คนที่โดนคุณไสยนี่ ลายมือเปลี่ยนมั๊ยคะ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย kind123, 16 เมษายน 2015.

  1. kind123

    kind123 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +38
    คนที่โดนคุณไสยนี่ นอกจากทำให้มีปัญหาสุขภาพแล้ว หากสังเกตฝ่ามือ
    มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างคะ เช่น สีของมือ เนินต่างๆ เส้นลายมือต่างๆ
    มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้างคะ

    ถามเฉยๆ พอดีอยากรู้นะจ๊ะ
     
  2. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    สิ่งที่คุณเรียกว่าคุณไสยนะมันคืออะไรครับ ถามเหวียงแหยังงี้ใครจะตอบได้ครับ. สาธุ
    ป.ล. ถามเพื่อความอยาก คือตัณหาครับ แต่ถ้าถามเพื่อจะได้มึความรู้เผื่อแนะนำต่อจะเกิดประโยชน์หลายๆฝ่าย ตัดสินใจให้แน่ครับว่าจะเลือกแบบไหน.ผู้ตอบจะได้ตัดสินใจถูกว่าตอบเพื่อสนองตัณหา ความอยากของคุณ หรือเพื่อประโยชน์ต่อผู้อื่น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2015
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ปกติลายมือเราจะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาประมาน ๒ เดือนก็เปลี่ยนครับ
    จะมากหรือน้อยก็สุดแล้วแต่ครับ
    และนิสัยก้าวร้าวบางที่มันก็ใช้วัดได้ยากครับ.
    บางทีอุปทานไปเองก็มีครับ บางคนก็มีนิสัย
    อย่างนั้นอยู่ก่อนแต่ไม่แสดงออกก็มีครับและ บางทีนักปฏิบัติ
    ที่พอมีสัมผัสนามธรรมก็โดนทดสอบจาก
    คลื่นความถี่ภายนอกก็มีครับซึ่งก็มีทั้งอุปโลกน์เอง
    และจริงๆก็มีครับ. แต่ก็พอใช้เป็นข้อสังเกตุเบื้องต้นได้ครับ.
    ถ้าจะสังเกตุเพิ่มนะครับ. ให้ดูทุกกริยา ทุกนิสัยในการพยายาม
    เบี่ยงเบนหาข้ออ้างเลี่ยงแนวทางพุทธศาสนาครับ.
    ให้ดูวันพระวันโกนจะอยู่ยากมีอาการทุรนทุราย
    และตอนที่มีอาการ ให้สังเกตุแววตา
    แต่ไม่ใช่ไปสังเกตุเวลาปกตินะครับ
    เพราะเวลาปกติพวกที่มีกำลังจิตเค้าจะ
    ไม่ค่อยกระพริบตาอยู่แล้วนะครับ
    เด่วงานงอก ๕๕๕ ตอนมีอาการ พวกนี้จะตาแข็ง
    แทบไม่กระพริบตาครับ. และถ้าจับคลื่นความถี่ได้
    หรือผ่านเครื่องจับคลื่นพวกนี้ หรือใช้ตัววัด
    อุณหภูมิตรงท้ายท้อยจะมีความร้อนสูงมากกว่าปกติ
    ถ้าเทียบกับอุณหภมิปกติหรือต่ำแหน่งอื่นๆของร่างกาย
    และก็จะมีคลื่นความถี่ออกจากตรงท้ายทอยนี้ด้วยครับ
    คือเอาอุ้งมือเราไปไว้ใกล้ๆจะสัมผัสได้ว่ามันอุ่นๆร้อน
    เหมือนมีพลังงานมาชนใต้อุ้งมือครับ.
    ไม่ต้องแอบลองทำนะครับ เล่าให้ฟังเฉยๆ ๕๕๕
    เพราะเป็นต่ำแหน่งที่พวกคลื่นไม่ดี หรือวิญญานจะเจาะเข้ามา
    ตรงยังต่อมไพเนียลแกนหรือต่อมกลางกะโหลก เพื่อต่อไปควมคุมตรง
    ตัวจิตที่มันมีฐานอยู่ตรงช่วงกลางลิ้นปี่ครับ. แต่ถ้าเป็นการโดนของ
    ในลักษณะนำเข้าทางปาก ให้สังเกตุกิริยาทางร่างกาย
    หรือสุขภาพ และปลายนิ้วจะม่วงคล้ำ และถ้าเปนมานาน
    กระดูกนิ้วมือข้อหนึ่งข้อใดจะบวมครับ ที่กระดูกนิ้วเท้าก็เป็นครับ
    สังเกตุคนที่เคยเป็นร่างทรงผีมานานๆจะเป็นเกือบทุกคนครับ

    ประมาณนี้ครับ
     
  4. kind123

    kind123 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +38


    คุณไสยก็คือ.....
    อ๊ะ ...ยกวิกิพีเดียมาให้เลย...ตามนั้นนะ ^ ^

    ไสยศาสตร์ - วิกิพีเดีย


    คุณพี่ชาย...จะตอบแบบไหนกะดั๊ย ตอบเพื่อความบันเทิงก็ได้ หรือตอบมุ่งให้ประโยชน์แก่ผู้อ่านก็ดี
    คนอ่านเค้ามีวิจารณญาญ พิจารณาเลือกหยิบสิ่งที่เป็นสาระ เป็นประโยชน์เอาได้
    มีแต่สาระเพียวๆ คนอ่านก็เบื่อเหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2015
  5. kind123

    kind123 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +38
    " เพราะเป็นต่ำแหน่งที่พวกคลื่นไม่ดี หรือวิญญานจะเจาะเข้ามา
    ตรงยังต่อมไพเนียลแกนหรือต่อมกลางกะโหลก เพื่อต่อไปควมคุมตรง
    ตัวจิตที่มันมีฐานอยู่ตรงช่วงกลางลิ้นปี่ครับ. "


    เพิ่งรู้ว่า ตัวจิตมีฐานอยู่ตรงช่วงกลางลิ้นปี่ ...(เข้าใจว่าฐานของจิตอยู่ที่หัวใจมาตลอด)
    ไม่ทราบเพระเหตุนี้รึเปล่านะคะ พวกที่โดนของบางคน
    มักมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับทางเดินลมหายใจ ดูคล้ายๆ เหมือนคนเป็นไซนัสอักเสบ

    คุณไสยทุกชนิด สามารถควบคุมจิตโดยการเจาะท้ายทอยได้ หรือเป็นเฉพาะบางประเภทเท่านั้นคะ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2015
  6. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    เข้าใจแล้วครับถ้ากว้างขนาดนั้นคำตอบก็กว้างเหมิอนกันครับ คุณไสย์ต่างๆต้องมีจุดประสงค์ในการทำเช่นให้รัก ให้เกลียด ให้ตาย ให้เจ็บฯลฯ รวมทั้งการปล่อยของด้วยคือปล่อยของแต่บังเอิญเราอยู่ตรงนั้นเลยโดนซะเต็มๆ. ส่วนกิริยาอาการที่แสดงออกก็ต่างกันอีกครับ วิธีแก้ก็ต่างกันอีกครับ. แต่ถ้าป้องกันก็พอมี คือมีของบางอย่างที่อยู่ในตัวแล้วคุณไสย์ต่างๆเหล่านี้เข้าไม่ได้ เช่น เบี้ยแก้ งากำจัด ไพรดำ ฯลฯ ุถ้ามีสิ่งที่ผมว่าอยู่ในตัวรับรอง. คุณไสย์หรือท่านไสย์ก็ทำอะไรไม่ได้ครับ ให้แรงและเร็วแค่ไหนก็หงายหลังครับ
    แต่สิ่งที่ผมว่ามาหายากมากๆของแท้นะครับ ของปลอมมีเยอะ เพราะคนมีเค้าไม่ปล่อยให้ใครหรอกครับ โดยเฉพาะ งากำจัดกับ ไพรดำ หาทั่วแผ่นดินยังหาไม่เจอเลย ส่วนผมมีครบแต่ไม่เคยใชัสักอย่าง เหตุเพราะผมยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ผมมั่นใจว่าทั้งจักรวาลไม่มีอะไรเหนือกว่าคุณพระรัตนตรัยอีกแล้วครับ. เอวังก็มีชะนี้ สาธุ
     
  7. kind123

    kind123 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +38
    เบี้ยแก้ ก็มีอยู่อันนึงนะ แล้วของแท้ไม่แท้นี่มันดูจากตรงไหน?

    งากำจัด ไปถามอากู๋มา บอกว่าเป็นงาช้างที่แตกออกมาขณะช้างนั้นยังมีชีวิตอยู่
    เช่นเวลาช้างตกมัน แล้วเอางาไปแทงต้นไม้ งานั้นหักติดต้นไม้
    ก็ดูแล้วไม่น่าจะหายากเท่าไหร่นะ

    ส่วนไพลดำ ที่ว่า หน้าตาอย่างงี้มั๊ย เสิร์ช "ไพลดำ" เจอแต่อย่างงี้
    ที่บ้านเมื่อก่อนก็เยอะนะ มีเป็นกอเลย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • images.jpg
      images.jpg
      ขนาดไฟล์:
      13 KB
      เปิดดู:
      136
    • 129869.jpg
      129869.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.5 KB
      เปิดดู:
      138
  8. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    เบี้ยแก้นั้นต้องดูเป็น ที่สุดยอดของ หลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม ซึ่งมรณะภาพไปแล้วทั้งหมด เหตุเพราะปรอดที่ใช้ในเบี้ยแก้นั้นท่านเรียกมาจากดิน ซึ่งต้องมีอภิญาถึงทำได้ ส่วนของหลวงปู่เจือท่านใช้ปรอดวิทยาศาสตร์ใช้ไม่ได้ครับ
    ของแท้ของทั้ง2ท่านนั้นผมยังไม่เคยเจอในตลาดเลยครับ ส่วนงากำจัดนั้นต้องเป็นงาที่นำออกจากต้นไม้มีลายไม้ที่งา ซึ่งของแท้ก็หายากครับ ธรรมชาติงาจะแข็งกว่าไม้ แล้วช้างที่ว่ามันตกมันก็ไม่ใช่ว่าจะชนต้นไม้ทุกตัว ต่อให้ชนต้นไม้มันก็ชนต้นไม้หักหมดครับ นอกเสียจากต้นไม้ต้นนั้นมีสิ่งศักดิ์รักษาอยู่ แล้วต่อให้รู้ก็หาไม่เจอครับหายหมด ต้องทำพิธีอารตนาขอถึงจะเอาได้ครับ แหม่ท่านนี้เห็นเป็นของง่ายหมดนะครับ ส่วนของปลอมเค้าเอางาช้างมาแล้วให้รถแท็กเตอร์เหยียบมันเลยคล้ายๆกันแล้วบอกว่างากำจัดหลอกขายคนไม่รู้ แม้นแต่เดียวนี้ที่สุรินต์หมู่บ้านช้างเองยังไม่มีเลยผมไปเหมามาหมดตั้งนานแล้วครับ5555 มีแต่ของปลอมขายกันคนไม่รู้ก็แท้ๆกันครับ. ส่วนไพรดำที่ท่านลงนั้นเป็นขื่อครับ ไพร่ดำ สกดยังงี้ครับ. ผมหามาตลอดชีวิตเจออยู่ที่้ดียวที่ชัยภูมิ เป็นต้นมีหัว ดำสนิทตั้งแต่หัวยันใบ ดินจอมปลวกที่ปลูกยังดำเลยครับ รัศมี1เมตรวงกลมรอบต้นไม่ว่าศาสตราวุธิใดๆไม่สามารถทำอะไรได้ครับ ปืนก็ยิงไม่ออก. จอบก็ขุดไม่เข้ามีดก็ฟันไม่ขาดมีหลวงปู่ผ่านเพียงองค์เดียวที่ทำพิธีกู้ไพร่ดำได้ ที่คนเค้าเรียกว่าธาติกายสิทธิ์
    เหล็กไหล-ไพร่ดำสุดยอดของที่หายากที่สุดในโลกครับ ไม่ใช่ง่ายอย่างที่ท่านคิดครับ ไม่มีขายในท้องตลาดครับ เดียวนี้เจ้าของเกิดความโลภทำของปลอมขึ้นมาหลอกขายเหตุเพราะท่านอายุ7-80แต่มีภรรยาอายุไม่เกิน30เรียบร้อยหมดความขลังในวิชาที่หลวงปู่ผ่านถ่ายทอดให้ จบข่าว เข้าใจรึยังครับ สาธุ
    ป.ล. ไพร่ดำเป็นของศักดิสิทธิตามธรรมชาติ สามารถใช้รักษาโรคได้ทุกชนิด ใช้ด้านคงกระพัน และแม้แต่ผีทุกชนิดล้วนกลัวไพร่ดำทั้งหมดครับ จึงเป็นสิ่งที่หายากที่สุดในโลกครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2015
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    อืมมๆๆ เรื่องฐานของจิตปกติทั่วไปก็เข้าใจว่าอยู่ตรงหัวใจนั่นหละครับ
    ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ..และปกติเวลาเราออกกำลังกายเหนื่อยๆเรา
    มาจับที่หัวใจ เราก็จะสัมผัสได้ว่ามันเต้นเร็วขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติครับ
    แต่ว่าๆๆๆๆๆๆ..
    ฐานของจิตแบบที่เล่าให้ฟัง.จะต้องเคยผ่านการฝึกสมาธิมาถึงขั้นที่แยกรูป
    ธรรมกับแยกนามได้จริงๆครับในกำลังสมาธิระดับสูง
    ตรงนี้ถ้าไม่เคยทำได้จริงๆจะไม่มีวันเข้าใจและสัมผัสได้ครับ
    เผลอๆไปเล่าให้คนอื่นๆฟัง เค้าจะว่าเราในทางอกุศลได้ด้วยครับ..
    และต้องทำได้หลายครั้งด้วยครับ
    ถึงจะคุมจิตไม่ให้ออกไปข้างนอกกายได้.
    ถ้าไม่คุมจิตก็จะไปติดในโหมดท่องเที่ยวและต่อไป
    ก็จะกลายเป็นคนติดในเรื่องการไปรับรู้ และหลงตัวเองได้
    เพราะการไปท่องเที่ยวภายนอกมันดูเหมือนไม่ยึด
    แต่ว่ามันเป็นกิเลสอย่างหนึ่ง เราเรียกว่ากิเลสธรรม
    จะทำให้เราไม่สนใจมาสร้างสติและเดินปัญญาด้วยครับ.
    .และพอแยกได้ครั้งแรกแล้วเราก็ต้องมาสร้างสติต่อ
    จนกระทั่งสามารถเห็นตั้งแต่ตัวจิตมันกำลังจะก่อตัว
    ครับ ปกติการเห็นตัวจิตตรงนี้ได้มันจะย้อนจากเห็นตัวจิตก่อน
    หรือ เห็นกายทิพย์ แล้วค่อยถอยมา เห็นตอนกำลังจะออก
    และก็เห็นตอนกำลังก่อตัวและสุดท้ายก็เห็นตอนที่มันกำลังจะผุดครับ..
    เราก็จะสามารถทราบได้ทันทีว่าฐานของจิตเราอยู่ตรงไหนครับ..
    และการสังเกตุง่ายๆนะครับ ถ้าใครที่เค้าแยกรูปแยกนามได้แล้ว
    ยกเว้นคนที่อายุมากๆที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะชนิดที่ว่าพรุ้งนี้
    โลกจะแตกบ้านจะพัง ก็นอนหลับได้ปกติเหมือนไม่มีอะไร กับคนที่
    เคยโดนเจาะท้ายทอยมา ที่ไม่ชอบสร้างสติและเดินปัญญามาก่อน
    แต่หลงอยากได้ในเรื่องสัมผัสพิเศษ พอหายได้แล้วก็จะไม่เห็น
    ในส่วนฐานของจิตและจะไม่ขั้นเห็นตอนกำลังก่อตัวและกำลังผุดครับ
    ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติเช่นกันครับ..

    ที่นี้เราจะสังเกตุได้อย่างไรว่า จิตเรามันแยกรูปธรรมกับนามธรรมได้
    หละครับ คือบางคนเค้าก็แยกได้เองโดยธรรมชาติก็มีนะครับโดยไม่
    ต้องฝึกสมาธิเลย ก็คือคนที่เค้าเจริญสติในชีวิตประจำวันจนกำลังสติ
    ทางธรรมมากพอ บุคคลกลุ่มนี้เค้าจะแยกได้เองก็มีเยอะแยะครับ
    และถ้ามันแยกได้แล้ว เวลาเราออกกำลังกายเหนื่อยๆนะครับ
    แทนที่หัวใจเรามันจะเต้นแรงขึ้นเหมือนทั่วๆไป เราจะพบว่ามันจะ
    เต้นเพิ่มขึ้นไม่มากเราจับดูมันแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมาก
    แต่ไอ้ที่เปลี่ยนแปลงก็คือตัวจิตเรานี่หละครับ ที่มันจะเต้นตุ๊บๆๆๆ
    ตรงกลางลิ้นปี่ ชนิดที่ไม่ต้องจับดูก็รู้สึกได้ เราจับดูยิ่งรู้สึกได้ชัด
    และให้คนอื่นๆจับดูเค้าก็จะงงๆๆ ว่าทำไมหัวใจมาเต้นอยู่ตรง
    กลางลิ้นปี่ได้ ๕๕๕๕ เวลาไปหาหมอบางทีหมอก็อาจงงๆได้
    นะครับ ต้องบอกๆหมอด้วยนะครับ ๕๕๕ ไม่งั้นผลที่ได้อาจคลาด
    เคลื่อนได้ครับ....ประเด็นนี้ต้องเจอคนเค้าแยกได้หรือเราแยกได้เอง
    จะเข้าใจที่เล่าให้ฟังครับ เพราะมันสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวเองครับ...
    เล่าตั้งนานยังไม่ใช่ประเด็นที่ ถามๆเลย แต่ก็อ่านๆไว้ไม่เสียหายครับ
    เพราะใครก็ตามที่เค้ามาโม้ให้เราฟัง ว่าแยกรูปแยกนามได้
    คุณใช้ตรงนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ครับ อีกอย่างเขียนไว้เพื่อไม่ให้นัก
    ปฏิบัติทั้งหลายหลงตัวเองด้วยครับ...

    และประเด็นสุดท้าย ถ้าเราสามารถถึงขั้นแยกรูปแยกนามได้จริงๆ
    โอกาสที่พวกที่เค้าทำได้ จะโดนคุณไสย์อะไร มันน้อยมากครับ..
    เพราะเค้าจะมีภูมิต้านทานอัตโนมัติอยู่แล้วครับในทุกๆด้าน..
    เพราะกว่าเราจะทำได้ เรื่องเคารพพระรัตนตรัยไม่ต้องพูดถึงครับ
    เพราะมันเป็นโดยธรรมชาติไม่ต้องบอกใครครับ..ก็จะมีภูมิต้าน
    ทานฝ่ายภพภูมิต่างๆที่เป็นทั้งครูบาร์อาจารย์ ทั้งพันธมิตรอยู่
    แล้วเป็นปกติครับ..เพราะกว่าจะทำได้ จิตใจก็ต้องเคยสร้างทาน
    บารมี สะสมบุญมาพอสมควรเลยไม่น่าห่วงครับ...

    ส่วนคนกิริยาที่เกิดขึ้นกับทางกายมันก็เอามาใช้ชีวัดตรงนี้ไม่ได้เลยครับ
    ยิ่งแยกรูปแยกนามได้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ครับ และกิริยาทางกายส่วนมาก
    จะเป็นในเรื่องเกี่ยวกับธาตุร่างกายพร่องครับ เพราะฉนั้นเค้าจึงสามารถ
    เป็นโรคอะไรก็ได้หมดครับ แต่ถ้าสะสมนานๆ อนาคตจะเป็นเนื้อร้าย
    แน่นอนล้านเปอร์เซนต์ครับ ที่เห็นบ่อยๆก็จะเป็นมะเร็งครับ.เป็นโรค
    พุ่มพวง โรคกระดูกบวม โรคต่อมลูกหมากโต..

    คือโรคพวกที่มีอะไรเกินๆให้สังเกตุได้ว่า
    มันจะสร้างความเจ็บปวดทรมาณให้กับผู้ที่เป็นด้วยครับ.
    มันจะไม่เหมือนกับคนที่สร้างความดีแล้วเป็นขึ้นมา
    เพราะว่าวิบากกรรมเก่านะครับ แม้ว่าเป็นโรค
    มันจะสร้างความทรมาณเป็นบางครั้งครับ.
    หรือก็จะเป็นก้อนเนื้อขึ้นมาเฉยๆแต่ปล่อยไว้ก็ไม่เป็นไร
    แต่ว่ามันก็จะสร้างความรำคาญได้เช่นกันครับ....

    ส่วนการจะห้อยวัตถุที่มีพลังงานต่างๆอะไรก็ตามนั้น..
    แม้ว่าจะเป็นวัตถุที่ศักดิ์สิทธิ์เพียงใดก็ตาม.หรือต่อให้เรา
    ไปนั่งอยู่ต่อหน้าพระพุทธรูปหรือผู้วิเศษท่านใดก็ตาม.ก็ไม่มีผลครับ
    ถ้าตอนนั้นเราโดนกระวิบากกรรมเข้ามาแทรกหรือจรเข้ามาครับ
    เข้ามาแทรกอย่างไร ก็เข้ามาทางความคิดต่างๆนาๆแล้วเราเผลอ
    ไปปรุงร่วม ไม่หงุดหงิดรำคาญ ไปวิพากษ์วิจารณ์ต่อนั่นหละครับ
    พูดง่ายๆคือไม่รู้จักการปล่อยวาง คือไม่ช่างมัน ไม่แล้วก็แล้วไป
    เราก็อาจจะโดนได้ถ้ามีคนเค้าจ้องจะเล่นงานเรานะครับ..

    แต่พวกนี้ ถ้าจิตเรายึดมั่นในพระรัตนตรัยอยู่แล้วเป็นทุน
    ไม่แยกแยะ แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่ตัดสิน ไม่ว่าจะศาสนาใด
    ลัทธิใด เทพเทวดาฝ่ายใดๆก็ตาม.เราให้ความเครารพนับถือ
    แต่ว่าไม่ได้ยึดถือ.เราก็จะมีเครื่องป้องกัน
    ตรงนี้โดยอัตโนมัติครับ ซึ่งตัวคุณถ้าแก้ตรงนี้ได้ก็จะดีมากครับ..

    แม้ว่าตัวจิตคุณมันจะเชื่อมข้างบนอยู่ แต่มันยังมีกระแสความคิด
    พวกนี้แบบลึกๆมาขวางกระแสที่จะไปเชื่อมข้างบนทำให้มัน
    ขาดๆเกินๆไม่ต่อเนื่องอยู่ครับ..และมันจะชอบเหวี่ยงๆให้เรา
    อยากไปรู้ หรือเผลอชักจูงให้เราต้องไปยุ่งเกี่ยวกับพวกหรือเรื่อง
    ที่เกี่ยวกับทางคุณไสย์ได้อย่างที่เราไม่รุ้ตัวครับ ซึ่งตรงนี้
    คุณก็ควรต้องระวังให้ดีๆครับ ถือว่าเล่าให้ฟังแบบกัลยา ณ มิตรนะครับ

    เป็นไปได้ ใครจะโดนอะไรมา คุณไม่ต้องไปอยากรู้ หรืออยากไป
    ทราบที่ไปที่มาได้ จะดีที่สุดครับ..ยิ่งตัวจิตเราลึกๆมันยังแอบมี
    เรื่องที่อยากจะรับรู้เกี่ยวกับสัมผัสพิเศษหรืออยากรู้เกี่ยวกับเรื่อง
    นามธรรมด้วยเนื่องจากในอดีตเราอาจจะเคยพอสัมผัสมาได้บ้างแล้ว
    มันจะยิ่งไปเข้าทางพวกนั้นครับ...

    เพราะฉนั้นสร้างตัวเราเองนี่หละครับ จะห้อยอะไรก็ได้หมดครับ
    แต่ว่าไม่ใช่ไปยึดว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ หรือว่าเป็นของวิเศษมากกว่า
    การปฏิบัติตนเองตามคำสอนครับ เพราะถ้าเราไม่ยึดติดแล้วตัวจิต
    เรามันก็จะคลายมันจะโปรดโปร่งแล้วมัน
    ก็จะสร้างกระแสออกจากจิตเราเองขึ้นไปเชื่อมกับข้างบนได้ดีขึ้น
    ยิ่งบวกกับวัตถุที่มีพลังงานที่ดี มันก็จะมาช่วยหนุนกระแสเราตรงนี้
    พวกนี้จะเป็นกระแสเย็นเป็นพลังงานที่ดี เพราะฉนั้นมันจึงเปรียบเสมือนเกราะ
    ป้องกันพลังงานที่ไม่ดีทั้งหลายไม่ให้เข้าใกล้เราได้หรือทำอันตราย
    เราได้ ไม่ว่าทางใดทางหนึ่งได้เองอัตโนมัติของมันเองอยู่แล้วครับ...

    .พวกวัตถุหรืออะไรที่มันมีคุณวิเศษเราสร้างตัวเราเองให้ดีให้เหมาะสม
    ถึงวาระที่ควรที่เหมาะสม ยังๆไงเด่วก็มีเหตุให้เป็นของเราได้เอง
    โดยที่เราไม่ต้องไปเสาะแสวงหาให้เสียเวลาครับ....
    เพราะถ้าเราไม่ได้มีประสบการณ์ตรงหรือเข้าถึงพลังงานไม่ได้
    เราไม่รู้ลักษณะพลังงานได้ตลอดจนสัมผัสได้ถึงข้างในจริงๆ
    เราก็ยังรับประกันไม่ได้ว่า ของที่เราว่าวิเศษมันมีคุณวิเศษ
    อย่างที่เราศรัทธาหรือไม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแหล่งที่มาที่ชัดเจน
    ก็พอเป็นเครื่องยืนยันได้เช่นกันอยู่ครับ...

    ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังครับ ยาวหน่อยครับ
    ค่อยๆอ่านสะสมก็ได้ครับ และเบี้ยแก้ที่คุณมี
    ก็ใช้ได้ มีพลังงานทางด้านป้องกันอยู่ครับ
     
  10. kind123

    kind123 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +38
    โธ่ ท่านนพกานต์ก็...
    เมื่อก่อนตัวจขกท. ก็มิได้เชื่อเรื่องคุณไสย พวกนี้ดอกจ๊า ^ ^
    ไม่คิดว่ามีด้วยซ้ำ...

    แต่เมื่อรักษากับแพทย์วิทยาศาสตร์อยู่หลายปีก็มิมีไรดีขึ้น มีแต่จะทรุดลง
    ป่วยจริง เจ็บจริง จะให้คิดว่าจิตปรุงแต่งร่วมไป ทำให้ป่วย ก็มิน่าจะใช่
    เมื่อก่อนของพวกนี้ รบกวนชีวิตมากจนไม่สะดวกในการใช้ชีวิต
    ทำไรก็ติดขัดเต็มไปด้วยปัญหาอุปสรรค รวมถึงการทำบุญปฏิบัติธรรม

    ไม่รู้ทางแก้ ไม่มีตัวช่วย รับกรรมอย่างเดียว อยู่แบบหมดอาลัยตายอยาก
    เหมือนชีวิตโดนแช่แข็ง หายใจไปวันๆ มันจะมีประโยชน์อย่างไร
    อุตสาห์ได้เกิดมาทั้งที ควรจะสะสมเสบียงบุญให้เต็มที่

    คิดว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตคนคนนึง คงไม่มีเหตุบังเอิญ ทั้งทุกข์และสุข
    แม้ทุกข์นี้จะเป็นลิขิตของกรรมที่ต้องชดใช้...
    แต่มนุษย์ก็มีอิสระเสรีในการเลือกเส้นทางกรรมใหม่ให้ตัวเองเช่นกัน
    ซึ่งบางทีอาจต้องอาศัยตัวช่วยบ้าง สำหรับคนบารมีอ่อน
    รอให้รับวิบากจนหมด ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ อาจพลาดโอกาสดีๆ ในการสร้างบุญกุศล


    ก็พยายามดิ้นรนช่วยเหลือตนเท่าที่จะช่วยได้ หากไม่ได้ก็แล้วไป
    หากได้ก็แสดงว่ากรรมไม่หนักมาก หรือเบาลงแล้ว เลยมีทางรอด
    นั้นก็คงเป็นลิขิตของกรรมดีของเช่นกัน มิฉะนั้นคงไม่ได้รับโอกาสนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2015
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    จร้าาา เล่าให้ฟังไว้ก่อน ระวังอย่าเผลอเข้าไปยุ่งเกี่ยวก็แล้วกัน...
    ก็ค่อยๆดูไปเนาะ..พวกโรคเกี่ยวกับลำไส้ ช่วงท้อง ที่มันเหวี่ยงๆ
    ไปยังช่วงยังช่วงน้องสาว(อวัยวะเพศ)
    บ้างก็อาจปวดแถวๆลิ้นปี่.
    บางที่การได้รับการรักษาอย่างเดียว ทางแพทย์ ทางด้านอื่นๆ
    มันก็ช่วยให้บรรเทาได้บ้าง แต่ก็ควรควบคู่กับพฤติกรรมการรับประทาน
    อาหาร รวมทั้งการรู้จักออกกำลังกาย รวมทั้งการรู้จักคิดในทางบวก
    รู้จักรักษาจิตใจให้ดี ไม่เก็บเรื่องราวในอดีตทั้งหลายที่ผ่านมาแล้ว
    รวมทั้งการรู้จักอุทิศส่วนกุศลบ่อยๆ ให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย.
    มันถึงจะได้ผลเร็วยิ่งขึ้น..แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ต้องได้รับผลบ้าง
    เป็นเรื่องธรรมดา..
    ปล.เล่าให้ฟังเฉยๆครับ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...