ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jaroen Compeerapap

    [​IMG]

    ประตูมิติ Stargate นิบิรู Nibiru ระบบสุริยะจักรวาลคู่ขนาน Parallel Universe การทดลองของ CERN และสงครามบุกอิรัก เอวังมันเชื่อมโยงกันหมด : วันนี้มาฟังเรื่องผมโกหกนะครับ วันก่อนผมโพสท์ถามเรื่อง Mesopotamia
    Sumerian ยังไม่มีใครตอบว่าอยู่ที่ไหน คำตอบคือ ประเทศอิรัก ที่ ๆ เคยเกิดสงครามบุกอิรัก โดยมหาอำนาจจากนาโต้มาแล้ว โดยว่าประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซ็น มีอาวุธเชื้อโรค (Bio Weapon) เป็นภัยคุกคามต่อโลกและอเมริกา หลังจากเกิดเหตุการณ์ 9/11 ก็มีการบุกยึดประเทศอิรัก ล้มซัดดัม ฮุสเซ็น จัดตั้งรัฐบาลที่โลกตะวันตกอยู่เบื้องหลัง นี่คือฉากสงครามที่มีคำถามตามมามากมายว่า แท้ที่จริงเป็นสงครามเพื่อยึดบ่อน้ำมันหรืออะไรหรือเปล่า ลึกกว่านั้นครับ คำว่า นิบิรุ Nibiru ที่เราสนใจเกิดขึ้นที่นี่จากชาว ซุมาเรียน ที่แปลว่า ผู้เดินทางผ่าน ที่รู้จักเรียกกันว่า The Planet of Crossing เป็นที่มาของรูปสัญลักษณ์ของกาชาด รูปกากบาท ที่ว่าลึกเนื่องจากบันทึกอะไรต่ออะไรบนแผ่นดินเหนียว ที่นี่เป็นที่มาของอะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง โครงการ Haarp, Chemtrail, Geo-engineering โครงการสร้างพายุ แผ่นดินไหว เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิศาสตร์ ที่น่าสนใจคือ เรื่องราวเกี่ยวกับ การเดินทางเข้ามาของระบบ Planet x นิบิรุ Nibiru การมาของต่างดาว ผ่านประตูมิติ หรือ สตาร์เกต Stargate ช่วงรอยต่อเหตุการณ์อนาคตขณะเกิดการเดินทางผ่าน Crossing ของดาวนิบิรุ โดยจะมีการเปิดสตาร์เกต ที่นี่ตามรูป ที่อาจเชื่อมต่อกับจักรวาลอื่น ๆ ได้ผ่านประตูมิติที่นี่ และจะมีแขกพิเศษผู้มาเยือนที่นี่ จึงทำให้อิรักมีความสำคัญยิ่งในอนาคตของมนุษยชาติ เมื่อไม่นานมานี้เราจึงได้ยินจักรวาลคู่ขนาน ที่ CERN พยายามทดลองเพื่อ จะได้ไปเปิดประตูมิติ และ ค้นหาพลังงานมืด หรือ ภาษาที่เขาใช้ว่า Big Bang Theory เห็นไหมครับ เพียงก้อนหินก้อนดินอิฐเก่า ๆ ทางโบราณคดี ของโบราณจากผู้คนในอดีตนั้น มีค่ามหาศาลขนาดไหน เพราะความที่มันมีค่านี้เอง จึงเป็นเหตุให้เกิดความไม่สงบสุข ในอิรักมาถึงเวลานี้ ทำให้ผมอยากจะจัดทัวร์พาพวกเราที่สนใจไปเที่ยวอิรัก ไปดูสตาร์เกตมีใครสนใจบ้างมันน่าสนใจจริง ๆ ..
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สมาคมนิยมอาวุธรัสเซีย Russia military fanclub.

    ยังมีใครคิดว่า รัสเซีย เป็นคอมมิวนิสต์ หรือจีนเป็น คอมมิวนิสต์อยุ่ไหม ตั้งแต่ ยุคศตวรรศที่ ยี่สิบ คอมมิวนิสแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว และหมดอำนาจและพลังหมดแล้ว ประเทศที่ปกครองด้วยคอมมิวนิสต์ ตอนนี้ก็ไม่มีใครอยากกลับไป เป็นคอมมิวนิสต์แล้ว รัสเซียเขาภูมิใจในประวัติศาสตร์ ยุคสหภาพโซเวียต แต่ลองถามคนรัสเซียดูว่าอยากกลับไปเข้าแถว เพื่อก้อนขนมปัง หรือปล่าว
    เอาคลิปนี้เอามาให้ดูอีกรอบนะ สหาย เพือว่าสหายท่านใด ยังมีความคิดผิดๆอยู่ ว่ารัสเซีย หรือจีนเป็นคอมมิวนิสต์ อยู่

    <iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/V6YKM5DDp1M" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    https://www.youtube.com/watch?v=V6YKM5DDp1M
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โรคระบาดมฤตยูคร่าชีวิตชาวไนจีเรียไม่ต่ำกว่า 18 รายภายในแค่ 24 ชม.หลังเชื้อเข้าร่าง!! WHO รุดตรวจสอบ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 เมษายน 2558 10:05 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ – เกิดโรคระบาดลึกลับคร่าชีวิตชาวไนจีเรียทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไปแล้วไม่ต่ำกว่า 18 รายไปเพียงแค่ไม่กี่วัน ซึ่งจะเสียชีวิตภายใน แค่ 24 ชม.หลังล้มป่วย ล่าสุดองค์การอนามัยโลก WHO ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังแหล่งระบาดเพื่อวิเคราะห์โรคปริศนานี้แล้ว

    บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(18)ว่า แหล่งข่าวรัฐบาลไนจีเรียเปิดเผยว่า เหตุโรคระบาดเริ่มต้นจากในเมืองโอเด-อีเรเล(Ode-Irele) รัฐออนโด (Ondo) และแพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งลักษณะอาการของโรคนี้ จะพบว่า สายตาพล่ามัว ปวดศรีษะ รวมไปถึงขั้นหมดสติ และคร่าชีวิตผู้ป่วยติดเชื้อภายในแค่ 24 ชม.หลังล้มป่วยเท่านั้น

    ล่าสุดองค์การอนามัยโลก WHO ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังแหล่งระบาดเพื่อวิเคราะห์โรคปริศนานี้แล้วที่เมืองแห่งนี้ว่าเป็นโรคประเภทใดแน่

    ซึ่งมาจนถึงทุกวันนี้ ผลจากห้องแลบทางวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์โรคระบาดร้ายแรงตัวใหม่ที่เกิดในโอเด-อีเรเลนั้นไม่ใช่ดรคอีโบลาอย่างแน่นอน รวมไปถึงไวรัสอื่นๆที่รู้จักคุ้นเคย โฆษกรัฐออนโด คาโยด อาคินเมด (Kayode Akinmade) แถลง ซึ่งตัวแทนรัฐออนโดได้ชี้ว่าโรคระบาดใหม่นี้ “เป็นโรคที่ยังไม่มีใครเคยรู้จักมาก่อน”
    ในขณะที่โฆษกของ WHO เกรกอรี ฮาร์ตล์( Gregory Hartl)กล่าวว่า การแพร่ระบาดพบเมื่อช่วงวันที่ 13 – 15 เมษายนที่ผ่านมา

    สิ่งที่น่ากลัวของโรคระบาดใหม่นี้คือการที่เชื้อโรคจะมุ่งทำลาย “ระบบประสาทส่วนกลาง” อธิบดีกระทรวงสาธารณสุขไนจีเรีย ดาโย อาเดยาจู (Dayo Adeyanju) ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อท้องถิ่นไนจีเรีย พรีเมียม ไทม์ส

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000044546
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมกะโปรเจกต์เสี่ยหมี!! ปูตินวาดฝันปั้นไครเมียเป็น “ซิลิคอนแวลเลย์แห่งทะเลดำ” ก่อนปี 2020 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 เมษายน 2558 12:04 น. (แก้ไขล่าสุด 19 เมษายน 2558 12:10 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ – รัสเซียวางแผนลงทุนโปรเจกต์ “ดิจิตอล แวลเลย์แห่งไครเมีย” (Digital Valley of Crimea) ที่ต้องการเปลี่ยนให้ไครเมียที่ได้รับการผนวกเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในปีที่ผ่านมานั้นเป็นเสมือนซิลิคอนแวลเลย์แห่งทะเลดำก่อนปี 2020 โดยคาดการณ์ว่าจะมีรายได้ทั้งหมดร่วม 1 พันล้านดอลลาร์ภายใน 5 ปี

    RT สื่อรัสเซียรายงานเมื่อวานนี้(18)ว่า ในอีโคโนมิค ฟอรัม ซึ่งจัดในเมืองท่องเที่ยว ยัลตา(Yalta) ในไครเมียเมื่อวานนี้(18) ซึ่งหนึ่งในการประชุม มีการเปิดเผยถึงเมกะโปรเจกต์ด้านอุตสาหกรรมไฮเทคโนโลยีของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ที่ตั้งเป้าต้องการพัฒนาให้ไครเมียกลายเป็นศูนย์กลางบริษัทเทคดนโลยีทั้งหมดในแถบนี้

    “ก่อนปี 2020 คาดการณ์ว่าตัวเลขรายได้ของบริษัทที่ตั้งอยู่ภายใน “ดิจิตอล แวลเลย์” จะแตะ 60 พันล้ารูเบิล หรือ 1.2 พันล้านดอลลาร์ และจะมีการสร้างงานตำแหน่งที่ต้องใช้ทักษะสูงถึง 17,000 ตำแหน่ง” เอฟเกนีย์ บาบายัน (Evgeny Babayan) เลขาธิการโปรเจกต์พัฒนาไครเมีย “ดิจิตอล แวลเลย์แห่งไครเมีย” (Digital Valley of Crimea) แถลงผ่านอีตาร์ ทาส และเสริมต่อว่า “โปรเจกต์นี้จะเป็นความร่วมมือทั้งหมดของรัสเซีย ซึ่งจากจุดนี้จะทำให้ไครเมียเติบโตต่อไปได้”

    บริษัททางเทคโนโลยีและวิทยาศาตร์ทั้งหมดจะตั้งอยู่ภายในไครเมียและมหาวิทยาลัยแห่งรัฐของเซวาสโตโพล(Sevastopol) ซึ่งบาบายันชี้ว่า หน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของรัฐบาลรัสเซียได้ตัดสินใจเข้าร่วมโปรเจ็กต์นี้ รวมไปถึง รอสเทค (Rostech)รอสเทเลคอม( Rostelecom)และ โกลนาส(GLONASS)

    ดิจิตอลซิลิคอลแวลเลย์นี้ไม่ต้องการเพียงแค่ดึงเหล่าผู้เชี่ยวชาญจากรัสเซียมาที่ไครเมียเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงจากนานาชาติ รวมไปถึง ยูเครน แอนดรีย์ โซโคลอฟ (Andrey Sokolov) ผู้ช่วยรัฐมนตรีด้านไครเมียแถลง และเสริมว่า “การคว่ำบาตรจะไม่ส่งผลต่อเมกะโปรเจกต์นี้เพราะเหล่าประเทศที่คว่ำบาตรไม่ใช่กลุ่มประเทศที่จะเป็นเป้าหมายในการส่งออกผลิตภัณฑ์เหล่านี้” พร้อมกันนี้โซโคลอฟยังกล่าวเชิญชวนนักลงทุนที่สนใจเข้าร่วม รวมไปถึงบรรดาบริษัทยุโรปต่างๆ

    “เราร่วมมือกับนักลงทุนจีน เกาหลี แอฟริกาใต้ นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญไอทีในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปต่างแสดงความสนใจ โดยคนเหล่านี้ไม่แสดงตัว แต่ทว่ากำลังวางแผนอยู่”โซโคลอฟแถลงต่อ

    ซึ่งผลจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯและอียู ผลิตภัณฑ์ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้นถูกคว่ำบาตรด้วยเช่นกัน

    ด้านเจ้าหน้าที่รัฐบาลไครเมียได้ประกาศว่า ได้คัดเลือกสถานที่บริเวณที่คาดว่าจะจัดสร้างเป็น “ดิจิตอล แวลเลย์” ไว้แล้วราว 57 เฮคตาร์ใกล้เมืองซิมเฟโรโปล (Simferopol) “เป็นสถานที่ใกล้กับท่าอากาศยานเพราะการเดินทางเป็นปัจจัยหลักของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ” ดมิทรี โปลอนสกี (Dmitry Polonsky) รัฐมนตรีแห่งไครเมียด้านนโยบายภายใน ข้อมูล และการสื่อสารแถลง

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000044592
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชี้ ซาอุฯเพิ่มงบทางทหารอื้อ แม้ราคาน้ำมันโลกดิ่งเหว
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 เมษายน 2558 01:00 น.

    [​IMG]

    เอเจนซี-รายงานล่าสุดซึ่งเผยแพร่โดยสถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศสต็อคโฮล์ม(SIPRI)ระบุทางการซาอุดีอาระเบียเพิ่มงบประมาณทางทหารขึ้นถึง 17% ในปี 2014 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และถือเป็นประเทศซึ่งทุ่มเทใช้จ่ายงบทางทหารรายใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก ตามหลังมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน และรัสเซีย

    รายงานล่าสุดระบุว่า ซาอุดีอาระเบีย เป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันเพียงไม่กี่แห่ง ที่ไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากภาวะดิ่งลงต่อเนื่องของราคาน้ำมันในตลาดโลกตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เนื่องจาก ซาอุดีอาระเบียมีความมั่งคั่งที่สะสมไว้ในรูปของทุนสำรองระหว่างประเทศในระดับที่สูงลิ่ว ส่งผลให้ทางการซาอุฯยังคงสามารถซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มาเสริมเขี้ยวเล็บได้อย่างต่อเนื่อง สวนทางกับอีกหลายประเทศที่ต้องตัดลดงบทางทหารลง

    ข้อมูลล่าสุดถูกเผยแพร่ออกมาในจังหวะเวลาเดียวกับที่ราชอาณาจักรมุสลิมสุหนี่อย่างซาอุดีอาระเบีย กำลังเป็นแกนนำในการเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มกบฏฮูตีซึ่งเป็นพวกมุสลิมชีอะห์ในเยเมน ท่ามกลางรายงานที่ระบุว่าปฏิบัติการดังกล่าวของซาอุฯ ได้สร้างความเสียหายใหญ่หลวงจากการที่มีพลเรือนในเยเมนเสียชีวิตไปแล้วกว่า 1,000 คนตามข้อมูลของ “กาชาดสากล”

    อย่างไรก็ดี รายงานล่าสุดของ SIPRI ระบุว่า ยอดการใช้จ่ายงบประมาณด้านการทหารรวมของทั่วโลกในปี 2014 ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ ถือเป็นยอดการใช้จ่ายที่ลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน และลดลง 0.4% จากปี 2013 จากผลพวงของปัญหาเศรษฐกิจที่ยังแก้ไม่ตกของสหรัฐฯและยุโรป

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000044514
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Weekend Focus:อินเดียงัดนโยบาย “Make-in-India” หวังชูตัวเองเป็น “ฐานผลิตอาวุธใหญ่สุดในโลก” ท้าทายอำนาจจีน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 เมษายน 2558 21:35 น.

    [​IMG]

    แต่ไหนแต่ไรมา เป็นที่ทราบกันดีโดยทั่วไปว่า อินเดีย ชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์แห่งภูมิภาคเอเชียใต้ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ติดอันดับ “ผู้นำเข้าอาวุธรายใหญ่” เป็นลำดับต้นๆของโลกแทบทุกปี แต่ทว่าบทบาทของอินเดียในตลาดอาวุธโลกนับจากนี้ ดูเหมือนกำลังจะแปรเปลี่ยนไป และเป็นการเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่จาก “หน้ามือเป็นหลังมือ” นับตั้งแต่ชายที่ชื่อ “นเรนดรา โมดี” ก้าวขึ้นสู่อำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแดนภารตะ

    นับตั้งแต่ก้าวขึ้นครองอำนาจ โมดีซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองชาตินิยมฮินดูระดับตัวพ่อของอินเดีย ได้ผุดนโยบายที่มีชื่อเรียกอันแสนเรียบง่าย แต่ได้ใจความชัดเจน นั่นคือนโยบาย “Make in India for Defense.” ซึ่งมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการผลักดันให้อินเดียเป็นศูนย์กลางหรือเป็นฐานรองรับการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกประเภท ให้กับบริษัทค้าอาวุธทั่วโลก ไล่ตั้งแต่การผลิตกระสุนปืน ลูกระเบิด เรื่อยไปจนถึงการผลิตเรือดำน้ำ เรือบรรทุกเครื่องบิน และเครื่องบินขับไล่

    “เมื่อนึกถึงอาวุธ เรามีความปรารถนาแรงกล้าที่มุ่งหวังให้ผู้คนทั่วทั้งโลกนึกถึงอินเดีย เราต้องการเป็นตัวเลือกแรกในการเป็นฐานรองรับการผลิตสินค้าเพื่อการป้องกันประเทศและความมั่นคง และมุ่งหวังให้อินเดียกลายเป็นศูนย์กลางของการถ่ายทอดเทคโนโลยีในด้านนี้ในอนาคต” นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียกล่าว

    ความเคลื่อนไหวล่าสุดของอินเดียในการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตนเองแบบขนานใหญ่ จากการเป็นผู้นำเข้าอาวุธระดับแถวหน้าของโลก ไปสู่การเป็นผู้ส่งออกอาวุธรายสำคัญ และการผุดขึ้นของนโยบาย Make in India for Defense ดูจะไม่สร้างความประหลาดใจมากนัก ให้กับบรรดานักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง

    เหตุผลสำคัญที่ทำให้รัฐบาลอินเดียในยุคโมดี ตัดสินใจปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญมาสู่การเป็นฐานรองรับการผลิตอาวุธ แทนการนำเข้านั้น ถูกมองว่า เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและสอดคล้องกับภาวะด้านงบประมาณของอินเดีย ที่กำลังต้องเร่ง “ปรับสมดุล” อย่างเร่งด่วน แทนการ “โหมนำเข้า” ซึ่งรังแต่จะไปเพิ่มตัวเลขการขาดดุลทางงบประมาณและทำลายวินัยทางการคลัง ให้กับรัฐบาลนิวเดลี

    หากประสบความสำเร็จ แน่นอนว่า นโยบาย Make in India for Defense นี้ จะนำไปสู่การแพร่กระจายของเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ๆทางด้านความมั่นคงให้กับอินเดีย และยังจะกระตุ้นให้เศรษฐกิจแดนภารตะ มีการขยายตัวอย่างสำคัญโดยเฉพาะในภาคการผลิต

    หนึ่งในโครงการที่คาดว่าจะได้รับผลดีจากนโยบาย Make in India for Defense นี้ คือ โครงการพัฒนาเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูงสัญชาติอินเดียภายใต้ชื่อ “Tejas project” ที่อินเดียริเริ่มเอาไว้ตั้งแต่เมื่อ 32 ปีก่อน แต่ยังไร้ผลสำเร็จที่เป็นชิ้นเป็นอัน

    ข้อมูลจากแหล่งข่าวด้านความมั่นคงระบุว่า รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี เตรียมปัดฝุ่นโครงการ Tejas project และเดินสายผลิตเครื่องบินขับไล่ที่อินเดีย “ผลิตเอง 100%” จากโครงการนี้ เข้าไปประจำการในกองทัพอากาศของตน เพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบ “MiG-21” ซึ่งล้าสมัยและถูกนำเข้ามาตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต

    โดยมีรายงานว่าเครื่องบินขับไล่จากโครงการนี้จำนวน 20 ลำแรก จะถูกผลิตเข้าประจำการทันในปีงบประมาณ 2017 และจะถือเป็นผลผลิตที่เป็นรูปธรรมล็อตแรกในรอบ 32 ปี หลังจากที่รัฐบาลอินเดียหมดเงินงบประมาณกับโครงการนี้ไปแล้วมากกว่า 550,000 ล้านรูปี หรือราว 9,520 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    นอกจากนั้น รายงานข่าวล่าสุดจากแดนภารตะยังระบุว่ารัฐบาลอินเดียจ่อนำเรือดำน้ำพลังดีเซล-ไฟฟ้าลำแรก ซึ่งถูกผลิตภายในประเทศเข้าประจำการในกองทัพเรือของตนภายในเดือนกันยายนปี 2016 ก่อนที่จะจะทยอยผลิตเรือดำน้ำแบบเดียวกันอีก 5 ลำเข้าประจำการในภายหลัง ทั้งที่โครงการนี้ถูกระบุว่าล้าหลังจากแผนเดิมถึง 4 ปี

    ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลชาตินิยมของโมดี ยังประกาศผลักดันโครงการผลิตเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกที่ผลิตเอง 100% ในประเทศ รวมถึง โครงการสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์เข้าประจำการในกองทัพอีกด้วย

    นอกเหนือจากการผลิตยุทโธปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงเพื่อใช้เองในกองทัพอินเดียแล้ว รัฐบาลโมดียังคาดหวังว่า นโยบาย Make in India for Defense จะช่วยดึงดูดให้บรรดาบริษัทค้าอาวุธรายใหญ่จากทั่วโลก เข้ามา “ตั้งฐานการผลิต” ในอินเดียด้วยเช่นกัน จากข้อได้เปรียบของอินเดียด้านแรงงานราคาถูก ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ตลอดจนแผนส่งเสริมการลงทุนด้วยมาตรการทางภาษีและสิทธิพิเศษอื่นๆที่รัฐบาลอินเดียเตรียม “จัดหนัก” และ “จัดเต็ม” ให้กับนักลงทุนต่างชาติที่ตอบรับเข้าร่วมโครงการนี้ แลกกับการปฏิบัติตาม “กฎเหล็ก 2 ประการ” ของรัฐบาลอินเดีย นั่นคือ บริษัทอาวุธต่างชาติที่เข้ามาตั้งฐานในอินเดียจะต้องใช้วัตถุดิบที่มีในอินเดียอย่างน้อย 95% ในการผลิตยุทโธปกรณ์ และจะต้องมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับแรงงานชาวอินเดีย

    จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีใครสามารถสรุปได้แบบเต็มปากว่า นโยบาย “Make in India for Defense” ของรัฐบาลอินเดียภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี จะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด เนื่องจากนโยบายดังกล่าวยังถือเป็นเพียง “a work in progress” เท่านั้น

    แต่ถึงกระนั้น ชาวอินเดียจำนวนไม่น้อยต่างมีความเชื่อมั่นแรงกล้าว่า การที่รัฐบาลอินเดียกล้างัดนโยบาย “Make-in-India” นี้มาใช้เพื่อหวังชูตัวเองเป็นฐานผลิตอาวุธใหญ่สุดในโลก และลดการนำเข้าจากต่างประเทศ ก็ถือเป็น “ก้าวย่างสำคัญ” และเป็นการ “ออกก้าวเดินอย่างกล้าหาญ” ที่สมควรได้รับการชื่นชมแล้ว และหลายฝ่ายยังเชื่อว่า นโยบายที่มีแต่ “ได้กับได้” ทางด้านความมั่นคงของอินเดียนี้ อาจเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการที่อินเดียจะท้าทายอำนาจของสาธารณรัฐประชาชนจีน นอกเหนือจากการท้าทายอำนาจทางเศรษฐกิจของแดนมังกร


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000042960
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รบ.เยอรมนีเตรียมปรับเพิ่มเป้าการขยายตัวทางศก. หลังการบริโภคภาคเอกชนพุ่งสูง-อัตราว่างงานต่ำ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    19 เมษายน 2558 04:45 น.

    [​IMG]

    รอยเตอร์/เอเจนซีส์-แหล่งข่าวในกรุงเบอร์ลินเผย รัฐบาลเยอรมนีภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีหญิง อังเกลา แมร์เคิล อาจพิจารณาปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่ในสัปดาห์นี้

    รายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าวในกรุงเบอร์ลินระบุ รัฐบาลเยอรมนี เตรียมปรับเพิ่มเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่ในสัปดาห์นี้จากเดิมที่ตั้งเป้าการขยายตัวไว้ที่ร้อยละ 1.5 ในปี 2015 นี้ และร้อยละ 1.6 สำหรับปี 2016 จากผลพวงของการบริโภคในภาคเอกชนที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น และอัตราการว่างงานที่ต่ำเป็นประวัติการณ์

    อย่างไรก็ดี เป็นที่คาดกันว่า การปรับเพิ่มเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่ในสัปดาห์นี้ของรัฐบาลเมืองเบียร์ อาจไม่สูงเท่ากับเป้าที่มีการกำหนดโดยสถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจภายในประเทศแห่งหนึ่งที่ระบุ เศรษฐกิจเยอรมนีจะเติบโตร้อยละ 2.1 ในปี 2015 นี้ และร้อยละ 1.8 สำหรับปี 2016

    ทั้งนี้ เศรษฐกิจของเยอรมนีมีอัตราการเติบโตของจีดีพีที่ร้อยละ 0.7 ในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปีที่แล้ว ขณะที่ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ คาดว่าอัตราการเติบโตของจีดีพีจะอยู่ที่ร้อยละ 0.6

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000044523
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'ผู้อพยพทางเรือ' มนุษย์ที่โลกลืม
    เปิดโลกวันอาทิตย์ : 'ผู้อพยพทางเรือ' มนุษย์ที่โลกลืม : โดย...บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์ ต่างประเทศ : ข่าวทั่วไป วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2558

    [​IMG]

    ผ่านมากว่า 30 ปีแล้ว ชาวโลกต่างลืมเลือนกระแส "โบ๊ทพีเพิล" หรือ "มนุษย์เรือ" ชาวเวียดนามที่ลอยเรือน้อยหนีจากแผ่นดินเกิดหวังไปตายดาบหน้า แต่ต้องลอยคว้างกลางทะเลหรือต้องฝังร่างอยู่ใต้ทะเลกลายเป็นอาหารของปูปลา เนื่องจากไม่มีใครอยากแบกรับภาระมนุษย์เรือเหล่านั้น ท้ายที่สุด "โบ๊ทพีเพิล" จากแดนตระกูลเหงียนก็จางหายไป แต่ "มนุษย์เรือ" หรือผู้อพยพทางเรือนับพันๆ คนจากเอเชียใต้ กลับไปผลุบโผล่แถวออสเตรเลีย ขณะที่โบ๊ทพีเพิลชาวโรฮิงญาก็ปรากฏว่าตัวแถวอ่าวไทย ส่วนโบ๊ทพีเพิลจากตะวันออกกลางและแอฟริกามักจะลอบลอยเรือผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปยังยุโรปตอนใต้ แต่ระยะทางแค่ 110 กิโลเมตรจากชายฝั่งของตูนิเชีย อันเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยบนเรือประมงลำเล็กๆ ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารเกินกำลังถึงกว่าร้อยคนไปยังเมืองชายฝั่งที่ตุรกี อิตาลี และกรีซ กลับเป็นเส้นทางมรณะของมนุษย์เรือนับพันๆ คนที่ไม่มีโอกาสได้ขึ้นฝั่งอีกเลย อันเนื่องจากเรือเกิดอับปางกลางพายุร้าย หรือต้องอดตายกลางทะเลเนื่องจากไม่มีใครพกพาอาหารหรือน้ำไปประทังชีวิตยามที่เรือน้อยลำนั้นเกิดน้ำมันหมดกลางทะเล หรือแม้ใครเกิดโชคดีลอบขึ้นฝั่งได้ก็มักจะถูกจับฐานเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ไม่มีโอกาสสานฝันว่าจะตั้งต้นชีวิตใหม่ในประเทศนั้นๆ อีกเลย

    แต่แทบไม่น่าเชื่อว่า ข่าวนี้กลับเป็นข่าวที่ถูกลืมหรือไม่มีใครให้ความสนใจ ปีแล้วปีเล่าที่สื่อตะวันตกจะทำข่าวแบบเดิมๆ นั่นก็คือนำเสนอข่าวนี้ต่อเมื่อเกิดโศกนาฏกรรมใหญ่ เกิดอุบัติเหตุเรือพลิกคว่ำมีคนตายนับร้อยๆ คนและนับวันโศกนาฏกรรมนี้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้่นตามลำดับ ดังโศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้กรณีเรือประมงลำน้อยที่บรรทุกมนุษย์เรือหรือผู้อพยพราว 550 คนจากลิเบียเกิดล่มกลางทะเลหลังเดินทางออกมาจากชายฝั่งลิเบียได้เพียงวันเดียว ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 400 ราย รอดตายราวปาฏิหาริย์แค่ 144 คน ผู้รอดชีวิตบางคนเปิดเผยถึงสาเหตุที่ทำให้เรือล่มว่ามาจากผู้โดยสารต่างดีใจจนลืมตัวเมื่อเห็นเรือลำหนึ่งตรงเข้ามาช่วยเหลือ จึงเฮโลโผไปอีกฝั่งหนึ่งของเรือทำให้เรือจมลงในที่สุด ทำให้เหยื่อเหล่านี้ต่าง “กลืนหายไปกับคลื่น” ในจำนวนนี้มีเด็กและผู้หญิงปนอยู่ด้วย

    ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนเมษายน เรือประมงลำเล็กที่ลอบนำชาวซีเรียราวร้อยคนที่หนีตายจากภัยสงครามกลางเมืองในประเทศเกิดล่มนอกชายฝั่งตุรกี โชคดีที่เจ้าหน้าที่หน่วยยามฝั่งของตุรกีช่วยชีวิตผู้โดยสารเหล่านั้นไว้ได้ จึงไม่เกิดโศกนาฏกรรมใหญ่เหมือนคราวเรือเรือบดยางลำเล็กเกิดล่มกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อราวกลางเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากลอยเท้งเต้งอยู่กลางทะเลนาน 4 วัน ทำให้มนุษย์เรือเสียชีวิตกว่า 300 คน และทำให้ยอดเหยื่อที่เสียชีวิตจากเหตุเรือล่มในน่านน้ำแถบนี้เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 1,000 รายนับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา

    กองทัพเรืออิตาลียอมรับว่า ระหว่างวันที่ 10-12 เมษายนที่ผ่านมา หน่วยยามฝั่งสามารถช่วยเหลือผู้อพยพจากทวีปแอฟริกาได้ถึง 5,629 คนที่โดยสารมากับเรือ 22 ลำ ผ่านน่านน้ำซิซิลี ถัดจากนั้นไม่กี่วันก็ยังสามารถช่วยเหลือมนุษย์เรือในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีก 2,380 คน ส่วนใหญ่มาจากลิเบีย ซีเรีย ปาเลสไตน์ อียิปต์ ซูดาน รวมถึงกลุ่มประเทศแถบซับ-ซาฮาราในทวีปแอฟริกา อย่างเอริเทรีย ซึ่งล้วนแต่เป็นดินแดนที่เกิดสงครามหรือความรุนแรงทางการเมือง ถ้ารวมยอดของผู้อพยพที่ข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาขึ้นฝั่งอิตาลีโดยผิดกฎหมายนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีมากถึง 20,000 คนแล้ว ไม่นับรวมผู้เสียชีวิตระหว่างทางกว่า 3,300 ราย หรือถ้ารวมผู้อพยพที่ลอบขึ้นฝั่งในประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรป รวมแล้วมีมากกว่า 280,000 คน เทียบกับเมื่อปีที่แล้ว มีผู้อพยพผิดกฎหมายราว 84,000 คน ขึ้นฝั่งที่แดนรองเท้าบู๊ทอิตาลี และเกาะมอลตาที่อยู่ไม่ไกลจากกันมากนัก และมีมากกว่า 6,000 ราย ที่เชื่อว่าจมน้ำตายแถวเกาะเล็กเกาะน้อยตั้งแต่ปี 2537-2554 จากสถิติขององค์การสหประชาชาติระบุว่าเฉพาะปี 2555 เพียงปีเดียว มีผู้อพยพเสียชีวิต 500 รายกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

    องค์การเพื่อผู้อพยพระหว่างประเทศ (ไอโอเอ็ม) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ยอดผู้อพยพที่เสียชีวิตขณะล่องเรือในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีมากกว่า 20,000 คน ในจำนวนนี้ราว 2,300-3,500 รายเสียชีวิตระหว่างการเดินทางเมื่อปี 2554 เทียบกับปี 2556 มียอดผู้เสียชีวิตในช่วงเดียวกันลดลงเหลือเพียง 700 คน และลดลงเหลือแค่ 47 รายในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ถ้ารวมยอดมนุษย์เรือที่เสียชีวิตกลางทางตลอดช่วงปีที่แล้วมีมากกว่า 2,500 ราย เทียบกับจำนวนผู้อพยพที่ลอบเข้าเมืองในยุโรปมีมากกว่า 130,000 คน มากกว่าปี 2556 ถึง 50,000 คน ส่วนใหญ่ลอบเข้าอิตาลี และนับตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา ยอดผู้อพยพที่เสียชีวิตระหว่างการเดินทางได้พุ่งเป็นกว่า 500 ราย มากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 30 เท่า ถ้าหากรวมกับยอดผู้เสียชีวิตล่าสุด 400 ราย ทำให้ยอดรวมเพิ่มขึ้นเป็น 900 ราย ถือเป็นตัวเลขที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง และได้กลายเป็นวิกฤติผู้อพยพเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในทวีปเก่าแห่งนี้

    ไอโอเอ็มให้เหตุผลว่า สาเหตุที่มีมนุษย์เรือหลากหลายสัญชาติมากขึ้นผิดปกตินี้เชื่อว่าเป็นผลมาจากความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในลิเบีย ซีเรีย อิรัก รวมถึงในหลายพื้นที่ตะวันออกกลางและแอฟริกา โดยเฉพาะในซีเรีย ซึ่งนับตั้งแต่ปีที่แล้ว เกิดเหตุเรือของผู้อพยพชาวซีเรียล่มนอกชายฝั่งมากกว่า 500 ครั้ง ขณะที่หน่วยยามฝั่งตุรกีช่วยชีวิตชาวซีเรียได้ 12,621 คน ไม่นับรวมถึงสาเหตุดั้งเดิมที่ทำให้มีการลอบเดินทางเข้าประเทศโดยผิดกฎหมายเพื่อหนีปัญหาเศรษฐกิจและความยากจน

    อย่างไรก็ดี ไอโอเอ็มให้ข้อสังเกตที่น่าสนใจว่าจำนวนเรือผู้อพยพจากตะวันออกกลางและแอฟริกามีมากขึ้นผิดสังเกตในช่วงนี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่ยุโรปกำลังเข้าสู่ฤดูร้อน ทำให้การเดินทางค่อนข้างปลอดภัยมากกว่าช่วงต้นปีซึ่งอากาศค่อนข้างหนาวเหน็บและคลื่นลมรุนแรงจนทำให้เกิดอุบัติเหตุเรือล่มได้ง่ายๆ แต่สาเหตุใหญ่อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เรือล่มและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากยังมาจากแก๊งค้ามนุษย์ที่หลอกคนเหล่านั้นว่าจะพาหนีร้อนไปพึ่งเย็นแลกกับเงินตอบแทนก้อนใหญ่ และแก๊งค้ามนุษย์นี้มักจะตัดสินใจจมเรือทิ้งโดยไม่สนใจในชีวิตของผู้โดยสาร เพียงเพื่อจะสั่งสอนผู้อพยพที่ไม่ยอมเชื่อฟังและไม่ยอมเปลี่ยนเรือบ่อยๆ เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ดังกรณีที่เกิดขึ้นกับผู้อพยพราว 500 รายจากอียิปต์ที่จมน้ำตายใกล้กับมอลตาเมื่อกลางเดือนกันยายนปีที่แล้ว สาเหตุไม่ได้มาจากอุบัติเหตุแต่มาจากแก๊งค้ามนุษย์ที่ใช้เรือลำใหญ่พุ่งชนเรือที่บรรทุกผู้อพยพจนจม เนื่องจากผู้อพยพขัดคำสั่งไม่ยอมเปลี่ยนเรือเพราะเกรงว่าเรือที่เปลี่ยนใหม่นั้นลำเล็กไปจนไม่สามารถแบกรับน้ำหนักได้ โศกนาฏกรรมซ้ำซากเหล่านี้ทำให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ อาทิ สำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ, องค์กร “เซฟ เดอะ ชิลเดรน”, องค์การนิรโทษกรรมสากล และองค์กรด้านมนุษยธรรมอื่นๆ ได้พร้อมใจกันโจมตีปฏิบัติการกู้ภัยทางทะเลของสหภาพยุโรป (อียู) ว่าไร้ประสิทธิภาพจนไม่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ทั้งๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบจะเป็นเหตุรายวัน ก่อนหน้านี้ อียูนำโดยอิตาลีได้ร่วมกันรับผิดชอบภารกิจตรวจการณ์ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยแดนมะกะโรนีได้ริเริ่มปฏิบัติการ มาเร นอสทรัม หรือ "ทะเลของเรา " ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2556 หลังเกิดเหตุผู้อพยพ 360 คนจมน้ำเสียชีวิตใกล้ชายฝั่งเกาะลัมเปดูซา แคว้นซิซิลี โดยได้ส่งเรือกู้ภัยของอิตาลีเข้าไปตรวจการณ์ใกล้ชายฝั่งลิเบียด้วย แต่เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว อิตาลีได้ยุติปฏิบัติการ “มาเร นอสทรัม” ขณะที่ปฏิบัติการ “ไทรทัน” ของอียูจะมุ่งลาดตระเวนในพรมแดนของยุโรปครอบคลุมน่านน้ำที่อยู่ห่างจากชายฝั่งยุโรปเพียงไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น

    องค์การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเหล่านี้ได้เรียกร้องให้ยุโรปช่วยยกระดับปฏิบัติการก่อนกระแสผู้อพยพจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงฤดูร้อนที่ยาวติดต่อกันหลายเดือน ด้านกลุ่มแพทย์ไร้พรมแดนได้เตรียมแผนปฏิบัติการช่วยเหลือกลางทะเลนาน 6 เดือน ด้วยการส่งเจ้าหน้าที่แพทย์ไปประจำบนเรือนอกชายฝั่งระหว่างมอลตากับลิเบีย ขณะที่องค์กร เซฟ เดอะ ชิลเดรน ได้เรียกร้องให้อียูจัดประชุมฉุกเฉินเพื่อฟื้นแผนปฏิบัติการมาเร นอสทรัม อีกครั้ง หรือเพิ่มขีดความสามารถในการค้นหาและช่วยชีวิตเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่าขึ้นมาอีก แต่ผู้นำอิตาลีแย้งว่าทั้งหมดนี้เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ต้นเหตุุอยู่ที่สถานการณ์ขัดแย้งในลิเบียและซีเรียซึ่งเป็นต้นทางของการเดินทางเสี่ยงตายเหล่านี้

    ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังได้โทษสื่อว่าเป็นตัวการสำคัญในการสุมไฟแห่งความหวาดระแวงและหวาดกลัวขึ้นในหมู่ชาวยุโรปจนเกิดกระแสต่อต้านผู้อพยพมากขึ้นด้วยการชอบประโคมข่าวกล่าวหาว่าผู้อพยพเหล่านี้ว่ามีพวกมุสลิมสุดโต่งแฝงตัวอยู่และได้ลอบเข้ามาที่ยุโรปเพื่อก่อการร้าย หรือไม่เช่นนั้นก็เข้าไปแย่งงานคนในประเทศนั้นที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจซบเซามานาน ทำให้รัฐบาลของหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สแกนดิเนเวีย และกรีซได้วางมาตรการที่รัดกุมและเข้มงวดมากขึ้นในการรับชาวต่างชาติเข้าประเทศ

    สุดท้ายก็คือแทบไม่มีใครสนใจในพระดำรัสของสมด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเมื่อกลางปี 2556 ที่ทรงติเตียนประเทศต่างๆ ที่เมินเฉยต่อผู้อพยพทั่วโลกว่า “กลายเป็นว่าพวกเราต่างรู้สึกเคยชินกับผู้อพยพที่ต้องเสียชีวิตตลอดมา มีสักคนไหมที่ร้องไห้สงสารคนที่เสียชีวิต ร้องไห้ให้กับหญิงสาวที่กอดลูกไว้แน่น ร้องไห้ให้กับผู้ชายจำนวนมากที่เดินทางมาแสวงหาอนาคตให้กับครอบครัว พวกเราเป็นหมู่มนุษย์ที่ลืมการร้องไห้ ลืมประสบการณ์ที่แสดงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นไปเสียแล้ว”

    ---------------------

    (เปิดโลกวันอาทิตย์ : 'ผู้อพยพทางเรือ' มนุษย์ที่โลกลืม : โดย...บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์)

    '
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    50 ปี กฎของมัวร์
    ต่างประเทศ : ข่าวทั่วไป วันเสาร์ที่ 18 เมษายน 2558
    เวิลด์วาไรตี้ : 50 ปี กฎของมัวร์

    [​IMG]

    เมื่อครั้งที่ นายกอร์ดอน มัวร์ ดำรงตำแหน่งผู้บริหารแฟร์ไชลด์ เซมิคอนดักเตอร์ ผู้ผลิตชิพเซมิคอนดักเตอร์ ได้ตั้งทฤษฎีที่เป็นพื้นฐาน หรือหลักการที่ผู้ผลิตชิพเซมิคอนดักเตอร์รุ่นหลังยึดถือกัน จนกลายเป็นกฎที่ผู้ผลิตจะดำเนินแนวทางการพัฒนาตามความคิดของนายมัวร์มาโดยตลอด

    ในวงการเซมิคอนดักเตอร์เรียกกฎนี้ว่า "กฎของมัวร์" ที่มีคำพูดง่ายๆ แต่ลึกซึ้งว่า "จำนวนทรานซิสเตอร์(ในชิพเซมิคอนดักเตอร์)จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในทุกๆปี"

    กฎของมัวร์ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาได้ 50 ปีพอดิบพอดีในวันที่ 19 เมษายน 2558 นี้ แต่กฎของมัวร์กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหม่ ว่าจะยังคงมีความศักดิ์สิทธิ์ต่อไป หรือจะกลายเป็นแค่ตำนานที่หล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมชิพเซมิคอนดักเตอร์ในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา

    ในมุมมองของมัวร์ในเวลานั้น เห็นว่าการผลิตชิพเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยการเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์เข้าไปในแผงวงจรหลักของชิพ ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่งปีผู้ผลิตจะสามารถลดขนาดสถาปัตยกรรมการผลิตลงได้มากพอจนสามารถเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์เข้าไปได้เท่าตัว และผู้ผลิตจะเลือกเดินตามเส้นทางนี้เว้นแต่เทคโนโลยีของผู้ผลิตรายนั้นไม่เพียงพอซึ่งจะทำให้การเพิ่มทรานซิสเตอร์เข้าไปนั้นลดผลกำไรลง

    ซึ่งผู้ผลิตชิพเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบันเดินทางจนมาถึงทางตันของการเพิ่มประสิทธิภาพชิพด้วยการเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์เข้าไปแล้ว จึงต้องใช้วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพชิพเซมิคอนดักเตอร์ด้วยวิธีอื่นๆ เช่นการเพิ่มแกนประมวลผลเข้าไปแทน

    แนวโน้มของการเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์เข้าไปในแผงวงจรตามกฎของมัวร์ เริ่มที่จะไม่เป็นจริงเมื่อสองทศวรรษก่อนที่เทคโนโลยีการผลิตชิพเซมิคอนดักเตอร์มีการ "ก้าวกระโดด" จนทำให้ผู้ผลิตสามารถเพิ่มทรานซิสเตอร์เข้าไปในแผงวงจรได้มากเกินกว่าที่ระบุไว้ในกฎของมัวร์

    นอกจากนั้นในปัจจุบันเทคโนโลยีใหม่ๆ ยังทำลายกฎของมัวร์อย่างไม่เหลือเยื่อใย ยกตัวอย่างเช่นการผลิตชิพประมวลผลกราฟฟิก (จีพียู) ที่ไม่เพียงแค่มีการเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์จำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการคำนวณหลากหลายมิติ ตัวเลขยกกำลังจำนวนมหาศาล ที่เป็นพื้นฐานของภาพกราฟฟิกบนจอมอนิเตอร์

    ยิ่งไปกว่านั้นกฎของมัวร์ยังนำมาใช้กับการพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมไม่ได้ด้วยเช่นกัน เพราะคอมพิวเตอร์แบบนี้อาศัยการเคลื่อนที่ของอะตอมในการคำนวณ ไม่ใช่จำนวนทรานซิสเตอร์บนชิพประมวลผล

    แม้กฎของมัวร์ที่มีอายุครบ 50 ปี จะถูกทำลายลงไปแล้วด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีการผลิตชิพประมวลผล ที่ก้าวล้ำเกินความคิดของนายมัวร์ผู้ตั้งกฎนี้ขึ้นมา แต่เมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นได้ว่า "กฎของมัวร์" ที่เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของนายกอร์ดอน มัวร์ เมื่อ 50 ปีที่แล้วนั้นมีความยิ่งใหญ่ในฐานะ กฎที่ผู้ผลิตชิพคอมพิวเตอร์ใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนามาตลอดหลายทศวรรษ จนทำให้ผู้บริโภคอย่างเราๆ ท่านๆ ได้ใช้งานอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงดังเช่นทุกวันนี้


    50
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ใครจะไปเชื่อ! แม่น้ำยมกลายเป็นสนามบอล ครวญแล้งหนัก
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 เม.ย. 2558 04:50

    [​IMG]

    น้ำเพิ่งท่วมอยู่หลัดๆ ชาวบ้านบอกยังจำภาพ ‘บิ๊กตู่’ สวมชูชีพลงเรือมาเยี่ยมได้อยู่เลย แต่บัดนี้แม่น้ำยมช่วง อ.กงไกรลาศ สุโขทัยกลับแห้งขอด กลายเป็นสนามบอลสำหรับเด็กไปแล้ว วอนขอเขื่อน ถ้าไม่ได้เขื่อนขออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ก็ยังดี...

    เมื่อวันที่ 17 เม.ย.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ได้เกิดสถานการณ์ภัยแล้งขึ้นในหลายพื้นที่ของ จ.สุโขทัย นับตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค.58 เป็นต้นมา ทำให้น้ำในแหล่งน้ำต่างๆ รวมทั้งระดับน้ำในแม่น้ำยม ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดแห้งขอดเป็นช่วงๆ ตลอดทั้งสาย สถานการณ์ดังกล่าว กำลังส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง และมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้น ล่าสุดระดับน้ำในแม่น้ำยมบริเวณที่ไหลผ่านบริเวณบ้านเกาะกง ม.1 ต.กง อ.กงไกรลาศ แห้งขอด

    แม่น้ำยม ช่วงจ.สุโขทัย แปรสภาพกลายเป็นสนามฟุตบอลให้เด็กๆ ในหน้าแล้ง
    ทั้งนี้ บริเวณดังกล่าวก่อนหน้านี้ เมื่อเดือน ก.ย.2557 เคยประสบอุทกภัยหนัก จน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้ลงพื้นที่มาเยี่ยมชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งชาวบ้านบอกว่ายังจำภาพที่นายกรัฐมนตรีสวมชูชีพลงเรือได้ติดตาอยู่เลย แต่ขณะนี้ช่วงเวลาไม่ถึงปี บริเวณนี้กลับแห้งขอดจนถึงก้นแม่น้ำ ชาวบ้านจึงพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยปรับพื้นที่ทำเป็นสนามฟุตบอลชั่วคราว ให้เด็กๆ ได้เล่นฟุตบอลออกกำลังกายกันอย่างสนุกสนาน

    เมื่อสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องการเขื่อนกักเก็บน้ำในแม่น้ำยม เพราะแม่น้ำยมเป็นแม่น้ำสายเดียวที่ไม่มีเขื่อน หากภาครัฐไม่สามารถสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นได้ ก็ขอให้ช่วยสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัย และภัยแล้งที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านในพื้นที่ อ.กงไกรลาศ ต่อเนื่องมาทุกๆ ปีด้วย


    สภาพน้ำยมแห้งขอด
    ล่าสุด จ.สุโขทัย เกิดความเสียหายแล้ว ใน 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองสุโขทัย กงไกรลาศ บ้านด่านลานหอย และ อ.คีรีมาศ รวมทั้งสิ้น 28 ตำบล 252 หมู่บ้าน 26 ชุมชน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 104,061 คน จำนวน 46,670 ครัวเรือน นาข้าวได้รับความเสียหาย 50,703 ไร่.

    ใครจะไปเชื่อ! แม่น้ำยมกลายเป็นสนามบอล ครวญแล้งหนัก - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แปลก! ธงทองยอดเจดีย์มีชื่อ-สกุล ‘ยิ่งลักษณ์’ เป็นรอยมลทิน
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 16 เม.ย. 2558 21:05

    [​IMG]

    หลวงพ่อพันเทวาเพ่งตะวัน เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง เชียงใหม่ ทำพิธียกฉัตร 9 ชั้นที่เอียงลงมาเพื่อซ่อมใหม่ ตะลึงพบธงทอง ที่มีชื่อ ‘ยิ่งลักษณ์’ เป็นรอยมลทินสีดำ 2 รอย ทั้งที่อยู่บนยอดเจดีย์ พระลูกวัดบอกตอนเกิดพายุ มีฟ้าผ่าใส่เสียงดังสนั่น...

    เมื่อวันที่ 16 เม.ย.58 ผู้สื่อข่าว จ.เชียงใหม่ รายงานกรณียอดฉัตร 9 ชั้น เจดีย์วัดศรีบุญเรือง ต.หนองหอย อ.เมือง เชียงใหม่ ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สองอดีตนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในพิธีอัญเชิญขึ้นสู่ยอดองค์พระเจดีย์ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.58 ที่ผ่านมา


    ยอดฉัตร 9 ชั้น เจดีย์วัดศรีบุญเรือง เกิดเอียงลงเหมือนจะเป็นลางบอกเหตุอะไรบางอย่าง

    ต่อมาเมื่อวันที่ 10 เม.ย.58 ทางวัดตรวจพบว่ายอดฉัตร 9 ชั้นได้เอียงลง ซึ่งพระครูสุเทพสิทธิคุณ หรือหลวงพ่อพันเทวา เพ่งตะวัน เจ้าอาวาส บอกว่าเหมือนจะเป็นลางบอกเหตุอะไรบางอย่าง จึงได้ทำพิธีสะเดาะห์เคราะห์สืบชะตา ปล่อยปลาปล่อยหอยให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อให้คลายจากกรรมที่ติดตัว และขอให้ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ช่วยอัญเชิญยอดฉัตรที่เอียงลงมา เพื่อดำเนินการแก้ไข


    พระครูสุเทพสิทธิคุณ กำลังพิจารณาดูใบธงทองยอดฉัตร

    จนกระทั่งเวลา 09.00 น. วันที่ 16 เม.ย. พระครูสุเทพสิทธิคุณ หรือ หลวงพ่อพันเทวาเพ่งตะวัน เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง ได้นำรถยกขนาดใหญ่ของเทศบาลนครเชียงใหม่ มาอัญเชิญยอดฉัตร 9 ชั้นที่เอียงนำลงมา โดยต้องยกออกทีละชั้น เมื่อนำลงมาแล้วได้สังเกตเห็นว่าใบธงทองยอดฉัตร ที่มีชื่อของ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สลักอยู่ พบว่าตรงคำว่า ‘ยิ่ง’ และ ‘วัตร’ ซึ่งเป็นคำแรกและคำสุดท้ายของชื่อ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ เป็นรอยสีดำเห็นเด่นชัด

    พระครูสุเทพสิทธิคุณรีบนำสีทองมาทาทับตรงที่เป็นรอยกะเทาะ

    ทางพระครูสุเทพสิทธิคุณ หลวงพ่อพันเทวา ถึงกับแสดงสีหน้าเป็นกังวล พร้อมกับรีบนำสีทองมาทาทับตรงที่เป็นรอยกะเทาะ ก่อนจะบริกรรมคาถาให้ กล่าวว่า ในช่วงที่นำขึ้นไปคงทาสีทองไม่หมด เมื่อนำลงมาอีกครั้งจึงเห็น และรีบแก้ให้แล้ว คงไม่เป็นอะไรแล้ว และได้แจ้งผ่านไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ทราบ ส่วนเจ้าตัวจะมาหรือไม่มาไม่ทราบ ตนทำให้เท่าที่จะทำได้

    อย่างไรก็ตาม พระลูกวัดรูปหนึ่งได้บอกว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงเกิดพายุฝน ได้ยินเสียงฟ้าผ่าบริเวณลูกแก้วยอดเจดีย์ และสายฟ้าคงไปถูกธงทองที่มีชื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งอยู่ต่อลงมาจากลูกแก้ว จึงเป็นรอยขึ้นมาดังกล่าว.

    แปลก! ธงทองยอดเจดีย์มีชื่อ-สกุล ‘ยิ่งลักษณ์’ เป็นรอยมลทิน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    18 เม.ย. พบต้นกำเนิดเครื่องมือเก่าแก่สุดในโลก อายุราว 3.3ล้านปี โดยมนุษย์ออสตราโลพิเทคัส

    [​IMG]

    พบเครื่องมือการดำรงชีวิตของมนุษย์ที่เก่าแก่สุดในโลกอายุราว 3.3ล้านปี ที่ทะเลสาบตูรกานา ในประเทศเคนยา

    เมื่อเร็วๆ นี้มีการค้นพบครั้งสำคัญที่ทะเลสาบตูรกานา ในประเทศเคนยา และเพิ่งจะได้รับการตีพิมพ์รายงานการค้นพบในนิตยสาร Science สิ่งที่ค้นพบนี้ คือ เครื่องมือสำหรับการดำรงชีวิตที่คาดว่าน่าจะมีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก

    เครื่องมือชิ้นนี้เป็นก้อนหินที่มีลักษณะถูกกระเทาะให้เป็นคมอย่างตั้งใจ น่าจะทำขึ้นโดยมนุษย์ออสตราโลพิเทคัส ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ แต่ยังมีลักษณะคล้ายลิงใหญ่ เครื่องมือที่ว่านี้มีอายุราว 3.3 ล้านปีที่แล้ว เก่าแก่กว่าของเดิมที่เคยคิดว่าเป็นที่สุดแล้วถึง 700,000 ปี

    การค้นพบครั้งนี้ ยังน่าจะเป็นการช่วยยืนยันการค้นพบของนักวิจัยในเอธิโอเปียเมื่อปี 2010 ที่อ้างว่า พบกระดูกสัตว์มีรอยตัดอายุราว 3.4 ล้านปี แต่ด้วยความที่ไม่พบเครื่องมือตัด ทำให้การยืนยันดังกล่าวไม่มีน้ำหนักมากพอ

    เซเรเซเนย์ อเล็มเซเก็ด นักบรรพมานุษยวิทยาแห่งสถาบันนานาศาสตร์แห่งแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า กระดูกในเอธิโอเปียถือเป็นหลักฐานเกี่ยวกับเหยื่อ แต่การค้นพบที่เคนยา ถือเป็นการค้นพบของกลางที่ทำให้เหยื่อเป็นเช่นนั้น นับว่าเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการค้นคว้าเกี่ยวกับบรรพบุรุษของมนุษย์ครั้งสำคัญ

    ภาพ : ทะเลสาบตูรกานา ในประเทศเคนยา
    พบต้นกำเนิดเครื่องมือเก่าแก่สุดในโลก - โพสต์ทูเดย์ ข่าวรอบโลก
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    18 เม.ย. ต้องพิสูจน์! ฮือฮา อ้าง"โยดาสตาร์วอร์ส"มีอยู่จริง ปรากฎในตำนาน"ไบเบิล" ผู้ได้รับ"อำนาจวิเศษ"

    [​IMG]

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ได้สร้างความตื่นตะลึง หลังอ้างว่า ตัวละคร"โยดา"ในสตาร์วอรส์ เป็นบุคคลที่มีอยู่จริงในตำนาน ตามเรื่องเล่าของพระคัมภีร์ไบเบิล โดยมีภาพของเขาอยู่ในเอกสารอ้างอิงพระคัมภีร์ดังกล่าว ที่ถูกวาดขึ้นตั้งแต่ปี 1340

    โดยดร.จูเลี่ยน แฮร์ริสัน บรรณารักษ์ประจำห้องสมุดอังกฤษ ได้ออกมาอ้างเปิดเผยว่า ภาพดังกล่าวซึ่งมีลักษณะคล้ายโยดา ผู้เป็นอาจารย์ของพระเอกหนังสตาร์ วอร์ส หรือ"ลุค สกายว๊อลค์เกอร์"ได้ปรากฎอยู่ภาพเอกสารอ้างอิงพระคัมภีร์ไบเบิล ระบุว่า ภาพนี้ปรากฎอยู่ในเอกสารอ้างอิงพระคัมภีร์ไบเบิลในยุคสมัยศตวรรษท่ 14 ที่ชื่อว่า สมิธฟิลด์ เดครีตัลส์ โดยภาพดังกล่าวคือโยดา ในหนังเรือง"สตาร์วอรส์" ที่ถูกวาดโดยจิตรกรในยุคกลาง โดยผู้วาดภาพดังกล่าวได้วาดภาพดังกล่าวออกมาอย่างชัดเจนกระจ่างแจ้งอย่างมาก

    ทั้งนี้ โยดาดังกล่าว ถูกเรียกจากเอกสารพระคัมภีร์ว่า"แซมซัน"ที่ได้รับอำนาจวิเศษจากพระเจ้า ให้ต่อสู้กับเหล่าศัตรู และได้สร้างวีรกรรมฮีโร่หลายครั้ง เช่น ฆ่าสิงโต ทำลายกองทัพข้าศึกทั้งกองทัพด้วยหาง แลทำลายวิหารพวกนอกรีต แต่แซมซันผู้นี้ มีจุดอ่อนเปราะบางคือ การหลงเสน่ห์ผู้หญิงหลอกลวง ซึ่งต่อมาทำให้อ่อนแอและสูญสิ้นพลังอำนาจจากพระเจ้า

    ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า เอกสารดังกล่าวยังมีภาพของจดหมายกษัตริย์เกรกอรี่ ที่ 9 และ"เบอร์นาร์ด แห่งปาร์มา" ซึ่งถูกเขียนและบรรยายเป็นภาษาฝรี่งเศส ตั้งแต่ช่วงปี 1300-1400 ด้วย นอกจากนี้ "แซมซัน"บุคคลในตำนานไบเบิล ยังปรากฎอยู่ในจดหมายหลายฉบับท่เขียนถึงพระสันตปาปา และหลักปฎิบัติของคริสต์จักรด้วย ขณะที่โยดา ในหนังสตาร์วอรส์ เป็นตัวละคร ที่ถูกระบุว่า มีอายุอยู่ในช่วง 900 ปีก่อน แต่ไม่มีใครเคยชี้ว่า หนังดังกล่าวสร้างตัวละครนี้จากแรงบันดาลใจจากเอกสารพระคัมภีร์ไบเบิลด้วย

    ต้องพิสูจน์! ฮือฮา อ้าง"โยดาสตาร์วอร์ส"มีอยู่จริง ปรากฎในตำนาน"ไบเบิล" ผู้ได้รับ"อำนาจวิเศ
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิจัยระบุพาราเซตามอลทำให้มีอารมณ์เย็นชา
    by Chatnarong Muangwong 17 เมษายน 2558 เวลา 08:31 น.

    [​IMG]

    หลายคนคงจะรู้จักประโยชน์ในการบรรเทาความเจ็บปวดของพาราเซตามอลเป็นอย่างดี แต่งานวิจัยล่าสุดจากสหรัฐฯ ระบุว่า พาราเซตามอลยังอาจมีผลข้างเคียงที่ให้คนที่กินมีอารมณ์ความรู้สึกเย็นชากว่าปกติ

    นิตยสารไซโคโลจิคอล ไซแอนซ์ ตีพิมพ์งานวิจัยของมหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตต เกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้ยาพาราเซตามอล โดยพบว่าพาราเซตามอลอาจส่งผลให้อารมณ์ความรู้สึกของคนเราเย็นชามากขึ้นกว่าปกติ และทำให้คนที่กินมีปฏิกิริยาทางอารมณ์น้อยลงทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ

    งานวิจัยดังกล่าวทำการทดลองโดยให้นักศึกษา 82 คนกินยาพาราเซตามอลและยาปลอมปะปนกัน จากนั้นให้นักศึกษาดูรูปภาพต่างๆ และให้ประเมินอารมณ์ของรูปภาพนั้นๆ โดยให้ -5 แทนอารมณ์เชิงลบที่สุด ส่วน 5 แทนอารมณ์เชิงบวกที่สุด ตลอดจนประเมินว่ารูปภาพเหล่านั้นส่งผลกระทบทางอารมณ์ต่อตัวเองมากแค่ไหนจาก 1 ถึง 10

    ผลปรากฏว่าผู้ที่กินพาราเซตามอลประเมินอารมณ์ของรูปภาพต่างๆ ในระดับที่รุนแรงน้อยกว่าผู้ที่กินยาปลอม ขณะที่การประเมินว่ารูปภาพเหล่านั้นส่งผลกระทบต่อตัวเองมากแค่ไหน ค่าเฉลี่ยของผู้ที่กินพาราเซตามอลอยู่ที่ 5.85 คะแนน ส่วนค่าเฉลี่ยของผู้ที่กินยาปลอมอยู่ที่ 6.76 คะแนน

    เจ้าของงานวิจัยดังกล่าวระบุว่า สาเหตุที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะพาราเซตามอลทำให้กระแสประสาทหรือการทำงานของสมองบางส่วนลดความอ่อนไหวลง ส่งผลให้ตอบสนองทางอารมณ์น้อยลง ซึ่งทั้งหมดยังต้องมีการศึกษาหาคำตอบที่แท้จริงกันต่อไปในอนาคต


    วิจัยระบุพาราเซตามอลทำให้มีอารมณ์เย็นชา - VoiceTV
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปักกิ่งเจอศึกหนัก ‘พายุทราย’ พัดถล่มเมืองรุนแรงสุดในรอบ 13 ปี [ชมภาพ&คลิป]
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 เมษายน 2558 07:09 น. (แก้ไขล่าสุด 16 เมษายน 2558 16:44 น.)

    [​IMG]

    สภาพบรรยากาศในเขตซันหลี่ถุนของกรุงปักกิ่งขณะที่พายุทรายกำลังพัดกระหน่ำเล่นงาน วันที่ 15 เม.ย. 2558 (ภาพ เอเอฟพี)

    <iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/AgCi7lGaf5g" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
    https://youtu.be/AgCi7lGaf5g

    เอเจนซี - นครหลวงแดนมังกรเผชิญศึกหนักอีกครา ‘พายุทราย’ พัดถล่มครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 13 ปี ชาวเน็ตเปรียบเปรย “ดั่งวันสิ้นโลก”

    เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงาน (15 เม.ย.) ประชาชนจำนวนมากในกรุงปักกิ่งต่างเร่งรีบเดินทางกลับบ้านในเย็นวันพุธที่ผ่านมา ด้วยหวั่นเกรงภัยธรรมชาติจะสำแดงฤทธิ์เดชจนการจราจรหยุดนิ่งเป็นอัมพาตทั้งเมือง หลังทางการประกาศเตือนภัยสภาพอากาศสีเหลือง (ความรุนแรงระดับสองจากทั้งหมดสี่ระดับ) ให้กับพายุทราย ซึ่งอาจเป็นปัญหาบดบังทัศนวิสัยการมองเห็นจนลดลงต่ำกว่า 1,000 เมตร

    ขณะที่ค่าดัชนีมลพิษทางอากาศ (AQI) ชนิดพีเอ็ม 10 (PM10) ของหลายพื้นที่ในเมืองหลวง ได้พุ่งสูงเกือบ 1,000 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งจัดว่าอยู่ในขั้นวิกฤตหนัก ด้านสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่งก็วัดค่าดัชนีฝุ่นพิษขนาดเล็ก หรือพีเอ็ม 2.5 ได้เกินกว่า 300 อันหมายถึงเป็นอันตรายอย่างมากต่อร่างกายมนุษย์

    เดอะ ลีเกิล มิลเลอร์ สื่อต่างประเทศเสริมว่า พายุทรายลูกดังกล่าวนับว่ามีความรุนแรงมากที่สุดในรอบ 13 ปี โดยคาดการณ์ว่ากระแสลมแรงจะยังคงโหมกระหน่ำพัดพาเอาเม็ดทรายและฝุ่นผงบุกโจมตีปักกิ่งจนถึงช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดี (16 เม.ย.)

    ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของจีนรายงานว่า พื้นที่บางส่วนของเขตปกครองซินเจียง ชนชาติอุยกูร์, เขตปกครองตนเองหนิงซย่า ชนชาติหุย, มหานครเทียนจิน, มณฑลกันซู่, มณฑลส่านซี, มณฑลซานซี, มณฑลเหอเป่ย และมณฑลจี๋หลิน ก็ได้รับผลกระทบจากฝุ่นผงของพายุทรายนี้ด้วยเช่นกัน

    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จีนกระตุ้นเตือนพลเมืองให้เก็บตัวอยู่แต่ในที่พักอาศัย แต่ก็มีชาวบ้านบางส่วนที่หาญกล้าต้องออกไปเสี่ยงภัยพายุทราย ได้โพสต์รูปภาพระหว่างที่เมืองหลวงกำลังถูกเล่นงานจนปกคลุมไปด้วยคลื่นสีแดงส้มดูขมุกขมัว

    “มันสกปรกเอามากๆ ฉันรู้สึกยังกับอยู่ในวันสิ้นโลก” ข้อความบางส่วนจากชาวเน็ตจีน “เหมือนว่าพวกเราอาศัยอยู่ในทะเลทราย … ฉันสงสัยว่าเราจะเอาชีวิตรอดกับสภาพอากาศสุดเลวร้ายแบบนี้ได้ยังไงกัน”

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บทเรียนแสนแพง....กับดักทุนนิยม กับดักชีวิต
    การลงทุน

    [​IMG]

    อยากให้อ่านกัน โดยเฉพาะคนมีครอบครัว
    ยุคนี้ ต้องอยู่อย่างรู้ทัน กับดักทุนนิยม
    ...อ่ำ ฝันไว้ว่าจะรวย จะได้มีเงินเยอะๆ
    ครอบครัวจะได้มีความสุขมากๆ
    ตั้งแต่แต่งงาน เลยทุ่มเทแต่กับธุรกิจ
    ปั้นรายการ หวังรอรับช่องดิจิตอล
    ลูก เมีย ขอให้พัก ก็ไม่สนใจ ไม่ดูแล
    ไม่ให้เวลากับครอบครัว มุ่งหาความสำเร็จอย่างเดียว
    หลงคิดว่า ความสำเร็จในบั้นปลาย
    จะกลับมาทำให้ ครอบครัวมีความสุข
    สรุปแล้ว ...ฝันสลาย ในปีที่ 13 ของชีวิตคู่
    พอทีวีดิตอลมา ทุกอย่างเจ๊ง หนี้ท่วม
    หันหน้าหาเมีย ก็คุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว
    เครียด ทะเลาะ สุดท้ายขอหย่า
    บ้าน 3 หลังก็ต้องขาย ทุกวันนี้อยู่คนเดียว
    ...ธุรกิจพัง ความสัมพันธ์ในครอบครัว ก็พังด้วย

    ความน่ากลัว ของกับดักทุนนิยม อยู่ตรงที่
    มันชอบหลอกให้ผู้นำครอบครัวคิดว่า
    เงินเยอะ = ความสุขเยอะ
    ทั้งที่จริงๆแล้ว ถ้าเราไม่รู้จักพอ
    จุดที่รู้สึกว่าตัวเองมีความสุข
    ก็จะวิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ พอเราวิ่งตาม
    ใกล้ไปถึงจุดนั้น ใกล้จะเอื้อมมือคว้าได้
    ก็จะพบว่า สุขที่ตามหา ไม่ใช่สุขแท้จริง
    เพราะสุขที่เคยมีอยู่ แต่ไม่ให้ค่า หายไปแล้ว

    :: ไม่พบหน้านี้ ::
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นสพ.กลาโหมสหรัฐฯตีพิมพ์ทัศนะอดีตนายทหารอเมริกัน ชี้ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯร้าวฉานยากประสาน updated: 17 เม.ย 2558 เวลา 15:09:57 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    เว็บไซต์ VOA Thai รายงานเมื่อวันที่ 16 เมษายน ถึงบทความใน นสพ. Stars and Stripes ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ตีพิมพ์รายงานทัศนะของอดีตเจ้าหน้าที่ทหารอเมริกันสองนาย ผู้เคยร่วมทำงานกับกองทัพไทย ซึ่งทั้งคู่ระบุว่าความสัมพันธ์ที่ยาวนานระหว่างไทยกับสหรัฐฯ กำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ ขณะที่จีนกำลังจับตามองเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และพยายามแทรกตัวเข้ามาแทน

    Kerry Gershaneck อดีตนายทหารนาวิกโยธินสหรัฐฯ ยศพันเอก ซึ่งปัจจุบันทำงานร่วมกับศูนย์ East-West Center ในฮาวาย ชี้ว่าท่าทีของสหรัฐฯ หลังการยึดอำนาจในประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว กำลังก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีต่อความสัมพันธ์ทางทหารของสองประเทศ และเป็นเรื่องยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมหากละเลยการพิจารณาถึงปัจจัยแวดล้อมต่างๆ โดยเฉพาะจีน

    ปัจจัยหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นเรื่องนี้คือ การฝึก Cobra Gold ระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งมีขนาดเล็กลงในปีนี้ และอาจจะยิ่งมีอุปสรรคมากขึ้นในปีหน้า

    Gershaneck ระบุว่าหากอเมริกาต้องการจะให้ความสัมพันธ์นี้กลับมาดีดังเดิม อเมริกาจำเป็นต้องทำงานหนักเพื่อให้เข้าใจถึงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถานการณ์ด้านจิตใจของคนไทย

    อดีตนายทหารนาวิกโยธินสหรัฐฯ ผู้นี้ชี้ว่า ปัจจุบันทหารและชนชั้นผู้นำของไทยต่างมองสหรัฐฯ ว่าเสแสร้ง เลือกปฏิบัติ และใช้มาตรฐานที่ต่างกันสำหรับแต่ละประเทศ เช่นในกรณีการปฏิวัติในอียิปต์เมื่อ 2 ปีก่อนซึ่งสหรัฐฯ มีท่าทีนิ่งเฉยไม่เหมือนกับกรณีของไทย รวมทั้งล่าสุดที่ ปธน.โอบาม่าพยายามจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับคิวบาที่ร้าวฉานมานานหลายสิบปี
    Thai US Relation

    Gershaneck บอกว่าคนไทยจำนวนมากรู้สึกว่าไทยคือพันธมิตรที่ร่วมต่อสู้กับสหรัฐฯ ทั้งในช่วงสงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม และสงครามกับคอมมิวนิสต์ แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น คิวบาคือศัตรูที่พยายามบ่อนทำลายอเมริกา แต่เวลานี้รัฐบาลอเมริกันกลับพยายามยอมรับรัฐบาลคอมมิวนิสต์ของคิวบา แต่กลับกดดันให้ไทยกลับสู่ประชาธิปไตยและมีการเลือกตั้งโดยเร็ว

    นักวิเคราะห์แห่งศูนย์ East-West Center ผู้นี้เชื่อว่า ท่าทีและแรงกดดันดังกล่าวของสหรัฐฯ ยิ่งทำให้เกิดลัทธิชาตินิยมแบบต่อต้านอเมริกาขึ้นในประเทศไทย

    ทางด้าน John M. Cole อดีตทหารกองทัพบกสหรัฐฯ ผู้เคยทำงานร่วมกับกองทัพไทยเช่นกัน ชี้ว่าขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ กำลังร้าวฉาน จีนก็กำลังค่อยๆ สานสัมพันธ์ทางทหารกับไทยไปทีละน้อย และกำลังจับตามองว่าเมื่อไรที่ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ สิ้นสุดลง จีนก็พร้อมกระโจนเข้าแทนทันที

    เมื่อเดือน ก.พ จีนและไทยได้ร่วมประกาศข้อตกลง 5 ปีเพื่อเพิ่มความร่วมมือด้านการทหาร และรมต.กระทรวงกลาโหมจีนยังได้ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่แทรกแซงกิจการภายในของไทย

    Kerry Gershaneck บอกว่าจีนได้เสนอความช่วยเหลือทางทหารให้กับไทย เพื่อชดเชยส่วนที่สหรัฐฯ ตัดออกไป รวมถึงความช่วยเหลือในด้านการศึกษา และการฝึกฝน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการผสานความสัมพันธ์ทางทหารในระยะยาว เพราะจะมีอิทธิพลต่อแนวคิดอุดมการณ์ของทหารในรุ่นต่อๆไป เหมือนที่สหรัฐฯเคยใช้อำนาจนุ่มลักษณะนี้มาแล้วในอดีต เพื่อขยายแนวคิดประชาธิปไตย

    อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนยังไม่เห็นด้วยกับทัศนะของอดีตนายทหารอเมริกันสองท่านนี้

    หนึ่งในนั้นคือคุณ Gregory Poling ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Center for Strategic and International Studies หรือ CSIS ในกรุงวอชิงตัน ที่บอกว่าการสานสัมพันธ์ทางทหารระหว่างไทยกับจีนนั้น ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย และยังถือเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับขนาดความสัมพันธ์ทางทหารของไทยกับสหรัฐฯ นักวิเคราะห์ผู้นี้เชื่อว่าจีนจะยังไม่ก้าวขึ้นมาเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงอันดับหนึ่งของไทยในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน

    ถึงกระนั้นอดีตนายทหารกองทัพสหรัฐฯKerryGershaneckและ John M. Cole ยืนยันว่ารอยร้าวระหว่างไทย-สหรัฐฯ นั้นมีอยู่จริง และอาจนำไปสู่การปรับสมดุลใหม่ในเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเป็นสมดุลที่แตกต่างจากนโยบายของปธน.โอบาม่า

    เพราะอาจหมายความว่าประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้พยายามกีดกันอเมริกาออกไป


    ที่มา Stripes - Independent U.S. military news from Iraq, Afghanistan and bases worldwide
    ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง / วีโอเอไทย ข่าวสดสายตรงจากอเมริกา

    ภาพประกอบแฟ้มภาพAFP



    นสพ.กลาโหมสหรัฐฯตีพิมพ์ทัศนะอดีตนายทหารอเมริกัน ชี้ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯร้าวฉานยากปร
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "ชาวอังกฤษ"เจอปัญหาประชากรเพิ่ม-ชิงที่นั่งลูกเข้าเรียนประถม
    updated: 17 เม.ย 2558 เวลา 14:14:02 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    ไม่ใช่แค่ไทยที่มีปัญหาการเอาเด็กเข้าเรียนโรงเรียนประถม ในอังกฤษก็มีเช่นกัน

    บีบีซีไทย รายงานว่า ช่วงนี้นับเป็นเวลาสำคัญของบรรดาผู้ปกครองที่มีบุตรหลานในเกณฑ์เข้าเรียนทั่วประเทศอังกฤษ เพราะเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาจะได้ทราบเป็นครั้งแรกว่าบุตรหลานของตนจะได้เข้าเรียนโรงเรียนใด จอห์น แมคมานัส ผู้สื่อข่าวสายสังคมของบีบีซีจะพาไปดูถึงกลเม็ดเด็ดพรายต่างๆที่บรรดาผู้ปกครองงัดมาใช้เพื่อให้บุตรหลานได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่พวกเขาหมายปอง

    ประเด็นการคัดเลือกเด็กเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาในอังกฤษได้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และมักถูกนักการเมืองหยิบยกขึ้นหาเสียงในเรื่องเกี่ยวกับสวัสดิการ เพราะผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยเริ่มแสดงความไม่พอใจที่ลูกหลานถูกบังคับให้เข้าเรียนโรงเรียนที่พวกเขาไม่ได้เลือก

    แม้ในอังกฤษจะมีโรงเรียนเอกชนหลายแห่ง แต่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ต่างต้องการส่งลูกเข้าโรงเรียนรัฐบาล ตามกฎหมายแล้วเด็กจะเริ่มเข้ารับการศึกษาเมื่อย่างเข้า 5 ขวบและจะเรียนที่โรงเรียนเดิมไปจนถึงอายุ 16 ปีเป็นอย่างน้อย

    แต่ในปัจจุบันการหาโรงเรียนที่เหมาะสมให้บุตรหลาน โดยเฉพาะโรงเรียนชื่อดังนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนหนึ่งมาจากประชากรที่เพิ่มขึ้น สถิติล่าสุดพบว่า โรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนเกิน 30 คนต่อชั้นเรียนนั้นเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้โรงเรียนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในสังกัดสภาท้องถิ่น แต่กฎระเบียบของรัฐบาลปัจจุบันไม่อนุญาตให้สภาท้องถิ่นสร้างโรงเรียนที่อยู่ใต้การกำกับดูแลโดยตรงของตนเพิ่มใหม่

    ด้วยเหตุนี้บรรดาผู้ปกครองจึงต้องใช้วิธีการต่างๆเพื่อให้บุตรหลานได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่พวกเขาต้องการ โดยเกณฑ์การคัดเลือกเด็กเข้าเรียนในอังกฤษนั้นมีด้วยกันหลายวิธี อาทิ การคัดเลือกนักเรียนในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งผลสำรวจพบว่า 25% ของผู้ปกครองใช้วิธีซื้อบ้าน และอีก 17.6% เช่าบ้านที่อยู่ใกล้กับโรงเรียนที่หมายปอง

    นอกจากนี้ยังมีเกณฑ์การรับเด็กที่นับถือศาสนาเดียวกับโรงเรียนที่ดำเนินการโดยองค์กรศาสนาอาทิ โบสถ์ หรืออารามของศาสนานั้นๆ ดังนั้นผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยจึงใช้วิธีเข้าไปช่วยงานหรือเป็นอาสาสมัครขององค์กรศาสนาที่ตนต้องการให้บุตรหลานเข้าเรียน ส่วนผู้ปกครองอีกกว่า 1 ใน 5 บอกว่าใช้วิธีผูกมิตรกับเจ้าหน้าที่โรงเรียนที่พวกเขาชื่นชอบ



    ที่มา : เพจเฟซบุ๊คบีบีซีไทย


    "ชาวอังกฤษ"เจอปัญหาประชากรเพิ่ม-ชิงที่นั่งลูกเข้าเรียนประถม : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หวัดนกระบาดในอินเดีย! สั่งฆ่าสัตว์ปีกไปแล้วกว่าสองแสนห้าหมื่นตัว
    updated: 18 เม.ย 2558 เวลา 14:06:59 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    จากรายงานของเดลี่เมล หลังสัตว์ปีกหลายพันตัวได้เสียชีวิตลงเนื่องจากการระบาดของเชื้อหวัดนก ทำให้เจ้าหน้าที่อินเดียต้องออกคำสั่งกำจัดสัตว์ปีกจำนวน 2.5 แสนตัว ในรัฐเตลังกานา ซึ่งมีการยืนยันแล้วในหลายกรณีว่า เชื้อที่พบเป็นไวรัส H5N1 ซึ่งเป็นอันตรายต่อมนุษย์

    ในระหว่างปี 2005-2006 ซึ่งเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ในเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ทำให้ประชาชนกว่า 400 ราย และสัตว์ปีกนับร้อยล้านตัวต้องเสียชีวิตลง โดยในอินเดีย ได้มีการกำจัดสัตว์ปีกไปแล้วกว่า 6.4 ล้านตัวนับแต่ปี 2006 เป็นต้นมา

    ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการติดเชื้อจากสัตว์สู่มนุษย์เป็นสิ่งที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่อาจเกิดขึ้นได้กับคนซึ่งใกล้ชิดกับสัตว์ที่ติดเชื้อเหล่านี้ แต่มีการกลัวกันว่าเชื้อชนิดนี้อาจรวมตัวกับเชื้อที่แพร่ระบาดในมนุษย์ได้ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ จนเป็นอันตรายร้ายแรงและยากต่อการควบคุม



    ที่มา มติชนออนไลน์

    หวัดนกระบาดในอินเดีย! สั่งฆ่าสัตว์ปีกไปแล้วกว่าสองแสนห้าหมื่นตัว : ประชาชาติธุรกิจออนไ
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,263
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    19 เม.ย. ฝรั่งเศสเริ่มส่ง “ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานรถถัง” ชุดแรกให้เลบานอนสู้ก่อการร้าย IS ติดพรมแดนซีเรีย

    [​IMG]

    อาวุธชุดแรกจากฝรั่งเศสภายใต้โครงการมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ที่ได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากซาอุดีอาระเบียได้เริ่มส่งอาวุธชุดแรกให้กับเลบานอน คาดว่าจะถึงในวันจันทร์ (20 เม.ย.) นี้ หลังจากชาติพันธมิตรที่ร่วมสู้กับกลุ่มก่อการร้าย IS ต้องการเพิ่มศักยภาพกองทัพเลบานอนให้มีความสามารถต้านทานกลุ่มมุสลิมติดอาวุธสุหนี่กลุ่มนี้ได้ รวมไปถึงกลุ่มมุสลิมติดอาวุธกลุ่มอื่นๆตลอดพรมแดนของประเทศติดซีเรีย

    เอเอฟพีรายงานวันนี้ (19 เม.ย.) ว่า ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานรถถังชุดแรกคาดว่าจะถูกส่งจากฝรั่งเศสถึงฐานทัพอากาศเลบานอนในกรุงเบรุตได้ในวันจันทร์ (20 เม.ย.) นี้ที่มีสักขีพยานเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมฝรั่งเศส ฌอง-อีฟส์ เลอ ดริออง (Jean-Yves Le Drian) และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเลบานอน ซามีร์ มอกเบล (Samir Mokbel)

    ฝรั่งเศสนั้นมีเป้าหมายที่จะส่งมอบยานรบหุ้มเกราะต่อสู้และลำเลียงราว 250 คัน เฮลิคอปเตอร์ Cougar 7 ลำ เรือรบคอร์เวตต์ (corvette) ขนาดเล็กจำนวน 3 ลำ และชุดอุปกรณ์สื่อสารและตรวจจับตลอดระยะเวลา 4 ปี ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในโครงการปรับปรุงกองทัพเลบานอนให้ทันสมัยมูลค่าร่วม 3 พันล้านดอลลาร์ (2.8 พันล้านยูโร)

    เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า โครงการนี้ได้รับความสนับสนุนด้านการเงินทั้งหมดจากซาอุดีอาระเบียที่มีความปราถนาอย่างแรงกล้าที่จะเห็นเลบานอนมีศักยภาพมากพอที่จะปกป้องพรมแดนตลอดแนวติดซีเรียต่อการรุกรานของกลุ่มก่อการร้ายมุสลิมสุหนี่ IS รวมไปถึงกลุ่มอัล-นุสซาราฟรอนต์ ที่เชื่อมโยงกับก่อการร้ายอัลกออิดะห์ไว้ได้ แทนที่จะปล่อยให้กลุ่มติดอาวุธ ฮิซบุลลอฮ์ที่มีอิหร่าน ศัตรูของดินแดนเศรษฐีน้ำมัน ให้ท้ายทำหน้าที่อยู่เพียงฝ่ายเดียว

    นอกจากนี้ ในโครงการนี้ยังมีสัญญาการจัดฝึกอบรมกองทัพเลบานอนในระยะเวลา 7 ปีและเป็นระยะเวลา 10 ปีสำหรับการอบรมในการบำรุงรักษายุทโธปกรณ์ทางทหาร

    “โครงการนี้จะช่วยทำให้กองทัพเลบานอนกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งเพื่อมีความสามารถในการจัดการภัยคุกคามรูปแบบใหม่” แหล่งข่าวกระทรวงกลาโหมฝรั่งเศสแถลง

    ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่เกิดสงครามกลางเมืองซีเรียขึ้นในปี 2011 เป็นต้นมา เลบานอนต้องเผชิญกับภัยคุกคามเสถียรภาพของประเทศ ที่เริ่มแรกมาจากผู้อพยพนับล้านคนไหลทะลักข้ามพรมแดนจากซีเรียหนีเข้าเลบานอน และมาจนถึงภัยจากกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธ

    “มีการคาดการณ์ว่ามีนักรบญิฮัดร่วม 3,000 คนตั้งฐานอยู่บริเวณพรมแดนของเรา เพื่อรอคอยโอกาสที่จะบุกเบกา วัลเลย์ (Bekaa valley) ในเลบานอน ซึ่งแน่นอนว่าคนเหล่านี้ไม่ได้ต้องการเข้ามาเพื่อท่องเที่ยวหรือเล่นสกี” พล.อ.ฮีชาม จาเบอร์ (Hisham Jaber) นายทหารเลบานอนนอกราชการที่ปัจจุบันกำลังศึกษาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในกรุงเบรุตให้ความเห็น

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…
     

แชร์หน้านี้

Loading...