ติดตามสถานะการณ์

น้ำมันปิดลบหนแรกรอบ7วัน หุ้นสหรัฐฯร่วงหนัก-ทองขึ้น
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 เมษายน 2558 05:23 น.



เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันโลกขยับลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 วันเมื่อวันศุกร์(17เม.ย.) ความกังวลต่ออุปทานล้นตลาดหวนคืนมา หลังพบโอเปกผลิตเกินโควตา ส่วนวอลล์สตรีทร่วงหนักและทองคำปิดบวก จากข้อวิตกเกี่ยวกับวิกฤตหนี้กรีซ

น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 97 เซนต์ ปิดที่ 55.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 53 เซนต์ ปิดที่ 63.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ตลาดพุ่งเป้าไปกรณีแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯที่ยังคงปฏิบัติการมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ อันเป็นสัญญาณกำลังผลิตที่ลดลงในอเมริกา เช่นเดียวกับคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยลง

แต่ความเคลื่อนไหวในวันศุกร์(17เม.ย.) นักวิเคราะห์ชี้ว่ายังพบเห็นผลผลิตน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ของโอเปก ซึ่งจะซ้ำเติมภาวะอุปทานล้นตลาด ท่ามกลางความคาดหมายว่าในช่วงไตรมาส 2 อุปทานจะเข้าสู่ตลาดเหนือกว่าความต้องการราว 1.9 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือมากกว่านั้น

ความเห็นของนักวิเคราะห์มีขึ้นหลัง 12 ชาติสมาชิกโอเปก ระบุในรายงานเมื่อวันพฤหัสบดี(16เม.ย.) ว่ากำลังผลิตของกลุ่มในเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 810,000 ต่อวัน เฉลี่ยแล้วเป็น 30.79 ล้านลาร์เบลต่อวัน สูงกว่าโควตาของทางกลุ่ม

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันศุกร์(17เม.ย.) ร่วงหนัก จากความกังวลรอบใหม่ว่ากรีซอาจผิดนัดชำระหนี้

ดาวโจนส์ ลดลง 279.47 จุด (1.54 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,826.30 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 23.81 จุด (1.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,081.18 จุด แนสแดค ลดลง 75.97 จุด (1.52 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,931.82 จุด

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯบอกว่ากรีซที่กำลังประสบปัญหาหนี้สินจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อสร้างเสถียรภาพที่ภาคการเงินอันสั่นไหวของประเทศ ขณะที่นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า จะไม่ยอมให้กรีซเลื่อนเวลาในการชำระหนี้ออกไป พร้อมกับชี้ด้วยว่า ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าประเทศใดที่ร้องขอให้มีการชะลอการชำระหนี้ และหวังว่ากรณีเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับกรีซ และโดยส่วนตัวแล้วก็ไม่สนับสนุนให้มีการดำเนินการดังกล่าว

จากความกังวลต่อปัญหาหนี้สินกรีซ ส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปทรุดหนัด โดยดัชนี DAX 30 ของเยอรมนี ร่วงลงถึงร้อยละ 2.58 และ CAC 40 ของฝรั่งเศส ปิดลบ ร้อยละ 1.55

ปัญหาดังกล่าวและตัวเลขเงินเฟ้อที่เฉื่อยชาสหรัฐฯ ผลักให้นักลงทุนหันมาช้อนซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเพื่อความปลอดภัย และช่วยดันให้ราคาทองคำเมื่อวันศุกร์(17เม.ย.) ปิดบวกเล็กน้อย โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 5.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,203.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000044279

 

แฉด้วยภาพ!รู้ยัง ต้นตอสัมภาระเสียหายที่สนามบิน(ชมคลิป)
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 เมษายน 2558 04:03 น. (แก้ไขล่าสุด 18 เมษายน 2558 04:53 น.)



<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/erahuvKL_SI" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

เดลิเมล์ - สื่อต่างประเทศเผยแพร่คลิปที่คงสร้างความกังวลแก่ผู้โดยสารไม่น้อย โดยเป็นภาพของสายพานลำเลียงสัมภาระกำลังเคลื่อนผ่านเครื่องแยกกระเป๋าของสนามบิน ไปยังแถวที่ถูกต้อง แต่ลักษณะการทำงานของมัน คงไม่แปลกใจเท่าไหร่หากคุณเปิดกระเป๋าออกมา แล้วพบว่าข้าวของที่อยู่ภายในจะได้รับความเสียหาย

ในคลิปที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์และทางสำนักข่าวเดลิเมล์นำมารายงานเมื่อวันศุกร์(17เม.ย.) พบเห็นภาพกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารกำลังไหลไปตามสะพานลำเลียง ระหว่างนั้นมือกลก็โผล่มากระแทกกระเป๋าและผลักสัมภาระเหล่านั้นร่วงสู่สายพานที่อยู่เบื้องล่าง

ดูเหมือนว่ากลไกลนี้จะทำงานด้วยระบบเซ็นเซอร์ สำหรับความแน่ใจว่ามันจะผลักเข้าตรงกลางของกระเป๋าและไม่ทำให้มันหมุนเคว้ง แต่พละกำลังของมันคงสร้างความตื่นกลัวแก่เหล่าผู้โดยสารไม่น้อย

เดลิเมล์ระบุไม่ทราบว่าคลิปนี้ถ่ายทำจากที่ไหน แต่เชื่อว่าคงเป็น ณ ทาอากาศยานนานาชาติแห่งหนึ่ง อย่างไรก็ตามเครื่องผลักสัมภาระแบบนี้มีอยู่เกือบทุกสนามบินทั่วโลก โดยมี ฟานเดอร์ลันเด บริษัทเนเธอร์แลนด์ เป็นผู้นำตลาดกลไกดังกล่าว
หลังจากวิดีโอนี้ถูกโพสต์ลงบนยูทิวบ์ ได้มีความคิดเห็นต่างๆนานาต่อเรื่องนี้ แต่ส่วนใหญ่จะออกแนวตำหนิ โดยผู้ใช้นาม Stephanie O เขียนว่า "นี่ไง คือเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมกระเป๋าของคุณถึงเสียหายที่สนามบิน" ขณะที่ ซาราห์ คาร์ทไรท์ ถึงขั้นด่าว่า "ดูแลกระเป๋าได้ทรามมาก"

ส่วน DMTRYP แสดงความคิดเห็นคล้ายคนส่วนใหญ่ที่ได้ดูวิดีโอ ระบุว่า "หวังว่าในกระเป๋าสัมภาระเหล่านั้นจะไม่มีของที่ระลึกที่เป็นแก้วหรือเซรามิกนะ"

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000044277

 

รุกต้านหมีขาว อเมริกาส่งทหาร 300 นายเข้าไปฝึกกองกำลังรัฐบาลยูเครน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 เมษายน 2558 17:21 น.



เอเอฟพี - กองทัพสหรัฐฯ ออกคำแถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (16 เม.ย.) ระบุว่าได้ส่งทหารประมาณ 300 นายเข้าไปในยูเครน เพื่อทำการฝึกฝนให้แก่ทหารฝ่ายรัฐบาลที่กำลังสู้รบอยู่กับพวกกบฏฝักใฝ่รัสเซียในภาคตะวันออกของประเทศ

คำแถลงระบุว่า ทหารจากกองพลน้อยชุดขนส่งกำลังทางอากาศที่ 173 ได้ไปถึงเมืองยาโวริฟ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของยูเครนเมื่อวันอังคารและวันพุธที่ผ่านมา โดยจะใช้เวลา 6 เดือนในการฝึกสอนทหารยูเครน 3 กองพัน

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ดูเหมือนจะสร้างความไม่พอใจให้กับรัสเซีย ซึ่งที่ผ่านมาเคยกล่าวหาว่าสหรัฐฯ หนุนหลังการประท้วงที่โค่นอำนาจของประธานาธิบดี วิคเตอร์ ยานูโควิช เมื่อปีก่อน จนนำมาซึ่งความขัดแย้งในประเทศ

ขณะที่ฝ่ายชาติตะวันตกเองก็กล่าวหาว่ารัสเซียให้ความช่วยเหลือด้านอาวุธแก่กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน ที่เข้ายึดครองพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งทางรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอด

การสู้รบระหว่างทหารฝ่ายรัฐบาลกับพวกกบฏยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องในภาคตะวันออกของยูเครน แม้ว่าจะมีการทำข้อตกลงหยุดยิงในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งจากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ มีผู้เสียชีวิตจากการสู้รบครั้งนี้ไปแล้วกว่า 6,000 ราย

กองกำลังที่จะได้รับการฝึกสอนจากทหารอเมริกันก็คือ กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติของยูเครน (เอ็นจียู) ซึ่งเป็นทหารกองหนุนที่ถูกเรียกมาจัดกำลังพลในปี 2014 ประกอบไปด้วยบรรดาทหารอาสาและกองกำลังติดอาวุธที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายรัฐบาล

พ.ต.โฮเซ เมนเดส เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลปฏิบัติการครั้งนี้ ระบุในคำแถลงว่า จะดำเนินการฝึกสอนเกี่ยวกับหลักการทำสงคราม เพิ่มประสิทธิภาพและความเป็นมืออาชีพให้แก่เจ้าหน้าที่ทหารของยูเครน


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000044172

 

อิหร่านเสนอแผน4ขั้น ยุติวิกฤตสู้รบในเยเมน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 เมษายน 2558 02:36 น.



@นายโมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน

รอยเตอร์ - รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านในวันศุกร์(17เม.ย.) ยื่นหนังสือถึงนายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ เสนอกรอบแผนสันติภาพ 4 ขั้นสำหรับเยเมน ดินแดนที่กบฏฮูตีที่เตหะรานสนับสนุนตกเป็นเป้าหมายถล่มทางอากาศของพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย ซึ่งหนุนหลังประธานาธิบดีอาเบด รับโบ มานซูร์ ฮาดี มาหลายสัปดาห์

แผนดังกล่าวที่นายโมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านเคยแถลงในปากีสถานเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เรียกร้องให้หยุดยิงชั่วคราวในทันทีและยุติการโจมตีของกองกำลังต่างชาติทั้งมด เพื่อเปิดทางสำหรับความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม คืนสู่การเจรจาระดับชาติอย่างกว้างขวาง และจัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์แห่งชาติที่ครอบคลุม

"มันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประชาคมนานานาติที่ต้องใส่ใจมากกว่าเดิมในการยุติการโจมีทางอากาศที่ไร้ความหมายและจัดทำข้อตกลงหยุดยิง เพื่อรับประกันการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการแพทย์แก่ประชาชนชาวเยเมน รวมถึงฟื้นฟูสันติภาพและเสถียรภาพแห่งนี้ผ่านการเจรจาและความปรองดองแห่งชาติ โดยปราศจากการกำหนดเงื่อนไขล่วงหน้า" หนังสือของนายซารีฟที่ยื่นถึงนายบันคีมูนระบุ

อย่างไรก็ตามเหล่าคณะทูตตะวันตกและชาติอาหรับในนิวยอร์ก ดูจะไม่สนใจแผนของอิหร่าน โดยระบุพวกเขาไม่ได้มองอิหร่านในฐานะคนกลางสันติภาพในเยเมน

เยเมน ซึ่งมีที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ใกล้เส้นทางเดินเรือหลักและอยู่ติดกับซาอุดีอาระเบีย ดำดิ่งเข้าสู่ความขัดแย้งกลางเมืองหลายฝ่าย นับตั้งแต่กบฏฮูตีซึ่งนับถือชีอะห์ บุกยึดกรุงซานาและพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ท้าทายอำนาจของรัฐบาลกลาง

กบฏฮูตีกักบริเวณนายฮาดี เมื่อครั้งเข้ายึดเมืองหลวงในเดือนมกราคม แต่เขาหนีออกมาได้ในเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นก็หลบหนีไปยังเมืองเอเดนและประกาศว่าตนเองยังประธานาธิบดีของประเทศ

อย่างไรก็ตามหลังนักรบฮูตีและหน่วยทหารพันธมิตรรุกคืบประมิดเมืองเอเดน กระตุ้นให้ ซาอุดีระเบีย ประเทศที่มีชาวสุหนี่เป็นชนกลุ่มใหญ่ ซึ่งเป็นพันธมิตรของประธานาธิบดีฮาดีและชาติเพื่อนบ้านของเยเมน รวมถึงประเทศอาหรับอื่นๆเข้าแทรกแซงทางทหาร โดยได้เริ่มต้นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่เป้าหมายพวกกบฏตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม

เหตุการณ์รุนแรงเหล่านี้ทำให้เกิดความกังวลว่า เยเมนจะแตกเป็นเสี่ยง จากการกลายเป็นสมรภูมิของสงครามตัวแทนระหว่างซาอุดีอาระเบีย กับอิหร่าน ซึ่งเป็นมหาอำนาจสุหนี่และชีอะห์ในตะวันออกกลาง

เตหะรานกล่าวหาริยาด ว่า ปลุกปั่นความไม่สงบในภูมิภาคด้วยการโจมตีทางอากาศต่อฮูตี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับการยอมรับในดินแดนเทือกเขาทางเหนือของเยเมนที่นับถือนิกายชีอะห์ แต่อิหร่านปฏิเสธว่า ไม่ได้ติดอาวุธให้กบฏกลุ่มนี้ที่ร่วมเป็นพันธมิตรกับหน่วยทหารที่ภักดีต่ออดีตประธานาธิบดี อาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ ของเยเมนและเข้ายึดครองพื้นที่กว้างขวางในประเทศนี้ โดยอ้างว่า ต้องการล้มล้างฮาดีที่ทุจริตคอร์รัปชัน

ในหนังสือที่ส่งถึงบันคีมูนเมื่อวันศุกร์(17เม.ย.) อิหร่านยังเตือนด้วยว่าความไร้เสถียรภาพจะเป็นการเปิดทางให้กลุ่มก่อการร้ายต่างๆมีฐานที่มั่นคงในเยเมน

ก่อนหน้านี้สหประชาชาติเผยว่ามีประชาชนราว 150,000 คนต้องอพยพหลบหนีจากที่พักอาศัย นับตั้งแต่ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและการต่อสู้ทางภาคพื้น เริ่มต้นเมื่อราว 3 สัปดาห์ก่อนและคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 750 ศพ


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000044271

 

“ประยุทธ์” แย้มมีปลัดกระทรวงเอี่ยวโกงแต่ไม่ถึง 20 คน - “ไพบูลย์” ไม่หวั่นเจอแสดงอิทธิฤทธิ์ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 เมษายน 2558 19:27 น. (แก้ไขล่าสุด 18 เมษายน 2558 09:26 น.)



นายกรัฐมนตรี เปิดให้ รมว.ยุติธรรม นำคณะ 4 หน่วยงานเข้าพบ เจ้าตัวอ้างมาคุยกันเรื่องกฎหมาย ส่วนแบล็กลิสต์ 100 รายชื่อข้าราชการเอี่ยวโกง ไม่ต้องเรียกประชุมอะไรอีก แย้มมีบุคคลมีชื่อเสียง ระดับปลัดกระทรวง แจงจะส่งต่อให้เจ้ากระทรวงดำเนินการตามขั้นตอน ด้าน “ไพบูลย์” ชี้แจงรายละเอียดแต่ละรายชื่อข้าราชการพัวพันโกง แจงเป็นโทษทางวินัย หลังอาญาช้า ไม่หวั่นข้าราชการแสดงอิทธิฤทธิ์

วันนี้ (17 เม.ย.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) นำ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) นายพิสิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อชี้แจงรายละเอียดแต่ละคดีที่มีข้าราชการเข้าไปพัวพันเกี่ยวกับการทุจริตในจำนวน 100 รายชื่อ ที่เลขาธิการ ป.ป.ท. เสนอให้นายกฯ พิจารณาเมื่อวันศุกร์ที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ต่อจากนั้น ยังมีการหาต่อที่ตึกไทยคู่ฟ้าอีกด้วย โดยใช้เวลาในการหารือกันนานประมาณ 30 นาที

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า มาคุยกันเรื่องกฎหมาย ตนอยากให้ดูเรื่องกระบวนการตรวจสอบความโปร่งใส ที่จะต้องมีการคุยกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) บ้าง และบางอย่างก็ยังอยู่ใน คสช. ส่วนกรณี 100 กว่ารายชื่อของข้าราชการที่ ศอตช. ส่งมาให้ดำเนินการนั้นรายชื่อมาถึงตนนานแล้ว แต่ไม่ต้องเรียกประชุมอะไรอีก เพราะตนบอกไปว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย ก็ต้องสอบสวน ดำเนินคดี

“ตอนนี้เริ่มไปแล้ว ผมก็ต้องเรียกต้นสังกัดเขามา แล้วส่งรายชื่อให้เขาไปดำเนินการ มีสองอย่าง คือ 1. เรื่องอำนาจในการบริหาร ถ้าถูกกล่าวหา มีมูลก็ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ แต่ถือว่ายังไม่มีความผิด แต่เพื่อสอบสวน ถ้ามันผิดก็ไปว่ากันในคดีอาญาต่อ ขั้นตอนมีอย่างนี้ และได้ให้นโยบายรัฐมนตรีไปแล้ว เดี๋ยวส่งรายชื่อให้รัฐมนตรีพิจารณาทั้งหมดกี่คนไม่รู้ แต่ต้องชี้แจงได้ว่าทำอะไร ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 เลย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ใน 100 กว่ารายชื่อเป็นข้าราชการที่มีชื่อเสียงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องรู้จักละมั้ง ถ้าไม่รู้จักจะมาจากไหน เมื่อถามว่าเป็นข้าราชการระดับไหนบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ ยืนนิ่งไม่ตอบคำถาม เมื่อถามว่ากระทรวงไหนมากที่สุด นายกฯ ตอบว่า ไม่รู้ๆ พอแล้วๆ แต่อะไรที่เป็นเรื่องของฝ่ายบริหารขอให้เชื่อมั่น เพราะตนไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง โดนตำหนิ โดนว่าก็ต้องอดทน เพราะถ้าปล่อยไปมันไม่ได้ ถ้าเราไม่อยู่จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ วันหน้าเกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีใครแก้ไข

เมื่อถามว่าจะเรียกต้นสังกัดไหนมาก่อน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐมนตรีเขาเรียกมาหมดแล้ว ให้นโยบายไปหมดแล้ว ตนจะส่งรายชื่อให้เขา เขาก็พิจารณาว่าเขาจะทำยังไง แต่ต้องทำตามนี้ ต้องชี้แจงตนได้ว่าทำอะไร กฎหมายมีไม่เห็นต้องใช้มาตรา 44 เลยนี่

เมื่อถามว่ารายชื่อระดับปลัดกระทรวงเยอะหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่าปลัดกระทรวงมีกี่คน ผู้สื่อข่าวตอบว่า 20 คน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ไม่ถึง นิดหน่อยเอง เมื่อถามว่าถึง 5 คนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ถึงหรอก เขายังไม่ผิด เดี๋ยวเขาจะมาฟ้องตนอีก เพราะว่าเป็นคำกล่าวหา และมีหลักฐานพอสมควร มีมูล ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ไปว่ากัน มีขั้นตอนในการดำเนินการ ไม่ใช่ว่าไปชี้ว่าผิดแล้วจะจับประหารชีวิตได้ไหมหละ

ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวภายหลังเข้าพบนายกฯ ว่า นำ 4 หน่วยงานที่เสนอรายชื่อข้าราชการที่พัวพันการทุจริตมาชี้แจงรายละเอียดแต่ละรายชื่อต่อนายกฯ ว่า มีมูลเหตุอย่างไร สมควรแค่ไหน ท้ายสุดขึ้นอยู่กับนายกฯ ว่า จะตัดสินใจอย่างไร แต่จากผลการชี้แจงครั้งนี้นายกฯ พอใจ อย่างไรก็ตาม การนำเสนอรายชื่อข้าราชการครั้งนี้เป็นโทษทางวินัยและปกครอง ไม่เกี่ยวกับคดีอาญา เพราะคดีอาญาจะต้องว่ากันต่อไป ส่วนจะลดปัญหาการทุจริตได้หรือไม่นั้นตนคิดว่า อย่างน้อยเราได้ดำเนินการให้เห็นแล้วว่าเราเอาจริง เมื่อก่อนพอไม่มีการดำเนินการทางวินัยและปกครองทำให้ต้องรอคดีอย่างน้อย 4 ปี ติดขั้นตอนอัยการสูงสุด (อสส.) บ้าง ศาลบ้าง ซึ่งน่าเห็นใจแต่ละหน่วยงานเหมือนกัน เพราะเขาต้องทำตามขั้นตอน ทั้งนี้ โทษทางวินัยและปกครอง มีตั้งแต่การโยกย้าย ปรับย้ายออกจาตำแหน่ง เป็นการเอาออกจากจุดที่มีปัญหา แต่ไม่ถึงไล่ออก เพราะการไล่ออกต้องให้คดีอาญาถึงที่สุดก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ครั้งนี้จะไม่มีการลูบหน้าปะจมูกใช่หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า อยากให้คอยดูประกาศว่า นายกฯจะดำเนินการอย่างไร ส่วนเรื่องรายชื่อมีใครบ้างอยากให้ไปถามนายกฯ ตนบอกไม่ได้ เป็นการให้เกียรติบุคคลเหล่านี้เพราะเรื่องยังไม่จบ แต่หลังจบแล้วคงมีการเปิดเผยออกมา เมื่อถามว่า ข้าราชการเองเปรียบเหมือนพรรคใหญ่ กลัวว่าจะเกิดอิทธิฤทธิ์ตามหลังมาหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ต้องดำเนินการ ไม่อย่างนั้นจะกลับไปเหมือนเดิม เมื่อถามต่อว่า สำหรับข้าราชการที่เกษียณอายุราชการไปแล้วจะดำเนินการทางวินัยและปกครองได้หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า หากเกษียณไปแล้วต้องรอคดีอาญา

 

ไม่ใช่ในหนัง! ท่อส่งก๊าซระเบิดในสหรัฐฯ เปลวไฟสูงเท่าตึกหลายชั้น (ชมคลิป)
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 เม.ย. 2558 10:15



เกิดเหตุท่อส่งก๊าซระเบิดในรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ เปลวไฟลุกโชติช่วงสูงเท่ากับตึกหลายชั้น เบื้องต้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 14 คน อาการโคม่า 3 คน

<iframe width="570" height="351" src="https://www.youtube.com/embed/IF6j7oLyyPQ" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
https://youtu.be/IF6j7oLyyPQ

เมื่อวันที่ 18 เม.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เกิดเหตุรุนแรง ท่อส่งก๊าซระเบิด ที่บริเวณสนามยิงปืนของสถานีตำรวจเมืองเฟรสโน ทางตอนกลางของรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ เมื่อช่วงบ่าย เวลาประมาณ 14.30 น. ของวันศุกร์ที่ 17 เม.ย. (ตามเวลาท้องถิ่น) ส่งผลให้เกิดไฟไหม้ตามแนวท่อส่งก๊าซ และมีบางจุดได้เกิดเปลวไฟขนาดใหญ่ลุกโชติช่วงสูงเท่าตึกหลายชั้น เบื้องต้น ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บแล้วอย่างน้อย 14 ราย ในจำนวนนี้ บาดเจ็บสาหัส อาการโคม่า 3 ราย

โฆษกที่ทำการอำเภอเมืองเฟรสโน เผยว่า ขณะเกิดเหตุท่อส่งก๊าซ ซึ่งมีขนาดความกว้าง 12 นิ้ว และเป็นของบริษัทแปซิฟิก ก๊าซ แอนด์ อิเล็กทรอนิกส์ ระเบิดนั้น มีกลุ่มนักโทษกำลังทำงานอยู่ในบริเวณดังกล่าว และมีการใช้เครื่องจักรกลหนักในช่วงเกิดเหตุระเบิดด้วย เพียงแต่ขณะนี้ ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดที่ทำให้ท่อส่งก๊าซระเบิด ว่าเป็นเพราะเครื่องจักรกลหนักได้ขุดไปโดนท่อส่งก๊าซจนทำให้ก๊าซรั่วและเกิดการระเบิดขึ้นหรือไม่ ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บ 14รายนั้น มีนักโทษที่กำลังทำงานรวมอยู่ด้วยหลายคน

เปลวไฟลุกโชติช่วงสูงเท่าตึกหลายชั้น

ส่วน นายอำเภอเมืองเฟรสโน เปิดเผยว่า เหตุการณ์ท่อส่งก๊าซระเบิดในครั้งนี้ ทำให้ต้องมีการปิดถนนทางหลวง หมายเลข 99 เป็นเวลาหลายชั่วโมง เมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ 17 เม.ย. ขณะที่การเดินรถไฟในบริเวณใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ ก็ต้องหยุดให้บริการด้วย เพราะเกรงว่าขบวนรถไฟโดยสารอาจก่อให้เกิดประกายไฟจากก๊าซที่รั่วออกมาได้

ด้าน ผู้ขับขี่รถยนต์ที่เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งเล่า ว่า เมื่อเขาขับรถเข้าไปใกล้บริเวณท่อส่งก๊าซระเบิดมากเท่าใด เปลวไฟยิ่งดูใหญ่ขึ้นเรื่อยๆเท่านั้น คาดว่าความสูงของเปลวไฟ น่าจะสูงถึงประมาณ 200 ฟุต หรืออาจสูงกว่านั้นก็ได้ และเปลวไฟอาจมีขนาดความกว้างถึงประมาณ 10-15 ฟุต ซึ่งมันคล้ายกับเหตุการณ์ในฉากภาพยนตร์แนวบู๊แอ็กชั่นอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว

ไม่ใช่ในหนัง! ท่อส่งก๊าซระเบิดในสหรัฐฯ เปลวไฟสูงเท่าตึกหลายชั้น (ชมคลิป) - ข่าวไทยรัฐออนไ

 

ป.ป.ช.ยัน 100 รายชื่อ ขรก.ทุจริต พบกระทำผิดชัดเจน
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 เม.ย. 2558 17:10



ป.ป.ช.ยันรายชื่อข้าราชการพัวพันทุจริต จำนวน 100 คน ที่ส่งให้นายกฯ พบกระทำผิดชัดเจน ส่วนใหญ่ผิดฐานบุกรุกที่ดิน ชี้ หน.คสช.ใช้มาตรา 44 โยกปลัด ศธ. ทำได้ เพื่อสะดวกในการไต่สวนข้อเท็จจริง ...

วันที่ 18 เม.ย. นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เปิดเผยกับ "ไทยรัฐทีวี" ถึงกรณีที่ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช. ส่งรายชื่อข้าราชการพัวพันการทุจริต จำนวน 100 คน ให้นายกรัฐมนตรี ว่า ในส่วนของ ป.ป.ช. ได้ส่งรายชื่อข้าราชการที่ดำเนินการไต่สวนและชี้มูลความผิดทางวินัยไปแล้ว พร้อมกับส่งให้ผู้บัญชารับทราบ แต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ กับข้าราชการเหล่านั้น

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า สำหรับข้าราชการที่ ป.ป.ช. ได้ส่งรายชื่อให้นายกรัฐมนตรี แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ข้าราชการส่วนท้องถิ่น และข้าราชการที่สังกัดกระทรวง ส่วนใหญ่มีฐานความผิดเกี่ยวกับการบุกรุกที่ดิน โดยยืนยันว่า รายชื่อที่ ป.ป.ช.ส่งไป ล้วนแล้วแต่ดำเนินการพิจารณาด้วยความรอบคอบ และเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมที่กระทำผิดอย่างชัดเจน

ส่วนกรณีที่หัวหน้า คสช. ใช้มาตรา 44 โยกย้ายปลัดกระทรวงศึกษาธิการนั้น เห็นว่าเป็นสิ่งที่หัวหน้า คสช.จะกระทำได้ เพราะเป็นการโยกย้ายเพื่อให้คนผิดพ้นไป เพื่อให้การไต่สวนข้อเท็จจริงมีความสะดวกมากขึ้น ขณะที่คดีอาญาก็ต้องดำเนินการกันต่อไป.

ป.ป.ช.ยัน 100 รายชื่อ ขรก.ทุจริต พบกระทำผิดชัดเจน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

คสช.ออกคำสั่ง ที่7/2558 ล้างบอร์ด สกสค.สั่งสอบใช้งบฯ คุรุสภา
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 เม.ย. 2558 01:40



ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คำสั่ง คสช. ที่ 7/2558 ปลดกรรมการคุรุสภา, กรรมการ สกสค. และคณะกรรมการบริหารองค์การค้าสกสค. ตั้ง รมว.ศธ.และคณะรักษาการแทน จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงจาก หน.คสช.

วันที่ 17 เม.ย.ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คำสั่ง คสช. ที่7/2558 ปลดกรรมการคุรุสภา, กรรมการ สกสค. และคณะกรรมการบริหารองค์การค้า สกสค. ตั้ง รมว.ศธ.และคณะรักษาการแทน จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงจาก หน.คสช.

คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 7/2558

เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการคุรุสภา คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริม สวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา

เพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาและการบริหารราชการในกระทรวงศึกษาธิการมีประสิทธิภาพ และมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปประเทศตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช2557 หัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้บุคคลซึ่งดํารงตําแหน่งต่อไปนี้อยู่ในวันก่อนวันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับพ้นจากตําแหน่ง

(1) กรรมการคุรุสภาตามมาตรา 12 (1) (3) (4) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติสภาครู และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546

(1) กรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาตามมาตรา 64 (3) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546

(3) กรรมการในคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการ และสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ทั้งนี้ มิให้มีการแต่งตั้งบุคคลขึ้นมาแทนที่ผู้ดํารงตําแหน่งข้างต้นจนกว่าหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลง หรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติสิ้นสุดลงตามบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญ

ข้อ 2 ให้คณะกรรมการคุรุสภาตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา ประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้อํานวยการสํานักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และหัวหน้าสํานักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น เป็นกรรมการ และให้ เลขาธิการคุรุสภา เป็นเลขานุการ

ข้อ 3 ให้คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษาประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา  เลขาธิการคุรุสภา และเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นกรรมการ

และให้เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นกรรมการและเลขานุการ ให้คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาปฏิบัติหน้าที่แทน คณะกรรมการบริหารองค์การค้าของสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษาด้วย

ข้อ 4 ในกรณีที่เห็นสมควร หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อาจมีคําสั่งให้เปลี่ยนแปลง องค์ประกอบของคณะกรรมการตามข้อ 2 และข้อ 3 ได้ตามความเหมาะสม

ข้อ 5 ให้บุคคลซึ่งดํารงตําแหน่งต่อไปนี้อยู่ในวันก่อนวันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับหยุดการปฏิบัติ หน้าที่ไปก่อนจนกว่าหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น (1) เลขาธิการคุรุสภา (2) เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (3) ผู้อํานวยการองค์การค้าของสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา

ข้อ 6 ในระหว่างที่บุคคลตามข้อ 5 หยุดการปฏิบัติหน้าที่ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ศึกษาธิการพิจารณามอบหมายให้รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ หรือข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในระดับเดียวกันขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ในตําแหน่งตามข้อ 5 ไปพลางก่อน

ข้อ 7 ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ตามคําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 45/2557 ลงวันที่ 3 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตรวจสอบความถูกต้องและโปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณ การบริหารการเงิน ทรัพย์สิน และผลประโยชน์อื่นใด ของคุรุสภา สํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา และองค์การค้าของสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งตรวจสอบการดําเนินโครงการที่สําคัญภายใต้การดําเนินงานของบุคคล ตามข้อ 1 และข้อ 5 ในช่วงเวลาที่ผ่านมา แล้วรายงานผลการตรวจสอบให้หัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติทราบโดยเร็ว

ข้อ 8 เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติสิ้นสุดลงตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแล้ว ให้ดําเนินการแต่งตั้งกรรมการตามข้อ 1 ตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา และเมื่อได้ ดําเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ให้คําสั่งนี้เป็นอันยกเลิก

ข้อ 9 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ 16 เมษายน พุทธศักราช 2558

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ



คสช.ออกคำสั่ง ที่7/2558 ล้างบอร์ด สกสค.สั่งสอบใช้งบฯ คุรุสภา - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

หน.คสช.เด้งฟ้าผ่า ปลัด ศธ. ย้ายใหญ่อีก 5 บิ๊ก (ชมคลิป)
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 18 เม.ย. 2558 05:30

เตรียมใช้ ม.44 แก้หวยแพง ปชป.ฟันธง รธน.ถูกคว่ำแน่ ไก่อูเตือน บก.ลายจุดหยุดซ่า

“บิ๊กตู่” โชว์ผลงานรัฐบาลรอบ 6 เดือน ลั่นไม่ยื้ออยู่ต่อ-ไม่สืบทอดอำนาจ ชี้งานช้าแต่ชัวร์ ประกาศชัดๆยิ่งถูกว่ายิ่งจะสู้ ประธาน ส.อ.ท.อุ้มรัฐบาลทำดีที่สุดแล้วท่ามกลางวิกฤติ ศก.โลก “ประยุทธ์” เด้งฟ้าผ่าปลัดศธ. ตั้ง “กำจร” เลขาฯอุดมศึกษาเสียบ สั่ง 3 บิ๊กหยุดปฏิบัติหน้าที่ แถมยุบอีก 3 บอร์ดใหญ่ก่อน คตร.เข้าตรวจสอบทรัพย์สิน-ผลประโยชน์ “นายกฯตู่” จ่อชัก ม.44 คุมราคาลอตเตอรี่เหลือ 80 บ. ดีเดย์ มิ.ย. คอหวยเตรียมเฮ สปช.คึกคักรับเอกสารล้นก่อนเข้าสู่สัปดาห์ซักฟอกร่าง รธน. ปชป.ขู่ร่าง รธน.ฉบับคิดเองเออเอง เจอพรรคการเมืองบอยคอตเลือกตั้งแน่ “ไก่อู” เล็งใช้มาตรการเข้มดับซ่า “ลายจุด”

......

“บิ๊กต๊อก” นำหน่วยปราบโกงพบนายกฯ

เมื่อเวลา 13.45 น. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) นำ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) นายพิสิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ที่ห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อชี้แจงรายละเอียดแต่ละคดีตามรายชื่อข้าราชการ 100 คน พัวพันการทุจริต ที่ส่งให้นายกฯพิจารณาไปเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้น พล.อ.ไพบูลย์ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากมีภารกิจต่างจังหวัด โดยส่วนที่เหลือเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า หารือกับนายกฯต่อ

พล.อ.ไพบูลย์ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบว่า นำ 4 หน่วยงานชี้แจงรายละเอียดแต่ละคดีว่า มีมูลเหตุอย่างไร สมควรแค่ไหน ท้ายสุดขึ้นอยู่กับนายกฯจะตัดสินใจ โดยเป็นการพิจารณาโทษทางวินัยและปกครอง ไม่เกี่ยวกับคดีอาญา ซึ่งจะไปว่ากันต่อไป

“ประยุทธ์” ดับเครื่องชน 100 ขรก.โกง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ภายหลัง รมว.ยุติธรรม นำตัวแทน 4 หน่วยงานด้านการป้องกันทุจริตเข้าพบว่า รายชื่อข้าราชการ 100 คนพัวพันการทุจริตที่ ศอตช.ส่งมา คงไม่ต้องเรียกประชุมอะไรอีก ได้บอกไปแล้วให้ดำเนินการตามกระบวนการตามกฎหมาย สอบสวน ดำเนินคดี ตอนนี้เริ่มแล้ว โดยตนจะเรียกต้นสังกัดแต่ละคนมา แล้วส่งรายชื่อให้ไปดำเนินการ ดูอำนาจในการบริหาร ถ้าถูกกล่าวหา ถ้ามีมูลก็ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ แล้วไปว่ากันต่อขั้นตอนคดีอาญา และส่งรายชื่อให้รัฐมนตรีพิจารณาทั้งหมด ที่กี่คนไม่รู้ ดูว่าจะทำอย่างไร โดยไม่ต้องใช้มาตรา 44

ออกคำสั่ง หน.คสช.เด้งฟ้าผ่าปลัด ศธ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา มีประกาศคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 6/2558 เรื่อง การกําหนดตําแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดํารงตําแหน่งเพื่อให้การปฏิรูปการศึกษา และการบริหารราชการในกระทรวงศึกษาธิการมีประสิทธิภาพ และมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 โดยความเห็นชอบของ คสช. โดยให้นางสุทธศรี วงษ์สมาน พ้นจากตําแหน่งปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นเลขาธิการสภาการศึกษา นายพินิติ รตะนานุกูล จากเลขาธิการสภาการศึกษา ไปเป็นเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา นายกําจร ตติยกวี จากเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร จากเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ นายอดินันท์ ปากบารา จากผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ เป็นเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน นางรัตนา ศรีเหรัญ จากรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

ให้ 3 บิ๊กหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ยังมีประกาศคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 7/2558 เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการคุรุสภา คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (บอร์ดสกสค.) และคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) โดยให้คณะกรรมการ 3 ชุดดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง และแต่งตั้งคณะกรรมการคุรุสภา และคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาขึ้นมาทำหน้าที่แทนโดยมี รมว.ศึกษาธิการเป็นประธานกรรมการทั้ง 2 ชุด ส่วนคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของ สกสค.ก็ให้บอร์ด สกสค.ทำหน้าที่แทน และให้เลขาธิการคุรุสภา เลขาธิการ สกสค.และผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค.หยุดการปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะในคำสั่งข้อ 7 ได้ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ตรวจสอบความถูกต้องและโปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณ การบริหารการเงินทรัพย์สินและผลประโยชน์ของกรรมการทั้ง 3 ชุด รวมทั้งตรวจสอบการดำเนินโครงการที่สำคัญภายใต้การดำเนินงานของบุคคลด้วย

แย้มมีระดับปลัดกระทรวงเอี่ยว

เมื่อถามว่า ใน 100 รายชื่อเป็นข้าราชการที่มีชื่อเสียงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ต้องรู้จักกันมั้ง ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นข้าราชการระดับไหนบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ยืนนิ่งไม่ตอบคำถาม เมื่อถามอีกว่า กระทรวงไหนมากที่สุด นายกฯตอบว่า ไม่รู้ๆ พอแล้วๆ แต่อะไรที่เป็นเรื่องของฝ่ายบริหารขอให้เชื่อมั่น เพราะตนไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง โดนตำหนิ โดนว่าก็ต้องอดทน เพราะถ้าปล่อยไปมันไม่ได้ ถ้าเราไม่อยู่จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ วันหน้าเกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีใครแก้ไข เมื่อถามว่า รายชื่อระดับปลัดกระทรวงเยอะหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า ปลัดกระทรวงมีกี่คน ผู้สื่อข่าวตอบว่า 20 คน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ถึง นิดหน่อยเอง เมื่อถามว่าถึง 5 คนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ถึงหรอก เขายังไม่ผิด เดี๋ยวเขาจะมาฟ้องตนอีก เพราะว่ายังเป็นแค่คำกล่าวหา ถ้ามีหลักฐานพอสมควร ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ไปว่ากัน ไม่ใช่ไปชี้ว่าผิดแล้วจะจับประหารชีวิต

ปลัด ศธ.คนเก่าพร้อมไปอยู่ที่ใหม่

นางสุทธศรี วงษ์สมาน เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า การถูกย้ายจากปลัดกระทรวงมาเป็นเลขาธิการสภาการศึกษาก็ยังอยู่ในกระทรวงศึกษาธิการเหมือนกัน เป็นข้าราชการไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ตนทำงานที่สภาการศึกษามาตั้งแต่ต้น เข้าใจงานเป็นอย่างดี เวลาอีก 5 เดือนที่เหลือก่อนเกษียณอายุราชการจะไปสานต่อเรื่องการปฏิรูปการศึกษาที่ผ่านมาก็คิดอยู่ว่า ภายในเดือน เม.ย.นี้น่าจะโยกย้ายก็รอดูว่าจะมีชื่อตนหรือไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็พร้อมที่จะไปทำงานที่สภาการศึกษา

ปลัดใหม่ไม่แปลกใจได้ขึ้นแท่นเบอร์ 1

นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนไม่แปลกใจเพราะการสลับสับเปลี่ยนหน้าที่ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งการที่รับแต่งตั้งให้เป็นปลัด ศธ. ก็ไม่ถือว่าแปลก เพราะตนก็อยู่ในแวดวงการศึกษา เข้าออกที่ ศธ.อยู่เป็นประจำ ที่สำคัญก็มีความเข้าใจในเนื้องานพร้อมจะทำงานในทุกตำแหน่ง ทั้งนี้ เมื่อไปรับหน้าที่ปลัด ศธ. คิดว่าจากสานต่องานต่างๆ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาให้สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้ไม่ใช่แค่ในอาเซียนเท่านั้น ส่วนแนวทางการดำเนินงานจะเป็นอย่างไรคงไม่สามารถตอบได้ ต้องขอเข้าไปทำงานก่อน

.....

ผู้ตรวจการฯแถลงค้านควบรวม

ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีราชา วงศารยางกูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วย พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ นายบูรณ์ ฐาปนดุล ผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมแถลงข่าวแสดงจุดยืนคัดค้านการควบรวมผู้ตรวจการแผ่นดินกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยนายศรีราชา กล่าวว่า เรามีจุดยืนว่าไม่เห็นด้วยกับการควบรวมทั้ง 2 องค์กรเข้าด้วยกัน และเห็นควรให้อยู่ตามเดิมและปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองต่อไป ยืนยันการทำงานระหว่าง 2 องค์กรก็ไม่ซ้ำซ้อนกัน แต่เป็นลักษณะคาบเกี่ยว และแม้จะควบรวมก็ไม่ได้ประหยัดงบประมาณลงไปจากเดิม และเห็นว่าการที่ตั้งองค์กรใหม่อีก 11 องค์กรก็ไม่ได้ช่วยประหยัดงบประมาณ การไม่ควบรวมจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญควรกำหนดบทบาทของผู้ตรวจการแผ่นดินให้ชัดเจน และควรเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชน อย่างไรก็ตาม หากต้องควบรวมจริงเราก็ต้องทำตาม

หน.คสช.เด้งฟ้าผ่า ปลัด ศธ. ย้ายใหญ่อีก 5 บิ๊ก (ชมคลิป) - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

'ยงยุทธ' ปัดปมขัดแย้งย้ายฟ้าผ่า ปลัด ศธ. ยันคนละเรื่องโละ 3 บอร์ด
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 เม.ย. 2558 16:01



"ยงยุทธ" แจงโยกปลัด ศธ. ตาม ม.44 ไม่เกี่ยวกับความผิด หรือขัดแย้ง แต่เพื่อความเหมาะสม ยันคนละเรื่องกับคำสั่งล้าง 3 บอร์ดชุดใหญ่ของคุรุสภาและ สกสค. หลังสังคมข้องใจ มีนอกมีในมานาน ลั่นยังไม่ฟันธงใครเข้าข่ายทุจริต วอนอย่าตีตนไปก่อน...

เมื่อวันที่ 18 เม.ย. นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านสังคม ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 ออกคำสั่งโยกย้าย นางสุทธศรี วงษ์สมาน พ้นจากตําแหน่งปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นเลขาธิการสภาการศึกษา และบุคคลอื่นๆ ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และมีคำสั่งให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการคุรุสภา คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (บอร์ด สกสค.) และคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) พ้นจากตำแหน่งไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ว่า ต้องแยกคนละส่วน เรื่องการ สกสค.เป็นเรื่องที่คุยกันมานานแล้วในวงการศึกษาว่าใน สกสค.มีนอกมีในอะไรหรือเปล่า ซึ่งสังคมข้องใจ ดังนั้น การปรับเปลี่ยนตรงนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ดี ที่จะทำให้มีการสืบออกมาให้ประชาชนได้ทราบความจริง ว่า ตกลงแล้วคืออะไรกันแน่ จะได้สืบสวนสอบสอบสวนกัน

ส่วนการโยกย้ายปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นเรื่องของความเหมาะสม ไม่มีข้อแย้งอะไร ไม่มีเกี่ยวกับความผิด ซึ่งนางสุทธศรีไม่ติดใจอะไร จะได้ไปทำงานเดิม เพราะโตมาในสภาการศึกษา มีความรู้ความสามารถด้านการวางแผนอย่างดี คล้ายกลับมาอำลาชีวิตราชการตรงนั้น ซึ่งเรื่องของ 3 บอร์ดกับเรื่องปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นคนละเรื่อง เพียงแต่บังเอิญเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันเท่านั้นเอง

"ที่จริงปีหนึ่งๆ จะมีการโยกย้ายข้าราชการ 2 ฤดู คือช่วงเดือน เม.ย. กับเดือน ต.ค. ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ข้างล่างเสนอข้างบน พิจารณา แต่ในปัจจุบันผู้วางนโยบายจะเป็นผู้พิจารณาเอง ต้องอย่าลืมว่า คสช.และรัฐบาล มีเวลาไม่มาก ต้องทำงานให้ได้ผลมากสุด และเพื่อความเหมาะสม ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วก็ต้องว่ากันตามความเหมาะสม"

เมื่อถามว่า จะส่งผลให้ข้าราชการไม่กล้าที่จะทำอะไร เพราะเกรงว่าจะถูกตรวจสอบหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่ได้บอกชัดใครติดในข่ายทุจริตบ้าง เพียงแต่มีข้อมูล ตนว่าอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ ตรงนี้นายกฯใช้มาตรา 44 เป็นในแนวที่ดีตามที่ประกาศไว้ ที่ต้องการปรับปรุงการทำงานให้มีความโปร่งใส มีประสิทธิผลที่ดี และยึดหลักธรรมาภิบาล รวมถึงสะท้อนว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉย เวลามีคนร้องเรียนทุจริตตรงนั้นตรงนี้ ที่ในอดีตเรื่องมักจะเงียบหาย เราไม่อยู่นิ่งเฉย และใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องจัดการ.

'ยงยุทธ' ปัดปมขัดแย้งย้ายฟ้าผ่า ปลัด ศธ. ยันคนละเรื่องโละ 3 บอร์ด - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ป.ป.ช.อายัดทรัพย์ “อดีต ขรก.สรรพากร”ร่วม 19 ล้าน



มติ ป.ป.ช. สั่งอายัดทรัพย์ “อดีตนักวิชาการสรรพากร” กับผู้เกี่ยวข้องร่วม 19 ล้าน ฐานร่ำรวยผิดปกติ ให้แจงบัญชีทรัพย์สินใน 30 วัน

วันอาทิตย์ 19 เมษายน 2558 เวลา 12:18 น.
เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายสุวัฒน์ จารุมณีโรจน์ อดีตนักวิชาการสรรพากรชำนาญการพิเศษ สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพฯ 27 กรมสรรพากร ร่ำรวยผิดปกติ โดยมี น.ส.สุภา ปิยะจิติ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนนั้น ล่าสุดคณะกรรมการป.ป.ช.ได้ตรวจพบว่า นายสุวัฒน์ มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าจะมีการโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สินดังกล่าว จึงมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินนายสุวัฒน์ และผู้เกี่ยวข้องกับผู้ถูกกล่าวหา รวมมูลค่าประมาณ 19 ล้านบาท ประกอบด้วยทรัพย์สินของนายสุวัฒน์ เป็นเงินฝากในบัญชีธนาคารกสิกรไทย 2 บัญชี, เงินฝากในบัญชีธนาคารกรุงเทพ 1 บัญชี,หลักทรัพย์เงินฝากในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ในบริษัทหลักทรัพย์คันทรี่ กรุ๊ป และหลักทรัพย์ NPARK ที่ฝากไว้กับบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ รวม 2 รายการ และเงินคงเหลือในบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป ประเทศไทย และบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี จำกัด รวมทั้งหุ้นในบริษัทซีดีซี อิฐ จำกัดและบริษัทโฉลกดอทคอม จำกัด รวม 120 หุ้น



นายสรรเสริญ กล่าวอีกว่า ทรัพย์ของผู้เกี่ยวข้องกับผู้ถูกกล่าวหา คือนางฐิติรัตน์ จารุมณีโรจน์ ซึ่งเป็นเงินฝากในบัญชีธนาคารกสิกรไทย 1 บัญชี, ทรัพย์สินที่อยู่ในตู้นิรภัยธนาคารกสิกรไทยจำกัด (มหาชน) ณ โรงแรม โซฟิเทล โซแบงคอก, เงินฝากในบัญชีธนาคารธนชาต 1 บัญชี,หน่วยลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย 2 กองทุน ทรัพย์สินของ น.ส.นพรดี จารุมณีโรจน์ โดยเป็นเงินฝากในบัญชีธนาคารกสิกรไทย 1 บัญชี, เงินลงทุน เงินประกันและผลประโยชน์อื่นใดจากการลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด,รถยนต์ ยี่ห้อ TOYOTA เลขทะเบียน ฆช - 6049 กรุงเทพมหานคร ทรัพย์สินของ น.ส.ชนาภา จารุมณีโรจน์ ที่เป็นเงินฝากในบัญชีธนาคารกสิกรไทย 1 บัญชี และทรัพย์สินของนายธนัช ปฏิมาวดี ซึ่งเป็นเงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย 5 บัญชี, เงินฝากในบัญชีธนาคารทหารไทย 1 บัญชี,เงินฝากในบัญชีธนาคารธนชาต 2 บัญชี, รถยนต์ ยี่ห้อ VOLVO เลขทะเบียน3ศ – 1349 กรุงเทพมหานคร, รถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA เลขทะเบียน 1กว - 1289 กรุงเทพมหานคร และรถยนต์ ยี่ห้อ TOYOTA เลขทะเบียนฎค - 2013 กรุงเทพมหานคร

นายสรรเสริญ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นคณะกรรมการป.ป.ช. ยังได้มีคำสั่งให้ นายสุวัฒน์ จารุมณีโรจน์ แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตนเองและคู่สมรส และบุคคลอื่นที่ถือทรัพย์สินไว้แทน ภายใน 30 วัน ตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 79 ด้วย.

ป.ป.ช.อายัดทรัพย์ “อดีต ขรก.สรรพากร”ร่วม 19 ล้าน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

กบง.ลดอัตราจัดเก็บเข้ากองทุนน้ำมัน



กบง. ลดเก็บเงินกองทุน เพื่อตรึงราคาขายปลีกน้ำมัน ไม่ให้เปลี่ยนแปลงด้วยการปรับราคาขึ้นตามทิศทางตลาดโลก

วันศุกร์ 17 เมษายน 2558 เวลา 17:00 น.
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เห็นชอบใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยการลดอัตราการจัดเก็บเข้ากองทุนฯจากน้ำมันทุกชนิด 30 – 60 สต.ต่อลิตร ยกเว้นแก๊สโซฮอล์ อี 85 เพื่อดูแลราคาขายปลีกน้ำมันไม่ให้เปลี่ยนแปลงด้วยการปรับราคาขึ้นตามทิศทางตลาดโลกโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 18เม.ย.เป็นต้นไป เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวขึ้น 5.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลให้ผู้ค้าน้ำมันค่ายต่างชาติบางรายได้ปรับราคาขายปลีกขึ้นไปแล้วก่อนหน้านี้

สำหรับมติดังกล่าวส่งผลให้อัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเปลี่ยนแปลงดังนี้ เบนซินลดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ 50 สต.ต่อลิตรเหลือจัดเก็บ 6.65 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 ลดเก็บเงิน 30 สต.ต่อลิตรเหลือจัดเก็บ 95 สต.ต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 ลดเก็บเงิน 30 สต.ต่อลิตร เหลือจัดเก็บ 45 สต.ต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์อี 20 ชดเชยเพิ่ม 60 สต.ต่อลิตร เป็นชดเชย 1.40 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์อีไม่เปลี่ยนแปลงโดยยังชดเชย 7.23 บาทต่อลิตร และดีเซลลดเก็บเงินเข้ากองทุน 60 สต.ต่อลิตรเหลือจัดเก็บ 45 สต.ต่อลิตร

“ผลของมติดังกล่าวทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องลดลง 1,324 ล้านบาทต่อเดือน โดยจะมีรายรับคงเหลือ 1,234 ล้านบาทต่อเดือนจากเดิมที่ 2,558 ล้านบาทต่อเดือน อย่างไรก็ตามปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิ 40,017 ล้านบาท ซึ่งหากแยกกองทุนฯจะแบ่งเป็นรายได้จากน้ำมันประมาณ34,000 ล้านบาทและกองทุนแอลพีจี 6,000 ล้านบาทซึ่งเราเห็นว่าฐานะกองทุนน้ำมันฯอยู่ในภาวะที่จะดูแลระดับราคาน้ำมันได้”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่ายน้ำมันต่างชาติได้แก่ คาลเท็กซ์ และเชลล์ได้ทำการปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซล 60 สต.ต่อลิตรยกเว้น อี 85 คงเดิม มีผลตั้งแต่17เม.ย.เป็นต้นไป หลังค่าการตลาดต่ำเฉลี่ย 90 สต.ต่อลิตรจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับขึ้นสูงต่อเนื่องซึ่งคาดว่าหลังกบง.ลดเงินกองทุนฯทั้ง 2 รายจะทำการลดราคาขายปลีกกลับมาเท่ากับรายอื่นๆ ที่ยังไม่ปรับขึ้นเพื่อรอดูมติกบง.ก่อน

กบง.ลดอัตราจัดเก็บเข้ากองทุนน้ำมัน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

บริการไฮเทค'แช่แข็งมนุษย์' หวังคืนชีพ'หนูน้อยชาวไทย'



บริการสุดไฮเทค 'แช่แข็งมนุษย์' ที่อาจคืนชีพหนูน้อยชาวไทย

https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=JwNNdG4MZvc

https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=DzLJnvwxi2E

วันเสาร์ 18 เมษายน 2558 เวลา 19:06 น.
เว็บไซต์ข่าวออนไลน์ "เดลี เมล" ของอังกฤษ เสนอรายงานเมื่อวันศุกร์ เกี่ยวกับเรื่องราวจากครอบครัวของ "น้องไอนส์" เด็กหญิงชาวไทยซึ่งเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 2 ขวบ เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา หลังต่อสู้กับอาการป่วยจากโรคเนื้องอกในสมองมาเป็นเวลานาน ที่ทำให้เธอต้องเข้ารับการผ่าตัด 12 ครั้ง และเข้ารับการบำบัดด้วยการฉายรังสีอีก 20 ครั้ง

อย่างไรก็ตามหลังการเสียชีวิตของหนูน้อย บิดามารดาของน้องไอนส์ซึ่งเป็น ดร.คนไทยทั้งคู่ ได้ติดต่อใช้บริการทางการแพทย์ของมูลนิธิ "อัลคอร์ ไลฟ์ เอ็กซ์เทนชั่น" ในรัฐแอริโซนาของสหรัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านการเก็บรักษาเซลล์เชื้อโรค และเซลล์จากร่างกายมนุษย์ รวมถึงร่างกายมนุษย์ที่เสียชีวิตแล้วด้วยวิธีการแช่แข็งภายใต้อุณหภูมิเย็นจัด โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมแล้วสูงกว่า 3 แสนดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 10 ล้านบาท )

ทั้งนี้อ้างอิงจากรายงานของเดลี เมล ครอบครัว"น้องไอนส์" เปิดเผยว่า น้องไอนส์เป็นเด็กหลอดแก้วที่เกิดจากแม่อุ้มบุญ โดยบิดาแสดงความหวังว่าการแช่แข็งร่างกาย และเซลล์ต่างๆของน้องไอนส์ อาจปูทางสู่การสร้างโอกาสในการชุบชีวิตบุตรสาวขึ้นมาอีกครั้งในอนาคต หากวิทยาศาสตร์การแพทย์ในเวลานั้นได้รับการพัฒนา และวิธีการนั้นเหมาะสมกับสภาพร่างกายของบุตรสาว ขณะที่ผู้เป็นแม่กล่าวว่า อย่างน้อยครอบครัวได้อุทิศชีวิตของบุตรสาวเพื่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์การแพทย์

ข้อมูลเบื้องต้นจากอัลคอร์ระบุด้วยว่า น้องไอนส์เป็นคนไข้ลำดับที่ 134 ของมูลนิธิ ขณะที่การขนส่งร่างกายและเซลล์จากร่างกายของเด็กหญิงได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง และอำนวยความสะดวกจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐในกรุงเทพฯ ซึ่งส่งน้องไอนส์เดินทางด้วยเที่ยวบินพาณิชย์มายังนครลอสแองเจลิส ก่อนเดินทางต่อมายังสำนักงานใหญ่ของอัลคอร์ในรัฐแอริโซนา ปัจจุบันเซลล์สมอง และเซลส์ร่างกายส่วนอื่นของน้องไอนส์ได้รับการแช่แข็งในสารไนโตรเจนเหลวท่ามกลางอุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส ส่วนร่างกายของน้องไอนส์ได้รับการแช่แข็งเป็นอย่างดีเช่นกัน เพื่อรอ "การรักษา" ที่อาจนำไปสู่การชุบชีวิตหนูน้อยในอนาคต

ด้าน ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงการวิจัยรหัสพันธุกรรมเพื่อรักษาโรคมะเร็งในสมองชนิดร้ายแรง ซึ่งมีจุดกำเนิดมาจาก "น้องไอนส์" ซึ่งป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสมองชนิดร้ายแรงว่า ได้ดูแลน้องไอนส์ตั้งแต่เริ่มต้นจนเสียชีวิต โดยการจัดตั้งกองทุนวิจัยรหัสพันธุกรรมเพื่อรักษาโรคมะเร็งในเด็ก รพ.รามาธิบดี ได้เริ่มมาประมาณ 6 เดือนแล้วโดยได้รับการสนุนจากคุณพ่อและคุณแม่ของน้องไอนส์ ซึ่งเมื่อลูกป่วยก็มีความทุกข์มาก จึงให้ความสนใจเรื่องการรักษาโรคมะเร็งทางสมอง จึงเป็นที่มาของกองทุนนี้ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยยังขาดความรู้ในเรื่องนี้ การวิจัยในบ้านเราส่วนใหญ่จะพึ่งรัฐบาลหมด และเป็นเรื่องยารักษามะเร็งไม่ได้ลงไปที่พันธุกรรม ทั้งที่มะเร็งเกิดจากพันธุกรรมที่กลายพันธุ์ ดังนั้น รพ.รามาธิบดีจึงเป็นแห่งเดี่ยวที่เก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อมะเร็งแบบครบวงจรเพื่อนำมาศึกษา ซึ่งถ้ารู้ตรงนี้จะทำให้รู้ว่ามีการกลายพันธุ์อย่างไร ดังนั้นถ้าได้ความรู้ตรงนี้จะนำไปสู่การผลิตยามะเร็งที่ตรงกับเซลล์มะเร็ง ซึ่งยาในปัจจุบันล้วนนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งกองทุกตรงนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปต้องหาเงินระดมทุนประมาณปีละ 20 ล้านบาท

ด้าน ดร.สหธรณ เนาวรัตน์พงษ์ กล่าวว่า ยินดีที่จะเผยแพร่เรื่องราวและภาพของน้องไอนส์เพื่อเป็นแรงผลักดันในการสนับสนุนงานวิจัยรหัสพันธุกรรมเพื่อรักษาโรคมะเร็งในเด็กและการเก็บรักษาเซลล์และร่างกายมนุษย์ด้วยวิธีการแช่แข็งซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยในต่างประเทศมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องมากว่า40ปีแต่ในเมืองไทยอาจถือเป็นเรื่องใหม่ สำหรับครอบครัว ตนมีบุตร4คนๆโตเป็นผู้ชายอายุ14ปี น้องไอนส์เป็นคนที่2 ที่ใช้เทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ให้กำเนิดเช่นเดียวกับลูกชายฝาแฝดซึ่งเป็นลูกคนที่3และที่4ปัจจุบันอายุ2ขวบ

บริการไฮเทค'แช่แข็งมนุษย์' หวังคืนชีพ'หนูน้อยชาวไทย' | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ชาวไนจีเรียติดเชื้อปริศนาตายภายใน24ชม.



เชื้อโรคปริศนาคร่าชีวิตชาวบ้านในเมืองแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของไนจีเรียไปแล้วอย่างน้อย17คน โดยผู้ติดเชื้อจะเสียชีวิตภายใน24ชม.

วันเสาร์ 18 เมษายน 2558 เวลา 22:32 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย เมื่อวันที่18เม.ย.ว่า นายคาโยด อคินแมด โฆษกรัฐออนโดเปิดเผยว่า มีประชาชนในเมืองโอเด-ไอรีล ทางตะวันออกเฉียงใต้ของไนจีเรียเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย17คน หลังติดเชื้อปริศนาซึ่งเริ่มแพร่ระบาดเมื่อต้นสัปดาห์นี้ โดยผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการปวดศีรษะ น้ำหนักลด ตาพร่ามัว หมดสติ และเสียชีวิตภายใน24ชม.

ขณะที่ผลการตรวจเชื้อจากห้องแลปพบว่าไม่ใช่เชื้อไวรัสอีโบลาหรือไวรัสชนิดอื่น ด้านองค์การอนามัยโลก(ฮู)แถลงว่า พบผู้ติดเชื้อปริศนาดังกล่าวแล้ว14ราย และมีผู้เสียชีวตอย่างน้อย12ราย ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญของรัฐบาล หน่วยงานช่วยเหลือ รวมทั้งนักระบาดวิทยาจากฮูได้เดินทางถึงเมืองโอเด-ไอรีลแล้ว

นายอคินแมดกล่าวต่อว่า ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตรวม17คน โดยไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลา72ชม.ที่ผ่านมา รวมทั้งไม่มีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และเชื้อไม่ได้แพร่ระบาดไปทั่วเมืองเช่นกัน ด้านเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างปัสสาวะ เลือด และน้ำไขสันหลังของผู้ที่ติดเชื้อ2ราย ส่งมาตรวจที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยลากอสแล้วซึ่งอยู่ระหว่างการรอผลและจะตรวจสอบหาเชื้อปริศนาดังกล่าวต่อไป

ชาวไนจีเรียติดเชื้อปริศนาตายภายใน24ชม. | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์.

 

ปูตินลั่นมะกัน-รัสเซียมีผลประโยชน์ตรงกัน



นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียให้สัมภาษณ์ออกโทรทัศน์ว่า รัสเซียกับสหรัฐมีผลประโยชน์หลักอย่างเดียวกัน และต้องการทำงานในวาระดังกล่าวร่วมกัน

วันเสาร์ 18 เมษายน 2558 เวลา 21:30 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่18เม.ย.ว่า นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียให้สัมภาษณ์ออกโทรทัศน์ช่องโรสซิย่าของรัฐบาลว่า แม้รัสเซียจะไม่เห็นด้วยกับวาระนานาชาติหลายต่อหลายแนวทาง แต่ขณะเดียวกันก็มีบางอย่างที่ทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกันและต้องทำงานร่วมกัน โดยรัสเซียและสหรัฐต่างมีผลประโยชน์หลักที่เหมือนกัน

การออกมาให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่านายปูตินมีท่าทีที่อ่อนลง หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากการออกมาวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐอย่างดุเดือด ในช่วงที่ความความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลมอสโก กับรัฐบาลวอชิงตันและประเทศตะวันตกตกต่ำถึงขีดสุดจากปัญหาวิกฤตยูเครน

ทั้งนี้ประธานาธิบดีปูตินกล่าวต่ออีกว่า รัสเซียพยายามทำให้เศรษฐกิจโลกมีความเป็นประชาธิปไตย มั่นคง และสมดุล เพื่อให้โลกมีประชาธิปไตยมากขึ้นซึ่งถือเป็นวาระร่วมกัน หลังก่อนหน้านี้ผู้นำรัสเซียได้ออกมากล่าวหาสหรัฐและประเทศตะวันตกอย่างรุนแรงว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารล้มอำนาจนายวิคเตอร์ ยานูโควิช อดีตประธานาธิบดียูเครน ขณะที่ทางการมอสโกได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของตะวันตกและยูเครน ที่อ้างว่ารัสเซียจัดส่งอาวุธและกองกำลังให้กับกลุ่มกบฎทางภาคตะวันออกของยูเครน ที่สู้รบกันมาตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า6,000คน

การออกมาให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ของผู้นำรัสเซียมีขึ้นหลังประธานาธิบดีปูตินให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กล่าวหาว่าสหรัฐพยายามเข้าไปมีอิทธิพลในกิจการระหว่างประเทศของโลก พร้อมกับบอกว่าสิ่งที่สหรัฐต้องการไม่ใช่พันธมิตรแต่เป็นเมืองขึ้น อย่างไรก็ตามทั้งรัสเซียและตะวันตกจะทำตามข้อตกลงหยุดยิงที่กรุงมินสก์ ประเทศเบลารุส ที่มีขึ้นเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา

ปูตินลั่นมะกัน-รัสเซียมีผลประโยชน์ตรงกัน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ปอกเปลือก ทรราช
ธนาคารโลกอมรับรัสเซียผ่านพ้นจุดวิกฤตสูงสุดทางเศรษฐกิจได้แล้ว, รูเบิลแข็งค่าต่ำกว่า 50 เหรียญต่อusdได้เป็นครั้งแรก



---------------
World Bank เห็นด้วยกับปูตินที่กล่าวว่ารัสเซียได้ประสบความสำเร็จในการจัดการเพื่อก้าวพ้นสถานการณ์ที่เลวร้ายทางเศรษฐกิจ (ที่อเมริกาและอียูรวมหัวกันแกล้งรัสเซีย) ได้แล้ว ด้วยนโยบายทางการเงินและการคลังของรัสเซีย
เมื่อสองเดือนที่ผ่านระดับความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของรัสเซียมีความเข้มแข็งขึ้นมาเล็กน้อย และเงินรูเบิลก็ค่อยๆแข็งค่าขึ้นมาเรื่อยๆเพราะความสามารถในการกำหนดนโยบายด้านการเงินและการคลังของทีมเศรษฐกิจของรัสเซียภายใต้การนำของปูติน Laura Tuck รองประธานธนาคารโลกด้านยุโรปและเอเซียกลางกล่าวกับสำนักข่าว TASS ว่าเธอยอมรับคำให้สัมภาษณ์ของปูตินที่ว่าเศรษฐกิจของรัสเซียได้ผ่านพ้นวิกฤตที่เลวร้ายไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม Tuck กล่าวว่าการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของรัสเซียยังไม่ผ่านพ้นไปซะทีเดียว และรัสเซียยังต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายทางเศรษฐกิจอยู่อีกมากในอนาคต เช่นยังมีความผันผวนของราคาน้ำมันที่ขึ้นๆลงๆ Tuck เชื่อว่าราคาน้ำมันดูเหมือนว่าจะล่วงลงมาอีกครั้งและกำลังดีดกลับไปสู่สิ่งที่เรียกว่า "ภาวะปรกติรอบใหม่" (new normal)
ขอซัดเวิร์ลด์แบ้งค์ซักหน่อยนะ การชมและติดนั้นเป็นปรกติวิสัยของนักวิจารณ์ที่พยายามทำให้คำพูดตัวเองฟังดูมีความน่าเชื่อถือ ไม่ได้ชมหรือไม่ได้ติอย่างเดียว ซึ่งจะทำให้ผู้ฟังมีความรู้สึกว่าผู้วิจารณ์มีอคติ (ยกเว้นเพจนี้นะชมปูตินอย่างเดียว... ฮ่าๆๆ) ธนาคารโลกพยายามรักษาจุดนี้ไว้ แต่ในคำติที่ว่าการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของรัสเซียยังไม่ผ่านพ้นไปซะทีเดียว แน่นอนเห็นด้วย ก็ตอนนี้พึ่งจะผ่านจากจุดวิกฤตต่ำสุดมาได้จะให้บอกว่าดีเลิศประเสริฐศรีก็กระไรอยู่ เหมือนคนไข้ที่พึ่งจะพ้นจากอาการโคม่า จะบอกว่าหายขาดทันทีก็แปลกหละ ก็ยังต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ไปอีกสักระยะ และเมื่อหายป่วยแล้วยังต้องบำรุงร่างกายเพื่อฟื้นฟูพละกำลังอีกด้วย เนื่องจากคำพูดตรงนี้เป็นสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์ทั่วไปสามารถเข้าใจได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่เวิร์ลด์แบ้งค์จะต้องออกมาพูดในสิ่งที่คนทั่วไปก็มองออก และไม่ได้อยู่ในข่ายของคำแนะนำที่จะทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียดีขึ้นจากคำพูดของเธอเลย จึงมองว่าคำพูดช่วงนี้ไม่ค่อยมีน้ำหนักซักเท่าไรนัก พูดก็เหมือนไม่พูด
ส่วนเรื่องที่ว่ารัสเซียยังต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจอยู่อีกมากนั้น ถ้าพูดกันแฟร์ๆนะและหากเวิร์ลด์แบ้งค์มองรอบๆตัว แทนที่จะโฟกัสมาที่รัสเซียเพียงอย่างเดียว ก็จะพบว่าภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างนี้ ทุกประเทศทั่วโลกต่างก็พบกับความท้าทายทางเศรษฐกิจด้วยกันทั้งนั้น อียูนั้นดูเหมือนจะหนักกว่ารัสเซียซะอีก เพียงแต่สื่อฯของพวกเขาไม่ประโคมข่าวเท่านั้นเอง สหรัฐฯเองก็ใช่ว่าจะไม่เผชิญกับความท้าทายดังกล่าว ล่าสุดก็เกิดการประท้วงต่อต้านเขตการค้าเสรี TTIP ของสหรัฐฯขึ้นมาในยุโรปทั้งในอังกฤษและในออสเตรเลียเมื่อวานนี้ ที่อังกฤษนั้นมีการประท้วงต่อต้าน TTIP ของสหรัฐฯอยู่บ่อยครั้ง แล้วก็รัสเซียกับจีนก็ผุด BRICS กับ AIIB ขึ้นมาแข่งกับ IMF และ World Bank ที่นำโดยสหรัฐฯอีก นี่ไม่เรียกว่าสหรัฐฯจะต้องพบกับการท้าทายทางเศรษฐกิจด้วยรึ? การออกมาพูดแต่เพียงรัสเซียประเทศเดียวเท่านั้นที่ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายทางเศรษฐกิจ ดูจะแปลกๆไปหน่อยนะ
ส่วนเรื่องราคาน้ำมันที่ว่าขึ้นๆลงๆนั้นหากมองให้ดี ใครหละที่ก่อปัญหาดังกล่าวขึ้นมา ก็ไม่ใช่เพราะสหรัฐฯที่ต้องการถล่มค่าเงินรูเบิลและเศรษฐกิจของรัสเซียโดยการแข่งกันผลิตน้ำมันจนเกินความต้องการของตลาดโลกกับกลุ่มโอเปกในตะวันออกกลางหรอกรึ มันถึงได้เป็นอย่างนี้ สุดท้ายก็สู้สายป่านของกลุ่มโอเปกไม่ได้ เพราะต้นทุนในการทำ fracking สูบน้ำมันจากชั้นหินของสหรัฐฯมีต้นทุนที่สูงกว่าของตะวันออกกลางมาก แล้วอเมริกาจึงค่อยๆถอยจากเกมนี้แบบเงียบๆ คนตกงานในอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐฯอื้อ ในขณะที่เศรษฐกิจของรัสเซียเริ่มปรับตัวได้ ของอียูยังทรงตัวในระดับที่แย่ ของสหรัฐฯนั้นกำลังจะแย่มากๆกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (15 เม.ย.58) สำนักข่าว RT รายงานว่าค่าเงินรูเบิลของรัสเซียแข็งค่าขึ้นที่ 49.90 รูเบิลต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯได้เป็นครั้งแรกในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในกรุงมอสโคว์ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา เมื่อปีที่แล้วในช่วงที่เศรษฐกิจของรัสเซียโดนถล่มอย่างหนักจากสหรัฐฯนั้น ค่าเงินรูเบิลตกลงมาอยู่ที่เกือบ 80 รูเบิลต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ ตอนนี้แข็งค่าขึ้นมาอยู่ประมาณที่ 50 รูเบิลต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ เศรษฐกิจของรัสเซียค่อยๆดีขึ้น แม้ว่าทางสหรัฐฯและอียูจะยังไม่ยกเลิกหรือไม่ผ่อนคลายมาตรการแซงชั่นที่มีต่อรัสเซีย และสหรัฐฯนั้นพยายามกดดันให้ประเทศต่างๆต่ออายุการแซงชั่นรัสเซียต่อไปอีก ในขณะที่หลายประเทศในอียูไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว เพราะทำให้เศรษฐกิจของอียูที่ค้าขายกับรัสเซียได้รับผลกระทบไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ก็แปลดี... ยิ่งโดนแกล้งโดนถล่มแต่รัสเซียก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้และเข้มแข็งขึ้นมาได้อีกด้วย ดูเหมือนว่าพักหลังนี้มาตรการแซงชั่นต่อรัสเซียจะไม่ได้ผลซะแล้ว เพราะรัสเซียสามารถหาหุ้นส่วนใหม่และเปิดตลาดใหม่ได้ซึ่งไม่ใช่สหรัฐฯและอียู ในขณะที่แคมเปญจ์การค้าเสรี TTIP ของสหรัฐฯถูกต่อต้านอย่างหนักในยุโรป แต่การค้าเสรียูเรเซียน ของรัสเซียกลับได้รับการยอมรับและมีคนสนใจเพิ่มมากขึ้น อเมริกานั้นพยายามจะเขียนกฎบังคับให้ประเทศต่างๆยอมรับสินค้าของตัวเอง แต่รัสเซียบอกว่ายังไงก็ได้มาตลกลงกันแบบแฟร์ๆ ขออย่างเดียวมาทำการค้าร่วมกันเท่านั้นและยกเลิกการใช้เงินดอลล่าร์ในการค้าขายร่วมกันระหว่างกลุ่มประเทศพันธมิตรของรัสเซียและจีน แค่นี้ดอลล่าร์ของสหรัฐฯก็แทบจะหมดลมหายใจแล้ว
ป.ล. เรื่องข่าวการประท้วง TTIP ของสหรัฐฯในยุโรปและออสเตรเลียจะเขียนในโพสต์ต่อไป
The Eyes
19/04/2558
----------
'Worst is over' - Putin on Russian economy — RT Business
http://rt.com/business/250889-world-bank-russian-economy/
Ruble passes 50 against USD for 1st time since November — RT Business
Russia’s Current Budget Deficit of 3.7% GDP ‘Acceptable’ - Putin / Sputnik International
Russia’s GDP May Fall 5.3-5.8% in 2015 – Central Bank Forecast / Sputnik International
IMF Downgrades Projection for Russia’s Economic Growth in 2015-2016 / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
ปูตินเนื้อหอมสาวน้อยสายใหญ่ในอียูต่างรุมวิ่งเข้าหา



---------------
หันมาดูท่าทีล่าสุดของกลุ่มประเทศยุโรปที่มีต่อรัสเซียบ้าง จะได้เข้าใจสถานการณ์โลกให้ดีขึ้นว่าตอนนี้กระแสลมหันไปทิศทางใด ก่อนหน้านี้ผู้เขียนบอกประมาณว่าตอนนี้ประเทศมหาอำนาจในอียูและหลายประเทศทั่วโลกเริ่มหันหลังให้อเมริกาแล้ว และหันมาจับมือกับจีนในด้านเศรษฐกิจ และรัสเซียเพิ่มมากขึ้น พวกที่ต้องไสยศาสตร์มนต์ดำของจักรวรรดิอเมริกาอยู่อาจจะมองว่า เอ้ยยยย... ไปใส่ร้ายอเมริกาเขาหรือเปล่า คิดเองเออเองเชียร์รัสเซียมากไปหรือเปล่าถึงพูดอย่างนั้น ก็พูดจากที่ติดตามข่าวอยู่เรื่อยๆให้ฟังก็ไม่เชื่ออีก งั้นมาดูข่าวเมื่อเร็วๆนี้ละกันว่าทางยุโรปเขาคิดและพูดอย่างไรเกี่ยวกับรัสเซียบ้าง
เริ่มที่เยอรมันก่อนนะ วันนี้ (18 เม.ย.58) สำนักข่าว sputnik news ลงข่าวว่านายกรัฐมนตรี Angela Merkel ของเยอรมันกล่าวในที่ประชุม economic forum ที่เมือง Stralsund ประเทศเยอรมันนีว่า "ในระยะยาวนั้นเป็นไปได้ที่จะสร้างเขตการค้าเสรีขนาดใหญ่ร่วมกับรัสเซีย เราจะทำทุกอย่างที่เป็นไปได้ที่ละขั้นตอนเพื่อสร้างเขตเศรษฐกิจร่วมกัน อย่างที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียได้กล่าวเอาไว้ว่าจาก Vladivostok ถึง Lisbon" (Vladivostok คือเมืองหนึ่งที่ศูนย์กลางด้านการบริหารของ Primorsky Krai ในรัสเซียตั้งอยู่ไม่ใกลจากชายแดนจีนกับเกาหลีเหนือในเขตทะเลญี่ปุ่น - Sea of Japanese แถวอ่าว Peter the Great Gulf ส่วน Lisbon นั้นเป็นเมืองหลวงของโปรตุเกส)
รายที่สองอันนี้สาวน้อย Magdalena Ogorek หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของโปแลนด์ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรัสเซียว่าการเผชิญหน้ากับรัสเซียนั้นถือว่าเป็นความผิดพลาด (ก็ใช่นะสิ สินค้าการเกษตรของโปแลนด์ไม่สามารถส่งออกมายังรัสเซียได้ มีสภาพไม่ต่างจากกรีซและไซปรัสเลย ตอนนี้เกษตรกรของโปแลนด์เดือดร้อนมาก ประท้วงแล้วประท้วงอีก รัฐบาลก็ทำได้แค่ subsidy ให้บ้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น)
Ogorek คนสวยกล่าวว่า "เราควรคิดเสียใหม่ว่ารัสเซียนั้นคือเพื่อนบ้านของพวกเรา และความสัมพันธ์ระหว่างเรากับรัสเซียนั้นเสมอภาคกันมาก ในฐานะที่เป็นประธานาธิบดี [ในอนาคต] เดี้ยนต้องการที่จะรักษาความสัมพันธ์ที่สมดุลกันไว้กับสหพันธรัฐรัสเซีย จะต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ของพวกเรา ถ้าดิฉันได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีและได้รับเชิญให้ไปเยี่ยมกรุงมอสโคว์ ฉันจะรับคำเชิญนั้นทันทีอย่างไม่ลังเลใจ" นี่เธอแสดงวิสัยทัศน์ด้านนโยบายต่างประเทศ ในขณะที่มีผู้วิจารณ์ว่าช่วงนี้นักการเมืองฝั่งอังกฤษไม่ค่อยจะพูดถึงนโยบายต่างประเทศในการหาเสียงแข่งกันในการเลือกตั้งจะกำลังจะมาถึงในเร็วๆนี้สักเท่าไรนัก
สองสาวไปแล้ว คราวนี้มาดูอีกประเทศหนึ่งในอียูบ้าง แต่เป็นผู้ชายนะ Pentti Vaananen ผู้นำพรรค Social-Democratic Party (SDP) เน้นย้ำว่ารัสเซียคือเพื่อบ้าน ฟินแลนด์ต้องการที่จะรักษาความสัมพันธ์ฉันมิตรกับกรุงมอสโคว์เอาไว้ แต่การเข้าไปมีส่วนร่วมในปัญหายูเครนในช่วงเวลานั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างเท่าเทียมกัน เพราะว่ามันเป็นเพียงหนทางเดียวที่อียูจะทำงานได้ (กรณีของยูเครนนั้น อียูก็ยังพูดในมุมมองของผลประโยชน์ตนเป็นหลักอยู่ดี)
พรรค SDP ซึ่งเป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองของฟินแลนด์ไม่เชื่อว่ารัสเซียแสดงอำนาจทางกองทัพคุกคามประเทศฟินแลนด์ Pentti Vaananen เลขาธิการใหญ่ของพรรคฯ กล่าวว่า "ทั้งพรรคของผมและตัวผมเองนั้นไม่เชื่อว่าเป็นการคุกคามทางกองทัพ สำหรับพวกเราแล้ว รัสเซียคือเพื่อน รัสเซียเป็นเพื่อนบ้านของพวกเรา หากปัญหาได้รับการแก้ไข รัสเซียจะเป็นตลาดที่โดดเด่นมาก แต่ไม่ใช่การคุกคามทางการทหารแน่นอน" (เอ้า!... นักการเมืองฟินแลนด์ก็อปปี้คำพูดบางส่วนของลูตู่ไปหรือเปล่านี่ "รัสเซียคือเพื่อน, เราเป็นเพื่อนกับรัสเซีย" เอ…แต่ฟินแลนด์ไม่ได้บอกนะว่าเป็นเพื่อนกับสหรัฐฯด้วยอ่ะ โอบาม่าได้ยินแล้วจะว่าอย่างไรน้ออออ? อิๆ) เขาพูดเยอะกว่านี้นะ แต่เอาแค่นี้ก็พอหละ... แถมให้อีกหน่อยนึง... พรรค SDP กล่าวต่อกรณีนาโต้ว่า "พรรคของพวกเราไม่ปลื้มที่ฟินแลนด์จะเข้าร่วมกับนาโต้ มันชัดเจนมาก" นาโต้ได้ยินแล้วคงจะจัดซ้อมรบแถวกลุ่มประเทศบอลติกใกล้ๆชายแดนกับฟินแลนด์และรัสเซียอีกแน่ๆ (ฟินแลนด์นั้นมีชายแดนอยู่ติดกับรัสเซีย อยู่ระหว่างเอสโตเนียกับสวีเดน)
ว่าจะเขียนสั้นๆคุยกันเบาๆนะนี่ ยาวอีกแล้วพี่น้องเอ๋ย... ขออภัยนะครับ ปิดท้ายด้วยคำพูดของเฮียปูตินสุดหล่อหละกัน... สื่อฯรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "รัสเซียเป็นหุ้นส่วนที่มีความน่าเชื่อถือ ไม่หลงบ้าจี้กระโดดโลดเต้นเมื่อได้ยินเสียงปี่หรอก" (Russia reliable partner, does not dance after somebody's pipe. - Putin)
ในการสัมภาษณ์กับสื่อเมื่อวันเสาร์นี้ปูตินกล่าวว่า "มีองค์ประกอบหลายอย่างที่ช่วยให้เราพิจารณาตัวเองในฐานะที่เป็นประเทศๆหนึ่ง และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ที่จะดำเนินนโยบายอธิปไตยได้อย่างอิสระในเวทีต่างประเทศและการสร้างนโยบายภายในของตนเองให้สอดคล้องกับความประสงค์ของประชาชนของพวกเรา ในแง่นี้ พวกเราเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้มากกว่า เพราะว่าเราไม่หลงเต้นเมื่อได้ยินเสียงปี่ของบางคน (ไม่บ้าจี้ตามไปด้วย) เราไม่เปลี่ยนจุดยืนของพวกเรา [แม้ว่าจะ] อยู่ภายใต้อิทธิพลของสถานการณ์ที่มีผู้กำหนดไว้" นั่นแหละคำพูดของลูกชายที่ชื่อ "ปูติน" ไม่กล่าวให้ร้ายใคร ไม่ใส่ร้ายใคร ตรงไปตรงมา ล่าสุดนิตยสารไทม์ออกมายอมรับเองเลยว่าปูตินเป็นผู้นำที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก ตามที่ได้ทำโพลล์จากผู้อ่านนิตยสารไทม์ก่อนที่ออกมาก่อนหน้านี้
สังเกตไหมว่าช่วงนี้มีหลายประเทศออกมาพูดแทนรัสเซียและเข้าข้างรัสเซียเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันแทบจะไม่เห็นมีประเทศไหนออกมาพูดแบบนี้แทนสหรัฐฯบ้างเลย มีแต่สหรัฐฯเท่านั้นที่เสียงดังอยู่คนเดียว แปลกแท้...
The Eyes
18/04/2558
-----------
Merkel Says Free Trade Zone Between Germany, Russia Possible / Sputnik International
Confrontation With Moscow is a Mistake – Polish Presidential Candidate / Sputnik International
'Russia is a Friend': Finland’s Major SDP Party Rules Out Russian Threat / Sputnik International
Russia Reliable Partner, Does Not Dance After Somebody's Pipe - Putin / Sputnik International

 

Thanong Fanclub



7. เซิร์น (CERN) เปิดมิติเวลา หรือทำลายล้างโลก
ในหนังสือ The God Particle: If the Universe Is the Answer, What Is the Question? ผู้แต่งนายลีออง ลีเดอร์แมน (Leon Lederman) เรียกขานฮิกส์โบซอนว่า “อนุภาคพระเจ้า” ทำให้ชื่อนี้กลายเป็นคำเรียกติดปากทำให้บางคนมองว่าอาจจะชวนเข้าใจผิด เพราะว่าถ้าหากเจอ “อนุภาคพระเจ้า” แล้วทำไมCERNถึงต้องปรับปรุงอุปกรณ์ยิงโปรตอนใหม่ให้มีพลังหรือประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นเพื่อหาอนุภาคที่เป็นพื้นฐานมากกว่าHiggs Boson
แสดงว่ายังไปไม่ถึงประตูสวรรค์ที่สิงสถิตย์ของพระเจ้าจริง?
ความจริงถ้าพูดตามหลักของพระพุทธเจ้าแล้ว นักฟิสิกซ์ของCERNกำลังค้นคว้าหาอนุภาคที่ไม่เที่ยงนั้นเอง ยิ่งลงลึกไปยิ่งพบความละเอียดมากขึ้นเปรียบเหมือนกับว่าโมเลกุลที่เรียกว่าละเอียดแล้วสมมุติว่ามีค่าเป็น0.0001 แต่ยังพบอตอมที่ละเอียดกว่าโมเลกุลอีก อาจจะมีค่าเป็น0.0000000001 ค้นคว้าไปมาพบว่าคว๊าคมีความละเอียดมากไปกว่านั้นอีกซึ่งอาจจะมีค่าเป็น 0.000000000000000001 แล้วก็พบอนุภาคพระเจ้าที่อาจจะมีค่าเป็น0.000000000000000000000000000001
ปัญหาคือนักฟิสิกซ์ยังคงเจออนุภาคจิ๋วที่ยังมีเลข1พ่วงท้ายอยู่ดี คือยังไม่เล็กที่สุด ยังไปไม่ถึงที่สุดของที่สุดของความละเอียด แม้ว่าจะไปถึงระดับ0.000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000001แล้วก็ตาม
แต่ละชั้นของความละเอียดที่ไปถึง อาจจะเจอพระเจ้าก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าพระเจ้าชั้นใด อาจจะเป็นชั้นเทพหรือชั้นพรหมที่มีความละเอียดที่ต่างกัน มนุษย์มีกายหยาบ ส่วนชั้นเทพเทวดาหรือชั้นพรหมจะมีกายที่ละเอียดมากขึ้นไปอีก
ถ้าให้ไปให้ถึงที่สุดของที่สุดของความละเอียดของตัวอนุภาค ก็คือต้องไม่มี1อีกต่อไป คือตัวอนุภาคนั้นไม่มีตัวตน มีเลขศูนย์เป็นตัวแทน จากรูปไปสู่นาม และมีนิพพานที่มีอยู่รองรับอยู่แล้ว นิพพานเป็นสภาวะที่จิตหลุดพ้นออกมาจากความหยาบและความละเอียดทั้งปวง เหมือนบ้านที่ตั้งอยู่ได้ต้องมีพื้นดินรองรับ ฉันใดฉันนั้นความเป็นนิพพานจึงเป็นจิตที่หลุดพ้นจากสภาพทั้งปวง
นี้คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้เมื่อ2,500กว่าปีมาแล้ว
CERNลงทุนไปหลายพันหลายหมื่นล้านเหรียญเพื่อสร้างเครื่องเร่งอนุภาคขึ้นมาเพื่อหาอนุภาคที่ละเอียดที่สุด แต่จะไม่มีวันหาเจอ เนื่องจากว่าอนุภาคที่เล็กที่ละเอียดสุดยังคงไม่ละเอียดสุดจริง ยังคงมีเลข1พ่วงท้ายดังได้อธิบายมาแล้ว เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่สร้างไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้ เพราะว่านักฟิสิกซ์อาจจะยอมรับไม่ได้ว่าเลยความละเอียดที่สุดคือภาวะที่ไม่มีตัวตนที่รองรับอนุภาคทุกชนิดอยู่ ในเมื่อที่สุดของที่สุดแล้วคือสภาวะนิพพานแล้วนักฟิสิกซ์จะค้นคว้าแสวงหาอะไรในเมื่อนักฟิสิกซ์จำกัดตัวเองเฉพาะในการแสวงหาความรู้ หรือพิสูจน์ในสิ่งที่มีมวลหรือมีตัวตนเท่านั้น โดยจะปัดว่าสิ่งที่ไม่มีตัวตน ไม่สามารถพิสูจน์ได้เชิงประจักษ์ว่าไม่มีอยู่จริง
พระพุทธเจ้ารู้แจ้งเห็นจริงด้วยการดูจิต คือมองลึกเข้าไปข้างในจิต โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยราคมแพงเหมือนที่CERNใช้ นักฟิสิกซ์จะมองออกไปข้างนอกเพื่อแสวงหาความรู้หรือความจริงอันสูงสุด แต่พระพุทธเจ้ามองเข้าไปข้างในจิตเพื่อแสวงหาความรู้และความจริงอันสูงสุดและได้เห็นสภาวะเกิดดับๆตลอดเวลา หรือความไม่เที่ยงของทุกอณูของสรรพสิ่งทั้งหลาย พระพุทธเจ้าเห็นออกมาจากจิตอีกทีคือสภาวะที่เหนือ หรือกลับข้างกันของการเกิดดับๆตลอดเวลา คือนิพพานที่รองรับอยู่แล้ว
เวลาเรามองดูแกแล็กซี่ ดูเหมือนว่ามันจะอยู่นิ่งๆกับที่ แต่ถ้าพิจารณาดีๆจะเห็นว่ามันเคลื่อนไหว อีกด้านหนึ่งของแกแล็กซี่ คือกลับข้างกันจะเป็นนิพพานที่พระพุทธเจ้าสิงสถิตย์อยู่
thanong
18/4/2015

 

Thanong Fanclub



8. เซิร์น (CERN) เปิดมิติเวลา หรือทำลายล้างโลก
เมื่อต้นเดือนเมษายนนี้เอง ผมได้มีโอกาสได้สนทนาธรรมกับหลวงพ่อธมมทีโปhttp://www.thammatipo.com/ที่งานศพของคุณแม่ของผู้ใหญ่ที่เคารพท่านหนึ่งที่อ. ดำเนินสะดวก ราชบุรี มีอยู่ช่วงหนึ่งหลวงพ่อสอนว่าให้ทำเรื่องใหญ่สุดให้เป็นเรื่องเล็กสุด และให้ทำเรื่องเล็กสุดให้ใหญ่สุด เรื่องใหญ่สุดคือปัญหาอุปสรรคหรือการงานต่างๆ แก้ได้ก็แก้ไป แก้ไม่ได้ก็พักเก็บเอาไว้ก่อนไม่เอามาแบกไว้ในอก เรื่องเล็กสุดนี้คือเริ่มจากตัวเรา คือให้ดูจิต และเมื่อปฏิบัติได้จนจิตเป็นตัวเห็นแล้ว จะหลุดพ้นจากพันธนาการทั้งปวง และจะสามารถกลับมาแก้ไขเรื่องที่ใหญ่สุดได้ตามเงื่อนไขหรือเหตุปัจจัยที่แท้จริง
ฟังดูแล้วซาบซึ้งทันที แต่ยิ่งซาบซึ้งหนักขึ้นไปอีกเมื่อมาพิเคราะห์ว่านักฟิสิกซ์ของCERNกำลังอะไรอยู่ ปรากฎว่านักฟิสิกซ์ของCERNกำลังทำเรื่องที่เล็กสุดให้เป็นเรื่องที่ใหญ่สุด หมายความว่ากำลังลงทุนอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆราคานับแสนล้านบาท ลงแรงและใช้สมองสุดความสามารถที่จะค้นหาอนุภาคที่เล็กที่สุด ได้อนุภาคที่มีขนาดสมมุติว่าเทียบเท่ากับ0.0000000000000000001 แล้วยังไม่พอใจ ต้องการพบอนุภาคระดับซับอะตอมมิกส์ที่มีขนาดเล็กลงไปอีกถึง0.000000000000000000000000000001 ถ้าพบแล้วก็ยังไม่พอใจอยู่ดี เพราะว่าต้องการค้นพบอนุภาคที่เล็กแสนเล็กที่สุดของที่สุดที่ในที่สุดแล้วอุปกรณ์มนุษย์ไม่สามารถค้นหาหรือตรวจสอบได้
สิ่งที่เล็กที่สุดกลายเป็นสิ่งที่ใหญ่สุด หรือสำคัญที่สุดของนักฟิสิกซ์ของCERN นักวิทยาศาสตร์และคนส่วนใหญ่ทั่วโลกต่างก็เชียร์ให้นักฟิสิกซ์ของCERNขี่ช้างไล่จับตั๊กแตนให้ได้ ของยิ่งเล็กยิ่งมีคุณค่า อนุภาคยิ่งเล็กที่สุดยิ่งจะมีค่ามากที่สุดสำหรับนักฟิสิกซ์ของCERN เพื่อที่จะช่วยอธิบายว่าอนุภาคของพระเจ้าเป็นพื้นฐานของปรากฎการณ์ของการกำเนิดของบิ๊กแบงของจักรวาลอย่างไร
ยิ่งจะซาบซึ้งไปกว่านั้นอีกเมื่อย้อนกลับไปคิดถึงบทบาทหรือการทำงานของUS Federal Reserve หรือธนาคารกลางของสหรัฐฯ ที่ทำเรื่องตรงกันข้ามกับCERN คือทำเรื่องใหญ่สุดให้เล็กสุด
US Federal Reserveเรียกสั้นๆว่าเฟดก็แล้วกันพิมพ์เงินดอลล่าร์ออกมาให้คนอเมริกันและชาวโลกได้ใช้จากคราวละไม่กี่ร้อยล้านหรือพันล้านเหรียญ จนกลายเป็นล้านล้านเหรียญเป็นว่าเล่น ช่วงวิกฤติการเงินปี2008 เฟดเล่นพิมพ์ดอลล่าร์ในบัญชี2ออกมา$16ล้านล้านเพื่ออุ้มแบงค์ในเครือทั้งในสหรัฐฯและในยุโรป เม็ดเงิน$16ล้านล้านใหญ่กว่าขนาดของเศรษฐกิจของประเทศจีนในปัจจุบันเสียอีก
ลองจินตนาการดู ถ้าใครมีเงิน$16ล้านล้าน ต้องใช้เวลากี่ปีแสงถึงจะนับหมด
เรียกได้ว่าเฟดภายใต้การนำของพ่อมดเบน เบอร์แนงกี้ทำบิ๊กแบงก่อนCERNเสียอีก คือพิมพ์เงินอีเล็คโทรนิคด้วยความเร็วเกือบพอๆกับแสง ตูมๆๆๆๆออกมาจอกจอคอมฯถึง$16ล้านล้านเพื่อป้อนให้ระบบธนาคารของยุโรปและสหรัฐฯที่ประสบกับการขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง ไม่งั้นมีหวังพังครืนกันทั้งระบบ
CERNกำลังสร้างแบบจำลองบิ๊กแบงในเครื่องเร่งอนุถาคให้ชนกัน (Large Hadron Collider) แต่ที่จริงเป็นแค่สะมอลล์แบงในท่อที่ยังทำไม่สำเร็จ ยังห่างไกลจากความจริง แต่เฟดลักไก่ชิงทำบิ๊กแบงดอลล่าร์ไปก่อน
CERNสู้เฟดไม่ได้จริงๆ มวยคนละชั้น เฟดสามารถสร้างดอลล่าร์ให้กลายเป็นพระเจ้าไปนานแล้ว จากที่เขียนบนธนบัตรดอลล่าร์ว่าIn God we trust แปลว่าเรามีศรัทธาในพระเจ้า กลายเป็นIn dollar we printแปลว่าเราพิมพ์เงินดอลล่าร์ไม่อั้น
ในขณะที่CERNเพ่ิงจะค้นพบอนุภาคพระเจ้าGod particleในปี2012นี้เอง แต่ก็เรียกไปอย่างนั้นเอง ออฟไซด์มาก เพราะว่ามวลที่เล็กกว่าHiggs boson ที่เรียกกันว่าอนุภาคพระเจ้ายังมีอีกมากมายเหลือคณานับ
แม้แต่ไอสไตน์ยังไม่เจอพระเจ้า ได้แต่รำพึงรำพันว่าGod does not throw dice แปลว่าพระเจ้าไม่ได้เสี่ยงลูกเต๋า หรือพระเจ้าไม่ได้สร้างโลกหรือจักรวาลโดยเหตุบังเอิญ
CERNไม่มีทางเทียบชั้นกับเฟดได้เพราะว่า CERNยึดติดอยู่กับการค้นหาอนุภาคที่มีมวลเล็กสุด โดยที่ไม่ก้าวข้ามความเป็นรูปของมวลไปสู่นามหรือความไร้รูปที่อยู่รวมกันในสภาพของการเกิดดับที่ไม่เที่ยงตลอดเวลา นักฟิสิกซ์ของCERNเป็นพวกวัตถุนิยม ที่เห็นเรื่องจิตนิยมที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตาเปล่าหรือเครื่องมืออุปกรณ์เป็นเรื่องไร้สาระ
แต่เฟดไปไกลถึงขนาดพิมพ์ดอลล่าร์มาจากกลางอากาศเปล่าๆได้ตั้งแต่ปีคศ1972แล้ว โดยพิมพ์ผ่านจอคอมฯเก่าๆผุๆ ไม่จำเป็นต้องลงทุนสร้างอุปกรณ์ใหญ่โตอะไรมากมายเหมือนCERN
สมัยก่อนพิมพ์เงินเท่าใด ต้องมีทองคำหนุนหลังเท่านั้น แต่เฟดต้องไฟแนนซ์รัฐบาลสหรัฐฯที่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายจนทองคำโดนคนถือดอลล่าร์แลกไปจนเกือบจะหมดเกลี้ยงตู้เชฟ เฟดเลยหลับหูหลับตาพิมพ์ดอลล่าร์เปล่าๆโดยไม่มีทองคำหนุนหลัง กลายเป็นดอลล่าร์กงเต๊ก
แต่ด้วยเวทย์มนต์ดำ คนเชื่อในเฟด เลยยังคงใช้ดอลล่าร์ต่อไป นานวันเข้าดอลล่าร์กลายเป็นพระเจ้า ทั้งๆที่จริงแล้วเป็นเงินกงเต๊ก
CERNทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วยการวิ่งเข้าหาอนุภาคที่มีขนาด0.00000000000000000000000000000001 ฯลฯเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่เฟดทำเรื่องเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็กด้วยการมั่วนิ่มพิมพ์เงินดอลล่าร์จากกลางอากาศเปล่าๆเป็นปริมาณ$1,000,000,000,000,000,000,000,000ฯลฯจะพิมพ์เพิ่มไปเรื่อยๆ
แม้ว่าจะทำสวนทางกัน คือCERNทำเรื่องเล็กสุดให้เป็นเรื่องใหญ่สุด ส่วนเฟดทำเรื่องใหญ่สุดให้เล็กสุด แต่ทั้งสององค์กรต่างก็มีความโลภ และความหลงเหมือนกัน ท้ายที่สุดต่างก็ต้องการอำนาจและความร่ำรวยเพื่อตนเองและพวกพ้อง และต้องการเบียดเบียนผู้อื่นเหมือนกัน
ส่วนสิ่งที่หลวงพ่อธมมทีโปสอนเราให้ทำเรื่องเล็กสุดให้ใหญ่สุดคือให้เริ่มที่ตัวเราเองก่อน ด้วยการดูจิต ดูไปเรื่อยๆจนเห็นจากข้างในออกมา เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วธรรมะหลุดออกมาจากจิต อันนำไปสู่ความหลุดพ้นทั้งปวง หลังจากนั้นเราสามารถทำเรื่องใหญ่สุดให้เล็กสุดได้ด้วยการช่วยปกป้องชาติให้พ้นภัย และช่วยเหลือมนุษย์ผู้อื่นให้พ้นทุกข์ได้ด้วย
เมื่อได้ดูจิตจนได้ระดับแล้วถือว่าเป็นบิ๊กแบงของจริงเมื่อจิตได้หลุดพ้นจากความคิดหรือสภาวะทั้งปวง สิ่งนี้สำคัญมากกว่าบิ๊กแบงของจักรวาล บิ๊กแบงในท่อLarge Hadron ColliderของCERN และบิ๊กแบงในจอคอมพิวเตอร์พิมพ์เงินของเฟดเสียอีกจนเทียบกันไม่ได้
thanong
19/4/2015

 

Thanong Fanclub




9. เซิร์น (CERN) เปิดมิติเวลา หรือทำลายล้างโลก
ในปี 1928 นักฟิสิกซ์ระดับรางวัลโนเบลชาวอังกฤษ Paul Diracเป็นผู้นำเสนอสมการใหม่ว่าทุกๆอนุภาค (particle) จะมีอนุภาคต้าน (antiparticle) และจะมีประจุที่ตรงกันข้ามกัน เช่นเมื่อมีอีเลคตรอน ก็จะต้องมีแอนตี้อีเลคตรอนเหมือนกันทุกอย่างเพียงแต่ว่ามีประจุบวก เพราะว่าอีเลคตรอนมีประจุลบ ด้วยข้อเสนอนี้ทำให้การศึกษาความเป็นไปได้ที่แกแล็กซี่และจักรวาลมีส่วนประกอบของปฏิสสาร (antimatter)ด้วย
เมื่อสสารและปฏิสสารมากระทบกัน จะทำลายกันเอง หายตัวไปอย่างทันทีกลายเป็นพลังงาน เหตุการณ์บิ๊กแบงที่ก่อกำเนิดจักรวาลน่าจะทำให้มีปริมาณของสสารและปฏิสสารในปริมาณที่เท่ากัน แต่ในความเป็นจริงมีสสารมากกว่าปฏิสสารในจักรวาล
สำหรับเรื่องปฏิสสารนี้ นักฟิสิกซ์ยังคนค้นคว้าต่อไป ซึ่งน่าจะได้มาจากคอนเซ็ปของหยินและหยาง ว่าทุกสรรพสิ่งจะมีขั้วที่เป็นปฏิปักษ์อยู่ด้วยกันเสมอ
ปรากฎว่าทฤษฎีปฏิสสารมีอิทธิพลในความคิดเห็นของธนาคารกลางแห่งยุโรป ( European Central Bank) ที่เพิ่งจะวิเคราะห์สถานการณ์ความเป็นไปได้ที่กรีกถังแตกไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงานของรัฐ จำต้องออกIOU (I Owe You)หรือเงินแอนตี้ยูโรที่เป็นเวอร์ซวลภายในเขตยูโร
หมายความว่าEuropean Central Bankพิมพ์เงินยูโรให้19ประเทศในเขตยูโร (euro)ใช้ และกรีกออกเงินแอนตี้ยูโร หรือปฏิยูโร(anti-euro)คู่ขนานกันไป หรือเรียกกันว่าไอโอยู คือขอต๊ะไว้ก่อน
แทนที่พนักงานรัฐของกรีซจะได้เงินเดือนสมมุติว่า2,000ยูโร แต่จะถูกหักไป30% คือจะได้เพียง1,400ยูโร ที่เหลือคือ600ยูโรอยู่ในรูปเงินแอนตี้ยูโร หรือไอโอยูซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้2กรณีคือ
1. ให้คอยไปขึ้นเงินปฏิยูโรในวันข้างหน้า ไม่รู้ว่าจะต้องคอยกี่ปีแสงถึงจะขึ้นเงินยูโรจริงได้
2. ให้ใช้เงินปฏิยูโรในรูปเวอร์ซวลvirtualไปเลย รู้ๆกันในกรีซ เพราะว่ารัฐบาลแอ่นอกรับรอง และอาจจะมีพระนางเฮเลน ออฟทรอยหนุนหลังอีกทีให้เงินปฏิยูโรมีความน่าเชื่อถือและมีความศักดิ์สิทธิ์
ในเดือนพฤษภาคมนี้ กรีซต้องจ่ายหนี้ให้ไอเอ็มเอฟ1,000ล้านยูโร และมีข่าวว่าถังแตกอาจจะไม่มีเงินพอจ่ายเงินเดือนพนักงานของรัฐ ถ้าเกิดต้องชักดาบเงินเดือนพนักงานของรัฐ ระบบแบงค์กิ้งของกรีซจะถูกคนแห่ถอนเงินจนเจ้ง ธนาคารกลางยุโรปเบื่อหน่ายรัฐบาลกรีซแต็มแก่ ไม่ต้องการให้ความช่วยเหลือทางการเงินอีกต่อไป เพราะว่าพูดคุยกันเรื่องรัดเข็มขัดและปรับโครงสร้างหนี้กันไม่รู้เรื่อง
อันนำมาสู่ทฤษฎีปฎิยูโร (antieuro) ที่รัฐบาลกรีซและสหภาพยุโรปบวกอีซีบีกำลังชิงไหวพริบกันอยู่ ในขณะที่ที่นักฟิสิกซ์ของCERNกำลังศึกษาปฏิสสารกันอยู่ ยังไม่ไปถึงไหนเลย แต่รัฐบาลกรีซอาจจะเตรียมการบิ๊กแบงการเงินด้วยการประกาศใช้เงินปฏิยูโรออกมาดื้อๆ เกินจินตนาการของนักฟิสิกซ์ระดับรางวัลโนเบลทั้งหลาย
thanong
19/4/2015
Antimatter | CERN
http://www.reuters.com/…/us-eurozone-greece-ecb-exclusive-i…