ติดตามสถานะการณ์

Kaokala Fc
19 เม.ย. หวาดเสียว! รถบรรทุกรังผึ้งคว่ำที่รัฐวอชิงตัน ผึ้ง 13.7 ล้านตัวหลุดเต็มถนน



เกิดเหตุรถบรรทุกรังผึ้งพลิกคว่ำบนถนนเชื่อมระหว่างรัฐในรัฐวอชิงตัน ทำให้ผึ้งจำนวนมากหลุดบินว่อนเต็มถนน สร้างความลำบากแก่เจ้าหน้าที่ที่มาเก็บกวาดอย่างมาก...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุรถบรรทุกพลิกคว่ำบนถนนหลวงเชื่อมระหว่างรัฐหมายเลข 5 (ไอ-5) นอกเมืองซีแอตเติล ในรัฐวอชิงตัน เมื่อเวลาประมาณ 3:30น. วันศุกร์ที่ผ่านมา (17 เม.ย.) ทำให้รังผึ้งจำนวน 448 รัง และมีผึ้งอยู่ประมาณ 13.7 ล้านตัวตกลงบนถนน ขณะที่คนขับรถวัย 36 ปีไม่ได้รับบาดเจ็บ

ต่อมาเจ้าของสวนผึ้ง 'เบลล์วิลล์ ฮันนีย์ แอนด์ บีคีปิ้ง ซับพลาย' ในเมืองเบอร์ลิงตัน ได้ส่งคนเลี้ยงผึ้งพร้อมชุดป้องกันมาเพื่อจัดเก็บผึ้งและรังให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม ผึ้งมีความตื่นตัวมากขึ้นเมื่ออากาศเริ่มอบอุ่นหลังจากพระอาทิตย์ขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องฉีดโฟนใส่กล่องรังผึ้งบางส่วนเพื่อฆ่าแมลงเหล่านี้เพื่อความปลอดภัย

กล่องรังผึ้งจำนวนมากยังคงตกค้างอยู่บนถนน เป็นเวลานานถึง 7 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ ทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจใช้รถตกดินตักรังผึ้งทิ้งลงในรถขนขยะ เพื่อนำไปจัดการคัดแยกที่อื่นที่ปลอดภัยมากกว่าบนถนนไอ-5

ทั้งนี้ นายทราวิส เชียเรอร์ เจ้าหน้าที่สายตรวจในรัฐวอชิงตันเปิดเผยว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นในขณะที่รถบรรทุกกำลังขนรังผึ้งจากเมือง ซันนีไซด์ ตอนกลางของรัฐ ไปยังไร่บลูเบอร์รีแห่งหนึ่งในเมืองลีนดอน ใกล้ชายแดนประเทศแคนาดา ซึ่งหางจากเมืองซีแอตเติลไปทางเหนือราว 100 ไมล์

หลังเกิดเหตุ ผู้สื่อข่าวรวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ถูกส่งมา พยายามทำหน้าที่ของตัวเองโดยใช้มือหรืออุปกรณ์ปัดป้องผึ้งเป็นพัลวัน โดยสถานีโทรทัศน์ เคไออาร์โอ ของเมืองซีแอตเติล แพร่ภาพผู้สื่อข่าวของพวกเขา รายงานข่าวในที่เกิดเหตุโดยปัดป้องผึ้งไปด้วย ขณะที่นายเชียเรอร์กล่าวว่า เขาเชื่อว่าทุกคนในที่เกิดเหตุ ถูกผึ้งต่อยกันถ้วนหน้า

หวาดเสียว! รถบรรทุกคว่ำที่รัฐวอชิงตัน ผึ้ง 13.7 ล้านตัวหลุดเต็มถนน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

Vda Nong ผ่าน Now TV 26



สุนัขสหรัฐเจอไวรัสหวัดเอเชียระบาด
เจ้าหน้าที่สหรัฐเผย ไวรัสไข้หวัดสุนัขสายพันธุ์ใหม่จากเอเชีย แพร่ระบาดออกไปในหลายรัฐ มีสุนัขติดเชื้อแล้วหลายพันตัว และเสียชีวิตไปแล้ว 6 ตัว
ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน เมดิสัน และมหาวิทยาลัยคอร์แนลล์ พบว่า สหรัฐกำลังเจอการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดสุนัข หรือซีไอวี สายพันธุ์ เอช3เอ็น2 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พบเป็นวงกว้างทางตอนใต้ของจีน และเกาหลีใต้ แต่ไม่เคยพบในภูมิภาคอเมริกาเหนือมาก่อน
สหรัฐพบไวรัสไข้หวัดชนิดนี้ เป็นครั้งแรกในสัตว์เลี้ยงที่ชิคาโก เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และปัจจุบัน พบสุนัขติดเชื้อหลายพันตัว ในรัฐอิลลินอยส์ วิสคอนซิน โอไฮโอ และอินเดียนา โดยในนครชิคาโกนั้น พบสุนัขติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ 1,137 ตัว เสียชีวิตไปแล้ว 6 ตัว ซึ่งสุนัขที่ติดเชื้อไวรัสนี้ จะมีอาการการไอเรื้อรัง จมูกแห้ง ไม่อยากอาหาร และเป็นไข้
จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าซีไอวี สายพันธุ์ เอช3เอ็น2 นี้ แพร่ระบาดเข้ามาในสหรัฐได้อย่างไร แต่มีความเป็นไปได้ว่า จะมาจากสุนัขเอเชีย ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐ ในขณะที่ยังไม่ปรากฏอาการของโรค
อย่างไรก็ดี ทางการได้ออกมาเตือนเจ้าของสุนัขไม่ให้วิตกต่อไวรัสชนิดนี้มากนัก เพราะเป็นไวรัสสายพันธุ์ที่ไม่ค่อยมีอันตราย แต่เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ใหม่ ทำให้สุนัขยังไม่มีภูมิคุ้มกัน จึงติดเชื้อได้ง่าย และว่า แมวก็สามารถติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้เช่นกัน แต่ไม่ติดต่อถึงคน

สุนัขสหรัฐเจอไวรัสหวัดเอเชียระบาด - NOW26.TV

 

ปอกเปลือก ทรราช
สัญญาณบ่งบอกจุดเสื่อมของจักรวรรดิอเมริกา ยุโรปต่อต้าน TTIP ของสหรัฐฯ อย่ายุ่งกับประชาธิปไตยในอียู



-----------------
อ่านหัวข้อข่าวแล้วชวนงง... การค้าเสรีมันเกี่ยวอะไรกับประชาธิปไตยในยุโรปด้วย? มันเกี่ยวกับเรื่องการค้าเสรีที่ TPP และ TTIP ของสหรัฐฯที่จะกระทำกับเอเซียและยุโรปอย่างที่ได้เล่าให้ฟังบางส่วนในโพสต์ก่อนหน้านี้ ซึ่งยังไม่ละเอียดนัก คราวนี้จะเล่าให้ฟังถึงความเป็นไปเป็นมาพอให้ได้พื้นฐานบ้างนะครับ
ตอนนี้สภาคองเกรสของสหรัฐฯกำลังพิจารณาร่างกฏหมายที่รู้กันว่า "อำนาจในการสนับสนุนด้านการค้า" ("Trade Promotion Authority" bill) ซึ่งเรียกชื่อย่อว่า "TPA" หากกฎหมายฉบับนี้ผ่าน ก็จะเป็นการเพิ่มอำนาจให้ปธน.โอบาม่ามีอำนาจในการกำหนดข้อตกลงด้านการค้าเช่น Trans-Pacific Partnership (TPP) เป็นข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหรัฐฯกับกลุ่มประเทศเอเซีย และ Transatlantic Trade and Investment Partnership (TTIP) ที่สหรัฐฯกำหนดเขตการค้าเสรีกับกลุ่มประเทศในยุโรป
ภายใต้กฎหมาย TPA ของสหรัฐฯนี้ สภาครองเกรสอาจจะโหวตว่าจะอนุมัติข้อตกลงในเรื่องการค้ากับประเทศหุ้นส่วนที่เป็นสมาชิกหรือไม่ แต่จะไม่อนุญาตให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายหรือข้อตกลงใดๆในภายหลังได้เลย นอกจากนี้กฎหมายดังกล่าวยังเปิดช่องให้สหรัฐฯใช้เรื่องสิทธิมนุษยชนมาเป็นเงื่อนไขในการตกลงด้านการค้าเสรีอีกด้วย เพื่อเป็นเครื่องมือในการกดดันประเทศต่างๆที่ทำการค้ากับสหรัฐฯเมื่อสหรัฐฯเริ่มมีความรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเสียเปรียบด้านการค้า สหรัฐฯก็จะใช้องค์กร NGO และหน่วยงานต่างๆที่ตัวเองส่งไปแฝงไว้ในประเทศเหล่านั้นออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยชูเรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศเหล่านั้น เปิดโอกาสให้สหรัฐฯใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย TPA สั่งแบนหรือห้ามสินค้าจากประเทศเหล่านั้นได้แม้จะเป็นพันธมิตรของอเมริกาเองก็เถอะ
ประเทศไทยถูกอเมริกาและอียูใช้ไม้นี้มาบ่อยแล้ว และตอนนี้อเมริกากำลังจะใช้วิธีเดียวกันนี้เล่นงานพันธมิตรของตัวเองในยุโรปอีกด้วย คราวนี้ชาวยุโรปเริ่มตื่นตัวรู้ธาตุแท้ของอเมริกามากขึ้นเรื่อยๆแล้ว มีแต่คนไทยและเอเซียบางกลุ่มเท่านั้นที่ยังหน้ามืดตามัวหลงมนต์ดำของโอบาม่าอยู่ นี่คือความเจ้าเล่ห์ของสหรัฐฯ สามารถเอาเปรียบได้ทุกประเทศ ไม่เว้นแม้แต่พวกเดียวกันเอง
คราวนี้ชาวยุโรปเขาตื่นรู้แล้วว่ากฎหมาย TPA ของสหรัฐฯมีลักษณะเป็นเผด็จประชาธิปไตย ที่ออกโดยรัฐบาลของสหรัฐฯแต่เพียงฝ่ายเดียว ตรงตามที่โอบามาออกมาพูดก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐฯเท่านั้นที่จะเป็นผู้เขียนกฎเศรษฐกิจโลก ไม่ใช่จีน ทั้งๆที่จีนแค่ชักชวนประเทศต่างๆทั่วโลกเข้าร่วมก่อตั้งธนาคาร AIIB อย่างที่สหรัฐฯตั้ง IMF และ World Bank เท่านั้น แต่อเมริาบอกว่าจีนกำลังจะเขียนกฎเศรษฐกิจโลกซะงั้น พวกสมุนอเมริกาก็ออกมาประโคมข่าวรับลูกของเมริกาว่าจีนจะครองโลก แต่ไม่มายหากอเมริกาจะทำอย่างไรกับโลกก็ได้ ชาวยุโรปมองว่านี่เป็นการละเมิดอธิปไตยและสิทธิต่างๆของยุโรป
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเกิดการพร้อมใจกันประท้วง TTIP ของสหรัฐฯในหลายเมืองและหลายประเทศทั่วยุโรปทั้งในอังกฤษ เบลเยี่ยม เยอรมันนี สเปน ไม่เว้นแม้กระทั่งออสเตรเลียลูกกระเป๋งของสหรัฐฯเอง รวมแล้วมีการประท้วง Anti-TTIP ของสหรัฐฯมากกว่า 700 แห่งทั่วโลก
กลุ่มผู้ประท้วงของสเปนกล่าวว่า "ถ้าการค้าเสรี TTIP ผ่านมันจะเป็นเหมือนพายุเฮอร์ริเคนขนาดใหญ่ ที่จะกวาดล้างสิทธิ์ต่างๆของพวกเอาออกไปหมด จุดประสงค์ [ของการประท้วง] คือเพื่อหยุดมัน เพื่อไม่ใช้กฎหมายดังกล่าวผ่าน TTIP เป็นกฎหมายที่ไม่สามารถแก้ไขได้" (สมัยก่อนนี้ไทยก็ออกมาประท้วงการค้าเสรีของอเมริกาที่กำลังจะเข้ามาในไทยโดยบอกว่ามันจะเป็นเหมือนซึนามิถล่มไทยอีกรอบ เกิดการต่อต้านอย่างในยุคทักแม้ว จนสหรัฐฯต้องยอมถอย ต่อมาในยุคยิ่งรั่วมาอีกหละ สหรัฐฯบอกว่าอยากจะรื้นฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาใหม่ ทางรัฐบาลของยิ่งรั่วบอกว่ามีความสนใจในโครงการดังกล่าว เออ… เอาเข้าไปเรื่องกินน้ำใต้ศอกของสหรัฐฯนี่ถนัดกันนัก พวกอียูเขาไม่เอาแล้ว แต่บางคนในไทยก็ยังจะเอาอีก แต่เรื่องนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ โชคดีเป็นของประเทศไทย)
ทางออสเตรเลียบอกว่า "ประชาธิปไตยไม่ใช่คลังสินค้า และ TTIP คือการรวบอำนาจที่เป็นอันตรายต่อสิทธิมนุษยชน" อีกกลุ่มหนึ่งของอียูออกมากล่าวว่า "TTIP เป็นการโจมตีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง" ส่วนที่ลอนดอนนั้นมีหลายกลุ่มออกมารวมพลังกันต่อต้านการค้าเสรีของอเมริกาเป็นอย่างมาก แต่สื่อฯหลักของอังกฤษและสหรัฐฯที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลพวกนั้นไม่ลงข่าวนี้เลย แปลกมะ?
คำถามก็มีอยู่ว่าทำไมประเทศประชาธิปไตยในอียูพันธมิตรของสหรัฐฯแท้ๆ ยังมีความรู้สึกว่าสหรัฐฯกำลังจะทำลายระบบประชาธิปไตยของพวกเขา (อียู) ซะเอง? ทำไมอียูถึงมีความรู้สึกว่าประชาชนของพวกเขากำลังถูกเอารัดเอาเปรียบจากสหัฐฯ? พักหลังนี้การต่อต้านสหรัฐฯในอียูเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ได้รับการสนับสนุนมากขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มผู้นำประเทศในยุโรปกำลังหันหลังให้จักรวรรดิอเมริกา แต่สหรัฐฯยังใช้วิธีเดิมๆคือโฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อฯของตนเป็นหลัก ล่าสุดอเมริกาก็ทุ่มเงินหลายสิบล้านตั้งสำนักข่าวด้านการเมืองขึ้นในยุโรป "Politico" อ้างว่าเพื่อปรับภาพพจน์ใหม่ให้กับพวกผู้นำและนักการเมืองในยุโรป ให้ดู "น่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้น"
มีการหว่านซื้อตัวนักข่าวมากกว่า 35 ราย จาก 20 ประเทศ มาร่วมงานด้วย นี่เป็นการเดินเกมทางการเมืองใช้สื่อฯของตนเองแทรกแซงและสร้างอิทธิพลในระดับประชาชนให้หลงเชื่ออเมริกาแทนรัฐบาลของประเทศนั้น มันเป็นวิธีการแทรกแซงทางการเมืองและกดดันรัฐบาลอียูที่ไม่ยอมทำตามคำสั่งของสหรัฐฯ อย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในประเทศไทยในตอนนี้ สังเกตได้จากพฤติกรรมของสื่อฯ การตั้งคำถาม การนำเสนอข่าวที่เน้นโจมตีรัฐบาลไทยเป็นหลักทั้งสื่อฯไทยและสื่อฯเทศ ทั้งสื่อฯทั่วไปและในโลกออนไลน์
พวกนี้เขาทำกันเป็นขบวนเป็นเครือข่าย มีทุนอุดหนุนอยู่ลับๆ จะบอกว่าเป็นเพราะอุดมการณ์นั้นคงจะไม่ใช่หละ เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่สื่อฯขี้ข้าอเมริกาเหล่านั้นเขียนไม่พบว่าจะมีความยุติธรรมและเป็นกลางตรงไหนเลย ไม่พบว่าจะมีการลดความแตกแยกของคนในสังคมได้ตรงไหนเลย ตอนนี้สหรัฐฯกำลังใช้สื่อฯในเครือของตัวเองเล่นงานทุกประเทศที่เป็นเป้าหมายไม่เว้นแม้แต้พันธมิตรของตนในยุโรป
สังเกตไหมว่าตั้งแต่ทูตคนใหม่ของอเมริกาเข้ามารับตำแหน่งในไทยนี้ พวกสื่อฯ ไร้สำนึกในความรักชาติจะขยันออกหมัดและดิ้นกันน่าดู ทั้งในโลกออนไลน์และในสื่อฯทั่วไป ยิ่งในช่วงที่ไทยกำลังสนิทสนมกับจีนและรัสเซียนี้ สมุนอเมริการะดับต่างๆทั้งอดีตนักการเมือง นักวิชาเกิน นักคอลัมนิสต์ กระจอกข่าว เกรียนการเมือง นักเลงคีย์บอร์ด จะดาหน้าออกมาเขียนถึงความน่ากลัวของจีนและรัสเซียอย่างนั้นอย่างนี้ พวกนี้พยายามแทรกซึมเข้าไปตามกลุ่มต่างๆแบบเนียนๆ แต่สุดท้ายก็จะโผล่หางออกมาให้เห็นได้โดยง่าย ผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้นกัน มีข้อมูลไม่เพียงพอก็จะตกเป็นเหยื่อของสมุนอเมริกาได้โดยง่าย
The Eyes
19/04/2558
---------------
Secretive trans-Atlantic trade pact faces global day of action (PHOTOS, VIDEO) — RT News
US lawmakers agree to fast-track secretive international trade deals — RT USA
http://rt.com/uk/250617-ttip-creative-protest-london/
TTIP Would Boost Corporate Power Over States, People – Spanish Party / Sputnik International
Free Trade Deal With US Would Undermine Europeans’ Rights - Parliamentarian / Sputnik International
Some 22,000 Participated in Anti-TTIP Protests Across Austria – Organizers / Sputnik International
US to Make Image of European Leaders More 'Thrilling' – German Media / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช



เก็บภาพแหล่มๆจากรัสเซียมาฝาก เดี๋ยวค่อยเข้าสู่โหมดเล่าข่าวประจำวันกันต่อไป...
ภาพเหล่านี้มาจากสองชุดด้วยกัน ชุดแรกเป็นการประกวดนางงามรัสเซียประจำปี 2015 (Miss Russia national beauty contest) จัดขึ้นที่ศูนย์การแสดงคอนเสิร์ต Barvikha ในกรุงมอสโคว์เมื่อวันที่ 18 เม.ย.2558 ที่ผ่านมา ผู้ที่คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งคือ "Sofia Nikitchuk" อายุ 21 ปี
ส่วนภาพชุดที่สอง เก็บจากการแสดงละครสัตว์และการแสดงกายกรรม เนื่องในวันละคร (Circus Day) ซึ่งจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 3 ของเดือนเมษายน ณ กรุงมอสโคว์ จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2010
The Eyes
20/04/2558
-----------
Beauty is Power: Miss Russia 2015 Pageant / Sputnik International
Where Magic Meets Reality: History of Circus / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
คาซัคสถานต้องการลงทุน $20 billion ในโครงการคมนาคมเชื่อมต่อเส้นทางสายไหมของจีน



---------------
จับกระแสจีนและรัสเซียเดินหน้าทุ่มทุนมหาศาลพัฒนาระบบเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐาน ในขณะที่สหรัฐฯมุ่งก่อสงครามทั่วโลกหากินกับการค้าอาวุธและความตายของชาติอื่น
คุยข่าวเศรษฐกิจติดๆกันมาหลายโพสต์แล้ว รู้สึกว่ามันอีกแบบนึงนะ... ไม่น่าเบื่อ ไม่ปวดหัว เพราะมันมีทั้งเรื่องเศรษฐกิจและเกมการเมืองระหว่างประเทศของชาติมหาอำนาจเข้าไปเกี่ยวด้วย ทำให้เราได้รู้ว่าทิศทางของกระแสโลกนั้นกำลังเป็นไปในทางใด ใครได้มิตรเพิ่มขึ้น มิตรเก่าของใครกำลังหดหาย และเขากำลังทำอย่างไรกับมิตรเก่าของเขาถึงเกิดการต่อต้านขนาดนั้น เพื่อให้เห็นภาพในวงกว้างของการร่วมมือกันทางเศรษฐกิจในฝรั่งที่อเมริกาคิดว่าเป็นศัตรูคู่แข่ง ให้เห็นการเดินเกมของแต่ละฝ่ายได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น จึงจะขอเอาข่าวเศรษฐกิจมาเล่าให้ฟังอีกซักหน่อยนะครับ
เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา sputnik รายงานว่าทางประเทศกาซัคสถาน (พันธมิตรของรัสเซีย) กำลังวางแผนที่จะลงทุนมากกว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 6.5 แสนล้านบาท) ภายในปี 2020 ในอุตสาหกรรมด้านการคมนาคมเพื่อให้เป็นประเทศด้านการขนส่งหลักระหว่างตลาดจีนกับยุโรปที่กำลังบูมอยู่ในขณะนี้ ในปี 2556 ปธน.สี จิ้นผิงของจีนได้เสนอไอเดียที่จะสร้างเส้นทางสายไหม (Silk Road) แห่งใหม่ขึ้นมา ซึ่งจะเชื่อมโยงระหว่างจีน ยุโรปเข้าด้วยกันและขยายความร่วมมือระหว่างเอเซียและแอฟริกา อภิมหาโปรเจ็คนี้จะช่วยให้จีนสร้างสายสัมพันธ์ทางด้านการเมือง เช่นเดียวกับการส่งเสริมกิจกรรมด้านการค้าและเศรษฐกิจจากคาบสมุทรแฟซิฟิกไปจนถึงทะเลบอลติก
แน่นอนทางคาซัคสถานต้องการที่จะเข้าร่วมกับโครงการอภิมหาโปรเจกนี้ด้วย Zhenis Kasymbek รมช.ด้านการลงทุนและการพัฒนาของคาซัคสถานกล่าวว่า "นโยบายทางด้านเศรษฐกิจฉบับใหม่ของคาซัคสถานมุ่งความสนใจไปที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมและโลจิสติกเป็นหลัก ในปี 2557 ประเทศคาซัคสถานลงทุนไปแล้วถึง $2.5 billion (ประมาณ 8.1 หมื่นล้านบาท) และระหว่างปี 2558-2560 นี้จะสำรองเงินประจำปีจากกองทุนแห่งชาติไว้ที่ $3 billion (ประมาณ 9.7 หมื่นล้านบาท) ต่อปี โดยรวมแล้วคาซัคสถานวางแผนเพื่อการลงทุนมากว่า $20 billion ภายในปี 2563 ในการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านการขนส่ง" นี่คือตัวอย่างของอีกหนึ่งประเทศที่จะไม่ยอมให้โอกาสงามๆทางเศรษฐกิจหลุดมือไป
The Eyes
20/04/2558
-----------
Glorious Plan of Kazakhstan: Astana to Spend $20Bln on Silk Road Project / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
รัสเซียปล่อยกู้ให้ปากีสถาน 2 หมื่นล้านยูเอสสำหรับโครงการก่อสร้างท่อแก๊ส LNG



---------------
เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ปากีสถาน (เด็กในคอนโทรลของสหรัฐฯ) และรัสเซียได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันภายใต้เงื่อนไขว่าทางกรุงมอสโคว์จะให้กรุงอิสลามาบัดยืมเงินจำนวน $2 billion (ประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท) เพื่อใช้ในการก่อสร้างวางท่อแก๊ส (LNG) จากเมือง Karachi ไปยังเมือง Lahore ภายในประเทศปากีสถานเอง
แต่ในการแลกเปลี่ยนกันนี้ บริษัทของรัสเซียจะได้รับสัญญาในการก่อสร้างท่อส่งแก็สแทน บริษัทผู้รับเหมาของรัสเซียจะก่อสร้างแนวท่อแก๊สเป็นระยะทาง 1,100 กิโลเมตร การส่งออกแก๊สงวดแรกจะเริ่มขึ้นในปี 2559 และรัสเซียยังได้เสนอขายแก๊สให้ปากีสถานด้วย นี่ไม่ใช่ข้อตกลงความร่วมือขนาดใหญ่ครั้งเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานระหว่างสองประเทศนี้ ในอดีตนั้นสหภาพโซเวียตได้ให้การสนับสนุนด้านการเงินในการก่อสร้างโรงงานเหล็กที่เป็นของรัฐบาลปากีสถานเองมาแล้วภายใต้ข้อตกลงในลักษณะเดียวกันนี้ โซเวียต (?) ยังได้ให้ความช่วยเหลืออุปกรณ์ขุดเจาะน้ำมันให้กับบริษัทน้ำมันและแก๊สที่เป็นของรัฐให้กับปากีสถานมาก่อนและอุปกรณ์บางอย่างยังสามารถใช้งานมาได้จนถึงทุกวันนี้
เป็นไงครับการเดินหมากของปูติน... ปล่อยกู้เองแล้วก็รับเหมาก่อสร้างเอง คล้ายกับโครงการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลายแห่งในตุรกีที่ปูตินพึ่งไปบรรลุข้อตกลงมา ปล่อยกู้เองรับเหมาเองดอกเบี้ยต่ำๆ จนอียูประท้วงเพราะชวดโครงการนี้หาข้ออ้างว่าไม่ผ่านมาตรฐานของอียูเอาดื้อซะงั้น อยากได้งานก็ไม่ไปขอเขาดีๆ ยังทำเป็นเบ่งใส่เขาอีกนิสัยเหมือนใครหว่า... (เคยเล่าให้ฟังแล้ว เอาสั้นๆแค่นี้พอนะ)
+ การเดินเกมของปูตินกรณีตุรกี
---------------
ไหนๆก็พูดถึงตุรกีแล้ว ขอนอกเรื่องซักนึงนะ ทำไมปูตินถึงสนใจตุรกีมาก? นอกจากเรื่องเศรษฐกิจแล้วยังมีเหตุผลด้านยุทธศาสตร์การเมืองภูมิภาคเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนะ ตุรกีนั้นอยู่คนละฟากทะเลดำกับไคร์เมีย มีชายแดนยาวไปตามทะเลดำมากกว่าประเทศอื่นโดยรอบ และตุรกีก็เป็นชาติสมาชิกของนาโต้ด้วยเข้าร่วมนาโต้ในปี 2495 (18 February 1952) ชายแดนด้านหนึ่งของตุรกีติดกับซีเรีย อิรัค และอิหร่าน (ดูแผนที่ประกอบ) ไอซิสมันระบาดอยู่แถวซีเรีย ก่อนหน้านี้ก็ออกมาขู่ว่าจะรุกเข้าไปในยุโรปผ่านเส้นทางตุรกี หากตุกรีไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งบางอย่างของสหรัฐฯไอซิสก็จะเข้าไปก่อนเหตุในตุรกีด้วย หลังจากที่ตุรกียอมอะลุ่มอหล่วยให้สหรัฐฯให้สนามบินและน่านฟ้าไปถล่มซีเรีย และยอมร่วมซ้อมรบกับนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯในทะเลดำเพื่อหาเรื่องรัสเซีย ก็ไม่มีข่าวว่าไอซิสจะบุกตุรกีโผล่ออกมาอีกเลย ตลกไหมหละ?
รัสเซียกำลังจะวางท่อแก็สของตนผ่านตุรกีไปยังกรีซเพื่อเข้าสู่ยุโรปตอนใต้และตะวันตก ถ้าไอซิสเข้ามาป่วนตุรกี (ซึ่งดูเหมือนว่าสหรัฐฯจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น) ก็จะมีผลกระทบต่อผลประโยชน์ของรัสเซียได้ การส่งกองกำลังทางทหารเข้าไปเข้าไปช่วยเหลือตุรกีเพื่อเตะก้นไอซิสออกจากตุรกีให้อยู่ห่างท่อแก๊สและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ในอนาคตนั้น ย่อมเป็นเหตุผลที่ตุรกียอมรับได้ อีกอย่างเพื่อถ่วงดุลอำนาจของสหรัฐฯในตุรกีด้วย และก็จะได้ช่วยซีเรียปราบไอซีสและฟื้นฟูซีเรียได้ในอนาคตด้วย ก็เป็นอย่างนี้แล
The Eyes
20/04/2558
-----------
Russia to Lend Pakistan $2 Billion for Gas Pipeline Construction / Sputnik International
http://www.investasian.com/…/chinas-new-silk-road-benefit-…/
http://www.world-nuclear.org/…/Countr…/Countries-T-Z/Turkey/
Member states of NATO - Wikipedia, the free encyclopedia

 

ปอกเปลือก ทรราช

กรีซเตรียมลงนามข้อตกลงมูลค่า €5 billion ร่วมกับรัสเซียในโครงการท่อแก๊สแนว Turkish Stream



---------------
เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา sputnik รายงานว่าในวันอังคารที่จะถึงนี้ (21 เม.ย.) กรีซกับรัสเซียจะลงนามร่วมกันระดับทวิภาคีในโครงการก่อสร้างท่อแก๊สเส้น Turkish Stream มูลค่า 5 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.76 แสนล้านบาท) ซึ่งโครงการดังกล่าวจะทำให้กรีซกลายเป็นฮับในการส่งแก๊สเข้าสู่ยุโรปทางตอนใต้และตะวันตกได้ ข้อตกลงนี้เกิดจากที่นายกฯกรีซได้เดินทางเข้าพบปูตินที่กรุงมอสโคว์เมื่อเร็วๆนี้จะทำให้ทางอียูควันออกหูบอกว่ากรีซกำลังจะทำให้อียูแตกแยกกัน ทั้งๆที่กรีซมาขอคำปรึกษาและความช่วยเหลือจากปูตินเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของกรีซ ที่ถูกเจ้าหนี้ทรอยก้ารุมกินโต๊ะอยู่ในขณะนี้
ตามข้อตกลงนี้กรีซจะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัสเซียประมาณ 3-5 พันล้านยูโรซึ่งจะเป็นการชำระค่าขนส่งแก๊สล่วงหน้าจากรัสเซียไปยังประเทศต่างๆในยุโรปผ่านดินแดนของกรีซ อัตราการส่งแก๊สผ่านเส้น Turkish-Greece Stream นี้คาดว่าจะอยู่ที่ 63,000 ล้านคิวบิกเมตรต่อปี ส่วนเรื่องราคาแก๊สนั้นยังไม่ได้มีการกำหนด
The Eyes
20/04/2558
-----------
Greece Plans to Sign €5 Bln Deal With Russia on Turkish Stream Pipeline / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
รัสเซียทุ่มเงินอีก $2.2 billion ในการพัฒนาไคร์เมียให้ทันสมัยภายในปี 2558 นี้



---------------
เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา sputnik รายงานว่ารัสเซียวางแผนทุ่มเงินจำนวน 113 billion ($2.2 billion) คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 71,500 ล้านบาทในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในไคร์เมียให้ทันสมัย ซึ่งเริ่มพัฒนาไปพร้อมๆกับโครงการ Silicon Valley อุตสาหกรรมด้านไอทีในแหลมไคร์เมียด้วย
Andrey Sokolov รองนายกฯประจำไคร์เมียได้ประกาศในที่ประชุมทางด้านเศรษฐกิจที่เมือง Yalta (ไคร์เมีย) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่าจำนวนเงินที่จะสำรองเพื่อใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในไคร์เมียนั้นจะเทียบเท่ากับจำนวนเงินที่ได้ใช้ไปในการเตรียมงาน Sochi Olympics ในปี2557 ที่ผ่านมา และในปีที่จะถึงนี้ทางรัสเซียจะเพิ่มจำนวนเงินขึ้นให้ด้วย นอกจากนี้แล้วรัสเซียยังวางแผนที่จะเพิ่มงบประมาณในการพัฒนาทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจในไคร์เมียขึ้นอีก 9 หมื่นล้านรูเบิลในอีก 5 ปีข้างหน้า
ภายในปี 2563 นี้ (2020) รัสเซียมีแผนที่จะเริ่มต้นปฏิบัติการอนาล็อกของซิลิกอนวัลเลย์ (Silicon Valley) รัสเซียบอกว่าจะทำให้แหลมไคร์เมียให้กลายเป็นบ้านแคลิฟอร์เนียศูนย์รวมบริษัทขนาดใหญ่ด้านไฮเท็คที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเรียกโครงการนี้ว่า "Digital Valley of Crimea"
ไคร์เมียรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในเดือนมีนาคมปี 2557 จากผลของการโหวตทำประชามติ 96% สนับสนุนให้รวมไคร์เมียเข้ากับรัสเซีย ในเดือน พฤศจิกายนปีเดียวกันนี้ ปธน.ปูตินได้ลงนามกฎหมายของรัฐบาลกลางกำหนดให้ไคร์เมียเป็นเขตเศรษฐกิจเสรีด้านการค้าทั้งในส่วนของสาธารณรัฐฯไคร์เมียและเขต Sevastopol ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญและเป็นฐานทัพหลักของรัสเซียในแหลมไคร์เมียด้วย ดังนั้นทางรัสเซียจึงไม่ปล่อยให้ Sevastopol ขึ้นตรงต่อสาธารณรัฐไคร์เมียแต่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางของรัสเซียแทน
ส่วนโครงการก่อสร้างสพานเชื่อมรัสเซียเข้ากับไคร์เมียนั้นตอนนี้กำลังเริ่มดำเนินการถมชายทะเลบางส่วนและเริ่มตอกเสาเข็มแล้ว ทำไมพอไคร์เมียเข้ามาอยู่กับรัสเซียความเจริญถึงได้ตามมารวดเร็วขนาดนี้ ต่างกับสมัยที่เป็นส่วนหนึ่งของยูเครนมาก่อน? ก่อนหน้าทางยูเครนพยายามหาทางกลั่นแกล้งไคร์หลายวิธี กระทำแม้กระทั่งการงดจ่ายน้ำประปาให้กับไคร์เมียเอาดื้อๆ เพราะยูเครนให้เหตุผลว่าตอนนี้ไคร์เมียไม่ใช่ของยูเครนอีกต่อไปจึงไม่จำเป็นต้องจ่ายน้ำประปาให้อีก แต่ก็ไม่วายออกมาประท้วงและกล่าวหารัสเซียอยู่เรื่อยๆ คิดตื้นๆ แทนที่จะเก็บค่าน้ำสร้างได้ให้ประเทศตัวเอง กลับตัดรายได้ซะงั้น ทางรัสเซียก็ส่งทหารรีบต่อสายดึงน้ำมาจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่ของยูเครนจ่ายเข้าระบบประปาของไคร์ไปก่อนแบบฉุกเฉิน และเร่งพัฒนาระบบการจ่ายน้ำประปาของไคร์ให้มีความมั่นคงต่อไป
The Eyes
20/04/2558
-----------
New Pipelines Start Supplying Fresh Water to Crimea / Sputnik International

 

Chalee Na Roied



เมื่อวานนี้ผมแชร์คลิ๊ป การฝึกทางทหาร ของกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของสหรัฐ ในแคร์ลิฟอร์เนียนะครับ เช้านี้ทางเว็บ "zerohedge" ก็ได้นำคลิ๊ปดังกล่าว มาเผยแพร่เช่นกัน และนอกจากนี้ยังมีการ นำความเห็นของ ชาวอเมริกัน ที่อาศัยในพื้นที่แถบนั้น ที่พูดถึงเรื่องดังกล่าวว่า พวกเขาอยู่ในพื้นที่แถวนี้มาเกือบ 30 ปี แต่ยังไม่เคยเห็นการฝึกในลักษณะนี้มาก่อน http://www.zerohedge.com/…/caught-tape-national-guard-troop…
เพราะฉะนั้นน่าจะชัดเจนครับว่า ตอนนี้ในสหรัฐเอง กำลังมีการเตรียมการ เพื่อรับมือเหตุจราจล หรือความวุ่นวาย ซึ่งยังไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องใด แต่ถ้าให้วิเคราะห์ แนวโน้มที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ หายนะทางเศรษฐกิจ และการรีเซ็ต ระบบการเงินของโลก รวมถึงสงครามโลก จากการเผชิญหน้ากับรัสเซีย US Combat Troops Prepare Ukraine for Escalated Aggression | Global Research - Centre for Research on Globalization
เพราะตอนนี้ชัดเจนว่า เศรษฐกิจโลกกำลัง เข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเป็นอย่างยิ่ง และยิ่งนานวัน ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเริ่มลดลง ทำให้ตลาดหุ้นเริ่มเกิดความปั่นป่วน มีความไม่แน่นอน จนมีการปรับขึ้นลงอย่างผิดปรกติแทบจะทุกวัน ในหลายๆประเทศ แม้แต่ในสหรัฐเอง http://kingworldnews.com/50-year-veteran-warns-todays-plun…/
แน่นอนครับสิ่งหนึ่ง ที่สามารถเบี่ยงเบน ความสนใจของสาธารณะชน จากทิศทางเศรษฐกิจ และสามารถตกเป็นข้ออ้าง จากความผิดพลาดของรัฐบาล และนโยบายเศรษฐกิจ ของธนาคารกลางสหรัฐ ก็คือ สงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งรัฐบาลวอชิงตัน จะต้องทำทุกอย่างเพื่อจุดชนวน สงครามกับรัสเซียขึ้นให้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป และยากเกินกว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งเรื่องนี้แม้กระทั่ง ดร.พอลล์ เครค โรเบิร์ต อดีต ผู้ช่วย รมต.คลังสหรัฐในยุค ปธน.เรแกน ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า รัฐบาลสหรัฐเวลานี้กำลังจะทำในสิ่งที่ เรียกว่าการสังหาร ชาวอเมริกันและประชากรโลก อีกหลายล้านคน จากสถานการณ์ที่อาจนำไปสู่ สงครามนิวเคลียร์กับรัสเซีย http://www.paulcraigroberts.org/…/will-washington-kill-us-…/
เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องแปลกใจนะครับว่า ทำไมถึงมีการฝึกและความเคลื่อนไหวทางทหาร บ่อยขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่สงครามในตะวันออกกลาง ก็เริ่มบานปลายออกไปเรื่อยๆ ในห้วงที่ระบบการเงินของโลก นโยบายของธนาคารกลาง ก็เริ่มเจอหนทางที่ตีบตัน เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่กำลังเกิดขึ้นได้จากนโยบายที่ออกมาเพราะธนาคารกลางทั้งโลก ถูกออกแบบให้ดำเนิน นโยบายไปในทางเดียวกันนั่นเอง The Bank of International Settlements: Meet The Secretive Group That Runs The World | Global Research - Centre for Research on Globalization
และไม่ใช่ความบังเอิญครับ ที่ผู้อยู่เบื้องหลังรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งเป็นเจ้าของธนาคารกลางเหล่านี้ สามารถที่ทำให้ รัฐบาลของทุกประเทศทั่วโลก ต้องทำสงครามและสร้างความขัดแย้ง ผ่านการควบคุมสถาบันการเงิน หรือธนาคารกลางของประเทศมหาอำนาจ และธนาคารกลางของ หลายประเทศทั่วโลก บีบให้ทุกประเทศจะต้องทำทุกอย่าง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตน Bankers Hate Peace: All Wars Are Bankers’ Wars | Global Research - Centre for Research on Globalization
เพราะในยุคแห่งทุนนิยมสามานย์ คนส่วนใหญ่มีความโลภและเห็นแก่ตัว..."บูชาเงินบ้าวัตถุ เห็นเงินและวัตถุ สำคัญกว่าพระเจ้านั่นเอง"...

 

Chalee Na Roied

มีคนเผยคลิ๊ปวีดีโอ ที่แอบถ่ายในห้างสรรพสินค้าวอลล์มาร์ตแห่งหนึ่ง ที่อ้างว่ากำลังต้องปิด เพื่อซ่อมระบายน้ำและท่อประปานะครับ ปรากฏชั้นวางสินค้า มีแต่ความว่างเปล่า สินค้าหายเกลี้ยง พร้อมๆกับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ คอยตรวจตราความเรียบร้อย ซึ่งห้างสรรพสินค้าเหล่านี้ "บังเอิญ" ห้างหลายแห่ง อยู่ในพื้นที่ๆกำลังมีการฝึก "Jade helm"

<iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/qYCEZ0zAWW4" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

นี่แหละครับคือสิ่งที่อันตราย สำหรับชาวอเมริกันและสังคมเมือง ที่อยู่ได้ด้วยเงิน และบัตรเครดิต อาศัยร้านสะดวกซื้อในการดำรงชีวิต ซึ่งถ้าวันใดวันหนึ่ง เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ รับรองครับว่า ชาวอเมริกันสภาพคงไม่ต่างอะไรกับ ซอมบี้หรือผีดิบที่หิวกระหาย ที่ผมเคยเล่าให้ฟัง เมื่อหลายวันก่อน เกี่ยวกับความฝันนั่นแหละครับ
เพราะสภาวะของการ ขาดน้ำดื่มสะอาด และปัจจัยในการดำรงชีวิต และสิ่งที่ตามมาก็คือ การปล้นสดมภ์ การจราจล และแม้กระทั่งสงครามกลางเมือง
ผมก็เลยไม่แปลกใจว่าทำไม ทางหน่วยงานพิทักษ์มาตุภูมิ(DHS) ถึงค่อยๆทยอย สั่งซื้อกระสุนจำนวนมาก ซึ่งมากพอสำหรับ สังหารประชากรกว่า 1ใน 3 ของโลก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

https://www.intellihub.com/departme...e-up-to-62-million-more-rounds-of-ammunition/

 

Thanong Fanclub



10. เซิร์น (CERN) เปิดมิติเวลา หรือทำลายล้างโลก
2 ภาพนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างไร?
มีAliceอยู่ในทั้ง2ภาพ ภาพแรกคือAlice in WonderlandหรือการผจญภัยของAliceในดินแดนมหัศจรรย์ ซึ่งเป็นนิยายที่แต่งขึ้นมาในปี1865โดยนักเขียนอังกฤษผู้ใช้นามปากกาว่าLewis Carroll ในภาพAliceกำลังจ้องมองลงในโพรงของกระต่าย ซึ่งเปรียบเสมือนประตูลี้ลับที่จะพาAliceไปสู่โลกในอีกมิติหนึ่ง หลังจากหล่นลงไปในโพรงกระต่ายแล้ว Aliceเข้าไปอยู่ในดินแดนที่แปลกและมีสัตว์ประหลาดมากมาย สัตว์ประหลาดหรือผู้คนในดินแดนมหัศจรรย์นี้มีหลักคิดหรือเหตุผลไม่เหมือนกับหลักคิดหรือเหตุผลในโลกมนุษย์ที่Aliceคุ้นเคย ทั้งภาษาพูดฟังดีๆแล้วไร้สาระในโลกมนุษย์แต่มีสาระในโลกที่แปลกร่างกายของAliceหดเป็นคนแคระและขยายตัวเป็นยักษ์ได้เพียงแค่กินขนมวิเศษเข้าไป
ภาพที่2มีAliceซึ่งเป็นคำย่อมาจาก A Large Ion Collider Experiment ซึ่งเป็นหนึ่งในหกสถานีตรวจสอบหรือตรวจวัดผลของการยิงอนุภาคของเครื่องLarge Hadron Colliderเพื่อจำลองเหตุการณ์บิ๊กแบง เพื่อให้ได้อนุภาคจิ๋วที่เกิดจากการการแหลกสลายตัวของโปรตจอนที่ชนกัน
แต่CERNคงจะไม่ได้ใช้คำว่าAliceโดยความบังเอิญ แต่ต้องการให้สอดคล้องกับAliceในดินแดนมหัศจรรย์ Alice ของCERNมองเข้าไปในโพรงที่เป็นวงกลมเหมือนกัน แสดงนัยของการเตรียมพร้อมที่จะกระโดดเข้าไปในมิติอื่นในจักรวาล เหมือนAlice in Wonderlandที่กระโจนลงไปในโพรงกระต่ายเพื่อเข้าสู่โลกต่างมิติ โดยตัวLarge Hadron Colliderจะทำหน้าที่เหมือนไทม์มาชีน หรือประตูดวงดาว (Stargate) ซึ่งเปรียบได้กับโพรงกระต่ายในAlice in Wonderlandที่จะช่วยในการเดินทางไปในโลกต่างมิติได้ หรือมีความเป็นไปได้ที่Alice ของCERNต้องการเปิดมิติของมนุษย์ต่างดาวหรือสิ่งมีชีวิตในต่างมิติซึ่งอาจจะเป็นเทพหรือเทวดาต่างๆ
ในฉากหน้า CERNต้องการศึกษาอนุภาคจิ๋ว (particles) สารดำ (dark matter) ปฏิสสาร (antimatter) ผ่านแบบจำลองของเหตุการณ์บิ๊กแบง แต่อาจจะมีวาระแอบแฝงในการเปิดประตูมิติของจักรวาลเพื่อที่จะสัมผัสมนุษย์ต่างดาวหรือเทพต่างๆที่มีกายละเอียด
Alice in the Wonderland และAliceของCERNจึงมีความต้องการคล้ายกันคือเดินทางผ่านมิติจากโลกที่เราคุ้นเคยไปสู่โลกที่แปลก เพื่อสัมผัสกับเทพหรือเผชิญหน้ากับอสูรกายต่างพิภพ
thanong
19/4/2015
http://en.wikipedia.org/…/ALICE:_A_Large_Ion_Collider_Exper…

 

Chantira Beverley
ตอบคำถามของอาจารย์ยากคะ มองว่ากลุ่มคนที่คิดโปคเจคนี้ต้องนับถือศาสตร์ของจิตทางตะวันออก น่าจะฮินดู และ พุทธ ส่วนตัวคิดเห็นว่าเมื่อเราพัฒนาจิตโดยใช้ร่างกายเป็นเครื่องรับกระแส เมื่อจิตเหนือกายมันคือพลังจิตและเข้าสู่สภาวะรู้ ตัวรู้ในเรื่องราวบันทึกของจักรวาล สภาวะเช่นนี้พูดยาก เป็นปัตจัตตัง และบางคนฉลาดล้ำเข้าถึงก็อยากจะพัฒนาออกมาให้จับต้องได้ ทีนี้ก็เฝ้าตามติดว่าพวกคนกลุ่มนี้จะเปิดมิติของเวลา ของจักรวาลได้แค่ไหน แล้วมันจะทำลาย เปลี่ยนแปลงอดีต อนาคต ได้หรือไม่ ในขณะที่พระพุทธเจ้าบอกว่า เราต้องเพ่งจิตเราเพื่อดูกิเลส แก้ไขเรื่องราวสัญญาที่ก่อเกิดชาติภพ ที่จิตเรานี่ละ อย่าไปดูอดีต อนาคต ให้ดูปัจจุบัน ดังนั้นกลัวว่านักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้อาจจะส่งตัวเองแล้วติดกับดักมิติของเวลา ออกมาไม่ได้ และก็ต้องตายในบางแห่งของโลก และอาจเกิดหลุมมิติที่คล้ายๆสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า จริงๆเค้าต้องการควบคุมอะไรเอาชนะระบบจักรวาลอย่างนั้นหรือ เราจะได้อะไรถ้าสัญญาจิต ยังติดกับดับของโลภ โกรธ หลง >>> ในส่วนพระศิวะตามข้อมูลกูเกิลคือ พระศิวะ นั้นเป็นเทพที่จะอำนวยพรประทานความ
อุดมสมบูรณ์ให้แก่ผู้ที่มีอาชีพเลี้ยงวัว เลี้ยงม้า หรือเลี้ยงแกะ และอาชีพที่เกี่ยวกับการเกษตรทั้งปวง ก็จะมีความสำเร็จและมีความสมบูรณ์พูนสุข หากบวงสรวงบชาพระศิวะ...

นอกจากบทบาทความสำคัญโดยรวมที่กล่าวมาแล้วนั้น อีกบทบาทหนึ่งที่เด่นชัดแยกออกไป จากบทบาทของการเป็นมหาเทพ ผู้ทรงมีพระมหากรุณา ประทานพรแก่มวลมนุษย์นั้น พระศิวะยังทรงเป็นเทพแห่งคีตา คือเป็นเทพเจ้าแห่งการดนตรี และการร่ายรำ ระบำฟ้อนอีกด้วย

พระศิวะ ผู้เป็นพระเป็นเจ้าแห่งการทำลายล้าง พระองค์เปี่ยมไปด้วยอำนาจ พระพักตร์ของพระองค์แสดงให้เห็นว่าเป็นทั้งชาย เป็นทั้งหญิง เป็นทั้งผู้ใจดี เป็นทั้งผู้ดุร้าย จากชิ้นฝุ่นธุลี ไปจนถึงภูเขาหิมาลัย จากมดตัวเล็กๆ ไปจนถึงช้างตัวใหญ่ จากมนุษย์ไปจนถึงพระเป็นเจ้า อะไรก็ตามที่เราสามารถเห็นได้นั้น เป็นรูปแบบของพระศิวะทั้งหมด

ใน คัมภีร์อุปนิษัท ของฮินดู การท่องคำในพระคัมภีร์ส่วนมากมีคำว่า "ศิโวมฺสวหะ" (ข้าคือศิวะ) หมายความว่า บุคคลผู้มีสติปัญญาทุกๆคน ควรพิจารณาถึงตัวเอง และสิ่งทั้งหลายของสากลโลกเป็นรูปแบบของพระศิวะทั้งสิ้น เมื่อคิดระลึกได้อย่างนี้แล้ว ผู้นั้นก็จะเข้าถึงความสุขความสงบ>>ตาที่สาม

<iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/RB9eWlMUgc8" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

Thanong Fanclub



11. เซิร์น (CERN) เปิดมิติเวลา หรือทำลายล้างโลก
ในปี2004 รัฐบาลอินเดียมอบเทวรูปองค์ใหญ่ของพระศิวะให้กับCERN เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการร่วมมือกันในการค้นคว้าวิจัยนิวเคลียร์และการก่อกำเนิดของจักรวาล CERNได้นำเอาเทวรูปพระศิวะมาตั้งสถิตย์อยู่หน้าตึกที่ทำการของตัวเองที่นครเจนีวา
พระศิวะเป็นมหาเทพแห่งการทำลาย และยังทรงเป็นเทพแห่งคีตา คือเป็นเทพเจ้าแห่งการดนตรี และการร่ายรำ ระบำฟ้อนอีกด้วย เทวรูปพระศิวะที่อยู่หน้าตึกCERNเป็นสัญลักษณ์ของการร่ายรำเพื่อการสร้างและการทำลาย (Dance of creation and destruction) ในการสร้างทุกอย่าง ต้องมีการทำลายควบคู่กันไปด้วย
ในแง่สุนทรียศาสตร์แล้ว การร่ายรำ (dance)ของอณูหรืออนุภาคของทุกสรรพสิ่งเป็นจุดกำเนิดของการสร้าง จักรวาลเกิดขึ้นมาได้จากการร่ายระบำของอนุภาค และจักรวาลสิ้นอายุขัยจากการร่ายระบำแห่งการทำลายของอนุภาค ที่เกิดและดับตลอดเวลา
ถ้าพูดภาษาธรรมดาคือการเกิดทุกอย่างต้องมาจากการกระทบของอย่างน้อยสองสิ่งขึ้นไป ไม่มีการกระทบก็ไม่มีการเกิด การร่ายระบำแห่งการเกิดและการทำลายจักรวาลของพระศิวะจึงเป็นการทำให้สรรพสิ่งมากระทบกันและถือว่าเป็นภาะหน้าที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระศิวะเพื่อให้วิถีของจักรวาลดำเนินไปได้
เหมือนชีวิตมนุษย์เราที่ต้องมีเกิดและมีตายสลับกันไปมาในสังสารวัฏจนกว่าเราจะก้าวข้ามสังสารวัฏนี้ไปได้เพื่อที่จะไม่เกิดหรือตายอีกต่อไป
ภาระการสร้างและการทำลายจักรวาลเป็นหน้าที่ของพระเจ้า หรือของสภาวะธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว แต่นักฟิสิกซ์ของCERNต้องการสวมบทบาททำหน้าที่สร้างและทำลายจักรวาลแทนพระเจ้า หรือสภาวะธรรมชาติ
ในหนังSymmetry ลูกาสและทีมงานวิจัยของCERNร่ายระบำของการสร้างและการทำลายในโครงสร้างท่อเร่งอนุภาคให้ชนกันของCERN โดยที่พวกเขาคิดว่ากำลังร่ายระบำหน้าประตูของดวงดาว (stargate) เพื่อเปิดประตูที่ต่างเวลา เพื่อสามารถเดินทางไปหามนุษย์ในต่างมิติหรือพระเจ้าในชั้นต่างๆ
Symmetryคือความสมดุลที่มีอยู่ในแล้วธรรมชาติหรือจักรวาลในทุกมิติ จะก้าวผ่านทางมิติหนึ่งไปสู่อีกมิติหนึ่ง CERNต้องทำลายความสมดุลนั้น CERNต้องการกระแทกประตูของกาลเวลาให้เปิดออกมาผ่านการทำลายสมดุลของมิติในจักรวาลเพื่อให้ได้สภาวะไร้สมดุล (Asymmetry)เพื่อช่วยในการเดินทางผ่านเวลา หรือเผยโฉมมนุษย์หรือเทพในต่างมิติให้เราได้เห็น
คำว่าSymmetryที่CERNใช้เรียกระบำแห่งความสมดุลของลูกาสเพื่อเปิดโลกใหม่ ควรจะเป็นAsymmetryมากกว่า หรือระบำแห่งความไร้สมดุล แต่เอาเข้าจริงแล้วคำว่าSymmetryที่แปลว่าความสมดุล ออกเสียงคล้ายๆกับCemetryที่แปลว่าป่าช้าแห่งความตาย
นักฟิสิกซ์ของCERNกำลังร่ายระบำและร้องเพลงแห่งความสมดุลและความตายอยู่ตลอดเวลาในการเดินทางหาพระเจ้าของพวกเขา
thanong

 

Thanong Fanclub



12. เซิร์น (CERN) เปิดมิติเวลา หรือทำลายล้างโลก
ภาพวาดการสร้างอาดัม (The Creation of Adam) โดยผีมือการวาดของMichelangeloในปี1511-1512 ในโบสถ์ Sistine Chapelในกรุงโรม
เป็นการบรรยายการสร้างมนุษย์โดยพระเจ้าตามพระคำภีร์ไบเบิ้ล ถือว่าอาดัมเป็นมนุษย์คนแรกที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา
จุดเด่นที่สุดของภาพนี้คือ ทั้งอาดัมและพระเจ้ายื่นมือเข้ามาจนเกือบจะสัมผัสกัน แสดงนัยว่ามีช่องว่างระหว่างมนุษย์ที่อยู่บนโลกและพระเจ้าที่อยู่บนสวรรค์ หรือมนุษย์และพระเจ้าอยู่ในมิติเวลาที่ต่างกัน การที่มนุษย์จะสัมผัสพระเจ้าได้ต้องข้ามมิติ
ในภาพจะเห็นได้ว่าพระเจ้าพยายามเอื้อมมือมาสัมผัสกับอาดัมเพื่อนำพาอาดัมไปสวรรค์ แต่อาดัมยื่นมืออยากไปรับมือของพระเจ้าอย่างไม่เต็มใจ ท่านั่งก็อยู่ในท่าที่สบายๆ ไม่ได้โน้มตัวเข้าหาพระเจ้า จึงเกิดช่องว่างระหว่างมนุษย์และพระเจ้า อยู่กันคนละมิติ
ในฉากสุดท้ายของการร่ายระบำของลูกาส นักฟิสิกซ์ของCERNในหนังSymmetry จะเห็นได้ว่าลูกาสเปรียบเหมือนอาดัม ส่วนผู้หญิงในชุดดำคือเทพีที่ลูกาสค้นหาทั่วทั้งชีวิตและในที่สุดลูกาสสามารถเดินทางผ่านประตูมิติของกาลเวลาไปพบเทีชุดดำได้ในจักรวาลใหม่ ซึ่งแสดงสัญลักษณ์เป็นวงกลมล้อมรอบ เป็นการคลี่คลายไปสู่โลกใหม่จากความสมดุลในโลกเก่าที่ต้องถูกทำลายเพื่อความสมดุลใหม่
ท่าเต้นร่ายรำของการสร้างและการทำลายตอนจบของลูกาสอยู่ในท่าที่ลูกาสยอมสยบให้กับเทพีที่อยู่ต่างมิติที่เขาค้นหาทั้งชีวิต และท้ายที่สุดลูกาสได้มาพบเทพีชุดดำและพร้อมที่จะรับใช้เทพีชุดดำด้วยศรัทธาที่แรงกล้าตลอดไป
thanong
20/4/2015

 

จีนเดินหน้าถมทะเลพิพาทสร้างรันเวย์



ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดเผยให้เห็นความคืบหน้า โครงการถมทะเลในหมู่เกาะสแปรตลีย์ของรัฐบาลปักกิ่ง เพื่อก่อสร้างรันเวย์ทางวิ่งขึ้นลงสำหรับเครื่องบินในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นความขัดแย้งเรื้อรังกับหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

<iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/b2l9YvJefCU?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

วันศุกร์ 17 เมษายน 2558 เวลา 13:31 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ว่า "ไอเอชเอส เจน ดีเฟนซ์ วีคลีย์" นิตยสารออนไลน์ของสหรัฐเกี่ยวกับข่าวสารในวงการทหารทั่วโลก เผยแพร่ชุดภาพถ่ายซึ่งบันทึกโดยดาวเทียมของบริษัทแอร์บัส ระบุวันที่ 23 มี.ค. แสดงความคืบหน้าในโครงการถมพื้นที่ส่วนหนึ่งของทะเลจีนใต้โดยรัฐบาลปักกิ่ง เพื่อสร้างรันเวย์สำหรับการเดินทางขึ้นและลงของเครื่องบินทหาร บริเวณแนวปะการังใกล้กับหมู่เกาะสแปรตลีย์ พื้นที่พิพาทระหว่างรัฐบาลปักกิ่ง กับฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย บรูไน และไต้หวัน

ทั้งนี้ ทีมงานของไอเอชเอส เจน ประเมินว่า เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ รันเวย์แห่งนี้อาจมีความยาวถึง 3,000 เมตรเลยทีเดียว นอกจากนี้ ภาพถ่ายยังนำไปสู่การวิเคราะห์ว่า รัฐบาลจีนมีโครงการก่อสร้างรันเวย์บริเวณหมู่เกาะพาราเซล ทางเหนือของทะเลจีนใต้อีกด้วย

รายงานดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ไม่นาน หลังพล.ร.อ. ซามูเอล ล็อกเคลียร์ ผู้บัญชาการกองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐประจำภูมิภาคแปซิฟิก กล่าวว่านอกเหนือจากการสร้างรันเวย์ในบริเวณทะเลพิพาทแล้ว ทางการจีนอาจนำระบบต่อต้านขีปนาวุธมาติดตั้งในบริเวณนี้ด้วย ขณะที่นายโทนี บลิงเคน รมช.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า "การแข่งขัน" เพื่อแย่งชิงกรรมสิทธิ์ในทะเลจีนใต้ต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายสากลเท่านั้น การเคลื่อนไหวเพียงฝ่ายเดียวเป็นสิ่งที่ประชาคมโลกไม่อาจยอมรับได้

จีนเดินหน้าถมทะเลพิพาทสร้างรันเวย์ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

Kaokala Fc
19 เม.ย. ช็อคโลก! เรืออพยพหนีภัยสงครามล่มที่ลิเบีย หวั่นตายเกลี้ยง 700 ศพ



เมื่อวันที่ 19 เม.ย. บีบีซีรายงานว่า กองทัพเรือประเทศมัลตา พร้อมเรือพาณิชย์สัญชาติอิตาลีหลายลำ สนธิกำลังเข้าช่วยเหลือเรือที่บรรทุกผู้อพยพหนีภัยสงครามจากประเทศลิเบียกว่า 700 คน ซึ่งเกิดอับปางลง ในทะเลเมดิเตอเรเนียน โดยเรือดังกล่าวอับปางลงในน่านน้ำของลิเบีย ห่างจากชายฝั่งเกาะลัมเปดูซาราว 210 กิโลเมตร ตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืน ตามเวลาท้องถิ่น ล่าสุด พบผู้รอดชีวิตเพียง 28 คน ขณะที่ โฆษกหน่วยยามฝั่งของอิตาลี ระบุว่า ปฏิบัติการกู้ภัยใกล้สิ้นสุดและกำลังจะเริ่มภารกิจกู้ศพผู้เสียชีวิตแทน ทำให้คาดว่า ผู้อพยพส่วนใหญ่น่าจะเสียชีวิตทั้งหมด

นายโจเซฟ มัสแก็ต นายกรัฐมนตรีมัลต้า ระบุผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว โดยคาดว่า น่าจะมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ขณะที่ "ไทมส์ ออฟ มัลต้า" หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น รายงานสาเหตุที่เรืออับปาง ว่าเกิดขึ้นหลังผู้อพยพจำนวนมากพากันมารวมที่กาบเรือด้านหนึ่งเพื่อพยายามเรียกร้องความสนใจจากเรือพาณิย์ที่แล่นผ่านมา

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php…

 

Kaokala Fc
19 เม.ย. สหรัฐ-จีน ตัวการใหญ่ขยะอิเล็กทรอนิกส์ท่วมโลก



สถาบันด้านการวิจัยของยูเอ็นเผย ปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2557 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีสหรัฐและจีนเป็นผู้ผลิตขยะรายใหญ่ที่สุด ตามมาด้วยบรรดาประเทศพัฒนาแล้วที่กล่าวอ้างมาตรฐานและการรณรงค์ด้านรักษาสิ่งแวดล้อม

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ว่า มหาวิทยาลัยสหประชาชาติ (ยูเอ็นยู) หน่วยงานด้านการวิจัยและการศึกษาของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผยรายงานเมื่อวันอาทิตย์ เรื่องปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกในปี 2557 มีตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 41.8 ล้านตัน ในจำนวนนี้มีเพียง 6.5 ล้านตันเท่านั้นที่ถูกนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ขณะที่ปริมาณขยะเมื่อปี 2556 มีเพียง 39.8 ล้านตัน และคาดว่าปริมาณจะเพิ่มสูงถึง 50 ล้านตันในปี 2561 โดยประเทศที่เป็นเจ้าของขยะเหล่านี้ ส่วนใหญ่คือบรรดาประเทศที่อ้างว่ามีมาตรการที่ดีในการสร้างความตระหนักรู้เรื่องสิ่งแวดล้อม

การจัดอันดับปริมาณขยะต่อหัวประชากร นอร์เวย์นำมาเป็นอันดับ 1 ที่ 28.4 กิโลกรัมต่อคน ตามมาด้วยสวิตเซอร์แลนด์ 26.3 กิโลกรัม ไอซ์แลนด์ 26.1 กิโลกรัม เดนมาร์ก 24 กิโลกรัม อังกฤษ 23.5 กิโลกรัม เนเธอร์แลนด์ 23.4 กิโลกรัม สวีเดน 22.3 กิโลกรัม ฝรั่งเศส 22.2 กิโลกรัม รวมถึงสหรัฐและออสเตรียเท่ากันที่ 22.1 กิโลกรัม ขณะที่ชาวแอฟริกาเป็นผู้ผลิตขยะอิเล็กทรอนิกส์น้อยที่สุดเพียงคนละ 1.7 กิโลกรัม แต่หากประเมินปริมาณขยะโดยรวมแล้ว สหรัฐนำมาเป็นอันดับหนึ่งที่ 7.1 ล้านตัน และจีน 6 ล้านตัน สองประเทศคิดรวมเป็นร้อยละ 32 ของทั่วโลก ตามด้วยญี่ปุ่น เยอรมนี และอินเดีย

รายงานระบุว่า ภูเขาขยะปริมาณมหาศาลเหล่านี้ เปรียบได้กับ "เหมืองแร่ในเมือง" ที่เต็มไปด้วยวัสดุที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ซึ่งอาจมีมูลค่าสูงถึง 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท) โดยส่วนหนึ่งคือทองคำราว 300 ตันที่เทียบเท่าได้กับร้อยละ 11 ของทองคำที่ผลิตได้ในปี 2556 ขณะเดียวกัน กองขยะเหล่านี้ยังเป็นแหล่งสะสม "สารพิษ" ซึ่งประกอบไปด้วยสารประกอบตะกั่ว สารปรอท แคดเมียม และโครเนียมที่เป็นอันตราย ราว 2.2 ล้านตัน รวมถึงสารซีเอฟซีหรือคลอโรฟลูออโรคาร์บอนที่เป็นตัวทำลายชั้นบรรยากาศอีกราว 4,400 ตัน

ทั้งนี้ เกือบร้อยละ 60 ของขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ขณะที่อีกร้อยละ 7 คืออุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ เครื่องคิดเลข และพรินเตอร์ เป็นต้น

http://www.dailynews.co.th/…/%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0…

 

Kaokala Fc
19 เม.ย. "มนุษย์กล้อง-นักถ่ายประจาน"... ระวังติดคุกไม่รู้ตัว



การถ่ายรูปและการแชร์ของ “มนุษย์กล้อง” หลายครั้งสะท้อนภาพที่น่าอยู่ของสังคม เช่น การนำเสนอภาพของพลเมืองดีช่วยเหลือผู้คน หรือเหตุการณ์ที่ดี-น่าชื่นใจในบ้านเมือง แต่ก็มีหลากหลายครั้งที่การถ่ายภาพ-แชร์ภาพ ไปกระทบต่อสิทธิของบุคคลอื่น รวมถึงสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้บุคคลนั้นๆ

ผลกระทบที่รุนแรงจากพฤติกรรมดังกล่าว บางครั้งก็ทำให้บุคคลที่ถูกถ่ายภาพแทบไม่เหลือที่ยืนในสังคม อย่างกรณีที่การแชร์เรื่องผู้ชายกับรองเท้ามีรู แรกเริ่มว่ากันว่าชายคนนี้ซ่อนกล้องแอบถ่ายในรองเท้า กระทั่งคนในสังคมออนไลน์พากันต่อว่าด่าทอด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ทั้งที่ในความเป็นจริงกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

สำหรับสาเหตุของพฤติกรรม “มนุษย์กล้อง” เนื่องมาจากคนในสังคมกำลังเห่อกับเทคโนโลยีและรู้สึกว่ามีอำนาจในมือ สามารถถ่ายเพื่อนำมาประจาน-แฉ หรือทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์อย่างไรก็ได้ ที่สำคัญคือบุคคลที่ถูกถ่ายไม่ได้รับความคุ้มครองแต่อย่างใด อีกหนึ่งสาเหตุก็คือ คนไทยยังคงมีความเข้าใจผิดหรือไม่เข้าใจแนวคิดในเรื่องของพื้นที่สาธารณะกับพื้นที่ส่วนตัว

“การคนไทยส่วนใหญ่คิดว่ากล้องเป็นของตัวเองแล้วสามารถถ่ายอะไรก็ได้นั้น จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่ผิดมาก เพราะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และถ้าหากโพสต์ลงในโลกออนไลน์ก็เป็นความผิดละเมิดซ้ำอีกครั้ง และถ้ามีข้อความเชิงดูถูกศักดิ์ศรีทำให้เสียหาย หรือเหยียดชาติพันธุ์ ผู้โพสต์ก็เข้าข่ายความผิดหมิ่นประมาทได้เช่นกัน” ธาม เชื้อสถาปนศิริ นักวิชาการสถาบันวิชาการสื่อสาธารณะ (สวส.) ระบุ

สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ต้องเริ่มจาก “เพจ” ที่สนับสนุนมนุษย์กล้องก่อน ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น อยากจะนำเสนอเรื่องราวของคู่รักที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมพลอดรักกันในที่สาธารณะ คุณอาจจะถ่ายรูปและนำเสนอได้ แต่ต้องทำภาพเบลออัตลักษณ์ของบุคคลและไม่โพสข้อความเชิงดูหมิ่น หรือเป็นการวิจารณ์แบบเหมารวมประกอบเช่น เกย์ กระเทย คนจน เพราะสิ่งที่คุณกำลังจะสื่อคือการประณามคือพฤติกรรม ไม่ใช่ตัวบุคคล

ถ่ายเพลิน-โพสต์เพลิน คุก 5 ปี ปรับ 1 แสน

เจษฎ์ โทณวณิก คณบดีคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ วิพากษ์ว่า ประเทศไทยยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการเอาผิดกรณีการแอบถ่ายภาพ หรือว่านำเอาภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตไปลงเผยแพร่ในโลกออนไลน์ แต่ในมุมของกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้มีการกำหนดไว้ว่าการเอาชื่อบุคคล หรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับบุคคลไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตถือว่าเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้

ส่วนในเรื่องความผิดทางแพ่งได้กำหนดว่า หากมีการจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำให้ผู้อื่นเสียหายถึงชื่อเสียงหรือเกียรติยศร่างกายทรัพย์สิน ถือว่าเป็นความผิดซึ่งระบุไว้ใน มาตรา 240 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพราะฉะนั้นการเอารูปของบุคคลมาลงก็เข้าข่ายความผิด เพราะทำให้คนในภาพเกิดความเสียหาย โดยผู้กระทำจะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายเป็นการชดเชย

นอกจากนี้ หากว่าตามประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยความผิดฐานหมิ่นประมาทตาม มาตรา 326 ที่ระบุถึงการทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นถูกกระทำ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท และมาตรา 328 ที่ว่าด้วยความผิดหมิ่นประมาทด้วยการเผยแพร่ภาพถ่าย มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท โดยโทษทั้งสองมาตราอาจจะมีกรณีทั้งจำทั้งปรับก็ได้

อย่างไรก็ดี การเอาผิดทางอาญาต้องมีการแจ้งความ ซึ่งผู้เสียหายจะต้องมีการระบุผู้กระทำผิดอย่างชัดเจน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่โดนแจ้งข้อกล่าวหาจะเป็นผู้ดูแลเพจหรือเว็บไซต์ที่นำเสนอเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้ การกระทำดังกล่าวก็อาจจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในมาตรา 14 ที่ระบุความผิดในฐานเผยแพร่ข้อมูลเท็จสร้างความเสียหายให้กับประชาชน รวมทั้งการเผยแพร่ข้อมูลเท็จนั้นด้วย โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

.... อ่านต่อได้ที่ : "มนุษย์กล้อง-นักถ่ายประจาน"... ระวังติดคุกไม่รู้ตัว - โพสต์ทูเดย์ ข่าววิเคราะห์

 

ยุโรปเตรียมประชุมฉุกเฉินแก้ปัญหาเรือมนุษย์



วันจันทร์ 20 เมษายน 2558 เวลา 07:48 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโรม ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ว่านายกรัฐมนตรีมัตเตโอ เรนซี ผู้นำอิตาลี แถลงเมื่อวันอาทิตย์ ว่าสถานการณ์การค้ามนุษย์และผู้อพยพทางเรือกำลังเป็น "ภัยพิบัติ" สำหรับยุโรป พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการจัดประชุมวาระฉุกเฉินเพื่อหาแนวทางแก้ไขวิกฤติครั้งนี้ร่วมกัน เบื้องต้นคาดว่าการหารือน่าจะเกิดขึ้นได้ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อแสดงให้ทุกฝ่ายได้เห็นด้วยว่า ยุโรปไม่เคยเพิกเฉยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตามคำตำหนิอย่างรุนแรงขององค์กรสิทธิมนุษยชนหลายแห่ง

<iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/mViV9jaG7OU?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

เรนซีกล่าวด้วยว่า รัฐบาลโรมมีความพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้อพยพทางเรือ แต่นั่นเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุและไม่ถูกจุด ทุกฝ่ายควรร่วมกันแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ นั่นคือการหาทางยับยั้งไม่ให้เรือเดินทางออกจากที่หมาย ซึ่งหมายความว่า การสร้างสันติภาพในประเทศที่้มาของผู้อพยพคือสิ่งสำคัญ

ถ้อยแถลงของผู้นำอิตาลีมีขึ้นในวันเดียวกับที่เกิดเหตุเรือบรรทุกผู้อพยพจากลิเบียอับปางกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ห่างจากเกาะลัมเปดูซา ทางตอนใต้ของอิตาลีราว 193 กิโลเมตร แม้เรือสินค้าที่อยู่ในบริเวณนั้นให้ความช่วยเหลือผู้เคราะหร้ายได้แล้ว 28 คน และหน่วยยามชายฝั่งจากอิตาลีและมอลตากระจายกำลังค้นหาผู้สูญหายอย่างสุดความสามารถ แต่การที่มีรายงานว่าเรือบรรทุกผู้อพยพมากกว่า 700 คน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นโศกนาฏกรรมการอับปางของเรือมนุษย์ครั้งแลวร้ายที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา

ขณะที่นายโดนัลด์ ทัสก์ ประธานสหภาพยุโรป ( อียู ) กล่าวว่ากำลังพิจารณาจัดการประชุมฉุกเฉินระดับภูมิภาค ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย สอดคล้องกับข้อเรียกร้องของเรนซีและผู้นำแกหลายประเทศในยุโรป

ข้อมูลล่าสุดของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอชซีอาร์ ) ระบุว่าเจ้าหน้าที่ช่วยหลือผู้อพยพทางเรือกว่า 13,500 คน ระหว่างวันที่ 10-17 เม.ย. อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้เสียชีวิตจากความพยายามอพยพทางเรือจากแอฟริกาเหนือสู่ยุโรปอาจสูงถึง 1,500 ศพ นับตั้งแต่ต้นปีนี้

ยุโรปเตรียมประชุมฉุกเฉินแก้ปัญหาเรือมนุษย์ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

นิวยอร์กเตือนภัย 'กัญชาสังเคราะห์' ระบาด



ทางการรัฐนิวยอร์กของสหรัฐ แจ้งเตือนประชาชนเกี่ยวกับอันตรายของ 'กัญชาสังเคราะห์' ที่มีรูปลักษณ์คล้ายกัญชา แต่มีส่วนประกอบของสารเคมีอันตรายมากมาย โดยมีผู้เสพถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้วกว่า 160 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา

วันจันทร์ 20 เมษายน 2558 เวลา 00:14 น.
เว็บไซต์ข่าวซีบีเอสนิวยอร์ก รายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ว่า นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กและหน่วยงานด้านสาธารณสุขของรัฐ ออกประกาศเตือนประชาชนถึงพิษภัยของการเสพกัญชาสังเคราะห์ ซึ่งมีลักษณะเป็นใบไม้ตากแห้งคล้ายใบกัญชา แต่มีการเพิ่มเติมส่วนผสมที่เป็นสารอันตรายเช่นยาฆ่าแมลง และสารเคมีที่ไม่สามารถระบุชนิดได้อีกนับไม่ถ้วน

กัญชาสังเคราะห์ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในนครนิวยอร์ก ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ ขาย เสพ หรือครอบครอง โดยมันเป็นที่รู้จักกันในชื่ออื่นอีกเช่น 'สไปซ์' 'เค-2' และ 'พ็อตพัวร์รี' รายงานระบุว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเพียงสัปดาห์เดียว มีผู้ใช้กัญชาสังเคราะห์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้วกว่า 160 ราย แม้จะยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตในพื้นที่นิวยอร์กในเดือนนี้ แต่เมื่อไม่นานมานี้พบผู้เสียชีวิตจากกรณีดังกล่าวแล้ว 2 รายจากรัฐเวอร์จิเนียและเทกซัส.

ที่มา: Gov. Cuomo, Health Dept. Warn Against Use Of Synthetic Marijuana « CBS New York

นิวยอร์กเตือนภัย 'กัญชาสังเคราะห์' ระบาด | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์