ติดตามสถานะการณ์

Kaokala Fc
10 มิ.ย. เวียดนามกางแผนอพยพประชาชนราว 5,000 คน เคลียร์พื้นที่สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรก



ชาวเวียดนามรวมทั้งหมด 4,911 คน คาดว่าจะถูกย้ายออกจากที่อยู่อาศัยเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของประเทศ

เว็บไซต์ข่าว VNEconomy ของเวียดนามรายงานว่า ทางการเวียดนามได้อนุมัติข้อเสนออพยพและตั้งถิ่นฐานใหม่ให้แก่ประชาชนในพื้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์นีงทวน 1 และนีงทวน 2 ใน จ.นีงทวน ทางภาคใต้

รายงานระบุว่า งานอพยพประชาชนมีค่าใช้จ่ายกว่า 3.2 ล้านล้านด่ง (148 ล้านดอลลาร์) จะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2561

โรงไฟฟ้านีงทวน 1 จะเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกของเวียดนาม คาดว่าจะเข้าสู่ระบบการผลิตได้ในปี 2567 ส่วนโรงไฟฟ้านีงทวน 2 จะดำเนินการได้ในปี 2568

 

คนเกาหลีใต้กลัว MERS จริง แต่ภาพงานแต่งที่พากันใส่หน้ากากกันเชื้อโรคแค่ถ่ายเล่นๆ! วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 12:53:11 น.



การแพร่ระบาดของไวรัสซึ่งก่อให้เกิดกลุ่มอาการโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือ MERS ในเกาหลีใต้สร้างความวิตกให้กับประชาชนในเกาหลีใต้เป็นอย่างมาก จากรายงานของยอนฮัพในวันนี้ (11 มิถุนายน) มีผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้รวมแล้ว 122 คน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 9 ราย ทำให้ประธานาธิบดีปาร์ก กึนเฮ ต้องเลื่อนการเดินทางไปยังสหรัฐฯ เพื่อดูแลสถานการณ์ในประเทศอย่างใกล้ชิด

ก่อนหน้านี้รอยเตอร์สรายงานว่าความหวาดกลัวต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรคชนิดนี้เริ่มส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของชาวเกาหลีใต้อย่างเห็นได้ชัดโดยยอดขายของห้างสรรพสินค้าได้ลดลงกว่า25เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับยอดเฉลี่ยของยอดขายในช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม และยอดขายในร้านค้าลดราคาก็ลดลงราว 7.2 เปอร์เซนต์ ขณะที่ยอดขายสินค้าออนไลน์กลับเพิ่มขึ้น 3.2 เปอร์เซนต์

ยอดขายตั๋วชมภาพยนต์ลดลง 54.9 เปอร์เซนต์ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของเดือนที่แล้ว สวนสนุกที่มียอดผู้เข้าไปเที่ยวชมลดลงถึง 60 เปอร์เซนต์ ขณะที่พิพิธภัณฑ์แทบร้างไปเลยเมื่อยอดผู้เข้าชมลดลงถึง 81.5 เปอร์เซนต์

จากตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ภาพความหวาดวิตกของชาวเกาหลีใต้ต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้เป็นเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่อย่างไรก็ดี ภาพของงานแต่งงานที่ผู้ร่วมงานและเจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างสวมหน้ากากกันเชื้อโรค ที่กลายเป็นภาพสัญลักษณ์ของความหวาดกลัวเชื้อโรคชนิดนี้เป็นเพียงการถ่ายภาพจากการนึกสนุกขึ้นมาเท่านั้น

ผู้ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องราวในครั้งนี้คือนายฮวางเมียง-ฮวานผู้วางแผนการแต่งงานของคู่บ่าวสาว ซึ่งให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า ภาพดังกล่าวพวกเขาไม่ได้คิดอะไรจริงจัง "ก่อนหน้านั้นพวกเขาเพิ่งถ่ายรูปหมู่โดยไม่ได้สวมหน้ากาก แล้วนึกสนุกอย่างจะถ่ายภาพแบบนี้ขึ้นมาบ้าง" นายฮวางกล่าวกับเอเอฟพี พร้อมเผยว่า เป็นเขาและทีมงานที่ได้แจกจ่ายหน้ากากจำนวน 200 อันในงานเพื่อเป็นการสื่อถึงคู่บ่าวสาวให้ครองรักร่วมกันอย่างสุขสมบูรณ์ปราศจากโรคภัย

"การถ่ายภาพดังกล่าวมิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระพือความหวาดกลัวในการแพร่กระจายของMERSหรือต้องการทำให้ใครต้องหวาดกลัวแต่อย่างใด"นายฮวางกล่าว


คนเกาหลีใต้กลัว MERS จริง แต่ภาพงานแต่งที่พากันใส่หน้ากากกันเชื้อโรคแค่ถ่ายเล่นๆ! : มติชนอ

 

"ปลาหมอ"ของจริง! ชาวอินเดียกลืนปลาเป็นๆ ให้ช่วยรักษาหอบหืด! (คลิป)
วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 23:15:16 น.



ประชาชนในเมืองไฮเดอร์ราบัดของอินเดียหลายพันคน ต่อคิวเป็นแถวยาว เข้ารับรักษาอาการหอบหืด ด้วยวิธีสุดพิสดารนั่นคือ กลืนปลาเป็นๆลงคอ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา



การรักษานี้จะใช้ปลาสดขนาด 5 เซนติเมตร ที่ถูกทาด้วยสมุนไพรสีเหลือง จากนั้นนำสมุนไพรและปลาเป็นๆนี้ ใส่เข้าปากผู้ป่วยและบังคับให้ไหลลงคอทั้งตัว ซึ่งสมุนไพรนี้จะช่วยไม่ให้ผู้ป่วยเหม็นกลิ่นคาวปลาจนสำลักออกมา

ด้านบาทินี กอลด์ ซึ่งอ้างเป็นผู้ทำการรักษาด้วยวิธีนี้กล่าวว่า การรักษาโรคหอบหืดด้วยปลาเป็นๆนี้ เป็นสูตรลับมาตั้งแต่ดั้งเดิมที่สืบทอดมาจากปราชญ์ฮินดูในปี 1845

<iframe width="540" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/ckkiuCd_bOw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

นอกจากนี้ การรักษาดังกล่าวจะใช้เวลาปีละ 2 วัน โดยวันรักษาถูกกำหนดโดยการคำนวณทางโหราศาสตร์ ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้เข้ารับการรักษาด้วยการกลืนปลาเป็นๆแล้วถึง 7 หมื่นคน


"ปลาหมอ"ของจริง! ชาวอินเดียกลืนปลาเป็นๆ ให้ช่วยรักษาหอบหืด! (คลิป) : มติชนออนไลน์

 

เบลเยียม เตือนภัยสูงสุด หวั่นคาร์บอมบ์ อาคารอียูในบรัสเซลส์
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 มิ.ย. 2558 20:30



ทางการเบลเยียมประกาศเตือนภัยสูงสุด หวั่นเกิดเหตุคาร์บอมบ์ หลังพบรถยนต์ต้องสงสัย จอดอยู่บริเวณที่จอดรถใต้อาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของคณะมนตรีสหภาพยุโรป ก่อนจะยกเลิกคำเตือนในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา หลังการตรวจค้นไม่พบวัตถุระเบิด

วันที่ 10 มิถุนายน 2558 บุญธง ก่อมงคลกูล ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำประเทศเบลเยียม รายงาน หนังสือพิมพ์เลอซัวร์ของเบลเยียมแจ้งว่า เมื่อเวลา 21.30 น. เวลาท้องถิ่นของคืนวันอังคารที่ 9 มิถุนายน (02.30 น. เวลาประเทศไทย) ได้มีการประกาศเตือนภัยสูงสุดบริเวณที่ตั้งของอาคารสำนักงานใหญ่สหภาพยุโรป ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เนื่องจากพบรถต้องสงสัยว่าจะถูกใช้เป็นคาร์บอมบ์ ก่อนจะมีการประกาศยกเลิกการเตือนภัยอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา เนื่องจากไม่พบวัตถุระเบิดในรถยนต์คันดังกล่าว และไม่มีการจับกุมผู้ต้องสงสัย

ข่าวแจ้งว่า ทางการเบลเยียมได้ดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ภายหลังตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัยจอดอยู่ในบริเวณที่จอดรถภายใต้อาคาร Justus Lipsus ซึ่งเป็นที่ตั้งของคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป ขณะที่ สถานีรถใต้ดินและสถานีรถไฟที่ตั้งอยู่ในบริเวณดังกล่าว ถูกปิดและห้ามขบวนรถผ่าน รวมทั้งถนนที่เป็นอุโมงค์ผ่านใกล้ตึกดังกล่าวก็ถูกปิดการจราจรเช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่จากหน่วยตรวจวัตถุระเบิดได้เดินทางเข้าตรวจสอบรถยนต์ต้องสงสัยพร้อมกับสุนัขดมกลิ่น แต่ไม่พบวัตถุระเบิดแต่อย่างใด และได้มีการยกเลิกการเตือนภัยเมื่อเวลา 23.00 น.

อย่างไรก็ตาม ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า ดูเหมือนช่างเป็นเหตุบังเอิญ เพราะตรงกับเหตุการณ์เตือนภัยที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกาในวันเดียวกัน ทำให้น่าเคลือบแคลงสงสัยว่ารัสเซียจะอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งสองหรือไม่ หลังจากถูกต่อต้านจากที่ประชุมสุดยอด จี 7 ที่ประเทศเยอรมนี

เบลเยียม เตือนภัยสูงสุด หวั่นคาร์บอมบ์​ อาคารอียูในบรัสเซลส์ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

นาซา พบ"เเก้ว" บนดาวอังคาร คาดเป็นหนทางใหม่หาคำตอบสิ่งมีชีวิต
updated: 11 มิ.ย. 2558 เวลา 13:30:54 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์



ยานอวกาศของนาซาค้นพบวัสดุแก้วบนพื้นผิวดาวอังคาร ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คาดว่าอาจเป็นหนทางใหม่ในการหาคำตอบเรื่องสิ่งมีชีวิตในจักรวาล

ข้อมูลล่าสุดจากยานอวกาศ "มาร์ส รีคอนเนสเซนซ์ ออร์บิเตอร์" หรือ MRO ขององค์การนาซาระบุว่าพบวัสดุที่เป็นแก้วบนดาวอังคาร โดยวัสดุแก้วดังกล่าวปะปนอยู่กับเถ้าถ่านภูเขาไฟบนพื้นผิวของดาวอังคาร ซึ่งถือเป็นการค้นพบที่สำคัญที่อาจทำให้นักวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์เข้าใจความเป็นมาของดาวอังคารได้ดียิ่งขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยบราวน์ มลรัฐโรดไอแลนด์ ระบุว่า เมื่อก่อนการสำรวจและศึกษาดาวอังคารจะมุ่งไปที่การค้นหาร่องรอยของแหล่งน้ำจากตะกอนในชั้นหิน ซึ่งอาจนำไปสู่การหาคำตอบว่าดาวอังคารเคยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่หรือไม่ แต่การค้นพบแก้วล่าสุดทำให้นักวิทยาศาสตร์อาจมีเส้นทางใหม่ในการหาคำตอบดังกล่าว นั่นก็คือการตรวจสอบวัสดุแก้วเหล่านั้นว่าจะเก็บรักษาหลักฐานเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตไว้บ้างหรือไม่นั่นเอง

นายบิลล์ นาย ซีอีโอของ "เดอะ แพลเนแทรี โซไซตี" องค์การด้านวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ในสหรัฐฯ แสดงความเห็นว่าหากสามารถนำตัวอย่างวัสดุแก้วดังกล่าวกลับมาตรวจสอบที่โลกได้ ก็จะเป็นผลดีกับวงการวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์อย่างมาก นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลให้คนทั่วโลกมองประเด็นสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารและในจักรวาลแตกต่างไปจากเดิมอีกด้วย

ที่มา : สำนักข่าว voice tv

นาซา พบ"เเก้ว" บนดาวอังคาร คาดเป็นหนทางใหม่หาคำตอบสิ่งมีชีวิต : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

 

ธนาคารโลกหั่นโตศก.โลกเหลือ2.8เหตุราคาสินค้าตกต่ำกระทบผู้ส่งออก
updated: 11 มิ.ย. 2558 เวลา 20:47:29 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์



สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (จีอีพี) เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ตัดลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2558 นี้ลงเหลือ 2.8 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่ารายงานจีอีพี เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาที่ตั้งไว้ที่ 3 เปอร์เซ็นต์ เป็นผลสืบเนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดต่ำลงถึง 40 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่ปี 2557 ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ พร้อมท้งเตือนประเทศต่างๆให้เตรียมพร้อมกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกาที่อาจส่งผลให้ต้นทุนในการกู้ยืมเงินสำหรับประเทศเศรษฐกิจกำลังพัฒนาเพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตามนายกอชิค บาซู หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธนาคารโลก เรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ก่อนจนกว่าจะถึงปี 2559 เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนของอัตราแลกเปลี่ยนที่จะขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจโลก พร้อมทั้งเตือนให้ประเทศต่างๆโดยเฉพาะประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่เตรียมตัวรับมือกับเศรษฐกิจชะลอตัวด้วยการรัดเข็มขัด


ที่มา มติชนออนไลน์



ธนาคารโลกหั่นโตศก.โลกเหลือ2.8เหตุราคาสินค้าตกต่ำกระทบผู้ส่งออก : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

 

ทางการปากีสถานสั่งปิดสำนักงานองค์กร“Save the Children” พร้อมเนรเทศจนท.ต่างชาติใน 15 วัน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มิถุนายน 2558 08:46 น.



เอเจนซีส์-ทางการปากีสถานสั่งปิดสำนักงานขององค์กรความช่วยเหลือระหว่างประเทศชื่อดัง “Save the Children” พร้อมสั่งเนรเทศเจ้าหน้าที่ต่างชาติทุกรายขององค์กรแห่งนี้ออกนอกประเทศใน 15 วัน

รายงานระบุว่า สำนักงานในกรุงอิสลามาบัดขององค์กรความช่วยเหลือสัญชาติอังกฤษแห่งนี้ ได้ถูกทางการปากีสถานสั่งปิดในทันที โดยไม่มีการแจ้งถึงสาเหตุ ขณะที่ทางกระทรวงมหาดไทยปากีสถานระบุ จะให้เวลาเจ้าหน้าที่ที่เป็นพลเมืองต่างชาติขององค์กรเอ็นจีโอนี้เดินทางออกจากปากีสถานภายในระยะเวลา 15 วัน

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวในกระทรวงมหาดไทยปากีสถานระบุว่า องค์กร Save the Children กระทำความผิดฐานดำเนินกิจกรรมเพื่อบ่อนทำลายความมั่นคงและต่อต้านรัฐบาลปากีสถาน

ทั้งนี้องค์กร Save the Childrenก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1919 เพื่อให้การช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสทั่วโลกและมีสำนักงานใหญ่ที่กรุงลอนดอน โดยในขณะนี้มีการดำเนินกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ใน120 ประเทศทั่วโลก

 

เวิลด์แบงก์ลดเป้าศก.โลก-ปท.กำลังพัฒนา แนะ 'เฟด' ชะลอขึ้นดอกเบี้ยถึงปีหน้า
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มิถุนายน 2558 00:45 น.



เอเจนซีส์ - เวิดล์แบงก์ปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในรายงานล่าสุดซึ่งเผยแพร่เมื่อวันพุธ (11 มิ.ย.) เตือนประเทศตลาดเกิดใหม่เตรียมตั้งรับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น นอกจากนี้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกยังเรียกร้องธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รอถึงปีหน้าค่อยปรับขึ้นต้นทุนการกู้ยืม เพื่อป้องกันระบบอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนหนักขึ้น และปกป้องอัตราเติบโตของเศรษฐกิจโลก

ธนาคารโลกพยากรณ์เอาไว้ในฉบับล่าสุดของ รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (Global Economic Prospects) ที่จัดทำขึ้นปีละสองครั้งว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้จะขยายตัว 2.8% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิม 3% ซึ่งให้ไว้ในรายงานฉบับก่อนเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยแจกแจงเหตุผลว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาน้ำมันที่ดิ่งลงประมาณ 40% นับจากปีที่แล้ว กำลังส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกมากกว่าที่คาด นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยลบจากการหดตัวของเศรษฐกิจแดนอินทรีในช่วงไตรมาสแรก การฟื้นตัวอย่างล่าช้าในยุโรปและญี่ปุ่น ขณะที่การเติบโตของจีนก็ชะลอลง

รายงานยังเตือนประเทศต่างๆ ให้เตรียมพร้อมรับมือการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของประเทศกำลังพัฒนาพุ่งขึ้น มิหนำซ้ำประเทศเหล่านี้ยังดึงดูดเงินลงทุนใหม่ๆ ได้ยากขึ้น เป็นการเพิ่มความกดดันต่อค่าเงินที่อ่อนตัวลงรุนแรงอยู่แล้วเมื่อเทียบดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา

คอชิก บาซู หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธนาคารโลกแถลงจากกรุงวอชิงตันว่า ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะชาติเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ ควร “คาดเข็มขัดนิรภัย” นั่นก็คือ การคุมเข้มสถานการณ์การคลัง เลิกการพึ่งพิงเฉพาะสินค้าโภคภัณฑ์ และสร้างความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มประสิทธิภาพผ่านมาตรการปฏิรูป

ทางด้าน ไอฮาน โคเซ ผู้อำนวยการฝ่ายแนวโน้มการพัฒนาของธนาคารโลก สำทับว่า หากไม่ดำเนินขั้นตอนนโยบายทางการคลังอย่างระมัดระวังและเพิกเฉยต่อปัจจัยภายนอกแล้ว ประเทศตลาดเกิดใหม่จะเผชิญความท้าทายสำคัญในการจัดการผลกระทบจากการคุมเข้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด

บาซูยังแนะนำให้เฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปเป็นปีหน้า โดยย้ำว่า เป็นความคิดเห็นของตนแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่ของธนาคารโลก เขาให้เหตุผลที่เสนอแนะเช่นนี้ว่า เนื่องจากการเร่งรีบขึ้นดอกเบี้ยอาจทำให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจอเมริกาเอง และยังส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ อีกด้วย

จุดเด่นที่น่าสนใจอื่นๆ รายงานฉบับนี้ของเวิลด์แบงก์ ได้แก่การระบุว่า อินเดียจะเป็นประเทศที่มีการเติบโตเร็วที่สุดเป็นครั้งแรก โดยขยายตัวถึง 7.5% ในปีนี้ จากตัวเลขคาดการณ์เดิม 6.4%

ตรงข้ามกับประเทศกำลังพัฒนาโดยรวม ซึ่งถูกลดเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ลงจาก 4.8% อยู่ที่ 4.4% เนื่องจากภาวะถดถอยในบราซิลและรัสเซียเรื้อรังกว่าที่คาด

ธนาคารโลกยังลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ลงเหลือ 2.7% จาก 3.2% สำหรับปีนี้ และ 2.8% จาก 3% สำหรับปีหน้า โดยระบุว่า เศรษฐกิจอเมริกาตกต่ำมาตั้งแต่ต้นปีเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย ค่าดอลลาร์แข็ง และการดำเนินการในท่าเรือหยุดชะงัก รวมทั้งการที่ภาคพลังงานลดการใช้จ่ายลงจำนวนมาก

เช่นเดียวกัน เศรษฐกิจญี่ปุ่นถูกลดตัวเลขคาดการณ์สำหรับปีนี้ลงอยู่ที่ 1.1% อย่างไรก็ตาม ธนาคารโลกคงอัตราเติบโตของจีนไว้ที่ 7.1% ตามเดิม และปรับเพิ่มแนวโน้มการขยายตัวของยูโรโซนเป็น 1.5%

สำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจโลกทั้งปีหน้าและปี 2017 ธนาคารโลกคงเป้าหมายเดิมที่ 3.3% เนื่องจากเชื่อว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลงจะช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในท้ายที่สุด

 

จีนตัดสินจำคุกตลอดชีพ'โจวหย่งคัง'อดีตนายใหญ่ความมั่นคง'ข้อหาทุจริต'
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 มิถุนายน 2558 22:14 น.



ภาพที่ถ่ายจากคลิปวิดีโอเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของทางการจีน แสดงให้เห็น โจว หย่งคัง อดีตผู้กุมงานด้านความมั่นคงภายในประเทศของจีน กำลังยืนในระหว่างการตัดสินคดีของศาลประชาชนขั้นกลางในเมืองเทียนจินเมื่อวันพฤหัสบดี (11) เขาถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตจากความผิดฐานทุจริต, เปิดเผยความลับของรัฐ, และใช้อำนาจโดยมิชอบ

รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - จีนตัดสินคดี โจว หย่งคัง อดีตผู้คุมงานด้านความมั่นคงภายในประเทศอันทรงอำนาจยิ่ง ด้วยการลงโทษจำคุกตลอดชีวิตและยึดทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมดของเขาเมื่อวันพฤหัสบดี (11 มิ.ย.) โดยระบุว่าเขามีความผิดทั้งในข้อหารับสินบน, การเปิดเผยความลับของรัฐ, และการใช้อำนาจโดยมิชอบ ถือเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สุดของปักกิ่งที่ถูกเล่นงานอีกทั้งเป็นกรณีทุจริตอันอื้อฉาวที่สุดของแดนมังกรในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา

โจว ซึ่งปัจจุบันอายุ 72 ปี ถูกตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้ถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดีในศาลของเมืองเทียนจิน (เทียนสิน) มหานครทางภาคเหนือซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม และหลังถูกตัดสินในวันพฤหัสบดี (11) เขาแถลงยอมรับความผิดและตัดสินใจไม่อุทธรณ์ สื่อของทางการจีนรายงาน

ในฐานะที่เป็นอดีตสมาชิกคนหนึ่งขององค์กรทรงอำนาจที่สุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งก็คือคณะกรรมการประจำกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรค การที่เขาถูกดำเนินคดีและถูกลงโทษ จีงทำให้เขากลายเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสที่สุดที่ตกเป็นจำเลยในคดีทุจริตอื้อฉาวของแดนมังกรนับตั้งแต่พรรคขึ้นครองอำนาจปกครองประเทศในปี 1949 และก็เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สุดซึ่งถูกเล่นงานนับแต่พวก “แก๊ง 4 คน” ที่ถูกประณามว่าสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในยุคปฏิวัติวัฒนธรรม

ขณะที่การตัดสินใจให้เดินหน้าดำเนินคดีกับ โจว ก็เป็นการตอกย้ำคำมั่นสัญญาของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ว่าจะต้องต่อสู้ปราบปรามการคอร์รัปชั่นตั้งแต่ระดับสูงสุด

ในคลิปวิดีโอข่าวซึ่งสถานีโทรทัศน์ของรัฐนำมาเสนอในรายการข่าวภาคค่ำช่วงไพรม์ไทม์วันพฤหัสบดี โจว ซึ่งเส้นผมที่เคยดกดำเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน และหน้าตาไม่มีร่องรอยของความดุดันทรงอำนาจอีกแล้ว แถลงต่อศาลว่า “ผมขอน้อมรับคำตัดสินของศาล และผมไม่ขออุทธรณ์”

“ผมยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่าผมได้ละเมิดกฎหมาย ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อพรรค ผมขอน้อมรับอีกครั้งในความผิดที่ผมกระทำ และผมรู้สึกสำนึกในความผิดของตนเองแล้ว” โจว ซึ่งไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็นในที่สาธารณะมานับแต่เดือนตุลาคม 2013 แถลงต่อ

แหล่งข่าวรายหนึ่งซึ่งมีความรู้โดยตรงเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า พวกเจ้าหน้าที่ซึ่งอารักขาควบคุมตัวโจว นั้นเป็นทหาร แทนที่จะเป็นกำลังตำรวจสันติราษฎร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา

“ระหว่างการสอบสวนเขาให้ความร่วมมือดี” แหล่งข่าวรายนี้กล่าวโดยขอให้สงวนนาม “เขาแสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่ดี”

ในการสั่งสอบสวนดำเนินคดีโจวคราวนี้ เห็นกันว่าเท่ากับ สี ได้ทำลายความเข้าใจประการหนึ่งที่มิได้เขียนออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรในหมู่สมาชิกของคณะกรรมการประจำกรมการเมือง ที่ว่าพวกเขาจะไม่ถูกไต่สวนเช่นนี้หลังจากเกษียณอายุแล้ว

ตามเอกสารคำฟ้องร้องเบื้องต้น โจวถูกกล่าวหาว่าประกอบอาชญากรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายสิบปี ตั้งแต่ที่เขาเป็นรองผู้จัดการใหญ่ของบรรษัทน้ำมันปิโตรเลียมแห่งชาติของจีน (ซีเอ็นพีซี) และในตำแหน่งต่างๆ ที่เขาได้รับเลือกเลื่อนสูงขึ้นไปตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็น เลขาธิการพรรคสาขามณฑลเสฉวน, รัฐมนตรีกระทรวงตำรวจสันติราษฎร์, และสมาชิกในคณะกรรมการประจำกรมการเมือง ซึ่งเขาได้รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงภายในประเทศ

ระหว่างการพิจารณาคดี ศาลได้พบว่า ภรรยาและบุตรชายของโจว ซึ่งให้การผ่านทางวิดีโอลิงก์ ได้รับสินบนทั้งที่เป็นตัวเงินและทรัพย์สินรวมเป็นมูลค่า 129 ล้านหยวน (ราว 645 ล้านบาท) และจากนั้นจึงแจ้งให้โจวทราบ

เจียง เจี่ยหมิน อดีตผู้บริหารสูงสุดของบรรษัทซีเอ็นพีซี ก็ได้ให้ปากคำเช่นกัน ตัวเจียงผู้นี้ซึ่งเป็นอดีตผู้ช่วยคนสนิทของโจว ได้ถูกพิจารณาคดีด้วยข้อหาคอร์รัปชั่นตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ทว่ายังไม่ได้ถูกตัดสิน

ศาลพบว่า เจียง ตลอดจน หลี่ ชุนเฉิง อดีตรองเลขาธิการพรรคสาขาเสฉวน ได้รับแจ้งจาก โจว ให้คอยช่วยเหลือในกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ ซึ่งช่วยให้พวกเขาได้รับเงินกำไรอย่างผิดกฎหมายราว 2,140 ล้านหยวน (ประมาณ 10,700 ล้านบาท)

นอกจากนั้น ศาลพบว่า เขาได้ส่ง “เอกสารลับที่สุด” จำนวน 5 รายการให้แก่บุคคลที่มีนามว่า เฉา หย่งเซิง โดยที่สื่อหลายๆ แห่งเคยรายงานว่า เฉาผู้นี้เป็นหมอดูและเป็นผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ลี้ลับของจีนที่รู้จักกันในนาม “ชี่กง”

ทางการจีนเคยแถลงไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะให้การพิจารณาคดีโจวนี้กระทำกันอย่างเปิดเผย อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการดำเนินการกันจริงๆ ก็กลับเป็นการพิจารณาคดีเป็นการภายใน โดยที่เอกสารของศาลระบุว่า สืบเนื่องจากข้อหาเรื่องการเผยแพร่ความลับของรัฐ

โจวถูกตัดสินโทษหนักที่สุดจากข้อหารับสินบน และได้รับโทษเบาลงมาในความผิดฐานใช้อำนาจโดยมิชอบและเผยแพร่ความลับของรัฐ แต่ศาลให้รับโทษในทุกความผิดพร้อมๆ กันไป

ทั้งนี้ สิ่งที่ศาลค้นพบเหล่านี้ปรากฏอยู่ในคำแถลงสรุปคดีของศาลซึ่งมีความยาวราว 1 หน้าครึ่งและได้รับการเผยแพร่โดยสำนักข่าวซินหวาของทางการจีน คำแถลงสรุปนี้ให้รายละเอียดเพียงสั้นๆ แต่น่าตื่นใจของการไต่สวนพิจารณาคดีคราวนี้

แหล่งข่าวหลายรายซึ่งมีสายสัมพันธ์อยู่กับคณะผู้นำจีน ได้เคยบอกกับรอยเตอร์ก่อนหน้านี้ว่า สี จิ้นผิง มีความมุ่งมั่นแน่วแน่ที่จะโค่น โจว ลงให้ได้ สืบเนื่องจากข้อกล่าวหาที่ว่า โจว ได้วางแผนจัดการพบปะคบคิดกันหลายต่อหลายครั้ง เพื่อพยายามรักษาอิทธิพลเอาไว้ ในช่วงก่อนหน้าการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศครั้งที่ 18 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2012 โดยในการประชุมคราวนั้นเอง โจว เกษียณอายุออกจากตำแหน่งไปพร้อมๆ กับคณะผู้นำในรุ่นของเลขาธิการใหญ่ หู จิ่นเทา และ สี ก้าวขึ้นมาเป็นเลขาธิการใหญ่พรรคแทนที่

แหล่งข่าวเหล่านี้ระบุว่า ในตอนนั้นโจวได้สั่งการให้แอบดักฟังโทรศัพท์ของพวกผู้นำระดับท็อปทั้งหลาย

 

เกมชิงบัลลังก์เยเมน ซาอุดิอาระเบียจะสูญเสียมากกว่าที่คิด!!
เรื่องเด่นประเด็นร้อนby เอบีนิวส์ทูเดย์ - มิ.ย. 11, 2015



เกือบสองเดือนในการทำสงครามกับเยเมน – เปลี่ยนยุทธศาสตร์หนึ่งครั้งและหยุดยิงสองครั้งในเวลาต่อมา – และดูเหมือนว่าซาอุดิอาระเบียยังไม่ได้เข้าใกล้เป้าหมายใดๆ ของตนเลยในประเทศที่ยากจนที่สุดและปกครองยากที่สุดของคาบสมุทรอาหรับแห่งนี้ แต่ในเมื่อราชอาณาจักรเองก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าอะไรคือสิ่งที่ตนต้องการจะเห็นในปฏิบัติการครั้งนี้ โลกก็คงจะไม่มีใครรู้อีกแล้ว

ที่จริงแล้ว จะมีการล้มเหลวได้อย่างไรหากว่าไม่มีการตั้งเป้าหมายใดเอาไว้? แต่ทว่าบางที ริยาดอาจจะมองการณ์ไกล ด้วยการเว้นที่ว่างไว้อย่างเพียงพอบนโต๊ะเจรจาเพื่อการถอนตัวที่สามารถยอมรับได้จากปลักในเยเมน

ไม่ว่าเยเมนจะยากจน ล้าหลังทางเทคโนโลยี และมีแต่ความวุ่นวายไปทั่วเพียงใดก็ตาม แต่ประชาชนในชาติมีความยึดมั่นกับแผ่นดินของพวกเขาอย่างแรงกล้า และได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเมื่อมีการเผชิญหน้ากัน เยเมนไม่เพียงเป็นฝ่ายตรงข้ามที่น่ายกย่องเท่านั้น หากแต่ยังทรงพลังอีกด้วย

อย่างเช่นพันโทเยเฮีย มุฮัมมัด ซาเลห์ หลานชายของอดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์ และอดีตผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความมั่นคงส่วนกลาง ที่ได้เตือนในการให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ภาษาอาหรับแห่งหนึ่งจากเบรุต ประเทศเลบานอนเมื่อต้นเดือนมีนาคมว่า “ชาวเยเมนมีนิสัยชอบต่อต้านกับผู้รุกรานต่างชาติ… หลายคนเข้ามา แต่น้อยคนนักที่จะมีชีวิตอยู่ได้บนขาสองข้าง”

และอันที่จริง เมื่อไม่นานที่ผ่านมา ในปี 1962 ชาวซาอุดี้ฯ, อียิปต์ และปากีสถานหลายพันคน ได้เรียนรู้ว่าชาวเยเมนไม่ใช่จะปราบได้ง่ายๆ ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะมีอำนาจทางทหารเหนือกว่าก็ตาม เมื่อพิจารณาดูแล้ว การจะชนะสงครามได้ต้องใช้คนไม่ใช่เครื่องจักร และเหมือนอย่างที่เป็น ชาวเยเมนถูกสร้างขึ้นมาจากอาณาจักรโลหะที่ยังทำลายไม่ได้ และหลายคนได้พยายามแล้ว

ชาวเยเมนไม่เพียงแค่เป็นอิสระจากความผิด พวกเขายังเป็นนักเลงอีกด้วย ในประเทศที่การเจรจาไม่ได้เป็นเพียงแค่กีฬาแห่งชาติแต่เป็นวิถีชีวิตนั้น การเมืองเป็นสนามที่ยากลำบากในการลงเล่น ประธานาธิบดีซาเลห์ไม่ได้พูดเล่นเมื่ออ้างถึงความสามารถของเขาในการเต้นบนหัวงู

ถ้าราชวงศ์อัลซาอูดทึกทักเอาเองว่าเยเมนจะเต้นไปตามจังหวะปิโตรดอลล่าร์ของตน มันก็คาดผิดที่คิดว่านักการเมืองเยเมนจะไร้ความสามารถในการบรรลุถึงฉันทามติใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้ที่ช่องทางแห่งอำนาจของประเทศดูเหมือนจะถูกทิ้งว่างไว้ พร้อมที่จะได้เห็นการผงาดขึ้นมาของผู้มีอำนาจรุ่นใหม่

และถึงแม้ว่าพรรคการเมืองในเยเมนหลายพรรค เช่น อัล-อิสลาห์ (กลุ่มซุนนีสายสุดโต่งที่เป็นกำบังให้แก่กลุ่มภราดรภาพมุสลิม หรือกลุ่มซาลาฟีอื่นๆ), อัล-ฮารัก (ขบวนการแบ่งแยกดินแดนภาคใต้) หรือ JMP (Joint Meeting Parties : แนวร่วมของอดีตฝ่ายต่อต้านอดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์) จะได้แสดงออกถึงความเป็นเอกภาพระดับหนึ่งในมุมมองของการต่อต้านเฮาซี (กลุ่มชนเผ่าที่จัดตั้งขึ้นภายใต้การนำของเชค อับดุลมาลิก อัล-เฮาซี) แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีพรรคใดที่พิสูจน์ให้เห็นว่ามีความสามารถในการค้นหาพื้นฐานทางการเมืองที่เหมือนกันมากพอที่จะจัดตั้งพรรคฝ่ายค้านที่เหนียวแน่นได้ที่แย่ไปกว่านั้น การตั้งชื่อทางการเมืองเหล่านั้นส่วนใหญ่ได้แยกออกเป็นกลุ่มย่อย และพรรคย่อยต่างๆ ทำให้ซาอุดี้ฯ ต้องเล่นเกมปริศนากับแผนที่ทางการเมืองที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นของเยเมน

เมื่อถูกพันยุ่งเหยิงอยู่กับสงครามที่ไม่สามารถเอาชนะได้จากทางอากาศ ไม่ว่าจะปล่อยลูกกระสุนใส่ชาติที่ยากจนที่สุดในอาหรับแห่งนี้มากแค่ไหน และไม่สามารถที่จะแสดงเจตน์จำนงทางการเมืองมากพอที่จะส่งกำลังทหารทางพื้นดิน ซาอุดี้ฯ ก็ติดแหง็กอยู่ระหว่างโขดหินกับพื้นที่แข็ง ถ้าตอนนี้พวกเขาเล่นบทผู้ชนะต่อหน้าสื่อ ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าไม่มีประเทศใดในแนวร่วมภายใต้การนำของซาอุดี้ฯ ที่ต้องการจะส่งกำลังทหารของตนเข้าสู่สงครามที่น่าจะจบลงด้วยความล้มเหลวอย่างย่อยยับ

ปากีสถาน มาเลเซีย และอียิปต์ ได้สละสิทธิ์ที่จะสู้รบในสงครามของราชอาณาจักรนี้ไปแล้วอย่างสุภาพ เรื่องราวที่ไม่ถูกรายงานออกไปนี้เทียบได้เท่ากับเป็นการขบถถ้าหากมีใครสนใจที่จะคำนวณถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมากับการปฏิเสธเช่นนี้ ซาอุดิอารเบียไม่สามารถที่จะบังคับให้เกิดการยินยอมทางการเมืองในภูมิภาคได้อีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยืนอยู่ตรงข้ามกับฉากหลังที่ดาวแห่งอิหร่านและรัสเซียกำลังปรากฏขึ้นมา

และถ้าหากราชอาณาจักรนี้ไม่สามารถเรียกพลังเพื่อรวบรวมแนวร่วมทางทหารที่เหนียวแน่นมาอยู่ฝ่ายตนได้ อีกนานแค่ไหนมันจึงจะพิสูจน์ได้ว่าไม่มีความสามารถที่จะป้องกันดินแดนของตัวเองได้? และนั่นคือทฤษฎี เฮาซีมีความกระตือรือร้นต่อการทดสอบ

สื่อกระแสหลักรู้กันน้อยมากในเรื่องที่เฮาซีได้ข้ามเข้าไปในจังหวัดนัจรอน และกิซาน ทางภาคใต้ของซาอุดิอาระเบียเป็นประจำ เพื่อดำเนินการปฏิบัติการทางทหารมาตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน หลายครั้งที่ด่านทหารถูกบุกรุก เมืองถูกระเบิด และคลังอาวุธถูกปล้น

ที่น่าสนใจและน่าบอกเล่าอย่างยิ่งก็คือ เฮาซีจำกัดขอบเขตการจู่โจมของพวกเขาอยู่ภายในดินแดนที่เคยเป็นของเยเมนมาจนกระทั่งถึงปี 1994 ดังที่อับดุลมาลิก อัล-เฮาซีได้เตือนไว้ในคำปราศรัยล่าสุดของเขาเมื่อ 20 พฤษภาคม 2015 ว่า “เยเมนจะได้เห็นอธิปไตยเหนือดินแดนของตนถูกกอบกู้คืนมาครบถ้วน”

ตามที่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนนับไม่ถ้วนได้เตือนเอาไว้ เยเมนกับซาอุดิอาระเบียนั้นอาจจะเป็นเหมือนที่อัฟกานิสถานเคยเป็นสำหรับสหรัฐฯ นั่นก็คือ เป็นความกระอักกระอ่วนทางการทหารครั้งสำคัญ และเป็นการผลาญทรัพยากรราคาแพงของซาอุดี้ฯ

จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสิ่งใดเป็นไปในทางที่มันควรจะเป็น เฮาซีจัดการโต้ตอบทางการทหารไปตามความมุ่งหมาย เผ่าต่างๆ ให้สัตยาบรรณที่จะทำสงครามกับซาอุดี้ฯ และประชาชนทางตอนเหนือก็ไม่ยอมที่จะปฏิเสธกลุ่มหนึ่งนี้ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีความยินดีที่จะยืนหยัดเพื่อความเปลี่ยนแปลงที่สัมผัสได้

ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม เฮาซี ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากกองทัพและกองกำลังชั้นยอดของเยเมน ได้ขยายการยึดพื้นที่ในเยเมนออกไป ฮัซรอเมาท์, อับยัน, เอเดน และทาอิซ ล้วนได้เสียดินแดนให้แก่เฮาซี

และถึงแม้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของเยเมนใต้ยังคงมุ่งมั่นที่จะผลักดันเฮาซีออกไป แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าส่วนใหญ่เหล่านั้นจะสนับสนุนซาอุดี้ฯ หรือฮาดี (ประธานาธิบดีที่ลาออกหนึ่งครั้ง และหนีสองครั้งของเยเมน)

เมื่อปลอดภัยจากนักการเมืองเยเมนบางคนที่ถูกเนรเทศในริยาด แต่อัล-ซาอูดก็สูญเสียหูตาของผู้มีอำนาจเหล่านั้นในประเทศซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ และแม้แต่การติดต่อภายในกรมกองต่างๆ ก็ขาดหายไปด้วย

จากแหล่งข่าวในริยาด ฮาดีติดอยู่ในการต่อสู้รุนแรงกับนายกรัฐมนตรีคอลิด บาฮาห์ ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง “ใหม่” (อดีตผู้จัดการบริษัทน้ำมันแห่งหนึ่ง) และอับดุลการีม อัล อีรียานี อดีตที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีซาเลห์ และครั้งหนึ่งเคยเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อเหลือนักการเมืองให้ควบคุมน้อยลงในการเปลี่ยนผ่านอำนาจของเยเมนครั้งต่อไป ราชอาณาจักรแห่งนี้ก็กำลังจมลงในทรายดูดของเยเมน

อีกนานแค่ไหนก่อนที่คฤหาสต์ทั้งหลังจะพังครืนลงมา?

ในเกมชิงบัลลังก์ที่ราชอาณาจักรแห่งนี้กำลังพยายามสร้างขึ้นนี้ อัล-ซาอูดอาจจะสูญเสียมากกว่าที่พวกเขาเคยต่อรองไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเฮาซีและพันธมิตรของพวกเขาไม่มีอะไรให้เสีย แต่สิ่งนี้ยิ่งจะทำให้พวกเขามีอำนาจมากขึ้นอย่างแท้จริง

——-

เขียน Catherine Shakdam
Source http://journal-neo.org/2015/05/26/s...oliticians-are-not-playing-nice/แปลเรียบเรียง กองบก.เอบีนิวส์ทูเดย์

เกมชิงบัลลังก์เยเมน ซาอุดิอาระเบียจะสูญเสียมากกว่าที่คิด!! | abnewstoday

 

Jeerachart Jongsomchai



... "อเมริกา : มหาอำนาจที่สร้างตัวเองจากหนี้ ที่รอวันระเบิด ... และสงครามล้างหนี้"
... ช่วง "สงครามเย็น" อเมริกาและรัสเซียแข่งขันกันทำสงครามสะสมอาวุธมากมาย ทั้งวิจัยทางการทหารและวิทยาศาสตร์ทำให้เงินงบประมาณปรกติไม่พอ และโซเวียตรัสเซียเองก็ต้องจัดเงินไปดูแลประเทศในเครือทั้งสตาลินใช้เงินสร้างกองทัพอาวุธมาก สุดท้าย "โซเวียตรัสเซีย" ก็แตกสลาย โดยสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งคือ เงินไม่พอหมุนจ่ายในจักรวรรดิ
... "อเมริกา" ช่วงนั้นก็ไม่ต่างกัน หลังจากปี 1971 ที่ไม่ต้องมีทองคำมารองรับการผลิตเงิน ทำให้อเมริกาได้เปรียบโซเวียตรัสเซียอย่างมาก มีประเทศบริวารที่พร้อมจะเก็บเงินดอลล่าร์ไว้มากมายในทั่วโลก อเมริกาแลยเอาเงินตรงนี้ไปสร้างและวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการทหารอย่างมาก เช่นโครงการ สตาร์วอร์ หรือ HAARP ก็เริ่มในสมัยนี้ ในช่วงปลายๆสงคราม = กู้เงินจากทั่วโลกมาสร้างจักรวรรดิอเมริกา ในรูปแบบขายพันธบัตร และ เงินดอลล่าร์ถูกเก็บในทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ และก็ใช้กำลังทหารที่สร้างขึ้นจากเงินชาวบ้านนั่นเองไปบีบชาวบ้านให้ใช้เงินดอลล่าร์ แบบในอิรัก และ ลิเบีย เพื่อทำให้ดอลล่าร์แข็งเกินจริง
... พอช่วง 1990 ที่กำแพงเบอร์ลินแตก ไม่มี "โซเวียตรัสเซีย" อยู่อีกต่อไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้พฤติกรรมการสร้างหนี้แบบ "ยืมปีเตอร์มาจ่ายจอห์น" ของอเมริกาหมดไป อเมริกายังใช้วิธี "รีไฟแนนซ์" หรือพูดแบบชาวบ้านคือ "กู้บัตรเครดิตใบใหม่มาจ่ายใบเก่า" มาเรื่อยๆ
... โดยเฉพาะสมัยโรนัลด์ เรแกน ที่เป็นฮีโร่ชนะสงครามเย็นนั้น มีการประชานิยมสุดๆ มีการตัดลดภาษีเอาใจชาวบ้าน เอกชน เน้นการแปรรูปแบบ" เสรีนิยมใหม่" ให้เอกชนมาปกครองรัฐบาลมากขึ้น ยุคนั้นอเมริกามีหนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ( ดูภาพประกอบ ) ยิ่งไม่มีรัสเซียอเมริกายิ่งครองโลกแบบชายเดี่ยว เร่งส่งออกกองทัพ เช่นสงครามอ่าวครั้งแรก 1990 ที่อิรัก กร่างไปทั่วคนเดียว
... ยิ่งไม่มี "โซเวียตรัสเซีย" อเมริกายิ่งไม่มีคู่แข่ง การใช้จ่ายก็ยิ่งสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือย เงินที่กู้มาก็เอาไปเล่นในตลาดหุ้นที่นักวิชาการบางคนบอกว่าคือ "บ่อนพนัน" ขนาดใหญ่ หรือ Casino Economy หรือ "เศรษฐกิจแบบบ่อนพนัน" ดึงดูด "เงินออมจากคนทั่วโลก" มาเล่นกัน เพื่อดูดเอาเงินไปปรนเปรอพวกนักค้าเงินและนายธนาคาร โดยหลงลืมเอาเงินไปสร้างพัฒนาด้านภาคการผลิตจริง
... จนอเมริกาเริ่มมีหนี้สินมากขึ้น ตลาดหุ้นเกิดปัญหาทั้งวิกฤติดอทคอมและแฮมเบอร์เกอร์ 2008 จนปีนั้นเองบรรดาเจ้าหนี้ทั่วโลกเริ่มเปลี่ยนไปเพราะทนพฤติกรรมอเมริกาไม่ไหว มัวแต่เล่นการพนันเก็งกำไร จึงเริ่มไม่อยากให้กู้ยืม ซึ่งก็คือการ = ไม่ซื้อพันธบัตรรัฐบาลอเมริกา ไม่ถือครองเงินดอลล่าร์ไว้ในทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ ( หรือเงินเก็บของประเทศนั้นๆ ) และไม่ใช้เงินดอลล่าร์ในการซื้อขายสินค้าระหว่างกัน โดยมีกลุ่ม BRICS เป็นแกนนำในการไม่ยอมรับนักพนันประเทศนี้
... สถานะทางการเงินอเมริกาเป็นเหมือน "กรีซ" เลย ดีหน่อยที่ "ขยายเพดานหนี้" ไปเรื่อยๆได้ พิมพ์เงินจากอากาศเองได้ ไม่มีใครกล้าเตือนบอกกล่าว เพราะใหญ่คับฟ้า จนไม่มีเจ้าหนี้คนไหนไว้ใจ ให้เครดิต เอือมระอา ทั้งๆที่เงินไปกองอยู่ในตลาดหุ้น ตลาดอนุพันธ์มหาศาล ทำให้พวกวอลล์สตรีทร่ำรวยอย่างเทวดา ชาวบ้านเป็นหนี้ทั่วประเทศ
... จนสุดท้ายปี 2008 ไม่มีใครซื้อ "พันธบัตรไร้ค่า" ของอเมริกา จนต้องพิมพ์เงิน QE ขึ้นมาซื้อพันธบัตรตัวเองซึ่งตลกสิ้นดี โดย ธนาคารกลางที่เป็นเอกชน Bank Cartel พิมพ์เงินออกมาหลายครั้งส่วนหนึ่งก็เพื่อเอา "เงินร้อนQE" เป็นเหมือนจรวดทางการเงินไปป่วนตลาดเงิน ตลาดหุ้น ประเทศอื่นที่ไม่ยอมซื้อพันธบัตรตัวเองด้วย ทั้งอินเดีย เอเชีย เจ็บปวดไปตามๆกัน กับนักเลงพนันที่มีปืนและอำนาจเงินไปรังแกคนอื่น
... ไม่แค่นั้น ยังป่วนประเทศที่ตั้งตัวเป็นศัตรูเช่น "จีน" "รัสเซีย" ที่ต้องการหนีหน้า "ดอลล่าร์" ไปใช้เงินสกุลอื่นที่จะทำให้ดอลล่าร์ตก และอเมริกาต้องจ่ายทั้งดอกเบี้ยและเงินต้นสูง ที่เขายอมรับไม่ได้ จึงต้องสร้าง "สงครามยูเครน" และ "ข้อพิพาททะเลจีนใต้" มาป่วนทั้งสองประเทศ แถมไม่มีเงินสร้างกองทัพใหญ่โตกว่านี้ เลยยอมปล่อยให้ "ญี่ปุ่น" มีกองทัพของตัวเองได้ เพื่อยืมมือพี่ยุ่น มาสกัดอำนาจของพญามังกรจีน แบบหลอกใช้ ยุให้แตกแยก แล้ว ให้พวกเอเชียฆ่ากันเอง แบบประหยัดจังตังค์อยู่ครบ
... หลายประเทศถามว่า "อเมริกา" ทำไมไม่รัดเข็มขัด ตัดงบประมาณ ขายสมบัติชาติเช่นรัฐวิสาหกิจ ขายหุ้นธนาคารให้ต่างชาติเช่นจีน รัสเซียหล่ะ ไล่ข้าราชการหลายหมื่นแสน แบบที่สั่งให้ "กรีซ" ( หรือไทยปี 1997, 2540 ) ทำบ้างหล่ะ ... สิ่งนั้นอเมริกาไม่ทำแน่นอน เพราะอะไร เพราะจะเกิดการจราจลวุ่นวายในท้องถนน คะแนนเสียงหายไป แบบที่เกิดในกรีซหรือยุโรปนั้นเอง "จมไม่ลง" คือสถาวะของอเมริกาในขณะนี้
... เพราะถ้ายอมทำแบบนี้ เกิดความวุ่นวายและ "สงครามกลางเมือง" และจะเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบ "มหาอำนาจจักรวรรดิอเมริกา" อย่างแน่นอน
... ทางออกเดียวที่พวกเขาคิดได้ คือทำ "สงครามล้างหนี้" กับพวกกลุ่ม BRICS" นี้เสีย ถ้าสงครามชนะก็มีโอกาศเอาดินแดนทรัพย์สินประเทศผู้แพ้มาอยู่กินและยกเลิกหนี้ทั้งหมดเป็นโมฆะไป
... นี่คือสิ่งที่เป็นอยู่ในโลกขณะนี้ รอวันเกิด "สงครามล้่างหนี้" ตราบใดที่ลูกหนี้อันทพาล ไม่ปรับเปลี่ยนนิสัยพฤติกรรมและสันดานตัวเอง ถ้าระเบิดหนี้สินลูกใหญ่ไม่แตกโพล่ะเองเสียก่อน
.
www.opednews.com/…/How-and-Why-Did-the-U-S--by-Stephen-Pren…

 

ปากีสถานป่วน กลุ่มติดอาวุธซุ่มโจมตีตำรวจปากีสถาน 2 แห่งห่างกันไม่กี่ชั่วโมงทางตะวันตก ดับ 6 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มิถุนายน 2558 09:53 น. (แก้ไขล่าสุด 12 มิถุนายน 2558 10:27 น.)



เอพี - เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) กลุ่มติดอาวุธซุ่มโจมตีปากีสถานในสองเหตุการณ์ ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 6 นาย โดยเหตุการณ์เปิดฉากยิงในเมือง Quetta ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ รวมไปถึงเหตุการณ์มือระเบิดพลีชีพควบมอเตอร์ไซค์โจมตีรถผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจปากีสถานและทำให้นายตำรวจระดับสูงคนนี้ได้รับบาดเจ็บในเมืองเปชวาร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือ

ในวันพฤหัสบดี (11) เกิดเหตุมือระเบิดฆ่าตัวตายขับมอร์เตอร์ไซค์และจุดระเบิดใกล้กับรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงของปากีสถานในเมืองเปชวาร์ ไมอัน มูฮัมหมัด ซาอีด (Mian Muhammad Saeed) ผู้บัญชาการตำรวจเปชวาร์แถลงว่า มีตำรวจปากีสถาน 2 นายเสียชีวิต และมาลิก ทาริค (Malik Tariq) ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจที่เดินทางมาด้วยรถยนต์คันดังกล่าวได้รับบาดเจ็บ พร้อมกับนายตำรวจติดตามอีก 2 นาย

ด้านโมฮัมหมัด คูราซานี (Mohammad Khurasani) โฆษกก่อการร้ายตอลิบานปากีสถาน แถลงอ้างความรับผิดชอบเหตุโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตาย พร้อมยังขู่อีกว่า ให้เตรียมพร้อมรับมือความรุนแรงที่มากไปกว่านี้ โดยกลุ่มตอลิบานปากีสถานได้ใช้เวลาร่วมเกือบ 10 ปีเพื่อโค่นล้มรัฐบาลปากีสถาน เพื่อเปลี่ยนให้ปากีสถานเป็นรัฐอิสลามที่ปกครองด้วยกฎหมายชารีอะห์

และไม่กี่ชัวโมงหลังเกิดเหตุในเปชวาร์ มีกลุ่มมือปืนเปิดฉากยิงรถตำรวจในเมือง Quetta ทางตะวันตกเฉียงใต้ สังหารตำรวจไป 4 นาย ฟาร์ฮัต ชาห์ซาดา (Farhat Shahzada) โฆษกตำรวจปากีสถานแถลง และยังไม่มีใครเป็นผู้รับผิดชอบในเหตุการณ์โจมตีครั้งหลังนี้

ด้านกองทัพปากีสถานแถลงในวันพฤหัสบดี (11) ว่า การปิดล้อมและตรวจค้นในเขตวาริสถานเหนือล่าสุด ส่งผลทำให้สามารถปลิดชีพกลุ่มติดอาวุธจำนวน 10 คน แต่ทางกองทัพไม่ได้ให้รายละเอียดของปฏิบัติการมากไปกว่านี้

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000066504

 

ปากีฯ รวบ 5 พลเมืองไทยคาท่าอากาศยานฐานพกพาอาวุธ สื่อลือวางแผนจี้เครื่องบิน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 มิถุนายน 2558 23:11 น. (แก้ไขล่าสุด 12 มิถุนายน 2558 09:39 น.)



ท่าอากาศยานนานาชาติอิกบาล ในเมืองลาฮอร์

เอเอฟพี/เดลีปากีสถาน - เจ้าหน้าที่ปากีสถานเผยในวันพฤหัสบดี (11 มิ.ย.) ว่าได้รวบตัวพลเมืองไทย 5 คนฐานพยายามลอบนำปืนพกและกระสุนขึ้นเครื่องบิน ขณะที่สื่อท้องถิ่นบางสำนักถึงขั้นรายงานว่าคนเหล่านี้มีเป้าหมายจี้เครื่องบิน

เอเอฟพีรายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ปากีสถานระบุว่า พบปืนพก 1 กระบอกและกระสุนจำนวนหนึ่งในกระเป๋าสัมภาระของคนไทยเหล่านี้ ระหว่างที่พวกเขากำลังตรวจเช็กเพื่อขึ้นบินเที่ยวบินของสายการบินไทย ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอิกบาล ในเมืองลาฮอร์ ทางตะวันออกของปากีสถานเมื่อวันจันทร์ (8 มิ.ย.) ที่ผ่านมา

“พลเมืองไทย 5 คน สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นนักศึกษา ถูกรวบตัวเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน หลังพบปืนพก .32 ในสัมภาระใบหนึ่งของพวกเขา” เจ้าหน้าที่จากกองกำลังรักษาความปลอดภัยสนามบิน (เอเอสเอฟ) บอกกับเอเอฟพี “ต่อมาได้ส่งมอบตัวพวกเขาแก่เจ้าหน้าที่สืบสวนที่เกี่ยวข้องแล้ว” ขณะที่หน่วยสืบสวนกลางก็ยืนยันการจับกุมเช่นกัน

เมื่อเร็วๆ นี้ปากีสถานได้ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยตามสนามบินต่างๆ และเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยหลายคนอันเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนเงินและยาเสพติด

เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในอิสลามบัดยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว แต่สื่อมวลชนท้องถิ่นอย่างเดลีปากีสถาน รายงานว่าเหล่าผู้ถูกกล่าวหาน่าจะกำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนสอนศาสนาแห่งหนึ่งในเขตสวัต (Swat) และเมื่อไม่นานมานี้ ไปพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ไรวินด์ของลาฮอร์

เดลีปากีสถานระบุต่อว่า พลเมืองไทยเหล่านี้แยกชิ้นส่วนปืนเก็บไว้ในกระเป๋าสัมภาระ ขณะที่แหล่งข่าวเล่าว่าพวกเขาเล็ดลอดการตรวจค้นจากเคาน์เตอร์แรกของสนามบิน แต่ถูกจับได้ตรงเคาน์เตอร์ที่ 2 หลังเจ้าหน้าที่สงสัยท่าทีมีพิรุธ และมีข่าวว่าพวกเขาถูกกล่าวหาวางแผนจี้เครื่องบิน อย่างไรก็ตามยังไม่มีคำยืนยันเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างนี้

ด้านรัฐบาลไทย โดยรองโฆษก พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในวันพฤหัสบดี (11 มิ.ย.) ว่า ทางการกำลังสืบสวนว่าทำไมนักศึกษาเหล่านั้นถึงพกพาอาวุธ อย่างไรก็ตาม เขาชี้แจงว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับพวกหัวรุนแรงกลุ่มไหนซึ่งรวมถึงพวกที่ก่อความไม่สงบทางภาคใต้ของไทยด้วย

ส่วนนายเสข วรรณเมธี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย บอกกับเอเอฟพีว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในกรุงอิสลามาบัดกำลังอยู่ระหว่างประสานงานกับทางการปากีสถานเพื่อขอเข้าเยี่ยมนักศึกษาที่ถูกควบคุมตัวในลาฮอร์

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000066436

 

ปากีฯ รวบ 5 พลเมืองไทยคาท่าอากาศยานฐานพกพาอาวุธ สื่อลือวางแผนจี้เครื่องบิน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 มิถุนายน 2558 23:11 น. (แก้ไขล่าสุด 12 มิถุนายน 2558 09:39 น.)


ท่าอากาศยานนานาชาติอิกบาล ในเมืองลาฮอร์

เอเอฟพี/เดลีปากีสถาน - เจ้าหน้าที่ปากีสถานเผยในวันพฤหัสบดี (11 มิ.ย.) ว่าได้รวบตัวพลเมืองไทย 5 คนฐานพยายามลอบนำปืนพกและกระสุนขึ้นเครื่องบิน ขณะที่สื่อท้องถิ่นบางสำนักถึงขั้นรายงานว่าคนเหล่านี้มีเป้าหมายจี้เครื่องบิน

เอเอฟพีรายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ปากีสถานระบุว่า พบปืนพก 1 กระบอกและกระสุนจำนวนหนึ่งในกระเป๋าสัมภาระของคนไทยเหล่านี้ ระหว่างที่พวกเขากำลังตรวจเช็กเพื่อขึ้นบินเที่ยวบินของสายการบินไทย ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอิกบาล ในเมืองลาฮอร์ ทางตะวันออกของปากีสถานเมื่อวันจันทร์ (8 มิ.ย.) ที่ผ่านมา

“พลเมืองไทย 5 คน สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นนักศึกษา ถูกรวบตัวเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน หลังพบปืนพก .32 ในสัมภาระใบหนึ่งของพวกเขา” เจ้าหน้าที่จากกองกำลังรักษาความปลอดภัยสนามบิน (เอเอสเอฟ) บอกกับเอเอฟพี “ต่อมาได้ส่งมอบตัวพวกเขาแก่เจ้าหน้าที่สืบสวนที่เกี่ยวข้องแล้ว” ขณะที่หน่วยสืบสวนกลางก็ยืนยันการจับกุมเช่นกัน

เมื่อเร็วๆ นี้ปากีสถานได้ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยตามสนามบินต่างๆ และเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยหลายคนอันเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนเงินและยาเสพติด

เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในอิสลามบัดยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว แต่สื่อมวลชนท้องถิ่นอย่างเดลีปากีสถาน รายงานว่าเหล่าผู้ถูกกล่าวหาน่าจะกำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนสอนศาสนาแห่งหนึ่งในเขตสวัต (Swat) และเมื่อไม่นานมานี้ ไปพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ไรวินด์ของลาฮอร์

เดลีปากีสถานระบุต่อว่า พลเมืองไทยเหล่านี้แยกชิ้นส่วนปืนเก็บไว้ในกระเป๋าสัมภาระ ขณะที่แหล่งข่าวเล่าว่าพวกเขาเล็ดลอดการตรวจค้นจากเคาน์เตอร์แรกของสนามบิน แต่ถูกจับได้ตรงเคาน์เตอร์ที่ 2 หลังเจ้าหน้าที่สงสัยท่าทีมีพิรุธ และมีข่าวว่าพวกเขาถูกกล่าวหาวางแผนจี้เครื่องบิน อย่างไรก็ตามยังไม่มีคำยืนยันเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างนี้

ด้านรัฐบาลไทย โดยรองโฆษก พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในวันพฤหัสบดี (11 มิ.ย.) ว่า ทางการกำลังสืบสวนว่าทำไมนักศึกษาเหล่านั้นถึงพกพาอาวุธ อย่างไรก็ตาม เขาชี้แจงว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับพวกหัวรุนแรงกลุ่มไหนซึ่งรวมถึงพวกที่ก่อความไม่สงบทางภาคใต้ของไทยด้วย

ส่วนนายเสข วรรณเมธี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย บอกกับเอเอฟพีว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในกรุงอิสลามาบัดกำลังอยู่ระหว่างประสานงานกับทางการปากีสถานเพื่อขอเข้าเยี่ยมนักศึกษาที่ถูกควบคุมตัวในลาฮอร์

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000066436

 

จีนมีมหาวิทยาลัยติดอันดับชั้นนำในเอเชียมากกว่าญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในปีนี้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 มิถุนายน 2558 19:30 น. (แก้ไขล่าสุด 12 มิถุนายน 2558 09:26 น.)



เอเอฟพี - สถาบันอุดมศึกษาของจีนติดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำในเอเชียของ “Times Higher Education” มากกว่าญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในปีนี้ ผลการจัดอันดับดังกล่าวเผยในวันนี้ (11 มิ.ย.)

ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยโตเกียวจะยังคงรักษาตำแหน่งมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในภูมิภาคนี้เอาไว้ได้ แต่ญี่ปุ่น “ก็เสียตำแหน่งโดยรวมไป โดยในปีนี้ประเทศนี้มีมหาวิทยาลัยติดอยู่ 19 อันดับใน 100 อันดับแรก ลดลงจาก 20 อันดับเมื่อปีที่แล้ว” สำนักจัดอันดับแห่งนี้ระบุ

“ขณะที่จีนมีตำแหน่งเพิ่มขึ้นมาในตารางจัดอันดับที่ได้รับความเชื่อถือนี้ โดยติดอยู่ 21 อันดับ เพิ่มขึ้นจาก 18 อันดับในปีที่แล้ว”

ผลลัพธ์ดังกล่าวย้ำทำให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของจีนตลอด 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา รวมถึงการลงทุนของประเทศนี้ในภาคการศึกษา

นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงกระแสเอาตัวเองเป็นหลักที่นักวิจารณ์บางคนสังเกตเห็นมากขึ้นในแดนอาทิตย์อุทัย จากการที่คนหนุ่มสาวเดินทางไปศึกษาต่างประเทศกันน้อยลง ขณะที่จีนแซงหน้าญี่ปุ่นในฐานะเป็นจุดหมายปลายทางใหม่สำหรับนักศึกษาต่างชาติ

การจัดอันดับดังกล่าวมาจากประเมินเกณฑ์ 13 ข้อ รวมถึงสิ่งแวดล้อมในการเรียนการสอน, จำนวนและชื่อเสียงของผลงานวิจัย, รางวัลหรือคำชมเชยต่างๆ และทัศนคติจากต่างประเทศ

เกาหลีใต้มาเป็นอันดับ 3 ในการจัดอันดับนี้ โดยมีมหาวิทยาลัยติดอันดับ 13 แห่ง ขณะที่ไต้หวันอยู่ที่อันดับ 4 จาก 11 สถาบันที่ติดอันดับ มหาวิยาลัย 6 แห่งจากฮ่องกงและ 1 แห่งจากมาเก๊าอยู่ใน 100 อันดับแรก

มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์อยู่ในอันดับ 2 และมหาวิทยาลัยฮ่องกงยังคงอยู่ในอันดับ 3 เหมือนปีที่แล้ว ขณะที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งของจีนอยู่ในอันดับ 4 และมหาวิทยาลัยชิงหวาอยู่ที่อันดับ 5

มหาวิทยาลัยเกียวโต สถาบันอุดมศึกษาที่ดีสุดอันดับสองของญี่ปุ่น อยู่ที่อันดับ 9 และสถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียวอยู่ที่อันดับ 15 ทั้งสองสถาบันถูกลดอันดับลงมา 2 อันดับจากปีที่แล้ว

ในทางกลับกัน ฝ่ายจีนได้สร้างความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยมหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น (อันดับที่ 42) ได้เลื่อนขึ้น 14 อันดับเข้ามาอยู่ใน 50 อันดับแรก ขณะที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เจียวทง (อันดับที่ 39) กระโดดขึ้นมา 9 อันดับ

ส่วนประเทศไทยนั้นมีมหาวิทยาลัยติด 100 อันดับแรกอยู่ 2 แห่งคือ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรีในอันดับที่ 55 และมหาวิทยาลัยมหิดลในอันดับที่ 91

มหาวิทยาลัยโตเกียวปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับผลการจัดอันดับดังกล่าว แต่ มาโกโตะ โกโนคามิ อธิการบดีที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ บอกกับสำนักจัดอันดับแห่งนี้ว่า เขาจะบุกเบิกสาขาวิชาใหม่ๆ และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างรัฐ, ธุรกิจ และวิชาการเพื่อพลิกฟื้นภาคการศึกษาของญี่ปุ่นที่กำลังตกต่ำ

 

ดินถล่มหลังฝนตกหนัก ดับ 15 สูญหายไม่ต่ำกว่า 12 ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเนปาล โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 มิถุนายน 2558 18:33 น. (แก้ไขล่าสุด 12 มิถุนายน 2558 09:25 น.)



เอเอฟพี - เกิดเหตุดินถล่มหลังฝนตกหนักทางตะวันออกเฉียงเหนือของเนปาลในวันนี้ (11 มิ.ย.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 15 ราย และมีรายงานคนสูญหายอีกไม่ต่ำกว่า 12 คน

สุเรนทรา กุมาร พัตตาไร (Surendra Kumar Bhattarai) เจ้าหน้าที่เนปาลแถลงในวันพฤหัสบดี (11) ว่า ฝนตกหนักในทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเนปาลทำให้เกิดดินถล่มซ้ำตามมาในเขต Taplejung ซึ่งเป็นเขตภูเขา และดินถล่มยังทำให้บ้านเรือนประชาชนในแถบนี้จำนวนไม่ต่ำกว่า 12 หลังพังราบเสียหาย

“เราได้รับแจ้งการพบร่างผู้เสียชีวิตจำนวน 15 ราย และมีรายงานผู้สูญหายอีก 15 คน ซึ่งพบว่าคนเหล่านั้นอยู่ภายในบ้านในขณะเกิดดินถล่มพัดบ้านเหล่านั้น” พัตตาไร ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขต Taplejung ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี

และยังเสริมต่อไปว่า “มีจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 10 รายและทางตำรวจลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ”

เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า ในหน้ามรสุมของทุกปี มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากในเนปาล

อย่างไรก็ตาม เขต Taplejung นั้นสามารถลอดจากเหตุแผ่นดินไหวในวันที่ 25 เมษายน และวันที่ 12 พฤษภาคมมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ที่ทำให้มีผู้คนต้องเสียชีวิตไปถึง 8,700 คน รวมไปถึงบ้านเรือนเสียหายเป็นจำนวนมากจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และตามมาด้วยดินถล่มในบางพื้นที่


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000066340

 

สหรัฐย้ำจีนต้องหยุดถมทะเลจีนใต้ | เดลินิวส์



รัฐบาลสหรัฐยืนยันการบรรเทาความขัดแย้งเรื่องทะเลจีนใต้ ระหว่างรัฐบาลปักกิ่งกับหลายประเทศในภูมิภาคจะสามารถคลี่คลายได้ เมื่อจีนยกเลิกโครงการถมทะเลเท่านั้น วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2558 เวลา 10:44 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรับอเมริกา เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ว่าพ.อ.สตีฟ วอร์เรน โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ แถลงเกี่ยวกับผลการหารือระดับทวิภาคี ระหว่างรมว.กระทรวงกลาโหมสหรัฐ คือนายแอชตัน คาร์เตอร์ กับพล.อ.ฟาน ชานหลง รองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลางของจีน ซึ่งเดินทางเยือนกรุงวอชิงตันอย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้ ว่าเพนตากอนยังคงมีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับบรรยากาศของความขัดแย้งในทะเลจีนใต้

ด้วยเหตุนี้ คาร์เตอร์จึงย้ำจุดยืนของรัฐบาลวอชิงตัน เพื่อนำไปสู่การคลี่คลายข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลปักกิ่งกับหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นั่นคือการที่จีนต้องยุติโครงการถมพื้นที่ในทะเลพิพาท ยุติการเคลื่อนไหวทางทหารทุกรูปแบบในทะเลจีนใต้ และร่วมกันหาทางแก้ไขความขัดแย้งด้วยวิธีสันติตามหลักกฎหมายสากล

ทั้งนี้ การเดินทางเยือนสหรัฐของพล.อ.ฟานในครั้งนี้แตกต่างจากการเยือนของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลปักกิ่งทุกคนก่อนหน้านี้ นั่นคือไม่มีการแถลงข่าวร่วมกัน ซึ่งพ.อ.วอร์เรนกล่าวเพียงว่า เป็นไปตามความประสงค์ของพล.อ.ฟาน ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตันออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการเดินทางเยือนสหรัฐของพล.อ.ฟาน ว่าเป็นการปูทางสำหรับภารกิจอัน "ราบรื่น" ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งมีกำหนดการเดินทางเยือนสหรัฐในเดือนก.ย.นี้

นอกจากนี้ แนวคิดที่แตกต่างกันของจีนกับสหรัฐทั้งในเรื่องทะเลจีนใต้และอาชญากรรมไซเบอร์ ไม่สมควรได้รับการแก้ไขผ่านนโยบาย "การทูตแบบไมโครโฟน" แต่ต้องเป็นวิธีการที่เหมาะสมกว่านี้“

อ่านต่อที่ : สหรัฐย้ำจีนต้องหยุดถมทะเลจีนใต้ | เดลินิวส์

 

"รพ.กรุงโซล"ปิดชั่วคราว! ทำความสะอาดไล่"เมอร์ส" | เดลินิวส์



โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ ปิดให้บริการชั่วคราวนานเกือบ 2 สัปดาห์ เพื่อทำความสะอาดครั้งใหญ่ฆ่าเชื้อ "ไวรัสเมอร์ส" ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในประเทศแล้ว 11 ศพ วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2558 เวลา 9:09 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ว่ากระทรวงสาธารณสุขของเกาหลีใต้รายงานการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนากลุ่มโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส) รายใหม่จำนวน 4 คน เพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเป็นอย่างน้อย 126 คน นับตั้งแต่มีการพบผู้ป่วยคนแรกเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่อย่างน้อย 11 ศพ

ด้านสำนักงานเทศบาลกรุงโซลออกแถลงการณ์เรื่องการสั่งปิดโรงพยาบาล "เมดิฮีล" จนถึงวันที่ 23 มิ.ย. นี้ เพื่อให้เข้ารับการทำความสะอาดครั้งใหญ่ เช่นเดียวกับโรงเรียนและสถานีรถไฟอีกหลายแห่ง หลังมีการตรวจพบสถานพยาบาลแห่งนี้อาจเป็นแหล่งแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเมอร์ส อย่างไรก็ตาม ศูนย์การแพทย์ซัมซุงในกรุงโซล ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่รับรักษาผู้ติดเชื้อมากที่สุด 58 คน ยังคงเปิดให้บริการ โดยเจ้าหน้าที่ยืนยันมีมาตรการรักษาความสะอาดของสถานที่เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันมีโรงพยาบาล 52 แห่งในเกาหลีใต้รับรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์ส ในจำนวนนี้ 18 แห่งอยู่ในกรุงโซล

สถิติดังกล่าวทำให้เกาหลีใต้เป็นประเทศมีอัตราการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเมอร์สสูงที่สุดเป็นรองเพียงซาอุดีอาระเบียเท่านั้น ซึ่งเป็นประเทศแรกในโลกที่พบผู้ติดเชื้อเมื่อปี 2555 โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 402 ศพ จากจำนวนผู้ป่วยสะสม 938 คน ขณะที่รายงานขององค์การอนามัยโลก (ฮู) รวบรวมจำนวนผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสเมรอ์สทั่วโลกอยู่ที่อย่างน้อย 449 ศพ จากจำนวนผู้ติดเชื้อ 1,206 คน โดยอัตราเสี่ยงต่อการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 37“

อ่านต่อที่ : "รพ.กรุงโซล"ปิดชั่วคราว! ทำความสะอาดไล่"เมอร์ส" | เดลินิวส์

 

ญี่ปุ่นเลื่อนแผ่นย้ายแท่งเชื้อเพลิงโรงนุกฟุกุชิมะ | เดลินิวส์



รัฐบาลญี่ปุ่นเลื่อนแผนย้ายแท่งเชื้อเพลิงหล่อเย็นในเตาปฏิกรณ์ 3 แห่ง ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิ เป็นภายในปี 2561 วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2558 เวลา 13:24 น.

<iframe width="750" height="500" src="https://www.youtube.com/embed/oQJ2u5Lc3PA" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นมีมติเห็นชอบการชะลอแผนการเคลื่อนย้ายแท่งเชื้อเพลิงในโรงหล่อเย็นของเตาปฏิกรณ์ 3 แห่ง จากทั้งหมด 6 แห่ง ภายในโรงไฟฟ้านอวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิออกไปอีกไม่เกิน 3 ปี ด้วยปัญหาด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวเนื่องจากแผ่นดินไหวรุนแรงและสึนามิขนาดยักษ์ เมื่อเดือนมี.ค. 2554 ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้แก่เตาปฏิกรณ์ และมีกัมมันตรังสีรั่วไหลออกมาเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ เตาปฏิกรณ์แก 2 แห่งได้รับความเสียหายเล็กน้อย แต่หยุดเดินเครื่องอย่างไม่มีกำหนดแล้วตามคำวั่งของรัฐบาล ขณะที่เตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 ได้รับการเคลื่อนย้ายแท่งเชื้อเพลิงออกไปเก็บรักษายังโรงหล่อเย็นแห่งใหม่ตั้งแต่เดือนพ.ย. 2556

อย่างไรก็ตาม มาตรการส่วนใหญ่ในแผนยุทธศาสตร์จัดการระบบการทำงาน และสภาพแวดล้อมของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ยังคงเดิม ตามที่ได้รับการอนุมัติเมื่อปี 2556 ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีให้หมดภายในปี 2563 และการเคลื่อนย้ายกากนิวเคลียร์และซากความเสียหายอื่น ออกจากเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 ให้เสร็จสิ้นภายในข่วงเวลาระหว่างเดือนเม.ย.-ก.ย. 2561 ขณะที่การดำเนินงานทั้งหมดต้องเสร็จสิ้นภายใน 30-40 กนับจากนี้“

อ่านต่อที่ : ญี่ปุ่นเลื่อนแผ่นย้ายแท่งเชื้อเพลิงโรงนุกฟุกุชิมะ | เดลินิวส์

 

ไอเอ็มเอฟถอนตัวเจรจาหนี้กรีซ | เดลินิวส์
ไอเอ็มเอฟถอนตัวออกจากการเจรจาเรื่องหนี้สินของรัฐบาลเอเธนส์ ถือเป็นการเพิ่มแรงกดดันของบรรดาเจ้าหนี้ เพื่อให้กรีซยอมรับข้อตกลงฟื้นฟูเศรษฐกิจ วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2558 เวลา 8:29 น.



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ว่านายเจอร์รี ไรซ์ โฆษกกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( ไอเอ็มเอฟ ) แถลงเมื่อวันพุธ เรื่องการถอนคณะผู้แทนออกจากการเจรจาเรื่องภาระหนี้สาธารณะของกรีซที่กรุงบรัสเซลส์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเอเธนส์ สหภาพยุโรป ( อียู ) และธนาคารกลางยุโรป ( อีซีบี ) เนื่องจากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันในประเด็นสำคัญ

ทั้งนี้ ทีมผู้เจรจาของไอเอ็มเอฟยังคงยืนกรานในเรื่องการปรับลดสวัสดิการโครงการเงินบำนาญ การปรับขึ้นภาษี และมาตรการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลเอเธนส์ยังคงปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟจะยังคงติดตามความคืบหน้าขั้นต่อไปของการเจรจาอย่างใกล้ชิด และมอบความร่วมมือให้แก่กรีซอย่างเต็มที่ เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างลุล่วง

ขณะนายโดนัลด์ ทัสก์ ประธานมุขมนตรียุโรป กล่าวเตือนกรีซอย่างตรงไปตรงมา ว่าเหลือเวลาอีกไม่มากนัก และรัฐบาลเอเธนส์ไม่ควรเอาอนาคตของประเทศมาเป็นสิ่งเดิมพันอีกต่อไป ด้านนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ผู้นำกรีซ กล่าวเพียงจะเพิ่มความพยายามให้มากขึ้นกว่านี้ เพื่อบรรลุผลการเจรจาให้ได้ภายในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า

ท่าทีล่าสุดของไอเอ็มเอฟบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างหนัก ว่าอาจนำไปสู่การที่กรีซต้องก้าวออกจากยูโรโซน หรือกลุ่ม 19 ประเทศผู้ใช้สกุลเงินยูโรในอนาคต เนื่องจากรัฐบาลเอเธนส์ยังไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้งวดล่าสุดให้แก่ไอเอ็มเอฟ มูลค่า 1,600 ล้านยูโร ( ราว 61,280 ล้านบาท ) ภายในกำหนดวันที่ 30 มิ.ย. นี้ได้“

อ่านต่อที่ : ไอเอ็มเอฟถอนตัวเจรจาหนี้กรีซ | เดลินิวส์