ติดตามสถานะการณ์

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 26 เม.ย.58 ทหารพม่าถูกกลลวงชนกลุ่มน้อย ถูกสังหารเกือบ 200 นาย
พม่ามีชนกลุ่มน้อยกว่า 11 กลุ่มที่สู้รบกับรัฐบาล มีการเจรจาลงนามสงบศึกราว 4 กลุ่ม และฝ่ายรัฐบาลยอมที่จะขัดแย้งกับจีน มากกว่าที่จะมีปัญหากับองค์กร NGO ที่หนุนหลังโดยอเมริกา เพราะถ้า NGO ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงในพม่าได้มากขึ้น
จะส่งผลให้ชนกลุ่มน้อยต่างๆ พากันขอแยกตัวตั้งเป็นเอกราช จะทำให้พม่ากลายเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กลง และศักยภาพทางด้านทหารจะลดกว่าชนกลุ่มน้อย ทำให้บางกรณีทหารพม่ายอมที่จะขัดแย้งกับจีน เพื่อให้ประเทศมีความเข้มแข็ง และมีเอกภาพ
ล่าสุดเกิดเหตุปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างกองกำลังทหารรัฐบาลพม่า กับกองกำลังชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง หรือพรรคคะยาก้าวหน้า (เป็นพันธมิตรกับกองกำลังชนกลุ่มน้อยโกก้าง ที่มีจีนหนุนหลัง ) ซึ่งมีพื้นที่เขตอิทธิพลในรัฐคะยา ตรงข้ามจังหวัดแม่ฮ่องสอน รอยต่อชายแดนจังหวัดตาก
ส่งผลให้ทหาร หน่วยรบคอมมานโด พม่าได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง และหนักหน่วง เสียชีวิตไปประมาณ 180 นาย เพราะทหารพม่า ได้หลงกลเข้าไปในพื้นที่สังหารของกองกำลังทหารกลุ่มโกก้าง ที่ใช้แผนยุทธการล่อให้ทหารพม่าเข้าไป และใช้กำลัง และอาวุธรวมถึงชัยภูมิที่ดีกว่าสังหารทหารพม่า
-------------------------------------->
จีนนั้นหนุนกลุ่มโกก้างไว้เพื่อเป็นรัฐกันชน มีเรื่องเชื้อสายจีนเป็นส่วนใหญ่ และพื้นที่แถวนั้นเคยมีประวัติศาสตร์รบกันมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ไม่ถึงกับมีเป้าหมายแยกกลุ่มโกก้างเป็นเอกราช และไม่ค่อยปะทะหนักกันบ่อยนัก
แต่มีชนกลุ่มน้อยสายอเมริกา บางกลุ่ม ที่รับการหนุนอาวุธ แลกกับฝิ่น กัญชา และยาเสพติดอื่น มีเป้าหมายแยกเป็นเอกราช ซึ่งหากกลุ่มใดทำได้ อีกหลายกลุ่มก็จะเลียนแบบบ้าง จะลุกลามกลายเป็นซีเรีย และอิรักแห่งเอเซีย
เมื่อนั้นอเมริกา ก็จะมาทำอุตสาหกรรมสงคราม ค้าขายอาวุธ เอาเงินเข้ากระเป๋าอิลลูมินาติ เข้าแผนครองโลกอีก
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

Thanong Fanclub

น่าสนใจที่CERNเร่งเครื่องยิงอนุภาคเวลาเดียวกับที่เกิดแผ่นดินไหวเนปาล ลองดูyoutubeตามลิงค์ดู

<iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/Jfn_NvYa7bc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

https://www.youtube.com/watch?v=Jfn_NvYa7bc

 

แสนเสียดาย ! โบราณสถาน มรดกโลกพังยับ แผ่นดินไหวเนปาล ตายพุ่งกว่า 3,200 ศพ โดย ไทยรัฐออนไลน์ 27 เม.ย. 2558 12:30



สะเทือนใจ... โบราณสถาน มรดกโลกในเนปาล ได้รับความเสียหายยับ จนยากเกินบูรณะซ่อมแซม หลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเขย่าเนปาล ขณะที่ยอดเหยื่อเคราะห์ร้าย เสียชีวิตจากธรณีพิโรธ พุ่งกว่า 3,200 แล้ว

เมื่อ 27 เม.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้า เหตุการณ์แผ่นดินไหวสุดวิปโยค ที่ประเทศเนปาล เมื่อช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่ 25 เม.ย. โดยสำนักงานสำรวจภูมิศาสตร์สหรัฐฯ ได้ปรับระดับความรุนแรงของธรณีพิโรธ มาอยู่ที่ขนาด 7.8 แมกนิจูด หลังจากเบื้องต้น ตรวจวัดได้ที่ระดับ 7.5 และ 7.9 ว่า นอกจากความรุนแรงของแผ่นดินไหว จะทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 3,218 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 6,500 รายว่า ยังทำให้โบราณสถานเก่าแก่ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ถึง 4 แห่ง ซึ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างมากในกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวง รวมทั้งเมืองใกล้เคียง พังถล่มลงมา ได้รับความเสียหายหนัก และสร้างความสะเทือนใจอย่างมาก

ความรุนแรงของแผ่นดินไหว ส่งผลให้ วัดวาอาราม สถูปเจดีย์เก่าแก่ ที่จัตุรัสปาทาน ดูร์บาร์ ในกรุงกาฐมาณฑุ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกพังเสียหายยับเยิน จนกลายเป็นกองอิฐกองดิน รวมทั้ง สถูปปูธานารถ อายุหลายร้อยปี ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณหุบเขากาฐมาณฑุก็ไม่อาจรอดพ้นจากภัยพิบัติธรรมชาติครั้งใหญ่ รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 80 ปีของเนปาลเช่นกัน โดยสำนักข่าวยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ รายงานว่า ตามประวัติ สถูปปูธานารถ เคยเป็นสถานที่ที่ชาวทิเบตนับถือพุทธ เดินเท้าผ่านเทือกเขาหิมาลัย หนีภัยจากทหารจีนเข้ามาหลบซ่อนอยู่ที่สถูปแห่งนี้ และปัจจุบัน ชาวพุทธทั้งในเนปาลและต่างชาติ จะเดินเวียนรอบสถูปเพื่อบูชารำลึกคุณพระรัตนตรัย

สำหรับโบราณสถาน ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมโบราณ เก่าแก่ ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก รวมถึงวัดศิวะและสถูปนารายัน ซึ่งเป็นของศาสนาฮินดู อายุเก่าแก่หลายร้อยปี และถือเป็นสิ่งปลูกสร้างสำคัญ ที่จัตุรัสดูร์บาร์ ในกรุงกาฐมาณฑุ พังเสียหายหนัก ขณะที่โบราณสถานที่เมืองปาทาน ซึ่งอยู่ใกล้กับกรุงกาฐมาณฑุ ก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างย่ิง หอคอยธาราฮารา หรือหอพิมเสน สูง 9 ชั้น ตั้งอยู่ในกรุงกาฐมาณฑุ พังถล่มลงมา จนอาจมีผู้ติดอยู่ภายในถึงประมาณ 400 คน

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) พยายามประเมินความเสียหายของโบราณสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่พังเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว และมีจำนวนไม่น้อยที่พังเสียหายอย่างหนัก จนไม่อาจบูรณะซ่อมแซมได้อีก

ขอขอบคุณ ภาพจาก ThinkProgress

แสนเสียดาย ! โบราณสถาน มรดกโลกพังยับ แผ่นดินไหวเนปาล ตายพุ่งกว่า 3,200 ศพ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

"วิษณุ"สั่งจำแนกรายชื่อ ขรก.คดีทุจริตใหม่



"วิษณุ"แนะให้ความสำคัญงานตรวจราชการ ชี้สำคัญกว่านั่งประจำออฟฟิศ เผยนายกฯ ฝากการบ้านเพียบ ช่วย ผวจ.ช่วยเหลือม๊อบ อย่าให้เข้ากรุง สั่งจำแนกรายชื่อ ขรก.คดีทุจริตใหม่ ไม่บ้าจี้เอาผิดตามทั้งหมด วันจันทร์ที่ 27 เมษายน 2558 เวลา 13:02 น.

เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดการสัมมนาเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ 2558 ว่า สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เคยบอกไว้ว่า การตรวจราชการมีความสำคัญกว่างานออฟฟิศ ข้าราชการอย่าตรวจราชการเฉพาะเวลาที่ว่างจากงานออฟฟิศ ข้าราชการสมัยก่อนดำรงตัวเช่นนี้ จึงได้รับความเลื่อมใส แตกต่างจากปัจจุบัน ดังนั้นเราต้องพยายามแก้ปัญหาของการตรวจราชการ ทั้งนี้ตามกฎหมายได้กำหนดให้ส่วนราชการจัดทำแผนราชการประจำปีงบประมาณ และมีหน่วยงานต่าง ๆ คอยตรวจสอบว่าทำตามแผนงานหรือไม่ แต่ปีนี้บ้านเมืองมีความวุ่นวาย ทำให้การจัดทำแผนล่าช้า ไม่เป็นไปตามที่คิด เพราะมีแผนงานจากทั้ง คสช.และรัฐบาล สำนักงบประมาณได้แจ้งว่าในงบปี 2558 หลายกระทรวงยังไม่ได้ทำแผนงาน ถ้ายึดตามข้อกฎหมายก็ไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ จึงเสนอว่าให้ยึดคำขอตั้งงบประมาณประจำปี 2559 เป็นแผนปฏิบัติประจำปี 2558 โดยปริยาย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นชอบ และให้เสนอเข้าที่ประชุม ครม.ในวันที่ 28 เม.ย.นี้

"นายกฯ ได้ฝากให้ผู้ตรวจราชการช่วยดูในหลายเรื่อง อาทิ เรื่องหนี้สินครัวเรือน การพัฒนาฝีมือแรงงาน ปัญหาการค้ามนุษย์ การจัดพื้นที่รองรับผู้อพยพ ปัญหาชุมชนแออัด การกำจัดขยะ หากติดขัดตรงไหน ถึงจุดหนึ่งก็อาจต้องใช้มาตรา 44 เข้าไปแก้ปัญหา การเสริมประสิทธิภาพผู้ว่าราชการจังหวัด การอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อไม่ให้เข้ามาขอความช่วยเหลือในส่วนกลาง เพราะนายกฯรู้ดีว่าบางครั้งอาจมีนายหน้า มีคนพามา มีค่ารถ ค่าข้าวให้ แต่ก็ลำบากไม่ใช่เล่น ถ้ามาแล้วบางครั้งรัฐบาลไม่อาจแก้ปัญหาได้ทันที จึงดีกว่าที่จะไปใช้บริการที่ศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งตรงนี้ผู้ตรวจฯ สามารถเข้าไปดู และช่วยประสานงานให้ได้"นายวิษณุ กล่าาว

นายวิษณุ กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบการทุจริต ได้ส่งรายชื่อผู้ที่อาจมีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตมาให้รัฐบาล ซึ่งมีมากกว่า 100 รายชื่อ และจะมีรุ่น 2-3 ตามมา ตนจึงให้ไปจำแนกรายชื่อเดิมที่ส่งมาแล้วว่ามีใครเกษียณอายุราชการไปแล้ว มีใครเปลี่ยนชื่อ-สกุลบ้าง บางเรื่องมูลทุจริตเดียวครอบคลุมไปทั้งจังหวัด ถ้าจะเอาตามข้อมูลดังกล่าวจะกระทบต่อข้าราชการทั้งจังหวัด เราจะยึดรายชื่อนั้นอย่างเดียวไม่ได้ ต้องตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมด้วย จะบ้าจี้ดำเนินการกับผู้ที่ถูกกล่าวหาเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เพราะต่อไปอาจจะมีคนยื่นเรื่องกล่าวหากันเป็นจำนวนมาก.

"วิษณุ"สั่งจำแนกรายชื่อ ขรก.คดีทุจริตใหม่ | เดลินิวส์

 

แผ่นดินอินเดียเลื่อนเข้าไปในเนปาลราว 1-10 ฟุต
by Sutthiporn Bunchuay 27 เมษายน 2558 เวลา 11:31 น.

<iframe width="640" height="360" frameborder="0" scrolling="no" src="http://www.voicetv.co.th/content/embed?id=197706" ></iframe>

หลังจากที่เกิดแผ่นดินไหว 7.8 แมกนิจูดที่เนปาลเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีการคาดการณ์กันว่า แผ่นดินอินเดียได้เลื่อนเข้าไปใต้แผ่นดินเนปาล ราว 1-10 ฟุต ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แผ่นเปลือกโลกบริเวณรอยต่อของทวีปยุโรป และเอเชีย หรือที่เรียกว่า แผ่นยูเรเชีย นั้น เป็นแผ่นรอยต่อสำคัญที่ยังเกิดการขยับตัวอยู่ตลอด ในช่วงหลายล้านปีที่ผ่านมา จึงทำให้เหตุแผ่นดินไหวในภูมิภาคดังกล่าว เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ ตั้งแต่ประเทศปากีสถานไปจนถึงเมียนมาร์

โดยในช่วง 81 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในเนปาล เมื่อปี 1934 มีรายงานว่า แผ่นดินอินเดีย ได้เลื่อนเข้าไปใต้แผ่นดินเนปาลมากถึง 12 ฟุต และยังมีแนวโน้มที่จะเลื่อนเข้าไปมากขึ้นอีก เนื่องจากพลังงานสะสมใต้แผ่นดินดังกล่าวมีอยู่สูงมาก

สำหรับเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนกินบริเวณตั้งแต่ 1,000 - 2,000 ตารางไมล์ ตั้งแต่กรุงกาฐมาณฑุไปจนถึงเมืองโพคารา มีการสันนิษฐานโดยอ้างอิงข้อมูลจากสำนักวิจัยด้านธรณีวิทยาของสหรัฐฯ และมหาวิทยาลัยโคลัมเบียว่า แผ่นดินอินเดียได้เลื่อนเข้าไปใต้แผ่นดินเนปาลอีกประมาณ 1-10 ฟุต ในช่วงเวลาไม่กี่วินาที

ก่อนหน้านี้ งานวิจัยหลายชิ้นได้คาดการณ์ว่า เนปาลจะเผชิญกับเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรง ระดับ 8 แมกนิจูดขึ้นไป ซึ่งจะทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 20,000 ถึง 42,000 ราย และในอนาคต อาจจะมีแผ่นดินไหวรุนแรงเกิดขึ้นอีกหลายครั้งในภูมิภาคนี้

แผ่นดินอินเดียเลื่อนเข้าไปในเนปาลราว 1-10 ฟุต - VoiceTV

 

กรมทรัพยากรธรณี สั่งจับตา 10 รอยเลื่อนภาคเหนือ หลังแผ่นไหวใหญ่ในเนปาล
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 เมษายน 2558 13:35 น.



ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - กรมทรัพยากรธรณีสั่งเฝ้าระวัง 10 รอยเลื่อนภาคเหนือ พร้อมให้ความรู้และทำความเข้าใจประชาชน หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่เนปาล ระบุแผ่นดินไหวขนาดเล็กเกิดขึ้นเป็นประจำ

วันนี้(27 เม.ย.) นายทินกร ทาทอง ผู้อำนวยการสำนักงานธรณีเขต 1 (ลำปาง) รับผิดชอบพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ระบุว่า จากเหตุแผ่นดินไหวขนาดรุนแรงที่ประเทศเนปาล ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย อย่างไรก็ตามกรมทรัพยากรธรณี ได้สั่งการให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อความไม่ประมาท เนื่องจากภาคเหนือมีรอยเลื่อนที่มีพลังอยู่ 10 รอย จากทั้งหมด 14 รอยเลื่อนที่มีในประเทศไทย

สำหรับการเกิดแผ่นดินไหวในภาคเหนือนั้น หากขนาดเล็กกว่า 3 แมกนิจูด เกิดขึ้นบ่อยเป็นประจำ ขณะที่ขนาดที่มากกว่า 3 แมกนิจูด ซึ่งมีแรงสั่นสะเทือนทำให้รู้สึกได้นั้น เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เฉลี่ยประมาณ 3-4 เดือนต่อครั้ง โดยแผ่นดินไหวที่มีขนาดรุนแรงมากที่สุด คือ เหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.3 แมกนิจูด เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 57 จุดศูนย์กลางอยู่ที่อ.แม่ลาว จ.เชียงราย

ด้านสำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุสถิติการเกิดแผ่นดินไหวที่มีผลกระทบต่อประเทศไทยว่า ตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา ภาคเหนือเกิดแผ่นดินไหวที่มีผลกระทบหลายครั้ง โดยสถิติปี 2556 ได้แก่ ขนาด 3.4 ที่จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ขนาด 2.9 ที่อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ขนาด 3.1 ที่อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ขนาด 3.7 ที่จ.พะเยา เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ,ขนาด 2.4 ที่จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ขนาด 4.1 ที่อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 11 ต.ค.

ส่วนสถิติปี 2557 ได้แก่ ขนาด 6.3 ที่อ.แม่ลาว จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 พ.ค. นาด 3.6 ที่อ.นาน้อย จ.น่าน เมื่อวันที่ 24 พ.ค. และขนาด 3.6 ที่อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา เมื่อวันที่ 24 ต.ค.

ขณะที่สถิติปี 2558 ขนาด 2.8 ที่อ.เถิน จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ทั้งนี้เฉพาะเดือนเม.ย. เกิดแผ่นดินไหวขึ้นหลายครั้งในภาคเหนือ แต่เป็นขนาดเล็ก ไม่รู้สึก ล่าสุดขนาด 2.2 ที่อ.แม่ลาว จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 24 เม.ย. สำหรับการเกิดแผ่นดินไหวที่อ.แม่ลาว จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 57 นับเป็นแผ่นดินไหวขนาดรุนแรงที่สุดในประเทศไทย ที่ได้มีการบันทึกสถิติไว้ได้


http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000047902

 

วิเคราะห์แผ่นดินไหว‘เนปาล’มหันตภัยร้ายเกิดใน‘ไทย’ได้หรือ?
อาชญากรรม : ข่าวทั่วไป วันจันทร์ที่ 27 เมษายน 2558



วิเคราะห์แผ่นดินไหว‘เนปาล’มหันตภัยร้ายเกิดใน‘ไทย’ได้หรือ? : ทีมข่าวคม ชัด ลึก
เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.9 ที่ประเทศ "เนปาล" สร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินอย่างใหญ่หลวง เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.56 น. ในเช้าวันเสาร์ที่ 25 เมษายน โดยมีจุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหวที่ประมาณ 29 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองลัมจุง ประเทศเนปาล และมีศูนย์เกิดแผ่นดินไหวที่ระดับความลึกประมาณ 15 กิโลเมตร

ทั้งนี้ได้มีการบันทึกเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ไว้ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดของประเทศเนปาล นับตั้งแต่เหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเนปาล-รัฐพิหาร เมื่อ พ.ศ.2477 ที่พรากชีวิตผู้คนไปหลายหมื่นชีวิต

แผ่นดินไหวครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยกว่า 2,000 คน ได้รับบาดเจ็บกว่า 5,000 คน นอกจากนี้ ยังมีโบราณสถาน โบราณวัตถุเสียหายมากมาย โดยเฉพาะอาคารมรดกโลกของยูเนสโกที่มีอายุหลายศตวรรษในหุบเขากาฐมาณฑุพินาศลง รวมถึงในบางส่วนของจัตุรัสกาฐมาณฑุ ดูร์บาร์

จากเหตุวิปโยคดังกล่าวส่งผลให้นานาชาติยื่นมือเข้าช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก และไทยก็ถือเป็นหนึ่งในอีกหลายประเทศที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ และความช่วยเหลือด้านต่างๆ เข้าไปถึงเนปาลแล้วเช่นกัน

เหตุการณ์ครั้งนี้ ยังสร้างผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะข้อกังวลในเรื่องแผ่นเปลือกโลกต่างๆ ในชั้นใต้ดินจะเกิดผลกระทบอย่างไรจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้

"ประเทศไทยจะเกิดแผ่นดินไหวแบบนี้ได้หรือไม่" และหากเกิดขึ้นจริงจะเป็นอย่างไร

ก่อนหน้านี้ "รศ.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์" ผู้เชี่ยวชาญแผ่นดินไหวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในประเทศเนปาล อาจจะมีจุดศูนย์กลางห่างจากประเทศไทย แต่เกรงว่าแผ่นเปลือกโลกของเนปาลอาจส่งผลกระทบกับพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย เพราะประเทศไทยมีความสัมพันธ์ในระดับหนึ่งกับการเคลื่อนที่ของรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกบริเวณนี้เช่นเดียวกัน บริเวณหิมาลัยการเคลื่อนตัวทางด้านขวามีสิทธิ์ที่จะมาสัมพันธ์ และต่อเนื่องกับบริเวณทางเหนือของไทย แต่ ณ ขณะนี้คาดว่าจะยังไม่มีผลกระทบกับไทย

เกี่ยวกับข้อกังวลแผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นในไทยได้หรือไม่นั้น "ดร.ไพโรจน์ ฉัตรอนันทเวช" ศูนย์ภัยพิบัติสถาบันนิด้า ได้โพสต์ข้อความอธิบายถึงลักษณะภูมิศาสตร์ของไทย และเนปาลในเฟซบุ๊ก วิทยาศาสตร์ทันโลก และภัยพิบัติในไทยว่า ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของไทยเรานั้นต่างจากเขามากมายนัก ซึ่งเนปาลนั้นดันไปตั้งประเทศอยู่ตีนเขาหิมาลายาแบบเน้นๆ ซึ่งแถวนั้นเป็นภูเขาสูงสุดในโลก เป็นแถบยาว (รูป 3) เพราะอะไร เพราะมีแผ่นเปลือกโลก 2 แผ่นชนกัน โดยแผ่นทวีปอินเดีย มุดเข้าอย่างจังใต้แผ่นยูเรเซียประมาณ 2-3 นิ้วต่อปี (รูป 1-3) แผ่นหินที่ติดหนึบกันจากการมุด จึงผ่อนความเครียดออกมาเป็นระยะๆ เป็นแผ่นดินไหวตามจุดต่างๆ...เหมือนอย่างที่เกาะสุมาตราของอินโดเกิดแผ่นดินไหวระดับ 6.5-8.0 เป็นว่าเล่น เพราะกระบวนการคล้ายกัน (แต่ระดับที่จะทำให้เกิดสึนามิขนาดใหญ่มาไทยและสเกลระยะขนาดใหญ่นั้น ราวๆ ทุกๆ 400-500 ปี ประวัติศาสตร์ไทยจึงไม่ทันได้บันทึกเหตุการณ์ก่อนหน้านี้)

ครั้งก่อนหน้าที่ไหวขนาดใหญ่ที่เนปาล คือ 81 ปีก่อน ขนาด 8.0 ที่คนตายไป 3 หมื่นกว่าคน...นอกจากนี้ยังมี ปี คศ.1408, 1681 และ 1810 ที่ไหวแรงแต่ข้อมูลบันทึกไว้น้อย ..... ตรงกันข้าม ประเทศไทย ภาคกลางลงมานั้น อยู่ในที่ลุ่ม แบบรอบแม่น้ำ แบบเดลต้าขนาดเล็ก ผืนดินทับถมด้วยตะกอนแม่น้ำ...ส่วนเรื่องที่กลัวกันว่า แผ่นดินไหวที่ จ.กาญจนบุรี แล้วแรงสะเทือนจะทำให้ตึกที่ กทม.สั่นไหว ล้มลงมาหรือไม่นั้น ก็ต้องใช้นักวิจัยและวิศวกรไทยวิจัยกันต่อไปอย่างละเอียด แต่อย่างที่ผมเคยเขียนไปครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มันไม่น่าจะเกิดรุนแรงแบบที่เม็กซิโก ซิตี้อย่างที่หลายคนหวาดกลัวกันนะ ดินเหนียว กทม. ต่างกับดินที่เมืองนั้นอยู่นัก (ซึ่งมีต้นตอมาจากขี้เถ้าภูเขาไฟที่มอด และอมน้ำ ขาดการระบายน้ำจากพื้นที่ที่เป็นแอ่งทะเลสาบ) และระยะจากแผ่นดินไหวก็ยังไกลกว่าใน กทม. .... แต่อย่างที่ว่า วิจัยกันต่อไป

ไทยเรา จะมีภัยแผ่นดินไหว ก็แถว จ.เชียงราย จ.กาญจนบุรี ใกล้พม่านั้น น่าจะจับตามอง แต่โดยรวมก็ยังเล็กกว่าพวกที่เนปาลนัก และครั้งสุดท้ายที่ผ่านมาใน จ.เชียงราย ก็เป็นเหตุการณ์ในระดับที่รุนแรงมากสุดในภูมิภาค...ภาคกลาง รวมทั้ง กทม.เรา ภาคอีสาน ภาคใต้ ตะวันออก เราไม่ได้อยู่ใกล้บริเวณแผ่นเปลือกโลกขนาดใหญ่มาชนกัน จะมีก็รอย fault รอยแตกที่เล็กกว่า จึงไม่จำเป็นจะต้องกลัว หวาดระแวง (บวกกับมีเพจที่ปั่นกระแสให้คนไทยกลัวยิ่งขึ้นเพื่อขายของ ขายนู่นนี่ กุว่าโลกจะแตก ฯลฯ)

...ทุกคนควรใช้ชีวิตเช่นดังเดิม และแถว จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ ก็เตรียมพร้อมเสมอ แต่ไม่ใช่หวาดกลัวตลอดเวลานะครับ...ขอให้ใช้ชีวิตอย่างสงบ

สอดคล้องกับ "บุรินทร์ เวชบรรเทิง" รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ยืนยันว่า แผ่นดินไหวใหญ่ที่ประเทศเนปาลจะไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทยอย่างแน่นอน เพราะเนปาลและไทยมีระยะทางที่ห่างไกลกันมาก แต่ในเนปาลมีโอกาสเกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 6.5-7 ภายใน 2-3 เดือนนี้ ส่วนประเทศไทยคงไม่มีอะไรที่น่าห่วง

 

Vda Nong



26 /4 /58 : ใช่ 29 พ.ค. 58 ป่าวนะ
ศาสตร์แห่งโหร"นอสตราดามุสเมืองไทย"ทำนายพฤษภา′58 "ไทยเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่"
จากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 25 เมษายน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงถึง 7.9 ตามมาตราริกเตอร์ ในเนปาลซึ่งส่งแรงสั่นสะเทือนไปถึงประเทศข้างเคียง ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 1,900 กว่ารายแล้ว
ขณะที่หอคอยดาราฮาราใจกลางกรุงกาฐมาณฑุ ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ก็พังถล่มลงมา ทั้งยังมีรายงานหิมะถล่มบนยอดเขาเอเวอเรสต์ ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก จนทำให้มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตหลายรายด้วย
แผ่นดินไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาราว 13.11 น. ของวันที่ 25 เมษายนตามเวลาในไทย หรือราวเที่ยงวันตามเวลาในเนปาล โดยศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมืองโพครา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ลำดับ 2 ของประเทศไปทางตะวันออกราว 80 กิโลเมตร เนื่องจากศูนย์กลางของแผ่นดินไหวไม่ได้อยู่ในระดับที่ลึกนัก จึงทำให้ระดับพลังงานที่ถูกส่งออกมามีความรุนแรงมาก แผ่นดินไหวครั้งนี้ถือว่าเลวร้ายที่สุดในรอบ 81 ปีของเนปาล หลายฝ่ายต่างระดมความช่วยเหลือเข้าไปยังประเทศเนปาล
ในขณะที่ เมื่อพลิกไปดู หนังสือศาสตร์แห่งโหร ประจำปี 2558 นายโสรัจจะ นวลอยู่ หมอดูชื่อดัง เจ้าของฉายา นอสตราดามุส เมืองไทย ได้ทำนายดวงชะตาบ้านเมือง ประเทศข้างเคียง ตลอดจนสถานการณ์โลก ในเดือนพฤษภาคม 2558 ไว้ตอนหนึ่ง ในหน้า80 ว่า
"จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย แผ่นดินไหวครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นทางภาคเหนือ โดยจะเกิดต่อเนื่องในหล่ายๆครั้ง และแต่ละครั้งจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ๆ รวมทั้งตึกรามบ้านช่องจะถล่มทลาย ชีวิตผู้คนต้องปลิดปลงเหมือนใบไม้ร่วง เศรษฐกิจถดถอย หุ้นตกดิ่งลงเหว ชาวนา กรรมกรมีหนี้สินเป็นจำนวนมาก มีคนอดอยากล้มตาย เกิดโรคระบาดและภาวะขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค โจรผู้ร้ายชุกชุม"

 

Mahanthanut Vithitdhiranun



26/04/15
หินภูเขาถล่มปิดทับเส้นทางเข้าเที่ยวชม “ถ้ำพระยานคร” แหล่งท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด
ประจวบคีรีขันธ์ - เกิดพายุฤดูร้อนฝนตกหนัก และลมกระโชกแรง ส่งผลให้หินบนภูเขาเทียน ถล่มปิดทับเส้นทางที่นักท่องเที่ยวใช้ข้ามเพื่อเดินทางขึ้นไปท่องเที่ยวที่หาดแหลมศาลา และถ้ำพระยานคร แหล่งท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด “ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี” สั่งปิดห้ามนักท่องเที่ยวใช้เส้นทางดังกล่าวเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัย และให้ใช้เส้นทางทางเรือแทน พร้อมเตรียมประสานสำนักธรณีวิทยาจากราชบุรี เข้ามาตรวจสอบในสัปดาห์หน้าว่า สภาพโอกาสที่จะเกิดหินถล่มลงมาซ้ำอีกมีมากน้อยขนาดไหน
วันนี้ (26 เม.ย.) นายสรัชชา สุริยกุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี นายวัฒนา พรประเสริฐ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติฯ พร้อมด้วย นายรุ่งโรจน์ อัศวกุลธารินท์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด นางพงษ์ธร พร้อมขุนทด ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานฯ สามร้อยยอด ได้เดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับรายงานจากอุทยานเขาสามร้อยยอด ว่า เกิดหินบนภูเขาเทียน ถล่มปิดขวางทางเดินเท้าที่จะข้ามไปทางเดินขึ้นถ้ำพระยานคร
โดยจุดที่เกิดหินถล่ม เป็นภูเขาเทียน ซึ่งเป็นเส้นทางที่นักท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ใช้เดินทางเพื่อข้ามไปยังหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ (หาดแหลมศาลา) เพื่อที่จะไปท่องเที่ยวพักผ่อนยังชายหาดแหลมศาลา และเดินขึ้นไปชมถ้ำพระยานคร แหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ที่พังทลายกลิ้งลงมาปิดกีดขวางเส้นทาง โดยเจ้าหน้าที่อุทยานฯ สามร้อยยอด ได้รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้เกิดพายุฝนและลมกระโชกแรง ซึ่งเป็นกรณีการเกิดพายุฤดูร้อนตามที่มีประกาศแจ้งเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา ตลอดทั้งคืน จนกระทั่งเช้าจึงพบหินถล่มลงมาปิดเส้นทาง ซึ่งที่ผ่านมา ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้มาก่อน โดยทั้งภูเขาเทียน และภูเขาลูกอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาหินปูน
ต่อมา นายสรัชชา สุริยกุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำป้านติดห้ามนักท่องเที่ยวใช้เส้นทางดังกล่าวข้ามไปฝั่งหาดแหลมศาลา ที่จะขึ้นไปยังถ้ำพระยานคร เป็นการชั่วคราว เนื่องจากหวั่นเกรงว่าหากเปิดให้นักท่องเที่ยวใช้เส้นทางดังกล่าวจะเกิดอันตรายหินบนภูเขาถล่มเกิดขึ้นอีกได้ และจะได้แจ้งไปยังสำนักงานธรณีวิทยาที่ จ.ราชบุรี ให้เดินทางมาตรวจสอบสภาพภูเขาเทียน และหินด้านบนว่า มีความปลอดภัยมากน้อยขนาดไหน และหินบนภูเขาเทียนจะมีโอกาสถล่มลงมาอีกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นับว่าเป็นความโชคดีที่หินถล่มลงมาในช่วงกลางคืน เพราะหากเกิดถล่มลงมาในช่วงกลางวันซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวใช้เส้นทางดังกล่าวจำนวนมาก
ขณะที่ นายวัฒนา พรประเสริฐ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ได้ประชุมร่วมกับ นายรุ่งโรจน์ อัศวกุลธารินท์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด พร้อมทำป้ายให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางข้ามไปยังหาดแหลมศาลา เพื่อขึ้นไปถ้ำพระยานคร ให้ใช้วิธีการนั่งเรือที่หาดบางปูแทน
ขณะเดียวกัน ในส่วนของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ สามร้อยยอด ที่ต้องข้ามไปทำงานฝั่งหาดแหลมศาลานั้น หากจะใช้เส้นทางดังกล่าวก็ต้องใช้เวลานำหินบางส่วนออก และสร้างเส้นทางสำรองชั่วคราวในเบื้องต้น แต่ห้ามนักท่องเที่ยวใช้เส้นทางบนจุดที่หินถล่มลงมาเด็ดขาด
ส่วนเจ้าหน้าที่อุทยานฯ สามร้อยยอด ให้เฝ้าระวัง และคอยสังเกตการณ์ หากพบมีฝนตกหนักในช่วงนี้ต้องคอยตรวจสอบว่า จะมีหินขนาดใหญ่จาบนภูเขาเทียนพังทลายลงมาอีกหรือไม่ และต้องแจ้งให้ทางสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ทราบทันที
หินภูเขาถล่มปิดทับเส้นทางเข้าเที่ยวชม “ถ้ำพระยานคร” แหล่งท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด

 

Vda Nong



26 /4 /58
สำนักธรณีวิทยาฯ ยันไทยไม่เกิดแผ่นดินไหว รุนแรงเหมือนเนปาล
กรุงเทพฯ 26 เม.ย.-ผอ.สำนักธรณีวิทยา ยืนยันไทยไม่สามารถเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเหมือนเนปาล เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่เปลือกโลกอ่อน และไม่ได้อยู่ในแนวมุดตัว พร้อมเฝ้าระวังอาฟเตอร์ช็อกที่อาจส่งผลกระทบต่อ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี อีก 15 วัน
นายสมบุญ โฆษิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยถึงกรณีเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศเนปาลว่า สาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในเนปาลครั้งนี้ เป็นการมุดตัวของเปลือกโลก ซึ่งอดีต 40 ล้านปีที่ผ่านมาเคยชนกันจนยกตัวขึ้นเป็นเทือกเขาหิมาลัย และในปัจจุบันยังคงมีการมุดตัวหากัน ซึ่งการเกิดแผ่นดินไหวในลักษณะนี้ทำให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงถึงขนาด 9 ตามมาตราริกเตอร์ได้
ประเทศไทยนั้นไม่สามารถเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเหมือนเนปาลได้ เนื่องจากไม่ได้ดูในแนวมุดตัวแบบตรงๆ เหมือนเนปาล แต่เป็นรอยเลื่อนแบบสวนทางกัน อีกทั้งที่ตั้งของไทยยังอยู่ในส่วนที่เปลือกโลกบาง มีการเคลื่อนตัวบ่อย ซึ่งจากสถิติทางธรณีวิทยาพบว่ามีการเคลื่อนตัวทุกๆ 10 ปี แต่ถ้าแยกตามรอยเลื่อนจะสลับกันทุกๆ 20 ปี จึงทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดเกิน 4 ทุกๆ 10 ปี ส่วนเนปาลอยู่ในส่วนที่เปลือกโลกแข็ง ใช้เวลานานในการเคลื่อนตัว ซึ่งจากสถิติพบว่าจะมีการเคลื่อนตัวทุกๆ 80 ปี จึงเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสำนักธรณีวิทยาและสิ่งแวดล้อมยังคงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ต่อเนื่องอย่างน้อย 15 วัน เพื่อสังเกตอาฟเตอร์ช็อกที่อาจส่งผลกระทบต่อจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี แต่จะไม่รุนแรง

 

ปอกเปลือก ทรราช
จีนส่งมอบเครื่องบินรบ JF-17 Thunder จำนวน 110 ลำให้ปากีสถาน



---------------
เมื่อวันที่ 25 เม.ย.58 ที่ผ่านมา sputnik news อ้างจากหนังสือพิมพ์ Express Tribute ของปากีสถาน (บริษัทในเครือของ New York Times ของสหรัฐฯ) ว่า นับตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมาปากีสถานได้รับเครื่องบินรบรุ่น JF-17 จากจีนแล้วทั้งสิ้นจำนวน 60 ลำ และจีนจะส่งมอบให้ปากีสถานอีกจำนวน 50 ลำภายใน 3 ปี JF-17 ชื่ออย่างเป็นทางการก็คือ "PAC JF-17 Thunder" หรือ " CAC FC-1 Xiaolong (Fierce Dragon - มังกรระห่ำ)" สำหรับ "JF-17" นี้ทางปากีสถานย่อมาจาก "Joint Fighter-17" ส่วน "FC-1 Xiaolong" ตามชื่อที่จีนตั้งให้นั้นย่อมาจาก "Fighter China-1 Fierce Dragon" (จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับ F-16 ของสหรัฐฯ แต่เมื่อเทียบศักยภาพระหว่าง JF-17 กับ F-16 แล้ว แม้ว่า JF-17 จะพัฒนาทีหลังแต่ยังตามหลัง F-16 ของสหรัฐฯในหลายด้าน ตอนนี้จีนกำลังพัฒนา JF-17 block ที่ 3)
JF-17 Thunder (เรียกชื่อตามปากีสถาน) รุ่นนี้พัฒนาขึ้นที่จีนในการร่วมทุนกันระหว่างบริษัท Pakistan Aeronautical Complex (PAC) ของปากีสถานกับบริษัท Chengdu Aircraft Corporation (CAC) ของจีน เป็นเครื่องบินรบจู่โจมแบบ multi-role combat aircraft ใช้ในการลาดตระเวนทางอากาศ โจมตีภาคพื้นดิน และเข้าสกัดกั้นเครื่องบินรบของประเทศอื่น JF-17 Thunder เป็นเครื่องบินรบขนาดกลางเครื่องยนต์เดี่ยว ที่นั่งเดียว ออกบินครั้งแรกเมื่อ 25 สิงหาคม 2546 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อ 12 มีนาคม 2550 ราคาอยู่ระหว่าง $30-$32 million (ประมาณ 1 พันกว่าล้านบาท) ต่อลำ
ทางอินเดียออกมาแสดงความคิดเห็นว่า ปากีสถานต้องการเครื่องบินรบมากกว่านี้อีก เพื่อใช้สำหรับต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธตาลีบัน แหนะ... มีแขวะกันด้วย ก็เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าอินเดียกับปากีสถานนั้นระหองระแหงกันเรื่องพรหมแดนเรื่อยมา ในความร่วมมือทางกองทัพและการพัฒนาด้านอาวุธนั้นอินเดียจับมือกับรัสเซีย ในขณะที่ปากีสถานจับมือกับจีน จีนกับรัสเซียนั้นก็เป็นพันธมิตรที่ซี้ปึ๊กกันมาก อินเดียกำลังก้าวขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งมหาอำนาจในแถบเอเซียและในเวทีโลก ในหลายมิตินั้นทั้งจีน รัสเซีย และอินเดียต่างก็เป็นพันธมิตรร่วมกัน โดยจะเห็นได้จากการร่วมทุนกันในการก่อตั้งธนาคาร BRICS และ AIIB ได้เป็นอย่างดี
ช่วงที่สหรัฐฯทำสงครามกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายตาลีบันในอัฟกานิสถานโดยอ้างว่าเพื่่อเป็นการล้างแค้นเหตุการณ์ 9/11 โดยยกกองทัพของตนและพันธมิตรนาโต้ไปตั้งไว้ในอัฟกานิสถานประมาณ 13 ปี พึ่งถอนทัพออกมาปลายปีที่แล้ว แต่ทหารบางส่วนของสหรัฐฯยังประจำการอยู่ที่นั่น (เพื่อดูแลธุรกิจฝิ่นและเฮโรอีนมั๊ง?) สหรัฐฯอยากจะได้ปากีสถานมาเป็นเมืองขึ้นกรายๆคล้ายกับอัฟกานิสถาน เนื่องจากทำเลดีกว่าอัฟกานิสถาน เพราะปากีสถานมีพื้นที่บางส่วนอยู่ติดกับทะเลในขณะที่อัฟกานิสถานนั้นไม่มี แต่ด้วยความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างจีนกับปากีสถานจึงไม่สามารถทำให้สหรัฐฯควบคุมรัฐบาลปากีสถานได้อย่างเบ็ดเสร็จนัก
ในการลงนามร่วมกับพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดิฯเพื่อโจมตีเยเมนนั้น ปากีสถานก็ลงนามร่วมด้วยเพราะขัดไม่ได้ แต่เมื่อถูกซาอุดิฯเรียกร้องให้ส่งทหารเข้าร่วมถล่มเยเมน โดยทหารของซาอุดิฯไม่บุกเองแต่จะคุมเชิงอยู่ด้านนอก ปากีสถานก็รู้ทันจึงแกล้งทำเป็นอิดออดไม่อยากส่งทหารของตัวเองไปตายฟรีเพื่อซาอุดิฯกับสหรัฐฯ
อีกอย่างก่อนหน้านี้ปากีสถานได้ออกมาเรียกร้องให้ทางรัสเซียมีบทบาทมากกว่าเดิมในเวทีโลกด้วย เพื่อถ่วงดุลอำนาจของสหรัฐฯและพันธมิตรในยุโรป ซึ่งรัสเซียก็ทำได้ดีโดยใช้วิธีทางการทูตและการเมืองเข้าแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในเวทีนานาชาติแทนการใช้กำลังอย่างมหาอำนาจบางประเทศ เชื่อว่าสาเหตุหนึ่งที่ปากีสถานไม่เข้าร่วมโจมตีเยเมนกับซาอุดิฯด้วยนั้นก็คงจะเกรงใจจีนหรืออาจจะได้รับการร้องขอหรือเตือนจากจีนเพื่อไม่ให้เข้าร่วมในสงครามดังกล่าวก็ได้ เพราะว่าหากทำอย่างนั้น ก็เท่ากับเป็นการเพิ่มศัตรูให้กับตัวเองโดยไม่จำเป็น สุดท้ายก็เป็นอย่างที่รัสเซียคาดไว้คือปากีสถานไม่เอาด้วยกับซาอุดิฯ สงครามใหญ่จึงยุติลง
เมื่อวันที่ 20 เม.ย.58 ที่ผ่านมาปธน.สี จิ้นผิงของจีนเดินทางไปพบผู้นำของปากีสถานที่ประเทศปากีสถานด้วยตัวเองเป็นเวลา 2 วัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงุทน การที่ผู้นำของจีนเดินทางไปพบผู้นำของปากีสถานในครั้งนี้ไม่ได้ไปมือเปล่า แต่หอบเอาเงินจำนวน $46 billion (ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท) ไปร่วมลงทุนด้วย โดยทั้งสองประเทศได้ประกาศความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจร่วมกันภายใต้โครงการ China-Pakistan Economic Corridor (CPEC) การลงทุนในโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานในปากีสถานนี้ประกอบด้วย การสร้างเครือข่ายด้านการคมนาคมเช่น ถนน เส้นทางรถไฟ และด้านพลังงาน ซึ่งจะเชื่อมโยงท่าเรือน้ำลึกที่เมือง Gwadar ของปากีสถานในทะเลอาระเบียนเข้ากับเขตปกครองซินเจียง (Xinjiang) ทางตะวันตกไกลของจีน และการลงทุนในโครงการอื่นๆอีกมากมาย ก็ไม่เห็นว่าทางปากีสถานจะออกมาแสดงความกังวลว่าจะถูกจีนยึดครอง เหมือนกับคนไทยบางคนพากันออกมาปล่อยข่าวว่าจีนจะยึดครองไทยกรณีที่จีน (และญี่ปุ่น) ได้โครงการสร้างรถไฟทางคู่ของไทยไปเลย
The Eyes
27/04/2558
-----------
Best Friends Forever: Pakistan to Receive 110 Fighter Jets From China / Sputnik International
Chinese President Is Due in Pakistan, Ready to Invest $46 Bln / Sputnik International
CAC/PAC JF-17 Thunder - Wikipedia, the free encyclopedia
The Express Tribune - Latest Breaking Pakistan News, Business, Life, Style, Cricket, Videos, Comments
Chinese President Is Due in Pakistan, Ready to Invest $46 Bln / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช



ฝรั่งเศสยอมจ่ายเงินค่าจ้างต่อเรือบรรทุกเฮลิค็อปเตอร์คืนให้รัสเซีย 1.1 พันล้านยูโร แต่จะเอาไปขายต่อให้นาโต้
---------------
หลังจากที่ฝรั่งเศสผลัดแล้วผลัดอีก หาข้ออ้างสาระพัดที่จะไม่ส่งมอบเรือรบบรรทุกเฮลิค็อปเตอร์และรถถัง รุ่น Mistral จำนวน 2 ลำให้รัสเซียซักที แม้ว่าจะสร้างเสร็จแล้ว และแม้ว่าถูกรัสเซียขู่ว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีเรียกร้องค่าเสียหายจากฝรั่งเศสก็ตาม ล่าสุดมีข่าวจากแหล่งข่าวภายในของรัฐบาลฝรั่งเศสว่า ฝรั่งเศสเตรียมจ่ายเงินค่าจ้างต่อเรือ Mistral คืนให้รัสเซียหากฝรั่งเศสไม่สามารถส่งมอบเรือดังกล่าวให้รัสเซียได้ โดยจะจ่ายเป็นค่าเสียหายคืนให้รัสเซียจำนวน €800 million และค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก €300 million รวม €1.1 billion (ประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท)
ทางกรุงปารีสคาดหวังว่าจะจ่ายชดเชยค่าเสียหายให้รัสเซียจากเงินจำนวน €2 billion (ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท) ที่จะได้จากค่าขายเฮลิค็อปเตอร์ของฝรั่งเศสให้กับโปแลนด์ การตัดสินใจว่าจะจ่ายชดเชยค่าเรือ Mistral ให้รัสเซียนั้นยังไม่ได้รับข้อยุติ อย่างไรก็ตามฝรั่งเศสและรัสเซียจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 เดือนเพื่อกำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจนเกี่ยวกับการยกเลิกสัญญาสื่อเรือรบดังกล่าว สื่อฯฝรั่งเศสรายงานว่ารัสเซียจะให้สิทธิ์ในการขายเรือ Mistral แก่ฝรั่งเศส เนื่องจากว่าตอนนี้มีชาติสมาชิกนาโต้บางประเทศเริ่มสนใจเรือ Mistral บ้างแล้ว
ทำการค้าหรือทำสัญญาใดๆกับฝรั่งเศสนี่จะต้องรอบครอบและระวังตัวให้มากที่สุด เพราะไม่รู้ว่าพี่แกจะตุกติกหรือลูกไม้อะไรบ้าง ขนาดรัสเซียจ่ายเงินค่าต่อเรือล่วงหน้าให้แล้ว ส่งอาวุธไปทดลองติดตั้งบนเรือเรียบร้อยแล้วด้วย จู่ๆฝรั่งเศสก็บอกว่าเสียดาย ไม่อยากยกให้รัสเซียแล้ว อีกทั้งถ้าเอาไปขายต่อให้เจ้าอื่นอาจจะทำกำไรได้มากกว่่่าที่ตกลงกันไว้กับรัสเซียก็ได้ กรรม!
The Eyes
27/04/2558
-----------
http://rt.com/news/253161-france-russia-mistral-ships/
The Mistral-Class Helicopter Carrier / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
ข่าวนี้ต้องขยาย!... ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Princeton : สหรัฐฯไม่ได้เป็นประชาธิปไตยอีกต่อไป



--------------
เพื่อเป็นการต้อนรับแฟนเพจหน้าใหม่โปรอเมริกาและหน้าเก่าที่แอบส่องเพจนี้อยู่ ก็จะนำเสนอข่าวเกี่ยวกับสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้นซักหน่อย หวังว่าแฟนคลับปูตินหรือคอรัสเซียคงจะไม่น้อยใจนะครับ เดี๋ยวจะคอยแทรกข่าวเกี่ยวกับรัสเซียให้เป็นระยะ เดี๋ยวจะหาว่าเพจเราไม่ยุติธรรม เสนอแต่ข่าวรัสเซีย อันที่จริงเราก็เสนอข่าวเกี่ยวกับอเมริกาให้อยู่บ่อยๆนะ หลายข่าวด้วย เจ๋งๆ ทั้งนั้นเช่น ตำรวจผิวขาวยิงคนผิวดำไม่มีอาวุธตายอย่างนี้ ตำรวจอเมริกันอุ้มฆ่าชายผิวดำอย่างนี้ ประท้วงวุ่นวายในอเมริกาอย่างนี้ อเมริกาอยู่เบื้องหลังการเมืองยูเครนอย่างนี้ ฯลฯ วันนี้บังเอิญไปเจอข่าวนี้มาจากสื่อฯฝั่งรัสเซียพอดี เห็นว่าน่าสนใจ ครั้งจะเอามาเล่าจากแหล่งเดียวโดยไม่ตรวจสอบข้อมูลก็กระไรอยู่ จึงลองหาข่าวเดียวกันจากแหล่งอื่นดูบ้างก็พบ และยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า อึ่ม!… เป็นอย่างที่สื่อฯรัสเซียว่ามาจริงๆ ก็ยังไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ อยากได้จากแหล่งข่าวต้นฉบับจริงๆ ซึ่งก็คือมหาวิทยาลัย ปริ้นเซตัน (University of Princeton) รัฐนิวเจอร์ซี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา จนพบต้นฉบับสามารถนำมาอ้างอิงได้เป็นไฟล์ pdf ตามลิงค์ที่ให้ไว้ข่างล่างนั้น หวังว่าเมื่ออ่านข่าวนี้แล้วคงถูกใจเหล่าขอโปรอเมริกาทั้งหลายนะครับ
เข้าสู่ข่าวหละนะ... "การศึกษาเมื่อเร็วๆนี้จากมหาวิทยาลัยปริ้นเซตันของสหรัฐฯปรากฎผลที่น่าตลึงงึงงันมาก : สหรัฐไม่ได้เป็นประชาธิปไตยอีกต่อไป เพราะว่าการตัดสินใจทางการเมืองนั้นไม่ได้ยึดผลประโยชน์ของประชาชนพลเมืองเป็นหลัก แต่เป็นการตอบสนองต่อผลโยชน์ของกลุ่มอีลิททางเศรษฐกิจเพียงไม่กี่คน" นั่น… สื่อฯรัสเซียเขาพาดหัวข่าวย่อยว่าอย่างนั้น
การค้นพบจากการวิจัยค้นคว้าของมหาวิทยาลัย Princeton ของสหรัฐฯแสดงให้เห็นว่า พวกอีลีททางเศรษฐกิจ (economic elites) และกลุ่มองค์กรจัดตั้ง (organized groups) ได้มีอิทธิพลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ในขณะที่กลุ่มต่างๆที่เป็นตัวแทนด้านผลประโยชน์ของชาวอเมริกันส่วนใหญ่รวมทั้งพลเมืองทั่วไปมีอิทธิพลเพียงน้อยนิดหรือแทบจะไม่มีอิทธิพลในทางการเมืองเลย
บทสรุปของงานวิจัยดังกล่าวพบว่าสังคมสหรัฐอยู่ห่างไกลจากความเป็นสังคมประชาธิปไตย เนื่องจากคนอเมริกันส่วนใหญ่มีโอกาสเพียงน้อยนิดตามปรกติที่จะมีอิทธิพลในนโยบายต่างๆที่กำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ
งานวิจัยกล่าวว่า "เมื่อพลเมืองส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับพวกอีลีททางเศรษฐกิจ และ/หรือไม่เห็นด้วยกับกลุ่มผลประโยชน์จัดตั้ง พวกเขาก็จะสูญเสีย (ผลประโยชน์) ไปเป็นธรรมดา ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากสถานะที่เข้มแข็งของพวกอคติเดิมที่สร้างขึ้นในระบบการเมืองของสหรัฐฯ แม้ว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่จะสนับสนุนด้านการเปลี่ยนแปลงนโยบายก็ตาม แต่โดยทั่วไปแล้วชาวอเมริกันส่วนใหญ่เหล่านั้นก็จะไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอยู่ดี"
งานวิจัยดังกล่าวยังให้ความสนใจเกี่ยวกับนโยบายด้านต่างประเทศอีกด้วย ในกรณีของความขัดแย้งทางกองทัพหรือการเผชิญหน้าทางการเมืองกับรัสเซียนั้น รัฐบาลสหรัฐฯไม่ได้เป็นตัวแทนแสดงออกถึงผลประโยชน์ของชาวอเมริกันเลย แต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มอีลีททางธุรกิจและการเมือง (business and political elites)
หนังสือพิมพ์ Deutsche Wirtschafts Nachrichten ของเยอรมันกล่าวว่า เหล่านักการเมืองชาวตะวันตกและผู้เชี่ยวชาญหลายคนแย้งว่าพวกที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายของสหรัฐฯนั้นเป็นพวกทรยศต่อระบอบประชาธิปไตยที่เก่าแก่และสะเทือนเลื่อนลั่นที่สุดในโลก (the oldest and most vibrant democracies in the world) (นั่น!… ประชาธิปไตย แต่วิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ ฮ่าๆๆ!)
สื่อฯรัสเซียตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อมหาวิทยาลัยเอกชนที่ได้รับการยอมรับและจัดอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของคนร่ำรวยมหาเศรษฐีและผู้มีฐานะทางสังคมของสหรัฐฯสรุปผลของการวิจัยออกมาเป็นที่น่าตะลึงอย่างนี้ ก็เป็นเหตุผลให้ต้องกลับมาคิดทบทวนใหม่ว่า แนวคิด (ในเรื่องประชาธิปไตย) ที่มีอยู่นั้น และประชาชนได้รับคุณค่าที่แท้จริงของระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตกหรือไม่
งานวิจัยของมหาวิทยาลัย Princeton ได้สรุปเอาไว้ว่า "ชาวอเมริกันนั้นพึงพอใจกับคุณสมบัติต่างๆที่เป็นศูนย์กลางของการปกครองในระบอบประชาธิไตย เช่น การเลือกตั้งทั่วไป เสรีภาพในการพูดและการสมาคม และแฟนไชน์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย (หากยังมีการประกวดแข่งขันกัน) แต่พวกเราเชื่อว่า หากการกำหนดนโยบายถูกครอบงำโดยองค์กรต่างๆทางด้านธุรกิจที่ทรงพลังและโดยชาวอเมริกันส่วนน้อยที่ร่ำรวย ดังนั้นการออกมาเรียกร้องของชาวอเมริกันเพื่อให้เป็นสังคมประชาธิปไตยนั้นกำลังถูกคุกคามอย่างแท้จริง"
นี่แปลให้แบบบรรทัดต่อบรรทัด คำต่อคำเลยนะนี่ ไม่มีการดัดแปลงหรือบิดเบือนเนื้อหาใดๆโดยทั้งสิ้น (เพิ่มสำนวนให้นิดหน่อย) ที่น่าสนใจก็คือตัวงานวิจัยต้นฉบับนั่นครับ ยาวประมาณ 16 หน้า น่าอ่านน่าศึกษามาก งานวิจัยดังกล่าวตีพิมพ์ในนิตยสาร "Perspectives on Politics" ของสมาคมวิทยาศาสตร์การเมืองอเมริกัน (American Political Science Association) Vol. 12/No.3 เดือนกันยายนปี 2557 โดยศาสตราจารย์ Martin Gilens จากม. Princeton University และศาสตราจารย์ Benjamin I Page จากม. Northwestern University
ป.ล. ขออธิบายคำว่า "Elites" หน่อยนะครับ เนื่องจากพักหลังนี้ดูเหมือนจะมีการนำคำนี้มาใช้ในทางการเมืองตามบทความต่างๆอยู่บ่อยครั้ง บางครั้งก็ไม่ค่อยได้ให้คำจำกัดความที่ชัดเจนเอาไว้ เนื่องจากความหมายของคำนี้กินขอบเขตกว้างมาก ขึ้นอยู่กับบริบทที่นำมาใช้ บ่อยครั้งพบว่ามีการนำมาใช้แบบคลุมเครือ อึมครึม เฉียดสถาบันฯ เพื่อเป็นเครื่องมือของนักการเมืองและผู้ไม่ประสงค์ดีบางกลุ่มทำให้สังคมเกิดความสับสนได้ง่าย พอใช้บ่อยๆคนทั่วไปที่ไม่ศึกษาประวัติศาสตร์ด้านการเมืองมากนักหรือมีพื้นฐานเกี่ยวกับความหมายของคำนี้ไม่ดีพอ ก็จะชวนให้เข้าใจว่าหมายถึงเพียงเป็นกลุ่มชั้นสูงมีฐานันดรทางสังคมหรือบางคนไปไกลถึงว่าหมายถึงเจ้าไปโน่น คำว่า "elite/elites" เป็นคำกลางๆ หมายถึง บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่จัดอยู่ในระดับหัวกะทิ เป็นคนชั้นยอดเยี่ยม ผ่านการคัดสรรมาแล้วว่ามีความสามารถเหนือกว่าบุคคลอื่นในด้านความสามารถและความคิด คำนี้สามารถใช้ได้กับทุกวงการ ความหมายโดยทั่วไปก็ประมาณนี้ พอถูกนำมาใช้ในทางการเมืองการปกครอง หรือทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ก็จะหมายถึงกลุ่มชนชั้นนำ กลุ่มอิิทธิพลทางธุรกิจขนาดใหญ่ รวมถึงพวกมหาเศรษฐีและนักธุรกิจชั้นนำและองค์กรจัดตั้งที่มีอิทธิพลและบทบาทต่อการกำหนดโยบาลของรัฐบาลประเทศต่างๆ พวกนี้อาจจะเล่นการเมืองด้วยหรือไม่ก็ได้ ส่วนมากจะอยู่เบื้องหลังของนักการเมืองหรือพรรคการเมืองคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง เป็นชนชั้นสูงในสังคมหมายถึงเป็นพวกอภิมหาเศรษฐีและมีตำแหน่งใหญ่โตทางเศรษฐกิจและการเมือง เวลาสื่อฯและคอลัมนิสต์ชาวไทยเอามาใช้ก็จะเอาแต่เพียงคำว่า "อีลีท" เท่านั้น บางครั้งจึงสร้างความสับสนและคลุมเครือในความหมายให้กับผู้อ่านได้ หนึ่งในตัวอย่างที่ดีของการใช้คำนี้ให้ถูกต้องก็คือใส่คำคุณศัพท์หรือให้คำนิยามไว้ด้วย โดยเห็นได้จากงานวิจัยข้างต้นที่ระบุได้ชัดเจนว่าคำว่า "elites" ที่เขาใช้นั้นหมายถึงกลุ่ม "economic elites" หรือกลุ่มองค์กรจัดตั้งที่มีอิทธิพลและผลประโยชน์ทางการเมือง (organized interests/groups) ไม่ได้ใช้พร่ำเพรื่อความหมายครอบจักรวาล
The Eyes
28/04/2558
----------
US is No Longer a Democracy – Princeton Study / Sputnik International
http://scholar.princeton.edu/…/gilens_and_page_2014_-testin…
http://talkingpointsmemo.com/…/princeton-experts-say-us-no-…
http://talkingpointsmemo.com/…/princeton-scholar-demise-of-…
Study: US is an oligarchy, not a democracy - BBC News

 

ปอกเปลือก ทรราช
รัสเซียออกกฏหมายแบนผลิตภัณฑ์ GMO ทุกชนิดจากสหรัฐฯและอียู รัสเซียเล็งแบนนำเข้าดอกทูลิปของอียูจากประเทศที่สาม



--------------
มาดูข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจฝั่งรัสเซียบ้าง ขอเอาข่าวเก่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมาเล่าให้ฟังหน่อยนะครับ อยากจะเล่าหลายวันแล้วแต่ยังไม่มีโอกาส เพราะมีข่าวอื่นมาตัดหน้าตลอด วันนี้ได้ฤกษ์หละ... มีอยู่ 2-3 ข่าวเกี่ยวกับรัสเซีย ยูเครน และอียู ขอรวบลงในโพสต์เดียวละกัน
เมื่อวันที่ 24 เม.ย.58 ที่ผ่านมาสำนักข่าว TASS ของรัสเซีย (ไปเยี่ยม TASS บ้างเดี๋ยวจะน้อยใจเพราะเห็นเกาะติดอยู่แต่กับ sputnik กับ rt มานาน) รายงานว่าสภาล่างดูม่า (State Duma) ของรัสเซียได้ผ่านร่างกฎหมายในวาระแรกเกี่ยวกับการห้ามผลิตภัณฑ์ที่ได้จากพืชและสัตว์ที่มีการตัดต่อพันธุกรรม (GMO) ในรัสเซีย ยกเว้นเพื่องานวิจัยทางวิทยาศาตร์ ทางสภาดูม่าของรัสเซียแถลงข่าวว่าบทลงโทษ (Penalties) เกี่ยวกับเทคโนโลยีการตัดแต่งพันธุกรรมในรัสเซียจะมีผลออกมาอย่างเป็นทางการราววันที่ 1 กรกฎาคม 2560 (2017)
รัฐบาลรัสเซียได้ออกกฎหมายสั่งห้ามการนำเข้าและการผลิตสินค้าประเภท GMO ภายในประเทศรัสเซีย ซึ่งอาจจะส่งผลต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมได้ เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปธน.ปูตินกล่าวว่า รัสเซียมีกลไกที่เพียงพอในการปกป้องตลาดและพลเมืองของตนจากอาหารที่มีการตัดแต่งพันธุกรรมโดยไม่เป็นการละเมิดต่อพันธกรณีในองค์การการค้าโลกหรือ WTO
ปูตินกล่าวว่า "… ตลาดและพลเมือง (ของรัสเซีย) จะต้องได้รับการคุ้มครองจากผลิตภัณฑ์และอาหารที่ไม่มีคุณภาพ (poor-quality) รวมทั้งผลลัพธ์ของการบริโภคอาหารที่ยังไม่ได้มีการศึกษาอย่างละเอียดดีพอ เราสามารถที่จะทำ, จะต้องทำ และจะทำมัน เราจะต้องปฏิบัติอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อระเบียบขององค์การการค้าโลก แต่เราจะต้องทำให้ได้" วุฒิสมาชิกของรัสเซียรายงานว่าผลประกอบการของเมล็ดพันธุ์ GMO มีมูลค่าประมาณ $50 billion (ประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท) ผู้ประกอบการรายใหญ่ก็คือสหรัฐฯ ทางส.ว.ของรัสเซียได้ขอให้ปธน.ปูตินออกกฎหมายควบคุมผลิตภัณฑ์ GMO และได้ร่างกฎหมายเพื่อสั่งห้ามนำเข้าอาหารประเภทตัดแต่งพันธุกรรมเข้ามาในประเทศรัสเซีย
ซวยหละสิอเมริกา! สหรัฐฯไม่สามารถเปิดตลาดพืช GMO ในรัสเซียได้อีกต่อไป ในยุโรปนั้นแม้จะมีการต่อต้านอาหารประเภท GMO เป็นอย่างมากจากภาคประชาชน และบางประเทศที่ไม่เห็นด้วย แต่เสียงส่วนใหญ่ของสภาอียูก็ยกมือสนับสนุนให้นำเข้าพืช GMO จากสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก บางประะเทศในอียูพยายามเสนอร่างกฎหมายให้สิทธิ์แก่ประเทศของตนเองในการตัดสินใจว่าจะอนุญาตให้นำเข้าผลิตภัณฑ์ GMO จากสหรัฐฯเข้าสู่ประเทศของตนได้หรือไม่ แต่อียูกับสหรัฐฯบอกว่านั่นเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่สร้างสรรค์
เพราะมันจะทำให้สหรัฐฯขาดรายได้เป็นจำนวนมากจากการขายอาหารตัดแต่งพันธุกรรมชาวยุโรป อียูก็ก้มหน้าก้มตากิน GMO ของสหรัฐฯต่อไป อีกประมาณ 5-10 ปีข้างหน้าหรือประชากรรุ่นต่อไปของอียูที่เป็นผู้ชายอาจจะพบว่านกเขาของตัวเองไม่ขัน หรือมีขนาดเล็กลง หรือมีไข่เพิ่มขึ้นมาอีก1ใบก็ได้ หรือร่างกายของชาวยุโรปอาจจะมีรูปร่างแปลๆไป ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่านักวิทยาศาสตร์อเมริกันอยากจะออกแบบให้มีลักษณะเป็นอย่างไร อิๆ ไม่อยากจะมโนต่อ...
มาดูอีกข่าวนึงที่คิดว่าน่าสนใจเช่นกัน เพราะนี่เหมือนกับเป็นหมัดสวนของปูตินสั่งสอนอียูที่บังอาจหลงเชื่อคำยุแหย่ของอเมริกามาหาเรื่องรัสเซียก่อน เมื่อวันที่ 24 เม.ย.58 ที่ผ่านมา สำนักข่าว TASS ของรัสเซียรายงานว่า Julia Shvabauskene รองหัวหน้าของฝ่ายบริการด้านการเฝ้าระวังเกี่ยวกับโรคสัตว์และสุขอนามัยพืชจากต่างประเทศของรัฐบาลกลางรัสเซีย (Russia’s Federal Service for Veterinary and Phytosanitary Surveillance) ให้สัมภาษณ์กับ TASS ว่าทางการของรัสเซียอาจจะสั่งแบนการนำเข้าสินค้าประเภทพืชจากอียู ซึ่งจะรวมถึงดอกทูลิป (Dutch tulip) ด้วย
Julia Shvabauskene กล่าวว่า "หากเราพูดถึงการสั่งห้ามรี-เอ็กพอร์ตดอกทูลิปทั้งหมด และดอกไม้ต่างๆที่ส่งมาจากฮอลแลนด์ โดยปลูกที่เอกวาดอร์เป็นต้นก็จะไม่สามารถเข้าสู่รัสเซียได้เลย" ประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นผู้ส่งออกดอกไม้รายใหญ่มายังรััสเซียผ่านประเทศอื่นภายใต้ใบอนุญาต re-export การสั่งห้ามดังกล่าวอาจจะมีผลไปถึงการห้ามนำเข้าจากเอกวาดอร์ คอสตาริก้า และเคนย่าด้วย ก่อนหน้านี้ทางรัสเซียได้สั่งแบนสินค้าประเภทผักจากประเทศบัลกาเลีย ซึ่งรัสเซียตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเอกสาร re-export ปลอม (จากบัลกาเลีย) และมาตรการดังกล่าวนี้จะถูกนำมาใช้กับประเทศอื่นๆในสหภาพยุโรปอีกด้วย เอวังหละสิอียูเอ๋ย รู้จักปูตินน้อยไปซะแล้ว
แถมให้อีกข่าวหนึ่งจาก TASS เช่นกัน ในวันเดียวกันนี้ หน่วยงานเฝ้าระวังโรคเกี่ยวกับสัตว์และพืชของรัสเซียฯ เจ้าเดิมออกมาแย้มว่า รัสเซียอาจจะสั่งแบนสินค้าการเกษตรจากยูเครนเช่นเดียวกับที่สั่งแบนสินค้าจากสหภาพยุโรปก็ได้ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อผู้บริโภคในรัสเซีย รัสเซียกำลังจับตาดูว่าอาหารที่นำเข้าจากยูเครนมายังรัสเซียนั้นจะต้องไม่ใช่อาหารที่มาจากกลุ่มประเทศอียูที่อยู่ในบัญชีดำของรัสเซีย หากใช่ก็จะแบนอีก เจริญหละยูเครนเอ๋ย
ซวยอีกแล้ว!…. งี้อียูก็ลักไก่รัสเซียผ่านยูเครนไม่ได้แล้วหละสิ กรรมของอียูแท้ๆ ถ้าอยากได้สูตรเด็ดก็แนะนำให้ไปถาม กรีซ ฮังการี และไซปรัสโน่นว่าเขาทำอย่างไรถึงทำให้รัสเซียยกเลิกแบนสินค้าการเกษตรของตนได้
The Eyes
28/04/2558
----------
TASS: Russia - Russian parliament prohibits production of genetically modified plants and animals
TASS: Russia - Imports of Dutch tulips to Russia may be banned
TASS: Russia - Russia may impose rules for Ukrainian agriculture products similar to those for EU
TASS: Russia - Russia to protect citizens from genetically modified food
EU Commission proposes GM opt-out for member states — RT News
US Food Companies Spend Millions Supporting Law Against GMO Labelling – EWG / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
ด่วนๆๆ! บัลติมอร์เดือด เริ่มเผาแล้ว ปล้นสะดม ม็อบปะทะตำรวจขั้นรุนแรง (ยก 3-4-5)



--------------
บัลติมอร์ยกที่ 1 กับยกที่ 2 นั้นเล่าให้ฟังแล้วในโพสต์ก่อนหน้านี้ ว่าจะเล่ายกที่ 3-4 ให้ฟังเมื่อวานกับวานซืนนี้ก็ไม่มีเวลาอ่ะ วันนี้มียกที่ 5 เกิดขึ้นแล้วรุนแรงกว่าเดิม ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆตั้งแต่ยกที่ 3 เป็นต้นมา งั้นขอเหมาเล่ารวบยอดทั้ง 3 ยกเลยละกัน หวังว่าคงถูกใจโปรอเมริกาหลายๆท่านนะ บ้านเกิดลูกพี่เลยนะนั่นหนะ
เมื่อวันที่ 25-26 เม.ย.58 ที่ผ่านมาได้มีผู้ประท้วงหลายพันคนในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมรี่แลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริการวมกลุ่มกันประท้วงการเหยียดผิวและความอยุติธรรมในสังคมอเมริกัน กลุ่มผู้ประท้วงบอกว่าจะปิดเมืองเพื่อประท้วงการเสียชีวิตของ Freddie Gray ชายผิวดำที่ถูกตำรวจผิวขาว 6 นายอุ้มขึ้นรถตู้ ต่อมาพบว่าเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเนื่องจากได้รับบาดเจ็บภายในที่ไขสันหลังจากฝีมือของตำรวจจนอาการโคม่า แต่ทางตำรวจรายงานว่าไม่มีหลักฐานว่าตำรวจทำร้ายเขาเพราะชันสูตรแล้วไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายและได้รับบาดเจ็บแขนขาไม่หักเลย (แต่ กรรม! เหยื่อม่องเท่งไปแล้วอ่ะ)
หลังจากพิธีศพของเฟรดดี้ เกรย์ เมื่อวันจันทร์สัปดาห์ก่อน ก็มีการลุกฮือประท้วงอย่างต่อเนื่อง เหตุการณ์เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นในวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้ประท้วงบางคนทุบทำลายรถตำรวจ และมีการปะทะกับตำรวจ ทำให้ตำรวจต้องเรียกกำลังเสริมมาคุมม็อบ มีผู้ประท้วงถูกตำรวจจับกุมประมาณ 20 - 35 คนในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา มีคลิปกลุ่มตำรวจปราบจลาลจำนวนหลายสิบนายไล่ขยี้ผู้ประท้วงด้วย (ดูคลิปจากลิ้งข่าวด้านล่าง)
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประท้วงมารวมตัวกันอีกที่หน้าศูนย์การค้า Mondawmin Mall ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองบัลติมอร์ในตอนเช้า ตำรวจชุด SWAT ติดอาวุธครบมือเข้าประจำการในสถานที่ดังกล่าว ตำรวจเรียกกำลังหนุนจากรัฐใกล้เคียง รัฐแมรี่แลนด์ส่งทหารประจำรัฐ (state troopers) จำนวน 50 นายเข้าดูแลสถานการณ์ในพื้นที่บัลติมอร์
กลุ่มผู้ประท้วงได้พยายามหาทางไปยังศาลากลางในเมืองบัลติมอร์ ซึ่งมีตำรวจเป็นจำนวนมากดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ มีการปล้นสะดม ทำลายร้านค้าท้องถิ่นหลายแห่ง จากรายงานของตำรวจแจ้งว่ามีรถของตำรวจถูกทุบทำลายไปหลายคัน มีการเผารถตำรวจอย่างน้อยหนึ่งคันด้วย ทางการสั่งปิดมหาวิทยาลัย University of Maryland Baltimore ตำรวจแจ้งว่ากลุ่มผู้ประท้วงมีท่าทีที่ก้าวร้าวและใช้ความรุนแรงมากกว่าเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ตำรวจรายงานว่ามีแก๊งข้างถนนเข้าร่วมทำร้ายตำรวจด้วย ตำรวจบัลติมอร์กล่าวว่ามีข้อมูลที่น่าเชื่อถือซึ่งพบว่ามีกลุ่มคนในเรือนจำต่างๆและแก๊งข้างถนนเข้าร่วมในการขับไล่เจ้าหน้าที่รักษากฎหมายด้วย แก๊งที่ว่านั้นชื่อ Black Guerrilla Family, Bloods และ Crips ทั้ง 3 แก๊งนี้เกิดขึ้นที่เมือง Los Angeles รัสแคลิฟอร์เนีย กระจายไปทั่วสหรัฐฯ โดยแก๊ง Crips มีสมาชิกถึง 35,000 คน แก๊ง Bloods มี 20,000 คน และแก๊ง BGF มีสมาชิกประมาณ 300 คน และมีผู้ร่วมขบวนการอีกประมาณ 50,000 คน
เข้าใจเล่นนะตำรวจสหรัฐฯ ตัวเองก่อปัญหาขึ้นมาแท้ๆ แล้วโยนความผิดไปให้แก๊งคนผิวดำอีก นี่คือกลเม็ดอย่างหนึ่งในการเบือนความสนใจของสังคมออกจากประเด็นตำรวจฆ่าชายผิวดำ แล้วเปลี่ยนไปเล่นแก๊งข้างถนนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ประท้วงรุนแรงและการจลาจลในเมืองบัลติมอร์ กะจะเปิดเกมใหม่ระหว่างตำรวจกับแก๊งผิวดำหละสิ นั่นไม่ใช่การทำให้สถานการณ์ลดความตรึงเคลียดลงเลย มีแต่จะทำให้บานปลายออกไปอีก
The Eyes
28/04/2558
----------
Looting, Violent Clashes in Baltimore Following Freddie Gray Funeral / Sputnik International
Protesters Smash Police Cars During Baltimore Rally, Some Arrested (Video) / Sputnik International
http://rt.com/usa/253565-baltimore-protest-funeral-clashes/
http://rt.com/usa/253513-baltimore-police-gang-threat/

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 27 เม.ย.58 นี่คือภาพก้อนเมฆแปลกๆ ก่อนแผ่นดินไหวใหญ่เนปาล
ก่อนแผ่นดินไหวใหญ่ มีประชาชนถ่ายภาพเมฆรูปร่างแปลกๆ ที่เรียกว่าเมฆมาตัส ทึ่เป็นส่วนประกอบของเมฆฝนฝ้าคะนองขนาดใหญ่นี้ได้ ที่เมืองคารักปุระ เบงกอลตะวันตก ของอินเดีย
อีก 2 วันต่อมาได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด M 7.8 ที่เมืองหลวงเนปาล และสะเทือนไปถึงอินเดีย และอีก 3 ประเทศด้วย เคยบอกไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าก่อนเกิดแผ่นดินไหว ท้องฟ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงผิดปกติ และนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่น ที่ประเทสเขามีแผ่นดินไหวบ่อย ถึงกับทำวิจัยและสร้างตำราเรื่องนี้
เพราะฟ้า (ลม) ดิน น้ำ ไฟ ธาตุทั้ง 4 ที่ภูมิปัญญาคนโบราณ บอกไว้ว่ามีความสัมพันธ์กันและกัน ลมบนท้องฟ้าผิดปกติ สัตว์ทะเลเกยตื้นมากผิดปกติ ภูเขาไฟระเบิด ก่อนเกิดแผ่นดินไหวเนปาล...ตายไปแล้วกวรา 3,700 ราย ธรรมชาติพยากรณ์ให้เราล่วงหน้าแล้ว
เรื่องบังเอิญไม่มีอยู่จริง แต่เราจะยอมรับภูมิปัญญาท้องถิ่นแต่โบราณเหล่านี้หรือไม่เท่านั้น ??
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 27 เม.ย.58 ดินแดนเนปาลเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว กลิ่นคาวเลือดบูชายัญคละคลุ้ง
ถ้าใครจำได้ปลายปีที่แล้วเพจนี้เคยเผยแพร่เหตุสลดที่หมู่บ้านปาริยะปุระ เขตชายแดนเนปาล ต่อกับอินเดีย ชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน และที่ต่างๆ ที่นับถือเจ้าแม่กาธิมัย มีตำนานเล่าขานกันมาว่า ครั้งหนึ่งเจ้าแม่กาธิมัย ได้มาเข้าฝันชายคนหนึ่งว่า "ขอให้เขาสร้างวิหารให้ "
และเมื่อตื่นขึ้นมา ชายรายนี้ก็พบว่าเขาเป็นอิสระจากการถูกพันธนาการทุกอย่าง จึงเชื่อว่าเจ้าแม่กาธิมัย เป็นผู้ช่วยเขา หลังจากที่เขาหลบหนีออกมาในตอนนั้น ก็ได้สร้างวิหาร และ "บูชายัญด้วยสัตว์ต่างๆ" เพื่อเป็นการขอบคุณ (อ้าว..เจ้าแม่ไม่ขอให้บูชายัญนะ ขอแค่วิหารอย่างเดียว)
ต่อมาทำให้มีการขยายความเชื่อ บูชายัญด้วยสัตว์ นี้สู่ชาวเนปาลในเวลาต่อมา และ ในปลายปี 57 ผู้คนที่มีความเชื่อ ได้หลั่งไหลกันมากว่า 2 ล้านคน (จากประชากรประเทศเนปาล 28 ล้านคน ) แล้วมีการประกอบพิธีกรรมบูชายัญ เจ้าแม่กาธิมัย ที่จัดขึ้นทุกๆ 5 ปี
แม้ทางการห้ามก็ไม่มีใครฟัง โดยวิธีการ ฆ่าสัตว์ วัว ควาย แพะ ฯลฯ หรือแม้แต่หนู ด้วยวิธีการ "ฟันคอจนตาย 500,000 ตัว " โดยต้องใช้เวลาฟัน นานถึง 2 วันจึงคอขาดกระเด็นจนหมด ส่งผลให้กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั้งหมู่บ้าน..เน้น.."ฆ่าเพื่อบูชายัญ " ไม่ได้เพื่อนำมาทำอาหาร เหมือนโรงฆ่าสัตว์ หรืออุตสาหกรรมอาหารทั่วไป
----------------------------->
ผ่านไป 5 เดือนจากวันนั้น ดินแดนเนปาล และแถบนั้น วิปโยคด้วยเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง คร่าชีวิตประชาชน ไปแล้วกว่า 3,700 ราย บาดเจ็บราว 7,000 ราย และพบผู้เสียชีวิตใต้ซากปรักหักพังเพิ่มอยู่ตลอดเวลา
แต่น่าแปลกที่รูปปั้นสำคัญทางศาสนาพุทธ ที่มีคำสอนห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต กลับไม่มีความเสียหายใดๆ (เปรียบเทียบภาพจากหลายๆ แหล่งแล้ว) ทัวร์คนไทยจากภาคใต้ที่ไปตามรอยพระพุทธองค์ เกือบ 40 คน ปลอดภัย นักศึกษาไทยที่ไป สถานทูตเช็คแล้ว ปลอดภัยทุกคน
วัดไทยปลอดภัย และกลายเป็นแหล่งหลบภัย และแหล่งแจกอาหาร ของประชาชนเนปาล และนักท่องเที่ยวที่เดือดร้อน หลักคำสอนที่เรียกว่าศีล ที่พระพุทธองค์สอนมาแต่โบราณ ล้วนทำให้คนพุทธดำรงชีวิตแบบสายกลาง และไม่เบียดเบียนกัน...
จะทบทวนความจำว่าเนปาลเคยเกิดแผ่นดินไหวบ่อย และแรงขนาดไหน
- ค.ศ.1934 ตาย 10,600 ราย บ้านเรือนถูกทำลายทั้งหมด
- ค.ศ.1980 ตาย 178 ราย บ้านเรือนพัง 40,000 ราย
- ค.ศ.1988 ตาย 722 ราย บาดเจ็บ 12,000 ราย บ้านพัง 460,000 ราย
- ค.ศ. 2011 ตาย 6 ราย บาดเจ็บ 30 ราย บ้านพัง 13,000 ราย
- ค.ศ. 2015 ตายล่าสุด 3,700 ราย บาดเจ็บราว 7,000 ราย บ้านพังยังประเมินไม่ได้ แต่มีคน 4.6 ล้านคนได้รับผลกระทบ
ขอย้ำว่า..ไม่ได้ต้องการตำหนิความเชื่อส่วนบุคคล หรือซ้ำเติมใคร เพราะสมัยพระพุทธองค์ ก็ได้มีคำสอนเรื่องบาป และใช้คำว่า "ต้องธรณีสูบ" สมัยนั้นหลายราย ในแผ่นดินอินเดีย (ต่อมาแยกเป็น เนปาล) เตือนใจชาวพุทธมานานกว่า 2,560 ปีแล้ว จนถึงบัดนี้
แต่พอโลกเจริญขึ้นวิทยาศาสตร์จึงมีคำใหม่ว่า "แผ่นดินไหว" แทน แต่ชาวพุทธทุกคน ก็ยังจำคำว่าธรณีสูบในสมัยพระพุทธเจ้าได้
** อ่านความเป็นมา เนปาลดินแดนเก่าแก่ต้นกำเนิดพุทธศาสนา คลิ๊กไปที่ https://www.facebook.com/media/set/…
@ เสธ น้ำเงิน3 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 28 เม.ย.58 น้ำทะเลสีเขียว กับเมฆแปลกที่ลำพูน กำลังบอกอะไร?
น้ำทะเลบริเวณหาดเจ้าสำราญ จ.เพชรบุรี กลายสภาพเป็นสีเขียวอำพัน ที่เรียกว่าปรากฎการณ์ขี้ปลาวาฬ จนนักท่องเที่ยวไม่กล้าลงเล่นน้ำทะเล ในขณะที่ท้องฟ้าบริเวณจังหวัดลำพูน ก้อนเมฆมีลักษณะแปลกๆ ตาไป
ลักษณะน้ำทะเลสีแบบนี้เคยเกิดที่มาเลเซีย ก่อนจะเกิดพายุและน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา และช่วงค่ำวานนี้เกิดแผ่นดินไหวแรง แถวบังคลาเทศต่อกับอินเดีย อีก แต่ยังเบื้องต้นไม่ได้รับรายงานความเสียหาย การเลื่อนของเปลือกโลกบนบก จะทำให้แผ่นเปลือกโลกในทะเล เกิดฉีกขาดและมีลาวาไหลออกมาได้
และถ้ารุนแรงก็อาจเกิดคลื่นซึนามิได้ ขึ้นกับขนาดความแรงของการไหว จะเห็นได้ว่า น้ำ ลม ไฟ ดิน ล้วนสัมพันธ์กันอย่างสมดุล เมื่อธาตุหนึ่งผิดปกติ อีกสามธาตุก็แปรปรวนไปด้วย..แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่เล่าเหตุที่ผ่านมาให้ฟังเท่านั้น เพื่อไม่ให้ตกอยู่ในความประมาท
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

Thanong Fanclub



9. นักเสแสร้งผู้ยิ่งใหญ่ (The Great Pretender)
เป็นที่น่าสังเกตุว่า แผ่นดินไหวที่เนปาลเกิดขึ้น1วันก่อนที่จะมีการประชุมผู้นำสูงสุดของอาเซี่ยนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันที่26-27เมษายน 2015
มีการอ้างแหล่งข่าวจากเพนตากอนบอกว่าแผ่นดินไหวเนปาลเกิดจากการใช้คลื่นอีเลคโทรนิคด้วยพลังงานสูง ไม่ได้มีการอธิบายเพิ่มเติมว่าคลื่นอีเลคโทรนิคด้วยพลังงานสูงเป็นอะไร แต่น่าที่จะหมายถึงHAARP หรือเทคโนโลยี่ในการแปรเปลี่ยนอากาศ มากกว่าการทดลองเครื่องเร่งอนุภาคของCERN
เทคโนโลยี่HAARPสามารถใช้เป็นอาวุธสงครามได้ด้วยอนุภาพของการทำลายมหาศาล สร้างพายุร้ายหรือแผ่นดินไหวได้

 

Thanong Fanclub



10. นักเสแสร้งผู้ยิ่งใหญ่ (The Great Pretender)
ผู้ว่ารัฐแมรี่แลนด์ นายLarry Hoganได้ประกาศภาวะฉุกเฉินแล้วในวันจันทร์ที่ผ่านมาที่เมืองบัลติมอร์ หลังจากเกิดเหตุจราจล ปะทะกันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บัลติมอร์ ต้นเหตุเกิดขึ้นหลังจากงานศพของนาย Freddy Grayชายผิวดำชาวอเมริกันอายุ25ปีที่เสียชีวิตหลังจากได้รับบาดเจ็บในขณะที่อยู่ภายใต้การควบคุมของตำรวจ
มีการประกาศบังคับใช้เคอร์ฟิวด้วยระหว่างเวลา22.00-05.00นาฬิกา
นายHoganกำลังของกำลังจากเจ้าหน้าที่ตชด. หรือ National Guards มาช่วยปราบฝูงชนที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ พังรถตำรวจและปล้นสดมภ์ร้านค้าต่างๆ
มะกันเสแสร้งเรื่องสิทธิประชาธิปไตยต่อไปไม่ไหว พอโดนจราจลมั่งก็ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน (state of emergency) ตามมาด้วยเคอร์ฟิว (curfew) เพราะว่าก้าวต่อไปของมะกันคือการประกาศกฎอัยการศึก (martial law) ที่หลายคนรอคอย
สงสัยมาลอกเรียนงานขบวนการประชาธิปไตยจากเมืองไทย ฮา!จริง
ทูตไทยประจำกรุงวอชิงตันน่าจะออกแถลงการณ์แสดงความเป็นกังวลถึงระบบประชาธิปไตยที่เสื่อมถอย โดยเรียกร้องให้ผู้ว่าHoganเคารพสิทธิพื้นฐานของประชาชน ไม่ใช้กำลังปราบปรามประชาชน และคืนสิทธิเสรีภาพให้ประชาชนโดยเร็ว เพราะว่าการประกาศภาวะฉุกเฉินขัดหลักประชาธิปไตย
ถ้าทูตไทยกล้าออกแถลงการณ์"ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง"นี้ ไทยจะเป็นมหาอำนาจโลกทันที
เหตุการณ์รุนแรงที่บัลติมอร์คล้ายๆกับเหตุการณ์รุนแรงที่เฟอร์กูสันที่รัฐมิสซูรี่ในปีที่แล้วที่วันรุ่นคนผิวดำนายMichael Brownโดนตำรวจยิงตายทำให้เกิดจราจล หลังจากนั้นมีข่าวออกมาเป็นระยะๆว่าตำรวจมีการทำร้ายร้างกาย หรือยิงคนตายโดยใช่เหตุ และเหยื่อส่วนมากจะเป็นคนผิวดำ มีการเผยแพร่วีดิโอคลิปตำรวจที่ซาวท์แคโรไลน่ายิงคนผิวดำขณะที่วิ่งหนีหลายนัด ตายคาที่
เหตุการที่บัลติมอร์ตอกย้ำปัญหาสังคม ความไม่เท่าเทียมกัน และที่สำคัญที่สุดปัญหาแบ่งแยกผิวสีที่สหรัฐฯไม่สามารถจะเสแสร้งว่าไม่มีอยู่ในประเทศอีกต่อไปได้ การจราจลผิวสีได้ปะทุขึ้นมาเป็นระยะๆแล้ว โดยที่ประชาชนคนผิวดำเชื่อว่าคนผิวขาทำอะไรก็ถูกไปหมด
แต่ทุกอย่างอย่าไปเชื่อในสายตาที่เห็น เพราะว่าอเมริกาถนัดสร้างหนังฮอลลีวู๊ดให้ทุกคนเสพอยู่แล้ว ทั้งเหตุกาณ์จราจลเฟอร์กูสันและบัลติมอร์เจ้าหน้าที่รู้อยู่แล้วว่ามันจะรุนแรง แต่ก็ปล่อยให้มันพัฒนารุนแรงขึ้นจริง เหมือนกับเป็นการสร้างหนังตัวอย่างให้ดูก่อน
นายMartin Armstrongได้ทำนายแล้วว่าจะเกิดเหตุร้ายการจราจลทางสังคมเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะถึงนี้ (สิงหาถึงตุลา) และทางกองทัพสหรัฐฯกำลังเตรียมการซ้อมรบรับมือสงครามภายในผ่านปฏิบัติการJade Helm 15 ระหว่างวันที่15กรกฎาคมถึง15กันยายน 2015นี้
เหตุการณ์เฟอร์กูสันเป็นออร์เดริฟไปแล้ว เหตุการณ์จราจลที่บัลติมอร์เป็นออร์เดริฟจานร้อนจานที่2 ต้องดูกันต่อไปว่าสงครามผิวสีสหรัฐฯที่มีการจัดฉากแบบฮอลลีวู๊ดจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอะไรในสหรัฐฯ
กำลังสุมไฟกันอยู่
thanong
28/4/2015
Gov. declares state of emergency; activates National Guard | Maryland News - WBAL Home