ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ความปราชัยของการบุกเยเมนทางภาคพื้นดินครั้งแรกของซาอุดีอาระเบีย
    Category: News & Event Published on Tuesday, 09 June 2015 17:19 Written by Islamicstudiesth Team.

    [​IMG]

    ในคืนวันจันทร์(8 มิถุนายน 58) กองกำลังของกลุ่มอันซอรุลลอฮ์แห่งเยเมนได้ทำให้การบุกโจมตีทางภาคพื้นดินเข้าไปยังดินแดนของเยเมนโดยกองกำลังของซาอุดีอาระเบียต้องพบกับความล้มเหลว

    อัลอาลัม : "SABA" สำนักข่าวทางการของเยเมนได้รายงานว่า ขบวนการเคลื่อนไหวอันซอรุลลอฮ์และคณะกรรมการปฏิวัติของเยเมนได้เผชิญหน้ากับการบุกทางภาคพื้นดินครั้งแรกของกองทัพซาอุดิอาระเบีย ในเขตพื้นที่ "ฮะรัฎ" ในบริเวณจุดผ่านแดน "อัฏฏุวาล" ในซาอุดีอาระเบีย

    การตัดสินใจของซาอุดีอาระเบียในการบุกทางภาคพื้นดิน แสดงให้เห็นถึงความไร้ผลของการโจมตีทางอากาศของกองทัพซาอุฯ และความมีศักยภาพของการต้านทานของกองกำลังของเยเมน

    ขณะเดียวกันบนพื้นฐานของรายงานนี้ ในช่วงกลางคืนที่ผ่านมา เฮลิคอปเตอร์อาปาเช่หลายลำของซาอุดีอาระเบียได้ทิ้งระเบิดในเขตพื้นที่ "มีดี" และ "อัลมะลาฮีซ" ของจังหวัด "ฮัจญะฮ์" ของเยเมน

    ในอีกด้านหนึ่ง ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวอนาโตลีของตุรกีได้รายงานถึงสถานการณ์ขั้นวิกฤตในพื้นที่ต่างๆ ในเขตชายแดนระหว่างซาอุดิอาระเบียและเยเมน และได้ย้ำว่า กลุ่มเฮาซีได้นำกองกำลังของตนเข้าประจำการในพื้นที่ต่างๆ ทางชายแดน

    สื่อต่างๆ ของซาอุดิอาระเบีย อย่างเช่น อัลอาราบียาก็ได้ยืนยันเช่นกันว่ากองกำลังต่างๆ ของบาห์เรนซึ่งติดยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย วันนี้ได้ไปถึงยังพื้นที่ต่างๆ ในบริเวณชายแดนของซาอุดีอาระเบียแล้ว

    สำนักข่าวตัสนีมก็รายงานเช่นกันว่า เมื่อวาน (วันจันทร์) กองกำลังชุดใหม่จากกองทัพบกของซาอุดิอาระเบีย ได้ไปถึงพื้นที่ต่างๆ ในบริเวณที่ติดกับเยเมนแล้ว กองกำลังนี้ประกอบไปด้วยรถถังและปืนใหญ่จำนวนหลายร้อยคัน รวามทั้งบรรดาทหารและเจ้าหน้าที่ผู้มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ จำนวนหลายพันคน

    ที่มา :fa.alalam และ tasnimnews

    ความปราชัยของการบุกเยเมนทางภาคพื้นดินครั้งแรกของซาอุดีอาระเบีย
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯเตรียมส่ง “ที่ปรึกษา-ครูฝึกทหาร” ไปอิรักเพิ่มหลายร้อยคน
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 มิถุนายน 2558 13:23 น.

    [​IMG]

    รอยเตอร์ – คณะบริหารของประธานาธิบดี บารัค โอบามา กำลังตระเตรียมแผนการที่จะตั้งค่ายทหารแห่งใหม่ในจังหวัดอันบาร์ของอิรัก และจัดส่งผู้ฝึกสอนและที่ปรึกษาเพิ่มอีกหลายร้อยคนเพื่อช่วยพัฒนากองกำลังอิรักที่พยายามต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่นั่นอยู่ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยในวันนี้ (10)

    โอบามา อาจให้การรับรองขั้นสุดท้ายอย่างเร็วที่สุดภายในวันนี้ (10) เพื่อขยายองคาพยพทางทหารของสหรัฐฯในอิรัก แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับการหารือดังกล่าว ระบุ ซึ่งนับเป็นการปรับเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญครั้งแรกในยุทธศาสตร์ของเขา นับตั้งแต่ที่กลุ่มไอเอสเข้ายึดเมืองรามาดี เมืองเอกของจังหวัดอันบาร์เมื่อเดือนที่แล้ว

    คณะเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งพูดโดยขอไม่เผยนาม แสดงความหวังว่า การแสดงกำลังมากขึ้นอย่างพอประมาณของสหรัฐฯ อาจช่วยให้กองกำลังอิรักวางแผนและดำเนินการโจมตีโต้กลับเพื่อชิงคืนเมืองรามาดีได้

    อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์มากมาย กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ผู้ฝึกสอนและที่ปรึกษาชาวอเมริกัน 3,100 คนในปัจจุบันไม่เพียงพอในการที่จะเปลี่ยนทิศทางลมของสงครามนี้

    เจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าว ระบุว่า โอบามา คาดว่าจะยังคงยืนกรานคัดค้านการส่งทหารอเมริกันเข้าไปรับบทบาทสู้รบหรือแม้แต่เข้าใกล้แนวหน้า แต่การที่มีจำนวนเจ้าหน้าทีสหรัฐฯ ในดินแดนศูนย์กลางนิกายสุหนี่ในอิรักเพิ่มมากขึ้นอาจทำให้เกิดความเสี่ยงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

    ข้อเสนอเพิ่มบุคลากรดังกล่าวมีออกมาในขณะที่นโยบายต่อต้านไอเอสของโอบามากำลังตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ กองกำลังอิรักที่สหรัฐฯ สนับสนุนทำได้เพียงแค่หยุดยั้งการรุกคืบของกลุ่มไอเอส ซึ่งเข้ายึดดินแดนราว 1 ใน 3 ของอิรักตลอดปีที่ผ่านมาในปฏิบัติการป่าเถื่อนที่มีทั้งการสังหารหมู่และการตัดศีรษะ

    โอบามา กล่าวเมื่อวันจันทร์ (8) ว่า สหรัฐฯ ยังไม่มี “กลยุทธ์สูตรสำเร็จ” สำหรับฝึกสอนกองกำลังความมั่นคงอิรักเพื่อยึดคืนดินแดนที่เสียให้กับกลุ่มไอเอส

    นับตั้งแต่การเสียเมืองรามาดี ซึ่งทำให้สหรัฐฯ ถูกวิจารณ์อย่างมากเกี่ยวกับสมรรถนะทางทหารของอิรัก วอชิงตันได้เริ่มเร่งการจัดส่งอาวุธให้กับกองกำลังรัฐบาล และหาวิธีที่จะปรับปรุงโครงการฝึกฝนดังกล่าว

    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่ง กล่าวโดยไม่ขอเผยนามว่า การจัดส่งกำลังเพิ่มของสหรัฐฯ ครั้งนี้น่าจะเป็นการส่งทหารเพิ่มอีกหลายร้อยคน ขณะนี่เจ้าหน้าที่คนที่สอง ระบุว่า จำนวนทหารที่ถูกจัดส่งจะไม่น้อยกว่า 500 คน

    ถึงแม้ว่าจะยังไม่แน่ชัดว่าจำนวนทหารที่จะถูกจัดส่งไปยังจังหวัดอันบาร์โดยตรงนั้นมีเท่าไหร่กันแน่ แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯรายหนึ่ง ระบุว่า พวกเขาส่วนใหญ่ที่ถูกส่งไปจังหวัดดังกล่าวจะไปประจำการอยู่ที่ค่ายฝึกแห่งใหม่

    กองทัพสหรัฐฯมีการจัดการฝึกอยู่แล้วที่ค่ายทหารอัล-อาซาดในทางตะวันตกของอันบาร์

    มีการคาดการณ์กันว่าสถานที่ตั้งค่ายฝึกแห่งใหม่นี้อยู่บริเวณพื้นที่ใกล้กับเมืองฮับบานิยา สถานที่ตั้งฐานทัพบกอิรักแห่งหนึ่ง ค่ายทหารใหม่นี้จะทำให้กองทัพสหรัฐฯสามารถให้ความช่วยเหลือนักรบชนเผ่านิกายสุหนี่ได้ดียิ่งขึ้น หลังจากที่พวกเขาได้รับการตบปากรับคำจากรัฐบาลที่นำโดยนิกายชีอะห์ในกรุงแบกแดดว่าจะให้การสนับสนุนและอาวุธ แต่จนถึงตอนนี้กลับยังไม่ได้รับอะไรเลย

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    In Pics : บราซิลเซ็ง “ตุรกีเรียกทูตจากริโอเดจาเนโรกลับด่วน” หลังรัฐบาลแซมบ้าประนาม กองทัพออตโตมาน “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” อาร์มาเนียนใน WWI
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 มิถุนายน 2558 12:03 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี – รัฐบาลบราซิลออกมาแสดงความเสียใจในจุดยืนของตุรกีที่ได้สั่งการเรียกเอกอัคราชทูตกลับกะทันหัน หลังจากรัฐสภาบราซิลได้ลงมติแสดงการยอมรับการ “ฆ่าสังหารหมู่” ชาวอาร์มาเนียนจำนวนมากด้วยฝีมือกองกำลังออตโตมานในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ร่วมกับอีกไม่ต่ำกว่า 20 รัฐประเทศ รวมถึงเบลเยียม และออสเตรีย

    เอเอฟพีรายงานวันนี้(10)ว่า สภาสูงบราซิลได้ลงมติในวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา ร่วมกับอีกมากกว่า 20 ประเทศในแถลงการณ์ร่วมอย่างเป็นทางการ รับรู้การการะทำของตุรกีในยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยเรียกการสังหารหมู่ชาวอาร์เมเนียนจำนวนมากในปี 1915 จากฝีมือกองทัพออตโตมานเป็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”

    ทั้งนี้กระทรวงต่างประเทศตุรกีได้ออกแถลงการณ์ในช่วงค่ำวันจันทร์(7)ว่า ได้ออกคำสั่งเรียกตัว ฮูเซยิน ดิริออซ(Huseyin Dirioz) เอกอัคราชทูตตุรกีประจำบราซิลกลับกรุงอังการา โดยประณามการตัดสินใจของบราซิลว่า “เป็นการบิดเบือนความจริง และยังมองข้ามกฎหมาย” ซึ่งกระทรวงต่างประเทศตุรกีได้กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “การตัดสินใจทางการเมืองเช่นนี้อยู่ภายใต้การกดดันของบรรดานักล็อบบี้ของฝั่งอาร์มาเนีย ซึ่งจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงทางประวัติศาสตร์ไปได้ หรือธรรมเนียมปฎิบัติทางกฎหมายที่เคยมีมา”

    และกระทรวงต่างประเทศตุรกียังแถลงเพิ่มเติมว่า ได้เรียกเอกอัคราชทูตตุรกีประจำอังการาเข้าพบในวันที่ 3 มิถุนายน เพื่อขอคำอธิบาย

    ด้านรัฐบาลบราซิลได้ให้ความเห็นถึงการเรียกทูตตุรกีกลับว่า ทางรัฐบาลรู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุขึ้น และมติสภาสูงของบราซิลไม่ได้เปลี่ยนจุดยืนอย่างเป็นทางการของรัฐบาลบราซิลแต่อย่างใด

    ทั้งนี้กระทรวงต่างประเทศบราซิลได้ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า “รัฐบาลบราซิลรับรู้ถึงเหตุการณ์น่าสลดที่โหดร้ายของชาวอาร์มาเนียที่เกิดขึ้นในปี 1915 จริง แต่ทว่าทางรัฐบาลบราซิลไม่ได้ใช้คำ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ในแถลงการณ์รับรู้

    เอเอฟพีรายงานว่า อาร์มาเนีย และชาวอาร์มาเนียนต่างยืนยันว่า ชาวอาร์มาเนียนจำนวน 1.5 ล้านคนในยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 ถูกสังหารโดยกองทัพออตโตมานเพื่อ “ฆ่าล้าวเผ่าพันธุ์” เพื่อกำจัดชาวอาร์มาเนียนทั้งหมดออกจากอนาโตเลีย หรือตุรกีตะวันออกในปัจจุบัน

    แต่ทว่าในเหตุการณ์เดียวกัน ทางตุรกีกลับเรียกขานเหตุการณ์นี้ว่า เป็นการสู้ป้องกันตัวเองของกองทัพออตโตมานต่อจักรวรรดิรัสเซียในความพยายามเพื่อที่จะเข้ายึดอนาโตเลียตะวันออกในช่วงเวลาสงครามโลกครั้งที่ 1 และทำให้ชาวเติร์กและชาวอาร์มาเนียนต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมากในครั้งนั้น อย่างไรก็ตามอังการาปฎิเสธอย่างรุนแรงที่จะให้มีการใข้ “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” เรียกเหตุการณ์นี้

    และก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตุรกีได้สั่งเรียกเอกอัคราชทูตตุรกีประจำกรุงวาติกันกลับด่วนหลังสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงประนามการล่าสังหารในครั้งนี้ว่า “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” และตุรกียังสั่งถอนทูตออกจากเบลเยียมและออสเตรีย หลังจาก 2 ชาตินี้ได้ร่วมรับรู้ “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ร่วมกับอีกกว่า 20 ซึ่งนำไปสู่สัปดาห์รำลึกเหตุการณ์ในวันที่ 24 เมษายน

    In Pics :
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยอดตายจากไวรัส MERS ในเกาหลีใต้พุ่ง 9 ศพ-ติดเชื้อใหม่ 13 รายในวันเดียว
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 มิถุนายน 2558 09:12 น. (แก้ไขล่าสุด 10 มิถุนายน 2558 10:14 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้รายงานยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสกลุ่มทางเดินหายใจสายพันธุ์ตะวันออกกลาง (MERS) เพิ่มขึ้นอีก 2 รวมเป็น 9 ราย ในวันนี้ (10 มิ.ย.) และยังพบผู้ติดเชื้อใหม่อีก 13 ราย ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นเป็น 108 รายนับตั้งแต่พบผู้ป่วยคนแรกของประเทศเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา

    ผู้เสียชีวิต 2 รายล่าสุดเป็นหญิงชราวัย 75 ปี และชายวัย 62 ปี ซึ่งได้รับเชื้อที่ศูนย์การแพทย์ซัมซุง (Samsung Medical Centre) โรงพยาบาลขนาดใหญ่ทางตอนใต้ของกรุงโซล ซึ่งพบว่ามีการแพร่กระจายของไวรัส MERS มากที่สุด โดยผู้ติดเชื้อใหม่ 10 ใน 13 รายก็ได้รับเชื้อที่สถานพยาบาลแห่งนี้

    สำหรับผู้ติดเชื้อใหม่อีก 3 รายได้รับการยืนยันจากโรงพยาบาลอื่นๆ 3 แห่ง ประกอบด้วยโรงพยาบาล 2 แห่งในเมืองแดจอน และอีกแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของกรุงโซล

    ทางการโสมขาวยืนยันว่า การแพร่กระจายของไวรัส MERS ยังถูกจำกัดอยู่ภายในโรงพยาบาลเท่านั้น ไม่ได้ออกสู่ชุมชนภายนอกแต่อย่างใด

    กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ระบุด้วยว่า ผู้ติดเชื้อ MERS ที่เสียชีวิตไปทั้ง 9 รายล้วนมีอาการป่วยจากโรคอื่นๆ อยู่ก่อนแล้ว

    ไวรัส MERS จัดอยู่ในตระกูลเดียวกับเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) ที่เคยระบาดหนักในจีนเมื่อปี 2003 ทว่ามีความรุนแรงมากกว่า และติดต่อสู่บุคคลอื่นได้ยากกว่าเชื้อโรคซาร์ส

    ปัจจุบันยังไม่มีทั้งวัคซีนป้องกันหรือยาที่จะกำจัดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ผู้ป่วยจากไวรัส MERS มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ราวๆ 35%

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิตกไวรัส “เมอร์ส” นักท่องเที่ยวฮ่องกงบ่ายหน้าจากเกาหลีใต้มุ่งสู่ไทย-ญี่ปุ่น
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 มิถุนายน 2558 04:01 น. (แก้ไขล่าสุด 10 มิถุนายน 2558 10:11 น.)

    [​IMG]

    @ชาวเกาหลีใต้ที่เดินทางมาจากกรุงโซล พากันสวมหน้ากากอนามัยเมื่อมาถึงสนามบินฮ่องกงในวันวันอังคาร (9) วันเดียวกับที่ทางการฮ่องกงประกาศยกระดับเป็น “เตือนภัยสีแดง” นั่นคือแนะนำให้ผู้ไม่มีความจำเป็นก็อย่าได้เดินทางไปยังแดนโสมขาวในช่วงนี้

    รอยเตอร์/เอเอฟพี - ยอดจองตั๋วจากฮ่องกงสู่เมืองต่างๆ ของเกาหลีใต้ของคาเธ่ย์แปซิฟิคแอร์เวย์ ลดลงแต่ยังไม่มากนัก และบางส่วนเปลี่ยนเส้นทางสู่ญี่ปุ่นและไทย จากความกังวลต่อตัวเลขผู้ติดเชื้อ “เมอร์ส” ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในกรุงโซล จากการเปิดเผยของอีวาน ชู ซีอีโอของบริษัทเปิดเผยในวันอังคาร (9 มิ.ย.) เช่นเดียวกับสายการบินอื่นๆ ยืนยันว่ายังไม่ได้รับผลกระทบจากไวรัสมรณะชนิดนี้

    นายชู ให้ความเห็นที่รอบนอกการประชุมประจำปีของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ในไมอามี สหรัฐฯ ว่า “ในตอนนี้เราไม่คาดหมายว่ามันจะส่งผลกระทบอะไรมากมาย ถ้าเมอร์สยังถูกจำกัดเฉพาะพื้นที่ และรัฐบาลจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อนั้นมันก็จะส่งผลกระทบแค่ในระยะสั้นและอย่างจำกัด”

    ในวันอังคาร แคร์รี ลัม หัวหน้าคณะรัฐมนตรีฮ่องกง แถลงยกระดับเตือนภัยการเดินทางไปแดนโสมขาว ขึ้นสู่ระดับ “เตือนภัยสีแดง” ซึ่งเป็นระดับ 2 จากทั้งหมด 3 ระดับ และหมายถึงการแนะนำให้พลเมืองงดเดินทางไปยังเกาหลีใต้โดยไม่จำเป็น หลังจากเมื่อวันจันทร์เพิ่งประกาศยกระดับการรับมือการระบาดของไวรัสเมอร์สในเกาหลีใต้เป็น “เข้มงวด” ท่ามกลางรายงานข่าวพบผู้ติดเชื้อในแดนโสมขาว 95 คนและในนั้นเสียชีวิตแล้ว 7 ราย ซึ่งถือเป็นการระบาดรุนแรงที่สุดนอกซาอุดีอาระเบีย

    เช่นเดียวกัน มาเก๊าซึ่งก็เป็นเขตบริหารพิเศษของจีนอีกดินแดนหนึ่ง ได้ออกแนะนำให้พลเมืองหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังเกาหลีใต้หากไม่มีความจำเป็นจริงๆ รวมถึงกำหนดให้ประชาชนสวมหน้ากากป้องกันโรคขณะเข้าใช้บริการในสถานพยาบาล

    ทางด้านไต้หวันออกประกาศในตอนค่ำวันอังคาร ขยายพื้นที่เตือนให้ระมัดระวังในการเดินทาง จากแค่กรุงโซล มาเป็นครอบคลุมทั่วประเทศเกาหลีใต้ นอกจากนั้นยังแนะนำให้ชาวไต้หวันหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถาบันทางการแพทย์ขณะอยู่ในแดนโสมขาว

    “การจัดการกับข้อมูลข่าวสารยังทำได้ไม่ดีนัก” นายชู กล่าว โดยเน้นว่ามีลูกค้าบางส่วนตื่นตระหนกกับรายงานข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสโรคกลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส) พร้อมเผยว่ามีผู้โดยสารบางส่วนของสายการบินฮ่องกงแห่งนี้ ตัดสินใจเปลี่ยนแผนการเดินทางจากเกาหลีใต้ ไปประเทศอื่น อย่างเช่นญี่ปุ่นและไทยแทน

    สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฮ่องกงยกเลิกได้ประกาศยกเลิกแพคเกจทัวร์ไปยังเกาหลีใต้ทั้งหมด ระหว่างบัดนี้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน ยกเว้นการล่องเรือ ความเคลื่อนไหวที่ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวราว 10,000 คนถึง 12,000 คน

    อย่างไรก็ตาม สายการบินอื่นๆ ได้ออกมาดับกระแสความกังวล โดยยืนยันว่าธุรกิจของพวกเขายังไม่ได้รับผลกระทบจากไวรัสเมอร์ส หนึ่งในนั้นได้แก่เอเชียนา แอร์ไลน์ส ของเกาหลีใต้ ที่บอกในเวทีการประชุม IATA ว่าเมอร์สยังไม่ส่งผลกระทบต่อการขนส่งผู้โดยสารของพวกเขา

    “มันไม่ส่งผลกระทบด้านการสัญจร แต่มันกำลังกลายเป็นประเด็นใหญ่กว่าเดิม” ลาริซา พัค เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเอเชียนา แอร์ไลน์สกล่าว พร้อมเผยว่าทางสายการบินกำลังใช้มาตรการต่างๆ ในนั้นรวมถึงทำวคามสะอาดเครื่องบิน แต่ปฏิเสธให้รายละเอียดที่แน่ชัดเพิ่มเติม

    ส่วนโคเรียน แอร์ไลน์ส สายการบินคู่แข่งบอกเมื่อวันอาทิตย์ (7 มิ.ย.) ว่าลูกค้าสหรัฐฯแสดงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในภูมิภาค แต่ยอดขายตั๋วในอเมริกาบ่งชี้ว่าอุปสงค์ยังทรงตัว แม้นักลงทุนบางส่วนแสดงความกังวลว่าอุตสากรรมการท่องเที่ยวอาจได้รับผลกระทบจากไวรัสเมอร์สแบบเดียวกับครั้งต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคซาร์สเมื่อปี 2003


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    EU แย้มใกล้บรรลุข้อตกลงหนี้ หลังกรีซเสนอแผนปฏิรูปใหม่
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 มิถุนายน 2558 02:31 น. (แก้ไขล่าสุด 10 มิถุนายน 2558 10:06 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - กรีซและเหล่าเจ้าหนี้ทั้งอียูกับไอเอ็มเอฟ อาจบรรลุข้อตกลงเงินกู้อีกไม่กี่วันข้างหน้า จากการเปิดเผยของวัลดิส โดมโบรฟสกิส รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเมื่อวันอังคาร (9 มิ.ย.) หลังจากเอเธนส์ยื่นแผนปฏิรูปใหม่มาให้พิจารณาแล้ว

    “ผมบอกได้ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุข้อตกลงภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า มีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุข้อตกลงระดับเจ้าหน้าที่ซึ่งจากนั้นก็สามารถเห็นชอบโดยเหล่ารัฐมนตรีคลังยูโรกรุ๊ป” โดมโบรฟสกิสบอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อถูกถามถึงข้อเสนอ

    อย่างไรก็ตาม อดีตนายกรัฐมนตรีลัตเวียรายนี้บอกว่า ความเป็นไปได้ดังกล่าวยังต้องการเจตจำนงทางการเมืองอย่างแท้จริง และสิ่งสำคัญที่สุดอย่างแรกก็คือจากฝั่งของกรีซ ที่ควรใช้กลอุบายทางเทคนิคให้น้อยลงและทำงานด้านเนื้อหาสาระให้มากขึ้น

    โดมโบรฟสกิสเน้นย้ำว่าเป้าหมายเกินดุบลงบประมาณเบื้องต้นของกรีซ และการเปลี่ยนแปลงระบบภาษีการขายคือประเด็นหลักที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่ทั้งสองฝ่ายต้องเห็นพ้อง

    ความเห็นของนายโดมโบรฟสกิส มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน กรีซ ที่อยู่ในภาวะเงินสดขาดมือ ได้ยื่นข้อเสนอใหม่แก่เจ้าหนี้ เกือบ 1 สัปดาห์หลังจากปฏิเสธพิมพ์เขียวแผนปฏิรูปที่ผลักดันโดยนายฌอง โคลด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป

    เหล่าเจ้าหนี้ของกรีซ เรียกร้องเอเธนส์ดำเนินการปฏิรูปแลกกับเงินกู้งวดสุดท้าย 7,200 ล้านยูโร ในแพ็กแก็จช่วยเหลือของอียู และไอเอ็มเอฟ ซึ่งจะหมดอายุลงในวันที่ 30 มิถุนายน ขณะที่กรีซต้องการเงินไปชำระหนี้อันมหาศาล หรือไม่ก็เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ และเป็นไปได้ว่าอาจต้องออกจากยูโรโซน


    EU
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สองทหารซาอุฯ ดับหลังโดนจรวดมิสไซล์ยิงข้ามพรมแดนเยเมน
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 มิถุนายน 2558 18:34 น. (แก้ไขล่าสุด 10 มิถุนายน 2558 09:52 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - รัฐบาลซาอุดีอาระเบียผู้นำชาติพันธมิตรโจมตีกบฏฮูตีในเยเมนแถลงล่าสุดว่า ในวันจันทร์ (8 มิ.ย.) ทหารซาอุฯไม่ต่ำกว่า 2 นายเสียชีวิตจากการโดนจรวดขีปนาวุธที่ยิงข้ามพรมแดนเยเมนโจมตี

    การโจมตีทางอากาศเกิดขึ้นในเวลาราว 08.40 น. บริเวณพรมแดน Asir แถลงการณ์จากกองกำลังผสมพันธมิตรที่มีกองทัพซาอุดีอาระเบียเป็นแกนนำ โดยพบว่าทหารเนชันแนลการ์ดซาอุฯ เสียชีวิต รวมไปถึงทหารอีก 1 นายจากกองกำลัง Border Guard force ที่ประจำการบริเวณแนวพรมแดน

    ส่วนเจ้าหน้าที่รักษาพรมแดนอื่นอีก 2 คนเสียชีวิตจากการโจมตีด้วยจรวดขีปนาวุธข้ามฝั่งจากเยเมนเข้ามาเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปลายเดือนพฤษภาคมล่าสุด

    เอเอฟพีรายงานวันจันทร์ (8) ว่า นับตั้งแต่เริ่มเปิดฉากโจมตีกบฏฮูตีในเดือนมีนาคม 2015 เป็นต้นมา มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 37 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มติดอาวุธ และมีพลเรือนรวมอยู่ด้วยบริเวณพรมแดนสเคอร์มิชเชส (skirmishes) ในเขตซาอุดีอาระเบีย

    โดยก่อนหน้านั้นในวันศุกร์ (5) ล่าสุด ทหารซาอุฯ จำนวน 4 นายต้องจบชีวิตพร้อมกับพลเรือนเยเมนหลายสิบคนเมื่อกองกำลังที่จงรักภักดีกับอดีตประธานาธิบดีเยเมน อาลี อับดุลลาห์ ซาเลฮ์ (Ali Abdullah Saleh) โจมตีเขตจาซาน (Jazan) และนาจราน (Najran) ที่ติดพรมแดนของซาอุดีอาระเบีย กองกำลังผสมพันธมิตรที่มีซาอุฯ เป็นแกนนำแถลง

    และในแถลงการณ์ยังกล่าวต่อว่า หลังจากการปะทะเป็นเวลานาน ทางชาติพันธมิตรได้ยิงจรวดแพทริออตของสหรัฐฯ ตอบโต้จรวดสกั๊ดตามการพัฒนาจากต้นแบบของอดีตสหภาพโซเวียตที่ยิงมาจากกลุ่มกบฏเยเมน จากการรายงานพบว่าการยิงจรวดสกั๊ดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาถือเป็นครั้งแรกที่ทางกลุ่มกบฏใช้เพื่อตอบโต้การโจมตีทางอากาศของชาติพันธมิตรที่ต้องการใช้การโจมตีทางอากาศเพื่อหยุดยั้งการเดินหน้าของกลุ่มกบฏเยเมนจากทางใต้

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดระเบิดไฟลุกท่วมโรงเก็บเชื้อเพลิงยูเครน นักดับเพลิงสูญหาย 3 ราย
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 มิถุนายน 2558 19:35 น. (แก้ไขล่าสุด 10 มิถุนายน 2558 09:54 น.)

    [​IMG]

    <iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/qi_hrmdoLvg" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    เอเอฟพี - เกิดการระเบิดที่โรงเก็บเชื้อเพลิงแห่งหนึ่งบริเวณรอบนอกเมืองหลวงยูเครนในวันอังคาร (9 มิ.ย.) ทำให้มีไฟลุกไหม้อย่างหนักและอาจจะลุกลามไปยังปั๊มน้ำมันที่อยู่ใกล้เคียง ด้านนักดับเพลิงในที่เกิดเหตุได้สูญหายไป 3 ราย เกรงว่าจะเสียชีวิตแล้ว

    วิดีโอที่ถูกโพสต์บนอินเทอร์เน็ตได้แสดงให้เห็นถึงแรงระเบิดและคลื่นความร้อนที่แผ่กระจายออกมาจากเปลวเพลิง ขณะที่รถดับเพลิงและรถพยาบาลต่างพากันรุดไปยังที่เกิดเหตุเมื่อช่วงเช้าวันอังคาร

    นักดับเพลิงที่สวมใส่หน้ากากและชุดกันความร้อนสีเงินถูกพบว่ากำลังวิ่งหนีออกมาจากจุดเกิดเหตุเพื่อความปลอดภัย

    “ออกไปจากที่นี่ให้หมด ใครก็ตามที่ยังอยู่ที่นี่ ออกไปให้หมด” เสียงของนักดับเพลิงคนหนึ่งในวิดีโอ

    อาร์เซน อาวาคอฟ รัฐมนตรีมหาดไทย ระบุทางทวิตเตอร์ในตอนแรกว่า การระเบิดเกิดขึ้นที่โรงเก็บเชื้อเพลิงใกล้กับหมู่บ้านวาซิลคีฟ อยู่ห่างจากกรุงเคียฟไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 30 กิโลเมตร มีนักดับเพลิงเสียชีวิตหลายราย

    แต่ในเวลาต่อมาเขาได้แก้ไขข้อความ โดยบอกว่านักดับเพลิงหลายคนที่เชื่อว่าตาย ได้ถูกช่วยเหลือออกมาจากกองเพลิงได้อย่างปลอดภัย แต่ยังมีบางรายที่ขาดการติดต่อไป

    “ปัญหาหลักของเราในตอนนี้คือ มีนักดับเพลิงที่อยู่ในจุดเกิดเหตุมากถึง 30 คน ยังดีที่ส่วนใหญ่สามารถออกมาได้แล้ว แต่เรายังขาดการติดต่ออยู่ 3 ราย เราจะพยายามค้นหาพวกเขาต่อไป” อาวาคอฟ บอกกับสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ของยูเครน

    มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 6 รายจากเหตุการณ์นี้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เกิดการระเบิดในโรงเก็บเชื้อเพลิงแห่งนี้ของบริษัท บีอาร์เอสเอ็ม-นาฟตา ส่วนทางปั๊มน้ำมันที่อยู่ใกล้กันของบริษัท เคแอลโอ ได้มีการสั่งอพยพคนออกจากพื้นที่แล้ว

    อาวาคอฟบอกกับทีวีช่อง 5 ว่า ปั๊มน้ำมันของเคแอลโอกับแท็งก์เก็บเชื้อเพลิงของที่นั่นถือเป็นภัยคุกคามลำดับถัดไป เนื่องจากตั้งอยู่ในจุดที่มีความเสี่ยงสูง แถมแท็งก์เก็บเชื้อเพลิงที่นั่นก็ยังมีเชื้อเพลิงอยู่ด้วย

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กบฏซีเรียบุกสายฟ้าแลบ ยึดฐานทัพทางใต้ของฝ่ายรัฐบาล
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 มิถุนายน 2558 20:24 น. (แก้ไขล่าสุด 10 มิถุนายน 2558 09:55 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - กองกำลังฝ่ายกบฏซีเรียยึดฐานทัพแห่งหนึ่งของรัฐบาลได้ในวันอังคาร (9 มิ.ย.) ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดดารา ทางตอนใต้ของประเทศ หลังจากสู้รบกัน 24 ชั่วโมง

    “ฐานของกองพลน้อยที่ 52 ได้ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากการควบคุมของกองทัพรัฐบาล” พ.ต.เอสซาม อัล-ราเยส บอกนักข่าว เขาเป็นโฆษกของกลุ่มกบฏแนวร่วม เซาท์เทิร์น ฟรอนท์ ที่ปฏิบัติการอยู่ในจังหวัดดังกล่าว

    เขาบอกด้วยว่า กองกำลังฝ่ายกบฏอย่างน้อย 2,000 คนได้บุกจู่โจมเข้ายึดฐานทัพแห่งนี้อย่างรวดเร็วและจบได้ในระยะเวลาอันสั้น

    “ฐานทัพแห่งนี้เป็นหนึ่งในแนวป้องกันหลักของกองกำลังฝ่ายรัฐบาลซีเรีย การถูกยึดถือเป็นฝันร้ายของพวกเขาแน่นอน เพราะที่ผ่านมาพวกเขาใช้ฐานนี้ในการระดมยิงปืนใหญ่เข้าใส่พื้นที่ทางตะวันออกของจังหวัด” ราเยสกล่าว

    ฐานทัพแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับถนนสายหลักที่สามารถใช้เดินทางออกจากกรุงดามัสกัส มุ่งไปยังชายแดนทางใต้ของซีเรียที่ติดกับจอร์แดน

    “ฐานทัพแห่งนี้ยังมีความสำคัญในการเป็นฐานสำหรับทหารราบของฝ่ายรัฐบาล ซึ่งมักจะใช้โจมตีเมืองและหมู่บ้านหลายแห่งทางตอนใต้” โฆษกฝ่ายกบฏกล่าว

    ด้านกลุ่มผู้สังเกตการณ์รายงานว่า ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลได้ยึดเอาฐานทัพของกองพลน้อยที่ 52 หลังจากสู้รบกันอย่างดุเดือด โดยฝ่ายกบฏเสียชีวิต 14 ราย ส่วนฝ่ายรัฐบาลตาย 20 ราย สุดท้ายทหารฝ่ายรัฐบาลต้องถอยไปที่หมู่บ้าน อัล-ดารา ซึ่งอยู่ใกล้ๆ

    สำนักข่าวเอสเอเอ็นเอของรัฐบาลซีเรียยังไม่มีการรายงานใดๆ เกี่ยวกับการถูกยึดฐานทัพแห่งนี้

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จี 7 ประกาศชักธงรบ “ภาวะโลกร้อน” เตือนรัสเซียกรณียูเครน-พาดพิงเรื่องทะเลจีนใต้ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 มิถุนายน 2558 22:25 น. (แก้ไขล่าสุด 10 มิถุนายน 2558 10:05 น.)

    [​IMG]

    @ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ จับมือกับผู้คนซึ่งแต่งกายด้วยชุดประเพณีของชาวแคว้นบาวาเรีย ขณะที่เขาเดินทางออกจากนครมิวนิก, เยอรมนี ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมซัมมิตกลุ่มจี7 เมื่อวันจันทร์(8)

    เอเจนซีส์ - บรรดาผู้นำของกลุ่ม 7 ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก (จี 7) ออกแถลงการณ์ปิดประชุมในวันจันทร์ (8 มิ.ย.) ภายหลังหารือเป็นเวลา 2 วันที่รีสอร์ตแถบภูเขาแอลป์บาวาเรีย ทางภาคใต้ของเยอรมนี โดยประกาศตั้งเป้ายุติการใช้เชื้อเพลิงคาร์บอนเพื่อทำสงครามกับภาวะโลกร้อน, เตือนรัสเซียจะถูกแซงก์ชันเพิ่ม หากยังไม่ยุติ “ความก้าวร้าวในยูเครน”, พร้อมกดดันกรีซให้ยอมรับมาตรการปฏิรูปอันยากลำบาก, ขณะเดียวกันก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านอธิปไตยในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก

    “เรา ...ยืนหยัดเตรียมพร้อมที่จะใช้มาตรการเพื่อสร้างผลในทางจำกัดเข้มงวด ให้มากขึ้นกว่านี้อีก เพื่อเพิ่มต้นทุนค่าใช้จ่ายของรัสเซีย ถ้าหากการกระทำของรัสเซียทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มมาตรการดังกล่าว” แถลงการณ์ร่วมปิดประชุมของเหล่าผู้นำจี 7 ซึ่งประกอบไปด้วย สหรัฐฯ, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, อังกฤษ, อิตาลี, ญี่ปุ่น และแคนาดา พูดถึงการเพิ่มมาตรการแซงก์ชั่นลงโทษแดนหมีขาว ที่พวกเขาระบุว่าเข้าไปแทรกแซงรุกรานในยูเครน

    “เราขอพูดเตือนความจำว่า ระยะเวลาในการแซงก์ชั่นลงโทษนั้นควรต้องมีการผูกโยงไว้อย่างชัดเจนกับการที่รัสเซียจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อตกลงกรุงมินสก์ รวมทั้งแสดงความเคารพในอธิปไตยของยูเครนอย่างครบถ้วน” แถลงการณ์ของผู้นำจี 7 ย้ำสำทับ โดยที่ข้อตกลงกรุงมินสก์ เป็นข้อตกลงสันติภาพที่รัสเซียกับยูเครนกระทำกันในเมืองหลวงของเบลารุส

    ถ้อยคำที่แข็งกร้าวจากบรรดาชาติมหาอำนาจของโลกตะวันตกเหล่านี้ ปรากฏออกมาในขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมยูเครนกล่าวหาว่า พวกกบฏนิยมรัสเซียในยูเครนตะวันออกซึ่งได้รับการหนุนหลังจากกองทัพรัสเซียนั้น เวลานี้มีกองทัพที่มีกำลังพลถึง 40,000 คนอยู่ตรงชายแดนติดต่อกับยูเครน มากพอๆ กับ “รัฐยุโรปขนาดกลางๆ ทีเดียว”

    อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมซัมมิต จี 7 คราวนี้ไม่ได้มีการออกมาตรการลงโทษคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม รวมทั้งแถลงการณ์ร่วมบอกว่า จะมีการยุติยกเลิกมาตรการแซงก์ชั่นที่ใช้อยู่ หากแดนหมีขาวทำตามคำมั่นสัญญาของตน

    เกี่ยวกับประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บรรดาผู้นำจี 7 ระบุในแถลงการณ์ร่วมให้คำมั่นในการพัฒนายุทธศาสตร์ลดการแพร่กระจายก๊าซคาร์บอนในระยะยาว และภายในสิ้นศตวรรษนี้จะเลิกการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งหมายถึงถ่านหิน, น้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ โดยหันไปพัฒนาและใช้เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงยกเครื่องภาคพลังงานอย่างขนานใหญ่ภายในปี 2050

    จี 7 ยังเรียกร้องว่า ภายในกลางศตวรรษนี้ทั่วโลกควรลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ในระดับ “บนสุด” ของช่วง 40-70% จากระดับที่เคยปล่อยอยู่เมื่อปี 2010 รวมทั้งย้ำเป้าหมายเดิมในการจำกัดการเพิ่มอุณหภูมิโลกให้อยู่ที่ 2 องศาเซลเซียสจากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ตามที่ตกลงกันในการประชุมสภาพภูมิอากาศโลกของสหประชาชาติ ปี 2009 ที่กรุงโคเปนเฮเกน

    นอกจากนี้ จี 7 ยังประกาศความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการระดมทุนจากภาครัฐและเอกชนสำหรับกองทุนลดภาวะโลกร้อนของประเทศยากจน 100,000 ล้านดอลลาร์ที่ตั้งเป้าไว้นับจากปี 2020 รวมทั้งเร่งรัดให้แอฟริกาสามารถเข้าถึงพลังงานหมุนเวียน

    แถลงการณ์ว่าด้วยภาวะโลกร้อนของผู้นำจี 7 คราวนี้ ปรากฏว่าได้รับการยกย่องจากพวกกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหลายกลุ่มว่า เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้พลังงานหมุนเวียน 100% และการยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล รวมทั้งยังเป็นการปูทางสำหรับการประชุมสุดยอดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของยูเอ็นปลายปีนี้ที่กรุงปารีส ซึ่งผู้นำจาก 200 ประเทศจะพยายามบรรลุข้อตกลงในการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

    ในส่วนสถานการณ์ตึงเครียดจากความขัดแย้งด้านอธิปไตยในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก แถลงการณ์ร่วมของจี 7 ได้เรียกร้องให้ทุกประเทศที่เกี่ยวข้องเคารพกฎหมายสากล นอกจากนี้ ที่ประชุมยังคัดค้านการใช้การข่มขู่หรือคุกคามด้วยกำลัง ตลอดทั้งมาตรการฝ่ายเดียวเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานะดั้งเดิมในบริเวณดังกล่าว อาทิ โครงการถมทะเลขนาดใหญ่ ทว่ามิได้มีการระบุนามประเทศใด

    กลุ่มประเทศผู้นำทางอุตสาหกรรมยังย้ำความมุ่งมั่นในการกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายและความพยายามในการแพร่ขยายลัทธิหัวรุนแรง ซึ่งหมายถึงกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่บุกโจมตีและครอบครองพื้นที่กว้างขวางในอิรักและซีเรียอยู่ในขณะนี้

    ที่ประชุมซัมมิตจี 7 คราวนี้ยังมีการพูดถึงปัญหาหนี้สินของกรีซ ทั้งในระดับทั้งกลุ่มและระดับทวิภาคี โดยที่นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี ซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมคราวนี้ บอกว่า ยุโรปนั้นเตรียมพร้อมที่จะแสดงความสมานฉันท์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถ้าหากกรีซดำเนินการปฏิรูปทางเศรษฐกิจด้านต่างๆ

    ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วรัฐบาลฝ่ายซ้ายของกรีซได้ปฏิเสธข้อเสนอที่พวกผู้นำยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ยื่นมา ซึ่งให้เอเธนส์ดำเนินการปฏิรูปเพื่อแลกเปลี่ยนกับการได้เงินกู้มาพยุงฐานะไม่ให้ล้มละลาย

    แมร์เคิลเองบอกว่า เวลาเหลืออยู่ไม่มากนักแล้ว โดยที่กรีซถึงกำหนดต้องชำระเงินคืนให้ไอเอ็มเอฟส่วนหนึ่งภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ และถ้าหากยังตกลงกับพวกเจ้าหนี้ไม่สำเร็จ เอเธนส์บอกว่าตนเองอาจจะไม่สามารถชำระได้

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจ้าหน้าที่รัฐบาลยูเครนเผยสูญเสียทหารไปแล้วมากกว่า 1,700 คนในสงครามกับกบฏโปรรัสเซีย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 มิถุนายน 2558 02:09 น. (แก้ไขล่าสุด 10 มิถุนายน 2558 10:00 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ - ยูริ บีร์ยูคอฟ ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครนเผยผ่าน “เฟซบุ๊ก” ระบุ ฝ่ายของตนสูญเสียกำลังทหารไปแล้ว 1,723 นายในการสู้รบกับกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนที่มีจุดยืนฝักใฝ่รัสเซียทางภาคตะวันออกของประเทศตลอด 13 เดือนที่ผ่านมา

    ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครนระบุว่า พื้นที่ที่เกิดการสูญเสียกับทหารของกองทัพยูเครนมากที่สุด คือ เขตโดเนตสก์ และลูกานสก์ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อวงแหวนถ่านหินดอนบาส ซึ่งตกอยู่ใต้การควบคุมของฝ่ายกบฏอย่างสิ้นเชิงนับตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา

    เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ รัฐบาลเคียฟและผู้แทนฝ่ายกบฏได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนภายใต้การดูแลของคณะผู้ไกล่เกลี่ยนานาชาติ แต่ข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าวได้ถูกละเมิดบ่อยครั้งจากคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่าย

    ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ยืนยันในวันเสาร์ (6 มิ.ย.) ระบุว่า ไฮดี ทากลิอาวินี นักการทูตหญิงมากประสบการณ์มีแผนก้าวลงจากตำแหน่งผู้แทนพิเศษขององค์กรความมั่นคงและความร่วมมือแห่งยุโรป (โอเอสซีอี) ในการเจรจายุติสงครามกลางเมืองในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครน

    คำแถลงของทางการสวิตเซอร์แลนด์ยืนยันว่า นางทากลิอาวินี อดีตเอกอัครราชทูตหญิงแดนนาฬิกา ประจำบอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา ตัดสินใจลาออกจากการทำหน้าที่ทูตพิเศษให้กับโอเอสซีอี ในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลยูเครน รัฐบาลรัสเซีย และกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของยูเครนซึ่งฝักใฝ่รัสเซีย

    แม้คำแถลงของทางการสวิสจะมิได้เปิดเผยถึงสาเหตุที่ทากลิอาวินี ตัดสินใจลาออกจากการทำหน้าที่ทูตพิเศษด้านวิกฤตยูเครนให้กับโอเอสซีอี แต่แหล่งข่าวด้านการทูตเผยว่าความล้มเหลวของการผลักดันแผนสันติภาพที่ถาวรในยูเครน และจุดยืนที่ “ไม่พร้อมประนีประนอม” ของคู่ขัดแย้ง คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักการทูตหญิงรายนี้ “ถอดใจ” ทั้งที่เธอเคยมีบทบาทสำคัญในการยุติความขัดแย้ง ทั้งในเชชเนีย และจอร์เจียมาก่อนหน้านี้

    ทั้งนี้ ข่าวการลาออกของนางทากลิอาวินีมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่การเจรจาสันติภาพยูเครนรอบล่าสุด ที่มีโอเอสซีอีเป็นตัวกลางมีอันต้องปิดฉากลงโดยปราศจากแผนสันติภาพที่เป็นรูปธรรม สวนทางกับการสู้รบในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะและคร่าชีวิต “พลเรือน” ไปแล้วเกือบ 7,000 คน


     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เผยตั้งแต่ต้นปี มีผู้อพยพข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสู่ยุโรปนับแสนคนแล้ว
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 มิถุนายน 2558 01:00 น. (แก้ไขล่าสุด 10 มิถุนายน 2558 10:03 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - นับตั้งแต่ต้นปีมีผู้อพยพมากกว่า 100,000 คน เสี่ยงชีวิตล่องเรือข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสู่ยุโรป สหประชาชาติเผยในวันอังคาร (9 มิ.ย.) พร้อมตั้งข้อสังเกตเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งทั้งในซีเรีย อัฟกานิสถาน และอิรัก

    สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) เปิดเผยว่านับเริ่มต้นปี มีผู้ลี้ภัยและผู้อพยพมากกว่า 103,000 คน เสี่ยงชีวิตล่องเรือที่บ่อยครั้งมีสภาพง่อนแง่นข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมายังยุโรป โดยจากข้อมูลล่าสุดพบว่าส่วนใหญ่เกือบ 54,000 คนขึ้นฝั่งในอิตาลี และอีก 48,000 คนขึ้นฝั่งกรีซ ส่วนอีก 920 คนขึ้นฝั่งสเปนและมอลตา รับผู้อพยพขึ้นฝั่ง 91 คน

    คนเหล่านี้ถือเป็นหนึ่งในผู้โชคดี เนื่องจากยังมีอีกจำนวนมากเดินทางไม่ถึงจุดหมาย โดยบ่อยครั้งเรืออัปปางและจมลงกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และนับตั้งแต่ต้นปีเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวได้คร่าชีวิตผู้อพยพและผู้ลี้ภัยไปแล้วเกือบ 1,800 ศพ

    อาเดรียน เอ็ดวาร์ดส์ โฆษกของยูเอ็นเอชซีอาร์บอกกับผู้สื่อข่าวในเจนีวา ว่าทางองค์กรของเขากำลังเพิ่มบุคลากรที่ประจำการในกรีซและทางภาคใต้ของอิตาลี เพื่อตอบสนองของการเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันของจำนวนผู้อพยพและผู้ลี้ภัยที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึง

    ในจำนวนล่าสุดนี้รวมไปถึงผู้คนเกือบ 6,000 ชีวิต ส่วนใหญ่เป็นชาวแอฟริกาตอนใต้ทะเลทรายซาฮารา ที่ได้รับความช่วยเหลือขึ้นจากเรือประมงและเรือยางที่แออัดยัดเยียดนอกชายฝั่งลิเบียและถูกพาตัวขึ้นฝั่งอิตาลีเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในนั้นมีสตรีตั้งครรภ์และเด็กรวมอยู่ด้วยหลายคน

    โฆษกของยูเอ็นเอชซีอาร์ แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันของจำนวนผู้ลี้ภัยและผู้อพยพซึ่งมุ่งหน้าสู่กรีซ ทั้งที่ตลอดทั้งปี 2014 มีแค่ 34,000 คน โดยเร็วๆ นี้พบเห็นผู้อพยพพยายามมุ่งหน้าจากชายฝั่งตุรกีสู่หมู่เกาะอีเจียนของกรีซเพิ่มขึ้นอย่างมาก

    ผู้อพยพจากประเทศยากจนหรือได้รับผลกระทบจากภัยสงครามในเอเชียและแอฟริกา นิยมล่องเรือข้ามมาจากตุรกี โดยใช้กรีซเป็นทางเข้าเพื่อไปแสวงหาชีวิตที่ดีกว่าในสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตามได้มีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นบ่อยครั้งเนื่องจากมันเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยอันตราย

    เอ็ดวาร์ดส์บอกว่า หมู่เกาะของกรีซแห่งนี้ต้องรองรับผู้อพยพเฉลี่ยแล้วกว่า 600 คนต่อวัน ส่วนใหญ่เป็นผู้หลบหนีภัยความขัดแย้งในซีเรีย อัฟกานิสถาน และอิรัก โดยราวครึ่งหนึ่งไปขึ้นฝั่งที่เกาะเลสวอส

    “จำนวนผู้ลี้ภัยมากสุดเป็นประวัติการณ์กำลังมุ่งหน้าสู่เลสวอสด้วยเรือยางและเรือไม้ ทำให้ทรัพยกรและความสามารถในการรองรับตกอยู่ในความตึงเครียดใหญ่หลวง” เขาเตือนว่าศูนย์รองรับต่างๆ เต็มความจุแล้ว พร้อมเรียกร้องภาครัฐและองค์กรประชาสังคมต่างๆช่วยรับมือ “เราต้องหาทางให้การสนับสนุนเพิ่มเติมแก่ชุมชนบนเกาะที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน”


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "ธนะศักดิ์" ยัน พร้อมรับมือ ไวรัสเมอร์ส ชี้ ท่องเที่ยวดีขึ้น แจง แก้โรฮีนจาเต็มที่
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 มิถุนายน 2558 14:10 น.

    [​IMG]

    @ธนะศักดิ์ ยัน พร้อมรับมือ ไวรัสเมอร์ส ชี้ ท่องเที่ยวดีขึ้น แจง แก้โรฮีนจาเต็มที่
    พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ(แฟ้มภาพ)

    "บิ๊กเจี๊ยบ" เผย สธ.พร้อมรับ ไวรัสเมอร์ส ชี้ อีโบลา น่ากลัวกว่า ยังไม่มีคนไทยในเกาหลีเป็น ไม่กระทบท่องเที่ยวไทย แถมตอนนี้ดีขึ้น เตรียมชงแผนการทำงานครม. พร้อมทำแพคเก็จท่องเที่ยวไทย-รอบบ้านในอนาคต เล็งทำให้ยั่งยืน 3 ปี เน้นคุณภาพ ตั้งเป้ารายได้ 2 ล้านล้าน ชี้ ม. 44 ไร้ผลกระทบ ยัน รัฐแก้โรฮีนจาเต็มที่ ย้อนประชุมที่ผ่านมาได้รับคำชมมาก เผย นายกฯอนุมัติ แท่นลอยน้ำช่วยชีวิต แต่ปัดรับ 3 พันคน

    วันนี้ (10มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติครั้งที่ 2/2558 ถึงการแพร่ระบาดของไวรัสเมอร์ส โควี ในประเทศเกาหลีใต้ขณะนี้ ว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมพร้อมรับมือแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการเตรียมการรับมือกับไวรัสอีโบลามาก่อนหน้านี้แล้ว เรามีเครื่องตรวจจับ และการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ ซึ่งความจริงโรคไวรัสอีโบลาและโรคซาร์ส นั้นน่ากลัวกว่าไวรัสเมอร์ส ด้วย หากทุกคนดูแลตัวเอง มีการตรวจร่างกายภายหลังกลับมาจากประเทศที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว ซึ่งหากครบระยะเวลาที่กำหนดแล้วไม่มีไข้หรืออาการใดๆ ถือว่าเป็นปกติ อย่างไรก็ตามการแพร่ระบาดของไวรัสเมอร์จะไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในประเทศไทย

    ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานทูตไทยในประเทศเกาหลีใต้มีการดูแลคนไทยอย่างไรบ้าง พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า คนไทยที่เดินทางไปทำงานในประเทศเกาหลีใต้ค่อนข้างเยอะ ซึ่งเราได้มีทีมแพทย์จิตอาสาเดินทางไปตรวจโรคให้คนไทยฟรี และขณะนี้ยังไม่มีคนไทยอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสเมอร์ส หากทุกคนเฝ้าระวังและทำตามกฎก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

    พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวต่อว่า คณะทำงานที่ประกอบด้วยกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีผลงานออกมาเป็นที่น่าพอใจ วันนี้ได้กำหนดยุทธศาสตร์เพื่อทำให้การท่องเที่ยวมีความยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยมีแผนการดำเนินงานไปถึงปี 2560 ในระยะเวลา 3 ปีก่อน และต่อไปจะมีการปรับแผนให้สอดคล้องกับระยะเวลาแผนของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสภาความมั่นคงเพื่อให้เกิดความลงตัว ซึ่งที่ประชุมเตรียมนำแผนดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมครม.ต่อไป

    พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ได้ตั้งเป้าหมายให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นและรายได้ที่เข้ามาประมาณ 2 ล้านล้านบาท สิ่งที่สำคัญในอนาคตคือคุณภาพของนักท่องเที่ยว ซึ่งในปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวเราเพิ่มมากขึ้น 20-30% ทั้งนี้ภาพรวมทั้งนักท่องเที่ยวจากประเทศรัสเซียลดลงเล็กน้อย แต่นักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกาและยุโรปเพิ่มมากขึ้น รวมถึงนักท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านก็มีเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามขณะนี้เรามองถึงนักท่องเที่ยวทั้งหมด ไม่ว่าจีน ญี่ปุ่น ดังนั้นคนไทยต้องช่วยเป็นเจ้าของบ้านที่ดี ส่วนรัฐบาลเองพยายามให้ทางหน่วยงานท้องถิ่นช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัย ระบบการบริการ เพื่อให้นักท่องเที่ยวประทับใจและอยากกลับมาเที่ยวประเทศไทยอีก ซึ่งขณะนี้ยอดจองตั๋วในส่วนของการท่องเที่ยวในประเทศยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    “ในอนาคตเส้นทางที่เชื่อมโยงทั่วทั้งประเทศ เราได้เริ่มพูดถึงการปรับเปลี่ยนข้อบังคับในการข้ามแดน ซึ่งเป็นไปด้วยดีทั้งหมด และสิ่งที่เป็นเป้าหมายตอนนี้คือการพยายามทำแพ็คเก็จท่องเที่ยวระหว่างไทยและประเทศรอบบ้าน” รมว.ต่างประเทศ กล่าว

    เมื่อถามว่าการยกเลิกกฎอัยการศึกและใช้อำนาจมาตรา 44 ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวหรือไม่ พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า ไม่มีผลกระทบตั้งแต่ใช้กฎอัยการศึกแล้ว และมาตรา 44 ก็อยู่กับเรามาตั้งนานแล้ว นายกรัฐมนตรีเองก็อธิบายหลายครั้งว่า มาตรา 44 จะนำมาใช้ให้เกิดคุณประโยชน์เท่านั้น

    พล.อ.ธนะศักดิ์ ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาโรฮีนจา ว่า รัฐบาลทำอย่างเต็มที่ในเรื่องมนุษยธรรมเพื่อความมั่นคงของประเทศ ทำตามกฎกติกา ส่วนเขาจะปรับอันดับขึ้นมาอยู่เทียร์ 2 หรือไม่นั้น อยู่ที่เขาพิจารณาอย่างไร ซึ่งการประชุมเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา เราก็ได้รับการชมเชยเป็นอย่างมาก ซึ่งเวทีดังกล่าวนั้น เป็นเวทีในการหาทางออกว่าจะทำอะไร ไม่ใช่เพียงแค่การพูดคุย ซึ่งทุกประเทศก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ แม้แต่ประเทศพม่าเอง ซึ่งทางเราได้ชี้แจงไปว่าเหตุที่เกิดนั้นไม่ได้เป็นเพราะชนกลุ่มน้อย แต่ชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ถูกกลุ่มค้ามนุษย์หลอกมา และสิ่งแรกที่เราทำคือการช่วยชีวิต

    พล.อ.ธนศักดิ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมามีการเตรียมพร้อมโดยการบินตรวจเพื่อการแจ้งเตือนการช่วยเหลือ และนายกฯได้อนุมติให้ทำ แท่นลอยน้ำบนทะเลเพื่อรองรับการอพยพย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ แต่มีบางเรื่องที่เราปฏิเสธไปคือการ ต้องรับคน 3,000 คนมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยชั่วคราว โดยทางเราจะทำภารกิจในการช่วยชีวิตแต่หากจะเข้าประเทศต้องเข้ามาด้วยวิธีการตามกฎหมาย ซึ่งคนที่อยู่ในประเทศไทยตอนนี้ หากประสงค์ที่จะเดินทางไปประเทศที่ 3 แล้วประเทศดังกล่าวมีความพร้อม เราก็จะพยายามผลักดันคนกลุ่มนี้ไปยังประเทศที่ 3 ต่อไป อย่างไรก็ตามขณะนี้ถึงแม้จะมีจำนวนการอพยพลดลงเพราะอยู่ในช่วงมรสุมแต่เราก็ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องต่อไป

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รมว.ต่างประเทศสหรัฐยังนอนรพ.หลังกระดูกโคนขาหัก | เดลินิวส์

    [​IMG]

    นายจอห์น แคร์รี รมว.ต่างประเทศสหรัฐยังคงนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองบอสตันเป็นเวลา 10 วันแล้ว หลังออกไปปั่นจักรยานที่สวิตเซอร์แลนด์จนเกิดอุบัติเหตุกระดูกโคนขาหัก วันพุธที่ 10 มิถุนายน 2558 เวลา 9:25 น.

    สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ว่า นายจอห์น แคร์รี รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ยังคงเข้ารับการรักษาตัวต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 ในโรงพยาบาลเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ของสหรัฐ หลังจากล้มกระดูกโคนขาขวาหักขณะปั่นจักรยานบริเวณเทือกเขาแอลป์ ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา หรือระหว่างในช่วงเวลาที่นายแคร์รีกำลังมีประชุมเรื่องโครงการนิวเคลียร์อิหร่านกับนายโมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน

    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยังคงปิดปากเงียบและไม่มีการเปิดเผยรูปภาพอาการป่วยของนายแคร์รีใดๆออกมา นอกจากรูปที่นายแคร์รีเป็นผู้ทวีตเองในทวิตเตอร์ส่วนตัว โดยนายเจฟเฟรย์ แรธเค โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐออกมากล่าวว่า นายแคร์รียังอยู่ในโรงพยาบาลกำลังเข้ารับการทำกายภาพบำบัดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเขามีกำลังใจที่ดี รวมทั้งอาการดีขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ ยังคงทำงานบางส่วนโดยการต่อโทรศัพท์คุยกับเจ้าหน้าที่และผู้นำระดับสูงของประเทศต่างๆ โดยกระทรวงต่างประเทศเองก็ยังไม่แน่ใจว่า เขาจะสามารถกลับมาทำงานได้เป็นปกติเมื่อใด แต่ก็หวังว่า นายแคร์รีจะหายป่วยโดยไวและสามารถเข้าร่วมการประชุมใหญ่ประเด็นนิวเคลียร์อิหร่านได้ในวันที่ 30 มิ.ย.ที่จะถึงนี้“

    อ่านต่อที่ : รมว.ต่างประเทศสหรัฐยังนอนรพ.หลังกระดูกโคนขาหัก | เดลินิวส์
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กลุ่มไอเอสยึดเมืองเซิร์ทของลิเบีย | เดลินิวส์

    [​IMG]

    กลุ่มหัวรุนแรง ไอเอส อ้างว่าสามารถยึดไว้ได้หมดแล้ว เมืองเซิร์ทในประเทศลิเบีย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จากกองกำลังฟะญัร รวมถึงโรงไฟฟ้า วันพุธที่ 10 มิถุนายน 2558 เวลา 4:09 น.

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่10มิ.ย.ว่าไซท์กลุ่มบริษัทในสหรัฐด้านข่าวกรองที่ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักรบศักดิ์สิทธิ์ระบุว่ากลุ่มหัวรุนแรงไอเอสได้ตีพิมพ์ภาพนักรบของไอเอสกำลังสู้รบนั่งอยู่บนอาวุธปืนใหญ่สำรวจโรงไฟฟ้า และตัวเมืองเซิร์ทในประเทศลิเบียรวมถึงศพของกองกำลังฟะญัรของลิเบียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

    คำกล่าวอ้างของไอเอสมีขึ้นสองสัปดาห์หลังจากไอเอสเข้ายึดครองสนามบินในเมืองเซิร์ทไว้ได้ซึ่งเมืองเซิร์ทนี้เป็นบ้านเกิดของพ.อ.โมอัมมาร์กัดดาฟี อดีตผู้นำเผด็จการของลิเบียและถือว่าเป็นการใช้กำลังของนักรบศักดิ์สิทธิ์เข้ายึดเมืองในลิเบียไว้ได้

    ไซท์อ้างรายงานของหน่วยย่อยของไอเอสที่มีชื่อว่าจังหวัดตริโปลี กับ ทหารแห่งคาลิเฟตเข้ายึดที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มฟะญัรไว้ได้ดังนั้นเมืองเซิร์ทจึงเป็นเมืองท่าริมชายฝั่งที่เชื่อมต่อระหว่างฝั่งตะวันออกกับตะวันตกของลิเบียที่ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของนักรบกลุ่มไอเอสแล้ว“

    อ่านต่อที่ : กลุ่มไอเอสยึดเมืองเซิร์ทของลิเบีย | เดลินิวส์
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐพิจารณาส่งทหารไปอิรักอีก500นาย | เดลินิวส์

    [​IMG]

    คณะบริหารของนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐกำลังพิจารณาส่งทหารอเมริกันเข้าไปในสมรภูมิอิรักอีก 500 นาย ส่วนใหญ่มีจุดประสงค์เพื่อฝึกฝนทักษะให้กับทหารอิรัก วันพุธที่ 10 มิถุนายน 2558 เวลา 11:33 น.

    สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีบารัค โอบามา กำลังพิจารณาส่งทหารสหรัฐเข้าไปประจำการในประเทศอิรักเพิ่มอีก 500 นาย หรืออาจจะมากถึง 1,000 นาย โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อฝึกฝนทักษะให้ทหารอิรัก ทั้งนี้ การตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้

    อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอื่นๆว่า จะมีการส่งทหารอเมริกันกี่นายเข้าไปช่วยฝึกทหารอิรัก หรือเข้าไปทำหน้าที่อื่นๆในสมรภูมิ เช่น รักษาความปลอดภัย ร่วมโจมตีทางอากาศและหน่วยแพทย์ทหาร

    สหรัฐกำลังคาดหวังให้อิรักสร้างศูนย์ฝึกทหารเพิ่มและหากอิรักสามารถเปิดศูนย์ฝึกใหม่ขึ้นที่จังหวัดอันบาร์ได้สำเร็จ สหรัฐก็อาจจะส่งทหารลงไปประจำการจำนวนราว 500 นาย นายมาร์ติน เดมพ์ซีย์ ผบ.สูงสุดสหรัฐกล่าวว่า นายโอบามาสั่งให้มีการจัดทำรายงานเกี่ยวกับการฝึกทหารอิรักในช่วงแปดเดือนที่ผ่านมา เพื่อประเมินว่า สหรัฐต้องให้การช่วยเหลือเช่นไร การฝึกจึงจะสามารถมีประสิทธิภาพสูงสุด

    ขณะนี้มีทหารอเมริกันเข้าไปประจำการอยู่ในอิรักแล้ว 3,050 นาย แบ่งเป็น 2,250 นาย เป็นหน่วยสนับสนุนกองกำลังของอิรัก 800 นาย เป็นหน่วยคุ้มครองทหารสหรัฐกันเอง 450 นาย เป็นหน่วยฝึกฝนให้ทหารอิรักและอีก 200 นาย ทำหน้าที่ช่วยเหลือให้คำปรึกษาอื่นๆ“

    อ่านต่อที่ : สหรัฐพิจารณาส่งทหารไปอิรักอีก500นาย | เดลินิวส์
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กลุ่มติดอาวุธอียิปต์ยิงจรวดใส่สนามบินยูเอ็น | เดลินิวส์

    [​IMG]

    กลุ่มติดอาวุธไซนาย พรอวินซ์ ต่อต้านรัฐบาลอียิปต์ในคาบสมุทรไซนายออกมายอมรับเป็นผู้ยิงจรวดเข้าใส่สนามบินบนคาบสมุทรดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาติ (ยูเอ็น) วันพุธที่ 10 มิถุนายน 2558 เวลา 10:01 น.

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ว่า กลุ่มติดอาวุธไซนายพรอวินซ์ ที่ประกาศตัวสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มก่อการร้ายไอเอส ออกมาแสดงตนรับผิดชอบเหตุยิงจรวดใส่สนามบินบนคาบสมุทรไซนาย ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็น ทั้งนี้ ทางกลุ่มยังออกได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการโจมตีทวิตเตอร์หลายบัญชีที่ทางกลุ่มมีความเกี่ยวข้องอีกด้วย

    อย่างไรก็ตาม เหตุโจมตีสนามบินนั้น ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย แต่รายงานสถานการณ์ยังคงสับสน บางแหล่งข้อมูลกล่าวว่า จรวดถูกยิงเข้ามาตกข้างในสนามบิน บางแหล่งกล่าวว่า จรวดตกที่นอกสนามบิน ทั้งนี้ กลุ่มติดอาวุธออกมาเปิดเผยว่า พวกเขาทำไปเพื่อตอบโต้ตำรวจที่ทำการจับกุมหญิงชาวท้องถิ่นรายหนึ่ง

    ขณะนี้รัฐบาลอียิปต์กำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากกลุ่มกบฎและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่พอใจมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเกินไป

    กลุ่มติดอาวุธไซนายพรอวินซ์ เดิมชื่อว่า กลุ่ม“อันซาร์ บายต์ อัล-มักดิส” เข้าสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มไอเอสเมื่อปีที่แล้ว และมีเป้าหมายเพื่อโจมตีเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของรัฐบาล ซึ่งทำการโค่นล้มอดีตประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด มอร์ซี“

    อ่านต่อที่ : กลุ่มติดอาวุธอียิปต์ยิงจรวดใส่สนามบินยูเอ็น | เดลินิวส์
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "เอชเอสบีซี"เตรียมเลิกจ้าง 50,000 คน | เดลินิวส์

    ธนาคารเอชเอสบีซีเตรียมปลดพนักงานสูงสุด 50,000 คน โดยราวครึ่งหนึ่งมาจากการขายกิจการในบราซิลและตุรกี เพื่อประหยัดงบประมาณและขยายการลงทุนในเอเชีย วันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2558 เวลา 13:50 น.

    [​IMG]

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ว่าธนาคารเอชเอสบีซีออกแถลงการณ์เรื่องการเตรียมเลิกจ้างพนักงานทั่วโลกระหว่าง 22,000- 25,000 คน หรือราวร้อยละ 10 ของพนักงานทั่วโลกที่มีอยู่ราว 266,000 คน โดยในจำนวนผู้ที่ต้องออกจากงานนั้น ราว 8,000 คนจะมาจากสำนักงานในอังกฤษ ซี่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการปรับลดงบประมาณของบริษัทให้ได้ 4,500-5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในสิ้นปี 2560 ( ราว 151,650-168,500 ล้านบาท ) เพื่อนำเงินส่วนนี้ไปขยายการลงทุนในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมขายกิจการในบราซิลและตุรกีด้วย ซึ่งอาจทำให้มีผู้ต้องออกจากงานเพิ่มอีกถึง 25,000 คน ถือเป็นหนึ่งในนโยบายปฏิรูปโครงสร้างการทำงาน และลดขนาดกิจการของเอชเอสบีซี โดยนายสจวร์ต กัลลิเวอร์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ( ซีอีโอ ) คนปัจจุบัน ซึ่งทั้งขายและปิดธุรกิจในเครือของเอชเอสบีซีแล้วใน 77 ประเทศ นับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งเมื่อปี 2554

    ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์มองการปรับลดพนักงานจำนวนมากในครั้งนี้ ยังไม่อาจเรียกคืนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเอชเอสบีซีได้อย่างเต็มที่ สืบเนื่องจากกรณีอื้อฉาวเรื่องการฟอกเงิน ตราบใดที่ระบบการทำงานของผู้บริหารยังคง "เหมือนเดิม" ทั้งนี้ เปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญครั้งล่าสุดของเอชเอสบีซีมีขึ้น หลังการเปิดเผยเมื่อเดือนเม.ย. ว่าบริษัทกำลังพิจารณาอาจย้ายสำนักงานใหญ่ออกจากกรุงลอนดอน เนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระจากการที่รัฐบาลอังกฤษเรียกเก็บภาษีธุรกิจแพงขึ้นได้“

    อ่านต่อที่ : "เอชเอสบีซี"เตรียมเลิกจ้าง 50,000 คน | เดลินิวส์
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เนสท์เลเซอร์ไพรส์ชาวกีวีไม่ปลื้ม "ไมโล" สูตรใหม่ | เดลินิวส์

    [​IMG]

    บริษัทเนสท์เลแสดงความประหลาดใจ หลังเกิดกระแสต่อต้านไมโลสูตรใหม่ในนิวซีแลนด์ แต่ยืนยันยังไม่กลับไปใช้สูตรเดิม ขณะที่ลูกค้าส่วนใหญ่กล่าวว่าความอร่อยน้อยลงอย่างชัดเจน วันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2558 เวลา 11:30 น.

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ว่า เนสท์เล บริษัทด้านอาหารและโภชนาการชื่อดังระดับโลกจากสวิตเซอร์แลนด์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มรสช็อกโกแลตมอลต์ยี่ห้อ "ไมโล" ทั้งในรูปแบบผงและเครื่องดื่มชงสำเร็จ ออกแถลงการณ์แสดง "ความประหลาดใจ" อย่างยิ่ง ต่อกระแสตอบรับความชาวนิวซีแลนด์ ที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงสูตรของไมโลที่จำหน่ายในประเทศ โดยบริษัทยืนยันการปรับปรุงสูตรได้รับการวิเคราะห์อย่างละเอียดจากทีมนักโภชนาการแล้วว่า มีประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้บริโภค

    ทั้งนี้ สูตรใหม่ของไมโลที่จำหน่ายในนิวซีแลนด์ได้รับการเพิ่มวิตามินดี บี3 บี6 และบี 12 แต่มีการนำวิตามินเอ บี1 และธาตุเหล็กออกจากส่วนผสม ตลอดจนการเพิ่มปริมาณของโกโก้และน้ำมันปาล์มเข้าไปแทน และยกเลิกการปรุงรสด้วยวานิลลา ซึ่งเนสท์เลยืนยันว่า เพื่อให้ไมโลมีรสชาติที่เป็น "ธรรมชาติ" มากขึ้น และยังไม่มีแผนกลับไปใช้สูตรเดิมในอนาคตอันใกล้นี้

    ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวของไมโลในนิวซีแลนด์ที่ไม่มีการแจ้งให้ผู้บริโภคทราบล่วงหน้า ได้รับเสียงวิจารณ์แง่ลบอย่างหนักจากประชาชน โดยมีทั้งการเปิดเฟซบุ๊คล่ารายชื่อเรียกร้องให้เนสท์เลกลับมาใช้ไมโลสูตรเดิม ที่มีผู้ร่วมลงชื่อกว่า 5,500 คนแล้ว ภายในเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ ขณะที่หลายคนกล่าวว่าจะเลือกซื้อเครื่องดื่มชนิดอื่นที่มีรสชาติทดแทนไมโลสูตรเดิมได้ เนื่องจากไมโลสูตรใหม่รสชาติไม่ถูกปากอีกต่อไป“

    อ่านต่อที่ : เนสท์เลเซอร์ไพรส์ชาวกีวีไม่ปลื้ม "ไมโล" สูตรใหม่ | เดลินิวส์
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หมออึ้ง! หนุ่มจีนชอบกินเต้าหู้ เป็นนิ่วในไต 420 ก้อน
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 มิ.ย. 2558 03:44

    [​IMG]
    (ภาพ: CEN)

    ชายชาวจีนเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งหลังจากมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง โดยผลการตรวจทำให้แพทย์ถึงกับอึ้ง เนื่องจากเขามีก้อนนิ่วในไตถึง 420 ก้อน...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นาย เหอ ตง ชายชาวจีนวัย 55 ปี เดินทางไปยังโรงพยาบาลประชาชนตงหยาง ในเมืองจินหัว ซึ่งอยู่ในมณฑล เจ้อเจียง ทางตะวันออกของประเทศจีน โดยมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง แพทย์จึงทำการตรวจด้วยเครื่อง ซีที สแกน และพบว่า ชายคนนี้มีนิ่วอยู่ในไตข้างซ้ายถึง 420 ก้อน

    แพทย์ใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมงในการผ่าตัดนำก้อนนิ่วทั้งหมดออกมาจากไตของนายเหอ โดยนายแพทย์ เว่ย ยูบิน ระบุว่าสาเหตุที่ทำให้นายเหอมีนิ่วมากมายเช่นนี้ เป็นเพราะพฤติกรรมการกินของเขาที่นิยมบริโภคเต้าหู้ ที่แข็งตัวด้วยแคลเซียมซัลเฟต หรือผงยิปซัม ปริมาณมากในแต่ละวัน เนื่องจากผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง โดยเฉพาะเต้าหู้ยิปซัม มีแคลเซียมสูงมากจนไม่อาจขับออกจากร่างกายได้หากไม่ดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ ซึ่งนายเหอยอมรับว่าตัวเขาไม่ชอบดื่มน้ำด้วย

    หลังการรักษาเสร็จสิ้น แพทย์สิ่งให้นายเหอปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน โดยลดปริมาณเต้าหู้ที่เขาบริโภคในแต่ละวันลง และให้ก้อนนิ่วทั้ง 420 ก้อนกลับไปเป็นที่ระลึกด้วย

    ทั้งนี้ จากประวัติการรักษาของนายเหอ พบว่า เมื่อราว 20 ปีก่อน เขาเคยเข้ารับการรักษา กำจัดนิ่วในไต 10 ก้อนด้วยเทคนิคการสลายนิ่ว (lithotripsy) และหลังจากนั้นแพทย์เคยตรวจพบนิ่วในไตของเขาอีก แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำอะไรกับมัน

    หมออึ้ง! หนุ่มจีนชอบกินเต้าหู้ เป็นนิ่วในไต 420 ก้อน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     

แชร์หน้านี้

Loading...