การปฏิบัติสมาธิเพื่อสุขภาพกายและจิตให้เหนือธรรมดาตามในทางพุทธศาสนา

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย visnu, 4 ตุลาคม 2010.

  1. Atsadong

    Atsadong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    3,187
    ค่าพลัง:
    +2,751
    ออบาสเขามีความตั้งใจในการสอน นับว่าน่าเลื่อมใส 20150322_164738.jpg
     
  2. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    ที่ให้ภาวนา อย่างนั้นมีจุดประสงค์ครับ และการให้ตั่งใจไม่ให้หลุดเพราะเดี๋ยวต่อไปมันมีเหตุปรีกย่อยครับ

    นั่งๆไปส่งข่าวเดี๋ยวผมมาตอบอีกครับ
     
  3. daGaz

    daGaz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +2,706
    ย่องๆ มา สวัสดีครับ

    ปลายเดือนหน้าจะได้กลับไทย สามเดือนละครับ
    ไม่ทราบว่า จะมีโอกาส เจอ พี่ๆอาๆ มั้ยครับน่ะ แฮๆ

    ส่วนนั่งสมาธิ เพิ่งได้กลับมานั่งจริงจังได้อาทิตย์กว่า เคว้งคว้างอยู่หลายปีครับ
    ต้องพูดว่า ท้อจนหยุด ดีกว่าน่ะครับ ที่ท้อ เพราะ นั่งจนนิ่งแล้วไม่รู้ไปไหนต่อ
    ที่ตลกคือ เพิ่งจะเข้าใจมาได้หน่อยนึง ว่าทำยังไงต่อ แต่ ตอนกลับมาอ่านที่ทั้ง
    อ. พี่บาส เขียน พี่หมูเขียน ภูมิเขียน ก็รู้สึกเจื่อนๆกับตัวเองนะครับ คนเค้าบอกไว้แล้วเต็มเลย หลายรอบแล้วด้วย

    ทีนี้ ตอนนี้นั่ง บทที่ สอง กับ สาม ครับ ยังไม่กล้าเพิ่มเติม หายไปนานครับ ให้กลับไปนั่งบทที่ หนึ่ง ใหม่ก็ได้นะครับ

    อ้อ สุดท้าย ที่นั่งตอนช่วงท้ายบท ที่ปล่อยว่างๆ เอาไว้ขบคิดให้เข้าใจ และปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นหรือเปล่าครับ <<< คือสิ่งที่ติดนานละครับ ไม่รู้ว่าทำไมถึงพึ่งเข้าใจ

    จบเท่านี้ก่อนละกันครับผม เหมือนจะพูดมากละครับ
     
  4. itou

    itou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +1,196
    ส่งการบ้าน บท 2 ครับ
    รู้สึกว่าหลุดน้อยกว่าเดิม
    ภาวนา เตโช วาโย อาโป ปฐพี ไปสักพัก คำภาวนาไม่หาย
    แต่รู้สึกสงบดี เลยนั่งพิจารณาไปเรื่อยๆ...
    มีบางช่วงที่รู้สึกว่างสงบดีมาก รู้สึกเข้าใจธรรมขึ้นเยอะ
     
  5. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778


    ดีครับ
     
  6. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    ดีครับ
     
  7. daGaz

    daGaz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +2,706
    วันนี้ นั่งบทที่ 3 มานะครับ มีเรื่องให้เอามาพิจารณาเยอะดีช่วงนี้ สรุปที่ได้มาวันนี้นะครับ

    ช่วงพิจารณา ได้อะไรแว่บเข้ามา ขบคิดไปได้ถึงจุดนึง มันก็ไป แล้วก็ว่าง บ้างก็มีต่อเลยบ้าง เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงตอนออกสมาธิน่ะครับ ก็กำหนดใจถอนออกมา

    มีสังเกตเมื่อตั้งแต่ วันสองวันที่ผ่าน รวมไปถึงนั่งสมาธิครั้งนี้ด้วย มันรู้สึกแปลกๆครับ เหมือนบางอย่างในตัวหายไป โหว่งๆ แต่ไม่รู้สึกร้อนใจลำบากใจนะครับ แค่รู้สึก แปลกๆ เหมือนบางอย่างในตัวเปลี่ยนไป รู้สึกชัดๆรอบหนึ่ง ก็เมื่อวานน่ะครับ จู่ๆ ก็ คิดถึงคนที่ชอบ แล้วจู่ๆ ก็ปลงๆ ปล่อยๆ แล้วรู้สึกโหว่งๆ เบาๆ

    สรุป เริ่ม งงๆ กับตัวเองครับ
     
  8. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    วันนี้ลองนั่งนะครับ

    นึกว่าตัวเองโดนไม้เสียบทะลุหลังนะครับ เหนือสะดือ2นิ้ว
    ไม้อีกอันแทงขวางเป็นกากบาทที่กลางลำตัวนะครับ
    บนไม้ที่ขัดกันมีกระดาษ เขียนคำว่าพุธโธ ให้มองดู คำนั้นนะครับ
    มองให้ชัด ไม่ชัดก็มองไป เอาให้ชัด

    ถ้าชัดให้ทรงสมาธิเห็นชัดอย่างนั้นไว้ครับ

    แล้วจะมาต่อตอนต่อไปให้ครับ
     
  9. daGaz

    daGaz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +2,706
    นั่งตามที่ พี่บาส ได้เขียนเอาไว้นะครับ ตอนแทงไม้แรก รู้สึกปั่นป่วน
    คลื่นอารมณ์มาก้อนใหญ่ จะร้องไห้ นั่งๆคือ มีไม้ คาตรงจุดนั้นอยู่
    แล้วตามด้วยไม้ที่สองแทงด้านข้างลำตัว อารมณืคล้าย แทงรอบแรก
    แต่ไม่แรงมาก ซักพัก ความรู้สึก หรือ คือรับรู้ว่า โดนล็อคไว้
    ก็พยายามรับรู้ หรือ มอง ที่ โดนล็อคไว้นี่ละครับ พอคิดว่าชัดแล้ว
    ก็เพิ่มรายละเอียด มีแผ่นกระดาษ ตรงที่ไม้ขัดกัน คำว่า พุทโธ มองอยู่นาน ลายเส้น เปลี่ยนไปหลายที จนสุดท้าย เห็นชัดๆ เป็น ฟอนต์ซักฟอนต์
    ที่เคยเห็นมาก่อน

    อารมณ์ จะบอกว่า นิ่งมั้ย ไม่ทราบนะครับ บอกไม่ถูก มีทั้ง นิ่งๆ กับ แบบ คล้ายๆ ตอนเกสา ปน ด้วยมั่งครับ ยอกย้อนไปมา น่าจะแบบนี้มากกว่า

    ข้อสงสัยครับ คำว่าเห็นชัด ในที่นี้ มุงมอง ไม่เหมือน ชัดๆ แบบ เห็นปกติหรือเปล่าครับ อธิบายยังไงดี จะแบบนี้หรือเปล่าครับ
    เช่น ถ้าเราปิดตาคน แล้ว เราอธิบายรายละเอียดให้เค้า ถ้าเค้าเข้าใจ
    เค้าก็จะรู้อ่ะครับ แบบ เห็นสีแดง แต่ในหัวก็รู้ว่าแดง แต่ไม่ใช่แดงแบบที่เห็น แต่ก็คือแบบที่เห็น มันใช่และไม่ใช่ อธิบายไม่ได้อ่ะครับ
     
  10. กะทิจันทร์

    กะทิจันทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +569
    เรียนถามอาจารย์ค่ะ

    ยังปฏิบัติอยู่ตลอดค่ะ. ทำยังไงถึงจะแก้สัญญาได้คะ.
    บางทีจับอารมณ์ได้ก็ทันหน่อย ปฏิบัติได้ พอบางทีเกิดก็ทรมารในจิตค่ะ
    เจ็บ. ก็พิจารณาแก้อาการไป. ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนก็จริงค่ะ. แต่จิตรับรู้เร็วมันตามไปจับไม่ทัน. ก็เจ็บ ขึ้นมาอีก. รบกวนขอคำแนะนำด้วยค่ะ จะแก้ไขอย่างไรดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2015
  11. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778

    เอาให้ชัดครับเปลี่ยนจากกระดาษเป็นพระพุธรูปครับ

    กำลังจะไม่เหมือนกันครับ ลองดู

    จะเริ่มสนุกขึ้นแล้วครับ....5555555
     
  12. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    นั่งอย่ายุดครับให้ผ่านไปแล้วจะดีขึ้นครับ

    ช่วงนี้เทวดาเค้ามาสอบอารมณ์เราผ่านได้ทุกอย่างจะดีขึ้นครับ
     
  13. กะทิจันทร์

    กะทิจันทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +569
    มาสอบอารมณ์เพื่ออะไรอะคะ. อารมณ์ที่เกิดนี่เป็นบททดสอบ. เป็นสิ่งปรุงแต่งเอง เป็นอุปทาน ไม่ใช่สัญญาเดิมใดๆเหรอคะ. อาจารย์ช่วยเล่าประสบการณ์ให้ฟังบ้างสิคะจะได้เป็นวิทยาทานด้วย. ขอบคุณค่ะ
     
  14. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    ก็ที่เค้าเรียก วิตก วิจาร ไงครับ จิตเราวิตกไปต่างๆนาๆพลอยเอาเรื่องที่คิดมาอยู่แล้วไปปรุงแต่อีกนับไม่ท่วนครับ
     
  15. กะทิจันทร์

    กะทิจันทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +569
    เข้าใจแล้วค่ะ. ขอบคุณมากๆๆค่ะ
     
  16. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    ความมหัศจรรย์ของการสวดมนต์

    อาตมา (สมเด็จโต) ได้เห็นอานิสงส์ของการสวดมนต์ด้วยตัวอาตมาเอง..

    ในสมัยที่อาตมาได้ออกเดินธุดงค์ในป่าเป็นเวลา 15 ปี โดยอาศัยอยู่ในเขตดงพญาไฟ ซึ่งเป็นเขตที่อยู่ใกล้ชายแดนของประเทศเขมร

    ในสมัยนั้น…เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ และภูติผีวิญญาณ ตลอดจนชาวบ้านที่มีเวทมนต์คาถา และเล่นคุณไสยกันอยู่อย่างมากมายในอาณาบริเวณชายแดนแห่งประเทศสยามในตอนนั้น

    อาตมาได้เดินธุดงค์แต่เพียงลำพัง ในช่วงนั้นอาตมามิได้ศึกษาในพระเวทมนต์คาถาอาคมใดเลย นอกจากคำว่า...

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    ซึ่งมีความหมายว่า ข้าพเจ้าขอยึดมั่น พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง พระธรรมเป็นที่พึ่ง พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง อาตมาไปที่แห่งหนตำบลใด ก็จะกล่าวเพียงคำนี้ตลอดเวลาของจิตใจอันเป็นที่พึ่งของอาตมา

    อาตมาเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านชายแดนแห่งประเทศสยาม ในดงพญาไฟขณะนั้น ในหมู่บ้านมีชาวบ้านอาศัยอยู่เพียงเล็กน้อย อาตมาจึงได้ปักกลดอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน

    มีชาวบ้านนำอาหารมาถวายตามกำลังที่เขาจะพอทำได้ เมื่อเห็นมีพระภิกษุมาปักกลดในที่แห่งนั้น อาตมาอาศัยอยู่ที่นั้นเป็นระยะเวลาหลายปี และ ณ ที่แห่งนั้น อาตมาจึงได้พบคุณวิเศษแห่งการสวดมนต์

    มีชาวบ้านผู้หนึ่งได้เข้ามาสนทนากับอาตมาหลังจากได้ถวายอาหารแล้ว ชาวบ้านผู้นั้นอาตมาทราบชื่อภายหลังว่าชื่อ นายผล นายผลได้เล่าให้อาตมาฟังว่า เขาเป็นผู้ฝึกเวทย์มนต์คาถาอาคม เล่าเรียนจนมีญาณแก่กล้า และมักจะทดสอบเวทย์มนต์คาถาอาคมแก่พระภิกษุสงฆ์ที่เดินทางมาปักกลด ณ บริเวณนี้เป็นประจำ

    เขาเล่าให้อาตมาฟังว่า..เขาได้ส่งอำนาจคุณไสยเข้ามาทำร้ายอาตมาทุกคืน แต่ไม่ได้หวังทำร้ายเป็นบาปเป็นกรรมถึงตาย เพียงแต่ต้องการทดสอบดูว่าภิกษุรูปนั้น จะมีวิชาอาคมแก่กล้า สามารถที่จะต่อสู้กับคุณไสยเขาได้หรือไม่

    นายผลก็ได้ทำคุณไสยใส่อาตมาถึง 7 วัน เต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยควายธนู หรือปล่อยหนังควาย ปล่อยตะขาบ ตลอดจนภูติพรายเข้ามาทำร้ายอาตมา แต่ปรากฏสิ่งที่ปล่อยมา ก็ไม่สามารถเข้ามาทำร้ายอาตมาได้เลย

    วันนี้จึงได้มากราบเพื่อสนทนาแลกเปลี่ยนวิชาความรู้กับอาตมา อาตมาจึงได้บอกว่าตัวอาตมาเองไม่ได้ศึกษาพระเวทย์มนต์คาถา หรือคุณไสยใด นายผลก็ไม่ยอมเชื่อหาว่าอาตมาโกหก ถ้าหากไม่มีของดีแล้วไซร้ไฉนอำนาจคุณไสยดำที่เขาส่งมา จึงกลับมายังเขาซึ่งเป็นผู้กระทำ ไม่สามารถทำร้ายอาตมาได้

    อาตมาก็พยายามชี้แจงให้เขารู้ว่า อาตมาไม่มีวิชาเหล่านี้จริง ๆ ทำให้ผลสงสัยยิ่งนักว่าเหตุใดอาตมาจึงไม่ได้รับภัยอันตรายจากอำนาจเวทมนต์คุณไสยดำที่เขาส่งมาทำร้ายได้

    อาตมาได้บอกกล่าวแก่เขาว่า เมื่ออาตมาจะนอน อาตมาก็จะสวดแต่คำว่า...

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

    จนจิตมีความสงบนิ่งแล้ว จึงได้แผ่ส่วนกุศลไปให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย จงอย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย และอาตมาก็จำวัดนอนเป็นปกติ

    นายผล เมื่อได้ฟังดังนั้น จึงได้บอกแก่อาตมาว่า..

    ข้าแต่ท่านอาจารย์ ก็เช่นนั้น ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านในวันนี้ ก่อนที่ท่านจะจำวัด จงหยุดการสวดมนต์สัก 1 คืนได้หรือไม่ข้าพเจ้าต้องการจะพิสูจน์ว่า.. การสวดมนต์ของท่านเช่นนี้จะเป็นเกราะคุ้มครองภัยท่าน หรือเป็นเพราะอำนาจเวทมนต์คาถาในภูติผีปิศาจของข้าพเจ้าเสื่อมกันแน่ ข้าพเจ้าของรับรองว่า จะไม่ทำอันตรายแก่ท่าอาจารย์อย่างเด็ดขาด เพียงแต่ต้องการ ที่จะทดสอบให้ความรู้แจ้งเห็นจริงว่าเกิดอะไรขึ้น

    อาตมาก็ตกลงรับปากแก่นายผลว่า คืนนี้จะไม่ทำการสวดมนต์ นายผลจึงได้ลากลับไป ครั้นถึงเวลาพลบค่ำ อาตมาก็นอนโดยมิได้ทำการสวดมนต์ตามที่ได้ปฎิบัติเป็นปกติ

    เมื่ออาตมานอนหลับไป..อาตมารู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าอาตมาได้ยินเสียง กุกกัก กุกกัก จะขึ้นมา จึงได้จุดเทียนและพบตะขาบใหญ่ยาวเท่าขาของอาตมากำลังเลื้อยเข้ามาอยู่ใกล้ตัวของอาตมามาก อาตมารู้สึกตกใจถึงหน้าถอดสี และด้วยสัญชาติญาณจึงกล่าวคำสวดมนต์ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ด้วยจิตยึดมั่นในพระพุทธองค์เป็นที่พึ่งเป็นเวลานานเท่าใดไม่ทราบได้ เสียงกุกกักและตะขาบที่อยู่ข้างหน้าก็อันตรธานหายไป จากนั้นอาตมาจึงได้จำวัดนอนเป็นปกติ

    ในวันรุ่งขึ้น นายผลก็มาหาอาตมาและได้กล่าวว่า...เมื่อคืนนี้...ข้าพเจ้าได้ปล่อยตะขาบเข้าไปในกลดที่ท่านพักนักอยู่ อาตมาบอกว่า อาตมาได้ตื่นมาและตกใจ จึงได้สวดมนต์ภาวนา ตะขาบตัวนั้นก็อันตรธานหายไป

    นายผลจึงได้ยกมือพนมขึ้น แล้วกล่าวว่า..บัดนี้ข้าพเจ้าเชื่อแล้วว่า อำนาจเวทมนต์คาถา และคุณไสยใดๆ ของข้าพเจ้ามิอาจทำร้ายท่านได้ ก็เพราะอำนาจแก่การสวดมนต์ภาวนาของท่านเป็นเกราะคุ้มครองภัยอันตรายต่างๆ ได้

    ที่อาตมา (สมเด็จโต) ได้เล่าให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ได้ฟังกัน เพื่อให้เป็นอานิสงส์ของการสวดมนต์ว่า..เหล่าพรหมเทพได้มาฟังการสวดมนต์จริงดังที่อาตมาได้เทศน์ไว้ เพราะถ้าไม่ใช่เหล่าพวกพรหมเทพแล้วไซร้ ก็คงไม่สามารถที่จะขับไล่สิ่งที่เกิดจากอำนาจคุณไสย ที่นายผลส่งมาเล่นงานอาตมาได้อย่างแน่นอน

    ท่านเจ้าพระยา และ อุบาสก อุบาสิกา ในที่นั้น เมื่อได้ฟังคำเทศนาแล้วต่างก็ยกมือขึ้นสาธุว่า...

    ...อานิสงส์ของการสวดมานต์ช่างมีคุณค่าสูงส่งยีงนัก...


    อ่านเจอมานาน หลายทีด้วยจะบอกอย่างไงดี

    1.ปรกติพระบวช 5พรรษาขึ้นไปจึงจะธุดงค์ได้แล้ว 5พรรษาไม่รู้คาถาหรือพระสูตร เลยหรือ

    2.สมเด็จท่านบวชตั่งแต่เป็นสามเณร มีความแตกฉานตั่งแต่ยังเล็ก ก็เป็นไม่ไม่ได้อีก

    3.เมื่อครบบวชก็ได้สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร) เป็นพระอุปัชฌาย์ ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้

    4.ด้วยที่เจ้าพระคุณสมเด็จท่านเรียบเรียงคาถถาชินบัญชรใหม่ซึ่งเดิมเป็นตัวบาลีพิมพ์ด้วยอักษรสีหล ย่อมมีความแตกฉานเรื่องภาษา

    ตอนแรกที่อ่านจิตมันตะงิดๆเลยดูแต่ผลที่ดูมันไม่สวยเลยมาวิเคราห์โดยตักกะ ก็ลองไปพิจรณาดูครับ มีอะไรโต้แย้งได้ครับ
     
  17. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    *** ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาได้พูดถึง
    เรื่องฌานที่มีผลต่อการบรรลุธรรมและทำให้เกิดอานุภาพต่างๆ ไว้หลายอย่าง เพื่อความเข้าใจกระจ่างในเรื่องนี้ จะขอนำความหมายและผลที่ได้จากสมาธิมาอธิบายให้ฟัง ดังนี้
    ....ครั้งหนึ่ง พระพุทธองค์ตรัสถึงภิกษุผู้ได้ฌานแม้ได้เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ชั่วดีดนิ้วมือครั้งหนึ่งว่า การได้ฌานเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ขนาดนั้นก็ได้ชื่อว่า เป็นผู้ไม่ห่างไกลจากฌาน ที่จะทำได้ในกาลต่อไป ชื่อว่าได้ทำได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระศาสดา ได้ปฏิบัติตามโอวาทของพระศาสดาแล้ว ถ้าผู้นั้นเป็นพระภิกษุก็จะฉันบิณฑบาตของชาวบ้านอย่างไม่สูญเปล่า นี้พูดถึงการปฏิบัติได้ชั่วเวลาสั้น ๆ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงผู้ที่ทำได้นาน ๆ หรือทำได้มากกว่านี้
    นอกจากนี้แล้ว พระพุทธองค์ยังตรัสต่อไปอีกว่า ฌานสมาธินี้สามารถที่จะทำให้สิ้นอาสวะกิเลสได้ ตั้งแต่ฌานขั้นแรกขึ้นไปก็สามารถปราบนิวรณ์ให้สงบระงับได้แล้ว แม้จะไม่หมดไปทีเดียวแต่ก็สามารถปราบได้เป็นคราวๆไป ไม่จำเป็นต้องพูดไปจนถึงฌานระดับที่สูงกว่านี้ ซึ่งแต่ละฌานล้วนมีหน้าที่ในการเผากิเลสเหมือนกันทั้งหมด
    ในตอนหนึ่งพระพุทธองค์ตรัสว่า เพียงแค่คนที่ทำฌาน 4 อย่างได้ คือ ตั้งแต่ขั้นแรกไปจนถึงขั้นที่ 4 อย่างใดอย่างหนึ่งนี้จนเกิดความชำนาญผู้นั้นจะไหลไปสู่นิพพาน(นิพพานนินโน) จะน้อมไปสู่นิพพาน(นิพพานโปโณ) และทำนิพพานให้เต็มบริบูรณ์ได้ (นิพพานปัพภาโร)
    ในพระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกได้บรรยาย
    คุณของพระพุทธเจ้าที่ทรงได้ปัญญาในการตรัสรู้ว่า เพราะสาเหตุมาจากการได้ฌานเหล่านี้เป็นฐานให้ ตั้งแต่ฌานที่ 1 ไปจนถึงฌานที่ 8 หรือจะพูดให้ถูกต้อง ก็เป็นเพราะผลมาจากฌานสมาธินี้เองที่ทรงทำให้มีปัญญาตรัสรู้ได้ ดังนั้น แสดงว่าฌานสมาธินี้มีผลต่อการบรรลุธรรมในทางพระพุทธศาสนาโดยตรง และที่สำคัญฌานยังเป็นข้อสำคัญของมรรคมีองค์ 8 ประการ ข้อสุดท้าย คือ สัมมาสมาธิ (สมาธิที่ประกอบด้วยฌาน) ถ้าขาดข้อนี้ มรรคก็คงเหลือแค่ มรรค 7 ไม่ครบองค์แห่งการตรัสรู้แน่นอน ในพระพุทธพจน์บทหนึ่งได้พูดถึงฌานที่ทำให้เกิดปัญญาและปัญญาได้มาจากฌานว่า
    นัตถิ ฌานัง อะปัญฺญัสสะ แปลว่า ฌานไม่มีกับคนที่ไม่มีปัญญา
    นัตถิ ปัญญา อะฌายิโน แปลว่า ปัญญาก็ไม่เกิดกับคนที่ไม่มีฌานเหมือนกัน
    และพระพุทธองค์ก็ยังทรงย้ำสรุปต่อไปอีกว่า
    ถ้าผู้ใดมีฌานจนทำให้เกิดปัญญาหรือมีฌานและมีปัญญา ผู้นั้นจะได้อยู่ใกล้นิพพาน (นิพพานสันติเก) อย่างแน่นอน
    การได้ฌานสมาธิที่เป็นผลมาจากการฝึกจิตเป็นระบบตามวิธีการสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นวิธีการที่ทำให้ผู้ฝึกสามารถสำเร็จผลของการเป็นผู้ปฏิบัติธรรมได้อย่างสมบูรณ์ ดังมีคราวหนึ่งในตอนเย็นวันพระ 15 ค่ำ พระอานนท์ได้ยืนมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินที่มีรัศมีส่องประกายก่อนจะลับขอบฟ้าไปอย่างสวยงามมาก ท่านยืนมองไปจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว
    ครั้นหันกลับมามองไปยังทางทิศตะวันออกซึ่งพระจันทร์เต็มดวงกำลังโผล่ขึ้นพ้นขอบฟ้าขึ้นมาอีกฟากหนึ่ง พระจันทร์เต็มดวงในวันเพ็ญก็สวยงามไม่แพ้พระอาทิตย์กำลังจะตกดินเหมือนกัน ท่านพระอานนท์กำลังดื่มด่ำกับการมองพระอาทิตย์และพระจันทร์อยู่
    แต่เมื่อกลับหลังหันมามองพระพุทธเจ้าซึ่งนั่งอยู่ท่ามกลางหมู่ภิกษุสงฆ์ภายใต้แสงจันทร์อันนวลผ่อง แต่พระรัศมีของพระพุทธเจ้าที่เปล่งประกายออกมากลับมีความสวยงามกว่าแสงพระอาทิตย์และแสงดวงจันทร์ที่กำลังโผล่ขึ้นขอบฟ้ามาเสียอีก
    พระอานนท์ได้กราบทูลเรื่องนี้แก่พระพุทธองค์ว่า แสงแห่งพระอาทิตย์ในเวลาจะตกดินและแสงพระจันทร์เต็มดวงที่ขึ้นสู่ขอบฟ้าในยามที่ปราศจากเมฆหมอก ยังสวยสู้พระรัศมีของพระพุทธเจ้าไม่ได้
    พระพุทธองค์ได้ทรงอธิบายถึงสิ่งที่รุ่งเรืองและงดงามในโลกนี้ 5 อย่าง คือ
    พระอาทิตย์ จะรุ่งเรืองในตอนกลางวัน
    พระจันทร์จะรุ่งเรืองในตอนกลางคืน
    พระราชาจะรุ่งเรืองในขณะทรงเครื่องพระราชอิสริยยศ
    เหล่านักพรตผู้ที่จะรุ่งเรืองที่สุด ก็คือ ผู้มีฌาน
    แต่พระพุทธเจ้าจะรุ่งเรืองทั้งกลางวันทั้งกลางคืนเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด ...
     
  18. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    สอบถามหน่อยครับ พอดีผมจะเขียนหนังสือ อยากรู้ว่าถ้าอยากอ่าน จะอยากอ่านหัวข้อไหนบ้าง

    อยากรู้เรื่องอะไร ผมจะได้เขียนตามนั้นครับ ถ้าจะให้คิดเอง มีหลายเรื่องเกินครับ
     
  19. itou

    itou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +1,196
    ยังคิดไม่ออกเลยครับ อ.พอมีหัวข้อที่คิดๆไว้แล้วบ้างไหมครับ
    เหมือนอย่างสตีฟ จ๊อบส์ บอกว่า "หลายๆ ครั้งผู้คนก็ไม่รู้หรอกว่าพวกเขาต้องการอะไร
    จนกว่าคุณจะโชว์สินค้านั้นให้พวกเขาได้เห็น" ประมาณนั้นอ่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2015
  20. chaivat chinkidjakar

    chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,601
    ค่าพลัง:
    +21,662
    อาจารย์ บาส เอาทุกเรื่องเลย คิดได้ก็เขียนเลย จะได้อ่านหลายๆๆเรื่องครับ
    อย่างที่ว่าคิดไม่ออกครับ.....อิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...