ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    เตือนภัยนักท่องเน็ท ระวัง "Adios, Hola!" ของอิสราเอล ปลั๊ก-อินเว็บบราวเซอร์เจาะหลังบ้านสำหรับแฮ็กเกอร์

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    -------------
    ภัยใกล้ตัวเกี่ยวกับการใช้งานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะนักท่องเน็ทที่ชอบใช้เครื่องมือเสริมหรือตัวช่วยประเภท plug-in หรือ Add-on หรือ extensions ต่างๆของบราวเซอร์ และพวกที่ชอบชุกซนหาทางเข้าใช้งานเว็บต้องห้ามหรือเว็บใต้ดินต่างๆที่ทางการบล็อคไว้ โดยมีการโฆษณาและคุณสมบัติของโปรแกรมเสริมพวกนี้เป็นเครื่องล่อใจว่าสามารถเล่นเน็ทได้ทะลุทะลวงทั่วโลกอย่างไร้พรมแดน ใครจะบล็อคจะสกัดไว้อย่างไรหากใช้เครื่องมือประเภทนี้แล้วสามารถผ่านได้หมด
    ผู้ที่ไม่รู้เท่าทันก็พากันเฮตามไปด้วย พากันดาวน์โหลดมาใช้งาน ในขณะเดียวกันเครื่องมือเสริมเหล่านี้ก็จะเปิด backdoor ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานให้เหล่าแฮ็กเกอร์มาล้วงข้อมูลหรือโจมตีหรือกระทำการจารกรรมทางไซเบอร์ได้ด้วย บ่อยครั้งที่มีไวรัสตามมาด้วย
    ล่าสุดสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งลงข่าวแจ้งให้ทำการถอนการติดตั้ง plug-in ที่ชื่อ "Adios, Hola!" ของค่าย hola.org ที่อ้างว่ามีผู้ใช้งานถึง 46 ล้านคนทั่วโลก โปรแกรมเสริมบราวเซอร์ตัวนี้จะถามก่อนการติดตั้งว่าคุณยินดีที่เปิดทางออกไว้หรือไม่? คุณยินดีที่ถูกแทร็ก (สะกดรอย/ติดตาม/ถูกจับตา) หรือไม่? คุณอนุญาตให้เรารันโค้ดของเราในเครื่องของคุณได้หรือไม่? คุณอนุญาตให้เรารันโค้ดในระดับรูทในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณหรือไม่?
    ถ้าผู้ใช้งานบอกว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวคุณจะมายุ่งอะไรกับเครื่องของฉัน ฉันไม่ยอมรับเงื่อนไขบ้าบอพวกนี้หรอก เจ้าโปรแกรมตัวนี้ก็จะเข้าใจว่าคุณไม่ยินดีให้แฮ็กเกอร์เข้้าใช้ประตูหลังของคุณ แล้วมันก็จะไม่ทำการติดตั้งลงในเครื่องของคุณ ผลก็คือคุณไม่สามารถใช้งานคุณสมบัติบางอย่างของมันได้ แต่ถ้าคุณอยากใช้คุณสมบัติของโปรแกรมเสริมตัวนี้ หรือคุณอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก หรืออ่านออกแต่ด้วยพฤติกรรมเคยชินในการติดตั้งโปรแกรมคอมพิวเตอร์แบบกด next next next… จนถึงขั้นตอนสุดท้ายคือ OK ก็แสดงว่าคุณได้ยอมให้เขาใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณเป็นรังโจรต่อไป
    hola มีซ็อฟแวร์ในสังกัดอยู่หลายตัว มีประเภทมีเดียเพลเยอร์ และ publishers ด้วย รวมทั้ง Luminati เป็นโปรแกรมประเภท VPN (Virtual private network) ขนาดใหญ่ ที่ทำให้คุณสามารถเข้าถึง IP เครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆทั่วโลกได้เป็นล้านเครื่อง hola ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 สำนักงานใหญ่อยู่ที่อิสราเอล ผู้ก่อตั้งคือ Ofer Vilenski และ Derry Shribman เมื่อวันที่ 29 พ.ค.58 ที่ผ่านมา Google Chrome ถอด Hola ออกจาก Web Strore ของตนแต่ก็ยังอยู่ใน Google Play Store ซึ่งเป็น Android app เจ้า hola นี้มีใช้ในบราวเซอร์ดังๆยอดนิยมอย่างเช่น Google Chrome, Mozzilla Firefox และ Internet Explorer เข้าได้ทั้งระบบแม็คและวินโดวส์ แอนดรอยด์และ iOSของแอ็บเบิลด้วย
    แสบมากนะอิสราเอล... ก็มีแฮ็กเกอร์กลุ่มหนึ่ง (LulzSec) เห็นความไม่ชอบมาพากลของโปรแกรมเสริมจากอิสราเอลตัวนี้จึงพากันจับตาดู และแล้วก็พบว่ามันคือโจรอินเตอร์เน็ทชั่วๆนี่เอง จึงความลับออกมาเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ทภายใต้ชื่อเว็บไซต์ "adios-hola.org" ย้อนศรอิสราเอลซะเลย ดังนั้นใครที่ใช้งานโปรแกรม (plug-in) ตัวนี้แนะนำให้รีบถอนออกโดยเร็ว ก่อนที่ท่านจะตกเป็นเหยื่อของเหล่าแฮ็กเกอร์จากอิสราเอลและจากทั่วโลก หน่วยงานในราชการและองค์กรของรัฐที่เกี่ยวกับงานด้านความมั่นคงควรตระหนักในเรื่องนี้เป็นอันดับแรก
    The Eyes
    30/05/2558
    ----------
    Adios, Hola! Popular privacy-minded browser plug-in has backdoor for hackers - report — RT USA
    Hola - Free VPN, Secure Browsing, Unrestricted Access
    Adios, Hola! - Why you should immediately uninstall Hola
    Hola (VPN) - Wikipedia, the free encyclopedia
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ยูเครนเบี้ยวหนี้รัสเซีย โปโรเชนโก้ลงนามประกาศพักชำระหนี้ต่างประเทศเป็นเวลาหนึ่งปีกว่า

    [​IMG]

    ------------
    พูดถึงเรื่องหนี้ต่างประเทศที่กำลังฮ็อตอยู่ในตอนนี้มีอยู่ 2 กรณี กรณีแรกคือหนี้ของกรีซ เป็นธรรมดาที่พอใกล้จะถึงวันชำระหนี้ของกรีซพวกเจ้าหนี้รายใหญ่ก็มักจะมากันเรียงหน้าออกมาแสดงความกังวลผ่านสื่อฯต่างๆทั้งในอียูและในสหรัฐฯว่ากรีซจะเบี้ยวหนี้งวดนี้หรือเปล่านะ บางพวกก็ไปไกลถึงกับว่ากรีซคงจะตกอยู่ในมือรัสเซียแน่แล้ว กรณีนี้เยอรมันนีดิ้นใหญ่เลยตอนนี้ ทางกรีซรู้สึกหมั่นไส้ ก็เลยส่งรมว.มหาดไทยออกพูดปล่อยข่าวให้พวกเจ้าหนี้ตกใจเล่นๆว่า งวดนี้กรีซคงจะไม่มีเงินจ่ายให้พวกคุณแล้วหละ ทำใจหน่อยนะ (Can't Pay, Won't Pay) IMF เงียบกริ๊บเลย ฮ่าๆๆ
    กรณีของกรีซกับอียูนั้นเขาหยอกกันเล่น มาดูอีกกรณีหนึ่งอันนี้ของจริงเลย แสบมาก เมื่อวันที่ 28 พ.ค.58 ที่ผ่านมา sputnik รายงานว่า ปธน.เปโตร โปโรเชนโก้ ได้ลงนามออกกฎหมายพักชำระหนี้ต่างประเทศจนถึงเดือนกรกฏาคมปีหน้า กฎหมายฉบับนี้อาจจะมีผลกระทบต่อการจ่ายหนี้คืนให้รัสเซียจำนวน 3 พันล้่านเหรียญสหรัฐฯที่เลยกำหนดมาตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมาแล้วก็ได้ เพราะป่านนี้ทางยูเครนยังไม่มีวี่แววว่าจะจ่ายให้รัสเซียเลย
    ปูตินออกมากล่าวว่ากฏหมายฉบับนี้ของยูเครนถือว่าเป็นการเบี้ยวหนี้โดยพฤตินัย แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมด้านลบของความเป็นมืออาชีพในภาวะผู้นำของยูเครน แปลเป็นไทยว่า "ไม่เป็นมืออาชีพ" แปลอีกครั้งว่า "กระจอก" ส่วนรมว.คลังของรัสเซียออกมาขู่ยูเครนว่า งั้นรัสเซียก็จะฟ้องร้องดำเนินคดีกับยูเครนหละนะ
    ปัจจุบันนี้ยูเครนมีหนี้ทั้งหมดจำนวน 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท) โดย 3 หมื่นล้านเหรียญเป็นหนี้ต่างประเทศ และ 1.7 หมื่นล้านเหรียญเป็นหนี้ภายในประเทศ (ส่วนอีก 3 หมื่นล้านนั้นข่าวไม่ได้บอก) นาย Arseniy Yatsenyuk นายกฯของยูเครนกล่าวว่าการเลื่อนชำระหนี้อาจจะเกี่ยวข้องเฉพาะส่วนที่เป็นเงินกู้ภาคเอกชน แต่ยูเครนพิจารณาว่าหนี้ 3 พันล้านเหรียญจากรัสเซียนั้นก็จัดให้อยู่ในส่วนของหนี้ภาคเอกชนด้วยเช่นกัน (กรรม!) แน่นอนว่าทางกรุงมอสโคว์ไม่เห็นด้วยกับข้อสรุปติ๊งต๊องของฝั่งยูเครนอยู่แล้ว
    มันไม่ได้มีเฉพาะหนี้ส่วนนี้เท่านั้นนะ ยังมีหนี้จากค่าแก๊สอีกตั้ง 2.9 หมื่นล้านเหรียญที่ยูเครนยังไม่ได้จ่ายให้บริษัท Gazprom ของรัสเซียอีกด้วย ยูเครนค้างค่าชำระแก๊สให้กับรัสเซียมาตั้งแต่ปี 2012 โน่นแล้วจนล่าสุดรัสเซียต้องประกาศใช้มาตรการชำระเงินล่วงหน้าก่อนถึงจะยอมส่งแก๊สให้ ยูเครนถึงยอมจ่ายเฉพาะค่าแก๊สปัจจุบัน แต่ยังไม่จ่ายหนี้เก่าให้รัสเซีย
    โปโรเชนโก้นี่แกมีอะไรแปลกๆออกมาเรื่อยนะ นอกจากเรื่องเบี้ยวหนี้หน้าด้านๆแล้วแกยังออกมาประกาศอย่างเป็นทางการอีกด้วยว่า เขาสามารถที่จะประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศได้ภายในไม่กี่ช่วงโมงในกรณีที่มีการรุกล้ำฐานที่มั่นทางกองทัพของยูเครน โปโรเชนโก้พูดว่า "จุดยืนของผมก็คือ (ส้นเท้า? Oopz! ม่ายช่าย) ถ้าข้อตกลงการหยุดยิงถูกทำลายลงในตอนนี้ ถ้ามีการล้ำเส้นแบ่งการเผชิญหน้ากันทางกองทัพ ถ้ามีการรุกเข้ามาต่อสู้กับกองทัพของยูเครน ในช่วงนาทีนั้น (หลาย if จัง!) ผมจะลงนามประกาศใช้กฎอัยการศึก และจะผ่านมันไปที่รัฐสภาทันที ผมจะไม่สงสัยเลยว่าภายในไม่กี่ชั่วโมง กฎอัยการศึกจะมีผลบังคับแน่" (น้านนนน!)
    ว้าว! พูดถึงเรื่องการฝ่าฝืนข้อตกลงหยุดยิงก่อนนะ ยูเครนฝ่าฝืนบ่อยที่สุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เองกองทัพของยูเครนก็ยิงถล่มเมือง Gorlovka ภูมิภาคดอนบาสส์ในยูเครนตะวันออกไปหยกๆ มีพลเรือนเสียชีวิตด้วย คราวนี้มาดูอีกมุมหนึ่งซิ ทำไมนักประชาธิปไตยที่สหรัฐฯเลือกตั้งมากับมือถึงได้นิยมความรุนแรง นิยมการทำสงคราม นิยมใช้กำลังทางทหาร หรือแม้กระทั่งการประกาศใช้กฎอัยการศึกยิ่งกว่าทหารมืออาชีพซะอีก? เรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมเหล่านี้ของผู้นำยูเครนคนปัจจุบันนั้น สหรัฐฯทำเป็นหลิ่วตาให้นะ คือมันแปลกที่สหรัฐฯและอียูที่เรียกร้องเรื่องประชาธิปไตยมาตลอด ไม่ออกมาคัดค้านคำพูดของโปโรเชนโก้เลยแม้แต่นิดเดียว พฤติกรรมและการตัดสินใจใดๆที่รัฐบาลยูเครนแสดงออกมาถ้าสหรัฐฯไม่ไฟเขียวให้ย่อมทำไม่ได้อยู่แล้ว
    และในอีกมุมหนึ่งสหรัฐฯก็จะส่งพวกนักวิชาการระดับมหาวิทยาลัยออกมาเล่นละครว่าสหรัฐฯอยากเป็นมิตรกับรัสเซีย แต่พักหลังนี้ยูเครนเริ่มเกเร สหรัฐฯไม่สามารถคุมยูเครนได้ ซะงั้น แหม… ปูตินคงนึกในใจว่าไปหลอกเด็กอมมือเหอะ ไม่น่าเชื่อว่าระดับศาสตราจารย์ Stephen Cohen แห่ง Princeton University และ New York University จะกล้าแสดงความคิดเห็นเจ้าเล่ห์แฝงไว้ด้วยยาพิษแบบนี้ออกมาได้ แกคิดว่าคนอื่นเขาจะไม่รู้ทันแกหรืออย่างไร เพียงแค่ขึ้นต้นด้วยการเรียกรัสเซียว่า "Pariah" (คนนอกคอก) แค่นี้ก็รู้แล้วว่าแกคิดอะไรและวางแผนอะไร เพราะมันไม่ได้แสดงออกถึงความจริงใจที่จะคบหากันอย่างตรงไปตรงมาด้วยคำพูดเชิงดูถูกผู้อื่นแบบนี้เลย ถ้าแอ็ดมินเอามาเล่าให้ฟังมากกว่านี้เดี๋ยวผู้อ่านจะของขึ้นตามไปด้วย จึงเอามาแค่นี้ก็พอนะ
    The Eyes
    30/05/2558
    ----------
    Poroshenko Signs Moratorium on Foreign Debt Repayment / Sputnik International
    http://rt.com/business/261605-greece-imf-debt-payment/
    Ukraine is Head Over Heels in Debt for Russian Gas / Sputnik International
    Russian Investigators: Kiev Shelled Gorlovka to Kill Russian Speakers / Sputnik International
    'Pariah' No More: Washington Wants Moscow to Be Cooperative Partner / Sputnik International
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ระเบิดพลีชีพซาอุดิฯรายสัปดาห์รอบสองมุ่งโจมตีมอสค์ซีอะห์ ไอซิสรีบอ้างเป็นอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุทั้งหมด

    [​IMG]

    ------------
    มันแปลกๆอยู่นา... หรือว่าซาอุดิฯจะแตกและกลายเป็นแดนมิคสัญญีอีกแห่งในตะวันออกกลางซะแล้วนี่ บอกแล้วว่าตามเพจนี้เรื่อยๆมีอะไรเด็ดๆโผล่ออกมาให้เห็นเรื่อยๆ มีเยอะด้วยนะ แต่พิมพ์มะไหวอ่ะ เห็นใจแอ็ดมินหน่อยนะขอครับ
    เข้าสู่ข่าวเลยนะครับ วันนี้ (29 พ.ค.58) สำนักข่าว RT news และ Sputnik news ของรัสเซียรายงานว่าเกิดเหตุระเบิดพลีชีพขึ้นภายนอกมอสค์ (mosque) ของชีอะห์ที่เมือง Dammam ทางตะวันออกของซาอุดิอารเบีย (ไม่ไกลจากเหตุระเบิดพลีชีพครั้งก่อน - หมู่บ้าน Qadeeh เมือง Qatif) ผู้ก่อเหตุระเบิดพลีชีพในครั้งนี้พยายามจะเข้าไปภายในมอสค์ แต่พลาดจึงเกิดระเบิดขึ้นภายในรถของตัวเอง แล้วผู้ก่อเหตุเป็นอะไรมากไหม? ต้องตามเก็บชิ้นเนื้อที่กระจายอยู่ตามถนนมาต่อกันให้ครบก่อนแล้วค่อยถามอ่ะนะ เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มีผู้อยู่บริเวณใกล้เคียงอีก 4 รายเสียชีวิตไปด้วย
    เมื่อวันศุกร์ที่ 22 พ.ค.58 ที่ผ่านมาก็เกิดเหตุระเบิดพลีชีพแบบนี้มาแล้วล่าสุดรายงานบอกว่ามีผู้เสียชีวิตราว 20 รายและบาดเจ็บอีก 100 กว่าคน ครั้งนั้นเกิดขึ้นภายในมอสค์ในขณะที่มีผู้คนเข้าไปประกอบพิธีทางศาสนาเป็นจำนวนมาก คราวนี้ก็กะว่าจะเข้าไปก่อเหตุภายในศาสนสถานอีกเช่นกัน แต่เกิดความผิดพลาดทางเทคนิคก็เลยบิ๊กกะบึ้มที่ลานจอดรถภายนอกมอสค์ซะก่อน
    หลังการก่อเหตุเมื่อวันศุกร์ที่ 22 นั้น Jean-Christophe Rufin นักประวัติศาสตร์ ทูต และนักประพันธ์ ชาวฝรั่งเศสออกมาส่งสัญญาณบางอย่างว่า "ตั้งแต่หลังสงครามเย็นมา สหรัฐฯได้ปั้น (fabricate) ศัตรูขึ้นมาให้กับตัวเองถึงสองฝ่ายคือ 'Radical Islam' และ 'Russia' (อันนี้ Rufin เขาใช้คำนี้นะแอ็ดมินไม่ได้แต่งขึ้นมาเอง) แต่ขณะนี้สหรัฐฯจำเป็นต้องเลือกเพียงข้างเดียวเท่านั้น และตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คือ...หัวรุนแรง"
    มาดูกันต่อว่าที่นาย Jean-Christophe Rufin (โปรอเมริกาคนนี้) ออกมาพูดอย่างแบบนี้เขาต้องการอะไร หรือเพื่อที่จะสื่อฯอะไรบางอย่างกันแน่ Rufin ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ French Le Figaro ของฝรั่งเศสว่า "สหรัฐฯจำเป็นต้องมีศัตรูภายนอกเพื่อเป็นเครื่องรับประกันความร่วมมือในกลุ่มสังคม สังคมชาวอเมริกันก็เหมือนจักรวรรดิโรมันที่ต้องการศัตรูภายนอกเพื่อให้รวมตัวกันอยู่ได้ ตั้งแต่ปี 1991 (หลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย) เป็นต้นมา ในการมุ่งมั่นที่จะไม่พลาดโอกาสอย่างใดอย่างหนึ่ง สหรัฐฯได้สร้างศัตรูขึ้นมาถึงสองด้าน ฝ่ายหนึ่งคือกลุ่มประเทศมุสลิมอาหรับ ซึ่งสหรัฐฯติดป้ายว่าเป็นเผด็จการ สหรัฐฯและพันธมิตรยุโรปมีส่วนร่วมในการเกิดขึ้นมาของศัตรูที่เป็นชาว... เริ่มตั้งแต่บิน ลาเดน ต่อมาก็เป็นไอซิส ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากระบบกษัตริย์เศรษฐีน้ำมันในอ่าวเปอร์เซีย"
    อีกด้านหนึ่งนั้นไล่ล่านโยบายที่เป็นระบบของรัสเซียยุคหลังโซเวียต จากจอร์เจียไปถึงมองโกเลียและผ่านกลุ่มประเทศบอลติก (เอสโตเนีย, ลัตเวีย และลิธูเนีย) สหรัฐฯได้สร้างพื้นฐานสำหรับสงครามเย็นรอบใหม่ สหรัฐฯกำลังเผชิญหน้าว่าจะต้องเลือกศัตรูเพียงด้านเดียวเท่านั้น สำหรับ Rufin แล้วเขามองว่าตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดที่สหรัฐฯควรจะมองว่าเป็นศัตรูของตัวเองนั้นก็คือ "…หัวรุนแรง"
    โดยส่วนตัวผู้เขียน (แอ็ดมิน) มองว่า นี่เป็นอีกหนึ่ง propaganda จากการเดินหมากของสหรัฐฯ โดยพยายามใช้ให้บุคคลภายนอก นักคิด นักเขียน นักวิชาการออกมาพูดกล่อมรัสเซียว่าสหรัฐฯไม่ได้มองว่ารัสเซียเป็นศัตรู มีแต่อาหรับในตะวันออกกลางเท่านั้นที่เป็นศัตรูของสหรัฐฯ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นสหรัฐฯพยายามจะแซะเข้าใกล้ชายแดนของรัสเซียอยู่ทุกวัน แม้ว่าสหรัฐฯอยากจะให้ชาวโลกมองว่าอาหรับหัวรุนแรงโดยเฉพาะชาติที่ยังปกครองด้วยระบบกษัตริย์อยู่นั้นเป็นศัตรูของสหรัฐฯ แต่ในความเป็นจริงก็คือสหรัฐฯสนับสนุนให้ซาอุดิฯถล่มเยเมน และซาอุดิฯเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ซื้ออาวุธสงครามจากสหรัฐฯซะด้วย แผนนี้ไม่น่าจะกินรัสเซียได้นะ
    มองอีกมุมหนึ่งก็เป็นเรื่องน่าเศร้าที่บุคคลที่เรียกว่าเป็นนักคิดในกลุ่มประเทศที่เรียกตัวเองอีกนั่นแหละว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วยังมีวิสัยทัศน์ได้เพียงแค่นั้น คือยังมองที่การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นหาความสงบสันติสามัคคีไม่ได้ พองัดกับรัสเซียไม่ได้ก็โยนไปให้กลุ่มประเทศอาหรับ โดยพยายามสอดแทรกคำบางคำที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งทางศาสนาขึ้นมา ก่อให้ผู้อ่านที่ไม่รู้เท่าทันมองบางศาสนาในแง่ลบไปเลย แต่ในขณะเดียวกันการกระทำอันโหดร้ายของสหรัฐฯและชาติมหาอำนาจในยุโรปในการก่อสงครามต่างๆ กลับไม่บอกว่าการใช้ความรุนแรงทางกองทัพของตนเองเป็นการทำในนามศาสนาหรืออ้างเรื่องศาสนาอย่างที่ตะวันตกพยายามใช้คำที่มีนัยทางศาสนากับชาติอาหรับเลย ส่วนอาหรับหัวรุนแรงที่ไม่รู้เท่่าทันเกมของตะวันตกกับสหรัฐฯก็สร้างความโกรธแค้นเกลียดชังต่อศาสนาอื่นเช่นกัน แล้วมันจะสงบได้อย่างไรขนาดคนที่เขาเรียกตัวเองว่าเป็นนักคิดยังคิดได้แค่นี้ กรรม!
    เมื่อมีการปล่อยข่าวในทำนองนี้ขี้นมาในสหรัฐฯและยุโรป ซาอุดิฯรีบรับมุกทันที หลังจากที่เกิดเหตุก่อการร้ายในวันที่ 22 ที่ผ่านมา และ Rufin ออกมาพูดในวันที่ 24 ต่อมาในวันที่ 26 ซาอุดิฯ สนับสนุนการเดินขบวนไปงานศพของเหยื่อระเบิดพลีชีพ มีผู้เข้าร่วมการชุมนุมมากถึง 500,000 คน กษัตริย์ของซาอุดิฯและรัฐบาลซาอุดิฯได้ออกมาประณามการก่อเหตุดังกล่าวซึ่งทางนักแสดงไอซิสออกมาบอกว่าเป็นฝีมือของพวกตน การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของฝั่งซาอุดิฯ โดยใช้มวลชนเป็นแรงกดดันสหรัฐฯและยุโรปก็เพื่อเป็นการสร้างภาพให้ตัวเองว่า ซาอุดิฯไม่ได้อยู่เบื้องหลังหรือเป็นผู้สนับสนุนผู้ก่อการร้ายไอซิส อย่างที่ถูกกล่าวหา แต่ซาอุดิฯ ยังเดินหมากช้ากว่าอิหร่านและฮิชบอลเลาะห์อยู่หลายก้าว เพราะซาอุดิฯไม่กล้าที่จะประกาศทำสงครามกับไอซิสอย่างออกหน้าเหมือนอิหร่าน และซีเรีย ดูต่อไปว่าซาอุดิฯ จะรับมือกับการก่อเหตุโดยขวบนการก่อการร้ายภายในประเทศของตัวเองอย่างไรบ้าง
    The Eyes
    30/05/2558
    ----------
    http://rt.com/news/263117-blast-mosque-dead-suicide/
    Islamic State Responsible for Deadly Mosque Bombing in Saudi Arabia / Sputnik International
    Over 500,000 Take Part in Funeral for Saudi Mosque Attack Victims - Reports / Sputnik International
    Islamic State Seeks to Divide Saudi Arabia Into Five Parts / Sputnik International
    War is Peace: US Needs External Enemy to Ensure Internal Unity / Sputnik International
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ด่วน! เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ หน้ามัสยิดอิมามฮูเซ็น (อ) ในซาอุฯ
    ตะวันออกกลางby เอบีนิวส์ทูเดย์ - พ.ค. 29, 2015

    [​IMG]

    เพรสทีวี – เกิดเหตุคาร์บอมบ์ ในหน้าบริเวณมัสยิดอิมามฮูเซ็น(อ) เขตพื้นที่ อัลอะนูด เมืองดะมัม ซาอุดีอาระเบีย

    กระทรวงมหาดไทยซาอุดิอาระเบีย เปิดเผยว่า เหตุคาร์บอมบ์ครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 4 ราย บาดเจ็บ 10 กว่ารายและผู้ก่อเหตุก็ได้เสียชีวิตในเหตุการณ์คาร์บอบม์ครั้งนี้ด้วย

    [​IMG]

    [​IMG]

    ตามรายแหล่งข่าวท้องถิ่นเปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุต้องการเข้าไประเบิดพลีชีพในมัสยิดอิมามฮูเซ็น(อ) แต่หลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงเลือกใช้วิธีคาร์บอบม์ สถานที่จอดรถหน้ามัสยิดอิมามฮูเซ็น (อ) แทน

    ด่วน! เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ หน้ามัสยิดอิมามฮูเซ็น (อ) ในซาอุฯ | abnewstoday
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิดีโอ/ขณะเกิดการระเบิดในมัสยิดอิมามฮุเซน (อ.) ในเมืองดัมมาม ซาอุดิอาระเบีย
    Category: News & Event Published on Friday, 29 May 2015 17:40 Written by Islamicstudiesth Team.

    [​IMG]

    ในวิดีโอซึ่งถูกเผยแพร่ออกมาเพียงไม่กี่นาทีที่ผ่านมาบนอินเทอร์เน็ต ได้แสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาของการเกิดเหตุการณ์ระเบิดก่อการร้ายในขณะที่คอเต็บ (ผู้แสดงธรรม) กำลังกล่าวธรรมเทศนา (คุฏบะฮ์) ของนมาซวันศุกร์ ในมัสยิดอิมามฮุเซน (อ.) ในเมืองดัมมาม (Dammam) ของประเทศซาอุดิอารเบีย


    <iframe width="720" height="400" src="https://www.youtube.com/embed/olNX832rTtw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="720" height="400" src="https://www.youtube.com/embed/VRmHoDcBaJM" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


    ภาพข่าว การระเบิดในมัสยิดอิมามฮุเซน (อ.) ในเมืองดัมมาม ซาอุดิอาระเบีย

    ที่มา : fa.alalam

    วิดีโอ/ขณะเกิดการระเบิดในมัสยิดอิมามฮุเซน (อ.) ในเมืองดัมมาม ซาอุดิอาระเบีย
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การประท้วงอย่างกว้างขวางในเมืองกอฏีฟและดัมมาม + วิดีโอ
    Category: News & Event Published on Saturday, 30 May 2015 10:48 Written by Islamicstudiesth Team.

    [​IMG]

    ผลจากการโจมตีของผู้ก่อการร้ายต่อมัสยิดอิมามฮุเซน (อ.) ในเมืองดัมมามของซาอุดิอาระเบีย นอกจากประชานของเมืองนี้แล้ว ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองกอฏีฟในภาคตะวันออกของซาอุดีอาระเบียก็ชุมนุมประท้วงด้วยเช่นกัน

    <iframe width="720" height="400" src="https://www.youtube.com/embed/Gtmk10gvNPM" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="720" height="400" src="https://www.youtube.com/embed/p0OJJRkYWk8" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="720" height="400" src="https://www.youtube.com/embed/6FUC4FLDfjc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="720" height="400" src="https://www.youtube.com/embed/EVQzzuDKz08" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    อัลอาลัมรายงานว่า ชาวเมืองกอฏีฟ โดยการชุมนุมประท้วงได้ประกาศความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของตนกับประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองดัมมาม

    ผู้เข้าร่วมในการประท้วงในเมืองดัมมามได้เรียกร้องให้รัฐบาลของซาอุดิอาระเบียดับเสียงแตรต่างๆ ในการสร้างวิกฤต (ฟิตนะฮ์) ในสื่อสาธารณะทั้งหลายของประเทศนี้ และให้ทำการปกป้องต่อชีวิตของพลเมือง

    การโจมตีของผู้ก่อการร้ายต่อมัสยิดของเมืองดัมมามนี้ เกิดขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากการระเบิดในมัสยิดอิมามอะลี (อ.) ในย่านกอเดี๊ยะห์ของเมืองกอฏีฟ

    กลุ่มกาอิช (ISIS) ได้อ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตีทั้งสองนี้

    ในช่วงบ่ายของวันศุกร์ ผู้ก่อการร้ายปฏิบัติการระเบิดฆ่าตัวตายชาวซาอุดีอาระเบียคนหนึ่ง ต้องการที่จะเข้าไปในสถานที่ที่เป็นส่วนของสตรีภายในมัสยิดอิมามฮุเซน (อ.) ในเมืองดัมมาม โดยสวมใส่ขุดแต่งกายสตรี แต่หลังจากที่กองกำลังของคณะกรรมการประชาชนซึ่งได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อปกป้องมัสยิดได้ตรวจพบ เขาได้พยายามที่จะหลบหนีจากการจับกุมของกองกำลังประชาชน สุดท้ายผู้ก่อการร้ายนี้ได้ระเบิดตัวเองในลานจอดรถของมัสยิด ทำให้ให้มีผู้เป็นชะฮีด (เสียชีวิต) จำนวน 3 คน

    วีดีโอ :

    การประท้วงอย่างกว้างขวางในเมืองกอฏีฟและดัมมาม + วิดีโอ
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ซาอุดิอารเบียจะตัดคอ, ตรึงกางเขน เชคนิมร์ แกนนำฝ่ายต่อต้านรัฐ หนุนประชาธิปไตย เรื่องเด่นประเด็นร้อนby เอบีนิวส์ทูเดย์ - พ.ค. 29, 2015
    เชคนิมร์ผู้ถูกตัดสินประหารชีวิตเมื่อปีที่แล้ว เป็นนักโทษการเมืองที่ถูกลงโทษเพราะเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษคนอื่นๆ และให้มีการปฏิรูปรัฐบาลซาอุดี้ฯ

    [​IMG]

    @(ภาพ) ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลชาวบาห์เรนถือภาพเชคนิมร์ อัล-นิมร์ ชาวซาอุดี้ฯ ที่ถูกจำคุก ระหว่างการปะทะกับเจ้าหน้าที่ปราบจลาจลในเมืองซานาบิน บาห์เรน ชานเมืองหลวงมานามา เมื่อคืนวันที่ 15 ตุลาคม 2014 นักการศาสนาชีอะฮ์ฝีปากกล้าและเป็นที่เคารพอย่างกว้างขวางถูกตัดสินเมื่อวันพุธที่ 13 พฤษภาคม 2015 ในซาอุดี้ฯ ว่ามีความผิดฐานปลุกระดมและข้อหาอื่นๆ และถูกพิพากษาประหารชีวิต สร้างความหวั่นเกรงว่าจะเกิดการจลาจนครั้งใหม่ขึ้นจากผู้สนับสนุนของเขาในซาอุดี้ฯ และบาห์เรนประเทศเพื่อนบ้าน
    --

    วอชิงตัน – เมื่อวันพุธที่ 13 พฤษภาคม 2015 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ซาอุดี้ฯ ได้ประกาศถึงการประหารชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นของเชคนิมร์ บากิรฺ อัล-นิมร์ นักการศาสนาชีอะฮ์วัย 53 ปี ที่ถูกพิพากษาประหารชีวิตเมื่อปีที่แล้ว ท่ามกลางเสียงคัดค้านที่มาจากทั่วโลก และถ้าการประหารชีวิตนี้เกิดขึ้น นิมร์จะถูกตัดคอและหลังจากนั้นร่างของเขาจะถูกนำมาประจานต่อสาธารณชน ด้วยการ “ตรึงกางเขน”
    นิมร์ถูกตัดสินโทษประหารชีวิตเนื่องจาก “พยายาม ‘จัดการให้คนต่างชาติ’ เข้ามายุ่งในราชอาณาจักร, ‘กระด้างกระเดื่อง’ ต่อผู้ปกครอง และใช้อาวุธต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคง” เป็นข้อกล่าวหาที่ตั้งขึ้นโดยรัฐบาลซึ่งนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยกล่าวว่าเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่มีมูลเพื่อลดความน่าเชื่อถือของการต่อสู้เพื่อเรียกร้องเสรีภาพ ข้อหาสุดท้ายน่าจะมาจากการจับกุมตัวเขา เมื่อตำรวจกล่าวหาว่านักการศาสนาผู้นี้ได้ยิงปืนต่อสู้ระหว่างการติดตามตัว เป็นข้อหาที่ถูกปฏิเสธโดยครอบครัวของเขาซึ่งอ้างว่าเขาไม่มีอาวุธ ตำรวจยิงนิมร์สี่นัดระหว่างการจับกุม
    ผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชนวิจารณ์ข้อหาเหล่านี้ โดยกล่าวว่า นิมร์ถูกจำคุกเนื่องจากเขาสนับสนุนการลุกขึ้นประท้วงอาหรับสปริงในปี 2011 วิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติต่อมุสลิมชีอะฮ์คนอื่นๆ ของผู้ปกครองประเทศ เรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองคนอื่นๆ และกล่าวหาราชวงศ์ซาอูดในเรื่องอื่นๆ


    ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการประหารชีวิตเขาเมื่อไหร่ บีบีซีภาษาอาหรับได้รายงานว่า นิมร์จะถูกประหารชีวิตในวันพฤหัสบดี (14/5/2015) แต่ถึงวันศุกร์ยังไม่มีรายงานข่าวใดที่ระบุว่าเขาถูกประหารแล้ว Zack Beauchamp ที่เขียนบทความให้กับ Vox ได้เขียนถึงความคาดเดาไม่ได้ของซาอุดิอารเบียในคดีประหารชีวิต “ประเทศนี้มีทั้งนิสัยการหาข้ออ้างเพื่อเลื่อนเวลา และดำเนินการโดยไม่มีการเตือน”
    การประกาศประหารชีวิตนิมร์ ได้ทำให้การประท้วงที่เริ่มต้นขึ้นหลังการจับกุมตัวเขาและมีเรื่อยมาตั้งแต่นั้นได้ฟื้นขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอัล-กอติฟทางตะวันออกของซาอุดิอารเบีย ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ามีความเห็นอกเห็นใจต่อสถานะของเขาอย่างแรงกล้า เมื่อเดือนเมษายน 2014 เจ้าหญิงซาฮาร์ หนึ่งในธิดาสี่คนของกษัตริย์อับดุลลอฮ์ที่ถูกจองจำอยู่ ได้เชื่อมโยงการต่อสู้ของเธอเข้ากับการถูกจำคุกของนิมร์ และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปรัฐบาล
    ตอนนี้ คำพิพากษาประหารชีวิตนิมร์ได้กลายเป็นประเด็นระหว่างประเทศไปแล้ว โดยถูกประณามจากองค์การ Reprieve และนิรโทษกรรมสากล มีผู้ออกมาประท้วงบนท้องถนนของเมืองอัล-อาวามียะฮ์ บ้านเกิดของนิมร์ เมื่อวันเสาร์(16/5/2015) เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวเขา และตะโกนคำขวัญต่อต้านรัฐบาล การเดินขบวนแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนี้ยังเกิดขึ้นในบาห์เรน ซึ่งราชวงศ์ที่กดขี่ของประเทศนี้อาศัยการสนับสนุนทางทหารจากซาอุดี้ฯ เพื่อปราบผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย และในเมืองนะญัฟของอิรักด้วย
    ผู้ประท้วงในเรื่องนิมร์ยังเกิดขึ้นแม้กระทั่งในอินเดีย และผู้สนับสนุนนิมร์เดินขบวนในลอนดอน ซึ่งนักเคลื่อนไหวได้ใช้โอกาสนี้เพื่อกล่าวถึงสภาพของเหยื่อคนอื่นๆ ของฝ่ายปกครองซาอุดี้ฯ
    “มีนักโทษการเมืองในซาอุดิอารเบียมากกว่า 30,000 คน” ผู้ประท้วงคนหนึ่งบอกกับ PressTV “แต่กับเชคนิมร์ เขาได้กลายเป็นตัวแทนของพวกเขา เขาเป็นตัวแทนของชนกลุ่มน้อยทั้งหมดที่ถูกกดขี่ในซาอุดิอารเบีย”
    “จุดเปลี่ยน”
    การประหารชีวิตนิมร์ ยังอาจทำให้เกิดความเสี่ยงขึ้นมาใหม่กับอาลี มุฮัมมัด อัล-นิมร์ และดาวูด ฮุซเซน อัล-มัรฮูน ผู้ประท้วงอีกสองคนที่ถูกจับกุมเมื่อปี 2012 ขณะที่พวกเขาอายุเพียงแค่ 17 ปี และถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหาคล้ายกัน
    “คลื่นการประหารชีวิตของซาอุดิอารเบียตั้งแต่ต้นปีนี้ได้ก่อให้เกิดความรังเกียจอย่างกว้างขวาง แต่การประหารชุดนี้ ถ้าหากได้รับอนุญาตให้เดินหน้า จะเป็นการแสดงถึงจำนวนใหม่ที่น้อยลง” มายา โฟยา ผู้อำนวยการทีมโทษประหารชีวิตขององค์การ Reprieve กล่าวในโพสต์ของเว็บไซต์ขององค์กร
    MintPress News ได้พูดโทรศัพท์กับอาลี อัล-อาห์เมด ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับซาอุดิอารเบียจากสถาบัน Institute for Gulf Affairs เขาได้แสดงความรู้สึกคับข้องใจเกี่ยวกับประชากรชีอะฮ์ในภูมิภาคนี้
    “ประชาชนของเรามีความอดทนอย่างยิ่งกับการสนับสนุนของประชาคมโลกที่มีให้กับระบอบกษัตริย์ของซาอุดี้ฯ และการเสแสร้งของพวกเขา” เขากล่าว “ดังนั้น พวกเขาจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะบอกเราว่าเราจะปฏิบัติอย่างไรกับระบอบกษัตริย์ของซาอุดี้ฯ ถ้าหากเชคนิมร์ถูกประหาร”
    นอกเหนือจากชะตากรรมของนิมร์แล้ว ซาอุดิอารเบียน่าจะตัดคอกลุ่มผู้ถูกข้อหาอาชญากรรมต่างๆ ตั้งแต่ข่มขืนและลักลอบค้ายาเสพติดไปจนถึงข้อหาละทิ้งศาสนา ในบทความของ Zack Beauchamp ที่เขียนให้ Vox รายงานว่า ประเทศนี้ได้ประหารชีวิตประชาชนไป 90 คนเมื่อปีที่แล้ว
    แต่ดูเหมือนว่าการประหารเชคนิมร์ อัล-นิมร์ จะก่อให้เกิดการจลาจลขึ้นมาใหม่ทั่วทั้งดินแดนที่มีความตึงเครียดอยู่แล้วจากการจำกัดเสรีภาพในการพูดและเสรีภาพของสตรี และที่ซึ่งมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการสนับสนุนจากกำลังทหารสหรัฐฯ
    “คุณจะได้เห็นการประท้วงครั้งใหญ่ คุณจะได้เห็นการปะทะกันครั้งใหญ่” อัล-อาห์เมดทำนายไว้ “นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยน”
    เขียนโดย โดย คิท โอคอนเนล
    Source http://www.mintpressnews.com/saudi-arabia-to-behead-saud…/…/
    TWITTER FACEBOOK GOOGLE +
    ซาอุดิอารเบียจะตัดคอ, ตรึงกางเขน เชคนิมร์ แกนนำฝ่ายต่อต้านรัฐ หนุนประชาธิปไตย | abnewstoday
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผนสมคบคิดซาอุและสหรัฐ ที่จะระเบิดสถานศักดิ์สิทธิ์ในมักกะฮ์ และโยนความผิดให้อันซอรุลลอฮ์ Category: News & Event Published on Friday, 29 May 2015 16:45 Written by Islamicstudiesth Team.

    [​IMG]

    เว็บไซต์ข่าวเลบานอน ได้รายงานโดยอ้างแหล่งที่มาจากรัสเซียว่า “วอชิงตันและริยาดมีเจตนาตั้งข้อกล่าวหาต่อเยเมน และแสดงให้เห็นถึงความชอบธรรมของอาชญากรรมต่างๆ ของตนที่กระทำกับประชาชนชาวเยเมน โดนที่ทั้งสองประเทศนี้จะจัดฉากการโจมตีในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆในนครมักกะฮ์ และจะกล่าวหาว่าเยเมนเป็นผู้กระทำ”

    สำนักข่าวฟาร์ส รายงานว่า : หน่วยสืบราชการลับของรัสเซียได้แจ้งข่าวเกี่ยวกับแผนของอเมริกาและซาอุดีอาระเบียที่จะระเบิดสถานที่ต่างๆ ทางศาสนาของนครมักกะฮ์

    เว็บไซต์ข่าว "อัลค่อบัร เพรส" (alkhabarpress) ของเลบานอนได้รายงานโดยอ้างแหล่งที่มาจากรัสเซียว่า “สหรัฐอเมริกาและซาอุดิอาระเบียมีเจตนาที่จะระเบิดนครมักกะฮ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารกะอ์บะฮ์และพื้นที่ต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียง และจะตั้งข้อกล่าวหาว่าเยเมนเป็นผู้กระทำมัน”

    ตามการรายงานของหน่วยสืบราชการลับของรัสเซีย เป้าหมายของวอชิงตันและริยาดก็คือต้องการให้ประเทศมุสลิมทั้งหลายแสดงการต่อต้านการโจมตีเหล่านี้ และส่งกองกำลังทหารของตนไปยังเยเมนภายใต้ข้ออ้างการปกป้องสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ

    หลังจากที่บรรดาประเทศอิสลามและอาหรับ ปฏิเสธที่จะส่งกองกำลังของตนไปยังเยเมนเพื่อทำสงครามภาคพื้นดินกับประเทศนี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารคาดการณ์ว่า แม้ซาอุดิอาระเบียจะไม่ปฏิเสธที่จะกระทำการอันชั่วร้ายนี้ก็ตาม

    ตามคำพูดของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ ชัยชนะต่างๆ ของกองทัพเยเมนจะบีบบังคับให้ซาอุดีอาระเบียก่ออาชญากรรมดังกล่าวกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของอิสลาม

    ที่มา : farsnews

    แผนสมคบคิดซาอุและสหรัฐ ที่จะระเบิดสถานศักดิ์สิทธิ์ในมักกะฮ์ และโยนความผิดให้อันซอรุล
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อเมริกาไม่จริงจังในการต่อสู้กับกลุ่มดาอิช (ISIS)
    Category: News & Event Published on Thursday, 28 May 2015 21:25 Written by Islamicstudiesth Team.

    [​IMG]

    [​IMG]

    มิชอาล อัลญุบูรีกล่าวว่า : พันธมิตรอเมริกาสามารถที่จะถอนรากถอนโคนกลุ่มดาอิช (ISIS) ได้ แต่ไม่เต็มใจที่จะขจัดกลุ่มก่อการร้ายนี้ให้หมดสิ้นไป

    ญอมนิวส์รายงาน : ในวันพฤหัสบดีโทรทัศน์ "Alsumaria TV" รายงานโดยอ้างคำพูดจาก "มิชอาล อัลญุบูรี" เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งของกองกำลังอาสาสมัครประชาชนชาวอิรัก โดยกล่าวว่า : อเมริกาและพันธมิตรของตนซึ่งได้จัดตั้งแนวร่วมเพื่อต่อสู้กับลุ่มดาอิช (ISIS) ขึ้น แต่ไม่ได้จริงจังในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายนี้แต่อย่างใด

    อัลญุบูรีกล่าวว่า : พันธมิตรอเมริกาสามารถที่จะถอนรากถอนโคนกลุ่มดาอิช (ISIS) ได้ แต่ไม่เต็มใจที่จะขจัดกลุ่มก่อการร้ายนี้ให้หมดสิ้นไป

    อัลญุบูรียังได้กล่าวอีกว่า : ระดับการมีส่วนร่วมของพันธมิตรอเมริกาในปฏิบัติการทางทหารต้อกลุ่มดาอิช (ISIS) นั้นมีไม่เกิน 10% ยิ่งไปกว่านั้นการมีส่วนร่วมของพันธมิตรในการปฏิบัติการก็ได้สร้างปัญหาต่างๆ อย่างมากมายให้กับกองทัพและกองกำลังอาสาสมัครประชาชน โดยที่หนึ่งในปัญหาเหล่านี้เกิดจากการที่ไม่ใช้เครื่องบินไร้คนขับในการตรวจสอบ

    ตามการรายงานของอัลอาลัม อัลญุบูรีกล่าวว่า : ประมาณ 17,000 คนของพลเมืองชาวซุนนีของอิรักได้ร่วมงานกองกำลังอาสาสมัครประชาชนซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อย

    เจ้าหน้าที่ของกองกำลังอาสาสมัครประชาชนผู้นี้ได้กล่าวเสริมว่า : โดยรวมแล้วกลุ่มดาอิช (ISIS) มีฐานอยู่ในเกือบทุกจังหวัดของอิรัก และจำนวนฐานต่างๆ เหล่านี้ในแต่ละจังหวัดก็มีจำนวนที่ต่างกันออกไป

    ที่มา : jamnews

    อเมริกาไม่จริงจังในการต่อสู้กับกลุ่มดาอิช (ISIS)
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ด้วยการถอนตัวของสหรัฐออกจากอิรัก อิทธิพลของอิหร่านควรจะลดน้อย แต่...
    Category: News & Event Published on Thursday, 28 May 2015 18:03 Written by Islamicstudiesth Team.

    [​IMG]

    "ในปี 2011 เมื่อสหรัฐอเมริกาได้ถอนตัวออกจากอิรัก ความคิดของคนกลุ่มหนึ่งได้บอกว่าอิทธิพลของอิหร่านนั้นถูกจำกัดแล้ว แต่..."

    ญอมนิวส์รายงาน : ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ปฏิบัติการกวาดล้างเมืองรามาดี (อัรร่อมาดี) ได้เริ่มต้นขึ้น และบทบาทของชาวชีอะฮ์ในการต่อสู้กับกลุ่มดาอิช (ISIS) ได้โดดเด่นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และเป็นเหตุทำให้ตะวันตกเกิดความวิตกกังวลว่าอิทธิพลของอิหร่านในอิรักจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น

    เริ่มแรกทีเดียวนั้นโฆษกเพนตากอนได้แสดงความกังวลจากการเลือกเอาคำว่า "ลับบัยกะ ยาฮุเซน (อ.)" เป็นสัญลักษณ์ของปฏิบัติการครั้งนี้ โฆษกเพนตากอนได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาอ้างถึงภายใต้หัวข้อ "เป็นความขัดแย้งกับความสามัคคี" และกล่าวว่า "ผมคิดว่าไม่เป็นผลดีและเราได้กล่าวอยู่เสมอว่า กุญแจสำคัญของความสำเร็จและการขับไล่ดาอิช (ISIS) ออกจากอิรักนั้นคือความเป็นปึกแผ่นอันเดียวกันของประชาชนชาวอิรัก และความเป็นปึกแผ่นดังกล่าวนี้จำเป็นที่ชาวอิรักจะต้องรวมตัวเป็นเนื้อหน่วยเดียวกันในการต่อสู้กับภัยคุกคามร่วมกัน และจะต้องมุ่งมั่นในการขับไล่ดาอิช (ISIS) ออกจากอิรัก"

    ในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน สถาบันวิจัยเชิงนโยบายของอเมริกา "The Washington Institute for Near East Policy” (WINEP) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของอิหร่านในอิรัก และได้รายงานข่าวเกี่ยวกับการจัดประชุมภายใต้หัวข้อ "Iraq and Iranian Influence: Between Balancing and Hezbollah-ization?" ในสถาบันนี้ในวันนี้ [พฤหัสบดี ที่ 28-5-58]

    สถาบัน “think tanks” ของอเมริกาแห่งนี้ได้เขียนในเรื่องนี้ว่า : "ในปี 2011 เมื่อสหรัฐอเมริกาได้ถอนตัวออกจากอิรัก ความคิดของคนกลุ่มหนึ่งได้บอกว่าอิทธิพลของอิหร่านนั้นได้ถูกจำกัดแล้ว แต่หลังจากสี่ปีผ่านไป และนับช่วงเวลาที่เมืองโมซูลได้ล่มสลาย (และถูกยึดครองโดย ISIS) ในปีที่แล้ว กองกำลังติดอาวุธชาวชีอะฮ์ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของอิหร่านได้มีอิทธิพลและมีอำนาจควบคุมอย่างเห็นได้ชัด"

    สถาบัน “think tanks” แห่งนี้ พร้อมกับการประกาศเกี่ยวกับการประชุมข้างต้น ยังได้เขียนลงในเว็บไซต์ของตนว่า "ชาวชีอะฮ์ภายใต้อิทธิพลของอิหร่านได้มีการเคลื่อนไหวมากยิ่งขึ้นกว่าทุกยุคสมัย และกำลังทำการต่อสู้กับกลุ่มไอซิส (ISIS)"

    ที่มา : jamnews

    ด้วยการถอนตัวของสหรัฐออกจากอิรัก อิทธิพลของอิหร่านควรจะลดน้อย แต่...
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ความพยายามของหน่วยข่าวกรองซาอุฯ ที่จะลอบสังหารมัรเญี๊ยะอ์ตักลีดของเมืองนะญัฟ Category: News & Event Published on Thursday, 28 May 2015 11:19 Written by Islamicstudiesth Team.

    [​IMG]

    แผนการนี้ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะถูกดำเนินการในช่วงเวลาใด แต่จำเป็นจะต้องคิดหามาตรการจัดการกับเรื่องเหล่านี้ เพื่อทำให้แผนการของพวกเขาล้มเหลว

    ชีอะฮ์ออนไลน์ : เว็บไซต์ "Alwaie News" ตีพิมพ์รายงานหนึ่งโดยเขียนว่า : รายงานข่าวต่างๆ จากซาอุดิอาระเบียระบุว่า หน่วยข่าวกรองของซาอุดีอาระเบียมีความพยายามที่จะทำลายเสถียรภาพและความมั่นคงของอิรัก โดยการลอบสังหารมัรเญี๊ยะอ์ตักลีดท่านหนึ่งของชีอะฮ์ในเมืองนะญัฟ อัลอัชร็อฟ


    ในเรื่องนี้หน่วยข่าวกรองดังกล่าวได้มอบเงินและอาวุธให้แก่กลุ่มก่อการร้ายที่นำโดย "มะห์มูด อัศศ็อรคี" (มัรเญี๊ยะอ์ตักลีดปลอมที่สร้างขึ้นโดยพรรคบาธ) เพื่อให้ทำการลอบสังหาบรรดารมัรเญี๊ยะอ์ตักลีดของเมืองนะญัฟ

    อย่างไรก็ตามซาอุดิอาระเบียรู้ดีว่า ทีมพิทักษ์ปกป้องสำนักงานของอายะตุลลอฮ์ซัยยิดอะลี อัลซิซตานีนั้นมีความแข็งแกร่ง ด้วยเหตุนี้รัฐบาลซาอุฯ จึงตัดสินใจที่จะลอบสังหารอายะตุลลอฮ์เชคบะชีร อันนะญะฟี ซึ่งยืนหยัดต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายอย่างเต็มกำลัง และการลอบสังหารนี้จะกระทำโดยอาศัยมือกลุ่มของ "มะห์มูด อัศศ็อรคี" เพื่อทำลายเสถียรภาพของประเทศอิรัก

    ขณะเดียวกันแหล่งข่าวด้านความมั่นคงของอิรัก ซึ่งเนื่องจากเหตุผลต่างๆ ทางด้านความปลอดภัยจึงขอไม่เปิดเผยชื่อ เขาบอกกับนักข่าว "Alwaie News" ว่า : แผนการนี้ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะถูกดำเนินการในช่วงเวลาใด แต่จำเป็นจะต้องคิดหามาตรการจัดการกับเรื่องเหล่านี้ เพื่อทำให้แผนการของพวกเขาล้มเหลว

    ที่มา : shia-online

    ความพยายามของหน่วยข่าวกรองซาอุฯ ที่จะลอบสังหารมัรเญี๊ยะอ์ตักลีดของเมืองนะญัฟ
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พระเยซูคริสต์ไม่ได้ถูกตรึงกางเขน!
    Category: News & Event Published on Friday, 29 May 2015 23:46 Written by Islamicstudiesth Team.

    [​IMG]

    [​IMG]

    ในขณะที่คริสเตียนทุกคนเชื่อมั่นว่าพระเยซูคริสต์หรือศาสดาอีซา (อ.) ได้เสียชีวิตด้วยการถูกตรึงกางเขน ทัศนะดังกล่าวนี้ได้ถูกปฏิเสธไว้ในคัมภีร์อัลกุรอาน และชาวมุสลิมเชื่อว่า ยูดาห์ (Judah) ผู้เป็นน้องชายของพระเยซูที่มีความละม้ายคล้ายคลึงกับพระเยซูได้ถูกตรึงกางเขนแทน

    แต่วันนี้ตุรกีได้ประกาศว่า เนื้อหาส่วนต่างๆ ของพระวรสารของนักบุญบาร์นาบัสสาวกของพระเยซูคริสต์ที่ถูกค้นพบ โดยที่ในพระวรสารนั้นได้เขียนว่า “พระเยซูคริสต์ไม่ได้ถูกตรึงกางเขนและคำกล่าวอ้างต่างๆ ของนักบุญเปาโลอัครทูตที่ว่า พระเยซูคริสต์ถูกตรึงกางเขนนั้นเป็นคำกล่าวอ้างที่โกหก”

    ตำรวจตุรกีได้กล่าวว่า : ได้ค้นพบและยึดพระคัมภีร์ซึ่งมีอายุประมาณ 1,500 ถึง 2,000 ปีจากกลุ่มผู้ลักลอบค้าของเถื่อนที่ต้องการจะขายคัมภีร์นี้ในราคา 27 ล้านดอลลาร์ บรรดานักค้นคว้าวิจัยยืนยันว่าพระคัมภีร์เล่มนี้เป็นต้นฉบับดั้งเดิมและตัวอักษรต่างๆ ของมันถูกเขียนด้วยทองคำ ยังมีต้นฉบับอื่นๆ ของพระคัมภีร์ไบเบิล (อินญีล) นี้ซึ่งมีอายุมากกว่าพันปีอยู่ในวาติกัน แต่วาติกันไม่อนุญาตให้มีการเผยแพร่และพบเห็นมันได้โดยสาธารณชน

    พระวรสารนักบุญบารนาบัส เป็นคัมภีร์ที่กลายเป็นที่ถกเถียงและขัดแย้งกันมาตลอดเวลาในหมู่ชาวคริสต์ และในคัมภีร์ได้พยากรณ์ถึงการมาของศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) และได้เขียนไว้ว่าพระเยซูถูคริสต์หรือศาสดาอีซา (อ.) ไม่ได้ถูกตรึงกางเขน

    ในขณะที่ความเชื่อเกี่ยวกับการถูกตรึงกางเขนของพระเยซูคริสต์นั้นเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในหมู่ชาวคริสต์ทั้งหมด แต่คัมภีร์อัลกุรอานได้ปฏิเสธความเชื่อเช่นนี้อย่างเต็มที่ และเปาโลซึ่งกล่าวอ้างว่าพระเยซูถูกตรึงกางเขนนั้น คือผู้รู้ชาวยิวคนหนึ่งที่ได้คอยกลั่นแกล้งและทำร้ายชาวคริสต์มาตั้งแต่ต้น และมีการกล่าวอ้างว่าเขาได้กลับตัวกลับใจในภายหลัง แต่นักบุญบาร์นาบัสนั้นเป็นอัครสาวกของพระเยซูคริสต์มาตั้งแต่เริ่มต้น

    ในโองการที่ 157 ของซูเราะฮ์ (บท) อันนิซาอ์ได้กล่าวว่า

    وَقَوْلِهِمْ إِنَّا قَتَلْنَا الْمَسِيحَ عِيسَى ابْنَ مَرْيَمَ رَسُولَ اللَّهِ وَمَا قَتَلُوهُ وَمَا صَلَبُوهُ وَلَٰكِن شُبِّهَ لَهُمْ وَإِنَّ الَّذِينَ اخْتَلَفُوا فِيهِ لَفِي شَكٍّ مِّنْهُ مَا لَهُم بِهِ مِنْ عِلْمٍ إِلَّا اتِّبَاعَ الظَّنِّ وَمَا قَتَلُوهُ يَقِينًا

    "และคำพูดของพวกเขาที่ (กล่าว) ว่า แท้จริงพวกเราได้ฆ่าอัล-มะซีห์ อีซาบุตรของมัรยัม ศาสนทูต (ร่อซูล) ของอัลลอฮ์ และพวกเขาหาได้ฆ่าอีซาและหาได้ตรึงเขาบนไม้กางเขนไม่ แต่ทว่าเขา (ผู้ตาย) ถูกทำให้เหมือน (อีซา) แก่พวกเขา และแท้จริงบรรดาผู้ที่ขัดแย้งในตัวเขานั้น แน่นอนย่อมอยู่ในความสงสัยเกี่ยวกับเขา พวกเขาหามีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไม่ นอกจากการยึดถือตามการคาดเดาเพียงเท่านั้น และพวกเขามิได้ฆ่าเขา (อีซา) ด้วยความแน่ใจ"

    แหล่งที่มาของข้อมูลนี้ :

    - 1500 Year Old Bible Claims Jesus Christ Was Not Crucified – Vatican In Awe

    - 1500 Year Old Bible Claims Jesus Christ Was Not Crucified ~ News Forage
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รวบสายลับ “อิสราเอล” ในซีเรีย
    ตะวันออกกลางby เอบีนิวส์ทูเดย์ - พ.ค. 29, 2015

    [​IMG]
    @“อัมมาร์ อัลฮินดี” สายลับอิสราเอล

    presstv – หนึ่งในสายลับอิสราเอลที่อันตรายที่สุดที่ได้ปฏิบัติการลอบสังหารนักวิชาการและนายพลระดับสูงในซีเรียถูกรวบตัวแล้ว

    เมื่อวันพุธที่ผ่านมา(27) หน่วยงานด้านความมั่นคงซีเรีย ได้จับกุมตัว “อัมมาร์ อัลฮินดี” สายลับอิสราเอล ในเขตพื้นที่ “บาซราห์” กรุงดามัสกัส

    รายงานระบุว่า “อัมมาร์ อัลฮินดี” เป็นตัวบ่งการและลงมือปฏิบัติการก่อเหตุลอบสังหารบุคคลด้านความมั่นคง วิทยาศาสตร์ และนายทหารระดับสูงของซีเรีย เช่น ที่ปรึกษาระดับสูงของสถาบันวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และการทหารกรุงดามัสกัส และผู้บัญชาการทหารซีเรียอีกด้วย

    หน่วยงานด้านความมั่นคงซีเรีย ได้เฝ้าติดตามเขาเป็นเวลานานพอสมควร และแล้วเมื่อได้หลักฐานที่ชัดเจนและอย่างเหนียวแน่นในการเป็นสายลับให้กับอิสราเอล มอสสาด และได้รับการสนับสนุนการเงินและข้อมูลข่าวสารจากอิสราเอล จึงเข้าไปจับกุมตัวเขาได้สำเร็จ



    PressTV-دستگیری جاسوس اسرائیلی در سوریه
    รวบสายลับ “อิสราเอล” ในซีเรีย | abnewstoday
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    อิสราเอลกดดันบันคีมูนให้ถอดอิสราเอลออกจากบัญชีรายชื่อของสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องละเมิดสิทธิเด็กในการทำสงคราม (Israel 'pressures Ban Ki-moon' to get off UN list of children's rights violators in wars - RT)
    ------------
    ข่าวนี้สำหรับโปรอเมริกาและโปรอิสราเอล หวังว่าคงถูกใจกันนะ... วันนี้สำนักข่าว RT news ของรัสเซียพาดหัวข่าวตามที่เขียนและแปลไว้ให้ข้างบนนั่นแหละครับ รายงานข่าวบอกว่าอิสราเอลถูกกล่าวหาวเป็นเป็นผู้ชักใยทูต (pulling diplomatic strings) เพื่อกดดันเลขาธิการสหประชาชาติให้ถอดอิสราเอลรายชื่อประเทศที่ถูกกล่าวหาว่ามีการละเมิดสิทธิเด็กในการสู้รบกันในบัญชีรายชื่อประจำปี โดยอิสราเอลปฏิเสธข้อกล่าวหานั้น
    ฮ่าๆๆ อิสราเอลซะอย่างจะเอาอะไรต้องได้ อเมริกาประเคนให้หมดทุกอย่าง เมื่อสหประชาชาติมีความเห็นว่าอิสราเอลเป็นผู้กระทำการละเมิดสิทธิเด็กในสงครามกาซา แต่อิสราเอลกลับยอมรับความจริงที่ตัวเองทำไม่ได้ซะนี่ พฤติกรรมของอิสราเอลตอนนี้ที่ต่างจากฮิตเลอร์นิดหน่อยในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ตรงที่อิสราเอลยังไม่ได้ใช้อาวุธเคมีรมควันฆ่าเด็กและผู้หญิงในกาซาเท่านั้นเอง ความจริงก็คือความจริงนะบีบี้นะ จะเลียนแบบฮิตเลอร์บ้าง สหรัฐฯจะกล้าหือกับบีบี้ได้หรือ
    RT กล่าวต่ออีกว่า แม้จะมีการเข่นฆ่าเด็กๆชาวปาเลสไตน์หลายร้อยคน (the slaughter of hundreds of Palestinian children) ในปฏิบัติการของกองกำลัง IDF อิสราเอลที่ฉนวนกาซาในปี 2014 เมือง Tel Aviv ก็ยังต้องการที่จะรักษาภาพพจน์ที่สะอาดของตนและเพิ่มแรงกดดันไปที่เจ้าหน้าที่สำนักงานส่วนกลางของยูเอ็นไม่ให้ใส่เรื่องนี้เข้าไปด้วย
    รอยเตอร์สรายงานว่า ในตอนแรกนั้น Leila Zerrougui เจ้าหน้าที่ทูตพิเศษเกี่ยวกับเด็กของยูเอ็นได้เตรียมร่างเอกสารให้กับนายบัน คีมูน เลขาฯยูเอ็น ซึ่งได้ใส่กองกำลังป้องกันอิสราเอล (Israel Defense Forces - IDF) ใส่ลงในรายชื่อผู้โจมตีโรงเรียนและโรงพยาบาลในฉนวนกาซาเมื่อปีที่แล้วด้วย กลุ่มฮามาสที่เป็นฝ่ายตรงข้ามก็มีปรากฏอยู่ในรายชื่อนี้ด้วยเช่นกัน
    คราวนี้ทางนายบัน คีมูน กำลังถูกกล่าวหาว่าเป็นพวก "ลำเอียงเลือกฝ่าย" (leaning toward) ซึ่งกำลังจะตัดอิสราเอลออกจากรายชื่อที่น่าอับอายนี้ (omitting Israel from the list of shame) - รายงานจากรอยเตอร์ส โดยอ้างแหล่งข่าวทางการทูต
    แหล่งข่าวกล่าวว่า "ขณะนี้เลขาฯใหญ่ของยูเอ็นกำลังถูกกดดันและ (ส่อแววว่าจะ) ลำเอียง ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของทูตพิเศษ และมีความเป็นไปได้ว่ายูเอ็นอาจจะถอดชื่ออิสราเอลออกจากรายชื่ออันน่าอัปยศนั้น" การตัดสินใจครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นภายในสัปดาห์หน้า
    รายงานแจ้งว่าสงครามความขัดแย้งระหว่างปาเลสไตน์ตลอดระยะเวลา 50 วันในปี 2014 ได้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปถึง 2,100 คนส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ในขณะที่ทหาร IDF ของอิสราเอลสูญเสียไป 67 รายและพลเรือนของอิสราเอลอีก 6 ราย เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว UNICEF รายงานว่ามีเด็ก (ชาวปาเลสไตน์) เสียถูกสังหารไปถึง 469 คนได้รับบาดเจ็บอีกราว 3,000 คนในการสู้รบกันที่กาซาภายใต้ปฏิบัติการไล่ที่ของอิสราเอลที่กาซา นอกจากนี้ UNICEF ยังรายงานอีกว่ามีโรงเรียนของชาวปาเลสไตน์จำนวน 219 แห่ง (7 แห่งอยู่ภายใต้การอนุเคราะห์จากยูเอ็น) ได้รับความเสียหายจากการโจมตีทางอากาศโดยฝีมือของกองทัพอิสราเอลด้วย ในขณะที่ 22 แห่งถูกถล่มย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี (completely destroyed)
    ขนาดนี้อิสราเอลก็ยังบอกว่าตัวเองไม่ได้ละเมิดสิทธิเด็กอยู่อีกนะ เห็นหรือยังว่าใครคุมยูเอ็นอยู่ในทุกวันนี้
    The Eyes
    29/05/2558
    ----------
    Israel 'pressures Ban Ki-moon' to get off UN list of children's rights violators in wars — RT News
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ยอดการผลิตยาเสพติดในอัฟกานิสถานสูงขึ้น 50 เท่านับตั้งแต่สหรัฐฯส่งกองทัพเข้าไปรุกราน (Afghan Drug Production Grew 50-Fold Since US Invasion - sputnik news)

    [​IMG]

    ------------
    อุ๊แม่เจ้า!... ข่าวนี้ต้องถูกใจโปรอเมริกาแน่ๆ เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.58) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียรายงานว่า ผอ.หน่วยปราบปรามยาเสพติตรัฐบาลกลางของรัสเซีย (Russian Federal Drug Control Service - FDCS) เปิดเผยว่า ยอดการผลิตยาเสพติดผิดกฎหมายในประเทศอัฟกานิสถานได้เพิ่มขึ้นถึง 50 เท่าตัวและยังคงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่มีปฏิบัติการทางทหารที่นำโดยสหรัฐฯในอัฟกานิสถานซึ่งเริ่มขึ้นในปี 2001
    รายงานแจ้งว่าเมื่อปีที่แล้ว (2014) พื้นที่สำหรับเพาะปลูกฝิ่นในอัฟกานิสถานมีปริมาณ 224,000 hectares นาย Victor Ivanov หัวหน้าของ FDCS กล่าวว่า "การผลิตยาเสพติดในอัฟกานิสถานเป็นปัญหาใหญ่สำหรับยูเรเซียและเอเซียกลาง โดยมียอดการผลิตเพิ่มสูงขึ้นถึง 50 เท่านับตั้งแต่กองทัพสหรัฐฯมีปฏิบัติการรักษาเสรีภาพในอัฟกานิสถานตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2001 และยังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง"
    ข้อมูลในรายงาน "Afghanistan Opium Survey 2014 Cultivation and Production" จาก UNODC ของสหประชาชาติบอกว่า อัฟกานิสถานผลิตฝิ่นผิดกฎหมายมากถึง 90% ของทุกประเทศทั่วโลกรวมกัน โดยในปี 2014 ยอดผลิตฝิ่นของอัฟกานิสถานเพิ่มขึ้นเป็น 17% จากปีก่อนหน้า
    เป็นไงหละอัฟกานิสถานวันนี้ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิอเมริกา ที่แท้อัฟกานิสถานก็คือแหล่งผลิตฝิ่นและเฮโรอีนรายใหญ่ของสหรัฐฯนี่เอง มิน่าสหรัฐฯถึงพยายามสนับสนุนทั้งด้านอาวุธและการเงินให้กับองค์กรต่างๆในอัฟกานิสถานอยู่เรื่อยๆ เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่าน มีรายงานข่าวอย่างเป็นทางการว่าสหรัฐฯทุ่มเงินจำนวน $416 million (ประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท) ให้กับองค์ผู้หญิงชาวอัฟกานิสถานในนามของ USAID ทางการของอัฟกานิสถานออกมาเตือนสหรัฐฯว่าสหรัฐฯไม่ได้แสดงให้อัฟกานิสถานเห็นว่าโปรแกรมที่ได้รับเงิน USAID ในครั้งนี้จะเอาไปทำอะไรและยังไงบ้าง (ไม่โปร่งใส)
    จากนั้นไม่นานเราก็ได้ยินข่าวว่ามีการก่อการร้ายครั้งรุนแรงขึ้นมาในอัฟกานิสถานมีผู้เสียชีวิตในเป็นจำนวนมาก (18 เม.ย.58 มีระเบิดพลีชีพสองครั้งที่เมือง Jalalabad มีผู้เสียชีวิต 33 ราย บาดเจ็บอีก 100 กว่าราย) และข่าวการก่อเหตุทำนองเดียวกันนี้ในอัฟกานิสถานปรากฎออกมาตามสื่อเป็นระยะๆ เดี๋ยวกับบอกว่าเป็นฝีมือของพวกไอซิส บางเหตุการณ์ก็บอว่าเป็นฝีมือของกลุ่มตอลีบัน ก็ขึ้นอยู่กับว่าพี่เบิ้มจะบอกว่าให้เป็นฝีมือของกลุ่มไหน หรือจะสั่งให้กลุ่มไหนลงมือเท่านั้นเอง
    วิธีการใช้เงิน USAID แบบนี้เป็นวิธีเดียวกันกับที่สหรัฐฯเคยใช้สนับสนุนขบวนการแบ่งแยกดินแดนทางภาคใต้ของเยเมนโดยอาศัยการบริจาคให้กลุ่มสตรีและเยาวชนบังหน้าตามที่เคยเล่าให้ฟังแล้วในช่วงเริ่มต้นสงครามเยเมนใหม่ๆ สุดท้ายความจริงก็ปรากฏออกมาว่าเงินดังกล่าวไม่ได้นำไปช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับสตรีและเยาวชนในประเทศเป้าหมายเลย แต่เป็นเงินที่ใช้เพื่อสร้างความเคลื่อนไหวทางการเมืองและสนับสนุนให้เกิดการแตกแยกภายในประเทศเหล่านั้นโดยผ่านองค์กรต่างๆแทน
    รัฐบาลรัสเซียรู้ทันแผนชั่วของสหรัฐฯที่จะบ่อนทำลายรัสเซียจากภายในแบบนี้ จึงได้ออกกฎหมายสั่งแบบองค์กรต่างประเทศที่ไม่พึงประสงค์ออกมาเมื่อเร็วๆนี้ สหรัฐฯกับอียูก็โวยวายพอเป็นพิธีตามระเบียบ เนื่องจากรัสเซียรู้ทันแผนดังกล่าว
    The Eyes
    29/05/2558
    ----------
    http://sputniknews.com/asia/20150528/1022649203.html
    Opium production in Afghanistan - Wikipedia, the free encyclopedia
    http://www.unodc.org/…/Afghani…/Afghan-opium-survey-2014.pdf
    Govt watchdog doubts $400 million USAID program for Afghan women is working — RT USA
    http://sputniknews.com/asia/20150519/1022315635.html
    http://sputniknews.com/asia/20150517/1022231331.html
    http://sputniknews.com/asia/20150514/1022121415.html
    http://sputniknews.com/asia/20150513/1022108496.html
    http://sputniknews.com/asia/20150419/1021101097.html
    http://sputniknews.com/asia/20150418/1021053458.html
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ออสเตรเลียเลียนแบบยุโรปประกาศต่อสู้กับขบวนการก่อการร้ายอย่างเด็ดขาดเช่นเดียวกับที่หยุดเรือผู้อพยพผิดกฎหมาย

    [​IMG]

    ------------
    เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานายโทนี่ แอ็บบอตต์นายกฯออสเตรเลียกล่าวถึงกรณีผู้อพยพผิดกฎหมายและเรื่องการปราบปรามขบวนการก่อการร้ายในประเทศออสเตรียว่า "จุดยืนของออสเตรเลียต่อขบวนการก่อการร้ายควรจะมีความรุนแรงเช่นเดียวกับแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาลี้ภัยภายในประเทศ"
    หนังสือพิมพ์ Sydney Morning Herald ของออสเตรเลียอ้างคำพูดของนายโทนี แอ็บบอตต์ว่า "พวกเราต้องนำการขับเคลื่อนแบบเดียวกันมาโฟกัสและทำให้ชัดเจนถึงวัตถุประสงค์ของการตอบโต้ขบวนการก่อการร้ายที่จะส่งผลให้หยุดเรือ (ผู้อพยพ) ภายใต้ปฏิบัติการปกป้องอธิปไตยตามแนวชายแดน (Operation Sovereign Borders)"
    คำพูดย่อหน้าแรกอาจจะฟังดูไม่ชัดสักเท่าไรว่าออสเตรเลียต้องการจะสื่อฯอะไรกันแน่ ระหว่างการปราบปรามผู้ก่อการร้ายและการมาตรการในการจัดการกับขบวนการค้ามนุษย์ใช้แรงงานที่มารูปแบบของผู้อพยพลี้ภัย แต่ย่อหน้าที่สองนี้ชัดเจนมากขึ้นว่าออสเตรเลียต้องการที่จะใช้มาตรการที่รุนแรงในการสกัดกั้นและปราบปรามผู้อพยพผิดกฎหมายที่ลักลอบเข้าไปในออสเตรเลียเช่นเดียวกับมาตรการปราบปรามผู้ก่อการร้ายในออสเตรเลีย ซึ่งก็มีลักษณะที่คล้ายกันกับมาตรการของทางยุโรปที่เสนอให้มีการใช้กำลังทางทหารเข้าสกัดและปราบปรามเรือผู้อพยพจากลิเบียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อ 1-2 สัปดาห์ก่อน
    ในกรณีผู้อพยพหนีเข้ายุโรปนั้นล่าสุดทางรัฐบาลลิเบียออกมากล่าวว่า ลีเบียได้จับกุมและปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ในประเทศของตนเช่นกัน และเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ใช่มีแต่ชาวลิเบียเท่านั้นที่ลักลอกอพยพไปยังยุโรปทางทะเล แต่ยังมีจากประเทศอื่นๆในแอฟริกาที่อาศัยลิเบียเป็นช่องทางในการอพยพอย่างผิดกฎหมายด้วย โอละพ่อ!
    เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทางออสเตรเลียปฏิเสธที่จะรับผู้อพยพจำนวนหลายพันคนที่ถูกจับได้ในทะเลซึ่งหลบหนีมาจากบังคลาเทศและเมียนม่าร์หวังไปขุดทองในต่างแดนผ่านขบวนการค้ามนุษย์ตามที่นายกฯของบังคลาเทศได้ออกมาเปิดเผยเมื่อเร็วๆนี้ นายโทนี่ แอ็บบอตต์กล่าวประณามความพยายามของผู้อพยพผิดกฎหมายซึ่งพยายามจะเข้าไปในออสเตรเลียโดยหวังจะได้รับสถานะเป็นผู้ลี้ภัยว่า การเดินทางเข้าสู่ออสเตรเลียโดยประตูหน้า (อย่างถูกกฎหมาย) เป็นเพียงช่องทางเดียวสำหรับผู้อพยพที่จะเริ่มชีวิตใหม่ในประเทศ (จริงหรือเปล่านั้น ต้องอ่านต่อไป จะรู้ว่าออสเตรเลียจัดการผู้อพยพในประเทศของตัวเองอย่างไร)
    รายงานข่าวบอกว่าเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตำรวจออสเตรเลียจับกุมชายได้ 5 คนในเมือง Melbourne ในจำนวนนี้มีสองคนถูกตั้งข้อสงสัยว่าวางแผนโจมตีด้วยการก่อการร้ายในช่วงวันหยุดแห่งชาติ หลังจากกที่ถูกจับดำเนินคดีได้ไม่นาน นายโทนี แอ็บบอตต์ออกมากล่าวว่าผู้ที่ถูกจับกุมมีความเชื่อมโยงกับขบวนการก่อการร้ายไอซิสซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธขนาดใหญ่ที่มีอยู่ทั่วอิรัคและซีเรีย
    ที่ออสเตรเลียนั้นเขาจัดสถานที่พิเศษให้พวกผู้อพยพผิดกฏหมายอยู่เป็นการเฉพาะ คือให้ไปอยู่บนเกาะที่อยู่ห่างไกลความเจริญ คืออยู่ที่เกาะ Christmas Island จากนั้นก็ย้ายบางส่วนไปอยู่ที่แห่งใหม่อีกเกาะหนึ่งคือ เกาะ Naura ผู้อพยพส่วนมากไปจากอินโดนีเซีย และเป็นชาวโรฮิงญาที่อพยพไปจากบังคลาเทศและพม่าอีกทีหนึ่ง บางส่วนเป็นชาวทมิฬ (Tamil) จากศรีลังกา แม้จะให้ไปอยู่บนเกาะก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าทางรัฐบาลออสเตรเลียจะอนุญาตให้ผู้อพยพผิดกฎหมายเหล่านั้นสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระบนเกาะเหล่านั้นได้ สถานที่ที่รัฐบาลออสเตรเลียจัดให้อยู่นั้นเรียกชื่ออย่างเป็นทางการว่า "Nauru detention centre" (ศูนย์กักกันผู้อพยพนอรู) คือให้อยู่ในพื้นที่จำกัดมีรั้วเหล็กล้อมรอบไว้ ไม่ให้ออกไปเพ่นพ่านในพื้นที่ส่วนอื่นของเกาะโดยเด็ดขาด ไม่ต้องทำงานหรือทำมาหากินอะไร รอกินอาหารฟรีแล้วก็นอนและขยายพันธุ์เท่านั้น
    เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2013 ได้เกิดเหตุพวกผู้อพยพก่อเหตุจลาจลขึ้นในศูนย์กักกันฯ ต่อสู้กับตำรวจที่ดูแลอยู่บนเกาะนั้น เผาค่ายที่พักอาศัย พยายามหลบหนีหลายร้อยคน แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดเพราะไม่มีเรือให้ใช้สำหรับหลบหนี ขืนว่ายน้ำออกไป ก็อยู่ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่มาก มีหวังได้กลายเป็นเหยื่อฉลามแน่
    ส่วนกรณีของบังคลาเทศนั้น ล่าสุดทางรัฐบาลบังคลาเทศออกมากล่าวว่ากำลังจะจัดให้ชาวโรฮิงญาในบังคลาเทศไปอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งต่างหาก เอาหละสิบังคลาเทศก็เลียนแบบออสเตรเลียบ้างแล้ว เอาไปปล่อยเกาะไว้เลยไม่ให้มีเรือเข้าออกได้โดยง่ายต้องผ่านการดูแลอย่างเข้มงวดจากทางรัฐบาลด้วย ดูซิว่าถ้าบังคลาเทศเอาชาวโรฮิงญาไปรวมกันอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งแล้วจะยังมีใครมาอ้างว่ามีผู้อพยพชาวโรฮิงญาหลบหนีออกไปจากบังคลาเทศอีกหรือไม่ ยกเว้นจะมีพวกขบวนการค้ามนุษย์แอบเอาเรือไปขนออกจากเกาะนั้นอีกต่อหนึ่งเท่านั้น
    The Eyes
    29/05/2558
    ----------
    http://sputniknews.com/asia/20150525/1022526531.html
    http://www.ft.com/…/2c3d58e2-9c79-11e4-a730-00144feabdc0.ht…
    Nauru detention centre - Wikipedia, the free encyclopedia
    http://www.theguardian.com/…/bangladesh-plans-to-move-rohin…
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 30 พ.ค.58 พม่าด่า UNHCR และอเมริกา จนเสียสุนัข อับอายหนักมาก
    เมื่อวานนี้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย ที่กรุงเทพฯ มีตัวแทนจากรัฐบาล 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน เข้าร่วมการหารือ และอีก 7 ประเทศ "คนนอก"
    คือ สหรัฐ สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น บังกลาเทศ เจ้าหน้าที่ของ UNHCR และองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน ( IOM ) จอมเผือก โดยผู้เข้าร่วมการประชุมเกือบทั้งหมดไม่ใช่เจ้าหน้าที่ระดับสูง
    ในช่วงหนึ่งการประชุม นายโฟลเคอร์ เติร์ก ผู้ช่วยข้าหลวงใหญ่แห่งสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ( UNHCR ) ซึ่งกล่าวว่าการแก้ไขปัญหาผู้อพยพทางเรือให้ถึง "แก่นแท้" หรือต้นตอ จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือ
    และความรับผิดชอบอย่างเต็มกำลังกว่านี้จากทางการเมียนมา และการมอบสัญชาติให้แก่กลุ่มชาวโรฮีนจา กว่า 1.3 ล้านคนในรัฐยะไข่ คือเป้าหมายสำคัญที่ UNHCR ต้องการผลักดันให้ประสบความสำเร็จ
    ด้าน นางแอน ริชาร์ด ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวเรียกร้องให้ทุกประเทศร่วมกันให้ความช่วยเหลือผู้อพยพทางเรือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 3,000 คนโดยด่วนที่สุด แต่อเมริกา ไม่ตัดสินใจเรื่องที่รับปากเรื่องโควต้า 1000 คน ที่เคยออกข่าวไป (อ้าว..เบี้ยวกลางอากาศ)
    นายถิ่น ลินน์ หัวหน้าคณะผู้แทนระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศเมียนมา ได้ตอบโต้ด้วย ถ้อยแถลงอันดุเดือด ยืนยันว่าเมียนมา ไม่สมควรได้รับการกล่าวโทษเพียงฝ่ายเดียว ว่าเป็นสาเหตุของการเกิดวิกฤติเรือผู้อพยพผิดกฎหมายในทะเลอันดามันที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนนี้
    ข้อเรียกร้องจากหลายฝ่ายเรื่องการมอบสัญชาติให้แก่ชนกลุ่มน้อยในรัฐยะไข่นั้น คือการแสดงเจตนาเชื่อมโยงปัญหาเข้ากับการเมืองอย่างชัดเจน และ "สถานการณ์ภายใน" ของเมียนมาบางเรื่อง คือกิจการภายในที่ "บุคคลภายนอก" ไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้อง
    ---------------------------->
    เออ..นั่นดิ นี่มันเรื่องกิจการภายในของกลุ่มอาเซียนเขา "คนนอก" จะมาเกี่ยวอะไร แล้ว UNHCR ถามชาวโรฮินจา 1.3 ล้านคน ว่าเขาอยากได้สัญชาติพม่าหรือยัง เป็นคนนอกอย่าไปคิดแทนพวกเขา
    อยากช่วยก็อย่าพูดมาก เอาเรือบรรทุกเครื่องบิน มาขนชาวโรฮินจาที่สมัครใจทั้ง 1.3 ล้านคน ไปอยู่ที่เกาะดิเอโก้ กราเซีย ฐานทัพลับของอเมริกา ในมหาสมุทรอินเดียโน่น จะได้หยุดเห่าสักที กลุ่มอาเซียนเขารำคาญ !!
    @ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เอาคืน! “นักรบชาวคริสต์” ในซีเรีย “ฆ่าตัดหัว” พวกไอเอส-แก้แค้นแทนเหยื่อที่ถูกสังหาร โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤษภาคม 2558 15:30 น.

    [​IMG]
    ภาพนักโทษชาวคริสต์อียิปต์กว่า 20 คนที่ถูกนักรบไอเอสฆ่าตัดคอ (แฟ้มภาพ)

    เอเอฟพี – นักรบชาวคริสต์ในซีเรียลงมือ “ฆ่าตัดหัว” สมาชิกกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) เพื่อแก้แค้นแทนประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียที่ถูกไอเอสสังหาร องค์กรสิทธิมนุษยชนเผยวานนี้ (29 พ.ค.)

    ศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรีย (Syrian Observatory for Human Rights) รายงานว่า ปรากฏการณ์กลับตาลปัตรครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี(28) ที่จังหวัดฮาซาเกห์ (Hasakeh) ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของพวกไอเอส โดยนักรบชาวคริสต์จากชนกลุ่มน้อยอัสซีเรียนคนหนึ่งได้เผชิญหน้ากับนักรบญิฮาดที่หมู่บ้าน ทัล ชามิราม

    “เขาจับนักรบญิฮาดเป็นเชลย และเมื่อทราบว่าเป็นพวกไอเอส นักรบชาวคริสต์อัสซีเรียนก็ได้ลงมือฆ่าตัดหัวเขา เพื่อล้างแค้นให้กับประชาชนจำนวนมากที่ถูกไอเอสเข่นฆ่า” รามี อับเดล ราห์มาน ผู้อำนวยการศูนย์สังเกตการณ์ฯ ซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงลอนดอน ให้สัมภาษณ์

    ศูนย์แห่งนี้ได้รายงานสถานการณ์ความขัดแย้งในซีเรียอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว โดยอาศัยข้อมูลจากเครือข่ายแหล่งข่าวในซีเรีย

    นักรบชาวคริสต์ได้ร่วมต่อสู้กับกองกำลังเคิร์ด ซึ่งเมื่อต้นเดือนนี้สามารถขับไล่พวกไอเอสออกไปจากหมู่บ้านชาวอัสซีเรียนหลายแห่งในจังหวัดฮาซาเกห์

    ไอเอสซึ่งเป็นกลุ่มนักรบหัวรุนแรงนิกายสุหนี่สามารถยึดพื้นที่อย่างกว้างในซีเรียและอิรัก และได้ล่วงละเมิดพลเมืองท้องถิ่นอย่างโหดเหี้ยม ทั้งการฆ่าตัดหัว สังหารหมู่ จับเป็นทาส และข่มขืน

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000061492
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นายใหญ่เพนตากอนจี้จีน “หยุดถมทะเล” สร้างเกาะเทียมแบบ “ทันทีและถาวร”
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤษภาคม 2558 10:12 น.

    [​IMG]
    @แอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ขณะกล่าวปาฐกถาในการประชุมสุดยอดผู้นำความมั่นคงเอเชีย "แชงกรี-ลา ไดอะล็อก" ครั้งที่ 14 ที่สิงคโปร์ วันนี้ (30 พ.ค.)

    เอเอฟพี – สหรัฐฯ เรียกร้องในวันนี้ (30 พ.ค.) ให้รัฐบาลจีนยุติโครงการถมทะเลสร้างเกาะเทียมบริเวณน่านน้ำพิพาทในทะเลจีนใต้ “ทันที และอย่างถาวร” ระบุพฤติกรรมของปักกิ่งถือว่าไม่เคารพหลักปฏิบัติของนานาชาติ

    แอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงในการประชุมสุดยอดผู้นำความมั่นคงเอเชีย "แชงกรี-ลา ไดอะล็อก" ครั้งที่ 14 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ว่า “ประการแรก เราปรารถนาที่จะเห็นความขัดแย้งได้รับการแก้ไขด้วยแนวทางสันติ ซึ่งนั่นหมายความว่า ทุกฝ่ายที่อ้างกรรมสิทธิ์อยู่จะต้องหยุดปรับสภาพที่ดินในทันที และอย่างถาวรด้วย”

    “สหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังทหารไปในเชิงก่อความขัดแย้ง” คาร์เตอร์ กล่าว พร้อมประกาศว่า กองกำลังสหรัฐฯ จะไม่หยุดส่งเรือและเครื่องบินเข้าไปลาดตระเวนในจุดที่เป็นน่านน้ำและน่านฟ้าสากล

    รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ยังตำหนิจีนแบบไม่อ้อมค้อมด้วยว่า “สิ่งที่จีนกำลังกระทำในทะเลจีนใต้ถือว่าไม่เคารพกฎเกณฑ์และหลักปฏิบัติของนานาชาติ”

    คาเตอร์ ยอมรับว่า ประเทศผู้อ้างกรรมสิทธิ์รายอื่นๆ ก็ได้เข้าไปสร้างฐานที่มั่นของตนเอาไว้บนหมู่เกาะพิพาทเช่นกัน โดยเวียดนามมีฐานอยู่ 48 แห่ง, ฟิลิปปินส์ 8 แห่ง, มาเลเซีย 5 แห่ง และไต้หวัน 1 แห่ง

    “อย่างไรก็ดี มีเพียงประเทศเดียวที่ทำมากกว่า และเร็วยิ่งกว่าใครเพื่อน นั่นก็คือ จีน... เวลานี้รัฐบาลจีนเข้าไปยึดพื้นที่กว่า 2,000 เอเคอร์ มากกว่าของประเทศอื่นๆ รวมกัน และมากที่สุดเป็นประวัติการณ์สำหรับภูมิภาคแถบนี้... แต่จีนทำได้ในระยะเวลาแค่ 18 เดือน”

    “ผมเองก็ยังไม่ทราบว่าจีนจะรุกคืบไปอีกแค่ไหน และนี่คือเหตุผลที่ทำให้น่านน้ำบริเวณนี้เป็นบ่อเกิดของข้อพิพาท ซึ่งตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งทั่วโลก”

    สัปดาห์ที่แล้ว กองทัพจีนสั่งให้เครื่องบินลาดตระเวน พี-8 โพไซดอน ของกองทัพเรือสหรัฐฯ บินออกจากน่านฟ้าเหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์ แต่ฝ่ายสหรัฐฯ ไม่ยอมทำตาม

    “กรุณาเข้าใจให้ถูกต้องว่า... สหรัฐฯ มีสิทธิ์ที่จะบิน ล่องเรือ หรือปฏิบัติการในพื้นที่ใดๆ ก็ตามที่กฎหมายระหว่างประเทศอนุญาต อย่างที่กองทัพของเราก็ได้ปฏิบัติอยู่แล้วทั่วโลก” คาเตอร์ กล่าว

    “สหรัฐฯ ตลอดจนประเทศพันธมิตรและหุ้นส่วนของเราในภูมิภาคนี้ไม่ลังเลที่จะใช้สิทธิ์ของเรา ซึ่งเป็นสิทธิที่ทุกประเทศพึงมี อีกอย่าง... แค่การเข้าไปยึดเกาะปาการังมาทำสนามบินไม่ได้ช่วยให้ประเทศนั้นๆ ได้อธิปไตย หรือสามารถจำกัดสิทธิในการเดินเรือและการบินในพื้นที่สากลได้”

    ปักกิ่งยืนยันว่ามีสิทธิ์ที่จะถมทะเลในน่านน้ำพิพาท และกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าจ้องเล่นงานจีนอยู่ฝ่ายเดียว ทั้งๆ ที่อีกหลายประเทศก็กระทำการอย่างเดียวกัน

    จีนอ้างอธิปไตยเหนือน่านน้ำเกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญของโลก และเชื่อกันว่าอุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ

    ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย ไต้หวัน และบรูไน ต่างก็อ้างสิทธิทับซ้อนในทะเลจีนใต้เช่นเดียวกัน


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000061391
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Weekend Focus : “Heat Wave” ทำพิษ! ยอดตายจากคลื่นความร้อนในอินเดียพุ่งทะลุ 1,500 ศพ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤษภาคม 2558 06:13 น.

    [​IMG]

    ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในข่าวคราวความเคลื่อนไหวจากต่างประเทศที่ถูกพูดถึงมากที่สุดข่าวหนึ่ง โดยเฉพาะในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะต้องมีข่าวเกี่ยวกับการโจมตีของคลื่นความร้อน (heat wave) ในอินเดียรวมอยู่ด้วย

    ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคมปีนี้ อินเดียซึ่งเป็นดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็นบ้านของประชากรมากกว่า 1,200 ล้านคน และยังเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 7 ของโลกในแง่ของพื้นที่ มีอันต้องเผชิญกับปรากฏการณ์คลื่นความร้อนแผ่เข้าปกคลุมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศโดยเฉพาะทางตะวันออก และการแผ่เข้าปกคลุมของคลื่นความร้อนในแดนภารตะคราวนี้ได้สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างต่อผู้คนจำนวนหลายล้านคนที่ถึงขั้นเจ็บป่วยหรือดำเนินชีวิตประจำวันด้วยความยากลำบาก โดยเฉพาะในยามกลางวันแสกๆ

    ข้อมูลล่าสุดเมื่อนับถึง 28 พฤษภาคมที่ผ่านมาระบุตัวเลขอันน่าตื่นตระหนกว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากมหันตภัยคลื่นความร้อนในอินเดียยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนพุ่งทะลุ 1,500 ราย

    รายงานข่าวระบุว่า พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการปกคลุมของคลื่นความร้อนในอินเดีย คือ รัฐอานธรประเทศ (Andhra Pradesh) ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ รวมถึงที่รัฐเตลันกานา (Telangana) ที่ตั้งอยู่ติดกัน

    ข้อมูลของทางการระบุว่า จำนวนผู้ตกเป็นเหยื่อของคลื่นความร้อนในอินเดีย มีมากที่สุดในรัฐอานธรประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนทะลุ 850 รายไปแล้ว ขณะที่ในรัฐเตลันกานาก็มียอดเหยื่อ heat wave แล้วมากกว่า 250 ศพ

    ไม่เพียงแต่ในรัฐอานธรประเทศและเตลันกานาเท่านั้น สื่อสำนักต่างๆ พากันรายงานว่าพบผู้เสียชีวิตจากการตกเป็นเหยื่อคลื่นความร้อนในอีกหลายรัฐทางภาคตะวันออกของอินเดีย เช่นในรัฐโอริสสา และรัฐเบงกอลตะวันตกด้วยเช่นกัน

    ในบางพื้นที่ของอินเดียพบว่าอุณหภูมิที่วัดได้ระหว่างวันนั้นทำสถิติพุ่งขึ้นไปเฉียดระดับ “50 องศาเซลเซียส” ซึ่งว่ากันว่าเป็นระดับอุณหภูมิที่สูงพอที่จะส่งผลให้ “ทางม้าลาย” หรือสัญญาณจราจรที่เขียนไว้บนพื้นถนนถึงขั้น “หลอมละลาย” ได้

    รัฐบาลท้องถิ่นของหลายรัฐในอินเดียที่ถูกคลื่นความร้อนพาดผ่าน ต่างออกประกาศเตือนให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านพักอาศัยหรือที่ร่ม และขอให้หลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมกลางแจ้งในทุกรูปแบบ ขณะที่บรรดาโรงพยาบาลต่างได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อมรักษาคนไข้ที่มีอาการของโรคลมแดด ตลอดจนอาการเจ็บไข้ได้ป่วยอื่นๆที่เป็นผลมาจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด

    สื่อท้องถิ่นในอินเดียต่างรายงานว่า อินเดียกำลังเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดที่สุดในรอบ 2 ปี แต่บางสำนักก็กล่าวว่านี่คือสภาพอากาศที่ร้อนระอุที่สุดที่อินเดียต้องเผชิญในรอบ 1 ทศวรรษเลยทีเดียว

    ด้านสำนักงานอุตุนิยมวิยาแห่งอินเดียระบุว่า ปรากฏการณ์คลื่นความร้อนแผ่ปกคลุมอินเดียในครั้งนี้ มีต้นตอมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกและภาวะฝนทิ้งช่วง ซึ่งส่งผลให้หลายรัฐยังจะต้องเผชิญกับระดับอุณหภูมิที่สูงเกินกว่า 45 องศาเซลเซียสต่อไปอีกจนกว่าฤดูมรสุมจะมาถึง

    ดังนั้นคงไม่ผิดนักหากจะสรุปว่า ปรากฏการณ์คลื่นความร้อนแผ่ปกคลุมอินเดีย จนคร่าชีวิตผู้คนไปนับพันราย เป็นเพียงหนึ่งในหลักฐานที่บ่งชี้ว่าธรรมชาติกำลัง “เอาคืน” กับมนุษย์ และถึงเวลาแล้วที่มนุษยชาติทั่วทุกมุมโลกต้องหันมา “ใส่ใจ” และ “ใส่จิตวิญญาณ” ในการดูแลธรรมชาติอย่างจริงจัง ก่อนที่เราจะได้รับบทเรียนที่มีราคาแพงและแสนเจ็บปวดไปมากกว่านี้


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000060522
     

แชร์หน้านี้

Loading...