ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คนกรมชลฯ แฉ “ฝ่ายการเมือง” ตั้งแต่ปี 55 แทรกแซงสั่งระบายน้ำในเขื่อนมากที่สุดในรอบ 15 ปี โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มิถุนายน 2558 19:02 น. (แก้ไขล่าสุด 22 มิถุนายน 2558 20:57 น.)

    [​IMG]
    @นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน

    คนกรมชลฯ แฉ “ฝ่ายการเมือง” ปี 55 แทรกแซงสั่งระบายน้ำในเขื่อนทั่วประเทศเหลือ 45% ของความจุเขื่อน เป็นสาเหตุปริมาณน้ำปัจจุบันลดต่ำ กลัววิกฤตน้ำท่วมใหญ่แบบปี 54 รับมีการระบายมากถึง 14,000 ล้าน ลบ.ม. ถือว่ามากที่สุดในรอบ 15 ปี ด้าน “รมว.เกษตรฯ” เล็ง ชงแผนช่วยภัยแล้ง เน้น “ปลูกพืชอายุสั้นทดแทน - ปศุสัตว์พื้นเมือง” เข้า ครม. เศรษฐกิจพุธนี้

    วันนี้ (22 มิ.ย.) นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินแก่แก้ปัญหาภัยแล้ง ว่า สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า ได้ใช้ดาวเทียมสำรวจการปลูกข้าวนาปีในเขตชลประทานลุ่มเจ้าพระยา 22 จังหวัด พบว่า ขณะนี้ปลูกไปแล้ว 4 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมาปลูกแค่ 3.44 ล้านไร่ จากพื้นที่ปลูกทั้งหมด 7.5 ล้านไร่ ซึ่งพื้นที่ 3.44 ล้านไร่ จะดูแลให้ดีที่สุด สำหรับเพิ่มขึ้นมา 600,000 ไร่ มีความเสี่ยงมาก ช่วงนี้มีน้ำเพียงพอส่งให้พื้นที่ปลูกข้าวแล้ว แต่ต้องมีการแบ่งรอบเวรใช้น้ำผลัดกันสูบน้ำระหว่างต้นน้ำกับปลายน้ำ ทั้งนี้ เตรียมมาตราการช่วยเหลือให้ชาวนาปลูกพืชอายุสั้นทดแทน และ ปศุสัตว์ เช่นเลี้ยงไก่พื้นเมือง ที่มีอายุให้ผลผลิตไม่นานจนเกินไป

    “จะเสนอต่อ ครม. เศรษฐกิจพิจารณา ในวันที่ 24 มิ.ย. นี้ รวมทั้งให้ ธ.ก.ส. ไม่คิดดอกเบี้ยหนี้สินเดิมจนกว่ามีรายได้ใหม่ ส่วนกรณีชาวนาแย่งสูบน้ำที่ จ.สุพรรณบุรี และ อ่างทอง ได้ให้เจ้าหน้าที่เกษตร ในทุกจังหวัดลงพื้นที่ทำความเข้าใจพร้อมกับให้ทหาร หน่วยความมั่นคงในพื้นที่เพื่อระงับเหตุแล้วแต่เหตุแย่งน้ำอาจเกิดขึ้นอีกเพราะคงไม่มีชาวนาคนไหนยอมให้นาข้าวล่มเสียหาย” นายปีติพงศ์ กล่าว

    ด้าน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า จะรอข้อเสนอมาตรการช่วยเหลือชาวนาที่ประสบภัยแล้งเข้ามายังที่ประชุมคระรัฐมนตรีเศรษฐกิจในวันที่ 24 มิ.ย. นี้ แต่ไม่ใช่เป็นการนำเงินไปให้วันละ 1,000 บาท เพราะผิดหลักการ และตอนนี้ข้าวยังไม่ออกก็ยังไม่รู้ราคา ต้องดูราคาข้าวในตลาดก่อนและดูการผลิตที่เกิดขึ้นก่อน ดังนั้น การช่วยเหลืออย่าให้ผิดลักษณะของมัน ส่วนจะออกมาในรูปแบบไหนตนก็ไม่ทราบต้องรอดูที่รมว.เกษตรฯเสนอ รวมถึงกรอบเงินงบประมาณที่จะใช้เท่าไรนั้น

    อีกทั้งราคาข้าวก็ยังไม่รู้ว่าจะขึ้นหรือลง ก็จะไม่มีการจ้างมาทำนู่นทำนี่ ดังนั้น การช่วยเหลือครั้งนี้ จะต่างจากครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการขอให้เลื่อนการผลิตเฉพาะในลุ่มน้ำเจ้าพระยาไม่ใช่ทั้งหมดและการขอให้เลื่อนการผลิตก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีรายได้ เขายังมีรายได้แต่ช้าไป 2 เดือน ฉะนั้น มันไม่เข้าข่ายที่จะต้องมาชดเชยเหมือนที่มีการจ้างแรงงานเหมือนครั้งที่ผ่านมา

    “จะมีการพิจารณากันว่าจะช่วยอย่างไร ซึ่งจะต่างจากเดิมแน่นอน เพราะเราแค่ขอชะลอการผลิตไม่ได้ให้เลิกการผลิตที่ต้องมีการชดเชย” รองนายกฯกล่าว

    ส่วนข้อเสนอที่จะให้เงินอุดหนุนไปปลูกพืชชนิดอื่นใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า อันนี้น่าสนใจ เพราะเป็นการให้แล้วมีผลิตผล ถือว่าช่วยถูกต้อง สำหรับการเลื่อนปลูกไป 2 เดือนจะทันหน้าน้ำหรือไม่ เพราะถ้าน้ำมากก็จะเกิดความเสียหายอีก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า “ทัน”

    ส่วนกรณีภัยแล้งขณะนี้ ตนได้สอบถามไปแล้ว กระทรวงเกษตรฯ แจ้งว่า เมื่อเดือน พ.ค. ข้อมูลระบุว่า “ฝนจะมาแต่ไม่คิด ว่าข้อมูลจะเปลี่ยนเร็วขนาดนี้ ซึ่งธรรมชาติตอนนี้รุนแรงมาก ไม่มีใครอยากให้แล้ง”

    อีกด้าน ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศล่าสุด มีปริมาณน้ำรวมกัน จำนวน 32,251 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 46 ของความจุอ่างฯขนาดใหญ่รวมกันทั้งหมด

    สถานการณ์น้ำในเขื่อนใหญ่ภาคเหนือ อาทิ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่ มีปริมาณน้ำ 73 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 28 ของความจุอ่างฯ เขื่อนกิ่วลม จ.ลำปาง มีปริมาณน้ำ 49 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 45 ของความจุอ่างฯ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 4,123 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 31 ของความจุอ่างฯ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 3,465 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 36 ของความจุอ่างฯ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 131 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 14 ของความจุอ่างฯ มีน้ำไหลลงอ่างฯใหญ่ภาคเหนือ รวมทั้งสิ้น 3.78 ล้านลูกบาศก์เมตร

    ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ เขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี มีปริมาณน้ำ 27 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 20 ของความจุอ่างฯ เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร มีปริมาณน้ำ 200 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 38 ของความจุอ่างฯ เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ มีปริมาณน้ำ 486 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของความจุอ่างฯ เขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา มีปริมาณน้ำ 82 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 26 ของความจุอ่างฯ ฯ เขื่อนลำนางรอง จ.บุรีรัมย์ มีปริมาณน้ำ 63 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 52 ของความจุอ่างฯ อ่างฯใหญ่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีน้ำไหลลงอ่างฯใหญ่ รวมกัน 3.31 ล้านลูกบาศก์เมตร

    สำหรับในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก ที่ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 76 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 8 ของความจุอ่างฯ เขื่อนกระเสียว จ.สุพรรณบุรี มีปริมาณน้ำ 89 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 37 ของความจุอ่างฯ เขื่อนคลองสียัด จ.ฉะเชิงเทรา มีปริมาณน้ำ 41 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของความจุอ่างฯ เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก มีปริมาณน้ำ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 7 ของความจุอ่างฯ

    สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่ยังมีน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย เนื่องจากทางตอนบนยังมีฝนตกน้อยต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย โดยกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่า ปริมาณฝนจะตกชุกตามฤดูกาลประมาณปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งกรมชลประทานจะบริหารจัดการน้ำในช่วงระยะเวลานี้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อพื้นที่การเกษตรที่ปลูกไปแล้ว รวมทั้ง เพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศน์ จึงขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัดด้วย

    ด้าน นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลฯ กล่าวว่า ยอมรับว่า ในปี 2555 มีการสั่งการจากฝ่ายการเมืองให้กรมชลฯ ระบายน้ำในเขื่อนทุกเขื่อนลงเหลือ 45%ของความจุเขื่อน จนปริมาณน้ำลดต่ำมาถึงในปัจจุบัน เพราะไม่ต้องการให้มีน้ำท่วมซ้ำเหมือนวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ซึ่งขณะนั้นกรมชลฯ ได้พยายามทัดทาน และประวิงเวลาการระบายน้ำมาโดยตลอด เนื่องจากการระบายน้ำมากหรือน้อย ต้องทำให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำท้ายเขื่อน แม้ท้ายที่สุดฝ่ายการเมืองจะยอมรับฟังเหตุผล ให้หยุดการระบายน้ำจากเขื่อนได้ แต่ก็มีการระบายออกแล้วมากถึง 14,000 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเป็นปริมาณการระบายน้ำออกที่มากที่สุดในรอบ 15 ปี

    http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000070559
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทางแห่งความเสื่อม! เปิดหนังสือ “อานันท์” ถึง “ทักษิณ” ค้านกาสิโน-ยังดื้อให้ “วิษณุ” รับงาน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มิถุนายน 2558 19:29 น. (แก้ไขล่าสุด 22 มิถุนายน 2558 21:41 น.)


    ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เปิดหนังสือ “อานันท์ ปันยารชุน” สมัยเป็นประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจฯ ถึง “ทักษิณ ชินวัตร” ปี 2546 ชี้เสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยตั้งบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย ชี้เป็นทางแห่งความเสื่อม สังคมไทยขาดความพร้อม หนุนนักพนันหน้าใหม่พุ่ง ส่งเสริมมาเฟียท้องถิ่นเป็นระดับชาติ ด้าน ครม. ทักษิณ 1 ยังดื้อ อ้างกลัวกระแสสังคม ตั้ง “วิษณุ” รับงานศึกษาเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์

    วันนี้ (22 มิ.ย.) หลังจากที่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ในนามกลุ่ม สปช. รักชาติ เสนอแนวคิดตั้งกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย กระทั่ง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว หลังจากที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์การถอดยศตำรวจแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่มีความคืบหน้า กลายเป็นกระแสสังคมที่ถูกพูดถึงในขณะนี้

    ทีมข่าวการเมือง ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ได้รับเอกสารความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศ.) ที่มี นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานในขณะนั้น ได้ตอบกลับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น เมื่อเดือนสิงหาคม 2456 หลังมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2545 ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ขอคำปรึกษาและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ หรือกิจการที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในทางที่กฎหมายถือว่าไม่ถูกต้อง เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2545

    สภาที่ปรึกษาฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อดำเนินการศึกษาเรื่องดังกล่าว โดยมีสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ เป็นคณะทำงานรวม 18 คน ศึกษาประเภทการพนันที่มีผลกระทบกับสังคมไทยมากที่สุด 3 ประเภท คือ บ่อนการพนัน/กาสิโน หวยเถื่อน และ พนันฟุตบอล พบว่า เสียงส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลจะอนุญาตให้การพนันทั้ง 3 ประเภทดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย เสียงส่วนหนึ่งเห็นด้วยกับการที่รัฐบาลจะจัดการให้เปิดบ่อนการพนันหรือสถานกาสิโนถูกต้องตามกฎหมาย และจัดให้หวยใต้ดินเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยสรุปได้แก่

    ไม่เห็นด้วยกับการที่จะจัดหวยใต้ดินเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย (สมาชิกไม่เห็นด้วยจำนวน 57 คน เห็นด้วย 24 คน และไม่ออกเสียง 6 คน) เพราะเป็นการส่งเสริมให้คนในสังคมเล่นการพนันมากขึ้น เป็นการมอมเมาประชาชน เป็นการแย่งชิงรายได้หรืองบประมาณของครอบครัวให้กับเจ้ามือหวย นอกจากนี้หน่วยงานราชการที่ทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมายก็ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนในแง่ของความซื่อสัตย์สุจริต รวมทั้งระบบตรวจสอบรายได้และหลักเกณฑ์ในการนำรายได้ไปใช้ก็ยังไม่อยู่ในระดับมาตรฐานที่เชื่อถือได้ ด้วยเหตุนี้สภาที่ปรึกษาฯ จึงเห็นว่ารัฐบาลควรมีนโยบายในการควบคุมและปราบปรามหวยใต้ดินอย่างเด็ดขาด มากกว่าที่จะจัดการนำเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมกันนี้รัฐบาลก็ควรวางกุศโลบายในการจัดการที่จะก่อให้เกิดผลในการลด ละ เลิก การเล่นหายใต้ดินในระยะยาวต่อไป

    ไม่เห็นด้วยกับการเปิดบ่อนการพนันหรือสถานกาสิโนให้ถูกต้องตามกฎหมาย (สมาชิกไม่เห็นด้วยจำนวน 52 คน เห็นด้วย 24 คน และไม่ออกเสียง 7 คน) เพราะการพนันเป็นทางแห่งความเสื่อม บ่อนการพนันที่ถูกกฎหมายไม่สามารถทำให้บ่อนผิดกฎหมายหมดไปได้ การควบคุมบ่อนการพนันให้เป็นไปตามเงื่อนไขกระทำได้ยาก บ่อนการพนันไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการจ้างงาน การเปิดบ่อนการพนันให้ถูกต้องตามกฎหมายอาจทำให้มีจำนวนผู้เล่นการพนันเพิ่มสูงขึ้น ต้นทุนทางสังคมเพิ่มสูงขึ้น บรรทัดฐานทางสังคมเสื่อมถอยลง เป็นการดึงเงินงบประมาณจากมือประชาชนเข้าสู่ระบบการพนัน ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาเงินทุนไหลออกนอประเทศได้อย่างสมบูรณ์ และอาจเป็นการส่งเสริมให้กลุ่มอิทธิพลจากระดับท้องถิ่นเติบโตเป็นกลุ่มอิทธิพลระดับชาติ กล่าวโดยสรุปก็คือ จนกระทั่งถึงในขณะนี้ บ่อนการพนันที่ถูกกฎหมายยังไม่มีความเหมาะสมกับสังคมไทย และสังคมไทยขาดความพร้อมที่จะรองรับสถานกาสิโนที่ถูกกฎหมาย

    ไม่เห็นด้วยกับการจัดการให้มีโต๊ะรับพนันฟุตบอลที่ถูกต้องตามกฎหมาย (สมาชิกไม่เห็นด้วยจำนวน 73 คน เห็นด้วย 2 คน และไม่ออกเสียง 5 คน) เพราะการแข่งขันฟุตบอลควรเป็นเกมส์กีฬาจึงไม่ควรให้มีการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้การทำโต๊ะรับพนันฟุตบอลให้ถูกกฎหมายจะเป็นการกระตุ้นให้มีผู้เล่นการพนันมากยิ่งขึ้น และการจัดเก็บภาษีอาจจะไม่สูงมากนัก

    อย่างไรก็ตาม เสียงส่วนหนึ่งเห็นด้วยและสนับสนุนให้รัฐบาลดำเนินการให้หวยใต้ดินและเปิดบ่อนการพนัน หรือสถานกาสิโนให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเห็นด้วยกับการให้หวยใต้ดินเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเป็นการจัดรูปแบบหรือหาวิธีจัดเก็บรายได้จากธุรกรรมที่มีอยู่แล้วในสังคมซึ่งห้ามอย่างเด็ดขาด มิให้การเล่นการพนันประเภทนี้ได้ยาก นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันการเกิดกลุ่มอิทธิพลจากเจ้ามือหวยใต้ดิน และช่วยคุ้มครองผู้เล่นจากการถูกเจ้ามือโกงอีกด้วย

    ขณะเดียวกัน ยังเห็นด้วยกับการเปิดบ่อนการพนันหรือสถานกาสิโนให้ถูกต้องตามกฎหมายเพราะเป็นการสร้างรายได้ให้กับรัฐบาล ส่งเสริมการท่องเที่ยว ป้องกันเงินรั่วไหลออกนอกประเทศ แก้ปัญหาการฟอกเงิน ทำให้มีสถานที่ผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน สร้างงานและธุรกิจต่อเนื่อง ป้องกันและลดปัญหาการคอร์รัปชันจากกลุ่มคนที่เกี่ยวข้อง เป็นการรักษาสิทธิของผู้เล่นการพนัน คุ้มครองผู้เล่นจากการถูกโกง ปราบปรามและกำจัดผู้มีอิทธิพลและกลุ่มมือปืนที่เกิดจากบ่อนการพนัน และสามารถควบคุมกลุ่มผู้เล่นให้เป็นไปตามกติกาที่กำหนด

    ส่วนแนวทางจัดการกับธุรกิจหรือกิจการที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในทางที่ถูกกฎหมายถือว่าไม่ถูกต้อง หากรัฐบาลไม่อนุญาตให้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ควรดำเนินการดังนี้ ได้แก่ แนวทางการบริหารจัดการกับธุรกิจหวยใต้ดินมีข้อเสนอ 2 แนวทางคือ แนวทางแรก ใช้การควบคุม และปราบปรามอย่างเด็ดขาด ส่วนอีกแนวทางหนึ่งเห็นควรจัดเข้าสู่ระบบให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่มุ่งเน้นให้ผู้เล่น ลด ละ เลิก ให้ได้ในระยะยาว ที่สำคัญคือรัฐบาลไม่ควรเป็นผู้เข้าไปดำเนินการทำธุรกิจหวยใต้ดินเสียเอง หากแต่ควรให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการภายใต้กฎเกณฑ์ของรัฐ

    การควบคุมจัดการกับธุรกิจบ่อนการพนันหรือสถานกาสิโน ควรใช้บทลงโทษอย่างเข้มงวด ทั้งผู้รักษากฎหมายและผู้กระทำผิดกฎหมาย อนุญาตให้เปิดบ่อนการพนันตามประเพณีหรือบ่อนพื้นบ้านเป็นครั้งคราว สร้างสังคมให้มีความพร้อมโดยปลูกฝังคุณธรรมในสังคม ใช้หลักศาสนาเป็นแกนนำในการดำเนินชีวิต และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเห็นถึงโทษภัยของการพนัน เพื่อ ลด ละ เลิก การพนันให้ได้ในที่สุด และ เพื่อควบคุมธุรกิจการพนันให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลควรศึกษาการเปลี่ยนแปลงและการขยายตัวของตลาดการพนันประเภทนี้อย่างใกล้ชิด โดยการปรับปรุงบทลงโทษทางกฎหมาย และวิธีการควบคุมผู้กระทำความผิดให้สอดคล้องกับกระบวนการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

    อีกด้านหนึ่ง เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2546 นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมเห่งชาติ กรณีความเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าว โดยคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอนายกรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎหมายฯ) ซึ่งมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น) เป็นประธานกรรมการ พิจารณาแล้ว เห็นควรนำความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป และเห็นควรมอบให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รับไปจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ. สภาที่ปรึกษาฯ ปี 2543 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น เพื่อเผยแพร่ให้สาธารณชนทราบต่อไป และมอบให้หน่วยงานดังกล่าวรับไปศึกษาในเรื่องการกำหนดมาตรการควบคุมหรือเงื่อนไขต่างๆ ในการจะอนุญาตให้เปิดบ่อนการพนัน หวยเถื่อน หรือการพนันฟุตบอล สามารถดำเนินการได้โดยชอบด้วยกฎหมาย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

    คณะรัฐมนตรี (รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สมัยที่ 1) ได้ประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2546 เห็นว่า โดยที่ความเห็นเกี่ยวกับการจัดการให้ธุรกิจการพนันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ยังเป็นความเห็นที่ยังแตกต่างกันเป็นสองฝ่ายและก้ำกึ่งกันอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายที่ยังไม่เห็นด้วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหวั่นเกรงผลกระทบทางด้านสังคม และยังไม่ทราบว่าภาครัฐจะมีแนวทางและมาตรการที่จะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไรให้เหมาะสม ส่วนฝ่ายที่เห็นด้วยก็เห็นว่าจะเป็นผลดีแก่เศรษบกิจและจะช่วยแก้ปัญหาเงินตราไหลออกนอกประเทศได้ส่วนหนึ่งด้วย ประกอบกับการดำเนินธุรกิจการพนันอย่างถูกกฎหมายนี้หลายประเทศได้เปิดให้ดำเนินการอยู่แล้วในรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่น ในสหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และ ออสเตรเลีย เป็นต้น นอกจากนี้ ประเทศเพื่อนบ้านของไทยบางประเทศก็อนุญาตให้มีการดำเนินธุรกิจการพนันในพื้นที่ใกล้แนวชายแดนติดกับประเทศไทยอยู่แล้ว สมควรที่ประเทศไทยจะพิจารณาตัดสินใจเกกี่ยวกับการดำเนินการในเรื่องนี้ให้ชัดเจนบนพื้นฐานของข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นที่ยอมรับและเกิดความเข้าใจอันดีแก่ประชาชนโดยทั่วไป โดยยึดเอาประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นสำคัญ

    แนวทางที่สมควรดำเนินการ คือ การจัดให้มีศูนย์ความบันเทิงอย่างครบวงจร (entertainment complex) โดยมีการพนันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของศูนย์โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่การท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว ซึ่งจะสามารถกำหนดหลักเกณฑ์และคัดสรรบุคคลที่จะเข้าไปร่วมเล่นพนันได้ รวมทั้งจะก่อให้เกิดรายได้จากธุรกิจต่างๆ เป็นหลัก โดยธุรกิจการพนันเป็นเพียงรายได้ส่วนน้อยเท่านั้น จึงมอบให้นายวิษณุ เป็นประธานคณะทำงาน นายโภคิน พลกุล รองนายกรัฐมนตรี รมว.มหาดไทย นายวรเทพ รัตนากร รมว.คลัง เป็นคณะทำงาน และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นคณะทำงานเละเลขานุการ เพื่อรับไปพิจารณากำหนดแนวทางในการดำเนินการเรื่องนี้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการชี้แจงทำความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามความเหมาะสม เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการพิจารณาด้วย

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมื่อท่านนายกฯ ประยุทธ์เริ่มฟังชาวบ้าน กรณีการผลิตไฟฟ้าใช้เอง / ประสาท มีแต้ม โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 มิถุนายน 2558 17:53 น. (แก้ไขล่าสุด 22 มิถุนายน 2558 09:07 น.) คอลัมน์ : โลกที่ซับซ้อน โดย...ประสาท มีแต้ม

    ทำไปทำมาผมกลายเป็นแฟนประจำของรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ไปแล้ว วันไหนไม่ได้ฟังก็ต้องค้นจากเว็บไซต์มาอ่าน มาสแกนหาประเด็นที่ผมสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องพลังงานซึ่งท่านได้พูดถึงมาหลายสัปดาห์ติดต่อกันแล้ว

    ย้อนหลังไป 2 สัปดาห์ ท่านพูดเรื่องถ่านหินราคาถูก ถัดมาท่านพูดถึงเรื่องสายส่งเต็ม ไม่สามารถรับซื้อไฟฟ้าได้ทั้งหมด “ถ้าอยากทำก็ทำใช้เองในบ้าน อันนี้เรายินดีอยู่แล้ว” (12 มิ.ย.58) และล่าสุด ท่านพูดถึงโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ผลิตไฟฟ้าใช้เอง 100%

    ประเด็นที่น่าสนใจไม่ได้อยู่ที่เนื้อหาในคำพูดของท่านเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ท่านได้เปิดใจรับฟังเรื่องราวของชาวบ้านธรรมดาๆ ซึ่งไม่ค่อยได้มีโอกาสในการเสนอความเห็นใดๆ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่สำคัญต่อวิถีชีวิตของพวกเขา

    ผมจำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนที่ท่านรับตำแหน่งนายกฯ ใหม่ๆ ได้เกิดกระแสต้านสัมปทานปิโตรเลียม มีคนตัดพ้อว่า “นายกฯ ฟังแต่ข้อมูลของทางราชการ” ท่านนายกฯ ก็สวนกลับทันทีว่า “ถ้าไม่ให้ผมฟังข้าราชการ แล้วจะให้ผมฟังใคร”

    ใครจะหาว่าผมเป็นคนอย่างไรก็ตาม แต่ผมเรียนตามตรงว่า ผมรู้สึกเห็นใจท่านนายกฯ ครับ เพราะท่านยืนอยู่ในตำแหน่งที่ถูกปิดล้อมด้วยคน และระบบราชการที่ไม่ทันสมัย นอกจากนี้ ตัวท่านเองก็ถูกฝึกมาด้วยระบบราชการทหารที่เข้มงวดกว่าปกติเสียอีก ที่สำคัญกว่านั้น พวกข้าราชการระดับสูงด้านพลังงานมักจะไปนั่งเป็นกรรมการบริหารของรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานด้วย ดังนั้น ข้อมูลรวมทั้งวิธีคิดของข้าราชการเหล่านั้นมักจะเพี้ยนไปตามผลประโยชน์ของหน่วยงานเป็นหลัก หรือที่เรียกว่า “ผลประโยชน์ทับซ้อน”

    ผมเองเคยได้รับคำแนะนำที่มีค่ามากจากอาจารย์อาวุโสท่านหนึ่งว่า “อย่าอยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ต้องออกไปหาชาวบ้านบ้าง เพราะการได้สัมผัสชาวบ้านนอกจากจะได้รับข้อมูลที่หาได้ยากแล้ว ยังได้รับอารมณ์ความรู้สึกติดไปด้วย”

    ชาวบ้านไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ ดังนั้น ข้อมูลจากชาวบ้านจะถูกบ้างผิดบ้าง ผู้รับฟังก็ต้องพิจารณาเอาเอง แต่ที่สำคัญกว่านั้นการได้รับฟังจากชาวบ้านโดยตรงมันทำให้เกิดพลังความมุ่งมั่นภายในจิตใจด้วย เปรียบเทียบกันง่ายๆ ถ้าเจ้าชายสิทธัตถะ ไม่ได้เห็น หรือเดินผ่านคน เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือเห็นเพียงแค่ในรายงานท่านอาจจะไม่บรรลุธรรมก็เป็นได้

    กลับมาที่ท่านนายกฯ ประยุทธ์ กับคำพูดในรายการล่าสุด ท่านก็ยังไม่ได้พบชาวบ้านหรอก ท่านพูดว่า

    “ผมได้พบกับบุคคลต่างๆ ที่ได้มีส่วนช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม ผมอยากจะนำมาเล่าสู่กันฟังวันนี้ คือ ได้ยินมาจากชาวบ้านว่า ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในงานได้เล่าให้ฟังถึง พระครูวิมลปัญญาคุณ จากวัดป่าศรีแสงธรรม จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งท่านเป็นนักประดิษฐ์ ได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และนโยบายชุมชนเข้มแข็งของรัฐบาลมาประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยได้นำโซลาร์เซลล์มาผลิตไฟฟ้าสำหรับใช้ในโรงเรียนศรีแสงธรรม ที่เน้นการสอนนักเรียนให้พึ่งพาตนเองในทุกๆ ด้าน รวมถึงด้านพลังงานที่มีการผลิตไฟฟ้าใช้เอง ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ 100% เป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่เยาวชนในถิ่นทุรกันดารตามแนวชายแดน และแหล่งเรียนรู้ชุมชนจนถึงเป็นต้นแบบโรงเรียนพลังงานเพื่อชาติ นอกจากนี้ ท่านยังได้ประดิษฐ์ “รถเข็นไฟฟ้าชุดนอนนา” เพื่อให้เกษตรกรได้นำไปใช้ตามท้องไร่ ทุ่งนาที่ไฟฟ้าเข้าไปไม่ถึง โดยสามารถแปลงพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าได้ สามารถปั๊มน้ำ สูบน้ำ เปิดไฟได้ ท่านได้เปิดอบรมให้ชาวบ้านที่สนใจไปแล้ว 2 รุ่น ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก”

    ท่านนายกฯ ยังได้กล่าวต่อไปว่า

    “อย่างไรก็ตาม การดำเนินการผลิตไฟฟ้าใช้เองนั้น ยังคง (ก) มีข้อจำกัดตามกฎหมาย ตามระเบียบที่ยังไม่ทันสมัยนัก อาจจะไม่สอดคล้องต่อ (ข) นโยบายของรัฐบาลในปัจจุบัน กำลังแก้ไขอยู่ ที่อยากเห็นพี่น้องประชาชนมีความเข้มแข็ง สามารถช่วยเหลือตนเอง ครอบครัว และชุมชนได้ รวมทั้งให้ความสำคัญในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และมีการวิจัยและพัฒนาเพื่อสังคมด้วย ผมได้สั่งการในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา (ค) ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาความเป็นไปได้ ในการปรับปรุงกฎหมายข้อบังคับต่างๆ เพื่อส่งเสริมนโยบายของรัฐ อย่าให้ขัดแย้งกัน ให้ไปดูว่าทำได้หรือไม่ จะมีผลกระทบอะไร อะไรที่ทำได้ ช่วยได้ ก็ทำไป อะไรยังไม่ได้ก็ต้องทำความเข้าใจ (ง) ปัญหาของเราก็คือ การสร้างความเข้าใจที่มีต่อกัน และเราก็ไปหาหนทางอื่นมาทดแทนจะได้เป็นกำลังใจให้กันและกัน และเกิดผลสัมฤทธิ์ได้” เครื่องหมายข้อ (ก) ถึง (ง) นั้นผมเติมใส่เข้าไปเองครับเพื่อให้ผู้ท่านอ่านเห็นประเด็นสำคัญ 4 ประการ คือ (ก) ขีดจำกัดทางกฎหมาย (ข) นโยบายของรัฐบาลให้ประชาชนเข้มแข็งสามารถช่วยเหลือตนเอง และชุมชน สิ่งแวดล้อม (ค) มาตรการแก้ไข และ (ง) การสร้างความเข้าใจต่อกัน ซึ่งผมเองก็งงๆ อยู่ว่า ท่านนายกฯ หมายถึงอะไรกันแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อความที่ว่า “เราก็ไปหาหนทางอื่นมาทดแทน” ก่อนที่ท่านผู้อ่านจะอ่านต่อไป ผมขออนุญาตเสนอแผ่นสไลด์ซึ่งผมได้นำเสนอในเวทีสัมมนาเรื่อง “สิทธิชุมชนและสิทธิการพัฒนา : จากองค์ความรู้สู่ข้อเสนอเชิงยุทธศาสตร์” เมื่อวันที่ 18-19 มิถุนายน นี้ซึ่งพอมองเห็นความสอดคล้องต่อสิ่งที่ท่านนายกฯ พูด

    [​IMG]
    *
    ผมว่าสาระสำคัญที่ท่านนายกฯ ประยุทธ์ พูดกับข้อความในแผ่นสไลด์ของผมคล้ายกันมากโดยบังเอิญครับ เพียงแต่ของผมมันดูหวือหวากว่า เช่น “ทุบกำแพงอุปสรรค” แต่ท่านนายกฯ ใช้ “ปรับปรุงกฎหมายข้อบังคับ”

    ยิ่งนโยบายของรัฐบาลที่ท่านว่ามานั้นที่แท้ก็คือ “คุณค่าสำคัญสองประการของมนุษย์” นั่นเอง แต่ขอถามจริงๆ สัก 2 ข้อเถอะครับว่า ถ้าเราเคารพหลักคุณค่าดังกล่าวอย่างเคร่งครัดจริง โดยไม่หน้าไหว้หลังหลอกกันแล้ว (1) เราจะยังเรียกตัวเองว่าเป็นอิสระ หรือพึ่งตนเองได้ไหม ถ้าเรายังถูกบังคับ (ด้วยมือที่มองไม่เห็น) ให้ต้องซื้อพลังงานจากผู้อื่นเพียงอย่างเดียว ทั้งๆ ที่เทคโนโลยีใหม่ได้เปิดโอกาสให้เราผลิตใช้เองได้แล้ว และ (2) การใช้โรงไฟฟ้าถ่านหินซึ่งนักวิทยาศาสตร์สรุปแล้วว่า ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมต่อโลกมากที่สุด ยังคงเป็นการเคารพต่อหลักคำสอนข้อที่สองที่พ่อแม่ของได้เราปลูกฝังอบรมมาตลอดอยู่หรือ?

    คราวนี้เรามาว่ากันทีละข้อตามท่านนายกฯ ได้ปรารภมาตั้งแต่ (ก) ถึง (ง) กันครับ เรียกว่าผมขอเปิดทางเลือกให้ท่านนายกฯ ได้ฉุกคิด อย่างน้อยก็อาจทำให้ท่านไม่ตกอยู่ในสภาพ “ถ้าไม่ให้ผมฟังข้าราชการ แล้วจะให้ผมฟังใคร”

    ข้อ (ก) เรื่องกฎระเบียบ หรือกฎหมายของการไฟฟ้าฯ ทั้งนครหลวง และภูมิภาคได้กำหนดว่าแต่ละหน่วยงานเป็นผู้ขายไฟฟ้าแต่เพียงผู้เดียว ในแต่พื้นที่ที่ได้ตกลงแบ่งกันไว้แล้ว กฎระเบียบนี้คงมีมาตั้งแต่ 40-50 ปีมาแล้ว ตอนนั้นเทคโนโลยีใหม่ของมนุษย์ยังไม่เกิด มนุษย์ยังคงใช้หลักการของเครื่องจักรไอน้ำซึ่งได้ค้นพบมาเมื่อ 300 ปีมาแล้ว

    เทคโนโลยีนี้นอกจากจะทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานในกระบวนการผลิตที่โรงไฟฟ้าถึง 60% ซึ่งกลายเป็นความร้อนแล้ว ยังก่อมลพิษมหาศาล ในทางตรงกันข้ามเทคโนโลยีโซลาร์เซลล์ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พืชใช้สังเคราะห์แสง นอกจากเกือบไม่มีการสูญเสียพลังงานแล้ว ยังไม่ปล่อยมลพิษ ไม่ปล่อยน้ำเสียอีกด้วย

    ที่หน่วยงานของรัฐอ้างว่า ไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์มีราคาแพงนั้นไม่เป็นความจริงในปัจจุบันครับ ในอดีตอาจจะเป็นความจริง แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ครับ นี่สะท้อนว่าหน่วยงานของรัฐ “ไม่ทันสมัย”

    ปัจจุบัน ในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า 43 รัฐจาก 50 รัฐ ได้ออกกฎหมายให้ไฟฟ้าที่ชาวบ้านผลิตเองได้กับไฟฟ้าที่บริษัทไฟฟ้าส่งไปขายชาวบ้าน สามารถไปมาหาสู่กันได้ และเมื่อถึงเวลาจดบันทึกการใช้ไฟฟ้าเพื่อคิดเงิน ก็คิดเงินกันตามที่ปรากฏในบิล โดยที่ราคาค่าไฟฟ้าโดยเฉลี่ยในสหรัฐอเมริกาจะถูกกว่าในประเทศไทย ในบางรัฐ เช่น มินนิโซตา ราคาที่เจ้าของบ้านขายจะมีราคาสูงกว่าที่ชาวบ้านซื้อเสียด้วยซ้ำ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาถือว่าไฟฟ้าที่ผลิตจากแสงอาทิตย์ได้ช่วยลดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดหรือพีกได้ บริษัทไม่ต้องเสียเงินจำนวนมากมาเพื่อสร้างโรงไฟฟ้ามาให้บริการวันละ 2 ชั่วโมงเท่านั้น

    ทางการไฟฟ้าฯ อาจจะคิดสั้นๆ ว่า การผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองจากโซลาร์เซลล์จะทำให้การไฟฟ้าสูญเสียรายได้ แต่ความจริงแล้วการไฟฟ้าสามารถลดต้นทุนที่มากกว่ารายได้ที่หายไปเป็นไหนๆ พูดง่ายๆ ก็คือ ทุกฝ่ายได้กำไร

    หากไม่เชื่อว่าราคาค่าไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาถูกว่าประเทศไทยก็ลองดูจากภาพนี้ครับ ซึ่งเป็นมูลค่าไฟฟ้าที่ทางโรงเรียนในสหรัฐฯ สามารถประหยัดได้จากจากการติดโซลาเซลล์

    [​IMG]
    *

    ปัจจุบันนี้ ทุกๆ 2 นาที คนอเมริกันจะติดโซลาร์เซลล์บนหลังคาเพิ่มขึ้นหนึ่งหลัง ในขณะเมื่อปีกลายต้องใช้เวลานาน 3 นาที หรือกว่า 6 พันเมกะวัตต์ ในขณะที่ในแผนพีดีพี 2015 ไทยแทบไม่กระดิก

    ท่านนายกฯ ไปติดกับดักเรื่องสายส่งเต็ม สายส่งแพง รับซื้อทั้งหมดไม่ได้ เรื่องนี้เป็นความจริงเพียงครึ่งเดียวครับ ที่สำคัญซึ่งประเทศเยอรมนีทำสำเร็จก็คือ การจัดลำดับความสำคัญว่า ไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงสะอาดสามารถขายได้ก่อน ส่งไปได้ก่อน โดยไม่จำกัดจำนวน พวกสกปรกขายได้ทีหลัง ดังนั้น เรื่องสายส่งเต็มเป็นมายาคติเท่านั้นเอง แต่จริงแล้วการสนับสนุนพ่อค้าพลังงานสกปรกสำคัญกว่า

    ยังมีมายาคติอีกอย่างหนึ่งว่า พลังงานจากแสงแดดไม่แน่นอน เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวเมฆมาบัดบังแดด ไม่เสถียร เป็นต้น ทำให้การผลิตจากโรงไฟฟ้าหลักต้องได้รับผลกระทบ ยุ่งยากในการจัดการ

    ผมมีหลักฐานจากโครงการโซลาร์เซลล์โรงเรียนในประเทศออสเตรเลีย (solarschools.net :: Data Monitoring) จำนวน 1,500 โรง ซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ แต่ละโรงมีกำลังผลิตแค่ 2-4 กิโลวัตต์ เป็นความจริงครับว่า อาจจะมีปัญหาฝนตก เมฆบัง ในบางโรงเรียน แต่เมื่อนำมารวมกันทั้งประเทศ พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จะสามารถคาดหมายได้ กล่าวคือจะกระจายตัวเป็นรูประฆังคว่ำตามเวลารับแสงอาทิตย์ตั้งแต่เช้าจดค่ำ ภาพนี้เป็นภาพสดๆ ประจำวันที่ 21 มิถุนายน จนถึงเวลาบ่าย 2 ที่ผมนั่งเขียนบทความอยู่ (ที่เห็นว่ารูปเบี้ยวทางขวามือเพราะยังไม่ถึงเวลาพระอาทิตย์ตก ในวันนี้ผลิตไฟฟ้าได้แล้วเกือบ 16,000 หน่วย คิดเป็นเงินก็กว่า 5 หมื่นบาท เสียดายแดด!)

    สรุปก็คือ ทั้งประเทศมันจะเป็นอย่างนี้เองทุกวัน ใครๆ แม้แต่เด็กชั้นประถมศึกษาก็พยากรณ์ได้

    [​IMG]
    *

    ผมได้อธิบายความเห็นของท่านนายกฯ ครอบคลุมไปถึงข้อ (ข) และ (ค) เรียบร้อยแล้วครับ คงเหลือแต่ข้อ (ง) ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าท่านหมายถึงอะไรโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เราก็ไปหาหนทางอื่นมาทดแทน”

    ในความเห็นของผมแล้ว ท่านจะไปหาหนทางอื่นมาทดแทนโดยการละเลยเหตุผลเชิงนโยบายในข้อ (ข) ของท่านเองไม่ได้นะครับ ไม่ได้จริงๆ ท่านเป็นชายชาติทหารที่ดูเข้มแข็ง ท่านไม่จำเป็นต้องเชื่อผม หรือเชื่อใคร

    ในตอนท้ายท่านเรียกหา “กำลังใจให้กันและกัน และเกิดผลสัมฤทธิ์” เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็นสำหรับมนุษย์ทุกคน ผมเชื่อว่าประชาชนพร้อมจะให้กำลังใจกำลังใจท่านอย่างท่วมท้น ขอให้ท่านหนักแน่น ค้นหา และทำความจริงให้ปรากฏ สำหรับผลสัมฤทธิ์ก็แค่พลิกฝ่ามือ การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ไม่ต้องวางแผนนาน เห็นผลทันตา ไม่ต้องใช้เวลาก่อสร้าง 6-8 ปี เหมือนโรงไฟฟ้าขนาดยักษ์

    แต่ท่านจะเหยาะแหยะแล้วให้กลุ่มผลประโยชน์มาหากินบนผลประโยชน์ของชาติของประชาชนไม่ได้ สำนวนคนปักษ์ใต้โบราณที่คนรุ่นใหม่คงไม่ค่อยได้ยินแล้วว่าอย่า “ลอยช้อนตามเปียก” (คำว่าเปียก หมายถึงข้าวต้มในภาษาภาคกลางครับ) หรือไม่มีหลักการของตนเอง แต่ชอบเออออห่อหมกกับเขาเสมอไป มาถึงตอนนี้ผมเชียร์ท่าน ถ้าท่านรู้จักฟังชาวบ้าน เคารพประชาชน และทำอย่างจริงจังพร้อมมุ่งมั่นตามนโยบายในข้อ (ข) ที่ท่านพูดเอง


    http://manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9580000070079
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    [​IMG]

    น่าจะมีโครงการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนโรงเรียน /สถาบันการศึกษาในภาครัฐ และส่งเสริมให้โรงเรียน/สถาบันการศึกษาภาคเอกชนดำเนินการในเรื่องนี้บ้างน่ะครับ
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำน้อย!! "กรมชลฯ" ย้ำให้ทุกฝ่ายใช้น้ำอย่างประหยัด!!
    2015-06-22 15:59:22 tag : กรมชลประทาน สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ปริมาณน้ำรวมกัน ความจุอ่างฯ

    [​IMG]

    ศูนย์วิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลฯ เผย อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศมีน้ำรวมกัน คิดเป็นร้อยละ 46 ของความจุอ่างฯขนาดใหญ่รวมกันทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่ยังมีน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย ขอให้ทุกส่วนใช้น้ำอย่างประหยัด

    วันนี้(22 มิ.ย. 58) ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศล่าสุดมีปริมาณน้ำรวมกัน จำนวน 32,251 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 46 ของความจุอ่างฯขนาดใหญ่รวมกันทั้งหมด
    ---
    โดยสถานการณ์น้ำในเขื่อนใหญ่ภาคเหนือ ซึ่งมีน้ำไหลลงอ่างฯใหญ่ภาคเหนือ รวมทั้งสิ้น 3.78 ล้านลูกบาศก์เมตร มีดังต่อไปนี้

    เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่ มีปริมาณน้ำ 73 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 28 ของความจุอ่างฯ
    เขื่อนกิ่วลม จ.ลำปาง มีปริมาณน้ำ 49 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 45 ของความจุอ่างฯ
    เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 4,123 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 31 ของความจุอ่างฯ
    เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 3,465 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 36 ของความจุอ่างฯ
    เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 131 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 14 ของความจุอ่างฯ

    ----
    ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งอ่างฯใหญ่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีน้ำไหลลงอ่างฯใหญ่ รวมกัน 3.31 ล้านลูกบาศก์เมตร มีดังต่อไปนี้

    เขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี มีปริมาณน้ำ 27 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 20 ของความจุอ่างฯ
    เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร มีปริมาณน้ำ 200 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 38 ของความจุอ่างฯ
    เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ มีปริมาณน้ำ 486 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของความจุอ่างฯ
    เขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา มีปริมาณน้ำ 82 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 26 ของความจุอ่างฯ ฯ
    เขื่อนลำนางรอง จ.บุรีรัมย์ มีปริมาณน้ำ 63 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 52 ของความจุอ่างฯ

    ---
    สำหรับในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก มีดังต่อไปนี้

    เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 76 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 8 ของความจุอ่างฯ
    เขื่อนกระเสียว จ.สุพรรณบุรี มีปริมาณน้ำ 89 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 37 ของความจุอ่างฯ
    เขื่อนคลองสียัด จ.ฉะเชิงเทรา มีปริมาณน้ำ 41 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของความจุอ่างฯ
    เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก มีปริมาณน้ำ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 7 ของความจุอ่างฯ

    สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่ยังมีน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย เนื่องจากทางตอนบนยังมีฝนตกน้อยต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย โดยกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าปริมาณฝนจะตกชุกตามฤดูกาลประมาณปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งกรมชลประทานจะบริหารจัดการน้ำในช่วงระยะเวลานี้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อพื้นที่การเกษตรที่ปลูกไปแล้ว รวมทั้ง เพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศน์ จึงขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัดด้วย

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ความจริงที่เขาปิดบัง ความเท็จที่เขาหลอกลวง

    [​IMG]
    ·
    บทที่ 1 - อาวุธในการหลอกลวง สะกดจิต ล้างสมอง ควบคุม
    ก่อนที่จะเข้าไปในเนื้อหา รับข้อเท็จจริงต่างๆที่ไม่ค่อยมีการพูดถึงเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ควรรู้ตัวก่อน ว่าความเชื่อที่ฟังอยู่ในใจของแทบทุกคนนั้นมาจากไหน โดยหากท่านผู้อ่านไม่ได้เป็นนักประวัติศาสตร์ ไม่เคยกระทำการค้นคว้าข้อมูลด้วยตนเอง ท่านย่อมได้รับข้อมูลมาเพียงด้านเดียว คือด้านของผู้ชนะที่ได้เขียนประวัติศาสตร์ และแม้กระนั้น ส่วนน้อยที่จะมาจากตำราหนังสือ โดยความเชื่อของคนส่วนใหญ่นั้นมีการปลูกฟังลงไปในใจด้วยการประโคมสื่อต่างๆ โดยเฉพาะทางรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ Hollywood ที่มีออกมาตอกยํ้าให้เข้าไปในใจซํ้าแล้วซํ้าเล่า โดยเป็นที่สังเกตว่ามักจะได้รับรางวัลเสมอ
    ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสื่อเหล่านี้ ที่ผู้คนส่วนใหญ่รอบโลกเสพและรับรู้โลกผ่านคือ:
    90% ของสื่อทั้งหมด นิตยสาร หนังสือพิมพ์ สถานีวิทยุ รายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ ในสหรัฐอเมริกา อยู่ภายใต้การควบคุมของ 6 บริษัท:
    GE เจ้าของ Universal Pictures, NBC เป็นต้น
    Newscorp เจ้าของ Fox, Wall Street Journal, New York Post เป็นต้น
    Disney เจ้าของ Miramax, Pixar, Marvel Studios, ESPN, ABC, History Channel เป็นต้น
    Viacom เจ้าของ MTV, Paramount Picture เป็นต้น
    Time Warner เจ้าของ CNN, HBO,Time, Warner Bros เป็นต้น
    CBS เจ้าของ Smithsonian channel, 60 minutes เป็นต้น
    โดยบริษัททั้งหกนี้ และสื่ออังกฤษส่วนใหญ่เช่น BBC ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่ม Zionist ทั้งสิ้น (อ้างอิง 1)
    ใครคือเจ้าของผู้ควบคุม Hollywood ไม่ใช่ความลับอะไร โดยสื่อของกลุ่ม Zionist ก็ประกาศกันด้วยความภาคภูมิใจ ในบทความที่ลง Los Angeles Times ‘Is Hollywood Run by Jews? You Bet.’ Joel Stein ได้ประกาศ ‘Hollywood ถูกควบคุมโดยชาวยิวหรือไม่? แน่นอน....ในฐานะชาวยิว (Zionist) คนหนึ่ง เราต้องการให้อเมริกาทราบถึงความสำเร็จของเรา ใช่ เราควบคุม Hollywood’ (As a proud Jew, I want America to know about our accomplishment. Yes, we control Hollywood.) ในนิตยสาร Moment ของ Elie Wiesel นักเขียน Zionist ที่มีชื่อเสียงในการเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความชั่วร้ายของค่ายกักกันนาซีเองเคยพาดหัวลงปก ‘ชาวยิวเป็นเจ้าของ Hollywood - แล้วยังไง?’ (Jews Run Hollywood - So What?) (อ้างอิง 2)
    (คำว่า ‘Zionist’ ในวงเล็บ ข้าพเจ้าได้เติมใส่ไปเองเนื่องจากว่าไม่ต้องการให้เกิดความสับสน อันจะไม่เป็นธรรมแก่ชาวยิว โดยตามความเป็นจริง ไม่ใช่ว่าชาวยิวทั้งหมดจะเป็น Zionist และก็ไม่ใช่ว่า Zionist ทั้งหมดจะเป็นชาวยิว )
    การสามารถควบคุมสื่อหลักแบบผูกขาด ย่อมหมายถึงการควบคุมการรับรู้ของมนุษย์ส่วนใหญ่ โดยการรับรู้ความเป็นไปของโลกส่วนน้อยนักที่จะรับรู้ข้อมูลจากช่องทางอื่น จึงเป็นเครื่องมือที่มีอำนาจมหาศาลในการ สะกดจิต ล้างสมอง ควบคุม ให้เชื่อตามที่ผู้ควบคุมต้องการให้เชื่อ ให้คิดตามที่ต้องการให้คิด
    ความสามารถทำให้ขาวเป็นดำ ทำให้โลกกลับหัวกลับหาง อนุภาพเหล่านี้ของสื่อมีมากน้อยแค่ไหน ผู้สังเกตย่อมทราบดี ว่าโดยเพียงการสร้าง Hero เช่น John Wayne ขึ้นมา ระหว่างที่พระเอก Cowboy ยอดนิยมนี้ กำลังขี่ม้าไล่ยิงอินเดียแดง ซึ่งตกอยู่สถานภาพเป็นผู้ร้าย ทางผู้ชมที่ดูภาพยนตร์ต่างๆก็จะเอาใจเชียร์พระเอก Hero ที่ไล่ล่าผู้ร้ายผู้ถูกกาหน้าว่าเป็นพวกวัฒนธรรมป่าเถื่อน (Savage) นี้ ทั้งที่ตามความเป็นจริงแล้ว คือเรื่องราวของการปล้นแผ่นดินจากเจ้าของถิ่น และควรจัดเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกโดยประชากรเจ้าของถิ่นเดิมนั้นตายไปถึง 90% ตัวเลขการตายที่นักประวัติศาสตร์ประเมินอยู่ที่ระหว่าง 20 ถึง 80 ล้านคน
    ในโลกปัจจุบัน ก็สามารถเห็นการประโคมหลอกลวงชาวโลก ให้ประเทศตะวันออกกลางทีมีนํ้ามันแต่ไม่ให้ความร่วมมือกับสหรัฐ ว่าเป็นก่อการร้ายสะสมอาวุธที่มีอนุภาพในการทำลายล้าง (WMA) บ้าง ไม่เป็นประชาธิปไตยบ้าง โดยก็จะได้กองเชียร์และแรงสนับสนุนจากทั่วโลกเพื่อนำกองกำลังเข้าไปจัดการ อันโดยแท้จริงแล้วเพียงเป็นข้ออ้างในการปล้นทรัพยากรของเขา และเมื่อเข้าไปแล้วก็ไม่พบสิ่งต่างๆที่ได้กระพือข่าวกันว่ามี หรือหลักฐานใดๆทั้งสิ้นที่จะบงชี้ว่าเป็นภัยต่อสังคมโลก แต่ได้ทำลายความเป็นอยู่ของชนชาตินั้นอย่างสิ้นเชิง ซึ่งความจริงที่เลวร้ายเหล่านี้จางหายไปจากหัวข่าวอย่างรวดเร็ว
    ระหว่างที่ชาว Palestine กำลังดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดจากการใกล้จะสูญพันธ์ โดยบางครั้งถึงขั้นต้องเอาก้อนหินต่อสู้กับกองทัพ Israel ที่มีขีปนาวุธลํ้าหน้าทุกชนิด ทั้งภาพของความโหดร้ายที่ Israel กระทำต่างๆ หรือแม้แต่การวิพากษ์วิจารณ์ใดที่เป็นไปในทางลบ แทบไม่ปรากฏในสื่อเหล่านี้ โดยนักข่าวผู้ใด หากไปแตะ Israel จะไม่สามารถทำงานต่อในบริษัทเหล่านี้ได้ เป็นไปตามตามนโยบายเดียวกับคำที่อดีตนายกรัฐมนตรี Ariel Sharon เคยได้กล่าวไว้ ‘ Israel มีสิทธิที่จะสอบสวนดำเนินคดีผู้อื่น แต่ผู้อื่นไม่ไม่มีสิทธิที่จะสอบสวนดำเนินคดีกับชาวยิวหรือรัฐ Israel อย่างแน่นอน’ (อ้างอิง 3)
    คำถามสำหรับท่านประจำโพสนี้คือ:
    ในเมื่อแหล่งความเชื่อของคนส่วนใหญ่เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นมาจากสื่อเช่น Hollywood และรายการสารคดีที่เผยแพร่ทางช่อง History Channel และ BBC เป็นต้น ที่คนกลุ่มนี้ควบคุม และ เขามีพฤติกรรมในการใช้สื่อเหล่านี้ในการปิดบังความจริงและหลอกลวงผู้คนเพื่อผลประโยชน์ของพวกเขาอย่างชัดเจน ท่านผู้อ่านคิดหรือ ว่าในเมื่อเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามโลกเขามีผลประโยชน์ มีส่วนได้เสียอย่างเติมเปี่ยม เขาจะให้ความจริงโดยไม่ปิดบังสิ่งใด โดยไม่แต่งสิ่งใดมาหลอกลวงชาวโลก ?
    หากท่านคิดว่าความเชื่อที่ท่านได้มาจากแหล่งเหล่านี้ คือความจริงทั้งหมดที่ไม่ควรตั้งคำถามหรือข้อสงสัย ชุดบทความที่ข้าพเจ้าเขียนไม่ใช่สำหรับท่าน แต่หากท่านคิดว่าความจริงอาจไม่ใช่ตามที่ท่านได้มาจากแหล่งเหล่านี้ เชิญติดตามอ่านชุดบทความนี้ต่อไป โดยข้าพเจ้าจะเน้นกระทำหน้าที่ในการเสนอเพียงข้อเท็จจริง พร้อมการตั้งคำถาม ส่วนในการสรุปนั้น ท่านผู้อ่านจะเป็นผู้สรุปเอง
    2558/06/14
    บทความโดย ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร
    แหล่งอ้างอิง 1
    http://www.businessinsider.com/these-6-corporations-control…
    https://en.wikipedia.org/w…/Concentration_of_media_ownership
    http://www.gilad.co.uk/…/redress-online-bbc-executive-danny…
    TWX Major Holders | Time Warner Inc. New Common Sto Stock - Yahoo! Finance
    แหล่งอ้างอิง 2
    http://newobserveronline.com/jews-boast-of-owning-hollywoo…/
    Who runs Hollywood? C'mon - latimes
    แหล่งอ้างอิง 3
    Israel may have the right to put others on trial, but certainly no one has the right to put the Jewish people and the State of Israel on trial - Ariel Sharon
    BBC News | MIDDLE EAST | Clashes mar Mid-East inquiry
    นักข่าว BBC ต้องออกจากงาน - Proof of The Jewish-Zionist Takeover of the BBC!
    Proof of The Jewish-Zionist Takeover of the BBC! - David Duke.com | David Duke.com
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ความจริงที่เขาปิดบัง ความเท็จที่เขาหลอกลวง

    [​IMG]

    บทที่ 2 - ความจริง การฆ่าล้าง ที่ Hiroshima Nagasaki
    ก่อนที่เราจะไปดูว่าผู้แพ้สงครามได้กระทำความเลวร้ายอะไรไว้ หรือ ไม่ได้กระทำอะไรตามที่ถูกกล่าวหาไว้ เราจะไปดูว่าฝ่ายพระเอก หรือ ผู้ชนะ ที่เป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์ได้กระทำความเลวร้ายอะไรไว้บ้าง และได้หลอกลวงบิดเบือนอะไร โดยการศึกษาคดีใดก็ตาม จำเป็นต้องศึกษาทั้งจำเลย และโจทย์ โดยเฉพาะในกรณีที่โจทย์เป็นผู้พิพากษาด้วย
    นิทานเรื่องหนึ่ง ที่ได้กลายเป็นความเชื่อของคนส่วนใหญ่ คือเรื่องของการทิ้ง ระเบิดปรมาณู 2 ลูกที่ Hiroshima และ Nagasaki ซึ่งมีการเล่าว่ามีความจำเป็นเพื่อการยุติสงคราม โดยได้มีการเผยแพร่ทางหนังสือเรียนประวัติศาสตร์ทั้งหลาย ว่าหากไม่ได้มีการใช้แล้ว สงครามจะยืดเยื้อไม่ยอมจบสิ้น อันเป็นเหตุต่อการ สูญเสียชีวิตของชีวิตชีวิตของชาวอเมริกันและญี่ปุ่นจำนวนมากมาย ตามคำอ้างของประธานาธิบดี Truman
    หลังได้มีการเปิดเผยเอกสารทางการเก่าๆ นิทานเรื่องนี้ได้ถูกทำลายลง นักประวัติศาสตร์จำนวนในปัจจุบันทราบกันมากขึ้นเรื่อยๆแล้วว่า สหรัฐไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้ระเบิดปรมาณูเพื่อยุติสงครามกับญี่ปุ่นในปี 1945 พร้อมการยืนยันจากส่วนใหญ่ของผู้นำทางกองทัพ ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ที่สำคัญ ตรงกันข้ามกับประวัติศาสตร์ ที่ได้บันทึกเขียนออกมาหลอกให้สหรัฐดูเหมือนจะเป็นพระเอกที่ได้กอบกู้โลก
    ข้อเท็จจริง:
    (1) ญี่ปุ่นต้องการยอมแพ้ โดยมีเงื่อนไขข้อเดียว คือการรักษาจักรพรรดิ์ไว้ และ ไม่ให้มีการดำเนินคดี War Crime กับจักรพรรดิ์ และ (2) โดยสถานการทางการทหาร ญี่ปุ่นเสมอแพ้ไปแล้ว (3) สหรัฐทราบทั้งหมดเป็นอย่างดี แต่ เมินต่อข้อเสนอการยอมแพ้ เดินหน้าทิ้ง ‘Atomic Bomb’ เพื่อทดลองของเล่นใหม่ โดยมองว่าจะจะได้ประโยชน์ในการข่มโซเวียตทางการเมือง
    (1) จากการเปิดเผยเอกสารในช่วงท้าย Cold War หลักฐานปรากฏว่าญี่ปุ่น ได้มีการเจรจาผ่านทูตที่ Moscow ตั้งแต่เดือนเมษายนของปี 1945 แสดงถึงการที่ญี่ปุ่นต้องการจะยอมแพ้ โดยมีเงื่อนไขข้อเดียว คือการรักษาจักรพรรดิ์ไว้ และ ไม่ให้มีการดำเนินคดีอาชญากรสงครามกับจักรพรรดิ์ โดยทูตญี่ปุ่นประจำที่ Moscow ได้กล่าว ‘ข้อความที่ต้องการการยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไขหรือใกล้เคียง ข้าพเจ้าได้ยกเว้นกรณีการพิจารณาใดๆกับราชวงศ์จักรพรรดิ์’ (L1)
    เรื่องความต้องการที่จะยอมแพ้ของญี่ปุ่น ประธานาธิบดี Truman ทราบเป็นอย่างดี เพราะสหรัฐได้ถอดรหัสของญี่ปุ่นมานานแล้ว โดยในวันที่ 28 พฤษภาคม 1945 อดีตประธานาธิบดี Herbert Hoover ได้เข้าพบ Truman และได้กล่าว ‘หากท่าน ในฐานะประธานาธิบดี เพียงประกาศให้ชาวญี่ปุ่นทราบว่าเขาสามารถรักษาจักรพรรดิ์ของเขาไว้ได้ ท่านจะได้ความสงบในญี่ปุ่น สงครามทั้งสองจะจบลง’ (L2) ภายหลัง Hoover ได้ตำหนิ Truman ‘ญี่ปุ่นพยายามเจรจามาตั้งแต่ กุมพาพันธ์ 1945 จนถึงมีการทิ้งระเบิดจักรพรรดิ์ หากเพียงได้สนใจ จะไม่มีเหตุต้องทิ้งระเบิดปรมาณูเลย’ (L3)
    ภายหลัง John McLoy รัฐมนตรีช่วยกลาโหมได้กล่าว ‘โดยการไม่ยอมรับข้อเสนอ....เราได้ทิ้งโอกาสในการได้การยอมแพ้ที่เราพอใจ โดยไม่จำเป็นต้องทิ้งระเบิดนั้น’ (L4) ส่วนนายพล MacArthur ผู้บังคับบัญชากองทัพสหรัฐปาซิฟิก ได้กล่าว ‘สงครามอาจจบเร็วกว่านี้ 2 สัปดาห์หากสหรัฐได้ตกลง ซึ่งในที่สุดสหรัฐก็ได้ตกลงยอมอยู่ดี ที่จะให้รักษาสถาบันจักรพรรดิ์ไว้’ แต่ภายหลังการทดลองอาวุธใหม่ที่ได้ฆ่าล้างคนไปหลายแสนแล้ว (L5)
    (2) นอกจากจะสามารถจบลงง่ายๆโดยการเจรจาแล้ว United States Strategic Bombing Survey of 1946 ยังสรุปอีกว่า ‘แม้ไม่ใช่ระเบิดปรมาณู ศักยภาพที่เหนือกว่าทางอากาศก็ยังทำให้ญี่ปุ่นยอมแพ้ได้โดยไม่จำเป็นต้องบุกทางบก’ และจากการสอบสวนผู้นำทางการทหารของญี่ปุ่นที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้ระบุ ‘ญี่ปุ่นจะยอมแพ้อยู่แล้ว แม้ไม่มีการทิ้งระเบิดปรมาณู’ (L6) ซึ่งตรงกับที่บุคคลสำคัญกองทัพ เช่นพลเรือเอก William Leahy ผู้มีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพสหรัฐ ประธาน Joint Chiefs of Staff ได้กล่าว ‘ญี่ปุ่นแพ้ไปแล้วและพร้อมที่จะยอมแพ้ จากการกีดกันทางทะเล และการระเบิดด้วยอาวุธธรรมดา’ (L7) และ นายพล Dwight D. Eisenhower ที่ต่อมาได้เป็นประธานาธิบดี ‘ญี่ปุ่นแพ้ไปแล้วและการทิ้งระเบิดปรมาณูนั้นไม่มีความจำเป็นเลย’ (L8)
    (3) จากการมีผู้ไปถามนายพล MacArthur เกี่ยวกับการตัดสินใจทิ้งระเบิดปรากฏว่า ในการตัดสินใจนี้ ไม่ได้แม้แต่มีการปรึกษา เขา ทั้งที่เป็นผู้บังคับบัญชากองทัพสหรัฐในแถบแปซิฟิก โดยผู้ที่ได้มีร่วมตัดสินใจกับ Truman นั้นคือ Henry Stimson รัฐมนตรีว่าการกลาโหม 'Top Policy Group' ที่ได้ควบคุมโปรเจคระเบิดปรมาณู. ซึ่งเคยบอก Truman ว่าเขา ‘กลัว’ ว่า ‘การโจมตีทางอากาศจะทำให้พื้นดินเละจนอาวุธใหม่ของเขาจะไม่สามารถแสดงพลังให้เห็นได้อย่างชัดเจน’(L9) และภายหลังเขาได้ยอมรับว่า ‘ไม่เคยมีความพยายาม หรือแม้แต่นำมาเรื่องการยอมแพ้มาพิจารณาอย่างจริงจัง เพื่อไม่ต้องทิ้งระเบิดปรมณู’ (L10) โดยนายพล Leslie Groves สหายของ Stimson ที่เป็นกรรมการของ Manhattan Project ที่สร้างระเบิดได้ให้การว่า ‘เราไม่เคยไม่ชัดเจนว่า Russia เป็นศัตรูของเรา และเราได้ดำเนินไปด้วยฐานนี้’ หนึ่งวันหลัง Hiroshima ถูกทำลายล้าง ประธานาธิบดี Truman ได้แสดงความพอใจใน ‘ในความสำเร็จ’ ในการ ‘ทดลอง’ (L11)
    ‘เราทำให้เขาแพ้ไปแล้ว ด้วยการล้มเรือและตัดอาหาร เราไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ เราก็รู้ว่าเราไม่จำเป็น เขาก็รู้ว่าเราไม่จำเป็น เราใช่พวกเขาในการทดลองระเบิดปรมาณู 2 ลูก’ (L12) คือตำของนายพล Carter W. Clarke หัวหน้าแผนกกระทำการสอบสวนหน่วย intelligence ที่ Pearl Harbour ได้กล่าว ส่วนนายพล Dwight D. Eisenhower หลังเป็นประธานาธิบดีได้ให้สัมภาษณ์ Newsweek ใน 1963 ได้พูดอีกว่า ‘มันไม่ได้มีความจำเป็นเลยที่จะต้องไปทำร้ายเขาด้วยสิ่งเลวร้ายนั้น การฆ่า การสร้างความหวาดกลัวให้ผลเมือง โดยไม่มีแม้แต่ความพยายามจะเจรจา นี้คืออาชญากรรม 2 ต่อ’ (L13)
    คำถามคือ:
    หากต้องการให้มีการสูญเสียชีวิตน้อยที่สุดทำไมถึงไม่ยอมเจรจา?
    ท่านคิดว่าเป็นอาชญากรรมสงครามหรือไม่?
    ท่านมั่นใจในตำราประวัติศาสตร์ที่ได้ปลูกฝังความเชื่อให้ท่านแค่ไหน?
    2558/ 06/ 17
    ป.ล. ขอแจ้งว่าภาพบนแบนเนอร์ ภาพขวาบนเป็นภาพจริง ส่วนภาพซ้ายเป็นภาพแต่งเดิม
    Quote
    (L1) “my earlier message calling for unconditional surrender or closely equivalent terms, I made an exception of the question of preserving [the imperial family]”. Soto https://en.wikipedia.org/wiki/Surrender_of_Japan
    (L2) On May 28, 1945, Hoover visited President Truman and suggested a way to end the Pacific war quickly: "I am convinced that if you, as President, will make a shortwave broadcast to the people of Japan - tell them they can have their Emperor if they surrender, that it will not mean unconditional surrender except for the militarists - you'll get a peace in Japan - you'll have both wars over." Richard Norton Smith, An Uncommon Man: The Triumph of Herbert Hoover, pg. 347. Hiroshima: Quotes
    (L3) ‘...the Japanese were prepared to negotiate all the way from February 1945...up to and before the time the atomic bombs were dropped; ...if such leads had been followed up, there would have been no occasion to drop the [atomic] bombs’ - quoted by Barton Bernstein in Philip Nobile, ed., Judgment at the Smithsonian, pg. 142 Hiroshima: Quotes
    (L4) "The war might have ended weeks earlier, he said, if the United States had agreed, as it later did anyway, to the retention of the institution of the emperor." - General MacArthur
    MILITARY VIEWS About Dropping the Atomic Bomb
    (L5) “To reject the ultimatum, as it was presented. I believe we missed the opportunity of effecting a Japanese surrender, completely satisfactory to us, without the necessity of dropping the bombs.” – John McLoy Hiroshima: Quotes
    (L6) "Even without the atomic bombing attacks air supremacy over Japan could have exerted sufficient pressure to bring about unconditional surrender and obviate the need for invasion.”
    “Japan would have surrendered even if the atomic bombs had not been dropped even if Russia had not entered the war, and even if no invasion had been planned or contemplated”
    United States Strategic Bombing Survey of 1946 https://www.trumanlibrary.org/…/bomb/…/documents/pdfs/24.pdf
    (L7) The Japanese were already defeated and ready to surrender because of the effective sea blockade and the successful bombing with conventional weapons - Admiral William Leahy MILITARY VIEWS About Dropping the Atomic Bomb
    (L8) “Japan was already defeated and that dropping the bomb was completely unnecessary.” ". . . it wasn't necessary to hit them with that awful thing." President Dwight D. Eisenhower MILITARY VIEWS About Dropping the Atomic Bomb
    (L9) I was a little fearful that before we could get ready the Air Force might have Japan so thoroughly bombed out that the new weapon [the atomic bomb] would not have a fair background to show its strength - Henry Stimpson
    Hiroshima: The Henry Stimson Diary and Papers (part 5)
    (L10) no effort was made, and none was seriously considered, to achieve surrender merely in order not to have to use the bomb - Henry Stimpson https://books.google.co.th/books…
    (L11): "There was never any illusion on my part that Russia was our enemy, and that the project was conducted on that basis." The day after Hiroshima was obliterated, President Truman voiced his satisfaction with the "overwhelming success" of "the experiment"
    http://www.theguardian.com/…/aug/06/secondworldwar.warcrimes
    (L12) We brought them down to an abject surrender through the accelerated sinking of their merchant marine and hunger alone, and when we didn’t need to do it, and we knew we didn’t need to do it, and they knew that we knew we didn’t need to do it, we used them as an experiment for two atomic bombs.”
    Guide to Decision: Part I
    (L13) “It wasn’t necessary to hit them with that awful thing . . . to use the atomic bomb, to kill and terrorize civilians, without even attempting [negotiations], was a double crime.” 1963 Newsweek
    The Real Reason America Used Nuclear Weapons Against Japan. It Was Not To End the War Or Save Lives. | Global Research - Centre for Research on Globalization
    บทความ
    The Hiroshima Myth. Unaccountable War Crimes and the Lies of US Military History | Global Research - Centre for Research on Globalization
    The Real Reason America Used Nuclear Weapons Against Japan. It Was Not To End the War Or Save Lives. | Global Research - Centre for Research on Globalization
    MILITARY VIEWS About Dropping the Atomic Bomb
    http://www.theguardian.com/…/aug/06/secondworldwar.warcrimes
    https://mises.org/library/hiroshima-myth
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc

    [​IMG]

    21 มิ.ย. นักวิทย์เตือน โลกเข้าสู่ยุค′สูญพันธุ์ครั้งใหญ่′รอบที่ 6
    สำนักข่าวเอเอฟพีและบีบีซีรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งเตือนว่า โลกกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาของการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่รอบที่ 6 ที่สัตว์มีกระดูกสันหลังหลายชนิดจะหายไปด้วยอัตราเร็วมากกว่าปกติถึง 114 เท่า และมนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์แรกๆ ที่จะตกเป็นเหยื่อ
    ผลการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด, พรินซ์ตัน และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ในสหรัฐอเมริกา ตีพิมพ์ในวารสารไซน์ซ แอดแวนเซสเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนระบุว่า นับตั้งแต่ยุคที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์เมื่อ 66 ล้านปีที่แล้ว ไม่มีครั้งไหนอีกเลยที่โลกจะสูญเสียสัตว์หลากหลายชนิดไปด้วยอัตราเร็วเช่นนี้
    พอล เอร์ลิช ศาสตราจาย์ด้านชีววิทยาของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเปิดเผยว่า ผลการศึกษาชิ้นนี้ แสดงให้เห็นโดยไม่มีข้อกังขาว่า ถึงตอนนี้เรากำลังเข้าสู่ช่วงเวลาของการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่รอบที่ 6 และมนุษย์มีแนวโน้มว่าจะเป็นหนึ่งในสปีชีส์ที่สาบสูญ ด้านเจอราร์โด เซบัลลอส แห่งมหาวิทยาลัยยูนัม ในเม็กซิโก ผู้นำการวิจัยนี้ ระบุว่า "หากยังปล่อยให้เกิดขึ้นต่อไป จะต้องใช้เวลาอีกหลายล้านปีกว่าที่จะฟื้นฟูสิ่งมีชีวิตกลับมาได้ และสปีชีส์ของเราจะสูญพันธุ์ไปก่อนตั้งแต่แรก"
    ผลวิจัยชิ้นนี้วิเคราะห์จากเอกสารการสูญพันธุ์ของสัตว์มีกระดูกสันหลังหรือสัตว์ที่มีกระดูกอยู่ภายในอาทิกบสัตว์เลื้อยคลานหลายชนิด และเสือ จากข้อมูลฟอสซิลที่มีการบันทึกไว้ และข้อมูลทางประวัติศาสตร์อื่นๆ ซึ่งอัตราเร็วในการสูญพันธุ์ของแต่ละสปีชีส์ในยุคใหม่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ "อัตราการสูญพันธุ์ของสปีชีส์ต่างๆ ก่อนที่จะมีกิจกรรมของมนุษย์"
    ทั้งนี้ อาจเป็นเรื่องยากที่จะประเมินอัตราการสูญพันธุ์ปกติ เนื่องจากมนุษย์ไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกบ้างตลอดช่วงเวลา 4,500 ล้านปีของดาวดวงนี้ อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาชิ้นนี้ นักวิจัยใช้อัตราการสูญพันธุ์ตามปกติในอดีตที่มากกว่าอัตราที่ประเมินกันทั่วไปถึง 2 เท่า ซึ่งผลการศึกษาชิ้นนี้พบว่า หากอัตราการสูญพันธุ์ในอดีตเท่ากับมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 2 ใน 10,000 สปีชีส์ สูญพันธุ์ทุก 100 ปี "อัตราการสูญพันธุ์โดยเฉลี่ยของสัตว์มีกระดูกสันหลังในช่วงศตวรรษที่ผ่านมานับว่าสูงกว่าช่วงเวลาที่ยังปราศจากกิจกรรมของมนุษย์ถึง114เท่าซึ่งถือเป็นการประเมินที่ค่อนข้างระมัดระวัง"
    ขณะที่ข้อมูลสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (ไอยูซีเอ็น) ระบุว่า ราว 41 เปอร์เซ็นต์ของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และ 26 เปอร์เซ็นต์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์
    นักวิทย์เตือน โลกเข้าสู่ยุค′สูญพันธุ์ครั้งใหญ่′รอบที่ 6 : มติชนออนไลน์
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Vda Nong ได้แชร์รูปภาพของ Ampaipan Wachaporn ไปยังกลุ่ม: ภัยพิบัติ ก่อนวันสิ้นยุค

    [​IMG]

    กฟภ. ปรับโฉมใบแจ้งค่าไฟฟ้าแบบใหม่ ลั่นไม่เก็บอัตราค่าบริการเพิ่ม
    Cr:kapook
    การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พัฒนารูปแบบใบแจ้งค่าไฟฟ้าแบบใหม่ เพิ่มรายละเอียดการใช้ไฟฟ้าพร้อมสถิติการใช้ไฟฟ้าย้อนหลัง 6 เดือน ให้มีความชัดเจนตรวจสอบได้และเป็นธรรมต่อผู้บริโภคมากขึ้น

    เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2558 รายการข่าว 3 มิติ รายงานว่า ได้รับแจ้งจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่การให้บริการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่ารู้สึกแปลกใจกับรูปแบบของใบแจ้งค่าไฟฟ้าแบบใหม่ที่ไม่คุ้นตา และเข้าใจว่าอาจเป็นการเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มเติมทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยรับแจ้งจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมาก่อน จึงได้สอบถามไปยังเว็บไซต์และคอลเซ็นเตอร์ 1129 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

    ทั้งนี้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แจ้งว่า ได้พัฒนารูปแบบใบแจ้งค่าไฟฟ้าแบบใหม่ให้เป็นไปตามมาตรฐานของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อแสดงความโปร่งใสและเป็นธรรมแก่ผู้ใช้ไฟฟ้ามากขึ้น โดยเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลค่าใช้ไฟฟ้า พร้อมแจกแจงค่าบริการรายเดือนและประวัติการใช้ไฟฟ้าย้อนหลัง ซึ่งค่าบริการรายเดือนเป็นส่วนหนึ่งของค่าไฟฟ้าที่มีอยู่แล้วตามอัตราโครงสร้างของค่าไฟฟ้าที่ได้ประกาศใช้ในปัจจุบัน ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน

    ด้านนายพรศักดิ์ จุฑากาญจน์ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาครังสิต กล่าวว่า ใบแจ้งค่าไฟฟ้าแบบใหม่มีโครงสร้างค่าไฟฟ้าและอัตราค่าไฟฟ้าเหมือนเดิม เพียงแต่มีการเพิ่มรายละเอียดให้ชัดเจนมากขึ้นสามารถตรวจสอบได้และมีความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภค รวมทั้งใบแจ้งค่าไฟฟ้าแบบใหม่จะมีสถิติการใช้ไฟฟ้าย้อนหลัง 6 เดือน ทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถเห็นหน่วยการใช้ไฟฟ้าที่ผ่านมาว่ามียอดการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าผิดปกติหรือไม่ เพื่อที่จะสามารถติดต่อสอบถามได้

    สำหรับค่าบริการรายเดือน มีดังนี้

    - ประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วย/เดือน อัตราค่าบริการ 8.19 บาท หากเกินใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วย/เดือน คิดอัตราค่าบริการ 38.22 บาท

    - ประเภทกิจการขนาดเล็ก คิดอัตราค่าบริการ 46.16 บาท/เดือน
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ถ้าระบบนี้รุ่ง ไม่กลายเป็นมีรถตอดจอยักษ์หลังรถกันเกลื่อนหรือครับ ไปต่างจังหวัดยังสามารถฉายหนังให้ชาวบ้านดูได้ หรือจัดเทศกาลสังสรรค์กันสนุกสนาน และอย่างว่า ซัมซุงคงมีรายได้จากการขายจอขนาดยักษ์ติดรถยนต์เพิ่ม แต่อย่าลืมน่ะครับ ถ้ารถไปชนโดนอะไร หรือมีหินกีะเด็นไปโดนจอยักษ์แสนแพง คงเสียดายเงินไปตามๆ กัน และอุบัติเหตุคงพุ่งถ้าคนขับรถตามหลังเอาแต่จดจ่อแต่ทีวีจอยักษ์ ถ้าเขาเผลอเปลี่ยนโหมตไปเป็นเปิดหนังดีวีดีแทน

    "ซัมซุง"ผุดไอเดียเจ๋ง ติดตั้งจอยักษ์ไว้ท้ายรถบรรทุก ช่วยลดอุบัติเหตุ
    วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 22:47 น.

    [​IMG]

    เว็บไซต์ต่างประเทศรายงานว่า ซัมซุงมีไอเดียเจ๋ง ติดตั้งจอขนาดใหญ่ไว้ท้ายรถบรรทุกเพื่อแสดงภาพจากกล้องหน้ารถ ช่วยลดอุบัติเหตุ

    บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ ซัมซุง ต้องการลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนน ด้วยการติดตั้งกล้องบริเวณหน้ารถ เพื่อถ่ายทอดสดๆ ไปยังจอขนาดใหญ่ที่ถูกติดไว้ท้ายรถบรรทุก ตามโครงการรถบรรทุกปลอดภัยของซัมซุง ที่จะช่วยทำให้ผู้ที่ขับรถตามหลังรถบรรทุกมองเห็นทะลุไปข้างหน้า เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถแซงได้

    ด้วยเทคโนโลยีที่จะนำไปติดไว้ที่รถบรรทุกของซัมซุง จะทำให้ผู้สัญจรตามท้องถนนมีความปลอดภัยในชีวิตในชีวิตมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นกล้องที่ติดไว้หน้ารถยังมีโหมดกลางคืน ที่จะทำให้เห็นรายละเอียดจากจอภาพได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

    บริษัทซัมซุงเริ่มทดลองรถบรรทุกต้นแบบที่ประเทศอาร์เจนตินาเป็นที่แรก เพราะมีสถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในแต่ละปีจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ซัมซุงยังไม่ได้นำรถแบบนี้มาใช้จริง ๆ เพราะต้องผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยก่อน โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบร่วมกับรัฐบาล เพื่อจะได้รับการอนุญาตให้นำรถมาใช้ในที่สาธารณะได้ต่อไป

    "ซัมซุง"ผุดไอเดียเจ๋ง ติดตั้งจอยักษ์ไว้ท้ายรถบรรทุก ช่วยลดอุบัติเหตุ : ข่าวสดออนไลน์
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ร.๖ จ้างรัฐบาลให้เลิกมอมเมาประชาชน
    โดย โรม บุนนาค 23 มิถุนายน 2558 10:44 น.

    [​IMG]
    @ตัวหวย ก.ข.เป็นแบบจีน

    ในสมัยก่อน การพนันที่มอมเมาประชาชนอย่างหนึ่งก็คือ “หวย ก. ข.” ซึ่งมีกำเนิดในประเทศจีนราว พ.ศ.๒๓๖๔ ปลายสมัยรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และ แพร่มาถึงเมืองไทยในสมัยรัชกาลที่ ๓ แสดงว่ามาเร็วมาก

    สาเหตุที่ ร.๓ ทรงให้เปิดเล่นหวยขึ้น ก็เพราะว่าใน พ.ศ.๒๓๗๕ เกิดภาวะแห้งแล้ง ถึงกับต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศมากิน เงินหายไปจากท้องตลาดหมด จีนหง ผู้มีตำแหน่ง พระศรีไชยบาน นายอากรสุรา จึงกราบทูลว่า ราษฎรเก็บเงินฝังดินไว้มากไม่เอาออกมาใช้ แบบนี้ที่เมืองจีนใช้วิธีเปิดบ่อนหวย จึงมีเงินไหลกลับเข้ามาในตลาด ด้วยเหตุนี้จึงโปรดให้เจ้าสัวหงออกหวยเมื่อเดือนยี่ ปีมะแม พ.ศ.๒๓๗๘

    เจ้าสัวหงออกหวยวันละครั้งในตอนเช้า ต่อมาพระศรีวิโรจน์ (ดิศ) เห็นว่า เจ้ามือหวยกำไรดี จึงขอตั้งโรงหวยขึ้นอีกโรง ออกในเวลาค่ำ เรียกกันว่า โรงเช้าและโรงค่ำ แต่ทำได้ไม่นานก็ถูกเจ้าสัวหงยึดไปออกทั้ง ๒ โรง แล้วเปลี่ยนเวลาออกเป็น หวยเช้าออกประมาณ ๐๒.๐๐ น.ของวันใหม่ ต่อจากนั้นอีกราว ๒ ชั่วโมงก็ออกหวยค่ำต่อเลย และ ยังมีวิธีล่อให้ลูกค้าที่แทงถูกหวยเช้า เอาเงินที่ได้ทั้งหมดแทงหวยค่ำต่อ ซึ่งจะจ่ายให้อย่างงาม เช่น แทงหวยเช้า ๑ สลึง ถูกได้ ๗.๕๐ บาท เอาไปแทงหวยค่ำต่อ ถ้าถูกอีกก็จะได้ถึง ๒๑๕ บาท ลูกค้าที่กล้าได้กล้าเสียจึงชอบวิธีนี้

    ผู้ที่จะเป็นเจ้ามือหวยจะต้องประมูลกับหลวง ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ ๓ ต้องส่งเงินอากรให้หลวงปีละ ๒๐,๐๐๐ บาท ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ นายอากรหวยมีบรรดาศักดิ์เป็น “ขุนบานเบิกบุรีรัตน์” คนทั่วไปจึงเรียกกันว่า “ขุนบาน” แม้แต่เลิกบรรดาศักดิ์นี้ไปแล้ว คนก็ยังเรียกเจ้ามือหวยว่า “ขุนบาน” จนคำนี้มีความหมายถึงเจ้ามือหวย

    ในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีผู้ขอตั้งโรงหวยที่เมืองเพชรบุรีอีก ๑ โรง แต่เล่นอยู่ไม่นาน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไปประทับสร้างวังที่เขาวัง ทรงสังเกตเห็นราษฎรยากจนลงมาก จึงโปรดให้เลิกโรงหวยที่เพชรบุรี รวมไปถึงที่อยุธยาด้วยอีกโรง ไม่ให้มีการเล่นหวยในหัวเมืองอีก ให้ตั้งได้เฉพาะที่กรุงเทพฯเท่านั้น

    การออกหวยสมัยนั้นทำต่อหน้าประชาชนเหมือนการออกล็อตเตอรี่ในวันนี้ สถานที่ออกหวยก็คือโรงหวย โดยยกพื้นขึ้นเป็นเวที มีลานซีเมนต์อยู่ด้านหน้า จุคนได้เป็นพัน แต่มีลูกกรงเหล็กโปร่งกั้นไม่ให้คนดูเข้าไปยุ่มย่ามกับคนของขุนบานที่ทำงานอยู่บนเวที

    ก่อนจะถึงเวลาออกหวย คนของขุนบานไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ คนจากสาขาต่างๆจะมาชุมนุมก้มหน้าก้มตาทำบัญชีกัน เมื่อถึงเวลาออกหวย ขุนบานจะให้นำแผ่นป้ายที่มีผ้าแดงคลุมมิดชิดมาแขวนไว้กลางโรง และปล่อยให้ตื่นเต้นระทึกใจกันซักพัก จึงค่อยๆดึงผ้าแดงแลบออกให้เห็นตัวอักษรใหญ่ ทันทีก็มีเสียงเฮลั่นของคนดู จากนั้นหน่วยกระจายข่าวของขุนบานก็จะกระจายออกไปตามทิศต่างๆ ปากก็ร้องตะโกนตัวหวยที่ออกไปด้วย ไม่ห่วงว่าดึกดื่นคนเขาจะหลับจะนอนกัน เพราะคนที่นอนอยู่หลายคนก็นอนรอฟังว่าหวยจะออกตัวอะไร

    หวยจะออกตัวอะไรนั้นขึ้นอยู่กับขุนบานคนเดียว ว่าจะเลือกเอาตัวอะไรมาขึ้นป้าย ฉะนั้นผู้คนจึงคอยติดตามดูว่าขุนบานจิตใจจดจ่ออยู่กับอะไรในตอนนั้น เพื่อจะได้เอามาแปลเป็นตัวหวย บ้างก็เซ้าซี้ให้ขุนบานช่วยบอกใบ้ให้ ขุนบานจึงหาทางออกโดยจ้างคนมาเขียนคำใบ้หวยไว้หน้าโรง คนที่รับจ้างเขียนใบ้หวย มักจะเขียนเป็นบทเป็นกลอน เช่น

    “หมู่ไม้เขียวชอุ่มพุ่มพฤกษา สกุณาโผผินบินว่อน ผู้เก็งถูกใจเราอย่านิ่งนอน เลือกอักษรให้เหมาะจะเคราะห์ดี”

    นักเลงหวยก็จะเอาไปตีความไปต่างๆนานา ที่ตีว่า “สกุณา” ก็ต้องเป็น “นก” จึงแทง น.เทียนสิน แต่ถ้าหวยดันผ่าไปออก ร.กิมเง็ก คนแทงก็จะร้องว่า

    “ปัทโธ่ ดันนึกว่าเป็นนกได้ ที่แท้เป็นแร้งนี่เอง”

    ส่วนคนที่แทง บ.ใบไม้ เพราะเขียวชอุ่ม แต่ผ่าไปออก ป.กังสือ ก็จะร้องว่า

    “ปัทโธ่ เขียวชอุ่มนึกว่าเป็นใบไม้ ที่แท้เป็นป่านี่เอง”

    แท้ที่จริงแล้ว คนใบ้หวยกับขุนบานไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวกันเลย คนเขียนใบ้หวยก็เขียนส่งเดชไปวันๆ เพื่อค่าจ้าง ส่วนขุนบานก็เลือกตัวที่คนแทงน้อยที่สุดมาออก ขุนบานจึงรวยเละลูกเดียวไม่มีทางเจ๊ง คนหาเช้ากินค่ำก็ได้แต่อาบเหงื่อต่างน้ำหาเงินมาประเคนขุนบานด้วยความโง่เขลาเบาปัญญา เป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก

    พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงทราบถึงความลุ่มหลงมัวเมาของราษฎรต่อหวยกอขอ แม้รัฐบาลจะได้รับเงินอากรจากการผูกขาดเป็นจำนวนมาก แต่เงินส่วนใหญ่ก็ไปสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งให้แก่ขุนบานและพวกพ้อง ความยากจนตกอยู่กับประชาชนทั่วไป แต่ครั้นจะเลิกในทันที ตอนนั้นรัฐบาลมีรายได้จากหวยมาใช้ในงบประมาณแผ่นดินถึงปีละ ๓,๘๔๙,๖๐๐ บาท ครั้นจะขึ้นภาษีสินค้าขาออกขาเข้ามาทดแทน ก็ทำไม่ได้ เพราะถูกต่างชาติทำสัญญาผูกมัดไว้ว่า จะเก็บภาษีไม่เกินร้อยละ ๓ ครั้นจะเพิ่มภาษีภายในประเทศ ก็จะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้ราษฎร จึงทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ทดแทนอากรหวยเสียเอง แต่เมื่อทรงสำรวจพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์แล้ว ก็ปรากฏว่ายังมีภาระมากมาย ต้องใช้ในการจัดตั้งกองเสือป่าและลูกเสือ ทั้งยังมีรายจ่ายที่ตกค้างมาแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ คราวเสด็จประพาสยุโรป และการก่อสร้างที่ยังค้างอยู่คือ พระที่นั่งอนันตสมาคม กับพระที่นั่งบ้านปืน จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งจำเป็นต้องทำให้สำเร็จ ต้องใช้เงินส่วนพระองค์ร่วม ๑๐ ล้านบาท จึงไม่อาจชักไปทดแทนอาการหวยได้ ต้องระงับความคิดเลิกหวยไประยะหนึ่ง

    เวลาแห่งการรอคอยล่วงเลยมาจนถึงปี ๒๔๕๘ หลังจากเสวยราชย์มา ๖ ปีเศษ การเงินส่วนพระองค์ค่อยกระเตื้องขึ้น พระองค์มิได้ทรงลืมอาณาประชาราษฎร์ที่กำลังจมปลักอยู่ในห้วงการพนัน จึงทรงตัดสินพระราชหฤทัยเด็ดขาดที่จะสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เข้าช่วยรัฐบาลที่ต้องขาดรายได้จากการเลิกหวย จึงทรงประกาศ “พระราชบัญญัติการพนัน” ในที่ ๑๕ มีนาคม ๒๔๕๘ ให้เลิกหวย ก.ข.ในมณฑลกรุงเทพฯ ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดเล่นการพนันออกหวย หรือการพนันโดยใช้ทำนองเดียวกันกับการออกหวย ให้ลงโทษผู้นั้นดังต่อไปนี้ คือ

    ให้ปรับเจ้ามือหรือเจ้าสำนักคนหนึ่งคราวละ ๔,๐๐๐ บาท เป็นพินัยหลวงทุกคราวที่ออกหวย ถ้าไม่มีเงินค่าปรับให้จำคุก ๖ เดือน

    ให้ปรับผู้แทงคนหนึ่งคราวละ ๒,๐๐๐ บาท เป็นพินัยหลวงทุกคราวที่แทง ถ้าไม่มีค่าปรับให้จำคุก ๓ เดือน

    ให้ปรับผู้สมรู้เป็นใจไม่ฟ้องร้องคนหนึ่งคราวละ ๑,๐๐๐ บาท เป็นพินัยหลวง ถ้าไม่มีค่าปรับจำคุก ๑ เดือน

    ด้วยพระราชบัญญัตินี้ หวย ก.ข.ที่มอมเมา หลอกลวงประชาชน สร้างความมั่งคั่งให้ขุนบาน ก็สุดสิ้นลงในวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๕๘ ประชาชนชาวไทยผู้ลุ่มหลงก็พ้นจากความเป็นทาสของการพนันที่ถูกเอารัดเอาเปรียบโดยไม่รู้ตัว โดยรัฐบาลก็ไม่ขาดรายได้ ทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ชดเชยให้งบประมาณแผ่นดิน ทดแทนอากรจากหวย

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บุรีรัมย์พบชายเข้าข่ายเฝ้าระวัง “เมอร์ส” อีก 1 รวมเป็น 2 ราย-ผู้ว่าฯ ระดมทุกหน่วยงานรับมือ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2558 11:24 น. (แก้ไขล่าสุด 23 มิถุนายน 2558 11:50 น.)

    [​IMG]

    @นายเสรี ศรีหะไตร ผู้ว่าฯบุรีรัมย์เรียกประชุมหน่วยงานสังกัดก.สาธารณสุขและผู้เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรับมือโรคเมอร์สพร้อมกำชับกำนันผญบ.และกรรมการหมู่บ้านร่วมเฝ้าระวัง วันนี้ ( 23 มิ.ย.)

    บุรีรัมย์ - ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์เรียกประชุมหน่วยงานสังกัด ก.สาธารณสุขและผู้เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับมือโรคเมอร์ส พร้อมกำชับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และกรรมการหมู่บ้านร่วมเฝ้าระวังผู้มีอาการป่วยต้องสงสัยหรือเดินทางกลับจากประเทศเสี่ยง ล่าสุดพบชายวัย 33 ปีเข้าข่ายเฝ้าระวังเพิ่มอีก 1 รวมเป็น 2 รายแล้ว

    วันนี้ (23 มิ.ย. 58) นายเสรี ศรีหะไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เรียกประชุมผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกำหนดมาตรการในการควบคุมเฝ้าระวังป้องกันการระบาดของโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือโรคเมอร์ส ที่กำลังมีการระบาดอยู่ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยที่ตรวจพบผู้ติดเชื้อเมอร์สรายแรกด้วย

    นายเสรีกล่าวว่า ได้เน้นให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และกรรมการหมู่บ้าน ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ และ อสม. ได้เฝ้าระวังในระดับพื้นที่อย่างเข้มข้น โดยการตรวจคัดกรองผู้ที่มีอาการป่วยเข้าข่ายต้องสงสัยในหมู่บ้านของตนเอง รวมถึงตรวจสอบด้วยว่ามีประชากรในหมู่บ้านคนใดที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง

    หากพบว่าชาวบ้านรายใดมีอาการป่วยผิดปกติเข้าข่ายต้องสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลใกล้บ้าน เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปดำเนินการควบคุมป้องกันตามระบบและขั้นตอนอย่างเร่งด่วน เพื่อสกัดไม่ให้มีการระบาด

    นอกจากนี้ยังได้กำชับให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และกรรมการหมู่บ้านเร่งเข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ไม่ให้ตื่นตระหนกกับกระแสการระบาดของโรคเมอร์สดังกล่าวเพราะไม่ได้เป็นโรคระบาดร้ายแรงที่ติดต่อกันได้ง่ายๆ ทั้งยังสามารถดูแลป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อโรคดังกล่าวได้ หากปฏิบัติตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำอย่างเคร่งครัด

    ขณะที่ล่าสุดจากข้อมูลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์พบว่ามีผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังโรคเมอร์สเพิ่มอีก 1 ราย เป็นชายอายุ 33 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.ลำปลายมาศ เนื่องจากเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง รวมแล้วขณะนี้ จ.บุรีรัมย์มีผู้ที่เข้าข่ายเฝ้าระวังจำนวน 2 ราย อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 รายยังไม่พบมีไข้หรืออาการป่วยผิดปกติแต่อย่างใด


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    In Pics & Clips: อดีตผู้นำยูเครน “วิกเตอร์ ยานูโควิช” ให้สัมภาษณ์บีบีซี เผยซึ้งใจ “ปูติน” ช่วยชีวิต-ยันไม่ได้สั่งฆ่าผู้ชุมนุม โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2558 11:39 น.

    [​IMG]

    * เอเจนซีส์ – อดีตประธานาธิบดี วิกเตอร์ ยานูโควิช แห่งยูเครน ให้สัมภาษณ์สื่อตะวันตกเป็นครั้งแรก โดยกล่าวขอบคุณประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียที่ “ช่วยชีวิต” ไว้ หลังจากที่ตนถูกกลุ่มชาวยูเครนที่ฝักใฝ่ตะวันตกประท้วงขับไล่ และถูกรัฐสภาถอดถอนออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศ เมื่อต้นปี 2014

    ยานูโควิช ซึ่งลี้ภัยอยู่ในรัสเซียได้ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ โดยระบุว่า ยังอยากจะกลับไปยูเครนในสักวันหนึ่ง พร้อมกล่าวโทษกลุ่มผู้ประท้วงที่บุกยึดจตุรัสเมดานในกรุงเคียฟจนเป็นเหตุให้ตนถูกขับออกจากอำนาจว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ยูเครนต้องเผชิญวิกฤตการณ์อย่างทุกวันนี้

    รัฐบาลยานูโควิชได้ใช้กำลังปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งยึดพื้นที่จัตุรัสใจกลางกรุงเคียฟอยู่นานหลายเดือน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน และกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ ยานูโควิช ถูกรัฐสภาลงมติปลดออก

    ยานูโควิช หลบหนีไปพึ่งใบบุญรัสเซียเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ปี 2014 โดยได้รับการช่วยเหลือคุ้มกันจากทหารแดนหมีขาว

    “การที่ วลาดิเมียร์ ปูติน รับฟังคำแนะนำจากหน่วยรบพิเศษรัสเซีย และตัดสินใจทำเช่นนั้น มันคือสิทธิที่เขาสามารถทำได้” บทสัมภาษณ์อดีตผู้นำยูเครนซึ่งได้รับการเผยแพร่ผ่านรายการ นิวส์ไนท์ ของสถานีโทรทัศน์บีบีซี เมื่อวานนี้ (22) ระบุ

    “แน่นอน... ผมซาบซึ้งที่เขาออกคำสั่งเช่นนั้น และช่วยคุ้มกันผมออกมาอย่างปลอดภัย ซึ่งถือเป็นการช่วยชีวิตผม”

    ยานูโควิช ชี้ว่า ศัตรูทางการเมืองของเขาจงใจปลุกระดมให้เกิด “รัฐประหาร” ขึ้น ซึ่งทำให้ “ยูเครนต้องแตกแยก และยังดึงทั่วโลกเข้ามาพัวพันกับความขัดแย้งครั้งนี้”

    ยานูโควิช ยืนยันว่า ตนไม่เคยออกคำสั่งให้ใช้อาวุธกับผู้ชุมนุม แต่ก็ยอมรับว่า ตนควรจะทำอะไรมากกว่านั้น เพื่อห้ามปรามไม่ให้เกิดการนองเลือด

    [​IMG]

    * “ผมไม่ขอปฏิเสธความรับผิดชอบเรื่องนี้” เขากล่าว

    “ผมไม่ได้ออกคำสั่งอะไรเลย เพราะมันนอกเหนือจากอำนาจหน้าที่ของผม... ผมเองไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังอยู่แล้ว อย่าว่าแต่ใช้ปืน เพราะผมไม่อยากให้เกิดการนองเลือด... แต่หน่วยงานความมั่นคงก็ต้องปฏิบัติตามหน้าที่เท่าที่กฎหมายอนุญาต พวกเขามีสิทธิ์ที่จะใช้อาวุธ”

    หลังรัฐบาลยานูโควิชถูกโค่นไม่กี่สัปดาห์ ทหารรัสเซียก็ฉวยโอกาสยึดฐานทัพบนคาบสมุทรไครเมียซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองภายใต้อาณัติของกรุงเคียฟ ต่อมาในเดือนเมษายน กลุ่มกบฏโปรรัสเซียก็ได้บุกยึดที่ทำการของรัฐในภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของประเทศ จนนำมาสู่สงครามกลางเมือง

    การสู้รบระหว่างกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของยูเครนกับกองกำลังรัฐบาลเคียฟซึ่งยืดเยื้อมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2014 คร่าชีวิตประชาชนไปเกือบ 6,500 คน และทำให้พลเมืองยูเครนอีกนับล้านต้องพลัดถิ่นที่อยู่

    ยานูโควิช ยอมรับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือ “ฝันร้าย” ที่กลับกลายเป็นความจริง และการที่ไครเมียถูกผนวกเข้ากับแดนหมีขาวก็ถือเป็น “โศกนาฏกรรม” ที่จะไม่เกิดขึ้นเลยหากเขายังเป็นผู้นำประเทศ

    “สิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่นมันเลวร้ายมาก และวันนี้เราต้องช่วยกันหาทางออก... เพราะเรากำลังเผชิญสงคราม”

    “พวกเขาบอกให้ยึดไครเมียกลับคืน แล้วจะให้ทำอย่างไรล่ะ ยังอยากจะให้มีสงครามเกิดขึ้นอีกหรือ”

    ยานูโควิช ปฏิเสธข้อหายักยอกทรัพย์สินของรัฐ และยืนยันว่าไม่ได้เอาเงินไปซุกซ่อนในบัญชีธนาคารต่างประเทศตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมกันนั้นก็พูดปกป้องคฤหาสน์หรูซึ่งถูกยึดเป็นของรัฐหลังจากที่เขาหลบหนีออกนอกประเทศ โดยอ้างว่า บรรดานกกระจอกเทศในสวนสัตว์ของบ้าน “เดินเข้ามาอาศัยอยู่เอง”

    In Pics & Clips: ʹյ
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Chalee Na Roied

    [​IMG]

    เกมส์การเมืองของโลกกำลังเปลี่ยนนะครับ เรื่องของกรีซเวลานี้ มันกำลังกลายเป็น การเมืองมากกว่า เรื่องของเศรษฐกิจแล้วนะครับ โดยเฉพาะการเมืองระหว่างประเทศ ระหว่างสองขั้วมหาอำนาจ ที่ต้องการปักหมุดในยุโรป โดยเฉพาะรัสเซีย ซึ่งน่าจะมีข้อเสนอที่ดีกับรัฐบาลกรีซ และทำให้รัฐบาลกรีซ อยากจะถอนตัวออกจาก ยูโรโซน เพื่อกลับไปพิมพ์เงินของตน โดยมีทองคำเป็นหลักประกัน แต่รัฐบาลก็ต้องต่อสู้กับ กระแสภายในประเทศ รวมถึงแรงกดดันจากสหภาพยุโรป เกมส์นี้จึงน่าจะเป็น การเล่นเกมส์ซื้อเวลาออกไปรื่อยๆ
    http://www.zerohedge.com/news/2015-...rosses-red-line-will-accept-bailout-extension

    สถานการณ์ในตะวันออกกลาง ที่น่าจับตาเวลานี้ ภาพที่ผู้ช่วย รมต.ต่างประเทศ และ รมต.กลาโหมของ ซาอุดิอาระเบีย ภายหลังการขึ้นดำรงตำแหน่ง ของกษัตริย์องค์ใหม่ เข้าพบผู้นำรัสเซียสะท้อนนัยยะ หลายๆอย่างที่เกิดขึ้น เพราะช่วงหลังรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ไม่ค่อยพอใจกับผลการเจรจา โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน และไม่แน่ว่านี่คือ สัญญาณที่กำลังส่งไปยัง รัฐบาลสหรัฐพันธมิตรดั้งเดิม โดยเฉพาะการที่รัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ออกมาประกาศล่าสุด ว่าจะซื้ออาวุธจากรัสเซีย และไม่มีใครสามารถยับยั้งได้
    http://rt.com/news/268642-russian-weapons-al-jubeir/

    รัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเคยใช้ปฏิบัติการทางอากาศ ถล่มสถานกงสุลรัสเซียในเยเมน และเขยข่มขู่ว่า จะโจมตีในงานโอลิมปิกฤดูหนาวที่เมืองโซชิ อยู่ขั้วตรงข้ามรัสเซียมาตลอด แต่จู่ๆกลับหันไปสนใจอาวุธของรัสเซีย ความเป็นไปได้ก็คือ เริ่มได้กลิ่นหรือสัญญาณที่ไม่ดีว่า สถานการณ์ของโลก กำลังเปลี่ยนไป สหรัฐกำลังน่าจะ อยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก และเอาตัวเองไม่รอด รวมถึงเพื่อสร้างอำนาจต่อรองกับสหรัฐ ในการเจรจาวิกฤติการณ์นิวเคลียร์ของอิหร่าน ที่ต้องได้ข้อยุติภายในสิ้นเดือนนี้
    Saudi Arabia and Russia to Invest Up to $10 Billion in Joint Fund
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    สงครามแซงชั่นระหว่างอียูกับรัสเซียยกสอง เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มว่าจะซบเซาต่อเนื่องอีก

    [​IMG]

    ------------
    มาติดตามสถานการณ์การบีบให้รัสเซียยอมจำนนต่อมหาอำนาจอียูและสหรัฐฯบ้าง เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.58 ที่ผ่านมาสำนักข่าว RT news ของรัสเซียรายงานว่า สหภาพยุโรป (อียู) เดินหน้าขยายระยะเวลาการแซงชั่นรัสเซียเพิ่มออกไปถึงวันที่ 31 มกราคม 2559 (6 เดือน) อียูให้เหตุผลว่าการยืดระยะเวลาแซงชั่นรัสเซียออกไปอีกนี้ก็เพื่อเป็นหลักประกันให้มีการปฏิบัติตามข้อตกลงเจรจาสันติภาพกรุงมินส์กเกี่ยวกับวิกฤตยูเครนตะวันออก
    เดิมทีสหรัฐฯและอียูเริ่มต้นแซงชั่นรัสเซียด้วยเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องไคร์เมียเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2557 หลังจากที่ไคร์เมียทำประชามติชนะด้วยคณะเสียง 96.7% ว่าต้องการจะออกจากยูเครนและรวมเข้ากับรัสเซียแทน จากนั้นไคร์เมียก็กลับมาเป็นส่วนหนึ่งรัสเซียอีกครั้ง ส่วนทางสหรัฐฯและอียูไม่พอใจเป็นอย่างมากเพราะอดได้เข้าไปตั้งฐานทัพของตนใน Savastopol ในไคร์เมีย ซึ่งเป็นฐานทัพเรือมีทั้งสนามบินและท่าเรือครบครันซึ่งรัสเซียได้ทำสัญญาเช่าจากยูเครนมาหลายปีแล้ว ดังนั้นสหรัฐฯและอียูจึงใช้ข้ออ้างเรื่องแหลมไคร์เมียนี้ในการแซงชั่นรัสเซีย ซึ่งรัสเซียก็ไม่สนเพราะถือว่ามีความชอบธรรมแล้ว
    ต่อมาพอเกิดการสู้รบกันขึ้นในยูเครนตะวันออกระหว่าง DPR/LPR ทางสหรัฐฯและอียูก็เพิ่มมาตรการแซงชั่นรัสเซียอีกครั้งในเดือนกันยายนปีเดียวกัน และอีกหลายครั้งตามมา คราวนี้อียูบอกว่าได้ต่ออายุแซงชั่นรัสเซีย แต่ไม่ใช่ด้วยเหตุผลเรื่องไคร์เมียแต่เป็นเรื่องการละเมิดข้อตกลงกรุงมินส์กแทน เพราะทั้งสองฝ่ายมีการสู้รบกันอยู่เรื่อยๆ แต่จากตัวเลขของ OSCE ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางของนานาชาติที่เข้าไปจับตาตรวจสอบในพื้นที่ที่มีการสู้รบกันนั้นบอกว่าทางกรุงเคียฟมีการละเมิดข้อตกลงสันติภาพมากกว่าทาง DPR/LPR แต่ก.ต่างประเทศของสหรัฐฯบอกว่าทาง DPR/LPR นิยมรัสเซียมีการละเมิดข้อตกลงสันติภาพมากกว่ากองกำลังของกรุงเคียฟ เมื่อสหรัฐฯมีอำนาจเหนืออียู จึงเป็นไปไม่ได้ที่อียูจะยึดหลักฐานจาก OSCE ดังนั้นคำพูดของสหรัฐฯจึงเป็นกฎหมายหลักแม้ว่าจะตรงกันข้ามกับหลักฐานของหน่วยงานกลางก็ตาม
    ส่วนทางรัสเซียก็มีการเคลื่อนไหวตอบโต้การแซงชั่นจากอียูเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยรัฐบาลรัสเซียกล่าวว่าทางนายกฯ Dmitry Medvedev ของรัสเซียได้มีคำสั่งให้เตรียมเอกสารและข้อเสนอในการแซงชั่นอียูต่อประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ทางรัสเซียบอกว่า รายชื่อสินค้าต่างๆที่รัสเซียเคยสั่งห้ามนำเข้าจากกลุ่มประเทศอียูนั้นจะยังคงเหมือนเดิม ยกเว้นสินค้าที่จำเป็นเพื่อทดแทนการนำเข้า (The list of goods is practically unchanged except for products needed for import substitution)
    นาย Dmitry Peskov โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีของรัสเซียกล่าวว่า "นี่ไม่ใช่รัสเซียที่เป็นผู้เริ่มต้นมาตรการที่เข้มงวดนี้ก่อน แต่จำเป็นต้องมีการตอบรับซึ่งกันและกัน นโยบายการแซงชั่นต่างๆนั้นเป็นอันตรายไม่เพียงเฉพาะธุรกิจในรัสเซียเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเหล่าผู้เสียภาษีชาวยุโรปอีกด้วย"
    อียูแซงชั่นรัสเซียในด้านธนาคารของรัฐที่รัฐบาลรัสเซียเป็นเจ้าของ รวมทั้งอุตสาหกรรมด้านอาวุธ และน้ำมัน เทคโนโลยี และการท่องเที่ยว ทั้งในส่วนขององค์กรและรายบุคคล เช่นนักการเมืองและนักธุรกิจชาวรัสเซีย แต่อียูไม่กล้าแตะเรื่องแก๊สของรัสเซียที่ใช้เป็นเส้นเลือดใหญ่ในการหล่อเลี้ยงชาวยุโรปอยู่ในปัจจุบันนี้ เมื่อเร็วๆนี้ John McCain ออกมากล่าวว่าสหรัฐฯจะสามารถจ่ายแก๊สให้กับยูเครนได้ภายใน 2 ปีข้างหน้า (เจริญหละยูเครน ทำไมถึงไม่บอกไปด้วยเลยหละว่าและสหรัฐฯจะสามารถจ่ายแก๊สให้อียูภายใน 2 ปีเช่นกันโดยที่อียูจะได้ไม่ต้องพึ่งพาแก๊สจากรัสเซียอีกต่อไป? ตลก!)
    สถาบันวิจัยเศรษฐกิจของออสเตรีย (Austrian Institute of Economic Research - WIFO) ทำรายงานออกมาเผยแพร่ว่า ผลจากการที่อียูและรัสเซียทำสงครามแซงชั่นกันนี้จะทำให้อียูต้องเผชิญกับการว่างงานถึง 2.5 ล้านคน และอียูอาจจะสูญเสียรายได้ในการพัฒนาเศรษฐกิจถึง €100 billion (1 แสนล้านยูโร ประมาณ 3.86 ล้านล้านบาท)
    WIFO คำนวณว่าหากการแซงชั่นยังคงดำเนินต่อไปจนถึงปีหน้า ประเทศเยอรมันนีจะสูญเสียตำแหน่งงานที่เกี่ยวกับการส่งออกไปยังรัสเซียถึง 465,000 อัตรา อิตาลีจะสูญเสีย 215,000 อัตรา, สเปนจะสูญเสีย 160,000 อัตรา, ฝรั่งเศสจะสูญเสีย 145,000 อัตรา และสหราชอาณาจักรจะสูญเสียราว 110,000 อัตรา (หมายถึงมีอัตราการว่างงานเพ่ิมขึ้นตามตัวเลขในแต่ละประเทศดังที่กล่าวมา) ซึ่งทาง WIFO มองว่าตัวเลขนี้สูงกว่าการคาดการณ์ในเบื้องต้นของกรุงบรัสเซลส์
    ส่วนสวิทเซอร์แลนด์ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปแต่ก็ดำเนินการแซงชั่นรัสเซียตามกรุงบรัสเซลส์ด้วย อาจจะสูญเสียงานถึง 45,000 อัตรา รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยว (ชาวรัสเซีย) ก็จะลดลงราว 5,000 คนด้วย
    มีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ ทันทีที่อียูประกาศแถลงการณ์ขยายระยะเวลาแซงชั่นรัสเซียออกไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคมปีหน้า ปรากฎว่าเงินรูเบิลของรัสเซียไม่ได้รับผลกระทบตามไปด้วย (เฮ้อะ! เป็นไปได้ไง? ก็เป็นไปแล้ว) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียรายงานว่า "เงินรูเบิลของรัสเซียไม่ได้รับผลกระทบต่อการขยายการแซงชั่นในครั้งนี้ ตรงกันข้าม สกุลเงินยูโรและดอลล่าร์สหรัฐฯกลับมีค่าลดลงเมื่อเทียบกับเงินรูเบิลของรัสเซีย โดยเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.58 ที่ผ่านมาเงินดอลล่าร์ของสหรัฐฯเทียบกับรูเบิล ได้ร่วงลงมาอยู่ที่ 53.64 (RUB/1USD) และยูโรร่วงลงมาที่ 60.92 RUB/1EUR" ในขณะที่กราฟการเคลื่อนไหวการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของ Bloomberg บอกว่าเงินดอลล่าร์ร่วงลงต่ำสุดอยู่ที่ 53.4485 รูปเบิลต่อหนึ่งดอลล่าร์สหรัฐฯ และเงินยูโรร่วงต่ำสุดอยู่ที่ 60.1187 รูเบิลต่อหนึ่งยูโร
    ตัวเลขจาก Bloomberg ต่ำกว่าของฝั่งรัสเซียซะอีก แสดงว่าผลของการแซงชั่นในรอบนี้ทำให้ทั้งเงินดอลล่าร์สหรัฐฯและเงินยูโรของอียูอ่อนค่าลง ในทางตรงกันข้ามก็หมายความว่าเงินรูเบิลของรัสเซียแข็งค่าขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับช่วงที่สหรัฐฯและอียูเล่นสงครามหั่นราคาน้ำมันโลกหวังโจมตีเงินรูเบิลของรัสเซียที่อ่อนค่าเป็นอย่างมากในช่วงนั้น แต่รัสเซียก็สามารถทำให้เงินรูเบิลของตัวเองกลับมามีเสถียรภาพได้อีกครั้ง ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่าการแซงชั่นจากสหรัฐฯและอียูในรอบนี้ไม่มีผลต่อค่าเงินรูเบิลของรัสเซียเลย
    อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจก็คือในช่วงระยะเวลาไล่เลี่ยกันก่อนที่จะมีการขยายอายุการแซงชั่นรัสเซียรอบใหม่นี้ ทางเบลเยี่ยมและฝรั่งเศสรีบออกมาประกาศการยึดทรัพย์และอายัดทรัพย์ของนักธุรกิจ กิจการต่างๆ และนักการทูตของรัสเซียโดยยกข้ออ้างเรื่องคดี Yukos ของรัสเซียขึ้นมา อ้างว่าเพื่อเป็นการชดเชยที่รัฐบาลรัสเซียไม่ยอมจ่ายค่าปรับในคดี Yukos ที่ศาลเบลเยี่ยมสั่งปรับรัสเซีย ดังนั้นยุโรปก็เลยยึดทรัพย์นักธุรกิจชาวรัสเซียทั้งๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ซะเลย (ไม่ยักกะรู้ว่าประเทศที่เรียกตัวเองว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้วจะทำอย่างนี้ได้ด้วย?)
    แต่ไม่นานนักหลังทางเบลเยี่ยมก็บอกว่า ทรัพย์สินทั้งหมดของนักธุรกิจชาวรัสเซียที่ถูกอายัดไว้นั้น ตอนนี้ได้รับการยกเลิกจากการอายัดแล้ว (นั่นไง! งานนี้ไม่มีอะไรมากก็แค่แก๊งหากินกับการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเขารวมหัวกันกะจะถล่มเงินรูเบิลของรัสเซียอีกรอบเท่านั้นเอง แต่ผิดคาดครับ รูเบิลไม่สะทกสะท้านเลย รูสหรัฐฯกับรูอียูสิ.... อุ๊ย! ไม่อยากจะคิดต่ออ่ะ คริๆ) ดังนั้นเบลเยี่ยมจึงรีบออกมาบอกว่า "ยกเลิกๆๆๆ ไม่เล่นแล้วเกมนี้ ยิงเข้าไปประตูตัวเองอ่ะ เซ็งเบยยยย" สม!
    ที่น่าเกลียดมากๆก็คือว่าทางเบลเยี่ยมส่งนักกฎหมายกระจอกออกมาพูดแทนรัฐบาลตัวเองว่า รัฐบาลเบลเยี่ยมไม่ขอรับผิดชอบในการมีส่วนร่วมในการอายัดทรัพย์ของรัสเซียในครั้งนี้ เออ… นั่นแหละเบลเยี่ยมในวันนี้ เรื่องคดี Yukos นี่ก็น่าสนใจนะ มีใครจะเล่าเป็นธรรมทานให้กับเพื่อนๆแฟนเพจได้รับทราบข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมไหมเอ่ย? ถ้าไม่มีแอ็ดมินจะเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไปนะครับ โพสต์นี้พอแล้ว ยาวมากแล้ว
    ป.ล. ถ้าเศรษฐกิจไทยไม่ดีขึ้นมากนักในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ก็อย่าพึ่งตีโพยตีพายโทษใครหละครับ มองที่กระแสโลกก่อนค่อยวิจารณ์ก็ได้นะ มันเป็นอย่างนี้กันทั่วโลก เพราะมหาอำนาจเขาเปิดศึกใหญ่ในกันอีกรอบ ทุกๆประเทศก็ย่อมจะได้รับผลกระทบไปด้วยไม่มากก็น้อย
    The Eyes
    23/06/2558
    ----------
    http://rt.com/business/268780-eu-russia-sanctions-extension/
    All Assets of Russian Missions in Belgium to Be Unfrozen 'in Coming Days' / Sputnik International
    http://rt.com/news/268336-russian-sanctions-hurt-europe/
    Russian Government Submits Proposal to Extend Food Embargo Against EU / Sputnik International
    EU Hushes Up Anti-Russia Sanctions Cost Europe Millions of Jobs - Moscow / Sputnik International
    Kremlin Slams 'Illegal' Extension of EU Sanctions on Russia, Vows Response / Sputnik International
    Burning Issue / Sputnik International
    US Will Be Able to Supply Gas to Ukraine in Two Years - John McCain / Sputnik International
    Belgian Government Not Involved in Russian Assets Freeze - Lawyer / Sputnik International
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เฮ้ย..บ้าไปแล้วเจอตัวไอ้โม่งที่สั่งปล่อยน้ำทิ้งหมดเขื่อนแกล้งชาวนาแล้ว
    กรมชลประทาน ยอมรับว่าในปี 2555 มีการสั่งการจากนักการเมืองกระทรวงเกษตร ที่ดูแลกรมชลฯ ให้ระบายน้ำในเขื่อนทุกเขื่อนออกให้หมดเหลือ 45%ของความจุเขื่อนเท่านั้น ขณะนั้นกรมชลฯ ได้พยายามทัดทาน และประวิงเวลาการระบายน้ำมาโดยตลอด
    เนื่องจากการระบายน้ำมากหรือน้อย ต้องทำให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำท้ายเขื่อน กว่านักการเมืองจะยอมรับฟังเหตุผลสั่งหยุดการระบายน้ำจากเขื่อนได้ ก็มีการระบายออกแล้วมากถึง 14,000 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเป็น "ปริมาณการระบายน้ำออกที่มากที่สุดในรอบ 15 ปี " ตั้งแต่นั้นมาปริมาณน้ำในเขื่อนก็ลดต่ำมาถึงในปัจจุบัน และแห้งแล้งมาจนถึงบัดนี้
    ---------------------------------------->
    โอ้โห..เวลา 3 ปีผ่านไปความจริงเพิ่งมาเปิดเผย ว่าทำไมช่วงปี 2555-2558 มันถึงน้ำไม่พอกันใช้ เพราะนักการเมืองสั่งปล่อยน้ำซะต่ำเตี้ยนั่นเอง พอปีถัดๆ มาฝนตกก็ไม่พอความจุเขื่อน สุดท้ายเกษตรกรเลยซวยกันไปหมดมา 3 ปีแล้ว
    โห..เมื่อไทยนี้นักการเมืองทำไมมันถึงได้เลวขนาดนี้ ไม่สงสารเกษตรกรตาดำๆ ที่เอาเงินไปซื้อเสียเขามาคนละ 500 บาทเลยหรือไง ?? ประเทศไทย และคนไทยทุกยากลำบากจากนักการเมืองกันขนาดนี้ ยังคิดจะเลือกตั้งให้เขามากดขี่ต่อไปอีกถึงไหนอีก ??
    กด Like และแชร์ประจานกันต่อไปเลยพี่น้อง กระจองงองๆ กระจองเจ้าข้าเอ้ย นักการเมืองสั่งเปิดน้ำในเขื่อนทิ้ง จนน้ำเติมไม่เติมเขื่อนมา 3 ปีแล้ว คนซวยคือคนไปเลือกตั้งทุกคน !!
    @ เสธ น้ำเงิน4
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    In Pics & Clips : สุดช็อก!! ปธน.โอบามาจงใจใช้ “N-Word” ชี้ “สงครามระหว่างผิว” อยู่ใน DNA มะกัน หลัง ธงคอนเฟดเดอเรต” นิยมทาส ยังปักเหนือรัฐสภาเซาท์แคโรไลนา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2558 16:17 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ – หลังจากเหตุการณ์บุกกราดยิงโบสถ์เอมมานูเอล แอฟริกัน เมโธดิสต์ เอพิสโคพาล( Emanuel African Methodist Episcopal )อันเก่าแก่ในชาร์เลสตัน( Charleston) รัฐเซาท์แคโรไรนา ทำให้ล่าสุดประธานาธิบดีบารัค โอบามาให้สัมภาษณ์สดผ่านรายการวิทยุเมื่อเย็นวานนี้(22)ถึงปัญหาสงครามเหยียดผิวในสหรัฐฯ โดยใช้คำต้องห้าม N-Word ที่เรียกแอฟริกันอเมริกัน “ไม่ใช่คน” ในคำอธิบายว่า สหรัฐฯยังไม่ได้แก้ปัญหาการกีดกันสีผิวให้หมดไป และความเกลียดชังคนผิวดำอยู่ใน DNA ของอเมริกันที่ส่งผ่านระหว่างรุ่นต่อรุ่น ในขณะที่ล่าสุดในวันเดียวกัน ผู้ว่าการรัฐเซาท์แคโรไรนา นิกกี ฮาเลย์ (Nikki Haley) ได้ออกมาเรียกร้องให้สภาท้องถิ่นรัฐเซาท์แคโรไรนาได้ร่วมเปิดการประชุมลงมติอนุญาตให้ปลดธงคอนเฟดเดอเรต (Confederate flag)หรือธงสมาพันธรัฐทางใต้ ออกจากเหนือที่ทำการรัฐ รวมไปถึงที่ทำการรัฐสภาเซาท์แคโรไลนา

    <iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/IR6UwAez8Ko" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    บีบีซี สื่อังกฤษ และ NBC News รายงานเมื่อวานนี้(22)ว่า เมื่อวานนี้(22) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ได้ให้สัมภาษณ์สดผ่านรายการวิทยุถึงปัญหากีดกันสีผิวซึ่งนำไปสู่เหตุกราดยิงกลางโบสถ์เอมมานูเอล แอฟริกัน เมโธดิสต์ เอพิสโคพาล( Emanuel African Methodist Episcopal )อันเก่าแก่ในชาร์เลสตัน( Charleston) รัฐเซาท์แคโรไรนา ก่อนหน้านี้ โดยโอบามายืนกรานว่า “การกีดกันสีผิวยังคงหยั่งรากลึกและเติบโตอย่างมั่นคงในอเมริกา” และอเมริกาไม่ได้แกปัญหานี้จบสิ้นไปในช่วงสงครามกลางเมืองที่นำไปสู่การเลิกทาสเหมือนที่หลายๆคนเข้าใจ

    “การเหยียดหยามทางสีผิวยังคงมีอยู่ เรายังคงไม่ได้แก้ปัญหานี้ให้หมดไป และไม่ใช่เป็นเพียงเพราะว่า เพียงแต่พยายามทำตัวให้สุภาพโดยไม่ใช้คำเรียกที่จงใจ “ระบุว่าแอฟริกันอเมริกันไม่ได้ถูกจัดเป็นมนุษย์เท่านั้น” หรือที่เข้าใจโดยทั่วไปว่า เป็น N-Word โดยทั่วไป เพราะสิ่วนั้นไม่ได้ตัดสินว่า ความต้องการกีดกันทางเชื้อชาตินั้นยังคงอยู่หรือไม่” โอบามาให้ความเห็น

    และประธานาธิบดีสหรัฐฯยังกล่าวต่อไปว่า “มันไม่ใช่แค่การเปลี่ยนการเหยียดทางสีผิว สังคมอเมริกันไม่สามารถลบแผลอักเสบฝังลึกให้หายได้ภายในเพียงแค่ชั่วข้ามคืน ไม่สามารถทำได้กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเมื่อ 200-300ปีมาแล้วอย่างแน่นอน"

    โดยโอบามาให้สัมภาษณ์กับนักจัดรายการวิทยุออนไลน์พอดแคสชื่อกระฉ่อนฝีปากกล้าในสหรัฐฯ มาร์ก มารอน( Marc Maron)

    โอบามากล่าวต่อไปว่า ถึงแม้ว่าสถานการณ์ความเกลียดชังระหว่างสีผิวจะดีขึ้นในช่วงเวลาที่เขาเกิด จากการที่โอบามาถือกำเนิดในแม่ที่เป็นอเมริกันผิวขาว และพ่อเป็นนักเรียนแอฟริกันผิวดำ แต่ทว่าโอบามายืนยันว่าความเกลียดชังผิวสีติดอยู่ใน DNA ของชาวสหรัฐฯที่ส่งผ่านรุ่นต่อรุ่น

    NBC News รายงานเพิ่มเติมว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯยังแสดงความห่วงใยอย่างมากต่อปัญหาการครอบครองอาวุธปืนในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิทธิของพลเรือนสหรัฐฯที่จะสามารถจะกระทำได้นับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ แต่ทว่าอิทธิพลของ NRA องค์กรอาวุธปืนแห่งชาติสหรัฐฯนั้นมีอิทธิพลมากจนไม่สามารถทำให้กฏหมายควบคุมการครอบครองอาวุธเข้าสาสภาและออกเป็นกฎหมายสำเร็จ หลังเกิดเหตุสังหารโหดนิวทาวน์ รัฐคอนเนกติกัต ปี 2012 ที่มีเด็กนักเรียนชั้นประถมและครูจำนวนไม่ต่ำกว่า 20 คนถูกสังหารโหดอย่างเลือดเย็น

    “ผมจะบอกอะไรให้ว่าในช่วงเหตุเกิดโรงเรียนประถมแซนดีฮุก นิวทาวน์ เกิดเหตุ และมีเด็กประถมตัวเล็กๆร่วม 20 ชีวิตถูกสังหารโหด แต่สภาคองเกรสกับไม่ทำอะไร และนั่นเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูก ผมรู้สึกขยะแขยกเอามากๆ” ประธานาธิบดีสหรัฐฯเปิดใจผ่านการให้สัมภาษณ์สด

    อย่างไรก็ตามบีบีซี สื่ออังกฤษวิเคราะห์ว่า ถึงแม้ในการให้สัมภาษณ์แบบเจาะใจของประธานาธิบดีสหรัฐฯจะใช้คำพูดที่ตรงและแรงในการแสดงจุดยืนในเรื่องปัญหาสีผิวในอเมริกา แต่ทว่าโดยทั่วไปแล้ว โอบามายังคงสงวนท่าทีในเรื่องนี้ โดยเมื่อเขาให้สัมภาษณ์อีกครั้งในภายหลังที่ทำเนียบขาว ประธานาธิบดีสหรัฐฯยังคงเน้นประเด็นปัญหาการควบคุมอาวุธปืนมากกว่าที่จะแตะเรื่องปัญหาการเหยียดหยามทางสีผิว

    ในขณะเดียวกันสื่ออังกฤษยังวิเคราะห์ไปถึงธงคอนเฟดเดอเรต ซึ่งเป็นธงสัญลักษณ์ของรัฐทางใต้ที่ใช้เพื่อประกาศความต้องการมีทาสในการครอบครองเพื่อแยกตัวออกจากสหรัฐฯ และไดแลนน์ รูฟ (Dylann Roof) มือปืนผิวขาววัย 21 ปีใช้ธงสัญลักษณ์ร่วมในการก่อเหตุ ซึ่งบีบีซีชี้ว่า โอบามาไม่ได้กล่าวถึงธงเจ้าปัญหานี้ในการให้สัมภาษณ์ แต่ทว่าในวันศุกร์(19)ก่อนหน้านี้ โอบามาเลี่ยงที่จะออกความเห็นโดยตรง โดยกล่าวเพียงว่า ธงคอนเฟดเดอเรตสมควรที่จะถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์มากกว่าที่จะนำออกมาใช้ในปัจจุบัน

    โดยในสหรัฐฯโดยเฉพาะในรัฐทางใต้ จะเห็นมีการประดับธงแสดงความต้องการมีทาสประดับอย่างเป็นทางการ และมีบางรัฐ เช่น รัฐมิสซิสซิปปี ได้รวมเอาสัญลักษณ์ของธงคอนเฟดเดอร์เรตรวมอยู่เป็นธงประจำรัฐ ในขณะที่รัฐเซาท์แคโรไลนาเลือกจะประดับธงนี้อย่างเป็นทางการร่วมกับธงชาติสหรัฐฯและธงประจำรัฐที่เป็นรูปต้นไม้

    และยังไม่นับรวมไปถึงสัญลักษณ์ธงเฟดเดอเรต หรือธงสมาพันธรัฐทางใต้ ถูกผลิตขึ้นอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเนกไทสำหรับสวมใส่ และรวมไปถึงสติกเกอร์ติดกันชนรถเพื่อประกาศเจตจำนงของเจ้าของรถที่นิยมมากในรัฐเทกซัส เหมือนกับที่นักจัดรายการวิทยุในแอเอ คาเรล ได้กล่าวว่า ชาวอเมริกันผิวขาวในรัฐทางใต้ไม่เคยยอมรับว่า พวกเขาได้แพ้แล้วในสงครามกลางเมือง และสงครามนั้นได้จบสิ้นแล้ว แต่ทว่าสหรัฐฯมีประธานาธิบดีที่ปราดเปรื่องเช่น อับราฮัม ลินคอล์น ที่ต้องการรวมทุกรัฐให้ยังคงเป็นประเทศสหรัฐฯโดยไม่แม้แต่จะกล่าวว่า การตั้งตัวเป็นอริกับรัฐบาลกลางของบรรดารัฐทางใต้ และประกาศแยกตัวนั้นแท้จริงแล้ว คือการ “เป็นกบฏ และทรยศ” ต่อแผ่นดินอเมริกา แต่ทว่าลินคอล์นกลับถือ เป็นการตัดสินใจของประชาชนของรัฐที่ต้องการต่อต้านกับรัฐบาลกลางเพื่อแสดงจุดยืนของตนเอง จากสาเหตุที่ว่า แต่ละรัฐในอเมริกากำเนิดเป็นรัฐมาก่อนที่จะเป็นประเทศสหรัฐฯ และดังนั้นอำนาจรัฐจึงเกือบจะมีอำนาจเทียบเท่ากับรัฐบาลกลางสหรัฐฯที่คนทั่วไปเรียกว่า วอชิงตัน เพราะพวกเขา เช่น ประชาชนรัฐเทกซัสเห็นว่า วอชิงตันอยูไกล และเหตุใดจึงต้องมีอิทธิพลเหนือชีวิตความเป็นอยู่ของเขาเมื่อเทียบกับรัฐที่อยู่ใกล้ชิดกว่า อีกทั้งรัฐบาลกลางและรัฐบาลประจำรัฐมีหน้าที่แยกจากกันสิ้นเชิง

    นอกจากนี้จะเห็นได้ว่า ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในยุด บารัค โอบามา ประชาชนรัฐเทกซัสเดือดดาลต่อผลการเลือกตั้ง และรวมตัวลงรายชื่อส่งไปยังวอชิงตันเพื่อขอประกาศแยกตัวเป็นรัฐอิสระไม่ขึ้นกับสหรัฐฯอีกต่อไป และในช่วงนั้นบัมเปอร์สติกเกอร์จะติดให้เห็นโดยทั่ว ไม่ว่าจะเป็น ธงโลนสตาร์ประจำรัฐ ข้อความ และอื่นๆ

    และที่มากไปกว่านี้ จากการรายงานของสื่อต่างๆจะพบว่า สงครามระหว่างสีผิวในอเมริกาดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นโดยเฉพาะนับตั้งแต่บารัค โอบามาขึ้นมารับตำแหน่ง และยังเป็นผู้นำสหรัฐฯเพียงคนเดียวที่ถูกขุดคุ้ยถึงชาติกำเนิด และศาสนาที่นับถือจากทางฝ่ายรีพับลิกัน และประชาชนที่ไม่ต้องการเห็นคนผิวสีนั่งอยู่ในทำเนียบขาว

    โดยโอบามาถูกเรียกร้องให้แสดงใบสูติบัติว่าเกิดในรัฐฮาวายจริง รวมไปถึงยังมีหลายฝ่ายเคลือบแคลงว่าเขาเป็นคริสเตียนจริงหรือไม่ จากการที่มีชื่อกลางคือ ฮุสเซน และในช่วงการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯโดยเฉพาะในสมัยที่ 2 มีชาวอเมริกันผิวสีจำนวนมากต้องจบชีวิตจากฝีมือระบบกระบวนการยุติธรรมสหรัฐฯนับตั้งแต่คดีเทรวอน มาร์ติน วัยรุ่นผิวสีรัฐฟอลริดาในปี 2012 มาจนถึงล่าสุดเหตุการณ์กราดยิงรัฐเซาท์แคโรไลนา ซึ่งที่ผ่านมาประธานาธิบดีสหรัฐฯหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวถึงปัญหานี้มาโดยตลอด และในปีแรกของการเข้ารับตำแหน่ง เขาไม่ได้ไปเข้าร่วมการประชุมเกี่ยวกับปัญหาสีผิว ทั้งๆที่ประชาชนแอฟริกันอเมริกันฝากความหวังไว้เมื่อครั้งการเลือกตั้งปี 2009

    และเมื่อวานนี้(22) สื่ออังกฤษยังรายงานถึง การเรียกร้องของนิกกี ฮาเลย์ (Nikki Haley) ผู้ว่าการรัฐเซาท์แคโรไลนา สภาท้องถิ่นรัฐเซาท์แคโรไรนาได้ร่วมเปิดการประชุมลงมติอนุญาตให้ปลดธงคอนเฟดเดอเรต ออกจากเหนือที่ทำการรัฐ รวมไปถึงที่ทำการรัฐสภาเซาท์แคโรไลนา

    โดยฮาเลย์ได้กล่าวว่า “ขอให้ปลดธงอันเป็นสัญลักษณ์แบ่งแยกพวกเราออกไป” เพื่อขอให้สภารัฐเซาท์แคโรไลนาลงมือหาฉันทามติสนับสนุนข้อเรียกร้องนี้อย่างเป็นทางการ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ เธอยืนกรานที่จะให้ธงเจ้าปัญหานี้ยังคงอยู่ต่อไป

    อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกหลานทหารคอนเฟดเดอร์เรชันในสงครามกลางเมืองประกาศจะสู้ต่อไปเพื่อทำให้ธงผืนนี้ยังสามารถปลิวไสวเหนือที่ทำการหน่วยงานรัฐบาลรัฐเซาท์แคโรไลนาต่อไปได้

    ทั้งนี้บีบีซีรายงานว่า มีประชาชนชาวเซาท์แคโรไรนาที่ได้นำดอกไม้มาวางที่โบสถ์ในจุดเกิดเหตุกล่าวว่า “ชาวผิวสีในรัฐเซาท์แคโรไลนาทุกคนที่ได้พบต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ธงคอนเฟดเดอร์เรตต้องถูกปลดลง เพราะเป็นการหวนให้รำลึกถึงความโหดร้ายช่วงความเป็นทาสในยุคนั้น”

    ซึ่งในสมัยนั้น “ทาสแอฟริกันอเมริกันถูกจัดให้เป็นสัตว์เลี้ยงที่คล้ายมนุษย์ สามารถผลิตลูกและนำไปขายต่อ นายผิวขาวสามารถข่มขืนทาสได้”

    ในขณะเดียวกันยังมีอีกบางส่วนที่แสดงความเห็นยังคงต้องการให้มีธงคอนเฟดเดอร์เรตประดับเพราะเชื่อใน “เกียรติยศแห่งรัฐทางใต้” เพราะถือว่าธงผืนนี้เป็นการแสดงสัญลักษณ์ของทางใต้ที่ยิ่งใหญ่ และเกิดขึ้นจริงในประวิติศาสตร์ถึงแม้ว่าจะต้องเกี่ยวโยงกับเรื่องที่โหดร้ายก็ตาม

    In Pics & Clips :
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ง่อยกิน !! นิวซีแลนด์เรดาห์ล่ม เครื่องบินทั่วประเทศอัมพาตแน่นิ่ง
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2558 16:10 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี - เครื่องบินโดยสารและเครื่องบินพาณิชย์ทั้งหมดในนิวซีแลนด์ล้วนจอดแน่นิ่งเป็นการชั่วคราวในวันอังคาร (23 มิ.ย.) เนื่องจากเกิดเหตุขัดข้องขึ้นกับระบบควบคุมการจราจรทางอากาศ ทำให้มีการดีเลย์เป็นจำนวนมาก บางเที่ยวบินก็ต้องยกเลิก

    "แอร์เวย์ นิวซีแลนด์" ที่ดูแลควบคุมการจราจรทางอากาศในประเทศแถบแปซิฟิกใต้แห่งนี้ ระบุว่า ทุกเที่ยวบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ล้วนได้รับผลกระทบทั้งหมด

    หน่วยงานของรัฐบาลรายนี้ ได้ยืนกรานว่า ไม่มีเครื่องบินหรือผู้โดยสารได้รับอันตรายในระหว่างที่ระบบล่ม ซึ่งกินเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ทำให้ผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศไม่มีเรดาห์ในการทำงาน

    ผลที่ตามมาก็คือ ทุกเที่ยวบินถูกห้ามบินขึ้น ส่วนเครื่องบินที่ลอยลำอยู่ในอากาศและต้องการลงจอด ก็จะได้รับการนำทางโดยใช้การมองเห็นร่วมกับการติดต่อกันทางวิทยุ ซึ่งทางแอร์เวย์นิวซีแลนด์โทษว่าปัญหานี้เกิดจากเครือข่ายภายในล้มเหลว

    "เราได้ระงับทุกเที่ยวบินในระหว่างที่ทำการสืบสวนเกี่ยวกับปัญหานี้ จนกว่าเราจะแน่ใจว่าเราสามารถให้บริการได้อย่างปลอดภัย ตอนนี้เรารับรู้ถึงปัญหาและได้ทำการทดสอบความสมบูรณ์ของระบบแล้ว" เจ้าหน้าที่ ระบุ

    ไซมอน บริดจ์ รัฐมนตรีคมนาคมนิวซีแลนด์ ระบุว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศได้ติดต่อสื่อสารกับนักบินด้วยวิทยุในช่วงที่เรดาห์ล่ม อย่างไรก็ตาม เขาได้เน้นย้ำว่า ไม่มีการหย่อนยานในเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสารและเครื่องบิน

    ถึงกระนั้น ทางองค์กรการบินพลเรือน ก็ยังเป็นกังวลเกี่ยวกับเหตุครั้งนี้ พร้อมทั้งดำเนินการสืบสวนด้านความปลอดภัย โดยมีการระบุว่า ไม่เคยเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าเป็นภัยร้ายแรง

    "เราจะพยายามหาให้เจอว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่" โฆษกขององค์กรการบินพลเรือนบอกกับเอเอฟพี และเมื่อถูกถามว่าเรื่องที่น่ากลัวเช่นนี้คงไม่อาจเป็นที่ยอมรับต่อการขนส่งสาธารณะใช่หรือไม่ เขาก็ได้ตอบว่า "แน่นอนที่สุด"

    สื่อท้องถิ่นได้รายงานว่า มีเกือบ 200 เที่ยวบินได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยมีการดีเลย์เป็นระยะเวลานาน บางเที่ยวบินก็ถูกยกเลิก ที่สนามบินหลายแห่งทั่วประเทศ

    ด้านแอร์นิวซีแลนด์ ระบุจำนวนตัวเลขที่ต่างกันว่า มีประมาณ 160 เที่ยวบินที่ได้รับผลกระทบ ทั้งยังอาจต้องใช้เวลาสักพักถึงจะกลับมาให้บริการได้เช่นเดิม

    พอล เลอ คอมเต ผู้โดยสารที่กำลังรอออกเดินทางที่สนามบินไครสเชิร์ก ตอนเกิดเหตุระบบขัดข้องจนถูกห้ามขึ้นบิน ได้บอกว่า เขาและผู้โดยสารรายอื่นๆ ต้องเจอกับเหตุครั้งนี้เข้าพอดี แต่ในท้ายที่สุดก็ได้ออกเดินทาง

    "ดูเหมือนแอร์เวย์นิวซีแลนด์จะเจอปลั๊กไฟเรดาห์ที่ถูกพนักงานทำความสะอาดเตะหลุดแล้ว เรากำลังจะได้ออกเดินทางในอีกไม่ช้า ขอบคุณมาก" เขาโพสต์ข้อความแบบติดตลกทางทวิตเตอร์

    ผู้โดยสารอีกรายที่ชื่อ แอนนา สมิธ ได้บอกกับสถานีวิทยุนิวซีแลนด์ ว่าเธอจะเดินทางจากเวลลิงตันไปอ่าวฮอว์ก เพื่อเข้าร่วมพิธีศพ

    "เรามีตัวเลือกไม่มากในตอนนั้น เราไม่รู้จริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งได้ไปยืนอยู่แถวหน้าของการต่อคิว" เธอกล่าว

    สนามบินโอ๊คแลนด์ ซึ่งในใหญ่ที่สุดในประเทศนี้ ได้เตือนนักเดินทางเรื่องการดีเลย์ ขณะที่สนามบินไครสเชิร์กได้แนะนำผู้โดยสารให้ติดต่อทางสายการบินเพื่อขอข้อมูล

    "เครื่องบินบนฟ้าจะลงจอดได้อย่างไรโดยไม่มีเรดาห์ ดูเหมือนชาวกีวีกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติ คล้ายเราไปเที่ยวผับพร้อมกับแผนการที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เลย" ผู้โดยสารอีกรายกล่าว


     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “วอลมาร์ท-เซียร์ส” สั่งถอดสินค้าที่มี “ธงสมาพันธรัฐอเมริกา” หลังมือยิงโบสถ์คนดำถ่ายรูปคู่-ชี้เป็นสัญลักษณ์เหยียดผิว โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2558 15:55 น. (แก้ไขล่าสุด 23 มิถุนายน 2558 16:11 น.)

    [​IMG]

    รอยเตอร์ – บริษัทค้าปลีก วอลมาร์ท และ เซียร์ส โฮลดิงส์ ประกาศถอดสินค้าทุกรายการที่มีรูปธงสมาพันธรัฐอเมริกา (Confederate flag) ออกจากชั้นวาง หลังปรากฏภาพมือปืนวัยรุ่นที่กราดยิงโบสถ์คนผิวสีเก่าแก่ในรัฐเซาท์แคโรไลนานั่งถือธงดังกล่าว ซึ่งถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์แทนระบบทาสและการเหยียดผิว

    ประกาศจาก 2 ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของอเมริกามีขึ้นในวันเดียวกันกับที่ นิกกี เฮลีย์ ผู้ว่าการหญิงแห่งรัฐเซาท์แคโรไลนา ออกมาเรียกร้องให้มีการปลดธงดังกล่าวออกจากอาคารที่ทำการแห่งรัฐ

    [​IMG]

    ดีแลนน์ รูฟ มือปืนผิวขาววัย 21 ปี ได้โพสต์ภาพที่เขาถ่ายคู่กับธงสมาพันธรัฐอเมริกาลงสื่อออนไลน์ ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ที่นิยมชมชอบธงชนิดนี้จะแขวนหรือประดับธงไว้บนเสื้อ เนื่องจากเห็นว่าเป็นสัญลักษณ์แทนประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของรัฐเซาท์แคโรไลนา และเพื่อเป็นการรำลึกถึงประชาชนในรัฐฝ่ายใต้ที่เสียชีวิตในสงครามกลางเมืองช่วงปี ค.ศ. 1861-1865

    โฆษกของวอลมาร์ท ชี้ว่า บริษัทไม่ต้องการให้สินค้าที่จำหน่ายสร้างความไม่พอใจต่อคนกลุ่มใด

    “เราได้สั่งถอดสินค้าทุกชนิดที่มีรูปธงสมาพันธรัฐอเมริกาออกจากระบบจัดวาง ทั้งหน้าร้านและเว็บไซต์” ไบรอัน นิค โฆษกวอลมาร์ท ระบุในคำแถลง

    นิค ชี้ว่า บริษัทมีกระบวนการพิจารณาสินค้าที่วางจำหน่าย แต่บางครั้งก็มีผลิตภัณฑ์บางตัวเล็ดรอดออกสู่ชั้นวางอย่างไม่เหมาะสม “ซึ่งกรณีนี้ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง”

    ด้าน เซียร์ส โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นเจ้าของเครือซุปเปอร์มาร์เก็ตเซียร์ส (Sears) และเคมาร์ท (Kmart) ไม่ได้จำหน่ายธงสมาพันธรัฐอเมริกาอยู่แล้ว แต่ได้มีมาตรการเพิ่มเติมโดยถอดสินค้าของบุคคลที่ 3 ที่วางจำหน่ายในตลาดสินค้าออนไลน์ของทางบริษัทออกด้วย

    “เรากำลังตรวจสอบตลาดออนไลน์เพื่อถอดสินค้าในกลุ่มนี้ออกให้หมด” คริส แบรธเวต โฆษกของเซียร์ส เผย

    จากการตรวจสอบเว็บไซต์ของบริษัทค้าปลีก ทาร์เก็ต คอร์ปอเรชัน ยังไม่พบว่ามีธงสมาพันธรัฐอเมริกาวางจำหน่าย ขณะที่โฆษกหญิงระบุว่า เธอกำลังสอบถามไปยังทีมงานฝ่ายดูแลสินค้าของบริษัท

    เว็บไซต์แอมะซอน (Amazon.com) ยังคงมีธงสมาพันธรัฐอเมริกาและสินค้าอื่นๆ ที่มีรูปธงชนิดนี้อยู่วางจำหน่ายโดยผู้ขายซึ่งเป็นบุคคลที่ 3 และบางชิ้นแอมะซอนก็เป็นตัวแทนจัดส่งให้ด้วย แต่สำหรับสินค้าของแอมะซอนเองยังไม่พบว่ามีผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้

    ล่าสุด แอมะซอนยังไม่ตอบรับคำขอสัมภาษณ์จากสื่อมวลชน

    ด้านเว็บไซต์คู่แข็งอย่างอีเบย์ (Ebay) ก็มีธงสมาพันธรัฐและสินค้าที่เกี่ยวข้องกว่า 1,000 รายการถูกวางจำหน่ายโดยบุคคลที่ 3 เช่นกัน ซึ่งทางเว็บก็ยังออกมาไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ


     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    23 มิ.ย. อ่วม! "สนธิ-จำลอง-แกนนำพธม."ส่อล้มละลาย ศาลสั่งชดใช้ทอท. ปมปิดสนามบิน600ล้าน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    วันที่ 23 มิ.ย. นางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา จ.สกลนคร ได้โพสต์ข้อความตั้งค่าสาธารณะผ่านเฟซบุ๊ก "Maleerat Kaewka"ระบุว่า ตนเอง และแกนนำพันธมิตรรวมทั้งสิ้น 13 ราย ได้รับหมายศาลแจ้งว่าต้องชดใช้เงินจำนวน 600 ล้าน แก่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กรณีชุมนุมที่ชานชาลา ลานจอดรถสนามบินดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
    นางมาลีรัตน์ กล่าวว่า วิกฤติในชีวิตของแต่ละคนจะมีกี่ครั้ง คงไม่มีใครตอบได้ชัดเจน แต่ 2-3 วันที่ผ่านมายอมรับว่า ตนเองแทบช็อกเมื่อทราบว่าศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งให้พลตรีจำลอง ศรีเมือง และคณะ 13 คน รวมดิฉันด้วย ต้องชดใช้เงินจำนวน 600 ล้าน แก่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) กรณีชุมนุมที่ชานชาลา ลานจอดรถสนามบินดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นวิกฤติชีวิตครั้งใหญ่ของดิฉันและอีกหลายคนแน่นอน
    ขอเท้าความถึงการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในปี 2551เป็นที่ทราบทั่วไปว่าเริ่มตั้งแต่เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ2550มาตรา190 เรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน ต้องผ่านสภา มาตรา237 เรื่องยุบพรรคที่ทุจริตเลือกตั้ง เป็นหลัก ไปจนถึงประท้วงแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ทำขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 จนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญ ฯลฯ
    หลังจากเราเลิกชุมนุมในวันที่ 2 ธันวาคม 2551 คดี ทอท.ฟ้องแพ่งแกนนำและคณะ 13 คน ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง 25 มีนาคม 2554 ศาลชั้นต้น สั่งให้ชดใช้เงิน 522 ล้าน ทนายสุวัตรและทีมสู้อย่างเด็ดเดี่ยว ขออุทธรณ์แบบอนาถา เพราะแต่ละคนไม่มีงานประจำ ศาลอนุญาตเพียง 1 ใน 3 ทนายสุวัตรต้องดิ้นรนหาเงินวางค่าธรรมเนียมศาลเกือบ 3 ล้านบาท
    ดังนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษา ให้ชดใช้เงินจำนวน 600 ล้าน จึงทำให้ทั้ง 13 คน เดินเข้าใกล้เส้นทางเป็นบุคคลล้มละลายเข้าไปทุกขณะ ซึ่งถามว่ากลัวไหม ทุกสิ่งเป็นสรณะ ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน แต่เราได้พยายามต่อสู้ในสิ่งที่เราเห็นว่าเราทำถูกต้องหรือยัง จึงมีเพียง 2 แนวทางเท่านั้นที่ต้องดำเนินการ
    แนวทางที่ 1 ยื่นฎีกา ซึ่งต้องวางค่าธรรมเนียมศาล รวม 7 ล้านบาท และทนายได้ขอผ่อนผัน 2 รอบแล้ว ทางคณะฯ จึงได้ขอให้ทนายสุวัตรยื่นเรื่องขอยืดเวลาการชำระค่าธรรมเนียมออกไป จากเดิม 26 มิถุนายน นี้ ย้ำอีกครั้งค่ะ เวลานับจากนี้ไป 4 วัน กับเงิน 7 ล้านบาท จะหาอย่างไร หาจากไหน เพราะแต่ละคนเดือดร้อนกันหมดแล้ว แต่ข้อดี คือ เวลาต่อสู้ในชั้นศาลฎีกาอาจใช้เวลา 3-5 ปี
    แนวทางที่ 2 ไม่ยื่นฎีกา ให้ศาลว่าไป โดยไม่สู้ในชั้นฎีกา ยอมรับว่าเราทำผิดทางละเมิด ผลก็คือพลตรีจำลองและคณะทั้ง 13 จะถูกฟ้องล้มละลายต่อไป อาจใช้เวลา 1 ปีนับจากนี้
    เราปรึกษาหารือเบื้องต้น ได้ข้อสรุปว่า เดินแนวทางที่ 1 คือยื่นฎีกา ต้องหาเงินมาวางค่าธรรมเนียมศาล 7 ล้านบาท หาจากไหน นั่นล่ะคือสิ่งที่ดิฉันช็อก ช่วยแนะนำดิฉันด้วยนะคะ
    สุดท้าย นางมาลีรัตน์ กล่าวต่อว่า จะมีการระดมทุนเข้ากองทุนสู้คดี เพื่อสมทบเงินค่าธรรมเนียมศาล ชื่อบัญชี มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เพื่อพันธมิตรสู้คดี เลขที่ 008-2-26479-7 ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางลำพู บัญชีออมทรัพย์
    ด้าน นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงคดีข้างต้นว่า ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนให้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับพวกซึ่งเป็นแกนนำพันธมิตร รวม 13 คน ชดใช้ค่าเสียหายกว่า 522 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2551 จนกว่าจะชำระเสร็จ ในคดีที่บริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เป็น โจทก์ ยื่นฟ้อง กรณีระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน -3 ธันวาคม 2551 พวกจำเลย ร่วมกันนำผู้ชุมนุมหลายหมื่นคน ไปบุกยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง เพื่อประท้วงรัฐบาลและขับไล่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ขณะนั้น ทำให้การให้บริการต่างๆ ภายในท่าอากาศยานทั้งสองต้องหยุดลง
    (อ่านต่อ..อ่วม! "สนธิ-จำลอง-แกนนำพธม."ส่อล้มละลาย ศาลสั่งชดใช้ทอท. ปมปิดสนามบิน600ล้าน : มติชนออนไลน์)
     

แชร์หน้านี้

Loading...