ติดตามสถานะการณ์

Thanong Fanclub



23. พอฟองสบู่ร้าว ก็ลั่นกลองรบ
ผู้จัดการกองทุนบอนด์รุ่นอวุโสของอังกฤษออกมาเตือนว่า ได้เวลาแล้วที่นักลงทุนต้องถือเงินสด
Ian Spreadbury แห่งFidelity ผู้บริหารเงินกองทุนกว่า£4,000ล้านให้ลูกค้ากล่าวว่า เขาเป็นห่วงความเสี่ยงของการล่มของระบบ ที่อาจจะทำให้ตลาดปั่นป่วนหนักเหมือนช่วงวิกฤติการเงินในปี2008
เขาเตือนว่า ความเสี่ยงของระบบอยู่ในระบบแล้ว และนักลงทุนควรจะรู้ตัวด้วย
วิธีการที่ดีที่สุดที่จะจัดการปัญหา คือนักลงทุนควรที่จะกระจายความเสี่ยงให้มากที่สุดลงในทรัพย์สินต่างๆ รวมทั้งทองและเงิน และเงินสดในบัยชีเงินฝาก
แต่ถ้าให้ดี Spreadburyแนะนำต่อไปว่า นักลงทุนควรจะมีเงินสดเก็บเอาไว้ที่บ้านบ้าง
ปกตินักบริหารเงินหรือกองทุนจะไม่แนะนำให้นักลงทุนเก็บเงินสดไว้ใต้เสื่อที่บ้านแบบนี้
Spreadburyเป็นกังวลว่า -- หนี้ของโลกที่อยู่ที่$200 ล้านล้าน -- และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหนี้ของคนที่ซื้อบ้านได้เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับที่เป็นประวัติการณ์ เนื่องจากภาวะดอกเบี้ยที่ต่ำติดดิน และดอกเบี้ยที่ต่ำนี้กำลังจะมาถึงจุดจบ
เขาไม่แน่ใจว่า ถ้าดอกเบี้ยจะต้องขึ้นไป แบงค์จะเอาตัวรอดอย่างไร (กับภาวะหนี้เสีย หรือตลาดการเงินที่ปั่นป่วน)
กดดอกเบี้ยมานาน30ปีเพื่อสร้างฟองสบู่การเงิน และ7ปีหลังสุดกดดอกเบี้ยลงระดับ0% ยิ่งจะสร้างฟองสบู่ก้อนโตขึ้นไปอีก แรงกดดันเงินเฟ้อมีมานานแล้วในระดับชาวบ้าน ตอนนี้จะเลี่ยงการขึ้นดอกเบี้ยได้ยาก เพราะว่าจะยบืดต่อไปอย่างไมีมีวันจบสิ้นไม่ได้ เมื่อดอกเบี้ยขึ้น ที่Spreadburyพูดทั้งหมด เราจะได้เห็น
thanong
22/6/2015
http://www.telegraph.co.uk/…/Its-time-to-hold-physical-cash…

 

Thanong Fanclub



24. พอฟองสบู่ร้าว ก็ลั่นกลองรบ
ช่วงเย็นวันนี้ที่ยุโรป หรือเวลาดึกๆบ้านเราจะเห็นภาพชัดขึ้นว่ากรีซจะอยู่หรือจะไป เพราะว่าระดับผู้นำยุโรปจะมีการพิจารณาแพคเกจการแก้โครงสร้างหนี้และการปฏิรูปเศรษฐกิจที่รัฐบาลกรีซได้นำเสนอในช่วงโค้งสุดท้าย
ปัญหาคือปลายเดือนนี้กรีซมีภาระหนี้ต้องจ่าย1,600ล้านยูโร จาก240,000ล้านยูดร แต่ตอนนี้ไม่มีเงินที่จะจ่ายเจ้าหนี้ได้ แต่ต้องได้เงินเบิกกู้จากไอเอ็มเอฟ7,200ล้านยูโรก่อนถึงจะมีเงินจ่ายหนี้ เจ้าหนี้จะให้เบิกเงินก้อนนี้ก็ต่อเมื่อแพคเกจเจรจาหนี้ พร้อมทั้งการปฏิรูปโครงสร้างของกรีซผ่านการอนุมัติจากเจ้าหนี้ นำโดยเยอรมัน หรือนางAngela Merkelที่มีสิทธิ์ชี้เป็นชี้ตายกรีซ
ต่อไปนี้คือจุดยืนในแผนปฏิรูปรหนี้และเศรษฐกิจของกรีซที่ยังไม่ลงล๊อคเท่าใดนักระหว่างเจ้าหนี้ หรือtroikaที่ประกอบด้วยอียู ธนาคารกลางยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และรัฐบาลกรีซ:
1. งบประมาณ
เจ้าหนี้: ให้กรีซทำงบประมาณเกินดุล1%ต่อจีดีพี และไปให้ถึง3.5%ต่อจีดีพีใน3ปี
กรีซ: กรีซพยายามจะหารายได้เพิ่มผ่านการขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีบริษัทที่ได้กำไรมากๆ รวมทั้งภาษีคนรวย แทนที่จะลดการจ่ายบำนาญ
2. การจ่ายหนี้
เจ้าหนี้: อนุโลมให้กรีซผ่อนจ่ายหนี้ได้ แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขและกรอบที่ตกลงกับTroika
กรีซ: กรีซไม่ต้องการเบี้ยวหนี้หรือลดหนี้ แต่ขอจ่ายหนี้ตามดัชนีอัตราการเจริญเติบโตของจีดีพีของประเทศ และพักชำระหนี้ได้
3. บำนาญ
เจ้าหนี้: กรีซต้องลดงบประมาณรายจ่ายเงินบำนาญลงจาก16% เหลือ15%ต่อจีดีพี หรือลดภาระลง1,800ล้านยูโรต่อปี
กรีซ: กรีชจะปฏิรูปโครงสร้างสวัสดิการสังคม แต่จะให้ตัดลดงบประมาณเงินบำนาญถือว่าเรียกร้องมากไป เพราะว่าคนกรีกจำลำบากมาก
4. ภาษีVAT
เจ้าหนี้: ให้ขึ้นภาษีVATเป็น23%โดยทั่วไป และอัตราVAT 11%สำหรับยาและอาหาร
กรีซ: ตกลงกรอบภาษี23% แต่ขออัตราVAT11%สำหรับอาหาร พลังงาน โรงแรม VAT 6% สำหรับยาและหนังสือเรียน
สัปดาห์ที่ผ่านมากรีซเจอแบงค์รัน3,000ล้านยูโร หลังจากโดนถอนเรื่อยๆไปกว่า150,000ล้านยูโรแล้ว เพราะว่าคนไม่มั่นใจเก็บเงินในแบงค์ ถ้าเจรจาหนี้กับเจ้าหนี้ล้มเหลว มีหวังกรีซต้องใช้มาตรการควบคุมเงิน (capital controls) เพื่อสกัดเงินไหลออก
จับตาดดูต่อไป
thanong
22/6/2015
http://www.zerohedge.com/…/collateral-has-run-out-jpm-warns…

 

เหิมเกริมหนัก “ตอลิบาน” บุกระเบิดอาคารรัฐสภาในเมืองหลวงอัฟกานิสถาน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มิถุนายน 2558 14:15 น. (แก้ไขล่าสุด 22 มิถุนายน 2558 15:18 น.)



เอเอฟพี - สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นรายงานว่าเกิดระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นที่อาคารรัฐสภาอัฟกานิสถาน ที่กรุงคาบูลในวันจันทร์ (22 มิ.ย.) ทำให้เกิดความโกลาหล บรรดาสมาชิกรัฐสภาต่างพากันวิ่งหนีหาที่หลบภัยกันวุ่นวาย ท่ามกลางควันที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ

กลุ่มตอลิบานได้ออกมายอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีครั้งนี้ ที่เกิดขึ้นขณะมีการแนะนำตัวผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีกลาโหมต่อรัฐสภา

“นักรบมูจาฮิดีนหลายคนได้บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา มีการยิงต่อสู้กันอย่างหนัก” ซาบิฮัลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกของกลุ่มตอลิบาน ระบุในข้อความทางทวิตเตอร์

“การโจมตีเกิดขึ้นตอนที่มีการแนะนำตัวรัฐมนตรีกลาโหม” โฆษกตอลิบานระบุเพิ่มเติม

เจ้าหน้าที่ยังไม่อาจยืนยันได้ในตอนนี้ว่านักรบของกลุ่มตอลิบานสามารถทะลวงการป้องกันอันหนาแน่นของอาคารรัฐสภาได้แล้วหรือไม่ อีกทั้งยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต

“เราได้รับรายงานว่าเกิดระเบิด เรากำลังมุ่งไปยังสถานที่เกิดเหตุทันที” อีบาดุลเลาะห์ คาริมี โฆษกตำรวจคาบูล บอกกับเอเอฟพี

กลุ่มติดอาวุธตอลิบานได้เปิดฉากโจมตีในหลายพื้นที่ทั่วประเทศเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายน โดยมีการยกระดับไปเล่นงานเป้าหมายที่เป็นของรัฐบาลและชาวต่างชาติ ทำให้มีการคาดว่านี่จะเป็นการต่อสู้รอบใหม่ที่นองเลือดที่สุดในรอบทศวรรษ

ตอลิบานได้ปฏิเสธคำขอของเหล่านักบวชอาวุโสในอัฟกานิสถาน ที่ต้องการให้หยุดโจมตีในช่วงเทศกาลถือศีลอดเดือนรอมฎอน ขณะที่จำนวนชาวบ้านที่บาดเจ็บล้มตายก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการสู้รบที่รุนแรง

 

เบลเยียมยอมปลดล็อก “ทรัพย์สินและบัญชีมอสโกที่ถูกยึด” หลังเหตุปูตินยึดบริษัทพลังงานยูคอส – ฝรั่งเศสยังเงียบ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มิถุนายน 2558 14:07 น. (แก้ไขล่าสุด 22 มิถุนายน 2558 14:59 น.)



เอเจนซีส์ - หลังจากเหตุการณ์ที่บริษัทน้ำมันยูคอส (Yukos) ถูกรัฐบาลรัสเซียใช้อำนาจทางยุติธรรมสั่งให้ล้มละลายและทำให้ผู้ก่อตั้งและเจ้าของมิคาอิล โคดอร์คอฟสกี (Mikhail Khodorkovsky) ต้องติดคุก ทำให้ทรัพย์สินในต่างแดนของมอสโก รวมไปถึงบัญชีธนาคารทำธุรกรรมของรัฐบาลกลางรัสเซียถูกสั่งยึด ล่าสุดรัฐมนตรีการต่างประเทศเบลเยียม ดิดิเยร์ เรนเดอร์ส (Didier Reynders) ให้สัมภาษณ์ผ่านวิดีโอคลิปที่ถูกเผยแพร่บนทวิตเตอร์ในวันอาทิตย์ (21 มิ.ย.) ยืนยันว่ามีคำสั่งยกเลิกการยึดทรัพย์รัฐบาลรัสเซียแล้วในระหว่างที่เยือนจีนในขณะนี้ ด้านฝรั่งเศสที่ได้ออกคำสั่งยึดทรัพย์มอสโกเช่นกัน ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้

บีบีซี สื่ออังกฤษ และเดอะ มอสโก ไทม์ส สื่อรัสเซียรายงานเมื่อวานนี้ (21) ว่า รัฐมนตรีการต่างประเทศเบลเยียม ดิดิเยร์ เรนเดอร์ส (Didier Reynders) ให้สัมภาษณ์ผ่านวิดีโอคลิปที่ถูกเผยแพร่บนทวีตเตอร์ในวันอาทิตย์ (21) ในระหว่างการเยือนจีนล่าสุดว่า ได้มีคำสั่งปลดล็อกบัญชีทรัพย์สินของมอสโกที่ถูกแช่แข็งแล้วจากธนาคาร ING ของเบลเยียม ซึ่งบัญชีเหล่านี้เป็นแหล่งธุรกรรมการเงินในการดำเนินการภายในสถานทูตรัสเซียประจำเบลเยียม รวมไปถึงทรัพย์สินอื่นๆของตัวแทนถาวรประจำนาโตและสหภาพยุโรปในกรุงบรัสเซลส์ที่ถูกยึด

โดยเรนเดอร์สเชื่อว่า การยกเลิกอายัดบัญชีทรัพย์สินมอสโกนั้นเกิดมาจากความร่วมมือระหว่างทุกฝ่าย รวมไปถึงตัวแทนกฎหมายต่างและสถานทูตรัสเซีย สื่อรัสเซียรายงานเพิ่มเติม

ทั้งนี้ การที่ทรัพย์สินรัสเซียในต่างแดนถูกยึดมาจากการที่มีความเชื่อกันว่า รัฐบาลรัสเซียภายใต้การบริหารของวลาดิมีร์ ปูตินในขณะนั้นได้ใช้อิทธิพลเข้าแทรกแซงระบบยุติธรรมประเทศในการสั่งให้บริษัทพลังงานรายใหญ่ของประเทศ ยูคอส (Yukos) ล้มละลาย ในขณะที่มิคาอิล โคดอร์คอฟสกี (Mikhail Khodorkovsky) เจ้าของยูคอสที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในรัสเซียถูกสั่งจำคุก

สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า ในปีที่ผ่านมาในเดือนกรกฎาคม ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศได้พิพากษาว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลรัสเซียได้ใช้อำนาจแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเพื่อทำให้บริษัทยูคอสล้มละลาย และในท้ายที่สุดยูคอสถูกควบรวมโดย Rosneft บริษัทพลังงานของรัสเซียที่มีมอสโกเป็นเจ้าของ

นอกจากนี้ ศาลยังได้ออกคำสั่งให้มอสโกต้องจ่ายให้ผู้ถือหุ้นของยูคอสสำหรับค่าทดแทนความเสียหายจำนวน 50 พันล้านดอลลาร์ หลังจากที่บริษัทพลังงานแห่งนี้ต้องถูกแบ่งแยกกิจการออกไป

แต่ทว่าในทางกลับกัน มอสโกกลับไม่แยแสต่อคำพิพากษาของศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ส่งผลทำให้อดีตเจ้าของยูคอส โคดอร์คอฟสกี ได้หาช่องทางเพื่อที่จะทำการยึดทรัพย์มอสโก

จากการรายงานของสื่อรัสเซีย GML กรุ๊ป ของอดีตผู้ถือหุ้นยูคอสที่ดำเนินการสั่งฟ้องยึดทรัพย์ได้กล่าวว่า เป็นการยากที่จะทำให้มอสโกจ่ายเงิน ดังนั้นทาง GML กรุ๊ปจึงได้เริ่มต้นหาช่องทางกฎหมายสั่งฟ้องอายัดทรัพย์มอสโกในอังกฤษ สหรัฐฯ เบลเยียม และฝรั่งเศส

ทิม ออสบอร์น (Tim Osborne) ผู้อำนวยการ GML กรุ๊ปเปิดเผยว่า สำหรับเบลเยียมและฝรั่งเศส การยึดทรัพย์หมายความว่า ทางกลุ่มประสบความสำเร็จทำให้ศาลท้องถิ่นในประเทศเหล่านี้ออกคำสั่งห้ามการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินของมอสโก ที่เชื่อว่าอาจนานหลายปี

และเป็นการตอบโต้ต่อคำสั่งการถูกยึดทรัพย์ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ “จะปกป้องทรัพย์สินของแดนหมีขาวด้วยช่องทางตามกระบวนการยุติธรรมอย่างถึงที่สุด” และรวมไปถึงเอกอัครราชทูตเบลเยียมประจำรัสเซียในขณะนั้นถูกเรียกตัวไปพบเพื่อตำหนิ และกล่าวว่า “การยึดทรัพย์สินมอสโกเป็นการเปิดหน้าชกซึ่งหน้า ถือว่าเป็นศัตรูต่อรัสเซีย และอีกทั้งยั้งละเมิดและขัดต่อธรรมเนียมปฎิบัติของกฎหมายระหว่างประเทศ”

ในขณะเดียวกัน นอกจากเบลเยียมที่ได้ทำการยึดทรัพย์รัสเซียแล้ว ยังมีรายงานว่า ฝรั่งเศสได้ทำการยึดทรัพย์มอสโกด้วยเช่นกัน โดยสื่ออังกฤษรายงานว่า รัฐบาลฝรั่งเศสทำการแช่แข็งบัญชีธนาคารของมอสโกกว่า 40 แห่ง รวมไปถึงอาคารอีกบางส่วน

ในวันศุกร์ (19) ล่าสุด โคดอร์คอฟสกีที่ได้รับการปล่อยตัวจากคุกในรัสเซียปี 2013 ให้สัมภาษณ์ว่า “การยึดทรัพย์สินรัฐบาลมอสโกนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าไม่ว่าอย่างไร โจรย่อมต้องถูกลงโทษในท้ายที่สุด ไม่ว่าเสือร้ายตัวนั้นจะร้ายกาจเพียงใดก็ตาม”

 

รอยเตอร์ชม “ไทย” มีประสบการณ์เป็น “เมดิคัลฮับ” จึงสกัดไวรัส MERS อยู่หมัด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มิถุนายน 2558 14:07 น. (แก้ไขล่าสุด 22 มิถุนายน 2558 15:08 น.)



รอยเตอร์ - การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ หรือ “เมดิคัลฮับ” ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์ของไทยมีประสบการณ์สูง และสามารถสกัดกั้นไวรัสกลุ่มทางเดินหายใจสายพันธุ์ตะวันออกกลาง (MERS) ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ หลังมีการยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อรายแรกของประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทำรายได้เข้าไทยคิดเป็นร้อยละ 10 ของจีดีพี และไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับผู้ป่วยที่แสวงหาบริการทางการแพทย์ที่ราคาถูกแต่มีคุณภาพ โดยเฉลี่ยแล้วมีนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เดินทางมายังประเทศไทยมากถึง 1.4 ล้านคนต่อปี ในขณะที่สิงคโปร์มีตัวเลขนักท่องเที่ยวประเภทนี้เพียง 600,000 คน ตามข้อมูลจากสมาคมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ไทย

ด้วยเหตุนี้ ไทยจึงมีเดิมพันค่อนข้างสูง เมื่อกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (18 มิ.ย.) ว่า พบชายชาวโอมานวัย 75 ปีที่เดินทางมารักษาโรคหัวใจในไทย นำเชื้อไวรัส MERS ติดตัวมาด้วย

เกาหลีใต้ซึ่งเผชิญวิกฤตการแพร่ระบาดครั้งรุนแรงที่สุดของไวรัส MERS รองจากซาอุดีอาระเบีย ประกาศพบผู้ติดเชื้อใหม่อีก 3 ราย และเสียชีวิตเพิ่มอีก 2 รายในวันนี้ (22) ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในแดนโสมขาวขยับเป็น 172 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้ว 27 ราย

ในส่วนของไทยนั้น แม้ทางการจะประกาศว่ามีผู้ที่อยู่ในข่ายเสี่ยงได้รับเชื้อ MERS จากชายชาวโอมานถึง 176 คน แต่ นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันวันนี้ (22) ว่า ยังไม่พบการแพร่กระจายของเชื้อไปสู่บุคคลอื่น

“เนื่องจากเราเป็นทั้งศูนย์กลางการท่องเที่ยวและศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ จึงทำให้ไทยมีการเตรียมพร้อมที่ดีพอ” กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูล รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์

“เรามีประสบการณ์ในการดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติและผู้ป่วยที่เดินทางมาจากภูมิภาคที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ตะวันออกกลาง และเกาหลีใต้ อีกทั้งไทยยังมีเวลามากพอที่จะเตรียมตัว เพราะเราได้เห็นบทเรียนในเกาหลีใต้มาแล้ว”

นอกจากจะเป็นประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยมากกว่า 25 ล้านคนต่อปีแล้ว กรุงเทพมหานครยังเป็นศูนย์กลางการบินหลักในภูมิภาคอีกด้วย

สนามบินสุวรรณภูมิมีการแจกหน้ากากอนามัยแก่ผู้โดยสารตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่รัฐมนตรีสาธารณสุขและรัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬาก็ได้นำผู้สื่อข่าวไปชมเครื่องเทอร์โมสแกนสำหรับคัดกรองผู้โดยสารขาเข้า และหลุมจอดที่จัดไว้เฉพาะสำหรับรองรับเที่ยวบินที่มาจากกลุ่มประเทศเสี่ยง 7 ประเทศ

ศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า ทางสนามบินยังได้สั่งเพิ่มมาตรการคัดกรองเป็นพิเศษสำหรับผู้โดยสารจากเกาหลีใต้และตะวันออกกลาง

นักธุรกิจชาวโอมานซึ่งติดเชื้อ MERS ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ สถานพยาบาลของไทยที่มีชื่อเสียงในหมู่ชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวตะวันออกกลาง ต่อมาจึงถูกส่งต่อไปยังห้องแยกโรคภายในสถาบันบำราศนราดูร ขณะที่แพทย์โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ออกมายืนยันเมื่อวันศุกร์ (19) ว่า แพทย์และเจ้าหน้าที่ 58 คนซึ่งอยู่ในกระบวนการรักษาผู้ป่วยชาวโอมานถูกคัดแยกเพื่อรอสังเกตอาการแล้ว

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า เท่าที่ได้ตรวจสอบขั้นตอนการดูแลผู้ป่วย MERS ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พบว่ารัดกุม “ไร้ที่ติ”

“โรงพยาบาลนำผู้ป่วยไปไว้ในห้องแยกโรค และได้ดำเนินทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย” นพ.ประเสริฐ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์

ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งมีฐานที่นครเจนีวา ก็ได้แถลงชื่นชมมาตรการตอบสนองของไทยผ่านทางอีเมล์ที่ส่งถึงรอยเตอร์

“ประเทศไทยได้ทำการวินิจฉัย และคัดแยกผู้ป่วย MERS ส่งไปยังสถานพยาบาลเฉพาะที่มีเครื่องไม้เครื่องมือทันสมัย” ดร.ปูนัม เคทราปัล สิงห์ ผู้อำนวยการ WHO ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระบุ

โจเซฟ วูดแมน ผู้บริหารเว็บไซต์ผู้ป่วยไร้พรมแดน (Patients Beyond Borders) ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนไทยอาจลดลงบ้างในระยะนี้ แต่เชื่อว่ากระแสข่าวไวรัส MERS จะส่งผลกระทบต่อไทยในระยะสั้น เช่นเดียวกับเหตุการณ์รัฐประหารซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว

โจเซฟีน กีโยต์ นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาชาวฝรั่งเศสซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ระบุว่า เธอเลือกมาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ทั้งๆ ที่ทราบว่าพบผู้ติดเชื้อ MERS รายแรกของไทยที่นี่

“ฉันรู้สึกสบายใจเมื่อมารับบริการที่นี่... ข่าวผู้ป่วย MERS ไม่ได้ทำให้ฉันกลัวเลย”

 

นำลิงค์เวป ค่าความเค็มของน้ำ มาฝาก

รายงานสถานการณ์ค่าความเค็ม

น้ำกร่อย

การเฝ้าระวังและติดตามคุณภาพน้ำด้านความเค็มปี 2557

คุณภาพนํ้าเพื่อการเกษตร

เผื่อท่านใดคิดจะปลูกพืชช่วงนี้ หรือคนที่แพ้น้ำกร่อย

 

ปอกเปลือก ทรราช
อย่าพึ่งคาดหวังข้อตกลง เจ้าหนี้ทรอยก้าเดินหน้าขอเจรจากับกรีซ Tick-Tock,Tick-Tock





----------
อัพเดทสถานการณ์การเจรจาต่อรองหนี้ระหว่างเจ้าหนี้ทรอยก้ากับกรีซ เมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.58) สำนักข่าว Sputnik news รายงานว่า นายกฯ Alexis Tsipras เดินหน้าเจรจากับ Troika (EC, IMF และ ECB) หลังจากฝ่ายเจ้าหนี้ยอมอ่อนข้อให้กับกรีซ
ก่อนหน้านี้ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Tsipras ยกหูโทรศัพท์คุยกับผู้นำเยอรมันนี ฝรั่งเศสและ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (Jean-Claude Juncker คนที่กอดคอไซปราสและถ่ายรูปคู่กับไซปราสในภาพประกอบข่าวนั่นแหละ) นายกฯกรีซกล่าวว่า ข้อตกลงกันสามารถที่จะไปถึงการเจรจากันทางการเมืองระดับสูงได้ก็ต่อเมื่อรัฐมนตรีคลังออกจากยูโรโซนแล้วเท่านั้น ซึ่งตอนนี้กำลังเจรจาตัดรายละเอียดปลีกย่อยออกไป นายกฯกรีซบอกว่าทางกรุงเอเธนยินดีประณีประณอมด้วย Tsipras กล่าวว่า "ทุกคนที่กำลังเดิมพันในภาวะวิกฤตและความหวาดกลัวอยู่นี้จะได้รับการพิสูจน์ว่าผิดถนัด"
Tsipras กล่าวในแถลงการณ์ช่วงที่เดินทางไปเยี่ยมรัสเซียที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กว่า "อียู ซึ่งกรีซเป็นสมาชิกอยู่ด้วย จะต้องค้นหาความจริงให้พบ โดยการย้อนกลับไปสู่หลักการตามกฎหมายที่ก่อตั้งตัวเองขึ้นมา: ความเป็นเอกภาพ ประชาธิปไตย ความยุติธรรมในสังคม สิ่งนี้จะเป็นไปไม่ได้ ถ้าหากอียูยังเข้มงวดกับนโยบายรัดเข็มขัดและการทำลายความสามัคคีของสังคม ซึ่งมีแต่จะส่งเสริมภาวะเศรษฐกิจถดถอยลง (มากกว่าเดิม) เท่านั้น" (ว้าวววว! ลูกหนี้ขู่เจ้าหนี้อ่ะ)
ส่วน Jean Claude Junker กล่าวว่า "ได้มีการดำเนินการตามกระบวนการอยู่แล้ว แต่ผมยังไม่รู้ว่าพวกเราจะ (สามารถ) บรรลุข้อตกลงกันได้ในวันนี้เลยหรือไม่" (อียูยอมถอย 1-2 ก้าว แต่ก็ยังมีกั๊กไว้บ้าง)
ส่วนเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกรีซกล่าวว่า ดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีการทำข้อตกลงกันได้ภายในวันจันทร์นี้ แต่การประชุมในวันนี้อาจจะเป็นบวกในการที่จะก้าวไปสู่การประชุมในครั้งต่อไปในสัปดาห์นี้ จุดยืนของ Jean Claude Junker นั้นก็คือรั้งไม่ให้กรีซผิดนัดชำระหนี้ และไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ "Graccident" (อุบัติเหตุกรีซ) ออกจากยูโรโซน
คำถามก็คือว่าเพราะอะไร Jean Claude Junker ถึงไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น? นอกจากเรื่องอันตรายในการล่มสลายของยูโรโซนเองแล้ว หากกรีซออกจากอียูจริงๆ นาย Jean Claude Junker ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการอียูก็ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยเช่นกัน มันจะเป็นอะไรที่ทำให้ Jean Claude Junker เสียหน้ามากๆ เพราะไม่สามารถควบคุมดูแลและแก้ไขปัญหาภายในอียูด้วยกันเองได้
ปัญหานี้จะไม่ใช่เพียงแค่ Grexit และ Brexit เท่านั้น ตอนนี้ก็เริ่มจะมีกระแส Fixit เกิดขึ้นมาแล้วด้วย รายงานข่าวบอกว่า ในขณะที่การเจรจากันระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้ยังดำเนินต่อไปอยู่นั้น Paavo Matti Vayrynen สมาชิกพรรค Centre Party ของฟินแลนด์ (เป็นหนึ่งใน 4 พรรคใหญ่ที่ครองเสียงข้างมาก ปัจจุบันหัวหน้าพรรคคือ Juha Sipilä ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของฟินแลนด์) ออกมากล่าวว่า "ถ้ากรีซออกจากยูโรโซน ฟินแลนด์ก็จะกระทำในสิ่งเดียวกันนี้" ('Fixit', If There's a Grexit) โดยนาย Vayrynen ออกแถลงการณ์ในเว็บไซต์ของตนเองว่า "การเปลี่ยนมาใช้สกุลเงินเดียวกันนี้ถือว่าเป็นความผิดพลาดที่เลวร้ายมาก" (The transition to the single currency was a bad mistake.) (พึ่งจะรู้ตัวหรือไงฟินแลนด์? ซวยแล้วอียู เล่นไม้แข็งกับพรรคพวกของตัวเองต่อไปไม่ได้อีกแล้ว)
ดังนั้นทางกรุงบรัสเซลส์จึงรีบยื่นข้อเสนอออกมาให้ทันทีเลยว่า กรุงบรัสเซลส์มีแนวโน้มว่าจะช่วยบรรเทาหนี้ให้กับกรีซ บรรเทายังไง? ไม่ได้บอกไว้ บอกแต่ว่ากรีซจะต้องจ่ายคืนหนี้จำนวน $1.8 billion (€1.6 bn) คืนให้ IMF ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ให้ได้ซะก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดชำระหนี้ (ปัดโธ่... ก็นึกว่าจะทำอย่างไร สุดท้ายก็บอกว่ากรีซจะต้องใช้หนี้คืน IMF ภายในสิ้นเดือนนี้)
รายงานกล่าวเพิ่มเติมว่าทรอยก้าเจ้าหนี้กรีซมีแผนจะขยายระยะเวลาการให้เงินช่วยเหลือกรีซออกไปอีก 6 เดือน และจะปล่อยเงินกู้ให้กรีซก้อนใหม่อีกจำนวน $20 billion (€18 bn) ในกองทุนช่วยเหลือ เพื่อป้องกันไม่ให้กรีซออกจากอียู
สรุปก็ยังไม่มีข้อตกลงอะไรอย่างเป็นทางการออกมาระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้รายนี้ แต่จากการติดตามสถานการณ์มาเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าอียูจะกลัวกรีซออกจากอียูมาก แสดงว่าคำขู่ของกรีซที่บอกว่าจะไปซบอกกลุ่ม BRICS ก็มีผลต่อการตัดสินใจของอียูและทรอยก้าเช่นกัน ตอนนี้จึงเป็นเพียงการขู่กันไปขู่กันมา แต่กรีซกับรัสเซียไม่ได้ขู่เฉยๆนะ เพราะยิ่งกรีซคุยกับรัสเซียบ่อยครั้งมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งพบว่ามีการลงนามข้อตกลงร่วมกันในการพัฒนาเศรษฐกิจมากขึ้นตามไปด้วย
นั่นหมายความว่าอียูกำลังจะสูญเสียอำนาจการต่อรองของตนเองกับทางรัสเซียมากขึ้นทุกวัน แต่แปลกที่สหรัฐฯดูเหมือนจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวกรณีที่กรีซจะออกจากอียูหรือไม่เลย ที่สหรัฐฯห่วงก็คือเกรงว่าจะไม่ได้เงินตรงตามเวลาจากกรีซเท่านั้นเอง จึงให้ IMF ออกมาดิ้นอยู่เป็นระยะๆ
The Eyes
23/06/2558
----------
Don't Expect a Deal Just Yet - Top-Level Talks for Tsipras Continue / Sputnik International

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



ช่วยด้วยๆ..ประเทศประชาธิปไตยเลือกตั้งล้มละลายไปอีกแล้ว ประชาชนทุกข์ยากแสนสาหัส
หลังจากประเทศกรีซ กลุ่ม EU ที่เคยยิ่งใหญ่ระดับโลก เป็นประเทศมหาอำนาจล่าเมืองขึ้นในอดีต แต่เปลี่ยนระบอบการปกครองจากอนุรักษ์นิยม มาปกครองโดยนักการเมืองเมื่อไม่นานเท่าใดนัก ไม่ช้านานทรัพย์สมบัติชาติของบรรพบุรุษอันตรธานหายเกลี้ยง
นักการเมืองเลือกตั้งดำเนินนโยบายประชานิยม ผันเงินหลวงโกงมาเข้ากระเป๋าตัวเอง แล้วโยนเศษกระดูกให้ประชาชนแทะ เมื่อเงินหมดก็ไปกู้ต่างชาติมาโกง โดยเฉพาะ IMF ของพวกอิลลูมินาติ จนหนี้สินประเทศล้นพ้นตัว
กรีซมีภาระต้องจ่ายเงินคืนจำนวน 6.0 หมื่นล้านบาท ภายในสิ้นเดือนนี้กับ IMF อิลลูมินาติ แม้จะเลือกตั้งเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ หันมาซบรัสเซีย แต่ทาง EU และ IMF ก็ไม่ยอมให้กรีซออกจากกลุ่ม EU เอาตัวรอดไปได้ดีตามลำพัง จึงยื้อยุดฉุดกระชากถูลู่ถูกังไว้ ให้มาตายในปลักโคลนดูดเศรษฐกิจทุนนิยมด้วยกัน
ตอนนี้กรีซย่ำแย่วิกฤติอย่างเห็นได้ชัด ประชาชนชาวกรีกรวมตัวแห่เข้าคิวถอนเงินจากธนาคารกว่า 33,000 ล้านบาทภายในเพียงแค่ 1 วันเท่านั้น เฉพาะวันพฤหัสที่ผ่านมาวันเดียวสูงถึง 1.3 แสนล้านบาท และยอดรวมสูงสุดถึง 1.6 แสนล้านบาท
ประเทศกรีซใกล้ล้มละลาย แม้นายกรัฐมนตรีกรีซ จะพยายามปลอบขวัญประชาชนว่าไม่เป็นความจริง ในขณะที่ธนาคารกลางยุโรป ECB รับมือสถานการณ์วิกฤตการธนาคารของกรีซด้วยการเพิ่มการให้เงินกู้ฉุกเฉิน 6.8 หมื่นล้านบาท กระแสคนแห่ถอนเงินยังไม่หยุด
ประชาชนชาวกรีซ ต่างตกอยู่ในอาการขวัญผวา เกรงว่าเงินของพวกเขาในธนาคารจะอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมต่างแห่ออกไปถอนเงินปิดบัญชีธนาคารจนเงินเกลี้ยงแบงก์ต่างๆ เพื่อความไม่ประมาท เพราะเกรงว่าอาจมีมาตรการห้ามการถอนเงินออกมาเหมือนปี 2556
ให้จับตาวันจันทร์นี้เป็นต้นไป ถ้าประชาชนแห่มาถอนเงินต่อเนืรอง และปิดบัญชีเช่นนี้ ธนาคารของกรีซคงไม่มีเงินจ่ายให้ และต้องประกาศห้ามถอนเงินตามมาแน่นอน และเมื่อนั้นการก่อการจราจล ก็จะเกิดขึ้นตามมา
------------------------------------->
มันจบแล้วระบอบประชาธิปไตยเลือกตั้งทุนนิยม มันล้มเหลวหมดทุกประเทศ ร่ำรวยเฉพาะนักการเมืองเท่านั้น แต่ประชาชนยากจนกันถ้วนหน้า...ในเมืองไทยมีใครเห็นนักการเมืองเลือกตั้งคนไหนจนลง..บอกหน่อย !!
@ เสธ น้ำเงิน4

 

Thanong Fanclub

25. พอฟองสบู่ร้าว ก็ลั่นกลองรบ
วิกฤติหนี้กรีซผ่านไปอีกยกหนึ่งอย่างเฉียดฉิว เพราะว่ากรีซยังคงแสดงเจตน์จำนงที่จะอยู่ต่อในเขตยูโรโซน ด้วยการเสนอแพคเกจปฏิรูปเศรษฐกิจให้เจ้าหนี้พอใจในระดับหนึ่ง นับว่าเป็นการประนีประนอมในช่วงเส้นตายก่อนที่กรีซอาจจำต้องผิดชำระหนี้ ผู้นำอียูที่ประชุมกันเมื่อวานนี้ที่บรัสเซลล์มีความเห็นว่าอาจจะต้องศึกษาข้อเสนอแผนปฏิรูปของกรีซในรายละเอียด ก่อนที่จะตกลงให้ความช่วยเหลือทางการเงินต่อกรีซต่อจำนวน7,200ล้านยูโร เพื่อว่ากรีซจะได้มีเงิน1,600ล้านขูโรเพื่อจ่ายให้เจ้าหนี้
------------------------------------------------------------------------------------------------
อ่านข่าวเพิ่มเติม:


@เหล่าผู้นำของบรรดาเจ้าหนี้กรีซ ไม่ว่าจะเป็นอีซีบี ไอเอ็มเอฟและสภายุโรป หารือพิจารณาด้านยุทธศาสตร์ ก่อนเข้าร่วมประชุมในวันจันทร์(22มิ.ย.)


@ผู้ประท้วงรวมตัวกันหน้าอาคารรัฐสภา เรียกร้องรัฐบาลกรีซบรรลุข้อตกลงกับเหล่าเจ้าหนี้ เพื่อรับประกันว่าเอเธนส์ยังมีอนาคตในยูโรโซน

บรรดารัฐมนตรีคลังของเขตยูโรโซน แสดงความยินดีในวันจันทร์ (22 มิ.ย.) ต้อนรับข้อเสนอใหม่ล่าสุดของกรีซ ในเรื่องการยินยอมตกลงปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อแลกเปลี่ยนกับการได้เงินกู้ที่จะช่วยไม่ให้ประเทศต้องล้มละลาย แต่ก็ระบุว่ายังจะต้องใช้เวลาในการศึกษารายละเอียด เพื่อวินิจฉัยว่า สามารถนำไปสู่การทำความตกลงซึ่งจะช่วยให้เอเธนส์หลีกเลี่ยงจากการต้องหยุดพักชำระหนี้ และกระทั่งอาจจะต้องหลุดจากการใช้สกุลเงินยูโรหรือไม่ ทั้งนี้คาดหวังกันว่าจะทำข้อตกลงกันออกมาได้ภายในสัปดาห์นี้
ถึงแม้พวกเขายังไม่ได้ทำความตกลงกันในวันจันทร์ (22) อย่างที่มีการคาดหมายตั้งแต่ตอนแรก แต่ตลาดการเงินก็มองสิ่งที่ปรากฏออกมาว่าเป็นข่าวดี ดัชนีสำคัญของตลาดหลักทรัพย์เอเธนส์พุ่งพรวดและปิดตลาดวันจันทร์โดยทะยานไปถึง 9% ขณะที่ตลาดหุ้นใหญ่ๆ ในยุโรปต่างก็มีบวกเพิ่ม
ภายหลังการหารือของ “ยูโรกรุ๊ป” ซึ่งก็คือที่ประชุมรัฐมนตรีคลัง 19 ชาติยูโรโซน เจอเริน ดิสเซลโบลม รัฐมนตรีคลังเนเธอร์แลนด์ ในฐานะประธานยูโรกรุ๊ป กล่าวต่อที่ประชุมแถลงข่าวว่า ทั้งเจ้าหนี้ระหว่างประเทศทั้ง 3 อันได้แก่สหภาพยุโรป (อียู), กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ), และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กับรัฐบาลกรีซ จะต้องทำงานอย่างหนักมากในช่วงไม่กี่วันจากนี้ไป เพื่อทำข้อตกลงกันให้ได้ในสัปดาห์นี้
บรรดาขุนคลังยูโรโซนมีมติที่จะจัดการประชุมกันอีกครั้งหนึ่งในช่วงต่อไปของสัปดาห์นี้ หลังจากที่กรีซได้ถกแถลงและตกลงรายละเอียดต่างๆ ในข้อเสนอของพวกเขากับทางเจ้าหน้าทั้ง 3 แล้ว โดยการหารือยูโรกรุ๊ปอีกครั้งนี้ น่าจะมีขึ้นก่อนการประชุมซัมมิตของทั้ง 28 ผู้นำอียู ซึ่งกำหนดจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดี (25)
ดิสเซลโบลมพูดถึงข้อเสนอล่าสุดของกรีซซึ่งมีรายงานว่ายื่นเข้ามาในช่วงเช้ามืดวันจันทร์ (22) นี้เอง โดยบอกว่าเป็นข้อเสนอที่ครอบคลุม และเป็น “พื้นฐานสำหรับการเริ่มต้นพูดจากันใหม่ได้อย่างแท้จริง” แต่เขาก็ออกตัวด้วยว่ายังจะต้องดูกันในรายละเอียด

ขุนคลังยูโรโซนพอใจ 'ข้อเสนอใหม่' หนี้กรีซ คาดจะตกลงกันได้ในอาทิตย์นี้
นายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ชีปราส ของกรีซ (ซ้าย) ได้รับการต้อนรับอย่างปลาบปลื้มจาก ฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของอียู ที่กรุงบรัสเซลส์วันจันทร์ (22) โดยที่ ชีปราส จะพบเจรจากับผู้นำของ 3 เจ้าหนี้ คือ อียู, ไอเอ็มเอฟ, และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จากนั้นจึงจะเข้าร่วมการประชุมซัมมิตฉุกเฉินของกลุ่มยูโรโซน ทั้งนี้กรีซเสนอแผนการใหม่เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตหนี้สินของตนออกมาแล้ว ทว่ายังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด
บรรดาผู้นำของ 19 ชาติที่ใช้สกุลเงินยูโรนั้น ยังจะเดินหน้าประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือเรื่องวิกฤตหนี้สินของกรีซกันในช่วงค่ำวันจันทร์ (22) กันตามกำหนดการ แต่พวกเจ้าหน้าที่ต่างกล่าวอย่างชัดเจนล่วงหน้าไว้แล้วว่า ผู้นำเหล่านี้จะไม่ทำการเจรจารายละเอียดข้อเสนอของกรีซ เพียงแต่จะตกลงกันในเรื่องตารางเวลาทางการเมืองสำหรับข้อตกลงที่จะทำกันต่อไป นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่เหล่านี้ยังปฏิเสธข่าวลือในสื่อมวลชนเยอรมนีที่ว่าได้มีการยกเลิกการประชุมซัมมิตคราวนี้แล้ว
ทางด้าน ฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของอียู ก็แสดงท่าทีมองการณ์ในแง่ดีเช่นกัน จุงเกอร์ ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญมากผู้หนึ่งในการผลักดันการเจรจาทำความตกลงกับกรีซ ได้ต้อนรับนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ของกรีซ ตอนที่เขาเดินทางมาถึงในวันจันทร์ ด้วยการสวมกอดและยกมือแนบแก้มของซีปราสอย่างสนิทสนม รวมทั้งกล่าวว่า จุดมุ่งหมายของเขาก็คือทำข้อตกลงกันให้ได้ก่อนสิ้นสัปดาห์นี้
ตัวนายกรัฐมนตรีกรีซเอง ยังมีนัดหมายประชุมหารือกับ คริสทีน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ และ มาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี ก่อนจะเข้าร่วมการประชุมซัมมิตฉุกเฉินของผู้นำยูโรโซน ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟเป็นเจ้าหนี้รายที่แสดงท่าทีเรียกร้องให้ใช้มาตรการเข้มงวดกับเอเธนส์มากที่สุด
อีซีบีอนุมัติเพิ่มเงินทุนฉุกเฉินช่วยธนาคารของกรีซ
กรีซยื่นข้อเสนอล่าสุดมายังกรุงบรัสเซลส์ ในฐานะที่เป็นความพยายามครั้งสุดท้ายเพื่อปลดล็อกให้ได้รับเงินงวดสุดท้ายจำนวน 7,200 ล้านยูโร ในแพกเกจเงินกู้ช่วยไม่ให้ล้มละลายจากพวกเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ ทั้งนี้ฝ่ายเจ้าหนี้ปฏิเสธไม่ยอมปล่อยเงินมาให้ จนกว่ากรีซจะยินยอมดำเนินการปฏิรูปด้วยมาตรการเข้มงวดมากยิ่งขึ้น

ขุนคลังยูโรโซนพอใจ 'ข้อเสนอใหม่' หนี้กรีซ คาดจะตกลงกันได้ในอาทิตย์นี้
เหล่าผู้นำของบรรดาเจ้าหนี้กรีซ ไม่ว่าจะเป็นอีซีบี ไอเอ็มเอฟและสภายุโรป หารือพิจารณาด้านยุทธศาสตร์ ก่อนเข้าร่วมประชุมในวันจันทร์(22มิ.ย.)

ถ้าหากไม่ได้รับเงินกู้งวดนี้ กรีซซึ่งอยู่ในสภาพถังแตกก็จะไม่สามารถผ่อนจ่ายหนี้จำนวน 1,500 ล้านยูโรให้แก่ไอเอ็มเอฟตามกำหนดในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ได้ และการผิดนัดชำระหนี้เช่นนี้ก็อาจส่งให้เอเธนส์ต้องออกจากการร่วมใช้เงินตราสกุลยูโร และกระทั่งถึงขั้นอาจจะต้องออกจากอียู

ซีปราส ซึ่งนำพรรคฝ่ายซ้ายของเขาชนะเลือกตั้งในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้หาเสียงด้วยการชูนโยบายจะยุติมาตรการเข้มงวดซึ่งพวกเจ้าหนี้ตั้งเงื่อนไขให้เอเธนส์ต้องปฏิบัติตลอด 5 ปีที่ผ่านมา และสำนักงานของเขายังคงแถลงในวันจันทร์ (22) ว่า ข้อเสนอใหม่ของกรีซก็ยังปฏิเสธไม่ยอมอ่อนข้อในประเด็นหลักๆ ที่ไม่อาจยินยอมได้ เป็นต้นว่า เป้าหมายของงบประมาณแผ่นดิน, การไม่ลดเงินบำนาญข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ, และการไม่ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บจากค่าไฟฟ้า

“พวกเรามาที่นี่เพื่อบรรลุข้อตกลงทางเศรษฐกิจที่เราสามารถทำได้” ซีปราสกล่าวในขณะที่เดินทางมาถึงบรัสเซลส์
ซีปราสนั้นพยายามมานานแล้วที่จะหารือเรื่องเงื่อนไขต่างๆ ของฝ่ายเจ้าหนี้ กับระดับผู้นำของอียู แทนที่เอเธนส์จะต้องทำข้อตกลงกับระดับรัฐมนตรีคลังและเทคโนแครตของไอเอ็มเอฟหรืออีซีบี
อย่างไรก็ตาม การเจรจาหารือที่ยืดเยื้อและมักจะดูมืดมนหาทางออกไม่ค่อยเจอ ทำให้เกิดความหวาดหวั่นกันมากขึ้นทุกทีเกี่ยวกับฐานะของพวกธนาคารในกรีซ จนทำให้มีการแห่ถอนเงินออกไปเป็นจำนวนมาก
ในวันจันทร์ (22) อีซีบีก็ลงมติทำการอัดฉีดเงินทุนฉุกเฉินเพิ่มเติมเข้าไปให้แก่แบงก์ต่างๆ ของกรีซ เพื่อชดเชยเงินสดที่ถูกพวกผู้ฝากซึ่งวิตกกังวลพากันถอนออกไป
ขุนคลังยูโรโซนพอใจ 'ข้อเสนอใหม่' หนี้กรีซ คาดจะตกลงกันได้ในอาทิตย์นี้
ผู้ประท้วงรวมตัวกันหน้าอาคารรัฐสภา เรียกร้องรัฐบาลกรีซบรรลุข้อตกลงกับเหล่าเจ้าหนี้ เพื่อรับประกันว่าเอเธนส์ยังมีอนาคตในยูโรโซน
กรีซยื่นข้อเสนอใหม่สุดตอนเช้าวันจันทร์
การประชุม “ยูโรกรุ๊ป” ในวันจันทร์ท่ามกลางสายฝนที่เทลงมาในกรุงบรัสเซลส์นั้น เริ่มต้นทีเดียวทำท่าว่าจะมีข่าวร้าย โดยที่เยอรมนี ซึ่งเป็นเจ้าของเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอียู ได้ออกมาเตือนว่า แผนการล่าสุดของเอเธนส์ไม่อะไรใหม่เลย
“ผมไม่ทราบเรื่องข้อเสนอใหม่อะไรทั้งนั้น จนถึงเดี๋ยวนี้ผมก็ยังไม่ได้เห็นข้อเสนอที่เป็นเรื่องเป็นราวอะไรเลย” รัฐมนตรีคลัง วูล์ฟกัง ชอยเบิล ของเยอรมนีกล่าว
พวกรัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุมก็พูดกันว่า มีความสับสนวุ่นวายในช่วงกลางคืนที่ผ่านมา โดยที่ฝ่ายกรีซส่งข้อเสนอมาให้รวม 2 ชุด ชุดแรกตอนดึกคืนวันอาทิตย์ และจากนั้นจึงส่งอีกชุดหนึ่งในตอนเช้ามืดวันจันทร์ ดังนั้นจึงไม่มีเวลาพอสำหรับการพิจารณารายละเอียดกัน
“มันมีความสับสนกันมากเมื่อคืนนี้ โดยที่มีข้อเสนอของกรีซเวอร์ชั่นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งปรากฏออกมา จนกระทั่งไม่มีเวลาเตรียมตัวอะไรทั้งนั้น” ไมเคิล นูนัน รัฐมนตรีคลังของไอร์แลนด์บ่น
thanong
23/6/2015
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000070641

 

UN เผยรายงานสอบสวน “สงครามกาซา”ชี้ชัดทั้งฝ่ายยิว – ฮามาส ต่างสร้างความรุนแรงเข้าข่าย “อาชญากรสงคราม” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2558 08:45 น.



เอพี / เอเจนซีส์ /ASTV ผู้จัดการออนไลน์-องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผยแพร่รายงานการสอบสวน “สงครามกาซา” เมื่อปี 2014 โดยสรุปว่า ทั้งอิสราเอลและกลุ่มหัวรุนแรงฮามาสของฝ่ายปาเลสไตน์ ต่างมีส่วนในการกระทำที่เข้าข่ายเป็น “อาชญากรสงคราม” ทั้งสิ้น

ผลการศึกษาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติ ที่นำโดยนางแมรี แม็คโกแวน เดวิส ได้ข้อสรุปว่าทั้งฝ่ายกองทัพของอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาสแห่งพื้นที่ฉนวนกาซาต่างมีพฤติกรรมซึ่งเข้าข่ายเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมและหลักสิทธิมนุษยชนด้วยกันทั้งสองฝ่าย โดยมีหลายกรณีที่การละเมิดดังกล่าวของทั้งอิสราเอลและฮามาส มีความรุนแรงถึงขั้นเป็นอาชญากรสงคราม

สงครามกาซาปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมปีที่แล้ว โดยมีมูลเหตูมาจากการถูกลักพาตัวของวัยรุ่นอิสราเอลจำนวน 3 รายซึ่งถูกพบเป็นศพในเวลาต่อมาที่เขตปกครองเวสต์แบงก์ของปาเลสไตน์ และตามมาด้วยการตอบโต้ของอิสราเอลด้วยการกวาดล้างจับกุมสมาชิกกลุ่มฮามาสจำนวนหลายร้อยรายในเวสต์แบงก์ เป็นเหตุให้กลุ่มติดอาวุธฮามาสที่มีที่มั่นสำคัญอยู่ในเขตฉนวนกาซาเริ่มตอบโต้ด้วยการเปิดฉากถล่มอิสราเอลด้วยจรวด ทำให้อิสราเอลเปิดปฏิบัติการถล่มฉนวนกาซาเต็มรูปแบบ

รายงานล่าสุดของยูเอ็นที่มีการเผยแพร่ที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ระบุว่า ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากกว่า 2,200 รายซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ได้เสียชีวิตระหว่างการถูกโจมตีโดยอิสราเอลในสงครามกาซา ขณะที่ทางฝั่งของอิสราเอลนั้นพบผู้เสียชีวิต 73 ราย รวมถึงพลเรือน 6 ราย

ในรายงานฉบับนี้ ทีมสอบสวนของสหประชาชาติระบุว่า ทั้งอิสราเอลและกลุ่มฮามาสต่างกระทำการตอบโต้กันไปมาด้วยอาวุธสงครามในลักษณะที่มีความรุนแรง “เกินขอบเขต” เห็นได้จากการที่อิสราเอลใช้การโจมตีทางอากาศมากกว่า 6,000 เที่ยว และมีการยิงถล่มพื้นที่ฉนวนกาซาด้วยปืนใหญ่และรถถังอีกมากกว่า 50,000 ครั้ง ขณะที่กลุ่มฮามาสก็ทำการโจมตีอิสราเอลด้วยจรวดถึง 4,881 ลูก และกระสุนปืนใหญ่อีก 1,753 ลูก ตลอดการสู้รบที่ดำเนินต่อเนื่องถึง 50 วัน

จนถึงขณะนี้ ยังคงไม่มีการแสดงท่าทีใดๆจากทางการปาเลสไตน์หรือกลุ่มฮามาสต่อรายงานฉบับนี้ของสหประชาชาติ มีเพียงการออกมาตอบโต้ของกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลที่ระบุว่า รายงานของยูเอ็นฉบับล่าสุดนี้ ถูกจัดทำขึ้นโดยมี “แรงจูงใจทางการเมือง” แอบแฝงอยู่เบื้องหลัง และขาดความน่าเชื่อถือ

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000070683

 

ชาวกรีซหลายพันรวมตัวหน้ารัฐสภา หนุนเอเธนส์อยู่ในยูโรโซนต่อไป
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2558 04:00 น. (แก้ไขล่าสุด 23 มิถุนายน 2558 04:20 น.)



รอยเตอร์ - ประชาชนหลายพันคนชุมนุมกันบริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภากรีซเมื่อวันจันทร์(22มิ.ย.) เพื่อแสดงพลังสนับสนุนให้เอเธนส์อยู่ในยูโรโซนต่อไป ในขณะที่เหล่าผู้นำกลุ่มประเทศสกุลเงินเดียวรวมตัวกันที่กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม เพื่อหารือกันถึงชะตากรรมของกรีซ ที่กำลังประสบภาวะเงินสดขาดมือ

การเดินขบวนฝักใฝ่ยูโร ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ เกิดขึ้นหนึ่งวันตามหลังการประท้วงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด สนับสนุนจุดยืนแข็งกร้าวของนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ต่อเหล่าเจ้าหนี้นานาชาติ แม้ผลักให้เอเธนส์ขยับใกล้ขอบเหวแห่งภาวะล้มละลาย

แม้ผู้เข้าร่วมชุมนุมในวันจันร์(22มิ.ย.) ไม่สามารถเทียบเท่ากับจำนวนหลายพันคนที่เคยออกมาแสดงพลังกันบนท้องถนนเมื่อปีที่แล้ว แต่มันก็ย้ำว่าชาวกรีซเริ่มมีความกลัวและความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆต่อความล้มเหลวของการเจรจาอันยืดเยื้อยาวนานระหว่างเอเธนส์กับเหล่าเจ้าหนี้

"เราอยู่ท่ามกลางการเจรจากันมานานมากแล้ว และฉันรู้สึกว่าเราส่งสัญญาณที่ผสมปนเปไปยังชาวโลก" สตรีรายหนึ่งที่เข้ร่วมชุมนุมกล่าว "ถึงเวลาแล้วที่ชาวกรีซต้องแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากรีซต้องการอยู่ในยูโรต่อไป และการเจราควรพบทางออกเร็ววันนี้"

ผู้ชุมนุมหลายพันคนที่ออกมารวมตัวกัน ณ จัตุรัสในกลางกรุงเอเธนส์ เป็นตัวแทนของทุกภาคส่วนของสังคมกรีซ ไล่ตั้งแต่คุณแม่ยังสาวที่อุ้มลูกน้อยไปจนถึงเหล่านิสิตนักศึกษา พนักงานบริษัทและกลุ่มคนเกษียณอายุ ซึ่งมีความประสงค์ส่งสารไปยังเหล่าผู้นำยุโรป

รายงานข่าวระบุว่าผู้ชุมนุมบางส่วนถือธงสหภาพยุโรปและธงชาติกรีซ รวมถึงป้ายคำขวัญต่างๆอย่างเช่น "ใช่ สำหรับยูโร ไม่ สำหรับรูเบิล" อ้างถึงค่าเงินของรัสเซีย พร้อมกันนั้นก็มีการกลางธงชาติกรีซขนาดใหญ่บริเวณกำแพงด้านนอกรัฐสภา

หลายคนบอกว่าเพิ่งเดินขบวนเป็นครั้งแรก โดยที่ต้องออกมาร่วมบนท้องถนนเพราะเกรงว่าสถานะของประเทศในยูโรจะลั่นคลอน เพราะว่านายซีปราสปฏิเสธยอมรับเงื่อนไขรัดเข็มขัดของเหล่าเจ้าหนี้แลกกับเงินช่วยเหลือก้อนใหม่ "ผมเชื่ออย่างหนักแน่นว่ากรีซควรอยู่ในยูโรต่อไป เกมที่รัฐบาลนี้กำลังเล่นอยู่รังแต่จะสร้างความเสียหายแก่ประเทศ" เล้กซ์ โปโตรปูลอส นักศึกษาวัย 21 ปีกล่าว

การเดินขบวนครั้งนี้เป็นการนัดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ แต่ก็มีสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน "นิวเดโมแครต" เข้าร่วมด้วยหลายคน ในนั้นรวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรีคอนสแตนตินอส มิตโซตาคิส ที่เตือนว่ากรีซกำลังตกอยู่ในอันตราย

ในวันจันทร์(22มิ.ย.) กรีซยื่นข้อเสนอปฏิรูปล่าสุดมายังกรุงบรัสเซลส์ ในฐานะที่เป็นความพยายามครั้งสุดท้ายเพื่อปลดล็อกให้ได้รับเงินงวดสุดท้ายจำนวน 7,200 ล้านยูโร ในแพกเกจเงินกู้ช่วยไม่ให้ล้มละลายจากพวกเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ ทั้งนี้ฝ่ายเจ้าหนี้ปฏิเสธไม่ยอมปล่อยเงินมาให้ จนกว่ากรีซจะยินยอมดำเนินการปฏิรูปด้วยมาตรการเข้มงวดมากยิ่งขึ้น

ถ้าหากไม่ได้รับเงินกู้งวดนี้ กรีซซึ่งอยู่ในสภาพถังแตกก็จะไม่สามารถผ่อนจ่ายหนี้จำนวน 1,600 ล้านยูโรให้แก่ไอเอ็มเอฟตามกำหนดในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ได้ และการผิดนัดชำระหนี้เช่นนี้ก็อาจส่งให้เอเธนส์ต้องออกจากการร่วมใช้เงินตราสกุลยูโร และกระทั่งถึงขั้นอาจจะต้องออกจากอียู

ผลสำรวจความคิดเห็นเกือบทั้งหมด พบว่าชาวกรีซส่วนใหญ่ต้องการอยู่ในยูโรต่อไป แต่พวกเขาไม่ต้องการรัดเข็มขัดเพิ่มเติมตามความประสงค์ของเจ้าหนี้

 

ชาวกรีซ ที่ยังคงอยากอยู่ร่วมกลุ่มยูโรโซนต่อ ไปเพราะยังคงหลงติดอยู่กับ ความสะดวกสบาย และความสนุกสนานในชีวิตของตน กินเที่ยวสนุกสนานไปยังประเทศต่างๆ เหมือนกับพวกเขาเหล่านั้นเป็นประเทศของตัวเอง จนมองไม่เห็นถึงสิ่งที่ตัวเองได้รับจากประเทศเหล่านั้น ที่สมาชิกยูโรโซนด้วยกันทำกับประเทศ ตัวเอง

ภาพจาก

 

หน่วยยามฝั่งกรีซเผย ช่วย “ผู้อพยพทางเรือ” มากกว่า 1,000 ชีวิตจากการจมน้ำตายใน “ทะเลอีเจียน” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2558 03:47 น.



เอพี /เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – หน่วยยามฝั่งของกรีซแถลงในวันจันทร์ ( 22 มิ.ย.) ระบุได้ให้ความช่วยเหลือผู้อพยพทางเรือจำนวนมากกว่า 1,000 รายตลอด 4 วันที่ผ่านมาจากน่านน้ำแถบ “ทะเลอีเจียน” ทางภาคตะวันออกของประเทศ

คำแถลงของหน่วยยามฝั่งของกรีซระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงเช้าของวันศุกร์ (19) เป็นต้นมา จนถึงช่วงเช้าของวันจันทร์ (22) ที่ผ่านมา หน่วยงานของตนได้ให้ความช่วยเหลือต่อผู้อพยพทางเรือจากภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมแล้วทั้งสิ้น 1,161 ราย ผ่านปฏิบัติลาดตระเวนในน่านน้ำทะเลอีเจียนรวม 37 ครั้งตลอด 4 วันที่ผ่านมา ก่อนจะนำตัวผู้อพยพเหล่านี้ไปยังค่ายพักชั่วคราวเพื่อให้การดูแลตามหลักมนุษยธรรมต่อไป

ด้านกระทรวงมหาดไทยของกรีซออกมาเปิดเผยข้อมูลล่าสุดว่า ขณะนี้ประเทศของตนกำลังเผชิญกับวิกฤตผู้อพยพครั้งเลวร้าย จากการที่ต้องแบกรับภาระในการดูแลผู้อพยพทางเรือแล้วมากกว่า 55,000 ชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวซีเรียที่หลบหนีภัยสงครามกลางเมืองในประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตน

ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในกรุงเอเธนส์เผยว่า ผู้อพยพชาวซีเรียส่วนใหญ่ที่หลบหนีออกมาจากประเทศของตนมักเลือกเดินทางผ่านแผ่นดินตุรกี ก่อนจะหาเรือนำพาพวกเขาข้ามทะเลอีเจียนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปยังเกาะต่างๆของกรีซ โดยที่ผู้อพยพเกือบทั้งหมดต่างแจ้งความประสงค์ที่ต้องการเดินทางออกจากกรีซ เพื่อมุ่งหน้าต่อไปยังประเทศอื่นๆในยุโรปที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดีกว่ากรีซ

ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์ ( 20 มิ.ย.) เพิ่งเกิดเหตุวุ่นวายที่มีต้นตอมาจากกระแสต่อต้านผู้อพยพทางเรือ ในประเทศสโลวาเกียเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสโลวาเกีย ได้เข้าทำการควบคุมตัวกลุ่มผู้ประท้วงจำนวนอย่างน้อย 60 ราย ที่เข้าร่วมการเดินขบวนแสดงพลังครั้งใหญ่ในกรุงบราติสลาวา เมืองหลวงของประเทศ เพื่อต่อต้านการรับผู้อพยพเข้าเมืองตามนโยบายของทางสหภาพยุโรป (European Union : EU)

รายงานข่าวระบุว่า การจัดเดินขบวนแสดงพลังต่อต้านการรับผู้อพยพเข้าเมืองที่เกิดขึ้นในกรุงบราติสลาวา เมืองหลวงของสโลวาเกียในวันเสาร์ ( 20) ถูกจัดขึ้นผ่านการนัดหมายที่กระทำผ่านสื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังอย่าง “ เฟซบุ๊ก” โดยทางกลุ่มผู้จัดให้มีการเดินขบวนในกรุงบราติสลาวา เพื่อต่อต้านการรับผู้อพยพเข้าเมือง ตามนโยบายของทางสหภาพยุโรปนั้น อ้างว่า มีผู้เดินทางเข้ามาร่วมเดินขบวนเป็นจำนวนหลายพันคน และว่า นี่ถือเป็นการพลังอันบริสุทธิ์ของประชาชนชาวสโลวาเกียที่เป็น “เจ้าของประเทศ” ตัวจริงเสียงจริงว่า ไม่ต้องการรับผู้อพยพจากทวีปแอฟริกาและภูมิภาคตะวันออกกลางเหล่านี้ให้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศของตน

ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลสโลวาเกียได้แสดงจุดยืนทางการทูตที่ชัดเจน ในการต่อต้านแผนการจัดสรรโควต้าเชิงบังคับของสหภาพยุโรปที่ต้องการให้บรรดาประเทศสมาชิกอียู ต้องจำใจอ้าแขนรับผู้อพยพเหล่านี้เข้าประเทศ ตามเกณฑ์ของสภาพเศรษฐกิจและจำนวนประชากร

หากคำนวณตามเกณฑ์ดังกล่าวของอียูแล้ว คาดว่า สโลวาเกียซึ่งเข้าเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ.2004 และเป็นบ้านของประชากรราว 5.5 ล้านคนในเวลานี้ จะต้องยอมรับผู้อพยพทางเรือ จากแอฟริกาและตะวันออกกลางเข้าประเทศเป็นจำนวนทั้งสิ้น “785 ราย” จากจำนวนผู้อพยพที่มีจำนวนมากกว่า “ครึ่งแสน” ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็น “ชาวมุสลิม”ที่ปักหลักรออยู่ในค่ายพักชั่วคราวทั้งในประเทศอิตาลีและกรีซในตอนนี้

นอกเหนือจากสโลวาเกียแล้ว มีรายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าวทางการทูตในกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียมว่า รัฐบาลของประเทศสมาชิกอียูอีกหลายชาติต่างแสดงจุดยืนคัดค้านแผนรับผู้อพยพเข้าเมืองครั้งนี้ของอียูด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลของฝรั่งเศส โปแลนด์ และฮังการี

ขณะที่ประเทศอย่างอิตาลีและกรีซที่ต้องแบกรับปัญหาการไหลทะลักของผู้อพยพอยู่เพียงลำพังในขณะนี้ ต่างต้องการให้สมาชิกอื่นของสหภาพยุโรปเร่งเข้ามาแบ่งเบาภาระของตนในการดูแลผู้อพยพตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรม

บรรดานักวิเคราะห์และผู้สันทัดกรณีทางการทูตต่างให้ความเห็นว่า ประเด็นปัญหาเรื่องวิกฤตผู้อพยพทางเรือที่หลั่งไหลเข้าสู่แผ่นดินยุโรปโดยเฉพาะที่อิตาลีและกรีซ และการจัดสรรโควตาเชิงบังคับเพื่อรับผู้อพยพเหล่านี้เข้าไปตั้งถิ่นฐานในหมู่ประเทศสมาชิกอียู จะกลายเป็น “ประเด็นร้อนฉ่า” ที่จะทำให้การประชุมอียู ซัมมิตที่กรุงบรัสเซลส์เมืองหลวงของเบลเยียมในระหว่างวันที่ 25 – 26 มิถุนายนนี้ดำเนินไปอย่างตึงเครียดและเผ็ดร้อนได้ ไม่แพ้ประเด็นเรื่องการแก้ปัญหาหนี้สินของกรีซ


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000070654

 

เรือผู้อพยพควรจะเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เรือสำราญแบบเรือบผู้อพยพโรฮีนจาน่ะครับ ที่มีราคาลำนึงแพงมากๆ และเป็นเรือแบบเรือประมงที่นำไปใช้ทำประมงได้เลย

ภาพจาก http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000070654

 

คลื่นความร้อนฆ่าผู้คนในปากีฯทะลุ200ศพ ส่งทหารเข้าช่วยเหลือ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2558 02:30 น.



เอเอฟพี - ยอดผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมทางภาคใต้ของปากีสถาน เพิ่มขึ้นเหนือ 200 ศพแล้ว เจ้าหน้าที่เผยเมื่อวันจันทร์(22มิ.ย.) ขณะที่รัฐบาลต้องร้องขอทหารเข้ารับมือและช่วยเหลือประชาชนที่ป่วยเป็นโรคลมแดดอย่างกว้างขวางในนครการาจี เมืองซึ่งได้รับผลกระทบเลวร้ายที่สุด ท่ามกลางคำเตือนว่าอาจต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนชื้สาหัสกว่านี้ในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า

ยอดผู้เสียชีวิตในการาจี เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งอุณหภูมิช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทะยานไปถึง 45 องศาเซลเซียส เพิ่มเป็นอย่างน้อย 202 ศพ นอกจากนี้ยังมีรายงานพบผู้เสียชีวิตอีก 11 ศพในแถบตอนกลางของจังหวัดปัญจาบ ทางภาคใต้ของประเทศ

"จำนวนผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนในการาจีข้ามผ่าน 200 ไปแล้ว หลังเราได้รับยืนยันเหยื่อ 140 คนในศูนย์การแพทย์จินนาห์ โพสต์แกรดจุเอท เมดิคอล เซ็นตอร์(จีพีเอ็มซี) และอีก 62 ศพจากโรงพยาบาลพลเรือนการาจี" จัม เมห์ตับ เดฮาร์ รัฐมนตรีสาธารณสุขของจังหวัดสินธ์บอกกับเอเอฟพี

เขาคาดหมายว่าตัวเลขที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้มาก เนื่องจากยอดดังกล่าวยังไม่นับรวมผู้เสียชีวิตตามโรงพยาบาลและสถานที่อื่นๆ ขณะที่แพทย์บอกว่าเหยื่อทั้งหมดล้วนแต่สิ้นลมหายใจด้วยโรคลมแดด

คลื่นความร้อนแผ่ปกคลุมในช่วงเดือนรอมฎอน เทศกาลถือศีลอดของชาวมุสลิมที่เริ่มมาตั้งแต่วันศุกร์(19มิ.ย.) ประกอบกับในช่วงเวลานี้ก็ถือว่ามีอากาศร้อนระอุที่สุดในรอบปีของปากีสถานอยู่แล้ว ดังนั้นสถานการณ์จึงอาจเลวร้ายกว่าที่คาด โดยเอเอฟพีอ้างข้อมูลจากโรงพยาบาล 5 แห่งรอบๆการาจี ชี้ว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจพุ่งสูงถึง 249 ศพแล้วก็เป็นได้

อาห์เมด คามาล โฆษกสำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ (NDMA) บอกกับเอเอฟพีว่ารัฐบาลได้ร้องขอกองทัพและกองกำลังกึ่งทหารเข้าช่วยเหลือปฏิบัติการบรรเทาภัยต่างๆ ในนั้นรวมถึงจัดตั้งศูนย์รักษาโรคลมแดดรอบๆเมือง

การรับมือกับความร้อนที่แผดเผาต้องประสบความยากลำบากยิ่งขึ้นไปอีก จากปัญหาไฟฟ้าดับที่เกิดขึ้นแทบทุกวัน โดยในการาจี เมืองที่มีประชากร 20 ล้านคน ภาวะไฟฟ้าขาดแคลนก่อปัญหาแก่ระบบจ่ายน้ำประปา และเป็นอุปสรรคต่อการสูบน้ำหลายล้านแกลลอนไปหล่อเลี้ยงผู้บริโภค

ฝ่ายบริหารจังหวัดสินธ์ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินตามโรงพยาบาลทุกแห่ง โดยมีคำสั่งห้ามแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขลาหยุดในช่วงนี้ รวมถึงให้มีการกักตุนยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์เพิ่มขึ้น ขณะที่เชอร์ ชาห์ แพทย์ผู้ชำนาญการและอดีตประธานของสมาคมการแพทย์ปากีสถาน ระบุว่า คนจนในเมืองการาจีตกอยู่ในความเสี่ยงมากที่สุด

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของปากีสถาน ระบุว่า เมื่อวันอาทิตย์ (21) อุณหภูมิในนครการาจีอยู่ที่ 43 องศาเซลเซียส และในเมืองตูร์บัตทางตะวันตกเฉียงใต้ใกล้กับพรมแดนอิหร่าน อยู่ที่ 49 องศาเซลเซียส

มีการพยากรณ์ว่าในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้าสภาพอากาศจะร้อนและชื้นยิ่งกว่านี้ แต่พายุฝนในอีก 2-3 วันข้างหน้าอาจทำให้สภาพอากาศเย็นลง

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000070648

 

รัสเซียจ่อห้ามนำเข้าอาหารจากตะวันตกอีก6เดือน ตอบโต้ถูกขยายเวลาคว่ำบาตรศก. โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มิถุนายน 2558 23:36 น.



รอยเตอร์ - รัสเซียมีแผนขยายมาตรการห้ามนำเข้าอาหารของชาติตะวันตกออกไปอีก 6 เดือนเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป และบางทีอาจบรรจุผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเข้าไปในบัญชีดำเพิ่มเติม เพื่อตอบโต้กรณีที่สหภาพยุโรปขยายเวลาคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อมอสโก เจ้าหน้าที่เปิดเผยในวันจันทร์(22มิ.ย.)

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน เหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป ขยายกรอบเวลาคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียออกไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม หวังเพิ่มแรงกดดันแก่มอสโก ให้หาทางคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน

นายดมีทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีรัสเซียบอกกับที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า "จากข้อพิจารณาที่ว่าสหภาพยุโรปได้ขยายขอบเขตคว่ำบาตรต่อรัสเซียออกไปอีกครึ่งปี ผมขอให้พวกคุณเตรียมนำข้อเสนอของผมไปยังท่านประธานาธิบดี ขอให้ขยายคำสั่งประธานาธิบดี(เกี่ยวกับการแบน) ในระยะเวลาเดียวกันนี้"

เป็นที่คาดหมายอย่างกว้างขวางอยู่แล้วว่า รัสเซีย จะขยายเวลามาตรการห้ามนำเข้าอาหารตะวันตกจากเส้นตายเดิมที่จะถึงกำหนดวันที่ 8 สิงหาคมนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่บอกก่อนหน้านี้ว่าการตัดสินใจนั้นขึ้นอยู่โดยตรงกับความเคลื่อนไหวของฝ่ายสหภาพยุโรปว่าจะขยายมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจหรือไม่

อิลยา อนานเยฟ ผู้แทนของกระทรวงเกษตรกรรมของรัสเซียบอกกับรอยเตอร์ว่าทางกระทรวงได้เริ่มจัดเตรียมบัญชีสินค้านำเข้าที่จะถูกรวมอยู่ในคำสั่งแบนและบางทีอาจรวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ๆด้วย "เรากำลังจัดเตรียมบัญชีรายการผลิตภัณฑ์ต่างๆ แต่การขยายขอบเขตไม่ได้อยู่ภายใต้การตัดสินใจของเรา"

มาตรการดังกล่าว ซึ่งห้ามนำเข้าอาหารจากสหรัฐฯ สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย แคนาดาและนอร์เวย มูลค่ากว่า 9,000 ล้านดอลลร์สหรัฐฯ ถูกกำหนดขึ้นเป็นเวลา 1 ปี เพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของตะวันตก เกี่ยวกับกรณีรัสเซียเข้าไปแทรกแซงวิกฤตในยูเครน

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่รัสเซียรายหนึ่งเผยว่าทางเครมลินไม่น่าจะอนุมัติเพิ่มเติมสินค้าใหม่ๆเข้าไปบัญชีดำ โดยคงยึดนโยบายเดิมที่ห้ามนำเข้าผลไม้ ผัก เนื้อสัตว์ สัตว์ปีก ปลา นมและผลิตภัณฑ์นม

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000070626

 

ยอดตายซดเหล้าเถื่อนแตะ100ศพ อินเดียล้อมคอกรุดปราบค้าสุราผิดกฎหมาย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มิถุนายน 2558 22:31 น.



เอเอฟพี - ยอดผู้เสียชีวิตในเหตุตายหมู่จากบริโภคเหล้าเถื่อนกรณีล่าสุดของอินเดีย เพิ่มขึ้นเป็น 100 ศพ ขณะที่ทางการในมุมไบให้สัญญาจะเดินหน้าปราบปรามการค้าที่ผิดกฎหมายดังกล่าว

ดานันเจย์ คุลคาร์นี รองผู้กำกับการตำรวจในเมืองทางตะวันตกของอินเดีย แถลงปรับยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดจากการดื่มสุราเถื่อนมีพิษครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 1 ทศวรรษของมุไบ "ตอนนี้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 100 คนแล้วและอีก 47 คนยังอยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล" เขาบอกกับเอเอฟพี

เหยื่อรายแรกเริ่มล้มป่วยเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว หลังดื่มเหล้าเถื่อนผลิตเองผิดกฎหมายในชุมชนแออัดแห่งหนึ่งทางเหนือของมุมไบ เมืองหลวงด้านการเงินของอินเดีย "เรามั่นใจว่าเราได้ยึดเหล้าเถื่อนไว้ทั้งหมดแล้ว ดังนั้นบางทียอดผู้เสียชีวิตอาจทรงตัวเร็วๆนี้" รองผู้กำกับการรายนี้

คุลคาร์นี เผยต่อว่าตำรวจได้จับกุมผู้หญิง 2 คนตามข้อกล่าวหาจัดหาสุราเถื่อน ทำให้ยอดชาวบ้านที่ถูกควบคุมตัวฐานแจกจ่ายสุราเถื่อนในย่านมาลัด เวสต์ เพิ่มเป็น 7 คน พร้อมระบุว่าหนึ่งในผู้หญิง 2 คนนั้น ยังต้องสงสัยลักลอบค้าสุราเถื่อนในพื้นที่มานานกว่า 10 ปี

ตำรวจยังคงรอผลตรวจของคณะสืบสวนเพื่อสรุปว่าว่ามีการใส่เมทานอลระดับสูงในเหล้าเถื่อนดังกล่าวหรือไม่ ทั้งนี้เมทานอล (Methanol) คือแอลกอฮอล์ชนิดมีพิษสูงที่ถูกใช้สำหรับป้องกันการแข็งตัวหรือใช้เป็นเชื้อเพลิง แต่ก็มักถูกนำไปใส่ในเหล้าเถื่อนในอินเดีย เนื่องจากมีราคาถูกและเป็นวิธีที่รวดเร็วในการเพิ่มปริมาณแอลกอฮอล์

เหล้าเถื่อนมีการบริโภคกันอย่างแพร่หลายทั่วทั้งอินเดีย ซึ่งบางครั้งก็ขายกันในราคาไม่ถึงหนึ่งดอลลาร์สำหรับขวดขนาด 25 เซนติลิตรและมักมีรายงานการเสียชีวิตอยู่เนืองๆ

อย่างไรก็ตามไม่บ่อยนักที่กรณีเช่นนี้จะเกิดขึ้นในเมืองใหญ่อย่างมุมไบ เนื่องจากโดยส่วนมากแล้วมักเกิดขึ้นในหมู่บ้านที่ยากจนและอยู่ห่างไกล ขณะที่เหตุการณ์นี้ถือเป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในมุมไบนับตั้งแต่ปี 2004 โดยคราวนั้นมีผู้เสียชีวิตราว 100 คน

ตำรวจที่ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ได้สั่งพักงานเจ้าหน้าที่ 8 นายฐานละเลยต่อหน้าที่กรณีปล่อยให้มีการขายเหล้าเถื่อนเกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ ขณะที่ ฟาเตห์ ซิงห์ ปาติล ผู้บังคับการเสริมของตำรวจในเขตทางเหนือของมุมไบ เผยว่าได้สั่งการให้กำลังพลทุกหน่วยในพื้นที่ รับประกันว่าทุกโซนต้องเป็นเขตปลอดเหล้าเถื่อน

เหตุตายหมู่จากพิษสุราเถื่อนในอินเดียเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยกรณีเลวร้ายสุดย้อนกลับไปเมื่อปี 2011 คราวนั้นมีผู้เสียชีวิตจากการบริโภคสุราเถื่อนเกือบ 170 คนในรัฐเบงกอลตะวันตก ทางภาคตะวันออกของประเทศ

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000070615

 

เพนตากอนชี้ “จีน” ทุ่มสุดตัวหวังอวดแสนยานุภาพเทียบชั้นสหรัฐฯ ทั้งด้าน “การบิน-อวกาศ” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2558 08:05 น.


@โรเบิร์ต เวิร์ค รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

รอยเตอร์ – รัฐบาลจีนพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะยกระดับแสนยานุภาพทางด้านการบินและอวกาศให้เทียบชั้นกับสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เพนตากอนจำเป็นที่จะต้องพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้แซงหน้าอยู่ตลอดเวลา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.)

ในการปาฐกถาต่อกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านอวกาศทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน โรเบิร์ต เวิร์ค รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ชี้ว่า “จีนกำลังเร่งอุดช่องโหว่ด้านเทคโนโลยี” โดยมีการพัฒนาอากาศยานหลบหลีกเรดาร์ เครื่องบินสอดแนมประสิทธิภาพสูง ระบบขีปนาวุธที่ซับซ้อน และเครื่องมือทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสุดยอด

แม้สหรัฐฯ จะปรารถนาความสัมพันธ์ในเชิงสร้างสรรค์กับจีน แต่เพนตากอน “ไม่อาจมองข้ามแง่มุมด้านการแข่งขัน โดยเฉพาะศักยภาพทางทหาร ซึ่งจีนกำลังก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วจนน่าทึ่ง”

เวิร์ค ได้ไปร่วมงานเสวนาเปิดตัวความริเริ่มการศึกษาด้านโครงการอวกาศจีน (China Aerospace Studies Initiative) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศสหรัฐฯ และสถาบันวิจัย แรนด์ คอร์ปอเรชัน (RAND Corporation) เพื่อมุ่งส่งเสริมงานวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาด้านอวกาศของแดนมังกร

งานเสวนาดังกล่าวจัดขึ้นในเวลาเดียวกับที่จีนได้ส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมประชุมเชิงยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ (US-China Strategic and Economic Dialogue) ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นเวลา 3 วัน เพื่อหารือในประเด็นความร่วมมือต่างๆ ตลอดจนข้อพิพาท

เวิร์ค ระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ และจีนต่างเล็งเห็นว่า ความสัมพันธ์ทวิภาคีมีทั้งในส่วนของ “มาตรการความร่วมมือ และมาตรการด้านการแข่งขัน”

“เราหวังว่าต่อไปในอนาคต ความร่วมมือจะมีมากกว่าการแข่งขัน... แต่ในฐานะที่เป็นกระทรวงกลาโหม เราคือรั้วป้องกันชาติ ดังนั้น... เราจำเป็นต้องเตือนว่า ดูสิ จีนกำลังเร่งพัฒนาขีดความสามารถเหล่านี้ และสหรัฐฯ ก็ควรจะต้องรับมือได้”



* เวิร์ค ยังได้อ้างถึงงานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่ว่าด้วยมหาอำนาจใหม่ท้าทายขั้วอำนาจเก่า และชี้ว่า การปฏิสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจทั้ง 2 ขั้วนี้มักจะนำมาสู่ “สงคราม” เสมอ ดังนั้น กระทรวงกลาโหมจึงมีหน้าที่ต้อง “ป้องกันมิให้การแข่งขันระหว่างประเทศดุเดือดเกินไป”

ในส่วนของสหรัฐฯ เองมองว่า วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธทั้งแบบหัวรบธรรมดาและหัวรบนิวเคลียร์ให้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งทุกประเทศ

เวิร์ค ชี้ว่า ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ สามารถวางใจได้ว่ามีเทคโนโลยีที่ก้าวไกลกว่าทุกชาติ แต่เวลานี้ “ขอบเขตการทิ้งห่างคู่แข่งซึ่งสหรัฐฯ เคยเชื่อมั่นมาโดยตลอด... กำลังถูกกัดเซาะลงไปเรื่อยๆ”

ด้วยเหตุนี้ เพนตากอนจึงมุ่งมั่นคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรักษาความเข้มแข็งของสหรัฐฯ ไว้ ตลอดจนหาวิธีลดต้นทุนในการตอบสนองภัยคุกคาม ตัวอย่างเช่น การพัฒนาอาวุธพลังงานตรง (directed energy weapon) ซึ่งสามารถยิงทำลายขีปนาวุธที่มีต้นทุนการผลิตสูงกว่าพลังงานเหล่านี้ถึง 100 เท่า เป็นต้น

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000070674

 

สหรัฐมีสนับสนุนการก่อการร้ายบ้างไหม ? ถ้าสหรัฐตอบคงไม่มี มีแต่ก่อการดี ทำให้โลกดีขึ้น ตามที่อเมริกาพอใจให้เป็น

ก่อนเส้นตายเจรจานิวเคลียร์ สหรัฐฯ กล่าวหา อิหร่านให้การสนับสนุนขบวนการก่อการร้าย!! โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - มิ.ย. 22, 2015



ในขณะที่เหลือเวลาอีกแค่ 10 วันก็จะถึงวันกำหนดเส้นตายการเจรจานิวเคลียร์อิหร่าน ทว่ารัฐบาลสหรัฐได้ออกมากล่าวหาอิหร่าน โดยอ้างอิงรายงานปี 2014 ว่า อิหร่านคือผู้ให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้าย และสหรัฐยังได้ออกมาประกาศย้ำอีกว่า การคว่ำบาตรต่างๆ จะไม่ถูกยกเลิกนอกเสียจากว่าอิหร่านจะต้องหยุดให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย

ตามรายงานของสำนักข่าว บีบีซี ล่าสุดได้รายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวหาว่าอิหร่านให้การสนับสนุนช่วยเหลือการก่อการร้าย เช่น ขบวนการต่างๆในฉนวนกาซ่า ขบวนการต่างๆ ในเลบานอน อิรัก และประเทศต่างๆ ทั่วตะวันออกกลาง ซึ่งในรายงานดังกล่าวไม่ได้เอ่ยถึงบทบาทของอิหร่านในการออกมาต่อกรกับขบวนการก่อการร้ายอย่าง ไอเอส ที่ได้รับการสนับสนุนทางลอจิสติกส์และทางการเงินจากสหรัฐ ซาอุดิอารเบีย และประเทศพันธมิตรที่ครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันตก

ปลายปีที่ผ่านมาสำนักงานข่าวกรองสหรัฐได้ออกมารวบรวมรายงานเกี่ยวกับภัยคุกคามทั่วโลกและได้จัดทำการตีพิมพ์และเผยแพร่โดยผ่านหัวหน้าหน่วยข่าวกรองสหรัฐ และพวกเขาจะทำเช่นนี้ทุกๆ ปี รายงานดังกล่าวรายงานว่า อิหร่านได้ใช้กองทัพกุดซ์ในการดำเนินการสู่เป้าหมายของนโยบายต่างประเทศ ซึ่งเป็นปฏิบัติการลับในหน่วยข่าวกรองและทำลายความมั่นคงในตะวันออกกลาง

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐแสดงได้พยายามแสดงให้เห็นว่า กองทัพกุดส์ คือ อาวุธหลักของอิหร่านที่ให้การสนับสนุนขบวนการต่างๆ ที่อยู่นอกประเทศอิหร่าน ในขณะเดียวกันสำนักงานฟาร์ส ได้รายงานว่า ทีน่า กีดาโน่ ผู้ประสานงานของสำนักงานต่อต้านการก่อการร้ายของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ได้ออกมากล่าวในขณะที่มีการตีพิมพ์รายงานของปี 2014 ว่า เราได้พยายามอย่างมากเพื่อศึกษาเกี่ยวกับการทำงานของกองทัพกุดซ์ และตัวกลางการทำงานของพวกเขา ซึ่งมีแค่บางประโยคที่เราเข้าใจ คือ ขบวนการฮิซบุลลอฮ์และขบวนการอื่นๆ ซึ่งทำให้เรากังวลอย่างมาก แต่เราก็ยังคอยดูอยู่อย่างระมัดระวัง

ตามรายงานของสำนักข่าว เนศีม เขาได้ตอบคำถามแก่ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งที่ถามว่า การลงโทษแก่บริษัทน้ำมันของอิหร่านนั้นจะถูกยกเลิกหรือไม่หลังจากการเจรจานิวเคลียร์ได้ข้อสรุป เขาได้กล่าวว่า “สิ่งที่เคยพูดไว้คือ เราจะไม่ยกเลิกการคว่ำบาตรใดๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย เพราะมันทำให้เราอยู่อย่างกังวล” เขาได้อธิบายอีกว่า แม้นว่าการเจรจานิวเคลียร์จะผ่านทุกข้อแต่กองทัพกุดส์จะไม่ถูกลบอออกจากรายชื่อการคว่ำบาตรของสหรัฐ

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยังลังเลเกี่ยวกับการสนับสนุนรัฐบาลบาชาร์ อัลอัสซาด ของอิหร่าน และพวกเขาพยายามที่จะหาข้อสงสัยต่างๆ มาสร้างประเด็นเพื่อทำให้เป็นโจทย์ขึ้นมา ในปี 2014 เตหะราน ได้ให้การสนับสนุนทางการทหาร ทางการเงิน และทางการศึกษาแก่ดามัสกัสเพิ่มขึ้นในช่วงที่เกิดสงครามกลางเมือง

เช่นเดียวกัน วอชิงตันยังได้กล่าวหาในส่วนหนึ่งของรายงานว่า ขบวนการฮิสบุลลอฮ์ละเมิดสิทธิมนุษยชน และอิหร่านให้การสนับสนุนกับกลุ่มต่างๆ ที่ได้รับการวิจารณ์อย่างหนักในอิรัก

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยังอ้างอีกว่า อิหร่านให้การสนับสนุนอิรักในการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายไอเอส จนเกิดไฟร้ายที่ยิ่งลุกลามจนเกิดการแบ่งเชื้อชาติเผ่าพันธ์กัน!!

ในทางกลับกันรัฐบาลอิรักได้ออกมาเปิดเผยว่า ประเทศต่างๆ ควรเอาการช่วยเหลือของอิหร่านเป็นแบบอย่าง

آمريکا: ايران از تروريست هاي حماس، حزب ا... و سپاه قدس حمايت مي کند!


ก่อนเส้นตายเจรจานิวเคลียร์ สหรัฐฯ กล่าวหา อิหร่านให้การสนับสนุนขบวนการก่อการร้าย!! | abnewstoday

 

ไอซิส ฝังกับระเบิดรอบเมืองโบราณ ‘พัลไมรา’ โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - มิ.ย. 22, 2015



presstv – องค์กรเฝ้าระวังสิทธิมนุษยชน เผย กลุ่มไอซิส ได้ฝังกับระเบิดรอบบริเวณเมืองโบราณ พัลไมรา

กลุ่มองค์กรเฝ้าระวังสิทธิมนุษย์ชน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ที่ประเทศอังกฤษ เผยว่า เมื่อวานนี้ ว่า (อาทิตย์ ที่ 21 ) กลุ่มไอซิส ได้ฝังกับระเบิดรอบบริเวณเมืองโบราณ พัลไมรา

รอมี อับดุลรอฮ์มาน หัวหน้า กลุ่มองค์กรเฝ้าระวังสิทธิมนุษย์ชน เผยว่า เป้าหมายของกลุ่มก่อการร้ายไอซิส ในการฝังกับระเบิดรอบเมืองโบราณ พัลไมรา นั้น โดยขณะนี้ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า กลุ่มไอเอสกำลังเตรียมระเบิดทำลายเมือง หรือเพียงวางแนวป้องกันการโจมตีจากกองกำลังซีเรียเท่านั้น

ทั้งนี้ มีรายงานว่ากองกำลังประจำประเทศซีเรีย ที่ประจำการอยู่บริเวณนอกเมือง มีการเสริมกำลังเข้ามาใหม่ และอยู่ในระหว่างการวางแผนดำเนินการ หรืออาจหมายถึงการเตรียมกำลังเข้าชิงเมืองโบราณแห่งนี้ คืนจากกลุ่มหัวรุนแรงในเวลาอันใกล้

อย่างไรก็ตาม แม้ทั่วโลกกำลังจับตามองว่ากลุ่มไอซิส จะทำลายเมืองโบราณแห่งนี้ดังเช่น แหล่งโบราณวัตถุแห่งอื่นๆ ในอิรัก แต่กระนั้น จนบัดนี้ยังไม่มีรายงานว่าเมืองพัลไมรา ถูกทำลายแต่อย่างใด

สื่อซีเรีย รายงาน ว่า นับจากที่กลุ่มก่อการร้ายไอซิสยึดเมืองโบราณ พัลไมรา สำเร็จ ได้สังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์ไปแล้ว 400 กว่าคน โดยในนั้น มีเด็กและสตรีจำนวนหนึ่งถูกสังหารอีกด้วย

PressTV-«داعش آماده منفجر کردن شهر تاریخی پالمیرا»

داعش، شهرتاریخی تدمر را بمب گذاری کرد

ไอซิส ฝังกับระเบิดรอบเมืองโบราณ ‘พัลไมรา’ | abnewstoday