ติดตามสถานะการณ์

เฝ้าระวังรอยเลื่อนมีพลัง 'ใน-นอกประเทศ'
by กุลระวี สุขีโมกข์ 2 มิถุนายน 2558 เวลา 18:23 น.


นักวิชาการด้านธรณีวิทยา เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีกลุ่มรอยเลื่อนมีพลัง จำนวน 14 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือ และเฝ้าระวังเหตุแผ่นดินไหวนอกประเทศ ที่อาจส่งผ่านแรงสั่นสะเทือนมายังไทยในอนาคต

กลุ่มรอยเลื่อนมีพลังในประเทศไทย ปัจจุบันมีจำนวน 14 แห่ง พบในภาคเหนือมากที่สุดถึง 10 แห่ง กระจายอยู่ในภาคตะวันตกและภาคใต้อย่างละ 2 แห่ง ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะตั้งอยู่ห่างรอยเลื่อน แต่ชั้นดินบริเวณดังกล่าว เป็นชั้นดินอ่อน จึงเสี่ยงต่อการเกิดเหตุแผ่นดินไหวเช่นกัน

เนื่องจากไทยตั้งอยู่บนแผ่นเปลือกโลกยูเรเซีย ซึ่งมีรอยแตกแขนงจำนวนมาก ซึ่งมีพลังและพร้อมจะทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้

รวมทั้งจะต้องเฝ้าระวังแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นนอกประเทศ เช่น มีศูนย์กลางแผ่นดินไหวที่เมียนมาร์ ลาว และอินโดนีเซีย ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะส่งต่อแรงสั่นสะเทือนมายังไทย

ปัจจุบัน นักธรณีวิทยายังไม่สามารถระบุช่วงเวลาการเกิดแผ่นดินไหวในอนาคตได้ เนื่องจากเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้

ขณะเดียวกัน ก็มีความพยายามในการรวบรวมข้อมูลเหตุแผ่นดินไหว เช่น ขนาดแผ่นดินไหว สถานที่ รวมถึงธรณีสันฐานอื่นๆ เพื่อนำมาจัดทำแผนที่ เพื่อรับมือเหตุแผ่นดินไหว

เฝ้าระวังรอยเลื่อนมีพลัง 'ใน-นอกประเทศ' - VoiceTV

 

Kaokala Fc
2 มิ.ย. "นาซา"เล็งสำรวจ บรรยากาศ"ดาวศุกร์"



องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐอเมริกา เตรียมส่งยานออกไปสำรวจบรรยากาศชั้นบนของดาวศุกร์ ในโครงการสำรวจอวกาศที่ใช้ชื่อว่า "นิว ฟรอนเทียร์ โปรแกรม" โดยมอบหมายให้บริษัท นอร์ธรอป กรัมแมน คิดค้นหายานสำรวจแนวคิดใหม่ เพื่อการสำรวจชั้นบรรยากาศโดยเฉพาะ

เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นอร์ธรอป กรัมแมน แถลงถึงแนวคิดใหม่ในการสร้างยานสำรวจเพื่อการสำรวจดาวศุกร์โดยเฉพาะ เรียกว่า "วีนัส แอทมอสเฟียริค เมนูเวอเรบิลิตี้ แพลตฟอร์ม" เรียกสั้นๆ ว่า "แวมพ์" เป็นยานสำรวจขนาดไม่ใหญ่นักที่สามารถส่งลงไปสำรวจจากยานแม่ในวงโคจรได้ ที่สำคัญคือมันสามารถ "พองตัว" ได้ด้วยตัวเอง

ยานสำรวจแวมพ์ ถูกออกแบบมาให้เบาเป็นพิเศษ เพื่อให้สามารถลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศได้โดยใช้พลังงานน้อยหรือไม่ใช้พลังงาน เลย แต่ในเวลาเดียวกันก็สามารถเคลื่อนที่ได้ดีพอไปตามกระแสลมในชั้นบรรยากาศของ ดาวศุกร์ที่ค่อนข้างรุนแรงได้ นอกจากนั้นตัวยานต้องมีคุณสมบัติสามารถทนทานกรดซัลฟูริกในชั้นบรรยากาศดาว ศุกร์ได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ หากนาซาเห็นชอบกับแนวความคิดดังกล่าวนี้ ยานแวมพ์ ก็อาจถูกส่งขึ้นไปสำรวจ "เมฆ" ของดาวศุกร์ได้ภายใน 10 ปีข้างหน้านี้

นาซา ให้ความสนใจดาวศุกร์ด้วยเหตุผลหลายประการ แรกสุดนั้นเป็นเพราะการเดินทางไปดาวศุกร์ที่เป็นดาวเคราะห์ลำดับที่ 2 ในระบบสุริยะนั้นใกล้กว่าการเดินทางไปดาวอังคาร และเนื่องจากวงโคจรของดาวศุกร์มีลักษณะค่อนข้างเป็นวงกลม มีความรีน้อยกว่าวงโคจรของดาวอังคาร ทำให้ภารกิจสำรวจดาวศุกร์ทำได้ง่ายกว่ามาก

นอกจากนั้น แม้ว่าพื้นผิวของดาวศุกร์จะไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ เนื่องจากร้อนจัดและมีความหนาแน่นสูงชนิดที่ทำให้ตะกั่วหลอมละลายได้ และมีแรงดันเทียบเท่ากับการลงไปอยู่ใต้ทะเลเกือบ 2 กิโลเมตร แต่ถ้าหากมีการตั้งหลักแหล่งเป็นสถานีลอยฟ้าอยู่ในชั้นบรรยากาศของดาวศุกร์ ได้ สภาวะแวดล้อมทั้งเรื่องของอุณหภูมิ ความกดดัน และระดับการแผ่รังสีจะมีความคล้ายคลึงกับโลกมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม นาซายังไม่เคยสำรวจดาวศุกร์อย่างจริงจังมาก่อน การสำรวจดาวศุกร์ที่จริงจังมากที่สุดเป็นขององค์การอวกาศแห่งยุโรป (อีเอสเอ) ซึ่งส่งยานสำรวจทางวิทยาศาสตร์ชื่อ "วีนัส เอ็กซเพรส" ไปสำรวจดาวเคราะห์ดวงนี้เมื่อปี 2005

ทั้งนี้ เมื่อปลายปีที่แล้ว บรรดานักวิทยาศาสตร์ประจำกองอำนวยการด้านแนวคิดและการวิเคราะห์ระบบ ของนาซา เสนอแนวความคิดจัดทำ "เรือเหาะ" ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับใช้เป็นที่พักของมนุษย์ในกลุ่มเมฆของดาวศุกร์ เรียกว่า "แนวความคิดเชิงปฏิบัติในระดับสูงบนดาวศุกร์" หรือเรียกสั้นๆ ว่า "ฮาวอค"

ความแตกต่างระหว่างเรือเหาะฮาวอค กับ แวมพ์ ก็คือ แวมพ์ จะเป็นยานสำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มากกว่าจะใช้สำหรับตั้ง หลักแหล่งของมนุษย์ แวมพ์ ได้เปรียบกว่ายานสำรวจวีนัส เอ็กซ์เพรสตรงที่สามารถลงไปสำรวจลึกลงไปในกลุ่มเมฆของดาวศุกร์ได้ ทำให้ข้อมูลที่ได้รับมีมากกว่า

นอกจากนั้นยังช่วยให้ข้อมูลจาก ประสบการณ์จริงให้กับทางนาซาได้ว่า จะสร้างยานอวกาศอย่างไรจึงสามารถทนทานต่อบรรยากาศดาวศุกร์ที่ไม่เหมือนที่อื่นใดได้

"นาซา"เล็งสำรวจ บรรยากาศ"ดาวศุกร์" : มติชนออนไลน์

 

นานาชาติตกลงช่วยอิรักสู้ IS มากขึ้น
by Chatnarong Muangwong 3 มิถุนายน 2558 เวลา 12:08 น.

สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรตกลงช่วยอิรักต่อสู้กับกลุ่ม IS เพิ่มขึ้น โดยจะแบ่งปันข้อมูลด้านข่าวกรองและส่งอาวุธไปยังอิรักเพิ่มเติม ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนีระบุว่าการสู้รบไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน

นางมารี ฮาร์ฟ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงข่าวระบุว่าชาติพันธมิตรในปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลามหรือ IS ซึ่งนำโดยสหรัฐฯ ตกลงที่จะแบ่งปันข้อมูลด้านข่าวกรองกันเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยเหลืออิรักให้สามารถต่อสู้กับกลุ่ม IS ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่สหรัฐฯ เองก็จะส่งอาวุธไปยังอิรักมากขึ้นและเร็วขึ้นด้วย

ข้อสรุปดังกล่าวได้มากจากการประชุมชาติพันธมิตรในปฏิบัติการปรามปรามกลุ่ม IS ในกรุงปารีสของฝรั่งเศสเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยนายไฮเดอร์ อัล-อาบาดี นายกรัฐมนตรีอิรักระบุว่าการขยายตัวของกลุ่ม IS ถือเป็นความล้มเหลวของสังคมนานาชาติ พร้อมเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ช่วยเหลืออิรักในการต่อสู้กับกลุ่ม IS ให้มากขึ้น

ด้านนางจูลี บิชอป รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียกล่าวว่าออสเตรเลียอาจพิจารณาช่วยเหลืออิรักเพิ่มหากถูกร้องขอ โดยปัจจุบันออสเตรเลียเป็นประเทศที่ช่วยเหลืออิรักต่อสู้กับกลุ่ม IS มากที่สุดรองจากสหรัฐฯ ขณะที่นายแฟรงก์-วอลเตอร์ สไตน์ไมเออร์ รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนียืนยันว่ากลุ่มประเทศพันธมิตรได้พูดคุยถึงการนำเสถียรภาพและสันติภาพในพื้นที่ที่ถูกกลุ่ม IS ยึดครองกลับคืนมาด้วย เพราะเข้าใจดีกว่าการสู้รบไม่ใช่ทางออกของปัญหาที่ยั่งยืน

ปฏิบัติการนานาชาติปราบปรามกลุ่ม IS ซึ่งนำโดยสหรัฐฯ เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา โดยเริ่มจากการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม อุปกรณ์ทางการทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ จนกระทั่งเริ่มโจมตีทางอากาศใส่กลุ่ม IS ในเดือนสิงหาคม จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรโจมตีทางอากาศใส่กลุ่ม IS ทั้งในอิรักและซีเรียรวมกันแล้วมากกว่า 3,600 ครั้ง

<iframe width="640" height="360" frameborder="0" scrolling="no" src="http://www.voicetv.co.th/content/embed?id=213747" ></iframe>

นานาชาติตกลงช่วยอิรักสู้ IS มากขึ้น - VoiceTV

 

ปอกเปลือก ทรราช
รัสเซียเข้มงวดกับนักเคลื่อนไหวไส้ศึกชาวอเมริกันแฝงตัวหวังบ่อนทำลายรัสเซีย



-----------
เมื่อเร็วๆนี้รัสเซียพึ่งจะผ่านกฎหมายเอาผิดกับองค์กรต่างชาติที่ไม่พึงประสงค์ เน้นพวกนักเคลื่อนไหวและ NGO ทุนต่างชาติที่เข้าไปบ่อนทำลายเสถียรภาพของรัสเซีย ต่อมาก็ตามด้วยแบล็คลิสต์นักการเมืองและนักธุรกิจชาวยุโรปอีก 89 คนสั่งห้ามเข้าประเทศรัสเซีย หนึ่งในเหตุผลที่ใส่ชื่อบุคคลเหล่านั้นลงในแบล็คลิสต์ของรัสเซียก็คือเพื่อเป็นการตอบโต้มาตรการแซงชั่นที่สหรัฐฯกระทำต่อรัสเซียก่อน ทางยุโรปก็ออกมาโวยวายว่าการกระทำของรัสเซียในครั้งนี้ไม่โปร่งใส และลงข่าวว่าทำไมรัสเซียถึงไม่เปิดเผยรายชื่อคนเหล่านั้นอย่างเป็นทางการ
ฝ่ายรัสเซียก็ตอบกลับทันทีว่าก่อนที่รัสเซียจะออกข่าวนี้ ได้เรียกทูตจากประเทศต่างๆในกลุ่มยุโรปที่มีรายชื่ออยู่ในแบล็คลิสต์มาปรึกษาแล้วว่าจะให้รัสเซียเปิดเผยต่อสาธารณะหรือไม่? ทางคณะทูตเหล่านั้นบอกว่าขอให้เป็นเรื่องภายใน ไม่อยากให้รัสเซียกระทำอย่างนั้น ซึ่งรัสเซียก็ให้เกียรติทูตของประเทศเหล่านั้น ส่วนอียูจะไปเปิดเผยเองหรือไม่นั้นก็เป็นสิทธิ์ของอียู ต่อมาก็ปรากฎรายชื่อผู้ที่ถูกแบนไม่ให้เข้ารัสเซียออกมาอย่างไม่เป็นทางการทั้งหมด 89 รายชื่อทางอินเตอร์เน็ท จากสำนักข่าวแห่งหนึ่งของอียู ซึ่งเป็นประเทศที่ออกมาโวยวายว่ารัสเซียไม่เปิดเผยรายชื่อเองนั่นแหละ ล่าสุดอียูตอบโต้รัสเซียด้วยการให้รัฐสภาของอียูออกมาตรการเข้มงวดจำกัดสิทธิ์ของนักการทูตของรัสเซียในการเข้าถึงข้อมูลในการร่างกฎหมายของอียู ไม่มีใครยอมใครหละงานนี้
นั่นเป็นเรื่องระหว่างอียูกับรัสเซีย คราวนี้หันมาดูการออกหมัดจากฝั่งรัสเซียใส่สหรัฐฯอีกซักกรณีบ้าง เมื่อวานนี้สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียรายงานว่าศาลรัสเซียมีคำสั่งเนรเทศอดีตประธานสภาหอการค้าของสหรัฐฯออกนอกประเทศ ข้อหากระทำผิดกฎหมายของรัสเซีย โดยนาย Scott Blacklin ซึ่งเป็นอดีตประธานหอการค้าของสหรัฐฯได้เดินทางเข้าไปในรัสเซียโดยวีซานักธุรกิจ (business visa) ซึ่งใช้สำหรับการทำกิจกรรมด้านธุรกิจในรัสเซีย แต่ในความเป็นจริงนั้นเขาไปทำงานเป็นผู้บรรยาย (lecturer) ที่มหาวิทยาลัย Nizhny Novgorod University
กรณีนี้สหรัฐฯอาจจะอ้างว่านั่นเป็นธุรกิจอีกแบบหนึ่งคือไปรับจ้างสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัย แต่ศาลรัสเซียไม่คิดอย่างนั้น อาชีพสอนหนังสือแม้จะมีรายได้และค่าตอบแทนจากการบรรยายแต่ไม่ใช่ธุรกิจ ดังนั้นทางการรัสเซียจึงนำตัวของเขาไปไว้ในศูนย์ที่พักพิงชาวชาติต่างประเทศชั่วคราวจับตาดูพฤติกรรมผ่านกล้องวงจรปิดตลอดเวลา รายงานข่าวบอกว่านาย Scott Blacklin ชาวอเมริกันคนนี้จะถูกเนรเทศออกจากรัสเซียภายในวันที่ 5 มิถุนายนนี้
เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาก็มีพนักงานของกลาโหมของสหรัฐฯใช้วีซ่านักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปร่วมทำกิจกรรมบางอย่่างที่รัสเซียซึ่งไม่ใช่กิจกรรมของนักท่องเที่ยวในเมือง St. Petersburg จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจของรัสเซียหิ้วเข้าห้องขังและขึ้นศาลรััสเซีย
สหรัฐฯนี่ก็ช่างขยันส่งคนของตัวเองแทรกซึมไปทำโน่นทำนี่ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัสเซียเสียเหลือเกิน แต่ก็ไม่คลาดสายตาของทางการไปได้ กรณีของนาย Scott Blacklin คนนี้แกน่าจะไปพูดหรือทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงหรือยุยงนักศึกษารักชาติของรัสเซียให้ทรยศชาติแน่ๆ จึงต้องมีชตากรรมอย่างนี้ สหรัฐฯจะไปยุแหย่คนรัสเซียไม่ได้หรอก เลือดรักชาติเขาแรงมาก พูดผิดหูขึ้นมาแจ้งตำรวจจับเลย
สหรัฐฯจะไปอ้างเสรีภาพของตนในการพูดเสี้ยมให้เยาวชนชาวรัสเซียลุกฮือต่อต้านรัฐบาลและทรยศแผ่นดินเกิดอย่างในยูเครนไม่ได้ เพราะชาวรัสเซียเขาก็มีเสรีภาพที่จะปกป้องแผ่นดินแม่ของเขาเหมือนกัน รัสเซียนั้นเขาสอนคนของเขาให้รู้ทันเล่ห์กลของสหรัฐฯ ซึ่งต่างกับยูเครนมากที่สอนให้เอาอย่างอียูและสหรัฐฯสุดท้ายยูเครนก็มีสภาพอย่างที่เห็นในทุกวันนี้
The Eyes
03/06/2558
----------
http://t-a-s-s.ru/en/russia/798298
http://www.yle.fi/…/liitetiedo…/RUS_Einreiseverbotsliste.pdf
EU Leaked Blacklist to Media for 'Political Show' - Foreign Ministry Source / Sputnik International
EU Parliament Takes Restrictive Measures in Response to Russian Black List / Sputnik International
http://t-a-s-s.ru/en/russia/798223
http://t-a-s-s.ru/en/russia/797062
http://t-a-s-s.ru/en/russia/797086

 

Jeerachart Jongsomchai



... "สงครามอเมริกา + รัสเซีย ลามไปถึงฟุตบอลโลก : อเมริกาบีบแบล็ตเตอร์ลาออกจากฟีฟ่า เพื่อกระทบฟุตบอลโลกที่รัสเซียจะเป็นเจ้าภาพในปี 2018"
... หลังจากที่ Joseph “Sepp” Blatter ได้ถูกเลิอกเป็นประธานฟีฟ่าอีกสมัยได้แค่สี่วัน ก็แถลงการลาออกอย่างช็อคคนทั้งโลก เพราะไม่คิดว่าเขาผู้หวงตำแหน่งนี้ยิ่งกว่าเมีย จะกล้าลาออก อะไรอยู่เบื้องหลังการลาออก ? โดยจะให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว
... เพราะคนที่บีบเขานั้นคือ "อเมริกา" โดยอเมริกาได้บีบหลายทางเช่นอเมริกาบีบ "ผู้สนับสนุนรายใหญ่" อย่าง Visa , Adidas , McDonalds Coca-Cola และอื่นๆเมื่อสปอนเซอร์ถูกบีบการเงินก็ฝืดเคือง ฟีฟ่าก็อยู่ลำบาก ( ตามตำราพิชัยสงคราม ต้องตัดเสบียงคู่ต่อสู้ = แต่ที่อเมริกาไม่เคยทำคือ ตัดกำลังเสบียงการค้าขายน้ำมันเถื่อนของ ISIL ที่ไปขายในตลาดมืด อเมริกาไม่เคยแม้แต่จะคิดทำเลย ISIL เลยอยู่มาได้นานอย่างสบายใจ )
... หกวันที่ผ่านมา อัยการสูงสุดของอเมริกา Loretta Lynch ได้ประกาศข้อกล่าวหาของเจ้าหน้าที่ 9 คนของฟีฟ่าที่ถูกกล่าวหาเกี่ยวกับเรื่องคอรรัปชั่นมีมูลค่าถึง $150 ล้านดอลล่าร์เกี่ยวกับการ "ติดสินบน" โดยการจับกุมมีขึ้นในระหว่างการประชุมเพื่อเลือกตั้งในซูริค สวิสเซอร์แลนด์ เหมือนเป็นการประจาน ฉีกหน้าแบลตเตอร์ไปทั้งโลกอย่างหะแรงส์
... โดยมีการระบุว่าผู้บริหารระดับสูงที่มีการติดสินบนนั้นคือ Jerome Valcke,ที่เป็นอันดับ 2 รอง “Sepp” Blatter ที่แม้แบล็ตเตอร์ไม่ถูกฟ้องร้องจากอเมริกา แต่ก็ทำให้บัลลังค์เขาสั่นครอน
... ขณะที่ทาง "รัสเซีย" ประธานาธิบดีปูติน ได้ออกมาบอกว่า "อเมริกา" พยายามจะขยายอิทธิพลออกมาสู่โลกกีฬาฟุตบอล "ไม่ใช่เรื่องของอเมริกาที่ต้องมายุ่งเกี่ยวเลย" และบอกว่าอเมริกาพยายามจะทำให้อำนาจศาลของตนขจายไกลทั่วโลก ไปบีบประเทศอื่นๆ
... "อเมริกา" นั้นได้มีอิทธิพลเหนือองค์กรนานาชาติมากมายทั้งการเงินการธนาคาร World Bank IMF UN การทหาร สหประชาชาติ การศึกษา ศาลโลก และล่าสุดจะออกมามีอิทธิพลต่อ "ฟุตบอล" อีก
... นอกจากอเมริกาแล้ว "ยุโรป" เองก็ออกแรงช่วยบีบ โดยนาย Allan Hansen ได้แนะนำให้สมาชิกของยุโรปถอนตัวออกจากการแข่งขัน "ฟุตบอลโลก" ที่จะแข่งขันกันในปี 2018 ที่ "รัสเซีย" จะเป็นเจ้าภาพ โดยเสนอให้จัดตั้งแข่งกันเองกับยอดทีมจากอเมริกาใต้ ( ไม่เห็นหัวอาฟริกากับเอเชียเลยนะ สันดานฝรั่ง ) เป็นการเหยียบหัวของแบล็ตเตอร์อย่างแรงโดยมีอเมริกาให้ท้าย
... เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ในอดีตช่วง "สงครามเย็น" นั้น อเมริกาเคยบอยค็อตไม่เข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกที่จัดขึ้นในโซเวียตรัสเซียมาแล้วในปี 1980 อเมริกา ให้เหตุผลว่า "โซเวียตรัสเซีย" ส่งทหารไปยึดอัฟกานิสถาน โดยชักชวนสมุนและลูกน้องให้ไม่ร่วม โดยหนึ่งในนั้นมี "ไทย" รวมอยู่ด้วย
.
http://www.forbes.com/…/u-s-government-pressures-sepp-bl…/2/
http://www.independent.co.uk/…/fifa-corruption-world-cup-bo…
http://www.thestar.com.my/…/FIFA-arrests-will-not-affect-R…/
1980 Summer Olympics boycott - Wikipedia, the free encyclopedia

 

ขนลุก! พบหนอนผีเสื้อระบาดเต็มต้นราชพฤกษ์หน้า ร.ร.เชียงใหม่ นับแสนตัว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มิถุนายน 2558 09:08 น. (แก้ไขล่าสุด 3 มิถุนายน 2558 12:10 น.)



เชียงใหม่ - พบหนอนผีเสื้อแพร่ระบาดเต็มต้นราชพฤกษ์หน้าโรงเรียนริมใต้ เมืองเชียงใหม่ และบ้านเรือนชาวบ้าน นับแสนๆ ตัว ไต่ยั้วเยี้ยตามลำต้น บางส่วนพลัดตกลงพื้นขึ้นเกาะรถยนต์ทำผู้ปกครอง ชาวบ้านที่พบเห็นขนลุกขนพองกันทั่วหน้า



วันนี้ (3 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านริมใต้ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ที่กำลังเกิดปัญหาผู้ปกครองเด็กนักเรียนรวมตัวประท้วงขับไล่ผู้อำนวยการโรงเรียนมาแล้วถึง 2 ครั้ง เนื่องจากเรียกเก็บเงินตามโครงการพัฒนาการเรียนการสอนเพิ่มขึ้นทุกปีนั้น ล่าสุดพบว่ามีกองทัพหนอนลักษณะลำตัวสีเขียวอ่อนนับแสนตัว



โดยหนอนที่กำลังแพร่ระบาดดังกล่าวได้กัดกินยอดอ่อนของต้นราชพฤกษ์ หรือต้นคูน ที่ปลูกเรียงรายอยู่หน้าโรงเรียนนับสิบต้นจนโกร๋นเกือบทุกต้น ขณะที่หนอนแต่ละตัวก็อ้วนกลม บางตัวพลาดตกลงมาจากยอดเกาะตามล้อรถยนต์ และหลังคารถยนต์ ที่เจ้าของรถนำมาจอดทิ้งไว้ใต้ต้นราชพฤกษ์ ไต่ยั้วเยี้ยไปหมด มองดูแล้วน่ากลัวจนขนลุก ผู้ปกครองบางรายที่มารับบุตรหลานเห็นแล้วแปลกตาต้องหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายเก็บไว้ เพราะไม่เคยเห็นหนอนที่พาเหรดกันมามากมายเช่นนี้มาก่อน

ชาวบ้านบอกว่า น่าจะเป็นหนอนผีเสื้อที่มากัดกินยอดอ่อนของต้นไม้ดังกล่าว เนื่องจากสภาพความแห้งแล้ง และสภาพอากาศที่ร้อนจัด ส่งผลให้ผีเสื้อบินมาวางไข่ตามยอดต้นราชพฤกษ์จนฟักเป็นตัวหนอน อาศัยยอดใบอ่อนต้นราชพฤกษ์กินเป็นอาหาร เมื่อโตเต็มที่ก็จะเป็นดักแด้ ม้วนตัวในใบเพื่อรอเวลาเป็นผีเสื้อ แต่ปีนี้มีมากผิดปกติ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รวมทั้งตามบ้านเรือนประชาชนที่มีต้นราชพฤกษ์ก็มีตัวหนอนจำนวนมากจนพากันขนลุกไปทั่ว เกรงว่าจะแพร่ขยายพันธุ์ และไต่เข้ามาในบ้าน

 

ขนลุกเกรียววว !! ปรากฏการณ์ "เมฆสีรุ้ง" โผล่ทั่วประเทศรับ "วิสาขบูชา" !! (ชมภาพ) 2015-06-02 15:19:25



ชาวเน็ตฮือฮา ปรากฏการณ์เมฆสีรุ้ง โผล่รับหลายพื้นที่ทั่วประเทศ แชร์สนั่น เป็นปาฏิหาริย์รับวันวิสาขบูชา

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ได้แก่ วันวิสาขบูชา เป็นวันที่เกิดพระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยได้ร่วมกิจกรรมทางศาสนาและร่วมรำลึกถึงพระธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ขณะที่ คนหลายพื้นที่ต่างฮือฮากันเมื่อปรากฏการณ์ "เมฆ และ หมวกเมฆสีรุ้ง" โผล่มาอวดโฉมในหลายจุดของประเทศ ให้ชาวโซเชียลเน็ตเวิร์คต่างพากันโพสต์และแชร์เป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ที่มีความเชื่อด้านศาสนาต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นปาฏิหาริย์ที่มาพร้อมวันพระใหญ่ ให้ชาวพุทธอย่างเราๆได้ตื่นตากับความศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้น

ภาพจาก ‎สมาชิก ชมรมคนรักมวลเมฆ นามว่า Love Storys, Blueocean RC, Rapeeporn Yanawarutwong, Jo Mokajay‎, Somchunn Prassanee, Pussadee Jeasakul

 

สื่อนอกถามกลับ สาเหตุเรือสำราญจีนล่มในแยงซี เพราะเจอพายุจริงหรือ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 3 มิ.ย. 2558 15:15


@เหลือเพียงแค่‘ท้องเรือ’ที่โผล่พ้นน้ำ

ความหวังริบหรี่ ..โอกาสพบผู้โดยสารเกือบ 400 รอดชีวิตแทบเป็นศูนย์ หลังเรือสำราญ ‘อีสเทิร์น สตาร์’ ของจีน ล่มกลางแม่น้ำแยงซี ขณะที่ บีบีซีตั้งข้อสงสัยสาเหตุเรืออับปาง เป็นเพราะแล่นฝ่าพายุรุนแรงระดับน้องๆทอร์นาโด แต่ทำไมเรือลำอื่นๆ จึงไม่ล่ม

เมื่อวันพุธที่ 3 มิ.ย.58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าโศกนาฏกรรมเรือสำราญ ‘อีสเทิร์น สตาร์’ ของจีนอับปางกลางแม่น้ำแยงซี ช่วงเขตปกครองเจี้ยนหลี่ มณฑลเหอเป่ย ทางตอนกลางของประเทศจีน เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. ของคืนวันจันทร์ที่ 1 มิ.ย. เบื้องต้น มีผู้โดยสารรอดชีวิต 14 คน ขณะที่ยังมีผู้สูญหายอีกกว่า 400 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุว่า ขณะนี้ความหวังที่จะพบผู้โดยสารที่สูญหายได้ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ หลังจากเหตุการณ์เรือล่มผ่านมานานกว่า 1 วัน ท่ามกลางความเสียอกเสียใจของเหล่าญาติของผู้โดยสารที่ได้แต่ร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกและโมโหโกรธเกรี้ยวเจ้าหน้่าที่ทางการที่ไม่ค่อยยอมเปิดเผยข้อมูลความคืบหน้าในเหตุการณ์ครั้งนี้

จากการเปิดเผยของชายผู้รอดชีวิตคนหนึ่ง เล่าถึงวินาทีระทึกว่า เรือได้แล่นฝ่าพายุฝนที่ตกกระหน่ำอย่างรุนแรง และสายฝนได้สาดซัดเข้ามาผ่านทางหน้าต่างเรือ จากนั้นได้มีน้ำไหลเข้ามาในห้องผู้โดยสาร จนทำให้ด้านหนึ่งของเรือเอียงลงอย่างรวดเร็ว และเขามีเวลาเพียงแค่ 30 วินาทีเท่านั้นในการรีบฉวยเสื้อชูชีพและวิ่งหนีออกไปจากห้อง

ด้านสำนักอุตุนิยมวิทยาประจำมณฑลซินหัว ของจีน ยืนยันว่า ขณะเกิดเหตุเรือสำราญ อีสเทิร์น สตาร์ ล่มกลางแม่น้ำแยงซีน้ันได้เกิดมีพายุก่อตัวอย่างรวดเร็วและรุนแรงปกคลุมบริเวณดังกล่าว จนทำให้สามารถวัดความเร็วลมพายุได้ถึง 130 กม./ชม. และเป็นเหตุให้เกิดฝนตกหนัก วัดปริมาณน้ำฝนได้ถึง 150 มม.ในช่วง 24 ชม.เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม นายโจ โฟลโต ผู้สื่อข่าวบีบีซี ได้ตั้งคำถามด้วยความสงสัยว่าเพราะเหตุใด จากสภาพอากาศที่เลวร้าย มีฝนตกหนักรุนแรง จึงสามารถทำให้เรือสำราญ อีสเทิร์น สตาร์ ซึ่งเป็นเรือลำใหญ่โตขนาดนั้นจึงพลิกคว่ำภายในเวลาไม่กี่วินาที ทั้งที่มีเรือลำอื่นๆแล่นอยู่ในแม่น้ำแยงซีขณะนั้นเช่นกัน

ส่วนความคืบหน้าของปฏิบัติการค้นหาผู้ประสบภัยยังคงดำเนินไปด้วยความเร่งรีบ เพียงแต่ขณะนี้ ทีมกู้ภัยและนักประดาน้ำไม่ได้ยินเสียงร้องดังมาจากใต้ท้องเรือแล้ว หลังจากได้ยินเสียงคนร้องเมื่อมีการใช้ค้อนเคาะใต้ท้องเรือเมื่อวันอังคารที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้พบศพผู้โดยสารที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่มแล้ว 18 ราย ในจำนวนนี้ 3 ราย พบศพที่เมืองหยูหยาง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไปไกลถึง 50 กม.

ขณะเดียวกัน มีรายงาน กัปตันเรือและหัวหน้าวิศวกรของเรือสำราญ อีสเทิร์น สตาร์ ได้ถูกตำรวจนำตัวไปคุมขังเพื่อสอบปากคำในอุบัติเหตุครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นโศกนาฏกรรมเรือล่มในจีนครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปี ส่วนปฏิกิริยาของชาวเน็ตในโลกโซเชียลมีเดีย ได้มีการถกเถียงกันเกิดขึ้นว่าความผิดในครั้งนี้ควรจะโทษที่ตัวมนุษย์หรือสภาพภูมิอากาศกันแน่ เพราะบางคนเห็นว่าสมควรจะเป็นหน้าที่ของกัปตันที่จะดูแลผู้โดยสารให้ดีที่สุด รวมถึงเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาเองก็เช่นกัน เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ทำหน้าที่ในการแจ้งสภาพอากาศว่าจะเกิดภัยพิบัติรุนแรงเช่นนี้ขึ้นในแม่น้ำแยงซีซึ่งเรืออีสเทิร์น สตาร์ กำลังจะผ่านไปในตอนนั้น


ทั้งนี้ เรือสำราญอีสเทิร์น สตาร์ เป็นเรือสำราญลำใหญ่ ตัวเรือมีความยาว 76 เมตร และมีน้ำหนัก 2,200 กก. โดยขณะเกิดเหตุได้นำผู้โดยสาร 405 คน ล่องเรือท่องเที่ยวชมความงามของสองฝั่งแม่น้ำแยงซี จากเมืองนานกิง มุ่งหน้าสู่เมืองฉงชิ่ง เป็นระยะทางถึง 1,500 กม.

สื่อนอกถามกลับ สาเหตุเรือสำราญจีนล่มในแยงซี เพราะเจอพายุจริงหรือ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ปอกเปลือก ทรราช
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่! ล่าสุดเพนตากอนยอมรับส่งเชื้อ live anthrax ไปยังห้องทดลอง51แห่งใน17รัฐ และ3ประเทศ



-------------
เมื่อวันที่ 22 พ.ค.58 ที่ผ่านมาศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯตั้งข้อสังเกตว่าเพนตากอนซึ่งเข้าเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนในห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์กับเอกชนได้ตรวจพบว่ามีตัวอย่างแบกทีเรียมรณะแอนแทร็กซ์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากโดยอ้างว่าน่าจะถูกทำให้เฉื่อยชาแล้ว (inactivated)… เพนตาก้อนบอกว่าเชื้อเหล่านี้ถูกควบคุมป้องกันและมีการจัดส่งที่ปลอดภัย แต่ต่อมาพบว่ามันไม่เป็นอย่างนั้น ที่จริงแล้วมันยังมีชีวิตอยู่ (live anthrax) หมายความว่ามันยังไม่ฝ่อยังไม่เข้าฝักและพร้อมที่จะแพร่ระบาดได้ทุกเมื่อ
รายงานล่าสุดจากเพนตาก้อนบอกว่า กลาโหมของสหรัฐฯออกมายอมรับว่าได้จัดส่งแบกทีเรียแอนแทร็กซ์ไปยังห้องทดลองต่างๆจำนวน 51 แห่งใน 17 รัฐทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาและในอีก 3 ประเทศทั่วโลกคือแคนาดา เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ตอนแรกบอกว่าส่งไปแค่ 9 แห่งใน 9 รัฐฯ ต่อมาก็บอกว่า 12 รัฐ โดยในครั้งแรกบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญ เป็นอุบัติเหตุ เป็นข้อผิดพลาดเนื่องจากแปะฉลากผิด
เพนตากอนบอกว่ามีตลับบรรจุเชื้อแบกทีเรีย inactivated anthrax ถูกส่งไปจากห้องทดลองต่างๆถึงถึง 400 ชุด หลังจากที่มีข่าวอื้อฉาวก็ออกมาบอกว่าตอนนี้ได้ตรวจสอบแล้วว่ามีเชื้อแอนแทร็กซ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ถึง 100 ชุดด้วยกัน แต่ก็ยังปากแข็งว่ามันถูกควบคุมให้เฉื่อยชา (inactivated)
เมื่อวันที่ 30 พ.ค.58 ที่ผ่านนาย Ashton Carter รมว.กลาโหมของสหรัฐฯออกมาแสดงละครดราม่าขอโทษเกาหลีใต้ที่เกิดความผิดพลาดในการส่งตัวอย่าง live anthrax ไปที่ฐานทัพอากาศของสหรัฐฯในเมือง Pyeongtaek ประเทศเกาหลีใต้ ที่ตลกก็คือจากการเปิดเผยข้อมูลล่าสุดจากกลาโหมของสหรัฐฯเองพบว่าสหรัฐฯได้ส่งตัวอย่าง live anthrax ไปยังเกาหลีใต้มาเป็นระยะเวลาหนึ่งปีตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2557 โน่นแล้ว แล้วอย่างนี้ยังจะมีหน้ามาบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญและผิดพลาดอยู่อีกรึ? ถ้าจะบอกว่าผิดพลาดก็น่าจะเป็นผิดพลาดตรงที่ส่งไปยังห้องทดลองแทนที่จะส่งไปยังสถานที่สาธารณะที่มีผู้คนพลุกพล่านหละสิ? หรืออาจจะผิดพลาดที่ปล่อยให้มีข่าวเช่นนี้หลุดรั่วออกมาได้?
หลังจากมีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับเรื่องแอนแทร็กซ์นี้ ก็มีอีกข่าวหนึ่งปรากฎออกมาจากทางเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.58 นี้ว่ากองทัพสหรัฐฯและกองทัพเกาหลีใต้ได้จัดตั้งกองกำลังผสมระหว่างสองชาติขึ้นมาหนึ่งหน่วย ซึ่งประกอบด้วยกองพลน้อย (brigade) จากกองทัพเกาหลีใต้และหน่วยทหารราบที่ 2 ของสหรัฐฯ (Infantry Division) ในเมือง Uijeongbu ทางตอนเหนือของกรุงโซล โดยแต่ละหน่วยจะมีปฏิบัติการตามปรกติที่ได้รับมอบหมายในพื้นที่ในช่วงเวลาสงบ ปัจจุบันนี้มีทหารสหรัฐฯประจำอยู่ในเกาหลีใต้ทั้งสิ้นจำนวน 28,500 นาย
เขาเตรียมการกันไว้เรียบร้อยแล้วนิ? แผนครั้งนี้อาจจะมโนไปได้สองทางคือ 1.) กระจายเชื้อแอนแทร็กซ์ในประเทศตัวเองและในกลุ่มประเทศพันธมิตรของตัวเองเพื่อลดประชากรและอาจจะโยนความผิดไปให้คนประเทศอื่นที่ต้องการจะล้มล้างและเข้ายึดครอง การสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเองแล้วบอกว่าเป็นฝีมือของฝ่ายตรงข้ามนั้นเคยใช้มาแล้วหลายครั้งในอดีต ฮิตเลอร์ก็เคยใช้มาแล้วในการเผาห้องสมุดในเยอรมันนี เหตุการณ์ 9/11 ก็เป็นที่สงสัยอยู่ว่าสหรัฐฯสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเองแล้วโยนบาปไปให้บินลาเดนเพื่อหาข้ออ้างสร้างสงครามในอัฟกานิสถานและเข้ายึดครองอัฟกานิสถานจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่านาโต้จะถอนทัพออกไปแล้ว แต่สหรัฐฯยังคงกำลังทหารของตัวเองเอาไว้อ้างว่าเพื่อจับตากลุ่มตาลีบันและฝึกซ้อมให้กับกองทัพของอัฟกานิสถาน แต่ที่ไหนได้เพื่อเฝ้าทุ่งฝิ่นและธุรกิจเฮโรอีนของสหรัฐฯนั่นเอง ฝิ่นกับสงครามเป็นของคู่กัน เมื่อเกิดสงครามก็มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก (ที่เสียชีวิตก็เยอะ) การระงับความเจ็บบวดจากอาการบาดเจ็บในเบื้องต้นของเหล่าทหารที่ต่อสู้กันในสงครามนั้นจะใช้มอร์ฟีน (Morphine) และมอร์ฟีนนี้ก็สกัดจากฝิ่นนั่นเอง สหรัฐฯและยุโรปไม่ปลูกฝิ่นในประเทศของตัวเอง แต่ไปปลูกอยู่ที่อัฟกานิสถานและปากีสถาน บางส่วนก็เอาไปผลิตเป็นมอร์ฟีน บางส่วนก็ผลิตเป็นเฮโรอีน 2 เด้งเลยอ่ะ
2.) การที่สหรัฐฯสามารถจัดกองกำลังผสมร่วมกับชาติอื่นได้อย่างเป็นทางการแม้ไม่มีภัยสงครามเกิดขึ้นอย่างในตะวันออกกลางแบบนี้ แสดงให้เห็นได้ว่าสหรัฐฯกำลังแทรกซึมเข้าไปในกองทัพของประเทศเกาหลีใต้เพิ่มมากขึ้น เป็นการกลืนกินไปทีละนิดๆ สุดท้ายสหรัฐฯก็จะสามารถควบคุมกองทัพของเกาหลีใต้ได้ทั้งหมดเอง ถึงไม่ได้ทั้งหมดก็อาจจะซัก 25 - 50% ก็ถือว่าสำเร็จลแล้วในการที่จะมองว่าเกาหลีใต้เป็นเมืองขึ้นอีกแห่งหนึ่งของจักรวรรดิอเมริกา และสามารถบงการเกาหลีใต้ได้ตามต้องการ
พูดถึงสหรัฐฯกับเกาหลีใต้แล้ว ถ้าไม่พูดถึงเกาหลีเหนือด้วยก็จะกระไรอยู่นะ ขานี้เขาจับตาการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของสหรัฐฯกับเกาหลีใต้แบบตาไม่กระพริบอยู่แล้ว และแล้วเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.58 ที่ผ่านมาองค์การข่าวกลางเกาหลี (Korean Central News Agency - KCNA) ของรัฐบาลเกาหลีเหนือ (North Korea - DPRK) ก็ออกมาวิจารณ์ว่า สหรัฐฯแอบส่งเชื้อโรคมรณะแอนแทร็กซ์เข้าไปในเขตแดนของแหลมเกาหลีถือเป็นอาชญากรรมที่ไม่อาจให้อภัยได้ (unforgivable crime) ที่จะกระทำต่อประชาชนชาวเกาหลีเหนือ (นั่นไง... ว่าแล้วเชียว ขนาดคนทั่วไปก็ยังคิดได้เลย มีหรือที่เกาหลีเหนือที่สหรัฐฯอยากจะโค่นล้มเต็มทีจะไม่คิดอย่างนี้)
เกาหลีเหนือบอกว่ากรุงวอชิงตันกำลังเตรียมที่จะทำลายประชาชนชาวเกาหลีเหนือด้วยอาวุธชีวภาพ (biological warfare) อย่างเป็นระบบ สำนักข่าว Yonhap news agency ของเกาหลีใต้รายงานว่า ในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีใต้นั้น ทั้งสองประเทศได้จัดซ้อมรบร่วมกันภายใต้ปฏิบัติการ "Able Response Exercise" (AR) อ้างว่าเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามสงครามเชื้อโรคตั้งแต่ปี 2011 แล้ว
The Eyes
04/06/2558
----------
http://rt.com/usa/264717-pentagon-live-anthrax-sent/
TASS: World - North Korean media say US seeks to unleash biological warfare against North Korea
Pentagon Also Received Anthrax Sample Sent Out by Military Lab / Sputnik International
US Apologizes For Sending Live Anthrax Samples to South Korea Military Base / Sputnik International
South Korea, US Kick Off Combined Military Division / Sputnik International
Pentagon Also Received Anthrax Sample Sent Out by Military Lab / Sputnik International
Pentagon may have sent live anthrax to itself – report — RT USA

 

ปอกเปลือก ทรราช
เยอรมันสั่งสอนสหรัฐฯเชือดนิ่มๆ สั่งแบนทหารสหรัฐฯห้ามเข้าใกล้เขต G7 เกรงว่าจะโจมตีกลุ่มผู้ประท้วง



-----------
วันนี้ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯประจำยุโรป (US European Command) มีคำสั่งห้ามเจ้าหน้าที่กลาโหมและบุคคลากรทางกองทัพของสหรัฐฯซึ่งรวมทั้งครอบครัวด้วยไม่ให้เคลื่อนไหวเข้าใกล้โซนประท้วงต่อต้าน G7 (anti-G7) และกลุ่มต่อต้านโลกาภิวัตน์ (anti-globalization) ในเมือง Munich และเมือง Garmisch-Patenkirchen ประเทศเยอรมันนี เกรงว่าทหารสหรัฐฯจะทำร้ายกลุ่มผู้ประท้วง
การประชุมผู้นำประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ G7 ในครั้งนี้เยอรมันนีเป็นเจ้าภาพขึ้นระหว่างวันที่ 7-8 มิถุนายน ที่เมือง Munich และ Garmisch-Partenkirchen ใน Bavaria ทางตอนใต้ของเยอรมันนี เฉพาะที่ Munich นั้นคาดว่าจะมีผู้ประท้วงรวมตัวกันไม่ต่ำกว่า 10,000 คน และที่เมือง Garmisch-Partenkirchen มีประมาณ 5,000-10,000 คน
รายงานข่าวบอกว่าคำสั่งนี้ห้ามไม่ให้ทหารและบุคคลากรในกองทัพของสหรัฐฯทั้งหมดเดินทางเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งรวมทั้งครอบครัวของกองทัพสหรัฐฯ ทหารสหรัฐฯที่จะประจำการอยู่ในค่ายทหารในเมือง Garmisch ได้รับคำสั่งว่าให้หลีกเลี่ยงการสวมเครื่องแบบเพื่อป้องกันการเผชิญหน้าและหลีกเลี่ยงการหยุดพักยานพาหนะในสถานที่ต่างๆด้วย แถมยังมีการกระซิบบอกกันด้วยว่าอย่าพูดภาษาอังกฤษเสียงดัง เพราะจะดึงดูดความสนใจมาที่ตัวพวกเขาเอง (ข่าวตรงนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เอาหละสิคราวนี้ กระแสต่อต้านกองทัพสหรัฐฯในยุโรปเริ่มจะแรงขึ้นเรื่อยๆแล้ว นี่เป็นการขับเคี่ยวกันทางการเมืองแบบลึกๆระหว่างสหรัฐฯกับเยอรมัน แสดงว่าสหรัฐฯคงจะมีข่าวการเคลื่อนไหวบางอย่างเกี่ยวกับกระแสต่อต้านกองทัพสหรัฐฯในเยอรมันเป็นแน่ถึงได้รีบออกคำสั่งแบบนั้น เยอรมันไม่ต้องประกาศเอง ให้สหรัฐฯนั่นแหละเป็นผู้ประกาศเตือนบุคคลาทางกองทัพของตัวเอง เมื่อเยอรมันอุตส่าห์กระซิบเตือนสหรัฐฯแบบนี้แล้ว หากสหรัฐฯยังดื้อไม่ฟังคำเตือนจากเยอรมัน และอยากจะลองของเองก็ตามใจ หากเกิดอะไรขึ้นมาสหรัฐฯรับผิดชอบเอาเองนะ ก่อนหน้านี้สหรัฐฯชอบเอาพวกนีโอนาซีมาขู่เยอรมันดีนัก คราวนี้เจอย้อนศรกลับบ้าง คือเขารู้ทันกันหนะ สหรัฐฯพยายามจะให้มีเหตุการณ์ม็อบชนม็อบในเยอรมัน แต่เยอรมันจะเอาม็อบชนกับทหารอเมริกันในเยอรมันซะเลย กล้าปะ... มาดิ… เริ่มมันขึ้นมาอีกหละ
The Eyes
03/06/2558
----------
US Soldiers Banned From G7 Zone for Fear of Attacks by Peaceful Activists / Sputnik International
http://rt.com/news/264573-germany-us-soldiers-g7/

 

ปอกเปลือก ทรราช
รัสเซียย้อนเกร็ดสหรัฐฯ จัดซ้อมรบกับนอร์เวย์ชาติสมาชิกอียูในทะเลบาเรนท์ส



-----------
วันนี้กลาโหมของรัสเซียออกแถลงการณ์ว่ารัสเซียจับมือกับนอร์เวย์หนึ่งในชาติสมาชิกของอียูจัดซ้อมรบทางทะเลในปฏิบัติการกู้ภัยเตรียมพร้อมการให้ความช่วยเหลือกรณีการรั่วไหลของน้ำมันและตอบโต้การซ้อมรบของสหรัฐฯและนาโต้ในคาบสมุทรอาร์กติก การฝึกซ้อมร่วมกันในครั้งนี้ใช้เวลา 2 วันภายใต้โค้ดเนม "Barents-2015" มีทั้งเรือรบ เฮลิค็อปเตอร์ เครื่องบิน และดึงกำลังพลบางส่วนจากฐานทัพเรือประจำทิศเหนือ (Northern Fleet) ของรัสเซียเข้าร่วมด้วย ในขณะที่ทางนอร์เวย์ก็จะใช้เฮลิค็อปเตอร์และเรือตรวจการชายฝั่งของตนเข้าร่วม รายงานบอกว่าการซ้อมรบในครั้งนี้กรุงมอสโคว์รับผิดชอบเอง หมายถึงว่ารัสเซียออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ทั้งรัสเซียและนอร์เวย์จัดฝึกซ้อมกู้ภัยการรั่วไหลของน้ำมันในทะเลร่วมกันมาเป็นเวลา 20 ปีแล้ว เมื่อปีที่แล้วนอร์เวย์ออกค่าใช้จ่ายปฏิบัติการทางทหารทั้งหมดในการฝึกซ้อมร่วมกันกับรัสเซีย เป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อวิกฤตยูเครน
การให้เหตุผลเรื่องกู้ภัยเกี่ยวกับกู้ภัยน้ำมันรั่วในทะเลนั้นเป็นเพียงข้ออ้างบังหน้าเท่านั้นเอง ในความเป็นจริงก็คือการร่วมมือทางกองทัพระหว่างสองประเทศนั่นเอง นอร์เวย์ก็คล้ายกับตุรกีและกรีซในแง่ที่ว่าจะไม่ยอมคบกับมหาอำนาจเพียงฝ่ายใตฝ่ายหนึ่งเท่านั้น ต้องถ่วงดุลกันระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซียเอาไว้ เมื่อเร็วๆนี้สหรัฐฯชวนนอร์เวย์ไปซ้อมรบในนามของนาโต้ นอร์เวย์ก็ไป คราวนี้รัสเซียมาชวนซ้อมรบอีกนอร์เวย์ก็เอาด้วยเช่นกัน อย่างนี้อยู่รอดได้ แต่ถ้าเอาอย่างสเปนหละก็นอร์เวย์คงจะโดนสหรัฐฯกลืนในไม่ช้าแน่ๆ ดังนั้นเพื่อความอยู่รอดจึงต้องคบทั้งสองฝ่าย
นอร์เวย์เป็นในหนึ่งในชาติสมาชิก 12 ประเทศผู้ร่วมก่อตั้งนาโต้เมื่อ 4 เมษายน 1949 ปัจจุบันนาโต้มีสมาชิกเข้าร่วมทั้งหมด 28 ประเทศ ส่วนมากเป็นสหรัฐฯและยูโรป สหรัฐฯมีกำลังพลทางทหารในนาโต้มากที่สุดคือ 1,369,532 นาย (สำรอง/กองหนุนอีก 850,880 นาย) อันดับสองคือตุรกีมีกำลังพลในนาโต้จำนวน 612,900 นาย (สำรอง 429,000 นาย) และอันดับสามคืออังกฤษ มี 205,850 นาย (สำรอง 181,720 นาย) สหรัฐฯมีทหารในนาโต้ทั้งหมด 2,220,412 นาย ในขณะที่ตุรกีมีครึ่งหนึ่งของสหรัฐฯคือ 1,041,900 นาย คงรู้แล้วนะว่าทำไมสหรัฐฯถึงไม่กล้าแหย่ตุรกีมากนัก
The Eyes
03/06/2558
----------
Russia, Norway Team Up for Joint Exercise in Barents Sea / Sputnik International
Member states of NATO - Wikipedia, the free encyclopedia

 

Thanong Fanclub



ตามสกริ๊ป? ดูเอาก็แล้วกัน เหมือนพูดตามสกริ๊ปเลย
ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ "เบนิโญ อาคิโน" ได้ระบุในวันพุธ เปรียบจีนในปัจจุบันว่ามีความคล้ายคลึงกับเยอรมันยุคนาซี แต่ฟิลิปปินส์โดนเสปนยึดเป็นอาณานิคม300ปี ทำสงครามกับสหรัฐ Philippine–American War - Wikipedia, the free encyclopedia
โดนญี่ปุ่นยึด
http://en.wikipedia.org/…/Japanese_occupation_of_the_Philip…
แต่ทำไมนายอาคิโนไม่พูดความจริงให้หมด ทั้งๆที่ฟิลิปปินส์ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรมากกับจีนในอดีต
ส่วนนางHillary Clinton อดีตรมวต่างประเทศของสหรัฐเปรียบประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียเหมือนฮิตเลอร์
แสดงว่าต้องมีผู้กำกับคอยเขียนสกริ๊ปให้พูดตาม
อ่านข่าวดู:
ฟิลิปปินส์เปรียบจีนเป็นนาซีเยอรมัน ชี้หากมะกันไม่เข้าขวางคงแย่แน่
เอเอฟพี - ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ "เบนิโญ อาคิโน" ได้ระบุในวันพุธ (3 มิ.ย.) เปรียบจีนในปัจจุบันว่ามีความคล้ายคลึงกับเยอรมันยุคนาซี พร้อมบอกเป็นนัยว่าโลกคงไม่อาจยอมจีนที่อ้างสิทธิในดินแดนแถบทะเลจีนใต้มากขึ้นเรื่อยๆ ได้อีกต่อไป
การแสดงความเห็นครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่หลายชาติเริ่มส่งเสียงไม่พอใจเกี่ยวกับการถมที่สร้างเกาะเทียมของจีนในน่านน้ำสากล ที่มีการทำรันเวย์ยาวเพียงพอสำหรับการขึ้น-ลงของเครื่องบินทางทหารขนาดใหญ่ด้วย
"ถ้ามันเกิดสูญญากาศ ถ้าสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นชาติมหาอำนาจดันบอกว่า ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ก็อาจจะไม่มีใครหยุดยั้งความทะเยอทะยานของชาติอื่นๆ ได้อีกต่อไป" อาคิโน บอกกับบรรดาผู้ฟังที่เป็นนักธุรกิจในโตเกียว ตอนที่ถูกถามเกี่ยวกับอำนาจที่มากขึ้นของจีน กับบทบาทของสหรัฐฯ ที่เข้ามาตรวจสอบเรื่องพวกนี้
"ผมเป็นนักศึกษาประวัติศาสตร์ที่ยังไม่เจนจัดมากนัก แต่ผมพอจะนึกได้ว่าตอนนั้นเยอรมันโยนหินถามทางแบบไหน แล้วกระแสตอบรับจากบรรดาชาติมหาอำนาจในยุโรปเป็นอย่างไร" เขาพูดถึงตอนที่พวกนาซียึดดินแดนหลายแห่งก่อนที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2
"พวกนาซีโยนหินถามทาง โดยที่พร้อมจะถอยทันทีในตอนนั้น หากฝรั่งเศสบอกให้พวกเขาหยุด แต่มันแย่ตรงที่ แม้จะมีการผนวกเอาซุนเดเทนแลนด์ รวมถึงผนวกเอาเชคโกสโลวาเกียไปทั้งประเทศ ก็ยังไม่มีใครออกมาบอกให้พวกนาซีหยุด ถ้ามีใครสักคนออกมาบอกให้เยอรมันหรือบอกให้ฮิตเลอร์หยุดในตอนนั้น เราคงเลี่ยงการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้" ผู้นำฟิลิปปินส์กล่าว
การแสดงความเห็นครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ได้เข้ามาร่วมวงในสถานการณ์ความตึงเครียดของทะเลจีนใต้ โดยได้เรียกร้องในวันจันทร์ให้ชาติมหาอำนาจในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะจีน ให้เคารพกฏหมายและหยุดเหวี่ยงศอกใส่ชาติอื่น
จีนได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ต้องการให้หยุดการถมที่ทั้งหมดในทะเลจีนใต้ โดยบอกว่า ได้ดำเนินการตามอธิปไตยของตนและจะใช้พื้นที่เกาะเทียมเหล่านั้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายความรับผิดชอบของนานาชาติ
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…
********************************************************************
Hillary Clinton says Putin’s actions are like ‘what Hitler did back in the ’30s’
Former secretary of state Hillary Rodham Clinton on Tuesday compared Russian President Vladimir Putin's aggression in Ukraine to actions taken by Nazi leader Adolf Hitler outside Germany in the run-up to World War II.
Making her first extensive comments about the crisis in Ukraine, Clinton said at a private fundraiser in California that Putin's campaign to provide Russian passports to those with Russian connections living outside his country's borders is reminiscent of Hitler's protection of ethnic Germans outside Germany, according to a report published overnight.
"Now if this sounds familiar, it's what Hitler did back in the '30s," Clinton said Tuesday, according to the Long Beach Press-Telegram. "All the Germans that were ... the ethnic Germans, the Germans by ancestry who were in places like Czechoslovakia and Romania and other places, Hitler kept saying they're not being treated right. I must go and protect my people, and that's what's gotten everybody so nervous."
Hillary Clinton says Putin’s actions are like ‘what Hitler did back in the ’30s’ - The Washington Post

 

ข่าวกรองยัน พลเมืองฝรั่งเศส 110 คนสิ้นชีพ หลังเข้าร่วม “กลุ่มไอเอส”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2558 07:04 น.



เอเจนซีส์-ทางการฝรั่งเศสเผยข้อมูลข่าวกรองซึ่งยืนยัน พลเมืองแดนน้ำหอมจำนวน 110 คนเสียชีวิต จากการสู้รบในฐานะสมาชิกกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ทั้งในซีเรียและอิรัก

มานูเอล วัลล์ส นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสเผยในวันพุธ (3 มิ.ย.)ระบุ จนถึงขณะนี้มีพลเมืองฝรั่งเศสมากกว่า 860 คนเดินทางไปเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสและกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงอื่นๆทั้งในซีเรียและอิรัก และในจำนวนนี้มี 471 คนที่ยังคงปักหลักสู้รบอยู่ในประเทศอาหรับทั้งสอง

นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสยืนยัน ข้อมูลข่าวกรองที่ทางการแดนน้ำหอมมีอยู่ในมือเวลานี้ สามารถยืนยันได้ว่า มีนักรบสัญชาติฝรั่งเศสเสียชีวิตในซีเรียและอิรักรวมแล้ว 110 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีอยู่ 9 คนที่เสียชีวิตจากการทำหน้าที่ “มือระเบิดฆ่าตัวตาย”

ข่าวความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ถูกเผยแพร่ออกมาในจังหวะเวลาเดียวกับที่รัฐบาลปารีส ประกาศบังคับใช้กฏหมายข่าวกรองฉบับใหม่ซึ่งให้อำนาจหน่วยงานความมั่นคงของฝรั่งเศสในการสอดแนมประชาชนที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยว่า อาจมีส่วนพัวพันกับการก่อการร้าย ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด

 

ทางการอิเหนายกระดับเตือนภัย “ภูเขาไฟซินาบุง” ขึ้นสู่ระดับสูงสุด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2558 04:29 น.



เอพี-ทางการอินโดนีเซียยกระดับการเตือนภัยการระเบิดของภูเขาไฟซินาบุงทางตะวันตกของประเทศขึ้นสู่ระดับสูงสุด หลังพบกิจกรรมที่บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่ภูเขาไฟซึ่งมีความสูงราว 2,600 เมตร (8,530 ฟุต) ในจังหวัดสุมาตราเหนือลูกนี้ จะเกิดการปะทุครั้งใหม่

ซูโตโป ปูร์โว นูโกรโฮ โฆษกสำนักจัดการภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซียระบุ การประกาศยกระดับการเตือนภัยนี้ หมายความถึงความเป็นไปได้ที่ภูเขาไฟซินาบุงอาจเกิดการระเบิดในไม่กี่วันข้างหน้า พร้อมเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในรัศมี 7 กิโลเมตรทางทิศใต้และตะวันออกเฉียงใต้ของภูเขาไฟให้เร่งอพยพออกนอกพื้นที่

ทั้งนี้ ภูเขาไฟซินาบุงอยู่ในภาวะสงบนิ่งมานานกว่า 400 ปี ก่อนจะเกิดปะทุแบบไม่คาดฝันเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2010 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และอีกกว่า 30,000 คนต้องอพยพหนีตาย ขณะที่การระเบิดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วคร่าชีวิตชาวบ้านไป 16 คน


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000063168

 

มีหนาว!ส.ส.สวิสโหวตเลิกเอกสิทธิ์คุ้มครององค์กรกีฬาโลก เปิดทางรบ.เอาผิดฟีฟ่าได้ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2558 04:23 น. (แก้ไขล่าสุด 4 มิถุนายน 2558 04:25 น.)



@นายเซปป์ แบล็ตเตอร์ ชาวสวิตเซอร์แลนด์ วัย 79 ปี ประกาศลาออกจากประธานฟีฟ่าเมื่อวันอังคาร(2มิ.ย.)

รอยเตอร์ - สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสวิส เมื่อวันพุธ(3มิ.ย.) ลงมติผ่านร่างกฎหมายฉบับหนึ่งที่เปิดทางเข้าสืบสวนข้อกล่าวหาคอรัปชันตามองค์กรกีฬาต่างๆที่ตั้งอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ได้ง่ายขึ้น การลงคะแนนที่ประจวบเหมาะกับที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟ่า) กำลังเผชิญกับเรื่องอื้อฉาวครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์

ร่างกฎหมายดังกล่าวจะป็นจุดจบของระบบดั้งเดิม ที่ฟีฟ่าและองค์กรกีฬาต่างๆราว 60 แห่งซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสวิตเวอร์แลนด์ จะได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองจากการถูกสืบสวนโดยเจ้าหน้าที่สวิส เนื่องจากกรณีคอรัปชันในองค์กรกีฬาเหล่านั้นถูกมองว่าเป็นเรื่องภายในที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสาธารณประโยชน์อย่างกว้างขวาง

แม้กฎหมายดังกล่าวครอบคลุมถึงคณะกรรมการโอลิมปิกสากลและสหภาพจักรยานนานาชาติด้วย แต่มันมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับองค์กรลูกหนังโลก จนได้รับฉายาว่า "Lex FIFA(the FIFA Law)" เนื่องจากมีความกังวลมานานแล้วว่าเรื่องเอื้อฉาวของฟีฟ่า ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองซูริค ท้ายที่สุดแล้วจะทำชื่อเสียงระดับสากลของสวิตเซอร์แลนด์ต้องแปดเปื้อน

โรลันด์ บูเชล นักการเมืองจากพรรคฝ่ายขวา "สวิส พีเพิลส์ ปาร์ตี" แกนนำรณรงค์เพิ่มการตรวจสอบองค์กรกีฬาต่างๆ บอกว่า "วันนี้ วุฒิสภาลงมติว่าการคอรัปชัน อย่างเช่นที่เราได้ทราบกันในกรณีของฟีฟ่า จะเป็นความผิดทางอาญา"

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางการสวิตเซอร์แลนด์ เริ่มดำเนินการสืบสวนทางอาญาต่อกรณีฟีฟ่ามอบสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2018 และ 2022 แก่รัสเซียและกาตาร์ตามลำดับ ความเคลื่อนไหวในวันเดียวกับที่สหรัฐฯลงมือสืบสวนสมาชิกระดับสูงของฟีฟ่าหลายคน ตามข้อกล่าวหาทุจริตทางการเงินที่เรื้อรังมานานกว่า 2 ทศวรรษ

เรื่องอื้อฉาวดังกล่าวกดดันให้นายเซปป์ แบล็ตเตอร์ ชาวสวิตเซอร์แลนด์ วัย 79 ปี ต้องประกาศลาออกจากประธานฟีฟ่า ทั้งที่เพิ่งได้รับเลือกกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 5 ได้ไม่กี่วัน และสื่อมวลชนสหรัฐฯรายงานว่าตัวเขาเองก็กำลังถูกเจ้าหน้าที่อเมริกาสืบสวน อย่างไรก็ตามยังไม่มีคำยืนยันอย่างเป็นทางการ

ปัจจุบัน องค์กรกีฬาซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสวิตเซอร์แลนด์หลายสิบแห่ง ถูกจัดอยู่ในฐานะสมาคมที่ไม่แสวงหาผลกำไร และส่วนใหญ่แล้วไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมโดยหน่วยงานรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์

ด้านอัยการสวิส ซึ่งกำลังสืบสวนข้อกล่าวหาทุจริตเกี่ยวกับการเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2 ครั้งถัดไป แสดงความยินดีต่อความคืบหน้าล่าสุดของกฎหมายนี้ "แน่นอนว่ามันจะช่วยเกื้อกูลให้เรามีพื้นฐานทางกฎหมาย สำหรับอยู่ในสถานะที่สามารถจัดการการตัดสินบนและคอรัปชันระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม ในแนวทางที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม" อังเดร มาร์ตี โฆษกสำนักงานอับการสูงสุดบอก

ฝ่ายรณรงค์ต่อต้านคอรัปชันพยายามผลักดันทางการสวิตเซอร์แลนด์มานานหลายปี ต่อการดึงองค์กรกีฬาต่างๆเข้าสู่การตรวจสอบทางกฎหมายอย่างละเอียดใกล้ชิดขึ้น อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่มองว่าร่างกฎหมายนี้ยังไม่พอเพียงและอาจถูกวุฒิสภาตัดทอนอีกในวันพุธ(3มิ.ย.)

ทั้งนี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสวิตเซอร์แลนด์ ลงมติฉิวเฉียด 23 ต่อ 22 ในมาตราหนึ่งที่ระบุว่าข้อกล่าวหาคอรัปชันที่ไม่ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์สาธารณะ จะถูกดำเนินคดีก็ต่อเมื่อได้รับการร้องขอจากองค์กรที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

ในเรื่องนี้ คริสเตียน เลฟรัต ประธานพรรคโซเชียล เดโมแครต ปาร์ตี พรรคฝ่ายซ้ายและสมาชิกคณะกรรมาธิการรัฐสภาตรวจสอบคอรปชัน แสดงความหวังว่าสภาผู้แทนราษฎรจะตัดมาตรานี้ออกไประหว่างการพิจารณาทบทวนร่างกฎหมายนี้อีกรอบในเดือนกันยายน ขณะที่คาดหมายว่าคงต้องรอจนถึงปี 2016 หรือไม่ก็ปี 2017 กว่ากฎหมายฉบับนี้จะเข้าสู่การบังคับใช้อย่างเป็นทางการ


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000063166

 

พันธมิตรถล่มทางอากาศ ทำลายโรงงานคาร์บอมบ์ไอเอสพังราบ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2558 03:30 น.



เอเอฟพี - ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในอิรัก ทำลายหนึ่งในโรงงานคาร์บอมบ์ของกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส) พังราบเป็นหน้ากองในวันพุธ(3มิ.ย.) กระพือเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวได้ยินไกลหลายสิบกิโลเมตร

เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าการโจมตีทางอากาศทิ้งระเบิดลงที่เป้าหมายโรงงานแห่งหนึ่ง บริเวณทางเข้าเมืองฮาวิจาห์ ทางภาคเหนือของอิรัก ซึ่งใช้สำหรับประกอบคาร์บอมบ์ อันเป็นหนึ่งในกลยุทธ์นองเลือดของพวกไอเอส

ส่วนทหารยศนายพันของอิรักรายหนึ่งเสริมว่า โรงงานดังกล่าว ถือเป็นโรงงานประกอบคาร์บอมบ์ใหญ่ที่สุดในอิรักและซีเรีย โดยภายในมีทั้งรถถัง ฮัมวี่และระเบิดจำนวนมาก ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกคนระบุแรงระเบิดก่อความเสียใหญ่หลวงแก่พวกไอเอส แต่ก็ทำให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเช่นกัน

โมฮัมหมัด คาลิล อัล-จูบารี รองหัวหน้าคณะกรรมการความปลอดภัยจังหวัดเคอร์คุก ยืนยันรายละเอียดของการโจมตี และบอกว่ามันก่อความสูญเสียใหญ่หลวงแก่ทั้งไอเอสและพลเมือง ขณะที่ผู้สื่อข่าวเอเอฟพี รายงานว่าสามารถได้ยินเสียงระเบิดแม้อยู่ในตัวเมืองเคอร์คุก ที่อยู่ห่างจุดเกิดเหตุถึง 55 กิโลเมตร

เจ้าหน้าที่อิรักบอกว่าการโจมตีดังกล่าวดำเนินการโดยกองกำลังพันธมิตรต่อต้านไอเอสที่นำโดยสหรัฐฯ ขณะที่ทางพันธมิตรก็ออกถ้อยแถลงยืนยันว่าพวกเขาได้ระเบิดโรงงานคาร์บอมบ์ของไอเอสใกล้ๆเมืองฮาวิจาห์


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000063162

 

เจ้าหนี้แย้มพร้อมประนีประนอม หลังกรีซขู่ไม่จ่ายคืนเงินIMF
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2558 02:30 น.



รอยเตอร์ - เหล่าเจ้าหนี้นานาชาติของกรีซ ส่งสัญญาณในวันพุธ(3มิ.ย.) พร้อมประนีประนอมเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ ท่ามกลางคำเตือนของเอเธนส์ว่าพวกเขาอาจจะไม่ชำระหนี้ให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หากไม่มีแนวโน้มว่าจะบรรลุข้อตกลงในเรื่องการปฏิรูปประเทศแลกกับเงินช่วยเหลือ

นายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซมีกำหนดเดินทางถึงกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมในช่วงค่ำวันพุธ(3มิ.ย.) เพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรป โดยคาดหมายว่าเขาจะรับฟังเงื่อนไขต่างๆของแผนที่เหล่าผู้นำระดับสูง รวมถึงนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรี ได้ร่างขึ้นระหว่างการประชุมในสัปดาห์นี้

ด้วยที่เวลาใกล้หมดลงทุกขณะ ตามหลังการเจรจาอันเผ็ดร้อนยืดเยื้อนานหลายเดือน เหล่าเจ้าหนี้จึงมาพร้อมกับข้อเสนอจะรับหรือไม่ก็ลืมมันไปเสีย อย่างไรก็ตามทาง ซีปราส ก็คลอดแผนของตนเองและบอกว่ามีความตั้งใจนำเอกสารนี้ไปหารือในบรัสเซลส์ พร้อมเรียกร้องคู่หูยูโรโซน มองสิ่งต่างๆจากความเป็นจริงบ้างและร้องขอขอตกลงที่จะช่วยให้กรีซหลุดพ้นจากสภาพถูกบีบรัดทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตามโวล์ฟกัง ชอยเบิล รัฐมนตรีคลังเยอรมนี บอกว่าจากที่ได้ดูข้อเสนอปฏิรูปของกรีซในเบื้องต้น บ่งชี้วาการเจรจาที่มีเป้าหมายบรรลุข้อตกลงปฏิรูปแลกความช่วยเหลือนั้น คงต้องใช้เวลาพอสมควร

แหล่งข่าวใกล้ชิดกับข้อเสนอเผยกับรอยเตอร์ว่า ในความพยายามหาทางประนีประนอม เหล่าเจ้าหนี้แนะนำให้กรีซควรเกินดุลการคลังก่อนชำระดอกเบี้ย ที่ร้อยละ 1 ของจีดีพีในปีนี้และร้อยละ 2 ในปี 2016 ปรับลดจากเดิมซึ่งกำหนดไว้ภายใต้แผนในปัจจุบันที่ร้อยละ 3 และร้อยละ 4.5 ตามลำดับ

ทว่าในทางตรงกันข้าม แหล่งข่าวบอกว่ารัฐบาลกรีซ ที่ได้รับเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคม จากนโยบายหาเสียงยกเลิกมาตรการรัดเข็มขัดที่สร้างความเจ็บปวดมาหลายปี เสนอตัวเลขเกินดุลการคลังร้อยละ 0.8 ในปีนี้และร้อยละ 1.5 ในปีหน้า

เอเธนส์ยังเสนอจำกัดการเกษียณอายุก่อนกำหนดเพื่อลดภาระการจ่ายเบี้ยบำนาญตามข้อเสนอเดิม แต่ไม่ชัดเจนว่าพวกเขาเสนอแผนประนีประนอมใหม่ๆในด้านการปฏิรูปภาคแรงงานและเบี้ยบำนาญตามเสียงเรียกร้องของเหล่าเจ้าหนี้หรือไม่ ขณะเดียวกันก็ไม่ชัดเจนว่าบรรดาเจ้าหนี้หลัก อันประกอบด้วยเหล่ารัฐบาลต่างๆในยูโรโซน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) จะยอมยืดหยุ่นในขอบเขตดังกล่าว

กระนั้นก็ดีมีสัญญาณในทางบวกและเป็นมิตรมากกว่าเยอรมนี มาจากฝรั่งเศส หลังปารีสบ่งชี้ว่าข้อตกลงอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว "เราอยู่ห่างจากข้อตกลงกรีซไปไม่กี่วันหรือไม่กี่ชั่วโมง" ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์แห่งฝรั่งเศสกล่าว พร้อมเผยว่าเขาจะประชุมทางโทรศัพท์กับแมร์เคิลและซีปราส ในช่วงค่ำวันพุธ(3มิ.ย.)

ด้วยที่ถูกกีดกันจากตลาดพันธบัตรนานาชาติ กรีซจึงไม่ได้รับเงินสดใดๆจากเหล่าเจ้าหนี้ 3 ฝ่ายมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีก่อน และเงินทุนของพวกเขาเหลือแต่ความว่างเปล่า ทั้งนี้เอเธนส์ มีกำหนดต้องชำระหนี้กู้ยืมคืนแก่ไอเอ็มเอฟในวันที่ 5 มิถุนายน แต่โฆษกของพรรคไซรีซา พรรครัฐบาลบอกว่าพวกเขาจะพลาดเส้นตายหากไม่มีแนวโน้มบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ "หากไม่มีโอกาสบรรลุข้อตกลงในวันศุกร์หรือวันจันทร์ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะเป็นวันไหนกันแน่ เราก็จะไม่จ่าย"

นอกจากงวดวันศุกร์นี้ กรีซ ยังต้องชำระเงินคืนแก่ไอเอ็มเอฟ ที่จะครบกำหนดในเดือนมิถุนายน อีก 3 งวด รวมเป็นเงิน 1,230 ล้านยูโร ซึ่งหากเอเธนส์ ไม่ยอมชำระเงิน ผลลัพธ์ก็ยากจะคาดเดา อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่เตือนมาหลายเดือนว่า การผิดนัดชำระหนี้อาจผลักกรีซออกจากยูโรโซน และอาจกระพือความยุ่งเหยิงแก่ตลาดโลก

 

อากีโนพูดที่ญี่ปุ่นเชิดชูUSสกัด'ปักกิ่ง' ระบุจีนมีพฤติกรรมคล้ายนาซีเยอรมัน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มิถุนายน 2558 23:35 น.



เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีเบนิโญ อากีโน ของฟิลิปปินส์ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ เมื่อวันพุธ (3 มิ.ย.) ได้ออกมาพูดเปรียบเปรยกิจกรรมในทะเลจีนใต้ของจีนเวลานี้ ว่าไม่ต่างอะไรกับลัทธิมุ่งขยายอาณาเขตของนาซีเยอรมนีในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 พร้อมกับกล่าวหนุนหลังอเมริกามหามิตรว่าเป็นอภิมหาอำนาจที่มีบทบาทสำคัญในการยับยั้งความก้าวร้าวของแดนมังกร

อากีโน ซึ่งเป็นที่คาดหมายว่าจะทำความตกลงกระชับความผูกพันทางการทหารและความมั่นคงกับญี่ปุ่นเมื่อเขาพบปะหารือกับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ วันพฤหัสบดี (4) นี้ ได้กล่าวเปรียบเทียบเช่นนี้ในการแสดงปาฐกถาที่กรุงโตเกียวซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์นิกเกอิเมื่อวันพุธ

ขณะถูกถามถึงยุทธศาสตร์ “หวนกลับมาปรับสมดุล” ให้ความสำคัญต่อเอเชียของวอชิงตัน และความเคลื่อนไหวทางทะเลในระยะหลังๆ มานี้ของปักกิ่ง ผู้นำแดนตากาล็อกก็แสดงความเห็นว่า สหรัฐฯมีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่ง พร้อมกับเตือนว่าในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ถึงแม้ฝ่ายตะวันตกพยายามใช้วิธีประจบเอาใจไม่ออกมาทักท้วงทัดทาน แต่นาซีเยอรมนีก็ยังคงรุกรานแผ่ขยายดินแดนออกไปอย่างไม่ยอมหยุดยั้งอยู่นั่นเอง

“ถ้าหากเกิดมีช่องว่างสูญญากาศขึ้นมา ถ้าหากสหรัฐฯซึ่งคืออภิมหาอำนาจ กลับพูดว่า 'เราไม่สนใจหรอก' บางทีนี่จะทำให้ไม่มีการเบรกความทะเยอทะยานของประเทศอื่นๆ”

อากีโนกล่าวต่อไปว่า ในพวกภาพยนตร์สารคดีซึ่งพูดถึงลัทธิขยายดินแดนของนาซีเยอรมนีก่อนสงคราม มักมีการตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าหากในตอนนั้นมีใครบางคนออกมาพูดปราม อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ หรือเยอรมนี ให้ยุติการรุกรานตั้งแต่ต้นมือแล้ว นั่นอาจจะทำให้เราสามารถหลีกเลี่ยงไม่ต้องเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2

“ดังนั้น ผมจึงขอพูดอีกครั้งหนึ่งว่า การหวนกลับมาปรับสมดุลของอเมริกา เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนแน่วแน่ว่า พวกเราทั้งหมดต่างมีความมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์บรรทัดฐานที่พวกเราได้ตกลงเห็นพ้องกันเอาไว้”

ตัวอากีโนได้เคยพูดวิจารณ์เปรียบเทียบพฤติการณ์ของจีนกับนาซีเยอรมนีก่อนสงครามเช่นนี้มาก่อน ในการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์เมื่อปีที่แล้ว และทำให้ฝ่ายจีนออกมาตอบโต้อย่างกราดเกรี้ยว

ในคราวนี้ก็เช่นกัน หวา ชุนอิง โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงจากกรุงปักกิ่งในวันพุธว่า รู้สึกช็อกจากคำพูด “ที่สร้างความขุ่นเคืองและไร้เหตุผล” อีกครั้งหนึ่งของอากีโน

“ดิฉันขอเตือนบุคคลบางคนในฟิลิปปินส์อย่างจริงจังยิ่งขึ้นอีกครั้งหนึ่งว่า พวกเขาควรละทิ้งภาพลวงตาของพวกเขาไปเสีย และหันกลับมารู้สึกผิดชอบ, ยุติการยั่วยุและการยุยง และหวนกลับมาสู่เส้นทางอันถูกต้องแห่งการใช้ช่องทางทวิภาคีเพื่อการเจรจาและแก้ไขข้อพิพาทนี้กัน”

โฆษกหญิงผู้นี้กล่าวย้ำว่า จีนมีสิทธิทุกประการในการดำเนินการก่อสร้างถมทะเลในทะเลจีนใต้ ขณะที่สหรัฐฯต่างหากที่ไร้เหตุผลในการส่งเรือรบและเครื่องบินออกไปตรวจการณ์ยังพื้นที่เหล่านี้

“มีกฎหมายระหว่างประเทศอะไรหรือที่ห้ามปรามไม่ให้จีนกระทำการก่อสร้างอย่างสมเหตุสมผลบนเกาะและแนวปะการังที่เป็นของตนเอง? และมีกฎหมายอะไรหรือที่อนุญาตให้ส่งเรือรบและเครื่องบินออกมาสอดแนมใกล้ๆ เกาะและแนวปะการังของอีกประเทศหนึ่ง?” เธอบอก

ทั้งนี้อากีโนระบุว่า โครงการก่อสร้างถมทะเลในทะเลจีนใต้ บริเวณพื้นที่ซึ่งยังพิพาทแย่งชิงอยู่กับชาติอื่นๆ ที่จีนกำลังดำเนินการอยู่ในเวลานี้ น่าจะเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ และเรียกร้องให้จีนทบทวนเรื่องนี้โดยพิจารณาว่ากำลังสร้างความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้นในภูมิภาค

ขณะเดียวกัน คำพูดคราวนี้ของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ยังเท่ากับเป็นการสำทับคำแถลงของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งพาตัวเองเข้าสู่กรณีพิพาทนี้เป็นหนแรกด้วยการเรียกร้องเมื่อวันจันทร์ (1) ขอให้มหาอำนาจในเอเชีย โดยเฉพาะจีน เคารพกฎหมาย และเลิก “เหวี่ยงศอก” ใส่ชาติอื่น

ไม่เพียงเท่านั้น ก่อนหน้านี้ในปีที่แล้ว นายกรัฐมนตรีอาเบะของญี่ปุ่นยังเคยทำให้เกิดการโต้แย้งกันอย่างขุ่นเคืองขึ้นมา เมื่อกล่าวเปรียบเทียบที่ทำให้เข้าใจไปว่า เขากำลังระบุว่าญี่ปุ่นกับจีนในเวลานี้ ละม้ายคล้ายคลึงกับอังกฤษและเยอรมนีในช่วงใกล้ๆ จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1

ต่อมารัฐบาลญี่ปุ่นจึงต้องพยายามลดทอนน้ำหนักของคำพูดเหล่านี้ของอาเบะ ซึ่งได้รับการรายงานข่าวออกไปอย่างกว้างขวาง โดยประณามว่าเป็นความผิดพลาดจากการแปลภาษา

สำหรับการเยือนญี่ปุ่นของอากีโนครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 6 แล้วในช่วงเวลาไม่ถึง 5 ปี เรื่องนี้บ่งชี้ความสัมพันธ์อันแนบแน่นของสองประเทศที่ต่างกังวลกับการรุกหน้าอย่างแข็งกร้าวของพญามังกร โดยในระหว่างกล่าวปาฐกถาเมื่อวันพุธ ผู้นำฟิลิปปินส์ยังยกย่องที่ญี่ปุ่นสนับสนุนแนวทางแก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธีอย่างมีหลักการและอย่างถูกต้องตามกฎหมายของฟิลิปปินส์ รวมทั้งร่วมส่งเสริมเสรีภาพในการเดินเรือและหลักนิติธรรมท่ามกลางบรรยากาศคุกรุ่นจากการที่จีนอ้างสิทธิ์อธิปไตยเหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด

ทั้งนี้แม้ไม่มีข้อพิพาทกับจีนในทะเลจีนใต้ แต่ญี่ปุ่นมีกรณีแย่งชิงหมู่เกาะกับปักกิ่งในทะเลจีนตะวันออก นอกจากนี้ ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ต่างเป็นพันธมิตรสำคัญของอเมริกาในเอเชีย

ระหว่างได้รับเกียรติให้ไปกล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมรัฐสภาของญี่ปุ่นในช่วงบ่ายวันพุธ อากีโนก็ได้ย้ำทัศนะของเขาอีกครั้ง โดยกล่าวว่า “ความมั่งคั่งรุ่งเรืองของท้องทะเลและของดินแดนชายฝั่งในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ … กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง โดยกำลังถูกก่อกวนจากความพยายามที่จะขีดลากข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ตลอดจนความเป็นเจ้าของผู้ครอบครองกันเสียใหม่ ทั้งนี้ข้อจำกัดและความเป็นเจ้าของที่จะขีดลากกันขึ้นใหม่เหล่านี้ เป็นสิ่งซึ่งอยู่นอกเหนือการขีดแบ่งชนิดที่ได้รับการรับรองอย่างชัดเจนจากกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว”

เขายังกล่าวยกย่องญี่ปุ่นว่า ยึดมั่นในลัทธินิยมสันติอย่างมั่นคงในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พร้อมกับบอกว่าสายสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับฟิลิปปินส์ “ได้กำเนิดขึ้นมาใหม่เหมือนการคืนชีพของนกฟินิกซ์” ภายหลังสงคราม โดยที่สายสัมพันธ์เช่นนี้ช่างขัดแย้งตรงกันข้ามกับสายสัมพันธ์กับ “ประเทศหนึ่งซึ่งพวกเราต่างก็ประสบความยากลำบากในการติดต่อด้วย” อากีโนระบุในตอนหนึ่งของคำปราศรัย ซึ่งเห็นชัดว่าหมายถึงประเทศจีน

สำหรับในวันพฤหัสบดี (4) อากีโนยังมีนัดหารือกับนายกรัฐมนตรีอาเบะ โดยคาดว่า จะมุ่งเน้นการกระชับสัมพันธ์ด้านกลาโหมและความมั่นคง มีรายงานว่าผู้นำสองประเทศจะร่วมลงนามข้อตกลงที่ยืนยันว่า ญี่ปุ่นจะจัดหาเรือตรวจการณ์ให้หน่วยยามฝั่งของฟิลิปปินส์ เพื่อสนับสนุนการตรวจการณ์รอบหมู่เกาะและแนวปะการังในทะเลจีนใต้ที่ฟิลิปปินส์อ้างสิทธิ์อธิปไตย

เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อต้นสัปดาห์ว่า อาเบะและอากีโนจะหารือในการขยายความร่วมมือทางทหารในด้านต่างๆ อาทิ การถ่ายโอนอุปกรณ์และเทคโนโลยีทางการทหารของญี่ปุ่นให้ฟิลิปปินส์ โดยอุปกรณ์และเทคโนโลยีเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับการตรวจการณ์ทางทะเล

 

อิหร่านเล็งหาช่องส่งก๊าซป้อนยุโรป หลังคาดแนวโน้มสูงชาติตะวันตกอาจยกเลิกคว่ำบาตร โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มิถุนายน 2558 20:55 น.



เอเจนซีส์ – อาซิซอลลาห์ ราเมซานี (Azizollah Ramezani) ผู้อำนวยการแผนกติดต่อสัมพันธ์บริษัทก๊าซแห่งชาติอิหร่าน NIGC ให้สัมภาษณ์นอกรอบการประชุมก๊าซคองเกรสปารีสวันนี้(3)ว่า ในขณะนี้เตหะรานประเมินเส้นทางในการขนส่งก๊าซเข้าสู่ตลาดยุโรป หลังคาดว่าหากการเจรจานิวเคลียร์อิหร่านประสบความสำเร็จ จะส่งผลให้ชาติตะวันตกทำการยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน โดยหนึ่งในเส้นทางที่เป็นไปได้มากที่สุดคือการส่งก๊าซผ่านระบบท่อส่งก๊าซตุรกี “Turkish Stream gas pipeline” ที่ในขณะนี้รัสเซียกำลังก่อสร้างเพิ่มเติม

RT สื่อรัสเซียรายงานวันนี้(3)ว่า อาซิซอลลาห์ ราเมซานี (Azizollah Ramezani) ผู้อำนวยการแผนกติดต่อสัมพันธ์บริษัทก๊าซแห่งชาติอิหร่านNIGCให้สัมภาษณ์กับ RT ว่า "ในขณะนี้อิหร่านกำลังศึกษาเส้นทางส่งก๊าซไปยังตลาดยุโรป คาดว่าน่าจะเป็น 4-5 เส้นทาง”

สื่อรัสเซียรายงานว่า เส้นทางส่งก๊าซที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้นั้นอาจจะผ่านไปทางตุรกี ทะเลดำ อิรัก ซีเรีย หรือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

“แต่ทว่าเส้นทางเหล่านี้จำเป็นที่ต้องได้รับการศึกษาถึงค่าใช้จ่ายว่าคุ้มทุนหรือไม่ ซึ่งการศึกษาได้เริ่มต้นไปแล้วโดยไม่มีเงื่อนเวลาเกี่ยวข้องกับการเจรจานิวเคลียร์อิหร่านที่จะนำไปสู่การยกเลิกการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกหากเจรจานิวเคลียร์นี้สามารถหาข้อยุติได้ แต่ทว่าแท้จริงแล้วอิหร่านเชื่อว่า ปัจจัยที่สำคัญอย่างแท้จริงนั้นขึ้นอยู่กับคู่ค้าคือ “ชาติยุโรป”เป็นสำคัญ เพราะทางอิหร่านเชื่อว่าทางยุโรปได้คาดการณ์ว่า การคว่ำบาตรอิหร่านจะสามารถยกเลิกได้ในเร็ววันนี้ และหลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายจะสามารถเริ่มต้นเปิดโต๊ะเจรจา และนำไปสู่การลงนามข้อตกลงระหว่างยุโรปและอิหร่านในที่สุด” ราเมซานีกล่าวต่อ

นอกจากนี้ตัวแทนจากบริษัทก๊าซแห่งชาติอิหร่าน NIGC ยังให้ความเห็นกับ RT ต่อไปว่า คาดว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่ทางอิหร่านจะเลือกใช้เส้นทางเครือข่ายท่อส่งก๊าซตุรกี “Turkish Stream gas pipeline” ที่ในขณะนี้รัสเซียกำลังก่อสร้างเพิ่มเติม

“มีความเป็นไปได้ว่าจะใช้เส้นทางนี้ที่ถึงแม้จะยังไม่มีการเจรจาอย่างเป็นทางการก็ตาม เพราะจากจุดนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นแนวทางที่น่าสนใจและเป็นไปได้ในการที่จะนำไปสู่การเริ่มเจรจา เพราะทางอิหร่านคิดว่า ระบบท่อส่งก๊าซรัสเซียและระบบท่อส่งก๊าซตุรกีได้เชื่อมต่อต่อเข้าไปยังตัวทวีปยุโรป และอาจเป็นช่องทางทำให้ก๊าซของอิหร่านสามารถถูกส่งเข้าสู่ยุโรปได้เช่นกัน” ราเมซานีให้สัมภาษณ์นอกรอบในการประชุมก๊าซคองเกรสปารีส

 

แอร์บัสเผยนกเหล็ก A400M เครื่องยนต์ดับไป 3 ก่อนโหม่งพื้นที่สเปน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
3 มิถุนายน 2558 20:54 น. (แก้ไขล่าสุด 3 มิถุนายน 2558 22:14 น.)



เอเอฟพี - แอร์บัสระบุในวันพุธ (3 มิ.ย.) ว่าจากการวิเคราะห์กล่องดำของเครื่องบิน A400M ลำที่ตกในสเปนช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พบเครื่องยนต์ดับไป 3 เครื่องจากทั้งหมด 4 เครื่อง ก่อนที่จะร่วงลงสู่พื้นดินจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย

เจ้าหน้าที่ของแอร์บัสได้เคยเตือนไว้ก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับความบกพร่องทางเทคนิคในระบบควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ ซึ่งเชื่อว่ามีการติดตั้งไม่ดีในระหว่างการประกอบขั้นสุดท้าย

คำแถลงของแอร์บัสระบุว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนได้ยืนยันถึงการหยุดทำงานของเครื่องยนต์ที่ 1 , 2 และ 3 หลังจากขึ้นบินและไม่ตอบสนองต่อความพยายามที่จะควบคุมการทำงานด้วยวิธีปกติของลูกเรือ

"การวิเคราะห์เบื้องต้นได้แสดงให้เห็นว่าระบบการทำงานอื่นๆ ของเครื่องบินยังคงเป็นปกติ โดยไม่มีความผิดปกติใดๆ ตอนทำการบิน" คำแถลงระบุ

เครื่องบิน A400M ได้ร่วงลงสู่พื้นดินและเกิดไฟลุกไหม้บริเวณทางเหนือของสนามบินเซบีญาเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ระหว่างทำการบินทดสอบก่อนส่งมอบให้กับตุรกีในเดือนกรกฎาคม

ในจำนวน 6 ชีวิตบนเครื่องบินลำนั้น มี 2 ราย คือช่างเครื่องกับวิศวกร ที่สามารถรอดชีวิตมาได้ พวกเขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการสาหัส

เว็บไซต์ข่าว "เอล คอนฟิเดนเชียล" ของสเปน ได้รายงานในวันอังคารว่า มีการเพิกเฉยต่อแนวทางปฏิบัติในด้านความปลอดภัยหลายอย่าง ขณะทำการประกอบเครื่องบินขั้นตอนสุดท้าย เพราะเกรงว่าจะส่งมอบล่าช้า

"ตามปกติแล้ว ระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ควบคุมเครื่องยนต์ของเครื่องบิน ควรจะได้รับการทดสอบในเครื่องซิมูเลเตอร์ก่อน เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่าทุกอย่างทำงานปกติ" เว็บข่าวของสเปนระบุ

มาร์วัน ลาฮูด หัวหน้าฝ่ายกลยุทธของแอร์บัสกรุ๊ป ก็ได้บอกกับสื่อเยอรมันไว้ก่อนหน้านี้เช่นกันว่า ระบบควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์มีการติดตั้งไม่ดีในระหว่างการประกอบขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งอาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000063115