ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เวหา เวหาธรรมบารมี

    เขียนมาเมื่อวันเสาร์ก่อน
    มาวันนี้ เริ่มชัดเจนแล้วใช่ไหมว่า
    หัวหมู่ทะลวงฟันนั้น
    เป็นหัวหมู่ให้กับใคร?
    เพื่ออะไร?
    ทำไปทำไม?

    (๑)
    มุมดาวทางโหราศาสตร์กับการพยายามเรื่องการเปิดบ่อนเสรี
    *

    [​IMG]

    [​IMG]

    จากมุมดาวในรูปดวงที่ ๑.
    เป็นรูปดาวของการเกิดสุริยคราสเต็มดวง (ดาวที่อยู่วงนอก ) ที่ทำมุมปฎิภาคกับดวงเมือง ( ดาวที่อยู่วงใน )
    จะเห็นว่า
    ประการที่ ๑.
    ดาวอังคาร ( ๓ ) (ดาวประจำเมือง และเป็นดาวลอยที่สถิตอยู่ภพการเงินของดวงเมือง
    เข้าไปร่วมราศีกับการเกิดสุริยคราสครั้งนี้ด้วย
    ( ตัวเลข ๓ ที่ตำแหน่ง ๑ นาฬิกา ดวงวงนอก )
    และ ไปทับ ราหูเดิมดวงเมือง สนิท ๐ องศา
    ( ราหู คือ จ้าวแห่งการพนัน และ อบายมุขทุกชนิด )
    ( เลข ๘ ที่ ๑ นาฬืกา ดวงวงใน )
    ในขณะที่
    ประการที่ ๒.
    ดาวการเงินดวงเมือง
    เลข ๖ วงนอกที่ตำแหน่ง ๑๒ นาฬิกา ) ก็จรทับ ดาวอาทิตย์เดิมดวงเมือง สนิทองศาพอดี
    (อาทิตย์ (ดาวแห่งการบริหารประเทศ )
    ประการที่ ๓.
    ราหูจร (เลข ๘)วงนอกที่ ๗ นาฬิกา ) ก็จรทับ ดาวเนปจูน (เจตภูมิแห่งมายา และ การหลอกลวงทั้งหลายทั้งปวง )
    ที่ราศีกันย์ ภพที่ ๖ ดวงเมือง เรือนแห่งการต่อสู้ดิ้นรนเสนอหน้าผลักดัน (บ่อนอบายมุข ) ให้เกิดขึ้น

    เพราะฉะนั้น
    จึงได้เคยเขียนไปแล้วในบทความก่อนว่า
    จะต้องโฟกัสไปที่เรื่องเงินๆทองๆ และ การความผันผวนแปรปวน ของการเงินการทองและการหารายได้ของประเทศ
    แต่ไม่นึกเลยว่า
    จะออกมาในรูปการเสนอเรื่องการตั้งบ่อนการพนันจาก หัวหมู่ทะลวงฟัน ( ฟันทุกเรื่องยกเว้นเรื่องเดียวที่ไม่กล้าฟัน )
    แล้วทำไมต้องเป็นช่วงนี้
    วิสัชนาว่า
    ผลของการสุริยคราสเต็มดวง ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘ นั้น มีผลระหว่าง ๒๐ / ๓ / ๒๕๕๘ ถึง ๑๓ / ๙ / ๒๕๕๘
    ประการที่ ๔.
    ผนวกกับการเกิดปรากฎการณ์จันทร์ดับ ณ.วันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘
    แลการเกิดจันทร์ดับครั้งนี้ ได้มีจุดร้าย ซ้ำซ้อนจันทร์ดับขึ้นมาคือ
    ประการที่ ๕.
    มีดาวอังคารร่วมดับสนิท ( แบบสนิท ๐ องศา )ที่ราศีเมถุน ในเทศาตรีฤกษ์ ( ฤกษ์แห่งอบายมุขนานาชนิด )
    ด้วย ( ดาวอังคาร ดาวประจำเมือง และ ดาวการหาเงินของดวงเมือง ( อังคารเจ้าเรือนมรณะ สถิตอยู่ที่เรือนการเงินเดิมดวงเมือง อีกสถานหนึ่ง )
    ( เลข ๑ + ๒ + ๓ ที่ตำแหน่ง ๑๐ นาฬิกา วงนอก รูปดวงที่ ๒ )
    การเกิดปรากฎการณ์จันทร์ดับ จะส่งผล ระหว่าง วันที่ ๑๖ / ๖ / ๒๕๕๘ ถึง ๑๖ / ๗ / ๒๕๕๘
    เหตุฉะนี้
    จึ่งมีการการสร้างกระแสเรื่องการเปิดบ่อนเสรีขึ้นมาในประเทศสารขัณฑ์แห่งนี้ขึ้นในช่วงนี้อย่างจงใจ
    และ
    ประการที่ ๖. อันเป็น เรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งคือ
    จันทร์ + อังคารดับครั้งนี้ ทำมุมร้าย ๑๓๕ องศา ( มุมทำให้เกิดรำคาญ aggravation ) กับ
    จุดทศมลัคน์ดวงเมือง ( จุดการทำงานสูงสุดของดวงเมือง )
    และ ทำมุม ๑๓๕ องศาไปที่ดาวเสาร์ (ดาวประจำตัว และ ดาวการทำงานของ คุณตูมตาม )
    แปลว่า เรื่องนี้จะเป็นเรื่องสร้างปัญหาต่อความการทำงานหรือการบริหารงานของประเทศ
    และ ของ คุณตูมตาม
    ยิ่งนักแล

    (๒)
    ผลจากสุริยคราสเต็มดวง เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘
    ผนวกกับ การเกิดจันทร์ดับ + อังคารดับ( ในเวลาเดียวกันซึ่งไม่ใช่เกิดขึ้นง่ายๆ )เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ที่ผ่านมานี้เอง
    สุริยคราสเต็มดวงที่ผ่านมาล่าสุด
    ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘
    คราสอาทิตย์ ( คือดาวอาทิตย์ดับ )
    ได้ดับทับดาวอาทิตย์เดิม ( ดาวแห่งการบริหารราชการ การเป็นผู้นำ การรับผิดชอบสูงสุด ฯ)
    ในเรือนสหัสชะ ( เพื่อนพ้องน้องพี่ )
    ของท่าน
    บ่งบอกว่า
    ในระหว่าง ๒๐ มีนาคม ถึง ๑๓ กันยายน ๒๕๕๘ นี้
    เพื่อน พ้อง น้อง พี่ ของท่าน
    จะสร้างเรื่องทำให้การบริหารงานราชการ การเป็นผู้นำ การรับผิดชอบสูงสุด
    ของท่านเกิดปัญหาใหญ่หลวง
    รวมไปถึงการที่เพื่อนพ้องน้องพี่ของท่าน
    กำลังสร้างกำลังอำนาจต่อรอง หรือ สร้างขุมกำลัง หรือ สร้างฐานอำนาจใหม่ ของเขา
    ( ดาวอาทิตย์เป็นดาวเจ้าเรือนมรณะในดวงท่าน)
    ดังจะเห็นได้จาก
    การดองเรื่องถอดยศเพราะมีอาจมีการต่อรองกันในทางลับ
    การปั่นกระแสเรื่องบ่อน
    การสร้างภาพประชาสัมพันธตัวเองด้วยเงินค่าปรับเพียง ๔๐๐ บาท เพื่อหวังเปิดสนามรถแข่ง และ อาจจะรวมไปถึงการสร้างบ่อนในจังหวัดนั้นในอนาคตด้วย
    ซึ่งล้วนแต่เป็นกลุ่มกวนเดียวกันของกลุ่มหวังอำนาจใหม่ทั้งสิ้น
    สนิมเกิดจากเนื้อในตนฉันท์ใด
    สภาพการทำเป็นไป ระหว่าง ๒๐ มีนาคม ถึง ๑๓ กันยายน ๒๕๕๘ ก็ฉันท์นั้น
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อยู่ดีกินดี? สลด แฉไอเอสลวงโลก สมาชิกกินอาหารอย่างหรู แต่เหยื่อผู้คนอดอยาก ต้องเข้าแถวรอ (ชมภาพ) วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 13:43:40 น.

    สำนักข่าวรายงานว่า กลุ่มต่อต้านไอเอสได้เผยภาพน่าหดหู่สะเทือนใจของเหล่าผู้คนที่อยู่ใต้การปกครองของกลุ่มก่อตั้งรัฐอิสลามแห่งซีเรียและอิรักหรือกลุ่มไอเอส ที่กำลังอดอยากหิวโหยซึ่งตรงกันข้ามกับภาพของสมาชิกกลุ่มที่กำลังนั่งรับประทานอาหารมื้อใหญ่และตรงข้ามกับสิ่งที่กลุ่มอ้างว่าผู้คนภายใต้การดูแลของไอเอสมีความเป็นอยู่อย่างอยู่ดีกินดี

    [​IMG] [​IMG]

    รายงานระบุว่า กลุ่มต่อต้านไอเอสที่มีชื่อว่า "Raqqa Is Being Slaughtered Silently" หรือ "รักกากำลังถูกฆ่าอย่างเงียบๆ" ได้เผยแพร่ภาพของประชาชนในกรุงรักกา เมืองหลวงของซีเรีย ที่ต้องอยู่ภายใต้การปกครองของกลุ่มไอเอสหลังจากที่เมืองถูกยึดไป โดยภาพเผยให้เห็นเหล่าเด็กชายจำนวนมากและผู้หญิงที่สวมผ้าคลุมปิดหน้ากำลังถือกระป๋องว่างเปล่าต่อแถวรอรับน้ำและอาหารอย่างสิ้นหวังท่ามกลางอากาศร้อนแผดเผาในช่วงเดือนรอมฎอน

    [​IMG]

    แต่ขณะที่พวกเขารอคอยอาหารอย่างหิวโหยนั้นสมาชิกกลุ่มไอเอสกลับมีชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงโดยพวกเขานั่งล้อมวงอาหารมื้อใหญ่ที่ประกอบด้วยอาหารมากมายทั้งปลาทอดอาหารดอง สลัดผัก และผลไม้สดจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีภาพที่ปืนไรเฟิลของสมาชิกไอเอสวางอยู่กลางวงอาหารอีกด้วย

    [​IMG]

    [​IMG]

    ทั้งนี้ ความเป็นอยู่ของผู้คนที่เห็นในภาพตรงกันข้ามกับสิ่งที่กลุ่มไอเอสมักจะโอ้อวดผ่านทางโซเชียลมีเดียว่าประชาชนกว่า8 ล้านคน ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มฯในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือมีชีวิตที่กินดีอยู่ดีซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาได้แพร่ภาพทางเดินถนนที่เต็มไปด้วยอาหารเพื่อเข้าใจว่ากลุ่มไอเอสสามารถดูแลผู้คนจำนวนมากนี้ได้

    อยู่ดีกินดี? สลด แฉไอเอสลวงโลก สมาชิกกินอาหารอย่างหรู แต่เหยื่อผู้คนอดอยาก ต้องเข้าแถวร
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ซาวน่าเกาหลีห้ามชาวต่างชาติใช้บริการ อ้างสร้างปัญหา-แอบข้ามพื้นที่ที่มีการแบ่งเพศวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 21:50:01 น.

    [​IMG]

    จากรายงานของ The Korea Observer สื่อเกาหลีใต้ลงวันที่ 19 มิถุนายน เผยว่า "Bally Aqua Land" ซาวน่าแห่งหนึ่งในเมืองปูซาน ได้ปฏิเสธมิให้ลูกค้าชาวต่างชาติเข้าใช้บริการ เพื่อรักษาความพึงพอใจของลูกค้าท้องถิ่นชาวเกาหลีใต้ ทั้งนี้จากการให้สัมภาษณ์ของพนักงานซาวน่าดังกล่าว

    พนักงานรายนี้กล่าวว่า พวกเขาไม่ได้ปฏิเสธลูกค้าต่างชาติทั้งหมด "เรายอมรับลูกค้าชาวเอเชียพวกเขาดูไม่ต่างจากเรา และบอกยากว่าเป็นคนต่างชาติหรือไม่ แต่พวกฝรั่งตัวใหญ่ๆ เราไม่อนุญาตให้เข้าใช้ได้" พนักงานซาวน่าข้างสถานีปูซานกล่าว

    เธอกล่าวหาว่าลูกค้าต่างชาติมักทำให้ลูกค้าชาวเกาหลีไม่พอใจ และเมื่อไม่นานมานี้พวกเขายังจับลูกค้าต่างชาติผู้ชายที่แอบเข้าพื้นที่สำหรับลูกค้าผู้หญิงได้อีกด้วย

    เธอยังย้ำว่าซาวน่าแห่งนี้ไม่ต้อนรับลูกค้าคู่รักต่างชาติโดยให้เหตุผลว่าคู่รักเหล่านี้มักแสดงความรักทางกายมากเกินเหตุ

    "นี่เป็นพื้นที่สาธารณะซึ่งมีคนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก การแสดงออกถึงความเสน่หาทางกายภาพเกินสมควรย่อมไม่อาจยอมรับได้"พนักงานซาวน่ากล่าว

    ชาวต่างชาติในเกาหลีใต้จำนวนมากมาแสดงความไม่พอใจต่อการกระทำดังกล่าวของซาวน่าแห่งนี้และบางรายยังได้แบ่งปันประสบการณ์ตรงต่อการเลือกปฏิบัติดังกล่าวจากซาวน่าแห่งอื่นๆ ในเกาหลีใต้และเรียกร้องให้ยุติการเลือกปฏิบัติเช่นนี้

    สื่อเกาหลีใต้รายนี้ได้ติดต่อเจ้าของซาวน่าดังกล่าวเพื่อสอบถามถึงนโยบายอันเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจนนี้แล้วแต่เจ้าของรายนี้ได้ตอบปฏิเสธการให้สัมภาษณ์

    นายฮวางพิล-กิว นักกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนชี้ว่า เจ้าของร้านเกลียดคนต่างชาติเหล่านี้ยังคงใช้นโยบายกีดกันคนต่างชาติได้ต่อไป เพราะรัฐบาลและนักการเมืองมิได้มีความพยายามใดๆ ที่จะป้องกัน หรือแก้ไขปัญหาการเหยียดเชื้อชาติ

    นอกจากนี้การเอาผิดกับการเลือกปฏิบัติหรือดูหมิ่นทางเชื้อชาติยังแทบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เนื่องจากเกาหลีใต้ไม่มีกฎหมายใดๆ ที่จะเอาผิดกับการเลือกปฏิบัติ

    ซาวน่าเกาหลีห้ามชาวต่างชาติใช้บริการ อ้างสร้างปัญหา-แอบข้ามพื้นที่ที่มีการแบ่งเพศ : มต
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “บึงศาลาอ้อ” แหล่งน้ำธรรมชาติใหญ่สุดในอ่างทองแห้งขอด เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์วิกฤตน้ำเหลือ 7 เปอร์เซ็นต์ (ชมคลิป) โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2558 10:24 น. (แก้ไขล่าสุด 24 มิถุนายน 2558 11:05 น.)

    [​IMG]

    อ่างทอง - “บึงศาลาอ้อ” บึงน้ำธรรมชาติแหล่งใหญ่สุดในอ่างทอง เนื้อกว่า 120 ไร่ วิกฤตหนักน้ำแห้งขอดในรอบ 20 ปี คาดมีใช้น้ำได้อีก 10 วัน ชาวนาที่ใช้น้ำในบึงหล่อเลี้ยงต้นข้าวครวญหมดหวังหลังบึงแห้ง ขณะที่ “เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์” ที่ลพบุรีก็อยู่ในขั้นวิกฤตหนักเช่นกัน พบน้ำในเขื่อนเหลือเพียง 7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

    วันนี้ (24 มิ.ย.) ที่ “บึงศาลาอ้อ” ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำธรรมชาติในพื้นที่หมู่ 2 ตำบลสาวร้องไห้ อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง และเป็นบึงน้ำธรรมชาติที่ใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง มีเนื้อที่กว่า 120 ไร่ สามารถกักเก็บน้ำได้ถึง 422,366 ลูกบากศ์เมตร เพื่อใช้ในการเกษตรและประมงพื้นบ้าน ได้แห้งขอดวิกฤตสุดในรอบ 20 ปี ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวนาที่ใช้น้ำจากบึงทำนาพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ต้องเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะบึงน้ำแห่งนี้เป็นที่หล่อเลี้ยงต้นข้าวที่กำลังตั้งท้อง ชาวนาต่างหวั่นว่าผลผลิตเสียหาย และเฝ้ารอฝนตกลงมาช่วยเติมน้ำในบึงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

    [​IMG]

    นายนิคม ชูแก้ว อายุ 50 ปี ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 ตำบลสาวร้องไห้ อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า บึงศาลาอ้อเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ใช้หล่อเลี้ยงชาวตำบลสาวร้องไห้ อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ชาวบ้านได้ใช้น้ำจากบึงแห่งนี้ในการทำประมง และเกษตรกรรมมาตั้งแต่บรรพบุรุษ โดยหน่วยราชการได้นำกุ้ง และปลามาปล่อยให้ขยายพันธุ์เจริญเติบโตเป็นแหล่งอาหาร และสร้างรายได้ให้ชาวบ้าน ชาวประมง และมีกิจกรรมทางน้ำในการแข่งเรือทุกปี

    [​IMG]

    “แต่ปีนี้ได้เกิดภาวะแล้งอากาศเปลี่ยนแปลง ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล ส่งผลกระทบชาวนาที่สูบน้ำจากบึงศาลาอ้อ มาหล่อเลี้ยงต้นข้าว จนกระทั่งบึงแห่งนี้น้ำลดลงต่อเนื่องจนเกือบแห้ง หากฝนไม่ตกลงมาคาดว่าไม่เกิน 10 วัน น้ำในบึงศาลาอ้อคงแห้งหมดบึงเป็นแน่” นายนิคม ชูแก้ว กล่าว

    ด้าน นายอรรถพร ปัญญาโฉม ผู้อำนวยการจัดสรรน้ำสำนักงานชลประทานที่ 10 จังหวัดลพบุรี เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดลพบุรี และลุ่มน้ำป่าสัก ขณะนี้ถือว่าวิกฤต และน่าเป็นห่วงอย่างมาก หลังปริมาณสะสมในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ลดลงอย่างต่อเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้เหลือน้ำอยู่ที่ 73 ล้านลูกบาศก์เมตร

    ทางเขื่อนได้ปล่อยน้ำทางประตูฉุกเฉินเพื่อนำน้ำไปรักษาระบบนิเวศท้ายเขื่อนอยู่ที่วันละ 5 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือวันละ 1.3 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยไม่มีน้ำไหลเข้าเขื่อนต่อเนื่องกันมาหลายเดือนแล้ว สถานการณ์แบบนี้เป็นผลให้น้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนสามารถใช้น้ำได้อีกแค่ 20 วัน และมีน้ำใช้ถึงแค่กลางเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้เท่านั้น

    “การบริหารจัดการน้ำของเขื่อนป่าสักฯ ขณะนี้ทางเขื่อนต้องประคับประคองให้สามารถใช้น้ำให้ได้นานที่สุด แต่หลังน้ำหมดเขื่อนหลายพื้นที่ตั้งแต่จังหวัดลพบุรี สระบุรี อยุธยา ปทุมธานี ได้รับผลกระทบจากน้ำอุปโภคบริโภค ทำการเกษตร และการไล่น้ำเสีย และน้ำเค็มในอนาคต” นายอรรถพรกล่าว

    นายอรรถพร ปัญญาโฉม ผู้อำนวยการจัดสรรน้ำสำนักงานชลประทานที่ 10 จังหวัดลพบุรี ระบุด้วยว่า ขณะนี้ทางชลประทานได้ประสานกับศูนย์ฝนหลวงภาคกลางเพื่อเพิ่มเที่ยวบินทำฝนหลวงพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสักฯ โดยหวังว่าฝนเทียมจะตกลงมาในเขื่อนเพื่อเติมน้ำในเขื่อนให้พ้นวิกฤต

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประปาชัยนาทเตรียมสูบน้ำดิบเพิ่ม เพื่อไม่ให้กระทบการผลิตประปาหลังเจ้าพระยาลดไม่หยุด โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2558 12:16 น. (แก้ไขล่าสุด 24 มิถุนายน 2558 12:27 น.)

    [​IMG]

    ชัยนาท - การประปาส่วนภูมิภาค สาขาชัยนาท เตรียมรับสถานการณ์น้ำเจ้าพระยาที่ลดลงต่อเนื่อง เร่งติดตั้งต่อท่อทางดูดน้ำเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้กระทบต่อการผลิตน้ำประปา

    วันนี้ (24 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ จ.ชัยนาท ว่า ขณะนี้สถานการณ์ภัยแล้งได้ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ อ.เมือง จ.ชัยนาท ลดระดับลงวันละ 10 เซนติเมตร จนวันนี้ระดับน้ำอยู่ที่ 13.71 เมตร (รทก.) ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาค สาขาชัยนาท และจะทำให้ประชาชน 8,500 ครัวเรือน ใน ต.ท่าชัย ต.ชัยนาท ต.เขาท่าพระ ต.ในเมือง ต.บ้านกล้วย และ ต.ธรรมามูล อ.เมืองชัยนาท ได้รับความเดือดร้อน

    นายกิตติ พุ่มศรีธร ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาค สาขาชัยนาท เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งที่ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลดต่ำลงต่อเนื่อง ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาค สาขาชัยนาทมากนัก สถานีสูบน้ำที่ตั้งอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงสูบน้ำดิบขึ้นมาผลิตน้ำประปาได้ แต่อาจได้น้ำน้อยลง และยังคงจ่ายน้ำวันละ 9,600 ลูกบาศก์เมตรให้ประชาชนได้ใช้ตามปกติ แต่อาจมีในช่วงกลางคืนที่ต้องลดแรงดันน้ำลงบ้างเพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ได้ตลอดทั้งวัน

    “เพื่อเตรียมรับสถานการณ์กับระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะลดระดับลงอีก ทางการประปาส่วนภูมิภาค สาขาชัยนาท จึงได้มีการเตรียมติดตั้งท่อทางดูดน้ำเพิ่มเติมไว้แล้ว หากระดับน้ำลดลงจนท่อทางดูดหลักพ้นระดับน้ำไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาได้ ก็จะทำการต่อท่อทางดูดน้ำเพิ่มเติมยื่นออกไปกลางแม่น้ำเพื่อให้สูบน้ำขึ้นมาใช้ได้ จะไม่ให้มีผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาแน่นอน”

    นายกิตติ พุ่มศรีธร ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาค สาขาชัยนาท กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ในช่วงหน้าแล้งที่ผ่านมา การประปาส่วนภูมิภาค สาขาชัยนาท ได้ให้การสนับสนุนน้ำประปาให้แก่หน่วยงานต่างๆ ที่ร้องขอเพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่ประสบภัยแล้งในพื้นที่ จ.ชัยนาท เป็นประจำทุกเดือน เดือนละประมาณ 2,000 ลูกบาศก์เมตร อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นว่าเป็นภัยธรรมชาติ จึงควรช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดไป

     
  6. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    ดูจากที่ร้านซาวน่าแจ้งมา ไม่เห็นว่าตรงไหนเป็นการเหยียดเชื้อชาติ แต่เหยียดพฤติกรรมห่ามๆของพวกฝรั่งมากกว่า
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    [​IMG]

    ภัยแล้งคุกคามชาวสามร้อยยอดหนัก น้ำในอ่างที่มีไว้ทำประปาหมู่บ้านแห้งขอด
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2558 16:30 น.

    ประจวบคีรีขันธ์ - ชาวบ้านวังไทร ตำบลสามร้อยยอด กว่า 130 หลังคาเรือน กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากปัญหาภัยแล้ง น้ำในอ่างที่มีไว้ทำประปาหมู่บ้านเกิดแห้งขอด ไม่สามารถผลิตน้ำประปาได้ ทำให้ชาวบ้านไม่มีน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคมานานนับเดือน วอนหน่วยงานภาครัฐช่วยเหลือเร่งด่วน

    วันนี้ (23 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายนำชัย ศรีพนมวัลย์ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) ไร่ใหม่ อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่า ชาวบ้านหมู่บ้านวังไทร ตำบลไร่ใหม่ อำเภอสามร้อยยอด กว่า 130 หลังคาเรือน กว่า 2,000 คน กำลังเดือดร้อนอย่างหนักเนื่องจากอ่างเก็บน้ำบ้านวังไทร ขณะนี้น้ำแห้งขอดจนไม่สามารถนำน้ำขึ้นมาเพื่อทำประปาหมู่บ้านเพื่อแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้านได้ใช้อุปโภคบริโภคมานานนับเดือนแล้ว จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล และให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนด้วย

    นางเรียน แตงอ่อน ชาวบ้านวังไทร กล่าวว่า ขณะนี้ชาวบ้านลำบากมากเพราะจากต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเนื่องจากต้องซื้อน้ำในการอุปโภคบริโภคมาเป็นเดือนแล้ว ซึ่งในปีผ่านๆ มา ก็ยังไม่แล้งขนาดนี้ ถึงแม้จะแล้งแต่ก็ยังมีน้ำประปาหมู่บ้านให้ได้ใช้กันตลอด แต่มาปีนี้แล้งเป็นอย่างมากจนถึงขนาดน้ำแห้งขอดอ่าง พอเข้าหน้าฝนก็หวังว่าจะรอฝนตก ก็ไม่มีฝนตกลงมาเลย

    “จึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานภาครัฐช่วยเข้ามาให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นโดยการเอาน้ำมาแจกจ่ายให้ชาวบ้านเพื่อได้ใช้กันก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวบ้านที่ยากจนที่มีรายได้น้อย” นางเรียน กล่าว

    นายพิเศษ แตงอ่อน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลไร่ใหม่ กล่าวว่า อ่างเก็บน้ำบ้านวังไทรแห่งนี้เป็นแหล่งน้ำเพียงแห่งเดียวในหมู่บ้านที่ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านใช้ในการอุปโภคบริโภค รวมถึงภาคการเกษตรที่ตอนนี้เกษตรกรกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากทางประปาได้หยุดจ่ายน้ำให้แก่ชาวบ้านมากว่า 1 เดือนแล้ว

    ในส่วนภาคการเกษตร ทั้งชาวสวนมะม่วง ชาวไร่สับปะรด และเกษตรกรผู้ปลูกขนุนก็ไม่สามารถนำน้ำจากอ่างเก็บน้ำดังกล่าวมาใช้ได้ เนื่องจากต้องให้ชาวบ้านที่ใช้อุปโภคบริโภคก่อน แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทั้งเกษตรกร และชาวบ้านก็ไม่สามารถนำน้ำจากอ่างเก็บน้ำไปใช้ได้เลย คงต้องรอให้ฝนตกลงมาเพื่อให้มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นจะได้ช่วยบรรเทาความเดือนร้อนของชาวบ้านได้บ้าง

    ด้าน นายสงวน ชัยชน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลไร่ใหม่ กล่าวว่า ทาง อบต.ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้น โดยได้ประสานไปยังเทศบาลตำบลไร่ใหม่ เพื่อขอรถน้ำนำน้ำมาแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้านซึ่งในหนึ่งอาทิตย์ทางเทศบาลก็จะน้ำน้ำมาให้ 2 ครั้ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำ

    นอกจากนี้ ทาง อบต.ยังได้ทำหนังสือเพื่อของบประมาณเร่งด่วน หรือให้ทางจังหวัดได้ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติแล้ง เพื่อที่จะได้นำงบประมาณมาใช้ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันที ส่วนในแผนระยะยาวได้กำหนดแผนไว้ และได้บรรจุลงในแผนพัฒนาของปีงบประมาณหน้า โดยจะให้มีการขยายอ่างเก็บน้ำให้กว้างขึ้น และขุดลอกตะกอนดินที่ทับถมทำให้อ่างเก็บน้ำตื้นเขิน เป็นเหตุทำให้เก็บปริมาณน้ำได้น้อย โดยจะนำเครื่องจักรมาขุดลอกให้อ่างมีความลึกเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสามารถเก็บกักน้ำได้มากขึ้นด้วย

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "ชาวนาสรรคบุรี” ทยอมเสี่ยงปลูกข้าวแม้อาจเจอฝนทิ้งช่วง อ่างทองจำใจปล่อยนาร้างหลังแล้งหนัก โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2558 12:36 น. (แก้ไขล่าสุด 23 มิถุนายน 2558 12:41 น.)

    [​IMG]

    ชัยนาท/อ่างทอง - ชาวนาอำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ยอมเสี่ยงปลูกข้าวหลังมีฝนตกในพื้นที่ แม้จะเสี่ยงกับฝนทิ้งช่วงก็ต้องทำ ดีกว่าให้รอเวลาแล้วครอบครัวอดตาย ด้านชาวนาอ่างทอง จำใจปล่อยนาร้าง หลังประสบภัยแล้งหนัก

    วันนี้ (23 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนที่ตกลงมาในพื้นที่จังหวัดชัยนาท ช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา แม้จะมีปริมาณไม่มากพอที่จะทำให้เพิ่มปริมาณน้ำในคลองธรรมชาติ และคลองชลประทาน แต่ก็ช่วยบรรเทาภัยแล้งให้นาข้าวในจังหวัดชัยนาทกว่า 300,000 ไร่ ที่ขาดน้ำหล่อเลี้ยงมานานกว่าครึ่งเดือน ได้มีน้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าวก่อนที่จะแห้งตายได้รับความเสียหายทั้งหมด

    ขณะที่ชาวนาในพื้นที่ ต.ห้วยกรด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ที่ยังไม่ได้ปลูกข้าวเนื่องจากไม่มีน้ำจากชลประทานให้เพาะปลูก และยังไม่มีฝนตกชุกในพื้นที่ แต่เมื่อ 1-2 วันนี้ ได้มีฝนตกลงมาถึงปริมาณฝนจะไม่มากแค่พอไถนาตีแปลงได้ ชาวนาหลายรายก็ยอมเสี่ยงที่จะลงมือปลูกข้าวถึงจะต้องเสี่ยงต่อฝนทิ้งช่วงก็ตาม เพราะไม่สามารถรอคอยน้ำจากชลประทานได้อีกต่อไป หากไม่เพาะปลูกก็จะไม่มีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว

    นายสมบุญ อ่อนสำลี อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83/1หมู่ 9 ต.ห้วยกรด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท กล่าวว่า ถึงฤดูทำนาแล้วแต่กลับไม่มีน้ำทำนาต้องรอคอยฝนตกอย่างเดียว 2 วันที่ผ่านมา มีฝนตกลงมา แม้ฝนมีไม่มากแต่พอมีน้ำเข้านาบ้าง และมีน้ำไหลลงคูข้างนา แม้เพียงนิดเดียว ตนก็รีบวิดน้ำเข้านาพอให้ไถนาตีเทือกได้ จากนั้นก็รีบลงมือหว่านข้าวทันที ถึงจะต้องเสี่ยงต่อฝนทิ้งช่วงก็ยอมทำ

    นางสงวน แสงนุ่ม อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 3 ต.ห้วยกรด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท กล่าวว่า ตนทำนา 40 ไร่ ตอนนี้ต้องยอมเสี่ยงปลูกข้าวแล้วเพราะหยุดทำมา 8 เดือนแล้ว รายได้จากการรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ ไม่พอใช้จ่าย ซ้ำหนี้สินก็มีหลายแสนบาท ถ้าจะให้รอต่อไปคงไม่ไหว ตอนนี้เห็นฝนตกมาบ้างจึงยอมเสี่ยงปลูกข้าว เพราะถ้าให้รอต่อไปหมดฤดูทำนาก็จะไม่ได้ทำอีก และหากจะให้ไปปลูกพืชใช้น้ำน้อยตามที่รัฐบาลบอกก็ไม่สามารถทำได้ เพราะชลประทานไม่ส่งน้ำมาให้เลย เคยปลูกถั่ว ปลูกข้าวโพดตอนช่วงหน้าแล้งมาแล้วก็ตายหมดเพราะไม่มีน้ำ ตอนนี้ครอบครัวขาดรายได้ จึงยอมเสี่ยงปลูกข้าวไปก่อนดีกว่าให้รอจนเกิดความเครียดแล้วไปผูกคอตาย

    ส่วนที่ จ.อ่างทอง นายเสนาะ ภูพัฒน์ อายุ 56 ปี ชาวนาในพื้นที่ ต.โพธิ์ม่วงพันธ์ อ.สามโก้ จ.อ่างทอง ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะแล้งหลังชลประทานจ่ายน้ำให้เกษตรกรลงมือทำนาในต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ทำนา จำนวน 5 ไร่ ด้วยความหวังสร้างรายได้หลังหยุดทำนาในช่วงต้นปี กลับต้องผิดหวังหลังภาวะแล้ง นาข้าวขาดน้ำหล่อเลี้ยงนานร่วมเดือน

    นายเสนาะ เปิดเผยว่า ได้ลงมือทำนาในช่วงต้นพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังชลประทานจ่ายน้ำให้ชาวนา ตนเองได้สูบน้ำเข้านาพร้อมปรับพื้นนาไถนาพร้อมเร่งหว่านข้าวลงไป ต่อมาประสบปัญหาภัยแล้ง ทำให้ขาดน้ำที่จะสูบขึ้นมาหล่อเลี้ยงต้นข้าวในแปลงนานานร่วมเดือน ทั้งนี้ ชลประทานได้ชะลอการจ่ายน้ำเนื่องจากน้ำต้นทุนเหลือน้อย ประกอบกับพื้นที่ทำนาของตนเองอยู่ในที่ดอน ประสบปัญหาในการสูบน้ำหลายต่อกว่าจะถึงพื้นที่ทำนา จำใจต้องปล่อยให้เป็นนาร้างให้ข้าวต้องยืนต้นตายไปในที่สุด

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิบัติแล้ง!แม่น้ำมูลลด ทำปลากระชังตายเกลื่อน
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2558 12:00 น.

    [​IMG]

    อุบลราชธานี - ระดับน้ำแม่น้ำมูลลดจนสันดอนทรายน้ำโผล่พ้นน้ำ เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังอ่วม ปลาขาดออกซิเจน ปรับสภาพไม่ทัน ต้องเร่งจับขายป้องกันการขาดทุน

    ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ภัยแล้งในจ.อุบลราชธานี ว่าแม่น้ำมูลลดระดับลงต่อเนื่อง ทำให้ปลานิลและปลาทับทิมในกระชังริมแม่น้ำมูลในเขตอ.วารินชำราบ และอ.เมือง รวมกว่า 3,700 กระชังตายลงทุกวัน เพราะขาดออกซิเจน เนื่องจากจากระดับน้ำที่ลดลงจนมองเห็นสันดอนทรายโผล่ขึ้นกลางแม่น้ำ

    นายบุญธรรม ศรีแก้ว เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง บ้านท่าลาด ต.ท่าลาด อ.วารินชำราบ กล่าวดว่า ระดับน้ำแม่น้ำมูลลดลงอย่างมากในรอบกว่า 20 ปี ทำให้มีออกซิเจนน้อย ประกอบกับมีฝนตกลงมา ปลาเลี้ยงที่มีอายุใกล้เก็บเกี่ยว 8 กระชัง ปรับตัวไม่ทันทยอยตายวันละ 100-200 กิโลกรัม ทำให้ผู้เลี้ยงส่วนใหญ่กลัวขาดทุน ต้องรีบจับปลาขึ้นมาขายก่อนถึงอายุกำหนดเพื่อลดต้นทุน ทำให้ราคารับซื้อปลาช่วงนี้ลดลงไปอีก จึงเท่ากับเป็นการซ้ำเติมเกษตรกร เพราะปลาก็ตายและยังขายไม่ได้ราคาอีก

    ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า สันดอนทรายที่โผล่พ้นแม่น้ำมูล กลายเป็นแหล่งที่ชาวประมงริมแม่น้ำ ยืนทอดแหหาปลาตามธรรมชาติ ซึ่งหาได้มากกว่าปกติด้วย


     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชาวนาเชียงใหม่เสี่ยงทำ “นาแห้ง” สู้แล้ง-เขื่อนแม่กวงย้ำมีน้ำปล่อยได้แค่ 6 ครั้ง
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2558 18:42 น. (แก้ไขล่าสุด 24 มิถุนายน 2558 08:34 น.)

    [​IMG]

    เชียงใหม่ - ผู้อำนวยการเขื่อนแม่กวงเปิดโต๊ะแจงตารางปล่อยน้ำให้ตัวแทนเกษตรกร-อปท. 3 อำเภอใต้เขื่อน ย้ำมีน้ำใช้ในการเกษตรเหลือแค่ 19 ล้าน ลบ.ม. กำหนดปล่อยน้ำได้อีก 6 ครั้ง ที่เหลือต้องใช้ทำน้ำประปา-รักษาสภาพโครงสร้างเขื่อน ขณะที่ชาวนาเสี่ยงทำ “นาแห้ง” แทน

    [​IMG]

    วันนี้ (23 มิ.ย.) นายวุฒิชัย รักษาสุข ผู้อำนวยการเขื่อนแม่กวงอุดมธารา อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ได้ร่วมหารือกับตัวแทนเกษตรกร และเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด, สันทราย, สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ที่ใช้น้ำจากเขื่อนแม่กวงฯ ทำการเกษตร และปลูกข้าวนาปี เพื่อนำข้อมูลไปชี้แจงให้เกษตรกรแต่ละอำเภอได้เข้าใจถึงสถานการณ์น้ำ

    [​IMG]

    หลังฝนทิ้งช่วง เกิดปัญหาภัยแล้งหนักสุดในรอบ 20 ปีตั้งแต่มีการสร้างเขื่อนมา จนทำให้ต้นทุนน้ำกักเก็บเหลือเพียง 33 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 12 ของความจุเท่านั้น

    [​IMG]

    นายวุฒิชัยระบุว่า ขณะนี้เขื่อนแม่กวงฯ เหลือน้ำที่ใช้ในการเกษตรเพียง 19 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น ที่เหลือต้องเก็บไว้เพื่อรักษาสภาพโครงสร้างของเขื่อน และใช้ผลิตน้ำประปา โดยทางเขื่อนฯ จะปล่อยน้ำทั้งหมด 6 ครั้ง เริ่มครั้งแรกระหว่างวันที่ 1-19 ส.ค., ครั้งที่ 2 วันที่ 27 ส.ค.-5 ก.ย., ครั้งที่ 3 วันที่ 13-26 ก.ย., ครั้งที่ 4 วันที่ 4-17 ต.ค., ครั้งที่ 5 วันที่ 25 ต.ค.-7 พ.ย. และครั้งที่ 6 วันที่ 16-28 พ.ย.

    [​IMG]

    นอกจากนี้ หากเกิดฝนตกในพื้นที่เพาะปลูก โครงการจะรับพิจารณาปรับลดปริมาณน้ำส่งออกหรือปิดน้ำเพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปด้วยความประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด แต่รอบเวรจัดสรรน้ำจะคงที่ ปรับเปลี่ยนปริมาณน้ำตามน้ำต้นทุนและสภาพภูมิอากาศเท่านั้น

    [​IMG]

    นายวุฒิชัยกล่าวอีกว่า ชาวนาส่วนใหญ่เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งพื้นที่การเกษตรที่รับน้ำจากเขื่อนฯ มีประมาณ 150,000 ไร่ แยกเป็นพื้นที่ปลูกข้าวประมาณ 120,000 ไร่ ส่วนอีก 3 หมื่นไร่เป็นพื้นที่ปลูกพืชผล ไม้ผล และบ่อปลา

    ด้านนายสมาน คำใจ ชาวนาบ้านกอกหม่น ต.สันปูเลย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ยอมรับว่า ชาวนาบางส่วนต้องปรับเปลี่ยนวิถีทำนาใหม่เพื่อให้ทันฤดูฝน จากที่เคยปลูกแบบนาดำ ก็เปลี่ยนมาใช้วิธีปลูกแบบหว่านแห้ง แล้วฝังกลบ แต่ก็มีความเสี่ยง หากช่วงที่ต้นข้าวเติบโตแล้วฝนทิ้งช่วงอาจทำให้เกิดความเสียหายได้ แต่ก็จำเป็นต้องเสี่ยง ดีกว่ารอน้ำจากเขื่อนเพียงอย่างเดียว



     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เดือดร้อนแน่! กปภ.สาขาแม่ริมประกาศเข้าขั้นวิกฤต น้ำดิบไม่พอผลิตหยุดจ่ายน้ำตลอดสาย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2558 16:39 น. (แก้ไขล่าสุด 23 มิถุนายน 2558 16:52 น.)

    [​IMG]

    ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - การประปาส่วนภูมิภาค สาขาแม่ริม ออกประกาศการประปาเข้าขั้นวิกฤตโดยเฉพาะพื้นที่ฝั่งทางทิศตะวันตกของถนนโชตนาตลอดสาย ระบุช่วงจากนี้ไปน้ำจะไหลอ่อนถึงไม่ไหลเลย อาจแก้ปัญหาด้วยการเปิดน้ำเป็นช่วงเวลา เตือนประชาชนให้เตรียมสำรองน้ำและใช้น้ำอย่างประหยัดเพราะอาจต้องขาดแคลนถึงเดือน ก.ค.

    นายนพดล ปั้นรัตน์ ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาค สาขาแม่ริม ออกประกาศผ่านเฟซบุ๊กของการประปาส่วนภูมิภาคว่า ด้วยปัจจุบันการประปาส่วนภูมิภาค สาขาแม่ริมประสบปัญหาปริมาณน้ำดิบในลำน้ำแม่สามีปริมาณไม่เพียงพอต่อการผลิตจ่ายน้ำประปา สามารถสูบขึ้นมาผลิตได้น้อยมาก เนื่องจากภาวะภัยแล้งฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ทำให้ในขณะนี้ กปภ.สาขาแม่ริมต้องดำเนินการผันน้ำจากสถานีผลิตน้ำแม่ริม 2 เข้ามาช่วยจ่ายในพื้นที่ฝั่งทางทิศตะวันตกของถนนโชตนา เริ่มตั้งแต่กองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 3 ไปจนถึงถนนเส้น รด.หนองฮ่อ แต่เนื่องจากแรงดันน้ำจากสถานีผลิตน้ำแม่ริม 2 มีแรงดันน้ำน้อย จึงจะส่งผลให้น้ำประปาไหลอ่อน และอาจจะไม่ไหลในบริเวณดังต่อไปนี้

    กองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 3, กองพลทหารราบที่ 7, กองพันสัตว์ต่างๆ, หมู่บ้านธนารักษ์และร้านค้าบริเวณห้วยตึงเฒ่า, ส่วนราชการที่อยู่บริเวณคันคลองชลประทาน, หมู่บ้านสวัสดิการทหาร, บ้านพักศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ (700 ปี), ศูนย์ประชุมนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ และบ้านพักที่อยู่บริเวณถนน รด.-หนองฮ่อทั้งหมด

    ล่าสุดการประปาส่วนภูมิภาค สาขาแม่ริมได้ออกประกาศถึงภาวะภัยแล้งขณะนี้เข้าขั้นวิกฤต ทำให้น้ำประปาจะไม่ไหลหรือไหลอ่อน โดยเฉพาะในพื้นที่ดังกล่าว การประปาฯ จึงแจ้งให้ประชาชนในพื้นที่การจ่ายน้ำทั้งหมดของสาขาแม่ริมได้ทำการสำรองน้ำไว้ในช่วงนี้ซึ่งอาจจะเป็นการปล่อยน้ำเป็นช่วงเวลา โดยคาดว่าภาวะน้ำไหลอ่อนหรือไม่ไหลเลยจะยาวนานไปจนถึงเดือนกรกฎาคม

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ห้วย หนอง คลอง บึง” แห้งขอดทั่วตลิ่งชัน-สุโขทัย พืชผักตายแล้วตายอีกจนหมดทุน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2558 09:21 น. (แก้ไขล่าสุด 23 มิถุนายน 2558 09:37 น.)

    [​IMG]

    สุโขทัย - เกษตรกรตำบลตลิ่งชัน เมืองสุโขทัย เจอภัยแล้งคุกคามหนักรอบ 20 ปีจนเดือดร้อนกันทั่วหน้า แหล่งน้ำทั้ง “ห้วย หนอง คลอง บึง” แห้งขอด ลงทุนปลูกข้าว มันสำปะหลัง อ้อย ถั่ว ฯลฯ ตายแล้วตายอีกจนหมดทุน บางรายต้องควักกระเป๋าจ้างช่างเจาะบาดาลแทน

    วันนี้ (23 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรที่ปลูกอ้อยในพื้นที่ ต.ตลิ่งชัน อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย รวมกันกว่า 10,000 ไร่ กำลังประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก เนื่องจากแหล่งน้ำในพื้นที่ทั้งห้วย หนอง คลอง บึง มีสภาพแห้งขอด โดยเฉพาะคลองพฤกษา ซึ่งเป็นคลองสายหลักของหมู่บ้าน แห้งจนเห็นดินแตกระแหง

    บรรดาเกษตรกรที่ปลูกอ้อยต้องยอมเสียเงินจ้างช่างมาเร่งขุดเจาะบ่อบาดาลในที่ไร่ของตัวเองเพื่อดึงน้ำขึ้นมาหล่อเลี้ยงต้นอ้อยที่เพิ่งปลูกใหม่ไม่ให้ขาดน้ำจนเหี่ยวแห้งตายไปเสียก่อน

    นายประเทือง นาราสิริวิมล นายกเทศมนตรีตำบลตลิ่งชัน กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งครั้งนี้ถือว่าหนักสุดในรอบ 20 กว่าปี พื้นที่เกษตรกรรมกว่า 30,000 ไร่ ซึ่งมีทั้งไร่อ้อย มันสำปะหลัง ถั่วเขียว และนาข้าว กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก เกษตรกรปลูกอะไรไม่ได้เลย ปลูกกันไปก็ตายแล้วตายอีก เรียกว่า “ปลูกตาย ปลูกตาย” จนเกษตรกรหมดเนื้อหมดตัว ไม่เหลือทุนอีกแล้ว จึงขอวิงวอนรัฐบาลให้เข้ามาช่วยเหลือด้วย
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สรุป ประเทศไทยแล้ง รอฝนครับ

    อุตุฯ เตือน ปชช.ภาคเหนือและภาคกลางเตรียมรับมือพายุฤดูร้อนถล่ม 27 มี.ค.นี้
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มีนาคม 2558 11:05 น.

    ASTVผู้จัดการออนไลน์ - กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนประชาชนเตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อน 27 มี.ค.นี้ หลังอิทธิพลความกดอากาศสูงจากจีนปะทะคลื่นลมกระแสตะวันตกจากพม่า ซึ่งจะส่งผลให้ไทยตอนบน โดยเฉพาะภาคเหนือ และภาคกลางจะมีพายุฤดูร้อนและพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง มีลูกเห็บตก

    วันนี้ (26 มี.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยารายงานลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04.00 น.ว่า บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีน ยังคงแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมตะวันตกจากประเทศพม่าเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ ส่งผลให้วันที่ 27 มีนาคม บริเวณประเทศไทยตอนบน โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือ และภาคกลาง จะมีพายุฤดูร้อน และพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น รวมถึงอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงไว้ด้วย

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06.00 น.วันนี้ (26 มี.ค.) ถึงเวลา 06. 00 วันพรุ่งนี้ (27 มี.ค.)

    ภาคเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง ตาก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    ภาคกลาง มีเมฆเป็นส่วนมาก โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี และกาญจนบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา เซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ปัตตานี และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ญี่ปุ่น-ฟิลิปปินส์” เมินคำเตือนจีน ส่งเครื่องบินสอดแนมเฉียดทะเลจีนใต้ซ้ำ
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2558 13:12 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี – ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ส่งเครื่องบินตรวจการณ์บินใกล้น่านน้ำพิพาททะเลจีนใต้เป็นวันที่สองติดต่อกันในวันนี้ (24) โดยไม่สนคำเตือนจากจีน
    เครื่องบิน P-3C Orion ของญี่ปุ่นและ navy islander ของฟิลิปปินส์อยู่ระหว่างการฝึกค้นหาและกู้ภัยห่างจากเกาะปาลาวันไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 50 ไมล์ทะเล เจ้าหน้าที่ ระบุ
    แม้ว่าเที่ยวบินดังกล่าวจะอยู่ในทิศทางปกติสู่เกาะการังรีดแบงค์อันอุดมไปด้วยทรัพยากร ซึ่งถูกอ้างสิทธ์โดยทั้งฟิลิปปินส์และจีน แต่เจ้าหน้าที่ก็ปฏิเสธที่จะระบุว่า เครื่องบิน 2 ลำดังกล่าวได้บินเหนือพื้นที่นี้โดยตรงหรือไม่
    หลังจากการบินลักษณะเดียวกันนี้เมื่อวันอังคาร (23) หลู่ กัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้ออกมาเตือนว่าอย่าดำเนินการซ้อมรบทางทะเลนี้เกินขอบเขต และชี้ว่ามันอาจบั่นทอนเสถียรภาพในภูมิภาค
    อย่างไรก็ตาม น.ท.ฮิโรมิ ฮามาโนะ จากกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นบอกกับผู้สื่อข่าวว่า การฝึกซ้อมร่วมในวันนี้ (24) สัมฤทธิ์ผล ไม่นานหลังจากที่เครื่องบินตรวจการณ์ลำดังกล่าวลงจอดที่ฐานทัพอากาศของฟิลิปปินส์บนเกาะปาลาวัน
    “ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่จะดำเนินการฝึกซ้อม HADR (ตอบสนองด้านมนุษยธรรมและภัยพิบัติ) , SAR (ค้นหาและกู้ภัย) กับกองทัพเรือฟิลิปปินส์ต่อไป” เขากล่าวเสริม
    สำนักงานของประธานาธิบดี เบนิโญ อากีโน แห่งฟิลิปปินส์ก็ชื่นชมการฝึกซ้อมนี้ด้วย โดย อาบิเกล วัลเต โฆษกหญิงประจำประธานาธิบดี ได้กล่าวในถ้อยแถลงว่า “ฟิลิปปินส์ได้เคยมีการฝึกซ้อมเหล่านี้กับหุ้นส่วนด้านยุทธศาสตร์ของเรามาก่อนแล้ว”
    “มันไม่ควรถูกตีความว่าเป็นการเหยียดหยามผู้ใดก็ตาม มันเป็นการแสดงออกของความร่วมมือและการเรียนรู้จากผู้ที่มีส่วนร่วมทั้งหมด” เธอกล่าว
    น.ท.ลูเอ็ด ลินซูนา โฆษกของกองทัพเรือฟิลิปปินส์ กล่าวว่า การบินในวันนี้ (24) เป็น “กิจกรรมค้นหาและกู้ภัย”

    [​IMG]
    *
    ลูกเรือของเครื่องบินตรวจการณ์ไม่พบสิ่งผิดปกติในน่านน้ำดังกล่าว ฮามาโนะ บอกกับผู้สื่อข่าว
    เกาะปะการังรีดแบงค์ตั้งอยู่ห่างจากเกาะปาลาวันไปทางตะวันตกราว 85 ไมล์ทะเล ภายในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ทะเลของแดนตากาล็อก
    การเผชิญหน้าระหว่างเรือกองทัพจีนและเรือสำรวจภายใต้สัญญากับบริษัท Philex Petroleum ของฟิลิปปินส์ในปี 2012 ได้ทำให้การสำรวจในพื้นที่นี้ยุติกลางคัน
    ฟิลิปปินส์และญี่ปุ่นอยู่ในช่วงกลางของการซ้อมรบทางทะเลครั้งที่สองของพวกเขาในสัปดาห์นี้ ซึ่งมีขึ้นหลังการซ้อมรบครั้งประวัติศาสตร์เมื่อเดือนที่แล้ว
    สองประเทศซึ่งเป็นอดีตคู่ปฏิปักษ์ช่วงสงครามครั้งที่ 2 นี้กำลังเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของพวกเขา เนื่องจากต่างก็มีความขัดแย้งทางดินแดนกับจีนด้วยกันทั้งคู่
    กองทัพเรือฟิลิปปินส์ยังกำลังจัดการซ้อมรบทางทะเลต่างหากกับพันธมิตรเก่าแก่อย่างสหรัฐฯ นอกเกาะปาลาวันในสัปดาห์นี้ และจะมีการส่งเครื่องบิน US P-3 Orion ของสหรัฐฯออกบินจากเกาะนี้ในวันพรุ่งนี้ (24)
    การอ้างสิทธิ์ของจีนเหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมดทับซ้อนอยู่กับการอ้างสิทธ์ของฟิลิปปินส์ , เวียดนาม , บรูไน , มาเลเซีย และไต้หวัน
    ปักกิ่งได้เร่งการก่อสร้างเกาะเทียมบริเวณแนวปะการังของทะเลจีนใต้เพื่อที่จะเพิ่มน้ำหนักให้กับอ้างสิทธิ์ของตนเหนือน่านน้ำอันอุดมด้วยทรัพยากรแห่งนี้ ซึ่งยังเป็นเส้นทางการขนส่งทางทะเลสายหลักอีกด้วย
    จีนมีกรณีพิพาทกับญี่ปุ่นเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออก ที่ญี่ปุ่นเรียกว่า “เซ็งกากุ” แต่จีนเรียกว่า “เตี้ยวอี๋ว์”

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผลสำรวจชี้ประชากรโลก 69% ยัง “ไลก์” สหรัฐฯ แต่ยิวเริ่ม “ยี้” โอบามา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2558 11:54 น. (แก้ไขล่าสุด 24 มิถุนายน 2558 12:33 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ - ผลสำรวจความคิดเห็นโดยสถาบันวิจัยพิวซึ่งสรุปจากการสอบถามประชากรใน 40 ประเทศทั่วโลกพบว่า คนส่วนใหญ่ยังคงมีทัศนคติที่ดีต่อสหรัฐอเมริกาทั้งในด้านเศรษฐกิจ และการเป็นผู้นำปราบปรามกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส)

    ผลการศึกษาของพิวบ่งชี้ว่า วอชิงตันยังคงมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาคนกว่าครึ่งโลก ซึ่งโดยเฉลี่ยร้อยละ 69 ยอมรับว่าพวกเขาชื่นชมสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากตัวเลขร้อยละ 65 ในปี 2013-2014

    อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ก็ถูกติเตียนอย่างหนักเช่นกันเมื่อพูดถึงเทคนิค “ทรมาน” ที่ใช้ในการสอบสวนผู้ต้องหาก่อการร้าย หลังเหตุวินาศกรรม 9/11

    แม้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยจะทำให้หลายฝ่ายเกรงว่าสหรัฐฯ อาจถูกจีนแซงหน้า แต่คนที่เชื่อว่าสหรัฐฯ จะยังครองแชมป์มหาอำนาจเบอร์หนึ่งไว้ได้ก็ยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

    ใน 40 ประเทศที่ได้มีการสำรวจ พิวพบว่าผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่ใน 30 ประเทศยังยกให้สหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลก โดยเฉพาะในอินเดียซึ่งมีคนที่เชื่อเช่นนี้เพิ่มขึ้นมากที่สุด

    อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่า พลเมืองใน 27 ประเทศก็เชื่อเช่นกันว่าจีนจะสามารถแซงสหรัฐฯ ขึ้นไปสู่ตำแหน่งผู้นำเศรษฐกิจโลกได้ในที่สุด โดยเฉพาะชาวยุโรปซึ่งเชื่อมากที่สุดว่าการผงาดของจีนคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

    ในส่วนของการทำสงครามกวาดล้างกลุ่มไอเอส สหรัฐฯ ยังได้รับเสียงสนับสนุนมากถึงร้อยละ 62 จากพลเมืองทั่วทุกมุมโลก ขณะที่จำนวนผู้คัดค้านบทบาทของสหรัฐฯในอิรักและซีเรียมีเพียงร้อยละ 24

    แม้ว่าสงครามอิรักในช่วง 10 กว่าปีที่แล้วจะทำให้สหรัฐฯ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ทว่าประเทศยุโรปส่วนใหญ่ยังคงให้การสนับสนุน รวมถึงชาติพันธมิตรสำคัญของอเมริกาในตะวันออกกลางที่มีสัดส่วนพลเมืองเห็นด้วยกับสหรัฐฯ เกือบจะส่วนใหญ่

    ชาวอเมริกันร้อยละ 80 ซึ่งรวมถึงฐานเสียงรีพับลิกันร้อยละ 88 และเดโมแครตร้อยละ 80 มีมุมมองเชิงบวกต่อการส่งทหารบุกอิรัก ขณะที่พลเมืองแคนาดาเห็นด้วยกับสงครามอิรักราว 2 ใน 3

    ประเด็นที่ทำให้สหรัฐฯ ถูกติเตียนมากที่สุดก็คือ เทคนิคการสอบสวนผู้ต้องหาก่อการร้ายในช่วงหลังเหตุการณ์ 9/11 โดยพบว่า ประชากรโลกเฉลี่ยร้อยละ 50 คิดว่าสิ่งที่สหรัฐฯ ทำเป็นการ “ทรมาน” มีเพียงร้อยละ 35 เท่านั้นที่คิดว่าเหมาะสมแล้ว

    พลเมืองอังกฤษ สเปน เยอรมนี และฝรั่งเศส ไม่เห็นด้วยกับวิธีสอบสวนนักโทษของสหรัฐฯ แต่น่าสนใจตรงที่ชาวอิตาลีกลับมีความคิดเห็นแตกต่างกันไปในเรื่องนี้ ขณะที่ชาวโปแลนด์ส่วนใหญ่มองว่า การทรมานเพื่อบีบให้นักโทษคายความจริงออกมาไม่ใช่เรื่องผิด

    ในภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชีย เทคนิคการสอบสวนของสหรัฐฯ ถูกมองแง่ลบเสียเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นในอิสราเอล อินเดีย และฟิลิปปินส์

    ระดับความนิยมในตัวประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็ยังคงแพร่หลาย และเพิ่มสูงขึ้นกว่าเก่าใน 14 ประเทศที่ทำการสำรวจ เว้นแต่เพียง “อิสราเอล” ซึ่งกระแสชื่นชอบผู้นำสหรัฐฯ ดิ่งลงจนน่าตกใจในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

    ปีที่แล้ว โอบามาได้รับคะแนนนิยมจากชาวอิสราเอลมากถึงร้อยละ 71 แต่พอมาปีนี้เหลือชาวยิวที่ยังชื่นชอบเขาเพียงร้อยละ 49

    แนวโน้มดังกล่าวนับว่าสวนทางโดยสิ้นเชิงกับพลเมืองแดนภารตะซึ่งเทใจให้ โอบามา เพิ่มขึ้น จากร้อยละ 48 กลายเป็นร้อยละ 71 ในปีนี้

    สรุปภาพรวมความคิดเห็นพลเมืองใน 40 ประเทศทั่วโลก พบว่าโอบามายังมีคะแนนนิยมสูงถึงร้อยละ 69 มากกว่าที่เขาได้รับจากพลเมืองสหรัฐฯ เองเสียอีก และประชากรส่วนใหญ่ใน 29 ประเทศยังเชื่อมั่นว่า โอบามาจะตัดสินใจทำสิ่งที่ถูกต้องหากเกี่ยวพันกับกิจการระหว่างประเทศ

    สถาบันวิจัยพิวได้ทำการสำรวจความคิดเห็นในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคมปีนี้ โดยสอบถามจากประชากรกว่า 45,000 คนใน 40 ประเทศ

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ความจริงเรื่อง "เมอร์ส" ที่ไม่มีใครพูดถึง
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2558 11:49 น. (แก้ไขล่าสุด 24 มิถุนายน 2558 12:40 น.)

    [​IMG]
    @ภาพจากรอยเตอร์

    นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก "เมอร์ส" โรคติดต่อระบบทางเดินหายใจจากไวรัสที่กำลังเขย่าขวัญวงการสาธารณสุข และสร้างความตื่นตระหนักให้กับคนทั่วโลก แต่เคยรู้หรือไม่ว่าจริงๆแล้วโรคเมอรส์เกิดจากอะไร ? ต้นตอที่แท้จริงเกิดจากตรงไหน? แล้วขณะนี้นักวิจัยทั่วโลกกำลังทำอะไรอยู่บ้าง ร่วมมองทะลุเมอรส์ไปพร้อมๆ กับเรา

    ทีมข่าวผู้จัดการวิทยาศาสตร์ พาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “เมอร์ส” ให้มากขึ้น ในแง่มุมของวิทยาศาสตร์ ที่จะมีช่วยไขข้อข้องใจเกี่ยวกับทุกซอกทุกมุมของ “เมอร์ส” จากปากแพทย์และนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยามือทองของประเทศไทย

    ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคอุบัติใหม่อันดับหนึ่งของเมืองไทย เผยว่า คนส่วนมากมักรู้จักเมอร์สในนแง่ของความรุนแรงและการติดต่อ แต่ไม่ทราบข้อมูลเบื้องลึกทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นอย่างไร จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้บอกเล่าเรื่องราวของโรคนี้ให้ฟังในหลายๆ แง่มุมผ่านผู้จัดการวิทยาศาสตร์


    “เมอร์ส” ไม่ใช่โรคใหม่
    โรคเมอร์ส (Middle East Respiratory Syndrome: MERS) หรือ โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่มโคโรนา (Coronavirus) ที่มีการศึกษาและรู้จักมายาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 เป็นตระกูลไวรัสที่ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ หลายชนิด เช่น ไข้หวัด และซาร์สโรคระบาดจากคนสู่คนที่เคยสร้างความปั่นป่วนให้กับคนทั้งโลกเมื่อประมาณ 13 ปีก่อน

    ศ.นพ.ยง เผยว่า เมอร์ส ไม่ใช่โรคเกิดใหม่แต่เเคยระบาดมาแล้วครั้งหนึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 จากกรณีชายชาวซาอุดิอาระเบียรายหนึ่ง ป่วยเป็นปอดบวมจากไวรัสทางเดินหายใจสายพันธุ์แปลก ซึ่งเมื่อนำไปถอดรหัสแล้วระบุชนิดได้เป็น บีต้าโคโรนาไวรัส โรคใหม่จากเชื้อดังกล่าวจึงถูกตั้งชื่อว่า Middle East Respiratory Syndrome (MERS) หรือ โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง ที่ถูกตั้งขึ้นตามสถานที่พบเชื้อ

    แต่ด้วยการระบาดของเมอร์สในครั้งนั้นอยู่เพียงในพื้นที่แคบๆ ของบางประเทศในตะวันออกกลาง ไม่รุนแรงเท่าโรคซาร์สที่ทำให้มีผู้ป่วยมากถึง 8 พันคนในปี พ.ศ. 2545 ข่าวคราวของเมอร์สจึงไม่เป็นที่จดจำของชาวโลกเท่าไรนัก จนกลับมาดังไม่เปรี้ยงปร้างเพราะการระบาดใหญ่อีกครั้ง เมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา

    "เมอร์สอยู่กับเราตลอด" ความจริงที่ไม่มีใครพูดถึง

    3 ปีที่ผ่านมาเมอรส์ไม่เคยหายไป เพราะมีแหล่งรังโรคอยู่ใน “อูฐโหนกเดียว” ที่มีอยู่ทั่วตะวันออกกลาง ตั้งแต่ปี 2556 ถึงปัจจุบัน มีผู้ป่วยรวมแล้วกว่าพันคนและเสียชีวิตประมาณ 300-400 ราย ด้วยการติดต่อจากอูฐสู่คนผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น การกินนมอูฐ สัมผัสน้ำลายและขี้อูฐ แต่ในภายหลังมีการติดต่อจากคนสู่คนทำให้เมอรส์ระบาดออกไปมากกว่าตะวันออกกลาง โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าการติดจากคนสู่คนเริ่มขึ้นจากที่ไหน

    ศ.นพ.ยง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเคยมีประวัติว่าชาวฟิลิปปินส์และมาเลเซียที่กลับจากการแสวงบุญในตะวันออกกลางนำเชื้อกลับสู่ประเทศด้วยแต่เชื้อกลับไม่ถูกแพร่ออกไป เพราะไม่มีผู้รับช่วงต่อ หรือ เชื้ออาจมีน้อยเกินไปจนไม่สามารถติดต่อไปยังคนอื่นได้ ซึ่งในกรณีการระบาดใหม่ที่เริ่มในเกาหลีอีกครั้ง น่าจะเกิดจากความพอเหมาะพอดีที่ผู้ติดเชื้อและผู้รับช่วงมาพบกันในสภาพที่ผู้ติดเชื้อพร้อมจะแพร่เชื้อเต็มที่ และผู้รับเชื้ออยู่ในสภาพร่างกายอ่อนแอ


    เริ่มต้นใหม่ที่ “เกาหลีใต้”

    "กรณีการระบาดที่เกาหลีใต้ ผมว่าเป็นแจ๊กพอตที่ทรงพลังมาก เพราะคนต้นโรคเดินทางไปหลายที่มากในตะวันออกกลาง ทั้งการ์ตา,โอมาน, ซาอุดิอาระเบีย หลายประเทศที่มีเชื้อทั้งนั้น แล้วกลับเข้าเกาหลีโดยที่เขาไม่รู้ตัวว่ารับโรคกลับมา และทางการก็ไม่ได้มีมาตรการสกัดกั้นเพราะก็ไม่เคยมีใครทราบมาก่อน

    อีกทั้งกว่าโรคจะแสดงอาการก็อยู่ในตัวของผู้ป่วยรายนี้นานถึง 7 วัน พอมีอาการผู้ป่วยก็ไปพบแพทย์ในหลายๆ ทั้งคลินิกชุมชนและโรงพยาบาล ซ้ำร้ายเมื่อแพทย์พบอาการเบื้องต้น ยังให้นอนในห้องผู้ป่วยรวมเพราะไม่ทราบว่าคือโรคนี้ ทำให้การติดต่อแพร่ไปอย่างรวดเร็วเพราะเพียงแค่สัมผัสละอองฝอยไอจาม และการสัมผัสใกล้ชิดสารคัดหลั่งของผู้ป่วยก็มีโอกาสติดเมอร์สได้ ประกอบกับที่แพร่เชื้อที่แรกคือโรงพยาบาล แหล่งรวมคนป่วยที่สภาพร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว เมื่อมีเชื้อใหม่จึงมีโอกาสติดง่ายกว่าปกติ จากผู้ป่วยรายแรกเพียงคนเดียวจึงแพร่เชื้อไปให้ผู้ป่วยและผู้สัมผัสข้างเคียงได้มากถึง 25 คน

    "ที่สำคัญคือเกาหลีไม่โปร่งใสตั้งแต่ช่วงแรก ไม่มีการประกาศอย่างชัดเจนว่าโรงพยาบาลใดคือจุดแพร่โรค ทำให้คนการตื่นตัวช้า จนมาตรการกักันและป้องกันล่าช้าไปหนึ่งก้าว จนขณะนี้เชื้อระบาดไปในหลายประเทศ รวมถึงไทยด้วย เพราะหลักการควบคุมโรคระบาดที่ดีที่สุด คือ ความโปร่งใส ประเทศนั้นต้องประกาศออกมาให้โลกทราบเพื่อที่ทุกฝ่ายจะได้เตรียมความพร้อมและการช่วยเหลือได้ทัน ซึ่งเกาหลีพลาดในช่วงแรกแต่มาแก้มือในช่วงหลังด้วยมาตรการที่รัดกุมได้เป็นอย่างดี" ศ.นพ.ยง กล่าว

    “ผมว่าต้นตอไม่ใช่การสัมผัสอูฐโหนกเดียวเท่านั้นหรอก น่าจะมีสัตว์อื่นอย่างค้างคาว อีเห็น รวมถึงการฟุ้งกระจายของไวรัสในอากาศเพราะผู้ป่วยชาวซาอุฯ รายแรก ไม่มีประวัติสัมผัสกับอูฐเลย และด้วยความที่เราไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงจึงทำให้การควบคุมค่อนข้างลำบาก” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลก ไวรัสสัตว์สู่คนและอาจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยแก่ทีมข่าวผู้จัดการวิทยาศาสตร์

    ไม่รู้ต้นตอ-ไม่รู้ทางแก้


    “เหตุที่เมอร์สมีมานานแต่ไม่เคยหายไปจากโรคเหมือนกับโรคระบาดอื่นๆ เป็นเพราะนักวิจัยไม่รู้ต้นตอที่แท้จริง มีแต่ข้อสันนิษฐาน” ศ.นพ.ธีรวัฒน์ ตอบก่อนอธิบายต่อไปว่า

    นักวิจัยทั่วโลกรู้ดีว่าสาเหตุประการสำคัญมาจากอูฐ แต่ก็มีข้อมูลบางอย่างที่ขัดแย้งอย่างเห็นได้ชัด เพราะผู้ป่วยรายแรกของซาอุดิอาระเบียไม่มีประวัติสัมผัสสัตว์ ผู้ป่วยรายแรกของเกาหลีเราก็ไม่ทราบว่าเขารับเชื้อมาจากไหน และคนโอมานที่ป่วยในไทยเราก็ไม่ทราบเช่นกันว่าแหล่งรับโรคของเขาที่จริงคืออะไร อีกทั้งเมื่อมีการตรวจสอบไปยังคนเลี้ยงอูฐในซาอุดิอาระเบียกว่าร้อยคน ก็ไม่พบการติดเชื้อ ฉะนั้นอูฐโหนกเดียวจึงไม่น่าใช่ต้นตอของปัญหาทั้งหมด

    ข้อสันนิษฐานใหม่ของนักวิจัยทั่วโลก จึงมุ่งมาที่ "ค้างคาว"สัตว์ป่าที่เคยทำให้เกิดโรคซาร์ส รวมไปถึง "อีเห็น"สัตว์ป่าอีกกลุ่มที่มีชาติพันธุ์บางกลุ่มนำมารับประทานเป็นอาหาร แม้กระทั่ง "การฟุ้งกระจายในอากาศของไวรัส" ก็ถูกนำมารวมอยู่ในสาเหตุที่ยังหาต้นตอไม่ได้นี้ด้วย

    การไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงนี้ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ระบุว่า ทำให้การป้องกันเป็นไปด้วยความยากลำบาก ดังนั้นการป้องกันที่เห็นตอนนี้ จึงเป็นการใช้กล้องตรวจจับความร้อน และการซักประวัติจากคนที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยง แต่อย่างไรก็ดี อาการของคนแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เพราะบางคนมีเชื้อแต่ไม่มีไข้ หรือบางคนที่มีอาการของโรคประจำตัวคล้ายคลึงกับเมอร์สอยู่แล้วจนทำให้แยกไม่ออก ซึ่งความคลุมเครือเหล่านี้ทำให้การวินิจฉัยโรคไขว้เขว


    มีบ้างไหม งานวิจัยโรคเมอร์ส ?

    "มีครับ มีเยอะด้วยในต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะเป็นการวิจัยสืบหาต้นตอเพื่อหาสาเหตุ" เพราะจากที่กล่าวไปข้างต้นว่า นักวิจัยไม่รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงของโรคคืออะไร เราจึงต้องหาให้ได้ก่อน เพราะ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการร่างมาตรการป้องกันคือสาเหตุการเกิดโรค

    หลังจากปี พ.ศ. 2556 เป็นต้นมาจึงมีงานวิจัยต่างประเทศตีพิมพ์ออกมาค่อนข้างมาก เกี่ยวกับการสืบต้นตอของเมอร์ส เช่น การศึกษาเชื้อในอูฐ, เชื้อในค้างคาว เป็นต้น ซึ่งมีการวิจัยในค้างคาวไทยด้วยแต่ไม่พบเชื้อไวรัสในกลุ่มโคโรนานี้ ควบคู่ไปกับงานวิจัยเพื่อทำวัคซีนรักษา ซึ่งมีการพัฒนาไปแล้วอย่างมหาศาลในบริษัทผลิตยาใหญ่ๆ ของต่างประเทศ แต่ก็ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษายังไม่มีการทดสอบใช้จริง

    ในส่วนของเกาหลีใต้ก็เดินหน้างานวิจัยอย่างหนักเพื่อจะทำวัคซีนจากผู้ป่วยที่รอดตายจากเมอร์ส โดยจะเอาน้ำเหลืองของคนคนนั้นมาทำให้บริสุทธิ์ แล้วฉีดให้กับคนที่เป็นโรคเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ แล้วจึงค่อยขยายผลมาสู่วัคซีน แต่ตอนนี้ยังทำได้ดีที่สุดเพียงการรักษาตามอาการ

    "ส่วนงานวิจัยของไทยก็มี ในส่วนของชุดตรวจที่ทำไว้เมื่อ 2 ปีก่อนตั้งแต่ช่วงแรกของการระบาด ด้วยทุนวิจัยจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ทั้งในส่วนของผมเอง และ ศ.นพ.ยง ที่ร่วมกันกับนักวิจัยจากสถาบันวิจัยไวรัสวิทยา ประเทศเนเธอแลนด์ ที่ผลิตชุดตรวจเชื้อเมอร์สความแม่นยำสูง โดยมีสถาบันอีรัสมุสคอยสนับสนุนเชื้อไวรัสเมอร์สที่ตายแล้วมาให้ ซึ่งสำเร็จและถูกนำมาใช้แล้วที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์" ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เผยข้อมูล

    ทว่าการตรวจวินิจฉัยหลัก ณ ขณะนี้จะสั่งซื้อชุดตรวจจากต่างประเทศ และการวินิจฉัยโดยละเอียดตามวิธีการของห้องปฏิการทางชีววิธีระดับ 3 สำหรับเชื้อที่มีความรุนแรง ซึ่งมีอยู่ที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข


    งานวิจัย “เมอร์ส” ของไทย ไม่ได้มีเพียงเท่านั้น ศ.เกียรติคุณ ดร.วันเพ็ญ ชัยคำภา ภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เผยกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ด้วยว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการสร้างแอนติบอดีสำหรับโรคเมอร์สอยู่ โดยคาดว่าอีกไม่เกิน 2 เดือน แอนติบอดีเมอร์สต้นแบบก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างพร้อมออกสู่สายตาประชาชน

    มีแน่ “แอนติบอดีเมอร์ส”

    "สำหรับวัคซีนเราคงทำไม่ได้เพราะเราไม่มีเชื้อ แต่ตอนนี้เรากำลังดำเนินการสร้างแอนติบอดีเมอรส์อยู่ เพราะอย่างที่ทราบตั้งแต่หลังเกิดโรคในปี 2556 นักวิจัยจากทั่วโลกก็เริ่มศึกษาวิจัยเกี่ยวกับไวรัสตัวนี้ ทำให้ทราบว่า ยีนและโปรตีนของไวรัสเมอรส์มีรูปร่างหน้าตา, รูปแบบเป็นอย่างไร, มีกลไกกดภูมิคุ้มกันอย่างไร, โปรตีนตัวไหนเป็นตัวทำงาน ซึ่งการทราบข้อมูลเหล่านี้ ทำให้เราออกแบบได้ว่า แอนติบอดีที่จะขัดขวางการทำงานของไวรัสควรมีหน้าตาเป็นเช่นไร" ศ.เกียรติคุณ ดร.วันเพ็ญ เผย

    ด้วยองค์ความรู้ดังกล่าว ทำให้หน่วยวิจัยแอนติบอดี คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เริ่มดำเนินการสร้างแอนติบอดีสำหรับเมอรส์ขึ้น ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการสังเคราะห์ยีนที่สั่งมาจากต่างประเทศ เพราะประเทศไทยไม่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่เพียงพอ จากนี้อีกประมาณ 10 วัน ยีนสังเคราะห์ก็จะถูกส่งมายังประเทศไทย โดยนักวิจัยจะนำยีนของไวรัสเมอรส์เข้าสู่เวคเตอร์พาหะ แล้วนำเข้าสู่แบคทีเรียให้แบ่งตัวเพิ่มจำนวน จากนั้นจึงนำโปรตีนที่สร้างได้จากแบคทีเรียมาทำให้บริสุทธิ์ เพื่อให้ผลิตเซลล์ที่สร้างแอนติบอดีสำหรับการผลิตเป็นภูมิคุ้มกันพร้อมใช้ไว้รองรับกับสำหรับผู้ป่วย

    "ขณะนี้ที่จีนก็มีทำแอนติบอดีเมอร์สเช่นกัน แต่ลักษณะแอนติบอดีของเรากับเขาจะต่างกันตรงที่ แอนติบอดีของจีนมีขนาดใหญ่แต่ของเราจะเป็นแอนติบอดีขนาดเล็ก ซึ่งดีกว่าตรงที่สามารถขัดขวางไวรัสได้ แม้จะอยู่ในระยะที่เข้าสู่เซลล์แล้ว ในขณะที่แอนติบอดีตัวใหญ่ของจีนทำไม่ได้ โดยแอนติบอดีจะช่วยขัดขวางการเพิ่มจำนวนของไวรัสที่จะเพิ่มจาก 1 ตัวเป็น 100 ตัวให้เพิ่มจำนวนไม่ได้ ทำให้เชื้อไม่สามารถแพร่ไปยังเซลล์อื่น ซึ่งจะทำให้อาการของผู้ป่วยไม่มากขึ้นและหายได้เร็ว แต่อย่างไรก็ดีแอนติบอดีที่ผลิตยังคงอยู่ในระดับห้องปฏิบัติการเท่านั้น แต่คาดว่าอีก 2 เดือนน่าจะได้เห็นแอนติบอดีต้นแบบ ส่วนการจะผลิตเพื่อใช้จริงต้องดูประสิทธิภาพและการยอมรับจากต่างประเทศอีกครั้งเพราะการจะผลิตแอนติบอดีมาใช้จริงในคนต้องงผ่านกรรมวิธีอีกมาก และต้องผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมยาที่ได้มาตรฐาน" ศ.เกียรติคุณ ดร.วันเพ็ญ ไล่เรียง


    เมอร์ส ซาร์ส อีโบลา ไข้หวัดนก โรคไหนน่ากลัวกว่ากัน ?

    เมื่อถามคำถามนี้ ศาสตราจารย์ทั้ง 3 ถึงกับคิดหนัก ก่อนที่ ศ.เกียรติคุณ ดร.วันเพ็ญ จะบอกกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ว่า โรคทั้ง 4 ไม่เหมือนกัน แต่เมอร์ส และซาร์สน่ากลัวมากกว่า เพราะติดได้ผ่านระบบทางเดินหายใจ ในขณะที่อีโบลาจะติดต่อได้เมื่อมีการสัมผัสกับผู้เป็นโรคและมีอาการ ซึ่งจะเข้าสู่ร่างกายได้ก็ต่อเมื่อสัมผัสเชื้อโดยตรงหรือบริเวณที่มีบาดแผลคล้ายคลึงกันกับหวัด

    ในขณะที่ไวรัสโคโรนาที่ทำให้เกิด เมอรส์และซารส์ สามารถติดต่อได้จากทั้งนกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม เพราะมีโปรตีนเอส อยู่บนเซลล์ของโฮสต์ การติดต่อจึงทำได้ง่ายกว่า และยังรับเชื้อได้เพียงสัมผัสละอองไอจามซึ่งยากต่อการควบคุม

    ด้าน ศ.นพ.ธีรวัฒน์ กล่าวว่า การจะฟันธงว่าโรคไหนน่ากลัวกว่าทำได้ยาก เพราะแต่ละโรคมีองค์ประกอบการเกิดที่แตกต่างกัน แต่ก็ยังยืนยันคำเดิมว่า สิ่งที่ทำให้เมอรส์น่ากลัวกว่าโรคอื่น คือการไม่รู้ต้นตอที่แท้จริง และอาการที่ไม่แสดงออกอย่างชัดเจน จึงต้องพิจารณาความรุนแรงของโรคแล้วแต่กรณี เช่น ในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว หรือมีระยะเวลาการสัมผัสโรคนาน ก็ย่อมมีโอกาสเป็นมากกว่าและแพร่เชื้อสู่คนอื่นได้มากกว่า

    ส่วน ศ.นพ.ยง ระบุว่า อีโบลาน่ากลัวที่สุด หากมองจากความรุนแรงของโรคที่ทำให้มีอัตราการตาย เพราะผู้ป่วยอีโบลามีอัตราการตายได้สูงถึง 50% ในขณะที่ผู้ป่วยไข้หวัดนก และซาร์สมีอัตราการตายประมาณ 30 % ส่วนเมอร์สในผู้ป่วยเอเชีย มีอัตราการตายอยู่ที่ประมาณ 16-20% เท่านั้น

    ปฏิบัติตัวอย่างไรห่างไกลโรคเมอร์ส

    "วิธีปฏิบัติตัวไม่ยาก เช่นเดียวกับที่กระทรวงสาธารณสุขรณรงค์ คือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ เพียงแค่นี้ก็จะช่วยตัดวงจรโรคได้มาก และในนำในช่วงนี้ให้หลีกเลี่ยงการเข้าพื้นที่ชุมชน พื้นที่ที่มีคนพลุกพล่าน และหากจำเป็นให้สวมหน้ากากอนามัย และออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงวัย ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะมีภูมิคุ้มกันน้อยกว่าคนหนุ่มสาว" ศ.เกียรติคุณ ดร.วันเพ็ญ แนะวิธี


    คิดแบบวิทย์พิชิตเมอร์ส

    "เมื่อมีโรคระบาดแน่นอน คนย่อมกลัว แต่ผมอยากให้กลัวแบบมีสติเพื่อให้ตัวเองไม่ลืมที่จะป้องกัน และที่สำคัญคืออยากให้เชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขไทย ไม่ใช่เห็นข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขว่ามีการกักคนเป็น 100 คนแล้วจะตกใจกลัวจนไม่อยากออกจากบ้าน อยากให้มองว่าเราระมัดระวังและเข้มงวดเพื่อคนทั้งประเทศ แล้วก็ไม่ต้องสนใจคนอื่น อยากให้สนใจตัวเอง ถามตัวเองว่าตอนนี้สุขภาพดีพอหรือยัง เพราะบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องไม่เคยนิ่งเฉยและพยายามทุกวิถีทางเพื่อหาแนวทางป้องกันและรักษา" ศ.นพ.ธีรวัฒน์ กล่าว

    ท้ายสุด ศ.นพ.ยง ยังฝากถึงคนไทยผ่านทีมข่าวผู้จัดการวิทยาศาสตร์ด้วยว่า อย่าเชื่อทุกข่าวที่เห็น เพราะที่ผ่านมาความตื่นตระหนกส่วนมากมาจากข่าวลวงที่ถูกส่งต่อกันมาทางสังคมออนไลน์ ประชาชนควรพิจารณาให้เป็น ใช้เหตุและผลทางวิทยาศาสตร์เข้ามาสนับสนุน เพราะทุกประเทศก็มีความเสี่ยงเท่าๆ กันแต่ไม่ใช่กลัวจนไม่อยากทำอะไร หรือไม่กลัวเลยจนไม่คิดป้องกันตัวเอง และอยากให้รัฐบาลเข้ามาให้การสนับสนุนกับการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น เพื่อให้งานวิจัยของไทยสามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    [​IMG]


    พระคาถาเพชรกลับสาปสมร บทนี้สำหรับผมถือว่าศักดิ์สิทธิ์มากซึ่งผมนำมาใช้อยู่เพื่อป้องกันพวกเล่นเดรัจฉานวิชาที่จ้องเล่นงานผม ซึ่งผมรู้จักบุคคลผู้หนึ่งที่แสดงตนว่าเป็นจอมขมังเวทย์ ซึ่งจริงๆ ก็คงใช่ พยายามมาบังคับผมให้ยอมให้เขาทำพิธีกรรม เพื่อเอาสิ่งที่เขาบอกว่าเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่อย่างมหาศาล และยังตีเป็น % ให้ผมอีก เขาบอกว่าจอมขมังเวทย์ที่แรงสุด ดูดวิญญานตายโหงเป็นพลัง มีพลังแค่ 900 % ร่างการก็เจ็บปวดแทบแตก แต่ของผมมีเกิน 300,000% ก็ปรกติดี ตอนแรกเขาบอกว่าในโลกนี้มีแค่ 3 แสน แต่ของผมเกินมา ผมเลยย้อนถามว่าที่เกินมาเขาเอามาจากไหน เขาก็เอามาจากพลังงานกระจุกเล็กๆ รวมกัน และพลังเหล่านั้นก็เอามาสร้างเป็นอีกร่างให้ผม ซึ่งเขาบอกว่าไม่รู้ว่าร่างนั้นเรียกว่าอะไร ผมเองรู้ดีที่สุด ผมเลยขออยากเป็นพระโพธิสัตว์ เพราะแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว เวลาสวดมนต์จะสวดบทที่ว่า "ขอบุญบารมีแห่งองค์พระโพธิสัตว์ปกป้องมนุษย์ปวงชน ด้วยบารมีแห่งองค์พระโพธิสัตว์" ผมเลยคิดว่าถ้าเขาไม่โกหกก็ขอเป็นพระโพธิสัตว์ให้แม่ภูมิใจดีกว่า ซึ่งทุกวันนี้ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น ก็เลยอยากบอกทุกท่านว่าอย่าไปหลงเชื่อผู้วิเศษ แต่การเล่นของมีอยู่จริง ผมเชื่อ เวลามีอาการเจ็บปวดเหมือนโดนใครกระทำผมจะสวดพระคาถาบทนี้ ก็จะดีขึ้น เลยอยากแนะนำให้รู้จักกันไว้ครับ

    พระคาถาเพชรกลับสาปสมร สิ่งเลวร้ายจะกลับคืนพวกมันหมด! [คัดลอกลิงก์]
    แก้ไขล่าสุด cho เมื่อ 13-9-2011 23:43

    คนที่ชอบคิดร้าย ชอบทำร้ายผู้อื่นไม่ว่าทางกาย วาจา หรือใจนั้น คือการสร้างสะสมบาปกรรมติดตัว..

    คนเหล่านี้..มักชอบเริ่มจากใจคิดริษยาก่อนเป็นอันดับแรก...

    เหตุการณ์เหล่านี้ คนที่เริ่มมีชื่อเสียง เมตตาสูง มหานิยมขั้นเทพ คนที่โด่งดังเป็นที่รู้จักในคนหมู่มาก..มักเจอคนชอบริษยาให้ร้าย ทั้งกาย วาจา ใจ..เป็นสิ่งคู่กัน (อันนี้กล่าวเฉพาะคนมีชื่อเสียงจากความสามารถจริงๆ ไม่ใช่เรื่องหลอกลวงจากแรงเชียร์ของผู้ได้ผลประโยชน์ร่วม หากเป็นคนจริงย่อมเป็นทองวันยังค่ำ..)

    คนชอบริษยาทำสิ่งเลวร้ายบางคนมากล้น แสดงออกมากเสียจนตัวสั่นงันงก.. ด่าคนอื่น ให้ร้ายคนอื่นให้มากเข้าไว้ เพื่อให้ตนดูดี...เราคงเคยพบเห็นกันบ้างนะคะ..

    บางคนใช้อวิชา มนต์ดำ คุณไสย์ ปลดปล่อยแรงริษยาเป็นพลังอาถรรพ์มืดทำลายล้างเป้าหมายให้ราบคาบ...วันนี้.. หากคุณเป็นคนดีจริง! พวกเหลือบริ้นไรเหล่านั้น..จะแพ้ภัยตนเองด้วยคาถาบทนี้!


    พระคาถาเพชรกลับสาปสมร
    นะโม 3 จบ

    พุทโธอะระหัง ธัมมังรักษา
    คุณไสย์ทั้งหลาย มุ่งร้ายต่อข้า อนัตตาสูญด้วยนะโมพุทธายะ
    ทุกขะโต ทุกขะถานัง พุทธะสัจจัง เวอะมะตะวาจา

    ธัมโม อะระหัง สังฆังรักษา
    มนุษย์ทั้งหลาย มุ่งร้ายต่อข้า อนัตตาสูญด้วยนะโมพุทธายะ
    ทุกขะโต ทุกขะถานัง พุทธะสัจจัง เวอะมะตะวาจา

    สังโฆ อะระหังพุทธังรักษา
    อมนุษย์ทั้งหลาย มุ่งร้ายต่อข้า อนัตตาสูญด้วยนะโมพุทธายะ
    ทุกขะโต ทุกขะถานัง พุทธะสัจจัง เวอะมะตะวาจา

    ข้อแนะนำสำหรับพระคาถาเพชรกลับสาปมาร
    พรคาถาบทนี้ใช้สวดก่อนนอนหลังจากสวดมนต์ไหว้พระเสร็จแล้ว
    สามารถป้องกันการกระทำคุณไสย์การกระทำของคน และ ผีได้
    เมื่อสวดภาวนาแล้วผู้ใดคิดร้ายต่อเรา มันจะแพ้ภัยตนเอง สิ่งเลวร้ายก็จะกลับคืนไปสนองให้ผู้กระทำเองมีอันเป็นไปด้วยแรงกรรมที่ตนทำเอง
    ที่สำคัญ..ผู้ใช้คาถานี้.. คุณต้องเป็นผู้บริสุทธิ์...และไม่ได้มีนิสัยคิดร้ายต่อใคร..! นี่แหละ..สุดยอดมหาเสน่ห์ที่หาใครเปรียบได้ในปฐพี..

    คราวนี้.. เราก็นับถอยหลังให้กับคนที่คิดร้ายต่อเราพร้อมๆ กันเลยค่ะ...


    อนุโมทนาบุญกุศลในการเผยแพร่เพื่อเสริมบารมีแด่ท่านอาจารย์หม่อม

    จำไว้...ทุกอย่างสำคัญที่ใจ.. ชนะทุกสิ่ง.. พ่อครูศิริพงศ์สอนไว้!

    พระคาถาเพชรกลับสาปสมร สิ่งเลวร้ายจะกลับคืนพวกมันหมด! - มนต์คาถา Magical Spells - เมืองเสน่ห์กาหลง ม
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ข่าวดีสำหรับคอรัสเซีย แต่ข่าวร้ายสำหรับโปรอเมริกา ยอดส่งออกน้ำมันของรัสเซียไปจีนแซงหน้าซาอุดิอาระเบีย

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    --------------
    เมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.58) สำนักข่าว RT news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "Russia overtakes Saudi Arabia to become biggest crude exporter to China" (เจ๋งป๊ะ?) รายงานข่าวบอกว่า เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาจีนสั่งนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียปริมาณ 3.92 ล้านเมตริกตัน ซึ่งเท่ากับ 927,000 บาร์เรลต่อวัน รัสเซียกลายเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบไปยังจีนมากที่สุดเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2005
    Gao Jian นักวิเคราะห์จากมณฑลซานตง (Shandong) ที่ปรึกษาด้านพลังงานนานาชาติของ SCI ให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กทางโทรศัพท์ว่า "รัสเซียกำลังใช้ความสัมพันธ์ที่ดีของตนเองกับจีนเพื่อเพิ่มการส่งออกน้ำมัน และตอนนี้รัสเซียก็ได้ครองจุดสูงสุด (ในจีน) แล้ว" (คำถามก็มีอยู่ว่าทำไมจีนถึงออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณ์นี้? เหตุผลหนึ่งที่พอจะเป็นไปได้ ก็คือเพื่อต้องการจะสื่อไปยังบางประเทศที่จ้องจะหาเรื่องจีนและรัสเซียอยู่ตลอดเวลาว่า หากคุณเลือกที่จะเป็นมิตรกับจีนแทนการเป็นปฏิปักษ์กันคุณก็จะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันกับจีน ดูรัสเซียเป็นตัวอย่างสิ)
    บลูมเบิร์กรายงานว่าเมื่อพฤษภาคมเดือนที่ผ่านมา ซาอุดิฯส่งออกน้ำมันไปยังจีนจำนวน 3.05 ล้านตันซึ่งน้อยกว่า Angola ซะอีกที่ส่งออกถึง 3.26 ล้านตัน (อันดับสองรองจากรัสเซีย) โดยอ้างข้อมูลจากศุลกากรจีนที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ส่วนอิหร่านครองอันดับ 4 โดยส่งออกน้ำมันดิบไปยังจีนที่ 2.2 ล้านตัน ตามด้วยอิรัคส่งออกไปยังจีนที่ 2.1 ล้านตัน ใกล้เคียงกับอิหร่าน
    เมื่อปี 2013 Rosneft ยักษ์ใหญ่ด้านน้ำมันของรัสเซียลงนามข้อตกลงกับ China National Petroleum Corporation (CNPC) ของจีนเกี่ยวกับการซื้อขายน้ำมันมูลค่า $270 billion (ประมาณ 9.1 ล้านล้านบาท) เป็นระยะเวลา 25 ปี ซึ่งคาดว่ารัสเซียจะสามารถส่งออกน้ำมันดิบของตนไปยังจีนได้ถึง 360.3 ล้านตันภายใต้สัญญาฉบับนี้
    และเมื่อเดือนตุลาคมปี 2013 เช่นกัน รัสเซียกับจีนเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้แข็งแกร่งขึ้นอีก เมื่อ Rosneft ของรัสเซียและ Sinopec ของจีนลงนามข้อตกลงมูลค่า $85 billion (ประมาณ 2.8 ล้านล้านบาท) ซึ่งรัสเซียจะส่งออกน้ำมันดิบไปยังจีนปริมาณ 100 ล้านตันเป็นเวลา 10 ปีด้วย นี่เฉพาะเรื่องน้ำมันดิบอย่างเดียวนะ ยังไม่รวมแก๊สที่รัสเซียจะส่งออกไปยังจีนอีก $400 billion (ประมาณ 13.5 ล้านล้านบาท) เป็นเวลาถึง 30 ปี
    เห็นหรือยังว่าสหรัฐฯจะรู้สึกอิจฉารัสเซียมากขนาดไหน เหตุผลหนึ่งที่อังกฤษไม่กล้าแตะต้องรัสเซียมากนัก แค่รับมุกสหรัฐฯบ้างเป็นบางครั้งเกี่ยวกับกรณียูเครน ก็เพราะว่า BP ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของอังกฤษก็ถือหุ้นอยู่ในบริษัท Rosneft ของรัสเซียถึง 19.75% ด้วย รัฐบาลรัสเซียถือหุ้นใน Rosneft จำนวน 75.16% ที่เหลืออีก 5% นั้นก็กระจายไปตามผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นๆ
    ป.ล. เอาไว้ว่างๆจะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจปิโตเลียม (น้ำมันและแก๊ส) ของรัสเซีย (Rosneft กับ Gazprom) ให้ฟังนะครับ
    The Eyes
    24/06/2558
    ----------
    http://rt.com/business/269146-russia-china-oil-trade/
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied

    [​IMG]

    มีกระแสข่าวว่ารัสเซีย กำลังวางแผนโจมตีสหรัฐ ด้วยนิวเคลียร์นะครับ เพราะสหรัฐยังเดินหน้า กดดันให้ยุโรปเพิ่มมาตรการคว่ำบาตร และอายัดทรัพย์สินของรัสเซีย และอันตรายที่สุดก็คือ การที่ รมต.กลาโหมสหรัฐ ยังคงเดินหน้าในการเสริมอาวุธหนัก และรถถัง กำลังทหารอีก 5,000 นาย รวมถึงแนวโน้ม การเคลื่อนย้ายระบบต่อต้านขีปนาวุธ เข้ามายังยุโรปตะวันออก
    http://www.zerohedge.com/news/2015-...ing-pentagon-deploys-250-tanks-eastern-europe

    การวางแผนโจมตีดังกล่าว จะใช้ขีนาวุธจากเรือดำน้ำ ที่ประจำการในมหาสมุทรแอตแลตติก บริเวณทางตอนใต้สหรัฐ ที่บารัค โอบามา ได้สั่งปิดระบบป้องกันภัยทางอากาศ บริเวณทางตอนใต้สหรัฐ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยใช้นิวเคลียร์ 200-300 ลูก เพราะตอนนี้รัฐบาลสหรัฐ มีการวางแผน เตรียมการขั้นสุดท้ายของ การสร้างสถานการณ์(false flag) ที่นำไปสู่การประกาศกฎอัยการศึก รองรับหายนะทางเศรษฐกิจ และรวมถึงปูทางไปสู่ สงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย ตามรายงานปรากฏเหตุมือปืนกราดยิง ไม่เว้นแต่ละวัน
    Russia Plans Atomic “First Strike” As “False Flag” Racial Massacre Pushes America To Brink Of Insanity – The Total Collapse

    แต่เอาเป็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้ คือ สงครามเย็น(แบบสุดขั้ว) ที่รอวันประทุ ซึ่งถ้าเกิดการประทุแล้ว เมื่อพิจารณาจากอำนาจการทำลายล้าง ของอาวุธแต่ละฝ่ายแล้ว ไม่ต้องอธิบายครับว่า โลกใบนี้จะมีสภาพเช่นใด?...
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ก็ว่ากันไปน่ะครับ ไม่ต้องแตกตื่น รอดูกันไปครับ ผมไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ โดนหลอกมาเยอะ ถ้าจะเกิดจริงผมเชื่อข้อมูลจาก https://www.dropbox.com/sh/kjmatulk33t38u9/AABKec86-s24s1ns6NRXBanVa ปี 2016 รอดูกันดีกว่าครับ

    RageAgainst TheMachine

    [​IMG]

    ใกล้เข้ามาแล้ว ก.ค. 58!!!!!!!!!!!!!
    2. หลวงตาม้า ถ้ำเมืองนะ อ.เชียงดาว บอกให้ลูกศิษย์คอยดูวันที่ 11 ก.ค. 58 ,จะมีเหตุใหญ่ซึ่งเลื่อนมาหลายครั้ง แต่คราวนี้จะไม่เลื่อนแล้ว
    3. หลวงพ่อภูพานบอกอย่างชัดเจนถึง 3 ครั้งว่า กลางเดือน ก.ค. 58 จะเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นอันเป็นกรรมของประเทศซึ่งแก้ไขอะไรไม่ได้ แล้วไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีกด้วย
    ภัยพิบัติกำลังใกล้เข้ามา
    เพื่อนส่งมาครับ ทางไลน์
    ข่าวสารถึงสายบุญทุกท่าน ฉบับที่ 2
    ผมได้รวบรวมคำพยากรณ์จากหลายสำนักซึ่งตรงกันดังนี้
    1. โหรโสรัจจะ นวลอยู่ พยากรณ์ไว้ตั้งแต่ ธ.ค. 57 ว่า วันที่ 12 ก.ค. 2558 มฤตยูทับลัคนาดวงเมือง จะมีเหตุมหาวิปโยคอีกครั้ง
    2. หลวงตาม้า ถ้ำเมืองนะ อ.เชียงดาว บอกให้ลูกศิษย์คอยดูวันที่ 11 ก.ค. 58 ,จะมีเหตุใหญ่ซึ่งเลื่อนมาหลายครั้ง แต่คราวนี้จะไม่เลื่อนแล้ว
    3. หลวงพ่อภูพานบอกอย่างชัดเจนถึง 3 ครั้งว่า กลางเดือน ก.ค. 58 จะเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นอันเป็นกรรมของประเทศซึ่งแก้ไขอะไรไม่ได้ แล้วไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีกด้วย
    4. ปู่อินทร์และเกจิดังอีกหลายสายก็บอกตรงกันว่าประมาณกลางปีจะเกิดเหตุการณ์ร้ายซึ่งจะยืดเยื้อต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
    5.หมอปลาย ณวรชา.. หน้าฝนแล้วฝนก็ยังไม่ตกหนักตามที่ควรจะเป็นมาหลายสัปดาห์อาจจะเป็นเพราะรังสีหรือพายุโซนร้อนรึป่าวที่ทำให้ฝนอั้นเอาไว้เป็นจำนวนมาก ถ้าหากช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมิ.ย.ฝนไม่ต้องตามฤดูกาล แล้วมาตกเอาช่วงหลังจากวันที่20เป็นต้นไปฝนจะตกหนักมากๆๆๆๆโดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคม ถ้ากรกฎาคมไม่มีเรื่องเขื่อนมาเป็นตัวปัญหาก็จะช่วยให้เราปลอดภัยจากน้ำจำนวนมากได้30% แต่ถ้าเขื่อนมีรอยร้าวแล้วโชคไม่เข้าข้างเราแผ่นดินไหวมากขึ้นที่ลาวและพม่า ในช่วงมิ.ย.,ก.ค.นี้ละก็. ความเสียหายจาก30%จะกลายเป็น70% ก็เป็นได้. ปัญหาหลักๆจากน้องเขื่อนปูนดินข้างๆเป็นดินสีเกือบดำมีหญ้าเขียวๆ ขนาดปานกลาง รอบๆมีภูเขาที่มีต้นไม้ขึ้นไม่แห้งแล้งเหมือนภูเขาหัวโล้น น้ำออกจะเป็นสีเหมือนน้ำจากดินไม่ใช่สีเขียวรึฟ้า ปลายไม่รู้ว่าที่ไหนมองเห็นได้แค่นี้จริงๆคะ มองเข้าไปหาประตูเขื่อนนะคะ ข้างขวาด้านข้างตรงปูนติดกับดิน. ท่านบอกมีรอยร้าวรึทรุดของขาปูน(ไม่เข้าใจเหมือนกันคะ) ให้รีบไปแก้ตอนน้ำกำลังลงก่อนที่จะทำไม่ได้ แต่ผลกระทบจะไม่เกิดแบบรุนแรงจนประเทศจมน้ำ แค่น้ำไหลหลากอย่างเร็วและแรง (ถ้าไม่มีอะไรมาขวางนะคะTT).
    ***แต่ท่านบอกว่าถ้าซ่อมรึดูแลรอยร้าวอย่างดี จะกลายเป็นเรื่องอื่นแทนแต่ยังเกี่ยวกับน้ำอยู่ดี แต่จะเป็นน้ำฝนรึน้ำตารึน้ำสีแดงๆ? อันนี้ก็ไม่ทราบแน่ชัดคะต้องรอดูกันต่อไป.
    แต่ปีนี้น้ำๆๆๆๆๆ น้ำตาเด๋วก็หาย น้ำสีแดงๆก็ขึ้นอยู่กับสามัญสำนึก. แต่น้ำท่วมงานใหญ่ป้องกันยาก
    ช่วยรอกท่อระบายน้ำนะคะ อย่าสร้างอะไรขวางทางน้ำจะทำบ้านก็ถมพื้นให้สูงๆเหมือนคนสมัยก่อนก็ปลอดภัยแล้วคะไม่ต้องหนีไปไหน เพราะความตายหนียังไงก็ไม่รอด เศรษฐกิจช่วงนี้แย่แล้วอย่าให้อะไรมาทำร้ายเราอีก
    ทำอะไรไม่ได้ก็ไปไหว้พระสยามเทวาธิราชหรือศาลหลักเมืองประจำจังหวัดแล้วกันคะ. จุดธูป7ดอกหรือ37ดอก ถวายผลไม้น้ำส้มรึน้ำชา น้ำมันตะเกียง ทำบุญก็มอบบุญให้เจ้าที่ประเทศและเจ้าที่จังหวังของประเทศไทยด้วยนะคะ
    สำหรับประเทศอื่นก็ตื่นตัวกันหน่อยอย่าให้มีความสูญเสียอะไรอีกเลยนะคะ สาธุ...

    Unbelievable! What Was Just Discovered Confirms 2015 Is the Year of Hell On Earth | World Truth.TV
     

แชร์หน้านี้

Loading...