ติดตามสถานะการณ์

In Pics : เกาหลีใต้พบผู้เสียชีวิต MERS รายที่ 25 ของประเทศ - “ไทย” ประกาศไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม หลังคนไข้โอมานถูกส่งไปสถาบันระบาดวิทยาบำราศนราดูร
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 มิถุนายน 2558 16:34 น. (แก้ไขล่าสุด 21 มิถุนายน 2558 20:11 น.)



รอยเตอร์/เอเจนซีส์/เอเอฟพี – กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ล่สุดวันอาทิตย์(21) ถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อทางลมหายใจเมอร์ส(MERS)ว่า มีการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นแพทย์ที่ให้การรักษาโรคเมอร์สที่โรงพยาบาลซัมซุง กรุงโซล ศูนย์กลางการระบาดของโรค และมีผู้เสียชีวิตรายที่ 25 ของประเทศ ส่งผลทำให้มียอดผู้ติดเชื้อรวมสูงถึง 169 คนในเกาหลีใต้ สูงที่สุดในการติดเชื้อโรคเมอร์สนออกซาอุดีอาระเบีย ในขณะที่กระทรวงสาธารณสุขไทยประกาศ “ไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่ม” ในขณะที่ผู้ป่วยชายชาวโอมาวัย 75 ปี ผู้ป่วยโรคเมอร์สรายแรกของไทยถูกย้ายไปทำการรักษาที่ยังสถาบันโรคระบาดวิทยาของสถาบันบำราศนราดูรที่อยู่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขไทยในวันพฤหัสบดี(18) พร้อมกับญาติของผู้ป่วยอีก 3 คน หลังตรวจพบโรคนี้ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ก่อนหน้านี้

รอยเตอร์รายงานวันนี้(21)ว่า กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์การเสียชีวิตผู้ป่วยโรคเมอร์ส(MERS)รายที่ 25 ในวันอาทิตย์(21) ซึ่งนอกจากป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางแล้ว ยังป่วยด้วยโรคเบาหวานและโรคหัวใจ ถึงแม้ว่าจะมีความหวังอย่างสูงในวันเสาร์(20)ที่กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสกลุ่มทางเดินหายใจสายพันธุ์ตะวันออกกลาง (MERS) รายใหม่ก็ตาม

โดยก่อนหน้านั้นในวันเสาร์(20)ยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อ MERS ยังคงอยู่ที่ 24 รายเท่าเดิม ส่วนตัวเลขผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันทั่วประเทศก็หยุดอยู่ที่ 166 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 16 วันที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่

เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมในวันนี้(21)ว่า จากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 คนในเกาหลีใต้ มี 2 คนเป็นเจ้าหน้าที่ให้บริการด้านการแพทย์เป็นผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ ซึ่งเอเอฟพีชี้ว่า 1 ใน 2 ของผู้ติดเชื้อที่เป็นเจ้าหน้าที่การแพทย์นั้นเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลซัมซุง กรุงโซล แห่งนี้ที่ได้ทำการรักษาผู้ป่วยเมอร์ส ซึ่งมีผู้ป่วยไม่ต่ำกว่า 80 คนในโรงพยาบาลแห่งนี้

และเจ้าหน้าที่การแพทย์อีกคนที่ติดเชื้อเป็นเจ้าหน้าที่ประจำห้องรังสีวิทยาให้บริการเอกซเรย์ผู้ป่วยเมอร์สในโรงพยาบาลอีกแห่งในกรุงโซล เอเอฟพีรายงานต่อ

นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้แถลงเพิ่มเติมว่า มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อที่ได้รับการรักษาจนหายดีจำนวน 43 คน ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ รวมถึง 7 คนในวันศุกร์(19)และวันเสาร์(20)

ด้านกระทรวงสาธารณสุขไทยได้ออกแถลงการณ์การระบาดของโรคเมอร์สในไทยล่าสุด ที่เพิ่งค้นพบผู้ป่วยรายแรกในสัปดาห์ที่ผ่านมา และมี 175 คนที่อยู่ในรายชื่อผู้ที่อยู่ในข่ายต้องติดตามอาการหลังมีรายงานการสัมผัสติดต่อผู้ติดเชื้อโรคเมอร์สเป็นนักธุรกิจชายชาวโอมานวัย 75 ปี ว่า มาจนถึงขณะนี้ “ยังไม่มีการพบรายงานผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่”

“เราสามารถยืนยันได้ว่า ยังไม่มีผู้ป่วยโรคเมอร์สรายใหม่ปรากฏ” รัฐมนตรีสาธารณสุข ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน แถลง ในขณะนำกลุ่มผู้สื่อข่าวชมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิถึงขั้นตอนการคุมเข้มของฝั่งไทยในการกรองผู้โดยสารเดินทางเข้าประเทศที่อาจมีติดเชื้อโรคเมอร์ส หรือโรคร้ายแรงอื่นๆ ซึ่งกระบวนการคัดรองยังรวมไปถึงการใช้เทอร์โมสแกนยิงเพื่อวัดอุณหภูมิผู้โดยสาร

ทั้งนี้สื่อเอเชียไทม์สรายงานก่อนหน้านี้ว่า ผู้ป่วยติดเชื้อเมอร์สรายแรกในไทยเป็นนักธุรกิจชาวโอมานวัย 75 ปี เดินทางมาถึงไทยในวันจันทร์(15)เพื่อต้องการรักษาโรคหัวใจและโรคหอบหืดที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ตรวจพบการติดเชื้อโรคเมอร์สของผู้ป่วยรายนี้

โดยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่หรูหราและทันสมัยใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของไทย และให้การรักษาผู้ป่วยไม่ต่ำกว่า 1 ล้านรายต่อปี ครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ

“ผู้ป่วยรายนี้เข้ารับการรักษาในสภาพเหนื่อยอ่อน ไอ แต่ไม่มีไข้ ดังนั้นเราจึงทำการเอกซ์เรย์อกและพบว่า ผู้ป่วยรายนี้มีอาการป่วยที่น่าจะเป็นไปได้คือทั้งโรคหัวใจ และโรคเมอร์ส” แพทย์จากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ให้สัมภาษณ์ผ่านการแถลงข่าวทางโทรทัศน์

นอกจากนี้เอเชียไทม์สรายงานเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่การแพทย์ของโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยชายชาวโอมานรายนี้จำนวน 58 คนถูกกักกันโรคทันที แต่ทว่าเจ้าหน้าที่ส่วนอื่นๆยังทำงานตามปกติ

ในขณะที่ผู้ป่วยเมอร์สรายแรกของไทยถูกย้ายไปยังสถาบันโรคระบาดวิทยาของสถาบันบำราศนราดูรที่อยู่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขไทยในวันพฤหัสบดี(18) พร้อมกับญาติของผู้ป่วยอีก 3 คน วอลสตรีทเจอร์นัลด์รายงาน และพบว่าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ต่างสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน และได้แจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้กับผู้มาติดต่อโรงพยาบาลอีกด้วย โดยนักข่าวรอยเตอร์ที่เดินทางไปทำข่าวที่โรงพยาบาลแห่งนี้รายงานว่า มีการติดป้ายประกาศเตือนไว้ทางด้านหน้าของโรงพยาบาลเช่นกัน

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000070052

 

ตำรวจอเมริกันพบเว็บไซต์ของมือยิงโบสถ์คนดำ 9 ศพ เจอรูปถือปืน-เผาธง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 มิถุนายน 2558 17:13 น.



เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่พบเว็บไซต์ที่จัดทำโดย "ดีแลนน์ รูฟ" ในวันเสาร์ (20 มิ.ย.) ที่มือปืนสังหาร 9 ศพในชาร์ลสตันรายนี้ใช้ในการต่อว่าชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ทั้งยังมีบรรดารูปภาพถือปืนและเผาธงอเมริกา

เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ระบุว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบเว็บไซต์นี้

ถ้อยแถลงความยาว 2,500 คำที่แสนวกวนชวนสับสนภายในเว็บไซต์ เต็มไปด้วยการเหยียดผิวแถมสะกดคำผิดมากมาย แม้จะไม่มีการเอ่ยถึงชื่อของผู้ต้องสงสัยวัย 21 ปีรายนี้ แต่ด้วยเนื้อหาที่อ้างอิงถึงชาร์ลสตันและการแบ่งแยกสีผิวในเซาท์แคโรไลนา บ่งชี้ว่าเขาเป็นคนเขียนถ้อยคำเหล่านี้ แถมยังมีรูปของรูฟอยู่ในเว็บไซต์นี้ด้วย

ดีแลนน์ รูฟ ก่อเหตุใช้ปืนยิงผู้คนในโบสถ์แห่งหนึ่งจนมีผู้เสียชีวิตไป 9 รายเมื่อวันพุธ ที่เมืองชาร์ลสตัน รัฐเซาท์แคโรไลนา เพื่อสร้างความโกรธแค้นให้กับคนต่างสีผิว เขาถูกจับกุมตัวได้ในวันต่อมาในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ขณะนี้ถูกคุมขังและโดนตั้งข้อหาฆาตกรรม 9 กระทง

ข้อความบนเว็บไซต์ได้อ้างว่า "ผมไม่มีทางเลือก ผมไม่อยู่ในฐานะที่จะบุกไปสู้ในถิ่นของพวกมันได้โดยลำพัง ผมเลือกชาร์ลสตันเพราะมันเป็นเมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ในรัฐของผม แถมครั้งหนึ่งยังเคยมีอัตราส่วนคนผิวดำต่อคนผิวขาว มากที่สุดในประเทศ"

"เราไม่มีพวกหัวโล้น ไม่มีพวก คู คลักซ์ แคลน ไม่มีใครทำอะไรเลย มีแต่นักเลงคีย์บอร์ดทางอินเตอร์เน็ต ดูเหมือนว่าคงจะต้องมีใครสักคนที่กล้าพอจะลงมือทำในโลกแห่งความจริง แล้วผมก็คิดว่าคนๆ นั้นคงต้องเป็นผม" ข้อความบนเว็บไซต์ระบุ

ทางด้านไฟล์ข้อมูลที่สามารถดาวโหลดได้บนเว็บไซต์นี้ เต็มไปด้วยรูปภาพชวนหลอนของ ดีแลนน์ รูฟ โดยมีอยู่หนึ่งรูปที่เห็นเขาอยู่ในสวน ถือธงสมาพันธรัฐอเมริกากับปืนพก สวมแว่นกันแดดสไตล์นักบิน ล้อมรอบไปด้วยกระถางดอกไม้

มี 2 รูปที่เห็นดีแลนน์รูฟอยู่ภายในห้องนอน โดยมีหนึ่งรูปที่เห็นธงสมาพันธรัฐอเมริกา ส่วนอีกรูปกำลังเล็งปืนมาที่กล้อง ส่วนรูปอื่นๆ มีบางรูปที่เห็นเขาสวมชุดที่มีธงโรดีเซีย อันเป็นชื่อเรียกซิมบับเวตอนที่ถูกปกครองด้วยคนขาว ยุคของการแบ่งแยกสีผิวในแอฟริกาใต้

การก่อเหตุยิงผู้คนครั้งนี้ ถือเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดสำหรับการโจมตีสถานที่ทำพิธีทางศาสนาของสหรัฐฯ ในรอบหลายทศวรรษ แถมยังเกิดขึ้นในช่วงที่ความตึงเครียดเรื่องสีผิวปะทุขึ้นในหลายพื้นที่ของอเมริกา

หมายจับของรูฟ ระบุว่า เขาได้ยิงผู้หญิง 6 คน ผู้ชาย 3 คน มีอายุระหว่าง 26 - 87 ปี ด้วยอาวุธปืน โดยมุ่งหวังให้เกิดความโกรธแค้นระหว่างผู้คนต่างสีผิว ทั้งนี้ หากมีการตัดสินว่าผิดจริง รูฟอาจต้องเจอกับโทษประหารชีวิต

 

โปรดทราบ.. เรื่อง “ภู ห.ผี” โปรดอย่าเบือนหน้าหนี ชื่อนี้สถานที่นี้มีอยู่จริงในลาว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 มิถุนายน 2558 14:20 น. (แก้ไขล่าสุด 22 มิถุนายน 2558 09:30 น.)



@เรื่องราวน่าจะเริ่มจากตรงนี้เมื่อต้นเดือนที่แล้ว ก่อนจะไปเป็นบทความในนิตยสารรายเดือนภาษาลาวฉบับหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้อ่านจำนวนหนึ่งพากันสงสัย ต่อมารายงานชิ้นนั้นถูกเผยแพร่ต่อๆ กันไปจากเว็บสู่เว็บจาก ทำให้เกิดการถกเถียงกันมาข้ามเดือนเกี่ยวกับชื่อ ປ່າສະຫງວນແຫ່ງຊາດ และ ຕາດນ້ຳກັດ แห่ง ພູຫີຜີ.


ASTVผู้จัดการออนไลน์ - รู้จักน้ำตก “หลี่ผี” ใช่ไหม? แน่นอน.. ผู้ที่ติดตามข่าวสารการท่องเที่ยวในย่านนี้ของโลกก็จะต้องรู้จักน้ำตกสวยงาม กับเกาะแก่ง ที่เกิดให้เห็นในช่วงฤดูน้ำหลาก และน้ำลด ในเขตนทีสี่พันดอน เมืองโขง แขวงจำปากสัก ของลาว หรืออย่างน้อยที่สุดก็เคยได้ยินชื่อนี้

แต่ก็ยังมีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับผีสาง อยู่ทางตอนเหนือขึ้นไป ซึ่งผู้คนจำนวนมากยังไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยิน กระทั่งชาวลาวเจ้าของประเทศเองจำนวนหนึ่งก็ยังไม่แน่ใจนักว่าสถานที่แห่งนี้ ตามชื่อนั้นจะมีอยู่จริง

ชื่อภาษาลาวเขียนว่า "ປ່າສະຫງວນແຫ່ງຊາດພູຫີຜີ" และชื่อภาษาอังกฤษคือ Phou Hee Phee National Protected Area ถึงกระนั้นก็ยังทำให้ชาวลาวบางคนอ่านแล้วรู้สึกเอะใจ และที่นี่ขอสะกดชื่อใหม่เป็น “ภู ห.ผี” เพื่อให้เขียนง่ายขึ้น ..

โปรดอย่าอมยิ้ม.. อย่าเบือนหน้าหนี เพราะมิใช่สิ่งผิดปกติอะไรในภาษาลาว หากเป็นชื่อที่สามัญมากในความรู้สึกของชาวลาว เป็นธรรมดา และมีความเป็นธรรมชาติ มิได้ส่อ หรือสื่อไปในทางลามกจกเปรต หรือหยาบโลนอย่างใดทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าหลายคนได้ยินชื่อแล้วอาจเกิดความรู้สึกกังขาขึ้นมาอย่างทันทีทันใดก็ตาม

ความงุนงงสงสัยในเรื่องนี้สะท้อนออกมาให้เห็นผ่านสื่อออนไลน์ภาษาลาว เมื่อนิตยสารมหาชนนำเอาเรื่องราวของ "ປ່າສະຫງວນແຫ່ງຊາດພູຫີຜີ" ไปเขียนบอกเล่าความเป็นมา และเป็นไปของเขตป่าอันอุดม มั่งคั่ง รุ่มรวยด้วยทรัพยากร ซึ่งอยู่ในเขตเมือง (อำเภอ) ไซ แขวง (จังหวัด) อุดมไซ อยู่ห่างจากเขตเทศบาลแขวงไปราว 20 กิโลเมตร และปรากฏว่ามีผู้อ่านเขียนไปทักท้วงเกี่ยวกับชื่อภูเขา อันเป็นชื่อของป่าสงวนแห่งนี้ ..

"ມີຜູ້ອ່ານທ້ວງເຂົ້າມາວ່າ ວາລະສານມະຫາຊົນ ສະບັບ 211 ໃນຄໍລ່ຳ ທ່ອງທ່ຽວ ທີ່ຂຽນວ່າ "ພູຫີຜີ" ນັ້ນແມ່ນຂຽນຜິດ. ເລີຍຢາກນຳສະເໜີຮູບພາບຂອງ ເຂດປ່າສະຫງວນດັ່ງກ່າວໃຫ້ຜູ້ອ່ານເຂົ້າໃຈຕື່ມວ່າ ທີ່ຂຽນນັ້ນຖືກຕ້ອງແລ້ວ ຖ້າບໍ່ຂຽນແບບນັ້ນຕ່າງຫາກທີ່ຜິດ" นิตยสารดังกล่าวเขียนอธิบายในเฟซบุ๊ก ในสัปดาห์ต้นเดือน พร้อมกับโยงไปยังอีกเว็บหนึ่ง เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าไปดูภาพจากสถานที่จริง รวมทั้งภาพปากถ้ำแห่งหนึ่ง อันเป็นผลงานของธรรมชาติ .. ที่มาของชื่อ

บทเขียนของนิตยสารฉบับนี้ถูกเผยแพร่ต่อๆ ไปผ่านเว็บไซต์ บล็อก และเฟซบุ๊ก ของชาวลาวอีกหลายแห่ง ทำให้เกิดการถกเถียงกันมานานข้ามเดือน ทำให้ “แอดมิน” ของแหล่งต่างๆ ต้องออกค้นคว้าหาหลักฐาน ข้อมูล และภาพถ่าย เพื่อยืนยันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว และผู้อ่านอีกจำนวนมากตามเข้าไปแสดงความเห็นสมทบ

"ບ້ານຂອຍເດອ" ผู้อ่านคนหนึ่ง ซึ่งนัยว่าเป็นชาวอุดมไซตามเข้าไปสำทับ

“55555 จั่งแม่น คึของผี หลึ คน บํ่จัก” อีกคนชักสนุกเขียนด้วยอักษรไทย

ฯลฯ
.

@เรื่องนี้ต้องเคลียร์ .. นิตยสารมหาชน เขียนชี้แจงลงในเฟซบุ๊ก เมื่อต้นเดือนนี้ และ เนื้อหาก็ชัดเจน เป็นไปตามนั้น.


@อีกภาพหนึ่งที่นิตยสารรายเดือนภาษาลาว นำไปแสดงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้องเกี่ยวกับชื่อ และ ที่มา.




http://manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9580000069994

 

เขมรฝึกหน่วยหนูกล้าตายตรวจหากับระเบิด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 มิถุนายน 2558 16:51 น. (แก้ไขล่าสุด 22 มิถุนายน 2558 08:45 น.)



หนูแอฟริกันที่ได้รับการฝึกฝนถูกนำมาช่วยดมกลิ่นหากับระเบิดในพื้นที่แห่งหนึ่งของประเทศโมซัมบิก เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2558.--Agence France-Presse/Alexander Joe.


เอเอฟพี - กัมพูชากำลังฝึกทีมหนูชั้นยอดนำเข้าจากแอฟริกาเพื่อทำหน้าที่ดมกลิ่นหากับระเบิด และวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิดอื่นๆ ในประเทศ ทางการกัมพูชาเผย

ทีมหนูผู้กล้าทั้ง 15 ตัว ที่บางตัวมีน้ำหนักมากถึง 1.2 กิโลกรัม นำเข้ามาจากประเทศแทนซาเนียในเดือน เม.ย. ด้วยความช่วยเหลือจากเอ็นจีโอเบลเยียม ที่ฝึกฝนหนูให้ดมกลิ่นหาระเบิด เฮง รัตนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเก็บกู้วัตถุระเบิดกัมพูชา (CMAC) กล่าว

“หากหนูพวกนี้ผ่านการทดสอบเราถึงจะใช้พวกมัน แต่ถ้าหากสอบไม่ผ่าน เราจะยุติโครงการนี้” รัตนา กล่าว

รัตนา ระบุว่า มีการอ้างถึงความสำเร็จในการใช้หนูดมหากับระเบิดในบางประเทศของทวีปแอฟริกา เช่น แทนซาเนีย โมซัมบิก และแองโกลา และในตอนนี้บรรดาหนูยักษ์กำลังได้รับการฝึกจากผู้เชี่ยวชาญ ที่ จ.เสียมราฐ แต่มีหนูตายไปแล้วตัวหนึ่งเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และผู้เชี่ยวชาญวางแผนที่จะเริ่มทดสอบหนูในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

หนูเหล่านี้จะถูกนำไปฝึกภารกิจต่างๆ เพื่อดูว่ามันสามารถตรวจหาวัตถุระเบิดที่ฝังอยู่ใต้ดินได้หรือไม่ และทำงานได้รวดเร็วแค่ไหน

“พวกเขาจะทดสอบหนูในพื้นที่จริง แต่ในขั้นนี้ก็ยังเร็วเกินไปที่จะพูดว่าเราสามารถใช้หนูพวกนี้ได้” รัตนา กล่าวและว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิดชาวกัมพูชา 2 คน ที่เข้ารับการฝึกในแทนซาเนีย เวลานี้ได้แบ่งปันประสบการณ์ความเชี่ยวชาญให้แก่เพื่อนร่วมงานด้วย

เกือบ 3 ทศวรรษของสงครามกลางเมืองที่เข้าเกาะกุมกัมพูชาตั้งแต่ทศวรรษ 1960 ทำให้กัมพูชากลายเป็นประเทศที่ถูกระเบิดหนักที่สุด และมีระเบิดมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

เมื่อเดือนก่อน ทีมกู้ระเบิดใต้น้ำของกัมพูชาได้กู้ระเบิดขึ้นจากก้นแม่น้ำโขงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ประเทศต่อสู้กับสิ่งตกค้างจากสงคราม

ทีมกู้ระเบิดต้องเผชิญต่องานที่ไม่มีใครต้องการในความพยายามที่จะหาตำแหน่ง และป้องกันวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิดจำนวนมหาศาลที่ได้คร่าผู้คนไปเกือบ 20,000 คน และผู้ได้รับบาดเจ็บที่มีจำนวนมากกว่า 2 เท่า นับตั้งแต่ปี 2522

รายงานสถิติของรัฐบาลกัมพูชาระบุว่า มีผู้เสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บจากระเบิดที่ตกค้างทั้งหมด 154 คน ในปี 2557 และ 111 คน ในปี 2556.

http://manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9580000070063

 

ปอกเปลือก ทรราช
สหรัฐฯยิงกันรายวัน Detroit เดือด



----------
สหรัฐฯเดือดหนัก ยิงกันสนั่นอีกแห่งใน Detroit รายงานข่าวเบื้องต้นบอกว่า มีการยิงกันขึ้นในงานปาร์ตี้คนโสด (ฺBlock Party) สงสัยต้องเปลี่ยนชื่อเป็นปาร์ตี้คนโฉดซะหละมั๊ง? มีผู้ถูกยิง 11 คน เสียชีวิต 1 ราย เกิดขึ้นในวันเดียวกันกับที่ West Philly เอ้า.... ยิงหมู่ สังหารหมู่กันรายวันภายในแล้วสหรัฐฯ ในขณะที่รัฐบาลกลางก็เที่ยวก่อสงครามภายนอกประเทศ เอาเข้าไปอเมริกา
The Eyes
21/06/2558
---------------
10 Shot, 1 Killed at Detroit Block Party / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
"โลกนี้ไม่ได้เข้าใกล้ความขัดแย้งอาวุธนิวเคลียร์แบบสงครามเย็น" - ปูตินกล่าวกับเหล่าบก.สื่อฯต่างประเทศหลายสำนัก



-------------
ในขณะที่สื่อฯสหรัฐฯและตะวันตกพยายามเล่นข่าวที่ทำให้สังคมโลกตกอยู่ในความวิตกกังวลและหวาดกลัวว่าสงครามเย็น สงครามนิวเคลียร์ หรือสงครามโลกครั้งที่ 3 กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ แม้สหรัฐฯจะไม่ได้ส่งระดับผู้นำประเทศหรือนักการเมืองระดับแถวหน้าออกมาพูด แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีการเคลื่อนไหวผ่านพวกคอลัมนิสต์ นักวิชาการในตะวันตกมากพอสมควร การพยายามเล่นข่าวแบบนี้นอกจากจะหวังผลทางจิตวิทยาในตลาดหุ้น ในวงการธุรกิจระหว่างประเทศแล้ว ยังอยู่ในแผน "anti-Russian Propaganda" จากฝั่งสหรัฐฯและฝั่งตะวันตกอีกด้วย บทความประเภทนี้เจอเยอะมาก แม้กระทั่งในสื่อฯของรัสเซียเอง แต่ไม่ใช่จากผู้เขียนที่เป็นชาวรัสเซียนะ มาจากนักวิเคราะห์ฝั่งตะวันตกแทบทั้งนั้น แต่แอ็ดมินอ่านแล้วก็ผ่านๆไป ไม่ได้เอามาเล่าให้ฟัง ก็รู้ๆกันอยู่ว่าที่เขาเขียนแบบนั้นมีจุดประสงค์อะไร
จุดหนึ่งที่น่าสนใจในการเคลื่อนไหวของกรุงวอชิงตันก็คือ หลังจากปูตินออกมากล่าวเมื่อเร็วๆนี้ว่ารัสเซียจะเสริมขีปนาวุธข้ามทวีปติดหัวรบนิวเคลียร์จำนวน 40 ลูกเข้าประจำกองกำลังด้านยุทธศาสตร์ (นิวเคลียร์) ภายในปีนี้ ทางสหรัฐฯก็รีบส่งนาง Victoria Nuland ผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศออกมาตอบโต้ทันทีเลยว่า "สหรัฐฯจะจับตาการพัฒนาขีปนาวุธ ICBM รุ่นใหม่ของรัสเซียอย่างใกล้ชิด และหวังว่ารัสเซียจะยังคงยึดมั่นในเงื่อนไขสนธิสัญญาการควบคุมอาวุธที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้"
เป็นเรื่องตลกที่สหรัฐฯช่างกล้าและหน้าด้านออกมาพูดถึงเรื่องการควบคุมและลดอาวุธ (นิวเคลียร์) ในลักษณะนี้ ก่อนหน้านี้ในที่ประชุมสหประชาชาติ รัสเซียและประเทศอื่นๆทั่วโลกร้อยกว่าประเทศได้เสนอให้มีการลดและไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ลง แต่สหรัฐฯ อังกฤษ และแคนาดา กลับฉีกร่างสนธิสัญญาฉบับใหม่นี้ทิ้งเฉยเลย (เคยเล่าให้ฟังแล้ว) ก็เมื่อสหรัฐฯไม่ยอมลดอาวุธนิวเคลียร์ของตนเองลง และรัสเซียกับจีนหรือประเทศอื่นๆ จะไว้ใจสหรัฐฯได้อย่างไร วันนี้พอรัสเซียบอกว่าจะเสริมขีปนาวุธข้ามทวีปให้กับกองทัพของรัสเซีย สหรัฐฯกล้าออกมาบอกให้รัสเซียปฏิบัติตามสนธิสัญญาการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ซะงั้น นั่นแหละมาตรฐานของสหรัฐฯ
กลับมาพูดเรื่องปูตินต่อนะครับ... ปูตินกล่าวกับบก.สำนักข่าวต่างประเทศ 12 สำนักข่าวที่งาน St. Petersburg International Economic Forum 2015 ว่า "การที่รัสเซียเสริมขีปนาวุธนิวเคลียร์ถึง 40 ลูกนั้นก็เพื่อเป็นการตอบโต้ต่อกองทัพสหรัฐฯที่จะมาสร้างฐานทัพในยุโรป (ตะวันออก) ไม่ได้หมายความว่าโลกนี้ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์" การพูดคุยกับสื่อฯในครั้งนี้ เป็นการปิดประตูคุยกัน และสื่อฯต่างประเทศไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการบันทึกการสนทนาใดๆในห้องประชุมนี้ทั้งนั้น (ยกเว้นสื่อฯรัสเซีย?) สำนักข่าว TASS ของรัสเซียเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการประสานงานจัดการประชุมระดับหัวหน้านักข่าวต่างประเทศในครั้งนี้ ปูตินกล่าวชื่นชม TASS ด้วย
สำนักข่าว EFE ของสเปนกล่าวว่า "ตามรายงานนั้นทางเพนตากอนบอกว่าจะเสริมอาวุธหนักของตนเข้าไปในยุโรปเพื่อปกป้องชาติพันธมิตรนาโต้จากความก้าวร้าวของรัสเซีย"
ปูตินกล่าวว่า "รัสเซียไม่ใช่ฝ่ายที่ก้าวร้าว และไม่ได้ชื่นชอบ (หรือนิยม) การเพิ่มระดับความตึงเครียด... แต่รัสเซียจำเป็นต้องตอบโต้ต่อการกระทำของชาติตะวันตกที่มุ่งเป้าหมายมาที่กรุงมอสโคว์ การที่รัสเซียกับสหรัฐฯทำสงครามน้ำลาย (belligerent rhetoric) กันเพิ่มมากขึ้นนั้น ไม่ได้หมายความว่าโลกนี้จะตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะมีการเผชิญหน้ากันด้วยอาวุธนิวเคลียร์" (ชัดเจนนะ นี่ปูตินพูดเองนะ แอ็ดมินคงไม่ต้องอธิบายเพิ่มแล้วนะว่าจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นหรือไม่)
ที่น่าสนใจก็คือว่าปูตินคิดอะไรถึงไม่ยอมให้สำนักข่าวต่างประเทศทำการบันทึกเสียง (และวีดีโอ) ในการสนทนากับนักข่าวในครั้งนี้ มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง เช่นเรื่อง G7-G8 เรื่องยูเครน เรืื่องเบลเยี่ยมกับฝรั่งเศสอายัดทรัพย์ของรัสเซียในต่างประเทศ นักข่าวระดับ บก.เหล่านั้นอาจจะได้รับอนุญาตให้จดบันทึกได้ และนำไปเขียนข่าวเท่าที่จะจำได้ (มั๊ง?) บางคนมองว่าถ้าปูตินอยากจะสื่อฯให้โลกรู้จริงๆว่าตัวเองพูดและคิดอะไรก็น่าจะเปิดเผยให้มีการบันทึกไปเลยสิ
เรื่องบางเรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้น เรื่องบางเรื่องคุยกันภายในได้ แต่หากเปิดเผยออกไปก็อาจจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็ได้ ปูตินอาจจะแง้มบางเรื่องให้นักข่าวเหล่านั้นไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเอาเอง หากอยากรู้รายละเอียดมากกว่านั้นเช่น สหรัฐฯและอียูได้เคยทำอะไรมาบ้างแล้วในอดีตที่สื่อฯพวกนั้นไม่รู้ หรือสหรัฐฯและนาโต้กำลังวางแผนอะไรอยู่ หรือสื่อฯเหล่านั้นอาจจะระแคะระคายบางเรื่องแต่ไม่กล้าพูดเพราะขาดหลักฐานและการเชื่อมโยงของข้อมูลก็ได้ หากได้รับข้อมูลในครั้งนี้อาจจะทำให้สื่อฯเหล่านั้นหูตาสว่างมากขึ้นก็ได้
และดูเหมือนว่าเกมนี้ปูตินจะคอยดูว่าสำนักข่าวไหนจะเขียนใส่ไฟ หรือบิดเบือนข่าวและคำพูดในการพูดคุยกันในครั้งนี้บ้าง ถ้าสื่อฯตะวันตกกล้าที่จะเล่นข่าวแบบไม่ซื่อ รัสเซียก็จะเอาต้นฉบับมาตบให้คว่ำในภายหลังไปเลย ฮี่ๆๆ เสร็จปูตินหละ นี่แหละคือหนึ่งกลยุทธ์ในการจัดการกับสื่อฯตะวันตกสไตล์ปูตินหละ
The Eyes
22/06/2558
----------
http://rt.com/news/268552-putin-meeting-foreign-journalists/
War of Words Does Not Mean Real War is Close at Hand - Putin / Sputnik International
War of Words Does Not Mean Real War is Close at Hand - Putin / Sputnik International
TASS: Russia - Putin praises TASS for chance to meet heads of international news agencies

 

ปอกเปลือก ทรราช



ผิดคาด... เยอรมัน-ฝรั่งเศสหุ้นส่วนนาโต้ของอเมริกาคัดค้านข้อเสนอจากสหรัฐฯที่จะให้มีการติดตั้งขีปนาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป
------------
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาสื่อฯเยอรมัน (Der Spiegel newsmagazine) ลงข่าวว่า กรณีที่กรุงวอชิงตันกำลังเสนอให้มีการติดตั้งขีปนาวุธ ICBM ติดหัวรบนิวเคลียร์ในยุโรปโดยอ้างว่ารัสเซียละเมิดสนธิสัญญาข้อตกลงเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ขนาดกลางในปี 1987 นั้น พันธมิตรบางประเทศของสหรัฐฯไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นจริงได้
รายงานข่าวบอกว่าสหรัฐฯกล่าวหารัสเซียในกรณีที่มีการทดสอบขีปนาวุธนำวิถี R-500 (cruise missile) ซึ่งมีพิสัยทำการอยู่ที่ 500 กม. และ RS-26 ballistic missile อย่างไรก็ตามทางหน่วยข่าวกรองของเยอรมันนี (BND) กล่าวว่า "ปัจจุบันนี้ยังไม่เห็นมีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมใดๆที่ (บ่งบอกว่า) เป็นอันตรายเลย" (แต่สหรัฐฯก็ประโคมข่าวซะใหญ่โต ในขณะที่ตัวเองก็แอบซุ่มพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อยู่ตลอดเวลา)
โดยนาย Guido Müller (รองประธานหน่วยข่าวกรอง BND ของเยอรมัน) มองว่าการที่รัสเซียบอกว่าจะเพิ่มขีปนาวุธนิวเคลียร์จำนวน 40 หัวรบนั้นเป็นเพียง "propaganda show" เท่านั้น Guido Müller มองว่าแผนการเสริมกำลังของรัสเซียนั้นเป็นที่รู้จักกันดี แต่จากการวิเคราะห์แล้ว BND เชื่อว่าโอกาสที่จะประสบความสำเร็จนั้นมีไม่สูงนัก : จากจุดยืนทางด้านเทคนิค การเพิ่มขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์สมัยใหม่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ทางกรุงเบอลินรู้สึกเป็นกังวลว่ายุโรปอาจจะกลายเป็นที่ตั้งในการเผชิญหน้าครั้งใหม่ระหว่างตะวันออกกับตะวันตกอีกครั้ง ซึ่งดูเหมือนว่าเยอรมันจะกลายเป็นสมรภูมิได้มากที่สุด (ก็ไหนตอนแรกบอกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ไง และจะกังวลทำไมหละ? คงจะกังวลที่สหรัฐฯจะเอาหัวรบนิวเคลียร์ไปไว้ในใจกลางยุโรปมากกว่าหละมั๊ง?)
อ้าว! ไหงเป็นงั้นหละ? สหรัฐฯคงจะนึกว่าเยอมรมันกับฝรั่งเศสโง่พอที่ทำตามคำยุของสหรัฐฯที่ต้องการจะเสี้ยมให้ยุโรปกลายเป็นสนามรบสงครามนิวเคลียร์ตายแทนสหรัฐฯหละสิ
ส่วนสหรัฐฯนั้นก็ยังไม่คิดที่จะเลิกดำเนินแผนการยั่วยุ เสี้ยมให้ชาวบ้านเขาทะเลาะกัน ล่าสุดวันนี้ (22 มิ.ย.58) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียรายงานว่า นาย Ashton Carter รมว.กลาโหมของสหรัฐฯกำลังจะเดินทางไปยุโรปเพื่อนำเอาคู่มือสงครามเย็นฉบับใหม่ไปเผยแพร่ในกลุ่มประเทศยุโรป เพื่อตอบโต้กรุงมอสโคว์และไอซิส
The Eyes
22/06/2558
----------
NATO Unhappy Over US Nukes in Europe - German Media / Sputnik International
US Defense Secretary to Allies: Throw Out the Cold War Playbook / Sputnik International

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



งง..พบพื้นบ้านเชียงรายพ่นไอร้อนจากใต้พื้นโลก สั่งอพยพด่วน !!
ฝ่ายปกครองอำเภอเทิง จ.เชียงราย ได้รับแจ้งจาก กำนันตำบลหนองแรด ว่าเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้นในหมู่ที่ 2 มีบ้านเรือนราษฎร พื้นบ้านร้อนระอุจนเหยียบหรืออยู่อาศัยไม่ได้ ประมาณ 5 วันแล้ว ขอให้เข้ามาตรวจสอบด่วน จึงพร้อมด้วยทหาร กองกำลังผาเมือง ผู้นำชุมชน ไปยังบ้านดังกล่าว
บ้านที่เกิดเหตุมีผู้อาศัยอยู่เพียง 3 คน มีลักษณะเป็นบ้านคอนกรีตขนาดชั้นเดียว ปลูกมาประมาณ 20 ปี ได้ทำการต่อเติมด้านหลังออกไปเป็นห้องนอนอีก 1ห้อง เป็นปูน 4 เหลี่ยม ขนาด 2.5 คูณ 3 เมตร ปูพื้นกระเบื้อง พร้อมห้องครัว มีความร้อนระอุขึ้นมาบนพื้นอยู่บริเวณห้องที่ทำการต่อเติมใหม่
การตรวจสอบของทหาร พบว่าความร้อนดังกล่าว จะเกิดอยู่บริเวณเสาและตลอดแนวคานใต้ดิน ซึ่งมีปริมาณความร้อนสูง จนไม่สามารถเดินหรือเหยียบผ่านพื้นที่ตรงส่วนนี้ได้เลย ทดสอบด้วยการนำเอาถ้วยแสตนเลสใส่น้ำ ไปวางไว้บริเวณที่ร้อน ประมาณ 5 นาที
ปรากฏว่าน้ำในถ้วยเกิดความร้อนเหมือนกับถูกนำไปต้มอยู่บนเตา สร้างความแปลกประหลาดแก่ผู้คนจำนวนมาก เจ้าของบ้าน ได้ทำการทุบผนังบ้านตรงจุดที่มีความร้อนปรากฏออกเป็นบางส่วนด้วยความระมัด ระวัง พบไอความร้อนลอยขึ้นมา สามารถเอามือเปล่าสัมผัสไอความร้อนได้อย่างชัดเจน
ไม่สามารถยืนยันหรือพิสูจน์ได้ว่า ความร้อนที่เกิดขึ้นมานั้น เป็นแก๊สจากใต้ผิวโลก หรือบริเวณใต้พื้นที่จุดดังกล่าว เป็นที่ตั้งของอะไร หรือเป็นแนวรอยเลื่อนใต้แผ่นดิน หรือ บ่อพลังงานความร้อนในชั้นดินลึก เจ้าหน้าที่ได้สั่งให้เร่งอพยพขนย้ายสิ่งของออกจากห้องปริศนาทั้งหมด
โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่สามารถติดไฟได้ เกรงจะมีการลุกไหม้หรือระเบิดขึ้นมาได้ แลถแจ้งกรมทรัพยากรธรณีลำปาง มาร่วมตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงโดยด่วน เพื่อป้องกันความแตกตื่นของประชาชนในพื้นที่
------------------------------------->
แปลก..แถวเชียงรายเป็นปากปล่องภูเขาไฟเก่าอายุกว่า 3 แสนปี จึงมีรอยเลื่อนมีพลังอยู่ เมื่อ 1,000 ปีที่แล้ว เกิดแผ่นดินไหวจนอาณาจักรโยนกนคร ล่มจมลงไปทั้งเมืองมาแล้ว มีบ่อน้ำพุร้อนหลายแห่ง และจากนั้นก็เกิดเหตุแผ่นดินไหวมาประปราย บางปีก็มีคนตายจากกำแพงทับ
ล่าสุดเดือน พ.ค.57 เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง เกิดโคลนขี้เปรอะ กลิ่นกำมะถัน พุ่งขึ้นมาจากบ่อน้ำบ้านเรือนประชาชนทุกหลังตลอดเวลา ที่จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว ใช้เวลาหลายวันกว่าจะหยุด..ครั้งนี้มีความร้อนใต้ผิวดินรุนแรง มันเกิดจากอะไร ??
@ เสธ น้ำเงิน4

 

Jeerachart Jongsomchai

... "ปิโตรดอลล่าร์ : การพิมพ์เงินกระดาษหากินอยู่ฟรีๆบนหลังชาวโลกของอเมริกา"
... "ปิโตรดอลล่าร์" คำนี้ Ibrahim Oweiss อาจารย์ทางเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ของอเมริกาเป็นคนตั้งชื่อให้ หลักจากสงครามเย็นและสงครามเวียตนามอเมริกาเร่งการสร้างอาวุธกองทหาร ใช้เงินเยอะไม่มีทองคำมาค้ำประกันการผลิตเงินดอลล่าร์ทำให้ปี 1971 ริชาร์ด นิกสันจึงประกาศยกเลิกการใช้ทองคำในการค้ำประกันในการผลิตเงินดอลล่าร์ โดยให้ความนิยมในการถูกใช้สอยของเงินดอลลาร์ค้ำตัวมันเอง
... แต่ในทางปฏิบัติอเมริกาจำเป็นต้องพยายามอย่าสูงที่จะทำให้ทั่วโลกต้องการใช้เงินดอลล่าร์ เพื่อให้ "เงินดอลล่าร์แข็งค่า" อยู่เสมอ จึงมีการเจราจาแลกเปลี่ยนกับ "ซาอุดิอาระเบีย" ( ที่ตอนนั้นยังจับมือกับ จอร์แดน ซีเรีย อียีปต์ ในการต่อต้านการตั้งรัฐอิสราเอล ของยิวไซออนนิสต์ )
... โดยยื่นหมูยื่นตะกวดกันว่า "อเมริกาจะปกป้องซาอุดจากศัตรูทั้งหลายรายรอบด้าน ( ซาอุดเพิ่งตั้งประเทศเมื่อ 1933 ใหม่มาก หลังจากเพิ่งปล้นเมืองศักดิ์สิทธิ์ เมกกะ และ เมดินา มาเมื่อ 1925 จากเผ่าฮาชิไมทฺ ) อาวุธป้องกันประเทศยังไม่มีพร้อมต้องอาศัยกำลังของอเมริกามาค้ำความมั่นคงประเทศไว้ จึงรับปากตกลงกัน
... หลังจากนั้น "อเมริกา" กับซาอุดก็ร่วมมือกันกดดัน "กลุ่ม OPEC" ที่เป็นผู้เป็นผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกให้มา "ขายน้ำมันด้วยเงินดอลล่าร์" อีก ยิ่งทำให้ดองล่าร์หอมฟุ้ง คนอยากได้ อยากเก็บเอาไว้ใช้
... แปลว่าถ้า ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น จีน ไทย สิงคโปร์ และประเทศอื่นๆทั่วโลก จะซื้อน้ำมันซึ่งเป็นเหมือนซื้อน้ำมันรถในการเคลื่อนรถยนตร์แห่งประเทศนั้น ต้องเอาเงินสกุลประเทศตัวเอง "ไปแลกเป็นเงินดอลล่าร์ " เสียก่อน แล้วจากนั้นจึงเอาเงินดอลล่าร์ไปซื้อน้ำมันอีกทีหนึ่ง
... ( เหมือนถ้าเรา เวียตนาม จีน อินเดีย ร่วมกันเป็นกลุ่มประเทศขายข้าวแล้วบอกว่า ใครจะซื้อข้าวจากไทย ต้องซื้อในเงิน "บาท" เท่านั้น เงินบาทก็จะถูกซื้อไปเก็บสะสมไว้ในทั่วโลก สำหรับประเทศที่ต้องการ "ข้าว" เป็นต้น )
... หลังจากนั้นก็เกิดการ "สะสมเงินดอลล่าร์" ในทุกประเทศทั่วโลกที่ต้องใช้น้ำมัน ในคลังประเทศคือ "ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ" และยังไม่พอแค่นั้น "ตลาดการค้าเงินตราระหว่างประเทศ" ( Forex ) ก็มีการซื้อขายเงินดอลล่าร์มากขึ้น ไม่เฉพาะการค้าน้ำมันเท่านั้น ( ตลาดนี้ล่าสุดปีนี้เอง มีการเปิดเผยว่ามีการพยายามทำให้เงินดอลล่าร์แข็งหรืออ่อนตามธนาคารใหญ่ที่กุมอำนาจเพื่อสร้างกำไรให้กับพวกเขา )
... เมื่อมีการสะสมเงินดอลล่าร์ จากนั้นมา "ดอลล่าร์" ก็แข็งค่ากว่าความจริงมาตลอด อเมริกาซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บริโภคน้ำมันอันดับหนึ่งของโลก ก็เลยได้ "ใช้น้ำมันราคาถูก" ไปในที่สุด จะว่ากันจริงๆ ได้ใช้น้ำมันฟรี ( และซื้อของสินค้าจากทั่วโลกฟรีด้วย) เพราะผลิตพิมพ์เงินจากกระดาษเปล่าๆ เศรษฐกิจอเมริกาจึงคือการ "กินฟรี" มาโดยตลอด ทั้งเงินสะสมในคลังทั่วโลกอย่าง "ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ" หรือ "พันธบัตรของอเมริกา" ที่ขายไปทั่วโลก
... มีการพยายามทุบราคาทองคำไม่ให้ราคาดี เพราะกลัวดอลล่าร์จะตก ทั้งทำสงครามปราบผู้ที่ต้องการจะเปลี่ยนไปใช้สกุลอื่นในการขายน้ำมัน เช่นซัดดัม ฮุสเซนของอิรัก ที่จะไปใช้เงินยูโรแทนก็ตกจากอำนาจใจปี 2003 ที่อ้างว่ามีอาวุธทำลายล้างสูง จนป่านนี้ก็หาไม่เจอ หรือ กัดดาฟี ที่อ้างว่าเผด็จการ ที่แท้จริงจะใช้เงินดีน่าร์ ที่เป็นเหรียญทองคำในการซื้อแทนดอลล่าร์ก็มาตายในปี 2011
... หรือแม้แต่ "ฮูโก้ ชาเวช" คนดีนักสู้ผู้กล้าหาญแห่งเวเนซุเอล่าร์ ที่เลิกใช้ดอลล่าร์อเมริกาในการซื้อขายน้ำมัน ที่ข่าวบางกระแสก็ว่าอาจจะถูกวางยาพิษจากคนใกล้ตัวที่รับงานมาจากอเมริกา เพราะ "ซีไอเอ ของ อเมริกา" มีรายชื่อ 50 ผู้นำทั่วโลกที่ต้องกำจ้ดอยู่แล้ว และส่วนใหญ่อยู่ในลาตินอเมริกาดินแดนที่ไม่ยอมอเมริกามาตลอดแบบเปิดหน้าชก ... [ The CIA has Attempted to Assassinate 50 Foreign Leaders Including Chavez | Global Research - Centre for Research on Globalization ]
... แต่หลังจากปี 2008 ที่อเมริกาสร้างวิกฤติการเงินด้วยความโลภแถมไม่มีการเปลี่ยนพฤติกรรมทำให้ทั่วโลก นำโดยกลุ่ม "BRICS" ประกาศและเริ่มใช้เงินสกุลตัวเองในการซื้อขายน้ำมันระหว่างกัน ซึ่งจะทำให้ "ค่าเงินดอลล่าร์" ตกต่ำและอเมริกาเจ็บปวดเพราะ ต้องจ่ายต่าดอกเบี้ยสูงขึ้น เงินต้นก็ต้องจ่ายมากขึ้น ซึ่งหนี้ยังท่วมหัวอยู่เพราะไม่เปลี่ยนการใช้gเงินที่ฟุ่มเฟือย จมไม่ลง ยังขยายเพดานหนี้ออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลกจึงเอือมระอา...
... สงครามความวุ่นวายทั้งโลก ทั้งในยูเครน ซีเรีย อิหร่าน ( แท้จริงไม่เกี่ยวกับนิวเคลียร์ แต่เกี่ยวกับการค้าน้ำมันด้วยดอลล่าร์ ) ล้วนสร้างมาเพื่อรักษาเงินดอลล่าร์ให้ "แข็งค่า" เกินความจริงทั้งนั้น เป็นการออกลูกอันพาลของลูกหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลกที่กล้ามใหญ่และมีปืนเหน็บข้างเอว
... ความวุ่นวายในโลกเราทุกวันนี้จึงเกิดจากพยายามรักษายืดอายุ ต่อลมหายใจที่กำลังนอนบนเตียงไอซียูของเงิน "ดอลล่าร์" ที่กำลังรวยรินของอันธพาลผู้ฟุ่มเฟือยอย่างน่าสมเพศอยู่แค่นั้นเอง ... ถึงเวลาหรือยังที่ประเทศทั่วโลกและประเทศไทยของเราจะกล้าหาญลดการสะสมเงินดอลล่าร์ และหันมาซื้อน้ำมันด้วยเงินสกุลอื่นที่ดีกว่าถูกกว่าเพื่อความเป็นธรรมในโลก
.
https://en.wikipedia.org/wiki/Petrodollar
https://en.wikipedia.org/wiki/Petrodollar_recycling
rationalskepticism.org • Rational Skepticism Forum

 

Jeerachart Jongsomchai

... พวกอีลิทเตรียมการเผ่นแล้ว จวนระเบิดแล้ว

<iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/pnGl8Nz0oLE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

รวมการแจ้งเตือนฉุกเฉิน: ยอดตอนนี้อพยพ
อเล็กซ์โจนส์ช่อง เผยแพร่เมื่อ 20 มิ.ย. 2015

อเล็กซ์เผยแพร่ข้อความด่วนที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงของสภาพภูมิอากาศโลกในปัจจุบัน ข้อมูลภายในชี้ตรงไปสู่วิกฤตการเงินโลก และสงครามทั่วโลก

 

Thanong Fanclub



20. พอฟองสบู่ร้าว ก็ลั่นกลองรบ
กระทรวงกลาโหมของอังกฤษยอมรับว่าได้ซับไพลอาวุธให้ซาอุดิ อาราเบียในการทำสงครามกับเยเมน
คู่แฝดสหรัฐและอังกฤษเวลาจะก่อสงครามที่ไหนจะไปด้วยกัน โดยจะให้สหรัฐออกหน้า แล้วอังกฤษจะคอยตามข้างหลังอย่างเงียบๆ
ในกรณีของเยเมน ซาอุดิฯตัดสินใจทำสงครามถล่มประเทศเพื่อนบ้านทางตอนใต้ เพราะเกรงกลัวว่าเยเมนจะตกอยู่ใต้อิทธิพลของอิหร่าน
ก่อนจะทำสงคราม ซาอุดิฯต้องปรึกษาสหรัฐก่อนว่าโอเคมั๊ยถ้าแขกกับแขกจะรบกัน สหรัฐไม่เชื่อหูตัวเอง ตอบกลับไปว่าดีเลย เดี๋ยวช่วยจัดให้ เพราะว่าไอจะได้ขายอาวุธได้ และจะได้ให้สงครามที่ต่อเนื่องไปเรื่อยๆเป็นสภาวะที่จะรักษาความสมดุลทางยุทธศาสตร์ในตะวันออกกลางต่อไป สหรัฐส่งผู้เชี่ยวชาญทางทหารและอาวุธช่วยซาอุรบเยเมน ซึ่งเป็นประเทศที่เล็กกว่ามาก และตอนนี้เยเมนโดนถล่มจะเละเทะไปหมด
ข่าวเพิ่งจะได้รับการเปิดเผยว่าอังกฤษร่วมขายอาวุธให้ซาอุดิฯเหมือนกัน ไปตามน้ำกับเขาด้วย
ประหลาดกรณีการทำสงครามไม่มีการอ้างประชาธิปไตย หรือหลักมนุษยธรรมที่สหรัฐและอังกฤษชอบอ้าง คราวนี้โฆษกของกระทรวงกลาโหมของอังกฤษเพียงแต่บอกว่าได้ซับไพลอาวุธแม่นนำวิถีให้่เยเมน และได้รับการรับปากจากซาอุดิฯว่าจะใช้อาวุธอังกฤษตามกฎหมายระหว่างประเทศ
แปลว่าอะไร ใช้อาวุธตามกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อฆ่าคนบริสุทธ์โดยที่เยเมนไม่ได้ทำอะไรให้สหรัฐหรืออังกฤษเดือดร้่อนแม้แต่น้อย
thanong
22/6/2015
EXCLUSIVE: MoD confirms Britain is arming Saudi Arabia in Yemen conflict — RT UK

 

Thanong Fanclub



21. พอฟองสบู่ร้าว ก็ลั่นกลองรบ
เริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆว่าทำไมปูตินถึงหมายหัวอังกฤษ เพราะว่าอังกฤษแสบไม่เลิก
ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นายMichael Fallonรมว กลาโหมของอังกฤษได้ให้สัมภาษณ์ว่าอังกฤษจะส่งทหารและเครื่องบินรบไปประจำการที่ยุโรปตะวันออก เพื่อส่งสัญญานให้ปูตินรู้ว่า ประเทศสมาชิกของนาโต้มีพันธะกิจในการป้องกันตัวเองร่วมกัน
หมายความว่า ถ้าหนึ่งในประเทศที่เป็นสมาชิกนาโต้ประเทศใดตกอยู่ภาวะการทำสงคราม ประเทศที่เป็นสมาชิกนาโต้ทุกประเทศต้องเข้าไปร่วมรบด้วย
นายFallonบอกว่า เราจำเป็นต้องทำให้นาโต้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
สาเหตุที่นาโต้ต้องเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ก็เพื่อที่จะดูแลประเทศสมาชิกนาโต้ใหม่ที่อยู่ยุโรปตะวันออก หลังจากที่ปูตินออกอาการฮึมๆในช่วงที่ผ่านมา
นายFallonบอกว่า มันมีความสำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องส่งสัญญานให้ปูตินให้รู้ว่าพวกเรามีความผูกพันในการป้องกันตัวเองร่วมกันภายในนาโต้
นาโต้กำลังเสริมกองกำลังในยุโรปอย่างเข้มข้นที่สุดนับตั้งแต่สงครามเย็นเป็นต้นมา
หลังอาณาจักรโซเวียตล่มสลายในปี1991 มีข้อตกลงระหว่างผู้นำสหรัฐคือเรแกนและผู้นำรัสเซียคือนายโกบาชอฟว่า สหรัฐและนาโต้จะไม่ขยายอิทธิพลทางทหารมายังยุโรปตะวันออก หรือประเทศที่เคยอยู่ใต้อานัติและเป็นส่วน่วนของโซเวียต
พอตกลงกันได้อย่างนี้ โกบสชอฟปล่อยให้โซเวียตล่มสลาย แตกออกเป็น15ประเทศ ประเทศยุโรปตะวันออกที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ร่วมกับรัสเซียออกอาการเคว้ง โซเวียตแข่งกันทำสงครามเย็นกับสหรัฐมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองจนเศรษฐกิจเจ้งล่มสลาย
แต่ไม่เข้าใจทำไมนายโกบาชอฟถึงได้ยอมแพ้ง่ายๆอย่างนี้ เรื่องนี้ยังมีเลศนัยอีกมาก
แต่ปรากฎว่าสหรัฐ และอังกฤษเดินหน้าเข้าไปครอบงำยุโรปตะวันออกและประเทศที่เคยอยู่ใต้รัสเซียอย่างไม่ลดละ และให้ประเทศเหล่มนี้เข้าไปเป็นสมาชิกของนาโต้ อันนำไปสู่การปิดล้อมรัสเซียทางทหารในที่สุด
ปูตินถือว่าสหรัฐผิดสัญญาที่ให้ไว้ในช่วงสงครามเย็นจึงจำเป็นต้องรื้อฟื้นอิทธิพลของรัสเซียใหม่ ผ่านเขตเศรษฐกิจยูเรเซียร่วม โดยรัสเซียมุ่งเน้นพัฒนาทางเศรษฐกิจและทางทหารควบคู่กันไป
สหรัฐและอังกฤษจะให้รัสเซียเกิดใหม่ภายใต้เขตเศรษฐกิจยูเรเซียร่วมไม่ได่้ จึงก่อเหตุสร้างเรื่องในวิกฤติยูเครน บอยคอทท์รัสเซียเพื่อเป็นข้ออ้างว่ารัสเซียก้าวร้าวต้องการรุกรานเพื่อนบ้าน ทั้งๆที่ตั้งแต่กลุ่มประเทศบอลติก ไล่ลงมาถึงโปแลนด์ โรมาเนีย บูลกาเรีย และตุรกี ต่างก็เป็นพวกของนาโต้ทั้งนั้นที่ปิดผนึกรัสเซียทางทหารในด้านตะวันตกของรัสเซียจนเกือบสนิท
ขณะนี้นาโต้กำลังเสริมกำลังเข้าไปในยุโรปตะวันออกเพื่อท้าทายรัสเซีย
ดูเหมือนว่าพวกยุโรปไม่เรียนรู้จากบทเรียนของสงครามโลกครั้งที่1และที่2
thanong
22/6/2015
http://rt.com/uk/268696-britain-nato-eastern-europe/

 

Thanong Fanclub



22. พอฟองสบู่ร้าว ก็ลั่นกลองรบ
อังกฤษนำโรงด้วยการเตรียมการส่งทหารและเครื่องบินรบไปประจำการฐานทัพในยุโรปตะวันออก โดยเริ่มปี2016จะส่งทหารไป1,000นาย, 3,000นายในปีต่อไป และอีก1,000นายทุกๆปีจนถึงปี2021
อังกฤษสามารถเรียกระดมพลได้ภายใน2วัน
ปีหน้าเครื่องรบของอังกฤษTyphoonจะเริ่มปิดลาดตระเวณในกลุ่มประเทศบอลติก
สัปดาห์ที่แล้วนายJens Stoltenberg เลขาธิการของนาโต้ ยอมรับว่านาโต้กำลังระดมทหารครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่หลังสงครามเย็น
เขาบอกว่านาโต้กำลังเผชิญกับสภาพแวดล้มทางความมั่นคงใหม่ โดยสาเหตุมาจากความรุนแรง ความวุ่นวายและความไม่มีเสถียรภาพในทางใต้ ไอซิสในอิรัค ซีเรีย และแอฟริกาเหนือ นอกจากนี้ปัญหาก็เกิดจากพฤติกรรมที่ก้าวร้าวขึ้นของรัสเซีย ซึ่งใช้กำลังทหารเพื่อเปลี่ยนเขตชายแดนด้วยการผนวกเอาไครเมีย และทำให้ยุโรปตะวันออกไร้เสถียรภาพ
โปแลนด์และสามประเทศในกลุ่มบอลติกคือเอสโตเนีย แลทเวีย และลิธัวเนียกำลังเรียกร้องให้นาโต้ส่งกองกำลังทหารเข้าไปอยู่ในดอนแดนของตัวเองหลังวิกฤติการยูเครน
เรื่องนี้มองได้สองแบบ ตกลงนาโต้กำลังระดมพลในยุโรปตะวันออกเพื่อป้องกันการรุกรานของรัสเซีย หรือเพื่อปิดล้อมรัสเซียกันแน่
แล้วแต่มุมมอง
แต่ปูตินส่งสัญญานชัดเจนว่า เล่นแบบนี้ก็สวยซิ "ถ้าใครคนใดคิดคุกคามดินแดนของเรา หมายความว่าเราจำต้องจ่ออาวุธของเราไปยังประเทศนั้น ซึ่งสร้างภัยคุกคามมา จะให้เป็นอย่างอื่นได้อย่างไร? นาโต้กำลังเคลื่อนพลมายังชายแดนของเรา เรายังไม่ได้เคลือนพลไปไหนเลย" ปูตินกล่าว
ชัดเจนว่านาโต้ต้องการทำสงครามเพื่อไม่ให้รัสเซียได้เกิดใหม่ และปูตินไม่ได้ออกอาการสะทกสะท้านเลย
thanong
22/6/2015

 

ลูกชายบินลาดิน เคยขอให้สหรัฐฯ ออก “ใบมรณะบัตร” ยืนยันการตายของพ่อ
ตะวันออกกลางby เอบีนิวส์ทูเดย์ - มิ.ย. 21, 2015



bbc – เว็บไซต์จอมแฉ “วิกิลีกส์” เผยเมื่อวันพฤหัสบดี (18 มิ.ย.) เผยว่า ลูกชายของ อุซามะห์ บินลาดิน อดีตผู้นำเครือข่ายอัลกออิดะห์ เคยขอให้ทางการสหรัฐฯ ออกใบมรณะบัตรให้ หลังบิดาของเขาเสียชีวิต

จดหมายฉบับนี้ลงนามโดย เกล็น คีเซอร์ กงสุลใหญ่สหรัฐฯ ประจำกรุงริยาด โดยส่งถึง อับดุลเลาะห์ บินลาดิน บุตรชายคนโตของอดีตผู้นำอัลกออิดะห์ เมื่อวันที่ 9 กันยายน ปี 2011 หรือประมาณ 4 เดือนหลังจากที่ บินลาดิน ถูกสังหาร

เกล็น คีเซอร์ เผยว่า ผมได้รับทราบคำร้องของลูกชาย บินลาดิน ซึ่งต้องการขอใบมรณะบัตรให้แก่ อุซามะห์ บินลาดิน ผู้เป็นบิดา

คีเซอร์ เขียนตอบในจดหมาย ว่าเราจะไม่มีการออกหนังสือมรณะบัตรให้กับบุคคลที่เสียชีวิตที่ถูกสังหารในปฏิบัติการทางทหาร

เมื่อไม่อาจออกใบมรณะบัตรให้ได้ คีเซอร์ จึงจัดส่งเอกสารของศาลสหรัฐฯ ให้แก่ อับดุลเลาะห์ ซึ่งยืนยันว่า อุซามะห์ บินลาดิน เสียชีวิตแล้ว และข้อหาอาชญากรรมทั้งหมดถูกยกเลิก

กงสุล ระบุ ว่า หวังว่าเอกสารของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคุณและครอบครัวได้บ้าง

วิกิลีกส์ประกาศจะนำโทรเลขการทูต ตลอดจนเอกสารของกระทรวงและสถาบันต่างๆ ในซาอุดีอาระเบียรวมกว่า 500,000 ฉบับ ออกมาเผยแพร่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์หน้า



ลูกชายบินลาดิน เคยขอให้สหรัฐฯ ออก “ใบมรณะบัตร” ยืนยันการตายของพ่อ | abnewstoday

 

วิกิลีกส์ จ่อแฉ! เอกสารลับโทรเลขทางการทูตซาอุฯ 500,000 ฉบับ
ยุโรปby เอบีนิวส์ทูเดย์ - มิ.ย. 21, 2015



presstv – วิกีลิกส์ เผยว่า ทางวิกีลิกส์ เตรียมทีจะแฉ เอกสารลับชุดโทรเลขการทูตซาอุฯ 500,000 ฉบับ ในสัปดาห์หน้า ผ่านอินเทอรเน็ต

วิกีลิกส์ แถลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่า เอกสารลับที่จะมีการแฉในสัปดาห์หน้านั้น ประกอบด้วยรายงานเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวขององค์กรภายในและการสื่อสารของรัฐบาลซาอุ ที่มีการติดต่อกับสถานทูตของตนเองทั่วโลก

ตามแถลงการณ์ของวิกีลิกส์ เผยว่า เว็บไซด์ของวิกีลิกส์ได้รวบรวมข้อมูลการติดต่อผ่านทางอีเมล์ของกระทรวงต่างประเทศซาอุดิอาระเบียที่มีการติดต่อกับประเทศต่างๆทั่วโลก

วิกิลีกส์ได้เริ่มปล่อยเอกสารลับชุด“โทรเลขการทูตซาอุฯ” (The Saudi Cables) ราว 60,000 ฉบับ ซึ่งส่วนมากเป็นภาษาอาหรับ

วิกิลีกส์ประกาศจะนำโทรเลขการทูต ตลอดจนเอกสารของกระทรวงและสถาบันต่างๆ ในซาอุดีอาระเบียรวมกว่า 500,000 ฉบับ ออกมาเผยแพร่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์หน้า



PressTV-ویکی لیکس آماده افشای نیم میلیون سند سعودی

วิกิลีกส์ จ่อแฉ!  เอกสารลับโทรเลขทางการทูตซาอุฯ 500,000 ฉบับ | abnewstoday

 

คนน่านผวาหนัก!หลังโรงไฟฟ้าหงสาส่งไฟเข้าไทยไม่ถึงเดือน ฟ้าฝ่า 5 ครั้งตาย 4 สาหัส 1 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มิถุนายน 2558 13:05 น.



น่าน - ชาวบ้านตลอดแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูงจาก “หงสา สปป.ลาว” ผ่าน 4 อำเภอของเมืองน่าน ผวาหนัก หลังโรงไฟฟ้าหงสา ส่งกระแสไฟให้ กฟผ.ได้ไม่ถึงเดือนเกิดฟ้าผ่าคนตาย 4 สาหัสอีก 1 รายแล้ว จนต้องพากันทิ้งงานกลางแจ้ง วิ่งเข้าบ้านปิดมือถือ-โทรทัศน์-วิทยุกันทันที เมื่อเห็นฝนตั้งเค้า

วันนี้(22 มิ.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ในพื้นที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ , อ.สองแคว , อ.ท่าวังผา และ อ.เมืองน่าน 100 กว่าหลังคาเรือน กำลังหวั่นวิตกกันอย่างหนัก พอมีฝนตก ต่างพากันปิดโทรศัพท์มือถือ ปิดโทรทัศน์-วิทยุ ทิ้งงานกลางแจ้งทุกอย่างหลบอยู่แต่ในบ้าน เนื่องจากกลัวฟ้าผ่า หลังช่วงเดือนนี้ มีฟ้าผ่าคน 5 ราย เสียชีวิต 4 ราย อาการสาหัส 1 ราย

ชาวบ้านได้ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์ฟ้าผ่าคนตายเกิดขึ้น หลังทางบริษัท ไฟฟ้าหงสา จำกัด ใน สปป.ลาว ได้เริ่มจ่ายกระแสไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์จากหน่วยการผลิตที่ 1 ผ่านสายส่ง 500 กิโลโวลต์ เข้าสู่ระบบส่งไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฝผ.) ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.58 ที่ผ่านมา จากนั้นเป็นมาก็เริ่มมีเหตุการณ์ฟ้าผ่าคนเสียชีวิตในพื้นที่ต่างๆ และโดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในแนวเขตสายไฟฟ้าแรงสูง และทุกรายมีโทรศัพท์มือถือพกติดตัวด้วย

นายชำนาญ คันธะยศ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 144 หมู่ 12 บ้านดู่เหนือ ต.ดู่ใต้ อ.เมืองน่าน เล่าว่า บ้านตนอยู่ในแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง โดยทางการไฟฟ้าฯ ได้นำตัวล่อฟ้า มาติดไว้บนหลังคาบ้าน หลังคาห้องน้ำที่อยู่นอกตัวบ้าน รวมไปถึงแนวรั้วบ้านด้วย เหมือนกับทุกหลังคาเรือนที่อยู่ในแนวสายส่ง ก็ติดตัวล่อฟ้าทุกบ้านเช่นกัน ซึ่งสร้างความวิตกกังวลและกลัวฟ้าผ่าอย่างมาก พอฝนตั้งเค้าหรือฝนตก ต้องรีบเข้าบ้าน ปิดมือถือและโทรทัศน์ทันที

ขณะที่นายสว่าง ศรีวิชัยอิน อายุ 73 ปี ซึ่งอยู่บ้านห่างออกไปแค่ 3 หลังคา ชี้ให้ดูถึงจานรับดาวเทียมบ้านข้างเคียงที่ถูกฟ้าผ่าจนเสียหาย แต่ก็ไม่รู้สึกกลัวเรื่องฟ้าผ่า เนื่องจากเชื่อว่า ตัวล่อฟ้าที่ทางการไฟฟ้านำมาติดตั้งไปทั่วบริเวณทั้งหมู่บ้าน น่าจะช่วยป้องกันฟ้าผ่าได้

ด้านนายสถาพร สมศักดิ์ คณะกรรมการเฝ้าระวังผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จ.น่าน ที่ลงพื้นที่สำรวจเก็บข้อมูล ได้เรียกร้องให้มีการตรวจสอบถึงสาเหตุเรื่องดังกล่าว เนื่องจากได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคนจำนวนมากในชุมชน และเป็นที่วิตกกังวลต่อชาวบ้าน เนื่องจากขณะนี้กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูฝน ฤดูมรสุม ประชาชนจะต้องได้รับผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ความหวาดกลัวก็สร้างผลกระทบทางด้านจิตใจด้วย ซึ่งควรมีงานวิจัยของนักวิชาการออกมาเปิดเผยให้เป็นที่ยอมรับ เพื่อประชาชนจะได้มีความรู้ และปรับตัวได้ถูกต้อง

 

กฟภ.ลองตัดไฟข้ามคืนอุณหภูมิบ้านร้อนเริ่มลด ชาวบ้านยังตั้งกะละมังใส่น้ำส้มป่อยบูชา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มิถุนายน 2558 12:36 น. (แก้ไขล่าสุด 22 มิถุนายน 2558 13:12 น.)







เชียงราย - ชาวบ้านแห่ดูปรากฏการณ์บ้านร้อนผิดปกติ ที่ อ.เทิง จ.เชียงราย หลายคนไม่วายใช้กะละมังใส่น้ำพร้อมเหรียญ-ส้มป่อย ตั้งไว้เหมือนสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่กฟภ.ทดลองตัดกระแสไฟข้ามคืน พบอุณหภูมิในบ้านเริ่มลดจาก 58.2 เหลือ 39 องศาฯ

วันนี้(22 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการตรวจพิสูจน์ปรากฏการณ์พื้นบ้านเลขที่ 41/2 ม.2 ต.หนองแรด อ.เทิง จ.เชียงราย ที่ร้อนจนนายสว่าง ศิริอาด อายุ 71 ปี เจ้าของบ้านพร้อมภรรยาและหลานอยู่ไม่ได้ ต้องย้ายไปนอนบ้านญาติเป็นการชั่วคราวว่า ล่าสุดนายสุทธิรักษ์ รักษ์เจริญ นายอำเภอเทิง นายอาเขต จำปา เจ้าพน้กงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)อ.เทิง ได้เข้าไปตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าวอย่างละเอียดอีกครั้ง

โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวก็พากันมาดูจำนวนมาก เพราะพื้นบ้านตรงห้องนอนของบ้านยังคงมีอุณหภูมิสูงผิดปกติ บางคนนำกะละมังใส่น้ำไปวางไว้ตรงจุดที่มีอุณหภูมิสูง และนำส้มป่อย-เหรียญเงินวางเอาไว้ เหมือนสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วย

ด้านเจ้าหน้าที่กฟภ.ได้ตรวจสอบสายไฟฟ้าภายในบ้าน พบว่ามีสายไฟรั่วตรงห้องน้ำในบ้าน จึงตรวจกระแสไฟตามจุดต่างๆ ก็พบว่ามีการโยงสายไฟผ่านฝ้าเพดานที่เป็นยิปซั่ม และแผ่นอลูมิเนียม โดยไม่มีท่อห่อหุ้ม ส่วนจุดที่พบความร้อนใต้พื้นบ้านที่ปูด้วยแผ่นกระเบื้อง พบว่ามีการใช้เสาเหล็กเป็นเสากลางของบ้านด้วย

อย่างไรก็ตามไม่พบปฏิกิริยาของกระแสไฟฟ้าดูด โดยสามารถจับต้องฝาบ้าน เสาโลหะ พื้นห้องได้ตามปกติ และแม้ว่าอุณหภูมิจะลดลง แต่ก็ยังคงมีความร้อนที่สูงกว่าอุณหภูมิของพื้นห้องทั่วไปอยู่

นายสุทธิรักษ์ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่กฟภ.ได้ปิดกระแสไฟฟ้าของบ้านหลังดังกล่าว ตั้งแต่เวลาประมาณ 18.00 น.ของวันที่ 21 มิ.ย. จนเช้าวันที่ 22 มิ.ย.พบว่าจากเดิมที่อุณหภูมิของบ้าน ที่วัดได้ช่วงที่ร้อนที่สุดประมาณ 58.2 องศาเซลเซียส ก็ลดลงเรื่อยๆ จนถึงเช้าวันนี้เหลือ 40.42 องศาเซลเซียส และล่าสุดช่วงกลางวันลดลงเหลือประมาณ 39 องศาเซลเซียส แสดงว่าอุณหภูมิลดลงเรื่อยๆ หลังการปิดกระแสไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ประชาชนได้สบายใจ ว่าจะไม่มีปรากฏการณ์ที่ทำให้เกิดอันตราย ได้แจ้งไปยังกรมทรัพยากรธรณี ให้เข้ามาตรวจสอบแล้ว โดยเจ้าหน้าที่จะเดินทางไปถึงในวันเดียวกันนี้ เพื่อสรุปผลแจ้งให้ชาวบ้านได้สบายใจต่อไป ส่วนทางกฟภ.ก็สามารถทำการซ่อมแซมเรื่องกระแสไฟฟ้ารั่ว และแนะนำการโยงสายไฟต่างๆให้เหมาะสมกับเจ้าของบ้านได้อยู่แล้ว

 

คาเตอร์คิดจะโน้มน้าวให้พันธมิตรทิ้งยุทธศาสตร์เมื่อช่วงสงครามเย็น และหันมาคิดหาวิธีรับมือภัยคุกคามที่มาในรูปแบบใหม่” ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นผู้สร้างภัยคุกคามน่ะหรือ

นายใหญ่เพนตากอนชี้ “นาโต” เล็งเสริมเขี้ยวเล็บไว้งัดข้อ “รัสเซีย” ยาวไปถึงยุคหลัง “ปูติน” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มิถุนายน 2558 10:09 น.


@แอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

รอยเตอร์ – สหรัฐฯ และนาโตอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในด้านการทหารเพื่อรับมือการเผชิญหน้ากับรัสเซียซึ่งมีแนวโน้มจะยืดเยื้อต่อไปอีกนาน แม้ว่าประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน จะสิ้นอำนาจก็ตาม รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าววานนี้ (21 มิ.ย.)



การที่รัสเซียใช้อิทธิพลแทรกแซงสถานการณ์ยูเครนส่งผลให้พันธมิตรนาโตในยุโรปตะวันออกเริ่มมีการเคลื่อนไหวทางทหาร รวมถึงจัดซ้อมรบและตั้งกองกำลังเคลื่อนที่เร็วขึ้นมาเพื่อตอบสนองวิกฤตการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

แอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งเริ่มออกเดินสายทัวร์ยุโรปเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ระบุว่า สหรัฐฯ หวังที่จะเห็นรัสเซียก้าวไปข้างหน้า และย้ำถึงความร่วมมือทางการทูตที่มีร่วมกันกับมอสโก เช่น การเจรจาควบคุมโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน

อย่างไรก็ดี การปรับยุทธศาสตร์ของนาโตซึ่งส่วนหนึ่งเป็นไปเพื่อป้องปรามการแทรกแซงจากรัสเซีย สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มความตึงเครียดที่อาจจะยืดเยื้อ

“การปรับที่ผมพูดถึงนี้เป็นผลโดยตรงจากการที่เราคาดไว้ว่า รัสเซียคงจะไม่เปลี่ยนไปภายใต้รัฐบาล วลาดิเมียร์ ปูติน หรือแม้กระทั่งหลังจากนั้น” คาร์เตอร์ ให้สัมภาษณ์บนเครื่องบินก่อนถึงกรุงเบอร์ลิน

เมื่อผู้สื่อข่าวตั้งคำถามว่า เขาคิดว่า ปูติน จะเปลี่ยนนโยบายหรือไม่ นายใหญ่เพนตากอนก็กล่าวสั้นๆว่า “ผมก็หวังเช่นนั้น แต่ก็ไม่แน่ใจ”

ปูติน ก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียสมัยที่ 3 เมื่อปี 2012 โดยมีวาระการบริหารประเทศนาน 6 ปี และเนื่องจากกฎหมายรัสเซียอนุญาตให้ประธานาธิบดีสามารถดำรงตำแหน่งต่อเนื่องได้ไม่เกิน 2 สมัย จึงหมายความ ปูติน ยังสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งในปี 2018 เพื่อที่จะกุมอำนาจลากยาวต่อไปอีก 6 ปีได้

การไปเยือนยุโรปของ คาเตอร์ ครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อผลักดันการปรับยุทธศาสตร์ของนาโต โดยเริ่มจากการไปตรวจเยี่ยมกองกำลังเคลื่อนที่เร็วในเยอรมนีวันนี้ (22) และจะเดินทางต่อไปยังเอสโตเนียเพื่อเยี่ยมเรือรบสหรัฐฯ ที่เพิ่งกลับจากภารกิจฝึกซ้อมในทะเลบอลติก

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า คาเตอร์ อาจจะเปิดเผยรายละเอียดว่าด้วยแผนการจัดส่งอาวุธหนักไปประจำการล่วงหน้ายังจุดยุทธศาสตร์สำคัญต่างๆ

รัสเซียออกมาตอบโต้มาตรการเชิงรุกของนาโต โดยขู่จะเสริมสมรรถนะกองทัพและเพิ่มขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปในคลังแสงนิวเคลียร์อีกกว่า 40 ลูกในปีนี้

คาเตอร์ ได้เอ่ยตำหนิ “คำขู่พล่อยๆ” ของ ปูติน เกี่ยวกับการเสริมคลังอาวุธนิวเคลียร์

“วลาดิเมียร์ ปูติน ไม่จำเป็นต้องพูดอย่างนั้นออกมา... ผมก็อธิบายไม่ได้ว่าทำไมเขาต้องทำเช่นนั้น แต่ในมุมมองของผม มันไม่ใช่พฤติกรรมที่เหมาะสมเลย”

แม้สงครามน้ำลายระหว่างวอชิงตันกับมอสโกจะชวนให้นึกถึงบรรยากาศตึงเครียดในยุคสงครามเย็นซึ่งจบสิ้นไปในปี 1991 แต่เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งเดินทางไปพร้อมกับ คาเตอร์ ยืนยันว่า สหรัฐฯ ต้องการให้พันธมิตรนาโต “โละทิ้ง” กลวิธีแบบเก่าไปเสีย

“คาเตอร์ จะโน้มน้าวให้พันธมิตรของเราทิ้งยุทธศาสตร์เมื่อช่วงสงครามเย็นไปเสีย และหันมาคิดหาวิธีรับมือภัยคุกคามที่มาในรูปแบบใหม่” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ระบุ

นอกจากความขัดแย้งซึ่งเกิดจากการที่รัสเซียช่วงชิงคาบสมุทรไครเมียไปจากยูเครนแล้ว การขยายอิทธิพลของกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) และเครือข่ายอิสลามิสต์อื่นๆ ในแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลางก็ทำให้นาโตต้องปรับนโยบายความมั่นคงไปอย่างแทบจะพลิกฝ่ามือ

รัฐมนตรีกลาโหมนาโตจะมีการประชุมร่วมกันในวันพุธ-พฤหัสบดีนี้ที่กรุงบรัสเซลส์ โดยวาระสำคัญคาดว่าจะเป็นการหารือแผนจัดตั้งภารกิจของนาโตในอิรัก เพื่อช่วยสนับสนุนสถาบันหลักๆ ของแบกแดด ซึ่งแผนดังกล่าวคาดว่าจะได้รับการอนุมัติภายในเดือนกรกฎาคมนี้

 

In Pics : สุดกลุ้ม!! น้ำแห้งขอด แถมหน้าไฟป่าประจำปี ทางใต้ของแคลิฟอร์เนียโดนไฟป่าสุมร่วม 4 วัน สูญไปกว่า 3 ล้านดอลลาร์ แต่ดับได้แค่ 15% โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มิถุนายน 2558 12:10 น.



เอเจนซีส์ – เทศกาลไฟป่าประจำปีของรัฐแคลิฟอร์เนียได้มาเยือนอีกครั้ง ไม่เว้นแม้ว่าในปีนี้แหล่งน้ำของรัฐไม่ว่าจะเป็นแหล่งเก็บน้ำ หรือ สโนว์แพ็ค หิมะสูงที่อัดตัวแข็งจนแน่นเหนือพื้น เพราะล่าสุดเพียงแค่ 4 วันของไฟป่าเผาผลาญอุทยานแห่งชาติซาน เบอร์นาร์ดิโน (San Bernardino National Forest) ทางแคลิฟอร์เนียใต้ ทำให้รัฐแคลิฟอร์เนียสูญเงินไปแล้วกว่า 3 ล้านดอลลาร์ แต่ทว่านักผจญเพลิงเกือบ 2,000 คน สามารถควบคุมพื้นที่ไฟป่าได้เพียง 15% เท่านั้น

NBC News สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้(21)ถึงสถานการณ์ไฟป่าทางอุทยานแห่งชาติทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียที่ดำเนินมาถึง 4 วันแล้ว และทำให้สูญเงินไปแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ล้านดอลลาร์ แต่ทว่าสามารถควบคุมพื้นที่ไฟป่าได้เพียง 15% เท่านั้น เจ้าหน้าที่รัฐแคลิฟอร์เนียแถลงในวันอาทิตย์(21)

เจ้าหน้าที่ผจญเพลิงรัฐแคลิฟอร์เนียต้องทำงานอย่างหนักภายใต้อุณหภูมิที่ร้อนจัดได้ขุดแนวกั้นไฟป่าตลอดถนนไฮเวย์ I-38 เส้นที่ถูกปิดในช่วงอุทยานแห่งชาติซาน เบอร์นาร์ดิโน (San Bernardino National Forest) ซึ่งเป็นเขตอุทยานที่เกิดไฟป่าโหมร่วม 16,136 เอเคอร์ Lake Fire หน่วยงานฉุกเฉินรับมือไฟป่าและเหตุวิกฤตในพื้นที่แถลง

สื่อสหรัฐฯรายงานเพิ่มเติมว่า ไฟป่าได้ขยายพื้นที่จากถนนไฮเวย์ I-38 ไปยังซาน กอร์โกเนียว(San Gorgonio)ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของอุทยานแห่งชาติซาน เบอร์นาร์ดิโน และจากแปซิฟิก เครสต์ เทรว ( Pacific Crest Trail) มุ่งไปทางตะวันตกยังแอเจลัส โอ๊กส์ (Angelus Oaks) เจ้าหน้าที่รัฐแคลิฟอร์เนียแถลงเพิ่มเติมเมื่อวานนี้(21)

และให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ดูเหมือนไฟป่าที่เคยโหมแรงจะดูเหมือนไหม้ช้าลงในเขตที่ไม่ค่อยมีความหนาแน่นของป่าไม้มากนัก รวมไปถึงบริเวณแอนเดอร์สัน พีค (Anderson Peak) และเฮล ฟอร์ชัวร์ แคนยอน (Hell For Sure Canyon)

NBC News รายงานเพิ่มเติมว่า มีเจ้าหน้าที่ผจญเพลิงจำนวนเกือบ 2,000 คนถูกเรียกตัวให้ปฎิบัติหน้าที่ดับไฟป่าซึ่งเริมเกิดขึ้นตั้งแต่วันพุธ(17)ในบริเวณบาร์ตัน แฟลตส์ ( Barton Flats) ไม่ห่างจากบิ๊ก แบร์ ( Big Bear) เมืองพักตากอากาศ โดยเจ้าหน้าที่รัฐแคลิฟอร์เนียให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า พนักงานผจญเพลิงเหล่านี้จะทำงานภายใต้คำแนะนำในการระวังตัวภายใต้ความร้อนสูงไปจนถึงเวลา 19.00 น. ของวันอาทิตย์(21)

และสื่อสหรัฐฯรายงานเพิ่มเติมว่า สิ่งปลูกสร้างอีกร่วม 500 แห่งยังตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกไฟป่าเผาทำลายในเช้าวันอาทิตย์(21) ซึ่งมีรายงานตัวเลขค่าใช้จ่ายในการปฎิบัติการสู้ไฟป่าจำนวน 4 วันสูญเงินไปแล้วไม่ต่ำกว่า 3.2 ล้านดอลลาร์

และมีรายงานว่า ควันไฟป่าจากอุทยานแห่งชาติซาน เบอร์นาร์ดิโนสามารถมองเห็นได้ชัดที่แกรนด์ แคนยอน รัฐแอริโซนา และควันไฟ และหมอกควันพิษยังบดบังทัศนวิสัยในบริเวณใกล้เคียงเขตอุทยาน

ทั้งนี้หน่วยงานรักษาป่าไม้สหรัฐฯได้ประสานงานร่วมกับหน่วยงานดับเพลิงรัฐแคลิฟอร์เนีย Cal Fire รวมไปถึงแผนกดับเพลิงซาน เบอร์นาร์ดิโน เคาน์ตี รวมไปถึงสำนักงานนายอำเภอในพื้นที่เพื่อร่วมดับไฟ





In Pics :

 

ปอกเปลือก ทรราช
ตาลีบันลูกน้องอเมริกา ก่อเหตุระเบิดพลีชีพและโจมตีรัฐสภาของอัฟกานิสถานทั้งระเบิดและปืน



------------
เช้าวันจันทร์นี้สำนักข่าวท้องถิ่น Pahjwok ของอัฟกานิสถานรายงานว่าทางการของอัฟกานิสถานกำลังอพยพผู้คนออกจากสภาฯ เนื่องจากกลุ่มติดอาวุธตาลีบันบุกโจมตีภายในสภาล่าง รายงานบอกว่าเป็นระเบิดพลีชีพในการโจมตีครั้งนี้ จากนั้นก็มีเสียงระเบิดดังติดต่อกันถึง 9 ครั้ง สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นรายงานข่าวก่อเหตุระเบิดดังกล่าวด้วย อัฟกานิสถานส่งกองกำลังพิเศษเข้าปิดล้อมตัวอาคาร รายงานบอกว่ามีส.ส.หลายคนได้รับบาดเจ็บ
ก่อนหน้านี้นายบารัคโอบาม่าออกมาประกาศว่ากลุ่มตาลีบันในอัฟกานิสถานไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย เป็นเพียงกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงเท่านั้น นั่นหลังจากที่สหรัฐฯก่อสงครามยึดตลาดฝิ่นและเฮโรอีนในอัฟกานิสถานให้อยู่ในการควบคุมของตนได้แล้ว
The Eyes
22/06/2558
---------------
Taliban Militants Storm Parliament in Afghan Capital Kabul (LIVE VIDEO) / Sputnik International