ผีอำ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย ทองชมพู, 19 เมษายน 2015.

  1. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    การฝึกมีอยู่ ๔ แบบค่ะ
    ๑ หลักสูตรสุขวิปัสโก ไม่สามารถเห็นนรก สวรรค์ พรหม เทวดาได้ (อย่างที่คุณวันวิสาพูดถึงข้างต้น คือดูจิตที่ไม่เอาจิตออกจากกายเนื้อ)
    ๒ หลักสูตรวิชชาสาม สามารถเห็นนรก สวรรค์พรหมได้ พูดคุยได้แต่ไปไม่ได้
    ๓ หลักสูตรอภิญญา ใช้ฤทธิ์ได้ ทั้งฤทธิ์ภายในและภายนอก
    ๔ หลักสูตรปฏิสัมภิทัปปัตโต จะครอบคลุมหมดทุกหลักสูตร และสามารถรู้ภาษาคนและสัตว์ได้

    ส่วนวิชามโนมยิทธิ คือมีฤทธิ์ทางใจ นั้นแต่เดิมหลวงพ่อสอนแบบอภิญญา แต่คนทำได้น้อยเพราะต้องใช้กำลังใจมาก ท่านเลยสอนแบบอภิญญาแต่ลดกำลังลงมาเพื่อให้คนส่วนใหญ่ทำได้

    ฉะนั้นแต่ละหลักสูตรจะไม่เหมือนกัน

    และที่โพสเรื่องพระจุฬามณีเป็นวิชามโนมยิทธิ ดูจิตได้เหมือนกันและสามารถบอกได้ว่าจิตอยู่ระดับใด

    ส่วนถ้าใครเคยมีพื้นฐานแบบอภิญามาก่อนแต่อดีต ถึงแม้จะฝึกแบบสุขวิปัสโกเมื่อถึงระดับหนึ่งของเดิมก็โผล่ขึ้นมาได้เหมือนกันค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2015
  2. Yammies

    Yammies เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +320
    แหม พี่ทองก็ หนูก็อยากมีอารมแบบ ชั้นมีครูบาอาจารย์
    เหมือนพี่ ๆ มั่งน้ออ เห็นองค์โน้นองค์นี้ เยอะแยะไปหมด
    5555...
    ตอนไม่มีใครมาโปรด ก็หาอาจารย์แถว ๆ นี้แนะนำไปก่อน
    เยอะแยะเบยย...ทุกคนที่ให้คำแนะนำ ช่วยไขข้อสงสัย
    แยมถือเป็นอาจารย์หมดค่ะ
     
  3. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ที่วัดท่าซุงนะน้องแยมจะเจอแบบพี่ และเก่งกว่าพี่เดินไปเดินมาอยู่มากมาย บางทีก็เด็กอายุยังไม่ถึง ๑๐ ขวบด้วยซ้ำ เก่งกว่าพี่อีกจร้า
    เอาเป็นว่าถ้าน้องสังสัยอะไรก็ถามได้ แต่ตอบเท่าที่รู้นะจ๊ะ ที่ไม่รู้ไม่กล้าตอบ ไม่กล้าเดา กลัวจะได้ไปผิงไฟอยู่อเวจีกะท่านเทวทัต อิอิ

    ถ้าว่างก็เข้าไปอ่านประวัติครูบาอาจารย์ได้ที่เว็บวัดท่าซุงนะจ๊ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2015
  4. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    การรับศิษย์ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ( หลวงพ่อฤาษี )


    “ทุกคนที่ต้องการเป็นศิษย์ ไม่ต้องขออนุญาต ขอให้ปฏิบัติตามนี้ อยู่ที่ไหน ไม่เคยเห็นหน้ากันเลยก็รับเป็นศิษย์คือ

    1.ศิษย์ชั้น 3 พยายามรักษาศีล 5 เสมอ อาจจะขาดตกบกพร่องบ้าง แต่ก็พยายามรักษาให้ครบถ้วนให้มากที่สุดที่จะทำได้ อย่างนี้ขอรับไว้เป็นศิษย์ชั้น 3 คือศิษย์ขนาดจิ๋ว

    2.ศิษย์รุ่นกลาง มีปฏิปทาดังนี้ มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ พยายามรักษาอารมณ์ให้ทรงสมาธิเสมอตามสมควร ไม่ละเมิดศีลเป็นปกติ อย่างนี้ขอรับไว้เป็นศิษย์รุ่นกลาง

    3.ศิษย์เอก มีปฏิปทาดังนี้
    3.1 รักษาศีล 5 ครบถ้วนเป็นปกติ
    3.2 เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ไม่สงสัยในความดีของท่าน มีอารมณ์ตั้งมั่นว่า ถ้าตายไปจากคนชาตินี้ ขอไปนิพพานจุดเดียว พยายามละความโลภ ความโกรธ ความหลงเป็นปกติ

    ถ้าปฏิบัติได้ตามที่กล่าวนี้ มาพบหรือไม่มาพบ ขออนุญาตเป็นศิษย์หรือไม่ขออนุญาตก็ตาม ถ้าคิดว่าอยากจะเป็นศิษย์ ให้ทราบว่า อาตมารับเป็นศิษย์แล้วด้วยความเต็มใจ”


    พระสุธรรมยานเถระ 25 ธ.ค.2527 (สมณศักดิ์ในขณะนั้น)
    จากหนังสือประวัติครูบาอาจารย์ที่หลวงพ่อพระราชพรหมยานเคารพนับถือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2015
  5. Yammies

    Yammies เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +320
    จริง ๆ แยมก็ไปทีละขั้นเหมือนกันนะคะ...
    แยมเริ่มต้นด้วยการชำระล้างร่างกายและจิตใจ
    ด้วยการถือศีล 5 และทานมังด้วยค่ะ
    ร่างกายผ่านแล้ว แต่ใจยังไม่ผ่าน ตอนนี้กำกับด้วย พรหมวิหาร 4
    ยังไม่เต็มร้อยค่ะพี่ wanwisa2517 แยมค่อย ๆ คลานไปค่ะ...
    เพราะแยมต้องเจอคนที่เค้าจะเอาชนะลูกเดียว บางคนเจอคนที่เขาขี้โกง
    แยมก็พยายามจะใช้เมตตา หืมมมมมม...บางครั้งเกือบขาดดเลยค่ะ...
    หัดสวดมนต์อยู่ค่ะตอนนี้ อีกไม่นานได้ตามพี่ ๆ ไปเรื่องวิปัสสนา...
    หาทางหลุดพ้น ก็เหมือนมีจุดมุ่งหมายของชีวิต รู้สึกดีนะคะ...ที่ได้ตั้งเป้า
    กับชีวิตแบบนี้ ดีกว่าชั้นต้องเก็บตังค์ซื้อรถ โน่นนี่...ดูมันลำบากมากเลยค่ะ..
    ขอบคุณมากค่า สำหรับทุก ๆ คำแนะนำ และกำลังใจให้น้อง...
     
  6. Snow_Princess

    Snow_Princess เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +219
    หนูยังขึ้นไปไม่ได้คะ สงสัยกำลังใจไม่ถึง คงติดอะไรสักอย่าง มืดไปหมด เฮ้อ...
     
  7. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ขึ้นไม่ได้
    ครั้งหน้าลองดูใหม่ค่ะ
    ค่อยๆเริ่มฝึกไปเรื่อยๆ
    ตอนแรกที่พี่เริ่มฝึกปฏิบัติกรรมฐาน
    พี่ก็ยังขึ้นไม่ได้เหมือนกันค่ะ
    หลวงปู่ท่านบอกว่าให้หมั่นฝึกบ่อยๆ
    เมื่อสภาวะจิต สภาวะแห่งพลังบุญพร้อม
    จะขึ้นได้เองโดยที่ดังใจนึก

    ตอนนี้พอขึ้นได้แล้ว ก็แทบไม่อยากลง
    โดนหลวงปู่ตำหนิในนิมิตฝันว่า
    "เจ้ากำลังยึดติดในนิมิต
    ซึ่งเป็นเหตุ ทำให้สภาวะธรรมไม่ก้าวหน้า
    เห็นว่ามีอยู่ เมื่อเห็นแล้วก็ให้วาง จำไม่ได้หรือ "

    เราก็เลยไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่พนมมือ
    แล้วบอกว่า "สาธุ...เจ้าข้า "
     
  8. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    แบบที่ครูอาจารย์ของคุณวันวิสาสอนนั้น ท่านสอนถูกต้องแล้วค่ะ ส่วนใหญ่แทบทุกสำนักจะเน้นสอนแบบสุขวิปัสโก คือสายนี้จะให้ทิ้งนิมิตให้หมด ไม่เอาจิตส่งออกนอกตัว ต้องดูจิตจนกว่าจะเกิดสภาวะจิตเห็นจิต และอยู่อย่างนั้น ดับกิเลสโดยการอยู่กับจิตตัวเองและดูร่างกายตัวเองว่ามันสกปรก แยกธาตุแยกชิ้นส่วน เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่ายในร่างกาย ปฏิบัติจนถึงที่สุดของสายนี้ ก็คือ พระอรหันต์แบบสุขวิปัสโก คือไม่มีฤทธิ์ ไม่เห็นผี เทวดา พรหม แต่รู้แค่ว่าตัวเองจบกิจคือเป็นพระอรหันต์ก็จะมีสภาวะบอก

    แต่กรณีของคุณวันวิสานั้นคุณได้ฝึกแบบสุขวิปัสโกนี้ แต่ว่าคุณมีวิสัยแบบอภิญญามาแต่อดีต ถึงแม้จะฝึกแบบสุขวิปัสโกแต่แรก แต่ของเดิมของคุณนั้นเริ่มมา ทำให้คุณสัมผัสโลกทิพย์ได้ และไปได้บ้างนิดหน่อย เนื่องจากสติคุณยังอ่อนอยู่มาก คุณเลยยังตามรับรู้แบบไม่แน่ใจอยู่

    และเนื่องด้วยหลักสูตรที่มีคุณสมบัติพิเศษนี้การควบคุมลูกศิษย์นั้นยากมาก ถึงแม้ครูอาจารย์จะมีคุณสมบัติพิเศษมากเพียงใดก็ตาม มักจะไม่สอนวิชาพิเศษแก่ผู้ใด เพราะการควบคุมดูแลเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะถ้าเปะปะไปทั่ว ก็เหมือนกับเราเข้าป่าโดยไม่มีอาวุธใดและไม่รู้เรื่องราวในป่ามาก่อน ฉะนั้นโอกาสจะถูกเสือเอาไปกินนั้นสูงมากฉันท์ใด ก็เหมือนกันครูอาจารย์นั้นเลยไม่สอนวิชาพิเศษนี้แก่ผู้ใด พอคุณทำท่าจะออกนอกลู่นอกทางจากสายสุขวิปัสโก ครูอาจารย์เลยรีบเอาคุณกลับมาอยู่ในเส้นทาง โดยกลับเข้ามาอยู่ในจิตอยู่ในร่างกายตัวเองเท่านั้น

    แต่ในกระทู้นี้สอนหลักสูตรอภิญญา + วิชชาสาม เรียกว่า วิชามโนมยิทธิ เนื่องจากเคยอธิบายให้คุณฟังแล้ว แต่เดิมนั้นหลวงพ่อท่านสอนอภิญญา แต่เนื่องจากต้องใช้กำลังใจมาก ท่านเลยลดกำลังลงมาให้เหลือแค่อุปจาระสมาธิ เพื่อให้คนทั่ว ๆ ไปสามารถฝึกได้ง่าย และหลักวิชานี้จะตรงกับข้ามกับสุขวิปัสโกที่คุณเคยเรียนมา วิชานี้เอาจิตออกห่างจากร่างกายได้มากและไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น

    เพราะคนเรานั้นรักร่างกายของตัวเองมากที่สุด การเอาจิตออกจากร่างนั้นทำได้ยากที่สุด อยู่ภายใต้กฎคือ ให้ถือศีลให้บริสุทธิ์ เคารพพระรัตนตรัย ระลึกถึงความตาย และมีพระนิพพานเป็นเป้าหมาย ถ้าคนที่ฉลาดพอ ถึงแม้ไม่บอก ก็รู้ได้ว่าถ้าปฏิบัติตามกฎได้ นี่คือ พระโสดาบันชัด ๆ พระโสดาบันนั้นสามารถปิดอบายภูมิ มีแต่ความเจริญขึ้นเพียงส่วนเดียว ไม่มีวันตกต่ำไปในทางเสื่อมได้เลย

    นี่คือกุศโลบายอันแยบยลของครูบาอาจารย์ และถ้าหากใครไม่ปฏิบัติตามกฏนี้ คุณไม่ต้องห่วงเด็ดขาดว่าจะหลงในนิมิต เพราะประตูพระจุฬามณีไม่เปิดประตูรับโดยอัตโนมัติ และหลักสูตรนี้สามารถขึ้นได้ถึงพระนิพพาน ซึ่งต้องมีกฏเกณฑ์ตามข้างต้นเท่านั้น จึงจะขึ้นได้ ไม่ใช่ใครก็ได้มั่วไปหมด และถ้าหากจะหลงจะยึดจะติด แต่ถ้าทั้งหลงทั้งยึดทั้งติด คือติดพระนิพพาน ตายเมื่อใดก็ไปอยู่พระนิพพาน เมื่อนั้น ถึงแม้กำลังตอนตายอาจยังไม่ถึง แต่ความแน่นอนของสายวิชานี้คือ สุขคติภูมิแน่นอน

    ซึ่งต่างจากสายสุขวิปัสโกมาก ที่ผู้ฝีกไม่สามารถทราบสถานะ และก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นอยู่ในระดับใด ซึ่งถ้าเปรียบไปแล้วสายนี้ก็เหมือนคนตาบอดคลำช้าง เพราะมองไม่เห็นอะไรเลย และก็ไม่ทราบอะไรเลย แต่สายอภิญญานั้น ทั้งรู้ทั้งเห็น และเห็นตั้งแต่นรกทุกชั้น สวรรค์ทุกชั้น พรหมโลกทุกชั้น และเห็นพระนิพพานอีกด้วย และรู้ได้ด้วยว่าเราอยู่ระดับใดเนื่องจากข้างบนมีทั้งเทวดา พรหม พระอรหันต์ และพระพุทธเจ้า สามารถเทียบและพัฒนาตัวเองได้ตลอดเวลา

    และอีกอย่างคนที่เห็นมาหมดแล้ว ก็ย่อมรู้ดีว่าอะไรดีที่สุด ไม่มีใครโง่เลือกนรกเป็นที่อยู่หรอก เห็นแต่เลือกพระนิพพานกันทั้งนั้น เพราะดีที่สุดนั่นเอง ฉะนั้นพระคุณอันยิ่งใหญ่ของครูบาอาจารย์ที่ท่านคิดกุศโลบายนี้ขึ้นมาเพื่อให้เราไปได้แบบง่ายและตรง และเห็นความสำคัญของพระนิพพานด้วยตัวเราเอง

    และถ้าคุณวันวิสาสามารถเห็นอเวจีได้ละก็ คุณจะทราบว่าการสอนธรรมะแบบผิด ๆ เพราะเรายังไม่รู้ดี โทษนั้นถึงอเวจีเลยทีเดียว ฉะนั้นยิ่งเราบันทึกไว้แบบนี้ คนอ่านเข้ามาอ่านยิ่งมากเพียงใด เขาเหล่านั้นที่ไม่รู้ เขาปฏิบัติตามเราแบบผิด ๆ ทำให้โทษเรานั้นถึงอเวจีโดยที่เราไม่รู้ตัวเลย นั่นแหละข้อเสียของสายสุขวิปัสโก ครูอาจารย์ของคุณถึงได้สอนให้อยู่เฉพาะขอบเขต กาย วาจาใจของตัวเองเท่านั้น

    แต่สำหรับสายอภิญญานั้นทราบข้อนี้ดี ฉะนั้นแต่ละคนจึงระวังกาย วาจา ใจ ของตัวเองได้เป็นอัตโนมัติ ไม่ต้องมีใครมาเคี่ยวเข็ญเลยแม้แต่น้อย เพราะแค่จิตหมองนิดเดียวก็ขึ้นไปกราบพระพุทธเจ้าไม่ได้แล้ว และยิ่งเราขึ้นไปกราบท่านที่ข้างบน เรายิ่งขึ้นบ่อยมากเท่าใด ยิ่งทำให้เรายิ่งบริสุทธิ์ได้นานขึ้นมากเท่านั้น เนื่องจากถ้าไม่บริสุทธ์แม้เพียงนิดเดียว ก็ไม่สามารถขึ้นได้เลยเป็นอัตโนมัติ

    ทีนี้คุณจะเห็นความต่างแล้วใช่ไหมคะ ว่าคำแนะนำของคุณนั้นมันเป็นปรปักษ์กับวิชา ในสายวิชาแต่ละสายไม่เหมือนกันเช่นนี้ ถ้าคุณชอบสายนั้นคุณก็ปฏิบัติตามสายนั้นอย่างเคร่งครัด ไม่ใช้กายวาจาใจ เป็นโทษแก่ผู้อื่น แต่ถ้าคุณชอบสายอภิญญา คุณก็สามารถหาข้อมูลได้ค่ะ แต่จริง ๆ เราสามารถฝึกทั้งสองอย่างได้ คือขณะที่ฝึกอภิญญาก็ฝึกแบบอภิญญาไป ขณะใดที่ฝึกสุขวิปัสโกเพื่อสติ ก็ฝึกไป ไม่ควรเอามายำใส่กัน ซึ่งดิฉันก็ทำทั้งสองอย่างเหมือนกันค่ะ

    ดิฉันไม่มีเจตนาจะล่วงเกินคุณใด ๆ เพียงแต่ชี้แจงให้คุณได้เข้าใจ และสุดท้ายหากพลาดพลั้งล่วงเกินคุณไป ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2015
  9. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    สู้ สู้ จ๊ะ มันยากแค่ครั้งแรก เพราะเราไม่เข้าใจ ถ้าขึ้นได้แม้เพียงครั้งเดียวครั้งต่อไป ฉลุยจ๊ะ ถ้ามีโอกาส ไปฝึกที่วัดท่าซุงนะคะ มีสอนทุกวันที่วิหารแก้ว ๑๐๐ เมตร สามารถไปพักค้างคืนได้ถึง ๗ วัน ที่นั่นมีครูอาจารย์ที่เป็นฆราวาสหลายท่านค่ะ

    ถ้าหากยังขึ้นไม่ได้ก็ไม่ต้องเสียใจ ทำตามกฎที่หลวงพ่อแนะนำไว้ คือ ศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ เคารพพระรัตนตรัย ระลึกถึงความตาย คนเราเกิดมาต้องตาย และให้ตั้งตั้งเป้าว่าตายเมื่อใดขอไปพระนิพพาน เพียงเท่านี้ถ้าทำได้ ปิดอบายภูมิได้แน่นอนจ๊ะ

    ปล.ที่วิหารแก้ววัดท่าซุง และวิหารสมเด็จองค์ปฐมวัดท่าซุง หลวงพ่อท่านจำลองจากข้างบนมาให้คนที่ขึ้นไม่ได้ดู เมื่อดูแล้วให้จำให้ติดตาและติดใจ นึกได้เมื่อไหร่ให้นึกถึงพระประธานและวิหารแก้วไว้ ยิ่งทำบ่อยเท่าไหร่ยิ่งดี ถ้าเราตายเมื่อใดพระประธานองค์นั้นแหละจะมารับเราไปอยู่ในสถานที่ ที่เหมาะกำลังบุญของเราแน่นอนจ๊ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2015
  10. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะคุณทองชมพู
    ที่ให้ความกระจ่างเพิ่มเติมในการฝึกแต่ละระดับ
    ฉันเพียงแต่เล่าประสบการณ์ที่ถูกหลวงปู่ตำหนิ
    เพราะจิตฉันพยายามอยากจะดั้นด้นไปอีกแนวหนึ่ง

    หลวงปู่ท่านก็คงกลัวว่าเราจะออกนอกลู่ อย่างที่คุณทองชมพูบอก
    การฝึกของครูบาอาจารย์แต่ละท่านอาจจะสอนไม่เหมือนกัน
    การฝึกของฉันอาจเป็นเพียงขั้นพื้นฐานซึ่งตั้งต้นจากการดูจิตให้เห็นจิต
    ส่วนการฝึกในแบบของคุณทองชมพูจะเป็นแนวการฝึกอภิญญา
    ที่มีความลึกซึ้งกว่า การลองฝึกหลายๆแนวก็ดีค่ะ
    แต่ก็ต้องระวังไม่ให้จิตตนเองเกิดความสับสน

    การเรียนรู้แนวทางในการปฏิบัติแต่ละแนว
    หากเราเข้าใจถึงแก่นที่แท้จริง
    และนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมก็จะเกิดประโยชน์อันสูงสุดยิ่ง

    เราต่างก็พยายามแสวงหาแนวทางในการพ้นทุกข์
    ซึ่งใครจะเลือกปฏิบัติแนวใดก็แล้วแต่ความถนัด
    ของแต่ละบุคคล ขอให้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
    ตามคำสอนของพระพุทธองค์ก็นับได้ว่า
    ไม่เสียชาติเกิดที่ได้เกิดมาอยู่ในร่มของพระพุทธศาสนา
     
  11. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ฉันยังไม่เคยลองฝึกแนวอภิญญาเลยค่ะ
    เพียงแต่อ่านข้อมูลที่คุณทองชมพูเขียนไว้
    มีรายละเอียดที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

    เป็นแนวการฝึกแบบเฉพาะทางจริงๆ
    เหมือนกับการเรียนในศาสตร์ทางโลก
    ที่มีสาขาเฉพาะทาง เพื่อนำไปสู่
    การเป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน
     
  12. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    อนุโมทนาค่ะ คุณวันวิสาคิดถูกแล้วค่ะ ควรฝึกตามสายที่เราชอบและถนัดที่สุด และถ้าจะฝึกแบบอื่นอีกละก็ จิตเราต้องมีความมั่นคงพอ และต้องรู้แยกแยะในแต่ละสายได้เป็นอย่างดี
    และการแสดงความคิดเห็นที่เรายังไม่เข้าใจนั้นจะเกิดผลเสียต่อผู้ที่เขายังค้นหาตัวเองอยู่ เราอาจทำให้เขาสับสนได้ค่ะ

    ขออนุโมทนากับคุณวันวิสาด้วยใจจริงค่ะ
     
  13. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ค่ะถ้าคุณชอบก็ทำตามได้เลยค่ะ เพราะคุณมีพื้นฐานอยู่แล้ว และคุณเข้าไปหาข้อมูลได้ตรง ๆ ที่เว็บวัดท่าซุงนะคะ ในนั้นจะบอกหมดทุกอย่างค่ะ และลองหาข้อมูลดู รู้สึกว่าที่อเมริกาก็มีสอนเป็นของสายท่าซุงเองค่ะ

    แต่แนะนำว่าถ้าคุณได้กลับเมืองไทย ให้คุณไปเรียนที่วัดท่าซุงก่อน เพราะมีบ้างที่คนเอาไปสอนแบบกลายพันธ์ ถ้าเรารู้ว่าที่วัดใหญ่สอนแบบไหน คุณจะรู้ได้ตัวเองว่าที่ไหนกลายพันธุ์ค่ะ
     
  14. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนเริ่มฝึกนั่งสมาธิในช่วงแรกๆ
    ฉันนั่งสมาธิแล้วเหมือนจิต มันจะลอยออกนอกร่าง
    ฉันก็พยายามดึงจิตกลับมา
    ตอนแรกๆรู้สึกกลัวจิตหลุดไป
    หลวงปู่ท่านก็เลยให้ใช้วีธีจิตดูจิตค่ะ
    ก็เลยฝึกแนวนี้มาเรื่อยๆค่ะ
    ฉันจึงมีระดับแห่งการฝึกในเพียงชั้นต้น
     
  15. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    สนใจอยากเรียนค่ะ
    เพราะเป็นศาสตร์เฉพาะทางจริงๆ
    ที่สามารถนำเข้าสู่หัวใจหลักแห่งทางดับทุกข์
     
  16. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    หลวงปู่สอนถูกต้องแล้วค่ะ เพราะตอนนั้นจิตคุณออกโดยที่คุณยังไม่รู้เรื่องอะไร เหมือนเด็กที่กำลังหัดเดิน แล้วกำลังเดินไปที่ถนนหน้าบ้าน แม่ต้องรีบวิ่งไปจับไว้อย่างนั้นแหละค่ะ

    ส่วนการฝึกอภิญญาก็ต้องทำตามหลักสูตรอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกันค่ะ มิเช่นนั้นจะเห็นได้แต่ผี และเทวดาพรหมที่เป็นมิจฉา จะไม่เห็นเทวดาพรหมที่เป็นพระอริยะเจ้า พระอรหันต์ หรือพระพุทธเจ้าไม่ได้เลยค่ะ อันเป็นที่มาของการหลง ซึ่งใคร ๆ ก็กลัวนักกลัวหนานั่นแหละค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2015
  17. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ทุกสายสอนเพื่อนำไปสู่การดับทุกข์ทั้งหมดค่ะ ที่ท่านแยกออกมาเพื่อให้เป็นไปตามจริตวิสัยของแต่ละคนนั่นเอง

    สุขวิปัสโก เหมาะกับคนเรียบร้อย ว่านอนสอนง่าย และเชื่อง่าย ไม่ชอบฤทธิ์เดชอันผาดโผนใด ๆ ชอบเรียบ ๆ เดินทางเรียบ ๆ

    วิชชาสาม ( เตวิชโช ) นั้น เหมาะกับคนที่เรียบร้อย ว่านอนสอนง่ายเช่นกัน แต่ไม่เชื่อง่ายเหมือนแบบแรก ยังสงสัยอยู่ เลยเห็นได้คุยได้ทุกชั้นภูมิเหมือนกัน แต่ไปไม่ได้ เพราะไม่อยากไป ไม่อยากผาดโผน แค่ได้คำตอบที่ตัวเองสงสัยก็พอใจแล้ว

    อภิญญา ( ฉลภิญโญ ) มีวิสัยซุกซน อยากรู้อยากเห็น ชอบพิสูจน์ ทดลองด้วยตัวเองเท่านั้นจึงจะเชื่อ พูดง่าย ๆ ชอบอาหารรสจัดจ้าน แบบลาบ ส้มตำ น้ำตก อะไรงี้ จะให้กินแต่แกงจืด กับผัดวุ้นเส้น เห็นทีจะอกแตกตาย

    ปฏิสัมภิทาญาณ ( ปฏิสัมภิทัปปัตโต) ครอบคลุมรู้หมดทุกหมวดข้างต้น มีความฉลาด รอบรู้ สามารถอธิบายหัวข้อยาวมาย่อสรุปได้ และขยายหัวสั้นอธิบายเพื่อให้เข้าใจได้ รู้ภาษาคนและสัตว์ได้ คนที่จะฝึกสายนี้ได้ ต้องทรงสมาบัติแปดมาแล้วหลายแสนชาติ ส่วนใหญ่จะเคยปราถนาพุทธภูมิมาก่อนในอดีต

    ทั้งหมดนี้ล้วนนำไปถึงซึ่งพระนิพพานได้ทั้งหมดเหมือนกันค่ะ เพียงแต่เราชอบแบบไหนก็ฝึกแบบนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นวิสัยเดิม ๆ ในอดีตชาติมาแล้วนั่นแหละค่ะ หลักสูตรที่มีคุณสมบัติพิเศษนั้น ต้องมีคุณสมบัติเดิมมาก่อนเท่านั้นจึงจะฝึกได้

    ถ้าใครพึ่งจะเริ่มเพียงชาตินี้ชาติแรก เขาเริ่มจากกสิน ๑๐ กองก่อน และกว่าจะใช้งานได้จริง ก็โน่น อีกแสนชาติข้างหน้าโน้น

    ฉะนั้นครูบาอาจารย์เกือบทุกสำนักเห็นว่ามันเสียเวลาโดยใช่เหตุ ก็เลยเน้นสอนหลักสูตรสุขวิปัสโกกันทั่วหล้าอย่างที่คุณเห็นนั่นหละค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2015
  18. Tanya R

    Tanya R เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    389
    ค่าพลัง:
    +876
    ได้ความรู้ในการปฏิบัติเพิ่มเติม ขออนุโมทาสาธุในธรรมทานและการถามตอบในกระทู้นี้ด้วยค่ะเพราะกำลังค้นหาคำตอบให้กับตัวเองว่าเราเหมาะแบบไหน ตอนนี้กำลังฝึกแบบอนุบาลแบบสุกขวิปัสโก ได้มาอ่านกระทู้นี้ตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ (เพิ่งสวดมนต์นั่งสมาธิเสร็จ แต่มีคำถามในใจตลอดเลยว่าเราจะปฏิบัติแบบไหนให้ก้าวหน้า) ปกติก็จะเคยถามป๋านพไปก่อนหน้านั้นว่าปฏิบัติมาแล้วรู้สึกตันแบบไม่ก้าวหน้า คุณนพก็เลยได้แนะนำเส้นผมที่บังภูเขาให้

    ในอนาคตคุณทองชมพูอย่าลบกระทู้นี้นะคะ
     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    มีเรื่องเล่าให้ฟังเล่นๆ ออกแนวไม่ค่อยดี
    และไม่ควรทำตามและสมควรโดนกระตื้บซัก ๒ ที
    ๓ ทีไม่ได้เด่วไม่ฟื้นคีนชีพ ๕๕๕
    น่าจะปี ๕๒ หรือ ๕๓ นี่หละคุ้นๆว่า
    จะเอาบาตรกองหนุนของหนูมาหรือเอาไปถวายคืนนี่หละครับ
    จำไม่ค่อยได้...เคยถามประโยชน์ทางด้านอื่นๆสำหรับ
    วิชาเฉพาะแบบนี้ต่อหน้า หลวงตามีชื่อ แถวๆวัดที่ขึ้นต้นด้วยถ้ำ
    จังหวัด สระบุรี. วัดนี้เทวดาใจดีด้วย มาบอกเลขข้างหูด้วย
    แต่ตอนนั้นนิสัยเป็นประมานว่า. แบบพวกแสดงกล้ามก้น ๕๕๕
    หลงตัวเองมาก คิดว่าตัวเองเก่งหลาย ไม่เชื่อที่ท่านเทวดาบอกด้วย
    มีเถียงกันด้วยนะ(มานึกได้ที่หลังจะไปเถียงทำไมวะ เชื่อไม่เชื่อ
    ก็ฟังๆไว้แล้วก็ขอบคุณและอุทิศบุญไปก็จบ)
    คือเมื่อก่อน บอกตามตรงว่าวิชาพิเศษเนี่ย

    เพียงแค่ชื่อยังไม่เคยได้ยิน และไม่รู้ว่าคืออะไร ทำอย่างไร
    และทำไปเพื่ออะไร ก่อนหน้านั้นเคยมี อาจารย์สายวิชาพิเศษท่านหนึ่ง
    คิดว่าท่านเก่งเพราะเทียบดูได้ จากการที่ท่านเห็นในสิ่งที่เรารู้ๆ
    เฉพาะตัวเราได้ แต่เหมือนๆท่านจะเห็นด้วยตาเปล่า(มารู้ทีหลังว่าท่านเป็น
    ระดับใช้งานคล่องตัว)เคยยกกายมาหาที่ห้อง เพื่อที่จะมาสอนวิชา
    พิเศษให้ ตอนนั้นส่วนตัวเนี่ยขอปฏิเสธเพราะไม่รู้จะฝึกไปเพื่อ ??
    เหตุที่มาของการแสดงก้ามก้นแบบโง่ๆเป็นความโง่ ระดับบรมโง่เลยก็ว่าได้
    เพราะว่าตัวเองมีความสามารถไปได้อยู่แล้วปกติ เมื่อก่อนแค่หามุมดีๆหน่อย
    หลับตาไม่ถึงนาที ก็ไปดูได้แล้ว และไม่ชอบการฝึกบ่อยๆด้วย เพราะเข้าใจว่า
    ตรูก็พอทำได้นี่หว่า. แต่ไปได้ไม่สูงมาก. พอเริ่มรู้จักชื่อวิชา ก็ขอบารมีพระช่วย
    ฝึกตัดร่างกาย ฝึกพิจารณาความตายเป็นอารมย์ จากเจดียย์สีขาวที่มั่วๆไปดูเองตอนแรกๆ
    หลังๆมาไปทีไรก็ไม่มีสีหรือสีใสตลอด ยกเว้นท่านๆที่อยู่บริเวนนั้น
    ก็มีสีแต่จะมองทะลุตัวหรือไม่ทะลุตัวหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ หลังๆมาไปได้ไกลกว่านั้นอีก
    ไปอีกเล่น อีก ๓ ทวีปก็มีเช่น อมรฯ อุตตฯ ปุบเพหะฯ นี่ก็เคยไปโฉบๆ แต่บางที่บาง
    กรณีไม่สามารถเล่าได้นะครับ
    .
    เคยๆมีเหตุลองวิชากับหลายคนที่มาทางสายวิชาพิเศษ
    คือประมานว่าอยู่ดีๆพาเรามาเล่นทายโน้นทายนี้ ซึ่งบอกตรงๆว่าเบื๊อๆ(คือคิดว่าถ้าจะทาย
    ทำไมไม่พิสูจน์เอง เช่น ตื่นมาจะเจอใคร แต่งตัวอย่างไรทำนองนี้)
    จะมาชวนเราทายทำไม มาให้ทายว่าเค้า ใส่เสื้ออะไร แต่งตัวอย่างไร
    คือฝึกเราไม่ว่า แต่ไม่ใช่แนวมาข่มๆเพราะส่วนตัวแค่คิดว่าว่าตัวแสดง
    แต่ไม่เคยไปข่มใคร หรือไปแสดงโชว์อวดเพื่อใชว์ให้คนอื่นๆเค้าว่าเรามี
    ปมด้อยหรือเหมือนพวกเด็กมีปัญหาไม่มีคนอุ้มตอนเด็กๆ
    เลยต้องมาใชว์เพื่อให้คนอื่นๆคิดว่าเราเก่งหรือเรามีดีอะไรเหนือคนอื่นๆ
    ให้คนเค้าสมเพชเล่นหรอกครับ
    แต่เค้าก็ไม่เลิกซะที พยามยัดเหยียดสิ่งที่ตนเห็นให้เรายอมรับอยู่นั้นหละ
    เลยนึกรำคาญขอไปส่องดูบ้าง แต่การไปส่องมันดันทะลึ่งไปส่องเกิน
    ทะลุเสื้อผ้าไปถึงรายละเอียดต่างๆ เช่น บอกว่าตรงนี้เท่านั้น เอียงด้านนี้
    แค่นี้หละ ๕๕๕ เค้าเลยเลิกคุยด้วยเลยนับตั้งแต่บัดนั้นมาจนทุกวั้นนี้
    แถมเกลียดเราอีก นึกแล้วขำๆ ๕๕๕(บอกก่อนว่าไม่ได้ตั้งใจ
    แต่มันดันไปเห็นเองนะครับ)

    ที่เล่ามาให้พอเห็นภาพ ในแนวที่มันไร้สาระ หาประโยชน์อะไรไม่ได้เลย
    มีแต่จะสร้างอัตตาให้ตัวเอง คิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นๆ(คิดเอาเอง)
    ทั้งๆที่ยังใช้ความสามารถเป็นรูปธรรม ที่ทำให้คนอื่นๆสัมผัสจับต้อง
    ยังไม่ได้ซักอย่าง แต่มันก็ยังหลงตัวเองได้ นึกแล้วอยาก ยกกายกลับ
    ไปบ้องหูไอ้ตัวเราในอดีตซัก ๓ ทีเพื่อมันจะหายโง่ได้เร็วหน่อย
    เลยเป็นที่มาของการนึกถึงเรื่องประโยชน์ที่ได้ การนำมา
    ใช้ในชีวิตประจำวัน และเริ่ม
    สนใจเรื่องกรรมฐานเกี่ยวกับกสิณ
    แต่ท่านว่าท่านมาทางวิชาพิเศษกับสติปัฐฐาน ๔ นะ
    ไม่ชำนาญกสิณ แต่พอเราจะถาม ท่านก็ยกมือซ้ายขึ้น
    พร้อมกับเล่าให้ฟังรวดเดียวจบ
    ชนิดที่ได้แต่นั่งฟัง ท่านแนะเกี่ยวกับ
    หัวใจสำคัญที่จะทำให้ฝึกกสิณถึงระดับ
    นำมาใช้งานได้จริงได้ พอทำตาม
    จึงเป็นที่มาของการที่ห่มเหลืองบางท่าน พระมหาฤาษีบางท่าน
    ท่านได้เมตตามาแนะนำมาสอนเทคนิคต่างๆให้หลังจาก
    นั้นอีก ๓ วันถัดมาโดยห่มเหลืองท่านมาตามถึงห้องนอน
    แต่ว่าเรื่องกสิณ โม้ไว้เยอะแล้วหละ
    ในกระทู้กสิณอะไรฝึกง่ายสุด.

    แต่มันไม่ใช่ประเด็นหลักและเรื่องสำคัญอะไร
    ประเด็นสำคัญของการฝึก วิชาพิเศษก็คือ เพื่อให้เราเห็นใจตัวเอง
    เห็นกิเลสตัวต่างๆที่มันมาเกาะติดตัวเรา ไม่ว่าจะ รัก โลภ โกรธ หลง
    ความอวดดี ความยึดมั่นถือตัวว่าตัวนี่แน่ว่าตัวนี่เก่ง
    เป็นเหตุให้ไปไหนอยากได้รับการยอมรับ
    . เรื่องมานะทิฐิทั้งหลาย ท่านบอกมันจะเห็นตรงนี้ได้ชัดเจน
    แล้วเราก็พิจารณาเดินปัญญาเพื่อค่อยๆคลายมันออกจากจิตซะ
    เอามันออกให้หมดเรื่องชั่วๆเลวๆทั้งหลาย แม้กระทั้งเรื่องความดี
    ท่านก็ไม่ให้ไปยึด. หรือแม้ตัวท่านๆก็ไม่ให้ยึด
    ตัวท่านเองยังไม่ยึดตัวท่านเลย
    ครูบาร์อาจารย์ท่านหลายเราก็จะไปยึดทำไม
    ท่านให้ปฏิบัติตามคำสอนท่านโน้นมันถึงจะมีประโยชน์
    (มานึกๆดูตรูทำไมมาโง่แท้น้อ)พอ
    ได้ยินท่านกล่าวแล้วก็ซึมๆไปเล็กน้องถึงปานกลาง ๕๕๕๕
    (อาการคล้ายๆกะลาเริ่มร้าว ๕๕๕)

    และที่เห็นว่าท่านเล่าให้ฟังเป็นนัยยะและมีประโยชน์คือ
    เพราะเคยไปที่หนึ่ง กับ อาจารย์วิชาพิเศษท่านหนึ่ง
    ปรากฏว่ามีกองทัพเทวดามาเพียบ ไม่ใช่มาเคารพเรานะครับ
    ประทานโทษ ท่านเหล่านั้นเป็นท่านที่เราเคยไปทำไม่ดีกับ
    ท่านไว้ทั้งนั้น พูดง่ายๆท่านเป็นนายเวรเราทั้งนั้น
    ป้าดดดดดดดๆๆๆๆ. นึกในใจชาตินี้ตรูจะรอดไหมวะ ๕๕๕

    "เป็นไงท่าน เมื่อก่อนเราก็หนักกับท่านเหลือเกิน
    ก็ขออโหสิกรรมกับท่านด้วย. ที่ท่านเคยทำอะไรกับผมมา
    ผมก็ถือให้เป็นอโหสิกรรมร่วมกันนะครับ
    และผมขออุทิศส่วนกุศลที่ได้เคยทำมาทั้งหมด
    ให้ท่านและขอให้ท่านได้โปรดรับด้วยครับ"
    เป็นประโยคนัยยะที่ท่านเล่าให้ฟังครับ
    ปล.ท่านกล่าวเสร็จก็หันมามองหน้าและยิ้มให้และบอกว่า
    พอจะเข้าใจประโยชน์ของวิชาพิเศษหรือยัง.
    ที่เล่ามาเป็นเรื่องราวในอดีตนะครับ เป็นเรื่อง
    นิสัยที่ไม่ดีมากๆ ส่วนเรื่องวิชาพิเศษ
    ปัจจุบันไม่รู้เรื่องหรือไม่มีความชำนาญ
    ทางนี้นะครับ ถามพอเอาฮาๆขำๆพอได้ครับ
    ตอนนี้ความสามารถที่เด่นชัดคือ
    สามารถหลับได้ทุกท่าครับ ๕๕๕
     
  20. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ฉันได้ลองเข้าไปอ่านในห้องอภิญญา - สมาธิ
    มีองค์ความรู้จากข้อมูลหลากหลายที่ให้ศึกษา
    ของแต่ละท่าน ขออนุโมทนาค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...