ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กองทัพ 18 ประเทศร่วมซ้อมรบที่จอร์แดน
    ทหารประมาณ 10,000 นาย จากกองทัพ 18 ประเทศ ร่วมการซ้อมรบ "อีเกอร์ ไลอ้อน" ประจำปี 2558 ที่ประเทศจอร์แดน วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม 2558 เวลา 23:22 น.

    [​IMG]

    สำนักข่าวข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ว่า ทหารประมาณ 10,000 นาย จากกองทัพ 18 ประเทศ เข้าร่วมการซ้อมรบประจำปี Eager Lion 2015 ครั้งที่ 5 ที่ประเทศจอร์แดน ซึ่งเริ่มเปิดฉากในวันนี้ โดยมีกองทัพสหรัฐร่วมควบคุมดูแล การซ้อมรบทางอากาศ ทางบก และทางทะเล เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ในปีนี้ มีขึ้นขณะที่กองกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐ กำลังสู้รบอยู่กับกลุ่มไอเอสในอิรักและซีเรีย 2 ประเทศเพื่อนบ้านของจอร์แดน และหลายประเทศอาหรับเข้าร่วมกับซาอุดีอาระเบีย ในการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน

    อย่างไรก็ตาม พล.ต.ริค มัตสัน ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐ แถลงต่อสื่อมวลชนในกรุงอัมมาน ว่า การซ้อมรบร่วม อีเกอร์ ไลอ้อน ปีนี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความมั่นคงที่กำลังเกิดขึ้นในภูมิภาค แต่เป็นการทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มขีดขั้นความแข็งแกร่ง และการเตรียมความพร้อม การซ้อมรบในเขตทะเลทรายของจอร์แดน ในครั้งนี้ นอกจากหลายประเทศอาหรับใกล้เคียงจะส่งทหารเข้าร่วมแล้ว ยังมีทหารจากกองทัพฝรั่งเศส อิตาลี และปากีสถานด้วย

    ทางด้าน นายพลจัตวาฟาฮัด อัล-ดามิน นายทหารกองทัพจอร์แดน กล่าวว่า อีเกอร์ ไลอ้อน 2015 จะมุ่งเน้นการจัดการกับสิ่งท้าทายต่างๆ เช่น การต่อสู้ลัทธิก่อการร้าย และความมั่นคงชายแดน

    จอร์แดนเพิ่มความเข้มข้นการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายกลุ่มไอเอส หลังจากกลุ่มไอเอสเผยแพร่คลิปวิดีโอ การสังหารโหดด้วยการจุดไฟเผาทั้งเป็น นักบินหนุ่มกองทัพอากาศจอร์แดนรายหนึ่ง ซึ่งเครื่องบินรบที่ขับออกปฏิบัติภารกิจ ตกลงในซีเรียเขตยึดครองของไอเอสช่วงต้นปีนี้ ขณะเดียวกันก็เกิดกระแสวิตกว่า การเข้าร่วมกับสหรัฐในการโจมตีทางอากาศ อาจดึงราชอาณาจักรจอร์แดนเข้าสู่กรณีพิพาทหลายแห่งที่อยู่ใกล้เคียง.

    กองทัพ 18 ประเทศร่วมซ้อมรบที่จอร์แดน | เดลินิวส์
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีน-ฟิลิปปินส์เปิดศึกผ่านตัวหนังสือเรื่องทะเลพิพาท

    รัฐบาลจีนและฟิลิปปินส์ต่างกล่าวหากันและกัน ว่าละเมิดแนวทางปฏิบัติเรื่องทะเลจีนใต้ที่ลงนามร่วมกันเมื่อ 13 ปีที่แล้ว ซึ่งห้ามการแสดงความเป็นเจ้าของทะเลจีนใต้โดยพลการ และห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม 2558 เวลา 12:26 น.

    [​IMG]

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ว่ากระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ฟิลิปปินส์ยุติการเคลื่อนไหวทุกรูปแบบที่่ "ประสงค์ร้าย" และ "ยั่วยุ" ต่อสถานการณ์พิพาทยืดเยื้อเรื่องทะเลจีนใต้ พร้อมกับประณามภารกิจซ้อมรบร่วมกับต่างชาติ และการที่รัฐบาลมะนิลามีโครงการสร้างสนามบินทหาร รวมถึงท่าเรือบริเวณเกาะย่อยในน่านน้ำดังกล่าวเช่นกัน

    แถลงการณ์ดังกล่าวได้รับการเผแพร่เพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลปักกิ่งเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงที่บัญญัติเอาไว้ใน "แนวทางปฏิบัติระดับภูมิภาคในทะเลจีนใต้" ที่ลงนามร่วมกับสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( อาเซียน ) เมื่อปี 2545 ซึ่งระบุห้ามมิให้ประเทศที่ร่วมลงนามครอบครองหรือแสดงความเป็นเจ้าของแนวปะการังและสันดอนในทะเลจีนใต้โดยพลการ รวมถึงการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง "ผิดกฎหมาย" ที่จะเป็นชนวนกระตุ้นความขัดแย้ง

    ทะเลจีนใต้ เป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิก มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ราว 3.5 ล้านตารางกิโลเมตร ไล่ตั้งแต่สิงคโปร์ไปจนถึงไต้หวัน ทั้งนี้ ทะเลจีนใต้เป็นแหล่มรวมทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์หลากหลายประเภท รวมถึงน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ กลายเป็นข้อพิพาทระหว่างประเทศในภูมิภาค โดยคู่กรณีได้แก่ จีน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม บรูไน มาเลเซีย เวียดนาม และไต้หวัน

    จีน-ฟิลิปปินส์เปิดศึกผ่านตัวหนังสือเรื่องทะเลพิพาท | เดลินิวส์
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    5 ปีที่ผ่านมาของนายกรัฐมนตรี "เดวิด คาเมรอน"

    นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน จะได้รับโอกาสให้ "ไปต่อ" อีก 5 ปีในตำแหน่งผู้นำอังกฤษหรือไม่ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจผ่านการการเลือกตั้งทั่วไป ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 7 พ.ค. นี้ วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม 2558 เวลา 16:46 น.

    [​IMG]

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ว่านายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ถือเป็นหนึ่งในนายกรัฐมนตรีอังกฤษที่ได้รับความนิยมจากประชาชนไม่น้อย หลังสามารถแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ผ่านพ้นลุล่วงไปได้ด้วยดี นับตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศเมื่อปี 2553 ในฐานะนายกรัฐมนตรีอายุน้อยที่สุดในรอบ 200 ปีของอังกฤษ ด้วยการสร้างงานใหม่กว่า 2 ล้านตำแหน่ง และโครงการ "บ้านหลังแรก" ที่เป็นการมอบเงินอุดหนุนการลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชน

    อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายชนะหรือพ่ายแพ้การเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 7 พ.ค. นี้ อนาคตทางการเมืองของคาเมรอนกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย แน่นอนหากพ่ายแพ้เท่ากับทุกอย่างยุติลงทันที แต่คาเมรอนอาจต้องพบกับการท้าชิงอำนาจภายในพรรคอนุรักษ์นิยม หากไม่สามารถนำพรรคคว้าชัยชนะด้วยการครองเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาดในสภาสามัญ 650 ที่นั่ง หรือแม้ชนะแต่ไม่สามารถรวบรวมพรรคพันธมิตรเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้ ซึ่งพรรคอนุรักษ์นิยมขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องการพร้อมกำจัด "ผู้แพ้" อย่างไร้ความปรานี

    คาเมรอนกล่าวอย่างหนักแน่น ว่าต้องการได้รับโอกาสจากประชาชนให้บริหารประเทศต่ออีก 5 ปี เพื่อสานต่อภาระงานที่คั่งค้างให้สำเร็จลุล่วง โดยที่สำคัญที่สุดคือการจัดการลงประชามติกำหนดอนาคตของสหราชอาณาจักรในสหภาพยุโรป ( อียู ) ภายในปี 2560 แม้เริ่มมีเสียงวิจารณ์จากภาคธุรกิจซึ่งกังวลเรื่องความเสี่ยง หากสหราชอาณาจักรพ้นจากการเป็นส่วนหนึ่งของอียูจริง

    เกร็ก เบเกอร์ อดีตทีมงานหาเสียงของพรรคอนุรักษ์นิยม กล่าวสั้นๆแต่ได้ใจความว่า พรรคอนุรักษ์นิยมไม่เคยมี "ความรัก" ให้แก่คาเมรอน ด้านทิม เบล นักประวัติศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพรรคอนุรักษ์นิยม กล่าวว่า แม้คะแนนนิยมส่วนบุคคลของคาเมรอนยังอยู่ในระดับสูง แต่เส้นทางในอนาคตของนักการเมืองวัย 48 ปี หลังการเลือกตั้งเต็มไปด้วยขวากหนาม ต่อให้สามารถนำพรรคชนะการเลือกตั้ง และถือกุญแจไขเข้าประตูบ้านเลขที่ 10 บนถนนดาวนิง ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันก็ตาม

    ต้นตระกูลของคาเมรอนนั้นสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 ขณะที่คาเมรอนจบการศึกษาจากโรงเรียนอีตันและมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด ไม่ต่างจากภูมิหลังครอบครัวของนายจอร์จ ออสบอร์น รมว.กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นตำแหน่งทางการเมือง "ทรงอิทธิพล" อันดับ 2 รองจากนายกรัฐมนตรี โดยออสบอร์นวัย 43 ปี เป็นบุตรชายของขุนนางระดับสูง และจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ดเช่นกัน ทั้งคู่จึงได้รับเสียงเหน็บแนมในสภาอยู่บ่อยครั้ง ว่าเป็นเพียง "ลูกคุณหนู" ที่ไม่เคยรู้ว่าร้านขายของชำขายนมขวดละเท่าไหร่

    ก่อนถึงยุคของคาเมรอน พรรคแรงงานภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีโทนี แบลร์ ผู้นำอังกฤษในเวลานั้น สามารถเอาชนะพรรคอนุรักษ์นิยมในการเลือกตั้งได้ 3 ครั้งติดต่อกัน ซึ่งทีมงานของคาเมรอนวิเคราะห์ว่า เป็นเพราะพรรคอนุรักษ์นิยมขาดความชัดเจนเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจ ดังนั้น หลังก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมเมื่อปี 2548 คาเมรอนจึงพยายามผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายหลายอย่าง ซึ่งที่เห็นผลในวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของตัวเอง รวมถึงการแต่งงานของคนรักร่วมเพศ และการตั้งรัฐมนตรีหญิงที่เป็นชาวมุสลิม

    อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังคาเมรอนกลับเผชิญ "ความโดดเดี่ยว" จากทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านในนโยบายต่างประเทศ ชัดเจนที่สุดคือเมื่อปี 2556 ที่สภาสามัญมีมติเสียงข้างมาก คัดค้านการให้อังกฤษเข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรียร่วมกับสหรัฐ

    คาเมรอนเคยกล่าวว่า การเลือกตั้งคือเครื่องกำหนดนิยามในชีวิตการทำงานของตัวเอง ซึ่งเป็นคำกล่าวที่ไม่เกินความจริง เพราะการเลือกตั้งในวันที่ 7 พ.ค. นี้จะเป็นเครื่องชี้วัดชะตาชีวิตของคาเมรอนบนถนนสายการเมืองอีกครั้ง

    5 ปีที่ผ่านมาของนายกรัฐมนตรี "เดวิด คาเมรอน" | เดลินิวส์
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กมธ.พลังงานสนช.เผยเตรียมสรุปผลศึกษาปิโตรเลียม

    [​IMG]

    กมธ.พลังงานสนช. เผยเตรียมสรุปผลศึกษาปิโตรเลียมก่อนชงรัฐบาล เร่งตัดสินใจเปิดสัมปทานรอบที่ 21 ชี้เดินหน้าสัมปทานถือว่าเหมาะสุด ติงภาค ปชช. เห็นต่างได้แต่อย่ามีวาระซ่อนเร้น วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม 2558 เวลา 16:31 น.

    เมื่อวันที่ 5 พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน(กมธ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการศึกษาปัญหาการบังคับใช้พ.ร.บ.ปิโตรเลียมพ.ศ.2514 และพ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมพ.ศ.2514 ว่า ผลการศึกษาเบื้องต้นพบว่าใน พ.ร.บ.ปิโตรเลียมมีระบบสัมปทานบริหารจัดการปิโตรเลียมเพียงระบบเดียวจึงได้มีการศึกษาระบบอื่นได้แก่ ระบบแบ่งปันผลผลิต(พีเอสซี) ซึ่งรัฐสามารถควบคุมรายละเอียดการดําเนินการได้ระดับหนึ่งรวมทั้งมีส่วนร่วมในการควบคุมปิโตรเลียมที่ผลิตขึ้นมาได้ตามสัดส่วนที่เป็นเจ้าของแต่จะต้องตั้งองค์กรมหาชนที่เรียกว่า“บรรษัทน้ำมันแห่งชาติ” เพื่อกำกับดูแลเช่นเดียวกับมาเลเซียที่มีบริษัทปิโตรนาส สำหรับระบบจ้างผลิตจะเป็นการจ้างให้บริษัทผลิตแล้วจ่ายเป็นค่าจ้างโดยรัฐจะได้ผลประโยชน์เต็มที่และระบบร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ในส่วนผลการศึกษาเรื่องพ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมซึ่งได้พิจารณาใน4ประเด็นสำคัญคือ ค่าภาคหลวง ผลประโยชน์ตอบแทน ภาษีเงินได้และภาษีซ่อนรวมเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับภาษีเงินได้ซึ่งเห็นว่ามีช่องโหว่หลายประการที่ต้องปรับปรุงให้สอดคล้องกับภาวะปัจจุบัน เช่นการเก็บภาษีภาคหลวงควรให้หน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงอย่างกรมสรรพกรเป็นผู้จัดเก็บเป็นต้น

    “ระบบไหนจะดีที่สุดก็ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่มีแต่ละระบบก็มีข้อดีข้อเสียและเงื่อนไขที่แตกต่างกันส่วนตัวเห็นว่าการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนน่าจะเหมาะสมกับประเทศไทย เพราะลดเรื่องความเสี่ยงและลดภาระรัฐบาลทั้งนี้ วันที่ 7 พ.ค.กมธ.พลังงานจะจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับพ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับที่สโมสรนายทหารอากาศ บางซื่อ จากนั้นจะนำข้อเสนอและผลการศึกษาเบื้องต้นสรุปเป็นรายงานฉบับสมบูรณ์ เพื่อเสนอต่อที่ประชุม สนช.ในวันที่ 12 พ.ค.นี้เพื่อพิจารณาก่อนส่งให้รัฐบาลไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายและใช้เป็นข้อมูลการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ต่อไป” พล.อ.สกนธ์ กล่าว

    เมื่อถามว่ารัฐบาลยังต้องกังวลเรื่องความเห็นต่างของภาคประชาชนหรือไม่ พล.อ.สกนธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลใจกว้างรับฟังความเห็นต่างแต่รัฐบาลต้องบริหารความเห็นต่างโดยเฉพาะคำว่า “ถูกใจ”กับ “ถูกต้อง” ซึ่งจะหาข้อยุติในเรื่องนี้ต้องดูความเห็นทางวิชาการเป็นหลักถ้าเห็นต่างด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่มีนัยแอบแฝงก็ไม่น่าจะมีปัญหาดังนั้นการเปิดสัมปทานรอบที่ 21 รัฐบาลต้องมีความชัดเจนภายใน1ปีต่อจากนี้ เพื่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศจะมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้นเพราะการลงทุนสำรวจและขุดเจาะต้องใช้เวลา5ปีกว่าจะได้น้ำมันหยดแรก

    ขณะที่พล.อ.อ.อดิศักดิ์ กลั่นเสนาะ สนช.และที่ปรึกษากมธ.พลังงาน กล่าวว่า ข้อมูลที่กมธ.ศึกษาจะสรุปเป็นรายงานส่งให้ สนช. และรัฐบาลพิจารณาตัดสินใจในเรื่องการเปิดสัมปทานรอบที่ 21 ซึ่งจนถึงวันนี้รัฐบาลสามารถเปิดสัมปทานต่อเนื่องไปเลยก็ได้หรือจะแบ่งสัดส่วนตามศักยภาพของแต่ละแปลงไม่ว่าจะใช้ระบบสัมปทานหรือระบบแบ่งปันผลผลิต(พีเอสซี)หรือระบบอื่น ๆ ยังต้องมีปัจจัยเรื่องความพร้อมในด้านต่าง ๆ ด้วย เช่นข้อเสนอให้รัฐลงทุนขุดสำรวจและให้เอกชนผลิตแต่เราไม่มีเทคโนโลยีในการขุดเจาะน้ำมันถ้าจะให้คนอื่นเข้ามาขุดเจาะจะสร้างแรงจูงใจอย่างไรในขณะที่ราคาน้ำมันอยู่ในช่วงขาลงและถ้าผลิตไม่ได้รัฐต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ส่วนการจะนำระบบแบ่งปันผลผลิตมาใช้ต้องมีความพร้อมทั้งกฎหมายองค์กร มารองรับถ้ารัฐบาลอยากจะให้ต่อเนื่องก็คงต้องใช้ระบบสัมปทานแต่คงไม่ตรงใจประชาชนและข้อมูลบางอย่างที่ปิดบังไว้มันน่าจะถูกเปิดเผยออกมาให้มีความชัดเจนก่อนที่จะทำซึ่งยอมรับว่าข้อมูลบางเรื่องที่ภาคประชาชนนำเสนอเป็นเรื่องจริงแต่บางเรื่องก็ถูกเบี่ยงเบน

    พล.อ.อ.อดิศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ข้อมูลของกระทรวงพลังงานความจริงน่าเชื่อถือแต่ตอนนี้มีวิกฤติตรงที่พอเวลาที่ภาครัฐเสนออะไรไปประชาชนไม่เชื่อถือ ถือเป็นวิกฤติภาครัฐอันหนึ่งที่รัฐบาลควรน่าจะได้พิจารณาในการแก้ไขปัญหานี้ด้วยว่าทำอย่างไรให้ข้อมูลภาครัฐเป็นที่น่าเชื่อถือ
    กมธ.พลังงานสนช.เผยเตรียมสรุปผลศึกษาปิโตรเลียม | เดลินิวส์
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นายกฯปากีฯ เปิด “โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์” แห่งแรกของประเทศ
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤษภาคม 2558 18:59 น.

    [​IMG]

    รอยเตอร์ – นายกรัฐมนตรี นาวาซ ชารีฟ แห่งปากีสถานทำพิธีเปิดโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แห่งแรกของประเทศในวันนี้ (5) อันนับเป็นดอกผลล่าสุดของความร่วมมือที่ใกล้ชิดมากขึ้นเรื่อยๆ กับจีน และเป็นก้าวย่างสู่คำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ช่วงเลือกตั้งว่าจะยุติปัญหาไฟฟ้าดับ

    โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แห่งนี้ในแคว้นปัญจาบผลิตพลังงานไฟได้ 100 เมกะวัตต์ (MW) และจะถูกเพิ่มเป็น 1,000 เมกะวัตต์ภายในปีหน้า

    โรงไฟฟ้าแห่งนี้ ซึ่งเป็นของแคว้นปัญจาบและถูกสร้างขึ้นโดยบริษัท Tebian Electric Apparatus Stock จำกัด (TBEA) ของจีน ใช้เวลาหนึ่งปีในการสร้างด้วยมูลค่า 1.90 ล้านดอลลาร์ เอกสารของรัฐบาลปากีสถาน เผย

    “นับตั้งแต่ผมก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เป้าหมายอย่างหนึ่งของผมคือการปัดเป่าความมืดมิดในปากีสถาน และนำแสงสว่างกลับสู่ประเทศ” ชารีฟ กล่าวในคำปราศรัย

    “ภายในปี 2017-2018 จะมีการยุติการดับไฟหมุนเวียนต่อเนื่อง (load shedding)” เขากล่าว โดยอ้างถึงระบบการดับไฟหมุนเวียนที่ถูกใช้เพื่อแบ่งสรรกระแสไฟฟ้า

    เมื่อปีที่แล้วประเทศนี้ผลิตไฟฟ้าได้โดยเฉลี่ย 15,500 เมกะวัตต์ หรือราว 3 ใน 4 ของกระแสไฟฟ้าที่ประเทศต้องการ โฆษกกระทรวงพลังงาน ระบุ ส่วนที่ขาดหายไปอาจพุ่งสูงในช่วงเดือนหน้าร้อนที่มีอุณหภูมิสูงสุด

    ภาวะขาดแคลนไฟฟ้าทำลายอุตสาหกรรมและได้ทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างแพร่หลาย ชารีฟตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหานี้ก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งถูกกำหนดจัดขึ้นภายในปี 2018

    โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ควาอิด-อี-อาซาม ซึ่งกินเนื้อที่ 500 เอเคอร์ของแคว้นปัญจาบตอนใต้ที่มีแดดแรง เป็นส่วนเชื่อมต่อในแผนระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน ซึ่งประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนได้เผยโฉมเมื่อเดือนที่แล้ว

    ระเบียงเศรษฐกิจนี้ ซึ่งเชื่อมต่อท่าเรือกวาดาร์ของปากีสถานที่ติดทะเลอาระเบียกับแคว้นซินเจียงทางภาคตะวันตกของจีน ประกอบด้วยโครงการด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่มีมูลค่าสูงถึง 4.6 หมื่นล้าน

    ปากีสถาน ระบุว่า เงินลงทุน 3.7 หมื่นล้านของจีนจะมาลงที่การลงทุนด้านพลังงานเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า 16,400 เมกะวัตต์

    ชารีฟ กล่าวว่า โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ซึ่งถูกวางโครงการไว้ทั่วทั้งประเทศจะผลิตกระแสไฟฟ้าได้ทั้งสิ้น 4,260 เมกะวัตต์

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คาดชาวบ้านกับนักปีนเขานับร้อยถูกฝังใต้หิมะ เนปาล-ต่างชาติสาดโคลนช่วยเหยื่อแผ่นดินไหวสับสน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 พฤษภาคม 2558 01:02 น.

    [​IMG]

    รอยเตอร์ - สภาพอากาศเลวร้ายทำให้เจ้าหน้าที่ขาดการติดต่อกับหมู่บ้านห่างไกลแห่งหนึ่งของเนปาล ซึ่งเชื่อว่ามีชาวบ้านและนักปีนเขานับร้อยชีวิตถูกฝังอยู่ใต้หิมะที่ถล่มลงมาจากแรงเขย่าของแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะเดียวกันได้มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งระหว่างเนปาลและองค์กรนานาชาติบางแห่งต่อแนวทางจัดการความช่วยเหลือที่หลั่งไหลเข้าไปยังประเทศแห่งนี้ โดยต่างฝ่ายต่างกล่าวโทษกันว่าเป็นต้นเหตุของความสับสนและล่าช้า

    รัฐบาลเปิดเผยว่ายอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 25 เมษายน ล่าสุดพุ่งแตะ 7,566 ศพและบาดเจ็บ 14,500 คน โดยในนั้นมีราว 100 ศพเก็บกู้ได้ในช่วงวันเสาร์(2พ.ค.)และวันอาทิตย์(3พ.ค.) ที่ผ่านมา ณ หมู่บ้านลังตัง ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุ ไปทางเหนือราว 60 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเส้นทางปีนเขายอดนิยมของชาวตะวันตก

    ตลอดทั้งหมู่บ้าน ซึ่งรวมถึงเกสต์เฮาส์สำหรับนักปีนเขา 55 แห่งถูกหิมะถล่มเล่นงาน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเร่งมือขุดลงไปใต้หิมะท่ามกลางข้อสันนิษฐานว่าอาจจะมีผู้คนอีกราวๆ 120 ชีวิตถูกฝังอยู่เบื้องล่าง

    กัวตัม ริมาล รองหัวหน้าสำนักงานเขตในพื้นที่ซึ่งหมู่บ้านลังตังตั้งอยู่ เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดต่อกับหมู่บ้านลังตังมานานกว่า 24 ชั่วโมงแล้ว เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย ขณะที่ในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้น เป็นชาวต่างชาติอย่างน้อย 7 คน แต่เพิ่งระบุตัวตนได้เพียง 2 ราย

    ขณะเดียวกัน ได้มีข้อพิพาทกันระหว่างเนปาลกับองค์กรนานาชาติบางแห่งต่อแนวทางจัดการกับความช่วยเหลือที่หลั่งไหลเข้าไปยังประเทศแห่งนี้ตามหลังแผ่นดินไหว ซึ่งต่างฝ่ายต่างกล่าวโทษกันว่าเป็นต้นเหตุของความสับสนและให้ความช่วยเหลือเหยื่อล่าช้า

    จากความผิดหวังในด้านขาดการประสานงาน เหล่าผู้บริจาคบางส่วนจึงหลีกเลี่ยงประสานงานกับเจ้าหน้าที่และหันมาจัดส่งเบียงโดยตรงผ่านองค์การนอกภาครัฐ (เอ็นจีโอ) แทน เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยต่อไป ผู้ช่วยของนายกรัฐมนตรีซูซิล คอยราลา กล่าว "มีความเห็นต่างระหว่างรัฐบาลและเหล่าผู้บริจาคบางส่วนต่อเรื่องนี้"

    รัฐบาลเริ่มร้องขอคณะทำงานต่างชาติยุติปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยในขณะที่ความหวังค้นหาผู้รอดชีวิตใต้ซากหักพักนั้นเลือนลาง "พวกเขาสามารถกลับไปได้ แต่หากพวกเขาผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านเก็บกวาดเศษซากปูน ก็สามารถอยู่ต่อได้" เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยเนปาลบอกกับรอยเตอร์เมื่อวันจันทร์(4พ.ค.)

    แหล่งข่าวสหภาพยุโรปเผยว่าตอนนี้มีพลเมืองของกลุ่ม 28 ชาติสมาชิกแค่ 60 คนที่ยังสูญหาย หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสคนหนึ่งของอียูคาดหมายว่ามีพลเมืองอียูราว 1,000 คนที่สูญหายในแผนดินไหวครั้งนี้ "จำนวนผู้สูญหายลดลงในทุกๆชั่วโมง ในขณะที่ทีมกู้ภัยเข้าถึงพื้นที่ห่างไกล"

    โฆษกกระทรวงมหาดไทยเนปาลเผยว่ารัฐบาลได้รับแจ้งว่ามีประชาชนสูญหาย 318 คน ในนั้นรวมถึงชาวต่างชาติ แต่คนอื่นๆอีกมากอาจถูกฝังใต้ดินถล่มหรือซากหักพังของที่พักอาศัย

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางการเนปาลเผยว่าจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวปีนป่ายขึ้นสู่ยอดเอเวอเรสต์ได้ตามปกติ แม้เหตุแผ่นดินไหวรุนแรงกระตุ้นให้เกิดหิมะถล่มลงมาคร่าชีวิตคนที่เบสแคมป์ไป 18 ราย และแรงสั่นสะเทือนได้สร้างความเสียหายแก่เส้นทางที่มุ่งสู่ยอดเขาก็ตาม

    สหประชาชาติเผยว่ามีประชาชน 8 ล้านคนจากทั้งหมด 28 ล้านคนของเนปาล ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวใหญ่ครั้งนี้ โดยอย่างน้อยๆ 2 ล้านคนต้องการเตนท์ น้ำสะอาด อาหารและยาตลอดช่วง 3 เดือนข้างหน้า ขณะที่รัฐมนตรีมหาดไทยของเนปาลบอกว่ารัฐบาลจะมอบความช่วยเหลือเบื้องต้น 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต และเงินค่าฌาปนกิจหรือฝังศพอีก 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ

    กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ(ยูนิเซฟ) บอกว่ามีเด็กมากกว่า 5 แสนคนที่ต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดระบาด ขณะเดียวกันก็มีเด็กๆราว 1.7 ล้านคนในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด ที่ยังต้องได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำมันขึ้น ทองบวก-หุ้นสหรัฐฯร่วงหลังพบขาดดุลการค้าเกินคาด
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 พฤษภาคม 2558 05:19 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันสหรัฐฯพุ่งแรงเมื่อวันอังคาร(5พ.ค.) ขยับเหนือ 60 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบปีนี้ ท่ามกลางความตึงเครียดในเหล่าชาติผู้ผลิต ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบแรงและทองคำดีดขึ้น หลังอเมริกาเผยขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น

    น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 1.47 ดอลลาร์ ปิดที่ 60.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ ปิดที่ 67.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    นักวิเคราะห์อ้างว่าปัจจัยที่สนับสนุนราคาน้ำมันวานนี้(5พ.ค.) เนื่องจากมีเหตุประท้วงในลิเบีย ซึ่งปิดการส่งมอบน้ำมัน ณ ท่าเรือแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกของประเทศ

    นอกจากนี้แล้วยังมีความกังวลต่อเสถียรภาพในตะวันออกกลางท่ามกลางเหตสู้รบกันในเยเมน และข่าวกองทัพเรือสหรัฐฯเริ่มกำลังการคุ้มกันเหล่าเรือของอเมริกาในช่องแคบฮอร์มุซ ตามหลังกรณีอิหร่านเข้ายึดเรือสินค้าลำหนึ่ง

    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันอังคาร(5พ.ค.) ปรับลดแรง หลังพบตัวเลขขาดดุลการค้าของประเทศขยายตัวขึ้นมากกว่าที่คาด กระพือความกังวลว่าเศรษฐกิจช่วงไตรมาสแรกอาจหดตัว

    ดาวโจนส์ ลดลง 142.20 จุด (0.79 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,927.20 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 25.03 จุด (1.18 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,089.46 จุด แนสแดค ลดลง 77.60 จุด (1.55 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,939.33 จุด

    ตัวเลขขาดดุลการค้าเดือนมีนาคมของสหรัฐฯ อยู่ที่ 51,400 ล้านดอลลาร์ สูงสุดในรอบเกือบ 6 ปีครึ่ง เกินกว่าที่รัฐบาลคาดหมายไว้อย่างมาก บ่งชี้เศรษฐกิจหดตัว ขณะที่ทางการประมาณการณ์ว่าน่าจะขาดดุลราวๆ 45,200 ล้านดอลลาร์

    ปัจจัยดังกล่าวฉุดดอลลาร์อ่อนค่าลงและกระตุ้นให้นักลงทุนถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ เป็นผลให้ราคาทองคำเมื่อวันอังคาร(5พ.ค.) ปิดบวกพอสมควร โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 6.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,193.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โต๊ะถกข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านฉบับสมบูรณ์จะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 พฤษภาคม 2558 04:30 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี - การเจรจาแสวงหาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านฉบับสมบูรณ์จะกลับมาเปิดฉากอีกครั้งที่กรุงเวียนนา ของออสเตรียในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ ก่อนที่เหล่าเจ้าหน้าที่จากชาติมหาอำนาจจะเข้าร่วมในอีก 3 วันให้หลัง เพื่อหวังบรรลุข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ทันเส้นตายในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน

    คณะทูตของสหภาพยุโรประบุในถ้อยแถลงว่านายเฮลกา ชมิด ผู้แทนเจรจาของอียูและนายอับบาส อารักชี ผู้แทนเจรจาของอิหร่านจะกลับมาทำงานอีกครั้งในเวียนนา วันที่ 12 พฤษภาคม พร้อมเผยว่าจากนั้นเหล่าผู้นำทางการเมืองของชาติมหาอำนาจโลกอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาจะเข้าร่วมโต๊ะหารือในวันที่ 15 พฤษภาคม

    ด้านนายอารักรี ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศของอิหร่าน กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ในเตหะราน ยืนยันถึงแผนดังกล่าว "เราจะกลับสู่การเจรจาในวันอังคารหน้าไปจนถึงวันศุกร์ ที่กลุ่มจี5+1จะมาเข้าร่วม และเราจะบรรลุข้อสรุปบางอย่าง" เขากล่าว ทั้งนี้นายอารักชี เป็นหนึ่งในคณะทีมงานของอิหร่าน ที่เวลานี้อยู่ระหว่างร่วมหารือระดับผู้เชี่ยวชาญในนิวยอร์ก รอบนอกการประชุมปลดอาวุธนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ

    อิหร่านและจี5+1 อันประกอบด้วย 5 ชาติสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติ ได้แก่ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ บอกกับเยอรมนี ต้องการเปลี่ยนกรอบข้อตกลงเพื่อควบคุมการพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านที่เห็นพ้องกันในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันที่ 2 เมษายน เป็นข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ให้ได้ภายในวันที่ 30 มิถุนายน

    นายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ พบปะกับนายจาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านในนิวยอร์ก เมื่อวันจันทร์(4พ.ค.) ในความหวังผลักดันการเจรจานิวเคลียร์ที่เข้าสู่ระยะสุดท้าย ในขณะที่การเจรจาระดับล่างได้เริ่มขึ้นที่กรุงเวียนนามาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่การหารือไม่ค่อยคืบหน้ามากนัก

    ภายใต้ข้อตกลงเบื้องต้น ซึ่งปฏิเสธการแสวงหาระเบิดปรมาณู ได้จำกัดศักยภาพทางโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านเป็นเวลา 10 ถึง 15 ปีหรือมากกว่านั้น และอนุญาตให้สหประชาชาติเข้าตรวจสอบอย่างใกล้ชิด

    อย่างไรก็ตามรายละเอียดที่ชัดเจนของมาตรการเหล่านั้น โดยเฉพาะขอบเขตและกรอบเวลายังจำเป็นต้องหาข้อสรุปอีกครั้ง เพื่อแลกกับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของชาติมหาอำนาจที่บังคับใช้กับเตหะราน


     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ญี่ปุ่นสั่งปิดเส้นทางเทร็กกิงที่ “ฮาโกเน” หลังภูเขาไฟส่อปะทุ
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤษภาคม 2558 15:45 น.

    @แหล่งน้ำพุร้อนบริเวณหุบเขาโอวาคุดานิในเมืองฮาโกเน

    เอเจนซีส์ – สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นประกาศเตือนให้จำกัดการเข้าถึงสถานตากอากาศน้ำพุร้อนชื่อดังในเมืองฮาโกเน จ. คานากาวา ในช่วงวันหยุด "โกลเดน วีค" หลังตรวจพบสัญญาณกิจกรรมภูเขาไฟที่รุนแรงขึ้น

    ฝ่ายบริหารเมืองฮาโกเนสั่งปิดเส้นทางเดินเทร็กกิงบริเวณภูเขาไฟฮาโกเนยามา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียว ตั้งแต่เวลา 5.00 น. ของวันจันทร์ (4 พ.ค.) โดยสำนักอุตุฯ ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าไปสังเกตกิจกรรมของภูเขาไฟในวันเดียวกัน

    เมื่อช่วงเช้าวันนี้(5) เกิดแรงสั่นสะเทือนขนาด 2.0 และ 2.4 ตามมาตราแมกนิจูดบริเวณภูเขาไฟฮาโกเนยามา ซึ่งทำให้สำนักอุตุฯ ต้องประกาศเตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้ล่วงล้ำเข้าไปในพื้นที่อันตราย

    ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ภูเขาไฟฮาโกเนยามาซึ่งตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดคานากาวากับชิสุโอกะยังไม่มีความเสี่ยงร้ายแรง และยังคงระดับเตือนภัยขั้นที่ 1 ในวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ทางสำนักอุตุฯ ขอร้องให้นักท่องเที่ยวปฏิบัติตามคำแนะนำของเมืองอย่างเคร่งครัด และให้งดเข้าไปยังพื้นที่ต้องห้าม เนื่องจากไอน้ำที่ร้อนจัดอาจพลุ่งขึ้นจากพื้นดินได้ตลอดเวลาโดยไม่มีสัญญาณเตือน

    ระหว่างวันที่ 1-25 เม.ย. สำนักอุตุฯ ตรวจพบการเกิดแผ่นดินไหวถึง 9 ครั้งบริเวณหุบเขา “โอวาคุดานิ” บนภูเขาไฟฮาโกเนยามา และเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็น 30 กว่าครั้งในช่วงวันที่ 2 และ 3 พ.ค.

    “กิจกรรมภูเขาไฟที่ฮาโกเนอยู่ในขั้นไม่เสถียร” สำนักอุตุฯ ระบุในคำแนะนำ

    “เป็นไปได้ที่จะเกิดการปะทุขนาดย่อมๆ ขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า... ดังนั้น โปรดอย่าเข้าไปในพื้นที่อันตราย”

    เนื่องจากเวลานี้เป็นช่วงวันหยุด โกลเดน วีค ในฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น คำเตือนดังกล่าวจึงอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและต่างชาติแห่แหนกันมาเยือนรีสอร์ตน้ำพุร้อนที่ฮาโกเนมากถึง 20 ล้านคน

    สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นจะเตือนให้จำกัดการเข้าถึงพื้นที่ภูเขาไฟ ก็ต่อเมื่อมีสัญญาณว่ากิจกรรมภูเขาไฟเริ่มรุนแรงพอที่จะมีการปลดปล่อยลาวา เถ้าถ่าน ไอน้ำร้อนจัด ก๊าซพิษ และหินร้อนออกมา

    เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ภูเขาไฟออนทาเกะทางตอนกลางของญี่ปุ่นก็ได้เกิดปะทุอย่างกะทันหันและรุนแรงจนคร่าชีวิตนักปีนเขาไป 57 คน และยังมีที่สูญหายอีก 6 คน ซึ่งถือเป็นการระเบิดครั้งใหญ่ของภูเขาไฟลูกนี้ในรอบเกือบ 90 ปี

    [​IMG]

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไอเอ็มเอฟระบุ อาจตกลงให้อิรักกู้ “2.66 หมื่นล้าน” ในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤษภาคม 2558 14:01 น. (แก้ไขล่าสุด 5 พฤษภาคม 2558 16:55 น.)

    [​IMG]

    รอยเตอร์ – อิรักได้ร้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และข้อตกลงเกี่ยวกับเงินกู้ยืมมูลค่าราว 800 ล้านดอลลาร์ (2.66 หมื่นล้านบาท) อาจได้รับการบรรลุภายในไม่กี่สัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่อาวุโสของไอเอ็มเอฟ เผย

    การเงินของอิรักนั้นได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการตกฮวบลงของราคาน้ำมันนับตั้งแต่ปีที่แล้ว ตลอดจนจากการก่อกบฏของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) รัฐบาลได้ตั้งกรอบการขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ราว 25 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ ในงบประมาณราว 1 แสนล้านดอลลาร์

    ความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟสามารถบรรเทาแรงกดดันดังกล่าวได้ และด้วยความมั่นใจของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น มันสามารถช่วยให้อิรักระดมทุนจากแหล่งอื่นได้ แบกแดด ระบุว่า มีแผนที่จะออกพันธบัตรระหว่างประเทศ 5 พันล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีของพวกเขา

    “หลายทีมจะทำงานในประเด็นนี้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้ เราหวังว่า เราจะสามารถได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้” มาซูด อาห์เหม็ด ผู้อำนวยการสำนักงานตะวันออกกลางและเอเชียกลางของไอเอ็มเอฟ กล่าวในการให้สัมภาษณ์

    อาห์เหม็ด กล่าวว่า ความช่วยเหลือดังกล่าวน่าจะมาในรูปของตราสารหนี้เร่งด่วน (Rapid Financing Instrument หรือ อาร์เอฟไอ) และจะเป็นเงินประมาณ 800 ล้านดอลลาร์

    อาร์เอฟไอเป็นการบริการที่ไอเอ็มเอฟสร้างขึ้นมาเพื่อจัดสรรความช่วยเหลือทางการเงินและคำแนะนำด้านนโยบายเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วให้กับชาติสมาชิกที่มีความขัดสนของดุลการชำระเงินที่เร่งด่วน เงินกู้ยืมอาร์เอฟไอสมควรมีการจ่ายคืนภายใน 3-5 ปี ทั้งนี้อ้างจากเว็บไซต์ของไอเอ็มเอฟ

    ในระยะยาวกว่านั้น เงินกู้ยืมอาร์เอฟไอก้อนนี้อาจปูทางสู่โครงการให้กู้ของไอเอ็มเอฟสำหรับอิรักที่ใหญ่กว่าเดิม ถ้าหากนั่นมีความจำเป็น อาห์เหม็ด กล่าวเสริม โครงการดังกล่าวอาจรวมถึงภาระผูกพันทางนโยนบายเศรษฐกิจที่ครอบคลุมกว่าเดิม

    โฮชียาร์ เซบารี รัฐมนตรีกรัทรวงการคลังจองอิรัก บอกกับรอยเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า แบกแดดจะรับการประเมินเครดิตของประเทศเพื่อที่จะทำให้การออกพันธบัตรสะดวกยิ่งขึ้น รัฐบาลยังได้เสนอหรือกำลังเตรียมมาตรต่างๆ ซึ่งรวมถึงการออกพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นให้กับธนาคาร , การเก็บภาษีสินค้าอุปโภคบริโภคบางชนิด และการตัดลดค่าจ้างภาครัฐ


     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เซเนกัลรับปากส่ง “ทหาร 2,100 นาย” ร่วมกลุ่มพันธมิตรปราบกบฏเยเมน
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤษภาคม 2558 15:37 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี – เซเนกัล ระบุเมื่อวานนี้ (4) ว่า จะส่งทหาร 2,100 นายไปยังซาอุดีอาระเบียเพื่อเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรทางทหารของริยาดห์ ซึ่งกำลังสู้รบกับกลุ่มกบฏในเยเมน ตามคำร้องขอของสมเด็จพระราชาธิบดี ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย

    มันเคอูร์ นเดียเย รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ได้ประกาศเรื่องนี้ในการปราศรัยต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (National Assembly) ทั้งนี้อ้างจากคำประกาศดังกล่าวที่เอเอฟพีได้รับมา

    เขาไม่ได้ระบุชัดว่ากองทหารจะถูกส่งไปเมื่อใด และเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

    นเดียเย กล่าวว่า เดิมที่ริยาดห์ร้องขอให้ดาการ์สนับสนุนกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบียในช่วงต้นเดือนเมษายน

    ประธานาธิบดี มิคกี ซอลล์ แห่งเซเนกัล “ได้ตัดสินใจที่จะตอบสนองต่อคำร้องขอนี้ด้วยการส่งกองทหาร 2,100 นายไปยังซาอุดีอาระเบีย”

    “เงื่อนไขและข้อตกลงที่จำเป็นอื่นสำหรับการจัดส่งกำลังทหารครั้งนี้ได้มีการจัดทำขึ้นมาแล้วระหว่างผู้บัญชาการกองทัพของ 2 ประเทศ” รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว

    กลุ่มพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบียได้เปิดฉากการโจมตีทางอากาศต่อกบฏฮูตีนิกายชีอะห์ที่หนุนหลังโดยอิหร่านและพันธมิตรของพวกเขาเมื่อวันที่ 26 มีนาคม หลังจากที่พวกเขาเข้ายึดหลายพื้นที่ขนาดใหญ่ของประเทศ และได้รุกคืบสู่เมืองหลักทางตอนใต้อย่างเอเดน ซึ่งประธานาธิบดี อาเบดรับบู มันซูร์ ฮาดี เคยใช้เป็นที่ลี้ภัย

    ฮาดี หลบหนีไปยังซาอุดีอาระเบียและกลุ่มฮูตี ซึ่งได้เข้าร่วมกับหน่วยกองทัพบกที่ภักดีต่ออดีตประธานาธิบดี อาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ ได้ปฏิเสธที่จะยอมคืนดินแดนหรือวางอาวุธ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากนานาชาติก็ตาม

    ตามคำประกาศของ นเดียเย การส่งกำลังทหารของเซเนกัลไปยังตะวันออกกลางครั้งต่างๆ ในอดีตได้รวมไปถึงการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะส่วนหนึ่งของกลุ่มพันธมิตรนานาชาติที่ปลดแอกคูเวตภายหลังการรุกรานของอิรักในปี 1990

    นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสในปี 1960 ประเทศนี้เคยส่งทหารเกือบ 25,000 นายไปเข้าร่วมปฏิบัติการรักษาสันติภาพแล้วกว่า 20 ครั้ง เขากล่าว

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    In Pics : ปูตินเตรียมเปิดรถถังแห่งอนาคต “T-14 Armata” ปฎิรูปใหม่หมดนับตั้งแต่ 1993 ในพิธีสวนสนามวันชัยชนะ WWII กลางมอสโกรับผู้นำจีน
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤษภาคม 2558 15:29 น. (แก้ไขล่าสุด 5 พฤษภาคม 2558 15:50 น.)

    [​IMG]
    @รถถัง “T-14 Armata”

    เอเจนซีส์ - ในพิธีสวนสนามวันแห่งชัยชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 กลางกรุงมอสโกที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เตรียมเปิดตัวรถถังแห่งอนาคต “T-14 Armata” ที่ปฎิวัติใหม่ถอดด้ามนับตั้งแต่ปี 1993 ในยุครถถัง T-90 ที่มาพร้อมระบบปืนใหญ่ที่ถูกควบคุมได้จากระยะไกล รวมไปถึงระบบป้องกันสำหรับพลขับภายในตัวรถถังเหนือกว่ายุทโธปกรณ์ของชาติตะวันตกอื่นๆทั้งหมด ซึ่ง T-14 Armata เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ 10 ปีของปูตินในงบประมาณมูลค่า 20 ล้านล้านรูเบิล (254 พันล้านปอนด์) ซึ่งในงานนี้ บรรดาผู้นำร่วม 26ชาติตอบตกลงเข้าร่วมนั้น จะมีประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิงรวมอยู่ในนั้นด้วย

    เดลีเมล สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(4)ว่า ในพิธีสวนสนามวันแห่งชัยชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งจะจัดขึ้นกลางกรุงมอสโกในวันที่ 9 พฤษภาคมที่จะถึงนี้คล้ายวันครบรอบรำลึกครั้งที่ 70 ที่สามารถโค่นล้มรัฐบาลนาซีเยอรมันลงได้ในปี 1945 และรัฐบาลรัสเซียมีแผนที่จะเปิดตัวรถถัง “T-14 Armata” ที่เป็นผลงานจากโครงการพัฒนาอาวุธ 10ปี มูลค่า20 ล้านล้านรูเบิล (254 พันล้านปอนด์)ของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินในวันนั้น

    ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญว่า T-14 Armata จะสามารถสยบรถถังจากชาติตะวันตกได้ทั้งหมดด้วยระบบปืนใหญ่ที่ถูกควบคุมได้จากระยะไกล รวมไปถึงระบบป้องกันสำหรับพลขับภายในตัวรถถัง นับเป็นนวัตกรรมก้าวหน้าครั้งใหญ่นับตั้งแต่การเปิดตัวรถถัง T-90ในปี 1993

    ทั้งนี้มีกำหนดว่าจะมีการเริ่มทดสอบรถถังT-14 Armataภายในปีหน้า

    สื่ออังกฤษยังรายงานต่อว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียนอกจากจะเปิดตัว T-14 Armata ในวันดังกล่าวแล้ว ทางกระทรวงมีแผนที่จะเปิดตัวยุทโธปกรณ์อื่นๆควบคู่ไปด้วย และพบว่าได้มีการพัฒนายุทโธปกรณ์หลายอย่างในปีที่ผ่านมา และทำให้กองทัพรัสเซียมีฝูงเครื่องบินรบใหม่ จรวดมิสไซล์ และรถหุ้มเกราะเป็นจำนวนมากนับตั้งแต่การล่มลงของอดีตสหภาพโซเวียตในปี 1991 เป็นต้นมา

    และพบว่างบประมาณกระทรวงกลาโหมรัสเซียเพิ่มขึ้น 1 ใน 3 ในปีนี้ และคาดว่าจะสูงถึง 63.5 พันล้านปอนด์ก่อนปี 2016

    “ประธานาธิบดีรัสเซียปูตินเป็นผู้ริเริ่มโครงการนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ชาติอื่นมีความก้าวหน้าทางด้านการทหารเหนือรัสเซีย ซึ่งโครงการนี้จะต้องสัมฤทธิผลไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม” รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซีย พลเอก เซอร์เกย์ ชอย์กู (Sergei Shoigu )แถลงในการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

    ในปี 2014 พบว่ากองทัพรัสเซียครอบครองมิสไซล์ติดหัวรบนิวเคลียร์พิสัยข้ามทวีป 38 ลูก และในปีนี้คาดว่ากองทัพรัสเซียจะมีเพิ่มอีก 50 ลูกเพื่อต้องการทดแทนอาวุธนิวเคลียร์มิสไซล์สมัยสหภาพโซเวียตที่เริ่มเสื่อมประสิทธิภาพ

    และนอกจากนี้กองทัพเรือรัสเซียมีเรือดำน้ำที่มาพร้อมกับบูลาวา( Bulava) ซึ่งเป็นเรือดำน้ำที่สามารถยิงจรวดมิสไซล์ติดหัวรบนิวเคลียร์พิสัยข้ามทวีปได้ ซึ่งคาดว่าจะถูกนำเข้าประจำการได้ราว 1 ใน 3ในปีถัดไป และอีกจำนวน 5 ลำหลังจากนั้น

    และในส่วนกองทัพบกรัสเซียจะได้รับจรวดขีปนาวุธอิสคานเดอร์ (Iskander )จำนวนมาก ซึ่งเป็นมิสไซล์ที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์หรือหัวรบธรรมดาตามปกติได้ ซึ่งมิสไซล์อิสคานเดอร์มีความสามารถในการโจมตีระบบป้องกันขีปนาวุธของนาโตที่สหรัฐฯได้วางไว้

    ซึ่งในการแสดงแสนยานุภาพล่าสุด จรวดขีปนาวุธอิสคานเดอร์ถูกทดลองใช้เป็นเวลาสั้นๆในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาในคาลินินกราด ( Kaliningrad) ซึ่งเป็นดินแดนของรัสเซียที่อยู่แยกจากแผ่นดินหลัก มีพรมแดนติดโปแลนด์ และลิธัวเนีย ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกองค์การนาโต

    และนอกจากนี้สื่ออังกฤษยังรายงานว่า กองทัพอากาศรัสเซียได้รับเครื่องบินรบและเฮลิคอปเตอร์ขับไล่ไม่ต่ำกว่า 250 ลำในปีที่ผ่านมา และมีเป้าหมายที่จะรับมอบอีกจำนวนไม่ต่ำกว่า 200 ลำภายในปีนี้ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนนับตั้งแต่ยุคล่มสลายอดีสหภาพโซเวียต

    นับมาจนถึงวันนี้ มีผู้นำโลก 26 ชาติตอบรับคำเชิญที่จะเข้าร่วมงานเพื่อเป็นเกียรติในวันฉลองชัยชนะในวันเสาร์(9)ที่จะถึงนี้ในกรุงมอสโก รวมไปถึงประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง แต่ทว่าผู้นำชาติตะวันตกรวมไปถึงเยอรมัน และสหรัฐฯตอบปฎิเสธ

    In Pics :
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทีมกู้ภัยนานาชาติในเนปาล เริ่มทยอยเก็บของกลับประเทศ
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 พ.ค. 2558 23:08

    [​IMG]

    ทีมกู้ภัยนานาชาติ ที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ค้นหาผู้รอดชีวิต และช่วยเหลือชาวบ้าน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุแผ่นดินไหวในเนปาล เริ่มทยอยเก็บของกลับ แม้ล่าสุด รมต.กระทรวงสารสนเทศของเนปาล จะออกมาประกาศ จะไม่มีการส่งกลับกู้ภัยนานาชาติ และสามารถอยู่ต่อได้ตามต้องการ ...


    เมื่อวันที่ 5 พ.ค. นายจอมพล ดาวสุโข ผู้สื่อข่าวไทยรัฐทีวี รายงานสดผ่านสัญญาณดาวเทียมไทยคม จากกรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล หลังเดินทางไปตรวจสอบค่ายเจ้าหน้าที่กู้ภัยขององค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ซึ่งตั้งอยู่ใกล้สนามบินตรีภูวัน กรุงกาฐมาณฑุ พบว่า ทีมกู้ภัยจากนานาชาติทยอยเก็บของเพื่อกลับประเทศแล้ว หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า รัฐบาลเนปาลประกาศส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากนานาชาติกลับประเทศทั้งหมด แม้ว่าล่าสุดนั้น รัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศของเนปาล จะออกมาประกาศว่า กระแสข่าวดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลง และไม่มีการส่งกลับเจ้าหน้าที่กู้ภัยนานาชาติ และยังอยู่ได้ตามต้องการ

    เบื้องต้น จากการลงพื้นที่พบว่า จากเดิมที่มีค่ายของเจ้าหน้าที่กู้ภัยชาติต่างๆ ตั้งอยู่เต็มพื้นที่ ตอนนี้เริ่มเหลือน้อยลง และบางส่วนก็ทยอยเก็บของ เพื่อเดินทางกลับประเทศ และจากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยในหลายชาติ บางส่วนเห็นตรงกันว่า ภารกิจกู้ภัย โดยเฉพาะการค้นหา และกอ

    ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากชาติยุโรปคนหนึ่ง แสดงความเห็นว่า ตลอดระยะเวลากว่า 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลเนปาลมีปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะการประสานงาน และการสื่อสารที่ไม่ดีพอ ทำให้ภารกิจกู้ภัยเผชิญกับอุปสรรค การถอดภารกิจกู้ภัยจากนานาชาติ ออกจากค่ายเจ้าหน้าที่กู้ภัย องค์การสหประชาชาติในวันนี้ รวมถึงทีมกู้ภัยของไทยด้วย ซึ่งมีกำหนดจะเดินทางกลับด้วยเครื่องบิน C-130 ของกองทัพอากาศ ในวันพรุ่งนี้ (6 พ.ค.)

    สำหรับเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากชาติต่างๆ กว่า 37 ประเทศ ที่เดินทางมาช่วยผู้ประสบภัย รวมถึงการค้นหาผู้ที่อาจรอดชีวิตอยู่ใต้ซากปรักหักพังนั้น มีทั้งสิ้นกว่า 4,000 คน สุนัขดมกลิ่น 129 ตัว นอกจากนี้ยังมี แพทย์และเจ้าหน้าที่แพทย์ประมาณ 700 คน โดยชาติที่ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามามากที่สุด คือ อินเดีย 962 คน จีน 370 คน อิสราเอล 286 คน สิงคโปร์ 106 คน ญี่ปุ่น 98 คน สหรัฐฯ 94 คน นอกจากนี้ยังมีทีมจาก ฝรั่งเศส สเปน เยอรมนี อินโดนีเซีย มาเลเซีย รวมถึงทีมกู้ภัยจากไทย

    ขณะที่เนปาล มีเจ้าหน้าที่ที่ถูกฝึกสำหรับกู้ภัยโดยเฉพาะราว 1,140 คน แบ่งเป็น ตำรวจติดอาวุธ 700 นาย ตำรวจ 240 นาย ทหาร 200 นาย

    นอกจากนี้ ทีมไทยรัฐ ยังได้ลงพื้นที่ เมืองซาคูว์ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองกาฐมาณฑุ ไปประมาณ 14 กม. ซึ่งเป็นเมืองการค้าเก่า พบว่าได้รับความเสียหายอย่างมาก จากเหตุแผ่นดินไหว โดยในอดีต เมืองซาคูว์ ถือเป็นทางผ่านของพ่อค้าแม่ค้า ที่จะไปทำการค้าในทิเบต ซึ่งแม้จะผ่านไปแล้วกว่า 1 สัปดาห์แต่ชาวบ้านที่นี่ยังรอคอยความช่วยเหลือ

    ทั้งนี้ ชาวบ้านบางส่วนลงมือรื้อค้นซากปรักหักพัง เพื่อหาสิ่งของที่พอนำมาประทังชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม ที่นี่ก็มีความช่วยเหลือจากองค์กรด้านการแพทย์ อาทิ องค์กรเมอร์ซี (MERCY) ของประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญด้านการดูแล ผู้ที่ประสบภัยพิบัติทั้งร่างกาย และจิตใจ ซึ่งในแต่ละวัน ก็จะมีชาวบ้าน เดินทางมาเข้ารับการรักษามากถึงวันละ 200 คน.

    ทีมกู้ภัยนานาชาติในเนปาล เริ่มทยอยเก็บของกลับประเทศ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ตาเขียวด้วยความอิจฉาริษยา : กองทัพสหรัฐฯวิ่งล็อบบี้ต้องการเอาชนะใจอินเดียเหนือรัสเซีย

    [​IMG]

    -----------
    สื่อฯรัสเซียเขาพาดหัวตามที่แปลให้ฟังนั่นแหละครับ ซึ่งต้นฉบับเขียนว่า "Green With Envy: US Military Lobby Wants to Outstrip Russia in India" ผู้เขียนก็เห็นว่าเขาเขียนได้ชัดและตรงดี ไม่อยากใช้สำนวนตัวเองเกรงจะทำให้เสียอรรถรสของต้นฉบับเขาจึงแปลแบบรักษาของเก่าไว้ให้มากที่สุด ถ้าแปลแบบชาวบ้านเราก็จะบอกว่า "สหรัฐฯขี้อิจฉาวิ่งล็อบบี้อินเดียหวังเสี้ยมให้แตกคอกับรัสเซีย" ประมาณนี้หละนะ
    คราวนี้ก็มาดูข่าวต่อนะครับทีว่าอิจฉาหนะอิจฉายังไง? ล็อบบี้อย่างไร? ในข่าวบอกว่าดูเหมือนว่าความร่วมมือทางกองทัพระหว่างรัสเซียกับอินเดีย (Russo-Indian military collaboration) จะกลายเป็นหนามยอกอกหรือหอกข้างแคร่ของสหรัฐฯเหลือเกิน ดูได้จากกรุงวอชิงตันได้ตัดสินใจสนับสนุนความสัมพันธ์ด้านการป้องกันประเทศระหว่างสหรัฐฯกับอินเดีย
    Franz-Stefan Gady ผู้ชำนาญการด้านกองทัพและทูตไซเบอร์ (เขาตั้งของเขาเองหรือเปล่านี่?) คาดว่าระหว่างที่นาย Ashton Carter รมว.กลาโหมของสหรัฐฯจะเดินทางไปเยี่ยมกรุงนิวเดลีนี้คงจะไปเสนอขายเครื่องบินรบและลงนามกรอบข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสองประเทศเป็นระยะเวลา 10 ปี (คงกะว่าภายใน 10 นี้จะต้องทำลายรัสเซียให้ได้สินะ และทำไมต้องเป็น 10 ตรงกับที่ให้เวลาอิหร่านหยุดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ด้วย เพราะว่าเหมือนกับโอบามาจะรู้แล้วว่าสมัยที่จะถึงนี้พรรคดีโมแครทคงไม่ได้เป็นรัฐบาลของสหรัฐฯแน่ๆ พอเลือกตั้งสมัยต่อไปโน่นก็คาดว่าดิโมแครทจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งแล้วค่อยมาว่ากันใหม่)
    เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำอินเดียกล่าวว่า "สหรัฐฯกำลังพยายามจะหาทางร่วมฝึกทางกองทัพและมีปฏิบัติการทางทหารร่วมกับอินเดียหุ้นส่วนของเรา"
    สื่อฯรัสเซียให้ความเห็นว่าการเคลื่อนไหวของสหรัฐฯในครั้งนี้ถือว่าเป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อความร่วมมือทางด้านกองทัพภายในกลุ่ม BRICS (บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน และแอฟริกาใต้) อันที่จริงอินเดียและรัสเซียได้เสริมสร้างความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศมาอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านกองทัพและด้านเทคนิคของกองทัพมาเป็นเวลานานแล้ว
    กรุงเครมลิน (Kremlin) กล่าวเน้นย้ำอยู่บ่อยๆว่า รัสเซียให้ความสำคัญกับอินเดียซึ่งเป็นหุ้นส่วนทางด้านยุทธศาสตร์ของตนเป็นกรณีพิเศษอยู่แล้่ว และรัสเซียก็มั่นใจว่าทั้งสองประเทศจะสามารถเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกันทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองขึ้นไปอีก
    จากรายงานของหน่วยงานด้านส่งเสริมความร่วมมือทางด้านเทคนิคในกองทัพของรัฐบาลกลางรัสเซีย (FSMTC) ในปี 2014 นั้นบอกว่าอินเดียเป็นประเทศที่สั่งซื้ออาวุธรายใหญ่ที่สุดจากรัสเซีย ซึ่งมีมูลค่าถึง $4.7 billion (ประมาณ 1.55 แสนล้านบาท)
    นอกจากนี้ในโครงการความร่วมมือทางกองทัพระหว่างรัสเซียกับอินเดียยังประกอบด้วย การสร้างโรงงานผลิตเครื่องบินรบเจนเนอเรชั่นที่ 5 Sukhoi PAK FA T-50 (1 ที่นั่งนักบิน สำหรับรัสเซีย) และ Sukhoi/HAL FGFA T-50 (2 ที่นั่งนักบิน สำหรับอินเดีย) ระบบยิงจรวดแบบสเมิร์ช (Smerch multiple launch rocket systems) และขีปนาวุธ Brahmos ความเร็วเหนือเสียง (supersonic Brahmos missiles) และอื่นๆอีกเยอะเคยลงให้อ่านกันบ้างแล้ว
    สื่อฯรัสเซียกล่าวว่าความสัมพันธ์ของกลุ่ม BRICS นี้ไม่ใช่เฉพาะในเรื่องของการเป็นพันธมิตรทางด้านเศรษฐกิจระหว่างกันเท่านั้น แต่ยังมีความชำนาญด้านกองทัพและอาวุธของรัสเซียเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวกันไว้ด้วย เพียงแค่การพึ่งพาตัวเอง (self-sufficient) ก็จะสามารถทำให้กลุ่มนี้กลายเป็นผู้เล่นระดับโลกได้ นี่ยังไม่รวมถึงกลุ่ม AIIB ด้วยนะซึ่งรัสเซียและอินเดียก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน
    Crispin Rovere ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการเมืองในภูมิภาคเอเซียและแปซิฟิกของออสเตรเลียกล่าวว่า "ในระยะยาวนั้น กลุ่มต่อพันธมิตรต้านสหรัฐฯซึ่งประกอบด้วยจีน รัสเซีย และอินเดียจะไม่อาจมองข้ามได้เด็ดขาด"
    นักวิเคราะห์กล่าวว่า ดูเหมือนว่าความร่วมมือทางทหารระหว่างรัสเซียกับอินเดียที่เพิ่มขึ้นได้กลายเป็นหนามยอกอกของกรุงวอชิงตันซะแล้ว ในทางตรงกันข้ามการที่สหรัฐฯขยับสร้างความสัมพันธ์ทางการป้องกันประเทศร่วมกับอินเดียนั้น เห็นได้ชัดว่าสหรัฐฯหวังว่าจะยิงนกสองตัวด้วยกระสุนลูกเดียว ซึ่งก็คือพยายามลดความสัมพันธ์ด้านการทูตของรัสเซียในกลุ่มประเทศเอเซีย (ตัดมิตรของรัสเซียย่านเอเซียออกให้หมด) และขยายความตึงเครียดระหว่างกรุงนิวเดลีกับกรุงปักกิ่ง (สร้างความขัดแย้งระหว่างอินเดียกับจีน) ว้าว! ร้ายไม่ใช่เล่นนะนี่
    Crispin Rovere มองว่ายุทธวิธีแบบนั้นของสหรัฐฯพังไม่เป็นท่าซะแล้ว (อเมริกาฝันเ_ียกอ่ะ) ทำไมรึ? แม้ว่าจะมีขวากหนามอยู่บ้างระหว่างจีนกับอินเดีย แต่การแข่งขันกันของทั้งสองประเทศนี้ไม่มีอะไรแน่นอนเหมือนกับการแข่งขันกันทางยุทธศาสตร์อย่างที่เกิดขึ้นระหว่างสหรัฐฯกับจีน
    ส่วนรัสเซียนั้นถือว่าเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญแต่เพียงผู้เดียวของอินเดีย ในขณะที่ทั้ง 3 ประเทศนี้คือ รัสเซีย อินเดีย และจีนมีการกำหนดสัดส่วนในระเบียบโลกแบบหลากขั้วอำนาจ และลดสัดส่วนอำนาจของจ้าวโลกอย่างอเมริกาลงไป (dilution of American hegemony) (อเมริกาฟังอย่างนี้แล้วรีบกุมเป้าสำรวจตัวเองทันทีเลยอ่ะ)
    ว้าวว! นักวิเคราะห์ต่างประเทศเขาพูดหมดแล้วอ่ะ ไม่เหลือให้แอ็ดมินได้เม้าท์บ้างเลย ตรงตามนั้นเป๊ะ! งั้นก็จบเพียงเท่านี้ละกันนะครับผม
    The Eyes
    06/05/2558
    -----------
    Green With Envy: US Military Lobby Wants to Outstrip Russia in India / Sputnik International
    Sukhoi PAK FA - Wikipedia, the free encyclopedia
    Sukhoi/HAL FGFA - Wikipedia, the free encyclopedia
    http://ทาสส์.ru/en/russia/793074
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    เยเมน : เมือง Najran บางส่วนหลังถูกกลุ่มฮูติโจมตีเมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา
    ---------------
    คราวนี้มาดูสภาพในเมือง Najran ที่ถูกกลุ่มชนเผ่าฮูติของเยเมนใช้ปืนใหญ่ M198 Howitzer ที่ยึดได้จากกองทัพ KSA ของกองกำลังซาอุดิฯยิงถล่มเมื่อวานนี้บ้าง อยากเปิดศึกกับเยเมนก่อนใช่ไหม? คราวนี้คงรู้แล้วสินะว่าการเอาเครื่องบินมาทิ้งระเบิดใส่บ้านของประเทศอื่นจนพังพินาศเสียหายย่อยยับนั้นมันเป็นอย่างไรบ้าง แค่นี้ไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งที่ซาอุดิฯทำกับเยเมนเอาไว้หรอก Hadi คือตัวนำหายนะมาสู่ซาอุดิฯเอง สหรัฐฯก็ด้วยเชื่อฟังพวกนั้นต่อไปเหอะ ถ้ายังไม่เลิกรังแกเยเมนอีกซักวันซาอุดิฯแตกแน่ๆ
    The Eyes
    06/05/2558
    ----------

    <iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/pjiH75SUxY0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    https://www.youtube.com/watch?v=pjiH75SUxY0
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    เยเมน : ซาอุดิฯ สนับสนุนฝ่าฝืนข้อห้ามของ UNSCR สนับสนุนอาวุธหนักให้กลุ่มฮูติ
    ---------------
    กลุ่มฮูติยึดอาวุธปืนใหญ่แบบลากจูง (Towed Howitzer 155mm) รุ่น M198 Howitzer ของทหารซาอุดิฯ (KSA) เมดอิน usa และใช้ยิงถล่มใส่เมือง Najran ของซาอุดิฯซะเลย อ้าวก็ไหน UNSCR สั่งแบนอาวุธเยเมนแล้วไม่ใช่รึ ทำไมซาอุดิฯถึงให้การสนับสนุนด้านอาวุธแก่กลุ่มฮูติอยู่หละนี่? ซาอุดิฯบอกว่าไม่ได้นำเข้าไปให้ในประเยเมน เอามาวางไว้ตามชายแดนรอบนอกของเยเมนตะหาก พอดีตอนโดนกลุ่มฮูติจู่โจมกระทันหัน ลืมเอากลับไปด้วย แล้วก็ลากไปไม่ไหวอ่ะ ก็เลยมอบเป็นของขวัญให้ฮูติไปหนะ
    The Eyes
    06/05/2558
    ----------

    <iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/M8rhXr4dM8s" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    https://www.youtube.com/watch?v=M8rhXr4dM8s
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    เยเมน : กลุ่มนักรบเผ่าฮูติจับทหารซาอุดิฯเป็นเชลย เลี้ยงข้าวอิ่มหมีพีมันอย่างกะคนในครอบครัวเดียวกัน
    ---------------
    เห็นถ้าใครเห็นคลิปนี้โดยไม่ได้อ่านที่แอ็ดมินเขียนไว้นี่อาจจะมองว่าก็แค่คลิปชาวอาหรับเปิบอาหารด้วยกันตามปรกตินิ ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจ ดูให้ดีว่าใครกินข้าวกับใคร? เมื่อวานนี้กลุ่มฮูติเปิดฉากถล่มเมือง Najran ภาคพื้นดิน ฮูติสามารถยึดอาวุธของกองทัพ KSA (Kingdom of Saudi Arabia) เห็นเขาเรียก KSA Army ในโซเชียลหนะ) และจับทหารของซาอุดิฯที่ประจำการอยู่แถวชายแดนได้เป็นบางส่วน พูดถึงเรื่องทหารซาอุดิฯก่อนนะ KSA นี่มาจากหลายหน่วยหลายกองด้วยกัน ขาดการบริหารจัดการที่เป็นระบบ ไม่มีแรงจูงใจที่จะที่จะต่อสู้หรือทำศึก สั่งให้มายืนเฝ้าปืนใหญ่ก็เฝ้าไปอย่างนั้น สั่งให้ยิงก็ยิง พอถูกกลุ่มฮูติ รุกเข้าไปในซาอุดิฯบ้าง พวกนี้ก็แตกกระจัดกระจาย หนีไปคนละทิศละทาง ทิ้งอาวุธหนักไว้ให้เป็นของขวัญแก่กลุ่มฮูติ แล้วฮูติก็ใช้ปืนใหญ่ที่ยึดได้จากซาอุดิฯนี่แหละโจมตีกลับไปที่ซาอุดิฯซะเอง (รอดูคลิปต่อไป) ยุ่งหละสิ พวกที่หนีไม่ทันก็ถูกจับเป็นเชลยสงคราม อย่างที่เกิดขึ้นในยูเครนตะวันออกนั่นแหละ
    ที่น่าทึ่งก็คือ พอกลุ่มฮูติจับทหารซาอุดิฯมาได้แล้ว ก็พามาเลี้ยงข้าวปลาอาหารล้อมวงกินข้าวด้วยกันระหว่างนักรบกลุ่มฮูติกับทหารซาอุดิฯซะงั้น เอ้าไหนว่าพวกฮูติเป็นพวกโหดร้ายไง ไม่เห็นเหมือนไอซิสที่จับได้แล้วก็ถ่ายคลิปเชือดคอเลยนี่ นั่นแหละคือยุทธวิธีในการเอาชนะใจข้าศึกจากฝ่ายฮูติ ไม่ธรรดาจริงๆ
    คราวนี้ทางฝ่ายผู้นำเผ่าฮูติ (Hamdan Bin Zaid Tribe) (ผู้นำคณะปฏิวัติเยเมน) ก็ออกมาประกาศว่าขอให้กองทัพ KSA ที่จะประอยู่ในเมือง Najran จงย้ายออกไปจากเมืองนี้ซะ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงสงครามที่จะเกิดขึ้นในเมืองที่ 2 และขอเรียกร้องไม่ให้ทางซาอุดิฯใช้เมืองของตนเป็นฐานในการโจมตีเยเมน (มิฉะนั้นกลุ่มฮูติจะรุกเข้าไปในซาอุดิฯเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงกรุงริยาทห์ - ผู้เขียน)
    The Eyes
    06/05/2558
    ----------

    <iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/h_VdG5_SHe4" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    https://www.youtube.com/watch?v=h_VdG5_SHe4
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    [​IMG]

    ... "ซาอุดิอาระเบีย : ใช้อินโดนีเซีย เป็นประตูสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการเผยแพร่การศึกษาทางศาสนาเพื่อความมั่นคงของตัวเอง"
    .
    ... ในระหว่าง "สงครามเย็น" อเมริกาแข่งขันกับ "โซเวียตรัสเซีย"กันหาพรรคพวกเพื่อนพ้องไปทั่วโลกเพื่อจะได้ทำมาหากินพบปะสังสรรกันแบบเดียวกัน ในสงครามระหว่างแบบเสรีนิยมและแบบคอมมิวนิสต์ หลังช่วงเวลาดังกล่าวนั้นไม่นานโลกอิสลามก็มีการแข่งขันเช่นกันระหว่าง "ซาอุดิอาระเบีย" และ "อิหร่าน"
    ... หลังจาก 1979 จากที่อิหร่าน "ปฏิวัติอิสลาม" ทำให้เกิดความไม่มั่นคงใน "ซาอุดิอาระเบีย" ทันที เพราะอิหร่านบอกว่าจะส่งออกแนวความคิดแบบนี้ไปทั่วโลกอิสลาม และอิหร่านก็ไม่เชื่อว่าระบบกษัตริย์จะถูกต้องตามอิสลามเอาตรงนี้โจมตีซาอุด้วย ซาอุจึงต้องแก้เกมโดยการ "ส่งออกการศึกษาแบบอิสลาม" ตามแบบตนคือ "สาละฟีร์" เพื่อเป้าหมายใหญ่คือเป็นผู้นำของโลกอิสลาม
    ... โดยเป็น "สงครามเย็นทางศาสนา" ไปทั่วโลก และหนึ่งในสมรภูมิก็คือ "เอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ซาอุดิอาระเบีย จึงมอง อินโดนีเซีย ประเทศมุสลิมที่มีประชากรที่มากที่สุดเป็นเป้าหมายในการเป็นดั่ง "ประตู" เพื่อจะเผยแพร่แนวคิดแบบซาอุมาในย่านนี้
    ... โดยในทางปฏิบัตินั้นซาอุจะให้การสนับสนับผ่านเน้นทาง "การศึกษาอิสลาม" ซาอุต้องการเป็นประเทศรายใหญ่ในการจัดหาการศึกษาด้านนี้แก่ทั่วโลกที่เป็นอิสลาม แน่นอนอีกมุมหนึ่งคือ "การส่งออกความคิดหาแนวร่วม" ที่เป็น "ความมั่นคงทางรัฐศาสตร์ระยะยาว"ของประเทศเองด้วย ประเทศใดที่ยังไม่มีความพร้อมด้านการศึกษาซาอุจะยื่นมือเข้ามาทันที ทั้งการส่งเสริมการก่อตั้งสถาบันการเรียน ในระดับต่างๆ การให้ทุนการศึกษาไปเรียนที่ซาอุ การสร้างมัสยิด เป็นต้น
    ... เช่นในอินโดนีเซีย วิทยาลัย LIPIA ในจาการ์ต้า เองนั้นเป็นเหมือนศูนย์กลางของการศึกษาอิสลามในแบบซาอุดิอาระเบียหรือ "สะลาฟีร" เลยทีเดียว ที่นี่ได้รับการก่อตั้งโดยซาอุ
    ... หลังจากปี 1988 เป็นต้นมาอินโอนีเซียเริ่มมีความไม่มั่นคงและสั่นครอนทางศาสนามากขึ้นโดยมีการปฎิบัติที่ไม่เท่าเทียมกับกลุ่ม "สะลาฟีร" นี้ ที่เริ่มมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆในสังคม โดยส่วนหนึ่งก็คือจากวิทยาลัย LIPIA นี่เอง ที่มีซาอุหนุนหลังอยู่
    ... โดยนอกจากจะเผยแพร่แนวคิดแบบ "สะลาฟีร" ( หรือ แนวคิดแบบ "วาฮาบี้" ) ยังมีการกล่าวตำหนิแนวคิดเดิมโดยเฉพาะคู่แข่งหลักอย่าง "ชีอะห์" ที่มี "อิหร่าน" เป็นเป้าหมายหลักตลอดเวลา เพื่อขจัดอิทธิพลของอิหร่านในย่านนี้และทั่วโลก แบบเดียวกับที่อเมริกาแทรกแซงไปทั่วโลกเพื่อกำจัดอิทธิพลโซเวียตรัสเซีย ลึกๆคือความมั่นคงของซาอุเองด้วย
    ... นอกจากจะเป็นสถาบันที่เน้นการสอนเรื่องศาสนาในอินโดนีเซียแล้ว วิทยาลัย LIPIA ยังพยายามเข้ามามีบทบาทในสังคมทั่วไปของอินโดนีเซียอีกด้วย เพื่อขยายบทบาทให้กว้างออกไป รวมทั้งเพื่อนบ้านรอบๆ ยิ่งประเทศไหนมีจุดอ่อน ช่องว่าง ปัญหา ต้องการความช่วยเหลือ ขาดเรื่องการเกื้อกูลสังคมอิสลามหรือปีปัญกาความเหลื่อมล้ำของชางมุสลิมซาอุจะเข้ามาทันที ( เช่นในไทย กรณี ปัตตานี ซาอุก็เข้ามาทันที หนุนทั้ง BRN RKK และสนับสนุนการสร้างสถาบันการศึกษา อาคารทางศาสนา ทุนการศึกษาไปเรียนต่อในประเทศซาอุหรือในเครือ รวมทั้งเผยแพราแนวคิดแบบ วาฮาบี้ )
    ... ในสมัย “ซูฮาโต” 1967–1998 ที่ปกครองแบบกึ่งเผด็จการทหารนั้น สังคมอิสลามในอินโดนีเซียจะมีความมั่นคงเสถียรภาพมากเพราะมีการจำกัดไม่ให้มีอิสระมากเกินไป เพื่อความสงบสุขในภาพรวมทั่วไป แต่หลังจากสมัย ซูฮาโตก็เริ่มมีการปะทะขัดแย้งทางแนวคิดศาสนามากขึ้นและนับวันจะมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นปี2011 มีการรื้อทำลายโรงเรียนกินนอนอิสลามBangil ของนิกายชีอะห์ ( ที่มีอิหร่านเป็นศูนย์กลาง ) ที่ผู้นำโรงเรียนถูกขังคุก และโรงเรียนอีกแห่ง Sampang ก็ถูกโจมตีอย่างรุนแรงเช่นกัน
    ... และที่สุดในปี 2012, รัฐมนตรีกระทรวงศาสนาของอินโนนีเซีย Suryadharma Ali ก็ประกาศว่า นิกายชีอะห์ เป็นการตีความที่ผิดพลาดของอิสลาม “false interpretation of Islam” ข่าวไม่ได้บอกว่ารัฐมนตรีท่านนี้มีสัมพันธ์กับซาอุดิอาระเบียหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ เข้าทางและสมหวังของซาอุทุกประกาศ เพราะแม้ว่า "สะลาฟีร" จะถูกต่อต้านแต่ถ้าชีอะห์ถูกต่อต้านด้วย ซาอุดิอาระเบียก็ถิอว่าไม่แพ้ แค่เสมอตัว เช่นในกรณี มาเลเซีย ล่าสุดที่ทั้ง “ชีอะห์ และ วาฮาบี้” ถือว่าเป็นสิ่งที่ฝ่ายควบคุมศาสนาของประเทศประกาศว่าเป็นผิดกฎหมายแล้ว โดยมาเลเซียถึงกับไม่ง้อกับเงินให้ทั้งทุนการศึกษาและการสร้างอาคารศาสนาและโรงเรียนต่างๆ เพื่อแลกกับความสงบสุขของสังคม )
    ... “สังคมอินโดนีเซียแบ่งเป็นขั้ว” จากการที่ซาอุดิอาระเบียให้การสนับสนุนในตลอด ( อาจจะมีหลายประเทศด้วยเช่นกัน ) ทำให้ผลถึงตอนนี้ สังคมโดยรวมทั้งในแง่แนวคิดศาสนาเองและสังคมโทั่วไปเริ่มจะแตกแยกเป็นขั้วเป็นสี ( คล้ายๆที่อเมริกาแอบหนุนสังคมสีเสื้อของไทย ผ่านทางนักอวิชชาการนิติแดงและกลุ่มสู้แล้วรวยโดยวาทะกรรมประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือ )
    ... จนปี 2014 สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้นำกลุ่มซุนหนี่แบบแนวอนุรักษ์นิยม คนหนึ่งนาย Cholil Ridwan ที่ได้รับการฝึกอบรมมาจาก เมดินา เมื่อศักดิ์สิทธิ์ของอิสลามในดินแดนซาดิอาระเบีย ( ปี 1925 ซาอุดิอาระเบียไปปล้นเมืองเมดินาและเมกกะจากตระกูลฮาชิไมท์ ของเผ่าฮาเจด โดยการช่วยเหลือของอังกฤษ, "ซาอุด"เองเป็นตระกูลหนึ่งของเผ่านัดจ์ ) ได้ประกาศที่ "จะทำสงครามครูเสด ( ใช้คำผิด เพราะต้องเก็บไว้ใช้กับสงครามกับศาสนาคริสต์ ) กับ Joko Widodo" ที่มีข่าวว่าถ้าเขาชนะการเลือกตั้ง จะแต่งตั้งนาย Jalaluddin Rakhmat ที่เป็นผู้รู้ของนิกายชีอะห์ เป็นรัฐมนตรีกระทรวงศาสนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางซุนหนี่หรือซาอุยอมไม่ได้
    ... นี่คือบางส่วนของ "ปัญหาของสังคม" ที่เกิดขึ้นจากการแทรงแซงทางการศึกษาอิสลามจากซาอุดิอาระเบียในอินโดนีเซีย ( อาจจะมีหลายประเทศอิหร่านก็นั้นแน่นอน , นอกจากการศาสนาแล้วซาอุก็ยังพยายามจะผูกพันธ์สัมพันธ์กับอินโดนีเซียอีกทางการทหารด้วยเช่นกัน ) ที่ต้องการเน้นให้ทราบคือศาสนานั้นเป็นสิ่งดีงามประเสริฐ แต่ก็มีความพยายามทางการเมืองของประเทศมหาอำนาจแต่ละนิกายมาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นเราเองก็ต้องพยายามเข้าใจที่มาที่ไปด้วย เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเครื่องมือของเขา เช่นประเทศไทยเราเองก็มีปัญหาแบบที่อินโดนีเซียเช่นกัน จึงต้องเอากรณ๊ศึกษาจากเพื่อนบ้านมาเตือนตนไม่ให้ขัดแย้งกันมากกว่านี้

    http://www.giga-hamburg.de/…/publ…/gf_international_1407.pdf
    http://en.tempo.co/…/Saudi-Arabia-Indonesia-Sign-Defense-Co…
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    พวกแบงเก้อร์ในลอนดอนเตรียมตั้งป้อมถล่มเขตยูโร
    ประธานของEuropean Commission นายJean-Claude Juncker บอกว่าจะให้กรีซออกจากเขตยูโรโซนไม่ได้ เพราะว่าพวกนายธนาคารที่อลนดอนเตรียมุล่มยูโรให้แหลกเป็นชิ้นๆ
    อังกฤษฟอร์มดีไม่ได้อยู่ในเขตยูโร ยังคงใช้เงินปอนด์แม้ว่าจะเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป แต่นายเดวิด แคมารอน นายกรัฐมนตรีได้แย้มว่าอังกฤษอาจจะทำประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรปก่อนปี2018
    วันนี้อังกฤษจะมีการเลือกตั้งทั่วไป สูสีมากระหว่างพรรคอนุรักษ์นิยมของนายแคมารอนและพรรคแรงงานของนายมิลลิแบน
    นายJunckerพูดให้นักเรียนที่มหาวิทยาลัย Leuven ในBelgiumว่าเงินยูโรที่โกลแซกซัน ซึ่งหมายถึงพวกนายธนาคารของลอนดอนและวออลล์สตรีทที่นิวยอร์ค
    Juncker บอกว่าการให้กรีซออกจากยูโรไม่ใช่เป็นทางเลือกเพราะว่าจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
    เขาบอกว่าถ้าปล่อยให้กรีซออกจากยูโร จะโดนลอนดอนและนิวยอร์คถล่มค่าเงินยูโรจนเละเป็นชิ้นๆแน่
    thanong
    7/5/2015
    http://rt.com/uk/256077-london-will-crush-eurozone/
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พังงาแผ่นดินไหวอีก 4.5 กลางดึก ภูเก็ต-เกาะพีพีอพยพวุ่น
    Written by: newmedia2015/05/07 6:29 AM

    [​IMG]

    ภูเก็ต, กระบี่ 7 พ.ค.-แผ่นดินไหวพังงาเกิดอาฟเตอร์ช็อกต่อเนื่อง ล่าสุดขนาด 4.7 เมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. ทำให้ชาวเล จ.ภูเก็ต และที่เกาะพีพี จ.กระบี่ อพยพหนีตายโกลาหลกลางดึก

    เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 สำนักเฝ้าระวังแผ่นไหวตรวจพบว่า ที่บริเวณทะเลทางตอนใต้ของ อ.เกาะยาว จ.พังงา เกิดแผ่นดินไหวในทะเล ขนาด 4.5 ลึก 11 กม. รู้สึกสั่นไหวได้ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ทำให้ชาวมอแกนหรือชาวเลในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ที่มีบ้านเรือนอยู่ติดทะเลต่างหวาดกลัวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณบ้านเกาะสิเหร่ ยานกู้กู บ้านสามกอง บ้านอ่าวมะขาม บ้านราไวย์ เป็นต้น ต่างอยพยพออกจากหมู่บ้านโกลาหลในกลางดึกที่ผ่านมา เช่น ชาวมอแกนหรือชาวเล บ้านไทยใหม่เกาะสิเหร่ ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ประมาณ 300 คน ได้มีการอพยพมาอยู่บริเวณจุดปลอดภัยที่โรงเรียนบ้านเกาะสิเหร่ ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2 กิโลเมตรเศษ

    ด้านชาวมอแกน หรือชาวเล บ้านไทยใหม่หาดราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ประมาณ 500 คน ได้มีการอพยพออกจากบ้านเรือนมาอยู่ที่จุดปลอดภัยบริเวณเนินสวนไผ่ หมวดการทางภูเก็ตที่ 2 บน ถ.วิเศษ อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมีนายอรุณ โสฬส นายกเทศบาลตำบลราไวย์ พร้อมเจ้าหน้าที่มาอำนวยความสะดวกติดตั้งสัญญาณไฟกะพริบ ป้องกันความปลอดภัย ส่วนประชาชนชาวภูเก็ตและนักท่องเที่ยวต่างประเทศนั้นไม่ได้ตื่นตระหนกตกใจแต่อย่างใด ยังคงรับฟังข่าวสารอยู่ในพักอาศัยบ้านเรือนและโรงแรมที่พักตามปกติ แต่ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านทางโซเซียลมีเดียต่างๆ เช่น ไลน์กลุ่ม เฟซบุ๊ก แจ้งข่าวถึงกันและกันเป็นจำนวนมาก โดยยังไม่มีจุดใดแจ้งความเสียหายเข้ามา

    ขณะที่นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าฯ ภูเก็ต สั่งเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อม 24 ชั่วโมง โดยมีการเฝ้าระวังดูระดับน้ำทะเลอยู่ตลอดเวลา และเมือรอดูสถานการณ์อยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง ปรากฏว่านำทะเลไม่แห้งผิดปกติ และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติไม่มีการประกาศเตือนภัยสึนามิ ประชาชนและชาวมอแกนจึงอพยพกลับเข้าบ้านเรือนเรียบร้อยเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.

    เช่นเดียวกับบนเกาะพีพี ม.7 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ต้องพากันอพยพออกจากพี่พัก เพื่อขึ้นไปยังวิวพอยต์และตามเขาสูงอีกครั้ง หลังรับรู้แรงสั่นสะเทือนจากเหตุแผ่นดินไหว บางส่วนก็จับกลุ่มที่บริเวณหน้าร้านค้า และพูดคุยถึงเหตุการณ์และเฝ้าติดตามข้อมูลจากทางการเป็นระยะ ไม่กลับเข้าที่พัก เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดภัยสึนามิ นอกจากนี้ ในพื้นที่ตัวเมืองกระบี่ประชาชนที่อาศัยที่สูงก็รับรู้แรงสั่นสะเทือนได้เช่นกัน.-สำนักข่าวไทย

    พังงาแผ่นดินไหวอีก 4.5 กลางดึก ภูเก็ต-เกาะพีพีอพยพวุ่น | เว็บไซต์สำนักข่าวไทย
     

แชร์หน้านี้

Loading...