ติดตามสถานะการณ์

แฉอาเซียน-อินเดียถูกแฮกเกอร์เจาะนานนับ 10 ปี
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 14 เม.ย. 2558 04:52



รายงานของบริษัทรักษาความปลอดภัยทางอินเตอร์เน็ต “ไฟเออร์อาย” (FireEye) เผยเมื่อ 13 เม.ย.ว่า กลุ่มแฮกเกอร์ ซึ่งเป็นไปได้ที่สุดว่ามาจากจีน ลอบจารกรรมข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตของรัฐบาลและบริษัทธุรกิจในสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และอินเดีย มานับ 10 ปี อย่างน้อยตั้งแต่ปี 2548 โดยไร้การขัดขวาง ข้อมูลที่ถูกสอดแนมสำคัญทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ การทหาร ทั้งในภาคก่อสร้าง พลังงาน ขนส่ง โทรคมนาคม และการบิน และเชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน

ไบรซ์ โบแลนด์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ประจำเอเชีย-แปซิฟิกของไฟเออร์อาย ผู้ร่วมเขียนรายงานนี้ระบุว่า การสอดแนมและเซิร์ฟเวอร์ที่แฮกเกอร์ที่ว่านี้ใช้ยังทำงานอยู่ แฮกเกอร์รวมทั้งนักพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างน้อย 2 กลุ่ม ซึ่งยังใช้วิธีการและมัลแวร์เดิมตั้งแต่ปี 2548 แม้อาเซียนจะรู้ว่าเรื่องนี้สำคัญ แต่การสร้างแนวป้องกันการสอดแนมทางไซเบอร์ยังน้อยมาก ส่วนเป้าหมายโจมตีนอกจากเป็นรัฐบาล ยังรวมถึงองค์กรอาเซียนเอง ไปจนถึงบริษัทและนักข่าวที่สนใจเรื่องจีน ความเสียหายยากประเมินเพราะการสอดแนมมีมานาน แต่คาดว่าผลกระทบจะกว้างขวางมาก

ก่อนหน้านี้ จีนถูกกล่าวหาเรื่องสอดแนมอาเซียนและเอเชียใต้ โดยปี 2554 บริษัท “แม็คอาฟี” ระบุว่าจีนใช้ปฏิบัติการ “เชดี แร็ท” โจมตีเป้าหมายต่างๆ รวมทั้งรัฐบาลและสถาบันต่างๆในชาติเอเชีย ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยหลายกระทรวงของสิงคโปร์ก็ถูกสอดแนมตั้งแต่ปี 2547 แต่จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด.

แฉอาเซียน-อินเดียถูกแฮกเกอร์เจาะนานนับ 10 ปี - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ตุรกีเรียกทูตกลับโต้โป๊ป
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 14 เม.ย. 2558 05:48


โป๊ปฟรานซิส (ภาพ: AP Photo)

นายเมฟลุท คาวูโซกลู รมว.การต่างประเทศตุรกี แถลงแสดงความไม่พอใจที่สมเด็จพระสันตะปาปา หรือ “โป๊ป” ฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ทรงนำคริสต์ศาสนิกชนร่วมรำลึกถึงวันครบรอบ 100 ปีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอาร์เมเนียในตุรกี ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่างพิธีมิสซาซึ่งจัดขึ้นที่สำนักวาติกันในกรุงโรมของอิตาลี เมื่อ 12 เม.ย.

โดยโป๊ประบุว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งแรกของศตวรรษที่ 20 แต่รัฐบาลตุรกีแย้งว่าไม่เคยมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอาร์เมเนียเกิดขึ้น จากนั้นจึงสั่งเรียกตัวเอกอัครราชทูตตุรกีประจำสำนักวาติกันกลับประเทศทันที รวมถึงเรียกทูตของคริสตจักรในตุรกีมารายงานตัวรับฟังถ้อยแถลงตอบโต้ของรัฐบาลตุรกีอีกด้วย.

ตุรกีเรียกทูตกลับโต้โป๊ป - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เล็งหารือสปช.ตั้งศาลปราบทุจริต

ไพบูลย์ แย้มวาง4หลักการในกม.ปราบทุจริต ให้ป.ป.ช.เน้นจับปลาใหญ่ มีอำนาจยื่นฟ้องศาลปกครองระงับโครงการรัฐ เล็งหารือสปช.ตั้งศาลปราบทุจริต



วันอังคาร 14 เมษายน 2558 เวลา 16:03 น.
เมื่อวันที่ 14 เม.ย.นายไพบูลย์ นิติตะวัน กรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญในฐานะประธานคณะอนุกมธ.ยกร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต เปิดเผยว่า ความคืบหน้าในการตราร่างพ.ร.บ.ฯ ยังไม่มีการพิจารณาเป็นรายมาตรา แต่ได้มีการกำหนดสาระสำคัญที่ควรมีไว้ในร่างกฎหมายแล้วเบื้องต้น 4 ประการสำคัญ

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ประกอบด้วย 1.การให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีหน้าที่ตรวจสอบการกระทำทุจริตของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และข้าราชการระดับสูงเป็นหลัก ส่วนข้าราชการระดับอื่นๆ จะกำหนดให้เป็นหน้าที่ขององค์กรอื่นแทน 2.การกำหนดให้ป.ป.ช.ประจำกระทรวง เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของแต่ละหน่วยงาน และส่งเรื่องมาให้คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาวินิจฉัย

นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า 3.การยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่ใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยอาจจะกำหนดให้ข้าราชการที่มีหน้าที่ต้องยื่นแสดงรายการตามกฎหมายไม่ต้องมายื่นบัญชีที่ป.ป.ช. เพื่อลดภาระการจัดเก็บเอกสารของสำนักงานป.ป.ช. แต่จะให้เก็บเอกสารไว้ที่หน่วยงานของตัวเอง โดยป.ป.ช.มีอำนาจสามารถหยิบรายการทรัพย์สินและหนี้สินมาตรวจสอบถึงความโปร่งใสได้ตลอดเวลา 4.การให้สถานะความเป็นผู้เสียหายแก่ป.ป.ช.ในการยื่นเรื่องให้ศาลปกครองไต่สวน หมายความว่า หากเกิดกรณีที่ป.ป.ช.ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีบางมาตรการของภาครัฐที่อาจส่อว่ามีการกระทำทุจริต ป.ป.ช.จะมีอำนาจในฐานะผู้เสียหายเพื่อยื่นเรื่องให้ศาลปกครองวินิจฉัยระงับการบังคับใช้มาตรการดังกล่าว เพื่อปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ

“เชื่อว่าสาระสำคัญต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยให้การปราบปรามการทุจริตเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน” นายไพบูลย์ กล่าว

ส่วนเรื่องแนวคิดการจัดตั้งศาลปราบปรามการทุจริต นายไพบูลย์ กล่าวว่า หลังจากการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในระหว่างวันที่ 20-26 เม.ย. จะมีการหารือกับคณะกมธ.ปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของสปช. เพื่อขอความเห็นร่วมกันว่าหากเห็นว่าควรมีศาลดังกล่าวจะกำหนดไว้ในร่างรัฐธรรมนูญอย่างไรต่อไป.

เล็งหารือสปช.ตั้งศาลปราบทุจริต | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

อนดล แซ่เล้า

<iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/WTg3GzGCRfA" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ระหว่างหนัง กับ เรื่องจริง อันไหนจะฉายก่อนกัน
---------------------------------------------------------------
การศึกษา seismology โดยนักวิทยาศาสตร์จาก Stanford, MIT และตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ในวันศุกร์พบว่าถ้าบิ๊กฮิต San Andreas Fault ใกล้ปาล์มสปริงส์, แผ่นดินไหวคลื่นบางส่วนจะเดินทางใกล้เส้นทางของทางด่วน 10 เข้าไปในหัวใจของลอส ลิสที่เมืองและชานเมืองจะประสบเคลื่อนไหวพื้นดินที่แข็งแกร่งกว่าที่เชื่อกันก่อนหน้านี้ เมือง L.A.จะสั่นไหวสามครั้งเขย่าบริเวณโดยรอบของนักวิทยาศาสตร์กล่าว
'The Big One' Earthquake Will Hit L.A. Harder Than We Thought, Scientists Say | L.A. Weekly

 

ปีแห่งการรุกของมัลแวร์พลังทำลายล้างสูง
ต่างประเทศ : ข่าวทั่วไป วันอังคารที่ 14 เมษายน 2558



ปีแห่งการรุกของมัลแวร์พลังทำลายล้างสูง : บริษัท เทรนด์ไมโคร จำกัด

ภัยคุกคามที่สร้างปัญหาให้แก่องค์กรธุรกิจอย่างต่อเนื่องมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับมัลแวร์สมัยใหม่ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น การแพร่กระจายของมัลแวร์ในปัจจุบันได้ขยายวงกว้าง ทำให้องค์กรธุรกิจต่างๆ ต้องปรับตัวโดยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและทันสมัยเพื่อหามาตรการป้องกันข้อมูลที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการแพร่กระจายของมัลแวร์

อย่างไรก็ตาม การต่อสู้กับภัยคุกคามดังกล่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงของแต่ละอุตสาหกรรมทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยมีความเข้มข้นขึ้น อย่างไรก็ตามแฮ็กเกอร์เองก็พยายามที่จะใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ใหม่ๆ จนถึงช่วงปลายปี 2014 ผู้เชี่ยวชาญต่างยกให้เป็น "ปีแห่งการละเมิดข้อมูล" ในสถานการณ์ปัจจุบัน ประเด็นไม่ได้อยู่ที่องค์กรจะถูกปล้นข้อมูลหรือไม่ ประเด็นอยู่ที่เมื่อใดต่างหาก

เพื่อให้ทันต่อพัฒนาการของแฮ็กเกอร์ องค์กรธุรกิจต้องยกระดับตนเองเพื่อป้องกันปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น บริษัทสามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นเหยื่อจากภัยคุกคามดังกล่าวได้ ด้วยการมีมาตรการการป้องกันที่ดี เช่น การจับตาดูแนวโน้มภัยคุกคามในปัจจุบัน และเรียนรู้กลยุทธ์ของอาชญากรในโลกไซเบอร์ที่มีการเผยแพร่ออกมาอย่างสม่ำเสมอ

ในปีนี้ แฮ็กเกอร์ทำงานได้ง่ายขึ้น เพราะมัลแวร์ใหม่ๆ ที่ง่ายต่อการใช้มากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้หรือทักษะขั้นสูงแต่อย่างใด ในขณะเดียวกันองค์กรธุรกิจสามารถพัฒนาระบบการป้องกันที่ดีขึ้นเพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญขององค์กรด้วยการเรียนรู้จากตัวอย่างเหล่านี้ เช่น ศึกษาเทคนิควิธีการทำงานของมัลแวร์และรูปแบบการโจมตีช่องโหว่ของระบบ

มัลแวร์ยุคนี้ : ซับซ้อนและเจาะจงเป้าหมาย

ตามรายงานของ Federal Times ปัญหาการละเมิดข้อมูลเมื่อปีที่ผ่านมาพบเรื่องราวที่น่าสนใจที่ว่า การโจมตีแบบเจาะจงเป้าหมายโดยใช้มัลแวร์ที่มีความซับซ้อนไปยังหน่วยงานภาครัฐมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นคือผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการโจมตีลักษณะนี้จะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ตลอดเวลา จากผลการวิจัยพบว่า มีการละเมิดข้อมูลในหน่วยงานภาครัฐที่มีการรายงานออกมารวม 10 ครั้ง เมื่อปีที่ผ่านมา ในตัวอย่างนี้ จำนวน 8 ครั้งมาจากการที่อาชญากรไซเบอร์ติดตั้งมัลแวร์บนระบบของหน่วยงานกลางของรัฐ ซึ่งหนึ่งในการโจมตีดังกล่าว คือการโจมตีเครือข่ายการให้บริการไปรษณีย์ของสหรัฐอเมริกา ผลคือการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวของสมาชิกกว่า 8 แสนราย

ผู้เชี่ยวชาญรวมทั้ง พอล คริสแมน รองประธานกรรมการฝ่ายพัฒนาซอฟต์แวร์ ของเดลล์ เชื่อว่าการสร้างมัลแวร์ไม่ได้ยุ่งยากอย่างในอดีตอีกต่อไป ทำให้องค์กรจะต้องเผชิญกับการโจมตีลักษณะนี้มากขึ้น

นายคริสแมน ยังระบุว่า "ไม่ยากเลยที่จะสร้างมัลแวร์ใหม่ขึ้น แค่นำโค้ดชิ้นส่วนของมัลแวร์ต่างๆ ซึ่งสามารถหาได้บนอินเทอร์เน็ตมารวมกัน" ซึ่งจากวิธีนี้ "การสร้างมัลแวร์ตัวใหม่ขึ้นมาก็แทบจะไม่ต้องใช้ความรู้มากมายแต่อย่างใด"

เนื่องจากความพร้อมขององค์ประกอบของมัลแวร์ ส่งผลให้เหล่าแฮ็กเกอร์สบโอกาสและความเป็นไปได้ที่จะสร้างตัวมัลแวร์ใหม่ๆ ที่สามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับและจะสร้างความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญยังค้นพบว่า ปัจจุบันเหล่าแฮ็กเกอร์ใช้วิธีการที่แตกต่างจากในอดีต เช่น การโจมตีเป้าหมายโดยใช้มัลแวร์จำนวนมากเพื่อดึงความสนใจ แต่ยังคงส่งมัลแวร์ตัวย่อยๆ ที่สามารถตรวจจับได้ยาก เพื่อโจมตีเป้าหมายที่แท้จริง

นายร็อบ รอย ประธานหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ระบบรักษาความปลอดภัยของเอชพี กล่าวว่า "สิ่งที่เรากำลังเห็นอยู่ขณะนี้ เป็นวิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้นในการส่งมัลแวร์ให้เข้าไปแฝงตัวในการสื่อสารภายในองค์กร เพื่อคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง"

นอกเหนือจากการใช้มัลแวร์ต่างๆ ดังที่กล่าวมา อาชญากรไซเบอร์บางคนยังพยายามสร้างมัลแวร์ตระกูลใหม่ที่ไม่เคยพบที่ใดมาก่อน ซึ่งใช้เทคนิคขั้นสูงแบบ end-memory และ disc-less ทั้งนี้ นายโจ สจ๊วต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยมัลแวร์ SecureWorks ระบุว่า "สิ่งนี้แทบจะเรียกว่ามัลแวร์ไม่ได้" และที่แย่ไปกว่านั้นคือการจู่โจมที่ใช้มัลแวร์ตระกูลใหม่ๆ เหล่านี้พบไม่บ่อย ทำให้มีตัวอย่างน้อยในการทำการศึกษาเพื่อให้ได้ข้อมูลด้านการป้องกันความปลอดภัยเชิงลึก

การคาดการณ์แนวโน้มของมัลแวร์

แม้ว่าจะมีกลุ่มตัวอย่างของมัลแวร์ขั้นสูงอยู่น้อยมาก แต่เราคาดว่ากลุ่มตัวอย่างมัลแวร์ส่วนใหญ่ที่จะได้เห็นในปีนี้น่าจะทำงานคล้ายๆกับแนวโน้มในปีที่ผ่านมา โดย LavaSoft ผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ตั้งข้อสังเกตว่า การติดมัลแวร์ในภาคธุรกิจที่จะพบเห็นในปี 2558 น่าจะอาศัยช่องโหว่ของแอพพลิเคชั่นเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา เช่นในปี 2557 เราพบช่องโหว่ Shellshock, POODLE และ Heartbleed ที่สร้างความเสียหายอย่างมากต่อเว็บไซต์ที่สำคัญๆ หลายไซต์ และในปีนี้เองผู้สร้างมัลแวร์ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาหาช่องโหว่เช่นเดียวกันนี้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ต่อไป

LavaSoft ระบุว่า อาชญากรไซเบอร์จำนวนมากยังคงตั้งเป้าโจมตีเหยื่อเป้าหมายกลุ่มใหญ่ๆ เช่น กลุ่มผู้ใช้งาน Windows XP ซึ่งการสนับสนุนแพลตฟอร์มได้สิ้นสุดตั้งแต่เดือนเมษายน 2557 อย่างไรก็ตามการที่ วินโดวส์ เอ็กซ์พี ยังคงมีผู้ใช้งานจำนวนมากทั้งในส่วนของบุคคลและองค์กรธุรกิจ ทำให้กลุ่มเหล่านี้ตกเป็นเป้าหลักในการโจมตี

การละเมิดข้อมูลยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องและจะเพิ่มขึ้นในปี 2558 จากรายงานของ ศูนย์จับตาการขโมยทรัพยากรส่วนบุคคล (Identity Theft Resource Center) พบการละเมิดข้อมูลสำคัญโดยรวม 761 ครั้งกระจายอยู่ในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันไป ทั้งอุตสาหกรรมการเงิน หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานสาธารณสุข ขณะที่การละเมิดข้อมูลบางอย่างนั้นป้องกันยากกว่าบางรูปแบบ ทำให้องค์กรธุรกิจเองมีความจำเป็นต้องยกระดับการป้องกันให้สูงชั้นขึ้น

หากองค์กรธุรกิจมีความเข้าใจในกลยุทธ์และวิธีการทำงานของเหล่าแฮ็กเกอรเป็นอย่างดีแล้ว จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถพัฒนาขีดความสามารถด้านการปกป้องข้อมูลและป้องกันการโจมตีเหล่านี้ได้เช่นกัน

 

MySci
นาซ่าเผยแผนการที่จะส่งยานอวกาศเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์



ถือเป็นครั้งแรกที่นาซ่ามีแผนการที่จะทำการส่งยานอวกาศเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ โดยยานลำนี้ต้องทนต่ออุณหภูมิที่สูงถึง 2,500 องศาฟาเรนไฮต์ ความเป็นไปได้ของจุดที่ใกล้เคียงที่สุดอยู่ที่ 3,800,000 ไมล์จากพื้นผิวของดาว เป้าหมายคือติดตามการไหลของพลังงานและศึกษาความร้อนของแสงอาทิตย์ รวมไปถึงสำรวจกลไกทางกายภาพที่ช่วยเร่งลมสุริยะ
______________________________
สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ สำรวจโลก | Next Step สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

 

สุดระทึก !! ลาวา "ภูเขาไฟซินาบุง" ทะลัก !! พังบ้านวอด 13 หลัง !!
2015-04-14 17:01:22 |



ลาวาจากภูเขาไฟซินาบุง ของอินโดนีเซีย ไหลทะลักเค้าเขตชุมชน ทำบ้านเรือนเสียหายอย่างน้อย 13 หลัง สะพานพัง 1 แห่ง ชาวบ้านอพยพออกจากพื้นที่

วันนี้ (14 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติประจำภูมิภาคคาโร ในประเทศอินโดนีเซีย เผยว่า มีบ้านเรือนอย่างน้อย 13 หลัง ในหมู่บ้าน 4 แห่ง และสะพาน 1 แห่ง กำลังได้รับความเสียหายจากลาวาของภูเขาไฟซินาบุง ในภูมิภาคคาโร จังหวัดสุมาตราเหนือ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต เนื่องจากมีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ก่อนหน้านี้แล้ว

 

"นาซา" ลั่น !! อีก 10 ปี เจอแน่ "สิ่งมีชีวิตนอกโลก" !?
2015-04-14 15:05:32 |



เหล่านักวิทยาศาสตร์ระดับสูงของนาซา คาดอีก 10 ปี มนุษย์จะพบหลักฐานบ่งชี้ถึงสิ่งมีชีวิตนอกโลกจากเทคโนโลยีที่มาไกลมากในปัจจุบัน

วันนี้ (14 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ระดับสูงขององค์การบริหารการบินอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐอเมริกา รวมทั้ง นางเอลเลน สโตฟาน หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ของนาซา คาดหมายว่าภายในระยะเวลาประมาณ 10 ปีข้างหน้า มนุษย์จะสามารถได้หลักฐานที่บ่งชี้ ว่า มีสิ่งมีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นดาวเคราะห์ หรือดาวบริวารของดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ นอกจากโลกของเราหรือไม่

โดย นางเอลเลน สโตฟาน กล่าวไว้ในการอภิปรายเกี่ยวกับโครงการของนาซาเพื่อค้นหาดาวเคราะห์อื่นที่อยู่อาศัยได้ รวมทั้งสิ่งมีชีวิตนอกโลก ว่า เหตุผลที่ทำให้คาดหมายว่ามนุษย์จะได้พบเห็นหลักฐานแน่นหนาที่บ่งชี้ถึงสิ่งมีชีวิตนอกโลกดังกล่าว เพราะขณะนี้มนุษย์มีองค์ความรู้แล้วว่าควรจะมองหาสิ่งเหล่านั้นที่ไหน มองหาอย่างไร อีกทั้ง มนุษย์เรายังมีเทคโนโลยีที่มีขีดความสามารถมากเพียงพอต่อการค้นหาดังกล่าวเกือบทั้งหมด

ด้าน นายจอห์น กรันสฟีลด์ อดีตนักบินอวกาศที่ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารภารกิจทางวิทยาศาสตร์ของนาซา เห็นพ้องกับการคาดการณ์ดังกล่าวของนางสโตฟาน พร้อมกันนี้ยังได้ทำนายไว้ด้วย ว่า สัญญาณที่บ่งชี้ถึงสิ่งมีชีวิตนอกโลกน่าจะพบเห็นกันในอีก ไม่ช้าไม่นาน ทั้งในระบบสุริยะของเราเองและนอกระบบสุริยะ

นายกรันสเฟลด์ กล่าวว่า การค้นพบเมื่อเร็วๆนี้ ล้วนส่อให้เห็นว่าระบบสุริยะของเรา รวมไปถึงทั่วทั้งกาแล็กซีทางช้างเผือก เต็มไปด้วยสภาวะแวดล้อมที่สามารถเอื้อต่อการมีสิ่งมีชีวิตอย่างที่เรารู้จักด้วยกันทั้งนั้น ตัวอย่างเช่น น้ำในรูปของเหลวขนาด "มหาสมุทร" ที่อยู่ใต้เปลือกน้ำแข็งของยูโรปาและกานิมีด ดวงจันทร์ 2 ดวงของดาวพฤหัสบดี เช่นเดียวกับ มหาสมุทรบนเอนเซลาดัส ดวงจันทร์ของดาวเสาร์ และเรายังมีหลักฐานบ่งชี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่าครั้งหนึ่งดาวอังคารเคยถูกปกคลุมด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่ ริ้วสีดำบนดาวอังคารที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวตามฤดูกาลก็อาจเกิดจากการไหลของน้ำที่เค็มจัดบนดาว ขณะที่ยานสำรวจพื้นผิวดาวอังคาร คิวริออสซิตี้ ก็พบโมเลกุลชีวภาพที่มีคาร์บอนอยู่ด้วย รวมทั้งไนโตรเจนถาวรที่ล้วนเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่จำเป็นของสิ่งมีชีวิตแบบเดียวกับที่มีบนโลกในพื้นผิวดาวอังคารอีกด้วย

ขณะเดียวกัน ยังมีผลการสำรวจที่ไกลออกไป เช่น จากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ของนาซา ก็บ่งชี้ว่า ดาวฤกษ์เกือบทุกดวงบนจักรวาล มีดาวเคราะห์เป็นบริวาร และดาวเคราะห์เหล่านั้นมีจำนวนไม่น้อยที่ "อาจ" เป็นโลกที่สามารถใช้อยู่อาศัยได้ ข้อมูลที่ได้จากเคปเลอร์แสดงให้เห็นว่า ดาวเคราะห์ที่มีสภาพเป็นก้อนหินและดินเหมือนโลกกับดาวอังคารมีจำนวนมากกว่าดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ที่มีก๊าซปกคลุมอย่างดาวเสาร์หรือดาวพฤหัสบดี

นอกจากนี้ นายพอล เฮิร์ซ ผู้อำนวยการแผนกฟิสิกส์ดาราศาสตร์ของนาซา เผยว่า ข้อมูลที่มีอยู่ แสดงให้เห็นว่าไม่เพียงแค่ในระบบสุริยะเท่านั้นที่มีน้ำเป็นส่วนมาก ในกาแล็กซีทางช้างเผือกก็เป็นเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม นางสโตฟาน กล่าวว่า ในปี 2020 ยานสำรวจพื้นผิวดาวอังคารที่จะถูกส่งลงไปสำรวจต่อจากคิวริออสซิตี้ จะทำหน้าที่มองหาสัญญาณบ่งชี้ของสิ่งมีชีวิตในอดีตเป็นการเฉพาะ จากนั้น จะเก็บรวบรวมตัวอย่างเพื่อว่าอาจส่งกลับมายังโลกเพื่อวิเคราะห์กันอย่างถ้วนถี่ และนาซายังเตรียมส่งมนุษย์อวกาศไปยังดาวอังคารให้สำเร็จภายในทศวรรษ 2030

"

 

Kaokala Fc
14 เม.ย. ผลสำรวจชี้ไทยเป็นประเทศเคร่งศาสนาที่สุดในโลก



สถาบันสำรวจชื่อดังเผย ไทยครองแชมป์ประเทศเคร่งศาสนาที่สุดในโลก ด้วยคะแนนร้อยละ 94 โดยมีจีนและญี่ปุ่นรั้งท้ายมีสัดส่วนความเคร่งแค่ร้อยละ 7 และ13 ตามลำดับ

เว็บไซต์หนังาสือพิมพ์อังกฤษ “เดอะ การ์เดียน” รายงานจากประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ว่า สมาคมวิน/แกลลอป อินเตอร์เนชั่นแนล สถาบันจัดทำผลสำรวจและวิจัยตลาดระดับโลก ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐเผยผลการสำรวจความเคร่งศาสนาของประชาชนทั่วโลกจำนวน 65 ประเทศ พบว่า ประเทศไทยรั้งอันดับหนึ่งด้วยคะแนนร้อยละ 94 เป็นประเทศที่เคร่งศาสนาที่สุดในโลก ตามมาด้วยประเทศอาร์เมเนีย บังคลาเทศ จอร์เจีย และโมร็อกโก ได้ไปร้อยละ 93 อันดับต่อมาคือประเทศฟิจิร้อยละ 92 และแอฟริกาใต้ ร้อยละ 91

ส่วนประเทศที่มีประชากรเคร่งศาสนาน้อยที่สุดอันดับหนึ่งคือจีน ได้คะแนนเพียงร้อยละ 7 รองลงมาคือญี่ปุ่นร้อยละ 13 สวีเดนร้อยละ 19 สาธารณรัฐเช็กร้อยละ 23 เนเธอร์แลนด์-ฮ่องกงร้อยละ 26 และอังกฤษร้อยละ 30 โดยประชาชนส่วนใหญ่ของอังกฤษจะตอบว่า พวกเขาไม่เชื่อว่า พระเจ้ามีอยู่จริงและที่เหลือก็ไม่ให้คำตอบ

นายฌอง-มาร์ก เลเกอร์ ประธานสมาคมกล่าวว่า ประชากรทั่วโลกจำนวน 2 ใน 3 ยังคงยืนยันว่า พวกเขามีศาสนา และศาสนาส่งผลอย่างมากต่อกิจวัตรประจำวัน นอกจากนี้ ผู้ที่ระบุว่าตนเองมีศาสนานั้นกำลังมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก โดยผู้คนในช่วงอายุต่ำกว่า 34 ปีจะเป็นช่วงที่หันหน้าเข้าหาศาสนามากกว่าช่วงอายุอื่น รวมทั้งการนับถือศานากำลังเพิ่มมากขึ้นในผู้คนทุกระดับชั้นของการศึกษา

การสำรวจนี้จัดทำขึ้นเมื่อปีที่แล้ว โดยการใช้แบบสอบถามกับผู้คน 63,898 คนทั่วโลก แบ่งเป็นประเทศละราว 1,000 คน

http://www.dailynews.co.th/…/%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0…

 

ผ่าใส่หัวใจเทียม ให้คนเป็นๆสำเร็จ
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 14 เม.ย. 2558 08:01



บริษัทคาร์มัตของฝรั่งเศส ได้แจ้งข่าวดีว่า คนไข้รายที่สองที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนเอาหัวใจเดิมออกและใช้หัวใจเทียมของบริษัทเปลี่ยนใส่ให้แทนนั้น หลังจากที่ทำมาได้ 8 เดือนมาแล้ว ปรากฏมีร่างกายแข็งแรงขึ้น จนสามารถที่จะออกกำลังเองได้

บริษัทได้สร้างเครื่องหัวใจเทียมใช้สำหรับเปลี่ยนแทนให้กับคนไข้ที่หัวใจเดิมไม่อาจใช้การได้อีกต่อไป โดยที่คนไข้ไม่จำเป็นจะต้องรอจากผู้บริจาคหัวใจให้คนไข้รายแรกได้ถูกทดลองผ่าตัดเปลี่ยนมาใช้หัวใจเทียมไปเมื่อปีก่อน สามารถมีชีวิตอยู่ต่อมาได้อีก 2 เดือนครึ่ง ส่วนคนไข้รายที่สอง อายุ 69 ปี บัดนี้มีอาการดีขึ้น และได้คุยอวดในการให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า “ผมมีอาการปกติโดยสิ้นเชิง เดินเหิน ลุกขึ้นและก้มตัว ออกกำลังด้วยการวิดน้ำได้ ระหว่าง 10 ถึง 15 ครั้งต่อวัน โดยไม่รู้สึกเหนื่อยอะไรเลย บอกกันตรงๆ แล้ว ผมไม่เคยรู้สึกดีเท่านี้มาก่อน”

เขาสามารถพูดคุยกับนักข่าวได้นานถึง 2 ชั่วโมงโดยไม่มีอาการเหน็ดเหนื่อยอะไรเลย และยังได้ทำงานบ้าน โดยการซ่อมแซมบ้าน กับออกกำลังด้วยการยิงปืน และขี่จักรยานด้วย.

ผ่าใส่หัวใจเทียม ให้คนเป็นๆสำเร็จ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

จะร้อนขนาดไหน?! "อารี 30" กับระบบ 4 สุริยะ!
วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 21:38:33 น.



ทีมศึกษาวิจัยด้านดาราศาสตร์ประจำห้องปฏิบัติการ เจ็ทโพรพัลชั่น ขององค์การบริหารการบินอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ที่เมืองพาซาเดนา รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา พบว่าระบบดาวเคราะห์ที่ชื่อ "อารี 30" ซึ่งค้นพบเมื่อปี 2009 นั้น แทนที่จะเป็นระบบดาวเคราะห์ที่มีดวงอาทิตย์ 3 ดวง กลับเป็นระบบดาวเคราะห์ที่มีดวงอาทิตย์มากถึง 4 ดวง

ถือเป็นระบบ 4 สุริยะระบบที่ 2 เท่านั้นที่นักดาราศาสตร์ค้นพบและบ่งชี้ได้จนถึงเวลานี้

"อารี 30" เป็นระบบดาวที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ของโลกออกไปราว 136 ปีแสง อยู่ในคอนสเตลเลชั่น (กลุ่มดาว) "อารีส" ดาวเคราะห์ "อารี 30" เป็นดาวเคราะห์ขนาดใหญ่มีมวลมากกว่าดาวพฤหัสบดีถึง 10 เท่าตัว โคจรรอบดวงอาทิตย์หลักของมันหนึ่งรอบใช้เวลา 335 วัน นอกจากดวงอาทิตย์หลักแล้ว นักดาราศาสตร์ยังพบว่า "อารี 30" มีดวงอาทิตย์อยู่อีกคู่หนึ่งอยู่ห่างออกไปจากมันราว 1,670 หน่วยดาราศาสตร์ (หรือ เอยู 1 หน่วยดาราศาสตร์ คือระยะทางที่เท่ากับระยะห่างระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ซึ่งคือ 93 ล้านไมล์ หรือ 150 ล้านกิโลเมตร โดยประมาณ)

ต่อมาทีมนักดาราศาสตร์ที่นำโดย ลูอิส โรเบิร์ต นักดาราศาสตร์อเมริกัน ใช้กล้องดูดาวระบบใหม่ที่หอดูดาว พาโลมาร์ ในแคลิฟอร์เนีย ตรวจสอบพบว่า "อารี 30" ยังมีดวงอาทิตย์อีกดวงเป็นดวงที่ 4 อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์หลักของ 30 อารี คือห่างไปเพียง 22 เอยูเท่านั้นเอง แต่กลับไม่ส่งผลกระทบต่อวงโคจรของ "อารี 30" แต่อย่างใด ซึ่งนับว่าแปลก และจำเป็นต้องมีการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจต่อไป

ถ้าเราอยู่บน "อารี 30" แล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เราจะเห็นดวงอาทิตย์ขนาดเล็ก 1 ดวง กับดวงดาวสว่างจ้า เห็นได้ชัดในเวลากลางวันอีก 2 ดวง แต่ถ้ามองผ่านกล้องดูดาวที่มีขนาดใหญ่พอ เราจะเห็น 1 ในดวงดาวที่สว่างจ้านั้น เป็นดวงอาทิตย์คู่หนึ่งของ "อารี 30" นั่นเอง


จะร้อนขนาดไหน?! "อารี 30" กับระบบ 4 สุริยะ! : มติชนออนไลน์

 

30เมืองยุโรปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 27 มีนาคม 2558, 13:34



เมืองในยุโรป 30 เมือง ให้คำมั่นที่กรุงปารีส ว่า จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 40% ภายในปี 2563

เมืองในยุโรป 30 เมือง ซึ่งรวมทั้งกรุงปารีส กรุงโรม และกรุงมาดริด ให้คำมั่นที่กรุงปารีส เมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) ว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 40% ภายในปี 2563 ตามเป้าที่สหภาพยุโรป หรืออียูกำหนดไว้ โดยทั้ง 30 เมืองจะร่วมมือกันลงทุนด้านบริการและเทคโนโลยีสีเขียว ด้านสำนักนายกเทศมนตรีกรุงปารีส แถลงว่า ทั้ง 30 เมืองจะประสานงานกันซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและพลังงานลูกผสม ซื้อไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน และไฟฟ้าจากขยะ และในเดือนธันวาคมนี้กรุงปารีสจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสหประชาชาติ เพื่อหาข้อสรุปและลงนามข้อตกลงประวัติศาสตร์ ว่าด้วยการควบคุมภาวะโลกร้อน
- See more at: 30เมืองยุโรปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

30เมืองยุโรปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

 

น้ำโขงหลากผิดฤดู ปรากฏการณ์สะท้อนอำนาจ “เขื่อนจีน” ความเปราะบางของชีวิตในลุ่มน้ำโขง 12 เม.ย. 2015 by admin



ข่าวเล็กๆ ในประเทศที่กลายเป็นเรื่องใหญ่ของคนริมโขง เมื่อจู่ๆ น้ำในลำน้ำโขงเกิดหลากมากผิดปกติ กระทั่งท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ตั้งแต่เมื่อช่วงวันที่ 8 มี.ค. 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระดับน้ำโขงที่จังหวัดหนองคาย วัดได้ 2.68 เมตร เพิ่มขึ้นเพียงวันเดียวถึง 46 ซม. ถือเป็นการขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว กระทั่งวันที่ 13 มี.ค.ระดับสูงขึ้นถึง 1.42 เมตร ทั้งที่วันที่ 9 มีนาคม 58 มีระดับเพียง 1.26 เมตร ซึ่งในช่วงดังกล่าวเริ่มมองเห็นหาดจอมมณี ที่ติดกับสะพานมิตรภาพไทย-ลาว โผล่พ้นน้ำเล็กน้อย พ่อค้าและค้าเริ่มเข้าไปจับจองทำร้านค้า เมื่อน้ำโขงมีระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ร้านค้าที่สร้างใหม่และพึ่งเริ่มขายอาหารได้เพียงไม่กี่วันก็ถูกน้ำ ท่วมเสียหายทั้งหมด

ปกติคนริมโขง เมื่อถึงหน้าแล้ง จะปรากฏหาดทรายในหลายพื้นที่ พ่อค้าแม่ค้าจะจับจองเพื่อค้าขาย เช่นเดียวกับสันดอนดินและทรายที่จะโผล่พ้นน้ำ กลายเป็นแหล่งเพาะปลูกผักที่ขึ้นชื่อในหลายจังหวัดรวมทั้งฝั่งประเทศลาว ทั้งยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์และอนุบาลสัตว์น้ำหลายชนิดในแม่น้ำโขง เมื่อเกิดน้ำหลากเอ่อท่วมฉับพลัน กิจกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นวัฏจักรของชีวิตของคนและสัตว์น้ำในแม่น้ำโขงที่หมุนเวียนมานานหลาย กัปกาลก็จะหายไป ปรากฏการณ์เช่นนี้จึงผิดธรรมชาติจนคนริมโขงยืนยันได้ว่ามันเพิ่งเกิดขึ้น เมื่อ 1-2 ปีมานี้ และหากไม่หยุดยั้ง จะเข้ามาทำลายวิถีน้ำโขงตลอดกาล เช่นเดียวกับพันธุ์สัตว์น้ำที่บางประเภทอาจต้องสูญพันธุ์

เมื่อสิ่งผิดปกติมาเยือนย่อมต้องตั้งคำถามถึงสาเหตุ “เพียรพร ดีเทศน์” ผู้ประสานงานการรณรงค์ประเทศไทย องค์การแม่น้ำนานาชาติ ระบุว่าผู้แทนจีนเคยกล่าวในการประชุมครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนว่า “ด้วยเขื่อนตอนบนที่แม่น้ำล้านช้าง หรือ หลานชางเจียง จีนจะให้น้ำที่ใส และให้น้ำที่เพิ่มขึ้นแก่ประเทศท้ายน้ำในฤดูแล้ง” บัดนี้คำพูดของเขา ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ณ เดือนเมษายน 2558 ทุกอย่าง นั่นคือ

1. ในฤดูแล้ง น้ำโขงกลับเพิ่มขึ้น
2. ในฤดูฝน น้ำโขงกลับท่วมน้อยลง
3. ตะกอนดินเริ่มหายไป แม่น้ำโขงใสๆ ไม่ขุ่น

แต่ทั้ง 3 สิ่งนี้ ทำลายวัฏจักรของแม่น้ำโขง ซึ่งมีน้ำหลาก-น้ำแล้ง หมุนไปตามฤดูกาลใน 12 เดือน

เธออธิบายอีกว่า น้ำหลากในฤดูฝน หมายถึงตะกอนดินที่น้ำพัดพามาทับถมพื้นที่ริมฝั่ง-ที่ราบน้ำท่วมถึง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเกษตร พืชพรรณริมน้ำ และวงจรอาหารสัตว์น้ำและปลา ส่วนน้ำแล้งในฤดูแล้ง คือหาดทราย สันดอนทราย ที่ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ ปลูกพืชผัก คือแหล่งอนุบาลและที่อาศัยของสัตว์น้ำ นก ฯลฯ ส่วนตะกอนแร่ธาตุเวลานี้ก็ไปนอนนิ่งอยู่ในอภิมหาอ่างเก็บน้ำกันหมด

นั่นจึงเป็นที่มาของข้อเรียกว่าเมื่อหยุดเขื่อนจีนไม่ได้ ก็ขอให้ทางจีนคำนึงถึงระบบนิเวศและคนที่อยู่ท้ายน้ำบ้าง ช่วยจัดการ “การระบายน้ำ” จากเขื่อนของจีน ให้มากกว่าการผลิตไฟฟ้าและการเดินเรือได้หรือไม่

แม่น้ำโขงซึ่งมีต้นธารจากเทือกเขาหิมาลัย มีระยะความยาวถึง 4,880 กิโลเมตร แต่อยู่ในประเทศจีนเกือบครึ่ง นั่นคือ 2,130 กิโลเมตร มีชื่อเรียกว่า หลานชางเจียง จีนสร้างเขื่อนหลายแห่งขวางกั้นแม่น้ำโขง ที่เปิดดำเนินการแล้ว 2 แห่งได้แก่เขื่อนม่านวาน สร้างเสร็จในปี 2539 ขนาด 1,550 เมกะวัตต์ และเขื่อนต้าเฉาชาน สร้างเสร็จในปี 2546 ขนาด 1,350 เมกะวัตต์ และมีอีก 2 เขื่อนที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างได้แก่เขื่อนเสี่ยววาน คาดว่าจะสร้างเสร็จในปี 2555 ขนาด 4,200 เมกะวัตต์ และเขื่อนจิงหง คาดว่าจะสร้างเสร็จในปี 2553 ขนาด 1,750 เมกะวัตต์ จากทั้งหมดกว่า 20 เขื่อนที่จีนมุ่งหมายจะสร้างบนแม่น้ำสายนี้เพื่อประโยชน์ในการผลิตกระแส ไฟฟ้า และป้องกันอุทกภัย โดยเขื่อนจีนที่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุดคือ เขื่อนที่ตั้งอยู่ที่เมื่องจิงหง หรือเชียงรุ่ง ในแคว้นสิบสองปันนา ซึ่งเดิมรัฐบาลจีนจะสร้างขึ้นเพื่อขายไฟฟ้าให้แก่ประเทศไทยเพราะมีระยะทาง ห่างจากชายแดนไทยเพียง 280 กิโลเมตร แต่เนื่องจากนโยบายของไทยขาดความชัดเจน รัฐบาลจีนจึงตัดสินใจเดินหน้าในการสร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองใน ประเทศจีน

นั่นเป็นมหันตภัยใหญ่หลวงของหลากชีวิตในพื้นที่ท้ายน้ำ ทั้งลาว ไทย ไปจนถึงกัมพูชา เพราะจีนจะมีอำนาจในการจัดการน้ำเพื่อประโยชน์สูงสุดของจีน ทั้งในช่วงมหาอุทกภัย ปล่อยน้ำเพื่อการเดินเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมาของพื้นที่ปลายแม่น้ำโขงทั้งหมด

นอกจากจีน ลาวเองก็กำลังทำในสิ่งเดียวกับที่จีนทำ นั่นคือการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ขวางแม่น้ำโขงเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขายให้กับ จีนและไทย เขื่อนไซยะบูลีที่กำลังเร่งก่อสร้างมีขนาด 1,260 เมกะวัตต์ มูลค่า 3,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเขื่อนกั้นลำน้ำโขงทั้งสายแห่งแรกของลาวหากก่อสร้างเสร็จสิ้นจะกลาย เป็นเขื่อนขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ

ส่วนทางใต้ลงไปเขื่อนดอนสะโฮงหรือ “ฮูสะโฮง”ที่ได้รับทุนสนับสนุนโดยนักลงทุนจากมาเลเซียก็กำลังเร่งก่อสร้าง ฮูสะโฮงเป็นทางน้ำไหลขนาดใหญ่สายหนึ่งในระบบแม่น้ำโขงอันกว้างใหญ่ในเขตนที สี่พันดอน เมืองโขง แขวงจำปาสัก มีกำลังผลิต 260 เมกะวัตต์ จะผลิตไฟฟ้าส่งจำหน่ายให้แก่ไทยและกัมพูชา ท่ามกลางความห่วงใยของนักอนุรักษ์สภาพแวดล้อม และความเป็นกังวลของชาวเวียดนามหลายสิบล้านคนที่อาศัยทำกินในเขตที่ราบปาก แม่น้ำโขง

ทั้งหมดคือความเปราะบางของหลากชีวิตในลุ่มน้ำโขง การไม่ตระหนักว่าแม่น้ำโขงคือแม่น้ำนานาชาติ การสร้างเขื่อนย่อมส่งกระทบข้ามแดนต่อชีวิตเล็กๆ อย่างยากจะหลีกเลี่ยง.

ขอบคุณ.
คุณเพียรพร ดีเทศน์ ผู้ประสานงานรณรงค์ประเทศไทย องค์กรแม่น้ำนานาชาติ
MyMekong | MyMekong
เนื้อหาข่าวประกอบจาก www.naewna.com
หลวงพระบาง ประเทศลาว, การเดินทาง, เที่ยว, ทัวร์, ของฝาก, อาหารลาว, จองโรงแรม-ที่พักออนไลน์ รู

 

Kaokala Fc
13 เม.ย. 'กูเกิล'จดสิทธิบัตร ก๊อปปี้อุปนิสัยมนุษย์ใส่หุ่นยนต์



'กูเกิล'จดสิทธิบัตรนวัตกรรมดาวน์โหลดอุปนิสัยมนุษย์ที่ตายแล้วใส่หุ่นยนต์

กลายเป็นประเด็นที่ชาวโลกให้ความสนใจมากขึ้นเมื่อเจ้าพ่อไอทีอย่าง'บิลล์ เกตส์'ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ รวมถึงนักฟิสิกส์ชื่อก้องโลกอย่าง'สตีเฟน ฮอว์กิง' ได้ออกมาแสดงความกังวลว่า หุ่นยนต์'ปัญญาประดิษฐ์' (Artificial Intelligence หรือ AI) จะเป็นภัยต่อมนุษยชาติในเวลาภายในอีก 20-30 ปีถึงขั้นสามารถทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์สูญสิ้นได้เลยทีเดียว เนื่องจากพวกมันจะมีความแข็งแกร่งเกินกว่าที่มนุษย์จะสามารถควบคุมได้

ล่าสุดสำนักข่าวได้ตอกย้ำในประเด็นนี้มากขึ้นโดยรายงานว่า ขณะนี้ทาง'กูเกิล'ได้จดสิทธิบัตรการก๊อปปี้อุปนิสัยของมนุษย์ทั้งที่มีชีวิตและเสียชีวิตแล้ว พร้อมจะอนุญาตให้หุ่นยนต์ในอนาคตสามารถดาวน์โหลดไปใส่ในตัวเองได้

รายงานระบุว่า เทคโนโลยีนี้จะสามารถเครื่องยนต์ดาวน์โหลดอุปนิสัยหรือบุคลิกเหล่านั้นผ่านสโตร์ออนไลน์เหมือนโหลดแอปพลิเคชั่นทั่วไป โดยอาจจะเป็นบุคคลรักที่เสียชีวิตไปแล้วหรือคนดังก็ได้

อนึ่งผลงานนี้เป็นผลลัพธ์จากงานวิจัยในแผนก 'กูเกิล เอ็กซ์' หรือห้องทดลองลับๆ ที่ทำหน้าที่คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สำหรับอนาคตโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ยังอยู่ในช่วงการพัฒนา

ที่มา : neonnettle, dailymail
: 'กูเกิล'จดสิทธิบัตร ก๊อปปี้อุปนิสัยมนุษย์ใส่หุ่นยนต์ - โพสต์ทูเดย์ ข่าวดิจิตอลไลฟ์

 

สัญญาณมหากลียุค Signs of the end in Current Events



คำทำนาย 2000 ปีของชาวยิว ซาอุดีอาระเบียและอิหร่านจะทำสงคราม/ สงครามโลกครั้งที่สามเร็วๆนี้คืออะไร?
บทความจากบางสำนักเขียน (ที่อ่านดุแล้วเอียงๆ)เกี่ยวกับทำนายของอิสราเอลที่ถูกรวบรวมไว้ที่รู้จักกันเป็น Yalkut Shimoni เมื่อหลายร้อยปีเกี่ยวกับสถานการณ์ในอนาคตจำนวนมากทั้งในประเทศอิสราเอลและโลก ในบางส่วนในหนังสือยังอ้างถึงทำนายในพระคัมภีร์ไบเบิลของอิสยาห์ และคำทำนายที่อยู่ในนั้น..
.. "นั่นเป็นปีที่พระคริสต์จะมาถึงเมื่อทุกประเทศของโลกจะมีการขัดแย้งนำมาซึ่งสงคราม กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย (อิหร่าน) จะทำให้เกิดการขัดแย้ง (antagonizes) กับกษัตริย์แห่งอาระเบีย (ซาอุดีอาระเบีย) ที่มาของสงคราม (จะสาเหตุใดก็ตามแต่:ผู้โพส)
กษัตริย์แห่งอาระเบียจะไปที่เอโดม (ประเทศตะวันตกนำโดยสหรัฐอเมริกา) เพื่อขอคำแนะนำ พระมหากษัตริย์แห่งเปอร์เซียจะเริ่มสงคราม ..และทุกประเทศของโลกเริ่มที่จะหวาดกลัว และอิสราเอลจะเกิดการกลัว แต่พระเจ้าก็พูดกับพวกเขาว่า "อย่ากลัวสำหรับทุกอย่างที่ฉันได้ทำเพื่อประโยชน์ของคุณที่จะทำลายอาณาจักรของความชั่วร้ายของเอโดมและขจัดความชั่วร้ายจากโลกนี้เพื่อให้พระเจ้าสามารถเข้ามาสำหรับการไถ่ถอน"..
เราสามารถดูตัวเค้าลางบางอย่างที่เกี่ยวกับทำนายนี้ วันที่ 25 กันยายน 2007 ประธานอิหร่านจ๊าด พูดในที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติและกล่าวว่า.. (โดยข้อมูลข่าวเดลินิวส์)
...“ข้าพเจ้าขอนำเสนอทฤษฎี 3 ข้อ ที่จะช่วยให้ทุกท่านทราบว่า ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังการก่อวินาศกรรม 9/11 ที่แท้จริง ประการแรก ประธานาธิบดีสหรัฐคือผู้ให้การสนับสนุนองค์การก่อการร้ายขนาดใหญ่ที่โครงสร้างซับซ้อน เพื่อเข้ามาทำลายนโยบายความมั่นคง แล้วก่อการร้ายบนแผ่นดินของตัวเอง ประการต่อมา หน่วยงานบางแห่งของรัฐบาลสหรัฐมีส่วนร่วมในการโจมตีครั้งนั้น เพื่อจะได้ใช้เป็นเหตุผลในการเข้าแทรกแซงและหาผลประโยชน์จากตะวันออกกลาง เพื่อปกป้องอาณาจักรไซออนิสต์ ( หมายถึงอิสราเอล ) และกอบกู้เศรษฐกิจของตัวเองที่กำลังตกต่ำ ประการสุดท้าย กลุ่มก่อการร้ายเป็นผู้ลงมือจริง และได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐ”
ในบทความจากสื่อได้เขียนการบอกออกของจ๊าด ว่า
.. “soon the regimes of the Western world will fall and be destroyed. This threat is not just an ideology, we know based on Israeli and world intelligence that Iran has a secret nuclear plant where it is producing nuclear warheads for their missiles... ! อุ๊ป?
สรุป ทำนายมุ่งให้เห็นสงครามที่กำลังจะมีขึ้นของอิหร่านกับซาอุฯที่มีเอโดม (สหรัฐ) เกี่ยวข้อง เป็นสามขั้นตอนของสงคราม
ขั้นตอนที่หนึ่ง - จะมีการทำให้ทะเลาะกันของอิหร่านและกษัตริย์ของซาอุดีอาระเบีย
สอง - พระมหากษัตริย์ของซาอุดีอาระเบียหันไปหาชาติตะวันตกเพื่อขอคำแนะนำและการป้องกัน.
ขั้นที่สาม - อิหร่านเปิดไฟเขียวเริ่มต้นสงครามโลกครั้งที่สามและทำลายตะวันตก (อิหร่านจะเปิดสงครามเพราะใครคือต้นเหตุคือคำถามต่อมา?)
** โพสนี้กำลังตามดูทำนายสงครามโกกและมาโกกที่จะเป็นวันแห่งความทุกข์ยาก และสิ่งที่น่ากลัวสำหรับโลก ในข้อวิวรณ์ 14 ท้องฟ้าม้วนตัวขึ้นไปดั่งหนังสือม้วน ภูเขาทุกลูกและเกาะทุกเกาะถูกเคลื่อนย้ายไปจากที่เดิม...(โพสเก่าที่นี่ https://www.facebook.com/5995048135...0.1429069648./663861903737177/?type=3&theater)
ทำไมตะวันตกกำลังจะมีการระดมสมองป้องป้องดาวเคราะห์?
https://www.facebook.com/5995048135...207520000.1429055688./720226584767375/?type=1
รัสเซียเตรียมส่งมอบระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศแก่อิหร่าน หลังจากท่านปูตินของรัสเซียยกเลิกมาตรการห้ามจัดส่งระบบขีปนาวุธให้อิหร่าน http://www.wnd.com/…/russia-iran-defense-deal-could-prompt…/
สงครามโลกครั้งที่สามเร็ว ๆ นี้คืออะไร?
Is World War III coming soon?

 

ศูนย์กลางข่าวสารแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น โดย สนญ. และ สนทญ. ได้แชร์โพสต์ของ 在東京タイ王国大使館 สถานเอกอัครราชทูตไทย 〆 กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

在東京タイ王国大使館 สถานเอกอัครราชทูตไทย 〆 กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น https://www.facebook.com/rtejapan



สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ร่วมกับชุมชนไทยในประเทศญี่ปุ่น ได้นิมนต์พระสงฆ์ทั้ง 4 รูป ไปพักในที่ปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขอประชาสัมพันธ์ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ที่มีจิตศรัทธา ดังนี้

1. วัดป่าพุทธรังษี โตเกียว จะจัดงานสงกรานต์ในวันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน 2558 จึงขอเชิญชวนทุกท่านเข้าร่วมงานดังกล่าว

2. สามารถบริจาคปัจจัยให้วัดฯ ใช้ในการบูรณะซ่อมแซมวัดฯ ได้ที่
2.1 ที่ประเทศไทย บัญชีออมทรัพย์ ชื่อ "สมทบทุน วัดป่าพุทธรังษี โตเกียว" ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางลำภู เลขที่บัญชี 008-2-50019-9 หรือที่สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช คณะเหลืองรังษี วัดบวรนิเวศวรวิหาร กรุงเทพมหานคร

2.2 ที่ประเทศญี่ปุ่น
กรณี โอนจากธนาคารไปรษณีย์ (ゆうちょ銀行)
ゆうちょ銀行 口座番号10180 84282781 (yuchoginko kozabango 10180 84282781)
受取り人 テャラコン ヒィチャイ(uketorinin THALAKORN PHRA PHICAI)
กรณีโอนจากธนาคารอื่น
ゆうちょ銀行 テャラコン ヒィチャイ
(yuchoginko THALAKORN PHRA PHICAI)
店名 018 (tenmei 018)
普通預金 (futsuyokin)
口座番号 8428278(kozabango 8428278)

ทั้งนี้ เนื่องจากวัดมีข้อจำกัดด้านสถานที่ จึงไม่สะดวกรับบริจาคสิ่งของในชั้นนี้
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน

 

ปอกเปลือก ทรราช
รัสเซียส่งคณะผู้สังเกตการณ์ซ้อมรบของนาโต้ในสก็อตแลนด์ สร้างความสับสนให้นักวิจารณ์ชาวยุโรป



-------------
ข่าวนี้ RT News ของรัสเซียพาดหัวข้อข่าวกวนๆแบบนั้นแหละครับ แต่ไม่ใช่ปั้นข่าวนะ ของจริงครับ กล่าวคือคณะผู้ตรวจสอบของรัสเซียได้เดินทางไปถึงอังกฤษเพื่อสังเกตการณ์การซ้อมรบของนาโต้ในสก็อตแลนด์ คำถามก็คือว่ารัสเซียส่งใครไปสังเกตการณ์การซ้อมรบของนาโต้ในครั้งนี้ ตามข่าวบอกว่าผู้ที่ไปทำหน้าที่ในครั้งนี้ก็คือคณะผู้ตรวจสอบจาก "ศูนย์ลดภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์แห่งชาติของรัสเซีย" (Russian National Nuclear Threat Reduction Center) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงกรุงเวียนนาเมื่อปี 2011
Sergey Ryzhkov หัวหน้าคณะผู้ตรวจสอบจากรัสเซียให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Daily Mail ของอังกฤษว่า "ในระหว่างนี้ทีมผู้ตรวจสอบจะเข้าเยี่ยมชดขนาดและแผนปฏิบัติการเพื่อที่จะจัดขึ้นเพื่อบรรยายการดำเนินกิจการทางทหาร" การสังเกตการณ์ดังกล่าวจะใช้เวลา 4 วันในสก็อตแลนด์ ส่วนปฏิบัติการซ้อมรบของนาโต้นั้นมีเรือรบเข้าร่วมถึง 50 ลำ เครื่องบินอีก 70 ลำ และทหารรวมทั้งบุคคลากรทางกองทัพอีก 13,000 คนจากชาติสมาชิกนาโต้ 14 ประเทศซึ่งจะเริ่มมีขึ้นแถวชาวฝั่งทางตอนเหนือของสก็อตแลนด์
พวกสื่อฯของตะวันตกก็ต่างก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมากทั้งในสื่อฯทั่วไปและในโลกออนไลน์แสดงถึงความกังวลของพวกเขา (ตะวันตก) เกี่ยวกับเสรีภาพของรัสเซียที่จะเข้าตรวจสองการซ้อมรบของนาโต้ โดยมองว่านั่นเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการลดลงของอธิปไตยของอังกฤษ
ฮ่าๆๆ... อยากจะหัวเราะให้เป็นภาษดาวอังคารจริงๆ ตอนนี้อียูกลัวรัสเซียไปซะทุกอย่างจริงๆอ่ะ แค่ส่งคณะผู้แทนไปร่วมสังเกตการซ้อมรบก็ออกมาพูดแล้วว่าอังกฤษกำลังจะสูญเสียอธิปไตยให้รัสเซีย นี่แหละประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นต้นแบบประชาธิปไตย และเรียกร้องให้คนอื่นเคารพกฎหมาย แต่พอรัสเซียปฏิบัติตามกฏหมายซึ่งก็คือข้อตกลงร่วมกันที่กรุงเจนีวาในปี 2011 แท้ๆพวกอีกยูกลับเป็นโรคกุ้ง (อี้ขึ้นสมอง) ซะงั้น ถ้ารัสเซียไม่ส่งผู้สังเกตการณ์ไปดูสิอาจจะถือว่าผิดข้อตกลงก็ได้นะ เมื่อข้อตกลงร่วมกันเปิดโอกาสให้สิทธิ์แก่รัสเซีย รัสเซียก็ต้องรักษาสิทธิ์นั้นไว้สิ เพราะอะไรรัสเซียถึงต้องไปดูด้วยตัวเอง? ก็เพราะว่ารัสเซียก็ไม่ไว้ใจนาโต้เช่นกัน และที่สำคัญไม่ใช่ส่งนายทหารหรือผู้สังเกตการณ์ทางกองทัพทั่วไปไปดูเท่านั้น แต่ส่งทีลดภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์ไปดูซะเลย แสดงว่าพวกนาโต้มีแผนจะซ้อมรบด้วยขีปนาวุธนิวเคลียร์หละสิ พอรัสเซียรู้ทันพวกนี้ก็ทำเป็นออกมาโวยวายกดดันอังกฤษให้ต่อต้านรัสเซียแบบเนียนๆว่าอังกฤษกำลังจะสูญเสียอธิปไตยให้แก่รัสเซีย นั่นไงเกมของตะวันตกเขาหละ ถ้าบริสุทธิ์ใจซะอย่างแล้วจะกลัวอะไร คณะผู้ตรวจสอบฯของรัสเซียไม่ได้พกขีปนาวุธนิวเคลียร์หรืออาวุธใดๆไปร่วมในการสังเกตการณ์ด้วยซะหน่อย
ในปี 2010 รัสเซียจัดซ้อมรบ อังกฤษและชาติอื่นๆก็ส่งคนของตัวเองมาดู ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงร่วมกันที่เจนีวา แต่ก็ไม่เห็นมีข่าวออกมาว่าฝั่งรัสเซียโวยวายว่ากำลังจะสูญเสียอธิปไตยให้แก่อังกฤษหรือชาติอื่นๆเพียงเพราะการมาดูการซ้อมรบที่รัสเซียเท่านั้นอย่างที่อังกฤษกำลังโวยวายอยู่ในตอนี้
รมว.กลาโหมของอังกฤษกล่าวว่า "ปฏิบัติการตรวจสอบนี้ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของข้อตลกลงร่วมกันในสนธิสัญญากรุงเวียนนาในปี 2011 จะไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อกองกำลังนักรบผสม (ซ้อมรบในครั้งนี้) ทีมตรวจสอบ (จากฝั่งรัสเซีย) จะมีไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลที่มีความอ่อนไหวและจะมีทีมงสานของอังกฤษคอยประกบตัวตลอดระยะเวลาการปฏิบัติงาน"
ในขณะที่การตรวจสอบยังดำเนินไปอยู่นั้นก็มีรายงานว่ากองทัพราชนาวิโยธินของอังกฤษกำลังจับตาดูเรือรบ 3 ลำของรัสเซียที่แล่นผ่านช่องแคบอังกฤษซึ่งเดินทางมาจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและมุ่งหน้าไปที่ทะเลแอตแลนติก
ก็แค่รัสเซียส่งทีมผู้ตรวจสอบไปสังเกตการณ์ซ้อมรบของนาโต้เฉยๆ พวกอังกฤษก็ปอดฯซะแล้ว แถมมีเรือรบของรัสเซียอีก 3 ลำแล่นผ่านอังกฤษโดยไม่ผิดกฎหมายด้วย ก็ยิ่งทำให้อียูหนาวๆร้อนๆมากขึ้นไปอีก ก็มันเป็นเส้นทางเดินเรือสากลอยู่แล้ว แต่คงจะเป็นเพราะเจตนาไม่บริสุทธิ์นั่นแหละพวกนี้ถึงได้กลัวนักกลัวหนา กลัวว่าพฤติกรรมของตัวเองจะถูกรัสเซียจับได้นะสิ
The Eyes
16/04/2558
----------
​Russians arrive in Scotland to inspect NATO exercise, confusing Euroskeptics — RT UK

 

ปอกเปลือก ทรราช
รัสเซียกับเบลารุสซ้อมรบทหารพลร่มร่วมกัน



-------------
เมื่อนาโต้ภายใต้การนำของสหรัฐฯขยันซ้อมรบในประเทศต่างๆรอบบ้านรัสเซียมากขึ้น ซึ่งทางรัสเซียก็รู้ว่านั่นคือภัยคุกคามความมั่นคงของรัสเซียและเข้าใจว่านั่นเป็นแผนยั่วยุให้รัสเซียเริ่มโจมตีนาโต้หรือกลุ่มประเทศที่ให้การสนับสนุนนาโต้ตามชายแดนรัสเซียก่อน แต่รัสเซียก็ไม่หลงอุบายนั้นของสหรัฐฯ ครั้นจะตั้งรับซ้อมรบโชว์ศักยภาพด้านอาวุธและกองทัพของตนเองอยู่แต่ในประเทศเพียงอย่างเดียว ก็ดูเหมือนว่ายิ่งจะทำให้สหรัฐฯและนาโต้ได้ใจมากขึ้นไปอีก แผนตั้งรับเพียงอย่างเดียวโดยไม่เดินเกมรุกบ้างนี้บางครั้งก็อันตรายเช่นกัน
มีหรือที่ปูตินจะยอมตั้งรับเพียงอย่าง มันต้องออกอาวุธกันบ้าง หมายถึงเดินเกมรุกกลับบ้าง แต่ไม่ใช่ไปหาเรื่องหรือไปตอบโต้หรือไปทำลายการซ้อมรบของผู้ไม่หวังดีที่หวังจะรุกรานรัสเซียหรอกนะ การเดินเกมรุกของรัสเซียก็คือจัดการซ้อมรบนอกพื้นที่ในประเทศของตัวเองอย่างที่สหรัฐฯกับจัดทำอยู่บ่อยๆนั่นเอง เมื่อสหรัฐฯเริ่มคุกคามทางกองทัพต่อประเทศอื่นโดยอ้างการซ้อมรบบังหน้า งั้นรัสเซียก็เอาแผนนี้มาย้อนศรสหรัฐฯและอียูบ้าง แต่ไม่ใช่เพื่อการรุกรานประเทศอื่น อย่างที่อเมริกาทำอยู่บ่อยๆ งานนี้รัสเซียจัดซ้อมรบทหารพลร่มร่วมกับกองทัพของเบลารุสที่ประเทศเบลารุสเองซะเลย
เบลารุสมีเมืองหลวงชื่อกรุงมินส์ก เมืองที่ 4 ผู้นำประเทศและคู่กรณีความขัดแย้งวิกฤตยูเครนตะวันออกไปเจรจาสันติภาพกันเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั่นเอง เบลารุสมีชายแดนติดกับรัสเซีย ยูเครน โปแลนด์ ลิทัวเนียและลัตเวีย (ดูแผนที่ที่แนบมากับโพสต์นี้ประกอบ) การซ้อมรบระหว่างทั้งสองประเทศมีมาตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 16 เมษายน 2558 เป็นการฝึกการทำงานและดำเนินการเชิงกลยุทธ์ร่วมกันระหว่างทหารพลร่ม (paratrooper) ของทั้งสองประเทศ
นี่แค่จัดเบาๆไปก่อน เป็นการส่งสัญญาณบางอย่างไปยังกลุ่มประเทศบอลติกที่หันไปนิยมนาโต้และเปิดโอกาสให้นาโต้มาซ้อมรบภายในประเทศของตนเองใกล้ชายแดนรัสเซีย ไม่แน่นะ... ต่อไปอาจจะมีการซ้อมรบที่หนักกว่านี้ก็ได้
The Eyes
16/04/2558
----------
Russian, Belarusian Paratroopers Begin Drills in Belarus / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
โอละพ่อ… สวีเดนบอกว่าเรือลึกลับที่คาดว่าเป็นเรือดำน้ำของรัสเซียแท้จริงแล้วเป็นเพียงเรือทั่วไปของเอกชนเท่านั้น!



-----------------
เมื่อปีที่แล้วทางสวีเดนได้เผยแพร่ภาพถ่ายติดวัตถุลึกลับในทะเลใกล้ชายฝั่งเมือง Stockholm ทางนาวิกโยธินของสวีเดนอ้างว่า "อาจจะเป็นเรือดำน้ำ" (probable submarine) ของรัสเซีย สื่อฯหลักของตะวันตกต่างก็พากันโหมประโคมข่าวนี้กัน สร้างความหวาดกลัวและหวาดระแวงต่อรัสเซียให้เกิดขึ้นกับประชาชนชาวยุโรปเป็นจำนวนมาก (เคยลงข่าวให้อ่านแล้ว)
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รมว.กลาโหมออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มงบกลาโหมให้กองทัพถึง 6 พันล้าน kronor (US$696 million) ระหว่างปี 2016 และปี 2020 (ประมาณ 2.2 หมื่นล้านกว่าบาท) สื่อฯฝั่งรัสเซียบอกว่าสวีเดนทุ่มงบเกือบ 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯเพื่อไล่ล่าเรือดำน้ำลึกลับของรัสเซีย (ที่ไม่มีตัวตน) ในขณะที่ทางรัสเซียออกมาปฏิเสธตลอดว่าไม่ใช่เรือดำน้ำของรัสเซียแน่นอน (อาจจะเป็นของพวกเดียวกันกับสวีเดนก็ได้) แต่ฝั่งสวีเดนก็ยังเดินเกมปล่อยข่าวนั้นอย่างต่อเนื่อง ถึงกับมีปฏิบัติการทางทหารจำนวน 200 นายทั้งทางน้ำและทางอากาศอ้างว่าเพื่อไล่ล่าวัตถุลึกลับดังกล่าวที่ตะวันตกสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรือดำน้ำของรัสเซีย แต่ก็ไม่พบอะไร จนนำไปสู่การเพิ่มและอนุมัติงบประมาณกลาโหมของสวีเดนในที่สุด
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (12 เม.ย.58) ทางกองทัพของสวีเดน (Rear Admiral Anders Grenstad) ออกมากล่าวต่อหนังสือพิมพ์ Dagens Nyheter ของสวีเดนว่า จากผลผลการตรวจสอบ สิ่งที่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรือดำน้ำต่างชาติ (รัสเซีย) จริงๆแล้วพบว่าเป็นเพียง "local workboat" ชื่อ "Time Bandit"ยาว 10 เมตร กว้าง 3 เมตร เพียงเท่านั้นเอง แล้ว "workboat" ที่ว่านี้เป็นอย่างไรหรือ? หมายถึงเรือทำงานทั่วไปของเอกชน ใช้ในการพาณิชย์และขนส่งทั่วไป ไม่ใช่เรือของทางกองทัพ ก็คล้ายกับเรือบรรทุกสินค้า หรือเรือลากจูงทั่วไปนั่นเอง
เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา Peter Hultqvist รมว.กลาโหมสามารถต่อรองเพิ่มงบทางกองทัพได้ที่ US$696 โดยกล่าวว่า "การไล่ล่าเรือดำน้ำถือว่าเป็นภารกิจสำคัญอันดับแรก เราพบว่ามีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเพิ่มศักยภาพด้านยุทโธปกรณ์ต่อต้านเรือดำน้ำ เราจำเป็นต้องกระทำสิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อรักษาไว้และพัฒนาซึ่งทักษะของพวกเรา มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะปกป้องอธิปไตยของสวีเดน"
เป็นไงหละครับสวีเดน... จะหาข้ออ้างเพิ่มงบทางกองทัพให้ฟังดูแบบมีเหตุผลน่าเชื่อถือซะหน่อยก็ปั้นเรื่องเรือดำน้ำของรัสเซียบุกรุกน่านน้ำของสวีเดนขึ้นมาซะนี่ เรื่องตลกร้ายในการเต้าข่าวโยนอี้ให้รัสเซียนี่งานถนัดของตะวันตกเลยหละ พองบกลาโหมผ่านแล้วก็ออกมาเปิดเผยในภายหลังว่าแท้ที่จริงนั้นเป็นเรือทำงานของเอกชนซะงั้น แน่ใจนะว่าเป็นเรือของเอกชนจริงๆ เกรงว่าเมื่อตรวจสอบแล้วจะเป็นของพวกเดียวกันหรือของอเมริกานะสิ แต่ไม่กล้าพูดความจริงก็โยนไปให้รัสเซียโน่น จะได้รับกับกระแสถล่มรัสเซียตามอเมริกาไปด้วยเลย แล้วจะให้เชื่อได้อย่างไรว่าที่ออกมาพูดวันนี้เป็นความจริงหรือไม่ เพราะว่าขนาดปั้นน้ำเป็นตัวใส่ร้ายรัสเซียขนาดนั้นก็ยังทำแล้ว และไม่มีการออกมากล่าวขอโทษรัสเซียที่ถูกสวีเดนกล่าวหาเลย แล้วคราวนี้มาบอกว่าไม่ใช่ของรัสเซียแต่เป็นเรือเอกชนซะงั้น ตอนแรกก็ออกมาบอกเองว่าใช่ แต่ตอนนี้มาปฏิเสธเองอีกแล้วพูดเป็นอย่างอื่น ความน่าเชื่อถือของสวีเดนอยู่ตรงไหนนี่?
The Eyes
15/04/2558
---------------
Inquiry Dismisses Sighting of Russian Submarine Near Stockholm / Sputnik International
Sweden confirms mystery ‘Russian sub’…was in fact a workboat — RT News
Swedish military wants $700mn to hunt subs after autumn ‘chase’ — RT News

 

ปอกเปลือก ทรราช
โปแลนด์หวาดระแวงว่าแก๊งบิ๊กไบท์ของรัสเซียจะบุกเข้ายึดประเทศโปแลนด์



-------------
พูดถึงเรื่องความหวาดกลัวหวาดระแวงของพวกอียูที่มีต่อรัสเซียนี่เขาเป็นเอามากจริงๆนะ ขนาดผู้นำของโปแลนต์ยังออกมาประท้วงและคัดค้านทีมสิงห์นักบิด Night Wolves บิ๊กไบท์ชาวรัสเซียจะจัดแรลลี่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบท์ท่องยุโรปในวัน V-Day ของรัสเซียที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 เดือนหน้าด้วย โดยนาง Ewa Kopacz นายกฯของโปแลนด์ออกมาคัดค้าน Night Wolves ของรัสเซียที่จะขี่มอร์เตอร์ไซค์จากโปแลนด์ไปยังกรุงเบอร์ลินประเทศเยอรมันนีว่าเป็นการ "ยั่วยุ" (provocation) และอาจจะสั่งแบนกิจกรรมดังกล่าวของสิงห์นักบิดพวกนี้ก็ได้ อ้าว…เฮ!…. ประเทศประชาธิปไตยอียู กลัวแม้กระทั่งนักท่องเทีียวแว้นรุ่นใหญ่ของรัสเซีย ที่ไม่ได้ออกมาข่มขู่คุกคามใดๆ
เกี่ยวกับเรื่องนี้นาย Wiktor Wegrzyn หัวหน้าทีม Night Wolves ออกมากล่าวว่า "ตลอดระยะทางนั้นพวกเราได้พบกับความมีน้ำใจระหว่างสิงห์มอเตอร์ไซค์ คนธรรมดาทั่วไปและเจ้าหน้าที่ของทางการด้วย เมื่อพวกเราอยู่ที่กรุง St. Petersburg เจ้าหน้าที่ได้อำนวยความสะดวกด้วยการปิด (การจราจร) ทางแยกเพื่อให้พวกเราผ่านไปได้โดยอิสระ พวกเราเดินทางไปทั่วรัสเซียเป็นเวลานานถึง 14 ปี และไม่มีใครใส่ใจเรา เราเคยเดินทางไปที่อนุสาวรีย์ชัยของโปแลนต์ที่เอาชนะรัสเซียได้ (ใกล้กับหมู่บ้าน Klushino ในเขต Smolensk) หลังจากที่โปแลนด์เข้ายึดกรุงมอสโคว์ได้ในปี 1610 (พ.ศ.2153) และก็ไม่มีใครมาก่อกวนพวกเราเลย" (สมัยนั้นกรุงมอสโคว์ยังไม่ได้เป็นเมืองหลวงของรัสเซีย พระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราชได้ย้ายเมืองหลวงไปยังเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก มอสโคว์ในปี 1712 พ.ศ.2255) พอเปิดดูประวัติศาสตร์แบบคร่าวก็พึ่งรู้นี่เองว่าในอดีตนั้นโปแลนด์กับยูเครนตะวันตกเคยรุกรานรัสเซียในอดีตมาก่อนนี่เอง มิน่าหละทุกวันนี้พอรัสเซียแข็งแกร่งขึ้นถึงได้หวาดผวาระแวงว่ารัสเซียจะมาแก้แค้นแม้จะผ่านไปตั้ง 4 ร้อยกว่าปีแล้วก็ตาม โรคหวาดระแวงของพวกอียูที่เคยรุกรานเขาในอดีตนี่เป็นเอามากจริงๆนะนี่
The Eyes
16/04/2558
----------
Poles Split Over Letting Russian Bikers Pass Through on Ride to Berlin / Sputnik International
Poland's PM at Odds With Country's Bikers Over Night Wolves V-Day Ride / Sputnik International
Poland Panicked by Proposed Russian Biker V-Day Ride to Berlin / Sputnik International
Battle of Klushino - Wikipedia, the free encyclopedia
http://en.wikipedia.org/…/Polish–Muscovite_War_(1…