ติดตามสถานะการณ์

น้ำมันพุ่ง หุ้นสหรัฐฯร่วง-ทองขึ้นหลังสหรัฐฯปรับลดตัวเลขจีดีพี
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤษภาคม 2558 05:46 น.



เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันเมื่อวันศุกร์(29พ.ค.) พุ่งขึ้นเกือบ 2 ดอลลาร์ จากสัญญาณสหรัฐฯลดกำลังผลิตและเหตุโจมตีนองเลือดแถบแก่นกลางอุตสาหกรรมของซาอุดีอาระเบีย ส่วนวอลล์สตรีทร่วงแรง หลังอเมริกาปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะที่ทองคำฟื้นตัวปิดบวกเล็กน้อย

น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 2.62 ดอลลาร์ ปิดที่ 60.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 2.98 ดอลลาร์ ปิดที่ 65.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

เมื่อวันศุกร์(29พ.ค.) เกิดเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดถล่มมัสยิดแห่งหนึ่งในเมืองดัมมัน จังหวัดอิสเทิร์น คร่าชีวิตผู้คนไป 3 ศพ นับเป็นเหตุโจมตีมัสยิดในซาอุอีอาระเบีย ครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์

ทั้งนี้ด้วยสถานที่เกิดเหตุ อยู่ห่างจากสำนักงานใหญ่รวมถึงคลังกักเก็บและโรงกลั่นน้ำมัน Ras Tanura ของบริษัทอารัมโก รัฐวิสาหิจทางพลังงานยักษ์ใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย แค่ไม่กี่กิโลเมตร เหตุโจมตีดังกล่าวจึงกระพือความกังวลต่อตลาดและผลักราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างแรง

นอกจากนี้แล้วราคาน้ำมัน ยังได้แรงหนุนจากข้อมูลของ เบเกอร์ ฮิวจ์ส ซึ่งคอยนับแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ที่เผยว่าอุตสาหกรรมพลังงานของอเมริกากำลังลดปริมาณการผลิตอย่างต่อเนื่อง

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์(29พ.ค.) ดิ่งลงแรง หลังข้อมูลพบว่าเศรษฐกิจอเมริกาหดตัวในช่วงไตรมาสแรก อย่างไรก็ตามหากนับรวมตลอดทั้งเดือนแล้ว วอลล์สตรีทยังคงอยู่ในแดนบวก

ดาวโจนส์ ลดลง 115.44 จุด (0.64 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,010.68 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 13.40 จุด (0.63 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,107.39 จุด แนสแดค ลดลง 27.95 จุด (0.55 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,070.03 จุด

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯเปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้หดตัวลง 0.7% พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 0.2%

ข้อมูลดังกล่าวเป็นผลจากภาวะอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติและการแข็งค่าของดอลลาร์เมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการบริโภค ขณะที่ตัวเลขอันอ่อนแอของกิจกรรมภาคโรงงานในแถบมิดเวสต์และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม บ่งชี้ถึงแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจแค่เล็กน้อยในช่วงต้นไตรมาส 2

ด้านราคาทองคำเมื่อวันศุกร์(29พ.ค.) ขยับขึ้นเล็กน้อย จากดอลลาร์ที่อ่อนค่าและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาหนี้กรีซที่ผลักให้นักลงทุนหันมาถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,189.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000061355

 

รบ.ซีเรียทิ้ง “ระเบิดถัง” ในอเลปโป คร่าชีวิตพลเรือน 45 ศพ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤษภาคม 2558 17:59 น.



เอเอฟพี – ระเบิดถังที่ถูกปล่อยลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ของรัฐบาลซีเรียได้คร่าชีวิตพลเรือนอย่างน้อย 45 รายและทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายสิบคนในวันนี้ (30) ที่จังหวัดอเลปโปทางตอนเหนือประเทศ กลุ่มสังเกตการณ์ รายงาน

“มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 45 ราย และบาดเจ็บหลายสิบราย หลังจากที่เฮลิคอปเตอร์ของรัฐบาลทิ้งระเบิดถังใส่เมืองอัล-บับและในชุมชนทางตะวันออกของอเลปโป” กลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนในซีเรีย (the Syrian Observatory for Human Rights) ระบุ

รามี อับเดล เราะห์มาน ผู้อำนวยการของกลุ่มนี้ กล่าวว่า ระเบิดดังกล่าวที่ทิ้งในเมืองอเลปโปได้สร้างความเสียหายต่อชุมชนอัล-ชาอาร์ทางตะวันออกที่ฝ่ายกบฏยึดครองอยู่ และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 12 รายรวมถึงสมาชิก 8 คนของครอบครัวๆ หนึ่ง

พลเรือนอีก 33 คน ซึ่งล้วนเป็นผู้ชาย ถูกสังหารที่ตลาดแห่งหนึ่งในเมืองอัลบับ อับเดล เราะห์มาน บอกกับเอเอฟพี

เมืองอัล-บับตั้งอยู่ห่างจากเมืองอเลปโปไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 40 กิโลเมตร และอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มรัฐอิสลามหัวรุนแรง (ไอเอส)

“ในช่วงเช้าวันเสาร์ผู้มนมักมารวมตัวกันที่ตลาดอัล-ฮาอิลในเมืองอัล-บับ ซึ่งคือเหตุผลว่าทำไมตัวเลขผู้เสียชีวิตจึงสูงนัก” อับเดล เราะห์มาน กล่าว

การที่ผู้เสียชีวิตทั้งหมดนั้นเป็นผู้ชายก็เพราะว่าผู้หญิงมีเสรีภาพในการไปไหนมาไหนในพื้นที่ที่กลุ่มไอเอสยึดครองน้อยกว่ามาก เขากล่าวเสริม

กลุ่มสังเกตการณ์ฯ ระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตในเมืองอัล-บับมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากมีพลเรือนบาดเจ็บสาหัสมากมายและยังมีที่ไม่ได้นับรวมอีก 18 คน

ระเบิดถังเป็นอาวุธแบบง่ายๆ ที่ทำมาจากถังน้ำมัน , ถังแก๊สหุงต้ม หรือแท็งค์น้ำติดบรรจุระเบิดและเศษเหล็ก ซึ่งมักถูกทิ้งลงมาจากเฮลิคอปเตอร์

การใช้อาวุธชนิดนี้ของรัฐบาลซีเรียถูกประณามจากกลุ่มสิทธิต่างๆ ที่ระบุว่า ระเบิดถังเจาะจงเป้าหมายไม่ได้และมักสังหารพลเรือนเป้นจำนวนมาก


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000061538

 

เตือนขรก.รับสินบน ระวังถูกถ่ายคลิปประจาน | เดลินิวส์



„เตือนขรก.รับสินบน ระวังถูกถ่ายคลิปประจาน "ศิริพงศ์"โอดกรมที่ดินตกเป็นจำเลยสังคมตลอด จี้ขรก.ปรับแนวคิดเลิกทุจริต อย่าคิดว่าทำชั่วไม่มีใครรู้ วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม 2558 เวลา 14:02 น.

เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่หน่วยบัญชาการกำลังสำรอง นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อธิบดีกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย กล่าวเปิดงานสัมมนาเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบ โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไปยังสำนักงานที่ดินทั่วประเทศ ว่า กรมที่ดินมักมีเรื่องเสียงวิพากษ์วิจารณ์และข้อร้องเรียนในเรื่องการทุจริต โดยตกเป็นจำเลยสังคมตลอดมา อะไรก็มาลงกรมที่ดิน เพราะคดีความต่างๆเกิดจากพวกเราเองที่มีความอยากได้อยากมี ดังนั้นเราต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดแก้ไขกันใหม่ ไม่ให้เกิดปัญหาใหม่ ส่วนปัญหาเก่าก็จะค่อยๆสะสางไป "งานของกรมที่ดินจำเป็นต้องพบปะประชาชน จึงเป็นจุดอ่อนในเรื่องการทุจริต ดังนั้นต้องระวังให้ดี ทั้งการถ่ายคลิปวิดีโอและการรับของ ถ้าถูกนำไปลงสื่อออนไลน์ไปเร็วมาก แค่คิดแก้ตัวก็สายไปแล้ว ตกเป็นเหยื่อสังคมที่ต้นเหตุจากความมักใหญ่ใฝ่สูง ลูกน้องอยากขึ้นแทรหแซงแทนเจ้านาย ถ่ายคลิปวีดีโอการรับของรับเงินแล้วเอามาหักหลังกัน ต้องอย่าลืมว่า แม้คนอื่นจะไม่รู้ แต่ฟ้าดินย้อมรับรู้ กรมที่ดินตั้งมา 124 ปี ทุกคนต้องทำให้องค์กรแข็งแกร่ง มุ่งมั่นที่ดีต่อประชาชนและประเทศ ถ้าทุ่มเทให้กับการทำงาน เราก็จะอยู่รอดปลอดภัยถึงวันเกษียณ"นายศิริพงษ์ กล่าว ด้านนายอุทิศ บัวศรี ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) กล่าวว่า กรมที่ดินต้องวัดระดับความโปร่งใส โดยเป็นการวัดพฤติกรรม ซึ่งระบบวัดความโปร่งใสมีการนำร่องมาแล้วในปี 2557 แต่จะทำต่อไปในปีนี้ ช่วงปี 2558 - 2560 เป็นปีของการเปลี่ยนแปลง โดยรัฐบาลนี้ทุ่มเทแก้ไขการทุจริตคอร์รัปชัน ถ้าทุกคนรู้ทันกฎหมาย ป้องกันการทุจริต และทำแบบเดิมๆไม่ได้แล้ว.“

อ่านต่อที่ : เตือนขรก.รับสินบน ระวังถูกถ่ายคลิปประจาน | เดลินิวส์

 

จ่อแจ้งข้อหาออกโฉนดมิชอบ "อดีตรองผู้ว่าฯภูเก็ต-พวก" | เดลินิวส์



„จ่อแจ้งข้อหาออกโฉนดมิชอบ "อดีตรองผู้ว่าฯภูเก็ต-พวก" เหตุอดีตรองผู้ว่าฯภูเก็ต–พวกออกโฉนดให้นายทุนรุกที่อุทยานเสียหาย จ่อชง คสช.ใช้ม.44 แก้ปัญหา วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม 2558 เวลา 13:00 น.
เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ในโครงการสัมมนาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ที่ จ.ภูเก็ต นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าในการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีการบุกรุกที่ดินอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต ว่า กรณีนี้มีนายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ที่มีนายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กับพวก รวม 16 ราย ถูกกล่าวหาว่าออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบ ทับเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ และป่าสงวนแห่งชาติเขารวก-เขาเมือง ให้กับบริษัท ทรีดอลฟินซ์ จำกัด และบริษัท ทรีดอลฟินซ์ รีสอร์ท จำกัดนั้น จากการไต่สวนข้อเท็จจริง มีความคืบหน้าไปมาก และเตรียมจะแจ้งข้อกล่าวหาภายในต้นเดือน มิ.ย.นี้ ก่อนจะเริ่มพิจารณาไต่สวนว่าจะชี้มูลความผิดหรือไม่ ซึ่งเราหวังว่ากรมที่ดินจะเพิกถอนเอกสารสิทธิเหล่านี้โดยเร็ว ทั้งนี้เรามีคณะทำงานอีกชุดที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการอ่านแปลภาพถ่ายดาวเทียมทางอากาศ ซึ่งมีตนเป็นผู้ดูแล มาทำงานด้วย ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุดทำให้ทราบทันทีว่ามีการบุกรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์ตั้งแต่ปีไหน ผู้สื่อข่าวถามว่ากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอแนะให้ใช้มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว นายวิชา กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะมีการใช้มาตรา 44 และเตรียมจะประชุมเพื่อมีมติให้ส่งเรื่องแก่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดำเนินการด้วยเพื่อจะได้บังเกิดผลให้เร็วขึ้น สำหรับเรื่องร้องเรียนของ จ.ภูเก็ตที่อยู่ในการพิจารณาของป.ป.ช.มีจำนวน 119 เรื่อง โดยอยู่ในชั้นแสวงหาข้อเท็จจริง 84 เรื่อง และอยู่ในชั้นไต่สวน 35 เรื่องส่วนใหญ่เป็นการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบทับเขตอุทยานแห่งชาติ และป่าสงวนแห่งชาติซึ่งจังหวัดภูเก็ตถือเป็นพื้นที่ที่พบการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติมากที่สุดในประเทศเช่น กรณีที่อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตออกโฉนดที่ดินบนหาดฟรีดอมพร้อมเรียกรับผลประโยชน์ 120 ล้านบาท.“
อ่านต่อที่ : จ่อแจ้งข้อหาออกโฉนดมิชอบ "อดีตรองผู้ว่าฯภูเก็ต-พวก" | เดลินิวส์

 

ปอกเปลือก ทรราช
ฮุยยยย!… มีเรื่องสนุกมาเล่าให้ฟัง...เครื่องบินรบ Su-24 ของรัสเซียไล่บี้ก้นเรือพิฆาต USS Ross ของสหรัฐฯในทะเลดำ





-------------
ข่าวนี้โปรอเมริกาต้องตั้งสติให้ดีแล้วค่อยๆอ่านไปให้จบ เพราะมันยากที่จะทำใจให้ยอมรับความจริงได้ วันนี้สำนักข่าว sputnik news ของรัสเซียรายงานว่ากองทัพเรือของรัสเซียส่งเครื่องบินรบ Sukhoi Su-24 ขับไล่กดดันเรือพิฆาต USS Ross ของกองทัพเรือสหรัฐฯที่พยายามจะยั่วยุหรือเรื่องรัสเซียโดยมุ่งหน้าเข้าสู่เขตน่านน้ำของรัสเซียในทะเลดำให้ออกไปจากพื้นที่ดังกล่าว
ทางรัสเซียสังเกตพบว่าเรือรบของกองทัพเรือสหรัฐฯมุ่งหน้าตรงดิ่งเข้าสู่น่านน้ำของรัสเซียหลังจากเดินทางออกจากท่าเรือ Costanta ของประเทศ Romania เพื่ออยากลองของกับรัสเซียอีกครั้ง เหตการณ์นี้เกิดขึ้นในวันเดียวกันกับที่ปธน.โปโรเชนโกของยูเครนแต่งตั้งให้นาย Mikheil Saakashvili อดีตปธน.ของจอร์เจียที่กำลังลี้ภัยอยู่ในยูเครนไปเป็นผู้ว่าฯเมือง Odessa ในยูเครนซึ่งอยู่ติดทะเลดำ เคยมีการสู้รบกันระหว่างกองกำลัง NAF นิยมรัสเซียและพวกนีโอนาซีอาซอฟฝั่งยูเครนอยู่บ่อยครั้งที่เมืองแห่งนี้
นาย Mikheil คนนี้เขาเป็นอดีตผู้นำจอร์เจีย แต่ลี้ภัยมาอยู่ที่ยูเครน และได้รับสัญชาติเป็นพลเมืองของยูเครน ก่อนหน้านี้โปโรเชนโก้เคยเสนอตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลยูเครนชุดปัจจุบันให้เขาด้วย แต่เขาไม่รับ แต่วันนี้พอให้ไปเป็นผู้ว่าฯที่ Odessa เขากลับรับเฉยเลย ต่อไปสหรัฐฯจะส่งใครมารับสัญชาติเป็นชาวยูเครนแล้วคุมทั้งด้านการเมืองและการทหารก็คงจะทำได้โดยไม่ยากเลยสินี่ กรรมของชาวยูเครนจริงๆที่มีรัฐบาลและนโยบายแบบนี้
กลับมาที่เรื่อง Su-24 กันต่อนะ แหล่งข่าวจากฝั่งรัสเซียรายงานว่า "พวกลูกเรือ (ของสหรัฐฯ) กระทำการเชิงยั่วยุและอุกอาจมาก ซึ่งทำให้รัสเซียต้องส่งสัญญาณเตือนระหว่างปฏิบัติการของสถานีเฝ้าระวัง และเรือรบประจำฐานทัพเรือในทะเลดำที่ได้รับมอบหมายภารกิจในทะเลดำ เครื่องบินรบ Su-24 ได้เข้าสกัดและแสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่กดดันด้วยกำลังกับผู้ที่รุกล้ำเขตแดนและปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ"
แหล่งข่าวรายงานว่าเรือรบของกองทัพเรือรัสเซียประจำการที่ทะเลดำกำลังจับตาน่านน้ำของรัสเซียอย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะทำการปราบปรามผู้ละเมิดไม่ว่าฝ่ายใด
แหล่งข่าวจากรัสเซียบอกว่า "ดูเหมือนว่าพวกอเมริกันจะยังคงไม่ลืมเหตุการณ์เมื่อเดือนเมษายนปี 2014 ที่รัสเซียส่งเครื่องบินรบ Su-24 เพียงลำเดียวไปปิดระบบอุปกรณ์ทั้งหมดบนเรือพิฆาต USS Donald Cook ลำใหม่ของสหรัฐฯมาแล้วซึ่งมีการติดตั้งระบบต่อต้านมิสไซล์ด้วย" (น่าสนใจ)
Anatoly Antonov รมช.กลาโหมของรัสเซียกล่าวว่า เรือรบติดตั้งขีปนาวุธของสหรัฐฯเข้าใกล้ชายแดนของรัสเซีย ถือว่าเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพด้านยุทธศาสตร์เมื่อวันเสาร์นี้ในขณะที่ยังมีการเจรจาหลายฝ่ายอยู่ที่ Shangri-La ประเทศสิงคโปร์
อยากรู้ไหมว่าเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว Su-24 ของรัสเซียไปได้สร้างวีรกรรมให้ลูกเรือ USS Donald Cook ของสหรัฐฯขวัญหนีดีฝ่ออย่างไรบ้าง? อ่ะแฮ่ม... เรื่องมันเป็นอย่างนี้ รายงานข่าวบอกว่าเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2557 สหรัฐฯอยากจะลองของรัสเซีย ในช่วงที่กำลังเกิดวิกฤตทางการเมืองในยูเครน และทางไคร์เมียก็พึ่งทำประชามติโหวดให้ไคร์เมียรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียด้วยคะแนนเสียง 96.7% มาหมาดๆเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ซึ่งทางสหรัฐฯและอียูบอกว่าไม่ยอมรับการทำประชามติครั้งนี้ รัสเซียบอกว่า เรื่องของเมิง! ชาวไคร์เมียเขาตัดสินใจแล้ว ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องไปขอความเห็นชอบจากสหรัฐฯหรืออียูหรอก จากนั้นรัสเซียก็ส่งกองทัพของตนเข้าประจำการในไคร์เมียเป็นที่เรียบร้อย สหรัฐฯก็ออกมาโวยวายและทำการแซงชั่นรัสเซีย เพราะว่าตัวเองอดเข้าไปตั้งฐานทัพของตนในไคร์เมีย
จากนั้นสหรัฐฯก็พยายามส่งเรือรบของตนเองเข้าไปยั่วยุก่อกวนในทะเลดำเฉียดเข้าใกล้น่านของรัสเซียอยู่บ่อยครั้ง เช่นเดียวกับที่กำลังยั่วยุจีนในทะเลจีนใต้อยู่ในตอนนี้ ฝ่ายรัสเซียเห็นสหรัฐฯทำพฤติกรรมแบบนี้บ่อยแล้ว ก็เลยสั่งสอนให้รู้สำนึกซะหน่อย ในขณะที่สหรัฐฯส่งเรือพิฆาต USS Donald Cook เข้าสู่ทะเลดำใกล้กับไคร์เมีย ทางรัสเซียก็เลยส่งเครื่องบินรบ Sukhoi Su-24 ลำเดียว ลำเดียวจริงๆ ไม่ติดอาวุธ ไม่ติดระเบิดหรือขีปนาวุธด้วย บินไปโฉบเล่นใกล้ๆเรือรบของสหรัฐฯ บินเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาเล่นๆ ทางสหรัฐฯก็คิดว่ารัสเซียเอาเครื่องบินรบตกรุ่นสมัยโซเวียตมาบินอวดเฉยๆหละมั๊ง ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะตรวจดูแล้วไม่พบว่าเครื่องบินรบของรัสเซียที่ฉายเดี่ยวในครั้งนี้พกพาอาวุธหนักมากด้วยแต่อย่างใด ก็ได้พากันหัวเราะเยาะเครื่องบินรบรุ่นคุณปู่ของรัสเซีย
ฮี่ๆ… หารู้ไม่ เจอเครื่องบินรบรุ่นคุณปู่ของรัสเซียสั่งสอนเด็กเกเรอย่างอเมริกาแล้วจะหนาว รัสเซียทำไง? แอ๊ะแอ... อยากรู้อะดิ มุกนี้อีกแหละ... คริๆ รายงานข่าวบอกว่าพอ Su-24 ของรัสเซียบินโฉบเหนือดาดฟ้าของเรือ USS Donald Cook และในขณะที่ลูกเรือสหรัฐฯพากันหัวเราะเยาะอยู่นั้น สหรัฐฯก็ทดลองระบบยิงมิสไซล์จำลองเล็งไปที่ Su-24 ของรัสเซียเล่นๆ แบบว่าขู่กลับว่างั้นเถอะ จู่ๆลูกเรือสหรัฐฯก็อ้างปากค้างทำอะไรไม่ถูกเมื่อพบว่าระบบเรด้าร์ ระบบควบคุมมิสไซล์ ระบบกระแสไฟฟ้า ระบบการสื่อสารทั้งหมด ทุกระบบบนเรือพิฆาต USS Donald Cook ของสหรัฐฯจำดำ ใช้การไม่ได้ซักอย่าง สำนักข่าวบางแห่งพาดหัวข่าวว่า "Russians Disable U.S. Guided Missile Destroyer..."
อุ๊แม่เจ้า! เรือพิฆาต USS Donald Cook ลำนี้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยใหม่เอี่ยมล่าสุดของสหรัฐฯเลย (cutting edge of U.S. military technology) ติดตั้ง Tomahawk cruise missiles ติดหัวรบนิวเคลียร์ยิงได้ไกลถึง 2,500 กม.จำนวน 56 ลูก และมีมิสไซล์โจมตีอีก 96 ลูก ติดตั้งด้วยระบบ Aegis Combat System ใหม่ล่าสุดเลย (เป็นระบบบูรณาการด้านอาวุธของกองทัพเรือพัฒนาโดย Lockheed Martin เป็นระบบเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเรดาร์ใช้ติดตามและนำวิถีติดอาวุธสำหรับทำลายข้าศึก) เจอ Su-24 บินผ่านแค่นี้แหละเล่นเอาระบบอันทันสมัยทั้งหมดบนเรือรบสหรัฐฯเป็นหมันไปหมดเลย งานเข้าแล้วไหมหละ...
รายงานข่าวบอกว่าลูกเรือของสหรัฐฯบนเรือรบ USS Donald Cook ต่างก็พากันตกใจทำอะไรไม่ถูก ขวัญเสียไปตามๆกัน จอดแน่ๆคราวนี้ ยังหรอก นี่รัสเซียยังไม่กะเอาถึงตายขนาดนั้น แค่เบาะๆเพื่อให้รู้ว่าเหนือฟ้ากับมี Su-24 ของรัสเซียอยู่นะ แล้วรัสเซียใช้อาวุธอะไรจู่โจมอ่ะ? ตามรายงานข่าวบอกว่ามันคือ "electronic warfare device" ซึ่งมีโค้ดเนมว่า "Khibiny" เป็นระบบที่ใช้แจมระบบสัญญาณวิทยุอิเล็กทรอนิคที่ซับซ้อนรุ่นใหม่ล่าสุดของรัสเซีย ซึ่งจะถูกติดตั้งให้กับเครื่องบินรบระดับสูงของรัสเซียด้วย ปัจจุบันนี้ระบบดังกล่าวกำลังอยู่ในขั้นตอนการทดลอง หนึ่งในหนูลองยาของอาวุธชนิดนี้ของรัสเซียก็คือเรือพิฆาต USS Donald Cook ที่ยินดีเข้ามาเป็นอาสาสมัครเอง
เหตุการณ์ต่อจากนั้น สหรัฐฯก็จำใจต้องหันหัวเรือกลับไปยังแหล่งที่มาของตนในโรมาเนีย มีรายงานว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้แล้วมีลูกเรือของสหรัฐฯจำนวน 27 นายขอยื่นใบลาออก โดยให้เหตุผลว่าพวกเขาไม่ต้องการเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงตายแบบนั้นอีก เพนตากอนงดแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้
ยังไม่เข็ด วันนี้มาอีกรอบ สงสัยอยากลองอีกครั้งว่าอาวุธชนิดนี้ของรัสเซียจะสามารถโจมตีระบบต่างๆของสหรัฐฯได้อีกครั้งหรือไม่ สงสัยไปอัพเกรดมาใหม่แน่ๆ อ๊ะๆ รัสเซียไม่หลงกลหรอกน่า ครั้งต่อไปอาจจะไม่ใช่ทางเครื่องบินก็ได้ อาจจะมาจากใต้น้ำก็ได้นะ ทำเป็นเล่นไป
ป.ล.เรื่องรัสเซียใช้ Khibiny นี่จริงเท็จแค่ไหนนั้นโปรดใช้วิจารณญาณเอาเอง เพราะสื่อฯฝั่งตะวันตกเขาจะไม่กล้าเล่นข่าวชวนขวัญเสียแบบนี้ให้กับทางสหรัฐฯ เขาถนัดแต่เล่นข่าวใส่ร้ายประเทศอื่นไปเรื่อยๆ แต่อ่านแล้วก็เพลินดี
The Eyes
30/05/2558
----------
Russian Jets Force US Navy Destroyer Away From Territorial Waters / Sputnik International
http://in.sputniknews.com/…/Russian-Su-24-scores-off-again…/
https://yournewsline.wordpress.com/…/russians-disable-u-s-…/
http://en.wikipedia.org/…/Khibiny_(electronic_countermeas…

 

แผ่นดินไหวระดับ 7.8 เขย่าญี่ปุ่น รู้สึกแรงสั่นสะเทือนไปทั่วประเทศ สุดเสียวตึกสูงระฟ้ากลางกรุงโตเกียวแกว่งเกือบนาที แรงสะเทือนไปไกลถึงอินเดีย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 พฤษภาคม 2558 10:38 น.



เอเจนซีส์ – เกิดแผ่นดินไหวระดับ 7.8 ใต้ทะเล ทางใต้ของญี่ปุ่นในเวลา 20.30 น. เมื่อวานนี้(30) ทำให้รับรู้แรงสั่นสะเทือนบริเวณตึกสูงในกรุงโตเกียว และแรงสั่นสะเทือนนี้มีไปทั่วประเทศ และในการเกิดแผ่นดินไหวญี่ปุ่นครั้งนี้ ประชาชนในกรุงนิวเดลีสามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้เล็กน้อยเกือบนาทีในช่วงค่ำ

บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(30)ว่า สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐ USGS แถลงว่า แผ่นดินไหวระดับ 7.8 มีศูนย์กลางห่างจากกรุงโตเกียวไปราว 7.8 แมกนิจูด ซึ่งมีความลึกไม่ต่ำกว่า 660 กม. โดยเกิดในเวลา 20.30 น. ของวันเสาร์(30)ตามเวลาท้องถิ่น

โดยในขณะเกิดเหตุ ตึกระฟ้ากลางกรุงโตเกียวแกว่งเกือบ 1 นาทีในขณะที่แรงสั่นาะเทือนเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ

และยังไม่มีรายงานเบื้องต้นความเสียหายร้ายแรงออกมา รวมไปถึงไม่มีการเตือนภัยสึนามิออกมา

แต่อย่างไรก็ตาม ตำรวจดับเพลิงได้รับการร้องเรียนจากประชาชนชาวญี่ปุ่นจากการที่รับบาดเจ็บจากการตกที่สูง สถานีโทรทัศน์ญี่ปุ่น NHK รายงาน

นอกจากนี้รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า ได้มีการระงับการให้บริการรถไฟฟ้าความเร็วสูงชินกันเซ็นสายโตเกียว-โอซาก้าชั่วคราวเนื่องจากมีการตัดกระแสไฟฟ้า

นอกจากนี้รถไฟบางส่วนในกรุงโตเกียวถูกระงับการบริการชั่วครวเช่นกันเพื่อความปลอดภัย ส่งผลทำให้ประชาชนที่ต้องการใช้บริการรวมตัวอยู่ตามบริเวณไม่ห่างจากสถานีรถไฟที่พลุกพล่าน

มิจิโกะ โอริตะ (Michiko Orita) ชาวเกาะฮาจิมะ (Hahajima) ที่อยู่ไม่ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว เปิดเผยกับ NHK ว่า “มันสั่นอย่างรุนแรงมาก แท่นบูชาพระพุทธรูปของครอบครัวส่ายไปส่ายมาตามแรงแผ่นดินไหว ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน มันน่ากลัวมาก”

ด้าน นาโอกิ ฮิราตะ (Naoki Hirata) ศูนย์กลางการศึกษาแผ่นดินไหวแห่งมหาวิทยาลัยโตเกียวให้ความเห็นว่า “นี่เป็นการสั่นไหวที่รุนแรงมาก การสั่นไหวขยายเป็นวงกว้าง แต่โชคดีที่เกิดในที่ลึก ทำให้มีอันตรายจากสึนามิน้อย”

ด้าน NDTV สื่ออินเดียรายงานว่า ผลจากเหตุแผ่นดินไหวระดับ 7.8 ทางใต้ของญี่ปุ่น นอกจากที่จะเขย่าประเทศหมู่เกาะแห่งนี้ แรงสะเทือนยังรู้สึกได้ที่อินเดีย ซึ่งสามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้เล็กน้อยนานเกือบนาทีในกรุงนิวเดลี และเมืองเอกของรัฐอื่นๆของอินเดียในค่ำวานนี้(30) ทำให้ผู้คนที่อยู่บนตึกสูงต่างแตกตื่นวิ่งออกมาภายนอก

อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานความเสียหายเบื้องต้นออกมาที่อินเดีย



http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000061632

 

USGS รายงาน เกิดแผ่นดินไหว 5.5 เขย่าแคลิฟอร์เนียเหนือ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤษภาคม 2558 23:14 น.



เอเจนซีส์-สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส)รายงาน เกิดแผ่นดินไหวขนาดปานกลางซึ่งสามารถวัดความรุนแรงได้ที่ระดับ 5.5 ตามมาตราแมกนิจูดในวันเสาร์ (30 พ.ค.) ทางตอนเหนือของมลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ

ข้อมูลของยูเอสจีเอสระบุว่า ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวระดับ 5.5 แมกนิจูดครั้งนี้อยู่ห่างจากเมืองบรูคเทรลส์ ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 3,200 คนไปเพียง 11.2 กิโลเมตร และอยู่ลึกลงไปใต้ดินราว 37.9 กิโลเมตร

อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหายใดๆจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ แม้แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดความตื่นตระหนกในหมู่ชาวเมืองบรูคเทรลส์และพื้นที่โดยรอบ

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 10 วันที่ผ่านมา พื้นที่แถบตอนเหนือของมลรัฐแคลิฟอร์เนียต้องเผชิญกับแผ่นดินไหว ที่วัดความรุนแรงได้อย่างต่ำ 3.0 แมกนิจูดอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง

USGS

 

ปอกเปลือก ทรราช
จีน-ญี่ปุ่น-เวียตนาม บนความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ก็ยังมีแสงสว่างแห่งความร่วมมือกันแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีได้



-------------
ดูข่าวจากฝั่งสหรัฐฯและตะวันตกแล้วมีแต่เรื่องโจมตีจีนกับรัสเซียทั้งนั้น ส่วนสื่อฯฝั่งรัสเซียก็เน้นเรื่องมันๆซัดอเมริกาไม่ยั้ง แต่ก็เอียงจีน แน่หละเพราะว่าเขาเป็นพันธมิตรกันนี่ ส่วนสื่อฯยักษ์ใหญ่ของจีนอยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลและพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเวลาสื่อฯตะวันตกเรียกสื่อฯจีนบางสำนักเฉพาะที่เป็นสื่อฯกระแสหลักเขาก็จะใช้คำว่า "กระบอกเสียงของรัฐบาลจีน" สื่อฯไทยส่วนมากก็ติดคำนี้มาจากอิทธิพลของสื่อฯตะวันด้วยเช่นกัน จีนเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธนะ แต่สื่อฯสหรัฐฯและตะวันตกกลับไม่กล้าที่จะเรียกตัวเองเช่นนั้นบ้าง ทั้งๆที่พฤติกรรมก็ไม่ต่างอะไรจากสื่อฯของจีนและรัสเซียสักเท่าไรนัก
เรื่องสงครามสื่อฯนั้นก็ปล่อยให้เขาสู้กันไปครับ ถ้าเราติดตามแต่ข่าวความขัดแย้งจากข้อพิพาททะเลจีนใต้ระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับมือที่สามที่พยายามยุแหย่ให้เขาทะเลาะกันนั้นเหมือนกับว่ามันจะไม่มีทางออกที่สันติได้ซะเลย ทำให้คิดไปได้ว่าสุดท้ายคงต้องลงเอยที่สงครามใหญ่ซะหละมั๊ง นั่นคือสิ่งที่สหรัฐฯต้องการให้คนทั้งโลกคิดตามเกมของเขาแบบนั้น
ลองหันมาดูอีกมุมหนึ่งซิว่าภายใต้ภาวะที่ตึงเครียดแบบนี้จีนจัดการกับปัญหานี้กับคู่กรณีอย่างไรบ้าง เมื่อวันที่ 23 พ.ค.58 ที่ผ่านมาปธน.สี จิ้นผิงของจีนกล่าวสุนทรพจน์ในการเปิดประชุมการแลกเปลี่ยนมิตรภาพระหว่างจีนกับญี่ปุ่น (China-Japan friendship exchange) ที่หอประชุมใหญ่ประชาชน (the Great Hall of the People) ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งมีคณะผู้แทนจากทั้งจีนและญี่ปุ่นเข้าร่วมถึง 3,000 คนด้วยกัน
ปธน.สี จิ้นผิงกล่าวว่า "มิตรภาพระหว่างจีนกับญี่ปุ่นมีรากฐานมาจากประชาชน และอนาคตของความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีก็อยู่ในมือของประชาชนทั้งสองประเทศ จีนยึดมั่นความสำคัญที่ยิ่งใหญ่เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ และจีนจะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายพื้นฐานนี้ และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้ในอนาคตด้วย"
เว็บไซต์ chinadaily ของจีนกล่าวว่าคณะผู้แทนที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้มาจากรัฐบาลท้องถิ่นและบริษัทผู้ประกอบการรายใหญ่ของทั้งสองประเทศ ซึ่งนับเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างสองประเทศนับตั้งแต่กรุงโตเกียวได้ซื้อเกาะ Diaoyu ของจีนไปอย่างผิดกฎหมายเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2012 (เป็นธรรมดาของสื่อฯแต่ละประเทศเขาก็จะมีเหน็บกันนิดหน่อยแบบนี้แหละ แต่มันก็เป็นความจริง)
ในการสานสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นในครั้งนี้ ทั้งสองประเทศจะใช้ภาคการท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนและเป็นแกนหลักในการสร้างมิตรภาพในระดับประชาชนเป็นหลัก
นั่นคืออีกช่องทางหนึ่งการหาทางลดอุณภูมิความขัดแย้งระหว่างจีนกับญี่ปุ่น คราวนี้มาดูกรณีจีนกับเวียตนามดูบ้าง ก่อนหน้านี้เวียตนามดูเหมือนว่าจะไม่ยอมจีน จีนก็ไม่ยอมเวียตนามก็จะกลายเป็นว่าคอมมิวนิสต์ถูกเสี้ยมให้ซัดกับคอมมิวนิสต์อีกรอบ แบบนี้ไม่ดีแน่ แต่หลังจากที่ผู้นำทั้งสองประเทศได้เดินทางไปพบปะกันที่กรุงมอสโคว์ในงานวัน V-Day ของรัสเซียเมื่อวันที่ 9 พ.ค.58 ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายจะเริ่มคุยกันรู้เรื่องมากขึ้น ขอเพียงอย่างเดียวสหรัฐฯอย่าได้เข้ามายุ่งก็พอ
เมื่อวันที่ 29 พ.ค.58 ที่ผ่านมาสำนักข่าว chinadaily ของจีนพาดหัวข่าวว่า "China, Vietnam can properly handle South China Sea issue" (จีนและเวียตนามสามารถจัดดารปัญหาในทะเลจีนใต้ได้อย่างราบรื่น - แปลว่ามือที่สามอย่าเจือก)
ในการเจรจากันที่งาน Shangri-La Dialogue ประเทศสิงคโปร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นการพบกันระหว่างตัวแทนจากกองทัพปลดปล่อยประชาชนของจีน (People's Liberation Army) กับรมช.กลาโหมของเวียตนาม ทางจีนกล่าวว่า "จีนต้องการที่จะร่วมมือกับเวียตนามที่จะฉีดแรงผลักดันเข้าสู่ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ จีนหวังว่าด้านเวียตนามควรจะมีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับแรงจูงใจของประเทศต่างๆที่อยู่นอกพื้นที่ซึ่งพยายามที่จะเข้ามายุ่งในปัญหานี้ จีนเชื่อว่าประเทศเพื่อนบ้านกันทั้งสองประเทศนี้สามารถที่จะพูดคุยเรื่องข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ได้เป็นอย่างดีโดยผ่านความพยายามร่วมกันของทั้งสองประเทศ"
ทางผู้แทนจากฝั่งเวียตนามกล่าวว่า "กองทัพเวียตนามและจีนได้ดำเนินการแลกเปลี่ยนในการควบคุมดูแลชายแดน และยังคงดำเนินการร่วมมือกันในการเจรจาด้านยุทธศาสตร์ การฝึกอบรมด้านบุคคลากร และภารกิจรักษาสันติภาพต่อไป เวียตนามนี้พร้อมที่จะแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็นกับจีนในวิถีทางของสหาย (comrade way) ในปัญหาเรื่องทะเลจีนใต้ แก้ไขปัญหาความแตกต่างของทั้งสองฝ่ายโดยผ่านการให้คำปรึกษาและคงไว้ซึ่งความร่วมมือในสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค"
เนี่ย! พอหันหน้ามาคุยกันดีๆ ระหว่างฝ่ายที่มีปัญหากันจริงๆมันก็มีทางออกที่สันติและไม่ต้องสู้รบกันเลย แต่สหรัฐฯเจ้ากรรมนี่สิที่เป็นมือที่สามที่ไม่อยากให้กลุ่มประเทศในภูมิภาคนี้เกิดความสามัคคีกันได้ คอยแต่จะเสี้ยมให้เขาทะเลาะกันอยู่นั่นแหละ
ล่าสุดสำนักข่าว sputnik news รายงานว่า John McCain ประธานคณะกรรมาธิการด้านอาวุธของสภาคองเกรสสหรัฐฯ (SASC) ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีความขัดแย้งในทะเลจีนใต้โดยเน้นเรื่องที่จีนสร้างเกาะเทียมเพื่อเป็นสนามบิน เพื่อเตรียมร่างกฎหมายด้านความมั่นคงปี 2016 "ปักหมุดในทะเลจีน"
McCain ผู้่ชื่นชอบสงครามเป็นชีวิตจิตใจแม้ขาจะพิการ มีความคิดพิเรนเสี้ยมให้กลุ่มประเทศอาเซียนขัดแย้งกับจีนว่า สหรัฐฯต้องให้การสนับสนุนทั้งในรูปแบบของการฝึกซ้อมและด้านอาวุธให้กับประเทศพันธมิตรทั้งหลายเช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ประเทศไทย และเวียตนาม (น้าน... ก็หมอนี่เขาหากินกับเรื่องอาวุธเขาก็ต้องเสนอแผนที่จะทำให้เขาสามารถขายอาวุธได้อยู่แล้ว กรณีความขัดแย้งที่ยูเครนเขาก็พูดแบบนี้แหละ ต้องสนับสนุนอาวุธหนักให้ยูเครนเพื่อไปถล่มกับรัสเซีย ดูสภาพของยูเครนทุกวันนี้สิ ไม่รู้อีกกี่ 10 ปีถึงจะฟื้นได้)
ความคิดของ McCain นั้นก็คือให้การสนับสนุนด้านกองทัพของประเทศนั้นๆ หรือกองกำลังด้านความปลอดภัยอื่นๆของประเทศ ที่มีความรับผิดชอบในกลุ่มของพวกเขาที่ทำงานในภารกิจรักษาความปลอดภัยในทะเล (น้าน... เอาแล้วไงแต่ละประเทศในอาเซียนมีกองทัพอื่นนอกจากกองทัพของทางการด้วยหรือ? McCain หมายถึงพวกผู้ก่อความไม่สงบกองกำลังติดอาวุธอย่างอาซอฟของยูเครนหรือเปล่า? สหรัฐต้องการจะสนับสนุนเฉพาะกองกำลังที่สหรัฐฯคิดว่าจะสามารถใช้เป็นทัพหน้าให้ชนกับจีนในทะเลจีนใต้ได้หละสิ)
McCain กล่าวว่า หากยอมรับหลักการนี้ ก็จะมีการจัดหาเงินสนับสนุนไปให้จำนวน $425 million ตลอดเวลา 5 ปีซึ่งรวมทั้ง $50 million ในปี 2016 ด้วย
นั่นไง... สหรัฐฯนี่จะหว่านเงินนำหน้าเสมอ จากนั้นค่อยเรียกเก็บย้อนหลังอีกหลายเท่าตัว ถ้าเป็นรัฐบาลนักการเมืองก็คงจะรีบฮุบเหยื่อก้อนนี้โดยเร็วแน่ๆ เพราะคิดว่ามันเป็นเงินกินเปล่า หารู้ไม่เขาจะบีบคอให้คุณเอาเงินภาษีของประชาชนไปซื้ออาวุธราคาแพงๆหรือสินค้าอย่างอื่นของเขาแบบที่คุณไม่มีสิทธิ์เลือกหรือปฏิเสธในภายหลังได้เด็ดขาด ยูเครนเจอมาแล้ว แต่พวกนักการเมืองของยูเครนก็แฮ็ปปี้ดีนะ เพราะมันรวมหัวกันกินประเทศของตัวเอง ส่วนประชาชนชาวยูเครนก็พูดไม่ออกเพราะออกมาเรียกร้องให้สหรัฐฯเข้าไปจัดตั้งรัฐบาลให้เองนี่
The Eyes
31/05/2558
----------
http://www.chinadaily.com.cn/…/2015…/25/content_20805947.htm
http://www.chinadaily.com.cn/…/2015…/25/content_20805839.htm
http://www.chinadaily.com.cn/…/2015…/24/content_20802430.htm
http://www.chinadaily.com.cn/…/2015…/29/content_20860392.htm
US to Arm China’s Pacific Neighbors to Counter Beijing’s Growing Influence / Sputnik International

 

อินเดียรุดปฏิเสธ หลังมีข่าวกัมมันตรังสีรั่วไหลที่สนามบินนิวเดลี
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤษภาคม 2558 22:30 น.



เอเอฟพี - หน่วยงานเฝ้าระวังทางนิวเคลียร์ของอินเดียในวันศุกร์(29พ.ค.) ออกมากลบกระแสหวาดวิตกว่าอาจเกิดสารกัมมันตรังสีรั่วไหลที่ท่าอากาศยานนานาชาติอันพลุกพล่านของนิวเดลี ตามหลังพนักงานคลังสินค้า 2 คนถูกนำส่งโรงพยาบาล ระบุผลตรวจ ณ พื้นที่เกิดเหตุออกมาเป็นลบ

คณะกรรมการกำกับดูแลพลังงานปรมาณูของอินเดีย(AERB) บอกว่าผลตรวจแสดงให้เห็นว่ามีของเหลวอินทรีย์จากสินค้าประเภทอื่นหกใส่สินค้านิวเคลียร์ทางการแพทย์ของสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส จนกระพือความตื่นตระหนก

"หลังดำเนินการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เรายืนยันว่าไม่มีสารกัมมันตรังสีรั่วไหล" อาร์.บัตตาชารยา ประธานของ AERB ให้สัมภาษณ์กับเพรส ทรัส ออฟ อินเดีย "ของเหลวที่รั่วบนสินค้านิวเคลียร์ มันเป็นของเหลวจากสินค้าอื่น มันเป็นของเหลวอินทรีย์บางอย่างจากสินค้าของสายการบินเตอร์กิช"

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่รับมือภับพิบัติและรัฐบาลบอกว่าตรวจพบสารกัมมันตรังสีรั่วออกมาจากสินค้า จนต้องส่งหน่วยฉุกเฉินเข้าปิดพื้นที่และดำเนินการตรวจสอบ

จุดเกิดเหตุที่อยู่ใกล้พื้นที่คลังสินค้าของสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส และเจ้าหน้าที่พบกล่อง 4 กล่องที่ภายในบรรจุสารนิวเคลียร์ทางการแพทย์ โดยในนั้นบางส่วนได้รับความเสียหายโดยฝีมือของพนักงานจัดเรียงสินค้า

ผู้บริหารสนามบินระบุว่าสารดังกล่าวมีกัมมันตภาพรังสีระดับต่ำและมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้งานด้านการแพทย์ ขณะที่นายราจนาธ ซิงห์ รัฐมนตรีมหาดไทยของอินเดีย ยืนยันเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานอินธิรา คานธี แต่บอกว่ารูรั่วดังกล่าวถูกอุดแล้ว

สถานีโทรทัศน์เอ็นดีทีวีรายงานว่าพนักงานคลังสินค้า 2 คนถูกนำตัวโรงพยาบาล เพื่อตรวจร่างกายในมาตรการป้องกันไว้ก่อน หลังพวกเขาบ่นว่ามีอาการแสบตา พร้อมระบุว่าสารทางการแพทย์ดังกล่าว จ่าหน้าส่งมอบแก่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองหลวงของอินเดีย

เจ้าหน้าที่สนามบินเดลี บอกว่าได้ดำเนินการปิดกั้นพื้นที่ดักล่าวแล้ว และยืนยันว่าไม่มีความเสี่ยงที่ผู้โดยสารจะสัมผัสกับกัมมันตภาพรังสี "ปฏิบัติการต่างๆเกี่ยวกับผู้โดยสารดำเนินตามขั้นตอนความปลอดภัยและเป็นไปตามปกติโดยปราศจากเหตุติดขัดใดๆ"

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000061304

 

พม่า-บังกลาเทศโอเคจัดการรากเหง้าปัญหา'ผู้อพยพ' แต่ที่ประชุมแก้วิกฤตโรฮีนจาถูกจวก'ล้มเหลว' โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤษภาคม 2558 00:02 น.



เอเอฟพี - พม่าและบังกลาเทศ เห็นพ้องจัดการสาเหตุรากเหง้าปัญหาผู้อพยพหลั่งไหลออกมาจากชายฝั่งของสองประเทศระหว่างกาารประชุมในกรุงเทพฯวันศุกร์(29พ.ค.) อย่างไรก็ตามพวกนักวิจารณ์ประจานว่าข้อตกลงดังกล่าวคงไม่พ้นต้องพบกับความล้มเหลว เนื่องจากไม่ยอมพาดพิงถึงชนกลุ่มน้อยโรฮีนจาที่เป็นแก่นกลางของวิกฤต

เรื่องอื้อฉาวด้านผู้อพยพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถูกคลี่ออกมาในช่วงต้นเดือนนี้ หลังรัฐบาลไทยดำเนินการปราบปรามพวกลักลอบค้ามนุษย์อย่างจริงจัง ทำให้ธุรกิจมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯนี้ตกอยู่ในความยุ่งเหยิง

การปราบปรามของไทยทำให้แก๊งค้ามนุษย์ต้องทิ้งเหยื่อไว้ทั้งบนบกและกลางทะเล ขณะที่ภาพของผู้อพยพจำนวนมากในสภาพผอมโซติดค้างอยู่บนเรือหลายลำ บางส่วนเดินโซเซขึ้นชายฝั่งและออกมาจากป่า กระตุ้นให้โลกถาโถมแรงกดดันแก่ชาติในอาเซียนให้ดำเนินการแก้ไขวิกฤตนี้

ส่วนใหญ่ของผู้อพยพเป็นชาวมุสลิมโรฮีนจา กลุ่มคนที่ถูกเกลียดชังในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของพม่าที่มีชาวพุทธเป็นชนกลุ่มใหญ่ แต่บางส่วนเป็นชาวบังกลาเทศที่หลบหนีความขัดสนในแผ่นดินเกิด

ไทย ซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมบรรยายภาพการหารือที่ยาวนาน 1 วันครั้งนี้ว่า "ก่อผลเป็นอย่างมาก" โดยบอกว่าทั้ง 17 ประเทศที่ร่วมพูดคุย เห็นพ้องในถ้อยแถลงจัดมอบความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ผู้อพยพราว 2,500 คนที่เชื่อว่ายังล่องลอยอยู่กลางทะเล เช่นเดียวกับอีกประมาณ 3,500 คนที่ถูกช่วยเหลือขึ้นฝั่งไทย มาเลเซียและอินโดนีเซีย ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นมา

ถ้อยแถลงยังร่างคำสัญญาณจัดการกับสาเหตุรากเหง้าและปัจจัยต่างๆในพื้นที่ต้นทางของผู้อพยพ ในนั้นรวมถึงส่งเสริมทางเศรษฐกิจ สิทธิมนุษยชนและความปลอดภัยในประเทศหล่านั้น อย่างไรก็ตามคำแถลงไม่ได้พาดพิงถึงชาวโรฮีนจา ซึ่งพม่าไม่รับรองว่าเป็นชนกลุ่มน้อยของประเทศ

พม่าไม่รับรองสิทธิพลเมืองแก่ชาวโรฮีนจาที่มีอยู่ราวๆ 1.3 ล้านคน เป็นผลให้พวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ไร้สัญชาติ และเรียกพวกเขาว่าชาว "บังกาลี" คนต่างด้าวที่มาจากบังกลาเทศชาติเพื่อนบ้าน ขณะที่การสำรวจสำมะโนครัวประชากรครั้งแรกในรอบ 3 ทศวรรษของพม่าที่เผยแพร่ในวันศุกร์(29พ.ค.) ก็ไม่ได้นับรวมชาวโรฮีนจาในบันทึกด้วย

บังกลาเทศ รับรองชาวโรฮีนจาราว 30,000 คนเป็นผู้ลี้ภัย แต่อีกหลายหมื่นคนถูกปฏิบัติในฐานะคนอพยพจากพม่า

แม้ ชาฮิดุ ฮาเก หัวหน้าคณะผู้แทนของบังกลาเทศ แสดงความยินดีต่อผลการประชุม โดยบอกกับผู้สื่อข่าวว่า "เรามีการปรึกษาหารือที่ก่อผลอย่างยิ่ง" แต่ดูเหมือนคนอื่นๆมีความประทับใจน้อยกว่า หนึ่งในนั้นคือชาร์ลส์ ซานติอาโก ประธานรัฐสภาอาเซียนด้านสิทธิมนุษยชนและส.ส.มาเลเซีย บอกว่าที่ประชุมส่วนใหญ่ไม่ค่อยพูดถึงเนื้อหาที่ควรจริงจัง และไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเลย พร้อมประจานการประชุมว่าล้มเหลวในการพูดคุยอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับเหตุประหัตประหารชาวโรฮีนจา

ฟิล โรเบิร์ตสัน ตัวแทนขององค์กรฮิวแมนไรท์วอชต์เอเชีย ชี้ว่าการประชุมครั้งนี้เป็นแค่การเอาผ้าพันแผลปิดแผลที่เหวอะหวะ "ในคำแถลงไม่พาดพิงแม้ชื่อของโรฮีนจา คุณจะพูดถึงคนเหล่านี้ได้อย่างไรในขณะที่พวกคุณไม่เอ่ยชื่อพวกเขาด้วยซ้ำ"

ประเทศที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ รวมถึงเหล่าชาติที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตโดยตรงอย่างไทย มาเลเซียและอินโดนีเซีย โดยทั้งหมดเคยแสดงท่าทีลังเลใจหลายวัน ก่อนทัดทานแรงกดดันจากนานาชาติไม่ไหว ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้อพยพที่ติดค้างอยู่กลางทะเล และตอนนี้ทั้งหมดกำลังดำเนินการอย่างกระตือรือร้นในการค้นหาเรือผู้อพยพที่อาจยังล่องลอยอยู่ในน่านน้ำของพวกเขา

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000061318

 

ผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่อ้างการถูกกลั่นแกล้งมาหักล้างความผิดของตน ถือว่าเป็นสุภาพชนที่น่ายกย่อง ไม่เป็นผู้ดีแต่ต่อหน้า ถึงจะมีผู้อื่นทำผิดด้วยฟ้าดินย่อมรับรู้ ซักวันกรรมก็ตามสนองเอง

มท.1 ฟัน 10 ขรก.เอี่ยวทุจริต ยึด พาสปอร์ต-ถอดยศ ทักษิณ ว่าตาม ก.ม.
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 29 พ.ค. 2558 15:58



มท.1 เผย ลงดาบ ข้าราชการเอี่ยวทุจริตแล้ว 10 ราย พบมีโกงข้ามกระทรวง ต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ชี้ มีปรับย้ายผู้ว่าฯ ก่อนเดือน ต.ค.นี้ ขู่ ลงดาบ ผู้ว่าฯ ปล่อยมวลชนเคลื่อนไหว ยัน ถอนพาสปอร์ต-ถอดยศ “ทักษิณ” ว่า ตาม ก.ม.

วันที่ 29 พ.ค. 58 เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงรายชื่อ ข้าราชการที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ลอตแรก ว่า บางส่วนสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว และจะลงโทษทางวินัย ด้วยการพักราชการ ซึ่งขณะนี้มีทั้งสิ้นประมาณ กว่า 10 คน ซึ่งความชัดเจนทั้งหมด ต้องรอมติของ คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) แต่ถ้าการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นจะดำเนินการสอบสวนต่อ ซึ่งบางส่วนมีการกระทำผิดข้ามกระทรวง โดยมีข้าราชการกระทรวงอื่น เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อาจจะต้องตั้งคณะกรรมการร่วมในการตรวจสอบ

เมื่อถามว่า ได้ตรวจสอบการทุจริตในส่วนองค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่น บ้างหรือไม่ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ประเทศไทยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7,000 กว่าแห่ง ซึ่งตนไม่สามารถจะเข้าไปดูแลได้ทั้งหมด ต้องให้ผู้ตรวจกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอเข้าไปดูแลด้วย ซึ่งเราจะทำงานอย่างเต็มที่ แต่ถ้าเป็นโครงการใหญ่จะเข้าไปดูแลพิเศษ เมื่อถามว่า ช่วงเวลาอันใกล้นี้จะมีการปรับย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดหรือไม่ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า จะมีโยกย้ายในส่วนของผู้ถูกลงโทษ โดยจะมีคนเข้าไปแทน เพราะจะรอเวลาให้ถึงเดือนตุลาคมไม่ได้

พล.อ.อนุพงษ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ที่ทหารเข้าบุกที่ประชุมแกนนำเพื่อไทย กลางวงประชุม อดีต ส.ส.อีสาน เพื่อเตรียมความพร้อมในการสู้คดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว. หลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ส่งเรื่องให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาถอดถอนว่า

“ผมอยากพูดว่า อย่าเอาอะไรมาเป็นเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้ง ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย ถ้าไม่ยืนตรงจุดนี้ แล้วกล่าวอ้างว่ามีการกลั่นแกล้งกัน จะเดินต่อไปไม่ได้ อย่าเอาทุกอย่างมาเป็นความขัดแย้ง แล้วเอามวลชนมาขัดแย้งอีก ประเทศชาติจะเดินไม่ได้ ที่สำคัญ คือ ถ้ามองลึกในส่วนนี้ความขัดแย้งของคนมันแก้ไม่ได้”

เมื่อถามว่า ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลความเคลื่อนไหวในพื้นที่หรือไม่ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า การปกครองของมหาดไทย จะต้องไม่ทำให้คนออกมาปลุกปั่น สร้างความขัดแย้ง ลุกลามไปถึงความรุนแรง ซึ่งเป็นแนวทางที่ประเทศไทยต้องเดิน แม้ว่าจะชอบต่างกันอย่างไรไม่เป็นไร แต่อย่ามาขัดแย้งกัน อย่ายุยงปลุกปั่น หรือนำมวลชนออกมาต่อรองทางการเมืองอย่างในอดีตที่ผ่านมา ส่วนเรื่องหมู่บ้านสีแดงในพื้นที่อีสานนั้น เท่าที่ติดตามขณะนี้ไม่มี แต่ถ้าเขาจะชอบสีใด ตนไม่ว่า แต่อย่าไปปลุกปั่น โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้

เมื่อถามว่า ระหว่างที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินหน้าแก้ปัญหาอยู่นี้ จะมีการคาดโทษผู้ว่าราชการจังหวัดหรือไม่ หากจังหวัดใดนำมวลชนมาเคลื่อนไหว รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คาดโทษ แต่ย้ำว่า ถ้าไม่ทำตามนโยบายตนลงโทษเลย เอาคนมาตีกันไม่ได้ เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายทั้งเศรษฐกิจ สังคม

เมื่อถามต่อว่า กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกถอนพาสสปอร์ต และกระแสการถอดยศนั้น กระแสในต่างตังหวัดเป็นอย่างไร รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ต้องสอนให้คนไทยรู้ว่าเป็นการทำตามกฎหมาย วันข้างหน้าถ้าตนผิดแล้วถูกลงโทษ จะบอกว่า มีการกลั่นแกล้งกันก็ไม่ได้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ถ้าไม่กลั่นแกล้งกันเชื่อว่า ประชาชนเข้าใจได้ เพราะถ้าพูดว่า เป็นการกลั่นแกล้งกัน จะเดินไปไม่ได้ ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ต่างๆ ยังไม่พบความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด และเชื่อว่า จากเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีตที่ผ่านมา ทำให้คนไทยเข้าใจอะไรเพิ่มขึ้น

มท.1 ฟัน 10 ขรก.เอี่ยวทุจริต ยึด พาสปอร์ต-ถอดยศ ทักษิณ ว่าตาม ก.ม. - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

บิ๊กตู่ ลั่น สางปมโรฮีนจา-ประมงผิด ก.ม. ย้ำ ไม่ใช้ ม.44 พร่ำเพรื่อ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 29 พ.ค. 2558 18:27
“ประยุทธ์” ชี้ ปฏิรูปต้องให้เวลา ยัน ไม่ใช้มาตรา 44 พร่ำเพรื่อ แนะ ตำรวจดูโมเดลแต่งตั้งกองทัพ สั่งเดินหน้าสางปมโรฮีนจา-ประมงผิดกฎหมายเต็มที่ วอนอย่าค้านไฟฟ้าถ่านหิน หวั่นอนาคตมีปัญหา...



เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 29 พ.ค. 58 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า หากวันใดมีการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ของนักกีฬาไทย จะเลื่อนรายการหรือพูดให้สั้นลง โดยต่อไปจะมีตนพูดเพียงคนเดียวเหมือนในช่วงแรกของรายการ โดยจะใช้เวลาราว 30 นาที ส่วนรองนายกฯ และรัฐมนตรีด้านต่างๆ จะไปออกอากาศทางรายการเชื่อมั่นประเทศไทยที่ออกอากาศช่วงเวลาประมาณ 18.05 น. (ยกเว้นวันศุกร์) และจะใช้เวลาราว 30 นาทีเช่นกัน
“เขาเรียกเผื่อแผ่แบ่งปัน ฟังผมบ้าง ป้าแย้มก็ไม่อยู่แล้ว ก็รอป้าคนใหม่แล้วกันนะ แต่ผมยังอยู่ ก็ขอเวลาพบกับท่านไปก่อน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการบรรยายพิเศษของ ศจ.มิเชล โทเปอร์ จากมหาวิทยาลัยปารีสที่ 10 ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นนักวิชาการ 1 ใน 3 คนที่รัฐบาลเชิญมาบรรยายเรื่องการนำประเทศเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตย ว่า ศจ.โทเปอร์ให้ข้อคิดว่า การรัฐประหารอาจไม่ใช่การทำลายประชาธิปไตยเสมอไป เพราะบางครั้งการรัฐประหารในหลายประเทศ ก็เป็นการทำเพื่อเตรียมไปสู่ระบอบประชาธิปไตยในอนาคต จึงอยากให้คนไทยตระหนักว่าที่ผ่านมา 10 กว่าปี ประเทศไทยมีปัญหามาโดยตลอด ประชาชนแตกแยก ไม่มีความสุข หากปล่อยไว้ ประเทศก็พังพินาศ ลูกหลานเราก็ไม่มีอนาคต รัฐบาลนี้เข้ามาตอนที่ประเทศไทยกำลังจะไปไม่รอดอยู่แล้ว เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงจากสภาพเดิมๆ สามารถวางรากฐานที่มั่นคงให้กับประเทศไทยของเราเพื่อเตรียมไปสู่ระบอบประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ในอนาคต แล้วก็เดินหน้าต่อ แต่จะได้หรือไม่ได้อยู่ที่พวกเราทุกคน อย่างไรก็ตามปัญหาที่สะสมมายาวนานก็ต้องช่วยกันแก้ อย่าโยนภาระให้กับรัฐบาล หรือ คสช. เพราะการใช้อำนาจอย่างเดียว คงไม่สำเร็จ
“สำหรับผู้ที่ถูกเลือกเข้ามาในการบริหารประเทศนั้น ก็ต้องแก้ปัญหาให้ได้ อย่าให้คนไทยต้องหันมาต่อสู้ทำร้ายกันเองอีก สังคมแตกแยกขาดความเป็นระเบียบ กฎหมายไร้ความศักดิ์สิทธิ์ ผู้ด้อยโอกาสถูกเอารัดเอาเปรียบ มีความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรม ประเทศชาติอ่อนแอ ผมต้องการให้คนไทยมีศักดิ์ศรี มีอนาคต ผมไม่เคยคิดว่าทุกอย่างจะง่าย แต่ก็เชื่อว่าถ้าทุกคนร่วมมือกัน มองข้ามผลประโยชน์ส่วนตัว แล้วก็ยอมรับว่าประเทศชาติเราต้องปฏิรูป หันมามองผลประโยชน์ส่วนรวม ลดอัตตาตัวเองลงไป ผมคิดว่าเราทำได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เรื่องการปฏิรูปประเทศเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน จะใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะการปฏิรูปมีหลายเรื่องด้วยกัน ต้องคำนึงถึงโครงสร้างต่างๆ ด้วย หากรื้อทั้งหมดทีเดียวก็ทำงานไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องจัดระเบียบก่อน และกำหนดส่วนใดที่จะทำในช่วงนี้ และส่วนใดที่ต้องทำในรัฐบาลต่อไป เช่น การปฏิรูปตำรวจ ก็ต้องแยกมาดูเรื่องอำนาจหน้าที่ต่างๆ ของตำรวจไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน นอกจากการให้การบริการประชาชนเพื่อให้ได้รับความเชื่อถือจากสังคมแล้ว การแต่งตั้งก็ควรใช้รูปแบบเดียวกับกองทัพ ที่มีการกลั่นกรองเป็นลำดับชั้น เพื่อให้เป็นไปตามความเหมาะสม มีสายการบังคับบัญชาที่ชัดเจน และขึ้นมาด้วยความชอบธรรม
“ผมสรุปแล้วปัญหาใหญ่ๆ เรื่องใหญ่นั้นที่ยังค้างอยู่ในระยะที่ 2 ของผมนี่ ผมจะส่งไประยะที่ 3 ของผม คือรัฐบาลใหม่ แล้วรัฐบาลใหม่ก็ไปกำหนด 1-2-3 ทำก็แล้วกัน คงเข้าใจตามนี้ หรือถ้าหากทุกคนเกรงว่าจะไม่ทำ สภาปฏิรูปฯ กำหนดไว้ ก็อาจจะเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญได้ไหม หรือกฎหมายลูกหรืออะไรก็แล้วแต่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เราทำทุกอย่างตามขั้นตอนทั้งหมด ตามโรดแม็ปทั้งหมด วันนี้ขอให้มีประชามติ ตนก็เปิดทางให้ทำประชามติได้ แต่ห่วงว่าเมื่อถึงการเลือกตั้งแล้วจะวุ่นวาย เพราะมีคนไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ หรือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งปกครองไม่ได้ขึ้นมาอีก ตนห่วงเรื่องเหล่านี้มากกว่า ไม่ได้ห่วงรัฐธรรมนูญเท่าไร เพราะถือเป็นเรื่องที่ คสช.ต้องรับผิดชอบด้วย สำหรับรัฐธรรมนูญนั้นควรเป็นกฎหมายที่ไม่ต้องตีความกันมาก เราต้องใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญในทางที่ถูก นำมาทะเลาะเบาะแว้งกันอีก รัฐธรรมนูญใหม่นั้นต้องสร้างความสมดุลระหว่าง 3 อำนาจ บริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ แล้วก็มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็นผู้ใช้อำนาจ 3 อำนาจดังกล่าวผ่านการเลือกผู้แทนราษฎร ถ้าท่านเลือกดี เขาก็ดูแลท่านดี บ้านเมืองก็เจริญไปข้างหน้า นั่นคือการใช้อำนาจตามหลักประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ซึ่งการเลือกผู้แทนนั้นอย่าไปมองเฉพาะเรื่องนโยบายพรรคอย่างเดียว ต้องมองว่านโยบายของพรรคการเมืองเหล่านั้นวางยุทธศาสตร์ของชาติไว้อย่างไรด้วย
สำหรับการแก้ไขปัญหาผู้อพยพชาวโรฮีนจานั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลไทยได้มีความชัดเจนในการกำหนดความช่วยเหลือชาวโรฮีนจาตามหลักมนุษยธรรม ช่วยตามขีดความสามารถของเรา ซึ่งตนคิดว่าเป็นหน้าที่ของทุกประเทศองค์กรระหว่างประเทศต้องช่วยกันในการดูแลมนุษยชาติ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่จำเป็นต้องกำหนดหลักการช่วยเหลือให้ชัดเจน ทั้งในเรื่องของการดูแลรักษาพยาบาล น้ำ อาหาร และการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ปลอดภัยไปประเทศปลายทางตามความสมัครใจ ต้องเข้าใจว่าประเทศไทยเป็นเพียงทางผ่าน ไม่ใช่ประเทศเป้าหมายของชาวโรฮีนจา โดยตนได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหม จัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการลาดตระเวนและช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ให้กับผู้โยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ ในมหาสมุทรอินเดีย” มีหน้าที่ในการลาดตระเวน ทั้งทางบก – ทะเล ทางอากาศ และได้มีการจัดตั้งฐานปฏิบัติการลอยน้ำ เพื่อให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่ผู้โยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติตามหลักสากล
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้กระทรวงการต่างประเทศก็ได้จัดการประชุมว่าด้วย “การโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย” เพื่อเป็นเวทีให้ทุกประเทศที่เกี่ยวข้องได้หารืออย่างสร้างสรรค์เพื่อแสวงหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นระบบร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมและให้เกิดความยั่งยืน สำหรับผลการประชุมจะเสนอให้ทราบในโอกาสต่อไป ซึ่งประเทศไทยก็ได้มีข้อเสนอในเรื่องความร่วมมือหลายประเด็น ก็ขึ้นอยู่กับในที่ประชุมจะมีมติว่าอย่างไร เพราะเป็นสิทธิของแต่ละประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งสหภาพยุโรปได้ภาคทัณฑ์ประเทศไทย หรือ IUU ว่า รัฐบาลได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) ซึ่งเป็นศูนย์เฉพาะกิจขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี รวมทั้งกำหนดให้ศูนย์อำนวยการการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานต่างๆ จัดทำแผนการตรวจตราการประมงระดับชาติ (National Inspection Plan) สำหรับการดำเนินงานวางระบบในการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับการประมงภายในประเทศ ปัจจุบันมีการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประมง พ.ศ.2558 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเสนอแนะของ IUU ที่จะเข้ามาตรวจสอบการปฏิบัติของเราในเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ยังต้องมีการเร่งพิจารณากฎหมายลูกอีกไม่น้อยกว่า 17 ฉบับ สำหรับการปรับปรุงภายนอกประเทศ คือ ต้องมีการจัดทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างประเทศในการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และเป็นไปตามหลักวิชาการด้านการประมงในเรื่องของพลังงานไฟฟ้า
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้เรื่องพลังงานกำลังประสบปัญหา โรงไฟฟ้าถ่านหินยังสร้างไม่ได้ เพราะมีความขัดแย้งมาก ซึ่งตนขอชี้แจงว่า โรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินเป็นโรงไฟฟ้าที่ถูกที่สุดในการลงทุน เพียงแต่ว่าต้องหาเทคโนโลยีโรงงานที่ทันสมัย ขจัดสิ่งที่เป็นผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เยียวยาประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ไม่ทำให้ดินหรือน้ำเสียหาย ซึ่งปัจจุบันสามารถทำได้แล้ว อย่างในประเทศลาวก็เพิ่งสร้างเสร็จ โดยคนไทยเป็นผู้สร้างด้วยซ้ำ วันนี้แหล่งผลิตในประเทศไทยลดลงเรื่อยๆ พลังงานหมุนเวียน พลังงานทดแทนยังไม่ทันการณ์ เรื่องของการเก็บพลังงานไฟฟ้าทดแทน เราก็ยังไม่มีศักยภาพเพียงพอ ส่งผลให้ต้องนำเข้าไฟฟ้าเพิ่มเติม วันนี้หากยังคิดไม่ตรงกันอยู่ คิดแต่เพียงว่า ต้องรักษาทุกอย่างให้เหมือนเดิม ทุกที่ปฏิเสธกันหมด เมื่อผลิตไม่ได้ ก็ไม่มีไฟฟ้าใช้ วันนี้เราใช้น้ำมันกับแก๊สผลิตไฟฟ้าถึง 70% ถ้าเรายังไม่ลดตรงนี้ไป โดยไม่ใช้วัสดุอื่นๆ มาเป็นต้นทุน ในอนาคตก็จะเกิดปัญหา หากยังต้องใช้แก๊ส น้ำมัน พอราคาขึ้นไปอีก ค่าไฟฟ้าก็ขึ้นแน่นอน
“การคัดค้านอะไร ผมไม่ว่าหรอก เพียงแต่ว่าต้องฟังเหตุฟังผลหน่อย ถ้าเราเข้มแข็งเพียงพอแล้ว เราผลิตทุกอย่างได้เองแล้ว ผมคิดว่าเราค่อยเป็นเสียงที่ดังพอ ที่คนอื่นเขาฟังเรา วันนี้เรายังไม่เข้มแข็งพอ แล้วเราก็ยังมีความขัดแย้งสูงอีก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
บิ๊กตู่ ลั่น สางปมโรฮีนจา-ประมงผิด ก.ม. ย้ำ ไม่ใช้ ม.44 พร่ำเพรื่อ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เกิดแผ่นดินไหว 7.0 นอกชายฝั่งอะแลสกา ในสหรัฐฯ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 29 พ.ค. 2558 15:31



ธรณีพิโรธรุนแรง ขนาด 7.0 นอกชายฝั่งรัฐอะแลสกา ของสหรัฐฯ เดชะบุญ ศูนย์กลางแผ่นดินไหวเกิดในทะเล และลึกลงไปใต้ดิน 50 กม.จึงไม่มีการเตือนภัยสึนามิ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างสำนักงานสำรวจทางภูมิศาสตร์ของสหรัฐฯ (U.S. Geological Survey) หรือ USGS ระบุ เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.0 ในทะเล นอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐอะแลสกา ประเทศสหรัฐฯ เมื่อเวลา 14.00 น. วันศุกร์ที่ 29 พ.ค.58 ตามเวลาในประเทศไทย โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ในทะเล ห่างจากเมืองอูกาชิก ในรัฐอะแลสกา ไปทางใต้-ตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 104 กม. และมีความลึก 51 กม.

ด้านศูนย์เตือนภัยสึนามิในมหาสมุทรแปซิฟิก แจ้งว่า จากข้อมูลที่ได้ ทำให้ไม่มีการประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์ หรือสึนามิ อีกทั้งเนื่องจากศูนย์กลางธรณีพิโรธอยู่ลึกลงไปใต้ทะเล 51 กม.จึงคาดว่าจะไม่ส่งผลให้เกิดความเสียหาย รวมทั้งทำให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และเบื้องต้น ยังไม่มีรายงานความเสียหายจากธรณีพิโรธแต่อย่างใด

เกิดแผ่นดินไหว 7.0 นอกชายฝั่งอะแลสกา ในสหรัฐฯ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ญี่ปุ่นเตือนภัยสูงสุดระดับ 5 ภูเขาไฟชินดาเกะระเบิดแรง! (ชมคลิป)
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 29 พ.ค. 2558 13:35



ภูเขาไฟชินดาเกะ ทางภาคใต้ของญี่ปุ่นระเบิดรุนแรง พ่นเถ้าถ่านดำทะมึนสู่ท้องฟ้า ด้านสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นยกระดับเตือนภัยขึ้นเป็นระดับ 5 สูงสุด พร้อมอพยพประชาชนบนเกาะกว่า 100 คนทันที

<iframe width="570" height="351" src="https://www.youtube.com/embed/ewCR3Q0FpWI" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ภูเขาไฟชินดาเกะ บนเกาะคูชิโนราบูจิมะ เกาะเล็กๆ ในจังหวัดคาโงชิมา ตั้งอยู่ทางภาคใต้ของญี่ปุ่น ได้เกิดระเบิดรุนแรงครั้งใหม่ พ่นเถ้าถ่านและควันดำทะมึนพวยพุ่งสู่ท้องฟ้าสูงประมาณ 9,000 เมตร เมื่อเวลา 10.00 น. ของเช้าวันที่ 29 พ.ค.58 ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่สถานีโทรทัศน์ในญี่ปุ่น แพร่ภาพนาทีที่มีผู้บันทึกภาพเหตุการณ์ภูเขาไฟชินดาเกะระเบิดตูมสนั่น จนสร้างความตื่นตะลึงแก่ผู้คนเป็นอย่างมาก

การระเบิดครั้งใหม่ของภูเขาไฟชินดาเกะ หลังจากสงบมานานถึง 34 ปี ส่งผลให้สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของญี่ปุ่นได้ยกระดับคำเตือนภัยขึ้นเป็นระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดทันที พร้อมกับสั่งอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่บนเกาะคูชิโนราบูจิมะ 140 คน อย่างเร่งด่วน ขณะที่ ด้านนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น ก็ได้เรียกประชุมฉุกเฉินที่บ้านพักนายกรัฐมนตรีในกรุงโตเกียว กรณีภูเขาไฟชินดาเกะระเบิด เพื่อดำเนินมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่อาศัยอยู่บนเกาะเล็กๆ แห่งนี้ทันที

นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นเรียกประชุมฉุกเฉินทันที

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหายจากเหตุภูเขาไฟชินดาเกะระเบิด หลังจากเหตุภูเขาไฟออนตาเกะ ทางภาคกลางของญี่ปุ่นระเบิดเมื่อ 8 เดือนก่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิตเนื่องจากขึ้นไปปีนเขาถึง 57 ราย.

ญี่ปุ่นเตือนภัยสูงสุดระดับ 5 ภูเขาไฟชินดาเกะระเบิดแรง! (ชมคลิป) - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

อินเดียยังระอุ! ยอดเหยื่อคลื่นความร้อนทะลุ 2,000 รายแล้ว
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 30 พ.ค. 2558 23:15


(ภาพ: AFP PHOTO)

จำนวนผู้เสียชีวิตจากสภาพอากาศร้อนจัดในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นผลจากคลื่นความร้อนเพิ่มขึ้นจนเกิน 2,000 ราย แล้ว เมื่อวันเสาร์ ขณะที่ทางการเร่งรณรงค์ให้ความรู้ประชาชนรับมือภัยร้อน...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สถานการณ์คลื่นความร้อนที่ปกคลุมในหลายรัฐของประเทศอินเดียยังคงรุนแรง ล่าสุดทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 2,000 ราย ในขณะที่รัฐบาลเร่งรณรงค์ให้ความรู้ประชาชนอย่างกว้างขวาง เพื่อให้สามารถรับมือกับอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นได้

ตามการเปิดเผยของ เอม-แดท (EM-DAT) หน่วยงานฐานข้อมูลภัยพิบัติระหว่างประเทศ รัฐที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อนมากที่สุดคือรัฐ อานธรประเทศ และรัฐ เตลังคานา ทางตอนใต้ โดยจนถึงตอนนี้พบผู้เสียชีวิตรวมกันแล้วถึง 1,979 ราย นอกจากนี้ยังพบผู้เสียชีวิตอีก 17 ราย ในรัฐโอริสสา ทางตะวันออก และอีก 9 คนในรัฐอื่นๆทั่วอินเดีย ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 2,005 ราย

เอม-แดท ระบุด้วยว่า ทุกปีจะมีคนยากจนหลายร้อนคนในอินเดียเสียชีวิตในช่วงฤดูร้อน แต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตในปีนี้สูงที่สุดเป็นลำดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของอินเดีย รองจากเมื่อปี 1998 ที่มีผู้เสียชีวิตจากอากาศร้อนถึง 2,541 ราย และเป็นลำดับที่ 5 ในประวัติศาสตร์โลก

อนึ่ง เจ้าหน้าที่รัฐ อานธรประเทศ และรัฐเตลังคานา เริ่มการรณรงค์ให้ความรู้ประชาชนเพื่อรับมืออากาศร้อน ทั้งผ่านใบปลิวและสื่อต่างๆ ซึ่งนาย บี.อาร์. มีนา หัวหนาสำนักงานจัดการภัยพิบัติส่วนท้องถิ่นของรัฐเตลังคานา เผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในรัฐยังอยู่ที่ 489 ราย โดยไม่มีผู้เสียชีวิตเพราะอากาศร้อนมาตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ค. และคลื่นความร้อนบรรเทาลงบ้าง

ขณะเดียวกัน นาย พี. ตุลซี รานี หัวหนาสำนักงานจัดการภัยพิบัติส่วนท้องถิ่นของรัฐ อานธรประเทศ ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในรัฐอยู่ที่ 1,490 ราย นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ค. แต่จำนวนเหยื่อสภาพอากาศร้อนรายใหม่ลดลงอย่างมากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา

ทั้งนี้ พยากรณ์อากาศอินเดียระบุว่า ในวันเสาร์ที่ 30 พ.ค. อุณหภูมิสูงสุดในอินเดียอยู่ที่ประมาณ 45 องศาเซลเซียส และเตือนด้วยว่า หลายรัฐจะยังคงมีอุณหภูมิสูงไปจนถึงสัปดาห์หน้า ขณะที่มรสุมตามฤดูการจะพัดเข้าสู่อินเดียในสัปดาห์นี้ โดยเริ่มจากรัฐ เกรละ ทางใต้ของประเทศ

อินเดียยังระอุ! ยอดเหยื่อคลื่นความร้อนทะลุ 2,000 รายแล้ว - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

อิตาลีช่วยผู้ลี้ภัยกลางทะเลกว่า 3พันคน พบผู้เสียชีวิต 17 ศพ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 30 พ.ค. 2558 15:28



เพื่อมนุษย์ธรรม ทหารเรืออิตาลีช่วยผู้ลี้ภัยกลางทะเลเมอดิเตอร์เรเนียนอีกกว่า 3 พันคน พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 17 ศพ บนเรือมนุษย์ เนื่องจากขาดน้ำรุนแรง เผชิญอากาศร้อน-เย็นจัด...

เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2558 “บุญธง ก่อมงคลกูล” ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำประเทศเบลเยียม รายงานว่า เว็บไซต์ 7sus7 ของเบลเยียมรายงานว่า ทหารเรือหน่วยตรวจการณ์ชายฝั่งอิตาลีได้ให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยทางเรือที่เดินทางเข้ามาทางทะเลเมอดิเตอร์เรเนียนอีกกว่า 3,000 คน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นอกจากนั้น ยังพบร่างผู้เสียชีวิตอีก 17 ศพ อยู่บนเรือมนุษย์หลายลำอีกด้วย

กองกำลังทหารเรืออิตาลีแจ้งว่า ได้มีการร้องขอความช่วยเหลือจากเรือมนุษย์จำนวน 17 ลำ ได้มีปฏิบัติการเพิ่มเติมอีกในช่วงกลางคืน มีการตรวจพบร่างผู้เสียชีวิตหลายคนบนเรือยาง 3 ลำ และยังมีผู้ลี้ภัยที่ยังมีชีวิตอีกจำนวนกว่า 300 คน บนเรือดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ตรวจการณ์ชายฝั่งยังได้ระบุเพิ่มเติมว่า สภาพของบรรดาผู้ลี้ภัยทางเรือมักจะมีอาการที่ค่อนข้างแย่มาก อาทิ มีอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดและเย็นจัด ประสบกับการทารุณกรรมทั้งก่อนเดินทางหรือในระหว่างการเดินทาง หลายคนได้เสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศหายใจเพราะสูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในห้องเครื่อง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นกับผู้ที่เดินทางโดยเรือยาง

สำหรับปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเมื่อวันศุกร์นี้ ต้องใช้อาคารของกองทัพเรืออิตาลีจำนวน 4 อาคาร เรือตรวจการณ์ชายฝั่งของเจ้าหน้าที่ศุลกากรอิตาลี รวมทั้งเรือรบของไอร์แลนด์และเยอรมนี เรือจากต่างประเทศอีกหลายลำที่เข้าร่วมปฏิบัติการไตรตันยุโรป (l’Opération Européene Triton) ทหารเรือได้ทำการแจ้งให้เรือบรรทุกสินค้าเปลี่ยนเส้นทางอีกด้วย.

อิตาลีช่วยผู้ลี้ภัยกลางทะเลกว่า 3พันคน พบผู้เสียชีวิต 17 ศพ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

โสมขาวกักตัว 70 คน เสี่ยงติดเชื้อ 'เมอร์ส' จากตะวันออกกลาง
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 29 พ.ค. 2558 06:00


@ท่าอากาศยานในเมืองอินชอน ตรวจอุณหภูมิผู้โดยสารขาเข้า เพื่อเฝ้าระวังผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์ส (ภาพ: AP)

ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อแห่งเกาหลีใต้ กักตัวประชาชน 70 คน ในฐานะกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัส กลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส) เมื่อ 28 พ.ค. หลังพบผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นชายอายุ 68 ปี ซึ่งเดินทางกลับจากซาอุดีอาระเบีย และผู้ถูกกักตัวยังไม่มีอาการป่วยใดๆ

อย่างไรก็ตาม ลูกชายของผู้ป่วย อายุ 44 ปี ฝ่าฝืนคำสั่งกักตัวของรัฐบาล และเดินทางไปยังจีนเพื่อเจรจาธุรกิจ ทำให้รัฐบาลจีนสั่งกักตัวชายคนดังกล่าวเพื่อสังเกตอาการที่โรงพยาบาลในจีน พร้อมทั้งสั่งกักบริเวณผู้โดยสารเครื่องบิน 28 รายซึ่งเดินทางมายังจีนพร้อมชายคนดังกล่าว ขณะที่สถิติผู้เสียชีวิตจากโรคเมอร์สอยู่ที่ 400 รายทั่วโลกตั้งแต่ปี 2555

ทั้งนี้ ไวรัสเมอร์ส อยู่ในกลุ่ม 'โคโรนาไวรัส' เป็นญาติกับไวรัสก่อโรคหวัดธรรมดา รวมถึงไวรัส 'ซาร์ส' ซึ่งเคยระบาดในปี 2003 ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 800 คนทั่วโลก โดยเมอร์สสามารถทำให้ผู้ติดเชื้อเกิดอาการหลากหลาย รวมถึงมีไข้, มีปัญหากับระบบทางเดินหายใจ, ปอดบวม และไตวาย

โสมขาวกักตัว 70 คน เสี่ยงติดเชื้อ 'เมอร์ส' จากตะวันออกกลาง - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ปอกเปลือก ทรราช

รัสเซียประกาศจัดซ้อมรบเป็นครั้งแรกในทะเลจีนใต้ งัดสหรัฐฯขยายอิทธิพลในย่านนี้



-------------
นั่นไง... รอจังหวะนี้อยู่แล้วว่าเมื่อไหร่น๊าาาา รัสเซียจะไปซ้อมรบในทะเลจีนใต้ให้สหรัฐฯกระอักเลือดซักที? และแล้ววันนั้นก็กำลังจะมาถึง อันนี้ข่าวจริงๆไม่ได้อิงนิยายนะนี่ เมื่อวานนี้สำนักข่าว sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "Russia to Take Part in South China Sea Naval Exercises" พาดหัวข่าวรองอีกว่า "รัสเซียจะเข้ามีส่วนร่วมซ้อมรบการต่อต้านก่อการร้ายในทะเลจีนใต้ เนื่องจากภูมิภาคนี้ได้สร้างความกังวลเพิ่มมากขึ้นทั้งด้านความปลอดภัยและความมั่นคงในภูมิภาค"
รัสเซียเลือกที่จะใช้คำว่า "ต่อต้านการก่อการร้าย" (counter-terrorism) มันมีการก่อการร้ายในทะเลจีนใต้อย่างในตะวันออกกลางซะที่ไหนหละ? แล้วใครเป็นโจรเป็นผู้ก่อการร้ายที่รัสเซียหมายถึงหละนี่? คิดเอาเองนะ... ฮ่าๆๆ อันที่จริงรัสเซียเขาหมายถึงการแพร่ขยายของขบวนการก่อการร้ายที่เป็นกองกำลังคุกคามในหลายประเทศทั่วโลกซึ่งได้กลายมาเป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกด้วย ซึ่งมีทั้งการละเมิดลิขสิทธิ์ อาชญากรรมไซเบอร์ และการค้ายาเสพติด
งานนี้รัสเซียเล็งเป้าไปที่กลุ่มตาลีบันในอัฟกานิสถานที่โอบาม่าได้ออกมาประกาศว่าไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายอีกต่อไปนั่นแหละ ตอนทำสงครามถล่มบิน ลาเด็นในอัฟกานิสถาน สหรัฐฯบอกว่าตาลีบันเป็นกลุ่มก่อการร้าย ต่อมาเมื่อต้นปีนี้เองโอบาม่าพลิกลิ้นบอกว่า ไม่ใช่ ไม่ใช่ ตาลีบันไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย เป็นเพียงกลุ่มหัวรุนแรงติดอาวุธเท่านั้น กรรม! คราวนี้รัสเซียบอกว่าตาลีบันนั่นแหละคือผู้ก่อการร้่าย จะเชื่อใครระหว่างสหรัฐฯที่พูดกลับไปกลับมาไม่อยู่กับร่องกับรอย กับฝั่งรัสเซีย?
รายงานข่าวบอกว่า Anatoly Antonov รมช.กลาโหมของรัสเซียกล่าวในที่ประชุมการเจรจา Shangri-La Dialogue ที่สิงคโปร์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า "รัสเซียจะจัดซ้อมรบทางทะเลในทะเลจีนใต้ขึ้นในปี 2016 ร่วมกับหุ้นส่วนประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก รัสเซียมีความกังวลใจเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับความปลอดภัย โดยอ้างถึงกรณีสหรัฐฯใช้จรวดขีปนาวุธ การก่อการร้าย และปฏิวัติสี รัสเซียจะจัดซ้อมรบขึ้นเป็นครั้งแรกร่วมกับบรูไนในปี 2016"
Antonov กล่าวว่า "พวกเรารู้สึกเป็นกังวลใจจากนโยบายของสหรัฐฯในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่สหรัฐฯได้เน้นย้ำถึงอันตรายจากรัสเซียและจีนอยู่ทุกวี่ทุกวันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ"
มาดูเรื่องเกี่ยวกับ "ปฏิวัติสี" (color revolutions) ในมุมมองของ รมช.กลาโหมของรัสเซียบ้างว่าเขาพูดถึงเรื่องนี้ว่าอย่างไร Antonov กล่าวว่า "การแพร่ระบาดของปฏิวัติสี (An epidemic of 'color revolutions') ได้กวาดล้างตะวันออกกลางเช่นเดียวกับพายุเฮอริเคน และแพร่กระจายไปยังรัฐต่างๆทั่วภูมิภาค เชื้อโรคตัวนี้ (disease) ได้แผ่ข้ามไปยังประเทศต่างๆในยุโรป ซึ่งมีการควบคุมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างอิสระจากภายนอก (อันนี้เขาพูดเหน็บสหรัฐฯกับอียูว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความวุ่นวายเหล่านั้น)"
อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของ Antonov นะ ไม่ได้หมายความว่าผู้เขียนจะเห็นด้วยหรือไม่ ที่บอกว่าได้แผ่ไปยังยุโรปนั้นก็คือในกลุ่มประเทศอดีตยูโกสลาเวีย เช่นที่กำลังฮึ่มๆกันอยู่ที่มาซิโดเนียในตอนนี้ รวมทั้งที่พึ่งเกิดขึ้นในยูเครนด้วย
The Eyes
31/05/2558
----------
Russia to Take Part in South China Sea Naval Exercises / Sputnik International

 

เป็นเรื่อง! มะกันพบเชื้อ 'แอนแทรกซ์' มีชีวิตถูกส่งผิดเพิ่มอีก
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 31 พ.ค. 2558 04:23


(ภาพ: AP)

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เผยว่า พวกเขาอาจส่งตัวอย่างเชื้อแบคทีเรีย แอนแทรกซ์ ที่ยังมีชีวิตอยู่ไปยังห้องทดลองมากกว่าที่ระบุก่อนหน้านี้ รวมถึงในประเทศออสเตรเลียด้วย...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เพนตากอน หรือ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เชื่อว่าพวกเขาอาจส่งตัวอย่างเชื้อแบคทีเรีย แอนแทรกซ์ ที่ยังมีชีวิตอยู่ ไปยังห้องทดลอง 24 แห่ง ใน 11 รัฐทั่วประเทศ รวมทั้งห้องแล็ปในกองทัพอากาศสหรัฐฯในเกาหลีใต้ และออสเตรเลียด้วย

อย่างไรก็ตาม เพนตากอนยืนยันว่าไม่มีความเสียงต่อสาธารณะ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ความผิดพลาดครั้งนี้อย่างรุนแรง และเรียกร้องให้มีการพัฒนาด้านการป้องกันมากกว่าเดิม

ทั้งนี้ ข่าวการส่งเชื้อ แอนแทรกซ์ มีชีวิตไปยังแล็ปต่างๆด้วยความผิดพลาด ถูกเปิดเผยออกมาเมื่อวันพุธที่ 27 พ.ค. โดยกระทรวงกลาโหมระบุว่า พวกเขาพลาดส่งเชื้อแอนแทรกไปยังห้องแล็ปในรัฐยูทาห์, แมรีแลนด์, วิสคอนซิน, เดลาแวร์, นิวเจอร์ซีย์, เทนเนสซี, นิวยอร์ก, แคลิฟอร์เนีย และเวอร์จิเนีย รวมทั้งฐานทัพอากาศของสหรัฐฯในเกาหลีใต้

ตัวอย่างดังกล่าวถูกส่งไปในช่วงระหว่างเดือนมี.ค. 2014 ถึง เม.ย. 2015 และล่าสุด เพนตากอน เปิดเผยว่า พวกเขาพบการส่งเชื้อแอนแทรกซ์มีชีวิตโดยไม่ตั้งใจเพิ่มเติม รวมถึงตัวอย่างต้องสงสัยที่ถูกส่งไปยังออสเตรเลียตั้งแต่ปี 2008 โดยกระทรวงกลาโหมออกคำสั่งให้ห้องแล็ปต่างระงับการทดลองแบคทีเรียตัวนี้ชั่วคราวแล้ว

อนึ่ง เพนตากอนเผยก่อนหน้านี้ว่า มีความเป็นไปได้ว่่าเจ้าหน้าที่ของฐานทัพอากาศ โอซาน ในเกาหลีใต้ 22 คนสัมผัสเชื้อตัวนี้ระหว่างการฝึกในห้องทดลอง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่ามีการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม ได้มีการใช้มาตรการทางการแพทย์ที่เหมาะสม รวมทั้ง การตรวจร่างกาย, ให้ยาปฏิชีวนะ และวัคซีน เพื่อป้องกันเอาไว้ก่อนแล้ว

เป็นเรื่อง! มะกันพบเชื้อ 'แอนแทรกซ์' มีชีวิตถูกส่งผิดเพิ่มอีก - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

“กบฏฮูตี” ในเยเมนจับ 4 พลเมืองมะกันเป็นตัวประกัน ยังไม่ทราบชะตากรรม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 พฤษภาคม 2558 05:09 น.



เอเจนซีส์-ชาวอเมริกันอย่างน้อย 4 คนถูก “กบฏฮูตี” ในเยเมนจับเป็นตัวประกันภายในกรุงซานา เมืองหลวงของประเทศ ยังไม่ทราบชะตากรรมที่แน่ชัด

รายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าวของวอชิงตัน โพสต์ระบุ ตัวประกันชาวอเมริกัน 3 ใน 4 คนที่ถูกจับเป็นตัวประกันในครั้งนี้ เป็นพนักงานบริษัทเอกชน ส่วนอีกรายเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเยเมน

แม้จะไม่พบว่ามีชาวอเมริกันรายใดทำงานให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ แต่แหล่งข่าวเผยว่า ฝ่ายกบฏฮูตีซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน อาจยื่นข้อเรียกร้องบางอย่างไปยังวอชิงตันเพื่อแลกเปลี่ยนกับอิสรภาพของพวกเขา

จนถึงขณะนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าชาวอเมริกันกลุ่มนี้ถูกนักรบของฝ่ายกบฏฮูตีจับกุมได้อย่างไร และยังไม่เป็นที่เปิดเผยว่าฝ่ายกบฏได้ยื่นข้อเรียกร้องใดๆต่อทางวอชิงตันแล้วหรือไม่

ทั้งนี้ ทางการสหรัฐฯยอมรับว่า ยังคงมีพลเมืองอเมริกันหลายสิบชีวิตที่ยังคงตกค้างอยู่ในเยเมน หลังจากที่สหรัฐฯปิดสถานทูตของตนในกรุงซานาจากผลพวงที่พวกกบฏฮูตีบุกเข้ายึดเมืองหลวงและโค่นล้มรัฐบาลเยเมนที่สหรัฐฯหนุนหลัง

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000061590