ติดตามสถานะการณ์

ทหารปฏิรูปประเทศไทย











วันที่ 31 พ.ค.58 เศษไม้เหลือทิ้งสามารถเอามาทำผนังบ้านได้
หลายคนมีเศษไม้ท่อนตัดทิ้งเป็นจำนวนมาก จะเอาไปเผาทำฟืนก็เสียดาย ในต่างประเทศเขาทำไม้ท่อนสั้นๆ รูปร่างต่างๆ เหล่านั้นมาโบกกับปูนทำเป็นผนังบ้านซะเลย สามารถรับน้ำหนักได้ดี กันความร้อน และมีลวดลายแปลกตา
ใครจะลองประยุกติ์ใช้ทำบ้าน หรือ รีสอร์ทหลังเล็กๆ เอาไว้นอนเล่น ก็ไม่น่าเสียหายอะไร ดีกว่าเอาไม้เผาไฟเสียไปเปล่าๆ ลดโลกร้อนด้วย
@ เสธ น้ำเงิน3 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารซาอุฯ เสียชีวิตและถูกจับเป็นเชลยหลายสิบคน
Category: News & Event Published on Monday, 01 June 2015 16:42 Written by Islamicstudiesth Team.



แหล่งข่าวในเยเมนได้รายงานการเสียชีวิตของทหารซาอุดิอาระเบียจำนวนหลายสิบคนในการโจมตีของกองทัพเยเมนและคณะกรรมการปฏิวัติไปยังฐานทหารของซาอุดิอาระเบีย

<iframe width="720" height="400" src="https://www.youtube.com/embed/YwZKQIV9h7I" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

อัลอาลัมรายงานว่า ฐานทหาร "อัลอัยนุลฮารเราะฮ์" ในเขตพื้นที่จังหวัด "อะซีร" ของซาอุดิอาระเบียได้ละทิ้งรถถัง 45 คัน รถฮัมเมอร์ (hummer) 55 คัน ปืนใหญ่และอุปกรณ์ทางทหารจำนวนมาก รวมทั้งจรวดอีก 465 ลูก

แหล่งข่าวเยเมนได้กล่าวว่า : ในการโจมตีของกองทัพเยเมนและกองกำลังของคณะกรรมการปฏิวัติไปยังฐานทหารของซาอุดิอาระเบียแห่งนี้ ทำให้ทหารซาอุฯ มากกว่า 50 คนเสียชีวิตและอีกกว่า 40 คน ถูกจับเป็นเชลย

ในขณะที่อุตสาหกรรมทางทหารของเยเมนได้เปิดตัวระบบขีปนาวุธใหม่ที่ถูกผลิตในประเทศนี้ซึ่งมีชื่อว่า "ซัลซาล"

อีกด้านหนึ่งแหล่งข่าวด้านความมั่นคงกล่าวว่า : การทิ้งระเบิดในพื้นที่ชายแดนของจังหวัดฮัจญะฮ์ทำให้พลเมืองของเยเมนเป็นชะฮีด 7 คน นอกจากนี้ผลจากการโจมตีของเครื่องบินรบของซาอุฯ ยังเขื่อนประวัติศาสตร์ของจังหวัดมะริบของเยเมน ทำให้มีผู้เป็นชะฮีด 2 คน และได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน

ที่มา : fa.alalam

จรวด "ซัลซาล" ผลงานชิ้นใหม่ล่าสุดที่ผลิตโดยเยเมน เพื่อใช้ต่อสู้กับกองทัพซาอุดิอาระเบีย

ทหารซาอุฯ เสียชีวิตและถูกจับเป็นเชลยหลายสิบคน

 

Thanong Fanclub



15. ศึกทะเลจีนใต้
หลังจากที่ทางCouncil on Foreign RelationsหรือCFRออกรายงานเรื่องRevising US Grand Strategy toward China ทางจีนมีการตื่นตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับเสนาธิการทหารทั้งหลายที่เข้าใจสัญญานจากทางสหรัฐที่ส่งออกมาว่าว่าต้องการทำสงครามกับจีนแล้ว
เพราะว่าในรายงานCFRเขียนชัดเจนว่าสหรัฐไม่ต้องการให้จีนผงาดบนเวทีโลก เพราะมองว่าจีนเป็นภัยต่อความเป็นมหาอำนาจแต่เพียงผู้่เดียวของสหรัฐ โดยที่สหรัฐจะร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการใช้กำลังทางทหารเพื่อที่จะหยุดยั้งอิทธิพลของจีน
เท่ากับว่าสหรัฐประกาศสงครามกับจีนแล้ว แม้ว่าจะไม่เป็นทางการก็ตาม
จีนให้น้ำหนักหรือความสำคัญของรายงานของCFRมาก เพราะรู้ดีว่าCFRคือเจ้าพ่อตัวจริงของสหรัฐ พูดอะไรไปทางรัฐบาลสหรัฐจะทำตาม
ระดับเสนาธิการและนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของทั้งปวงจึงต้องมีการประชุมระดมสมองกันอย่างเร่งด่วนเพื่อแสดงหลักนิยมทางทหารใหม่และท่าทีตอบโต้ เพราะว่ามาถึงจุดนี้แล้วจีนไม่สามารถจะตั้งรับได้อีกต่อไป ถ้าหากเลือกที่จะอยู่เฉยๆจะโดนยำใหญ่เหมือนที่รัสเซียโดนมาแล้ว
หลังจากระดมสมองกันเสร็จ ในวันที่5พฤษภาคม 2015 ทางกองทัพจีนได้จัดงานแถลงข่าวสมุดปกขาวเพื่อแสดงจุดยืนทางทหารของจีน ปรากฎว่าเราได้เห็นอย่างชัดเจนว่าจีนได้เปลี่ยนหลักนิยมทางทหารจากเชิงรับมาเป็นเชิงรุก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสนยานุภาพของกองทัพเรือของจีน ที่จะไม่ตั้งรับอย่างเดียวอีกต่อไป แต่จะเปลี่ยนเป็นปฏิบัติการในเชิงรุก
ในสมุดปกขาวจีนระบุว่าสหรัฐมีการเพิ่มขีดกำลังทหารในเอเชีย และญี่ปุ่นกำลังมีการปรับปรุงด้านทหารอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ (ฟิลิปปินส์และเวียดนาม)มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างบนเกาะอย่างผิดกฎหมายในทะเลจีนใต้ด้วยท่าทีที่ยั่วยุจีน
ด้วยเหตุนี้จีนจำต้องปกป้องผลประโยชน์ของจีนทางทะเล
ตีความระหว่างบรรทัดสหรัฐและญี่ปุ่นถูกระบุว่าเป็นศัตรูของจีน และทางกองทัพปลดแอกประชาชนของจีนได้ย้ำว่าจะเร่งเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือทางทหารกับรัสเซียให้ดียิ่งขึ้น
ในเมื่อสหรัฐประกาศสงครามกับจีนผ่านรายงานของCFR จีนก็รีบประกาศสงครามกับสหรัฐด้วยสมุดปกขาวอย่างทันควัน
นาทีนี้จีนมีความเตรียมความพร้อมทางทหารสูงมาก ไม่รู้สึกเกรงกลัวสหรัฐแต่ประการใด อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
thanong
1/6/2015
China issues first white paper on military strategy[1]- Chinadaily.com.cn

 

จากบทความเปิดโปงคริสตจักรโรมันคาทอลิค การที่อเมริกาแสดงความโหดถึงขนาดที่นายแมคเคนเป็นนักการเมืองระดับซาตาน บ้าคลั่งในการสงคราม ทำแต่เรื่องฉิบหายและสร้างหายนะให้กับประเทศอื่น เขาเสนอจัดตั้งกองทุนสงคราม$425ล้านเพื่อล่อให้ประเทศในอาเซี่ยนติดกับดักเอาเงินไปซื้ออาวุธสหรัฐแล้วไปรบกับจีนตายแทนสหรัฐก่อน หลังจากนั้นสหรัฐค่อยเข้ามาปิดเกม ทั้งๆ ที่เขาเป็นประเทศนับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งผมนับถือพระคริสต์ เพราะพระองค์เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ศาสนาที่พวกเขาแอบอ้างว่านับถือทุกวันนี้จริงๆ แล้วพวกเขานับถืออะไรกันแน่ จำข่าวเรื่อง พระเยซูคริสต์ไม่ได้ถูกตรึงกางเขน! ซึ่งตำรวจตุรกีได้ค้นพบและยึดพระคัมภีร์ซึ่งมีอายุประมาณ 1,500 ถึง 2,000 ปีจากกลุ่มผู้ลักลอบค้าของเถื่อนที่ต้องการจะขายคัมภีร์นี้ในราคา 27 ล้านดอลลาร์ บรรดานักค้นคว้าวิจัยยืนยันว่าพระคัมภีร์เล่มนี้เป็นต้นฉบับดั้งเดิมและตัวอักษรต่างๆ ของมันถูกเขียนด้วยทองคำ ยังมีต้นฉบับอื่นๆ ของพระคัมภีร์ไบเบิล (อินญีล) นี้ซึ่งมีอายุมากกว่าพันปีอยู่ในวาติกัน แต่วาติกันไม่อนุญาตให้มีการเผยแพร่และพบเห็นมันได้โดยสาธารณชน

ซึ่งความเชื่อเกี่ยวกับการถูกตรึงกางเขนของพระเยซูคริสต์นั้นเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในหมู่ชาวคริสต์ทั้งหมด แต่คัมภีร์อัลกุรอานได้ปฏิเสธความเชื่อเช่นนี้อย่างเต็มที่ และชาวมุสลิมเชื่อว่า ยูดาห์ (Judah) ผู้เป็นน้องชายของพระเยซูที่มีความละม้ายคล้ายคลึงกับพระเยซูได้ถูกตรึงกางเขนแทน และเปาโลซึ่งกล่าวอ้างว่าพระเยซูถูกตรึงกางเขนนั้น คือผู้รู้ชาวยิวคนหนึ่งที่ได้คอยกลั่นแกล้งและทำร้ายชาวคริสต์มาตั้งแต่ต้น และมีการกล่าวอ้างว่าเขาได้กลับตัวกลับใจในภายหลัง ถ้าคัมภีร์ดังกล่าวถูกต้องบุคคลที่เราเชื่อว่าเป็นพระคริสต์ที่ถูกตอกหมุดอยู่เป็นกางเขนก็เป็นผู้ต่อต้านพระคริสต์ และทุกวันนี้ชาวโลกได้ไปนับถือผู้ใดอยู่กันแน่ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่อเมริกาจะชอบทำสงคราม

หมายเหตุ

ซึ่งส่วนหนึ่งของคัมภีร์นี้ได้ระบุว่า แต่ทว่าเขา (ผู้ตาย) ถูกทำให้เหมือน (อีซา) แก่พวกเขา

ในโองการที่ 157 ของซูเราะฮ์ (บท) อันนิซาอ์ได้กล่าวว่า

وَقَوْلِهِمْ إِنَّا قَتَلْنَا الْمَسِيحَ عِيسَى ابْنَ مَرْيَمَ رَسُولَ اللَّهِ وَمَا قَتَلُوهُ وَمَا صَلَبُوهُ وَلَٰكِن شُبِّهَ لَهُمْ وَإِنَّ الَّذِينَ اخْتَلَفُوا فِيهِ لَفِي شَكٍّ مِّنْهُ مَا لَهُم بِهِ مِنْ عِلْمٍ إِلَّا اتِّبَاعَ الظَّنِّ وَمَا قَتَلُوهُ يَقِينًا

"และคำพูดของพวกเขาที่ (กล่าว) ว่า แท้จริงพวกเราได้ฆ่าอัล-มะซีห์ อีซาบุตรของมัรยัม ศาสนทูต (ร่อซูล) ของอัลลอฮ์ และพวกเขาหาได้ฆ่าอีซาและหาได้ตรึงเขาบนไม้กางเขนไม่ แต่ทว่าเขา (ผู้ตาย) ถูกทำให้เหมือน (อีซา) แก่พวกเขา และแท้จริงบรรดาผู้ที่ขัดแย้งในตัวเขานั้น แน่นอนย่อมอยู่ในความสงสัยเกี่ยวกับเขา พวกเขาหามีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไม่ นอกจากการยึดถือตามการคาดเดาเพียงเท่านั้น และพวกเขามิได้ฆ่าเขา (อีซา) ด้วยความแน่ใจ"


พระเยซูคริสต์ไม่ได้ถูกตรึงกางเขน!

 

Thanong Fanclub







17. ศึกทะเลจีนใต้
ในทางการเงินแล้ว จีนเป็นฟองสบู่ไม่แตกต่างจากประเทศทางตะวันตกเลย อาจจะเป็นมากกว่าด้วยซ้ำ เรียกว่าละเลงสงครามฟองสบู่การเงินใส่กันอย่างเต็มที่
กราฟ #1 แสดงให้เห็นว่าธนาคารกลางของจีนมีการขยายงลบดุลอย่างมหาศาลเพื่อที่จะปั๊มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินและเศรษฐกิจ มันเป็นเกมการเงินล้วนๆ ในเมื่อตะวันตกปั๊มเงินได้ จีนก็ปั๊มได้เหมือนกันไม่ให้น้อยหน้า
ธนาคารกลางของจีนเพิ่มงบดุล$15ล้านล้านกว่าในรอบ5ปีที่ผ่านมา เทียบกับธนาคารกลางของสหรัฐ$3.9ล้านล้าน ธนาคารกลางของยุโรป$3.2ล้านล้าน ธนาคารกลางของญี่ปุ่น$2.1ล้านล้าน และธนาคารกลางของอังกฤษ$0.6ล้านล้าน
การเพิ่มงบดุลเป็นการเพิ่มหนี้เข้าไปในระบบการเงินนั้นเอง แข่งกันดันจีดีพีเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจล้มหรือมีปัญหา เกมนี้ใครสายป่านยาวกว่ากันจะได้เปรียบ ในเมื่อเฟดของสหรัฐ อีซีบีของยุโรป แบงค์ออฟจาแปนและแบงค์ออฟอิงแลนด์ฮั้วกันปั๊มเงิน ถ้าจีนไม่เล่นด้วยจะเสียเปรียบ เพราะว่ายังไงต้องมีการรีเซ็ทระบบเพื่อเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ เพราะว่าทุกฝ่ายรู้ดีว่าหนี้ที่สร้างมาไม่มีทางจ่ายคืนได้
กราฟ#2 แสดงให้เห็นว่าระบบแบงค์ของจีนมีขนาดใหญ่กว่าระบบแบงค์ของสหรัฐแล้วถ้านับกันตามขนาดของทรัพย์สิน ระบบแบงค์จีนมีทรัพย์สินรวมกัน$30ล้านล้าน ส่วนระบบแบงค์ของสหรัฐมีทรัพย์สินรวมกันแค่$15ล้านล้าน
แสดงว่าจีนเล่นฟองสบู่การเงินอย่างเต็มที่เพื่อไล่ให้ทันเกมการเงินสหรัฐ ใครดีใครอยู่
กราฟ#3 ชี้ให้เห็นว่าในเมื่อเล่นกับหนี้ ก็ต้องมีหนี้สูง จะจ่ายกันอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จีนมีหนี้โดยรวม 282%ต่อจีดีพี เทียบกับเกาหลีใต้286%ต่อจีดีพี ออสเตรเลีย274% ต่อจีดีพี สหรัฐ269%ต่อจีดีพี เยอรมัน258% ต่อจีดีพี แคนาดา247%ต่อจีดีพี
เล่นเป่าฟองสบู่การเงินกันทั้งนั้น สงครามฟองสบู่การเงินมักจะมาก่อนสงครามจริงเสมอ เมื่อคนที่ล้มก่อนไม่ยอมแพ้
thanong
1/6/2015
http://www.zerohedge.com/…/why-china-so-desperate-blow-most…

 

Thanong Fanclub



18. ศึกทะเลจีนใต้
จีนส่งพลเรือเอกซุน เจี้ยนกว๋อ รองเสนาธิการใหญ่แห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีนเป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุมเรื่องความมั่นคงในภูมิภาคShangri-la Dialogueที่สิงคโปร์ เพื่อชนกับAston Carterรมว กลาโหมของสหรัฐ
จุดยืนของจีนมั่นคง จะเดินหน้าในทะเลจีนใต้ต่อไป พลเรือเอกซุนบอกว่าจีนจะไม่ยกเลิกการสร้างเกาะเทียมในทะเลจีนใต้ เพราะว่าดินแดนนั้นอยู่ในอำนาจอธิปไตยของจีน หมายความว่าจีนไม่สนใจข้อเรียกร้องของนายขี้เถ้า คาร์เตอร์ที่ต้องการให้จีนยุติการสร้างสิ่งปลูกสร้างทุกอย่างบนเกาะทะเลจีนใต้เพื่อเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่งั้นสหรัฐจะส่งกองทัพเรือและกองทัพอากาศมาลาดตระเวณ
พูดกันคนละขั้วเลย
ข่าวจากผู้จัดการออนไลน์มีรายละเอียดดังนี้:
"จีนปฏิเสธข้อเรียกร้องนายใหญ่เพนตากอนให้ยุติการสร้างเกาะเทียมในทะเลจีนใต้ ย้ำเป็นสิทธิอธิปไตยของตน และทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม นอกจากนั้นยังระบุว่า เรื่องการตั้งเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) นั้น จะขึ้นอยู่กับว่า จะมีการคุกคามความมั่นคงทางทะเลและอากาศในบริเวณดังกล่าวหรือไม่
พลเรือเอกซุน เจี้ยนกว๋อ รองเสนาธิการใหญ่แห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน กล่าวในงานประชุมสุดยอดด้านความมั่นคง “แชงกรีลา ไดอะล็อก” ที่สิงคโปร์เมื่อวันอาทิตย์ (31 พ.ค.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของงานว่า สถานการณ์ในทะเลจีนใต้โดยรวมมีความสงบและมีเสถียรภาพ รวมทั้งไม่เคยมีปัญหาด้านเสรีภาพในการเดินเรือแต่อย่างใด
“จีนดำเนินการก่อสร้างบนเกาะและแนวปะการังบางแห่งในทะเลจีนใต้โดยมีจุดประสงค์สำคัญเพื่อปรับปรุงให้เกาะและแนวปะการังเหล่านี้มีความเหมาะสมแก่การใช้งาน ตลอดจนเพื่อให้เหมาะสมแก่การปฏิบัติงานและการดำรงชีพของบุคลากรที่ประจำอยู่ในพื้นที่เหล่านั้นเป็นหลัก
“นอกเหนือจากเพื่อตอบสนองความจำเป็นด้านการป้องกันแล้ว โครงการเหล่านั้นยังมุ่งส่งเสริมความรับผิดชอบและพันธะความผูกพันต่างๆ ที่จีนมีต่อนานาชาติ เกี่ยวกับการค้นหาและกู้ภัยทางทะเล การป้องกันภัยพิบัติและการบรรเทาทุกข์ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในทะเล การสังเกตการณ์ด้านอุตุนิยมวิทยา การปกป้องสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยในการเดินเรือ การประมง การผลิต และบริการ”
จีนนั้นยืนกรานเรื่อยมาว่ามีสิทธิอธิปไตยเหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด โดยอ้างอิงหลักฐานทางประวัติศาสตร์และกฎหมาย โดยที่ซุนย้ำว่า ปักกิ่งจัดการกับข้อพิพาททางทะเลกับเพื่อนบ้านที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ด้านความมั่นคงทางทะเลของส่วนรวมเป็นสำคัญ รวมทั้งใช้ความอดกลั้นอย่างมากเพื่อส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพภายในภูมิภาคและของโลก และหวังว่า ประเทศที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการในทิศทางเดียวกันเพื่อทำให้ทะเลจีนใต้เป็นทะเลแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือ
อย่างไรก็ดี การถมทะเลสร้างเกาะเทียมของจีนทำให้มีการคาดการณ์กันว่า ปักกิ่งจะประกาศ ADIZ เหนือทะเลจีนใต้
พล.ร.อ. ซุน เจี้ยนกว๋อ รองเสนาธิการใหญ่กองทัพปลดแอกประชาชนจีน ขึ้นเวทีในการประชุมด้านความมั่นคง “แชงกรีลา ไดอะล็อก” เมื่อวันอาทิตย์
ซุนย้ำว่า ไม่มีเหตุผลที่ประเทศต่างๆ จะนำสถานการณ์ในทะเลจีนใต้มาเป็นประเด็น และเสริมว่า การประกาศจัดตั้ง ADIZ หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการคุกคามทางอากาศและทางทะเล
คำแถลงของซุนเป็นการตอบโต้การแสดงความคิดเห็นในเวทีเดียวกันของแอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เมื่อวันเสาร์ (30) ที่เรียกร้องให้ทุกประเทศที่อ้างสิทธิ์ในทะเลจีนใต้ ยุติการถมทะเลทันที และว่า ปักกิ่ง “ล้ำเส้น” บรรทัดฐานสากลจากพฤติกรรมในน่านน้ำที่มีข้อพิพาท
นายใหญ่เพนตากอนยอมรับว่า ประเทศที่อ้างสิทธิ์รายอื่นๆ มีการสร้างค่ายทหารและถมทะเลเหมือนกัน แต่เขาบอกว่ามีประเทศเดียวคือจีนที่เดินหน้าโครงการนี้อย่างรวดเร็วและกว้างขวางที่สุด นั่นคือ 2,000 เอเคอร์ ซึ่งมากกว่าโครงการของทุกประเทศรวมกัน และมากกว่าที่ประเทศใดๆ ในภูมิภาคเคยดำเนินการมา ที่สำคัญจีนยังดำเนินการในช่วง 19 เดือนที่ผ่านมาเท่านั้น
ด้านปักกิ่งกล่าวหาวอชิงตันทำการยั่วยุสร้างสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ ทั้งนี้ในรอบเดือนที่ผ่านมา กองทัพจีนได้สั่งให้เครื่องบินตรวจการณ์ พี-8 โพไซดอนของกองทัพเรือสหรัฐฯ ออกไปจากบริเวณเหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์ แต่ไม่เป็นผล
เกี่ยวกับเรื่องนี้ คาร์เตอร์กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า เครื่องบินและเรือรบสหรัฐฯ จะยังคงตรวจการณ์ในบริเวณที่เชื่อว่า เป็นน่านน้ำสากลในทะเลจีนใต้ต่อไป
เช่นเดียวกัน เควิน แอนดริวส์ รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล จากด้านนอกงานประชุมว่า แคนเบอร์ราจะทำแบบเดียวกับวอชิงตัน เนื่องจากเป็นแนวทางที่ยึดถือปฏิบัติมานาน
สำหรับตัวแทนจากประเทศที่อ้างสิทธิ์ในทะเลจีนใต้ รวมถึงประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยุโรป ต่างเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้น
นอกจากนี้ อึ้ง เอง เฮน รัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ และไมเคิล ฟัลลอน รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ ตลอดจน เฟเดอริกา โมเกรินี ประธานด้านนโยบายการต่างประเทศ แห่งสหภาพยุโรป ยังย้ำข้อเรียกร้องของคาร์เตอร์ให้จีนและสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) รับรองแนวทางปฏิบัติที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย ในน่านน้ำที่มีข้อพิพาทโดยเร็วที่สุด
ขณะที่ เกน นากาทานิ รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น พันธมิตรของอเมริกาที่มีข้อพิพาทด้านอธิปไตยกับจีนในทะเลจีนตะวันออก กล่าวว่า จีนควรนำข้อคิดเห็นจากนานาชาติในการประชุมนี้กลับไปทบทวนเพื่อดำเนินการในฐานะประเทศที่เป็นสมาชิกประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากประเทศอื่นๆ ว่า สันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคจะไม่ถูกทำลาย
thanong
1/6/2016
ภาพประกอบ: พล.ร.อ. ซุน เจี้ยนกว๋อ (ซ้าย) รองเสนาธิการใหญ่กองทัพปลดแอกประชาชนจีน หัวหน้าคณะผู้แทนของจีน สนทนากับ รัฐมนตรีกลาโหม แอชตัน คาร์เตอร์ ของสหรัฐฯ (ขวา) ระหว่างงานเลี้ยงอาหารกลางวันเมื่อวันเสาร์ (30 พ.ค.) ในงานประชุมสุดยอดด้านความมั่นคง “แชงกรีลา ไดอะล็อก” ที่สิงคโปร์
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…

 

Thanong Fanclub



19. ศึกทะเลจีนใต้
ในเมื่อใช้ไม้แข็งบีบไทยให้ยอมให้สหรัฐใช้อู่ตะเภาเป็นฐานทัพเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับจีนไม่ได้ สหรัฐหันมาใช้ไม้อ่อนแทน โดยพยายามพูดดีกับตัวแทนฝ่ายไทยนำโดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม
ในเวที “แชงกรีลาไดอะล็อก”ที่จัดขึ้นที่สิงคโปร์ระหว่างวันที่29-31 พฤษภาคม 2015
หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์รายงานว่า:
"สหรัฐกลับลำ 360 องศา ยาหอมไทยทุกเรื่องในเวที “แชงกรีลาไดอะล็อก” ที่สิงคโปร์ หวังดึงพันธมิตรเก่าลดแรงจีนสยายปีก ถึงขั้นให้ “เกล็น เดวีส์” ว่าที่เอกอัครราชทูตสหรัฐเรียนภาษาไทย อ่านสี่แผ่นดิน เผยนานาประเทศหนุนรัฐบาล “ลุงตู่” เดินหน้าสางปัญหา
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมแชงกรีลาไดอะล็อก ครั้งที่ 14 ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีบุคคลสำคัญด้านความมั่นคง รวมทั้งผู้บัญชาการเหล่าทัพจากประเทศต่างๆ กว่า 30 ประเทศ เข้าร่วมประชุมว่า:
“นายแอชตัน คาร์เตอร์ รมว.กลาโหมของสหรัฐ ได้กล่าวต่อที่ประชุมชื่นชมบทบาทของไทยถึงความร่วมมือช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติในเนปาล ความตั้งใจในการแก้ปัญหาทำประมงผิดกฎหมาย ความร่วมมือสนับสนุนการฝึกคอบร้าโกลด์ และความริเริ่มมีบทบาทนำในการจัดประชุมการช่วยเหลือการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย”
พล.ต.คงชีพกล่าวอีกว่า พล.อ.ประวิตรพร้อมคณะยังได้หารือกับ รมว.กลาโหมประเทศต่างๆ ทั้งนายเดวิด เชียร์ ผู้ช่วย รมว.กลาโหมสหรัฐ ซึ่งได้กล่าวขอบคุณไทยที่สนับสนุนและให้ความร่วมมือในการฝึกคอบร้าโกลด์ การสนับสนุนสนามบินอู่ตะเภาเพื่อจัดตั้งศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติไทย-สหรัฐ เพื่อเนปาล การริเริ่มจัดประชุมร่วมกับประเทศต่างๆ ในเรื่องโรฮีนจา รวมถึงการจัดตั้งศูนย์อำนวยการลาดตระเวนเพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งแสดงถึงมิตรภาพความสัมพันธ์และความร่วมมือไทย-สหรัฐ ในภูมิภาคนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมดังกล่าวเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการแสดงนโยบายด้านความมั่นคงของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะกับสหรัฐ ซึ่งการประชุมปีที่แล้วสหรัฐมีการโจมตีจีนอย่างหนัก แต่ครั้งนี้ได้เตือนจีนในเรื่องของการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือเกาะเทียมที่สร้างขึ้นจากการถมทะเลในทะเลจีนใต้ รวมทั้งเรียกร้องให้ประเทศที่อ้างกรรมสิทธิ์ยุติการสร้างเกาะและนำสิ่งต่างๆ ไปประจำการอย่างทันทีและถาวร
ในขณะที่ Zhao Xiao Zhuo ผู้แทนอาวุโสของจีน กล่าวนอกรอบการประชุมยืนยันว่า การดำเนินการของจีนเป็นสิ่งสร้างสรรค์ ไม่ส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการเดินเรือและการบินผ่านในทะเลจีนใต้
ด้านดาโต๊ะซรี ฮิชามมุดดิน ตุน ฮุสเซน รมว.กลาโหมมาเลเซีย ระบุว่า ปัญหาในทะเลจีนใต้อาจขยายตัวเป็นหนึ่งในความขัดแย้งที่รุนแรงมากที่สุด หากไม่ใช้ความระมัดระวังในการแก้ไขปัญหา
ขณะที่นายลีเซียนลุง นายกฯ สิงคโปร์ ได้ให้ความสำคัญไปเรื่องการแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายของกลุ่มไอเอส ว่าอาจจะเป็นภัยคุกคามต่อทั้งภูมิภาค เพราะในสิงคโปร์ก็มีคนไปร่วมกับกลุ่มไอเอสแล้ว
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของไทยที่ติดเกาะการประชุมครั้งนี้ วิเคราะห์ท่าทีของสหรัฐว่า สหรัฐยังคงโจมตีนโยบายด้านความมั่นคงของจีนเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เน้นไปที่เรื่องการสร้างฐานทัพขนาดเล็กของจีน แต่ที่น่าสนใจคือท่าทีของสหรัฐกับชาติในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะกับไทย กลับมีนัยสำคัญ เพราะการประชุมในปีที่แล้ว สหรัฐพาดพิงถึงไทยกรณีกองทัพเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และวิพากษ์วิจารณ์หลักนิติรัฐ นิติธรรมในไทยอย่างหนัก แต่ครั้งนี้ รมว.กลาโหมสหรัฐกลับพูดถึงไทยในทิศทางที่เป็นบวก
“การพูดถึงไทยในเชิงบวกเป็นการเปลี่ยนท่าทีของสหรัฐที่มีต่อไทยหลังก่อนหน้านี้พยายามกดดันรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาตลอด ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากนโยบายใหม่ของสหรัฐที่ต้องการ Rebalance ประเทศในเอเชีย โดยเป็นการใช้เรื่องการช่วยเหลือประเทศในอาเซียนแล้วแฝงเรื่องการทหารเข้าไป ซึ่งท่าทีของสหรัฐที่มีต่อไทยในเชิงบวกเป็นการพยายามรักษาพันธมิตรเดิมในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะสองชาติในอาเซียนอย่างไทยและฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ตั้งแต่สมัยสงครามเย็น ซึ่งหากสหรัฐต้องการกลับมามีบทบาทในอาเซียนก็จำเป็นต้องรักษาพันธมิตรเดิมเอาไว้ก่อน” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวยังชี้ว่า ที่ผ่านมาสหรัฐได้สร้างข้อกินแหนงแคลงใจกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ค่อนข้างมาก ทำให้จีนเริ่มเข้ามาแทนที่ ดังนั้นเมื่อต้องการกลับมาสหรัฐจึงจำเป็นต้องพูดในเชิงบวก แม้แต่นายเกล็น เดวีส์ ว่าที่เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำไทยคนใหม่ แทนนางคริสตี เคนนีย์ ซึ่งได้พ้นวาระดำรงตำแหน่งไปเมื่อปลายเดือน ต.ค.2557 ก็มีการไปเรียนภาษาไทย ศึกษาวัฒนธรรม และถึงขั้นเอาหนังสือสี่แผ่นดินฉบับภาษาอังกฤษไปอ่าน เพื่อให้เข้าถึงวัฒนธรรมคนไทยมากที่สุดก่อนส่งมาประเทศไทย เพราะนโยบายของสหรัฐในเอเชียตอนนี้คือ แย่งชิงอิทธิพลกับจีน โดยเน้นรักษาพันธมิตรเก่าแก่ และขยายพันธมิตรใหม่ๆ ที่มีปัญหากับจีน"
***********************************************************************
สหรัฐใช้ไม้แข็งกับไทยแล้วไม่สำเร็จ ตอนนี้กำลังใช้ไม้อ่อน ถ้าไม่สำเร็จแล้วจะใช้ไม้อะไรต่อ ต้องติดตาม เพราะว่าจะเผชิญหน้ากับจีนทางทหารในแปซิฟิคไม่ได้ไทยเป็นฐานจะเคลื่อนไหวกำลังพลลำบาก ไทยจึงเป็นตัวแปรที่สำคัญยิ่งทางยุทธศาสตร์ในศึกทะเลจีนใต้
thanong
1/6/2015
http://www.thaipost.net/…

 

Thanong Fanclub



20. ศึกทะเลจีนใต้
สหรัฐบีบไข่ประเทศใดในอาเซี่ยนมากที่สุดเวลานี้เพื่อให้ช่วยสหรัฐในศึกทะเลจีนใต้?
คำตอบคือไทยน่าจะโดนบีบไข่หนักมากที่สุด และรองลงมาคือมาเลย์เซียเพื่อต้อนให้เข้าเป็นบริวารประเทศในการปิดล้อมจีนในศึกทะเลจีนใต้
ในอาเซี่ยนที่เห็นด้วยกับจีนมากที่สุดคือกัมพูชาเวลานี้ โดยกัมพูชาพูดชัดเจนว่าเรื่องข้อขัดแย้งในทะเลจีนใต้อาเซี่ยนไม่ควรเข้าไปยุ่ง ให้จีนและประเทศที่มีข้อพิพาทกับจีนเจรจาตกลงกันเองเพราะว่ามันเป็นเรื่องระหว่างประเทศ
ลาวเป็นประเทศเล็กไม่น่าจะเป็นปัจจัยที่สำคัญ
พม่าอยู่ห่างออกไปและน่าจะยังคงอยู่ฝั่งจีน ถึงแม้ว่าสหรัฐพยายามใช้ซูจีเพื่อเข้าไปมีอิทธิพลในพม่าอยู่ บริเวณชายแดนจีนและพม่ามีการปะทะกันอยู่ ไม่รู้ว่าใครเป็นมือที่3 สงสัยน่าจะเป็นเจ้าเก่า
ฟิลิิปินส์มีปัญหากับจีนมากที่สุดเวลานี้ เพราะว่าสหรัฐหนุนหลังเต็มที่ในข้อพิพาทอำนาจอธิปไตยเหนือเกาะในทะเลจีนใต้
ที่มีปัญหากับจีนรองลงมาคือเวียดนามที่เอาสหรัฐเข้ามายันจีนด้วย แต่อย่างไรเสียเวียดนามก็เป็นประเทศคอมมิวนิสต์ด้วยกันกับจีน ท้ายที่สุดแล้วยังพอจะพูดภาษาเดียวกันได้ เวียดนามมีสัมพันธ์ดีมากที่สุดกับรัสเซีย เป็นศัตรูกับสหรัฐ และไม่ไว้ใจจีน แต่จำต้องเอาสหรัฐมาคานจีนในเรื่องข้อพิพาททะเลจีนใต้
สิงคโปร์เป็นฐานทัพและฐานการเงินของสหรัฐอยู่แล้ว จึงไม่ต้องอธิบายมากว่าจีนไม่ไว้ใจสิงคโปร์ที่สุด
ส่วนอินโดเนเซียนิ่งเงียบมาก เงียบจนผิดปกติ เพราะว่าเป็นประเทศใหญ่ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในทะเลจีนใต้โดยตรง แต่ดูๆไปแล้วอินโดเนเซียน่าจะยอมเป็นฐานทัพให้สหรัฐในที่สุด เพราะว่ามีสัมพันธ์กับสหรัฐมานาน จีนยังแทรกเข้าอินโดเนเซียไม่ได้
ย้อนกลับมาที่มาเลย์เซีย คงจำเรื่องเครื่องบินสายการบินมาเลย์MH370ที่ล่องหนหายตัวได้ เรื่องนี้มีเงื่อนงำมาก เป็นปฏิบัติการทางทหารที่ทางมาเลย์เซียจะบอกปัดว่าไม่รู้เรื่องไม่ได้ และสหรัฐที่คุมเชิงย่อมต้องรู้เห็น ถ้าหากMH370ถูกจีนหรือรัสเซีย หรือประเทศอื่นที่ไม่ได้เป็นพันธมิตรของสหรัฐจี้ไป ป่านนี้เรื่องราวต้องออกมาใหญ่โต สื่อตะวันตกต้องตามแกะรอย ข้อมูลดาวเทียมมีให้เช็คได้หมด
แต่MH370จนป่านนี้ยังไร้ร่องรอย อาจจะเป็นรอยด่างที่จะบีบให้มาเลย์เซียยอมปิดล้อมจีนก็ได้ด้วยการปิดช่องแคบมะละกา เพราะว่าถ้าสหรัฐคุมช่องแคบมะละกาได้ โดยที่อินโดเนเซียและมาเลย์เซียยอมให้ความร่วมมือ จีนจะอยู่ในฐานะที่ลำบากมาก
ยิ่งถ้าอินเดียยังสวมบทตาอยู่ คุมเชิงในมหาสมุทรอินเดียด้วย จีนจะโดนล้อมกรอบเกือบจะสนิทในเอเซีย
จะเห็นได้ว่ามาเลย์เป็นเจ้าภาพประชุมซัมมิทในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ออกแถลงการณ์ร่วมอาเซี่ยนบีบจีนมากในเรื่องทะเลจีนใต้ โดยนายกมาเลย์เซีย นายน่าจีบบอกว่าอาเซี่ยนมีจุดยืนที่จะเจรจากับจีนเรื่องนี้ในการหาทางออกทางการเมือง โดยที่สุดยืนของจีนคือขอเจรจาเรื่องข้อพิพาททะเลจีนใต้กับประเทศที่มีปัญหากับจีน ไม่ขอคุยกับองค์กรอาเซี่ยน
ส่วนไทยแลนด์โดนสหรัฐบีบข้างบนข้างล่างจนไข่น่วมหมดแล้ว ถ้าเป็นสมัยนายกปูจะไม่มีปัญหาเลย เพราะว่าปูและปึ๊งว่านอนสอนง่ายพร้อมยกประเทศไทยให้สหรัฐอยู่แล้ว อยากจะใช้สนามบินหรือฐานทัพเรืออู่ตะเภาก็เชิญ แต่พอเปลี่ยนมาเป็นบิ๊กตู่เรื่องเลยพลิก เพราะว่าทหารไทยคิดไปคิดมายกประเทศให้สหรัฐมีแต่จะตายกับตาย อยู่ดีๆไม่ชอบ ไปเป็นศัตรูกับจีนทำไม ค้าขายกันดีๆอยู่แล้ว ยิ่งถ้าต่อไปสหรัฐเพลี้ยงพล้ำ ทิ้งพันธมิตรให้โดดเดี่ยว จะมิพากันโดนจีนสอยร่วงกันหมดทุกรายหรือ สหรัฐมีแต่จะเอาอย่างเดียว
จึงเป็นที่มาของการที่สหรัฐขอใช้อู่ะเภาในเรื่องการช่วยเหลือผุ้ประสบภัยพิบัติ เข้ามาภูเก็ตทั้งเรือรบกับเรือดำน้ำนิวเคลียร์เพื่อช่วยพวกโรฮิงญา ทั้งๆที่สหรัฐไม่แคร์พวกโรฮิงญาเลยว่าจะเป็นหรือจะตาย พวกผู้อพยพในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจากลิเบียตายไปมาก ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ในตะวันออกกลางที่สหรัฐเข้าไปทำสงคราม ตายกันวันละเป็นพัน ก็ไม่เป็นจะสนใจไยดีอะไร แล้วจู่ๆจะมาห่วงชาวเนปาล หรือพวกโรฮิงญามันดูไม่เสแสร้งมากเกินไปหรือ
พูดง่ายๆ สหรัฐต้องการแย่ว่าขอใช้สนามบินและท่าเรือบ้านเราเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์หลักในทะเลจีนใต้ ต้องการดูทีท่าว่าเราจะปฏิเสธหรือยอมรับอย่างไร ทางฝ่ายบิ๊กตู่เล่นเกมใช้ได้ อยากช่วยเหลือทางมนุษยธรรมก็เชิญ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไทยต้องคอยประกบดูแลด้วย เวลาจะเข้าจะออกเราต้องรู้ เสร็จกิจแล้วก็ต้องเชิญออกไป เพราะว่านี้คือบ้านเรา
เล่นมุกนี้สหรัฐเป็นใบ้เดินต่อไม่เป็น พยายามเก็บอาการ และพูดจาดีด้วยกับไทยให้เปลี่ยนใจ ถ้าท้ายที่สุดไทยไม่ยอมเป็นบริวารประเทศ เห็นทีไทยจะได้เห็นปฏิวัติสีอีก(Colour Revolution)ครั้งหนึ่ง เพราะว่าสหรัฐเป็นผู้ผูกขาดการส่งออกการปฏิวัติสีไปทั่วโลก เพื่อล้มรัฐบาลที่ไม่ยอมให้สหรัฐได้ประโยชน์
เรื่องอาเซี่ยนที่ดูสลับซับซ้อน แท้ที่จริงแล้ว มันมีแค่นี้จริงๆ
thanong
1/6/2015

 

Kaokala Fc
1 มิ.ย. 'คาร์เตอร์'เยือนเวียดนามถกถมเกาะ



"แอช คาร์เตอร์" รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐพบ "ฟุ่ง กวาง แทงห์" รัฐมนตรีกลาโหมเวียดนามที่กรุงฮานอย หารือล้วงลึกกรณีพิพาททะเลจีนใต้ หลังสหรัฐจี้ทุกฝ่ายยุติการแปรสภาพเกาะแก่งกลางทะเล แต่เวียดนามอ้าง เปล่าถมที่ขยายเกาะ แค่ปรับปรุงป้องกันคลื่นกัดเซาะ

การเดินทางเยือนเวียดนามตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นส่วนหนึ่งของการเยือนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนาน 11 วัน ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ที่ทำให้เขาได้เข้าร่วมประชุมสุดยอดความมั่นคงแห่งเอเชีย หรือแชงกรีลาไดอะล็อกที่สิงคโปร์เมื่อสุดสัปดาห์ และได้กล่าวในเวทีเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่อ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ยุติการแปรสภาพที่ดินถมทะเลขยายสิ่งปลูกสร้างบนลักษณะทางภูมิประเทศในทะเลเหล่านี้โดยทันทีและถาวร

ในวันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน คาร์เตอร์ได้พบหารือประเด็นข้อพิพาททางทะเลในภูมิภาคนี้กับรัฐมนตรีกลาโหมของเวียดนามอย่าง "ล้วงลึก" และทั้งคู่ได้เปิดแถลงข่าวในเวลาต่อมาว่า สหรัฐและเวียดนามกำลังร่วมมือกันเพื่อรับประกันสันติสุขและเสถียรภาพทั้งภายในและนอกเหนือภูมิภาคนี้

คาร์เตอร์กล่าวว่า เขาและพลเอกแทงห์ได้หารือข้อเสนอของเขาที่เรียกร้องให้ทุกชาติที่อ้างกรรมสิทธิ์ ยุติการแปรสภาพที่ดินและการวางกำลังทหารบนเกาะ โดยเวียดนามยอมรับแนวคิดนี้ไว้พิจารณา

ข้อเรียกร้องของสหรัฐเป็นผลสืบเนื่องจากความวิตกกังวลต่อการที่จีนถมทะเลสร้างเกาะเทียมบนพืดหินใต้น้ำในบริเวณหมู่เกาะสแปรตลี ที่หลายชาติอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนกัน ซึ่งอาจกระทบต่อเสรีภาพในการเดินเรือและการบินในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญของโลก แม้ว่าจีนจะปฏิเสธคำกล่าวหานี้

คาร์เตอร์ยอมรับว่า ไม่ใช่เพียงแค่จีน แต่ประเทศอื่นๆ ก็มีโครงการปรับปรุงสภาพที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงพันธมิตรของสหรัฐ เช่น เวียดนาม แต่เขาชี้ว่ากิจกรรมของจีนนั้นเกินหน้าเกินตาชาติอื่นๆ ทั้งในด้านขนาดและความรวดเร็ว โดยจีนได้ถมทะเลเพื่ออ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่ 5,000 ไร่ ในช่วงเวลาแค่ 18 เดือนที่ผ่านมา

ด้านรัฐมนตรีเวียดนามไม่ได้แสดงท่าทีต่อข้อเรียกร้องของสหรัฐให้ทุกฝ่ายยุติกิจกรรมการแปรสภาพที่ดิน แต่เขายืนกรานว่ากิจกรรมของเวียดนามไม่ได้เป็นความพยายามขยายพื้นที่

"เวียดนามได้ดำเนินการบางอย่างเพื่อปรับปรุงและเสริมความแข็งแรงของเกาะที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของเรา" พลเอกแทงห์กล่าว "เราไม่ได้ขยายเกาะ เราแค่ทำให้มันแข็งแรงขึ้นเพื่อป้องกันคลื่นกัดเซาะ"

เขายอมรับด้วยว่า เวียดนามมีทหารประจำการบิน "เกาะลอย" 9 แห่ง และ "เกาะจม" 12 แห่งในพื้นที่นี้ โดยที่เกาะลอยมีการเสริมเขื่อนเพื่อป้องกันคลื่นและการกัดเซาะ ผู้คนและทหารที่ประจำการจะได้มีความปลอดภัย ส่วนเกาะจมซึ่งเป็นพืดหินใต้น้ำ มีการสร้างบ้านหลังเล็กๆ เป็นที่พักอำนวยความสะดวกแก่คนไม่กี่คน ไม่ใช่การขยายเกาะ

นอกจากการหารือกรณีดังกล่าว คาร์เตอร์และแทงห์ได้ลงนามแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมที่กำหนดแนวทางความร่วมมือทางทหารระหว่างอดีตคู่สงครามที่เพิ่งสมานไมตรีกันเมื่อ 20 ปี คาร์เตอร์ยังได้ให้คำมั่นว่าสหรัฐจะให้เงินช่วยเหลือเวียดนาม 18 ล้านดอลลาร์ สำหรับซื้อเรือตรวจการณ์เมทัลชาร์กของสหรัฐด้วย

http://www.thaipost.net/…

 

Kaokala Fc 1 มิ.ย. จีนเมินสหรัฐจี้ยุติถมเกาะเทียม

ตัวแทนกองทัพจีนปฏิเสธทำตามข้อเรียกร้องของสหรัฐให้ยุติการถมทะเลสร้างเกาะเทียมในพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ ยืนกรานจีนมีอธิปไตยเหนือดินแดน พร้อมอ้างใช้ด่านหน้ากลางทะเลเหล่านี้ปฏิบัติพันธกิจระหว่างประเทศ

จีนยืนยันว่าตนมีอธิปไตยเหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด รวมถึงหมู่เกาะ สันดอน หรือลักษณะภูมิประเทศทางทะเลที่เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, บรูไน และไต้หวันอ้างกรรมสิทธิ์

การก่อสร้างถมทะเลรอบเกาะที่ยังเป็นข้อพิพาททำให้คาดเดากันด้วยว่า จีนอาจจะประกาศเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (เอดีไอแซด) ที่จะบังคับให้อากาศยานต้องแสดงตนต่อทางการจีนเมื่อบินเหนือเขตนี้

จีนเมินสหรัฐจี้ยุติถมเกาะเทียม
Monday, June 1, 2015 - 00:00



ตัวแทนกองทัพจีนปฏิเสธทำตามข้อเรียกร้องของสหรัฐให้ยุติการถมทะเลสร้างเกาะเทียมในพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ ยืนกรานจีนมีอธิปไตยเหนือดินแดน พร้อมอ้างใช้ด่านหน้ากลางทะเลเหล่านี้ปฏิบัติพันธกิจระหว่างประเทศ อีกด้านที่ประชุมแชงกรีลาไดอะล็อกระทึกก่อนปิดประชุม ตำรวจสิงคโปร์วิสามัญผู้ต้องสงสัยขับรถแหกด่าน แต่ระบุเป็นคดียาเสพติด ไม่ใช่ก่อการร้าย

การประชุมสุดยอดด้านความมั่นคงแห่งชาติ หรือแชงกรีลาไดอะล็อก ซึ่งจัดโดยสถาบันระหว่างประเทศด้านยุทธศาสตร์ศึกษา (ไอไอเอสเอส) ยาวนาน 3 วันที่สิงคโปร์ปิดฉากลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยพลเรือเอกซุนเจี้ยนกั๋ว รองประธานเสนาธิการประจำกรมเสนาธิการใหญ่ กองทัพปลดแอกประชาชนจีน ได้ขึ้นกล่าวต่อที่ประชุม ยืนยันว่าสถานการณ์ในทะเลจีนใต้มีความสงบสันติและมีเสถียรภาพ ทั้งไม่เคยมีปัญหาด้านเสรีภาพในการเดินเรือ และประเทศอื่นๆ ควรหยุดเพาะความบาดหมางเกี่ยวกับเรื่องนี้

"จีนได้ดำเนินการก่อสร้างบนเกาะบางเกาะและพืดหินใต้น้ำในทะเลจีนใต้ ส่วนใหญ่เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงการใช้งานของเกาะและพืดหินใต้น้ำเหล่านี้ และการทำงานกับสภาพความเป็นอยู่ของบุคลากรที่ประจำการที่นั่น" นายพลจีนกล่าวต่อที่ประชุม

ซุนกล่าวว่า การก่อสร้างของจีนนอกเหนือจากการตอบสนองความจำเป็นด้านกลาโหมแล้ว ยังช่วยเอื้อต่อการปฏิบัติหน้าที่ของจีนตามพันธะและความรับผิดชอบระหว่างประเทศ ทั้งด้านการค้นคว้าและวิจัยทางทะเล, การป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ และบริการด้านอื่นๆ

จีนยืนยันว่าตนมีอธิปไตยเหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด รวมถึงหมู่เกาะ สันดอน หรือลักษณะภูมิประเทศทางทะเลที่เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, บรูไน และไต้หวันอ้างกรรมสิทธิ์ การก่อสร้างถมทะเลรอบเกาะที่ยังเป็นข้อพิพาททำให้คาดเดากันด้วยว่า จีนอาจจะประกาศเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (เอดีไอแซด) ที่จะบังคับให้อากาศยานต้องแสดงตนต่อทางการจีนเมื่อบินเหนือเขตนี้

ซุนกล่าวว่า แม้จีนจะมีหลักฐานยืนยันทางกฎหมายและประวัติศาสตร์ และสามารถอ้างสิทธิ์ที่ไม่อาจโต้แย้งได้ จีนก็ยังคงใช้ความอดกลั้นอย่างมหาศาล และอุทิศตนเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคนี้และของโลกโดยรวม
เมื่อวันเสาร์ แอช คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีเดียวกันนี้ เรียกร้องให้ประเทศผู้อ้างกรรมสิทธิ์ทั้งหลายยุติการก่อสร้างทั้งหมดโดยทันที พร้อมกับชี้ว่าการถมทะเลของจีนเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดการประเมินผิดพลาดหรือความขัดแย้ง

รัฐมนตรีสหรัฐยอมรับว่าประเทศอื่นๆ ต่างก็พัฒนาด่านกลางทะเลของตนในขอบเขตและระดับต่างๆ กัน เช่น เวียดนามมี 48 แห่ง, ฟิลิปปินส์ 8 แห่ง, มาเลเซีย 5 แห่ง และไต้หวัน 1 แห่ง แต่สำหรับจีนนั้น ได้ทำอย่างเกินหน้าเกินตาชาติอื่นๆ ทั้งด้านขนาดและเวลา

"จีนอ้างสิทธิเหนือพื้นที่กว่า 2,000 เอเคอร์ (5,000 ไร่) มากกว่าทุกชาติรวมกัน และมากกว่าประวัติศาสตร์ทั้งหมดที่ผ่านมา และจีนยังทำเช่นนี้ภายในเวลาแค่ 18 เดือน" คาร์เตอร์กล่าว

การประชุมวันสุดท้ายมีเหตุการณ์ระทึกขวัญที่ทำให้เจ้าภาพต้องเพิ่มการรักษาความมั่นคงและปิดตายสถานที่ในช่วงเช้า ภายหลังเกิดเหตุรถยนต์คันหนึ่งพยายามหนีด่านรักษาความปลอดภัยนอกโรงแรมแชงกรีลาเมื่อเช้ามืดวันอาทิตย์ ตำรวจยิงคนขับเสียชีวิต และยิงผู้โดยสารในรถบาดเจ็บ 1 คนและจับกุมได้อีกคน การตรวจค้นพบยาเสพติด จึงเชื่อว่าเหตุการณ์นี้ไม่น่าเกี่ยวข้องกับการประชุม.

จีนเมินสหรัฐจี้ยุติถมเกาะเทียม

 

USขยายร่วมมือทางทหารฮานอย ย้ำบทมหาอำนาจ'แกนหลัก'ในเอเชีย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 มิถุนายน 2558 21:12 น.


@ระหว่างการแถลงข่าวร่วมกันภายหลังการเจรจาหารือที่กรุงฮานอยเมื่อวันจันทร์ (1) รัฐมนตรีกลาโหม แอชตัน คาร์เตอร์ ของสหรัฐฯ (ซ้าย) ทำพิธีมอบสิ่งของให้แก่รัฐมนตรีกลาโหม พล.อ.ฝุ่ง กวาง แทง ของเวียดนาม สิ่งของเหล่านี้ประกอบด้วยสมุดไดอารีและเข็มขัดของทหารคอมมิวนิสต์เวียดนามซึ่งสู้รบในสงครามเวียดนาม

บีบีซีนิวส์/เอเจนซีส์ - รัฐมนตรีกลาโหม แอชตัน คาร์เตอร์ ของสหรัฐฯ ประกาศยืนยันว่า อเมริกายังคงบทบาทเป็น “แกนหลัก” ในเอเชียต่อไป ขณะที่ย้ำข้อเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการสร้างเกาะเทียมในทะเลจีนใต้ระหว่างการไปเยือนเวียดนาม ซึ่งมีการหารือเพิ่มความร่วมมือทางทหารระหว่างกัน

คาร์เตอร์และ พล.อ. ฝุ่ง กวาง แทง รัฐมนตรีกลาโหมเวียดนาม ยังลงนามในคำแถลงวิสัยทัศน์ร่วม เมื่อวันจันทร์ (1) ที่กรุงฮานอย เพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมือทางทหารระหว่างสองชาติที่เคยสู้รบกันในสงครามปี 1955-1975 และเพิ่งสถาปนาความสัมพันธ์ระดับปกติเมื่อ 20 ปีที่แล้ว

ส่วนหนึ่งของการขยายความร่วมมือดังกล่าว คาร์เตอร์ประกาศว่า อเมริกาจะช่วยเวียดนามจัดตั้งสถานที่ฝึกทหารเวียดนาม ซึ่งจะส่งเข้าร่วมปฏิบัติการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ รวมทั้งจะส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาสันติภาพไปประจำในสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำฮานอย

ก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์ (31 พ.ค.) คาร์เตอร์ยังได้ไปเยี่ยมชมกองบัญชาการของกองทัพเรือและของกองกำลังหน่วยยามฝั่งของเวียดนาม รวมทั้งประกาศให้เงินช่วยเหลือฮานอย 18 ล้านดอลลาร์สำหรับการจัดซื้อเรือตรวจการณ์จากสหรัฐฯ

คาร์เตอร์ ซึ่งอยู่ระหว่างการตระเวนเยือนเอเชียครั้งที่ 2 นับจากเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯเมื่อต้นปีนี้ กำลังพยายามเน้นหนักบทบาทของอเมริกาในเอเชีย ด้วยการเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ยุติความพยายามในการสร้างเกาะเทียมขึ้นในน่านน้ำซึ่งพิพาทช่วงชิงกรรมสิทธิ์กันอยู่ในทะเลจีนใต้

นายใหญ่เพนตากอนย้ำข้อเรียกร้องดังกล่าวทั้งในที่ประชุมความมั่นคงแชงกรีลา ไดอะล็อก ณ สิงคโปร์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (29 พ.ค.) รวมทั้งระหว่างให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุและโทรทัศน์ บีบีซี และในการเจรจาหารือกับรัฐมนตรีกลาโหมเวียดนามในวันจันทร์

คาร์เตอร์กล่าวในที่ประชุมแชงกรีลาว่า จีนกำลังคุกคามความมั่นคงในภูมิภาคด้วยการสร้างเกาะเทียม แม้เขายอมรับว่า ประเทศอื่นๆ ที่อ้างสิทธิ์ในทะเลจีนใต้มีพฤติกรรมดังกล่าวเช่นเดียวกัน แต่ก็ย้ำว่าแดนมังกรสร้างเกาะเทียมเป็นเนื้อที่มากมายกว่าและรวดเร็วกว่าชาติอื่นๆ

นอกจากนี้ ในระหว่างให้สัมภาษณ์บีบีซีขณะอยู่ที่ฮานอย รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ยังสำทับว่า อเมริกาจะยังคงบทบาทเป็น “แกนหลัก” ในเอเชียในอนาคตข้างหน้า โดยที่อเมริกาสามารถรับประกันให้เกิด “สันติภาพและความมั่งคั่ง” ซึ่งเป็นหนทางประการเดียวเท่านั้นที่ “ทุกๆ ฝ่ายต่างสามารถที่จะก้าวผงาดขึ้นมาและเป็นผู้ชนะ”

คาร์เตอร์บอกว่า อเมริกาไม่ได้คิดที่จะทำให้สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ให้กลายเป็นประเด็นทางทหาร หรือทำให้ความขัดแย้งบานปลาย แต่ขณะเดียวกันก็ “ไม่มีสิ่งใด” จะมาหยุดยั้งการปฏิบัติการของวอชิงตันได้

“ไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ได้ เครื่องบินและเรือรบของเราจะปฏิบัติการในมหาสมุทรแปซิฟิกเช่นที่เคยทำมา” คาร์เตอร์ย้ำว่า อเมริกาจะยังคงเป็นมหาอำนาจแกนหลักทางทหารในภูมิภาคนี้ เหมือนเช่นที่เป็นมาตลอด 7 ทศวรรษนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2

คำพูดเช่นนี้ของนายใหญ่เพนตากอน เห็นได้ชัดว่าเป็นการตอบโต้ที่จีนแสดงความไม่พอใจเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ภายหลังเครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเลของสหรัฐฯ บินเข้าใกล้เกาะเทียมซึ่งแดนมังกรสร้างขึ้นในทะเลจีนใต้

เมื่อวันอาทิตย์ ณ การประชุมแชงกรีลา พลเรือเอกซุน เจี้ยนกั๋ว รองเสนาธิการใหญ่ของกองทัพจีน ก็ได้กล่าวตอบโต้คำวิจารณ์ของคาร์เตอร์ในวันเสาร์ ที่ว่า การถมทะเลของปักกิ่ง “ล้ำเส้น” กฎหมายระหว่างประเทศ โดยเขากล่าวว่า “สิทธิและผลประโยชน์ของจีนเป็นสิ่งที่ไม่อาจโต้แย้งได้ กระนั้น จีนใช้สิทธิ์อธิปไตยด้วยความอดกลั้นอย่างสูงมาโดยตลอด” และสำทับว่า การถมทะเลมีจุดประสงค์เพื่อส่วนรวม รวมถึงเพื่อปรับปรุงสภาพการดำเนินชีวิตของเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ในพื้นที่เหล่านั้น

ในส่วนของ รัฐมนตรีกลาโหมเวียดนาม ได้กล่าวในขณะแถลงข่าวร่วมกับคาร์เตอร์ภายหลังการเจรจาหารือกันเมื่อวันอาทิตย์ว่า กองทัพเวียดนามส่งทหารไปประจำการบน “เกาะลอยน้ำ” ซึ่งฮานอยหมายถึงแนวปะการังที่มีส่วนโผล่ขึ้นพ้นน้ำ 9 เกาะ และ “เกาะจมน้ำ” หรือแนวปะการังที่จมอยู่ในน้ำ 12 เกาะในทะเลจีนใต้

“บนเกาะลอยน้ำ เราสร้างคันดินเพื่อป้องกันคลื่นและการกัดเซาะ เพื่อรับประกันความปลอดภัยของประชาชนและทหารที่ประจำอยู่บนเกาะเหล่านั้น” เขาแจกแจง

“บนเกาะจมน้ำ เราเพียงสร้างบ้านหลังเล็กๆ ซึ่งสามารถรองรับคนไม่กี่คน และเราไม่ได้มีการขยายพื้นที่ออกไป ขอบเขตและลักษณะของการก่อสร้างที่เราทำ เป็นแบบพลเรือนอย่างแท้จริง” เขากล่าว


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000062141

 

Kaokala Fc
1 มิ.ย. โสมขาว-จีนกักเมอร์สเพิ่ม ปธน.ปัก กึนฮเย ตำหนิสาธารณสุขป้องกันโรคหละหลวม



ประธานาธิบดีปัก กึนฮเย ของเกาหลีใต้ ตำหนิเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขป้องกันโรคเมอร์สหละหลวม จี้เพิ่มความพยายามเต็มสูบไม่ให้ระบาดเพิ่ม แต่ยังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 3 ยอดรวมเพิ่มเป็น 18 กักตัวสังเกตอาการเกือบ 700 ส่วนจีนกัก 64 ตามหาอีก 13 คนที่เข้าใกล้ชายเกาหลีที่ติดเชื้อ

กระทรวงสาธารณสุขของเกาหลีใต้รายงานเมื่อวันจันทร์(1 มิ.ย.)ว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส) เพิ่มอีก 3 ราย ทำให้จำนวนรวมเพิ่มเป็น 18 ราย นับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศเมื่อวันที่ 20 พ.ค. เป็นชายวัย 68 ปี ที่เดินทางกลับมาจากบาห์เรนผ่านกาตาร์ แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต โดยมีผู้สูงอายุรายหนึ่งที่มีประวัติป่วยโรคไตที่มีอาการหนักสุดและต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

ผู้ติดเชื้อ 17 รายจากชายคนแรก มีทั้งเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลที่เขาเข้ารับการรักษา เป็นญาติพี่น้อง หรือเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล โดยยังไม่พบผู้ติดเชื้อตติยภูมิหรือทอดที่สาม

คำแถลงของกระทรวงเผยด้วยว่า ถึงขณะนี้มีคน 682 คน ที่สัมผัสติดต่อผู้ติดเชื้อรายแรกโดยตรงหรือโดยอ้อม ที่กำลังถูกกักกันโรคหรือกักตัวเพื่อเฝ้าดูอาการเป็นพิเศษ ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังพิจารณาด้วยว่าจะใช้มาตรการห้ามบุคคลเหล่านี้เดินทางออกนอกประเทศหรือไม่

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเกาหลีใต้ถูกตำหนิอย่างมากที่ปล่อยให้ชายวัย 44 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของผู้ติดเชื้อคนแรก หนีการกักกันโรคเมื่อสัปดาห์ก่อน แล้วเดินทางไปทำธุรกิจที่ประเทศจีนทั้งที่แพทย์ได้สั่งห้ามไว้ ชายคนนี้ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อเมื่อวันศุกร์ และกำลังถูกกักกันโรคที่อยู่เมืองฮุ่ยโจว มณฑลกวางตุ้ง

เขาขึ้นเครื่องบินออกจากเกาหลีใต้เมื่อวันอังคาร หรือหนึ่ง 1 วันหลังผลตรวจยืนยันว่าพ่อของเขาติดเชื้อ โดยเดินทางผ่านฮ่องกงแล้วต่อรถบัสจากฮ่องกงมายังเมืองฮุ่ยโจว

หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลีของจีนรายงานเมื่อวันจันทร์ว่า ทางการจีนกำลังตามหาบุคคล 13 คนที่เข้าใกล้ชายคนนี้ โดย 11 คนเดินทางในรถบัสคันเดียวกับเขา และขณะนี้มีบุคคลถูกแยกกักกันโรคในจีน 64 รายแล้ว

โรคเมอร์สซึ่งเกิดจากโคโรนาไวรัสวงศ์เดียวกับโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส) ที่ระบาดหนักในเอเชียเมื่อปี 2546 คร่าชีวิตผู้คนหลายร้อยคน องค์การอนามัยโลกระบุจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกที่ 1,150 ราย เสียชีวิตอย่างน้อย 427 ราย ซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจอร์แดนเป็น 3 ประเทศที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด โดยเกาหลีใต้มีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 4

เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีปักได้กล่าวตำหนิเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของประเทศว่า การรับมือเบื้องต้นยังไม่ดีพอ และเรียกร้องให้รัฐบาลพยายามเต็มที่เพื่อควบคุมไม่ให้ระบาดเพิ่มเติม

http://www.thaipost.net/…

 

จีนซ้อมรบใกล้ชายแดนเมียนมาโชว์ศักยภาพ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 1 มิ.ย. 2558 16:52



ทางการจีนประกาศเตรียมเริ่มซ้อมรบทั้งทางบกและทางอากาศด้วยกระสุนจริงใกล้ชายแดนเมียนมาที่ยังมีการต่อสู้กับชนกลุ่มน้อย หลังจากก่อนหน้านี้ มีระเบิดจากเครื่องบินเมียนมาล้ำพรมแดน...

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทัพประชาชนจีนประกาศเริ่มซ้อมรบภาคพื้นดินและทางอากาศด้วยกระสุนจริงตั้งแต่วันอังคาร 2 มิ.ย. ในพื้นที่ป่ามลฑลยูนนาน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ใกล้ชายแดนภาคเหนือเมียนมา ซึ่งยังมีการสู้รบต่อเนื่องระหว่างชนกลุ่มน้อยโกก้างกับฝ่ายรัฐบาล

ทั้งนี้ การซ้อมรบครั้งนี้ สืบเนื่องจากผลการสู้รบในพื้นที่เมียนมามีการทิ้งระเบิดของเครื่องบินทหารเมียนมาล้ำพรมแดนเข้ามาระเบิดในอธิปไตยจีน คร่าชีวิตชาวนาจีน 5 ราย เมื่อช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลจีนไม่พอใจและต้องแสดงศักยภาพคุ้มครองชาวบ้านแถบชายแดน นอกจากนั้น รัฐบาลจีนได้ประกาศเตือนเครื่องบินต่างชาติให้อยู่ห่างพื้นที่ดังกล่าว แต่ไม่แจ้งว่าการซ้อมรบยาวนานเท่าใด และใช้ทหารร่วมภารกิจมากน้อยแค่ไหน.

จีนซ้อมรบใกล้ชายแดนเมียนมาโชว์ศักยภาพ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เตือน!!! "ญี่ปุ่น" เสี่ยงแผ่นดินไหวใหญ่ซ้ำ หวั่นรุนแรงเท่าปี 2466 !!!
2015-06-01 17:39:48



ผู้เชี่ยวชาญเตือน ญี่ปุ่นเสี่ยงเจอแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ซ้ำรอยประวัติศาสตร์ปี 2466 หลังเกิดแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งรุนแรงขนาด 7.8

วันนี้ (1 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา เกิดแรงสั่นสะเทือนขนาด 7.8 โดยสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) เผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้อาคารในกรุงโตเกียวสั่นไหวไปมาประมาณ 1 นาที นับเป็นการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ มีรายงานผู้บาดเจ็บ 12 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต

ทั้งนี้ นายโทชิยาสุ นากาโอะ หัวหน้าศูนย์วิจัยการพยากรณ์แผ่นดินไหวแห่งมหาวิทยาลัยโตไก เผยว่า ประเทศญี่ปุ่นกำลังมีความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวได้ทุกเมื่อ โดยพิจารณาจากสภาพภูมิศาสตร์นั้น ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเหมือนปี 2554

นอกจากนี้ นายคาซูกิ โคเททสึ ศาสตราจารย์แห่งสถาบันวิจัยแผ่นดินไหว แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว กล่าวว่า การเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงครั้งสุด อาจไม่ใช่สัญญาณของการเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในโตเกียว แต่ก็อาจเป็นโอกาสที่จะทำให้ญี่ปุ่นเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ขึ้นอีกครั้งเทียบเท่ากับเมื่อปี 2466

 

ไทยเสี่ยงดินไหวจริงหรือ? “รายงานวันจันทร์”-สุริยะเปลี่ยน, สัตว์อพยพ, ด้ามขวานจม โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 1 มิ.ย. 2558 05:01



ปัจจุบันทั่วโลกกำลังเผชิญกับภัยธรรมชาติต่างๆ ไม่เว้นประเทศไทยก็มีหลายคนวิตกกันมาก เนื่องจากมีข่าวสารของสื่อชนิดต่างๆนำเสนอไว้หลากหลายแง่มุม

ดังนั้นเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา หน่วยงานของรัฐจึงได้จัดทำบันทึกความเข้าใจ เพื่อลงนามระหว่าง 4 หน่วย ได้แก่ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อบูรณาการข้อมูลร่วมกัน เพื่อให้การรายงานข่าวสารด้านแผ่นดินไหวของประเทศไทยมีความเป็นเอกภาพ

และในวันเดียวกันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาได้จัดเสวนาเรื่อง “ประเทศไทยกับความเสี่ยงแผ่นดินไหวขนาดใหญ่มีจริงหรือ” โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้

สุวิทย์ โคสุวรรณ นักธรณีวิทยาชำนาญการพิเศษ กรมทรัพยากรธรณี บอกว่า ประเทศไทยอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะต่อการเกิดภัยพิบัติ โดยเฉพาะแผ่นดินไหว ทั้งนี้แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่มีแหล่งกำเนิดจากภายนอกประเทศส่งแรงสั่นสะเทือนมายังประเทศไทย โดยมีแหล่งกำเนิดจากตอนใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน พม่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทะเลอันดามัน ตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ส่วนมากบริเวณที่รู้สึกสั่นไหวได้แก่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันตก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและกรุงเทพฯ


สำหรับกรณีแผ่นดินไหว ขนาด 6.3 ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย อย่างจังหวัดเชียงรายจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรุนแรงที่สุด และพื้นที่ดังกล่าวอาจจะมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวได้อีก แต่จะไม่เกินขนาด 7 แน่นอน ส่วนที่กังวลกันว่า หากเกิดแผ่นดินไหว จะเกิดสึนามิตามมาหรือไม่นั้น สึนามิไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่จะต้องมีองค์ประกอบ ได้แก่ ต้องเป็นแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ และเป็นการเคลื่อนตัวในแนวดิ่งในความลึกไม่เกิน 50 กิโลเมตร จึงอยากให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวลือ

ดร.ไพบูลย์ นวลนิล ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว บอกว่า การศึกษาของแต่ละหน่วยงานเพื่อดูการเกิดแผ่นดินไหวในโลก จะได้ผลไม่เหมือนกัน เพราะมีแหล่งข้อมูลต่างกัน ทั้งนี้ ตราบใดที่ยังมีรอยเลื่อน ก็ถือว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหว แต่อยากให้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับความเสี่ยงได้อย่างเข้าใจ

สำหรับในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มีอาคารสูงอยู่จำนวนมาก มีโอกาสรับรู้แรงสั่นสะเทือนบ้าง หากมีแผ่นดินไหวทางภาคเหนือ แต่อย่าไปวิตกกังวลจนเกินเหตุ เพราะหากเรามีความรู้ความเข้าใจเรื่องแผ่นดินไหว ในการเตรียมรับมือกับภัยพิบัติก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ระบบสุริยะมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้มีผลกระทบทำให้เกิดแผ่นดินไหวนั้น ระบบสุริยะไม่ได้มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก


อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ว่าด้ามขวานของประเทศไทยจะหายไปจากแผนที่โลกนั้น จากข้อมูลมีความเป็นไปได้แต่ยาก เพราะต้องใช้เวลานานอีกเป็นล้านๆปี ซึ่งกระแสข่าวนี้ เชื่อว่ามีกระบวนการที่ต้องการหาประโยชน์จากการค้าขายที่ดิน

บุรินทร์ เวชบันเทิง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา อธิบายว่า บางคนตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนเกิดแผ่นดินไหว สัตว์จะมีพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลง เช่น การเคลื่อนไหวของสัตว์ที่มีความผิดปกตินั้น ไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหว ต้องดูการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของเปลือกโลก แต่หากมีรอยการแยกตัวของเปลือกโลกเกิดขึ้นในมหาสมุทร ก็อาจมีผลเป็นไปได้จากสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในน้ำ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสัตว์ แต่ก็อ้างอิงไม่ได้ตามหลักวิชาการ.

ไทยเสี่ยงดินไหวจริงหรือ? “รายงานวันจันทร์”-สุริยะเปลี่ยน, สัตว์อพยพ, ด้ามขวานจม - ข่าวไทยร

 

Jeerachart Jongsomchai



... "เส้นทางรถไฟสายเบอร์ลิน-แบกแดด : สาเหตุแห่งสงครามโลกครั้งที่ 1 ... ตอน 2 อังกฤษอยากยึดอียิปต์และคลองสุเอซเอาไว้"
... ก่อสร้างระหว่างปี 1903 ถีง 1940 ที่เชื่อมระหว่างเบอร์ลินของเยอรมันกับเมืองแบกแดดของอาณาจักรอ๊อตโตมันในเวลานั้น ที่ๆเยอรมันที่มีกองเรือใหญ่และทันสม้ยที่สุดในยุโรปรองจากอังกฤษ ต้องการจะก่อตั้ง "ท่าเรือ" ในย่านอ่าวเปอร์เซียขึ้นมา
... สรุปเข้าใจง่ายๆคือถ้าอาวุธยุทธภัณท์ของเยอรมันและทหารของเยอรมันเข้ามาถึงตรงย่านนี้ได้หมายความว่าจะเป็นอันตรายแก่ "อังกฤษ" ที่ต้องใช้เส้นทางนี้ในการขนผ่านสินค้าและอาวุธทหารเช่นกัน คืออังกฤษกลัวว่าเยอรมันอาจจะยึดเส้นทางนี้ไปครอง ตัวเองอาจจะเหมือนโดนตัดแขนขาไป
... โดยเส้นทางนี้เป็นหนึ่งในสามเส้นทางการเดินเรือ ( ที่เป็นลมหายใจของมหาอำนาจอีกที ) ที่สำตัญคือ เส้นทางนี้จากอินเดียมาที่อ่าวเปอร์เซียแวะที่อิรัก ( คูเวต ปัจจุบัน ) และขนถ่ายจากเรือไปทางบกผ่านอิรัก ซีเรีย ตุรกี ไปออกทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนอีกสองทางอ้อมแหลมกู้ดโฮบอาฟริกาใต้ และ อีกทางคือผ่านคลองสุเอซทะเลแดงและเยเมน
... เส้นทางนี้มีความยาว 1,600 กิโลเมตร ( ปัจจุบันผ่านสามประเทศคือ ตุรกี ซีเรีย และ อิรัก ) โดยมีเยอรมันเป็นผู้ออกเงินทุนและเทคโนโลยีในการสร้างเป็นส่วนใหญ่ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเยอรมันจะได้ประโยชน์ในการแผ่อิทธิพลของเยอรมัน และขณะเดีวกันอ๊อตโตมันเองก็ต้องการจะเอาอิทธิพลของเยอรมันมาคานอำนาจของอังกฤษ ( ยืมมือเยอรมัน) เพื่อจะรักษาอิทธิพลของตน ที่ช่วงหลัง "อังกฤษ" ในการเริ่มมาแทรกแซงดินแดนอาหรับตั้งแต่ปีมีคลองสุเอซ เช่น คราวปฎิวัติ Urabiในปี 1882 ที่อังกฤษปราบปรามความวุ่นวายจากชาวอียีปต์ ที่ตอนนั้นผู้ปกปครองอียิปต์สร้างหนีสินไว้มากมาย จากการสร้างคลอง ทำให้ "อังกฤษกับฝรั่งเศส" ร่วมมือกันปราบปราม เพื่อรักษา "คลองสุเอซ" เอาไว้เท่าชีวิต
... แน่นอนที่สุด "อังกฤษกับฝรั่งเศส" ต้องการดึงเอา "อียีปต์" ที่เป็นทางผ่านสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเส้น "ทางเดินเรือ" ของมหาอำนาจคือ "คลองสุเอซ" ที่ตอนนั้นเพิ่งเปิดทำการมาในปี 1869 ออกจากอ๊อคโตมันมา
... = อ๊อตโตมันต้องการเอาอำนาจของเยอรมันมาถ่วงอำนาจของ "อังกฤษกับฝรั่งเศส" ที่ต้องการยึดเอาคลองสุเอซและอียปต์ออกจากอ้อมอกอ๊อตโตมัน
... แปลว่าทั้งเส้นทางสายรถไฟเบอร์ลินด์ - แบกแดด และอียิปต์ ( คลองสุเอซ ) เป็นสาเหตุหลักๆในการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่แท้จริง แบบต่อเนื่องกัน
... ( ลองเอาเหตุการณ์ในอดีต มาเปรียบกับในปัจจุบันดูนะครับ ว่าตอนนี้ "อเมริกาพยายามจะสกัดจีนไม่ให้ครอบครองเส้นทางการเดินเรือย่านทะเลจีนใต้ จึงสร้างความขัดแย้งกรณีหมู่เกาะสแปรดลี่ย์ พาราเซลล์ขึ้นมา โดยทั้งไต้หวัน มาเลเซีย ฟิลิปปิน์ เวียตนาม บรูไน เป็นแค่ถูกหลอกใช้เพื่อเอาความเป็นสิทธิเจ้าของเกาะเป็นเนื้อมาล่อให้สุนัขน้ำลายไหลเล่น )
... ดังนั้นถ้าเราศึกษาข้อมูลเก่าช่วงสี่เกือบสิบปีที่ผ่านมามาประกอบกันที่ว่า ทาง "อิหร่าน อิรัก และ ซีเรีย" จะพยายามทำโครงการท่อน้ำมัน ท่อแก๊สที่เชื่อมระหว่างกันเพื่อจะไปขายให้ยุโรปนั้น และทางนักวิเคราะห์สายพลังงานเคยบอกว่า เรื่องสงครามในประเทศตอนนี้ ทั้ง อิรัก ซีเรีย และกำลังจะเป็นอิหร่านนั้น ล้วนมาจากเรื่องการสกัดกั้นการสร้างทางท่อส่งแก๊สสายนี้ทั้งนั้น
... ส่วนเรื่อวกองกำลัง ISIL ล้วนเป็นแค่ภาพลวงตา หน้าฉากเอาไว้ลวงโลก เพื่อสร้างเหตุผลในการเข้าไปแทรกแซงให้ไม่ดูน่าเกลียด ของเหล่ามหาอำนาจแค่นั้นเอง
... ซึ่งก็ตอกย้ำว่าเป็นเหตุผลเดียวกับการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่อังกฤษต้องทำเพราะกลัวเยอรมันจะฮุบเส้นทางสายหลักในการทำมาหากินเสมือนขาหลักของอำนาจตัวเองไป เพราะถ้ากองทหารเยอรมันมา มาถึงย่านนี้ได้โดยผ่านเส้นทางรถไฟนี้ และส่งต่อกองกำลังไปที่อียิปต์เพื่อจะยึดเอาคลองสุเอซกลับคืนมา เป็นคลองฝ่ายอ๊อตโตมัน จุดจบของความเป็นเจ้าอาณานิคมคงจบลง
... และนี้คือความต่อเนื่องของ "สาเหตุหลักในการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1" ในอีกมุมที่ประวัติศาสตร์กระแสหลักไม่ได้บอกไว้
.
Baghdad Railway - Wikipedia, the free encyclopedia
Suez Canal - Wikipedia, the free encyclopedia

 

คำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ที่ถูกเปิดเผยตามหลักฐานประวัติศาสตร์
Written by Webmaster. Posted in บทความศาสนศาสตร์
ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจก่อนว่าการบันทึกนี้เป็นการบันทึกย่อ จากการฟังคำบรรยายของ Dr.Theol. Roger Lieebi บรรยายถึงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริง ได้สร้างความเข้าใจว่าเวลานี้เป็นเวลาแห่งการสิ้นสุดยุค
บันทึกย่อคำบรรยาย “คำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ที่ถูกเปิดเผยตามหลักฐานประวัติศาสตร์” โดย Dr.Theol. Roger Lieebi ศาสตราจารย์สอนด้านโบราณคดีเกี่ยวกับอิสราเอลและตะวันออกกลาง ผู้แปลพระคัมภีร์ ( Dipl Muc., B.Th., M.Th., Th.D) วันที่ 7 สิงหาคม 2013 ณ ห้องนมัสการโรงพยาบาลแมคคอมิค
ครูศาสนานันทรักษ์ ไชยบุญเรือง, ผู้บันทึก
ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจก่อนว่าการบันทึกนี้เป็นการบันทึกย่อ จากการฟังคำบรรยายของ Dr.Theol. Roger Lieebi บรรยายถึงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริง ได้สร้างความเข้าใจว่าเวลานี้เป็นเวลาแห่งการสิ้นสุดยุค ดังคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ที่พระเจ้าได้เปิดเผยไว้แม้ว่าระยะเวลาที่พยากรณ์ไว้จะเนิ่นนานมากกว่า 3000 ปี แต่ว่าพันปีของมนุษย์เท่ากับวันเดียวของพระเจ้า ( สดด.90.4, 2 เปโตร 3.8) พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงพระชนม์อยู่และเป็นองค์พระเจ้าสัพพัญญูที่ล่วงรู้เหตุการณ์ทุกอย่างในโลกนี้ และหวังว่าบันทึกเหตุการณ์ที่พยากรณ์ในพระคัมภีร์ที่ถูกเปิดเผยความจริงทางประวัติศาสตร์นี้จะเพิ่มพูนความเชื่อให้ท่านทั้งอย่างมากมากมาย
วันสิ้นยุค หมายถึงอะไร
- มัทธิว 24: 3 ยุคเก่าสิ้นสุดลง , 2 ทิโมธี 3.1 สิ้นยุค
- 1 ยอห์น 2.18 วาระสุดท้าย , ชั่วโมงสุดท้าย
ประวัติศาสตร์
การล่มสลายพระวิหาร กรุงเยรูซาเล็มครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 70 คำพยากรณ์พระวิหารถูกทำลายไว้ในพระธรรม เลวีนิติ 26.31 , 26: 32-33 อิสราเอลเคยมีความอุดมสมบูรณ์ แต่หลังปี ค.ศ. 70 ก็ถูกทิ้งร้าง ตามที่พยากรณ์ไว้ใน ฉธบ. 28:64 ชนชาติอิสราเอลจะกระจัดกระจายไป เลวีนิติ 26:33 ตลอดเวลาชาวยิวจะถูกกลั่นแกล้ง ถูกฆ่า
ทำไมการเสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูจึงยาวนาน นั่นเป็นเพราะจะเป็นช่วงที่ทำให้ข่าวประเสริฐแพร่ไปทั่วโลก อิสยาห์ 49.6 ข่าวประเสริฐจะไปยังทุกชาติ (ไม่ได้บอกว่าทุกคน) ทุกวันนี้ทุกชาติรับรู้ข่าวดี ได้ยินข่าวประเสริฐ โฮเชยาห์ 3:4 -5 ประชาชนอิสราเอลจะกลับมาหาพระเจ้า
ดังนั้นวันสิ้นยุคคือวันที่ชาวยิวกลับสู่ประเทศตนเอง
วันสิ้นยุคคือวันสิ้นสุดรอคอย ยุคสิ้นสุดการรอคอย 1982 วันที่ชาวยิวเดินทางกลับแผ่นดินแม่อิสราเอล
ตอนนี้อิสราเอล 3 ล้านคนกลับสู่ประเทศอิสราเอล (แผ่นดินแม่) ระยะเวลาทั้งหมด 131 ปี ยุคที่รอคอย
คำพยากรณ์ในพระคัมภีร์สำเร็จแล้ว
1. อิสราเอลกลับสู่แผ่นดินแม่ “เพราะว่าเราจะเอาเจ้าออกมาจากท่ามกลาง ประชาชาติและรวบรวมเจ้ามาจากทุกประเทศ และนำเจ้าเข้ามาในแผ่นดินของเจ้าเอง” เอเศเคียล 36.24
2. การกลับมาพูดภาษาฮีบรู ศตวรรษที่ 2 ชาวยิวเลิกพูดภาษาอีรู (ภาษาที่ตายแล้ว) ชาวยิวใช้ภาษาอาราเมคเป็นภาษาพูดแทนภาษาฮีบรู แต่ยังคงใช้ภาษาฮีบรูเป็นภาษาเขียน มีการรื้อฟื้นภาษาฮีบรูในปี 1881 - 1922 ต่อมาภาษาฮีบรูกลายเป็นภาษาราชการของปาเลสไตน์ภายใต้การปกครองของอังกฤษตั้งแต่ ปี 1921 คู่กับภาษาอังกฤษและภาษาอาหรับและกลายเป็นภาษาราชการของอิสราเอลตั้งแต่ ปี 1948 ดังคำพยากรณ์ใน อิสยาห์ 19:18 “ในวันนั้นห้าเมืองในแผ่นดินอียิปต์ซึ่งพูดภาษาของคานาอัน และสาบานต่อพระเจ้าจอมโยธา เมืองหนึ่งเขาเรียกเมืองอาทิตย์”
3. การซื้อที่ดิน เยเรมีย์ 32.34 ชนชาติอิสราเอลจะกลับมาซื้อที่ดิน ปี 1882 -1940 ชาวยิวซื้อที่ดินส่วนใหญ่จากอิสราเอล ซื้อจากอียิปต์ แม้ว่าที่ดินนั้นเป็นทะเลทราย มีโรคมาเลเลีย แต่เขาก็ซื้อราคาแพงกว่าที่ดินในอเมริกา ซื้อที่ดินเมืองเบนยามิน ซื้อที่ดินรอบเมืองยูดา เยรูซาเล็ม พื้นที่เป็นภูเขาซื้อที่ดิน เซเฟลาห์ ที่ราบต่ำติดทะเล ซื้อที่ดิน เนเกบ ทะเลทรายตอนใต้ มีเนื้อที่ 12,000 กิโมเมตร ทิศตะวันตกติดทะเลซีนาย
“ ที่นานั้นจะซื้อกันด้วยเงิน ใบโฉนดก็จะต้องลงนามและประทับตรา และลงนามพยาน ที่ในแผ่นดินของเบนยามิน ในที่ต่างๆ แถบกรุงเยรูซาเล็ม และในหัวเมืองยูดาห์ ในหัวเมืองแถบแดนเมืองเทือกเขา ในหัวเมืองแถบเนินเชเฟลาห์และในหัวเมืองแถบเนเกบ เพราะเราจะให้เขาทั้งหลายกลับสู่สภาพเดิม” พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ” เยเรมีย์ 32.44
4. การฟื้นฟูเมืองต่างๆ อาโมส 9.14 เราจะสร้างเมืองขึ้นใหม่ ปัจจุบันเมืองต่างๆ อิสราเอลที่ถูกทำลาย ได้รับการบูรณะและสร้างใหม่ มีการทำสวนองุ่น ซึ่งแต่เดิมชาวอิสราเอลทำสวนองุ่น แต่เมื่อเขาถูกกระจัดกระจาย มุสลิมได้เข้ายึดครอง มุสลิมไม่ดื่มเหล้าองุ่น เมื่อชาวยิวกลับมาจากรัสเซีย 1 ปี ปี 1882 เขาพบว่าที่ดินเป็นทะเลทราย ปัจจุบันอิสราเอลได้เป็นประเทศที่ผลิตเหล้าองุ่นที่ดีที่สุดในโลก “เราจะให้อิสราเอลประชากรของเรา กลับสู่สภาพเดิม เขาจะสร้างเมืองที่พังนั้นขึ้นใหม่ และเข้าอาศัยอยู่ เขาจะปลูกสวนองุ่นและดื่มเหล้าองุ่น ของสวนนั้น เขาจะทำสวนผลไม้และรับประทานผลของมัน 15เราจะปลูกเขาไว้ในแผ่นดินของเขา เขาจะไม่ถูกถอนออกไปจากแผ่นดินซึ่งเราได้มอบให้แก่เขา อีกเลย” พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ตรัสดังนี้แหละอาโมส 9.14-15

มีการปลูกพืชผล ทำไมเขาต้องนำเถาองุ่นจากต่างประเทศ เพราะเขาไม่มีเถาองุ่นดี เขาต้องนำมาจากรัสเซีย ดังคำพยากรณ์ใน อิสยาห์ 16 .10 “เขาเอาความชื่นบาน และความยินดีไปเสีย จากที่สวนผลไม้ เขาไม่ร้องเพลงกันตามสวนองุ่น ไม่มีใครโห่ร้อง ตามบ่อย่ำองุ่นไม่มีคนย่ำให้เหล้าองุ่นออก เสียงเห่ย่ำองุ่นเงียบเสียแล้ว” ปัจจุบันอิสราเอลมีพืชสวนเขตร้อน สามารถส่งออกทั่วโลก
6. ลัทธิไม่เชื่อพระเจ้า ชื่นชมลัทธินิยม หาทางออกด้านการเมือง พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ครองโลก พระเจ้าผู้ครอบครองชีวิต คำพยากรณ์ในอิสยาห์ 17.10 เพราะเจ้าได้หลงลืมพระเจ้าแห่งความรอดของเจ้าเสีย และมิได้จดจำองค์พระศิลาลี้ภัยของเจ้า แม้ว่าเจ้าปลูกต้นอภิรมย์
และปักกิ่งแห่งพระต่างด้าวไว้”
7. ทะเลทรายจะได้รับการฟื้นฟู อิสราเอลปลูกดอกไม้เมืองหนาวที่สวยงามเป็นเหมือนสวนเอเดนของพระเจ้า ส่งออกเป็นสินค้าระดับโลก ดังคำพยากรณ์ใน เอเศเคียล 36.34 'แผ่นดินนี้ที่ร้างเปล่ากลายเป็นอย่างสวนเอเดน หัวเมืองที่ถูกทิ้งร้างและร้างเปล่าและปรักหักพัง เดี๋ยวนี้ก็มีคนอยู่และมีกำแพง แล้วประชาชาติที่เหลืออยู่รอบเจ้าจะทราบว่า เราพระเจ้า ได้สร้างที่ปรักหักพังเหล่านี้ขึ้นใหม่และปลูกพืช ในที่ร้างเปล่านั้นขึ้นใหม่ เรา พระเจ้า ได้ลั่นวาจาแล้ว และเราจะกระทำเช่นนั้น”
8. ประกาศเป็นประเทศอิสราเอล ในวันเดียว เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 1948 ตามคำพยากรณ์ใน อิสยาห์ 66.8
“ใครเคยได้ยินสิ่งอย่างนี้บ้าง ใครเคยได้เห็นสิ่งอย่างนี้บ้าง แผ่นดินจะเกิดขึ้นในวันเดียวหรือ ประชาชาติจะคลอดมาในครู่เดียวหรือ เพราะพอศิโยนปวดครรภ์
เธอก็คลอดบุตรทั้งหลายของเธอ”
ในปี 1948 ปีแรกมีชาวยิว 1,000 คน กลับแผ่นดินแม่ อิสราเอลตั้งเป็นประเทศในวันเดียว เหตุเกิดจากการประหารชาวยิว 6 ล้านคน (ฮิตเลอร์สั่งฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในสงครามนาซี )
9. การครอบครองภูเขาศิโยน ในวันที่ 7 มิถุนายน 1967 พยากรณ์ไว้ในสดุดี 126 1 – 3
10. เป้าหมายของศัตรูคือทำลายอิสราเอลให้สิ้นซากไป ชาวอาหรับพยายามทำสงครามกับชาวยิว 3 ครั้ง
สดุดี 83. 3 – 4 เขาวางแผนการแยบคาย สู้ประชากรของพระองค์
เขาปรึกษากันสู้ผู้ที่พระองค์ทรงทะนุถนอม 4เขาพูดว่า “มาเถิด ให้เรากวาดเขาออกจากการเป็นประชาชาติ อย่าให้ระลึกถึงชื่ออิสราเอลอีกต่อไป”
11. กลุ่มอาหรับตั้งตัวเป็นศตรูอิสราเอล 6 ประเทศ ต่อต้านอิสราเอลไม่ให้ตั้งเป็นประเทศ ปัจจุบันมีมุสลิม 20 ประเทศที่เป็นศัตรูอิสราเอล สดุดี 83. 5 -8 อาระเบีย เยเมน เป็นศัตรู อิสราเอล
ซีเรีย เป็นศัตรูอิสราเอล อาการ์ เลบานอน อเมเลค กาซา(ฟิฟิเซีย) อีรัก (อัสซีเรีย) อัสซีเรียอยู่ทางเหนือของอีรัก
12. ยิวที่ออกจากประเทศอิรัก คือชาวยิวที่ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยศึกอยู่ที่บาบิโลน บาบิโลนอยู่ทางตอนใต้ของอิรัก เยเรมีย์ 50.8 -9 ในปี 1941 – 1991 ตอนต้นมีชาวยิว 150,000 คน ชาวยิวพยายามหาทางช่วยเหลือชาวยิวที่เหลืออยู่ในอิรักให้ออกจากประเทศอิรัก ( สงครามอิรัก- อิหร่าน และในเวลาต่อมาอิรักได้บุกยึดคูเวต โดยการนำของ ประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซ็น อันเป็นที่มาของสงครามอ่าวเปอร์เซีย) และในปี 1992 ชาวยิวก็ออกจากอิรัก เยเรมีย์ 51.8 -9 ในช่วงสิ้นยุค “จงหนีเสียก่อนที่จะมีสงครามอิรัก” เยเรมีย์ 51.6 “จงหนีเสียจากท่ามกลางบาบิโลน ให้ทุกคนเอาชีวิตของตนรอดเถิด ในการลงโทษมันนั้น เจ้าอย่าถูกตัดออกเลย เพราะนี่เป็นเวลาแก้แค้นแห่งพระเจ้า เป็นการซึ่งพระองค์ทรงตอบสนอง”
13. กองทัพทั่วโลก จะต่อสู้อิรักในสงครามอ่าวเปอร์เซีย (บาบิโลน) ประเทศสุดปลายแผ่นดินคือ อเมริกา พยากรณ์ไว้ในอิสยาห์ 13.4-5 ฟังซิ เสียงอึงอลบนภูเขา ดั่งเสียงมวลชนมหึมา ฟังซี เสียงอึงคะนึงของราชอาณาจักรทั้งหลาย ของบรรดาประชาชาติที่รวมเข้าด้วยกัน พระเจ้าจอมโยธากำลังระดม พลเพื่อสงคราม 5เขาทั้งหลายมาจากแผ่นดินอันไกล จากสุดปลายฟ้าสวรรค์” พระเจ้าและอาวุธแห่งพระพิโรธของพระองค์ เพื่อจะทำลายแผ่นดินโลกทั้งสิ้น
14 . การล้มลงของอิรัก (บาบิโลน) ในปี 1991 อิสยาห์ 14. 4 -5 กองทัพสหประชาชาติโจมตีอีรักมากว่า 100,00 ครั้ง
15.เสียงของสงครามอึงคะนึงบนภูเขา อิสยาห์ 13.4 กองทัพ 40 ประเทศ ตั้งฐานทัพในซาอุดิอารเบีย จัดทัพเป็น 10 เหล่า กองกำลังอีรักก็ตั้งฐานในคูเวต
16.สหประชาชาติรวมตัวของประเทศ 40 ประเทศ (รวมประเทศไทยด้วย) เพื่อทำสงครามกับอีรัก (บาบิโลน) สงครามบาบิโลนและถูกทิ้งร้าง ในปี 2003 ตามที่พยากรณ์ไว้ใน เยเรมีห์ 50.22-23 “เสียงสงครามอยู่ในแผ่นดิน และการทำลายอย่างใหญ่หลวงก็อยู่ในนั้น 23ค้อนทุบของแผ่นดินโลกทั้งหมด ได้ถูกตัดลงและถูกหักเสียแล้วหนอ บาบิโลนได้กลายเป็นความหวาดเสียว ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ”
17. การยึดครองเมืองแบคแดกโดยสหประชาชาติ ปี 2003 ดังคำพยากรณ์ในเยเรมีย์ 51.31 -32
“นักวิ่งคนหนึ่งวิ่งไปพบนักวิ่งอีกคนหนึ่ง ทูตคนหนึ่งวิ่งไปพบทูตอีกคนหนึ่ง
เพื่อทูลกษัตริย์แห่งบาบิโลนว่า เมืองของพระองค์ถูกยึดไว้ทุกด้านแล้ว 32ท่าลุยข้ามก็ถูกยึดแล้ว เครื่องป้องกันก็ถูกไฟไหม้ และบรรดาทหารก็ระส่ำระสาย”
18.ยึดคลองสะพานข้ามกรีก เครื่องกีดขวาง ปราสาทถูกทำลาย เยเรมีย์ 51.32
19. ทหารบาบิโลนตกใจกลัว(อีรัก) ปฏิบัติการอันเป็นที่รู้จักกันในนาม "พายุทะเลทราย"
(Desert Storm)ครั้งนี้มีกองทัพจากประเทศต่างๆ28ประเทศเข้าร่วมรบโดยการอนุมัติของคณะมนตรีความมั่นคง และอยู่ภายใต้การบัญชาการของสหรัฐอเมริกา ภายใน 25 วัน สงครามก็ยุติได้ ตึกอาคารทหารถูกทำลาย
เยเรมีย์ 51.30 “นักรบแห่งบาบิโลนหยุดรบแล้ว เขาทั้งหลายค้างอยู่ในที่กำบังเข้มแข็งของเขา กำลังของเขาถอยเสียแล้ว เขาทั้งหลายกลายเป็นเหมือนผู้หญิง ที่อาศัยของมันก็กำลังไฟ ไหม้ และดาลประตูของมันก็หัก”
20.ทรัพย์สมบัติของบาบิโลนถูกยึดครอง ปี 2003 สหรัฐอเมริกายึดบ่อน้ำมัน , กลุ่มประเทศเข้ายึดครองบ่อน้ำมันอีรัก “ พระเจ้าตรัสว่า ประเทศเคลเดียจะถูกปล้น บรรดาผู้ที่ปล้นเขาจะอิ่มหนำ” เยเรมีย์ 50.10 “เจ้าผู้อาศัยตามน้ำมากหลาย ผู้มีสมบัติมากมายเอ๋ย อวสานของเจ้ามาถึงแล้ว เส้นชีวิตของเจ้าได้ถูกตัดขาดเสียแล้ว” เยเรมีย์51.13
ยังมีพระคัมภีร์หลายข้อยังไม่ถูกเติมเต็ม มีคำทำนายบาบิโลน (อีรัก)จะถูกทำลายโดยสิ้นเชิง
วันสิ้นยุค
1. การถูกเติมเต็มคำพยากรณ์นั้นเป็นจริง พระเจ้าทรงเป็นผู้รู้อนาคต พระเจ้าทรงเป็นผู้ครอบครองโลกนี้
2. พระคัมภีร์เป็นพระคำของพระเจ้า ไม่ใช่ถ้อยคำของมนุษย์ The bible is The word of God
การกลับใจมาหาพระเจ้าเป็นสิ่งที่สำคัญ The conversion to God is must for me เราต้องการรับการอภัยบาป การอธิษฐานต่อพระเจ้า หากเราสารภาพบาป พระเจ้าจะอภัยให้ “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” 1 ยอห์น 1:9
คำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ที่ถูกเปิดเผยตามหลักฐานประวัติศาสตร์

 

Thanong Fanclub


·
21. ศึกทะเลจีนใต้
นายขี้เถ้า คาร์เตอร์กล่าวหาว่าจีนทำเกินเหตุ และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศในการเข้าไปครอบครอง สร้างสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งถมทะเลด้วยที่บริเวณหมู่เกาะSpratlyในทะเลจีนใต้ สหรัฐจึงต้องส่งกองทัพเรือและกองทัพอากาศมายังบริเวณทะเลจีนใต้เพื่อให้มีการเดินทางทางทะเลเป็นไปอย่างเสรี เพราะว่าย่านนี้เป็นน่านน้ำสากล
ในวันที่31 พฤษภาคม 2015 กระทรวงการต่างประเทศของจีนตอบโต้ข้อกล่าวหาของนายขี้เถ้าด้วยแถลงการณ์6ข้ออย่างทันควัน ในขณะที่นายขี้เถ้ากำลังประชุมShangri-la Dialogueที่สิงคโปร์
โฆษกหญิง Hua Chunyingของกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงข้อโต้แย้งสหรัฐดังนี้:
1. จีนมีอำนาจอธิปไตยและมีสิทธิ์เหนือดินแดนทะเลจีนใต้จากพื้นฐานทางประวัติศาสตร์อยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องอ้างกรรมสิทธิ์ผ่านการถมทะเล
2. การก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างบนเกาะSpratly -- ประเทศอื่นๆก็ทำการปลูกสร้างเหมือนกัน -- เป็นไปตามอำนาจอธิปไตยของจีน และไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ประเทศใดประเทศหนึ่ง จีนต้องการพัฒนาอย่างสันติและในขณะเดียวกันมีนโยบายป้องกันตัวเองด้วย
3. จีนทำการก่อสร้างบนหมู่เกาะSpratlyเพื่อสนองความต้องการระหว่างประเทศไม่ว่าจะเป็นการเดินเรือ การดูแลภัยพิบัติ และการประมงในบริเวณนั้น
4. การก่อสร้างของจีนบนเกาะและแนวปะการังในทะเลจีนใต้ไม่สร้างปัญหาในเรื่องการเดินทางทางอากาศและทะเล แต่ประเทศอื่นต้องไม่ละเมิดเสรีภาพในการเดินเรือ
5. จีนและอาเซี่ยนกำลังหาทางตกลงกันเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติ(code of conduct) ในทะเลจีนใต้ เพื่อว่าจะได้พูดภาษาหรือมีระบบสื่อสารเดียวกันในการใช้พื้นที่หรือระงับข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ มันเป็นเรื่องระหว่างจีนและอาเซี่ยน และสหรัฐไม่ควรเข้ามาเกี่ยวทำให้เรื่องวุ่นวาย
6. ปัญหาทะเลจีนใต้ไม่ใช่ปัญหาระหว่างจีนและสหรัฐ และไม่เกี่ยวข้องกับสหรัฐเลย เพราะฉะนั้นสหรัฐต้องไม่เลือกข้าง และหยุดพูดจาใดๆที่เป็นการบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูิภาคนี้ รวมทั้งทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน
จะเห็นได้ว่าจีนดำเนินนโยบายเชิงรุกแล้ว มีการโต้ตอบสหรัฐอย่างทันควัน โดยทางฝ่ายจีนติดตามการประชุมShangri-la Dialogueอย่างใกล้ชิด พอนายขี้เถ้าออกมาประนามจีนเรื่องทะลเจีนใต้ จีนก็ออกแถลงการณ์สวนกลับทันทีในวันอาทิตย์ ไม่ได้มีการหยุดพักช่วงสุดสัปดาห์
thanong
2/6/2015
China issues six-point response to U.S. remark on South China Sea - CCTV News - CCTV.com English

 

Thanong Fanclub



22. ศึกทะเลจีนใต้
ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องไกลตัวทุกคน นักลงทุนไม่ได้ให้ความสำคัญมาก แต่CNBCเพิ่งจะรายงานว่าแม้ว่ายังไม่มีการกระทบกระทั่งอะไรกันมากที่ทะเลจีนใต้ แต่นักลงทุนต้องคอยตามข่าวเรื่องนี้แล้ว เพราะว่าทะเลจีนใต้อาจจะเป็นจุดที่เป็นแสงประกายของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ต่อไป ซึ่งจะมีผลต่อตลาดหุ้นหรือตลาดการเงิน
thanong
2/6/2015
Market's next concern may float in South China Sea

 

Thanong Fanclub



23. ศึกทะเลจีนใต้
ทั้งจีนและรัสเซียตกอยู่ภายใต้สถานการณ์เดียวกัน คือกำลังถูกพวกแองโกลอเมริกันปิดล้อมทางทหาร ที่ยุโรปสหรัฐใช้นาโต้ปิดล้อมรัสเซีย ที่เอเซียสหรัฐใช้ประเทศในเอเซียช่วยปิดล้อมจีน ทั้งนี้สหรัฐเกรงว่ารัสเซียจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งผ่านเขตเศรษฐกิจร่วมยูเรเซีย (Eurasian Economic Union) และกลัวว่าจีนจะแซงหน้าสหรัฐในอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเงินในอนาคต เนื่องจากกลุ่มแองโกลอเมริกันถือหลักว่ากลุ่มตัวเองเท่านั้นที่มีสิทธิ์เป็นหมาอำนาจโลกแต่เพียงผู้เดียว ประเทศใดบังอาจมาท้าทายต้องถูกจัดการหรือตัดไฟแต่ต้นลม
ด้วยเหตุนี้จีนและรัสเซียจึงมีความจำเป็นที่ต้องผนึกกำลังกันเพื่อสู้กับกลุ่มแองโกลอเมริกัน ทั้งๆที่สองประเทศนี้ยังมีข้อบาดหมาง หรือเรื่องที่ยังคาราคาซังกันอยู่ในอดีต หรือประวัติศาสตร์อันยาวนานที่กระทบกระทั่งกันเนื่องจากว่าเป็นเพื่อนบ้านกัน ตอนนี้ขอพักเรื่องที่เคยผิดใจกันมาก่อน เพื่อผนึกกำลังกันเพื่อสู้กับแองโกลอเมริกัน แรงกดดันทางการเมือง เศรษฐกิจและการทหารของกลุ่มแองโกลอเมริกันทำให้จีนและรัสเซียเป็นพันธมิตรกันโดยปริยาย
ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม มีการประชุมความมั่นคงที่กรุงมอสโควระหว่างจีนและรัสเซียเรียกว่า Russian-Chinese consultations on strategic security นับว่าเป็นครั้งที่11แล้ว นำโดยนายNikolay Patrushev เลขาธิการของRussian Security CouncilและนายYang Jiechi สมาชิกของState Council of China
ข้อสรุปจากการประชุมด้านความมั่นคงครั้งนี้ระหว่างฝ่ายความมั่นคงของจีนและรัสเซียคือ ทั้ง2ประเทศจะร่วมกันต่อต้านการปฏิวัติสี (Colour Revolutions)ทุกรูปแบบ และต่อต้านการแทรกแซงในกิจการภายในของประเทศอื่น รวมทั้งการใช้มาตรการแซงชั่นประเทศอื่นแต่ฝ่ายเดียว
ไม่ต้องเอ่ยชื่อก็รู้ว่ารัสเซียและจีนกำลังระบุถึงสหรัฐที่เป็นตัวการก่อความวุ่นวายทั่วโลกผ่านปฏิวัติสี การแทรกแซงกิจการภายในประเทศอื่นเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจของตัวเอง และการใช้มาตรการแซงชั่นเป้นอาวุธทางเศรษฐกิจและการเงินเพื่อทำลายประเทศที่ไม่เดินตามนโยบายของสหรัฐ
รัสเซียและอิหร่านกำลังถูกสหรัฐและโลกตะวันตกแซงชั่นทางเศรษฐกิจอยู่
แถลงการของที่ประชุมความมั่นคงระหว่างจีนและรัสเซียระบุว่าต้องมีการเคารพในอำนาจอธิปไตย เสรีภาพและดินแดนของแต่ละประเทศ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประเทศต่างๆมีทางเลือกในการใช้ระบบเศรษฐกิจและการเมืองที่เหมาะสมในการพัฒนาประเทศตัวเอง มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะไปแทรกแซงในกิจการของประเทศอื่นเพื่อบังคับให้ประเทศอื่นทำตามนโยบายของตัวเอง ทั้งจีนและรัสเซียปฏิเสธการใช้มาตรการแซงชั่นเพื่อทำลายประเทศอื่น
รัสเซียและจีนต้องการสร้างโลกที่มีมหาอำนาจหลายฝ่าย ไม่ใช้มีเพียงเจ้าเดียว ความขัดแย้งใดๆต้องทำผ่านการเจรจา หรือการหารือกัน
จะเห็นได้ว่าทั้งรัสเซียและจีนเป็นห่วงอาวุธประชาธิปไตยของสหรัฐมากที่ใช้อาวุธนี้ผ่านการปฏิวัติสีเพื่อล้มรัฐบาลและทำลายระบอบการเมืองของประเทศที่เป็นเป้า
ประเทศไทยก็โดนปฏิวัติสีของสหรัฐมาแล้ว เพื่อล้มล้างระบบการเมือง รวมทั้งสถาบันหลักและศาสนา ผ่านนักการเมืองที่ทะเยอทะยาน พวกเอ็นจีโอรับจ้าง พวกที่ปากอ้างประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน และพวกที่เห็นยูเอ็นเป็นพ่อเรียกร้องให้ยูเอ็นเข้ามาจัดการทางการเมืองประเทศไทย
เดชะบุญที่ประเทศไทยมีพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง จึงสามารถรอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกามาได้อย่างหวุดหวิด
โดยจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม พวกคลั่งลิทธิประชาธิปไตยเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติสีที่สหรัฐออกแบบเพื่อล้มระบบการปกครองทั่วโลก เพื่อเข้าไปครอบงำผ่านประเทศนั้นโนมินีของตัวเอง โมเดลนี้ใช้กันแล้วทั่วโลก ทำร้ายประเทศหรืออะไรลงไปแล้วให้สำเหนียกด้วยสำหรับพวกคลั่งประชาธิปไตย
ถ้ายังคลั่งประชาธิปไตยและยอมเป็นเครื่องมือของต่างชาติเพื่ออุดมการณ์ที่ผิดๆถูกๆ หรือเพื่อเงิน ท้ายที่สุดชัยชนะที่ได้มาจะเป็นความล่มจมของประเทศ เหมือนอิรัคหรือซีเรียที่กำลังเป็นอยู่ แล้วถึงตอนนั้นไม่มีคนไทยคนไหนจะอยู่สุข ไม่ว่าจะมีเงินกี่พันล้านหรือกี่แสนล้านก็ตาม
thanong
2/6/2015
TASS: Russia - Russia and China ready to join efforts to fight color revolutions, economic sanctions