ติดตามสถานะการณ์

“วิลาศ” แฉ 2 สนช.อดีตผู้ว่าฯ คอร์รัปชั่นยาปราบศัตรูพืช จี้ลาออก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มิถุนายน 2558 14:20 น.


@วิลาศ จันทรพิทักษ์ (แฟ้มภาพ)

อดีต ส.ส. ปชป. ฟ้อง “ประยุทธ์” 2สนช. เอี่ยวทุจริตซื้อยาปราบศัตรูพืช ทำรัฐเสียหายกว่าพันล้าน ขณะเป็นผู้ว่าฯ บี้ ลาออก แจงยิบผลาญงบ 7,800 ล้าน ต้นทุนจริงไม่ถึง 600 ล้าน พบ 22 ผู้ว่าฯ135 นายอำเภอ มีเอี่ยว แต่ยังอยู่สบาย สงสัยทำไมข้อมูลไม่ถึงนายกฯ เผย 10บริษัทที่เกี่ยวข้องปิดกิจการหนี แต่เปิดกิจการใหม่ทำ “รีไซคลิ่ง” หากินกับราชการเหมือนเดิม ขอ กรมสรรพากรตรวจสอบภาษีย้อนหลัง ระบุ มีนักการเมืองระดับชาติ ล็อบบี้เสนอเงินหลายสิบล้านให้หยุดตรวจสอบ เจอสวน ถ้า ปธ.กมธ.ป.ป.ช.รับเงินก็ต้องลบประเทศไทยออกจากแผนที่โลกแล้ว

นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ใ นฐานะอดีตประธานกรรมาธิการ ป.ป.ช.สภาฯ แถลงเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายกรัฐมนตรี ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างยาปราบศัตรูพืช ที่ใช้งบประมาณ 7,800 ล้านบาท โดยตนได้อภิปรายเรื่องนี้ครั้งแรกวันที่ 1 มีนาคม55 ระหว่างการอภิปรายร่างพ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้าน ซึ่งควรออกเป็นพระราชบัญญัติเพราะมีการกำหนดแบบกว้างเช่น งบประมาณภัยพิบัติทำให้ตรวจสอบยาก จึงมีการยกตัวอย่างการจัดซื้อยาปราบศัตรูพืช ที่มีการจัดซื้อในราคาสูงเกินความเป็นจริงโดยผู้ว่าราชการจังหวัดอนุมัติเงินได้ครั้งละ 50 ล้าน

ทั้งนี้พบว่าหลังจากอภิปรายไปแล้วก็ยังมีการจัดซื้ออีกกว่าพันล้านบาท ตนจึงได้อภิปรายไม่ไว้วางใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เพราะปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตจึงต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยในการอภิปรายได้ระบุชื่อผู้ว่าราชการจังหวัด2 คน ซึ่งขณะนี้ถูกโยกย้ายไปแล้ว แต่ยังมีข้าราชการจำนวนมากที่ไม่ถูกลงโทษแต่ยังได้ดิบได้ดีเป็นสนช.ถึง2 คน

“สนช.ที่เกี่ยวข้อง 2คน คือนายชาญวิทย์ วศยางกูร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร และนายพรศัย เจียรไนย ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ใช้ตำแหน่งในฐานะผู้ว่าฯประกาศเขตภัยพิบัติ ซื้อยาแพงโดยวิธีที่ผิดระเบียบที่กำหนดให้ซื้อตามราคาท้องตลาดในพื้นที่ที่เกิดอุบัติภัย โดยจังหวัดมุกกดาหารจัดซื้อเป็นวงเงิน881 ล้าน มุกดาหาร เฉพาะผู้ว่าเซ็นต์เอง 661 ล้าน มีหลักฐานทั้งหมด ส่วนจังหวัดเลย306 ล้านบาท ที่มีลายเซ็นต์ผู้ว่าราชการจังหวัดประมาณ 250ล้านบาท” นายวิลาศ กล่าว

นายวิลาศ เปิดเผยด้วยว่าจากที่ตรวจสอบทั้งหมดพบว่ามีผู้ว่าราชการจังหวัดเกี่ยวข้อง 22จังหวัด นายอำเภอ 135คน ยังไม่รวมพวกที่ถูกกันเป็นพยาน ซึ่งได้ส่งข้อมูลทั้งหมด 7หน่วยงานคือ สตง. ป.ป.ช. กระทรวงมหาดไทย ป.ป.ง. สำนักงบประมาณ ป.ป.ท. และกรมบัญชีกลางแล้ว แต่ข้าราชการในส่วนนี้จำนวนมากไม่ถูกลงโทษซึ่งอาจเป็นเพราะพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ทราบข้อมูลจึงขอให้ข้อมูลนี้เพื่อไปตรวจสอบทบทวนในการจัดการกับข้าราชการที่ทุจริตคอร์รัปชั่นด้วย เพราะการจัดซื้อจัดจ้างยาปราบศัตรูพืชโดยอ้างว่ามีภัยพิบัติซี่งผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจในการประกาศพื้นที่เขตภัยพิบัติ ซึ่งใช้งบประมาณถึง7,800 ล้านบาท แต่ต้นทุนของบริษัทไม่เกิน 600 ล้านบาท มีการขายในราคาที่สูงเกนิจริงหลาย 10เท่าตัว เช่นบางจังหวัดราคาหน้าศาลากลาง 250บาท แต่ราชการซื้อในราคา 1,920บาท นอกจากนี้นยังซื้อเหมือนกันทั่วประเทศโดยมีการกำหนดบริษัทล่วงหน้าด้วย

นายวิลาศ ยังเรียกร้องให้ สนช.ทั้ง 2 คนที่ถูกระบุชื่อออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง และเห็นว่าเจ้าตัวทราบดีอยู่แล้วว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ จึงควรจะพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากตำแหน่ง สนช. ไม่ใช่คนทำผิดแล้วยังได้ดิบได้ดีเป็น สนช.อยู่ ถ้ารัฐบาลต้องการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นจริงต้องดำเนินการกับคนพวกนี้ก่อน ซึ่งตนคิดว่าข้าราชการและอดีตข้าราชการที่ปลดเกษียณไปแล้วซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่ไม่มีการลงโทษเป็นเพราะมีพวกดี ส่วนจะเป็นพวกใครบ้างตนไม่ทราบ

“งานนี้คนที่เข้าไปโกงบ้านเมืองมีบริษัททั้งหมด 10บริษัท บางคนอ่านหนังสือไม่ออก บางคนเป็นสาวพริตตี้ บางบริษัทที่ตั้งเป็นคอกควาย แต่เป็นผู้จัดการค้าขายเป็นพันล้าน ปรากฎว่าบริษัทเหล่านี้พบว่ามีข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือในการยื่นภาษีต่อกรมสรรพากร แต่ในขณะที่ผมเป็นประธานกรรมการ ป.ป.ช.สภาก็เชิญกรมสรรพากรมาถึงสามครั้งแต่ไม่ได้เรื่อง จนบริษัทเหล่านี้ปิดกิจการไปหมดแล้ว ทั้ง ๆ ที่ ผู้ว่า สตง.คนปัจจุบันเคยเป็นที่ปรึกษากรรมาธิการฯและมีเลขา ป.ป.ท.เป็นอนุกรรมาธิการด้วยก็ทราบข้อมูลเหล่านี้แต่ทำไมเรื่องเหล่านี้จึงไม่ถึงนายกรัฐมนตรี ที่น่าสนใจคือตัวการใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับ10 บริษัทนี้ไปตั้งบริษัทใหม่ทำบริษัทรีไซคลิ่ง ขูดยางมะตอยเอายางเก่ามาราดใหม่ ยังติดต่อหากินกับราชการเหมือนเดิม” นายวิลาศ กล่าว

นายวิลาศ เปิดเผยด้วยว่า ในระหว่างการตรวจสอบขอให้ตรวจสอบเรื่องนี้มีนักการเมืองระดับชาติมาเสนอเงินให้ตนหลายสิบล้านบาทต่อจังหวัดเพื่อให้ยุติการสอบสวนแต่ไม่ขอระบุชื่อเพราะเป็นการเสนอปากเปล่า โดยระบุว่าจะจ่ายให้ทุกจังหวัดที่มีปัญหา จึงตอบกลับไปว่าถ้าคนระดับเป็นถึงประธานกรรมาธิการป.ป.ช.ของสภารับเงินก็ต้องลบประเทศไทยออกจากแผนที่โลกแล้ว

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ตนได้ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ก็ได้มีการยกเลิกงบประมาณกรณีฉุกเฉินและจำเป็นในส่วนเงินทดลองราชการกรณีฉุกเฉินและจำเป็นจากเหตุภัยพิบัติ ซึ่งเดิมผู้ว่าฯอนุมัติได้ครั้งละ 50 ล้านบาท แต่ปัจจุบันให้จัดซื้อได้ครั้งละ20 ล้านบาทโดยให้เป็นอำนาจของกระทรวงเกษตรฯจัดซื้อจัดจ้างแทน และเป็นที่น่าสังเกตว่าหลังการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวประเทศไทยไม่มีพื้นที่ภัยพิบัติเลย

http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000064422

 

คกก.ปฏิรูปทรัพยากร ชง สปช.ตั้งธนาคารที่ดิน ช่วยเกษตรกรที่กำลังจะหลุดจำนอง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มิถุนายน 2558 12:45 น. (แก้ไขล่าสุด 7 มิถุนายน 2558 14:01 น.)


@กอบศักดิ์ ภูตระกูล (แฟ้มภาพ)

คณะกรรมการปฏิรูปทรัพยากร เตรียมเสนอ สปช. ตั้งธนาคารที่ดิน ช่วยเกษตรกรที่มีปัญหาที่ดินกำลังจะหลุดจำนอง บริหารจัดการที่ดินภาครัฐ เอกชนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองประธานคณะกรรมการปฏิรูประบบการจัดการทรัพยากรโดยชุมชน สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยว่า ในการประชุม สปช. วันที่ 9 มิ.ย. นี้ คณะกรรมการจะเสนอรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ธนาคารที่ดินและร่าง พ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน พ.ศ. ...โดยธนาคารที่ดิน จะเป็นกลไกให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดินที่เป็นธรรมและยั่งยืน อยู่ใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง มีหน้าที่หลัก 4 ประการ คือ 1. ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกรที่ที่ดินกำลังจะหลุดมือ ตลอดจนการช่วยผู้ยากจนในการเช่าซื้อที่อยู่อาศัย โดยอาศัยคำขอสินเชื่อที่ส่งเข้ามาจากชุมชนหรือ ธ.ก.ส. เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ให้ประชาชนและส่งเสริมการพัฒนาชุมชน 2. บริหารจัดการที่ดินของรัฐ 3. บริหารจัดการที่ดินของเอกชนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ 4.จัดซื้อที่ดินเข้าธนาคารที่ดิน

สำหรับการดำเนินการในระยะแรก เน้นการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ที่ดินหลุดจำนอง สำหรับเงินทุนที่จะใช้ในการดำเนินการจะมาจากเงินที่รัฐบาลจ่ายให้เป็นทุนประเดิม 5,000 ล้านบาท และการออกพันธบัตร ที่กระทรวงการคลังช่วยค้ำประกัน ส่วนระยะกลางจะดำเนินการบริหารที่ดินของหน่วยงานรัฐ และระยะยาว ดำเนินการบริหารที่ดินเอกชน และจัดซื้อที่ดิน

นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า เพื่อความยั่งยืนและความโปร่งใสในการดำเนินงาน ธนาคารที่ดินได้กำหนดมาตรการเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินดังนี้ 1. ที่ดินที่หลุดจำนองที่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของธนาคารที่ดิน ให้เจ้าของเดิม หรือทายาทโดยธรรม มีสิทธิไถ่ถอนที่ดินนั้นได้ภายใน 5 ปี โดยวิธีการเช่าซื้อ ที่มีกำหนดระยะเวลาอย่างน้อย 10 ปี ตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

2. ที่ดินของรัฐที่ธนาคารที่ดินรับมาบริหาร คงเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ ไม่สามารถเปลี่ยนสถานะเป็นโฉนดที่ดินของเอกชนได้ 3. ที่ดินที่ธนาคารจัดซื้อถือเป็นสินทรัพย์ของธนาคารที่ดิน ที่สามารถให้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร ผู้ยากจน หรือชุมชน เช่าได้ตามเกณฑ์ที่จะกำหนด (ในลักษณะเดียวกับที่ดินของกรมธนารักษ์ และสำนักงานทรัพย์สินฯ) แต่ไม่สามารถเปลี่ยนสถานะเป็นโฉนดที่ดินของเอกชนได้

4. ค่าเช่าของที่ดินของธนาคารที่ดิน จะแปรตามคุณสมบัติของที่ตั้งของที่ดิน ตามที่คณะกรรมการธนาคารประกาศกำหนด โดยทางธนาคารจะต้องมีการพัฒนาระบบข้อมูลที่ดิน ระบบการประเมินราคาที่ดินและระบบการแบ่งประเภทที่ดินที่เหมาะสม ให้สอดรับกับสภาพแวดล้อม สภาพผังเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป

นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า รัฐสามารถนำที่ดินของธนาคารที่ดินไปใช้สนับสนุนนโยบายของภาครัฐ ตามมติของ ครม. โดยรัฐชดเชยให้ธนาคารที่ดินตามราคาประเมิน และให้ผู้มีส่วนได้เสียผลประโยชน์ตามความเป็นธรรม นอกจากนี้ ธนาคารอาจใช้ที่ดินที่อยู่ในความครอบครองเพื่อประโยชน์สาธารณะ อาทิ จัดทำพื้นที่สีเขียว พื้นที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นต้น โดยธนาคารที่ดินมีเป้าหมายช่วยดำเนินการจัดหาที่ดินให้แก่เกษตรกรและคนยากจนได้ไม่น้อยกว่า1แสนราย ในช่วง 5 ปีแรกของการดำเนินงาน และ 3 แสนรายในช่วง 10 ปี ทั้งนี้ หากที่ประชุม สปช. เห็นชอบก็จะส่งให้กับทาง ครม. และ สนช. ต่อไป และคาดว่าจะสามารถเห็นเป็นรูปธรรมได้ภายในปีนี้

http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000064394

 

ฮิญาบ : สตรีนิยมอิสลาม หรือ เครื่องมือทางการเมือง?
เรื่องเด่นประเด็นร้อนby ดุอาอฺ กุเมล - มิ.ย. 5, 2015



บนโลกใบนี้มีผู้หญิง ที่ใช้ “ผ้าคลุมศีรษะ” และ “ฮิญาบ” อยู่กว่า ล้านๆ ชีวิต ถึงกระนั้น มันก็ยังคงเป็นอีกหนึ่งประเด็น ที่มีการถกเถียง หรือ พิพาทกันอย่างรุนแรงอยู่บนเวทีโลก ไม่เพียงเท่านั้น “ผ้าคลุมศีรษะสตรี” ยังเป็นสิ่งที่นำไปสู่ความเข้าใจผิด สำหรับใครหลายๆ คนอีกด้วย

ดร. เนาว์ชีน ปาชา ซัยดี นักวิจัยจากสถาบัน ปิโตรเลียม ได้เริ่มต้นโครงงานวิจัยชิ้นหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความรู้สึก หรือความเข้าใจ ของชาวมุสลิม และที่ไม่ใช่ชาวมุสลิม ที่มีต่อผ้าคลุมศีรษะสตรี เธอตัดสินใจนำเอางานวิจัยมาต่อยอด หลังจากได้เคยเขียนบทวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว

เธอรวบรวมเอา คำพูดและข้อคิดเห็นต่างๆ ของสตรีจากหลายๆ สถาบันศาสนา และความเชื่อ ได้แก่ เอมิช, ฮินดู, วิกคาน, และมุสลิม

“ฉันได้พูดคุยกับ เพื่อนๆ ที่ไม่ได้เป็นชาวมุสลิม เกี่ยวกับผ้าคลุมศรีษะสตรี และพวกเขาเองก็มีความต้องการอยากจะแสดงความคิดเห็นด้วยเช่นเดียวกัน” เธอบอก “ฉันตระหนักว่า ผ้าคลุมศีรษะสตรี เป็นประเด็นที่มีผู้เฝ้าสังเกตการณ์ ด้วยกับทัศนวิสัยที่กว้างขวาง และหลากหลายเป็นอย่างมาก ซึ่งมีความจำเป็นที่เราจะต้องจำแนกทัศนะวิสัยเหล่านั้นออกมา- ในกรณีอย่างเช่น ผ้าคลุมศีรษะสตรี ก่อนการมาของอิสลาม และการแต่งกายมิดชิด ส่งผลกระทบต่อผู้หญิงที่สวมใส่มันอย่างไร หรือ บุรุษเพศมีพฤติกรรมตอบสนองและเข้าใจมันอย่างไร”

“ในมุมมองทางด้านวิชาการตะวันตก ผนวกกับมุมมองด้านวิชาการของเฟมินิสต์ (สตรีนิยม) ได้จัดแจงให้ ผ้าคลุมศีรษะสตรี เป็นดั่งเครื่องหมายหนึ่งของ ‘การกดขี่’ ฉันอยากจะได้ข้อคิดเห็นจากชายมุสลิมจริงๆ แต่มันค่อนข้างยากที่จะเข้าถึงพวกเขาในประเด็นส่วนนี้ พวกเขารู้สึกว่า มันเป็นหัวข้อของสตรีมุสลิมโดยเฉพาะ ทั้งนี้สำหรับสตรีมุสลิมแล้ว ผ้าคลุมศีรษะ กลับกลายเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับ ความกดขี่ และยิ่งไปกว่านั้น มันยังกลับเป็นดั่ง รูปแบบ หรือ เวอร์ชั่น หนึ่งของเสรีภาพและ สตรีนิยมอิสลาม อีกด้วยซ้ำไป”

สำหรับงานวิจัยชิ้นนี้ ดร. ลุยซ์ แลมเบิร์ท นักจิตวิทยา และอาจารย์ ประจำ มหาวิทยาลัยแคนาเดียน ประเทศดูไบ เป็นหนึ่งใน ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นที่ไม่ใช่ชาวมุสลิม – ในฐานะที่เป็นชาวแคนาดาในประเทศดูไบ ดร. แลมเบิร์ท เล่าว่า เธอได้ตระหนักด้วยกับตัวเธอเองแล้วว่า ฮิญาบมีความหมายเช่นไร ต่อนักเรียนของเธอ

เธอยังบอกอีกว่า งานวิจัยชิ้นนี้ ได้หยิบเอาหัวข้อที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากขึ้นมาวิเคราะห์ “มันมีประเด็นอยู่ แต่กลับไม่มีใครพูดถึงมัน” เธอกล่าว

“เป็นเพราะสื่อจริงๆ ฮิญาบจึงกลายมาเป็นเรื่องเด่นประเด็นร้อน (ในปัจจุบัน) มันเป็น ชิ้นเสื้อผ้าที่มีการเมืองมาเกี่ยวพันด้วยมากที่สุด มันมีนัยยะและความสำคัญมากกว่า การเป็นเพียงแค่เศษผ้าชิ้นหนึ่ง”

“งานวิจัย จะช่วยให้ผู้คนเข้าใจซึ่งกันและกัน ผ่านม่านตาของผู้คนจากอีกฝั่งหนึ่ง” เธอกล่าว “มีความเข้าใจผิดอย่างมากมายเกี่ยวกับฮิญาบ และโดยเฉพาะเมื่อมันเป็นกรณีของผู้หญิง ที่ซึ่งฉันพบว่า ผู้หญิงตะวันตกคือฝ่ายคุมวงสนธนา ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับพวกเธอ หรือไม่ก็เป็นผู้ชายอื่นๆ ที่ไม่ใช่มุสลิม ทั้งๆ ที่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเขาด้วยเช่นกัน”

“เราต้องเปิดโอกาสให้สตรีที่คลุมฮิญาบ หรือ ผ้าคลุมศีรษะ จับไมค์พูดเอง เช่นนี้เราจึงจะเข้าใจได้ว่า เราจะสนับสนุนพวกเธอ และทำให้มันกลายเป็นข้อสนทนา แบบไหน อย่างไร การมองหาว่า แนวความคิด หรือ ฉันทาคติ (ความคิดโน้มเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง) เหล่านี้มีต้นตอมาจากไหนเป็นสิ่งที่สำคัญ เมื่อเราก้มมองดูตัวเราเอง”

เธอบอกว่า สำหรับนักศึกษาของเธอ ฮิญาบ คือส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ที่สำคัญของพวกเธอ – เป็นเหมือน ประกาศเทรนด์การแต่งกาย – แฟชั่นที่เชื่อมโยงกับความเชื่อทางศาสนา สำหรับสวมใส่ในทุกๆ วันของชีวิต

ในการให้ความร่วมมือเพื่องานวิจัยชิ้นนี้ อาลียา คาน ประธาน คณะกรรมการ อิสลามิคแฟชั่นดีไซน์ เล่าว่า แฟชั่นอิสลาม คือพื้นที่หนึ่งที่เติบโต รวดเร็วเป็นอย่างมากในระดับสากล และแม้แต่ในประเทศที่คาดไม่ถึง อย่างเช่น ประเทศแม็กซิโก

ความต้องการ ไม่ได้มาจากสตรีมุสลิม เพียงเท่านั้น ทั้งสตรีชาวคริสต์ และชาวยิวส์ ต่างต้องการเสื้อผ้าที่มีความสุภาพเรียบร้อย อย่างหลากหลายมากขึ้น ซึ่งพวกเขาพบว่า ตลาดกระแสหลักไม่สามารถจัดหามาจำหน่ายให้แก่พวกเขาได้

“มันไม่ได้เป็นเพียงแค่ศาสนาหนึ่งเท่านั้น แต่อิสลามคือ วิถีทางแห่งชีวิต ดังนั้น การทำความเข้าใจต่อแนวคิด อุดมการณ์ ความเขื่อ ที่อยู่เบื้องหลังวัฒนธรรม จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง” อาลียา กล่าว “และอะไรกันหรือ คือความเข้าใจของผู้คนที่มีต่อ คนอื่นๆที่ยึดอยู่บน วิถีแห่งชีวิต เส้นนี้?” “มันได้กลายมาเป็น เครื่องมือทางการเมือง ผ้าคลุมศีรษะสตรี คือหัวข้อที่กว้างขวาง มีหลายๆ งานที่เราจำเป็นต้องทำ เพื่อจำแนกแง่มุม และประเด็นต่างๆ ของมัน”

โดย: Melanie Swan

ที่มา:
Why is the hijab so controversial? | MuslimVillage.com
Petroleum Institute researcher looks into hijab perceptions | The National

ฮิญาบ : สตรีนิยมอิสลาม หรือ เครื่องมือทางการเมือง? | abnewstoday

 

อินสตราแกรม ลบบัญชีอิมามโคมัยนี ออกมาจากระบบ
ตะวันออกกลางby เอบีนิวส์ทูเดย์ - มิ.ย. 5, 2015



อัลอาลัม- บัญชีอิมามโคมัยนี บนอินสตราแกรม เป็นหนึ่งในอินสตราแกรมที่มีผู้คนติดตามมากที่สุดในโลกไซเบอร์ โดยมีผู้ติดตาม 100,000 กว่าคน ถูกลบออกจากอินสตราแกรมแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 4 ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันอสัญกรรมของอิมามโคมัยนี พอดี

หลังจากที่ถูกลบไปแล้ว ก็ได้มีการเปิดบัญชีใหม่ขึ้นมาอีกครั้งภายใต้ชื่อ อิมามโคมัยนี

บัญชีอิมามโคมัยนี บนอิสตราแกรม เปิดขึ้นประมาณ 2 ปีที่แล้ว โดยจะมีการโพสต์รูปภาพต่างๆที่หาดูยาก ในอริยะบถของอิมามโคมัยนี

อินสตราแกรม ได้แจ้งผ่านอีเมล์ ว่า ได้ทำการลบบัญชีอิมามโคมัยนีบนอินสตราแกรมแล้ว ซึ่งในนั้น มีรูปภาพประมาณ 500 กว่ารูป และคอมเมทน์ต่างๆ ก็ถูกลบทั้งหมด



اینستاگرام اکانت امام خمینی را حذف کرد !

อินสตราแกรม ลบบัญชีอิมามโคมัยนี ออกมาจากระบบ | abnewstoday

 

เผยโฉมหน้า “มือระเบิดฆ่าตัวตาย” มัสยิดอิมามฮูเซ็น เมืองดัมมาม ซาอุฯ
ตะวันออกกลางby เอบีนิวส์ทูเดย์ - มิ.ย. 5, 2015



عامل انتحاری حمله به شیعیان الدمام
อัลอาลัม – ทางการซาอุดิอาระเบีย สามารถพิสูจน์ มือระเบิดฆ่าตัวตาย ที่มัสยิดอิมามฮูเซ็น (อ) เมืองดัมมาม ซาอุดิอาระเบีย ได้แล้ว

ทางการซาอุฯ รู้ตัวคนร้ายที่มุ่งก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในมัสยิด อิมามฮูเซ็น (อ) เมืองดัมมาม แล้ว หลังจากที่หน่วยรักษาความปลอดภัยมัสยิดจับได้ แล้วหนีไประเบิดฆ่าตัวตายนอกมัสยิดทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที่สี่ราย และบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง

ทางการซาอุ เปิดเผยว่า คนร้ายดังกล่าว มีชื่อว่า “คอลิด อายิด มุฮัมมัด อัลวะฮ์บี อัล ชิมรีย์” ชาวซาอุดิอาระเบีย

ทางกระทรวงมหาดไทยซาอุ ได้เผยโฉมหน้าของคนร้ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ครั้งนี้ จำนวน 16 คน และหากผู้ใด สามารถแจ้งเบาะแสของคนร้ายและสามารถจับตัวคนร้ายมาได้แล้ว มีรางวัลให้ มากถึง 5 ล้านดอลลาร์
คลิป วิดีโอ วินาทีเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย
ویدئو؛ لحظه انفجار در مسجد امام حسین (ع) در الدمام

เผยโฉมหน้า “มือระเบิดฆ่าตัวตาย” มัสยิดอิมามฮูเซ็น เมืองดัมมาม ซาอุฯ | abnewstoday

 

บทบาทและจุดยืน “อิมามโคมัยนี” กับกรณีปัญหาปาเลสไตน์
เรื่องเด่นประเด็นร้อนby อิบรอฮีม อาแว - มิ.ย. 5, 2015



แต่ละประเทศมีรากฐาน หลักการและนโยบายต่างประเทศที่เป็นของตัวเอง ซึ่งหลักการและรากฐานเหล่านี้ถูกกำหนดวางเพื่อสนองตอบความต้องการและกลยุทธ์ของประเทศ อันเป็นหลักการที่สามารถดำเนินการต่อหลายทศวรรษและเป็นพื้นฐานสำหรับการประเมินผลในภายภาคหน้า

การปฏิวัติอิสลามอิหร่าน ประสบความสำเร็จในปี 1979 อันเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงหลักการ พื้นฐานหลักของนโยบายทั้งภายในและนโยบายต่างประเทศ ของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นไปในลักษณะที่ว่า บรรดานักเขียนและนักประวัติศาสตร์การปฏิวัติอิหร่าน ได้ประเมินว่า นี่คือการปฏิวัติที่แท้จริงของโลก เพราะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างขั้นพื้นฐานอย่างมากมาย และไม่ใช่เป็นโครงสร้างขั้นพื้นฐานในเขตพื้นที่ภูมิศาสตร์ของอิหร่านเท่านั้น แต่ได้กินภูมิศาสตร์รอบนอกและทรงอิทธิพลในวงกว้าง

ก่อนหน้าการปฏิวัติอิสลาม นโยบายต่างประเทศของอิหร่านมีความสัมพันธ์และร่วมมือกับตะวันตก ประนีประนอมกับอำนาจของตะวันออก เป็นมหาอำนาจในภูมิภาค และที่สำคัญที่สุดให้ความร่วมมือกับยิวไซออนิสต์อิสราเอล ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้มันกลับเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือทันทีหลังการปฏิวัติอิสลาม และอิหร่านกลายเป็นประเทศปฏิวัติที่เป็นคู่แข่งและศัตรูที่สำคัญสำหรับตะวันตก จากนั้นได้ละทิ้งการใช้อำนาจบาตรใหญ่ในภูมิภาค และเสนอตัวประกาศชัดในในความร่วมมือกับทุกชาติในการสร้างความสงบสุขและความสันติในภูมิภาค ประกาศสโลแกน “ไม่มีตะวันตกและตะวันออก” เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ชัดต่อประชาคมโลกว่าไม่มีการประนีประนอมกับตะวันตกและตะวันออก และตัดความสัมพันธ์อย่างสิ้นเชิงกับอิสราเอลอีกทั้งยังถือว่า อิสราเอลเป็นมะเร็งร้ายที่จะต้องกำจัดให้สิ้นซาก และต้องให้การปกป้องสนับสนุนชาวปาเลสไตน์

อิมามโคมัยนี เป็นผู้วางรากฐานนโยบายหลักของสาธารณรัฐอิสลามในการต่อต้านและเป็นปรปักษ์กับการตั้งรัฐเถื่อนยิวอิสราเอล ทำให้ความหวังของอิสราเอล ที่ได้ทำสงคราม 4 ครั้งกับชาติอาหรับต้องฝันสลาย และการเปลี่ยนยุทธศาสตร์การเมืองของตะวันออกกลางจึงสามารถเอื้อประโยชน์กับชาวปาเลสไตน์ ยิ่งทำให้เหล่าผู้นำของอิสราเอล ตกอยู่ในสภาพที่กดดันและกระอักกระอ่วน

อิหร่านก่อนการปฏิวัติอิสลามเป็นพันธมิตรหลักของยิวอิสราเอล ในเขตภูมิภาค และเป็นแหล่งพึ่งพาหลักของอิสราเอลอีกด้วย แต่หลังจากการปฏิวัติอิสลามสำเร็จ อิหร่านได้เปลี่ยนสนามอันนี้ให้เป็นประโยชน์กับปาเลสไตน์ โดยประกาศนโยบายระดับภูมิภาคในการสนับสนุนปกป้องปาเลสไตน์ผู้ถูกกดขี่อย่างเป็นรูปธรรมให้กับชาวโลกได้ประจักษ์เห็น
ย้ำในประเด็นการต่อสู้กับอิสราเอล

อิมามโคมัยนี ได้กล่าวว่า ทุกวันนี้ กิบละฮฺแห่งแรกของมุสลิมยังตกอยู่ในอาณัติของอิสราเอล มะเร็งร้ายของตะวันออกกลาง ทุกวันนี้พวกมันยังคงกดขี่บีฑาชาวปาเลสไตน์ ที่ต้องนอนจมกองเลือดอยู่ทุกวี่วัน ทุกวันนี้อิสราเอลยังคงสร้างความร้าวฉานด้วยสื่อแห่งมารทุกรูปแบบ จึงเป็นหน้าที่ของมวลมุสลิมทุกคนที่จะต้องตระเตรียมตัวเองให้พร้อมต่อกรกับอิสราเอล

เชิญชวนสู่การยืนหยัดต่อสู้กับอิสราเอล

อิมามโคมัยนี กล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการกำหนดกฎเกณฑ์อันศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสลามแล้ว ฉันไม่รู้ว่าจะมีเรื่องราวใดที่มีความจำเป็นสำหรับมวลมุสลิมมากยิ่งไปกว่าการที่พวกเขาต้องปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของพวกเขาไปในวิถีทางอันมีเกียรติแห่งอิสลาม เมื่อพวกท่านเห็นว่า เลือดของพี่น้องชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธิ์ต้องถูกหลั่งในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งปาเลสไตน์ และเมื่อใดที่พวกท่านประจักษ์ว่าผืนแผ่นดินของพวกเราต้องถูกทำลายล้างโดยน้ำมือของอาชญากรไซออนิสต์ ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ไม่มีแนวทางที่ต้องดำเนินต่อไปนอกจากการญิฮาดเท่านั้น และเป็นภาระหน้าที่สำหรับมุสลิมทุกคนที่จะต้องให้ความช่วยเหลือทั้งวัตถุและจิตใจไปในการญิฮาดอันศักดิ์สิทธิ์นี้

อิมามโคมัยนี กล่าวอีกว่า ฉันขอบอกว่า ประเด็นการปรากฏของอิสราเอล และการยอมรับการมีอยู่นั้นเป็นหายนะอันใหญ่หลวงของมุสลิม และเป็นระเบิดเวลาของประเทศอิสลามทั้งหลาย และขอยืนยันว่า การต่อต้านอิสราเอลนั้นเป็นภาระหน้าที่ทางศาสนาที่ยิ่งใหญ่

อนาคตของปาเลสไตน์เป็นของอิสลามอย่างแน่นอน

อิมามโคมัยนี ได้ให้ความสำคัญกับปาเลสไตน์ตามยุทธ์ศาสตร์ที่ได้วางไว้ โดยถือว่าปาเลสไตน์เป็นของมวลมุสลิมทุกคน ไม่เฉพาะของอาหรับเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ด้วยความชาญฉลาดและวิสัยทัศน์ของท่าน จึงกำหนดวันศุกร์สุดท้ายของเดือนรอมฎอนทุกปี เป็นวันอัลกุดส์ สากล เพื่อให้มวลมุสลิมได้ตระหนักในภาระหน้าที่ของตนที่มีต่อปาเลสไตน์ โดยท่านกล่าวว่า

“วันกุดส์มิใช่วันของปาเลสไตน์เท่านั้น แต่เป็นวันแห่งอิสลาม วันแห่งรัฐบาลอิสลาม ต้องเป็นวันที่ธงแห่งรัฐอิสลามถูกดึงขึ้นสู่ยอดเสา เป็นวันที่ต้องทำให้มหาอำนาจเข้าใจว่า พวกเขาไม่อาจเสนอหน้าอยู่ในประเทศอิสลามอีกต่อไป และเชื่อว่า วันอัลกุดส์ คือวันแห่งอิสลาม วันแห่งท่านรอซูลุลลอฮ์ เป็นวันที่เราจักต้องเตรียมพร้อมสรรพกำลังทั้งหมดของเราเพื่อสามารถปลอดแอกปาเลสไตน์และอัลกุดส์จากอุ้งมือของยิวไซออนิสต์”

ดังเราสามารถสรุปหัวข้อและประเด็นหลักของท่านอิมามโคมัยนีที่มีต่อปาเลสไตน์ดังนี้

1 กำจัดและลบอิสราเอลออกจากแผนที่โลก

2 เชิญชวนมวลมุสลิมสู่ความเป็นเอกภาพเพื่อต่อสู้กับอิสราเอล

3 กำหนดทรัพย์สินของมวลมุสลิมเพื่อใช้จ่ายเฉพาะในเรื่องปาเลสไตน์

4 กำหนดศุกร์สุดท้ายของเดือนรอมฎอนของทุกปีเป็นวันอัลกุดส์สากล

http://www.islamtimes.org/fa/doc/article/464513/

บทบาทและจุดยืน “อิมามโคมัยนี” กับกรณีปัญหาปาเลสไตน์ | abnewstoday

 

การพบปะระหว่างอิสราเอลกับซาอุดีอาระเบียในวอชิงตัน + วิดีโอ
Category: News & Event Published on Saturday, 06 June 2015 22:28 Written by Islamicstudiesth Team.



"Dore Gold" และ "Anwar Eshki" ในวอชิงตัน (รูป)

นาย "Dore Gold" ปลัดกระทรวงต่างประเทศของรัฐบาลไซออนิสต์ได้พบปะและปรึกษาหารือกับนาย "Anwar Eshki" ที่ปรึกษาอาวุโสของอดีตรัฐบาลซาอุดีอาระเบียในระหว่างการประชุมในกรุงวอชิงตัน

อัลอาลัมรายงานว่า : หนังสือพิมพ์ "Israel Hayom" พิมพ์ในอิสราเอลกล่าวว่า ในการพบปะกันครั้งนี้ นาย "Anwar Eshki" ซึ่งเป็นหัวหน้าศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และกฎหมายตะวันออกกลางของซาอุดิอารเบีย ได้เรียกร้องให้มีการจัดตั้ง "กองกำลังติดอาวุธอาหรับ" เพื่อการเผชิญหน้ากับอิหร่านในภูมิภาคต่างๆ

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สได้กล่าวในเรื่องนี้เช่นกันว่า รัฐบาลอิสราเอลและซาอุดีอาระเบียมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองกันมาเป็นเวลาหลายปีแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับอิหร่าน

เว็บไซต์ข่าวอเมริกัน "บลูมเบิร์ก" ได้กล่าวย้ำเช่นกันว่า ตั้งแต่เริ่มต้นของปี 2015 การพบปะกีนระหว่างอิสราเอลและซาอุดิอาระเบียได้เกิดขึ้นแล้วห้าครั้งในประเทศอินเดีย, อิตาลีและสาธารณรัฐเช็ก

<iframe width="707" height="393" src="https://www.youtube.com/embed/gHPCAkuvKgY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ที่มา : fa.alalam

VDO. : PressTV News Videos

การพบปะระหว่างอิสราเอลกับซาอุดีอาระเบียในวอชิงตัน + วิดีโอ

 

วีดีโอ / การยิงขีปนาวุธ "สกั๊ด" ครั้งแรกของเยเมนไปยังซาอุดีอาระเบีย
Category: News & Event Published on Sunday, 07 June 2015 00:46 Written by Islamicstudiesth Team.



วีดีโอ / การยิงขีปนาวุธ "สกั๊ด" ครั้งแรกของเยเมนไปยังซาอุดีอาระเบีย

สำนักข่าวตัสนีม : กองกำลังต้านทานอันซอรุลลอฮ์และกองทัพเยเมนได้ยิงขีปนาวุธ "สกั๊ด" เป็นครั้งแรกไปยังภาคใต้ของประเทศซาอุดีอาระเบีย




ที่มา : tasnimnews

วีดีโอ / การยิงขีปนาวุธ "สกั๊ด" ครั้งแรกของเยเมนไปยังซาอุดีอาระเบีย

 

คตง.-ป.ป.ช.นัดเคลียร์ปมสางคดีทุจริตล่าช้า | เดลินิวส์



„คตง.-ป.ป.ช.นัดเคลียร์ปมสางคดีทุจริตล่าช้า คตง.-ป.ป.ช.นัดหารือเคลียร์ปมสางคดีทุจริตล่าช้า 9 มิ.ย. เล็งเพิ่มประสิทธิภาพปราบโกง วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน 2558 เวลา 15:03 น.

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. นายวิทยา อาคมพิทักษ์ กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เปิดเผยว่า คตง.และสำนักตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) จะหารือกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานป.ป.ช. สนามบินน้ำ เพื่อหาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกัน เนื่องจากที่ผ่านมามีหลายคดีที่สตง.สรุปเรื่องที่ตรวจพบว่าน่าเชื่อว่ามีมูลส่อว่าทุจริต แล้วส่งไปให้ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ แต่ป.ป.ช.ระบุว่าต้องยึดความชัดเจนตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 จึงต้องแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อน ยังไม่สามารถตั้งคณะกรรมการไต่สวนทันที ทำให้เกิดความล่าช้าในคดี ดังนั้น การนัดหารือดังกล่าวจะเป็นการหาแนวทางการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพในการปราบปรามทุจริตประพฤติมิชอบมากขึ้น สอดคล้องประสานกันได้ ทำคดีได้รวดเร็วยิ่งขึ้น อาทิ การให้สตง.สามารถทำสำนวนส่งตรงไปยังอัยการได้ โดยไม่ต้องส่งป.ป.ช. เพื่อความรวดเร็วในการปราบปรามการทุจริต ทั้งนี้ในอนาคต คตง.และป.ป.ช.อาจทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ในการทำงานร่วมกัน.“

อ่านต่อที่ : คตง.-ป.ป.ช.นัดเคลียร์ปมสางคดีทุจริตล่าช้า | เดลินิวส์

 

"มูลนิธิไดนาสตี ใช้เงินจากบัญชีเงินฝากในต่างประเทศ" ก็สมควรถูกรัฐบาลรัสเซียกดดัน เพราะในสถานะการณ์ที่ประเทศกำลังโดนโจมตีจากประเทศต่างๆ (ในต่างประเทศ) รัฐบาลเขาก็ต้องระวังตัวเป็นพิเศษอยู่แล้ว

นักวิทยาศาสตร์รัสเซียเดินขบวนต้านรัฐบาล | เดลินิวส์



„นักวิทยาศาสตร์รัสเซียเดินขบวนต้านรัฐบาล กลุ่มนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการในรัสเซียราว 1,500 คน เดินขบวนต้านรัฐบาลในกรุงมอสโกเมื่อวันเสาร์ วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน 2558 เวลา 4:09 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ว่า นักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการในรัสเซียประมาณ 1,500 คน ชุมนุมเดินขบวนในกรุงมอสโกเมื่อวันเสาร์ เพื่อประท้วงรัฐบาลเนื่องจากเงินงบประมาณสนับสนุนด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ไม่เพียงพอ และมูลนิธิแห่งหนึ่งที่ให้การสนับสนุนโครงการวิทยาศาสตร์ในประเทศ ถูกรัฐบาลกดดัน

การประท้วงของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในรัสเซีย ที่แทบไม่เคยปรากฎ มีขึ้น 2 สัปดาห์หลังจากเจ้าหน้าที่ทางการรัสเซีย ประกาศขึ้นบัญชีมูลนิธิไดนาสตี ของเศรษฐีใจบุญวัย 82 ปี นายดมิทรี ไซมิน เป็น "สำนักงานตัวแทนต่างชาติ" อันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมการดำเนินงานของกลุ่มเอ็นจีโอ ที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากต่างชาติ ตามกฏหมายฉบับใหม่ เนื่องจากมูลนิธิไดนาสตี ซึ่งให้การสนับสนุนเงินทุนแก่หลายโครงการด้านวิทยาศาสตร์ของรัสเซีย ใช้เงินจากบัญชีเงินฝากในต่างประเทศ ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลมอสโกส่งผลให้นายไซมินประกาศจะปิดมูลนิธิไดนาสตี.“

อ่านต่อที่ : นักวิทยาศาสตร์รัสเซียเดินขบวนต้านรัฐบาล | เดลินิวส์

 

เมอร์สเกาหลีใต้ตายแล้ว5 ทั่วโลกตายอย่างน้อย444 | เดลินิวส์



ผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนากลุ่มทางเดินโรคหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส) ในเกาหลีใต้ 5 รายแล้ว ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงถึง 64 ราย ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตทั่วโลกมีอย่างน้อย 444 ราย วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน 2558 เวลา 8:51 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ว่า กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ แถลงเรื่องการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนากลุ่มทางเดินโรคหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส) รายที่ 5 เป็นผู้ป่วยชายวัย 75 ปี ที่คาดว่าได้รับเชื้อขณะรักษาตัวอยู่ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งยังมีผู้ติดเชื้อจากโรงพยาบาลแห่งนี้อีก 17 คน โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อเมอร์สในเกาหลีใต้ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์เพิ่มขึ้นเป็น 64 รายแล้ว

ด้านสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้เผยว่า ทหารอากาศชาวเกาหลีใต้รายหนึ่ง ที่ประจำการที่ฐานทัพอากาศโอซานของกองทัพสหรัฐ ในเขตพย็องแท็ก จังหวัดคย็องกี ทางตอนใต้ของกรุงโซล ได้รับการวินิจฉัยเบื้องต้นว่าติดเชื้อเมอร์สเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าได้รับเชื้อหลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยในโรงพยาบาลเดียวกับผู้ป่วยเมอร์สรายแรก

ยังไม่มีรายงานการติดเชื้อภายในฐานทัพเพิ่มเติม โดยขณะนี้ทหารคนดังกล่าวได้ถูกแยกกักตัวในโรงพยาบาลทหารภายในค่าย ขณะที่ทหารอีก 64 นาย และพลเรือน 6 นาย เป็นชาวเกาหลีทั้งหมด ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการได้รับเชื้อ ได้ถูกกักตัวภายในค่ายพักเพื่อป้องกันการกระจายของเชื้อไวรัส

การแพร่ระบาดของโรคเมอร์สในเกาหลีใต้ ยังคงเป็นไปในรูปแบบการติดเชื้อในโรงพยาบาล และยังไม่ปรากฏมีการติดเชื้อในชุมชน โดยองค์การอนามัยโลก (ฮู) รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อเมอร์สทั่วโลกรวมอยู่ที่ 1,208 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 444 ราย.“

อ่านต่อที่ : เมอร์สเกาหลีใต้ตายแล้ว5 ทั่วโลกตายอย่างน้อย444 | เดลินิวส์

 

ฮังการี-จีนลงนามการค้าเส้นทางสายไหมใหม่ | เดลินิวส์



ทางการฮังการีกับจีนลงนามข้อตกลง เครือข่ายการค้าเส้นทางสายไหมใหม่ รื้อฟื้นช่องทางการติดต่อค้าขายระหว่างจีนกับยุโรปตามเส้นทางโบราณ วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน 2558 เวลา 1:15 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ว่า รัฐบาลฮังการีและรัฐบาลจีน เซ็นลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อก่อตั้งเครือข่ายเส้นทางสายไหมใหม่ ตามแผนการรื้อฟื้นการติดต่อค้าขายกับทวีปยุโรปของจีนตามเส้นทางยุคโบราณ

นายปีเตอร์ ซิจจาร์โต นายกรัฐมนตรีฮังการี ซึ่งลงนามข้อตกลงกับ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ที่กรุงบูดาเปสต์ เมื่อวันเสาร์ กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ "ไม่เคยดีและมีประสิทธิภาพเท่ากับเวลานี้" และฮังการีกำลังหาแนวทางพัฒนาตัวเอง ให้กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้าของจีนในยุโรป นายซิจจาร์โต กล่าวอีกว่า โครงการของจีนที่เรียกขานอย่างเป็นทางการว่า "One Belt, One Road" เป็น "หนึ่งในแนวคิดที่โดดเด่นที่สุดของการค้าโลก" รวมถึงโครงการที่รัฐบาลปักกิ่งจะให้เงินทุนสนับสนุน เพื่อปรับปรุงทางรถไฟระยะทาง 370 กิโลเมตร เชื่อมต่อระหว่างกรุงบูดาเปสต์ กับกรุงเบลเกรด เมืองหลวงเซอร์เบีย

ทางด้านนายหวัง ได้กล่าวถึงฮังการี ว่า เป็น "หุ้นส่วนสำคัญ" ของจีน ในความพยายามเร่งสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มชาติตะวันตก.“

อ่านต่อที่ : ฮังการี-จีนลงนามการค้าเส้นทางสายไหมใหม่ | เดลินิวส์

 

ซาอุฯสกัดจรวดสกั๊ดของกบฏเยเมน | เดลินิวส์



„ซาอุฯสกัดจรวดสกั๊ดของกบฏเยเมน กองทัพซาอุดีอาระเบียยิงสกัดจรวดสกั๊ดซึ่งถูกยิงข้ามพรมแดนมาจากเยเมน โดยเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มกบฏฮูตี วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน 2558 เวลา 16:39 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ว่ากองทัพซาอุดีอาระเบียออกแถลงการณ์เรื่องการใช้ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน "แพทริออต" สกัดจรวดสกั๊ดลำหนึ่งซึ่งถูกยิงข้ามเขตแดนจากภาคเหนือของเยเมน เข้ามาที่เมืองคามิส มูชาอิต ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เมื่อช่วงรุ่งสางของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ และรัฐบาลริยาดเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ทั้งนี้ เหตุการณ์เกิดขึ้นเพียง 1 วันหลังเกิดการปะทะกันข้ามพรมแดน ระหว่างทหารซาอุดีอาระเบียกับกลุ่มกบฏฮูตี ทำให้ทหารซาอุดีอาระเบียเสียชีวิตอย่างน้อย 4 นาย ขณะที่นักรบของกลุ่มกบฏฮูตีเสียชีวิต "จำนวนหนึ่ง" และมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย สร้างความวิตกกังวลให้แก่หลายฝ่ายว่า อาจเป็นสัญญาณยืดเยื้อของสงครามในเเยมน และส่งผลกระทบต่อการเจรจาสันติภาพที่สวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 14 มิ.ย. นี้ ซึ่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) รับหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ย แม้กลุ่มกบฏฮูตียืนยันจะเข้าร่วมงานด้วยก็ตาม“

อ่านต่อที่ : ซาอุฯสกัดจรวดสกั๊ดของกบฏเยเมน | เดลินิวส์

 

แกมเบียตะเพิดทูตอียูออกพ้นประเทศ | เดลินิวส์



„แกมเบียตะเพิดทูตอียูออกพ้นประเทศ รัฐบาลแกมเบียขับไล่เจ้าหน้าที่การทูตสูงสุดของสหภาพยุโรปออกนอกประเทศภายใน 72 ชั่วโมง นับตั้งแต่วันศุกร์ วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน 2558 เวลา 18:54 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบันจูล ประเทศแกมเบีย เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ว่า กระทรวงต่างประเทศแกมเบียประกาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติเมื่อวันศุกร์ ขับไล่ นางแอกเนส กือโญ อุปทูตสหภาพยุโรป (อียู) ประจำแกมเบีย ออกนอกประเทศภายใน 72 ชั่วโมง โดยไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติม รวมทั้งเหตุผลของการตัดสินใจ และเบื้องต้นยังไม่สามารถติดต่อทราบความเห็นจากเจ้าหน้าที่อียูได้ ทั้งนี้ นางกือโญกำลังปฏิบัติหน้าที่ในแกมเบียแทนเอกอัครราชทูตเป็นการชั่วคราว ประธานาธิบดียาห์ยา จัมเมห์ วัย 50 ปี ปกครองแกมเบีย ประเทศขนาดเล็กริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา ด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จ นับตั้งแต่ก่อรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน จัมเมห์ปิดปากฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติในหลายประเด็น ไล่ตั้งแต่สิทธิมนุษยชนไปจนถึงการที่เขากล่าวอ้างว่าสามารถรักษาโรคเอดส์ให้หายขาดได้ นอกจากนั้นจัมเมห์ยังกวาดล้างกลุ่มคนรักเพศเดียวกันอย่างหนักในประเทศ ทั้งเกย์ เลสเบียน กลุ่มคนแปลงเพศ อียูระงับเงินช่วยเหลือแกมเบียราว 13 ล้านยูโรในปี 2557 จากปัญหาสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการออกกฏหมายต่อต้านกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน และกำลังอภิปรายว่าสมควรจัดสรรเงินช่วยเหลือราว 150 ล้านยูโร ให้แก่แกมเบียในปีนี้หรือไม่.“

อ่านต่อที่ : แกมเบียตะเพิดทูตอียูออกพ้นประเทศ | เดลินิวส์

 

Nibiru Facts/Elenin Facts/2012/NWO/FEMA/Earth Quakes/T Cyclones etc

โลกกำลังผ่านซากหักพังที่ผ่านได้ ของดาวหางที่ไม่รู้จัก / เซิร์นร้อนจัด
EARTH PASSING THRU DEBRIS OF UNKNOWN COMET/ CERN OVERHEATS.

<iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/Biz2veI82Q0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

https://www.youtube.com/watch?v=Biz2veI82Q0

 

เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อ ดาวเคราะห์ 7 x เข้าใกล้วงโคจรโลก โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน เพราะเรื่องนี้เป็นผลการศึกษานักดาราศาสตร์อิสระต่างชาติ ซึ่งเป็นผลจากการดูความเป็นไปได้ และอ้างอิงพระคัมภีร์โบราณ ข้อมูลจาก https://www.dropbox.com/…/kjmatul…/AABKec86-s24s1ns6NRXBanVa
#‪#‎Joel‬ 2:30-31
โจเอล 2: 30-31 กล่าวว่า "โจเอลได้บอกเกี่ยวกับ ความมืดในโลกทั้งมวลก่อนการมาถึงของวันที่ยิ่งใหญ่ และน่าสะพรึงกลัวว่า ฉันจะแสดงสิ่งมหัศจรรย์ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน. เลือด. ไฟ และไอควัน . ดวงอาทิตย์จะมืดไปและดวงจันทร์เป็นเลือดก่อนการมาถึงของวันที่ดีและน่ากลัวของพระเจ้า "
#‪#‎Acts‬ 2:19-20
กจ 2:19-20เราจะสําแดงการมหัศจรรย์ในอากาศเบืองบนและหมายสําคัญทีแผ่นดิน เบืองล่างเป็นเลือด ไฟและไอควัน 20ดวงอาทิตย์จะมืดไปและดวงจันทร์จะกลับเป็นเลือด ก่อน ถึงวันใหญ่นัน คือวันใหญ่ยิงขององค์พระผ้เป็นเจ้า เหตุการณ์ตางๆทีถูกเอยถึงมันคือเหตุการณ์ ตางๆทีจะเกดขึนทันทีกอนการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์ในตอนกลางและตอนปลายของ ยุคเจ็ดปี
#‪#‎Matthew‬ 24:29-31
มัทธิว 24:29
29"แต่พอความทุกข์ลำบากในวันเหล่านั้นหมดแล้ว ดวงอาทิตย์จะมืดไป และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง ดวงดาวทั้งหลายจะตกจากฟ้าสวรรค์ และบรรดาสิ่งที่มีอำนาจในฟ้าสวรรค์จะถูกทำให้หวั่นไห
มัทธิว 24:30
30เมื่อนั้นหมายสำคัญแห่งบุตรมนุษย์จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า มนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะทุกข์โศก แล้วจะเห็น~ บุตรมนุษย์เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า ทรงฤทธานุภาพและทรงพระรัศมีอย่างยิ่ง
มัทธิว 24:31
31แล้วพระองค์จะทรงส่งทูตสวรรค์ทั้งหลายของพระองค์มาด้วยเสียงแตรที่ดังมาก และให้รวบรวมคนทั้งหมดที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้ว จากทั้งสี่ทิศ ตั้งแต่ที่สุดฟ้าข้างนี้จนถึงที่สุดฟ้าข้างโน้
#‪#‎การปรากฏขึ้นของเมสไซอาปลอม‬
วิวรณ์ที่ 13:13 มันแสดงหมายสำคัญที่ยิ่งใหญ่ ถึงขนาดให้ไฟตกจากฟ้าสวรรค์ลงมาสู่โลกต่อหน้าต่อตาผู้คน
วิวรณ์ที่ 13:14 เนื่องด้วยหมายสำคัญเหล่านี้ที่มันได้รับอำนาจให้ทำการแทนสัตว์ร้ายตัวแรก มันล่อลวงชาวโลก สั่งให้พวกเขาสร้างรูปจำลองขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่สัตว์ร้ายที่ถูกฟันด้วยดาบแต่ยังไม่ตายนั้น
#‪#‎โลกโยกไปโยกมาคล้ายเมาเหล้า‬
Isaiah 24:19-20
24:19 โลกแตกสลายสิ้นเชิงแล้ว โลกแตกเป็นเสี่ยงๆ โลกถูกเขย่าอย่างรุนแรง
24:20 โลกก็จะซวนเซไปอย่างคนเมา มันจะแกว่งไปอย่างเพิง การละเมิดของโลกจะหนักอยู่บนมัน และมันจะล้มและจะไม่ลุกอีก

#‪#‎เมื่อสลักที่‬ 5 (ข้อตกลงความสงบเรียบร้อย)ถูกเปิดออก ประมาณวันที่ 11 มกราคม 2016 จะมีเหตุการณ์ตามนี้
Matthew 24:20-21
มัทธิว 24:20จง​อธิษ‌ฐาน​ขอ​ให้​วัน‍ที่​ท่าน​หนี​นั้น​จะ​ไม่​เกิด​ใน​ฤดู‍หนาว​หรือ​วัน‍สะ‌บา‌โต
มัทธิว 24:21เพราะ‍ว่า​ใน​เวลา​นั้น​จะ​เกิด​ความ​ทุกข์​ลำ‌บาก​ยิ่ง‍ใหญ่​อย่าง​ที่​ไม่​เคย​มี​ตั้ง‍แต่​เริ่ม​โลก​มา​จน‍ถึง​ทุก​วัน‍นี้ และ​จะ​ไม่​เกิด‍ขึ้น​อีก​เลย

##เมื่อสลักที่ 6 ถูกเปิดออก จากภาพจะมีเหตุการณ์ตามนี้
‪#‎ดวงอาทิตย์ถูกทำให้มืดลง‬ (อุปราคา)
วิวรณ์ที่ 6:12 ข้าพเจ้าเฝ้าดูขณะที่พระองค์ทรงแกะตราดวงที่หก เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ดวงอาทิตย์กลับมืดดำเหมือนผ้ากระสอบขนแพะ ดวงจันทร์เต็มดวงกลายเป็นสีเลือด
‪#‎พายุอุกาบาตครั้งที่‬ 1 จะเกิดขึ้นประมาณวันที่ 26 มีนาคม 2016
วิวรณ์ที่ 6:13 และดวงดาวในท้องฟ้าร่วงลงสู่พื้นโลกดั่งมะเดื่ออ่อนร่วงลงจากต้นเมื่อถูกพายุพัด
#พายุอุกาบาตครั้งที่ 1 และ ภูเขาและเกาะทั้งหลายถูกเคลื่อนย้าย
วิวรณ์ที่ 6:14 ท้องฟ้าม้วนตัวขึ้นไปดั่งหนังสือม้วน ภูเขาทุกลูกและเกาะทุกเกาะถูกเคลื่อนย้ายไปจากที่เดิม
วิวรณ์ที่ 6:15 จากนั้นบรรดากษัตริย์ของโลก เจ้านาย ขุนพล เศรษฐี ผู้ยิ่งใหญ่ และทุกผู้ทุกคนไม่ว่าทาสหรือไท ต่างมุดซ่อนในถ้ำ ในหลืบหินตามภูเขา
‪#‎การหมุนของแกนโลกช้าลง‬ ประมาณ 12 ชั่วโมง
วิวรณ์ที่ 7:1 หลังจากนั้นข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์สี่องค์ยืนอยู่ที่สี่มุมโลก ห้ามลมทั้งสี่ทิศไม่ให้พัดบนบก บนทะเล หรือบนต้นไม้ใดๆ
##เมื่อสลักที่ 7 ถูกเปิดออก จากภาพจะมีเหตุการณ์ตามนี้
#พายุอุกาบาตครั้งที่ 2 (ซึ่งทำให้กลัดกลุ้ม) จะเกิดขึ้นประมาณหลังวันที่ 26 มีนาคม 2016 ไปอีก 150 วัน
วิวรณ์ที่ 8:7 ทูตสวรรค์องค์แรกเป่าแตร ลูกเห็บและไฟปนเลือดก็ถูกโยนลงมาบนแผ่นดิน หนึ่งในสามของโลกถูกเผาไป ต้นไม้มอดไหม้ไปหนึ่งในสาม และหญ้าเขียวก็ถูกไฟไหม้หมดสิ้น
‪#‎อุกาบาตขนาดใหญ่‬ 1 ลูก
วิวรณ์ที่ 8:8 ทูตสวรรค์องค์ที่สองเป่าแตร และมีสิ่งหนึ่งเหมือนภูเขาใหญ่ที่ติดไฟลุกโชนถูกโยนลงทะเล หนึ่งในสามของทะเลกลายเป็นเลือด
วิวรณ์ที่ 8:9 หนึ่งในสามของสิ่งมีชีวิตในทะเลตายสิ้น หนึ่งในสามของเรือทั้งหลายถูกทำลายไป
‪#‎มนุษย์ถูกทรมานเป็นระยะเวลา‬ 5 เดือน
วิวรณ์ 9:4 พวกมันถูกสั่งห้ามไม่ให้ทำลายหญ้า ต้นไม้ พืชพันธุ์ในโลก แต่ให้ทำร้ายเฉพาะผู้คนที่ไม่มีตราประทับของพระเจ้าบนหน้าผาก
วิวรณ์ 9:5 พระองค์ไม่ได้ให้อำนาจที่จะฆ่าคนเหล่านั้น เพียงแต่ให้ทรมานพวกเขาเป็นเวลาห้าเดือน เป็นความเจ็บปวดทรมานเหมือนถูกแมงป่องต่อย
วิวรณ์ 9:6 ตลอดช่วงนั้นพวกเขาจะร้องหาความตายแต่จะไม่พบ อยากตายแต่ความตายจะหลบลี้หนีหน้าไปจากเขา
จากการศึกษาได้ศึกษาความเป็นไปได้ของเวลาที่ดาวเคราะห์ 7 X จะปรากฏตัว ต่อสายตาชาวโลก ดังนี
้
ช่วงที่ 1 ระหว่างปี คศ.2013-2016 มีความเป็นไปได้มากที่สุด เพราะเป็นการคาดการณ์ โดยเปรียบเทียบจากไบเบิ้ล ซึ่งถ้าเกินปี คศ.2017 ก็จะเกินจากช่วงเวลาตามไบเบิ้ล
ช่วงที่ 2 ระหว่างปี คศ.2017-2021 มีความเป็นไปได้ปานกลาง เป็นการคาดการณ์โดยหลักทางวิทยาศาสตร์
ช่วงที่ 3 ระหว่างปี คศ.2022 - 2030 มีความเป็นไปได้น้อยมากที่สุด

 

ข้อมูลที่นำมาเสนอไม่ได้ต้องการสร้างความตื่นกลัวครับ ซึ่งผมแน่ในว่าทุกคนคงไม่เชื่อแต่อยากให้ชินกับเรื่องนี้ไว้ ถ้ามันเกิดขึ้นเราจะได้ไม่ตื่นกลัวเพราะเราก็เคยได้รับรู้เกี่ยวกับมันมาแล้ว



Nibiru Facts/Elenin Facts/2012/NWO/FEMA/Earth Quakes/T Cyclones etc
วิดีโอสุดท้าย NIBIRU กับหลักฐานทั้งหมดที่คุณจำเป็นต้อง, ดูมันเข้าใจว่า NIBIRU เป็นเพียงก้อนหินที่โยนออกไปจากโลก
fyi ###>>> FINALLY a NIBIRU video with ALL the PROOF that you sheeple NEED, Watch it, understand that NIBIRU is Only a stones throw away from Earth <<<###

~~~> these 4 minutes will change yOur liFe <~~~
Nibiru Now. Deny and be damned

<iframe width="1920" height="1080" src="https://www.youtube.com/embed/6aSp3cD5pVQ" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

https://www.youtube.com/watch?v=6aSp3cD5pVQ

 

ปอกเปลือก ทรราช



สายการบิน Lufthansa ของเยอรมันยกเลิกเที่ยวบินไปรัสเซียหลายเที่ยวบินเนื่องจากไม่คุ้มทุน ผลพวงจากเกมแซงชั่นรัสเซีย ใครเจ็บ?
-----------
เมื่ออียูเชื่อคำยุยงของสหรัฐฯให้ทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับรัสเซียคนเคยค้าเคยขายกันมาตลอด เพียงเพราะสหรัฐฯต้องการจะครองโลกแต่เพียงผู้เดียว แต่รัสเซียก็ไม่ยอมให้สหรัฐฯมาเอาเปรียบและบ่อนทำลายความมั่นคงของรัสเซียได้โดยง่าย จึงเกิดการทำสงครามแซงชั่นทางเศรษฐกิจต่อกัน อียูเลือกที่จะอยู่ข้างสหรัฐฯ เมื่อนักการเมืองและนายทุนผู้อยู่เบื้องหลังเล่นเกมแย่งอำนาจกัน ผู้ที่ได้รับผลกระทบไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือภาคธุรกิจและประชาชนทั้งในและต่างประเทศ
เฉพาะในเยอรมันนั้น ล่าสุดมีรายงานว่าสายการบิน Lufthansa แอร์ไลน์ที่มีข่าวเครื่องบินตกที่ฝรั่งเศสเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ออกมายอมรับว่า สายการบิน Lufthansa จำเป็นต้องระงับเที่ยวบินที่จะเดินทางไปยังรัสเซียหลายเที่ยวบิน เนื่องจากไม่คุ้มทุนเพราะมีผู้ใช้บริการน้อยมาก Carsten Spohr ประธานและซีอีโอของ Lufthansa ยอมรับว่าสาเหตุที่มีผู้มาใช้บริการของสายการบิน Lufthansa ลดลงนั้นก็เนื่องมาจากมาตรการแซงชั่น anti-Russia และความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศกับรัสเซีย CEO ของสายการบินนี้บอกว่าในอนาคตอาจจะฟื้นฟูเที่ยวบินไปยังรัสเซียขึ้นมาใหม่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายการเมือง
นักวิเคราะห์มองว่ามาตรการแซงชั่นรัสเซียที่นำโดยสหรัฐฯนั้น สหรัฐฯออกคำสั่ง แต่อียูต้องจ่ายและรับภาระแทน ผู้นำของ G7 ยังเชื่อว่าจะสามารถกดดันให้รัสเซียยอมทำตามความต้องการของสหรัฐฯและอียูได้โดยการใช้มาตรการแซงชั่นต่อไป แต่รัสเซียไม่คิดอย่างนั้น รัสเซียหันไปสร้างพันธมิตรใหม่เพิ่มมากขึ้นแทน นี่เป็นความสูญเสียของฝ่ายสหรัฐฯและอียูที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ แน่นอนว่าเมื่อสหรัฐฯและอียูยังเล่นเกมแซงชั่นกับรัสเซียต่อไปอย่างนี้ ย่อมจะส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆที่เคยค้าขายกับกลุ่มประเทศเหล่านั้นอยู่แล้ว
ยุโรปไม่สามารถระบายสินค้าของตนไปยังรัสเซียได้ เพราะถูกรัสเซียแซงชั่นกลับ สินค้าประเภทเดียวกันจากที่อื่นก็ไหลเข้าไปในยุโรป เช่นอาหารทะเลจากไทย ดังนั้นอียูจึงต้องหามาตรการสกัดไม่ให้สินค้าของประเทศอื่นเข้าไปตีตลาดอียูได้ เพราะสินค้าของเขาก็ระบายออกไม่ค่อยจะได้ และยังมีสินค้าจากที่อื่นเข้าไปทับถมอีก ดังนั้นอียูจึงจำเป็นต้องหามาตรการกีดกันสินค้าจากภายนอกไม่ให้เข้าไปรุกตลาดของเขาในตอนนี้ จับตาดูว่าต่อไปอียูจะหาเรื่องแบนสินค้าจากต่างประเทศอย่างไรบ้าง
The Eyes
08/06/2558
----------
Lufthansa CEO:Anti-Moscow Sanctions Cause Low Demand for Services in Russia / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
นาโต้หน้าแตกรีบออกมาตอบโต้ปูติน สหรัฐฯใช้ G7 แซงชั่นรัสเซียต่อเมื่ออียูส่อแววเสียงแตก



-----------
วันก่อนปูตินให้สัมภาษณ์กับสื่อฯอิตาลีว่า "มีแต่คนเสียสติและในความฝันของบางคนเท่านั้นที่คิดว่ารัสเซียจะโจมตีนาโต้ทันที" วงเล็บด้วยนะว่า "ทันที" หมายความว่าในอนาคตไม่แน่ อิๆ มันต้องมีลูกล่อลูกชนกันบ้าง นอกจากนี้ปูตินยังท้าให้สื่อฯอิตาลีกางแผนที่โลกออกมาดูแล้วทำเครื่องหมายแสดงตำแหน่งฐานทัพของสหรัฐฯลงไปด้วย ชาวโลกจะได้เห็นความแตกต่าง (ว่าใครกันแน่น่าจะเข้าข่ายเป็นผู้รุกราน ก้าวร้าว หาเรื่องชาวบ้านตัวจริง)
ปูตินพูดแบบนี้มันแทงใจดำของนาโต้และสหรัฐฯมาก สหรัฐฯรู้สึกเสียหน้ามากที่ปูตินออกมาพูดความจริง สหรัฐฯไม่อยากให้ชาวโลกมองตัวเองกำลังขยายจักรวรรดิอเมริกาไปทั่วโลก แม้จะเป็นความจริง จึงได้ส่ง นายพล Martin Dempsey นายทหารระดับสูงของนาโต้ออกมาตอบโต้ปูตินในวันต่อมาว่าปูตินมุ่งมั่นที่จะทำลายนาโต้ (อ้าว! เป็นงั้นไป!)
Gen. Martin Dempsey กล่าวว่า "ผมไม่สามารถบอกคุณได้ในขณะที่พวกเรานั่งอยู่ที่นี่ในวันนี้ถึงสิ่งที่ปูตินและรัสเซียตั้งใจที่จะทำ (นั่นแหละมุก propaganda ไม้ตายของเขาหละ ต้องทำให้ชาวโลกหวาดกลัวและระแวงรัสเซียเข้าไว้ จะได้เกิดการต่อต้านรัสเซียมากขึ้น) พวกเขาได้แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมบางอย่าง ที่ไม่อยู่ในระเบียบนานาชาติ ซึ่งชี้ให้เห็นได้ชัดเจนว่าพวกเขาเจตนาที่จะผลักดันให้เกินเลยสิ่งที่ประเทศอื่นๆส่วนมากซึ่งเราพิจารณาแล้วว่าเป็นบรรทัดฐานระหว่างประเทศ" (แค่นี้พอหละ...พูดมากไปก็ลงท้ายที่ปูตินและรัสเซียไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ตราบใดที่มีประเทศใดไม่ยอมเป็นเด็กดีของอเมริกา อเมริกาก็จะมองว่าเป็นภัยคุกคามอยู่อย่างนี้ร่ำไป ไม่แปลก)
มาดูการประชุม G7 วันแรกที่เมือง Bavaria ประเทศเยอรมันนีบ้าง เกี่ยวกับรัสเซียนั้น มีสองความเป็นไปได้คือ สหรัฐฯเรียกร้องให้ G7 คงมาตรการแซงชั่นรัสเซียต่อไป นาย Donald Tusk ประธานสภายุโรป (European Council President) กล่าวว่า "พวกเราทุกคนอยากจะให้รัสเซียมาร่วมโต๊ะประชุม G7 ด้วยกัน (จะได้รุมกินโต๊ะรัสเซียนะสิ)" แต่ตรงนี้แสบกว่านาย Donald Tusk กล่าวต่ออีกว่า "แต่กลุ่มของพวกเราไม่ใช่เพียงแค่กลุ่มที่แชร์ผลประโยชน์ทาางการเมืองและเศรษฐกิจเท่านั้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด นี่เป็นประชาคมแห่งคุณค่า (community of values) และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมรัสเซียถึงไม่มาอยู่กับพวกเราในวันนี้"
โฮ่…! ฟังคำพูดของพวกมหาอำนาจเก่าเขาสิ โบราณพูดว่าhมาอี้ใครยกหางให้มัน สงสัยคำพูดของ Tusk จะเป็นเครื่องยืนยันได้ดีที่สุด ปัจจุบันนี้ทั่วโลกมีทั้งหมด 196 ประเทศ แต่ G7 บอกว่าพวกเขาคือประชาคมที่มีคุณค่า แล้วอีก 189 ประเทศคือประชาคมอะไรหรือ? ถ้าเอาคำพูดของ Marie Harf โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ที่ตอบคำถามผู้สื่อข่าว RT news วันก่อนที่ว่า "…เมื่อฉันพูดว่าถ้าหากการโจมตีส่วนใหญ่มาจากกองกำลังแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซีย ดังนั้นก็ย่อมจะมีการโจมตีส่วนน้อยมากๆที่มาจากอีกฝ่ายหนึ่ง..." มาเปรียบเทียบกับคำพูดของ Tusk ก็จะได้ข้อสรุปที่ว่า อีก 189 ประเทศทั่วโลกอาจจะถูกจัดให้อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับคำว่า "community of values" นะสิ?
ส่วนอีกกระแสข่าวหนึ่งโดยอ้างจากแหล่งข่าวภายในที่ใกล้ชิดกับสมาชิกของ G7 บางคนบอกว่า ไม่น่าจะมีการขยาย (expansion) มาตรการแซงชั่นรัสเซียเพิ่มเติมให้กว้างออกไปอีก แต่อาจจะมีการยืดอายุแซงชั่นรัสเซียออกไปอีก ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าสหรัฐฯและอียูต้องการจะกดดันรัสเซียโดยอ้างกรณีวิกฤตยูเครนออกไปจนถึงเดือนมกราคมปีหน้า จากจุดนี้จึงทำให้มองได้ว่า การที่เกิดมีการปะทะกันระหว่างกองกำลัง DPR/LPR กับกองทัพของยูเครนในยูเครนตะวันออกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อต้อนรับการประชุมสุดยอด G7 นั้นก็เป็นเพียงการหาเหตุผลเพื่อให้มีการแซงชั่นรัสเซียต่อไปอีกเท่านั้นเอง
สหรัฐฯและมหาอำนาจยุโรป ไม่มั่นใจว่าจะกดดันให้สหภาพยุโรปต่ออายุการแซงชั่นรัสเซียที่กำลังจะหมดอายุในเดือนมิถุนายนนี้ได้หรือไม่ เนื่องจากการต่ออายุจะต้องได้รับมติเป็นเอกฉันท์จากชาติสมาชิกอียูทั้งหมด แต่ตอนนี้มีบางประเทศที่ไม่เห็นด้วย เช่นกรีซ ไซปรัส ฮังการี และแม้แต่สาธารณรัฐเช็ก ดังนั้นสหรัฐฯอาจจะไม่สามารถบีบให้อียูแซงชั่นรัสเซียได้อีกต่อไป จึงหันไปหา G7 แทน และการที่จะทำให้ G7 เชื่อว่าควรจะคงการแซงชั่นรัสเซียต่อไปอีกหรือไม่นั้นก็ต้องมีการสร้างสถานการณ์ขึ้นมาให้ดูสมเหตุสมผลซะก่อน เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือเข้าไว้ ดังนั้นการปะทะกันระหว่างกองกำลังทั้งสองฝ่ายในยูเครนตะวันออกจึงเป็นแค่หมากตาหนึ่งของสหรัฐฯเท่านั้นเอง
The Eyes
08/06/2558
----------
Putin intends to undermine NATO - Jt. Chiefs Chairman Dempsey — RT USA
http://rt.com/news/265606-g7-summit-russia-sanctions/
EU Not Planning to Expand Anti-Russia Sanctions / Sputnik International
G7 summit in Germany gets under way amid mass protests LIVE UPDATES — RT News

 

ปอกเปลือก ทรราช
อียูมีแผนส่งผู้อพยพจากลิเบียและแอฟริกาในยุโรปเข้าไปในลัตเวีย แต่ลัตเวียยื่นคำขาด "ไม่เอา!"



-----------
เมื่อวานนี้ (7 มิ.ย.58) sputnik news รายงานว่ารัฐมนตรีด้านกิจการภายใน (มหาดไทย) ของ Latvia ออกมากล่าวว่าประเทศลัตเวีย (ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรของสหรัฐฯและอียู) ไม่สามารถที่จะรับผู้อพยพลี้ภัยจำนวน 700 คนซึ่งอยู่ในแผนแบ่งโคต้าของสหภาพยุโรปได้อย่างเด็ดขาด
ระหว่างปี 2009-2013 ประชากรของลัตเวียลดจำนวนลงประมาณ 70,000 คน เนื่องจากการอพยพโยกย้ายถิ่นฐานและการลดลงตามธรรมชาติซึ่งเป็นผลจากอัตราการเสียชีวิตที่สูงกว่าอัตราการเกิด ปัจจุบันนี้ประชากรพลเมืองของลัตเวียมีประมาณ 2 ล้านคน Rihards Kozlovskis รมต.ด้านกิจการต่างประเทศของลัตเวียกล่าวว่า "ผมขอยืนยันว่าพวกเรายังไม่พร้อมสำหรับความท้าทายนี้ในอนาคต ถ้าพวกเขาพูดในปัจจุบันนี้ว่า 'ได้โปรดเถอะ นี่แค่ 700 คนเอง' พวกเราขอบอกว่าพวกเราไม่พร้อมสำหรับเรื่องนี้"
ลัตเวียรู้แผนของสหรัฐฯและอียูดี เพราะรู้ว่านี่จะไม่ใช่เฉพาะเรื่องของการให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเพิ่มผู้ลี้ภัยเหล่านี้เข้าไปในตลาดแรงงาน การศึกษา และสถานบันอื่นๆอีกด้วย (และผู้ก่อการร้ายด้วย ลัตเวียเขาไม่ได้พูด แต่แอ็ดมินเพิ่มให้)
Kozlovskis กล่าวอีกว่า "ในทำนองเดียวกันนี้ ลัตเวียก็ไม่ได้ให้สถานะผู้ลี้ภัยที่มาจากยูเครน แม้ว่าลัตเวียจะขยายวีซ่าให้กับผู้ที่เข้ามาอาศัยอยู่กับญาติของเขาก็ตาม"
เป็นยังไงหละแผนของอียูกับสหรัฐฯ ไม่แก้ไขที่ต้นเหตุของปัญหาการค้ามนุษย์แต่พยายามที่จะผลักภาระไปให้ประเทศอื่นในการดูแลรับผิดชอบผู้อพยพผิดกฎหมายเหล่านั้นแทน จากนั้นก็บีบให้ประเทศเหล่านั้นจ่ายค่าสวัสดิการต่างๆให้กับผู้อพยพผิดกฎหมายจากขบวนการค้ามนุษย์ของยุโรปเอง ยิ่งมีประเทศต่างๆหลงรับผู้อพยพผิดกฎหมายเหล่านี้เข้าไปมากขึ้นเท่าไร ขบวนการค้ามนุษย์ก็ยิ่งมีรายได้เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
ในขณะเดียวกันสหรัฐฯและพวกก็ขยันสร้างสงครามในต่างประเทศเพื่อให้มียอดผู้อพยพหนีภัยสงครามไหลเข้าไปสู่ยุโรปและประเทศอื่นๆเพิ่มมากขึ้น อาวุธสงครามก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า พวกขบวนการค้ามนุษย์ก็มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ จากนั้นก็ผลักภาระในการดูแลผู้อพยพผิดกฎหมายเหล่านั้นไปให้ประเทศอื่นดูแลแทนโดยยกเรื่องการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และสิทธิมนุษยชนบังหน้า
พอส่งเข้าไปมากๆก็ปลุกกระแสให้คนเหล่านั้นลุกฮือขึ้นมาเรียกร้องสารพัดอย่างและต่อต้านรัฐบาลเจ้าของประเทศ เมื่อไม่ได้ตามต้องการก็ติดอาวุธให้และเรียกร้องให้มีการแบ่งแยกดินแดนตามมา เข้าสูตรแบ่งแยกแล้วปกครองเป๊ะ ดูต่อไปนะว่าสหรัฐฯและอียูจะหาทางบีบให้ลัตเวียยอมรับผู้อพยพผิดกฎหมายลักลอบเข้าเมืองผ่านกระบวนการค้ามนุษย์ในยุโรปเหล่านี้ได้อย่างไร ไม่แน่นะยูเครนอาจจะเป็นอีก 1 เป้าหมายในอนาคตของแผนนี้ก็ได้
อังกฤษนกรู้ รีบออกมาปฏิเสธก่อนพวกเลยว่าไม่รับผู้อพยพเหล่านั้นเด็ดขาด และอังกฤษกำลังจะถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปด้วย ขืนอยู่ต่อไปโดนอียูบีบให้รับผู้อพยพเหล่านั้นแน่นอน และเนื่องจากเศรษฐกิจของอียูก็กำลงดิ่งเหว ไม่มีประโยชน์อะไรที่อังกฤษจะให้อียูลากลงเหวไปด้วยแน่นอน
The Eyes
08/06/2558
----------
Latvia 'Not Ready' to Accept 700 Refugees - Interior Minister / Sputnik International