฝัง เราถ่ายภาพศพและติดป้ายหมายเลขในกรณีอาจมีญาติมาอ้างสิทธิ์ในภายหลัง และเพื่อให้เราระบุตัวตนศพได้"

    วิกฤตคราวนี้ซึ่งเกิดขึ้นไม่นานหลังจากคลื่นความร้อนลูกหนึ่งปกคลุมอินเดียเมื่อเดือนก่อน คร่าชีวิตชาวบ้าน 2,500 ศพ เป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อมของประเทศกำลังพัฒนาหลายชาติในการรับมือกับสภาพอากาศรุนแรง ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์บอกว่าจะมาพร้อมกับๆภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) ในอีกไม่กี่ทศวรษข้างหน้า

    เหล่าพรรคการเมืองระดับชาติหรือแม้แต่ระดับท้องถิ่นของปากีสถาน มัวแต่กล่าวโทษกันไปมาต่อวิกฤตคราวนี้ ทำให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากฝ่ายทหารและองค์กรการกุศลต่างๆอย่างเช่นเอธี เวลแฟร์

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000072608
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Focus : วอชิงตันไม่สนปักกิ่ง เห็นกองทัพจีนเป็นแค่ “เสือกระดาษ” แต่ขวางสุดตัว การกลับมาอีกครั้งของกองทัพรัสเซียในเวียดนาม โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    26 มิถุนายน 2558 16:51 น. (แก้ไขล่าสุด 26 มิถุนายน 2558 17:45 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - จากการคุกคามของจีนในเขตน่านน้ำทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ รวมไปถึงการปรับปรุงสมรรถนะกองทัพจีนให้ทันสมัยครั้งใหญ่ รวมไปถึงการประกาศแสนยานุภาพด้วยการมีเรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิงกลับไม่ทำให้วอชิงตันหวาดหวั่นเท่าใดในความเห็นของ The Fisical Times เพราะในความจริงแล้วทางการทหาร “กองทัพจีนเป็นเพียงแค่เสือกระดาษ” เพราะจีนยังไม่เคยมีประสบการณ์การรบนอกประเทศมาก่อน ขาดผู้เชี่ยวชาญ และกลยุทธการรบ ยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย รวมไปถึงจีนยังคงที่จะใช้ตำราทหารแบบเดิมที่เน้นการปกป้องน่านน้ำและพรมแดนตนเองเป็นสำคัญ รวมไปถึงให้ความสำคัญกับการศึกทีใช้ยุทโธปกรณ์พิสัยใกล้เป็นหลัก แต่ทว่าการกลับมาเยี่ยมเยือนของกองทัพหมีขาวล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคม 2015 ในเวียดนามจากการรายงานของ Global Research กลับทำให้ทางวอชิงตันต้องต่อสายถึงโฮจิมินห์ ห้ามไม่ให้การสนับสนุนเครื่องบินรบทิ้งระเบิดหมีขาวสามารถมาทำการบริเวณเขตน่านน้ำประเทศได้

    หลังจากความตึงเครียดบริเวณเอเชียแปซิฟิกยังคงเพิ่มขึ้น ที่มีจีนเป็นอำนาจใหม่ขึ้นมามีบทบาททางทหารในภูมิภาคนี้ โดยล่าสุดพิวรีเสิร์ชรายงานว่า ชาวเวียดนามถึง 71% ต้องการเห็นการถ่วงดุลอำนาจทางทหารในเขตมหาสมุทรแปซิฟิกด้วยการปรากฏตัวของกองทัพสหรัฐฯ เพื่อดับความเหิมเกริมของจีนในการประกาศแสนยานุภาพ และอีกทั้งจีนยังคงรุดหน้าที่นอกจากเร่งปรับปรุงให้กองทัพจีนทันสมัยแล้ว และยังต้องการเปิดตัวเป็นผู้จัดจำหน่ายอาวุธทางการทหารเจ้าใหม่ของโลก แข่งกับสหรัฐฯ ฝรั่งเศส และรัสเซียที่เดิมทำตลาดขายกองทัพประเทศต่างๆ ในขณะนี้

    ทั้งนี้ สื่อ The Fisical Times รายงานว่า ในความเป็นจริงแล้ววอชิงตันไม่เกรงกลัวศักยภาพกองทัพจีนเท่าใดนัก เพราะตามภาษาทางทหารกองทัพจีนได้ชื่อแค่ว่า เป็นเพียงเสือกระดาษเท่านั้น ทั้งนี้ The Fisical Times ชี้ว่า

    (1) กองทัพจีนนั้นมีกรเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในโลก ที่อาจกล่าวได้ว่า เทียบชั้นได้กับกองทัพสหรัฐฯ หรืออาจสามารถเอาชนะสหรัฐฯในการรบได้

    (2) แต่ทว่าในภาษาการทหารแล้ว กองทัพจีนจะกล่าวได้ว่าเป็นเพียงแค่เสือกระดาษเท่านั้น เพราะถึงแม้จะดูเหมือนว่ากองทัพจีนนั้นมีความแข็งแกร่ง แต่ทว่ายังปราศจากความสามารถในการเข้าแทรกแซงความขัดแย้งในส่วนต่างๆ ของโลกที่ห่างไกลจากเขตน่านน้ำจีน

    โดยจากการรายงานประจำปีของเพนตากอนล่าสุดปี 2015 ต่ออิทธิพลกองทัพจีนว่า “เป้าหมายของจีน คือ การปกป้องให้จีนยังคงเป็นผู้นำทางอำนาจ และในท้ายที่สุดสามารถก้าวขึ้นเป็นยักษ์ใหญ่ในระดับภูมิภาคได้”

    ทั้งนี้ The Fisical Times ระบุว่า จีนยังไม่ใช่เป็นผู้นำทางการทหารระดับโลก และในความเป็นจริงแล้วยังไม่ต้องการที่จะเป็นอีกด้วย และในทัศนะของ The Fisical Times เมื่อเทียบกันหมัดต่อหมัดระหว่างแสนยานุภาพของกองทัพจีนและกองทัพสหรัฐฯ และพบว่า กองทัพจีนยังห่างไกลจากกองทัพสหรัฐฯมากนักเมื่อพิจารณาถึงความสามารถในการสู้รบตามภูมิภาคต่างๆของโลก

    เพราะ (1) จีนขาดผู้เชี่ยวชาญการทหาร (2) ขาดตำรายุทธการรบสงครามแบบใหม่ รวมไปถึงยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยและก้าวหน้า (3) กองทัพจีนไม่มีประสบการณ์ในการรบ และ (4) การฝึกซ้อมรบของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนนั้นไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เป็นต้น

    The Fisical Times วิเคราะห์เพิ่มเติมว่า จีนให้ความสำคัญกับการปกป้องเขตเศรษฐกิจในทะเลจีนเท่านั้น รวมไปถึงการปกป้องพรมแดนของตนเอง ซึ่งจะเป็นการง่ายสำหรับกองทัพที่ยังไม่มีประสบการรบเช่น จีนจะทำเช่นนั้นได้ แต่เมื่อเทียบกับกองทัพสหรัฐฯ ที่มีศักยภาพส่งทหารไปทำสงครามสันติภาพทั่วโลก อย่างไรก็ตาม The Fisical Times ระบุว่า หากเมื่อพิจารณาถึงภายในขอบเขตน่านน้ำของจีนที่ดูแลอยู่ มีความเป็นไปได้ว่า จากยุทโธปกรณ์และกำลังพลทั้งหมดที่จีนมี อาจสามารถเอาชนะกองกำลังรบสหรัฐฯหากมีการปะทะในน่านน้ำของจีนได้ เป็นต้นว่า การปะทะในน่านฟ้าใกล้ไต้หวัน จีนอาจจะได้เปรียบมาก แต่ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ว่าฐานทัพอากาศสหรัฐฯ คาเนดะในญี่ปุ่น และฐานทัพอากาศสหรัฐฯ ในเกาะกวมเป็นสำคัญ จีนอาจสนุกกับการปะทะทางอากาศแบบ 3:1 edge หากสหรัฐฯ สามารถบินออกมาจากฐานคาเนดะ RAND Corporation สถาบันธิงแทงก์ในรัฐแคลิฟอร์เนียได้วิเคราะห์ไว้ในปี 2008

    ดังนั้นจึงเป็นคำถามว่า วอชิงตันควรใส่ใจมากเพียงใดต่อศักยภาพการเติบโตของกองทัพจีนในเวลานี้

    ทั้งนี้ กองทัพเรือจีนได้เคยประกาศว่า “เราจะโจมตีก็ต่อเมื่อถูกโจมตีก่อนเท่านั้น” เพราะจากควันหลงสงครามระหว่างจีนและมหาอำนาจอดีตสหภาพโซเวียต ทำให้จีนต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ไป โดยพยายามดึงการสู้รบให้ห่างจากแผ่นดินใหญ่ และให้ดำเนินการนอกฝั่งหรือในที่ห่างไกลแทน และในอีก 30 ปีให้หลังจีนยังคงดำเนินตามแนวทางเช่นนี้ โดยจะพบว่าเพิ่งไม่กี่ปีมานี้ที่จีนเริ่มกล้าประกาศครอบครองหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ห่างไกลในทะเลจีนใต้ และทะเลจีนตะวันออก

    นอกจากนี้ ทางปักกิ่งได้ทุ่มเงินหลายแสนพันล้านดอลลาร์ในการปรับปรุงกองทัพจีนให้ทันสมัยนับตั้งแต่เศรษฐกิจจีนเติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงระหว่างปลายยุค 90s ไปจนถึงยุค 2000s แต่กระนั้นทาง The Fisical Times พบว่าเมื่อพิจารณาถึงเหตุที่อาจต้องโจมตีไต้หวัน กองทัพจีนยังคงเลือกใช้ยุทโธปกรณ์สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก แบบในระยะพิสัยใกล้เท่านั้น

    และ The Fisical Times ยังวิเคราะห์ต่อว่า การที่ปักกิ่งให้ความสำคัญกับการต่อสู้ในระยะใกล้เพราะปักกิ่งเชื่อว่า หากมีการสู้รบเกิดขึ้นที่ห่างไกลจากชายฝั่งจีนมาก ประสิทธิภาพในการสู้รบของกองทัพจีนจะลดลง และเป็นที่น่าเสียดายว่า การที่จีนมีพันธมิตรใกล้ชิดไม่กี่ประเทศ นั่นหมายความว่าจีนไม่มีฐานทัพเคลื่อนที่นอกประเทศที่จะคอยสนับสนุนการรบ ซึ่งต่างจากกองทัพสหรัฐฯที่มีกองกำลังย่อยต่างๆ กระจายอยู่ทั่วโลกหลายร้อยแห่งคอยสนับสนุนหากเกิดการปะทะขึ้น

    และที่มากไปกว่านี้ กองกำลังจีนยังไม่มีศักยภาพมากพอที่จะสามารถข้ามมหาสมุทรไปประจันหน้ากับกองทัพสหรัฐฯถึงถิ่นได้ เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ที่ส่งกำลังทั้งทางเรือและทางอากาศเดินตรวจการณ์ห่างจากฝั่งและน่านฟ้าจีนไปไม่กี่ร้อยไมล์อย่างสม่ำเสมอ และขึ้นอยู่กับการที่วอชิงตันตัดสินใจที่จะไม่ใช้กำลังทหารนำในทุกภูมิภาคของโลก

    ทั้งนี้ ต่างอย่างโดยสิ้นเชิงจากการที่ทางวอชิงตันให้ความสำคัญกับทุกย่างก้าวของกองทัพรัสเซีย โดย Global Research รายงานว่า การปรากฏตัวของ Tu-95MS Bear เครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลของหมีขาวในเวียดนามทำให้วอชิงตันถึงกับนั่งไม่ติด

    มีรายงานว่าวันที่ 11 มีนาคม 2015 วอชิงตันส่งจดหมายไปยังโฮจิมินห์ ร้องขอไม่ให้เวียดนามให้การสนับสนุนรัสเซียในการลาดตะเวนแถบเอเชียแปซิฟิก ซึ่งกระทั่งนับตั้งแต่นั้น เวียดนามเลือกที่จะอยู่เฉยไม่ตอบใดๆ กลับไปทางวอชิงตัน จากการเปิดเผยของ Phuong Nguyen แห่งศูนย์การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและยุทธศาสตร์ (Center for Strategic & International Studies) ที่มีฐานในวอชิงตัน

    โดย The Diplomat รายงานถึงการมาเยือนของ Tu-95MS Bear ว่า ทางฝ่ายสหรัฐฯคิดว่า การบินลาดตระเวน และการมาเยือนของเครื่องบินลำนี้เป็นเสมือนการส่งสัญญาณยั่วยุของรัสเซียในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และหากการปรากฏตัวบ่อยครั้งมากขึ้น จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันในภูมิภาคนี้ โดย พล.อ.วินเซนต์ บรูกส์ (General Vincent Brooks) ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ให้ความเห็นว่า “รัสเซียทำตัวเสมือนผู้ที่ก่อกวนผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และผลประโยชน์ของพันธมิตรสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และการบินเช่นนั้นเป็นเหมือนการยั่วยุ”

    การบินตรวจการของ Tu-95MS Bear ในเส้นทางเฉียดฐานทัพสหรัฐฯ บนเกาะกวม และเติมน้ำมันที่ Cam Ranh เป็นการสั่งการโดยปูตินเพื่อตอบโต้สหรัฐฯ และชาติตะวันตกที่โดดเดี่ยวรัสเซีย และทำการลงโทษโดยการคว่ำบาตรหลังจากที่รัสเซียได้ผนวกไครเมียสำเร็จ และการสนับสนุนทางการทหารของมอสโกในยูเครนตะวันออก

    ในขณะที่เครมลินแถลงยอมรับว่า การที่ใช้ฐานทัพในเวียดนามเป็นที่สำหรับเติมน้ำมันของ Tu-95MS Bear จากคาราวานเรือบรรทุกน้ำมัน Il-78 เกิดขึ้นครั้งแรกในมกราคม 2015

    ทั้งนี้ การหวนกลับมาอีกครั้งของกองทัพรัสเซียในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสร้างความกังวลให้กับวอชิงตันอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ทางรัสเซียได้สั่งปิดฐานทัพใหญ่ Cam Ranh นอกประเทศในแถบนี้ของตนเองไปกว่า 20 ปี และทางอเมริกาวิเคราะห์ว่า สมรรถภาพกองทัพรัสเซียถดถอยลงนับตั้งแต่การล่มสลายของอดีตสหภาพโซเวียต

    แต่กระนั้นดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามซึ่งเป็นประเทศยุทธศาสตร์ทางทหารที่สำคัญที่สุดสำหรับรัสเซียในภูมิภาคนี้ที่เคยชาเย็นลงนับตั้งแต่สิ้นสุดยุคสงครามเย็น กลับมาหวานฉ่ำอีกครั้งหลังพบว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลของประธานาธิบดีรัสเซียวลาดิมีร์ ปูติน ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่อ่าว Cam Ranh

    และถึงแม้ในช่วงหลังๆ ทางวอชิงตันสามารถชนะใจโฮจิมินห์และประชาชนขาวเวียดนามมากขึ้น แต่ Global Research ชี้ว่า รัสเซียยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่เวียดนามเลือกที่จะใกล้ชิดมากกว่า โดยจากการลงนามสนธิสัญญาความร่วมมืออย่างเป็นทางการระหว่างเวียดนามและรัสเซียในเดือนพฤศจิกายน 2014 กองเรือรบรัสเซียเดินทางไปถึงยังท่าเรือน้ำลึก Cam Ranh โดยแจ้งกับเจ้าหน้าที่เวียดนามล่วงหน้าก่อนเดินทางไปถึงเท่านั้น และอีกทั้งท่าเรือน้ำลึกแห่งนี้ยังจำกัดให้เรือรบต่างชาติสามารถเดินทางไปเยือนท่าเรือน้ำลึกของเวียดนามแห่งนี้ได้เพียงปีละ 1 ลำเท่านั้น ซึ่งต่างจากที่เวียดนามปฏิบัติกับรัสเซีย

    Global Research รายงานเพิ่มเติมว่า เวียดนามถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ในด้านภูมิศาสตร์การเมืองของรัสเซียในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฐานทัพ Cam Ranh ของรัสเซียในเวียดนามช่วงสงครามเย็นมีความสำคัญต่อกองทัพรัสเซียในการส่งอาวุธ เครื่องสนับสนุน และการเติมน้ำมันนอกยุโรป อีกทั้งยังช่วยให้รัสเซียสามารถเดินทางเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิกโดยไม่ต้องผ่านไปทางช่องแคบทะเลญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า สหรัฐฯ ตั้งฐานทัพทีญี่ปุ่น และยังสามารถตัดตรงเข้าสู่ทะเลจีนได้อย่างสะดวก

    แต่อย่างไรก็ตาม Global Research ระบุว่า การปรากฏตัวอีกครั้งของกองกำลังรัสเซียในย่านเอเชียแปซิฟิกในสมัยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน “ยังน้อยมาก” เมื่อเทียบกับในสมัยอดีตสหภาพโซเวียตในยุค 80 ที่มีเรือรบถึง 826 ลำ รวมถึงเรือดำน้ำ 133 ลำ เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบระยะไกล 190 ลำและเครื่องบินรบต่อต้านเรือดำน้ำอีก 150 ลำ โดยผู้เชี่ยวชาญประจำวิทยาลัยสงครามทางทะเลของสหรัฐฯ เผยว่า “เป็นการแสดงความรอบคอบแต่ไม่ต้องการปะทะของรัสเซีย”

    และจากการรายงานของ CNS News ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2015 พบว่า รัสเซียได้หาทางเจราจาความร่วมมือทางการทหารกับ 8 ประเทศ คือ คิวบา เวเนซุเอลา นิการากัว แอลจีเรีย ไซปรัส เซเชลเลส (Seychelles ) เวียดนาม และสิงคโปร์ เพื่อตั้งฐานทัพสำหรับการเติมเชื้อเพลิงให้กับกองกำลังรัสเซีย รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียให้สัมภาษณ์ผ่านการรายงานของสื่อรัสเซีย ทาซในขณะนั้น

    และเป็นเพราะการมาปรากฏตัวของกองกำลังรัสเซียในเวียดนามไปจนถึงอเมริกาใต้ตามแนวยุทธศาสตร์ของปูติน ทำให้บลูมเบิร์กในเดือนมีนาคม 2015 ชี้ว่า เป็นการเสมือนทำให้สหรัฐฯ และรัสเซียหวนกลับคืนสู่บรรยากาศสงครามเย็นอีกครั้ง

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000072516
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทำเนียบขาวตีข่าว “ปูติน” ยอมยกหูต่อสายถึงโอบามาก่อน ถกปัญหายูเครน ดีลนิวเคลียร์อิหร่าน ซีเรีย และก่อการร้ายไอเอส โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มิถุนายน 2558 13:04 น. (แก้ไขล่าสุด 26 มิถุนายน 2558 17:48 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ - หลังจากห่างหายการพูดคุยไม่ต่ำกว่า 2 เดือน ทำเนียบขาวแถลงล่าสุดว่า เมื่อวานนี้ (25 มิ.ย.) ประธานาธิบดีรัสเซียวลาดิมีร์ ปูติน เป็นผู้โทรศัพท์ต่อสายตรงถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา และพูดคุยเป็นเวลาเกือบชั่วโมง หัวข้อการสนทนายังคงเกี่ยวข้องกับปัญหาความขัดแย้งยูเครน การเจรจาโครงการลดนิวเคลียร์อิหร่าน ปัญหาก่อการร้ายไอเอสในซีเรีย

    หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (25) ว่า ปรธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้เป็นผู้เริ่มโทรศัพท์ถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา เป็นเวลาราว 52 นาที ในวันพฤหัสบดี (25) หลังจากที่ทั้งคู่ได้เคยพูดคุยก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

    ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ถึงรายละเอียดหัวข้อการสนทนาว่า ปูตินได้หยิบยกปัญหาก่อการไอเอสในซีเรีย และผู้นำทั้งสองชาติมหาอำนาจได้ตกลงที่จะกำหนดให้มีการพบปะระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จอห์น เคร์รีย์ และรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ ในการถกปัญหาต่อต้านการเผยแพร่ลัทธิก่อการร่ายในตะวันออกกลาง และยังได้มีการสนทนาถึงข้อตกลงโครงการลดอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านล่วงหน้าก่อนที่จะถึงเส้นตายในสัปดาห์ที่จะถึงนี้

    แต่ทว่าทางสหรัฐฯ แถลงว่า โอบามายังคงตอกย้ำจุดยืนเดิมกับปูตินในการเจรจา โดยยืนกรานว่ามอสโกต้องยึดมั่นในสัญญาข้อตกลงมินสก์ในสงครามแบ่งแยกดินแดนยูเครน ที่ทางวอชิงตันอ้างว่ารัสเซียให้การสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธในโดเนตสก์

    โดยสื่อสหรัฐฯ รายงานว่า ความรุนแรงในยูเครนตะวันออกได้กลับมาอีกครั้งในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากรัสเซียไม่สามารถทำลายความแข็งแกร่งของประเทศในสหภาพยุโรปได้สำเร็จ โดยทางอียูได้ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียต่อไปอีก 6 เดือน

    ด้านเครมลินออกแถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดีปูตินตกลงที่จะให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ กริกอรี คาราซิน (Grigory Karasin) หารือกับผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ วิกตอเรีย เจย์ นูแลนด์ (Victoria J. Nuland) ในประเด็นข้อตกลงมินสค์

    นิวยอร์กไทม์สวิเคราะห์ว่า การที่ปูตินยอมยกหูต่อสายหาผู้นำสหรัฐฯ ในประเด็นปัญหาโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน และปัญหาก่อการร้ายไอเอสในซีเรียนั้นมีความเป็นไปได้ว่าผู้นำรัสเซียยังคงปรารถนาที่จะยังคงเป็นศูนย์กลางความสนใจในเวทีโลกต่อไป ถึงแม้ว่าในขณะนี้รัสเซียจะถูกโดดเดี่ยว และไม่สามารถหยุดยั้งการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจได้


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000072375
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    เยอรมันตื่นตัว เกษตรกรรวมตัวประท้วงรัฐบาลจากปัญหาเกมแซงชั่นระหว่างอียูกับรัสเซีย นักกิจกรรมชาวเยอรมันร่อนจดหมายถึงนายกฯคัดค้านการขยายอำนาจทางกองทัพของนาโต้กรณีวิกฤตยูเครน เตรียมจัดแคมเปญจ์รณรงค์ต่อต้านสงคราม
    ----------
    เอาแล้ว! ภาคเกษตรกรและประชาชนชาวเยอรมันทนแบกรับความเดือดร้อนการเล่นเกมแซงชั่นของพวกนักการเมืองตะวันตกในการต่อต้านรัสเซียต่อไปอีกไม่ไหวจึงรวมตัวกันประท้วง เมื่อวานนี้ (27 มิ.ย.58) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียอ้างสื่อฯเยอรมัน (Sueddeutsche Zeitung) ว่า "เกษตรกรชาวเยอรมันหลายร้อยคนออกมารวมตัวกันบนท้องถนนในเมือง Erfurt โดยกล่าวโทษรัฐบาลเยอรมันนีว่าไม่ชดเชยค่าเสียหายทางการตลาดให้กับผลิตผลทางการเกษตรที่ถูกสั่งห้ามนำเข้าจากกรุงมอสโคว์เนื่องจากรัสเซียตอบโต้การแซงชั่นจากอียู"
    รายงานข่าวบอกว่าเมื่อปี 2014 เยอรมันสูญเสียรายได้จากการที่ถูกรัสเซียแบนอาหารและผลิตผลทางการเกษตรมีมูลค่าถึง 600 ล้านยูโร (ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท)
    ส่วนอีกข่าวหนึ่งเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวภายในเยอรมันเช่นกัน สืบเนื่องจากการแซงชั่นและการขยายอำนาจทางกองทัพของนาโต้เพื่อกดดันรัสเซียนั้น ในวันเดียวกันนี้กลุ่มนักกิจกรรม (เคลื่อนไหวทางการเมือง) ของเยอรมันได้เริ่มกระบวนการสันติภาพในเยอรมันโดยได้ยื่นจดหมายถึงนาง Angela Merkel นายกรัฐมนตรีของเยอรมันความตอนหนึ่งว่า "หยุดการแผ่อำนาจ! ไม่ส่งทหารและอาวุธเข้าไปในยูเครน! ไม่เอาสงคราม!" (Stop escalation! No soldiers and weapons to Ukraine! No to war!) มีผู้เข้าร่วมการเคลื่อนไหวออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ราว 1,000 คน
    นอกจากนี้กลุ่มนี้ยังบอกอีกว่าจะมีการรวบรวมรายชื่อ (เพื่อคัดค้านสงครามและการสนับสนุนอาวุธให้ยูเครน) Andreas Wagner สมาชิกของกลุ่ม Peace Initiative กล่าวว่า "พวกเราต้องการจะจัดแคมเปญจ์เพื่อสนับสนุนให้มีการดีเบทในที่สาธารณะและต่อต้านวาทกรรมด้านสงครามที่กำลังเติบโตขึ้นทั้งในแวดวงการเมืองและในสื่อฯ"
    นอกจากนี้ Andreas Wagner ยังกล่าวอีกว่า "การเจรจาและการประณีประนอมในเรื่องผลประโยชน์เท่านั้นที่จะเป็นหนทางไปสู่การแก้ไขวิกฤตปัญหาได้ ในขณะที่การข่มขู่คุกคามและการแซงชั่นต่างๆไม่มีประสิทธิภาพอะไรเลย และมีแต่จะเป็นการขยายความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น"
    ส่วนสถานการณ์ในยูเครนนั้นล่าสุดทาง UNHCR ออกมารายงานตัวเลขผู้อพยพที่เป็นพลเมืองชาวยูเครนไปในต่างประเทศว่ามีจำนวนทั้งสิ้นถึง 1.35 ล้านคน โดยประชาชนส่วนใหญ่ชาวยูเครนนั้นได้เข้าไปพักพิงอยู่ในรัสเซีย รายงานจากรัฐบาลของประเทศเพื่อนบ้านยูเครนบอกว่าขณะนี้ชาวยูเครนส่วนมากที่ลี้ภัยสงครามไปอยู่ในต่างประเทศ โดยอยู่ที่รัสเซียราว 746,500 คน ในเบสารุสราว 81,200 ในเยรมันนี 4,603 คน ในโปแลนด์ 3,600 คน ในอิตาลี 2,956 คน ในสวีเดน 1,962 คน ในฝรั่งเศส 1,763 คน ฯลฯ ปัจจุบันนี้ภูมิภาคยูเครนตะวันออกยังประสบปัญหาการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม มีแต่รัสเซียเท่านั้นที่ส่งความช่วยเหลือไปให้ ส่วนสหรัฐฯนั้นไม่เคยมีเลย อียูก็เช่นกัน มีบางประเทศที่อยู่ฝ่ายรัสเซียส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปให้บ้าง
    The Eyes
    28/06/2558
    ---------
    German Farmers Feel the Pinch of Anti-Russian Sanctions / Sputnik International
    Germans Urge Merkel to Make Peace With Russia – German Newspaper / Sputnik International
    Humanitarian Convoy With Russian, Cyprian Aid Departs for Donbass / Sputnik International
    Russia Prepares 30th Humanitarian Aid Convoy for Donbass Residents / Sputnik International
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อเมริกาเปิดศูนย์ Star war ส่วนรัสเซียพัฒนาระบบไฮเทคบล็อคสัญญาณดาวเทียมปิดระบบขีปนาวุธ !

    ปอกเปลือก ทรราช
    รัสเซียซุ่มพัฒนาระบบไฮเทคบล็อคสัญญาณดาวเทียมปิดระบบขีปนาวุธ

    [​IMG]

    ----------
    ว้าว! ทำเป็นเล่นไปนะสหรัฐฯกับอียูหนะ เมื่อวานนี้ (27 มิ.ย.58) สำนักข่าว Sputnik news รายงานว่า วิศวกรชาวรัสเซียกำลังพัฒนาอาวุธไฮเทคระบบดับสัญญาณดาวเทียมรุ่นใหม่เพื่อใช้บล็อคครูสมิสไซล์และดาวเทีียมเพื่อการสื่อสารอื่นๆ
    รายงานข่าวบอกว่าระบบไฮเทครุ่นใหม่ของรัสเซียนี้จะปิดระบบขีปนาวุธ (Cruise missiles) และอาวุธที่มีความแม่นยำสูงอย่างอื่น ในขณะเดียวกันก้จะทำการแจมสัญญาณดาวเทียมทางทหารของต่างประเทศได้ด้วย ระบบดังกล่าวจะติดตั้งอยู่บนภาพพื้นดิน ทะเล และในอากาศ (ในอากาศนี่ติดตั้งยังไงอ่ะ? หมายถึงบนเครื่องบินหรือเปล่า? สื่อฯเขาไม่ได้บอกไว้)
    อย่างไรก็ตามรัสเซียบอกว่าไม่มีแผนจะติดตั้งระบบดังกล่าวในอวกาศ เนื่องจากจะเป็นการละเมิดสนธิสัญญาระหว่างประเทศ (จริงอ่ะ?) ระบบปิดสัญญาณดาวเทียมนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบป้องกันภัยทางอากาศ และใช้เป็นเกราะกำบังให้กับระบบ ballistic missile ของรัสเซียด้วย ระบบดังกล่าวจะพร้อมสำหรับการทดลองในสิ้นปีนี้
    นี่มันสงครามดาวเทียม แข่งกันตัดสัญญาณดาวเทียมชัดๆนะนี่ พูดถึงเรื่องดาวเทียมมีอีกสองข่าวแถมให้ครับ ข่าวแรกก็คือเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 58 Sputnik news รายงานว่า อังกฤษกับฝรั่งเศสสั่งซื้อจรวดสำหรับปล่อยดาวเทียมจากบริษัท Roscosmos ของรัสเซียจำนวน 21 ชุดเพื่อนำไปใช้ปล่อยดาวเทียมเชิงพาณิชย์ โดยบริษัท Arianespace ของฝรั่งเศสและบริษัท OneWeb ของอังกฤษซึ่งจะใช้งานในปี 2017-2019
    แสดงว่าอีกข่าวหนึ่งของวันก่อนนี้ว่ารัสเซียจะปล่อยดาวเทียมอินเตอร์เน็ทจำนวน 972 ดวงขึ้นสู่อวกาศก็เป็นเรื่องจริงนะสิ รายงานเบื้องต้นบอกว่าองค์กรอวกาศของสหพันธรัฐรัสเซีย (Russia's Federal Space Agency) ออกมาประกาศว่ารัสเซียจับมือกับอังกฤษและฝรั่งเศสในการทำข้อตกลงทางอวกาศที่ใหญ่ที่สุดร่วมกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
    โดยในปี 2017 - 2019 ทั้ง 3 บริษัทคือ Roscosmos Federal Space Agency ของรัสเซีย Arianespace ของฝรั่งเศส และ OneWeb ของอังกฤษตกลงที่จะปล่อยดาวเทียมจำนวน 672 ดวงขึ้นสู่อวกาศเพื่อให้บริการทางอินเตอร์เน็ทระบบบรอดแบนด์ความเร็วสูง สามารถครอบคลุมในถิ่นทุรกันดารได้ด้วย ภายใต้ข้อตกลงนี้ ดาวเทียมเหล่านี้จะถูกสร้างขึ้นโดยบริษัท Airbus Defence and Space ในฝรั่งเศสและบริษัทร่วมทุนระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส OneWeb and Airbus Defence and Space ในสหรัฐฯ การปล่อยดาวเทียมชุดนี้จะใช้ฐานปล่อยจวดทั้งสามแห่งคือที่ฐาน Baikonur ของรัสเซียในประเทศ Kazakhstan ฐาน Guiana Space Centre ของฝรั่งเศส และฐานปล่อยยานอวกาศแห่งใหม่ของรัสเซีย (Vostochnyy)
    ยังไงๆซะอียูก็ไม่ยอมตัดขาดจากรัสเซียเด็ดขาด ถึงจะเล่นเกมแซงชั่นกีดกันทางการค้ากัน แต่ในอีกมุมหนึ่งประเทศมหาอำนาจเหล่านี้ก็แอบมาจับมือกันพัฒนาด้านเทคโนโลยีอยู่ดี งานนี้พี่ใหญ่ขี้อิจฉาคงจะไม่ปลื้มเท่าไรนัก
    The Eyes
    28/06/2558
    ---------
    Russia to Develop System to Block Satellite Signals, Shut Down Missiles / Sputnik International
    UK, France Order 21 Satellite Launches From Russia's Roscosmos / Sputnik International
    World Wide Web: Russia to Launch 672 Satellites for Global Internet Service / Sputnik International
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    48. พอฟองสบู่ร้าว ก็ลั่นกลองรบ
    กลุ่มEurogroup ลอยแพกรีซแล้ว เราจะได้เห็นGREXITในวันอังคารที่1กรกฎาคม
    ที่ประชุมของEurogroupปฏิเสธคำร้องขอของนายกกรีก นายศรีปราชญ์ที่จะขยายโปรแกรมการช่วยเหลือทางการเงินต่อกรีซไปถึงวันที่5กรกฎาคม เพื่อรอวันทำประชามติของชาวกรีกว่าเห็นด้วยกับแผนปฏิรูปการเงินที่รัดเข็มขัดหรือไม่
    ด้วยเหตุนี้โปรแกรมหรือข้อตกลงระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้จะสิ้นสุดลงในวันที่30มิถุนายน หรือวันอังคารหน้า หมายความว่ากรีซจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือก้อนใหม่7,200ล้านยูโร และต้องผิดชำระหนี้1,600ล้านยูโรในวันที่1กรกฎาคม ผลที่ตามมาคือกรีซจะต้องออกจากเขตยูโร
    อีซีบีเตรียมพิมพ์เงินแล้ว จากผลพวกของGREXITเพราะว่าตลาดการเงินของยุโรปจะต้องป่วนแน่จากแบงค์รันในกรีซ และจะลามไปประเทศต่างๆในยุโรปเนื่องจากการเชื่อมโยงกันของระบบแบงค์
    ปัญหาเร่งด่วนของศรีปราชญ์คือจะหาสภาพคล่องเร่งด่วนจากที่ไหนมาอุดแบงค์ หรือว่าจะปล่อยให้ล้มไปเลย ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของกรีซพังคลืนลงมา
    ศรีปราชย์จะได้ใช้แผนสำรองPlan Bหรือไม่ โดยการไปซบกลุ่มBRICSแทน?
    ศรีปราชญ์งงเหมือนกันที่ไอเอ็มเอฟและเจ้าหนี้บี้กรีซเหมือนกับจะเอาให้ตาย ไม่เหมือนกับการอะลุ้มอะหล่วยให้กับโปรตุเกส หรือไอร์แลนด์
    Lehman Brothersทำให้ระบบการเงินโลกพังในปี2008 เราจะจับตาดูว่าGREXITจะเป็น Lehman Brothers 2หรือไม่ ดูเหมือนว่าพวกอิลิทต้องการให้ระบบการเงินพังเพื่อเพิ่มอำนาจทางการเงินของอีซีบีเพื่อต้อนยุโรปน้อยยุโรปใหญ่ให้เข้าคอกเตรียมตัวเผชิญหน้ากับปูตินโดยไม่มีทางเลือก
    thanong
    28/6/2015
    http://www.zerohedge.com/news/2015-06-27/eurozone-rejects-greek-bailout-extension
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผมเห็นว่าการที่กลุ่มEurogroup ลอยแพกรีซแล้ว เราจะได้เห็นGREXITในวันอังคารที่1กรกฎาคม โดยฏิเสธคำร้องขอของนายกกรีซจะขยายโปรแกรมการช่วยเหลือทางการเงินต่อกรีซไปถึงวันที่5กรกฎาคม เพื่อรอวันทำประชามติของชาวกรีกว่าเห็นด้วยกับแผนปฏิรูปการเงินที่รัดเข็มขัดหรือไม่ เพราะพวกเขาต้องการจัดการกับนายซิปราส นายกกรีซ ให้กระเด็นพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และต้องการให้มีนายกที่ตัวเองควบคุมได้เข้ามาบริหารกรีซแทน เพื่อจะได้ฉีกสัญญาต่างๆ ที่กรีซทำไว้กับรัสเซีย ซึ่งเราอย่าลืมเรื่องการวางท่อส่งพลังงานไปยังตุรกี ต่อไปยังกรีซ และส่งออกไปหลายประเทศในยุโรป นั่นคือแผน 2 หรือ Plan B ที่นายปูตินวางไว้ ซึ่งก็มีการเซ้นสัญญา และเริ่มวางท่อส่งก๊าซกับกรีซเรียบร้อยแล้ว

    แผนสองของ‘ปูติน’ / โดย กองบรรณาธิการ
    On December 12, 2014คอลัมน์ : รายงานพิเศษผู้เขียน : กองบรรณาธิการ

    [​IMG]

    ในขณะที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนมาถึงจุดแตกหัก เนื่องจากยูเครนเชื่อว่ารัสเซียเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของยูเครน จนทำให้หลายเมืองในคาบสมุทรไครเมียแข็งข้อและเตรียมแยกเอกราช ไม่ขึ้นตรงต่อการปกครองของยูเครน และหันไปสวามิภักดิ์ต่อรัสเซีย

    แต่ก่อนหน้านั้นรัสเซียมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับยูเครน แม้สหภาพโซเวียตจะแตกสลายมาหลายปี และทำให้ยูเครนแยกตัวเป็นเอกราช ตั้งตัวเป็นสาธารณรัฐ แต่ความสัมพันธ์ของ 2 ชาติยังอยู่ในระดับดี เพราะรัสเซียยังต้องพึ่งพายูเครน เนื่องจากเป็นทางผ่านของการวางท่อขนส่งพลังงานผ่านยูเครนไปออกยุโรป เพื่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติไปยังประเทศอื่นๆ

    เมื่อมีความขัดแย้งกับยูเครน ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ต้องวางแผนใหม่เพื่อรองรับความขัดแย้งในอนาคต โดยการเลิกพึ่งพาการส่งพลังงานผ่านท่อเข้าไปยังเขตยูเครน ดังนั้น จึงมีข่าวว่านายปูตินวางแผนรองรับการไม่พึ่งพายูเครนด้วยการวางท่อส่งพลังงานไปยังตุรกี ต่อไปยังกรีซ และส่งออกไปหลายประเทศในยุโรป นั่นคือแผน 2 หรือ Plan B ที่นายปูตินวางไว้

    คาดว่าแผน 2 ของนายปูตินจะต้องลงทุนสูงถึง 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแต่เดิมรัสเซียมีท่อส่งพลังงานมายังคาซัคสถาน เติร์กเมนิสถาน และมาสิ้นสุดที่ตุรกี

    ต่อจากนั้นตามแผน 2 คือสร้างต่อจากตุรกีไปยังบัลแกเรีย และเข้าไปยังยุโรป หรืออีกแผนหนึ่งคือ จะส่งพลังงานจากท่อที่มายังตุรกีทางทะเลไปยังกรีซ ซึ่งเป็นอีกทางหนึ่งที่จะส่งออกพลังงานโดยไม่ต้องผ่านยูเครน

    นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมน้ำมันเปิดเผยว่า แผน 2 ที่วางไว้มีทางเป็นไปได้มาก โดยเฉพาะการลงทุนทำท่อส่งพลังงานคือก๊าซธรรมชาติจากตุรกี ต่อมายังเมืองท่าส่งไปยังกรีซ เพราะรัสเซียมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ 2 ประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีบริษัทของรัฐบาลอย่างโอเอโอ ก๊าซพรอม เป็นผู้ลงทุน

    นายแทนเนอร์ ยิลดิซ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของตุรกี กล่าวว่า เขาพร้อมจะให้ก๊าซพรอมมาลงทุนสร้างท่อส่งก๊าซธรรมชาติที่จะมีขนาดใหญ่กว่าเดิมเพื่อส่งออกไปยังยุโรปผ่านกรีซ โดยมีการตั้งชื่อว่า Blue Stream ที่คาดว่าจะขนส่งได้ 63,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี หรือเท่ากับ 10% ของก๊าซธรรมชาติที่ยุโรปต้องการ ทั้งนี้ รัสเซียวางแผนไว้ว่าจะใช้เส้นทางการขนส่งก๊าซธรรมชาติไปให้ยุโรปเพิ่มขึ้นเป็น 20%

    ความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างรัสเซียและตุรกีค่อนข้างแนบแน่น เนื่องจากตุรกีเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่รับซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย โดยเมื่อปีที่แล้วเท่ากับ 57% ที่ใช้ในประเทศ ส่วนใหญ่ต้องขนส่งจากรัสเซียมายังยูเครน และวางท่อผ่านทะเลดำขึ้นมาที่ตุรกี ส่วนอีกทางมาจากรัสเซีย คาซัคสถาน และเติร์กเมนิสถาน จนถึงตุรกี

    นอกจากนั้นตุรกียังสั่งซื้อก๊าซธรรมชาติจากอิหร่านและอาเซอร์ไบจาน คาดว่าจะมีการสั่งซื้อเพิ่มอีก 2 เท่าจากปี 2018 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตุรกีเป็นประเทศที่รับซื้อก๊าซธรรมชาติจากหลายประเทศหลายทาง เพราะสะดวกในด้านการขนส่ง

    อย่างไรก็ตาม รัสเซียต้องการชิงส่วนแบ่งตลาดขายก๊าซธรรมชาติให้ตุรกีเพิ่มขึ้น และเพื่อเป็นการเอาใจตุรกีซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ รัสเซียจึงประกาศลดราคาก๊าซธรรมชาติที่จะขายให้ตุรกีลงอีก 6% โดยเริ่มตั้งแต่ปีหน้า

    นายอเลกซานเดอร์ โนวัก รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของรัสเซีย กล่าวว่า กำลังมีการเจรจาระหว่างรัฐบาลของ 2 ประเทศ เพราะตุรกีต้องการให้ลดราคาก๊าซธรรมชาติลงอีก 15% และคาดว่ารัสเซียจะลดราคาพลังงานให้กับประเทศใหญ่ๆในยุโรปอย่างเยอรมนี โดยผ่านการดำเนินงานของก๊าซพรอม เป็นการเอาใจเยอรมนีที่มีแผนจะรวมกับสหรัฐเพื่อคว่ำบาตรการค้ากับรัสเซีย

    แผน 2 ในการสร้างท่อขนส่งพลังงานของรัสเซียมายังตุรกี ต่อไปยังกรีซ และประเทศอื่นๆ เป็นการเตรียมความพร้อมในระหว่างที่ยูเครนกับรัสเซียมีปัญหาทางการเมือง ผู้บริหารของก๊าซพรอมกล่าวว่า อีกไม่นานสัญญาการวางท่อก๊าซธรรมชาติของรัสเซียผ่านไปยังยูเครนจะหมดลงภายในปี 2019 เมื่อถึงเวลานั้นรัสเซียจะลงทุนขนส่งพลังงานทั้งหมดออกสู่ตลาดยุโรป ผ่านตุรกีเป็นหลักใหญ่ ไม่ง้อยูเครนตลอดกาล

    http://www.lokwannee.com/web2013/?p=109426
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    49. พอฟองสบู่ร้าว ก็ลั่นกลองรบ
    พวกที่สั่งไอเอ็มเอฟและกลุ่มEurogroupให้เชือดกรีซ ทั้งๆที่เป็นยุโรปด้วยกันน่าจะเป็นพวกแองโกลอเมริกัน และโรม
    อังกฤษขู่จะออกจากสหภาพยุโรปเช้าสายบ่ายเย็นอยู่แล้ว เพราะว่าไม่ต้องการอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับเยอรมัน ยิ่งเยอรมันแกร่งขึ้นเท่าใด อังกฤษยิ่งจะอ่อนแอลง เนื่องจากอังกฤษมีแต่ไฟแนนซ์ ไม่ได้มีฐานการผลิตอุตสาหกรรมที่เข้มแข็งเหมือนเยอรมัน
    อังกฤษอยู่ในสหภาพยุโรปก็จริง แต่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเขตยูโร ยังคงรักษาแท่นพิมพ์เงินปอนด์อยู่ แต่ประเทศยุโรปอื่นๆ ที่หลงกลเข้าไปใช้ยูโรและมอบอำนาจการพิมพ์เงินให้อีซีบีกำลังจะตายอย่างเขียด เพราะว่าอีซีบีให้สภาพคล่องก็อยู่รอด ไม่ให้ก็ตาย เหมือนกับที่อีซีบีได้ทำกับกรีซ
    การทำให้ยุโรป และเยอรมันอ่อนแอลงจะทำให้อังกฤษได้ประโยชน์ อย่างน้อยปอนด์จะได้เป็นเชฟเฮเว่น
    สหรัฐสั่งไอเอ็มเอฟให้บี้กรีซให้เละ ก็เพื่อให้ดอลล่าร์ยืนอยู่ได้ต่อไป เพราะว่ายูโรเละ ดอลล่าร์จะได้ประโยชน์ เงินยูโรหนีตาย
    อีซีบีกำลังเรียกประชุมด่วนวันนี้ เพื่อเตรียมตัวรับมือแบงค์รันในวันจันทร์พรุ่งนี้เวลาตลาดเปิด
    รัสเซียและจีนอาจจะไม่จำเป็นต้องรีบเร่งเข้าไปอุ้มกรีซ นั่งกระดิกเท้าดูแบงค์รันในยุโรปเล่นๆ ดูซิว่าจะฉิบหายหนักแค่ไหน ยิ่งยุโรปอ่อนแอลง รัสเซียและจีนจะได้ประโยชน์ โดยเฉพาะจีน ต่อไปลอยค่าหยวนจะซื้อยุโรปทั้งทวีปเลย
    ส่วนอังกฤษและสหรัฐที่เล่นเกมทำลายยุโรป เพื่อว่า
    1. ปอนด์และดอลล่าร์จะได้ประโยชน์จากยูโรที่อ่อนแอ
    2. ทำให้เยอรมันอ่อนแอลง
    3. เพิ่มอำนาจการเงินให้อีซีบีในการชี้เป็นชี้ตายระบบการเงินของแต่ละประเทศที่ใช้ยูโร
    4. การรวมตัวของยุโรปทางการเมืองและทหารยิ่งจะต้องเข้มข้นขึ้นผ่านนาโต้เพื่อต้านรัสเซีย
    5. เมื่อคนยุโรปลำบาก เศรษฐกิจพัง การเงินพัง แถมถูกสร้างความกลัวจากภัยของรัสเซีย จะไม่มีทางเลือกเมื่อผู้นำเกณฑ์ให้ไปรบกับรัสเซีย
    เวลาเกิดความทุกข์ยากมาเศรษฐกิจและเกิดความกลัวในหมู่ประชาชน มันจะไม่ยากนักที่จะส่งพวกเขาไปตายในสงคราม
    แองโกลอเมริกันรู้ตัวดีว่าหยุดรัสเซียที่กำลังสร้างยูเรเซีย และจีนที่กำลังสร้างเส้นทางสายไหมใหม่ไม่ได้ และเมื่อรัสเซียและจีนกลับมามีอำนาจอีกครั้ง จะเช็คบิลผู้ที่ล้มล้างราชวงศ์ซาร์ และผู้ที่ก่อสงครามฝิ่น ซึ่งเป็นพวกเดียวกัน จึงจำต้องก่อWW3 เพื่อเบี่ยงเบนปัญหา และให้คนอื่นตายแทนตัวเอง เพื่อว่าตัวเองจะรักษาอำนาจต่อไป
    ลูกไม้ตื้นๆแบบนี้จะใช้ได้ตลาดกาลหรือ?
    แต่โรมจะหักลำเพื่อกันWW3ไม่ให้เกิด โดยที่ต้องมีOne World Currency และOne World Government และ One World Religionหรือไม่ เพื่อเป็นการประนีประนอมกัน
    อันนี้ยังดูไม่ออก แต่ในฉากสุดท้ายที่กรีซกลายเป็นแพะถูกจับบูชายัญ ผู้เล่นอิลิทมาถึงบทที่ต้องเปิดหน้ากากออกมาแล้ว
    thanong
    28/6/2015
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรณีกรีซ ดูตัวอย่าง ฟีฟ่าก็ได้ครับแล้วจะรู้ว่าทำไมเขาทำกับกรีซแบบนี้ พยายามเปลี่ยนกรรมการฟีฟ่า ทั้งๆ ที่เรื่องการทุจริตในฟีฟ่า พวกเขาก็น่าจะทราบมานานแล้ว และหลังจากนั้นก็มีการออกมาเรียกร้องทั้ง ยูเอ็น สหรัฐ และองค์กรสิทธิมนุษยชนที่เป็นเครืข่าย ให้ทบทวนการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกของรัสเซีย
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    50. พอฟองสบู่ร้าว ก็ลั่นกลองรบ
    'ธีระชัย'ระบุ'กรีซ'แผนแยบยล
    นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่ากรีซกำลังจะถึงจุดเปลี่ยนแปลงในวันจันทร์
    การที่กรีซประกาศจัดลงประชามติ เป็นการวางหมากกลที่บีบให้กลุ่มเจ้าหนี้ยุโรปต้องตัดสินใจ
    ธนาคารกลางยุโรปต้องตัดสินภายในวันอาทิตย์นี้ ว่าจะเพิ่มวงเงินให้กู้ฉุกเฉินแก่แบงค์ในกรีซ เพิ่มอีกหรือไม่
    มาถึงจุดนี้ โอกาสที่จะเพิ่มวงเงินฉุกเฉิน มีน้อยเต็มที
    เพราะกลุ่มรัฐมนตรีคลังยุโรปตระหนักดี ว่าถูกกรีซวางหมากกลเข้าเสียแล้ว
    ถ้ายอมกรีซ ก็จะเสียระเบียบไปทั้งทวีปยุโรป แต่ถ้าไม่เพิ่มวงเงิน ก็จะเป็นการผลักกรีซออกจากยูโรโดยอัตโนมัติ
    มาถึงจุดนี้ ถ้ากรีซออกจากยูโร ถึงแม้จะโกลาหลในช่วงแรก แต่ถ้ากรีซเบี้ยวเจ้าหนี้ต่างชาติไว้ก่อน
    กรีซมีโอกาสไปรอดสูงมาก
    และเนื่องจากเจ้าหนี้ต่างชาติที่กรีซเบี้ยว เป็นองค์กรระหว่างประเทศส่วนใหญ่ ทั้งไอเอ็มเอฟ ธนาคารกลางยุโรปองค์กรเหล่านี้ ก็จะไม่มีการฟ้องร้อง บี้ลูกหนี้ติดดิน เหมือนกับที่เจ้าหนี้เอกชน ทำกับอาร์เจนติน่า
    ดังนั้น หมากกระดานนี้ ผมอ่านว่ากรีซมีแผนที่แยบยลกว่ารัฐมนตรีคลังยุโรปมาก
    Thanong
    28/6/2015
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กลุ่มดาอิช (ISIS) ประกาศเวลาและสถานที่ของการโจมตีมัสยิดต่างๆ ของชีอะฮ์ครั้งต่อไป Category: News & Event Published on Sunday, 28 June 2015 01:26 Written by Islamicstudiesth Team.

    [​IMG]

    แกนนำระดับสูงของกลุ่มดาอิช (ISIS) ชาวบาห์เรน ได้ประกาศเวลาและสถานที่ของการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายนี้มัสยิดต่างๆ ของชีอะฮ์ครั้งต่อไป
    อัลอาลัมรายงานว่า สืบเนื่องจากการโจมตีของผู้ก่อการร้ายเมื่อวานนี้ (วันศุกร์ 26/6/58) ยังมัสยิดอิมามซอดิก (อ.) ในคูเวต "เตอร์กี อัลบินอะลี" ได้ประกาศว่า : ปฏิบัติการครั้งต่อไปจะเป็นในบาห์เรนในวันศุกร์ถัดไป

    เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ "อัลกุดส์ อัลอาราบี" ตีพิมพ์ในกรุงลอนดอนกล่าวว่า ผู้ใช้ทวิตเตอร์ในกลุ่มประเทศอาหรับ เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการตีพิมพ์เผยแพร่ข้อความนี้ ได้มีการตีพิมพ์เผยแพร่ซ้ำอีกหลายครั้ง

    การระเบิดก่อการร้ายในท่ามกลางผู้นมาซของมัสยิดอิมามซอดิก (อ.) ในเขตพื้นที่อัซซอวาบิรของคูเวต ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 27 คนและได้รับบาดเจ็บ 227 คน

    กลุ่มดาอิช (ISIS) ได้อ้างความรับผิดชอบการปฏิบัติการก่อการร้ายครั้งนี้

    ที่มา : fa.alalam

    กลุ่มดาอิช (ISIS) ประกาศเวลาและสถานที่ของการโจมตีมัสยิดต่างๆ ของชีอะฮ์ครั้งต่อไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...