ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กลาโหมเยอรมันทุบโต๊ะเปรี้ยง เลือกระบบป้องกันขีปนาวุธ MEADS มูลค่าหลายพันล้านยูโร ปกป้องประเทศ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 มิถุนายน 2558 16:11 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี – รัฐบาลเยอรมันประกาศการตัดสินใจเลือกที่จะใช้ระบบป้องกันขีปนาวุธ MEADS มูลค่าหลายพันล้านยูโร จากการพัฒนาร่วมกันของบริษัทพัฒนาอาวุธ อเมริกันล็อกฮีดมาร์ติน และบริษัทสัญชาติยุโรป MBDA แทนที่จะซื้อระบบป้องกันขีปนาวุธแพริออตของบริษัทเรย์ธีออน( Raytheon)

    สื่อท้องถิ่นรายงานว่า มูลค่าสัญญาครั้งนี้มีจำนวนหลายพันล้านยูโรสำหรับระบบขีปนาวุธป้องกันภัยในยุคถัดไปของเยอรมัน ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมเยอรมันใช้เวลานานในการตัดสินใจเลือกระบบป้องกันภัยทางอากาศระหว่างระบบขีปนาวุธ MEADS และระบบขีปนาวุธแพริออต

    ทั้งนี้เอเอฟพีรายงานว่า ระบบขีปนาวุธ MEADS เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างบริษัทพัฒนาอาวุธ อเมริกันล็อกฮีดมาร์ติน และบริษัทสัญชาติยุโรป MBDA ซึ่งภายในกลุ่ม MBDA ประกอบไปด้วยบริษัทพัฒนาอาวุธอิตาลี SpA กลุ่มแอร์บัส และ BAE Systems Plc ของอังกฤษ รายงานผ่านแถลงการณ์กระทรวงกลาโหมเยอรมัน

    คาดว่าระบบป้องกันขีปนาวุธ MEADS จะถูกนำเข้ามาประจำการในปี 2025 แทนที่ระบบป้องกันภัยขีปนาวุธแพทริออตที่ได้ทำหน้าที่ปกป้องประเทศนับตั้งแต่ปี 1989

    และในการเปิดประมูลครั้งใหม่บริษัทเรย์ธีออน( Raytheon)ได้พยายามจูงใจกระทรวงกลาโหมเยอรมันด้วยระบบจรวดขีปนาวุธแพริออตที่มีความสามารถมากขึ้นกว่าเดิม

    แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการถึงจำนวนระบบขีปนาวุธ MEADS ที่คาดว่าเยอรมันจะทำการสั่งซื้อ แต่ทางสื่อท้องถิ่นเยอรมันประเมินตัวเลขว่า อาจจะสั่งราว 8 – 10 ระบบ

    สำนักข่าว DPA ของเยอรมันรายงานว่า ทางเบอร์ลินได้ทุ่มเม็ดเงินร่วม 4 พันล้านยูโรในโปรเจกต์นี้ และคาดว่าจะเพิ่มเม็ดเงินอีก 4-5 พันล้านยูโรในอนาคต

    ระบบป้องกันภัยขีปนาวุธ MEADS เป็นระบบป้องกันภัยจากภาคพื้นสู่อากาศเพื่อต่อต้านขีปนาวุธทางยุทธวิธี TMB และรวมไปถึงอากาศยานข้าศึกอื่นๆ

    เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า การตัดสินใจเลือกครั้งนี้ของกลาโหมเยอรมันมีขึ้นท่ามกลางการตัดงบการทหารประจำปีของเยอรมัน ในขณะที่ฝ่ายค้านพรรคเอียงซ้ายเยอรมัน Linke party ระบุว่า “เป็นวิธีการใหม่ในการผลาญภาษีประชาชน” ส่วนพรรคกรีนเยอรมัน ซึ่งมีนโยบายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตำหนิว่า “เหมือนการโยนเงินยูโรทิ้งนอกหน้าต่าง”

    เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า ถึงแม้จะมีเสียงวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมจากพรรคการใองฝ่ายตรงข้าม แต่ทว่าการตัดสินใจเดินหน้าซื้อขีปนาวุธ MEADS เกิดขึ้นประจวบเหมาะกับช่วงเวลาปัญหาการพบข้อผิดพลาดในยทโธปกรณ์ของกองทัพแดนอีนทรีย์เหล็ก ที่รวมไปถึง การค้นพบข้อผิดพลาดขั้นร้ายแรงทางเทคนิกของอาวุธปืนไรเฟิล G36 ที่เป็นอาวุธพื้นฐานที่ใช้ประจำการในกองทัพ จากการรายงานของสื่อเยอรมันในความห่วงใยหลังจากที่เยอรมันต้องมีบทบาททางการทหารมากขึ้นในเวทีนานาชาติ


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000065792
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตร. อินโดฯ เผยออสเตรเลีย “ให้เงิน” ลูกเรือขนผู้อพยพวกกลับเข้าแดนอิเหนา
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 มิถุนายน 2558 17:43 น. (แก้ไขล่าสุด 10 มิถุนายน 2558 17:46 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี – กัปตันและลูกเรือของเรือขนผู้อพยพ 65 คนลำหนึ่ง ระบุว่า ทางการออสเตรเลียจ่ายเงินให้พวกเขาหลายพันดอลลาร์ เพื่อให้หันหัวเรือกลับสู่น่านน้ำอินโดนีเซีย ตำรวจเปิดเผยในวันนี้ (10)

    ผู้อพยพจากบังกลาเทศ , เมียนมาร์ และศรีลังกาขึ้นฝั่งบนเกาะร็อตในภาคตะวันออกของแดนอิเหนาเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม หลังจากพวกเขาถูกกองทัพเรือออสเตรเลียสกัดกั้นระหว่างทางไปนิวซีแลนด์

    กัปตันและลูกเรือ 5คน ซึ่งทั้งหมดถูกคุมขังบนเกาะร็อตในข้อหาค้ามนุษย์ บอกกับตำรวจว่า พวกเราได้รับเงิน 5,000 ดอลลาร์จากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของออสเตรเลียเป็นค่าหันเรือกลับมายังอินโดนีเซีย ฮีดายัต ผู้กำกับการตำรวจท้องถิ่น บอกกับเอเอฟพี

    “หลังจากได้รับเงินก้อนดังกล่าว พวกเขาถูกบอกให้ไปรับเรือ 2 ลำที่เล็กกว่าและหันกลับสู่อินโดนีเซีย” ฮีดายัต กล่าว

    “ผมเห็นเงินก้อนดังกล่าวกับตา นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้ยินว่า ทางการออสเตรเลียมีการจ่ายค่าเงินให้กับลูกเรือ”

    ในวันนี้ (10) ปีเตอร์ ดัตตัน รัฐมนตรีกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองของแดนจิงโจ้ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นถึงข้อกล่าวหาดังกล่าว

    ผู้อพยพกลุ่มดังกล่าว รวมถึงผู้หญิงและเด็กที่ถูกจัดหาที่พักพิงให้ในโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งในเมืองคูปังทางภาคตะวันออกของแดนอิเหนา ยืนยันเรื่องการรับเงินดังกล่าว

    นัซมูล ฮาซัน ผู้อพยพชาวบังกลาเทศที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนพูดให้กับกลุ่ม บอกกับเอเอฟพีว่า พวกเขาตระหนักว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนเส้นทางการเดินเรือใหม่

    “เรารู้ว่าพวกลูกเรือรับเงินมา เมื่อเราเราถามกัปตันว่าทำไมเราถึงไม่เดินทางไปออสเตรเลียต่อ เขาบอกกับพวกเราว่า เขารับเงินก้อนหนึ่งมาจากทางการออสเตรเลีย” เขากล่าว

    รัฐบาลอนุรักษ์นิยมของออสเตรเลียได้เสนอนโยบายตรวจคนเข้าเมืองอันเข้มงวดในปี 2013 เพื่อหยุดยั้งการไหลทะลักของผู้อพยพ ผู้แสวงหาที่พักพิงที่เข้ามาด้วยเรือได้ถูกส่งไปยังค่ายกักกันในหมู่เกาะแปซิฟิกและเรือถูกส่งกลับเมื่อคลื่นสมสงบ หรือถูกส่งกลับประเทศต้นทางของพวกเขา

    การมาถึงของผู้อพยพในภาคตะวันออกของแดนอิเหนาครั้งล่าสุดนี้มีขึ้นในขณะที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังจัดการกับวิกฤตการค้ามนุษย์ ซึ่งทำให้ได้เห็นผู้อพยพหลายร้อยคนแห่ขึ้นฝั่งหลังจากการปราบปรามของไทยทำให้ขบวนการผิดกฎหมายเหล่านี้เสียกระบวนยุ่งเหยิง

    ในเดือนที่แล้วเพียงเดือนเดียวมีผู้อพยพจากเมียนมาร์และบังกลาเทศเข้ามาถึงจังหวัดอาเจะห์ของอินโดนีเซียราว 1,800 ราย ขณะที่รายอื่นๆ ขึ้นฝั่งในมาเลเซียและไทย

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กระแสผวาไวรัส MERS กระเทือนธุรกิจ “ห้าง-โรงหนัง” ในแดนโสม-คนแห่ช้อปออนไลน์ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 มิถุนายน 2558 15:36 น.

    [​IMG]

    รอยเตอร์ – ข่าวการระบาดของเชื้อไวรัสกลุ่มทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS) ในเกาหลีใต้ทำเอาห้างสรรพสินค้าและโรงภาพยนตร์ยอดขายตกฮวบในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายน เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่ไม่กล้าออกจากบ้าน และหันมาใช้วิธีเลือกซื้อสินค้าออนไลน์แทน สถิติจากรัฐบาลเกาหลีใต้เผยวันนี้ (10 มิ.ย.)

    ประธานาธิบดี พัค กึน ฮเย แห่งเกาหลีใต้ ประกาศเลื่อนกำหนดเดินทางเยือนสหรัฐฯ เพื่ออยู่ดูแลการตอบสนองวิกฤตสาธารณสุขครั้งนี้ ขณะที่ล่าสุดพบผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 13 รายภายในวันเดียว ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสมรณะในโสมขาวขยับขึ้นเป็น 108 คน เสียชีวิตแล้ว 9 คน

    เดิมที พัค มีกำหนดจะเดินทางไปเยือนกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ (14) และจะเข้าพบประธานาธิบดี บารัค โอบามา ในวันอังคารที่ 16 มิ.ย. ทว่าทางสำนักงานของเธอระบุว่า ช่วงสัปดาห์หน้าจะเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” สำหรับมาตรการตอบสนองการแพร่ระบาดของไวรัส MERS ในเกาหลีใต้

    สถิติล่าสุดจากรัฐบาลโซล พบว่า ยอดจำหน่ายของห้างสรรพสินค้าลดลงถึง 25% จากค่าเฉลี่ยในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม แม้แต่ห้างที่ขายสินค้าลดราคาก็ยอดขายตกลง 7.2% ทว่าการซื้อสินค้าออนไลน์กลับเพิ่มขึ้นจากเวลาปกติราว 3.2%

    ยอดจำหน่ายตั๋วชมภาพยนตร์ลดลงถึง 54.9% ในสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายนเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่สวนสนุกมีคนไปเที่ยวน้อยลงถึง 60.4% ส่วนจำนวนผู้เข้าชมการแข่งขันเบสบอลก็ลดลง 38.7%

    พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ต่างๆ ก็เผชิญปัญหานักท่องเที่ยวบางตาไม่ต่างกัน โดยมียอดผู้เข้าชมลดลง 81.5% และ 48.3% ตามลำดับ

    ชอย คยุง-ฮวาน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเกาหลีใต้ ได้กล่าววิงวอนประชาชนในวันนี้(10)ว่า อย่าเพิ่งวิตกกังวลเรื่องเชื้อไวรัส MERS จนเกินเหตุ และขอให้ออกไปจับจ่ายซื้อสินค้ากันตามปกติ

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000065762
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัสเซีย-อียิปต์ เปิดฉากซ้อมรบทางทะเลร่วมกัน สานสัมพันธ์ต้านตะวันตก
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 มิถุนายน 2558 21:06 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี/รอยเตอร์ - กระทรวงกลาโหมระบุในวันพุธ (10 มิ.ย.) ว่ารัสเซียและอียิปต์ได้ทำการซ้อมรบทางทะเลร่วมกันเป็นครั้งแรก เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองชาติ ในช่วงที่ดินแดนหมีขาวกำลังเผชิญหน้ากับชาติตะวันตก

    คำแถลงของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระบุว่า การซ้อมรบทางทะเลร่วมกันระหว่างรัสเซียกับอียิปต์ภายใต้ชื่อ "บริจด์ ออฟ เฟรนด์ชิพ 2015" (สะพานแห่งมิตรภาพ) ได้เริ่มขึ้นในวันนี้ ที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ใกล้กับชายฝั่งอียิปต์

    มีเรือของรัสเซียหลายลำเข้าร่วมการซ้อมรบครั้งนี้ ที่จะมีไปจนถึงวันที่ 14 มิถุนายน อาทิ เรือติดขีปนาวุธ มอสควา , เรือลาดตระเวน ซามัม , เรือบรรทุกน้ำมัน อีวาน บับนอฟ , เรือลำเลียงพลและพาหนะ อเล็กซานเดอร์ ชาบาลิน

    ด้านอียิปต์ส่งเรือฟรีเกต "ทาบา" และ "ชาร์ม เอล-ชีค" พร้อมด้วยเรือตรวจการณ์ "เอพริล 25" เข้าร่วมการซ้อมรบนอกชายฝั่งท่าเรืออเล็กซานเดรีย

    "ด้วยการสนับสนุนจากทางอากาศ เรือของรัสเซียและอียิปต์จะปฏิบัติหน้าที่โดยมีเป้าหมายปกป้องเส้นทางเดินเรือจากภัยคุกคามต่างๆ" กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระบุ

    รัสเซียพยายามขยายความสัมพันธ์กับประเทศอียิปต์ที่มีประชากรมากสุดในกลุ่มชาติอาหรับ หลังจากที่ระหองระแหงกับซีกโลกตะวันตกเพราะการยึดไครเมียมาจากยูเครนเมื่อปีที่แล้ว

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000065947
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    การล่มสลายของจักรวรรดิอเมริกาสไตล์โซเวียต ตอนที่1-2 : ภัยก่อการร้ายไอซิส และภูมิรัฐศาสตร์และความเสื่อมสลายโครงสร้างทางสังคมและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

    [​IMG]

    -----------
    + บทนำโดยแอ็ดมิน
    -----------
    เอ่อ… เมื่อวานนี้ไปอ่านเจอบทความฉบับหนึ่งในคอลัมน์ OPINION จากสำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซีย ซึ่งแปลมาจากสำนักข่าว Carta Maior ของบราซิลอีกทีหนึ่งต้นฉบับเป็นภาษาบราซิเลียนเขียนโดย Professor Antonio Gelis-Filho (Dr. Gelis-Filho) ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ (การเมืองเชิงภูมิศาสตร์) และเป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ที่ Sao Paulo Business School ของบราซิล (บราซิลเป็นหนึ่งในชาติสมาชิกของกลุ่ม BRICS - Brazil, Russia, India, China และ South Africa - ใช้อักษรตัวแรกของแต่ละประเทศสมาชิกมาเป็นชื่อกลุ่ม) ศาสตราจารย์คนนี้พูดถึงเรื่อง "การล่มสลายของสหรัฐอเมริกาสไตล์โซเวียต" (Soviet-style collapse of the United States)
    ปรกติแอ็ดมิน (คุณอาย) จะไม่นิยมนำบทความจากคอลัมนิสต์หรือนักวิเคราะห์ทั่วไปมานำเสนอเท่าไรนัก นานน๊านนนนที ถึงจะนำมาลงให้แฟนเพจได้อ่านกัน ส่วนมากเพจนี้เน้นเกาะติดสถานการณ์ปัจจุบันจากข่าวต่างประเทศเป็นหลัก เดิมทีก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับบทความนี้สักเท่าไรนัก โดยมองว่าก็เป็นปรกติของฝ่ายตรงข้ามที่มักจะเขียนข่าวหรือบทความโจมตีอีกฝ่ายหนึ่งอยู่แล้ว และเนื่องจากเป็นบทความที่ค่อนข้างยาวถึงยาวมาก คงจะไม่ค่อยมีใครอ่านกันสักเท่าไรนัก แต่ตัวเองก็อดใจไม่ได้จึงลองอ่านเล่นๆดู เพื่อดูซิว่าเขาจะพูดและมองสหรัฐฯในอนาคตอย่างไรบ้าง
    พออ่านไปได้สัก1ใน4ส่วน รู้สึกว่า เออ… ชักมันส์ขึ้นมาแล้ววุ่ย! เดี๋ยวขอไปชงกาแฟซักแก้วก่อน แล้วค่อยกลับมาอ่านต่อ พออ่านจบแล้วต้องบอกว่า "ว้าววว! ซุดหยอดดดด" ก็เลยเกิดความคิดขึ้นว่าเอ... ทำอย่างไรถึงจะให้แฟนเพจได้อ่านบ้างนะ โดยเฉพาะท่านที่อ่านภาษาอังกฤษไม่เก่งนี่ (แอ็ดมินก็ใช่ว่าจะเก่งหรอกนะ คริๆ บางศัพท์ก็เปิดพจนานุกรมเหมือนกันนะ บ่อยด้วยครับ) เนื่องจากฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษนั้นยาวมาก จำเป็นต้องแบ่งเป็น 4 ตอนจะได้ไม่เหนื่อยทั้งคนแปลและคนอ่านนะครับ วันนี้จึงของเล่าตอนที่1 และตอนที่ 2 ชิมลางไปก่อนนะ
    + ตอนที่ 1 : สหรัฐฯกับภัยก่อการร้ายไอซิส
    -----------
    สหรัฐฯกำลังได้รับความเดือดร้อนทุกข์ยากอย่างหนักอันเนื่องมาจากความล้มเหลวทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และด้านเศรษฐกิจมาเป็นศตวรรษแล้ว (เริ่มต้นได้โหดมาก ฟันธงทุบโต๊ะเลยว่าสหรัฐฯล้มเหลว! บ่งบอกถึงความมั่นใจในการวิเคราะห์ของตนเอง เล่นเอาโปรอเมริกาอ่านแล้วเซ็ง แต่ก็อยากรู้จึงต้องอ่านต่อใช่ป๊ะ คริๆ) ตอนนี้สหรัฐฯกำลังเผชิญหน้ากับอีกหนึ่งปัจจัยที่โหดร้าย : ซึ่งนั่นก็คือภัยคุกคามจากการโจมตีแผ่นดินอเมริกาด้วยอาวุธนิวเคลียร์โดยพวกไอซิส (ปัจจุบันนี้เขาเรียกตัวเองว่า Islamic State แต่แอ็ดมินไม่ค่อยชอบชื่อนี้สักเท่าไรนักเพราะมองว่าเป็นการพยายามสร้างความขัดแย้งขึ้นในสังคมโลกด้วยการดึงศาสนามาเป็นข้ออ้างในการสร้างความชอบธรรมให้กับการทำชั่วของพวกตนจึงขอเรียกว่า "ไอซิส" เหมือนเดิม) (เอ… บทความนี้มันจะยาวเพิ่มขึ้นก็เพราะคอมเม้นท์ของแอ็ดมินนี่แหละ ว่าป๊ะ? ขอแจมมั่ง คริๆ)
    แต่สหรัฐฯก็พยายามแสดงความความหวังของตนออกมาว่าภัยคุกคามจากไอซิสนั้นไม่มีอะไร (น่ากลัว) หรอก เป็นเพียงเรื่องขี้โม้ (คำลวง/เรื่องไร้สาระ - hot air) เท่านั้นเอง (ก็แหงหละ ใครหละที่สร้างไอซิสขึ้นมา? ใครหละที่ควบคุมไอซิสอยู่ในตอนนี้?) ประเด็นไม่ได้อยู่ที่พวกไอซิสจะสามารถทำอย่างนั้น (บางอย่างที่ไม่อาจจะจินตนาการถึง) ได้หรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงก็คือว่าพวกเขา (ไอซิส) มีความมั่นใจพอที่จะก่อภัยคุกคามในวิถีทางที่ไม่ใยดีต่ออะไรเลย (nonchalant way)
    ศาสตราจารย์ Gelis-Filho อธิบายต่ออีกว่า "เห็นได้ชัดว่าพวกไอซิสไม่ได้เกรงกลัวอเมริกาเลย และทำไมพวกเขาจะต้องกลัวด้วยหละ? หลังจากปราบพวกอเมริกันได้แล้ว หลังจากจับตาดูกองทัพอิรัคในสนามรบแล้ว สมมุติว่า (กองทัพอิรัค) ได้รับการฝึกมาอย่างดีและติดอาวุธอย่างดีโดยกองทัพสหรัฐฯ แต่กองทัพอิรัคก็วิ่งหนีจากการต่อสู้เฉยเลย หลังจากไอซิสเข้ายึดอาวุธทางกองทัพของอเมริกันได้ในสนามรบ และพระเจ้ารู้ดีว่าข้อเท็จจริงนั้นคืออะไร ซึ่งมีแต่พวกที่อยู่ในสนามรบเท่านั้นที่รู้ดีกว่าคนอื่นๆ กลุ่มผู้ก่อการร้ายถึงกับสามารถข่มขู่คุกคามด้วยการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ต่อประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ทรงอำนาจที่สุดในโลก ซึ่งอย่างน้อยก็มีอยู่เฉพาะในหน้ากระดาษ" (ส่วนหลังนี้ผู้เขียนเขาเหน็บสหรัฐฯหนะ เพราะพี่แกชอบออกมาขู่และวางกร้ามไปทั่วโลกว่าแกเป็นจ้าวโลกแต่เพียงผู้เดียว)
    + ตอนที่ 2 : ภูมิรัฐศาสตร์และความเสื่อมสลายโครงสร้างทางสังคมและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
    -----------
    ในมุมมองของศาสตราจารย์ Gelis-Filho นั้น พวกไอซิสกำลังแสดงออกในวิธีที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องปรกติ (ของพวกนั้น) แต่สิ่งที่ทั่วโลกกำลังรับรู้อยู่ในตอนนี้ก็คือ: สหรัฐฯได้ไปถึง "จุดไม่หวนกลับ" (a point of no return) ในความเสื่อมโทรมของตัวเองซะแล้ว ศาสตราจารย์ Gelis-Filho อ้างถึงความขัดแย้งในยูเครน ในขณะที่รัสเซียกล้าที่จะลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับกรุงวอชิงตันเพื่อที่จะปกป้องผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ของตนเอง
    และกรณีที่จีนสร้างเกาะเทียมขึ้นในทะเลจีนใต้ว่า "โดยไม่สนใจคำเตือนจากสหรัฐฯว่าอย่าทำอย่างนั้น คำเตือนของอเมริกาไม่ได้รับความสนใจจากกรุงปักกิ่ง ประหนึ่งว่าจีนกำลังยกมือปัดพวกแมลงวันที่น่ารำคาญ แต่ไม่เป็นอันตราย" (American warnings are ignored by Beijing as if they were the buzz of an annoying but harmless fly.) (อูย… เจ็บอ่ะ ปากกาของชาวบราซิลเลียนนี่คมกริดจริงๆ เห็นมะ... อ่านแล้วไม่ผิดหวังแน่ๆ)
    ศาสตราจารย์ Gelis-Filho กล่าวแย้งว่า ปัญหาของสหรัฐฯในต่างประเทศนั้นประกอบไปด้วยปัญหาทางสังคามและเศรษฐกิจที่บ้านด้วย การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งเป็นครั้งที่เท่าไรไม่อาจทราบได้ ได้กลายเป็นการชะลอตัวจากร้อยละ 0.7 ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2015
    หลังจากที่มีการยกระดับการเตือนภัยหลอก (cry wolf ตรงกับสำนวนภาษาไทยว่า "เด็กเลี้ยงแกะ") อยู่หลายต่อหลายครั้งเพื่อการฟื้นตัวว่าเหตุการณ์เช่นนั้นจะไม่กลับมาเกิดขึ้นอีก หลังจากการล่มสลายของโครงสร้างทางสังคมที่มองเห็นได้ ซึ่งมีการก่อจราจลต่อต้านความโหดร้ายของตำรวจ (police brutality) ที่มีบ่อยครั้งกว่าแต่ก่อนและความไม่เท่าเทียมกัน (ในสังคม) ที่เพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน บางทีนี่อาจจะถึงเวลาที่จะต้้องตั้งคำถามต้องห้ามแล้วว่า: พวกเราควรจะเตรียมตัวสำหรับการล่มสลายสไตล์โซเวียตของสหรัฐฯแล้วหรือยัง? (Should we prepare for a Soviet-like collapse of the US?) (นี่… นักวิเคราะห์ชาวบราซิลเขามองไปถึงตรงโน้นเลยนะ)
    ตามความคิดของศาสตราจารย์ Gelis-Filho นั้นคำตอบก็คือ "สำหรับหลายๆเหตุผลแล้วก็คือ ใช่" นักวิเคราะห์คนนี้ขยายความให้ชัดเจนขึ้นอีกว่า "นี่ไม่ได้หมายความว่าการล่มสลาย (disintegration) ดังกล่าวเป็นเรื่องจวนตัวหรือแม้กระทั่งว่ากำลังจะเกิดขึ้น (ในเร็วๆวันนี้)" ในมุมมองของศาสตราจารย์ Gelis-Filho ก็คือว่าความเป็นไปได้ของสิ่งที่จะเกิดขึ้นซึ่งไม่อาจคาดคิดได้นั้นหมายความว่า เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายทั้งหลายทั่วโลกจะต้องเตรียมการสำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเอาไว้ด้วย
    นี่เป็นอีกมุมมองหนึ่งจากต่างประเทศที่กำลังจับตาดูสหรัฐอเมริกาอยู่ในยามนี้ ก็เหมือนกับการทำนายและเตือนภัยให้เตรียมตัวให้พร้อมหากเหตุสึนามิขึ้นมานั่นแหละครับ ยังเหลืออีก 2 ตอนนะ สนุกและเข้มเข้นมากไม่ควรพลาดเด็ดขาดนะครับ แล้วเจอกัน...ในตอนต่อไป
    The Eyes
    11/06/2558
    ----------
    Unthinkable: Brazilian Journalist Mulls Soviet-Style Collapse of US / Sputnik International
    Dever
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ก.พลังงานเดินหน้าประชาสัมพันธ์ด้านดี "โรงไฟฟ้านิวเคลียร์" ที่เพชรบูรณ์
    Administrator 10 มิถุนายน 2558

    [​IMG]

    กระทรวงพลังงานจัดอบรมโครงการ “การสร้างความเข้าใจเพื่อการพัฒนาทัศนคติที่มีต่อการสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์” ที่เพชรบูรณ์ มีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ สื่อสารมวลชน และประชาชน เข้ารับการอบรม 50 คน (ที่มาภาพ: en.wikipedia.org)
    10 มิ.ย. 2558 สวท.เพชรบูรณ์ รายงานเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า ที่ห้องนครบาล โรงแรมโฆษิตฮิลล์ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ นางฉัตรพร ราษฎร์ดุษดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานเปิดอบรมโครงการ “การสร้างความเข้าใจเพื่อการพัฒนาทัศนคติที่มีต่อการสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์” มีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ สื่อสารมวลชน และประชาชน เข้ารับการอบรม 50 คน
    นายวชิรวิชญ์ บุญสม ผู้อำนวยการกองศึกษาและประสานงานพลังงานนิวเคลียร์ กล่าวว่า กระทรวงพลังงาน เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อปฏิบัติภารกิจในการจัดหา พัฒนาและบริหารจัดการพลังงานอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน ซึ่งพลังงานนิวเคลียร์เป็นพลังงานทางเลือกอย่างหนึ่ง มีประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลก ได้นำมาผลิตไฟฟ้าเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานและความอยู่ดีกินดีของประชาชน เพื่อให้ผู้บริหารหน่วยงานในจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้รับทราบและเข้าใจถึงประสิทธิภาพของพลังงานนิวเคลียร์ขั้นพื้นฐาน เพื่อจะได้พัฒนาทัศนคติที่เกี่ยวข้องกับพลังงานนิวเคลียร์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และจะได้เกิดเครือข่ายในระดับจังหวัด กองศึกษาและประสานงานพลังงานนิวเคลียร์ กระทรวงพลังงาน จึงกำหนดจัดอบรม โครงการ “การสร้างความเข้าใจเพื่อการพัฒนาทัศนคติที่มีต่อการสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์” ขึ้นในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นจังหวัดใกล้เคียงจังหวัดยุทธศาสตร์ เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์อย่างครบถ้วน ครอบคลุมในทุกประเด็นโดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ สื่อสารมวลชน และประชาชน 50 คน เข้ารับการอบรม
    อนึ่ง จ. เพชรบูรณ์ ถือว่าเป็น 1 ใน 20 จังหวัดที่มีอาณาเขตติดกับ 9 จังหวัดที่คาดว่าจะมีการตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ชัยนาท ตราด ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ ชลบุรี และจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดย 20 จังหวัดที่มีอาณาเขตติดกับ 9 จังหวัดนั้น ได้แก่ ตาก ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุทัยธานี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ลพบุรี จันทบุรี เพชรบุรี ระนอง กระบี่ ตรัง พัทลุง พิจิตร กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ ระยอง ฉะเชิงเทรา และพังงา (อ่านเพิ่มเติม: ก.พลังงาน ลงพื้นที่ 9 จังหวัด คาดเป้าหมายตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์)
    ศูนย์ข้อมูล&ข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง (TCIJ)

    ก.พลังงาน ลงพื้นที่ 9 จังหวัด คาดเป้าหมายตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
    Administrator 03 เมษายน 2558

    กระทรวงพลังงาน เริ่มจัดอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่เป้าหมายจังหวัดยุทธศาสตร์ 9 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ชัยนาท ตราด ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ ชลบุรี และสุราษฎร์ธานี และจังหวัดที่มีอาณาเขตติด 20 จังหวัด หวังสร้างความรู้ความเข้าใจ เพื่อพัฒนาทัศนคติ ที่มีต่อการสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (ที่มาภาพ: en.wikipedia.org)
    3 เม.ย. 2558 สวท.ตราด รายงานว่าที่เหลาหยารีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัด กองการศึกษาและประสานงาน พลังงานนิวเคลียร์ ก.พลังงาน จัดอบรมโครงการ "การสร้างความรู้ความเข้าใจ เพื่อพัฒนาทัศนคติ ที่มีต่อการสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์" มีพลังงานจังหวัดตราดกล่าวต้อนรับ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ข้าราชการ ประชาชน และสื่อมวลชน จำนวน 50 คน เข้าร่วมรับฟัง ซึ่งจะได้รับความรู้เกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ ได้แก่ ประวัติและวิวัฒนาการ การพัฒนาทัศนคติประชาชน ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการทำงาน คุณลักษณะการระเบิดของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์กับการระเบิดของนิวเคลียร์ รังสีและความรุนแรงที่มีต่อประชาชนกรณีโรงไฟฟ้าฯระเบิด รังสีและความรุนแรงที่มีผลต่อประชาชนกรณีการระเบิดของระเบิดนิวเคลียร์ และแนวทางไปสู่ความสำเร็จ จึงได้จัดอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่เป้าหมายจังหวัดยุทธศาสตร์ 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ชัยนาท ตราด ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ ชลบุรี และจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดที่มีอาณาเขตติดกับจังหวัดยุทธศาสตร์ 20 จังหวัด ได้แก่ ตาก ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุทัยธานี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ลพบุรี จันทบุรี เพชรบุรี ระนอง กระบี่ ตรัง พัทลุง พิจิตร กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ ระยอง ฉะเชิงเทรา และพังงา
    รัฐบาลมีโครงการการพัฒนาการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ในประเทศตามแผน PPD 2010 โดยเมื่อปี 2550 ครม.มีมติเห็นชอบแผนกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2550-2564 ให้มีการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ในปี 2563 และ 2564 ตามจำนวนที่กำหนด แต่ก็เป็นการวางแผนไว้ ปัจจุบันได้มีการปรับเลื่อนโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ในประเทศออกไปอีกเป็นระยะเวลา 6 ปี และรัฐบาลมีมติเร่งสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน สาเหตุจากประชาชนยังไม่ยอมรับการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์
    ศูนย์ข้อมูล&ข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง (TCIJ)
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    การล่มสลายของจักรวรรดิอเมริกาสไตล์โซเวียต ตอนที่3: รากฐานของความเป็นรัฐาธิปัตย์ของสหรัฐฯ (รัฐเทียม)

    [​IMG]

    -----------
    มาแล้วครับตอนที่3 เห็นใจแฟนเพจเรียกร้องกันจังเลย เปลี่ยนบรรยากาศบ้างน้อ นานๆทีถึงจะเอาบทวิเคราะห์ต่างแดนมาลงให้อ่านกันนะครับ ตอนที่3 นี้ต้องบอกว่า บีบหัวใจโปรอเมริกามากๆ เป็นการจี้ถูกจุด สะกิดแผลเก่าได้ถูกที่เลยหละ มาลุยกันต่อเลยนะครับ ในหัวข้อนี้ศาสตราจารย์ Antonio Gelis-Filho ได้พูดถึงอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เขามองว่าจักรวรรดิอเมริกากำลังจะล่มสลายในรูปแบบเดียวกันกับการล่มสลายของสหภาพโซเวียต โดยยกประเด็นเรื่องความเป็นมาของการเป็นรัฐ และเป็นการประเทศของสหรัฐอเมริกา
    ศาสตราจารย์ Antonio Gelis-Filho อธิบายว่า เพื่อให้เข้าใจว่าทำไมความแตกแยก (fragmentation) ภายในของสหรัฐฯถึงมีความเป็นไปได้ แม้ว่าจะยังอีกไกลก็ตามนั้น จำเป็นต้องมีความเข้าใจเหตุผลที่ของการรวมประเทศเข้าไว้ด้วยกันก่อน ประเทศสหรัฐฯไม่ได้สร้างมาตามสายกลุ่มชาติพันธุ์ (ethnic lines) (ผู้เขียนหมายถึงความเป็นสหรัฐอเมริกา ไม่ใช่หมายถึงเฉพาะคนขาว คนอินเดียนแดง คือคนผิวสี หรือแม้กระทั่งกลุ่มชาติพันธุ์อื่นจากทั่วโลกที่ไปอยู่รวมกันในสหรัฐฯในทุกวันนี้) ซึ่งเป็นบางอย่างที่จะช่วยให้ความเป็นรัฐ (รัดถะ) อยู่รอดจากปัญหาต่างๆตลอดช่วงระยะเวลาของพวกเขาได้
    ชายแดนของสหรัฐฯที่อยู่ติดกับประเทศแคนาดานั้นเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นของเทียม ดังนั้นข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์จึงไม่ได้มีบทบาทอะไร อันที่จริงแล้ว สหรัฐฯเป็นรัฐเทียมทั้งหมด (United States is an entirely artificial polity) และไม่มีรัฐใดที่เกิดขึ้นมาใหม่ได้มากขึ้นหรือน้อยลงตามธรรมชาติโดยปราศจากการเคลื่อนไหวทางประวัติศาสตร์ มันเป็นผลของการประดิษฎ์แบบบรรจงและแผนการขยายตัวที่ดำเนินการมาจนประสบความสำเร็จ ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของอุดมการณ์แห่งโชคชะตาที่สวรรค์กำหนดไว้ (the ideology of the Manifest Destiny)
    ความเป็นรัฐาธิปัตย์ของอเมริกานั้นยั่งยืนอยู่ได้ด้วยเพียงปัจจัยเดียวและมีประสิทธิภาพมากซึ่งนั่นก็คือความสำเร็จ (success) การก่อความไม่สงบแบบสงครามกลางเมือง (Confederate insurgency) ในศตวรรษที่ 19 ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าแม้แต่ในอดีตนั้นประเทศนี้ (สหรัฐฯ) ก็ได้เกิดการแตกแยกมาแล้ว แต่น่าประหลาดใจที่ความสำเร็จด้านเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมของสหรัฐฯได้สร้างอสูรร้ายที่เลี้ยงดูด้วยความสำเร็จขึ้นมา และเจ้าอสูรร้ายที่ว่านี้ก็ความหิวกระหายนั่นเอง (…United States created a success-fed beast, and the beast is now hungry.) (ว้าว! สำนวนสุดยอดมาก...ข้าน้อยขาคารวะท่านศาสตราจารย์ Antonio Gelis-Filho ด้วยกาแฟหนึ่งแก้วขอรับ)
    นอกจากโวหารทั้งหมดที่เกี่ยวกับอุดมคติของเสรีภาพแล้ว สิ่งที่ได้ขับเคลื่อนและยังคงขับเคลื่อนองคาพยพส่วนใหญ่ให้กับสหรัฐฯได้ก็คือหนึ่งความปรารถนาเดียวกันซึ่งก็คือความเจริญด้านวัตถุเท่านั้นเอง (one single desire: material progress) (ตรงนี้เหน็บได้แสบมาก ถ้าตีความแบบนาง Marie Harf โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ก็จะบอกว่า "ไม่ใช่ความเจริญทงด้านจิตใจและศีลธรรม" เพราะมันตรงข้ามกับความเจริญทางด้านวัตถุ)
    แล้วอะไรที่ทำให้ประเทศสหรัฐฯยังคงรวมกันอยู่ได้ในทุกวันนี้ ซึ่งความเจริญก้าวหน้าที่ว่านั้นไม่อาจยอมรับได้อีกแล้ว? ในฐานะที่เป็นผ้าคลุม [ของความมั่งคั่งทางด้านวัตถุ] สหรัฐฯเริ่มที่จะประจักษ์แก่ตนเองแล้วว่าผ้าผืนนั้นมันสั้นเกินไป พวกชนชั้นสูงท้องถิ่น (local elites) ในรัฐที่ร่ำรวยกว่าไม่มีแรงจูงใจที่จะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่รัฐที่ยากจนกว่า ดังนั้นศาสนาของความสำเร็จร่วมกันและความสำเร็จส่วนบุคคล - ศาสนาทางโลก (secular religion) ของชาวอเมริกันทั้งหมดรับผิดชอบต่อประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและอุดมสมบูรณ์ของอเมริกา - หากพูดโดยเปรียบเปรยแล้ว ก็จะเป็นเหมือนเชื้อเพลิงสำหรับการล่มสลายที่อาจจะเป็นไปได้
    ศาสตราจารย์ Antonio Gelis-Filho กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า มันเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจให้คิดเกี่ยวกับเรื่องการแทรกแซงทางทหารเพื่อป้องกันการล่มสลายใดๆที่เป็นไปได้ สิ่งนี้จะไม่ช่วยรักษาประเทศสหรัฐฯไว้ได้ในระยะยาวแน่ ในระดับแรกของการเสี่อมโทรมนั้น มันอาจจะกลายเป็นจริงก็ได้ แต่เมื่อเลยจุดๆหนึ่งไปแล้ว เศรษฐกิจที่อ่อนแออาจจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ขององค์กร และการกำจัดสิ่งที่อาจจะเข้าใจว่าเป็นตัวถ่วงมรณะ (the dead weight) ของรัฐที่ยากจนกว่าและมีวุ่นวายทางสังคมอาจจะปรากฎขึ้นมาให้เห็น เพื่อเป็นเครื่องรับประกันอำนาจไม่มากก็น้อยของผู้ที่อาจจะสามารถเข้าควบคุมกองทัพไว้ก็ได้ (เขากำลังพูดถึงนโยบายลดประชากรของตัวเองลงอย่างที่มีการพูดจากกันในโลกโซเชียลหรือเปล่า? น่าคิดเหมือนกันนะ)
    ในขั้นตอนนี้ การล่มสลายอาจจะง่ายต่อการหลบหนีจากการควบคุมของบรรดาบุคคลที่พยายามจะจัดการกับมัน (หมายถึงว่า ณ เวลานั้นคุณจะไม่สามารถจัดการหรือห้ามกระบวนการล่มสลายได้อีกต่อไปแล้ว) แล้วประวัติศาสตร์ที่เป็นบวกกก็จะหมุนกลับมา บางอย่างตามแนวเส้นเหล่านี้ได้เกิดขึ้นแล้วในสหภาพโซเวียตในอดีต
    พูดถึงการใช้กองกำลังทหารเข้าควบคุมสถานการณ์หรือเข้ายึดอำนาจในสหรัฐฯนั้น ได้มีการสำรวจความคิดเห็นในกลุ่มประชาชนชาวอเมริกันมาแล้วว่า ชาวอเมริกันส่วนมากเริ่มตื่นรู้และเชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐฯจัดซ้อมรบทางทหารมีเป้าหมายเพื่อควบคุมรัฐต่างๆ เรื่องนี้เคยเล่าให้ฟังแล้วในโพสต์เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา (https://www.facebook.com/fisont/posts/1667266486826818) เข้มข้นขึ้นมาทุกทีแล้วครับท่าน... โปรดติดตามตอนต่อไป นะครับ
    ป.ล.บทความนี้เป็นตอนที่ 3 ซึ่งแปลมาจากบทความภาษาอังกฤษชื่อ "Unthinkable: Brazilian Journalist Mulls Soviet-Style Collapse of US" จากสำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซีย เขียนโดยศาสตราจารย์ Antonio Gelis-Filho ชาวบลาซิล ต้นฉบับเดิมนั้นเขียนเป็นภาษาบาซิลชื่อ "Deveríamos nos preparar para um colapso dos Estados Unidos ao estilo soviético?" ตีพิมพ์ในเว็บไซต์ของสำนักข่าว Carta Maior ของบราซิลเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.58 ที่ผ่านมา (ลิ้งค์อ้างอิงอยู่ด้านล่าง) แอ็ดมิน-The Eyes นำมาแปลเป็นภาษาไทยให้แฟนเพจได้อ่านกันแบบฟรีๆ
    The Eyes
    11/06/2558
    ----------
    Unthinkable: Brazilian Journalist Mulls Soviet-Style Collapse of US / Sputnik International
    http://cartamaior.com.br/…
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    อินเดียส่งหน่วยคอมมานโดชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจเข้าจู่โจมกลุ่มกบฎและผู้ก่อการร้ายในพม่าแบบสายฟ้าแล็บภายใต้ปฏิบัติการ "จู่โจมแบบผ่าตัด45นาที"

    [​IMG]

    -----------
    เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.58 ที่ผ่านมา ขบวนรถคอนวอยของทหารอินเดียถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายซุ่มโจมตีแบบกองโจนในป่าภูเขาในพื้นที่เมืองมณีปุระ/มณีบุรี (Manipur/Manipuri) ติดกับชายแดนพม่าด้วยจรวดของสหรัฐฯ ทำให้ทหารของอินเดียเสียชีวิตไปราว 20 นาย ขบวนรถบรรทุกของกองทัพอินเดียและอาวุธถูกโจมตีไหม้เป็นจุล จากนั้นกลุ่มผู้ก่อการร้าย (กบฎ) ก็หลบหนีข้ามชายแดนเข้าไปในพม่า เคยเล่าข่าวนี้ให้ฟังแล้วเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา (https://www.facebook.com/fisont/posts/1678009969085803)
    อินเดียเงียบ ไม่โวยวาย แต่ส่งหน่วยข่าวกรองลงพื้นที่สืบหาข่าวว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใด และอาศัยอยู่ที่ไหน เมื่อหน่วยข่าวกรองยันยืนเป็นที่แน่ชัดแล้ว นายกฯ Narendra Modi ของอินเดียจึงมีคำสั่งไปที่กลาโหมของอินเดียให้จู่โจมกลุ่มกบฎเหล่านั้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัวภายใต้ปฏิบัติการ "45-minute surgical strike operation" อยากรู้ต่อป๊ะ?... งั้นอ่านต่อนะครับ
    สื่ออินเดีย (indiatoday และ indiatimes) สรุปแบบเจาะลึกภายใต้การจู่โจมของกองทัพอินเดียในพม่าหนนี้เป็น 10 ข้อดังนี้...
    1.) ทางรัฐบาลอินเดียได้วางแผนเพื่อแก้แค้นการโจมตีเมื่อเร็วๆนี้ซึ่งทำให้ทหารหน่วย 6th Dogra Regiment ของอินเดียเสียชีวิตไปราว 18-20 นายและได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่งระหว่างการซุ่มโจมตีที่อำเภอ Chandel เมือง Manipur เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยฝีมือของกลุ่ม NSCNKhaplang (NSCN-K) และกลุ่ม Kanglei Yawol Kanna Lup (KYKL) (Khaplang เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Nagaland)
    2.) นาย Manohar Parrikar รมว.กลาโหม และนาย Rajnath Singh รมว.มหาดไทย และผู้นำทางกองทัพอีกหลายท่านของอินเดียได้รับไฟเขียวจากนายกรัฐมนตรีของอินเดียให้มีปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่เพื่อตอบโต้กลุ่มผู้ก่อการร้าย
    3.) กองทัพอินเดียส่งหน่วยคอมมานโด (commandos) เฉพาะกิจทหารพลร่มจำนวน 21 นายด้วยการสนับสนุนจากกองทัพอากาศของอินเดีย (Indian Air Force) เข้าจู่โจมกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธที่หลบหนีเข้าไปในพม่า จากหน่วยข่าวกรองชั้นยอดของอินเดีย
    4.) เช้ามืดของวันที่ 6 มิ.ย.58 ช่วงเวลาประมาณตี 3 หน่วยคอมมานโดเฉพาะกิจ 2 ชุดของอินเดียได้เดินทางไปถึงรังของกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่อำเภอ Tuensang เมือง Nagaland และอำเภอ Ukhrul เมือง Manipur
    5.) ทหารพลร่มชุดเฉพาะกิจ (Special Forces) จำนวน 21 นายซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยเครื่องบินเฮลิค็อปเตอร์ Mi-17 v5 กำหนดเป้าหมายที่ค่าย NSCN-K (Nagaland) ได้อย่างแม่นยำ (แปลว่าสอยได้แม่นยำอย่างกับจับวาง ผู้ก่อการร้ายไม่ทันได้ตั้งตัว) แหล่งข่าวรายงานว่าปฏิบัติการในครั้งนี้เริ่มขึ้นในตอนเช้ามืด รายละเอียดจะเผยแพร่ต่อสาธารณะหลังจากที่ปฏิบัติการลุล่วงและทีมจู่โจมเดินทางกลับอินเดียในตอนกลางวัน
    6.) แหล่งข่าวรายงานว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายถูกบุกจู่โจมและได้รับความเสียหายอย่างหนัก ตัวเลขของผู้ก่อการร้ายที่เสียชีวิตจากการจู่โจมแบบไม่ตั้งตัวของกองทัพอินเดียในครั้งนี้มีประมาณ 50-100 ราย
    7.) การจู่โจมด้วยอาวุธในครั้งนี้ทั้งรวดเร็วและแม่นยำ (swift and precise) ซึ่งไม่เปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้ตั้งตัวได้เลย (ย่องเงียบปิดปากตอนกำลังนอนหลับว่างั้นเถอะ โหดอ่ะ) รายงานข่าวบอกว่าไม่มีทหารนายใดในชุดเฉพาะกิจนี้ของอินเดียได้รับบาดเจ็บภายใต้ปฏิบัติการทั้งหมด
    8.) ปฏิบัติการทั้งหมดถูกเก็บเป็นความลับสุดยอด มีแต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพอินเดียเท่านั้นที่รู้ นักการทูตได้รับแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วย (หมายถึงทูตฝั่งพม่า)
    9.) รายงานข่าวบอกว่าทางอินเดียได้แจ้งให้รัฐบาลพม่าทราบล่วงหน้าแล้วเกี่ยวกับความไม่พอใจของกองทัพอินเดียจากการซุ่มโจมตีทหารอินเดียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กองกำลังด้านความมั่นคงของพม่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในปฏิบัติการตามที่ทางอินเดียเรียกเป็นครั้งแรกนี้
    10.) ทางกองทัพของอินเดียออกแถลงการณ์ว่าปฏิบัติการจู่โจมในพม่าในครั้งนี้คือกฎใหม่ที่อินเดียประกาศขึ้นมาเพื่อเผชิญหน้ากับขบวนการก่อการร้าย และถือว่าเป็นการส่งสารไปยังกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆแม้จะอยู่ตามแนวชายแดนปากีสถานด้วยก็ตาม
    11.) อันนี้แถมให้ นาย Narendra Modi นายกรัฐมนตรีของอินเดียออกมากล่าวหลังหน่วยคอมมานโดปฏิบัติการเสร็จสิ้นว่า "การโจมตีอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นที่อิรัคหรือเยเมนเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ นี่คือสารที่ส่งไปถึงเพื่อนบ้านของเราทั้งหลาย ผู้ซึ่งให้ที่พักพิงแก่กลุ่มผู้ก่อการร้าย" (สหรัฐฯได้ยินหรือยัง? คริๆ)
    เรื่องความขัดแย้งกันทางด้านกองทัพระหว่างอินเดียกับพม่านั้นคงจะยังไม่มีแน่ เพราะมีรายงานว่าก่อนหน้านี้ทหารฝั่งพม่าก็ไล่ขย้ำพวกกบฎและผู้ก่อการร้ายข้ามชายแดนเข้าไปในอินเดียได้เช่นกัน คราวนี้จะแปลกอะไรที่อินเดียจะรุกเข้าไปจัดการกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ก่อเหตุในอินเดียและหลบหนีเข้าไปในพม่าบ้าง ซึ่งหาเรื่องด้วยการโจมตีกองทัพอินเดียก่อนเอง
    ที่น่าแปลกใจก็คือสำนักข่าวอัลจาซีร่ารายงานว่ากลุ่มกบฎ Naga-Manipuri ซึ่งถูกโจมตีโดยกองทัพอินเดียเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมาบอกว่าไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลย โดยอ้างแหล่งข่าวจาก (NSCN-K) พักหลังนี่พฤติกรรมของนักข่าวอัลจาซีร่าเริ่มแปลกๆไป มีรายงานข่าวว่านักข่าวของอัลจาซีร่าถูกดำเนินคดีข้อหาสมรู้ร่วมคิดหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ก่อการร้ายหรือเป็นผู้ก่อการร้ายซะเอง จนทางอียิปต์จับดำเนินคดีมาแล้วก็มี พวกสื่อฯตะวันตกก็ออกมาประท้วงว่ารัฐบาลอียิปต์ปิดปากสื่อฯซะงั้น การนำเสนอข่าวจากฝั่งอัลจาซีร่าแม้จะมีข้อมูลในเชิงลึก แต่ก็มักจะเอียงไปทางกลุ่มผู้ก่อการร้าย ข่าวนี้ก็เช่นกัน
    The Eyes
    11/06/2558
    ----------
    Over 100 Militants Dead in Indian Army's Surgical Strike in Myanmar / Sputnik International
    Indian Army's Myanmar operation: 10 insider facts : India, News - India Today
    Everything You Wanted To Know About Indian Army's Operation In Myanmar
    Indian Armed Forces Cross Myanmar Border to Battle Militant Groups
    Military fraternity reacts to Myanmar operation by Indian Army - The Times of India
    Inside story: Over 100 northeast militants may have been killed in Army's Myanmar operations - The Times of India
    Indian troops cross into Myanmar to attack rebel bases - Al Jazeera English
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำมันลงหลังIEAคาดอุปสงค์โลกจะอ่อนลง หุ้นมะกันบวก-ทองปิดลบ
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มิถุนายน 2558 05:16 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี - ราคาน้ำมันปรับลงเมื่อวันพฤหัสบดี(11มิ.ย.) หลังทบวงพลังงานระหว่างประเทศ (IEA)คาดหมายว่าอุปสงค์ที่ดีดตัวขึ้นในระยะหลังใกล้ถึงจุดสิ้นสุด ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบและทองคำขยับลง จากข้อมูลค้าปลีกที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ

    น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 66 เซนต์ ปิดที่ 60.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 59 เซนต์ ปิดที่ 65.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ในรายงานตลาดน้ำมันประจำเดือน อีไอเอปรับเพิ่มอุปสงค์โลกปี 2015 จากการประมาณการณ์คราวก่อน 300,000 บาร์เรล เป็น 91 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังพบอุปสงค์เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรก

    อย่างไรก็ตาม ไออีเอแสดงความเคลือบแคลงต่อเหตุผลบางประการของการฟื้นตัวของอุปสงค์ อาทิฤดูหนาวที่เย็นยะเยือกผิดปกติในยุโรปช่วงต้นปี 2015 ซึ่งกระตุ้นอุปสงค์น้ำมันทำความร้อน ยิ่งไปกว่านั้นในรายงานยังพบเห็นสัญญาณยืดเยื้อของภาวะอุปทานล้นตลาด จากกำลังผลิตอันสูงลิ่วของสหรัฐฯและเหล่าสมาชิกหลักๆของโอเปก

    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันพฤหัสบดี(11มิ.ย.) ปิดในแดนบวก หลังข้อมูลค้าปลีกอันแข็งแกร่งของอเมริกา บ่งชี้ว่าผู้บริโภคแดนลุงแซมกำลังมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ตามหลังภาวะซบเซาในไตรมาสแรก

    ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 38.97 จุด (0.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,039.37 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 3.66 จุด (0.17 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,108.86 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 5.82 จุด (0.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,082.51 จุด

    ข้อมูลของกระทรงพาณิชย์สหรัฐฯพบว่ายอดค้าปลีกในเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ดีกว่าที่เหล่านักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าน่าจะเพิ่มขึ้นราวๆร้อยละ 1.1

    ตัวเลขค้าปลีกอันแข็งแกร่งดังกล่าว ผลักให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แต่ปัจจัยนี้เองที่ฉุดให้ทองคำเมื่อวันพฤหัสบดี(11มิ.ย.) ปิดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 6.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,180.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    IMF-EUเพิ่มแรงกดดันกรีซ เตือนรีบบรรลุข้อตกลงหนี้-หยุดเดิมพันอนาคตปท.
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มิถุนายน 2558 03:15 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี/รอยเตอร์ - เหล่าเจ้าหนี้นานาชาติถาโถมแรงกดดันใส่กรีซเมื่อวันพฤหัสบดี(11มิ.ย.) โดยไอเอ็มเอฟถอนคณะผู้แทนลุกหนีโต๊ะเจรจา ส่วนอียูเตือนเอเธนส์หยุดเดิมพันอนาคตของประเทศกับความเป็นไปได้ของการผิดนัดชำระหนี้และต้องออกจากยูโรโซนท่ามกลางความยุ่งเหยิง

    กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) เพิ่มเดิมพันในการเจรจาหนี้กรีซเมื่อวันพฤหัสบดี(11มิ.ย.) ด้วยแจ้งว่าคณะผู้แทนของพวกเขาได้ลุกจากโต๊ะหารือในบรัสเซลส์และบินกลับบ้านแล้ว สืบเนื่องจากยังมีความเห็นต่างอย่างใหญ่หลวงกับรัฐบาลต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดของเอเธนส์ ที่กำลังเสี่ยงไม่สามารถจ่ายหนี้จำนวนมหาศาลได้ในช่วงสิ้นเดือนนี้

    ตามหลังการเจรจานานกว่า 11 ชั่วโมงในบรัสเซลส์ ระหว่างนายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีฝ่ายซ้ายของกรีซกับนายฌอง โคลด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป โต๊ะหารือจบลงโดยไม่สามารถบรรลุข้อตกลงปฏิรูปแลกเงินสดช่วยเหลือได้

    "ยังมีความเห็นต่างใหญ่หลวงระหว่างเราทั้งสองฝ่ายในประด็นหลักๆเกือบทั้งหมด" แกร์รี ไรซ์ โฆษกของไอเอ็มเอฟบอกกับผู้สื่อข่าวในวอชิงตัน "เร็วๆนี้ไม่มีความคืบหน้าในความพยายามลดช่องว่างความเห็นต่าง ดังนั้นเราจึงอยู่ห่างจากข้อตกลงพอสมควร" พร้อมเผยว่าคณะผู้แทนเจรจาได้เดินทางกลับจากบรัสเซลส์สู่วอชิงตัน "ตอนนี้ลูกบอลอยู่ในฝั่งของกรีซแล้ว"

    อย่างไรก็ตามโฆษกของกองทุนการเงินระหว่างประเทศรายนี้ชี้แจงว่าไอเอ็มเอฟไม่ได้ทิ้งโต๊ะเจรจาและจะยังคงเดินหน้าต่อรองต่อไป พร้อมระบุประเด็นที่มีความเห็นต่างหลักๆก็มีด้านเบี้ยบำนาญ ภาษีและการเงินการคลัง

    ไอเอ็มเอฟคือเจ้าหนี้ที่แข็งกร้าวที่สุดในบรรดาเจ้าหนี้ 3 ฝ่ายของเอเธนส์ ส่วนอีก 2 ได้แก่คณะกรรมาธิการยุโรปและธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) ซึ่งต่างเรียกร้องกรีซปฏิรูปอย่างเข้มข้นแลกกับการปลดล็อคเงินกู้งวดสุดท้าย 7,200 ล้านยูโร ในแพ็กเก็จช่วยเหลือรวม 240,000 ล้านยูโร

    หากปราศจากเงินทุนจากภายนอกก้อนใหม่เมื่อแพ็กเก็จช่วยเหลือหมดอายุลงในวันที่ 30 มิถุนายน กรีซที่กำลังเผชิญภาวะเงินสดขาดมือก็เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาอาจต้องออกจากยูโรโซน แม้ได้รับเงินช่วยเหลือจากนานาชาติมาแล้ว 2 ก้อนนับตั้งแต่ปี 2010

    วิกฤตนี้ถูกคาดหมายว่าน่าจะเป็นประเด็นถกเถียงหลักของที่ประชุมเหล่ารัฐมนตรีคลังยูโรโซนในลักเซมเบิร์ก ในวันที่ 18 มิถุนายน โดยมันถูกมองในฐานะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะบรรลุข้อตกลงเพื่อจะได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาชาติต่างๆทันก่อนสิ้นเดือน

    ถ้อยแถลงที่น่าประหลาดใจของไอเอ็มเอฟมีขึ้นในขณะที่นายโดนัลด์ ทุสค์ ประธานสหภาพยุโรป เตือนกรีซ อย่างตรงๆว่าให้หยุดเดิมพันอนาคตของประเทศที่กำลังเผชิญภาวะเงินสดขาดมือเสียที และตัดสินใจอย่างเด็ดขาดเพื่อหลีกเลี่ยงหายนะจากการผิดนัดชำระหนี้ ที่อาจนำไปสู่การต้องออกจากยูโรโซน "นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาวางเดิมพัน วันนั้นกำลังใกล้เข้ามา ผมกลัวเหลือเกินจะมีบางคนเดินมาบอกว่าเกมสิ้นสุดลงแล้ว"

    เมื่อช่วงค่ำของวันพุธ(10มิ.ย.) การเจรจาระหว่างนายซีปราส นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีและนายฟรังซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ก็จบลงโดยปราศจากข้อตกลงใดๆ โดยมีแต่เพียงคำสัญญาว่าจะเพิ่มความพยายามให้่มากขึ้นเท่านั้น เช่นเดียวกับรัฐบาลกรีซที่แถลงในวันพฤหัสบดี(11มิ.ย0) ว่าจะเพิ่มความพยายามคลี่คลายความเห็นต่างกับเหล่าเจ้าหนี้เพื่อบรรลุข้อตกลงที่เปิดทางให้ประเทศได้รับความช่วยเหลือ

    IMF-EU
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พบเพนกวินเกยตื้นตายตามชายฝั่งอุรุกวัยหลายสิบตัว
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มิถุนายน 2558 04:30 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่รัฐบาลอุรุกวัยเผยเมื่อวันพฤหัสบดี(11มิ.ย.) พบเพนกวินเกยตื้นตายบนชายหาดทางตะวันออกของประเทศ หลายสิบตัวในช่วง 3 วันที่ผ่านมา เบื้องต้นเชื่อว่าพวกมันน่าจะตายด้วยสาเหตุทางธรรมชาติ แต่ทั้งนี้ทางการก็กำลังดำเนินการสืบสวน

    เพนกวินวัยหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งถูกพบเกยตื้นอยู่ในพื้นที่เมืองโรชา ห่างจากกรุงมอนเตวิเดโอ ไปทางตะวันออกราว 210 กิโลเมตร ส่วนอีกกลุ่มถูกพบบริเวณชายหาดในเมืองตากอากาศ "ปุนตาเดลเอสเต" ตามการเปิดเผยของกราเซียลา ฟาเบียโน จากสำนักงานทรัพยกรน้ำแห่งชาติ

    สำนักงานแห่งนี้ไม่มีโปรแกรมสังเกตการณ์เพนกวิน แต่เธอบอกว่าปกติแล้วช่วงนี้ในทุกๆปีจะพบเห็นฝูงเพนกวินปรากฏตัวอยู่ตามชายฝั่ง บางครั้งก็เกยตื้นตาย ความเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกับรูปแบบการอพยพย้ายถิ่นฐานของพวกมัน

    ฟาเบียโน กล่าวเสริมว่าปกติแล้วการเกยตื้นตายของเพนกวินมักมีสาเหตุตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการสืบสวน กระนั้นเธอเตือนว่าด้วยกระแสน้ำแอตแลนติกกำลังเข้าสู่ฤดูพายุ จึงคาดหมายจะพบเห็นจำนวนเพนกวิยเกยตื้นตายเพิ่มมากขึ้น

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kitti Light

    แห่ชมคลิปจากรัสเซีย โชว์ภาพดวงจันทร์เคลื่อนที่เร็วผิดปกติก่อนพุ่งลับสายตา เว็บแฟนพันธุ์แท้มนุษย์ต่างดาวตีปี๊บ อ้างเป็นข้อพิสูจน์ยูเอฟโอมีจริง

    คลิปว่อน! ‘ไม่ใช่ดวงจันทร์ จานบินต่างหาก’
    by Sathit M. 11 มิถุนายน 2558 เวลา 10:08 น.

    [​IMG]

    แห่ชมคลิปจากรัสเซีย โชว์ภาพดวงจันทร์เคลื่อนที่เร็วผิดปกติก่อนพุ่งลับสายตา เว็บแฟนพันธุ์แท้มนุษย์ต่างดาวตีปี๊บ อ้างเป็นข้อพิสูจน์ยูเอฟโอมีจริง

    ในวิดีโอ มองเห็นดวงจันทร์ลอยนิ่งบนท้องฟ้ามืดครู่หนึ่ง จากนั้น มันเริ่มเปลี่ยนตำแหน่ง ดูเล็กลงๆคล้ายกับกำลังเคลื่อนห่างออกไป แล้วทะยานพ้นไปจากสายตาของคนถ่ายภาพ

    UFO Sightings Daily บอกว่า “วัตถุมีการเคลื่อนที่เร็วมาก ไม่น่าใช่ดวงจันทร์” ขณะเว็บไซต์อื่นๆพูดทำนองเดียวกันว่า สิ่งที่เห็นคือจานบิน มีเอเลี่ยนขับอยู่ข้างใน ถือเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่า อันที่จริงแล้ว ดวงจันทร์คือยูเอฟโอ

    แต่ผู้ชมจำนวนมากเขียนคอมเมนต์โต้แย้งว่า นี่มันภาพตัดต่อชัดๆ พวกวัยรุ่นในวิดีโอเพียงแต่ชี้ไม้ชี้มือไปยังท้องฟ้ากว้างโล่ง จากนั้น จึงนำภาพดวงจันทร์ใส่เข้าไป

    คลิปนี้อ้างว่าถ่ายที่เมืองคราสโนดาร์ ในรัสเซีย เมื่อคืนวันที่ 30 พฤษภาคม จนถึงตอนนี้ มีคนเข้าชมแล้วกว่า 1 แสนครั้ง.

    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/TipaKwCaN0g" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


    Source: Mirror

    Video: UFO GLOBE 2



    คลิปว่อน! ‘ไม่ใช่ดวงจันทร์ จานบินต่างหาก’ - VoiceTV
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    11 มิ.ย. ปรากฏการณ์หายาก พระอาทิตย์ทรงกลด สีรุ้ง วงซ้อน 3 ชั้น

    [​IMG]

    [​IMG]

    วันที่ 11 มิถุนายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 11.09 น. เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ "พระอาทิตย์ทรงกลด" เหนือท้องฟ้าในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ อาทิ ลำพูน ลำปาง เป็นต้น ซึ่งมีลักษณะพระอาทิตย์อยู่ตรงกลาง มีวงแหวนที่ล้อมรอบดวงอาทิตย์ และยังมีการเกิดแสง 7 สี อยู่บริเวณวงแหวนด้วย ขณะที่ชาวบ้านเชื่อว่าปรากฏการณ์ดังกล่าว เป็นพระอาทิตย์ทรงกลด 3 ชั้น 7 สี ที่หาดูได้ยาก สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้พบเห็น จนหลายคนได้นำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ พร้อมทั้งนำไปโพสต์และแชร์ต่อ ๆ กันโลกออนไลน์กันจำนวนมาก

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ทั้งนี้ นายทิวา พันธุ์ไม้สี ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาลำปาง กล่าวว่า ปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด ถือว่าเป็นปกติทางธรรมชาติ โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้น วันที่ 25 กรกฎาคม 2557 พระอาทิตย์ทรงกลดทั่วไปนั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ไม่ได้สวยงามเหมือนกับ พระอาทิตย์ทรงกลด 3 ชั้น 7 สี

    นายทิวา กล่าวต่ออีกว่า สำหรับปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด เกิดขึ้นตามหลักวิทยาศาสตร์ จากบรรยากาศของโลก ในชั้นโทรไพสเฟียร์ที่เป็นชั้นล่างสุด และเป็นที่อยู่ของกลุ่มเมฆ ที่มีอากาศเย็นจัด ซึ่งในชั้นดังกล่าวจะมีละอองน้ำในอากาศ จนเกิดความแข็งตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็ง เมื่อแสงส่องทำมุมได้อย่างเหมาะสม จะเกิดการหักเห และการสะท้อนของแสง จนทำให้เป็นแถบสีรุ้ง คล้ายกับรุ้งกินน้ำล้อมรอบดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดเกิดขึ้น อย่างไรก็ดีการเกิดละอองน้ำมากเท่าไร ก็จะทำให้แสงสะท้อนเกิดเป็นสีรุ้งสวยงามมากขึ้นเท่านั้น

    ปรากฏการณ์หายาก พระอาทิตย์ทรงกลด สีรุ้ง วงซ้อน 3 ชั้น
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    11มิ.ย. ดักสกัดไวรัสเมอร์ส จับตามองคณะเกาหลีใต้ 4-5 พันคนร่วมประชุมในไทย

    [​IMG]

    นายแพทย์ คำนวณ อึ้งชูธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค เผยว่า ในวันที่ 12-14 มิถุนายนนี้ มีการประชุมเครื่องมือแพทย์ ภาคเอกชน ที่ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งมีผู้ร่วมประชุมมาจากทั่วโลกประมาณ 20,000 คน มีชาวเกาหลีใต้รวมอยู่ประมาณ 4,000-5,000 คน จึงได้ออกมาตรการป้องกันไวรัสเมอร์ส โดยขอความร่วมมือจากบุคคลที่มีไข้ไม่ให้เข้าร่วมการประชุม และได้จัดทีมแพทย์คอยประจำไว้ที่งาน พร้อมกับแจกเอกสารให้ปฏิบัติตามคำแนะนำ

    วันที่ 11 มิถุนายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาและที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยว่า ได้รับข้อมูลจากประเทศเกาหลีใต้ เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ 2012 หรือ ไวรัสเมอร์ส นับตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม-10 มิถุนายน 2558 พบผู้ป่วย 122 ราย เสียชีวิต 9 ราย และอยู่ในช่วงเฝ้าระวังอีกกว่า 2,800 ราย สำหรับคนไทยยังไม่พบผู้ติดเชื้อ แต่ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ที่เดินทางกลับมาจากเกาหลีใต้ ขอตรวจเชื้อจำนวน 9 คน ผลปรากฏว่าไม่พบเชื้อ 6 คน อีก 3 คน ยังคงรอผลการตรวจ

    ด้าน นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือองค์กรอนามัยโลกไวรัสสัตว์สู่คน กล่าวว่า นอกจากจะต้องเฝ้าระวังผู้ป่วยที่มีอาการไข้และจามแล้ว อีกทั้งจะมีอาการท้องเสียอีกด้วย และให้ต้องเฝ้าระวังผู้โรคไตเพิ่มเติม เพราะเชื้อไวรัสเมอร์ส สามารถลงไปยังไตได้

    ดักสกัดไวรัสเมอร์สไวรัสเมอร์สเข้าไทย จับตามองคณะเกาหลีใต้ร่วมประชุมในไทย
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    11 มิ.ย. สธ. ประกาศ ไวรัสเมอร์ส เป็นโรคติดต่อร้ายแรง ใครป่วยต้องแจ้งทันที

    [​IMG]

    กระทรวงสาธารณสุขไทย ประกาศให้ ไวรัสเมอร์ส เป็นโรคติดต่อร้ายแรง ใครป่วยต้องสงสัยต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ ฝ่าฝืน-ปิดบัง มีโทษปรับไม่เกิน 2 พันบาท หลังยอดผู้เสียชีวิตที่เกาหลีใต้พุ่ง 10 คนแล้ว

    วันที่ 11 มิถุนายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ ออกแถลงการณ์ว่า ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตจากโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส) เพิ่มเป็น 10 คนแล้ว โดยผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นชายวัย 65 ปี ที่แสดงอาการติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สรายอื่น ๆ ที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเดียวกัน ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อดังกล่าว ล่าสุดอยู่ที่ 122 คน และทางการได้เฝ้าระวังผู้ที่อาจติดเชื้ออีกกว่า 3,000 คนนั้น

    ทางด้าน นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาการปลัดกระทรวงสาธารณสุขของไทย ได้ออกมาแถลงว่า กระทรวงสาธารณสุขเห็นชอบกับคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาให้ออกประกาศให้เรียกโรคเมอร์สว่า "โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง" และถือเป็นโรคติดต่ออันตรายที่ต้องแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2523 เทียบเท่าโรคอหิวาตกโรค ไข้ทรพิษ ไข้เหลือง ไข้กาฬโรค โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์) และโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา โดยจะเร่งให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน 1-2 วันนี้ ซึ่งหลังประกาศแล้ว เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะมีอำนาจในการสั่งกักตัว สั่งรักษา ตรวจสอบเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้ตามกฎหมาย โดยไม่ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิ

    ทั้งนี้ โรคเมอร์ส ไม่ใช่โรคที่เพิ่งเกิดใหม่แต่อย่างใด ประเทศไทยมีแนวทางการดูแลโรคดังกล่าวมานานแล้ว ซึ่งการตรวจหาเชื้อก็เป็นแบบเรียลไทม์ พีซีอาร์ที่สามารถรู้ผลได้ภายใน 12 ชั่วโมง นอกจากนี้ได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคประสานกับสายการบินต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องบินที่มาจากประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง และประเทศเกาหลีใต้ ให้ประกาศแจ้งคำแนะนำและการปฏิบัติตัวให้ผู้โดยสารทราบตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินอีกด้วย

    ขณะที่ นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า หลังจากออกประกาศเรื่องโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางแล้ว ผู้ที่กลับจากประเทศที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว จะต้องมาแจ้งต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้ทราบว่ามีประวัติการเดินทางไปที่ใดมาบ้าง หรือถ้าสงสัยว่าตัวเองอาจจะมีอาการติดเชื้อ ก็ต้องแจ้งให้ทราบด้วย เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการเฝ้าระวังและติดตาม หากใครฝ่าฝืนหรือไม่ยอมให้กักตัว ไม่ยอมรักษา หรือปิดบังเจ้าหน้าที่ จะถือเป็นความผิด มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

    สำหรับอากาคของโรคนี้นั้น เนื่องจากเป็นไวรัสตระกูลเดียวกับโรคซาร์ส ดังนั้นอาการที่พบคือ อาการทางระบบทางเดินหายใจ โดยผู้ป่วยจะเป็นไข้ ไอ หอบ หายใจลำบาก และเมื่อตรวจร่างกายจะพบ "ปอดบวม" ปอดอักเสบ หรือนิวโมเนีย บางรายอาจมีอาการท้องร่วงร่วมด้วย

    สธ. ประกาศ ไวรัสเมอร์ส เป็นโรคติดต่อร้ายแรง ใครป่วยต้องแจ้งทันที
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    11 มิ.ย. โป๊ปฟรานซิส บอก ปูติน ‘จริงใจ’ สร้างสันติภาพในยูเครน

    [​IMG]

    เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 58 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สมเด็จพระสันตะปาปา (โป๊ป) ฟรานซิส แห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ทรงเรียกร้องให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ‘มีความจริงใจและพยายามอย่างที่สุด’ ที่จะบรรลุสันติภาพในยูเครน ในโอกาสที่ประธานาธิบดีปูตินเดินทางมาเข้าเฝ้าโป๊ปฟรานซิส ณ นครวาติกัน เมื่อวันพุธที่ 10 มิ.ย.ที่่ผ่านมา

    ด้านสำนักวาติกัน ได้ออกแถลงการณ์ว่า โป๊ปฟรานซิสทรงสนทนาแบบส่วนตัวกับประธานาธิบดีปูตินเป็นเวลา 50 นาที โดยทรงชี้ให้ผู้นำรัสเซียเห็นดีด้วยกับความจำเป็นในการสร้างบรรยากาศของการเจรจาใหม่อีกครั้งเพื่อนำไปสู่การบรรลุข้อตกลงสันติภาพในยูเครน เพื่อยุติการสู้รบระหว่างกำลังทหารรัฐบาลกับกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในยูเครนตะวันออกที่ฝักฝ่ายรัสเซีย

    วันเดียวกัน บุญธง ก่อมงคลกูล ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำประเทศเบลเยียม รายงานอ้างเว็บไซต์ 7sur7 ของเบลเยียม รายงานข่าว องค์พระสันตะปาปา (โป๊ป) ฟรานซิส ทรงต้อนรับประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซีย และมอบเหรียญ "เทวดาแห่งสันติภาพ" เพื่อ "พิชิตสงครามทั้งมวล" ("l'Ange de la paix", "qui vainc toutes les guerres") และได้พูดถึง "ความสมานฉันท์ของประชาชนทั้งมวล"

    ประธานาธิบดีปูตินได้สนทนากับโป๊ปฟรานซิสประมาณ 50 นาที โดยผ่านล่าม โป๊ปมีท่าทีเคร่งขรึมและยิ้มน้อยมาก บรรยากาศการสนทนาเป็นไปอย่างค่อนข้างจะร้อนแรง "นี่คือเหรียญ 'เทวดาแห่งสันติภาพ' ที่ประดิษฐ์โดยช่างฝีมือในศตวรรษที่แล้ว เทวดาแห่งสันติภาพนี้จะพิชิตสงครามทั้งมวลและเรียกหาความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในหมู่ประชาชน" โป๊ปตรัสกับประธานาธิบดีปูตินขณะที่มอบเหรียญให้แขกพิเศษอย่างเป็นทางการ

    ประธานาธิบดีรัสเซียมาช้ากว่ากำหนดการถึงหนึ่งชั่วโมง เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินฟูมิชิโช ขบวนรถจำนวน 13 คันก็เคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูงผ่านถนนเวีย เดลลา คอนชิลิอาซอนเน่ มุ่งหน้าสู่นครวาติกัน จนเป็นจุดสนใจของประชาชนที่พบเห็น

    ทั้งนี้ ประธานาธิบดีปูตินได้เคยมาเข้าเฝ้าโป๊ปฟรานซิส ซึ่งพระองค์ทรงเป็นชาวอาร์เจนตินา มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 โดย สำนักวาติกันและโป๊ปได้เรียกร้องให้ยูเครนหาทางเจรจาไกล่เกลี่ยและยุติสงครามระหว่างพี่น้องคริสเตียน แต่นครวาติกันก็ระมัดระวังท่าทีในปัญหาวิกฤติดังกล่าว ขณะที่ ผู้นับถือศาสนานิกายออร์โธดอกซ์ในยูเครนได้ตำหนิพระสันตะปาปาที่มิได้ทำการประณามต่อนโยบายการเมืองของรัสเซียต่อยูเครนโดยตรง

    โป๊ปฟรานซิส บอก ปูติน ‘จริงใจ’ สร้างสันติภาพในยูเครน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kitti Light

    หวั่นเอลนินโญ่ปีนี้หนักสุดรอบ18ปี
    11 มิถุนายน 2558 เวลา 19:08 น. |

    [​IMG]

    กรมอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลีย เผยปรากฏการณ์เอลนินโญ่ปีนี้รุนแรงสุดในรอบ18ปีทำอุณหภูมิทวีปเอเชียสูงขึ้น เกิดความแห้งแล้ง

    กรมอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลีย เผยว่า ปรากฏการณ์เอลนินโญ่ขณะนี้เป็นปรากฏการณ์ที่รุนแรงที่สุดในรอบ 18 ปีนับตั้งแต่คราวที่รุนแรงที่สุดเมื่อปี 1997-1998 ซึ่งในขณะนั้นส่งผลกระทบตั้งแต่ประเทศอินโดนีเซียไปจนถึงชิลีและสหรัฐ ส่งผลให้อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 องศาเซลเซียส

    ขณะที่เอลนินโญ่ของปีนี้ยังคงก่อตัวอย่างต่อเนื่อง และเป็นไปได้ว่าจะยิ่งทำให้แถบแปซิฟิกร้อนยิ่งขึ้น กรมอุตุฯ คาดว่าปรากฏการณ์นี้จะแผ่อิทธิพลไปจนถึงสิ้นปีนี้

    ผลกระทบของเอลนินโญ่ คืออุณหภูมิในทวีปเอเชียจะสูงขึ้นและเกิดความแห้งแล้ง ในขณะที่จะช่วยลดปริมาณการเกิดพายุเฮอริเคนที่ก่อตัวในมหาสมุทรแอตแลนติก และทำให้ฝนตกทางตอนเหนือของทวีปอเมริกา ช่วยบรรเทาภาวะขาดแคลนน้ำในแคลิฟอร์เนีย

    ปรากฏการณ์เอลนินโญ่อาจส่งผลต่อภาวะขาดแคลนอาหาร เนื่องจากพื้นที่เกษตรกรรมบางแห่งต้องเผชิญกับความแห้งแล้ง บางแห่งอาจเกิดน้ำท่วม ความขาดแคลนนี้ยังส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อทั่วเอเชีย เนื่องจากราคาอาหารเพิ่มสูงขึ้น อันเป็นผลสืบเนื่องจากการทำการเกษตรไม่ได้ผล จากการวิเคราะห์โดยบริษัท ซิตี้กรุ๊ป ประเทศที่เสี่ยงได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์


    หวั่นเอลนินโญ่ปีนี้หนักสุดรอบ18ปี - โพสต์ทูเดย์ ข่าวรอบโลก
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    11 มิ.ย. ผลวิจัยม.ฮาร์วาร์ดชี้สหรัฐฯ ควร “ส่งออกน้ำมัน-ก๊าซ” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

    [​IMG]

    สหรัฐฯ ควรเลิกใช้นโยบายห้ามส่งออกน้ำมันซึ่ง "ล้าสมัย" ไปเสียแล้ว เพื่อให้เศรษฐกิจของอเมริกาได้รับประโยชน์สูงสุดจากความก้าวหน้าในการสำรวจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากชั้นหินดินดาน (Hydraulic fracturing) ที่กำลังเฟื่องฟู ผลวิจัยที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.) ระบุ

    ผลการศึกษาโดยโรงเรียนธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และบริษัทที่ปรึกษา บอสตัน คอนซัลติง กรุ๊ป ชี้ว่า หากวอชิงตันยกเลิกกฎหมายห้ามส่งออกน้ำมันที่ประกาศใช้เมื่อ 40 ปีก่อนเพื่อตอบโต้มาตรการงดส่งออกน้ำมันแก่สหรัฐฯของชาติอาหรับในช่วงทศวรรษ 1970 ตลอดจนผ่อนคลายการส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว จะช่วยเพิ่มเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจได้ถึง 23,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2030 อีกทั้งสร้างงานได้หลายหมื่นตำแหน่ง และยังช่วยให้สหรัฐฯมีอิทธิพลต่อรองในเวทีโลกเพิ่มขึ้นด้วย

    “ทรัพยากรพลังงานจะเป็นเครื่องมือทางการทูตที่เราใช้ช่วยเหลือชาติพันธมิตร และสกัดกั้นความพยายามของประเทศก้าวร้าวที่พยายามจะใช้น้ำมันและก๊าซเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง” ผลการศึกษาซึ่งเรียบเรียงโดย มาร์ก พอเทอร์ อาจารย์จากโรงเรียนธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ร่วมกับ เดวิด กี และ เกรกอรี โป๊ป จาก บอสตัน คอนซัลติง กรุ๊ป ระบุ

    “การที่สหรัฐฯ ยังห้ามส่งออกน้ำมันดิบเท่ากับปิดกั้นโอกาสสำหรับผู้ผลิตน้ำมันในประเทศ และบั่นทอนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยยังไม่เห็นว่าประเทศชาติหรือชาวอเมริกันจะได้ผลประโยชน์ส่วนไหนมาทดแทน”

    พรรครีพับลิกันได้เสนอร่างกฎหมายทบทวนนโยบายห้ามส่งออกน้ำมันต่อทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ ขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันในอเมริกาซึ่งรอคอยโอกาสที่จะส่งน้ำมันดิบออกไปจำหน่ายยังตลาดในเอเชียและยุโรปต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า กฎหมายห้ามส่งออกทำให้น้ำมันดิบไลท์สวีทครูดล้นตลาด และอาจทำให้กระแสความเฟื่องฟูของอุตสาหกรรมสำรวจน้ำมันในประเทศต้องสะดุดลง

    อย่างไรก็ดี สมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนเตือนว่า การส่งออกน้ำมันจะทำให้ราคาพลังงานในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    11 มิ.ย. S&P คงความน่าเชื่อถือ “สหรัฐฯ” แค่ AA+ หลังหลุดบัลลังก์ “ทริปเปิลเอ” มา 4 ปี

    [​IMG]

    เอเอฟพี - บริษัทเครดิตเรตติ้งยักษ์ใหญ่ของโลก สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) ประกาศคงระดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ไว้ที่ AA+ เมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.) โดยอ้างถึงภาระหนี้สินที่ยังสูงอยู่ ประกอบกับนโยบายเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งนับว่าล่วงเข้าปีที่ 4 หลังจากที่ เอสแอนด์พี ได้หั่นเรตติ้ง “ทริปเปิลเอ” ของสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อปี 2011

    สถาบันจัดเรตติ้งแห่งนี้ยอมรับว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มที่จะฟื้นตัวแข็งแกร่งขึ้น และเห็นความพยายามของวอชิงตันในการลดภาระหนี้ที่เคยพุ่งสูงลิ่วในช่วงวิกฤตการเงินโลกเมื่อปี 2008 แต่อย่างไรก็ตาม ระดับหนี้สุทธิของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงสูงถึง 80% ของจีดีพี และคาดว่าจะคงในระดับนี้ต่อไปจนถึงปี 2018 ก่อนจะค่อยๆ ขยับสูงขึ้นอีกครั้ง

    เอสแอนด์พียังอ้างถึงวังวนปัญหา “เพดานหนี้” ของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะกลับมาสร้างความปั่นป่วนต่อนโยบายเศรษฐกิจอีกครั้ง

    การงัดข้อในสภาคองเกรสว่าด้วยเรื่องเพิ่มเพดานก่อหนี้เพื่อให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีเงินมาใช้จ่าย คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ เอสแอนด์พี ลดเครดิตของวอชิงตันจากระดับสูงสุด “AAA” ลงมาเหลือแค่ AA+ เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ปี 2011 และยังนำมาซึ่งเกิดวิกฤต “ชัตดาวน์” ปิดหน่วยงานบางแห่งของรัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2013

    เอสแอสด์พีได้อ้างถึงปัจจัยเสี่ยงทั้ง 2 อย่างเพื่ออธิบายเหตุผลที่ยังไม่คืนเรตติ้งสูงสุดให้กับสหรัฐฯ ในเวลานี้

    “ระดับหนี้สินของรัฐบาลและความไม่ลงรอยระหว่างพรรคการเมืองในสภาคองเกรส ทำให้สหรัฐฯ ได้แต่เพียงกำหนดนโยบายระยะสั้นเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระดับความน่าเชื่อถือ” เอสแอนด์พีระบุ

    “การที่เรายังคงเรตติ้ง AA+ เอาไว้เพราะมองว่า ส.ส.สหรัฐฯ ยังตอบสนองต่อแรงกดดันภาคการคลังสาธารณะได้ช้าและด้อยประสิทธิภาพกว่า เมื่อเทียบกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอื่นๆ ที่มีระดับความน่าเชื่อถือสูงสุด... รวมถึงความเป็นไปได้ที่การเจรจาปรับเพิ่มเพดานก่อหนี้จะยืดเยื้อและมีอุปสรรคมาก”

    เอสแอนด์พีชี้ว่า สหรัฐฯ อาจกลับมาทวงเรตติ้ง AAA คืนได้อีกครั้ง “หากมีสัญญาณบ่งชี้ว่า ทั้ง 2 พรรคการเมืองประสบความสำเร็จในการร่วมตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการคลัง หรือมีการประกาศว่าหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐฯ ลดลง”S&P
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    11 มิ.ย. วินเทอร์ โซลด์เยอร์แห่งไซบีเรีย! บริษัทพัฒนาอาวุธรัสเซียเปิดตัว “หุ่นยนต์ล่าสังหารประจำกองทัพแห่งอนาคต” คาดจะสามารถออกวิ่งได้ภายในสิ้นปีนี้

    [​IMG]

    การพัฒนาด้านอาวุธของรัสเซียยังคงรุดหน้าแม้ถูกคว่ำบาตรจากประเทศโลกตะวันตก ล่าสุดหน่วยงานแอดวานซ์รีเสิร์ชฟาวเดชัน หรือ ARF ทำการเปิดตัวต้นแบบ “หุ่นยนต์ล่าสังหาร” ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ และศีรษะที่คล้ายมนุษย์โดยมีการบรรจุเทคโนโลยีอินเตอร์เฟส เลียนแบบการทำงานของประจุไฟฟ้าสมองมนุษย์อยู่ภายในนั้น รวมไปถึง Ratnik-2 ที่เป็นอุปกรณ์ใหม่ๆ สำหรับนักรบแห่งอนาคตไว้ใช้ป้องกันตัวในสนามรบ
    (ชมคลิป.. https://www.youtube.com/watch?v=o2MXAfKRw7U)

    <iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/o2MXAfKRw7U" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    RT สื่อรัสเซียรายงานว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ที่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้ยลโฉมกลจักรล่าสังหารแห่งอนาคตกองทัพรัสเซีย ถึงกับเอ่ยปากชมว่า “คล้ายกับภาพยนตร์ไซไฟเลื่องชื่อ” และนอกจากนั้นปูตินยังชื่นชอบเป็นพิเศษกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอินเตอร์เฟสเลียนแบบสมองมนุษย์ที่บรรจุอยู่ภายในศีรษะของหุ่นยนต์ตัวนี้

    ทั้งนี้ สื่อรัสเซียรายงานเพิ่มเติมว่า อังเดรย์ กริกอเยฟ (Andrey Grigoryev) ผู้อำนวยการแอดวานซ์รีเสิร์ชฟาวเดชัน หรือ ARF กล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ RIA-Novosti สื่อรัสเซียในวันจันทร์ (8มิ.ย.) ว่า “หุ่นยนต์นักรบทหารที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์นี้คาดว่าจะสามารถวิ่ง ข้ามสิ่งกีดขวาง และสามารถทำกิจกรรมอย่างอื่นๆ ได้ภายในสิ้นปีนี้ตามแผนการที่ได้กำหนดไว้อย่างแน่นอน”

    ผู้พัฒนากลจักรล่าสังหารตัวนี้เพื่อต้องการส่งไปทำงานในสภาพแวดล้อมที่อันตรายขั้นร้ายแรง โดยที่ผู้ควบคุมสามารถควบคุมหุ่นตัวนี้ได้จากระยะไกล แต่ทว่าผู้พัฒนายืนยันว่า ภารกิจเสี่ยงภัยที่ว่านั้น “ไม่ได้ทำงานพร้อมกับอาวุธปืนไรเฟิล” อย่างแน่นอน เพราะมียุทโธปกรณ์อื่น เช่น หุ่นยนต์รถถัง มีศักยภาพในการทำลายล้างมากกว่า

    นอกจากนี้ RT สื่อรัสเซียรายงานต่อว่า สำหรับเทคโนโลยีอินเตอร์เฟสเลียนแบบสมองมนุษย์ คือเทคโนโลยีที่ให้สมองมนุษย์สามารถควบคุมหุ่นยนต์นักรบได้โดยตรงนั้นประสบความสำเร็จในการพัฒนาแล้ว โดยอินเตอร์เฟสที่ว่านี้จำลองมาจากการทำงานประจุไฟฟ้าภายในสมองมนุษย์ที่ถูกจับโดย electroencephalography ซึ่งทางผู้พัฒนาอาวุธรัสเซียกำลังอยู่ในขั้นเตรียมตัวเพื่อรับใบอนุญาตจากหน่วยงานรัฐบาลรัสเซียต่อไป

    นอกจากนี้ ผู้อำนวยการ ARF ยังได้เผยถึงโปรเจกต์การพัฒนาอุปกรณ์ควบคู่สำหรับหุ่นยนต์นักรบรัสเซียภายใต้ชื่อ Ratnik-2 ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาอีกราว 10-15 ปี โดย Ratnik นั้นประกอบไปด้วยยุทโธปกรณ์ที่ยิงได้ ที่อาจจะเป็นปืน รวมไปถึงอุปกรณ์ชุดป้องกันตัว เครื่องสอดแนม และอุปกรณ์สื่อสาร เป็นต้น ซึ่งอุปกรณ์ทั้งหมดมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องหุ่นยนต์ทหารในสนามรบให้ปลอดภัยจากข้าศึก

    สื่อรัสเซียรายงานอีกว่า หน่วยงาน ARF ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 ถือเป็นองค์กรคู่ขนานกับ DARPA หน่วยงานพัฒนาเทคโนโลยีทางอาวุธของเพนตากอน และนับตั้งแต่ก่อตั้งมาจนถึงทุกวันนี้ ทาง ARF ได้รับรอนุญาตจากรัฐบาลกลางรัสเซียไปแล้วถึง 53 โปรเจกต์ และจากทั้งหมดนั้น ห้องวิจัยของ ARF กำลังวิจัยอยู่จำนวน 31 โปรเจกต์

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000066137
     

แชร์หน้านี้

Loading...