ร่วมทำบุญบูชา พ่อครูฟ้าฟื้นชุดบ่วงตัณหาผงบริสุทธิ์วิชาพระเจ้าลิ้นทอง(เก็บแต้มล่านาง) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. SIR2010

    SIR2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,967
    ค่าพลัง:
    +5,665
    ขอร่วมทำบุญบูชา เหรียญบาตรน้ำมนต์เจ้าขรัวเเสง (เนื้อเหล็กนิพพานวัชรธาตุ) 1 เหรียญ
     
  2. holy-amulet

    holy-amulet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2009
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +425
    ขอจองเหนียญขรัวเจ้าแสง 1 องค์ครับ
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,142
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ความรู้วันละนิด (ศีล)

    เราจะมาต่อจากเมื่อวานกันที่พูดถึงในเรื่องของบุญกิริยาวัตถุ 3 บุญที่จะทำให้เราทั้งหลายได้อุบัติเป็นเทวดา ซึ่งเมื่อวานได้พูดถึงเรื่องทานไปแล้ว วันนี้เราก็จะมาต่อกันที่เรื่องของศีล

    ศีลหรือที่เราเรียกว่าสีลมัย ตัวนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าก็เป็นการทำบุญแบบหนึ่ง เป็นการทำบุญด้วยการถือศีล รักษาศีล อบรมขัดเกลาความประพฤติ ความรู้สึกนึกคิดตนเองให้ประพฤติอยู่ในกรอบความดีงาม

    ในส่วนของศีลนั้น ผู้ถือศีลจะได้บุญมากด้วยการกระทำ 2 ประเภท ดังนี้
    - อปจายนมัย อันนี้คือการทำบุญแบบง่ายๆด้วยการอ่อนน้อมต่อผู้อื่น
    - เวยยาวัจจมัย นี่ก็เป็นบุญเช่นกัน ทำได้โดยการขวนขวายรับใช้ตามโอกาส

    ศีลนี้ถ้าแปลตรงตัวเลยมันจะเเปลว่าการประพฤติชอบโดยปกติ ที่เราๆชาวบ้าน ชาวพุทธนิยมถือกันให้ได้ก็จะมี ศีล 5 ศีล 8 เราหรือเธอจำไว้นะตรงนี้ก็ถือได้เหมือนกัน และควรทำให้ครบ คือในวันหนึ่งๆนี่เราก็ถือศีล 5 โดยปรกติตามธรรมดา เเต่ในวันขึ้น 15 ค่ำ หรือแรม 15 ค่ำก็ด๊ อันนี้ควรรักษาศีล 8 เขาเรียกว่าวันศีลใหญ่ ให้รักษาอุโบสถศีล คือศีล 8 นี้

    ที่นี้เรามาถามใจตนเองกันว่า รักษาศีลนั้นเราได้อะไร นอกจากได้ทำความดีละเว้นความชั่วตามข้อกำหนดของศีลเเต่ละข้อแล้ว การรักษาศีลนั้นทำไมถึงเป็นคุณสมบัติทำให้เราเป็นเทวดา ก็เพราะการรักษาศีลนั้นทำให้เรามีจิตใจที่อ่อนลง อ่อนโยน

    เมื่อเธอทั้งหลายรู้จักรักษาศีลนั้น เธอจะมีคุณธรรมอื่นๆติดตัวเธอขึ้นมาอีกมากโขทีเดียว เพราะมันไปพร้อมๆกัน นั่นคือเมื่อจิตใจเธออ่อนโยนขึ้น เธอก็รู้จักความศรัทธา มีความเพียร มีสติ มีสมาธิมีปัญญาเพียบพร้อมบริบูรณ์

    คนจะรักษาศีลให้สมบูรณ์นั้น เราจะเเนะวิธีให้ จะได้ทำให้ร่างกายเเละจิตใจพวกเธอสบายไปด้วย ศีลนั้นควรประพฤติควบคู่ไปกับการระลึกนึกถึงคุณของพระพุทธเจ้านี่ได้พุทธานุสตินะ นึกถึงสาระเเห่งธรรมมะทั้งปวงนี่ก็เป็นธัมมานุสติ นึกถึงความเป็นอริยบุคคลที่จำเเนกไว้ตามธรรมนี่ก็เป็นสังฆานุสติ เสร็จเเล้วลองมองลงมาพิจารณาศีลที่เราถืออยู่ พิจารณาเองนะหาคำตอบด้วยตัวเอง ว่าศีลนี้มีคุณลักษณะอย่างไรเป็นสีลานุสติ

    การรักษาศีลนั้นจะต้องอิงกับปัจจัยหนึ่งคือความเพียร เพราะต้องทำสม่ำเสมอทำเป็นประจำเพื่อดัดอุปนิสัยของคนที่เกิดมาร้อยพ่อพันเเม่ให้อ่อนโยนลง ความเพียรนี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญขาดไปไม่ได้เลย พวกเธอทั้งหลาย การทำความเพียรนั้นประกอบด้วยสิ่งต่างๆและธาตุต่างๆดังต่อไปนี้ คือ
    - อารัพภธาตุ อันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการทำความเพียรเลย เธอต้องมีความคิดริเริ่มที่จะทำ
    - นิกกมธาตุ นี่คือธาตุที่มุ่งหวังความเจริญก้าวหน้า พวกเธอทั้งหลายคงรู้จักมันดีเเละมีกันทุกคน เมื่อเรามีความคิดริเริ่มที่จะทำอะไร เราก็มุ่งหวังปรารถนาที่จะเจริญก้าวหน้า ก้าวไปให้ไกลจากสิ่งที่เรากำลังเป็นอยู่
    - ปรักกมธาตุ อันนี้เป็นเเรงขับเคลื่อนในตัวของเธอทุกคนเเน่นอนว่าในการประกอบความเพียรนั้น ย่อมต้องมีสิ่งนี้ นั่นคือความมุ่งมั่น
    - ถามธาตุ มุ่งมันอย่างเดียวไม่พอ หากเราประกอบความเพียรเเล้ว เราจะประสบความสำเร็จหรือไม่หรือจะท้อถอยก่อนก็อยู่ที่ตัวนี้ นั่นคือ ความบากบั่น
    - ธิติธาตุ หลังจากบากบั่นเเล้ว ในการปะกอบความเพียรใดๆเราเองต้องมีกำลังใจนะ จำไว้นี่สำคัญมาก มันจะเป็นเเรงที่ขับเคลื่อนเราออกมาจากภายในเรียกว่าความหนักแน่น มั่นคงอยู่กับเป้าหมายของเราเอง
    - อุปักกมธาตุ เมื่อเรามีทุกอย่างที่กล่าวมานี้ ก้คือเราเริ่มลงมีกระทำความเพียรเเล้ว ในการทำความเพียรนั้นย่อมต้องมีอุปสรรค อุปักกมธาตุนี้ก็คือการต่อสู้ฝ่าฟันไปให้ได้ให้ถึงความสำเร็จ
    นี่เเหละเธอเห็นมั๊ย เมื่อธาตุทั้งหลายเหล่านี้ในตัวเธอได้มาประชุมกัน เราถึงพึงเรียกสิ่งนั้นว่าความเพียร ในการรักษาศีลก็เช่นกัน เมื่อเเรกเริ่มอาจต้องใช้ความอดทนอดกลั้นอยู่บ้างเเต่เธอทั้งหลายก็จะผ่านมันไปได้ด้วยธาตุๆต่างๆของเธอด้วยการทำความเพียรของเธอ

    วันนี้ก็จบเรื่องศีลเพียงเท่านี้ แต่จะมาเพิ่มเติมให้เรื่องอื่น นั่นคือเราได้พูดถึงหลักธรรมที่จะทำให้เราเข้าถึงความเป็นเทวดาเเล้ว แต่นั่นคือชีวิตหลังความตายที่เราจะไปจุติยังพิภพต่างๆ

    ไหนๆก็พูดเรื่องศีลเเล้วก็จะพูดรวมไปเลยทีเดียวเพราะเป็นเรื่องใกล้ๆกัน พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่า ธรรมที่ให้รักษาให้ปฏิบัตินี้ไม่ใช่เพื่อให้เธอสร้างภาพวาดวิมานในอากาศ ให้เธอมีความอยากได้ใคร่ดีจะไปเกิดเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ เเต่บอกเพื่อให้เธอยกระดับกำลังใจให้สูงขึ้น มากขึ้นๆพอที่จะไม่ตกลงไปสู่นิรยภูมิเทานั้น

    หากปรารถนาความเป็นเทพยดาเเล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไปรอชีวิตหลังความตาย เเม้ในขณะที่เธอทั้งหลายกำลังหายใจอยู่นี้ ในปัจจุบันนี้ เธอก็ถึงซึ่งความเป็นเทวดาได้ เป็นเทวดาในกายมนุษย์นี่เลย ที่เขาเรียกกันว่ามนุสสเทโว

    การเป็นเทวดาในร่างมนุษย์นั้น เธอทั้งหลายต้องรู้ธรรมที่เราเรียกๆกันว่าเทวตานุสติเสียก่อน ธรรมที่จะทำให้เราเป็นมนุษย์ที่เรียกว่ามนุสสเทโวได้นั้น ก็มี
    - สัทธา
    - ศีล
    - สุตะ
    - จาคะ
    - ปัญญา

    เห็นหรือไม่ว่าเรื่องเหล่านี้ก็ไม่หนีไกลกันเท่าไหร่ ศีลเราได้กล่าวถึงไปแล้ว ทีนี้เราจะมาเเนะนำในส่วนอื่นให้ครบ

    วันนี้ขออนุญาติพิมพ์เฉพาะเรื่องของ สุตะเเละจาคะก่อน ในส่วนของสัทธาเเละปัญญานั้น ขอติดไว้วันพรุ่งนี้เป็นภาค 2เพราะค่อนข้างยาว ก่อนที่จะไปขึ้นเรื่องของการภาวนานะครับ

    - สุตะ สิ่งนี้ก็เเปลตรงตัวเลยว่าการฟัง ธรรมที่จะทำให้เราเป็นเทวดาในชาติปัจจุบันที่เรียกว่ามนุสสเทโวได้ ก็ด้วยการรับฟังสิ่งที่เป็นประโยชน์ หมั่นศึกษาหาความรู้ใส่ตัวเองนั่นเอง

    - จาคะ ในส่วนนี้ก็คือการเสียสละ ทำไมจาคะถึงเป็นธรรมที่จะทำให้เราเป็นเทวดาได้ การเสียสละในที่นี้ อยู่นอกเหนือการเสียสละสิ่งเล็กๆน้อยๆอื่นๆ แต่เป็นการเสียสละที่นอกจากจะทำให้เป็นเทวดาเเล้ว ยังทำให้เราเป็นอริยบุคคลอีกด้วย นั่นคือการเสียสละกิเลส ขัดเกลากิเลสในตนเอง สิ่งนี้ทุกคนต้องมี คือความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว คำนึงถึงอัตตาตัวตน เราต้องลดละเลิก ในสิ่งเหล่านี้ พูดอาจจะดูง่ายๆว่าทำไมพ่ออาจารย์ท่านพูดง่ายๆจัง ซึ่งท่านบอกว่าสิ่งนี้ความจริงมันก็ไม่ได้ยากอะไร หากเธอค่อยๆทำไปทีละน้อย ทุกสิ่งไม่ได้บังคับให้ทำสำเร็จออกมาเดี๋ยวนั้น เเต่ให้ใช้ธาตุใช้ความเพียรพยายามของเธอทั้งหลายเอง ผลักดันทำไปทีละน้อย ในเรื่องการเสียสละของจาคะก็เช่นกัน ทำได้ง่ายนักเพียงเธอรู้จักคุณค่าของสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่อยู่รอบข้าง รู้จักเปิดโอกาสให้เค้า เอื้อเฟื้อต่อเค้า เอื้อเฟื้อด้วยธรรมที่เป็นความถูกต้องเเละสุจริตทั้งหลาย

    วันนี้ก็ขอจบไว้เท่านี้ก่อน พรุ่งนี้จะมาต่อเรื่องคุณธรรมที่จะทำให้เป็นเทวดาในร่างมนุษย์ที่เรียกว่ามนุสสเทโวให้จบก็ติดตามกันนะครับ ท่านว่าการกระทำของใครก็ของคนนั้น ท่านทำเพียงเเต่บอกกล่าวเเนวทางเเละวิธี คิดจะทำรึไม่ ชาติไหน โอกาสใด ก็อยู่ที่แต่ละบุคคล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2015
  4. sakmalai

    sakmalai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    504
    ค่าพลัง:
    +1,344
    โอนเรียบร้อยแล้วครับ รายละอียดใน PM ครับ
     
  5. chaiwatwinij

    chaiwatwinij เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2013
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +233
    แจ้งได้รับตะกรุดแม่ทัพแล้วครับ ขอบคุณมาก
     
  6. อรหโตพุทโธ

    อรหโตพุทโธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2015
    โพสต์:
    498
    ค่าพลัง:
    +1,017
    ขอบูชาตะกรุด คุณพระแก้กรรม 1 ดอกครับ
     
  7. chaiwatana

    chaiwatana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +279
    บูชาตะกรุดคุณพระแก้กรรม 1 ดอก
     
  8. ยอดกตัญญู

    ยอดกตัญญู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +329
    ร่วมทำบุญ1ดอกครับ
     
  9. sakmalai

    sakmalai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    504
    ค่าพลัง:
    +1,344
    ได้รับเรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณครับ
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,142
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ความรู้วันละนิด (ศีล ตอนที่ 2)

    เมื่อวานเราได้เเทรกหัวข้อเข้าไป ในชั้นเเรกนั้นเราพูดกันถึงเรื่องคุณธรรมที่จะทำให้เกิดเป็นเทวดา จำแนกไว้ใหญ่ๆ 3 หัวข้อ ซึ่งในระหว่างที่อยู่เรื่องของศีลนั้น ก็ได้แทรกเเละเพิ่มเติมให้ ถึงเรื่องคุณธรรมที่จะทำให้มนุษย์ที่มีชีวิตนั้นเป็นดุจดั่งเทวดาที่เรียกว่ามนุสสเทโว ซึ่งก็ติดค้างเอาไว้อีก 2 เรื่อง คือ สัทธาและปัญญา

    ในคุณธรรมที่จะทำให้เป็นเทวดาได้ในชาติปัจจุบันนั้น ก็ประกอบด้วยเทวตานุสติ ได้แก่
    - สัทธา
    - ศีล
    - สุตะ
    - จาคะ
    - ปัญญา

    ซึ่งเมื่อวานในเรื่องของศีลนั้น เราได้อธิบายในเรื่องของศีล สุตะ และจาคะไปแล้ว วันนี้ก็จะมาเริ่มกันที่สัทธาก่อน

    พ่ออาจารย์ท่านว่า สัทธาตัวนี้มันก็คือตัวเดียวกับศรัทธานั่นเเหละ ความหมายเดียวกันออกเสียงคือกัน มันหมายความถึง ความเชื่อ นี่ก็เป็นอารมณ์เป็นดวงจิตของเราประเภทหนึ่ง

    สัตว์โลกมักจะพูดกันติดปากเสมอว่า ศรัทธาๆ เราก็รู้เเค่เพียงว่ามันคือความเชื่อ มิได้รู้เลยว่าทำไมมันถึงเป็นหนึ่งในเทวตานุสติ มีความสำคัญอย่างไร เเละไอ้ตัวสัทธานี้มันมีอะไรบ้าง

    ศรัทธานั้นเป็นเรื่องสำคัญเพราะเป็นสิ่งกำหนดความเชื่อของคนกำหนดศาสนา กำหนดสิ่งต่างๆมากมาย ซึ่งศรัทธาของชาวพุทธนั้นได้แบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 รูป ได้แก่
    - กัมมสัทธา
    - วิปากสัทธา
    - กัมมัสสกตาสัทธา
    - ตถาคตโพธิสัทธา

    ซึ่งเเต่ละเเบบก็มีความหมายต่างๆกันไป ดังนี้
    - กัมมสัทธา ความศรัทธาประเภทนี้ คือศรัทธาในเรื่องของกรรม มีความเชื่อว่ากรรมนั้นมีอยู่จริง การกระทำทั้งหลายของสิ่งมีชีวิตที่มีเจตนา จะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ดี ย่อมมีผลอยู่ในตัวของมันเอง ความสำเร็จทั้งหลายจะสำเร็จเสร็จสิ้นได้ก็ด้วยผลของการลงมือกระทำ
    - วิปากสัทธา ความศรัทธาประเภทนี้ก็เชื่อในเรื่องกรรมเช่นกันเเต่ลึกกว่านั้น คือเชื่อในผลของกรรม ประเภทนี้จะเชื่อว่า การกระทำทุกการกระทำนั้นย่อมต้องมีผลของมันเอง จะมีเจตนารึไม่ก็ตาม
    - กัมมัสสกตาสัทธา ศรัทธาประเภทนี้ คือเชื่อในกรรมเฉพาะตน เชื่อว่าคนทุกคนนั้นมีกรรมเป็นเจ้าของกรรมทั้งหลายที่เคยได้กระทำลงไป ตนเองทำอะไรไว้ ก็ต้องได้รับผลเเห่งกรรมนั้นๆ
    - ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อในธรรมอันเกิดเเต่ปัญญา จากการตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เชื่อว่าธรรมนั้นคือเครื่องนำออกจากความขัดข้องความทุกข์ทั้งหลาย

    จะศรัทธาใดๆก็ดี 1ใน4นี้ถือเป็นศรัทธาที่ถูกต้อง เป็นจริตของความประพฤติที่ดีงาม เป็นหนึ่งในธรรมของเทวดาในคราบร่างมนุษย์ ก็สำรวจตนเองให้ดีว่าเรามีความศรัทธามีความเชื่อในอะไร

    เเละก็ลำดับสุดท้ายของเทวตานุสติ ที่จะกล่าวในวันนี้ก็คือเรื่องของปัญญา ซึ่งก็จะได้อธิบายในลำดับต่อไป
    ปัญญานั้น มีความหมายว่าความรอบรู้ ความเห็นทั่ว การได้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งปัญญานั้นก็ประกอบด้วยักษณะประเภทต่างๆ ดังนี้
    - สุตมยปัญญา กรณีนี้เป็นปัญญาที่เกิดขึ้นจากการคิดพิจารณาตาม เวลาเราสดับรับฟังสิ่งต่างๆจนรู้แจ้งเห็นจริง
    - จินตามยปัญญา กรณีนี้เป็นปัญญาที่เกิดเเต่การคิดค้น ขบคิดภายในจิตใจของเรา พิจารณาหาสาเหตุหาผลที่เกิดขึ้น ด้วยตัวเราด้วยประสบการณ์ของจิตเราที่มันสั่งสมมาเอง
    - ภาวนามยปัญญา กรณีนี้คือปัญญาที่เกิดเเต่การภาวนา อธิบายให้เข้าใจง่ายๆก็คือปัญญาที่เกิดจากการคิดค้นเเต่ภายในของจิตเช่นกัน ด้วยการอบรมจิตให้บริสุทธิ์ มีกำลังเป็นปัญญาอันเกิดจากจิตที่มุ่งมั่นและจดจ่อกับการปฏิบัติ

    ซึ่งในวิถีพุทธของเรานั้น ปัญญาก็คือความรอบรู้ สิ่งสำคัญที่สุดในเรื่องความรอบรู้เลยก็คือความรู้เเจ้งเห็นจริงในรูปแบบของอริยสัจ 4 ประการ คือ
    - ทุกข์ อันนี้คือความหมายของรูปแบบที่เราต้องการจะรู้ ทุกๆสิ่งนั้นล้วนเป็นทุกข์ทั้งสิ้น
    - ทุกขสมุทัย สิ่งนี้คือโครงสร้างของมัน เป็นโครงสร้างรูปแบบของสิ่งที่เราต้องการจะรู้
    - ทุกขนิโรธ สิ่งนี้คือจุดประสงค์อันเป็นเป้าหมายในโครงสร้างรูปแบบที่เราต้องการจะรู้
    - ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ลำดับดำเนินการเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์อันเป็นเป้าหมายนั้นๆ

    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวย้ำเสมอว่าคุณธรรมทั้ง 5 ข้อนี้สำคัญมาก แม้สมเด็จพระสัมมาสัพุทธเจ้าท่านก็รับรอง ได้แก่ สัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เพราะคุณธรรมทั้ง 5 นี้จะทำให้มนุษย์ได้เกิดในฐานะที่สูงขึ้นตามแต่จะปรารถนา ไม่ว่าจะเป็น มหาพราหมณ์มหาปราชญ์ คฤหบดีมหาเศรษฐี พระเจ้าจักพรรดิ์ จนถึงเทพเจ้า พรหมทั้งในรูปพรหมปรืออรูปพรหม หรือแม้กระทั่งการทำอาสวะกิเลสให้สิ้นไปจนถึงพระนิพพาน ทุกสิ่งนั้นล้วนมาจากการปฏิบัติคุณธรรมทั้ง 5 นี้ทั้งสิ้น

    ซึ่งจะกล่าวได้ว่าเราเองนั้นก็มีทางเลือกอยู่ 2 ทางในการเกิดเป็นเทวดา คือเป็นเมื่อตายไปแล้ว หรือเป้นเสียตั้งเเต่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งการปรากฏของเทวดานั้น ก็เป็นเรื่องที่ใครๆสามารถมองเห็นได้ ไม่ใช่เรื่องวิกลจริต คนอื่นเห็นเเต่เราไม่เห็น มันบ้า เช่นนี้ก็ไม่ถูก การเห็นเทวดานั้นอาจจะกระทำได้ง่ายๆด้วยวิธีการ 2 วิธี คือ
    - ถอดกายทิพย์ ซึ่งการถอดกายทิพย์นี้จะต้องใช้ฤทธิ์แห่งสมาธิเป็นตัวกำหนดระดับของสวรรค์ที่เราจะไปปรากฏ
    - หายตัวไป คือการหายตัวไปดื้อๆด้วยกายเนื้อเช่นนี้ไปปรากฏในเทวโลกหรือพรหมโลกเลย แบบพระอรหันต์ทั้งหลายหรือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นการสำเเดงอนุภาพของอิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์ จะสำแดงได้ก็ในขณะที่จิตนั้นได้เข้าสู่สมาธิชั้นสูงเเละชำนาญความเป็นวสีในการอธิษฐานเข้าออกสมาธินั้นๆด้วย

    ก็ติดตามกันต่อไปในเรื่องหัวข้อสุดท้าย ซึ่งก็คือการภาวนา คาดว่าน่าจะเเบ่งออกเป็นหลายตอนเช่นกัน เพราะยาวพอสมควร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2015
  11. THATCHAKON

    THATCHAKON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,248
    ค่าพลัง:
    +3,250
    แจ้งโอนเงินบูชาวัตถุมงคลตามที่คุยกันไว้ทาง pm ครับ

    IMG_20150605_125426.JPG IMG_20150605_125328.JPG
     
  12. chaiwatana

    chaiwatana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +279
    บูชาสมิงพระกาฬ 1 องค์
     
  13. อรหโตพุทโธ

    อรหโตพุทโธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2015
    โพสต์:
    498
    ค่าพลัง:
    +1,017
    จองบูชาพระสมิงพระกาฬ 1 องค์ครับ
     
  14. oomdi

    oomdi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    405
    ค่าพลัง:
    +1,261
    จองสมิงพระกาฬ 1 องค์ครับ
     
  15. cosmic ray

    cosmic ray เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2014
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +776
    ขอจองสมิงพระกาฬ 1 องค์ โอนช่วงปลายๆเดือนนะครับ.
     
  16. ออนเนอร์

    ออนเนอร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +258
    จองสมิงพระกาฬ 1 องค์ครับ
     
  17. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    จองสมิงพระกาฬ 1 องค์ครับ

    ปล. ขออนุญาตยกเลิกรายการจองเจ้าขรัวแสงครับ เนื่องจากงบจำกัด
     
  18. ออนเนอร์

    ออนเนอร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +258
    ได้รับพระที่ส่งมาแล้ว ขอบคุณครับ
     
  19. อรหโตพุทโธ

    อรหโตพุทโธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2015
    โพสต์:
    498
    ค่าพลัง:
    +1,017
    รอติดตามครับ
     
  20. sereenon

    sereenon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,727
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,931
    จองบูชาสมิงพระกาฬ 1 องค์ค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...