ติดตามสถานะการณ์

ปอกเปลือก ทรราช
ยิบปิ้ววววว! Google ยกเลิกแซงชั่น Sevatopol ในไคร์เมียแล้วหลังครบ 6 เดือน





------------
ข่าวดีสำหรับแฟนคลับปูตินนะครับ!.... เมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.58) Sputnik news รายงานว่า กลุ่มผู้ใช้งานแอ็พพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ทที่ใช้ OS ของ Google (แอนดรอยด์) สามารถเข้าถึงบริการของ Google Play ได้แล้วหลังจากที่ถูกบล็อกมาถึง 6 เดือน เนื่องจากสหรัฐฯสั่งให้ยักษ์ใหญ่ด้านไอทีและอีคอมเมิร์ซทั้งหลายเช่น Google, Apple และ Amazon แซงชั่นรัสเซียกรณีไคร์เมีย
Google และผู้ให้บริการแอ็พลิเคชั่นบนมือถือรายอื่นๆได้แบนผู้ใช้งานในไคร์เมียและเขต Sevastopol ไม่ให้เข้าถึงบริการของ Google ผ่านระบบอินเตอร์เน็ทได้ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา และเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก.คลังของสหรัฐฯได้อนุมัติให้มีการส่งออกซอฟแวร์ด้านการสื่อสารไปยังแหลมไคร์เมียได้โดยให้เหตุผลว่า "จะช่วยสร้างจุดเชื่อมต่อที่ไม่สามารถควบคุมที่อาจจะเกิดขึ้นได้" (ฮี่ๆ ฟังเหตุผลของสหรัฐฯตอนออกมาตรการแซงชั่นในตอนแรกกับจะยกเลิกนี้สิ ขำอ่ะ)
รายงานข่าวบอกว่าแม้ว่าการอนุมัติในครั้งนี้จะจำกัดเฉพาะด้านโปรแกรม (ซอฟแวร์) เพื่อการสื่อสารเท่านั้น แต่ผู้ใช้งานก็ยังสามารถดาวน์โหลเกมส์ รวมทั้ง Angry Birds มาเล่นได้ด้วย
มาดูว่าทำไมสหรัฐฯถึงได้รีบยกเลิกการแซงชั่นทางอินเตอร์เน็ทในไคร์เมียของรัสเซียเร็วขนาดนั้น (ไม่ต่ออายุ) สื่อฯรัสเซียบอกว่า ผู้ใช้งานบางรายพบว่าการแบนยังมีอยู่ในผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ท (ISP) บางราย ก่อนหน้านี้ผู้ใช้งานพบว่ามีการดาวน์โหลดบริการของ Google ผ่านระบบ virtual private network (VPN) ได้เหมือนกับการการใช้งานอินเตอร์เน็ทตามปรกติ
[VPN คือ เครือข่ายเสมือนที่ยอมให้กลุ่มของ site สามารถสื่อสารกันได้. นโยบายในการใช้งานใน VPN ถูกกำหนดโดยชุดของ admin policies ที่จุดทำขึ้นโดยสมาชิกในกลุ่มนั้น หรือถูกกำหนดอย่างเบ็ดเสร็จโดย Service Provider (SP) site ดังกล่าวอาจอยู่ภายในองค์กรเดียวกันหรือต่างองค์กรก็ได้ หรือ VPN อาจเป็น intranet หรือ extranet site ดังกล่าวอาจอยู่ในมากกว่าหนึ่ง VPN ก็ได้หรือ VPN อาจทับกัน, ทุก site ไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้ SP เดียวกัน, VPN อาจกระจายอยู่หลาย SP - ข้อมูลจากวิกิพีเดีย]
ส่วน Apple นั้นรายงานข่าวบอกว่าไม่เคยปฏิบัติตามการแซงชั่นอย่างเต็มรูปแบบเลย (คือทำพอเป็นพิธี) โดยแอปเปิลอนุญาตให้ผู้ใช้งานที่อยู่ในไคร์เมียสามารถเข้าถึงบริการ AppStore ของแอปเปิลผ่านระบบอินเตอร์เน็ทได้ตามปรกติ หากผู้ใช้งานเปลี่ยนสถานที่จากไคร์เมียไปเป็นที่แผ่นดินใหญ่ของรัสเซียแทน (หมายถึงว่าแจ้งแบบหลอกๆไปอย่างนั้นแหละ เช่นตัวจริงอยู่ในไคร์เมีย แต่ลงทะเบียนเป็นอยู่ที่แผ่นดินใหญ่รัสเซียแทน แค่นี้ก็ผ่านฉลุย ถามว่า Google และ Apple สามารถตรวจตำแหน่งการใช้งานจริงได้ไหม? ได้ครับจะทำไปเพื่ออะไรหละ?)
ปัดโธ่เงินทั้งนั้น จะให้ Apple กับ Google ตัดทิ้งได้อย่างไรหละครับ แน่จริงก็แบนทั้งรัสเซียเลยสิ ไม่กล้าหรอก ผลประโยชน์ของสหรัฐฯจะเสียหายหนักแน่ๆ และตลาดในรัสเซียก็จะกลายเป็นของรัสเซียและจีนแทนทันที เมื่อสหรัฐฯพบว่ามีผู้ใช้งานในสถานที่ที่ถูกแบนหันไปใช้ระบบ VPN และระบบใต้ดินเพิ่มมากขึ้น พี่แกก็กลัวว่าจะเสียผลประโยชน์พอครบกำหนดจึงต้องรีบออกมาบอกว่าเกมแซงชั่นไคร์เมียพอแค่นี้ก่อนละกัน คริๆ ยอมรับแล้วสินะว่าชาตินี้สหรัฐฯไม่มีทางยึดไคร์เมียไปจากรัสเซียได้หรอก หากปูตินยังอยู่นะ
ป.ล.ส่วนในด้านเศรษฐกิจอย่างอื่นนั้น รายงานบอกว่าอียูได้ขยายมาตรการแซงชั่นไคร์เมียออกไปถึงวันที่ 23 มิ.ย.2559
The Eyes
24/06/2558
----------
Google Lifts Sevastopol Sanctions After Six Months / Sputnik International
EU Sanctions Against Crimea, Sevastopol Extended Until June 2016 / Sputnik International

 

Kaokala Fc



23 มิ.ย. ยูเอ็นเปิดสำนักงานในเกาหลีใต้แล้วเพื่อติดตามสิทธิมนุษยชนเกาหลีเหนือ
โซล 23 มิ.ย.- สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดสำนักงานใหม่ในกรุงโซลของเกาหลีใต้ในวันนี้เพื่อติดตามสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือ แม้ว่าเกาหลีเหนือขู่หลายครั้งว่าจะลงโทษเกาหลีใต้อย่างไร้ความปราณีหากยูเอ็นเปิดสำนักงานนี้
เจ้าชายซาอิด ราอัด อัล ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็นและนายยุน บยองเซ รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ร่วมพิธีเปิดสำนักงานอย่างเป็นทางการ สำนักข่าวยอนฮัพอ้างคำกล่าวเปิดสำนักงานของเจ้าชายฮุสเซนว่า ห่างออกไปไม่ถึง 80 กิโลเมตร มีอีกโลกหนึ่งที่ผู้คนถูกลิดรอนสิทธิอย่างสิ้นเชิง ชาวเกาหลีหลายหมื่นคนเสี่ยงชีวิตมาหาโลกใหม่ แต่ก็ยังมีอีกหลายล้านคนติดอยู่ในระบอบเบ็ดเสร็จที่ไม่เพียงไม่ให้เสรีภาพแต่ยังไม่ให้สิ่งจำเป็นในการดำเนินชีวิตให้อยู่รอดด้วย
ยูเอ็นเสนอเปิดสำนักงานแห่งนี้หลังจากคณะกรรมการธิการชุดหนึ่งเสนอรายงานเมื่อปีก่อนว่า เกาหลีเหนือละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างไม่สามารถหาที่ใดเปรียบได้ในโลกปัจจุบัน รายงานลงรายละเอียดโดยอ้างคำบอกเล่าของชาวเกาหลีเหนือลี้ภัยหลายร้อยคนว่า มีค่ายกักกันขนาดใหญ่ที่คุมขังผู้คนไว้มากถึง 120,000 คน และยกตัวอย่างคนที่ถูกทรมาน ประหารและข่มขืน เป็นรายงานที่สมัชชาใหญ่ยูเอ็นใช้อ้างอิงในการออกมติเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นนำเกาหลีเหนือฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี).
ยูเอ็นเปิดสำนักงานในเกาหลีใต้แล้วเพื่อติดตามสิทธิมนุษยชนเกาหลีเหนือ | เว็บไซต์สำนักข่

 

ปอกเปลือก ทรราช

เริ่มแล้ว ปิดถนนเผากันแล้วที่ฝรั่งเศส ต่อต้านผู้อพยพ (ขบวนการค้ามนุษย์ในอียู)



-------------
ดูเอาเหอะ... ขบวนการค้ามนุษย์ของจริงในฝรั่งเศส กลุ่มผู้อพยพจากลิเบียและแอฟริกาที่หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย รวมตัวกันตั้งแคมป์พักกางเต้นท์นอนอยู่ข้างถนนในเมืองคาเลส์ (Calais) พอขบวนรถบรรทุกผ่านมาถึงจุดพักของกลุ่มผู้อพยพก็จะจอดรับและเปิดท้ายรถบรรทุกให้ผู้อพยพผิดกฎหมายเหล่านั้นอาศัยขึ้นไป เพื่อจะได้เดินทางต่อไปยังประเทศอังกฤษซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของพวกเขา แสดงให้เห็นว่านี่เขาทำกันเป็นขบวนการจริงๆ แต่ทางอียูพยายามที่จะไม่พูดถึงประเด็นการค้ามนุษย์ แต่เน้นไปที่เรื่องการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแทน จากนั้นก็หาเรื่องที่จะส่งกองทัพเข้าไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยอ้างว่าเพื่อสะกัดกั้นผู้อพยพบังหน้า แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงนั้นก็คือเอาไปยันกับกองทัพเรือของรัสเซียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนต่างหากหละ ส่วนอีกเหตุการณ์ในข่าวนั้นก็คือกลุ่มคนงานเรือข้ามฟากที่เมืองคาเลส์พากันนำเอายางรถยนต์มาปิดกั้นถนนและจุดไฟเผา (ดีนะที่ยังไม่เผากรุงปารีสอีกรอบ) เพื่อประท้วงและต่อต้านผู้อพยพเหล่านั้น
The Eyes
24/06/2558
--------------
http://rt.com/news/269095-calais-strikes-travel-chaos/
https://www.youtube.com/watch?v=tFV1N91262s

 

สาวไส้มะกัน!!วิกิลีกส์แฉยับดักฟังสอดแนมปธน.ฝรั่งเศส3รายรวด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2558 05:27 น.



@ภาพการ์ตูนล้อจากหนังสือพิมพ์เบลฟาสต์เทเลกราฟ ที่ล้อเลียนการสอดแนม 3 ผู้นำฝรั่งเศสของสหรัฐฯ

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - วิกิลีกส์ อ้างรายงานข่าวกรองลับสุดยอดและเอกสารทางเทคนิค แฉเมื่อวันอังคาร(23มิ.ย.) ว่าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ(เอ็นเอสเอ) สอดแนมประธานาธิบดีฝรั่งเศส 3 รายตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ได้แก่ ฌัก ชีรัก, นิโกลาส์ ซาร์โกซีและฟรังซัวส์ ออลลองด์ ขณะที่อเมริกาอ้ำอึ้งไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้

หนังสือพิมพ์ Liberation ของฝรั่งเศสและเว็บไซต์ Mediapart รายงานเรื่องราวอื้อฉาวดังกล่าว โดยอ้างเอกสารที่ถูกจัดอยู่ในขั้น "ลับสุดยอด" ในนั้นรวมถึงรายงาน 5 ฉบับจากการดักฟังการติดต่อสื่อสารทางโทรคมนาคมของเอ็นเอสเอตั้งแต่ปี 2006 จนถึงปี 2012

โดยเอกสารล่าสุดที่สุด ระบุวันที่ 22 พฤษภาคม 2012 หรือไม่กี่วันก่อนหน้าที่นายออลลองด์จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส และเผยให้ทราบว่าผู้นำแดนน้ำหอมอนุมัติการประชุมลับในปารีส เพื่อหารือถึงวิกฤตยูโรโซน โดยเฉพาะกรณีผลลัพธ์ที่กรีซอาจต้องออกจากยูโรโซน ส่วนในเอกสารอีกฉบับปี 2008 จั่วหัวว่า "ซาร์โกซี มองตนเองในฐานะเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถคลี่คลายวิกฤตการเงินโลกได้"

ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสและวอชิงตันยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อข้อมูลดังกล่าว โดย จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่า "เราไม่แสดงความเห็นต่อความจริงหรือเนื้อหาของเอกสารที่รั่วไหล"

นายเอ็ดเวร์ด สโนว์เดน อดีตลูกจ้างของเอ็นเอสเอ กระพือความขุ่นเคืองในเยอรมนี หลังออกมาเปิดโปงว่าวอชิงตันได้ดำเนินการจารกรรมข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ขนานใหญ่ในเยอรมนีและอ้างว่าเอ็นเอสเอดักฟังโทรศัพท์ของนางแมร์เคิล

"ในขณะที่การเปิดโปงต่อชาวเยอรมนีพุ่งเป้าไปที่ข้อเท็จจริงเดียวที่ว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับสูงตกเป็นเป้าหมายของข่าวกรองสหรัฐฯ แต่การเผยแพร่ข้อมูลของวิกิลีกส์ในวันนี้ ได้ให้ความเข้าใจถ่องแท้กว่าเกี่ยวกับการสอดแนมพันธมิตรของสหรัฐฯ" วิกิลีกส์ เว็บไซต์จอมแฉแถลง พร้อมแย้มว่าเหล่าผู้อ่านชาวฝรั่งเศสคาดหมายได้เลยจะมีการเปิดโปงสำคัญๆเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้นี้

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วิกิลีกส์ เผยแพร่เอกสารลับทางการทูตจากซาอุดีอาระเบียมากกว่า 60,000 ฉบับและบอกว่าทางเว็บไซต์จะเผยแพร่เอกสารอีกกว่า 5 แสนฉบับในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000071198

 

อิหร่านผ่านกม.ปกป้องโครงการนุก-คอเมเนอีย้ำ “เส้นแดง” บีบ P5+1 หลังการเจรจานิวเคลียร์เข้าโค้งสุดท้าย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2558 08:46 น.



@ส.ส.อิหร่านเข้าร่วมประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. และมีการโหวตร่างกฎหมาปกป้องสิทธิในการดำเนินโครงการนิวเคลียร์

เอเอฟพี – อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ประกาศย้ำ “เส้นแดง” ในการทำข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์กับมหาอำนาจตะวันตกเมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.) ขณะที่รัฐสภาอิหร่านก็ได้ผ่านกฎหมายปกป้องโครงการนิวเคลียร์ของประเทศ ซึ่งส่อเค้าจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับสมบูรณ์ที่ผู้แทนเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายกำลังเร่งผลักดันให้สำเร็จ ก่อนถึงเส้นตาย 30 มิ.ย. นี้

คอเมเนอี ซึ่งกุมอำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้ายในอิหร่านได้ยื่นมือเข้ามาแทรก หลังจากรัฐสภาผ่านกฎหมายปกป้องสิทธิในการดำเนินกิจกรรมนิวเคลียร์ ซึ่งรองประธานาธิบดีอิหร่านคนหนึ่งประณามว่า “ขัดรัฐธรรมนูญ” และอาจขัดขวางกระบวนการต่อรองขั้นสุดท้ายระหว่างผู้แทนอิหร่านกับมหาอำนาจ P5+1 ซึ่งได้แก่ สหรัฐฯ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส บวกเยอรมนี

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบ่งชี้ถึงความไม่ลงรอยระหว่างประธานาธิบดี ฮัสซัน รอฮานี กับกลุ่มชาตินิยมสุดโต่งในรัฐสภาอิหร่าน ซึ่งมักตั้งคำถามถึงผลประโยชน์ที่อิหร่านจะได้รับจากการยอมอ่อนข้อให้ตะวันตกครั้งนี้

คอเมเนอี ได้ยื่นเงื่อนไขต่อที่ประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งมีทั้งประธานาธิบดีรอฮานี และอดีตประธานาธิบดี มะห์มูด อาห์มาดิเนจัด ผู้เป็นไม่เบื้อไม้เมากับตะวันตก ร่วมฟังอยู่ด้วย

สำเนาคำแถลงที่เผยแพร่ลงบนเว็บไซต์ทางการของ คอเมเนอี ระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรธนาคารและเศรษฐกิจที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และสภาคองเกรสสหรัฐฯ ใช้ลงโทษอิหร่าน จะต้องถูกยกเลิกทันทีที่ข้อตกลงนิวเคลียร์ได้รับการลงนาม

“การคว่ำบาตรในภาคส่วนอื่นๆ สามารถทยอยเพิกถอนได้ตามกรอบเวลาที่เหมาะสม”

คอเมเนอี ยังวิพากษ์วิจารณ์ทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ว่า “ไม่ใช่หน่วยงานที่เป็นอิสระและเป็นธรรม” และรัฐบาลอิหร่านจะไม่อนุญาตให้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ทหาร รวมถึง “การตรวจสอบที่ผิดปกติ” (unconventional inspections) ในสถานที่อื่นๆ ซึ่งเขาก็ไม่ระบุชัดเจนว่าหมายถึงที่ใดบ้าง

อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน

ผู้นำสูงสุดอิหร่านยังตั้งคำถามเกี่ยวกับกรอบเวลาที่เตหะรานจะถูกจำกัดกิจกรรมนิวเคลียร์ โดยก่อนหน้านี้ อิหร่านได้บรรลุกรอบข้อตกลงเบื้องต้นกับ P5+1 เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งระบุว่า การเสริมสมรรถนะยูเรเนียมจะกระทำได้ที่โรงงานในเมืองนาตันซ์ (Natanz) เท่านั้น และต้องถูกควบคุมไว้เป็นเวลา 10 ปี ส่วนกิจกรรมนิวเคลียร์ด้านอื่นๆ อาจถูกควบคุมนานกว่า

คอเมเนอี ระบุว่า ข้อจำกัดบางอย่างอิหร่านพอจะรับได้ แต่ไม่ยอมรับ “ข้อเรียกร้องที่เกินกว่าเหตุ”

“เราจะไม่ยอมถูกจำกัดกิจกรรมในระยะยาว 10-12 ปี และได้แจ้งพวกเขา (สหรัฐฯ) ไปแล้วว่า ช่วงเวลากี่ปีอิหร่านจึงจะรับได้”

คอเมเนอี ยังเรียกร้องให้อิหร่านสามารถทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านนิวเคลียร์ต่อไปได้

แม้ คอเมเนอี จะประกาศสนับสนุนความพยายามของคณะผู้แทนเจรจาอิหร่านซึ่งนำโดยรัฐมนตรีต่างประเทศ โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ แต่สิ่งที่เขาเรียกร้องในช่วงไม่กี่วันสุดท้ายนี้คาดว่าจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรุนแรงจากผู้ที่คัดค้านข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ซึ่งเคยกล่าวเตือนสหรัฐฯ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาไม่ให้ทำ “ข้อตกลงชั่วร้าย” กับเตหะราน

ประธานาธิบดี รอฮานี ซึ่งเป็นผู้นำสายกลาง ต้องการบรรลุข้อตกลงกับมหาอำนาจตะวันตกเพื่อที่จะสลายมาตรการคว่ำบาตรซึ่งบีบคั้นเศรษฐกิจอิหร่านอยู่ทุกวันนี้

เมื่อวันจันทร์(22 ) ฝรั่งเศสและอังกฤษแถลงย้ำจุดยืนต้องการให้มีการตรวจสอบโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างครอบคลุมทุกด้าน เพื่อพิสูจน์ว่ากิจกรรมนิวเคลียร์ของเตหะรานไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในด้านการทหาร

 

นี่ครับผู้สร้างภัยคุกคามตัวจริง ปัญหาภายในประเทศ ก็ปล่อยให้เขาแก้ไปเอง แต่กลับฉวยโอกาศเดินหน้าปักหมุดทางทหารเพื่อล้อมกรอบรัสเซียแทน โดยอ้างแต่ว่าช่วยรับมือภัยคุกคามจากรัสเซีย

“นายใหญ่เพนตากอน” ประกาศส่งรถถังนับร้อยเข้ายุโรปตะวันออก ช่วยรับมือภัยคุกคามจากรัสเซีย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2558 04:33 น. (แก้ไขล่าสุด 24 มิถุนายน 2558 08:15 น.)


@แอชตัน บัลด์วิน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐอเมริกา

เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – แอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐอเมริกา ประกาศชัดเจนในวันอังคาร ( 23 มิ.ย.) ยืนยัน รัฐบาลวอชิงตันภายใต้การนำของประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะนำ “รถถัง” จำนวนกว่า 250 คันเข้าประจำการใน 6 ประเทศยุโรปตะวันออก เพื่อช่วยประเทศเหล่านี้รับมือและเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากรัสเซีย





รายงานข่าวระบุว่า 6 ประเทศยุโรปตะวันออกที่จะกลายเป็น “บ้านหลังใหม่” รองรับกองทัพรถถัง ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์อีกหลายชนิดจากสหรัฐฯในคราวนี้ จะประกอบไปด้วยลิธัวเนีย ลัตเวีย เอสโตเนีย โรมาเนีย บัลแกเรีย และโปแลนด์

แอชตัน บัลด์วิน คาร์เตอร์ วัย 60 ปี ซึ่งเคยทำหน้าที่ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์และกิจการระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัย “ฮาร์วาร์ด” ก่อนเข้ารับตำแหน่งนายใหญ่คนที่ 25 ในประวัติศาสตร์ของเพนตากอน แทนที่ชัค เฮเกลเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาออกโรงยืนยันถึงความจำเป็นที่สหรัฐอเมริกา ต้องเคลื่อนย้ายรถถังและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ เข้าประจำการในประเทศยุโรปตะวันออกทั้ง 6 ประเทศ

โดยบิ๊กบอสแห่งเพนตากอนระบุว่า ความเคลื่อนไหวทางทหารที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ เพื่อเป็นหลักประกันทางด้านความมั่นคงให้กับประเทศสมาชิกเหล่านี้ขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ให้พ้นจากภัยคุกคามจากรัสเซียที่ยังไม่ยอมลด-เลิกการแทรกแซงประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ยูเครน

ทั้งนี้ หลังจากที่รัฐบาลรัสเซีย ภายใต้การนำของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้ทำการผนวกดินแดน ของสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียเมื่อปีที่แล้ว บรรดาผู้นำประเทศสมาชิกนาโตต่างเห็นพ้องให้มีการยกระดับการซ้อมรบร่วมกัน รวมถึง การผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเคลื่อนย้ายกำลังกันไปมาระหว่างชาติสมาชิกในยุโรปตะวันออก และการจัดเก็บยุทโธปกรณ์ ตลอดจนอาวุธหนักเผื่อการใช้งาน ในภาวะฉุกเฉิน

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในยุโรปเปิดเผยว่า นอกเหนือจากที่สหรัฐอเมริกาจะนำเอารถถัง จำนวนกว่า 250 คันเข้าประจำการใน 6 ประเทศยุโรปตะวันออก เพื่อช่วยประเทศเหล่านี้รับมือและเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากรัสเซียแล้ว ยังมีรายงานด้วยว่าทางเพนตากอนจะพิจารณาส่งกำลังทหารอเมริกันที่มีจำนวนระหว่าง 150 – 750 นายเข้ามาประจำการในแต่ละประเทศของยุโรปตะวันออกที่เป็น “เขตอิทธิพลดั้งเดิม” ของรัสเซียด้วยเช่นกัน

ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานว่า รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐอเมริกาได้หารือกับทางการเอสโตเนีย เพื่อขอตั้งศูนย์ปฏิบัติการไซเบอร์กลางของนาโต สำหรับให้ความช่วยเหลือแก่ชาติสมาชิกนาโต ในการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ โดยเฉพาะจากเหล่าแฮกเกอร์สัญชาติรัสเซีย จีน ซีเรีย และเกาหลีเหนือ

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000071195

 

รายงานล่าสุด ชี้ ยอดชาวอิรักที่ต้องทิ้งบ้านเรือน กลายสภาพเป็นผู้อพยพจากภาวะไร้ขื่อแปในชาติปี 2014 พุ่งแตะ 3 ล้าน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2558 08:10 น. (แก้ไขล่าสุด 24 มิถุนายน 2558 08:22 น.)



เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – รายงานล่าสุดซึ่งจัดทำโดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อผู้อพยพ (ไอโอเอ็ม) ซึ่งมีฐานอยู่ที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ ระบุ จำนวนชาวอิรักที่ต้องอพยพละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือนของตน จากผลพวงของความขัดแย้งละการสู้รบในพื้นที่ต่างๆของประเทศได้เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 3 ล้านคนในปี 2014 ที่ผ่านมา
รายงานฉบับล่าสุดของไอโอเอ็มซึ่งมีการเผยแพร่ในวันอังคาร ( 23 มิ.ย.) ระบุ ชาวอิรักจำนวน 3,087,372 คนต้องอพยพละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือนของตนเพื่อเอาชีวิตรอดจากความขัดแย้งละการสู้รบในพื้นที่ต่างๆของประเทศ นับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2014 ที่ผ่านมา
ข้อมูลจากการศึกษาของไอโอเอ็มพบว่า ในจำนวนชาวอิรักจำนวน 3,087,372 คนที่ต้องกลายสภาพเป็นผู้อพยพเหล่านี้มีถึงกว่า 250,000 คนที่เป็นผู้อพยพหนีตายออกจากเมืองรามาดี เมืองเอกของจังหวัดอันบาร์ทางภาคตะวันตกของประเทศที่ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดตั้งแต่เดือนที่แล้ว
ทั้งนี้ จังหวัดอันบาร์ นิเนเวห์ และซาลาฮุดดิน ถือเป็นพื้นที่ 3จังหวัดที่มียอดผู้อพยพพลัดถิ่นสูงที่สุด คือ มีจำนวนผู้อพยพรวมกันสูงถึงราว 2.6 ล้านคน จากการที่จังหวัดเหล่านี้ตกเป็นเขตอิทธิพลของกลุ่มไอเอส หรือไม่ก็เป็นพื้นที่ที่มีการสู้รบกันอย่างหนักหน่วงระหว่างนักรบกลุ่มไอเอสกับกองทัพรัฐบาลอิรัก
ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน เจด บับบิน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) เปิดใจให้สัมภาษณ์ผ่านรายการสตีฟ มัลซ์เบิร์ก โชว์ ทางสถานีโทรทัศน์ “นิวส์แม็กซ์ ทีวี” โดยระบุ การตัดสินใจ “บุกอิรัก”เมื่อปี 2003 ของรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ถือเป็น “ความผิดพลาดครั้งเลวร้าย” และเป็นต้นตอสำคัญที่ทำให้ประชาชนชาวอิรักต้องรับกรรมจากผลพวงของสภาพบ้านเมืองที่ไร้ขื่อแปจนถึงทุกวันนี้
บับบินซึ่งเคยรับหน้าที่รองปลัดเพนตากอนในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ บุช (George H.W. Bush) ระบุว่า การตัดสินใจกระโจนเข้าสู่สงครามในอิรักเมื่อ 12 ปีก่อนของประธานาธิบดีบุชผู้เป็นลูก (George W. Bush) นั้น ถือเป็น “ความผิดพลาดครั้งเลวร้าย” และว่าบรรดา “สมาชิกสายเหยี่ยว” ผู้กระหายสงครามภายในพรรครีพับลิกันเอง ต่างก็ต้องร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในอิรักในเวลานี้ ทั้งภาวะบ้านเมืองที่ระส่ำระสายไร้ขื่อแป การที่ชาวอิรักหลายล้านคนต้องอพยพละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือนของตน รวมถึงการถือกำเนิดของกลุ่มนักรบมุสลิมสุหนี่ที่มีแนวคิดแบบสุดโต่งอย่างกลุ่มไอเอส ที่กลายเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของทั้งภูมิภาคตะวันออกกลางและทั่วโลกในเวลานี้
“เราตัดสินใจบุกอิรักในตอนนั้นด้วยข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอยว่า รัฐบาลของซัดดัม ฮุสเซน มีอาวุธร้ายแรงจำนวนมากอยู่ในครอบครอง และรัฐบาลของเรายังคิดผิดมหันต์ที่ไปคาดหวังว่า สหรัฐอเมริกาจะประสบความสำเร็จในการสร้างชาติอิรักให้มีเอกภาพ หลังจากสิ้นยุคซัดดัมไปแล้ว” บับบินซึ่งปัจจุบันรับหน้าที่คอลัมนิสต์ให้กับหนังสือพิมพ์วอชิงตัน ไทม์ส กล่าว
ทั้งนี้ การเปิดฉากบุกอิรักของรัฐบาลอเมริกันเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ปี ค.ศ. 2003 ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเอาตัวเองเข้าไปพัวพันของสหรัฐฯต่อปัญหาภายใน ของอิรักนานเกือบทศวรรษ ก่อนที่สหรัฐฯจะถอนตัวออกในปี 2011 โดยที่ชาวอิรักจำนวนมากกว่า 600,000 คนต้องเสียชีวิตจากความขัดแย้งที่ทางวอชิงตันเป็นผู้ก่อขึ้น เช่นเดียวกับการสูญเสียชีวิตของทหารอเมริกันจำนวน 4,425 คน
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…

 

น้ำมันขึ้นแสดงว่าคงมีการคาดการณ์ว่ากรณีกรีซบรรลุข้อตกลงหนี้จะล้มเหลว และการที่หุ้นสหรัฐขึ้นจากข่าวบอกว่า "วอลล์สตรีทเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ ด้วยมูลค่าการซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ยังดีที่ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานตามหลังราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น จึงปิดในแดนบวกได้เล็กน้อย แม้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น"

น้ำมัน-หุ้นสหรัฐฯขึ้นหวังกรีซบรรลุข้อตกลงหนี้ ทองคำลงต่อ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2558 04:26 น.



เอเอฟพี - ราคาน้ำมันเมื่อวันอังคาร(23มิ.ย.) ขยับขึ้นแรง คาดหมายสต๊อกเชื้อเพลิงสหรัฐฯลดต่อเนื่อง และหวังกรีซกับเจ้าหนี้ระหว่างประเทศบรรลุข้อตกลงปฏิรูปเศรษฐกิจแลกเงินกู้ ปัจจัยนี้เองที่ผลักให้วอลล์สตรีทปิดบวก ส่วนทองคำปรับลงพอสมควร เนื่องจากอุปสงค์สินทรัพย์เสี่ยงต่ำน้อยลง

น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ ปิดที่ 61.01 ดอลลาร์ ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.11 ดอลลาร์ ปิดที่ 64.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ทิม อีแวนส์ นักวิเคราะห์จากซิตี ฟิวเจอร์ส ให้ความเห็นว่าตลาดปิโตรเลียมฟื้นตัวจากแดนลบแม้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)ของยูโรโซนแข็งแกร่งเกินคาดหมาย และความหวังว่าข้อตกลงหนี้กรีซใกล้บรรลุ ช่วยสนับสนุนให้ราคาน้ำมันขยับขึ้น

นอกจากนี้แล้วราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากความคาดหมายว่ารายงานคลังน้ำมันดิบสำรองของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ(24มิ.ย.) จะลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในชาติผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดของโลก

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันอังคาร(23มิ.ย.) ปิดบวกเล็กน้อย แต่แนสแดค ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่ นักลงทุนเฝ้ารอความชัดเจนว่ากรีซจะบรรลุข้อตกลงที่ป้องกันไม่ให้พวกเขาผิดนัดชำระหนี้เงินกู้หรือไม่

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 24.29 จุด (0.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,144.07 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 1.35 จุด (0.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,124.20 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 6.13 จุด (0.12 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,160.10 จุด

วอลล์สตรีทเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ ด้วยมูลค่าการซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ยังดีที่ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานตามหลังราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น จึงปิดในแดนบวกได้เล็กน้อย แม้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

ในขณะที่ไม่มีความคืบหน้าสำคัญเกี่ยวกับกรีซ เหล่านักลงทุนจึงหวังว่าข้อเสนองบประมาณใหม่ล่าสุดของเอเธนส์ที่เปิดตัวเมื่อวันจันทร์(22มิ.ย.) จะได้รับการตอบรับจากเจ้าหนี้นานาชาติและนำมาซึ่งการหลุดพ้นจากเค้ารางแห่งภาวะผิดนัดชำระหนี้

ด้วยความคาดหวังว่ากรีซและเหล่าเจ้าหนี้จะบรรลุข้อตกลงปฏิรูปเศรษฐกิจแลกเงินกู้งวดสุดท้าย ก่อนถึงกำหนดที่เอเธนส์จะต้องชำระหนี้ก้อนใหญ่ภายในอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้า ไม่เช่นนั้นก็จะต้องผิดนัดชำระหนี้และอาจต้องเปิดหมวกลายูโรโซน กัดเซาะอุปสงค์สินทรัพย์ที่มีวคามเสี่ยงต่ำและฉุดทองคำปิดต่ำสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์

โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 7.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,176.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000071194

 

มองในแง่ดีจะคลายวิกฤตหนี้กรีซได้ แต่ผู้นำเยอรมนียังพูดชัดๆ ว่าจะไม่พิจารณาสิ่งที่เอเธนส์เรียกร้อง ไม่ว่าจะเป็นการขอลดหนี้ หรือการขอขยายวงเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมขึ้นอีก ซึ่งในขณะนี้เสียงของเยอรมันดังมากๆ ดังนั้นเรื่องนี้ก็แค่เจรจาเพื่อหาทางประวิงเวลาออกไป ถ้าผมคาดการณ์ไม่ผิด ก็คงมีการเตรียมจะทำอะไรซักอย่าง เช่นเปลี่ยนคณะรัฐบาลกรีซ ฯลฯ

กรีซ-ยูโรโซนหารือรายละเอียด แม้มองการณ์แง่ดีจะคลาย'วิกฤตหนี้'ได้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2558 23:06 น.



@ฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป(ซ้าย) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของอียู แถลงข่าวร่วมกับนายโดนัลด์ ทุสก์ ประธานคณะมนตรียุโรป (อียู) หลังเสร็จสิ้นการประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับวิกฤตหนี้กรีซ ที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวันจันทร์ (22)

เอเจนซีส์ -กรีซและพวกเจ้าหนี้ระหว่างประเทศกำลังหารือรายละเอียดในวันอังคาร (23 มิ.ย.) เกี่ยวกับแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจแลกเงินกู้งวดสุดท้าย ก่อนถึงกำหนดที่เอเธนส์จะต้องชำระหนี้ก้อนใหญ่ภายในอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้า ไม่เช่นนั้นก็จะต้องผิดนัดชำระหนี้และอาจต้องเปิดหมวกลา “ยูโรโซน” ถึงแม้ผู้นำยุโรปพากันมองแง่ดีว่า ข้อตกลงสุดท้ายอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ยังมีบางคนรวมทั้งนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนีเตือนว่า ยังไม่อาจรับประกันได้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน ทางด้านรองประธานสภาล่างกรีซ แม้สังกัดอยู่กับพรรคแกนนำรัฐบาล แต่ขู่ขวางข้อเสนอนี้เนื่องจากเห็นว่า นายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ซีปราส ยอมอ่อนข้อให้ฝ่ายเจ้าหนี้มากเกินไป

หลังการประชุมซัมมิตฉุกเฉินที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวันจันทร์ (22) ผ่านพ้นไปด้วยดี ผู้นำ 19 ชาติยูโรโซนสั่งการให้รัฐมนตรีคลังของพวกตนจัดการประชุมอีกครั้งในวันพุธ (24) เพื่อถกรายละเอียดข้อเสนอใหม่ของกรีซ ก่อนถึงกำหนดที่ผู้นำอียูทั้ง 28 ชาติจะประชุมซัมมิตกันในวันพฤหัสบดี (25) ทั้งนี้เห็นกันว่าข้อเสนอที่เอเธนส์เสนอเข้ามาในช่วงเช้ามืดวันจันทร์ ถือเป็นข้อเสนอครั้งแรกที่ยอมรับการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างเป็นเนื้อเป็นหนัง ทว่าต้องมีการพิจารณารายละเอียดกันก่อน

ทางด้านตลาดหุ้นทั้งฝั่งยุโรป สหรัฐฯ และเอเชีย พากันดีดขึ้นขานรับความคืบหน้าในการผ่าทางตันวิกฤตหนี้กรีซตั้งแต่วันจันทร์กระทั่งถึงวันอังคาร

ในวันอังคาร ปิแอร์ มอสโควิชี กรรมาธิการกิจการเศรษฐกิจของอียู ออกมากล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า กรีซและเจ้าหนี้จะสามารถตกลงกันได้ แต่เตือนว่า ยังมีอีกหลายประเด็นที่คั่งค้าง เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และการปฏิรูประบบบำนาญ

เช่นเดียวกัน รัฐบาลกรีซตั้งข้อสังเกตว่า ข้อตกลงนี้จะต้องได้รับเสียงข้างมากจากรัฐสภา โดยที่เอเธนส์มีเวลาเหลือเพียง 48 ชั่วโมงสุดท้าย

ขณะที่สมาชิกรัฐสภากรีซหลายคนแสดงความไม่พอใจอย่างมากในวันอังคาร ต่อการที่รัฐบาลยอมอ่อนข้อให้เจ้าหนี้จนเกินไป โดยที่ อเล็กซิส มิโทรปูลอส รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคไซรีซาของนายกรัฐมนตรีซีปราส กล่าวเตือนว่า สภาอาจขัดขวางข้อเสนอดังกล่าว ซึ่งครอบคลุมการขึ้นภาษี การเปลี่ยนแปลงสวัสดิการของรัฐ และการระงับการเกษียณอายุก่อนเวลา

หากเป็นเช่นนั้นจริง ซีปราสอาจถูกบีบให้จัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดหรือทำประชามติ ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ความไม่แน่นอนยืดเยื้อออกไป

เอเธนส์นั้นกำลังร้อนเงินอย่างหนัก เนื่องจากจะถึงกำหนดชำระหนี้บางส่วนคืนให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ในวันที่ 30 นี้ เป็นจำนวน 1,600 ล้านยูโร ขณะที่พวกแบงก์เอกชนภายในประเทศกำลังถูกลูกค้าแห่ถอนเงินหลายพันล้านยูโร

ทั้งนี้แหล่งข่าวเผยว่า วันอังคาร ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้อนุมัติขยายเพดานสภาพคล่องฉุกเฉินให้พวกแบงก์ของกรีซเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน

ในสถานการณ์ที่กรีซจ่อภาวะล้มละลายเช่นนี้ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า สมาชิกรัฐสภาจะกล้าขัดขวางสิ่งที่ซีปราสทำความตกลงไว้กับเจ้าหนี้หรือไม่

ขณะเดียวกัน พวกหนังสือพิมพ์ในกรีซแสดงความเห็นว่า ความที่ข้อเสนอของกรีซยังไม่ผ่านความเห็นชอบขั้นสุดท้าย จึงยังมีความเป็นไปได้ที่เจ้าหนี้อาจเรียกร้องเงื่อนไขที่ยากลำบากยิ่งขึ้น

ด้านนายกรัฐมนตรีแมร์เคลของเยอรมนี เป็นคนหนึ่งที่ยังไม่วางใจสถานการณ์หนี้กรีซ โดยให้สัมภาษณ์ว่า แม้แผนการล่าสุดของเอเธนส์เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการหารือต่อไป แต่เห็นได้ชัดว่า ยังมีประเด็นสำคัญอีกมากมายต้องสะสาง และไม่มีสิ่งใดรับประกันว่า กรีซและเจ้าหนี้จะสามารถบรรลุข้อตกลงสุดท้ายได้

ผู้นำเยอรมนียังพูดชัดๆ ว่าจะไม่พิจารณาสิ่งที่เอเธนส์เรียกร้อง ไม่ว่าจะเป็นการขอลดหนี้ หรือการขอขยายวงเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมขึ้นอีก

 

เอาไม่อยู่!เหยื่อคลื่นความร้อนปากีฯพุ่งเฉียด700ศพ ประกาศภาวะฉุกเฉิน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2558 00:45 น.

เอเอฟพี - ยอดผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนรุนแรงซัดปกคลุมปากีสถานช่วง 3 วันที่ผ่านมา เฉียดใกล้ 700 ศพแล้ว เจ้าหน้าที่เผยในช่วงค่ำวันอังคาร(23มิ.ย.) ขณะที่เหล่าแพทย์ตะเกียกตะกายรักษาคนไข้จำนวนมหาศาล จนต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามโรงพยาบาลต่างๆ

<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/RI_AFqt_vzY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

เหยื่อส่วนใหญ่เสียชีวิตตามโรงพยาบาลรัฐต่างๆในเมืองการาจี ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของปากีสถานและมีประชากรราว 20 ล้านคน ท่ามกลางอุณหภูมิที่สูงลิ่วถึง 45 องศาเซลเซียสเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

"จำนวนประชาชนที่เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนตอนนี้เพิ่มเป็น 692 คนแล้ว" ซาอีด มังเนโจ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับอาวุโสของจังหวัดสินธ์ ซึ่งมีการาจีเป็นเมืองเอก บอกกับเอเอฟพี พร้อมเตือนว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจสูงกว่านี้อีก


@อาสาสมัครนำน้ำมาแจกจ่ายแก่ประชาชนด้านนอกของโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งท่ามกลางคลื่นความร้อนที่ปกคลุมเมืองการาจี ของปากีสถาน ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วเกือบ 700 ศพ

ทั้งนี้ศูนย์การแพทย์โพสต์แกรดจุเอท เมดิคอล เซ็นตอร์ (จีพีเอ็มซี) โรงพยาบาลใหญ่ที่สุดของการาจี เป็นสถานพยาบาลที่มีผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนมากที่สุด ขณะที่พวกเขาให้การรักษาคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคลมแดดมากกว่า 3,000 คน

เอธี เวลแฟร์ องค์กรการกุศลใหญ่ที่สุดของปากีสถาน บอกว่ามีร่างไร้วิญญาณถูกนำเข้าโรงเก็บศพ 2 แห่งของเมืองมากกว่า 400 ศพในช่วง 3 วันที่ผ่านมา "โรงเก็บศพเต็มความจุแล้ว" อันวาร์ คาซมี โฆษกของเอธีบอกกับเอเอฟพี ขณะที่เจ้าหน้าที่เผยว่า พบผู้เสียชีวิตจากสภาพอากาศร้อนจัดในจังหวัดปัญจาบเพิ่มอีก 7 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คลื่นความร้อนแผ่ปกคลุม ในขณะที่ประเทศมุสลิมแห่งนี้ซึ่งมีมีประชากรราว 200 ล้านคน ได้เข้าสู่ช่วงเดือนรอมฎอน เทศกาลถือศีลอดที่เริ่มมาตั้งแต่วันศุกร์ (19 มิ.ย.) ทำให้นักเทศน์บางส่วนแนะนำประชาชนที่มีร่างกายอ่อนแอสามารถงดอดอาหารภายใต้สภาพอากาศอันแสนสาหัสเช่นนี้

การรับมือกับความร้อนที่แผดเผาต้องประสบความยากลำบากยิ่งขึ้นไปอีก จากปัญหาไฟฟ้าดับที่เกิดขึ้นแทบทุกวัน โดยในการาจี ภาวะไฟฟ้าขาดแคลนก่อปัญหาแก่ระบบจ่ายน้ำประปา และเป็นอุปสรรคต่อการสูบน้ำหลายล้านแกลลอนไปหล่อเลี้ยงผู้บริโภค

อุณหภูมิในการาจียังแตะระดับ 44.5 องศาเซลเซียสในวันอังคาร(23มิ.ย.) อย่างไรก็ตามทางสำนักงานอุตุนิยมวิทยาปากีสถานคาดหมายว่าจะมีพายุฝนฟ้าคะนองในช่วงค่ำ "สืบเนื่องจากความกดอากาศต่ำกำลังต่อตัวในทะเลอาหรับ ดูเหมือนว่าเย็นนี้จะมีพายุฝนฟ้าคะนองและอาจต่อเนื่องไปอีก 3 วันข้างหน้า"

นายกรัฐมนตรีนาวาซ ชารีฟ ออกคำสั่งพิเศษไปยังหน่วยงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ(เอ็นดีเอ็เอ) และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง จัดแจงให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนต่อเหยื่อคลื่นความร้อน ขณะที่เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ ได้บอกกับเอเอฟพีว่า จะมีการจัดตั้งศูนย์รักษาผู้ป่วยโรคลมแดดขึ้นตามโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วจังหวัดสินธ์

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000071175

 

ISระเบิดสุสานในเมืองมรดกโลกซีเรียพังเละ-ปลุกสมุนเปลี่ยน'รอมฎอน'เป็นเดือนแห่งหายนะ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2558 02:00 น.


@สุสานของไนซาร์ อาบู บาฮาเอดดิน บุคคลสำคัญทางศาสนาในพัลไมรา ถูกไอเอสระเบิดทำลาย

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - พวกรัฐอิสลาม จัดการระเบิดทำลายโบราณสถานสุสาน 2 แห่งในพัลไมรา ด้วยมองว่าดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หลังเข้ายึดและควบคุมเมืองมรดกโลกของซีเรียแห่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ขณะเดียวกันโฆษกกลุ่มนักรบแพร่คลิปเสียงเรียกร้องสมุนอาศัยช่วงเดือนรอมฎอน โจมตีชาวคริสเตียนและมุสลิมที่ร่วมต่อสู้เคียงข้างพันธมิตรนานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ

มามูน อับดุลคาริม ผู้อำนวยการโบราณสถานของซีเรียเปิดเผยเมื่อวันอังคาร(23มิ.ย.) ว่าพวกญิฮัดไอเอสระเบิดสุสานของโมฮัมเหม็ด บิน อาลี ลูกพี่ลูกน้องผู้สืบทอดของศาสดามูฮัมหมัดและไนซาร์ อาบู บาฮาเอดดิน บุคคลสำคัญทางศาสนา เมื่อ 3 วันก่อน โดยสุสานของบิน อาลี นั้นตั้งอยู่ในแถบเทือกเขาแห่งหนึ่งห่างจากตัวเมืองพัลไมรา ตอนกลางของซีเรีย ไปทางเหนือราว 4 กิโลเมตร

ภาพถ่ายที่เผยแพร่โดยไอเอส เป็นภาพของชายติดอาวุธ 2 คนกำลังแบกถังที่เชื่อว่าภายในน่าจะบรรจุระเบิด เดินขึ้นเขาไปยังที่ตั้งของสุสาน ขณะที่สุสานของอาบู บาฮาเอดดิน ซึ่งอยู่ห่างจากซากโบราณสถานพัลไมราราว 500 เมตร เชื่อว่าน่ามีอายุมากกว่า 5 ศตวรรษ

พวกไอเอสได้ทำลายสุสานเก่าแก่อายุระหว่าง 100-200 ปี ในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคมของพวกเขาทางภาคเหนือและตะวันออกของซีเรีย ไปแล้วอย่างน้อยๆ 50 แห่ง "พวกเขามองว่าสุสานอิสลามเหล่านี้สวนทางกับความเชื่อของพวกเขา พวกเขาห้ามผู้คนเดินทางไปที่ตั้งต่างๆเหล่านี้โดยเด็ดขาด" ผู้อำนวยการโบราณสถานของซีเรียเผย

เมื่อ 10 วันก่อนหน้านี้ นักรบไอเอสก็เพิ่งทำลายศิลาจารึกหน้าหลุมฝังศพจำนวนหนึ่ง ณ สุสานแห่งหนึ่ง ที่มีไว้สำหรับชาวบ้านพัลไมรา "สุสานทุกแห่งที่ประดิษฐ์ด้วยหินอ่อนถูกทุบทำลาย" เขากล่าว

นักรบหัวรุนแรงเข้ายึดและควบคุมเมืองมรดกโลกของซีเรียแห่งนี้จากกองกำลังฝักใฝ่รัฐบาลได้อย่างสมบูรณ์เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ท่ามกลางรายงานข่าวพวกเขาฝังระเบิดจำนวนมากรอบโบราณสถานหลายแห่ง กระพือความกังวลว่าสถานที่ซึ่งได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกแห่งนี้ ตลอดจนศิลปะวัตถุอันตีค่าไม่ได้ มีความเสี่ยงที่จะถูกทำลาย

อีกด้านหนึ่งในวันอังคาร(23มิ.ย.) นายอาบู มูฮัมหมัด อัล-อัดนานี โฆษกของพวกไอเอส เผยแพร่คลิปเสียงเรียกร้องสมุนเปลี่ยนเดือนศักดิ์สิทธิ์เทศกาลถือศีลอดที่เริ่มมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งหายนะของพวกนอกรีต ไม่ว่าจะเป็นคริสเตียน มุสลิมชีอะห์หรือสุหนี่ที่ร่วมสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพันธมิตรต่อต้านไอเอสที่นำโดยสหรัฐฯ โดยเรียกร้องให้โจมตีหนักหน่วงขึ้นทั้งในอิรัก ซีเรียและลิเบีย

"ชาวมุสลิมไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใด เราขอแสดงความยินดีกับคุณต่อการมาถึงของเดือนศักดิ์สิทธิ์" โฆษกไอเอสกล่าว "จงมุ่งมั่นเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะในเดือนนี้และเปิดตัวในฐานะผู้เสียสละ" ทั้งนี้นายอัล-อัดนานี ยังเรียกร้องชาวอาหรับในแถบลิแวนต์และซาอุดีอาระเบีย ลุกขึ้นต่อต้านเหล่าผู้นำทรราชย์ของพวกเขาด้วย

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000071183

 

US-จีนเริ่มหารือ “ยุทธศาสตร์-ศก.”ขณะบิ๊กเพนตากอนระบุต้องเร่งพัฒนาด้านการบินอวกาศ หนี “มังกร”ที่วิ่งไล่กวด โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2558 22:29 น.


@โจ ไบเดน รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ จับมือกับนางหลิว เหยียนตง รองนายกรัฐมนตรีจีน ณ เวทีหารือระดับสูงทางยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจจีน-สหรัฐฯประจำปี ในกรุงวอชิงตันเมื่อวันอังคาร(23มิ.ย.)


@เรือบรรทุกเครื่องบินของจีน หนึ่งในตัวเสริมแสนยานุภาพทางอากาศของปักกิ่ง


เอเจนซีส์ - จีนกำลังใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อท้าทายความเหนือล้ำของแสนยานุภาพทางอากาศและอวกาศของอเมริกา จึงเป็นการบีบคั้นให้เพนตากอนต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและระบบใหม่ๆ มาปกป้องฐานะของตนเอง บิ๊กเบอร์สองกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯระบุในวันจันทร์ (22 มิ.ย.) วันเดียวกับที่การหารือระดับสูงทางยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจจีน-สหรัฐฯประจำปี เริ่มต้นขึ้นในกรุงวอชิงตัน โดยที่อเมริกายืนกรานจะพูดคุยทุกประเด็นขัดแย้งอย่างตรงไปตรงมา

โรเบิร์ต เวิร์ก รัฐมนตรีช่วยกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการบินและอวกาศทั้งที่เป็นทหารและพลเรือนที่กรุงวอชิงตันในวันจันทร์ (22) ว่า ปักกิ่งกำลังสามารถอุดช่วงห่างทางเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว โดยที่กำลังพัฒนาทั้งเครื่องบินหลบเลี่ยงเรดาร์ เครื่องบินสอดแนมระดับก้าวหน้า ขีปนาวุธที่มีความละเอียดซับซ้อน และอาวุธยุทโธปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สุดล้ำ

เวิร์กบอกว่า ถึงแม้มีความคาดหวังที่จะรักษาความสัมพันธ์อันสร้างสรรค์กับจีน แต่เพนตากอนไม่อาจมองข้ามแง่มุมด้านการแข่งขัน โดยเฉพาะสมรรถนะทางการทหาร ซึ่งจีนมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องในอัตราที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ ในตอนค่ำวันเดียวกัน ปรากฏว่าสำนักข่าวซินหวาของทางการจีนได้รายงานคำให้สัมภาษณ์ของ สีว์ ฉีเลี่ยง รองประธานคณะกรรมการการทหารส่วนกลางของจีน ที่ระบุว่า กองทัพจีนจำเป็นต้องสร้างสรรค์นวัตกรรมต่างๆ เพิ่มขึ้นอีก

“การสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ของเรากำลังแปรเปลี่ยนจากการวิจัยเพื่อไล่ให้ทัน มาสู่นวัตกรรมที่เป็นอิสระของตนเอง” สีว์ กล่าว

ระหว่างพูดเมื่อวันจันทร์ นายใหญ่หมายเลขสองของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังได้อ้างอิงงานศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดว่าด้วยการเผชิญหน้ากันระหว่างมหาอำนาจที่กำลังก้าวผงาดขึ้นมาใหม่กับมหาอำนาจที่ครองเวทีอยู่ก่อนแล้ว โดยเขาบอกว่าปฏิสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจเช่นนี้มักนำมาซึ่งสงคราม ดังนั้น เพนตากอนจึงต้องป้องกันไม่ให้การแข่งขันระหว่างประเทศเช่นนี้ร้อนแรงขึ้นกว่าเดิม

เขากล่าวอีกว่า สหรัฐฯนั้นโดยทั่วไปแล้วเห็นว่า วิธีรับประกันความเสี่ยงที่ดีที่สุดคือ การมีสมรรถนะเพื่อการป้องปรามทั้งทางอาวุธนิวเคลียร์และทางอาวุธแบบแผนปกติ อันแข็งแกร่งชนิดเหนือล้ำเกินกว่าคู่แข่งไม่ว่ารายใดก็ตาม

เวิร์ก ซึ่งโดยตำแหน่งแล้วถือเป็นประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของเพนตากอน เสริมว่า ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา อเมริกาพึ่งพิงความเหนือชั้นทางเทคโนโลยี ทว่า ขณะนี้ ความเหนือชั้นดังกล่าวกำลังถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง และกระทรวงกลาโหมกำลังแก้ไขด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำและลดต้นทุนการรับมือการโจมตี

การแสดงความคิดเห็นคราวนี้ของเวิร์ก มีขึ้นในการประชุมครั้งปฐมฤกษ์ของ “โครงการริเริ่มศึกษาการบินและอวกาศของจีน” ที่เป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศสหรัฐฯ และกลุ่มคลังสมอง “แรนด์ คอร์เปอเรชัน” เพื่อส่งเสริมเพิ่มพูนการวิจัยเกี่ยวกับความทะเยอทะยานทางด้านนี้ของแดนมังกร

การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่จีนกว่า 400 คนกำลังอยู่ในวอชิงตัน เพื่อร่วม “การหารือทางยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจสหรัฐฯ-จีน” อันเป็นการประชุมระดับสูงประจำปีของสองประเทศ ซึ่งคราวนี้มี รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน, รัฐมนตรีต่างประเทศจอห์น เคร์รี, และรัฐมนตรีคลัง แจ็ค ลูว์ ของทางสหรัฐฯเป็นเจ้าภาพ ขณะที่ทางฝ่ายจีนนั้นนำโดย มนตรีแห่งรัฐ หยาง เจียฉือ และรองนายกรัฐมนตรี หวัง หยาง ทั้งนี้ ทางคณะผู้แทนฝ่ายจีนยังมีกำหนดเข้าพบประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ทำเนียบขาว ในวันพุธ (24) ด้วย

การหารือถือว่าเปิดขึ้นอย่างเป็นทางการในวันอังคาร (23) ทว่าตั้งแต่วันจันทร์ (22) แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศสหรัฐฯ ก็เปิดการสนทนาแบบปิดห้องคุยกันกับฝ่ายจีนที่นำโดยรองรัฐมนตรีต่างประเทศ จาง เย่สุย ในส่วนซึ่งเห็นกันว่ายากที่สุด อันได้แก่เรื่องความมั่นคง

เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯผู้หนึ่งกล่าวในวันจันทร์ว่า จนถึงเวลานี้การหารือ “ในประเด็นปัญหาต่างๆ ที่อ่อนไหวที่สุดในความสัมพันธ์” ระหว่างประเทศทั้งสอง ยังคงเป็นไปอย่าง “ตรงไปตรงมาและเข้าสู่ประเด็น”

การพูดจาด้านความมั่นคงเช่นนี้ ถือเป็นการปูพื้นฐานระดับสูงสุดสำหรับการเจรจาของฝ่ายทหารและพลเรือนเพื่อพยายามหาทางจัดการกับสายสัมพันธ์ของประเทศทั้งสองซึ่งเต็มไปด้วยความซับซ้อน

“ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนนั้นมีความกว้างขวางอย่างที่สุด แล้วก็ยังมีความสลับซับซ้อนอย่างที่สุด แต่ก็มีผลสืบเนื่องมากมายยิ่ง” เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวต่อ

ขณะที่สหรัฐฯกับจีนมีพื้นที่ของการร่วมมือกันอันทรงความสำคัญๆ เป็นต้นว่า การเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน, สถานการณ์ในอัฟกานิสถาน, และความจำเป็นที่จะต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ทว่าก็มีความแตกต่างกันอย่างสำคัญๆ เช่นกัน

“การหารือกันเช่นนี้กำลังยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากมีความจำเป็นที่จะต้องจัดการกับประเด็นปัญหาต่างๆ เหล่านี้กันอย่างซึ่งหน้า ไม่ใช่พยายามกลบเกลื่อนกันไป ไม่ใช่พยายามที่จะตกลงกันแต่จริงๆ แล้วตกลงกันไม่ได้ ทว่าต้องพยายามที่จะพูดถึงปัญหากันจริงๆ และมองว่าเราสามารถที่จะ … พยายามลดความแตกต่างให้น้อยลงได้หรือไม่” เจ้าหน้าที่ผู้นี้บอก

ทางด้านสำนักข่าวซินหวาของทางการจีนก็รายงานว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะทำงานกันเพื่อสร้างความสัมพันธ์ด้านความมั่นคง “ที่มีเสถียรภาพ”

ประเด็นที่ยังเห็นต่างกัน

ประเด็นเฉพาะหน้าอันสำคัญในเวลานี้ที่สหรัฐฯกับจีนยังคงมีความเห็นแตกต่างกัน ได้แก่เรื่องที่ปักกิ่งอ้างกรรมสิทธิ์พื้นที่เกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ และกำลังถมทะเลสร้างเกาะเทียมขึ้นในอาณาบริเวณดังกล่าว โดยที่วอชิงตันเรียกร้องเรื่อยมาให้ยุติโครงการเหล่านี้

เจ้าหน้าที่อเมริกันยังระบุว่า ความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงในระบบไซเบอร์ภายหลังการโจมตีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของรัฐบาล ที่วอชิงตันกล่าวหาว่า เป็นฝีมือแฮกเกอร์แดนมังกรนั้น จะถูกหยิบยกขึ้นหารืออย่างตรงไปตรงมาเช่นเดียวกัน

การประชุมครั้งนี้ที่จะมีรัฐมนตรีจาก 8 กระทรวงของสหรัฐฯ ร่วมหารือด้วยนั้น มีขึ้นขณะที่สองมหาอำนาจไว้เนื้อเชื่อใจกันน้อยลง และเห็นต่างกันมากขึ้น แม้ยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มีมูลค่าถึง 590,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา ไว้อย่างเหนียวแน่นก็ตาม

อเมริกานั้นวิตกมากขึ้นกับความท้าทายของจีนในการครอบครองระบบการเงินโลก และการกีดกันธุรกิจอเมริกันในแดนมังกร

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กำลังฝ่าฟันเพื่อผลักดันให้รัฐสภาเห็นชอบร่างกฎหมายเพื่อเร่งรัดข้อตกลงการค้าเสรี 12 ชาติ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในนโยบายปักหมุดเอเชียเพื่อคานอิทธิพลจีน

กระนั้น จีนและอเมริกาจะพยายามผ่อนคลายความขัดแย้งด้วยการหันไปเน้นย้ำความร่วมมือกัน ถึงแม้เจ้าหน้าที่อเมริกันย้ำว่า จะไม่มีการละเลยประเด็นขัดแย้ง แต่จะพยายามหารือเพื่อลดความขัดแย้งและหลีกเลี่ยงการคำนวณสถานการณ์ผิดพลาด

เช่นเดียวกัน ทางฝั่งจีนก็ต้องการให้การหารือครั้งนี้ผ่านพ้นอย่างราบรื่น เพื่อเตรียมการสำหรับการเยือนวอชิงตันอย่างเป็นรัฐพิธีของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในเดือนกันยายน

นักวิเคราะห์เชื่อว่า การหารือครั้งนี้น่าจะไม่มีผลลัพธ์รูปธรรมมากนัก โดยที่ความคืบหน้าใดๆ ที่เกิดขึ้นคงจะยกยอดไปแถลงระหว่างการเยือนของผู้นำจีนมากกว่า

นอกจากนั้น ยังเป็นที่คาดว่า ทั้งสองฝ่ายจะคุยกันเรื่องสนธิสัญญาการลงทุนทวิภาคีที่ยืดเยื้อมา 7 ปี ขณะที่ปักกิ่งจะพยายามผลักดันเงินหยวนให้เข้าเป็น 1 ในสกุลเงินตราซึ่งอยู่ในตะกร้าเงินสำรองของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000071157

 

"ไอเอส" ออกวีดีโอโรคจิตล็อตใหม่ สังหารชาย 16 คนด้วยการถ่วงน้ำ-ยิงจรวดอาร์พีจี-ระเบิดเผาขน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2558 20:54 น.



เอเอฟพี - กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้เผยแพร่วีดีโอชุดใหม่ในวันอังคาร (23 มิ.ย.) ที่แสดงให้เห็นภาพสังหารชาย 16 คนด้วยการใช้ระเบิด , จับใส่กรงถ่วงน้ำ , ขังในรถแล้วยิงจรวดอาร์พีจีเข้าใส่

วีดีโอชุดนี้ที่คาดว่ามีการถ่ายทำกันในอิรัก เป็นอีกหนึ่งวีดีโอซึ่งเต็มไปด้วยความรุนแรง เผยแพร่โดยพวกนักรบญิฮัดที่สังหารฝ่ายตรงข้ามในเขตพื้นที่การควบคุมของไอเอส

สำหรับกลุ่มชายที่ถูกสังหารในวีดีโอล่าสุดนี้ ถูกระบุว่าเป็นสายลับของฝ่ายศัตรู มีบางรายที่ถูกบันทึกเทปการรับสารภาพไว้ด้วย

กลุ่มแรกเป็นชาย 4 คน ถูกพวกไอเอสจับไปไว้ในรถแล้วปิดประตู จากนั้นก็มีคนยิงจรวดอาร์พีจีเข้าไปที่ใต้ท้องรถ จนเกิดไฟลุกไหม้

ต่อมาเป็นชาย 5 คน ถูกจับขังไว้ในกรงเหล็ก จากนั้นมีการใช้เครนยกกรงแล้วเอาไปถ่วงในสระที่มีน้ำสกปรก โดยมีกล้อง 2 ตัวติดอยู่บริเวณนอกกรง แสดงให้เห็นภาพการตายของชายเหล่านั้น

การสังหารชุดสุดท้าย เป็นชาย 7 คนคุกเข่า มีสายไฟของระเบิดพันอยู่ที่คอ จากนั้นก็มีการจุดระเบิด ทำให้คนเหล่านั้นเสียชีวิต โดยที่บางรายคอขาดให้เห็น

ที่ผ่านมา กลุ่มไอเอสได้สังหารผู้คนหลายร้อยรายด้วยการใช้ปืนยิง มีหลายสิบรายที่ถูกตัดคอ บางรายก็ถูกปาหินจนตาย นอกจากนี้ยังมีการจับโยนลงจากตึกสูง รวมถึงการย่างสดนักบินจอร์แดน

วีดีโอภาพการสังหารฝ่ายตรงข้ามของไอเอสมักถูกใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการโฆษณาชวนเชื่อของพวกนักรบญิฮัด ทั้งใช้ข่มขวัญฝ่ายตรงข้ามรวมถึงดึงดูดนักรบหน้าใหม่ที่มีจิตใจเหี้ยมโหดเข้ามาเป็นพวก

 

ก.คลัง ตัดปัญหาฮั้ว ชงเปลี่ยนลุคเปิดประมูลงานผ่านโซเชียล
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2558 03:00 น.



คลังชง รื้อระบบ ‘อีออคชั่น’ หลังเอื้อ ฮั้วประมูล ปรับใหม่ อีบิดดิ้ง ประมูลผ่านโซเชียล ให้ทุกคนแข่งขัน ประมูลเท่าเทียม

วันที่23มี.ค.รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเผยว่า กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎหมายการประมูลการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งเดิมใช้ระบบอี- อ๊อกชั่น โดยพบว่ากระบวนการนี้ใช้อิทธิพลในการฮั้วประมูล และจากนี้จะใช้ระบบ E-bidding (อี- บิดดิ้ง)คือเปิดประมูลทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค ผู้ที่ร่วมประมูลก็ไม่ต้องเจอหน้ากัน ผู้ร่วมประมูลทั้งในประเทศ ต่างประเทศหรือต่างจังหวัดจะร่วมประมูลได้แบบเท่าเทียม ไม่มีการฮั้วและไม่ต้องกลัวอิทธิพล

ขณะเดียวกันจะมีการนำเสนอระบบ E-marketting (อีมาร์เก็ตติ้ง) ซึ่งจะมีผลต่อการพิจารณาสั่งซื้อสินค้าจากกรมบัญชีกลาง หากเห็นว่าสินค้าชนิดใดมีคุณภาพ ราคาถูก ให้กรมบัญชีกลางเลือกมาใช้ได้เลย พอจะใช้จากที่ได้ลงทะเบียนไว้ได้เลย แต่การพิจารณาเลือกซื้อสินค้านั้นต้องมีคุณภาพ ราคาเหมาะสม

 

"ไพบูลย์" ดันกม. แขวนบิ๊กขรก.ส่อโกงทันที จนกว่ารูปคดีจะเสร็จสิ้น
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2558 02:48 น. (แก้ไขล่าสุด 24 มิถุนายน 2558 02:51 น.)



@พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา (แฟ้มภาพ)

‘คตช’ หวั่นกระทบการตรวจสอบ ชง ครม. ผลักดันกฎหมายลงอาญาขรก.ระดับบิ๊กส่อทุจริต ย้ายไปนั่งตบยุงสำนักนายกฯไว้ก่อน ไม่ผิดค่อยคืนตำแหน่ง

วันที่23มี.ค.รายงานข่าวจากที่ประชุมครม.แจ้งว่า กรณีที่คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(คตช.)โดยพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้รวบรวมบัญชีรายชื่อข้าราชการกว่า100 รายที่ส่อว่าทุจริต และส่งให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.พิจารณาตรวจสอบ หากพบว่าการทุจริต กระทำผิด ในรายของข้าราชการระดับสูง จะปรับโยกมาประจำสำนักนายกฯที่เปิดอัตราพิเศษรองรับ เพื่อให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานเดิมตรวจสอบและทำงานโดยไม่ตกอยู่ในภาวะกดดัน ขณะที่ข้าราชการระดับกลางและเล็กที่ไม่น่ามีผลกับการตรวจสอบยังให้อยู่สังกัดเดิม และให้ผู้บังคับบัญชาสอบสวนทั้งทางวินัยและแพ่งว่า กระทำการตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่

"ข้าราชการที่อยู่ในข่ายยังเป็นเพียงผู้ที่เชื่อได้ว่าน่าจะกระทำการดังกล่าว ยังไม่ถือว่าเป็นผู้กระทำความผิดจริง ต้องให้ผู้ถูกกล่าวหาพิสูจน์ตัวเอง และรอการสอบสวนดำเนินการ หากพบว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ผิด ก็จะกลับไปอยู่ตำแหน่งเดิม หากพบว่าผิดจริงก็เป็นไปตามกระบวนการ”รายงานข่าวระบุ

รายงานข่าวระบุต่อไปอีกว่า ต่อไปจะมีการเสนอแก้ไขร่างกฎหมาย ที่ผ่านมาข้าราชการที่โดนตรวจสอบจากภาครัฐไม่ว่าจะเป็น ปปท.หรือปปช. เมื่อเกิดกรณี ข้าราชการจะอยู่ในตำแหน่งเดิม อาจเกิดผลกับการตรวจสอบ ฉะนั้นต้องผลักดันให้มีการตรวจสอบทางวินัยคือ ยุติการปฏิบัติหน้าที่นั้นๆไว้ก่อนจนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น
侺

 

ส.ส.กรีซขู่อาจจะไม่ผ่านข้อเสนองบประมาณที่รัฐบาลไปเสนอกับเจ้าหนี้
Written by: กอง บก.ข่าวต่างประเทศ2015/06/23 6:55 PM



เอเธนส์ 23 มิ.ย.- สมาชิกรัฐสภากรีซแสดงความไม่พอใจข้อเสนองบประมาณที่รัฐบาลนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราสเสนอต่อเจ้าหนี้ และขู่ว่าอาจจะไม่ผ่านความเห็นชอบร่างงบประมาณดังกล่าว สั่นคลอนความหวังที่ว่ากรีซจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ได้ก่อนเส้นตายสิ้นเดือนนี้

ส.ส.หลายคนของพรรคซีรีซา ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายซ้ายของนายกรัฐมนตรีซีปราสแสดงความไม่พอใจที่เขาเสนอในการเจรจากับเจ้าหนี้ว่าจะขึ้นภาษีหลายอย่าง เพราะจะยิ่งเพิ่มความลำบากให้แก่เศรษฐกิจกรีซที่ย่ำแย่อยู่แล้วจากมาตรการรัดเข็มขัดหลายครั้งที่ผ่านมา นายอเล็กซิส มิโตรปูลอส ส.ส.พรรคซีรีซาและรองประธานสภากล่าวกับสถานีโทรทัศน์ในประเทศว่า เขาเชื่อว่าสภาจะไม่ผ่านร่างงบบประมาณดังกล่าว นายกรัฐมนตรีจะต้องชี้แจงกับประชาชนก่อนว่า เหตุใดจึงล้มเหลวในการเจรจากับเจ้าหนี้และลงเอยด้วยร่างงบประมาณนี้ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักการของฝ่ายซ้าย และเป็นการสังหารหมู่ทางสังคมที่สภาจะไม่มีทางยอมรับ

ทั้งนี้หากรัฐสภากรีซไม่ผ่านร่างงบประมาณดังกล่าว นายกรัฐมนตรีซีปราสอาจต้องยุบสภาจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด หรือจัดการลงประชามติ ซึ่งจะทำให้ภาวะไม่แน่นอนยืดเยื้อ กรีซมีกำหนดจะต้องชำระหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ทั้งหมด 1,600 ล้านยูโร (ราว 60,537 ล้านบาท) ภายในวันที่ 30 มิถุนายนนี้.-สำนักข่าวไทย

ส.ส.กรีซขู่อาจจะไม่ผ่านข้อเสนองบประมาณที่รัฐบาลไปเสนอกับเจ้าหนี้ | เว็บไซต์สำนักข่าวไท

 

กองทัพสหรัฐฯพัฒนา hoverbike มอเตอร์ไซค์อวกาศ เหมือนหนังสตาร์วอร์ใช้แทนเฮลิคอปเตอร์ updated: 23 มิ.ย. 2558 เวลา 12:14:06 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์



บริษัท Malloy Asronautics กำลังทดสอบเทคโนโลยี hoverbike กับโดรนที่มีหุ่นยนต์ขี่อยู่ด้วยต่อมาไม่กี่เดือน Malloy Asronautics จับมือกับบริษัทพัฒนาอาวุธในรัฐแมรี่แลนด์ เพื่อร่วมมือกันพัฒนาเจ้า hoverbike ให้กับกองกำลังทหารของสหรัฐฯโดย ทั้ง 2 บริษัทจะทำงานร่วมกับห้องทดลองและวิจัยของกองทัพสหรัฐฯ โดยจัดตั้งเป็นโครงการที่ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาและสร้างยานพาหนะทางยุทธวิธีในการลาดตระเวนตัวใหม่ (new Tactical Reconnaissance Vehicle หรือ TRV) จุดประสงค์หลักของโครงการนี้ของกองทัพสหรัฐฯ คือ จะใช้งาน hoverbike แทนที่การใช้งานเฮลิคอปเตอร์ เพราะคาดว่าจะเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น และลดต้นทุนลงได้มาก
กองทัพสหรัฐฯพัฒนา hoverbike มอเตอร์ไซค์อวกาศ เหมือนหนังสตาร์วอร์ใช้แทนเฮลิคอปเตอร์ : ประชาชาต

 

หวั่นปรากฏการ "เอล นิโญ" มหาสมุทรแปซิฟิกรอบล่าสุด รุนแรงเท่าปี 2540
updated: 23 มิ.ย. 2558 เวลา 17:45:18 น.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์



ปรากฏการณ์เอล นิโญในมหาสมุทรแปซิฟิกส่อเค้าทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งยิ่งตอกย้ำความกังวลว่ามีรูปแบบคล้ายกับที่เคยเกิดในปี 2540-2541



สำนักอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียเผยว่า ดัชนีอุณภูมิพื้นผิวน้ำทะเลในบริเวณตอนกลางและตะวันออกของมหาสทุรแปซิฟิกในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มสูงกว่าค่าเฉลี่ย 1 องศาเซลเซียส และมีแนวโน้มที่อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นอีกในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า

"ไม่ใช่เรื่องปรกติที่มหาสมุทรแปซิฟิกในเขตร้อนจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นเป็นวงกว้างครั้งล่าสุดที่เป็นเช่นนี้คือระหว่างเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวในปี 2540-2541" สำนักอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียระบุ

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานสมุทรศาสตร์และชั้นบรรยากาศสหรัฐระบุว่า เอล นิโญที่เกิดในปี 2540-2541 มีความรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ ส่วนเอล นิโญที่เกิดขึ้นในปีนี้ถือเป็นระลอกล่าสุดนับจากปี 2553

ปรากฏการณ์เอล นิโญมีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศและเกษตรกรรมทั่วโลก โดยจะทำให้บางพื้นที่ของเอเชียแห้งแล้งขึ้น ขณะที่แถบอเมริกาใต้มีปริมาณฝนตกหนักกว่าปรกติ รวมถึงทำให้อเมริกาเหนือหนาวเย็นกว่าเดิม มีความเสี่ยงที่เอล นิโญจะป่วนเศรษฐกิจโลกช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรอาจขาดแคลน สร้างแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อและความมั่นคงทางอาหาร

หวั่นปรากฏการ "เอล นิโญ" มหาสมุทรแปซิฟิกรอบล่าสุด รุนแรงเท่าปี 2540 : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

 

ร้องวู้! "ซีอีโอ" ได้เงินเดือนเฉลี่ยต่อปีมากกว่า "พนักงาน" 300 เท่า!
updated: 22 มิ.ย. 2558 เวลา 21:05:45 น.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์



ซีเอ็นเอ็น มันนี่ รายงานว่า ผลวิจัยของสถาบันนโยบายเศรษฐกิจ (Economic Policy Institute) ที่ทำงานด้านวิเคราะห์ข้อมูลระบุว่า จากผลการวิเคราะห์ เหล่าซีอีโอในสหรัฐฯ ทั่วประเทศได้เงินเดือนมากกว่าลูกน้อง 303 เท่า เมื่อเทียบกับเงินเดือนเฉลี่ยของพนักงานบริษัททั่วๆ ไป

โดยจำนวนเฉลี่ยรายรับ มูลค่าหุ้น และโบนัสของซีอีโอ จากบริษัทขนาดใหญ่ 350 บริษัททั่วสหรัฐฯ ในปี 2557 สูงจำนวน 16.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับเหล่าพนักงานของบรรดาซีอีโอแล้ว รายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 50,000 ดอลลาร์ ต่อปี

อย่างไรก็ตาม อัตรารายได้ที่ต่างกันมากนี้ ตกลงต่ำสุดในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐฯ คือในปี 2552 คือซีอีโอมีรายได้มากกว่าบรรดาพนักงาน 196 เท่า และหลังจากนั้นก็มีรายได้มากขึ้นและต่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบ ช่วงปี 2556 และ 2557 อัตรารายรับถือว่าต่างกันไม่มากนัก

ส่วนช่วงปีที่รายได้ของซีอีโอและพนักงานต่างกันมากที่สุดคือปี 2543 โดยบรรดาซีอีโอได้รับรายได้เฉลี่ยทั้งปี 20.4 ล้านดอลลาร์ มากกว่าพนักงาน 376 เท่า

เรียบเรียงโดยประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat

ร้องวู้! "ซีอีโอ" ได้เงินเดือนเฉลี่ยต่อปีมากกว่า "พนักงาน" 300 เท่า! : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

 

พระจันทร์สีแดง สวยดีน่ะครับ