เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

ผมเลิกเรียนกลับมาเหนื่อยๆ จะถึงบ้านอยู่แล้วโทรศัพท์ก็ดัง

เป็นที่พี่นิ่มโทรฯมา น้ำเสียไม่สบายใจ ว่าโดนกรรมการวัดฯต่อว่า ว่าให้ผมเอาพระขุนแผนฯมาขายตัดราคาวัด....

ผมเลยต้องโทรฯไปคุยกับกรรมการฯ ว่าราคานี้เป็นราคาจอง รายได้ก็เอาไปจ้างทีวีทำข่าว(เพราะอยู่นอกพื้นที่ของเครือข่าย) เป็นค่ากิจนิมนต์ ค่าเทียนชัยฯลฯ ค่าอะไรก็ตามที่พวกเค้าไม่ต้องจ่าย.....

พระฯของพี่นิ่ม ออกทุกปี (ไม่รู้จะออกทำไมทุกปี) สมาชิกก็เหนียวแน่นให้ความเชื่อถืออยู่
แต่ที่เช่าทำบุญ ไม่ใช่เพราะอยากได้พระฯ แต่ส่วนใหญ่เพราะอยากอุปถัมภ์กัน

สมาชิกมีพระฯพี่นิ่มกันแทบทุกรุ่นอยู่แล้ว ไม่ได้คิดสะสมไปอวดใคร เพราะเป็นพระฯใช้ไม่ใช่พระฯตลาด ไม่เคยมีในสาระบบของวงการพระเครื่องฯ ไม่มีในวงการประกวด (เว้นหนุมากับเสือ)

ถ้าไม่ทำแบบนี้ตอบแทนสมาชิกบ้าง จะหาตังค์จากไหน

ผมไม่ลำบากเลย ถ้าจะไม่ต้องหาตังค์ให้พี่นิ่มไปนิมนต์พระฯ ไม่ต้องขวนขวายติดต่อหามวลสารมาทำพระฯ

ทำงานกลับมาก็เหนื่อยแล้ว ยังต้องมาคอยรับโทรศัทพ์หรือติดต่อใครต่อใครให้พี่นิ่มอยู่ทุกวัน... แทบจะไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่ต้องใช้โทรศัพท์ติดต่องานให้พี่นิ่ม ...ผมขาดความเป็นส่วนตัวไปพอสมควร

ดีที่ปิดจองไปแล้ว ไม่งั้นผมก็ลำบากใจอีก
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดผมจ่ายล่วงหน้าไปแล้ว.... ทางทีวีตัดต่อเสร็จแล้ว อีกไม่กี่วันจะออกอากาศ เป็นของเคเบิล ช่องไหนยังไม่รู้เลย แต่เค้าจะลงยูทูปให้

เสียดายที่ผมพยายามติดต่อกับทางวัดป่าแดงแล้ว ว่าอยากให้ทีวีนำเสนอหรือประชาสัมพันธ์อะไรบ้าง วิ่งไล่ตามตั้งแต่ท่านเจ้าอาวาส ไล่มายันพี่นิ่ม ทั้งกรรมการเล็กใหญ่ ไม่มีใครว่าง แล้วจะให้ผมไปหามาทำไม.... พี่นิ่มเขาก็เจตนาดี อยากให้มีคนทำบุญให้วัดฯเยอะๆ แต่ครั้งหน้าให้ตกลงกันก่อนว่าใครจะทำอะไรบ้าง อย่ามาลงที่ผมแบบนี้

พี่นิ่มถามผมว่าจะทำอย่างไร
ผมก็ตอบตามสไตล์ผมว่า "พี่ฯทำแล้วได้อะไร ...ถ้าได้ความสบายใจก็ทำต่อไปเถอะ"

...คิดว่าที่วัดฯก็คงไม่รู้ว่าผมเตรียมกับทางศูนย์พระเครื่องสายชลบุรี ประชาสัมพันธ์ให้วัดป่าแดงฟรีๆ และเมื่อไหร่ที่มีการประกวดพระเครื่องฯ แล้วมีของวัดป่าแดงอยู่ด้วย ทางวัดฯจะได้ประโยชน์

แต่ทางวัดฯและพี่นิ่มต้องยอมรับเงื้อนไขของศูนย์พระเครื่องเค้าด้วย ว่าทางศูนย์ฯก็ต้องได้ประโยชน์

โดยปรกติค่าจัดสร้างวัตถุมงคลทั้งหมดตามมาตรฐานวงการ ค่าใช้จ่าย40เปอร์เซ็นต์ คือค่าประชาสัมพันธ์ ถ้าคิดว่าค่าจัดงานแค่2แสน แล้วมีการประชาสัมพันธ์เต็มรูปแบบ ก็ให้เข้าใจว่าจะมีค่าทำโฆษณาประชาสัมพันธ์เพิ่มมาอีก 1แสน-เกือบ2แสน (ดูตัวอย่างจากจตุคาม)

แต่งานวัดฯบ้านนอก ถ้าไม่เร่งรีบ ประชาสัมพันธ์แค่10-20เปอร์เซ็นของค่าจัดงานก็เพียงพอแล้ว (วัดนั้นต้องไม่เร่งหาเงินด้วย)

....บอกแจ้งไว้ครับ เผื่อใครคิดอยากจะทำหน้าที่นี้จะได้พอรู้คร่าวๆ แล้วเตรียมตัวกับเตรียมใจไว้ ทำพระฯต้องเปิดใจกว้าง คิดเล็กคิดน้อยจะไม่สนุกและไม่สบายใจ

ตัวผมไม่มีปัญหา ถ้าไม่ต้องมายุ่งกับการซื้อขายได้จะดีมาก เบื่อการจัดส่งเป็นที่สุด! ปวดหัว!
แต่ผมสงสารพี่นิ่มมากกว่า ทำมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย แทนที่จะสบายใจกับสิ่งที่ทำ กลับต้องมาเป็นแบบนี้....

.........................

ตอนนี้ทางวัดป่าแดง กำลังระดมทุนจัดสร้างศาลาอเนกประสงค์ ใครอยู่ใกล้อยากไปทำบุญที่วัดฯก็ขอเชิญครับ หรือถ้าอยากได้พระบูชาพระสีวลีรุ่นนี้ก็มีนะครับ แต่ผมไม่มีรายละเอียดค่าเช่าบูชา ไว้รอให้ทิดนำส่งข้อมูลมาให้จะเอามาลงประชาสัมพันธ์

..............

 

อัพเดท 26 เม.ย. 58

ขอบคุณครับ

 

ลำดับ 43 โอนแล้ววันนี่ประมาณ 01.00 น. ยอด198.04 บาท

 

พระปิดตาในครรภ์ ลำดับที่ 11 โอนให้แล้ว 750.01 บ.เวลา 07.15 น.วันนี้ 27/4/58 รายละเอียด
................................
เวลาที่สั่งทำรายการ : 27/04/2015 07:15
วันที่ทำการโอนเงิน : 27/4/2015
หมายเลขอ้างอิง : 21335043852015427
บัญชีที่โอน : นาย........ A/C No. : 3041XXXXX8
บัญชีผู้รับโอน : KBNK: MR. MANCHAI PENGJAMSRI A/C No. : 6042XXXXX2
จำนวนเงินที่โอน : THB 750.01
ค่าธรรมเนียม : THB 25.00

 

ผมถึงไม่อยากยุ่ง ตอนวัดบางพระ หลวงพ่อเปิ่นท่าน

 

แจ้งโอนลำดับที่ 36 ครับ
27/04/58 10:47 จำนวน 750.11 ครับ

 

ลำดับที่46 โอนเงินแล้วครับ
เวลา11:58:11 น. 750 บาท

 

ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ กราบขอบพระคุณสำหรับความเมตตาที่ได้สร้างสิ่งที่เป็นมงคลและมอบสิ่งล้ำค่ามาให้สมาชิก การสวดมนต์ทำให้สิ่งมงคลบังเกิดครับ

 

ลำดับที่ 18 และ 8 โอนเงินแล้วครับ
27/04/58 เวลา 15:26 น. จำนวน 5,432.09 บาท/สต.
สองรายการดังนี้
1.ขุนแผน 4 องค์ จำนวน 1600 บาท
2.พระปิดตา 56 องค์ จำนวน 3832 บาท

ปล.ขออภัยลืมบวกค่าส่ง
พึ่งนึกออกเดี๋ยวจะโอนให้ภายหลังครับ

 

แจ้งโอนค่าพระปิดตาในครรถ์ ลำดับที่24
วันนี้ 27/4/58 เวลา 16.51น. เป็นจำนวน 405.89บาท
และขออนุญาตรับหนังสือสวดมนต์ไว้1เล่มด้วยครับ

 

วันหลังนะครับ แต่อย่าเพิ่งเป็นวันสองวันนี้ หรือปีสองปีนี้....

 

ลำดับที่ 13 ตารางร่วมบุญพระขุนแผน
โอนเงินเพิ่มให้แล้วครับ 2000.02 บาท
27/04/58
18:03 น.

 

ยังไม่ได้ดูเลย ว่าออกมาดีแค่ไหน แต่ชอบหน้าปก...

ไว้ลงยูทูปกับรู้ว่าออกอากาศ จะมาแจ้งอีกครั้ง

คุณชนะ ถ้า copy เป็นมาทำให้หน่อยนะครับ จะถวายวัดป่าแดง กับวัดโพธิผักไห่

 

เนื้อหาถือว่าดี เมื่อเทียบกับความร่วมมือที่แทบหาไม่ได้เลย เพราแต่ละคนดูเหมือนจะยุ่งกันไปหมด

มีบทสัมภาษณ์พี่นิ่ม ที่ธรรมดามาก

ไฮไลท์เลยไปตกกับพระอาจารย์พิจารณ์ ที่ให้สัมภาษณ์ได้ดี
แต่ดูจนจบแล้วไม่เจอภาคประสบการณ์ เดาว่าตัดออกดีกว่า เพราะดูเหลือเชื่อ

ไว้จะคัดมาเฉพาะช่วงสำคัญๆแล้วกันครับ (คุณชนะว่างแล้วเข้ามาเอาไปตัดต่อให้หน่อยนะ ผมไม่เป็น)

ท้ายรายการ มีเบอร์โทรฯเจ้าอาวาสวัดป่าแดง
เป็นสิ่งเดียวที่ได้มาจากวัดป่าแดงเพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์
ท่านใดชอบพระบูชาสีวลี หรือพระขุนแผนผงพรายฯ ก็ติดต่อวัดโดยตรงครับ ไม่ต้องโทรฯมาที่ผมแล้วนะครับ

 

สวัสดีครับ
เรื่องค่าขนส่ง คุณFunfun27 ได้มีการบวกเพิ่มในตารางพระปิดตาแล้วนะครับ
หากผมเข้าใจผิดพลาด ขออภัยด้วยครับ
ขอบคุณครับ

 

สวัสดีพี่หนุ่มทิพย์ และเพื่อนสมาชิกร่วมขบวนการทุกท่าน,

เรื่องค่าจัดส่งผมได้ทำการรวมเข้าไปเรียบร้อยแล้ว

ขอบคุณครับ

 

อัพเดท 27 เม.ย. 58

ขอบคุณครับ

 

ขอบคุณครับที่แจ้งให้ทราบ

 

สวัสดีครับ
แจ้งการโอนเงิน วันที่ 27 เม.ย 2558
1. พระขุนแผนฯ ลำดับที่ 35 จำนวน 800 บาท
2. พระปิดตาฯ ลำดับที่ 42 จำนวน 681 บาท
รวม 2 รายการ 1,481 บาท

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านด้วยครับ

 

นิยายโหรบทนี้สำหรับคนชอบเลขเจ็ดตัว
บทที่ 15 แฟนเก่า
วันนี้น้องเจี๊ยบ นัดเจอผมที่ห้างสรรพสินค้าเช่นเคย

ก็ถึงดิวที่เธอต้องมาซื้อของกินของใช้ไปตุนไว้ในตู้เย็นอีกแล้ว

ผมไปถึง ร้านอเมซอลก่อนเวลานัดหมาย จึงสั่ง คาปูชิโนร้อนถ้วยหนึ่ง

ขณะที่นั่งจิบกาแฟอยู่นั้น พลันมีเสียงใสกล่าวทักว่า ขอนั่งด้วยคนได้ไม๊ค่ะ

ผมเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียงใสนั้น เป็นหญิงสาว สวยทีเดียว

ผมยาวปะบ่า ใส่แว่นกันแดด จึงรีบกล่าวเชิญว่า ได้ซิครับ

เธอจึงนั่งลงตรงข้ามผม พร้อมกับถอดแว่นกันแดดออก

นัยตาเธอสวยกลมโต แต่แฝงไว้ด้วยแววเศร้า

ผมรู้สึกคุ้นๆหน้าตาของเธออย่างบอกไม่ถูก เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน

เธอหันไปสั่ง ลาเต้เย็นแก้วหนึ่ง ผมยังคงมองเธอด้วยใบหน้าสงสัย

ว่าเหตุใดเธอจึงมาขอนั่งร่วมโต๊ะกับผม ทั้งที่ในร้านยังมีโต๊ะว่างอีกหลายโต๊ะ

เธอนั่งยิ้ม ที่เห็นแววตาสงสัยของผม แล้วเอ่ยว่า พอดีจะหาคนนั่งคุยและดื่มกาแฟเป็นเพื่อนนะค่ะ

แต่ผมไม่ค่อยเชื่อที่เธอกล่าวสักเท่าไร่ เพราะเธอยิ้มอย่างมีลับลมคมในซะขนาดนั้น

เธอกล่าวชวนคุยว่า มาคนเดียวหรือค่ะ ขณะที่ผมกำลังจะตอบว่า ครับ

สายตาพลันเหลือบเห็น น้องเจี๊ยบเดินมาแต่ไกลทางด้านหลังของหญิงสาวที่ขอมานั่งด้วย

ใบหน้าที่กำลังยิ้มแย้ม พลันเปลี่ยนเป็น ตาเหลือกทันที ซวยหละซิ น้องเจี๊ยบมา

จึงตอบว่า อ้อ...เปล่าครับ นัดกับแฟนไว้ เธอหัวเราะคิก แหม..นึกว่ามาคนเดียวเสียอีก

ดันมีแฟนแล้ว ขณะที่เธอกล่าวจบ น้องเจี๊ยบเดินมาถึงโต๊ะที่เรานั่งพอดี

ผมรีบลุกขึ้น แล้วเลื่อนเก้าอี้ให้น้องเจี๊ยบนั่ง สายตาของน้องเจี๊ยบมองไปที่

เธอผู้นั้น แล้วมองกลับมาทางผม ใจผมตกไปที่ตาตุ่ม แววตาน้องเจี๊ยบมีประกายเขียววูบวาบ

ผมรีบกล่าวแนะนำ ว่า นี่น้องเจี๊ยบแฟนผมครับ แล้วนี่คุณ...คุณ อะไรหว่า

เธอผู้นั้น หัวเราะแล้ว กล่าวแนะนำตัวว่า ดิฉันชื่อ นงนุช ค่ะ เรียกพี่นง ก็ได้นะค่ะ คุณเจี๊ยบ

พี่เป็นเพื่อนกับคุณหนา นะค่ะ เธอยิ้มอย่างเป็นมิตรกับน้องเจี๊ยบ

แต่กลับมายักคิ้วยิ้มเยาะให้ผม ผมยิ่งงงมากขึ้น ให้ตายซิเจ้าหล่อนดันมารู้จักชื่อเราได้ไง

ขณะที่กำลัง งงเป็นไก่ตาแตก อยู่นั้น เสียงมือถือของเจ้าหล่อนก็ดังขึ้นมา

เธอกดรับ แล้วกล่าวว่า สวัสดีค่ะ มาถึงแล้วหรือค่ะ ตอนนี้อยู่ตรงไหนแล้วค่ะ

อ้อ...ค่ะ อีกห้านาที พบกันค่ะ แล้วเธอก็กดวางสายไป

เธอหันมาทางน้องเจี๊ยบ แล้วกล่าวว่า พี่ต้องขอตัวก่อนนะค่ะ

พอดี ลูกค้า ที่นัดเอาไว้มาถึงแล้วนะค่ะ ไว้วันหลังค่อยคุยกันน่ะค่ะ คุณเจี๊ยบ

แล้วหันมาทางผม แกช่วยจ่ายค่ากาแฟให้ฉันที พร้อมกับยักคิ้วลิ่วตาให้อีกทีหนึ่ง

ก่อนจะลุกจากไป เออแน่ เจ้าหล่อนเป็นใคร ผมก็ยังนึกไม่ออก แถมยังให้จ่ายค่ากาแฟให้อีก

ผมหันกลับมาที่น้องเจี๊ยบ เจอสายตาเขียวปั๊ดของน้องเจี๊ยบเข้าให้

คุณนงนุช เป็นใคร เฮียหนา เธอถามจบ ก็เหลือบมองนาฬิกาข้อมือไปด้วย

ผมงี้สะดุ้งแปดตลบ ชรอยน้องเจี๊ยบ จะใช้ยาม สิงห์นภดล เพื่อดูว่าผม โกหก หรือเปล่าเป็นแน่

แล้วนี่ ผมจะตอบยังไงนี่ ว่าเธอเป็นใคร แต่หน้าตาและชื่อที่เธอบอกมา มันก็คุ้นๆนะนี่

เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออกอยู่ดี ว่าเธอคือใคร

ผมจึงบอกและเล่าเรื่องที่เจอเธอไปตามจริง น้องเจี๊ยบดูดวงยามแล้ว

เห็นว่า ผมมิได้โกหกเธอ แต่ดูแล้ว เธอยังหงุดหงิดไม่พอใจอยู่ดี

พอดีมือถือของผมดังขึ้น ผมจึงกดรับ แล้วกล่าว ฮัลโหล สวัสดีครับ

นี่ฉันเอง นงนุช ฉันเห็นสีหน้าแกแล้ว คงจำฉันไม่ได้แน่ๆ และอีกอย่าง

ฉันเห็นคุณเจี๊ยบแฟนแกแล้ว ลมเพชรหึงกำลังขึ้นหน้า จึงโทรมาอธิบาย

กลัวแกจะถูกฆ่าตายเสียก่อน แกยังจำเด็กผู้หญิงที่เอาตุ๊กแกใส่คอเสื้อแกได้ไม๊

ไอ้แสบนง ผมนึกออกทันทีว่า เจ้าหล่อนเป็นใคร มิน่าทำไมถึงคุ้นหน้ากับชื่อนัก

ผมนึกถึง เด็กผู้หญิงที่ตัดผมสั้นแบบผู้ชาย ตัวดำเพราะตากแดดตากลมทั้งวัน

แต่ความจริง เธอเป็นคนขาวมากๆ เตะต่อยเก่งไม่แพ้ผู้ชาย ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านผมในวัยเด็ก

เธอเคยมาช่วยผม จากการถูกรุมสองต่อหนึ่งในวัยสิบขวบ ขณะที่ผมถูกรุมเกือบแย่

เธอโดดถีบแบบไอ้มดแดง หนังทีวีในสมัยนั้น จนหนึ่งในนั้นฟันหักเลือดกลบปากไปเลย

วันนั้นหากไม่ได้เธอมาช่วยผม ผมคงหยอดน้ำข้าวต้มแน่ๆ ก็ใครจะไปสู้สองต่อหนึ่งไหว

วันนั้น เธอต้องใส่แว่นตาดำไปข้างหนึ่งทีเดียว ผลจากการชกต่อยกับเด็กผู้ชาย

เธอขอสายเพื่อจะคุยกับน้องเจี๊ยบให้ผม ผมจึงยื่นมือถือให้น้องเจี๊ยบไป

ทั้งสองคุยกันอยู่นาน ผมเห็นน้องเจี๊ยบสีหน้าดีขึ้น บางครั้งน้องเจี๊ยบก็หัวเราะออกมาด้วย

หลังน้องเจี๊ยบคุยจบ เธอหันมาจ้องตาผมแบบจริงจัง จนผมเริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมา

เฮียหนา พี่นง คือ ผู้หญิงที่ทำให้เฮียหนา อยู่เป็นโสดมาจนถึงวันนี้ใช่ไม๊ค่ะ

ผมถึงกับอึ้งไป ที่น้องเจี๊ยบ ถามผมเช่นนั้น ความคิดของผมหวนกลับไปถึงคืนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน

จำได้ว่า คืนนั้นพระจันทร์เต็มดวง ไอ้แสบนง มาบอกผมว่า เค้าจะย้ายไปอยู่เมกากับแฟนใหม่ของแม่

ไม่รู้ว่า เมื่อไร่จะได้กลับมาเมืองไทยอีก ผมเห็นน้ำตาของเธอค่อยๆไหลลงมาอาบแก้ม

เธอโผเข้ามากอดผมไว้แน่น ใบหน้าเธอซบบนอกผม สะอื้นไห้อย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

ความคิดผมหวนกลับมาที่น้องเจี๊ยบอีกครั้ง ทำไมน้องเจี๊ยบถึงถามพี่แบบนั้น ผมรู้สึกไม่กล้าสู้ตาของเธอ

ใช่จริงๆด้วย ตลอดเวลาที่เจี๊ยบเป็นแฟนเฮียหนา สงสัยว่า ด้วยรูปสมบัติและคุณสมบัติของเฮียหนา

ทำไมถึงยังอยู่เป็นโสด ไม่แต่งงาน แต่ก็ไม่อยากซักถามเฮียหนา หวังว่าเฮียหนาจะเล่าให้เจี๊ยบฟังเองสักวัน

วันนั้น ผมช่วยน้องเจี๊ยบซื้อของกินของใช้เรียบร้อยแล้ว ก็ส่งเธอกลับบ้านไป

รู้สึกว่าระหว่างเรา เริ่มมีกำแพงไร้สภาพมาขวางกั้นอยู่ ความรู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

คืนนั้น ผมหยิบกล่องไม้ใบหนึ่งขึ้นมาเปิดดู ในนั้นมีแค่รูปถ่ายเก่าๆอยู่แค่ใบเดียว

เป็นรูปของ นงนุช หญิงสาวที่ทำให้ผมอยู่เป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง

ด้านหลังภาพถ่าย มีข้อความเขียนไว้ว่า

ฟ้าพรากเธอจากไปไม่มีวันกลับ

ทิ้งฉันให้อยู่ไปเพื่อใคร

จดจำคืนวันความสัมพันธ์วันเก่าๆ

วันที่เรา....เคยมีต่อกัน

มีเธอเดินเคียงข้างอยู่กับฉัน

ในคืนนั้นบนฟากฟ้า ประดับไปด้วยดาว

คิดถึงตอนนี้ มีเสียงมือถือดังขึ้น จึงกดรับสาย

นี่ฉันเอง ออกมาพบได้เปล่า ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย

ที่ไหน นง ได้ซิ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน ผมวางสายแล้วรีบออกไป

โดยผมไม่รู้เลยว่า ขณะที่ผมเพิ่งจะออกไป น้องเจี๊ยบได้โทรเข้ามาที่เบอร์บ้าน

จึงไม่มีคนรับสาย น้องเจี๊ยบถือสายโทรศัพย์อยู่นาน เสียงสัญญานว่าสายว่าง

แต่ไม่มีใครมารับสาย จนต้องวางสายไป ในใจหวนคิดถึงเมื่อเจอเฮียหนาครั้งแรกที่วัด

และเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา จนมาเป็นแฟนกัน เธอไม่เคยนึกหึงหวงผู้หญิงคนไหนมาก่อน

จวบจนมาเจอ พี่นง ผู้หญิงที่สวยสง่าคนนี้ กลับทำให้ใจเธอหวั่นไหวว่า อาจจะเสียเฮียหนาไป

เธอนั่งนิ่งอยู่ที่โซฟาห้องรับแขกไม่รู้ว่านานเท่าไร่แล้ว จนกระทั้งได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้าน

จึงลุกไปเปิดประตู เป็นเฮียหนาที่เป็นคนมากดกริ่ง น้ำตาเธอไหลจากเป้าตา เธอโผลเข้าไปกอด

เฮียหนาไว้แน่น เสียงเธอร้องสะอืดสะอื้นอย่างกั้นเอาไว้ไม่อยู่ จนผมตกใจว่าเกิดเรื่องอะไรกับเธอ
เจี๊ยบคิดว่า เฮียหนา จะไม่มาหาเจี๊ยบอีกแล้ว แล้วเธอก็ยิ้มดีใจทั้งน้ำตา เมื่อหัวค่ำ เจี๊ยบโทรไปหาที่บ้าน

ไม่มีคนรับสาย เฮียหนา ไปไหนมาค่ะ หรือว่า ออกไปหาพี่นง เธอเงยหน้าขึ้นมองตาผม

ผมโล่งอก นึกว่าเกิดเรื่องร้ายกับเธอ แล้วหัวเราะออกมา เด็กโง่ ไป เข้าไปคุยในบ้าน เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟัง

ผมเล่าให้เธอฟังว่า นงเค้าต้องมาคุยเรื่องธุรกิจการค้าที่เมืองไทย จึงถือโอกาสไปหาผมที่ซอยบ้านเก่า

เจออาผม อาผมบอกว่าผมย้ายออกไปตั้งหลายปีแล้ว เลยให้เบอร์มือถือแก่เธอไป

เธอกะว่าคุยธุระเสร็จ ค่อยโทรนัดผมออกมาเจอกัน ไม่คิดว่าจะเจอผมก่อนในห้าง

และที่สำคัญ คือเธอแต่งงานแล้ว กับคนที่แม่และพ่อเลี้ยงเธอเลือกให้ เล่าถึงตรงนี้

น้องเจี๊ยบ ยิ้มแก้มแทบปริ ผมจึงแหย่เธอไปว่า ทำไมกลัวพี่จะกลับไปหาคนรักเก่าหรือไง

ขณะนั้น มีเสียงแตรรถที่หน้าบ้าน น้องเจี๊ยบจึงบอกว่า ลุงดิษฐ์กะป้านภาคงกลับจากงานเลี้ยงรุ่นแล้ว

จึงลุกออกไปเปิดประตูหน้าบ้าน ผมไหว้สวัสดีทั้งสอง หลังจากทั้งคู่เข้ามาในห้องรับแขกแล้ว

เออ..เฮียหนา อยู่ก็ดีแล้ว พอดีคืนนี้ไปเจอ เพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่ง เค้าฝากให้ผมช่วยดูญาติของเค้า

ที่กำลังป่วยอยู่ว่าจะรักษาหายไม๊ ผมเห็นว่า ถามผมในยามเสาร์ เรื่องเจ็บป่วย จึงบอกไปว่า

ให้ทำใจหน่อยก็ดี แต่จะเอาดวงชะตาไปดูให้ละเอียดอีกที ญาติเค้าเป็นชายเกิดวันที่ 14 มิย 2483

เวลาประมาณ 8.00 น. เศษ ที่ สุโขทัย เฮียหนา ลองดูซิว่าเป็นอย่างไง เฮียดิษฐ์เอ่ยถามผม

วันที่เฮียดิษฐ์ถามผม คือคืนวันที่ 21 พค 2556 ผมผูกดวงชะตาแล้ว มีความเห็นเหมือนกับเฮียดิษฐ์

ว่าเจ้าชะตา คงจะเสียในปีนี้แน่ มาทราบในภายหลังว่า เจ้าชะตาเสียชีวิตแล้ว เมื่อวันที่ 21 มิย 2556

เวลา ตีสองสี่สิบเอ็ด นาที ด้วยเลือดออกในกระเพาะอาหาร และติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง

ความดันขึ้นสูงมาก ทำให้ร่างกายไม่ฟอกเลือด ดวงนี้ผมลองผูกดวงแบบเลขเจ็ดตัว ได้ดังนี้นะครับ

6..7..1..2..3..4..5

7..1..2..3..4..5..6

5..6..7..1..2..3..4

18.14.10.6.9.12.15

เจ้าชะตา เสียชีวิต เมื่ออายุย่าง 74 ปี หลักการอ่านจรของเลขเจ็ดตัว มีหลากหลายวิธีมากมาย

แต่เท่าที่ ทดสอบกับดวงชะตา ในสมุดจดดวงมา การใช้ ทักษาเสวยอายุ ดูจะเข้าเป้ามากกว่าวิธีอื่น

โดยการดูวัย ว่าช่วงไหนของอายุจะดีขึ้นหรือจะร้ายลง ช่วงอายุ 68-77 ปีอยู่ในช่วง

ของดาวเสาร์เสวยอายุ ดาว 7 ในเลขเจ็ดตัว เป็น หินะ+ตนุ+กัมมะ ฐาน สิบ

บ่งบอกว่า วัยนี้จะแย่ลง เนื่องจาก ตรงกับภพ หินะ เผอิญว่าเจ้าชะตามาเจ็บป่วยในวัยนี้พอดี

อายุจรปีของระบบทักษาเสวยอายุ จะได้ดังนี้ครับ อายุย่าง 68 ปีตกภูมิดาว 7

อายุย่าง 69 ปีตกภูมิดาว 5 นับไปเรื่อยๆโดยไม่เข้าตากลางของทักษา

อายุย่าง 74 ปีก็จะตก ภูมิดาว 3 เราก็ใช้ภูมิกาลีจร เป็นการทายเรื่องไม่ดี

จะเห็นว่า ดาว 2 กาลีจร เป็น ปิตา+สหัชชะ+พยายะ ฐาน เกตุ

ปกติ ถ้าเจอ ฐานที่สี่ เป็น ฐานดาวเกตุ เรามักแปลว่า จะสามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆไปได้

แต่เนื่องจากดวงนี้ ดาววัยซึ่งก็คือ ดาว 7 ตกภพเสีย หินะ ไปหนึ่ง ดาวกาลีจร ยังตกภพเสียอีกหนึ่ง

ซึ่งก็คือ ดาว 2 พยายะ ถึงแม้ว่าจะตั้งอยู่บนฐานเกตุ ก็ตาม ผมจึงใช้ มหาภูตจรปี เป็นตัวตัดสินใจว่า

เจ้าชะตา จะหายป่วยหรือไม่ ปี 2556 วันสงกรานต์ ตรงกับวันเสาร์ มหาภูติจะได้ดังนี้ครับ

ดาว 1 เป็น ธงชัย

ดาว 7 เป็น อธิปติ

ดาว 6 เป็น ราชาโชค

ดาว 5 เป็น จรรี

ดาว 4 เป็น ขุมทรัพย์

ดาว 3 เป็น อริ

ดาว 2 เป็น มรณะ

จะเห็นได้ว่าปีนี้ มหาภูติ บ่งบอกว่า ดาว 2 ซึ่งเป็น ดาวกาลีจรปีของเจ้าชะตา
เป็น มรณะ ซึ่ง หมายถึง ความตายไปแล้ว จึงทำให้ เจ้าชะตาเสียชีวิตลงในปีนี้ครับ