ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 4 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    ที่เห็นชัดๆ เลยคือ อาการพิการทางกาย ของเรา อาหลานหายสนิท เลย

    พ่อหมอ เอา ไม้ ไม้ลิ่มตอกเคาะๆ ตรงกระดูก แต่ ถูกเปิดหลังด้วย

    ทำให้ พวกไม่ค่อยอาบน้ำ รู้สึกอาย หลัง (ตูดหมึก) ด้วย

    แต่ผู้ป่วยที่มารักษา เค้าอดทนกันมากเลย คนเป็นมะเร็ง บาดเจ็บเยอะๆ ก็ไม่ร้องโวยวายเลย (ทั้งที่ ไม่ได้ถูกวางยาสลบ)

    แต่นี้แค่อายก็กรี๊ดแล้ว พอเจ็บนิด ก็โว๊ย ว๊ากส์ อาละวาดด่าทอ (บาปกรรมจริงๆ ก็ยุงกัด ตัวนึงยังดราม่าแล้วเลย )

    อย่างว่า ก็เราเป็นปุถุชนเนอ้ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 พฤษภาคม 2015
  2. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    นับว่า ราคุ นั้น มีวาสนามาก มีผู้ใหญ่ทั้งหลาย ให้การสนับสนุนช่วยเหลือ แต่ที่สงสัยว่าราคุ มีใส้ กี่ขดน้า ( ก็เห็นว่า โดนท่านพี่นพ สแกน ตับ ไต ใส้พุงอ่ะ เขาเรียกใส้ เป็น ขดๆ ใช่มั้ย เช่น ใส้แกกี่ขดๆ ฉันก็ได้เห็นกันคราวนี้แหละ ...หมายเหตุ จำมาจากคำพูดในละคร )rabbit_sleepy
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2015
  3. วิชญ์24

    วิชญ์24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +6,276
    ขอขอบคุณพี่นพมากครับ ที่ช่วยแนะนำหมอให้ครับ
    ตอนนี้อาการโดยรวมของแฟน ค่อยข้างดีขึ้นครับ
    ซึ่งตอนแรกแฟนนั้นไม่เชื่อเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ครับ ตอนนี้ค่อยข้างเชื่อมากขึ้นครับ
    และวันนั้นก็ได้ เจอพี่นพ พี่กาลีนะ พี่พายุ รวมถึง พี่thaliland8 ตัวจริงด้วยครับ แบบว่าตัวจริงเกินคาดครับ
    ขอบคุณมากครับ
     
  4. domdom

    domdom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +51
    อยากไปรักษาบ้าง มีคำแนะนำอะไรเบื้องต้นก่อนไปมั๊ยครับ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ขออนุญาตแนะนำให้นะครับ
    หมอเสน่ห์ (ชื่อ เสน่ห์นะครับไม่ใช่รับทำเสน่ห์ ๕๕๕)
    วันศุกร์(มีบุคคลพิเศษขอไว้ กับวันพระ
    ท่านงดไม่รักษาครับเพราะจะไปนั่งสมาธิในถ้ำ...)
    และก็โทรไปถามไถ่ก่อนได้ครับ.
    ไม่มีปัญหาอะไร
    0800110245
    และควรไปถึงที่นั้นแต่เช้าครับ

    บอกว่ามาจากเวปพลังจิตก็ได้ครับ..
    วางแผนการเดินทางล่วงหน้าไว้ดีๆครับ
    เพื่อไปลงคิวรักษาเอาไว้แต่เนิ่นๆ
    ไม่งั้นถ้าถึงคิวที่ ๑๐ ขึ้นอาจได้รอนาน
    ระยะเวลารักษาแล้วแต่กรณีครับ..
    แต่หมอจะสแกนร่างกายให้เองครับไม่ต้องห่วง
    เพราะค่อนข้างจะละเอียดในการสแกน
    และอาการบ้างอย่างต้องใช้ กำลังจิต
    ส่วนตัวถึงจะรักษาได้..
    และที่สำคัญที่ต้องไปถึงตั้งแต่เช้าๆ
    เพราะจะได้เข้าพิธีขอขมากรรมด้วย
    เพื่อหนุนผลการรักษาได้ดียิ่งขึ้นครับ..
    และมีอะไรก็บอกหมอตรงๆได้ครับไม่ต้องอาย..
    ถ้าใครแพ้ควันบุหรี่ หรือ สูดดมแล้วมีอาการ
    ก็บอกได้นะครับ..ปกติท่านไม่ค่อยทำนอกจากต้องบอกครับ..
    และที่ควรบอกก็คือ ขอเรื่องกระแสที่ออกจากจิตให้มันขึ้น
    ไปเชื่อมข้างบนแบบตรงๆด้วย
    ค่าบูชาครู ๕๕๐ บาท ส่วนตอนที่เสร็จพิธีตัดกรรม
    จะมีร่วมบุญตรงนี้แล้วแต่ศรัทธาครับ..
    และก็มีน้ำลูกมะตูมหมักทานกับน้ำผึง ชุดละ ๓๐๐ ครับ
    สรรพคุณต้องลองถามหมอดูครับ..

    พวกปัญหาที่หัวเข่า เนื่องจากกระดูกสันหลังช่วงกลางเรามันคต
    จากการใช้ชีวิตประจำวัน ระบบขับถ่ายไม่ค่อยดีเนื่องจากลำไส้ใหญ่มันเคลื่อน
    ที่มันคาบเกี่ยวตับและปอดที่ทำให้หน้าอกเรามันตึงๆด้านหนึ่งอะไรพวกนี้
    หรือแม้กระทั่งอาการที่หูอะไรทำนองนี้
    พอรักษาและปรับในเบื้องต้นได้ในครั้งเดียวครับ..

    ปล.ประมาณนี้หละครับ...
     
  6. kratium

    kratium เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +3,670
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะคุณนพ ขอนำไปบอกต่อกับเพื่อนที่สนใจ เพื่อเป็นทางเลือกในการรักษาตัวนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2015
  7. domdom

    domdom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +51
    งั้นถ้าอยู่ต่างจังหวัดคงต้องไปค้างสินะครับ มีคำแนะนำเรื่องที่พักมั๊ยครับ
     
  8. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731

    เห็นด้วยนะคะ ดิฉันเองยังคิดไม่ออกว่าจะไปกันยังไง เริ่มตรงไหน ลงตรงไหน ถ้าเหมารถไปก็ไม่ใช่คนในพื้นที่อยู่ดี แบบนี้ต้องโทรจองโรงแรมใกล้ๆหรือเปล่า
    .... ตอนนี้ก็ชวนคุณพ่อได้สำเร็จแล้ว เหลือผู้มีคุณอีก ๒-๔ ท่าน

    ช่วงนี้ส่วนตัวต้องการสร้างฐาน ช่วงนี้ต้องเร่งค่ะคุณนพ ทำให้อาจไม่เข้ามาเสนอหน้าบ่อยๆแล้ว วันก่อนพึ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมฝึกยิ้มจี๊ดๆซี๊ดๆไปแล้ว ไปค้นในกรรมบทสิบเลยเจอปิ๊งแว่บๆมา
    แต่ก็ไปไม่ไกลหรอกค่ะ ขอเข้ามาเกาะข่าวเป็นครั้งคราวค่ะ
    ถ้าวาระและโอกาสมาถึง คงได้รบกวนคุณนพฯ เป็นไกด์นะคะ
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    นอนรีสอร์ทแถวคุณหมิง หรือ อ.หนองหิน ได้เลยครับ.ห่างบ้าน อ.เสน่ห์ ประมาณ ๑๐ กม.
    ส่วนการไปบอกต่อ เชิญได้เลยครับเพราะว่าส่วนตัวขออนุญาตในการนำมาบอกต่อแล้วครับ
    แต่ว่าไม่ได้ลงเป็นทางการครับ โดยเฉพาะคนที่เดินไม่ค่อยสดวกหรือมีปัญหาขาไม่ปกติ.
    หรือเป็นโรคภายใน
    แบบที่อาจส่งผลต่อชีวิตได้..หรือเป็นโรคต่างๆที่รักษาได้ยากทางการแพทย์ วันที่ไปกับเดอะแก๊งค์ เฮฮาปาจิงโก๊ะ
    ในพลังจิต แม่ชีที่เคยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายมาก่อนหน้านั้นก็มาครับชนิดที่ทุกคนคิดว่า
    ไม่น่าจะรอดจนได้หามมาที่บ้าน อ. ทุกวันนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ไม่รู้มีใครสังเกตุไหม ที่ใส่เสื้อสีน้ำตาล
    ผิวคล้ำหน่อยออกมีเนื้อนิดหนึ่ง..
    อย่างตัวเองเนี่ย หาคนรักษายากมากเหมือนกันครับ..
    แม้ว่าจะรักษาตัวเองพอได้ ในเรื่องกรรมฐานบางอย่างที่ฝึกมาเนี่ยยากครับ
    ถ้าคนทั่วๆไปมาทำอะไรให้ โอกาสที่คนนั้นจะเดี้ยงสูงมากครับ..
    ขนาด อ. รักษาให้นอกรอบ(คือ ไปพิสูจน์ก่อนไงครับตามลักษณะนิสัย)
    อ. ยังต้องไปนั่งสมาธิเป็นชั่วโมงกว่าจะปกติ
    และคนที่เคยเป็นโรคไตแบบที่ต่อไปจะต้องฟอกไต
    ที่มารักษาก่อนเอาไปเอามาก็ไม่ได้ฟอกไตก็มีครับ...
    คือ อาจารย์ ไม่ใช่แบบหมอที่รู้เรื่องการรักษาอย่างเดียวครับ..
    ท่านยังมีอะไรภายในที่ดีอยู่คับ คือ มีคนพอทำได้อยู่คับ ใน กทม.แต่ว่า
    ท่านนั้นตอนนี้เริ่มพักๆเนื่องจากอายุเริ่มมากขึ้น
    และค่ารักษาจะสูงกว่านี้ประมาณ ๑๐ เท่าด้วยครับ
    และอาจจะไม่สดเหมือน อ.เสน่ห์ ตอนนี้ครับ
    แบบว่า ต้องมีกำลังจิตที่สูงพอตัว and ความสามารถในการทำอะไรบ้างอย่าง
    แบบที่เราต้องเจอกับตัวเองถึงจะเข้าใจครับ....
    บางทีไปนั่งดูเค้ารักษา ก็ดูไปเสียวไป และก็ตื่นเต้นไปอีกแบบครับ..
    กระดูกสันหลังแบบคตๆ เนี่ยเราไปดูก่อนและหลังรักษาได้แบบเห็นๆครับ...
    ไม่ใช่แบบที่เค้าจับแขนจับขาแล้วดึงนะครับ อย่างนั้นกระดูกจะเคลื่อนครับ.
    ลองดูครับ สุขภาพโดยรวมสำคัญกว่าครับ...เพื่อตัวเราเองครับ
    และเพื่อคนที่เค้าอาจจะต้องพึ่งพาเราอยู่ครับ หรือเพื่อว่าวันข้างหน้า
    เราจะต้องอยู่เพื่อความภูมิใจของใครบางคน
    และก็เพื่อว่าเราอาจจะได้สร้างประโยชน์กับคนอื่นๆได้..
    ฉนั้นสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับยุคนี้ครับ
    เพราะมันส่งผลโดยรวมกับทุกๆด้าน..
    ปล.อาจารย์ เคยอฐิษฐานจิตไว้ก่อนจะรักษาได้ว่า ถ้าใครที่ได้มาถึงขอให้หายครับ..
    ส่วนจะต้องกลับไปอีกครั้ง ก็แล้วแต่การกลับไปใช้ชีวิตและก็เป็นกรณีๆไปครับ...
     
  10. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    พี่ลินดา ต้องกลับมาไทย จะได้เห็นหนูใกล้ๆค่ะ

    จะโทรไปร้องเพลงให้ฟังค่ะ


    เชิญ มาเชียงรายเลยค่า พี่เกดขาหนูจะพาไปซื้อเครื่อง เพชร สัก ๓ กิโลค่า

    อ้อที่แท้ น้องวิชย์ คือ หนุ่มน้อยใส่แว่นผู้นั้นเอง เก่งมากที่เห็นพี่แล้วไม่ตะลึง นะคะ ๕๕๕๕
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ตอน ราคุๆ รักษาเนี่ย เสียงร้องจะเพราะมากครับ แอ้ อ๊าก ว๊าก เปรียบได้กับคนเห็นผี..
    ในขณะเดียวกัน หน้าตาก็สามารถเปลี่ยนได้ ถ้าอีกนิดเดียวคงจะกลับ
    ร่างเดิมเป็นแน่แท้ ดีว่าหมอปล่อยมือก่อน ๕๕๕
    น้องวิชย์ พ้นความตะลึง คุๆไปแล้ว เพราะว่ากำลังงงๆอยู่
    และในขณะเดียวกันนั้นก็พยายาม
    แปลภาษาแปลกๆที่ได้ยินผ่านทะลุแว่นตา เพื่อให้เป็นภาษาที่
    ใช้สื่อสารทางโลกได้นั่นเองไม่มีอะไร ๕๕๕๕
     
  12. วิชญ์24

    วิชญ์24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +6,276
    พี่นพครับ ผมพลาดไปครับ ลืม..ขอเรื่องกระแสที่ออกจากจิตให้มันขึ้น
    ไปเชื่อมข้างบน ครับ แต่คุยกับแฟนไว้แล้วจะไปอีกรอบครับ
    ขอบคุณครับ
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ของวิชย์ ต้องบอกอาจารย์ว่า
    ขอให้กระแสที่มันหมุนวนต้องท้องอ้อมไปข้างหลัง
    และกระแสที่มันหมุนวนตรงหน้าอกอ้อมไปด้านหลัง
    ให้มันมารวมขึ้นเป็นเส้นตรงเชื่อมกับกระแสที่มันหมุน
    ภายในศรีษะด้านบนและขึ้นไปข้างบนทั้ง ๓ สาม
    ส่วนนี้ที่มันแยกกันโดดๆให้มันรวมเป็นเส้นเดียวกันขึ้นข้างบนเน้อ...
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ครับ ช่วงที่พี่เกทรักษา กำลังดูคนที่ผ่านตำหนักทรงมาอยู่
    เสียดายเหมือนกันกลับมาดูไม่ทัน
     
  15. zipp

    zipp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +141
    จิตมีลักษณะรูปร่างคล้ายcontact lens ใช่หรือไม่ครับ(แวะผ่านมา)
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040

    แวะผ่านมาเด่วจัดให้ครับ อ่านดูก่อนนะครับจะเข้าใจได้เอง
    ตัวจิตเดิมๆเลยนะครับจะไม่มีรูปร่างครับ
    เรียกว่าไร้ขอบเขต และไม่มีสีด้วยครับ......
    ถ้าจิตยังมีรูปร่างแบบที่เราเห็นได้เป็นวงกลม..
    จะยังไม่พ้นระดับพรหมครับ คือยังจะติดอยู่ใน
    สติ ปัญญา สมาธิ กำลังจิต ตบะ ฌาน ญาณ
    กองบุญกองกุศล ฯลฯ อย่างใดอย่างหนึ่งอยู่
    แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีบารมีนะครับ
    ขึ้นอยู่กับว่าเดินมาทางสายไหน...
    ถ้าเรามองแบบเห็นแบบคล้ายๆตาแมวไปข้างหน้า
    หรือ จอ LCD จะเห็นรายละเอียดชัดไม่ชัดก็ตามนะครับ

    ไอ้ตัวที่เห็น ที่เราเข้าใจว่าเป็นจิตเห็น หรือเห็นออกจากตัวจิต
    ตัวที่ทำให้เราเห็นนั้นนั่นหละครับ
    เค้าเรียกว่าสติทางธรรม..ตรงนี้ถ้าเราแยกรูปธรรมกับนามธรรมได้
    หรือเข้าสมาธิได้ในระดับที่จิตกับกายแยกกันได้เด็ดขาดชั่วคราว
    หรือภาษาทางโลกเรียกว่า ฌาน ๔ เราถึงจะเข้าใจว่าตัวเรายังไม่มี
    สติทางธรรมและสติที่เรามีเป็นสติทางโลกๆ .ถ้าเราพัฒนามากกว่านี้
    คือมาเจริญสติในชีวิตประจำวันต่อจนกระทั่งตัวที่เราเข้าใจว่ามันเป็น
    ตัวเห็นออกจากจิตนั้น เราจะรู้ว่าเป็นสติทางธรรมที่มันจะทำให้เรา
    เริ่มมองเห็นตัวจิตของเราได้ครับ..
    และตัวสติทางธรรมถึงจะทำให้เราเห็นตัวจิตของเราได้
    ณ เวลานั้น เปรียบให้ง่ายๆเหมือนฝ่ามือ ตัวจิตเหมือนวงกลม
    คล้ายๆวงกลม ไม่จำเป็นต้องมีขอบชัดเจนเป็นวงกลม
    อาจมีประกายรอบๆได้ หรือมีสีอื่นๆ และไม่สีหรือสีใส
    ขึ้นอยู่กับสภาวะจิต ณ เวลานั้นๆ
    เราถึงจะเรียกได้ว่า เป็นคนมีสติทางธรรมหรือมีสติจริงๆ...
    ในโหมดท่องเที่ยวหรือโหมดพิเศษใดๆก็ตาม
    ประเภทที่ตัวจิต ไปถึงแล้วยังไม่รู้ว่าที่ไหน หรือไม่รู้เลย
    หรืออยู่ดีๆก็ไปโผล่เลย ในความหมายคือสติทางธรรม
    ยังไม่เพียงพอที่จะตามจิตทันนั้นเอง..ถ้าไม่เข้าใจตรงนี้
    แล้วไปยึดติด อยากรู้กับสิ่งที่เห็นจะกลายเป็นคนหลงตัวเอง
    เพราะจะไม่สนใจเรื่องสร้างสติทางธรรมกลับเดินปัญญาลด
    ละกิเลส จะใส่ใจกับสิ่งที่เห็นและอยากจะพัฒนาเครื่องรู้ใน
    การเห็นเท่านั้น ต่อไปจะเกิดอาการที่ทางปฏิบัติเรียกว่า เฝื่อ..
    คือจะแยกไม่ออกว่าอะไรจริงหรือไม่จริงนั้นเองครับ..
    ถ้าสติทางธรรมมี จิตจะไปไหนมันจะควบคุมไม่ให้จิตไป
    เรียกว่าจิตอยากออกจะไม่ให้ออก...
    และถ้าจิตมันจะออก ตัวจิตไปไหน สติทางธรรมมันจะไปด้วยตลอดเวลา...
    เพราะฉนั้นในโหมดท่องเที่ยว..จะรู้แม้กระทั่งระหว่างทางที่จะไปยังสถานที่นั้นๆ
    เพราะตัวสติทางธรรมมันตามตัวจิตทันนั่นเอง....
    เปรียบเหมือนในชีวิตปกติ หรือ ลืมตาใช้ชีวิตทั่วๆไปเช่นกัน..การส่งจิตออกนอก
    นั้น ตัวสติทางธรรมก็จะคอยควบคุมตัวจิตไม่ให้ส่งออกไปรับรู้
    หรือรับรู้แล้วก็คอยควบคุมไม่ให้เกิดความคิดอะไรประมาณนี้....
    แต่ส่วนมากเราจะขาดตัวสติทางธรรมตรงนี้ ซึ่งเป็นกันทุกคน และเป็นปกติ
    ทำให้เราส่งออกไปรับรู้ ไปปรุงแต่งอย่างรวดเร็ว..แต่เราบอกว่าเราไม่ได้
    ส่งออก ทั้งๆที่เราปรุงไปแล้ว เช่น แค่การไปรู้ว่านี่ คืออะไร เรียกว่าอะไร
    ยังไม่ต้องว่ามันส่งผลให้เกิดอารมย์อย่างไร หรือเราปรุงแต่งอย่างไร
    นี่ก็คือ การที่จิตมันส่งออกไปรวมแล้วโดยสติทางธรรมตามไม่ทันนั้นเองครับ...
    ปล.คนที่เรียกได้ว่า บรรลุ หรือเป็น โสดาบันขึ้นไปตามแต่จะเรียก
    เค้าดูตรงนี้ครับ..ไม่ได้ดูตามตำราว่า ต้องละโน้นละนี่ได้ นั้นเพื่อ
    เอาไว้ให้ดูเป็นแนวทางถึงข้อปฏิบัติที่สามารถทำให้เข้าได้เฉยๆ
    เค้าต้องดูว่าตัวจิตมันเริ่มโปร่ง โล่ง คลาย ไร้ขอบเขตในระหว่างวันได้แล้วหรือยังครับ..
    คือมันไม่มีอะไรมาเกาะตัวจิตเลย เค้าเหมารวมว่าอวิชชานั่นหละครับ
    ก็คือ ความไม่รู้ ไม่รู้ในที่นี้คือ ตัวจิตมันไม่ปล่อย สติ ปัญญญา สมาธิ กำลังจิต
    ตบะ ฌาน ญาณ กองบุญกองกุศล ฯลฯ ตัวใดตัวหนึ่งนั่นหละครับ.
    ทำให้ตัวพวกนี้มันยังตั้งและควบคุมจิตอยู่อีกชั้นหนึ่ง จิตเลยเป็นวงกลมอยู่.
    หรือพูดง่ายๆว่า ตัดตัววิญญาน ก็คือ ตัวออกไปรับรู้ ยังไม่ได้นั้นเอง...
    ส่วนท่านที่เป็น พระอรหันต์ ก็คือ ตัวจิตท่านจะตัดตัววิญญานที่ออกไปรับรู้
    เรื่องราวต่างๆทั้งหมด ทำให้ไม่มีอะไรมาเกาะจิตท่านได้เลยตลอดทั้งวัน
    แต่เรามักจะเข้าใจว่า ท่านรู้แต่ไม่ยึดนั่นหละครับ...
    ในทางกิริยาเกี่ยวกับจิตมันเป็นอย่างที่เล่าให้ฟังนั่นหละครับ
    การพัฒนาจิต ก็ดูกันตรงที่ว่า ในระหว่างวัน ตัวจิตเรามันคลายได้มากน้อย
    แค่ไหน ถ้าเริ่มได้ซักวินาที ก็แสดงว่าเราเริ่มเดินเข้ามาทางที่จะไม่มีอะไร
    มาเกาะตัวจิตเราได้นั่นเอง
    ส่วนทางโลกจะเรียกว่า ระดับโน้น ระดับนี้..
    ก็สุดแล้วแต่จะเรียกครับ แต่โดยมากมักจะเข้าใจไปเอง
    เนื่องจากมี ตัวปัญญาทางโลก ที่รู้อ่านมา.หรือพอมีสมาธิเล็กน้อย
    มีสัมผัสเล็กน้อย มีความสามารถแบบเล็กน้อย ไม่ว่าตัวใดตัวหนึ่ง ฯลฯ มันเกาะจิตอยู่ทั้งนั้น
    โดยที่ยังไม่คลายทั้งนั้นหละครับ..ที่มันทำให้เราเข้าใจไปเอง
    ว่าตนระดับโน้นนี่ ทั้งๆที่จิตไม่มีความสามารถในระดับใช้งานได้
    จิตไม่มีความเข้าใจนามธรรมในสิ่งที่ตนเห็น ที่ตนสัมผัสได้เอง
    และมันก็จะทำให้หลงตัวเองอย่างไม่รู้ตัวด้วยครับ..
    ตรงนี้ต้องระวังให้มากๆครับ ให้ดูสภาวะลืมตาปกติเป็นเกณฑ์
    ไม่งั้นจะเสร็จได้ครับ
    ซึ่งต่อไปการรู้ มันจะเป็นไปตามเนื้อหาเดิมแท้ของจิต
    ซึ่งก็แล้วแต่ว่าจิตดวงนั้นเคยสะสมบำเพ็ญอะไรมา
    ไม่ใช่การรู้โดยที่มีตัวต่างๆ คอยตั้งคอยคุมคอยบังจิตอยู่
    พวกที่จะเป็นอนาคามีได้ ระหว่างวันเรียกได้ว่า ตัวจิตคลายได้
    เกือบทั้งวันน้องๆอรหันต์แล้วครับ ระดับอื่นๆก็ลองไล่ดูเอาเอง...
    ถ้าเราเป็นคนที่สัมผัสนามธรรมได้บ้าง เอาแค่จิตเราคลายได้
    ระหว่างวันแค่ไม่กี่นาที สัมผัสรับรู้เราก็ดีขึ้น ความสามารถต่างๆ
    ก็จะดีขึ้นแบบก้าวกระโดดแล้วครับ..
    .นับอะไรกับระดับพระอรหันต์
    ที่จิตคลายได้ทั้งวัน..เป็นที่มาว่า ทำไมท่านถึงเหมือนกับรู้เกือบ
    ทุกๆเรื่องนั่นหละครับ เพราะมันรู้จากการที่จิตมันขยายออกกว้าง
    ไร้ขอบเขตนั่นหละครับ ระดับอื่นๆก็ไล่ๆดูเทียบลงมาเอาเองได้ครับ
    ปล.ประมาณนี้ครับ..
     
  17. zipp

    zipp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +141
    โล่ง แจ่มแจ้ง ขอบพระคุณท่านนพมากๆ สาธุครับ ขอกอปไปเก็บไว้
     
  18. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    สวัสดีค่ะท่าน จขกท. และทุก ๆ ท่านในกระทู้นี้ ดีใจจังเลยมีกระทู้ให้ถามแบบไม่อั้นอย่างนี้ พึ่งเข้ามาเจอค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2015
  19. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ขออนุญาติถามเลยนะคะ

    ที่สงสัยนะค่ะ อาการที่แบบว่า ความรู้สึกเหมือนเราไม่มีอะไรเลย แล้วก็มีแสงจากเล็ก ๆ ก่อน แล้วค่อย ๆ ขยายใหญ่แล้วก็โดนดูดเลยแบบไม่กี่วินาทีโดยไม่ทันตั้งตัว หรือไม่ก็จู่ ๆ อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ทันทีทันใดแบบไม่ทันตั้งตัว

    อันที่จริงรู้สึกชอบอาการไม่มีอะไรเลยแบบนี้มากเลยค่ะ มันแบบไม่มีอะไรเลย ไม่มีความคิดอะไรเลย (อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน) แต่ทำไมจะต้องเปลี่ยนโหมดไปอีกมิติหนึ่งทุกทีเลยด้วยคะ อยากอยู่กับอาการนี้นาน ๆ โดยไม่ต้องข้ามมิตินะค่ะ ทีเราฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังไม่ยักกะเป็นแบบนี้บ้าง ชอบมาตอนเผลอทุกทีค่ะ อย่างนี้ต้องเน้นฝึกสติแบบสุขวิปัสโกให้แข็งแรงก่อนใช่ไหมคะ

    ขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับทุกท่านที่ตอบค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2015
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040

    ดีแล้วครับที่เข้ามาเจอจะได้เล่าให้ฟังได้สดวกๆหน่อย
    และก็พอเข้าใจกิริยาที่เจอครับ..อาการโดนดูดแบบนี้เป็นปกติได้เกือบทุกคนครับ
    อาการทางจิตพวกนี้มันจะมาในสมาธิที่เฉียดฌาน ๔
    ส่วนตัวเรียกว่าฌาน ๔ หยาบหรือฌาน ๓ ละเอียดคือมันยังไม่ถึงกายกับจิตแยกกัน
    เด็ดขาดชั่วคราว แต่ว่าสมาธิมันก็สูงพอตัว
    และมันไม่ใช่สภาวะอุปจารสมาธิที่จิตเป็นทิพย์หรือ
    ระดับปฐมฌานที่สามารถเห็นแสงเห็นเส้นสายได้ด้วยนะครับ เ
    พราะในระดับอุปจารสมาธิทั่วไปมัน
    ไม่มีดูดแต่มันจะไปโผล่สถานที่นั้นๆเลยแบบไม่เห็นอะไรก่อน
    ยกเว้นว่าอนาคตจะพอมีกำลังจิตมันจะเห็นในระหว่างการเดินทางได้
    ส่วนปฐมฌานก็ไม่มีการดูดใดๆ พอมีความคิดได้และไม่หลุดจากอารมย์ด้วย
    และก็นั่งดูแสงสว่างอะไรไปเรื่อยเปื่อยพอให้ฮาเล่นๆ.๕๕๕๕


    สาเหตุที่เราโดนนิมิตรต่างๆดูดเนี่ย เพราะว่าเมื่อจิตเราก้าวขึ้นสู่สภาวะ
    สมาธิที่มันสูงขึ้นเรื่อยๆ ภาพนิมิตรที่ปรากฏให้เราเห็น จะเปรียบเสมือนเป็น
    สนามแม่เหล็กอย่างหนึ่งครับ คนที่เค้ารักษาภาพและรักษาระยะห่างภาพไว้ได้
    โดยไม่โดนดูด แล้วปั่นภาพนิมิตรได้ในระดับสมาธิขั้นนี้ เข้าถึงเกิดกำลังจิตได้
    หรือเป็นสภาวะที่จิตใช้ออกกำลังกาย เพื่อสร้างกำลังจิตให้เกิดขึ้นได้กับตัว
    จิตจริงๆนั้นเอง มันไม่เหมือนภาพในระดับสมาธิอื่นๆนะครับ แม้ว่าเปลี่ยนภาพได้
    แต่จิตกับไม่เกิดกำลังจิตเลย ส่วนตัวเรียกว่า เอาไว้ให้ซ้อมใช้งานหรือซ้อมทำเล่น
    เฉยๆ..แต่ตรงนี้หลายๆคนก็ยังหลงตัวเองได้ มีตัวอย่างให้เห็นเยอะแยะครับ..

    แต่คำตอบที่เข้าใจถึงวิธีแก้ก็ถือว่าถูกนะครับ เพราะมันต้องมาสร้างกำลังสติทางธรรม
    ด้วยการเจริญสติในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้น แม้กระทั่งช่วงเอี่ยวที่เรามักลืม เช่น
    เดินไปทำธุระในห้องน้ำ เดินไปทานข้าว หรือกิริยาอะไรที่ร่างกายทำเป็นปกติ
    จนชินเรามักจะขาดการเจริญสติช่วงนี้ ทำให้กำลังสติเรามันขาดช่วง กำลัง
    สมาธิและกำลังสติสะสมเลยไม่เพียงพอที่จะต้านนิมิตรอย่างที่เจอได้
    บ้างทีเป็นภาพพระนะครับ ถูกดูดเข้าไปข้างใน เหมือนอยู่ในอากาศก็มี ๕๕๕
    บางทีก็หลุดไปเหมือนอยู่ในจักรวาลมีแต่ดวงดาว แต่ทั้งในอากาศและในจักรวาล
    ซึ่งที่เหมือนกันก็คือ เราจะทำอะไรไม่ได้เลยนั่นหละครับ...
    แต่ว่าคุณ ทองชมพู กลับชอบ นั่นคือ สภาวะอรุปฌาน แบบไม่มีประโยชน์
    นะครับ ถ้าตายในสภาวะนั้น ซวยเลยนะครับ สภาวะพวกนี้บางนี้นอนๆอยู่
    มันก็เข้าถึงได้ แต่ที่เหมือนกันคือ มันทำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่พิจารณาอะไร
    ก็ไม่ได้ ออกมาก็ไม่มีพัฒนาการทางจิตอะไร.
    ที่พวกฤาษีบางกลุ่มสมัยก่อนเค้าหลงเข้าใจผิดคิดว่า
    นิพพานนั่นหละครับ

    และก็ควรฝึกสะสมกำลังสมาธิระหว่างวัน ทำสมาธิครั้งละไม่นานเอาแค่จิตสงบ
    เพื่อมาหนุนเวลาทำสมาธิแบบพิธีการ..มันถึงจะทำให้จิตเรา รักษาระยะห่างของ
    ภาพเอาไว้ได้ โดยที่ไม่โดนดูด เราจะรู้ได้เอง

    ถ้าเป็นภาพกสิณเราจะเหมือนมองจากข้างบน ถ้าเป็นภาพพระเราจะเงยหน้ามอง..
    ก็ขึ้นอยู่กับว่า ถ้าเราไม่โดนดูดแล้วถ้าเป็นกสิณเราปั่นปฎิภาคนิมิตรกสิณได้เราจะ
    ได้กำลังจิต หรือว่าถ้าเป็นภาพพระเรากำหนดให้ภาพพระหาย และให้ขึ้นมาใหม่
    และกำหนดให้หายใหม่ ขึ้นมาใหม่ และรักษาอารมย์ไว้ เราจะไปได้ทางอรูปฌาน..
    ถ้าเป็นแสงต่างๆ สว่างไสวมากๆ เรารักษาอารมย์ให้แสงค่อยๆจางลงแล้วก็ค่อยๆขึ้น
    มาสว่างเหมือนเดิมใหม่มันจะไปได้ทางวิชาเดินธาตุ...
    ทั้ง ๓ อย่างที่พูดมาก็สุดแล้วแต่ชอบ

    อย่าพึ่งรีบไปอฐิษฐานจิตเพื่อรับทราบเรื่องนั้นเรื่องนี้นะครับ
    เด่วมันจะไม่ได้กำลังจิต จะเสียโอกาส และอาจทำให้เราไปยึดติด
    เรื่องสัมผัสการรับรู้แบบภายในต่างๆ สร้างกำลังจิตให้ได้ก่อน
    เด่วการรับรู้ภายใน มันจะทำได้เองแบบลืมตาในขณะที่เราใช้ชีวิตปกติ
    ประจำวันได้เองตามลำดับของมันในอนาคตครับ.
    .
    ปล.เล่าไว้เพื่ออนาคตเลยครับ ๕๕๕
     

แชร์หน้านี้

Loading...