ติดตามสถานะการณ์

ปอกเปลือก ทรราช
โพลล์ใหม่ชี้ว่า ชาวอเมริกันไม่ต้องการให้สภาคองเกรสก่อวินาศกรรมอิหร่าน



--------------
มาต่อที่อเมริกาอีกซักข่าวนะครับ... สื่อฯรัสเซีย (RT News) พาดหัวข่าวว่า "Americans don’t want Congress to sabotage Iran deal – new poll" ซึ่งก็แปลตามที่พาดหัวข่าวในโพสต์นี้นั่นแหละครับ ต้องเข้่าใจก่อนนะว่าเกมถล่มหรือไม่ถล่มอิหร่านที่ยกเอาเรื่องข้อตกลงยุติปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่านขึ้นมาเป็นประเด็นนี้ เป็นเกมระหว่างพรรคดีโมแครทกับพรรครีพับลิกันของสหรัฐฯนะ มันเป็นเกมการเมืองภายในของสหรัฐฯ พวกรีพับลิกันนี่จะกระหายสงครามมากกว่าพวกดีโมแครท (ยกเว้นตระกูลฮิลตันที่กระหายสงครามไม่แพ้รีพับลิกัน)
จากผลสำรวจเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาพบว่าโดยเฉลี่ยแล้วประชาชนชาวอเมริกันประมาณ 61% เห็นด้วยกับการเจรจาปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่านตามนโยบายของพรรคดีโมแครท (ฝั่งโอบาม่า) ผลสำรวจนี้อาจจะมีความผิดพลาดอยู่ที่บวกลบ 3.5% จากการสำรวจที่มีผู้ลงทะเบียนโหวดทั้งหมดจำนวน 800 รายซึ่งเป็นชาวอเมริกันจัดทำขึ้นโดยสำนัก Hart Research
ใครอยู่เบื้องหลังของสำนักโพลล์นี้ คำตอบก็คือกลุ่ม Americans United Change แหนะ... มีคำว่า "Change" โผล่เข้ามาอีกแล้ว รู้แล้วใช่ไหมว่าเป็นฝั่งไหนที่ชูนโยบาย "Change" ในตอนหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีคนล่าสุดของอเมริกา
ก็บอกแล้วว่ามันเป็นการเมืองภายใน แต่เอาอิหร่านมาเป็นข้ออ้างเท่านั้นเอง จากการสำรวจในครั้งนี้ภายใต้คำถามที่ว่าเห็นด้วยหรือไม่กับข้อตกลงเรืื่องนิวเคลียร์อิหร่าน พบว่าพวกดีโมแครทเห็นด้วย 81% ไม่เห็นด้วย 15% ผู้ที่ไม่สังกัดพรรคเห็นด้วย 58% ไม่เห็นด้วย 35% ส่วนพรรครีพับลิกันเห็นด้วย 41% และไม่เห็นด้วย 52% โดยคะแนนรวมจากฝั่งผู้ที่เห็นด้วยเป็น 61% ส่วนฝั่งที่ไม่เห็นด้วยนั้นได้ 34% เมื่อดีโมแครทเดินเกมนี้โดยใช้โพลล์เป็นเครื่องมือ (ถ้าฝั่งที่ไม่เห็นด้วยมีเสียงมากกว่าเขาก็คงไม่กล้าเอามาลงหรอก) ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าประชาชนชาวอเมริกันส่วนมากไม่เห็นด้วยกับการถล่มอิหร่านโดยอ้างปัญหานิวเคลียร์ตามที่พวกรีพับริกันต้องการ
ปัญหาจึงมีอยู่ว่าทำไมโอบาม่าถึงเลือกที่จะประณีประนอมกับอิหร่าน และเล่นเรื่องนี้ในสมัยที่เขายังมีอำนาจอยู่? สมัยก่อนที่เกิดสงครามโคโซโว ก็บิล คลินตันเป็นปธน.ของสหรัฐฯนั่นแหละที่นาโต้ยกทัพไปถล่มโคโซโวเละยิ่งกว่าซีเรียในสมัยปัจจุบัน และสมัยนี้ก็โอบาม่านั่นแหละที่ไฟเขียวให้ถล่มทั้งอิรัครอบสองและซีเรียและยูเครนด้วย จะมองว่าดีโมแครทเป็นพวกรักสันติก็คงจะง่ายไปมั๊ง ในตอนที่ฮิลลารี่ฯไปหาเสียงที่แคนาดาเมื่อช่วงที่เกิดวิกฤตยูเครนอย่างหนักนางก็เรียกร้องให้แคนาดาเห็นด้วยกับนโยบายสนับสนุนด้านอาวุธหนักให้รัฐบาลยูเครนเพื่อไปต่อสู้กับกลุ่มนิยมรัสเซีย (DPR/LPR) ในยูเครนตะวันออกแต่อียูไม่เอาด้วยเพราะถูกปูตินเบรกไว้ซะก่อน เพราะถ้าอียูหลงกลอเมริกาในครั้งนั้น สงครามใหญ่ในยุโรปตะวันออกและที่อื่นๆในยุโรปเกิดขึ้นแน่ นั่นคือความต้องการของสหรัฐฯโดยจะทำให้ยุโรปกลายเป็นสนามรบแห่งใหม่ของตนเองแทนที่จะเป็นที่สหรัฐฯ ถ้าเกิดขึ้นจริงสหรัฐฯก็จะสามารถกำจัดหอกข้างแคร่ได้ทีเดียวถึงสองรายคือรัสเซียและอียู แม้ว่าภายนอกนั้นอียูจะเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯแต่ลึกๆแล้วสหรัฐฯไม่ยินดีที่จะเห็นใครเจริญก้าวหน้าและมีอิทธิพลเหนือตนเอง
การที่โอบาม่าเลือกที่จะใช้สันติวิธีกับอิหร่านนี้ไม่ใช่เพราะว่าสหรัฐฯกลัวอิหร่านหรือไม่แน่ใจว่าอิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ซ่อนอยู่หรือไม่ แต่กลัวจีนกับรัสเซียที่หนุนหลังอิหร่านต่างหาก ในเวทีการเจรจาเรื่องปัญหานิวเคลียร์ครั้งล่าสุดนั้นอียูก็เข้าข้างอิหร่านด้วย ในประเทศมหาอำนาจทางนิวเคลียร์ที่เรียกว่า "P5+1" ซึ่งประกอบด้วย สหรัฐฯ อังกฤษ รัสเซีย จีน ฝรั่งเศส และเยอรมันนั้น ฝ่ายยุโรป รัสเซียและจีนเชียร์อิหร่าน ตายหละหว่า!... ก็เเหลือโด่เด่อยู่รายเดียวคือสหรัฐฯเท่านั้นนะสิ ฮ่าๆ… และในสหรัฐฯนั้นก็เสียงแตกภายในกันเองด้วย
ที่อียูสนับสนุนทางอิหร่านนั้นไม่ใช่เรื่องกลัวนิวเคลียร์อิหร่านเช่นกัน แต่เป็นเพราะเงื่อนไขทางเศรษฐกิจของอียูตะหากที่ตอนนี้มีสภาพที่ย่ำแย่สุดๆ และอียูก็ต้องการที่จะหนีให้พ้นจากวิกฤตทางเศรษฐกิจของตนจึงต้องการเข้าไปลงทุนทำมาหากินในอิหร่าน มีการแบ่งเค้กทางเศรษฐกิจกันเรียบร้อยแล้วก่อนที่จะมีการเจรจาปัญหานิวเคลียร์กันซะอีก รัสเซียกับจีนก็รุกเข้าไปในอิหร่านมากขึ้นเช่นกัน รุกในที่นี้หมายถึงเป็นพันธมิตรกับอิหร่านนะ ครั้นอียูจะหลงกลสหรัฐฯอีกก็จะพาตัวเองซวยไปด้วย จึงเริ่มฉลาดขึ้นมาบ้างโดยหันไปทางรัสเซียกับจีนดีกว่า
ก่อนหน้านี้พวกรีพับริกันก็ส่งจดหมายถึงผู้นำอิหร่านโดยขู่ว่าข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์กันนั้นทำขึ้นเฉพาะรัฐบาลชุดนี้ของสหรัฐฯกับอิหร่านเท่านั้น ไม่ผ่านสภาคองเกรสของสหรัฐฯ พอรัฐบาลนี้ไปแล้วรัฐบาลใหม่ก็มีสิทธิ์ที่จะยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงอะไรในภายหลังก็ได้ คำขู่นี้ไม่ได้ขู่เฉพาะอิหร่านนะ รีพับลิกันขู่โอบาม่าด้วย โอบาม่าเองก็ไม่เชื่อใจนางฮิลลารี่ฯสักเท่าไรกลัวว่านางจะเดินตามสามีของนางที่เคยทำแล้วในอดีตนะสิ ดังนั้นโอบาม่าจึงต้องเรียกเสียงสนับสนุนจากสภาคองเกรสให้ผ่านกฎหมายยอมรับข้อตกลงที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในเดือนมิถุนายนนี้ให้ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในภายหลัง ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ตาม ยกเว้นสภาฯจะมีเสียงข้างมากในการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลง ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ต้องสู้กันภายในอีกนาน เพื่อทำให้สภาฯเห็นด้วยกับความคิดของโอบาม่า โอบาม่าก็เลยใช้แผนเรียกเสียงสนับสนุนผ่านโพลล์ซะเลย นี่ว่าจะพูดเรื่องโพลล์สั้นๆเองไปโน่นเลย พอดีหละ เอาเนื้อที่ไว้ให้ข่าวอื่นบ้างน้อ
The Eyes
13/04/2558
----------
Americans don’t want Congress to sabotage Iran deal – new poll — RT USA
http://aufc.3cdn.net/8c37f0eafa2a08abc7_jnm6bnwar.pdf

 

ปอกเปลือก ทรราช

อเมริกาเดินหน้าขายกัญชาชูแคมเปญจ์ มารีฮวนน่าช่วยรักษาเซลมะเร็งได้!



--------------
อุ๊แม่เจ้า!... สงสัยนโยบายขายยาเสพติดโดยทำให้กัญชาเป็นสิ่งเสพติดที่ถูกกฎหมายสหรัฐฯของโอบาม่าจะเกิดขึ้นจริงๆทั่วสหรัฐฯและทั่วโลกซะหละมั๊งนี่ เมื่อเศรษฐกิจอเมริกาตกต่ำ รัฐบาลก็จนปัญญาที่จะทำให้มันดีขึ้นได้นอกจากการเที่ยวสร้างสงครามให้เกิดขึ้นในประเทศนั้นประเทศนี้ และเที่ยวยุแหย่ประเทศต่างๆให้มีความขัดแย้งกันทั้งภายในและภายนอกเพื่อนำไปสู่สงครามให้อเมริกาสามารถขายอาวุธสงครามได้อีก นอกจากเรื่องค้าอาวุธแล้วอีกเรื่องที่อเมริกาถนัดก็น่าจะเป็นเรื่องยาเสพติดนี่แหละ เพราะเม็ดเงินที่หมุนเวียนในวงการค้ายาเสพติดนั้นมันมีจำนวนมหาศาลไม่แพ้รายได้จากการค้าอาวุธเลยหากรัฐบาลสหรัฐฯสามารถทำเรื่องการค้ายาเสพติดให้เป็นเรื่องถูกกฎหมายและเอาเงินจากใต้ดินขึ้นมาอยู่บินดินได้
ดังนั้นเพื่อให้เกิดการยอมรับจากสังคม รัฐบาลสหรัฐฯจึงพยายามมอมเมาประชาชนของพวกเขาเองให้ติดยาเสพติดจนงอมแงม โดยเร่งโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองที่สนับสนุนการเสพกัญชาโดยอ้างผลการวิจัยว่า "กัญชาสามารถรักษาเซลมะเร็งได้" ว้าวววว! เรื่องแบบนี้ไม่มีใครฉลาดเกินกว่าอเมริกาอีกแล้วครับท่าน
ล่าสุดสถาบันเกี่ยวกับการเสพยาเสพติดแห่งชาติ (National Institute on Drug Abuse) เรียกชื่อย่อว่า "NIDA" (คนละหน่วยงานกับนิด้าของไทยนะขอรับ) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ (รัฐบาลอยู่เบื้องหลังของหน่วยงานนี้) ออกมาเปิดเผยว่าจากผลการศึกษาพบว่าสารสะกัดจากกัญชาสามารถทำให้เนื้องอกในสมองหดตัวลงได้ จากการทดลงกับหนูพบว่าสารสะกัดดังกล่าวสามารถฆ่าเซลมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับการใช้เคโมรักษาเลย (chemotherapy) แม้ว่ากัญชายังไม่ได้รับอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (US Food and Drug Administration) ว่าเป็นยารักษาโรคชนิดหนึ่ง แต่ต้นกัญชาก็มีสารเคมีหลายชนิดที่เรียกว่า "cannabinoids" ซึ่งทางสหรัฐอ้างว่าจากการศึกษาพบว่ามีคุณสมบัติในการรักษาโรคได้เป็นอย่างดี การวิจัยดังกล่าวได้นำไปสู่การผลิตยาขึ้นมาสองชนิดที่มีส่วนประกอบของสารเคมีในกัญชาขององค์การอาหารและยาของสหรัฐฯด้วย (FDA)
มีหลายรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ผ่านกฎหมายที่อนุญาตให้สามารถใช้กัญชาเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์บางอย่าง (medical purposes) แต่รัฐบาลกลางยังไม่อนุญาตให้นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อย่างอื่น
อีกหน่อยก็คงจะออกมาบอกว่า... จากการวิจัยพบว่าฝิ่นช่วยรักษาความเจ็บปวดและผ่อนคลายความทุกข์ได้ (โดยดูจากที่สมัยก่อนนี้คนจีนติดฝิ่นกันงอมแงมมาแล้ว ทุกคนที่สูบฝิ่นและใช้ยาเสพติดล้วนแล้วแต่มีความสุข (ชั่วขณะ) เพราะหลุดเข้าอยู่ในโลกแห่งความฝันแทน เมื่อหมดฤทธิ์ยาแล้วก็กลับมาสู่ความทุกข์ที่เลวร้ายกว่าเดิมอีกเพราะตัวเองได้ตกเป็นทาสยาเสพติดไปแล้ว และอาชญากรรมต่างๆก็จะตาม) และอเมริกาก็คงจะบอกอีกว่ายาเสพติดชนิดอื่นเช่นโคนเคน ยาบ้า เฮโรอีนก็มีสารต่อต้านมะเร็งด้วยเช่นกันสินะ เอาเข้าปะ มอมเมาประชาชนของตัวเองเข้าปะ...
ป.ล. แต่ยังไม่มีผลสำรวจออกมาว่ามีผู้สูบกัญชากี่รายที่เป็นมะเร็งแล้วหายจากโรคมะเร็งเพราะการสูบหรือเสพกัญชา และยังไม่มีการศึกษาอีกว่ามีนักเสพกัญชากี่รายที่เป็นหรือไม่เป็นโรคมะเร็ง
The Eyes
13/04/2558
----------
US Study Concludes Marijuana Can Kill Cancer Cells / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
รัสเซียยื่นมือให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในเยเมนแต่สหรัฐฯยื่นอาวุธให้ซาอุดิฯถล่มเยเมนต่อ



--------------
ความแตกต่างระหว่างพระเอก-ผู้ร้ายในหนังกับในโลกของความเป็นจริง รัสเซียส่งทั้งเครื่องบินและเรือรบเข้าช่วยเหลืออพยพผู้คนออกจากสงครามในเยเมนอย่างต่อเนื่อง แต่สหรัฐฯให้การสนับสนุนด้านอาวุธให้ฝ่ายซาอุดิฯเพื่อถล่มเยเมนและเข่นฆ่าผู้คนทุกวันเป็นว่าเล่น ในหนังฮอลลีวูดนั้นอเมริกาจะสร้างภาพให้ตัวเองเป็นพระเอก เป็นฮีโร่ ให้ดูดีอยู่เสมอ ในขณะเดียวกันก็สร้างภาพให้ประเทศคู่แข่งเช่นรัสเซีย จีน เกาหลีเหนือเป็นฝ่ายร้ายอยู่บ่อยๆ ทำให้สังคมทั่วโลกมีทัศนะที่ไม่ดี มีความรังเกียจและต่อต้านประเทศเหล่านั้นที่ไม่ยอมก้มหัวให้สหรัฐฯ นี่เป็นจิตวิทยาในการปลูกฝังค่านิยมคลั่งอเมริกาและเผยแพร่ลัทธิจักรวรรดิอเมริกา สร้างความเกลียดชัง ดิสเครดิต มีอคติต่อรัสเซีย จีน และเกาหลีเหนือที่ได้ผลมาเป็นอย่างยิ่ง ประจวบกับการใช้สื่อฯหลักของตะวันตกที่ควบคุมโดยรัฐบาลประโคมข่าวให้ร้ายสร้างความระแวงต่อรัสเซีย จีน เกาหลีเหนือ ลาตินอเมริกาและแม้กระทั่งไทยที่ไม่ยอมทำตามคำสั่งเผด็จการโลกโดยอ้างประชาธิปไตยบังหน้า
อันนี้ไม่ได้กล่าวหา หากดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ก็จะเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเฉพาะที่เยเมนนี้ นับตั้งแต่เกิดเหตุสงครามระหว่างเยเมนกับกองกำลังผสมชาติอาหรับนำโดยซาอุดิฯที่มีสหรัฐฯอยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนด้านอาวุธและคอยชี้เป้าให้เครื่องบินรบฝั่งซาอุดิฯบินเข้าไปถล่มเยเมน พอเครื่องบินรบของซาอุดิฯถูกกลุ่มฮูติสอยร่วง อเมริกาก็จะส่งคนของตนเข้าไปช่วยเหลือนักบินเหล่านั้นทันที แต่อเมริกาไม่เคยที่จะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในการอพยพหรือส่งเครื่องอุปโภคบริโภคเข้าไปในเยเมนในช่วงที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาเลย ผู้ที่ให้ความช่วยเหลือนั้นมีแต่จีนกับรัสเซียเท่านั้น จีนนั้นใช้เรือรบของตนเข้าคุมสถานการณ์ในอ่าวอาดังไม่ให้กองกำลังผสมชาติอาหรับถือโอกาสเข้ายึดเส้นทางการเดินเรือน้ำมันในอ่าวอาดังได้ และจีนยังได้ให้การช่วยเหลือในการอพยพผู้คนด้วย ข่าวที่รัสเซียช่วยอพยพผู้คนออกจากเยเมนนี้จะไม่ค่อยปรากฎในสื่อฯหลักของตะวันตก พวกสื่อฯประเทศต่างๆที่รับข่าวไปจากตะวันตกก็จะไม่มีข่าวรัสเซียให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมปรากฎเป็นข่าวด้วยเช่นกัน เขาทำกันเป็นเครือข่าย
รัสเซียก็ให้ความช่วยเหลือในการอพยพผู้คนออกจากภัยสงครามในเยเมนเช่นกัน โดยรัสเซียได้ทั้งเครื่องบินโดยสารเข้าไปในเยเมนเพื่ออพยพผู้คนเป็นจำนวนมากและหลายเที่ยวบินทุกวันอย่างต่อเนื่อง เที่ยวละร้อยกว่าคนถึงสามร้อยกว่าคนบ้าง ส่วนมากมีก็มีทั้งชาวรัสเซียเองและชาวต่างชาติด้วย ล่าสุดรัสเซียก็ส่งเรือรบของตนเข้าสู่เยเมนเพื่อให้ใช้สำหรับอพยพผู้คนด้วยเช่นกัน นั่นคือเหตุผลเพื่อป้องกันไม่ให้สหรัฐฯกล่าวหารัสเซียได้ว่ารัสเซียมีความเคลื่อนไหวทางกองทัพในเยเมนซึ่งฝั่งสหรัฐฯนั้นจ้องจะเล่นมุกนี้อยู่แล้ว (แต่ปูตินก็รู้ทันน่า) แต่อีกเหตุผลหนึ่งจริงๆนั้นก็คือเพื่อคุมสถานการณ์เช่นเดียวกับเรือรบของจีนนั่นเอง งานนี้ทั้งจีนและรัสเซียแท็กทีมกันเตรียมพร้อมอยู่ในอ่าวอาดังอยู่แล้ว ทัพเรือของฝ่ายกองกำลังผสมชาติอาหรับที่นำโดยซาอุดิฯจึงไม่กล้าออกตัวมากนัก
สหรัฐฯกับชาติตะวันตกหนะหรือ? ฝันไปเถอะที่จะเสนอหรือยื่นมือให้ความช่วยเหลืออพยพผู้คนในตอนนี้ สิ่งที่อมริกาจะยื่นให้ก็มีแต่อาวุธเท่านั้น แต่ไม่ให้ยื่นให้กลุ่มฮูติหรอกนะ ยื่นให้กับทางซาอุดิฯใช้สำหรับถล่มเยเมนเข้าไปอีกต่างหาก หากดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยูเครนก็จะสามารถทราบความคิดของสหรัฐฯกับอียูได้ คือช่วงที่สถานการณ์มีความตึงเครียดสู้กันหูดับตับไหม้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่สหรัฐฯและอียูจะโกยกำไรจากการค้าอาวุธสงครามได้มากที่สุด เขาจะไม่สนใจเรื่องการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเลย หลังจากที่สงครามยุติแล้วถึงจะเสนอเงินกู้ล้างผลาญประเทศที่เกิดสงครามนั้นก้อนใหญ่ให้ อ้างว่าเพื่อเป็นการฟื้นฟูระบบสาธารูปโภคต่างๆ เพื่อที่จะหากินอีกต่อหนึ่งจากดอกเบี้ยเงินกู้มหาโหดของ IMF ที่นำโดยสหรัฐฯนั่นเอง
ล่าสุดสหรัฐฯก็ให้ทางกรุงเคียฟออกมาเรียกร้องเงินกู้ IMF ก้อนใหม่ประมาณ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ($1.5 billion) (ประมาณ 50,400 ล้านบาท) อ้างเพื่อช่วยฟื้นฟูยูเครนตะวันออก แผนนี้กรุงเคียฟกะว่าจะหักหัวคิวจากชาวยูเครนตะวันออกที่ประกาศเป็นสาธารณรัฐปกครองตนเองทั้งสองแห่ง (DPR และ LPR) แล้วให้ทั้งสองรัฐนั้นจ่ายหนี้เอง โดยเงินกู้อาจจะไม่ถึงมือของชาวยูเครนตะวันออกก็ได้
ที่เยเมนก็เช่นกันตอนนี้อเมริกายังไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆต่อเยเมนทั้งนั้นจนกว่าจะมั่นใจได้ว่าสหรัฐฯสามารถยึดเยเมนมาไว้ในอำนาจของตนเองได้อย่างเบ็ดเสร็จเหมือนกับยูเครนในปัจจุบันนี้แล้วเท่านั้น นี่คือการทำมาหากินอีกแบบหนึ่งของรัฐบาลสหรัฐฯและพันธมิตรของเขา งานนี้มันจะไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก เพราะมีผู้เล่นรายอื่นเข้าไปร่วมแจมด้วยซึ่งก็คือรัสเซียกับจีน ทั้งสองประเทศนี้รู้ว่าถ้ากองกำลังผสมอาหรับฯหุ่นเชิดของสหรัฐฯยึดเยเมนได้ ก็หมายถึงว่าสหรัฐฯสามารถยึดเส้นทางลำเลียงน้ำมันในตะวันออกกลางได้เบ็ดเสร็จแน่ ราคาน้ำมันทั่วโลกจะขึ้นจะลงก็อยู่ที่อารมณ์ของอเมริกาเท่านั้น มีหรือที่จีนกับรัสเซียจะยอมให้อเมริกาดำเนินการแผนนี้ได้สำเร็จ ฉะนั้นรัสเซียจึงส่งเรือรบของตนเข้าไปร่วมกับเรือรบของจีนในอ่าวอาดังด้วยแบบเนียนๆว่างั้นเถอะ
The Eyes
13/04/2558
----------
Plane Evacuating Russians, Foreigners From Yemen Lands in Moscow region / Sputnik International
Russian Warship Evacuates 308 People From Yemen – Defense Ministry / Sputnik International
Russia to Evacuate 150 People From Yemen on Sunday – Embassy / Sputnik International
Another Aircraft Evacuating People From Yemen Lands in Moscow Region / Sputnik International
Russian planes evacuate over 300 people from war-torn Yemen — RT News
Kiev Needs $1.5Bln for Ukraine’s East Reconstruction / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
สายการบินเยอมันวิงส์อพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบินด่วน เหตุถูกขู่วางระเบิด



--------------
Morning สวัสดีวันปีใหม่ไทยและวันสงกรานต์ ทุกท่านครับผม... ขอเสริฟข่าวทั่วไปรับอรุณให้กับแฟนเพจและผู้อ่านทุกท่านก่อนนะครับ เมื่อวานนี้เกิดเหตุวุ่นวายกับสายการบินเยอรมันวิงส์อีกแล้ว เครื่องบินโดยสาร Airbus A320 ของสายการบินเยอรมันวิงส์เที่ยวบินที่ 4U826 บินจากเมือง Cologne มุ่งหน้าไปยัง Milan ต้องลงจอดฉุกเฉินอพยพผู้โดยสารจำนวน 126 คนและลูกเรืออีก 6 คนออกจากเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นการด่วนที่สนามบิน Cologne-Bonn เนื่องจากถูกขู่วางระเบิด
จากนั้นตำรวจก็ใช้สุนัขดมกลิ่นหาวัตถุระเบิดภายในเครื่องบินแต่ก็ไม่พบว่ามีวัตถุระเบิดตามที่ถูกขู่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่เครื่องบินเยอรมันสายการบินเดียวกันนี้ประสบอุบัติเหตุตกที่ฝรั่งเศสเพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น
ในวันเดียวกันนี้ (วันอาทิตย์ที่ 12 เม.ย.58) ก็มีรายงานว่าเกิดเหตุการณ์เครื่องบินโดยสารขนาดเล็ก Cessna 172 ของเยอรมันนีตกที่ถนนหลวงหมายเลข A28 ใกล้เมือง Oldenburg ประเทศเยอรมันนีด้วย ภายในเครื่องบินลำนี้มีผู้โดยสารทั้งหมด 4 คนคาดว่าเสียชีวิต 1-2 คน สันนิษฐานว่าเครื่องบินลำดังกล่าวพยายามลงจอดที่สนามบิน Hude-Hatten แต่ประสบอุบัติเหตุบนทางด่วนซะก่อน (ไปไม่ถึงสนามบิน) โดยลำตัวส่วนหางของเครื่องบินอยู่ในป่าข้างถนนในขณะที่ส่วนหัวของเครื่องบินพาดอยู่บนรั้วข้างถนนและยื่นออกมาถึงตัวถนนด้วย ทีมกู้ภัยรุดให้ความช่วยเหลือส่งผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และปิดถนนสายดังกล่าวด้วยเนื่องจากพบว่ามีน้ำมันเครื่องบินรั่วเสี่ยงต่อการระเบิดขึ้นมาได้ ไม่มีรายงานเบื้องหลังแจ้งว่าอะไรเป็นสาเหตุของเครื่องบินตกในครั้งนี้
ส่วนที่แคนาดาก็มีเหตุการณ์เกี่ยวกับเครื่องบินเกิดขึ้นอีกครั้งเช่นกัน โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหนึ่งในผู้โดยสารที่เป็นหญิงสูงวัยอายุ 80 ปีของสายการบิน Air Canada (อีกแล้ว) เที่ยวบินที่ ACA-877 ได้จู่โจมทำร้ายลูกเรือบนเครื่อง หญิงสูงวัยคนดังกล่าวถูกกล่าวหาว่าได้ทำร้ายสจ๊วดคนหนึ่งทั้งข่วนทั้งกัด (ข่วนผู้โดยสารท่านอื่น เมื่อสจ๊วดเข้ามาห้ามก็ถูกกัดซะเลย) หญิงสูงวัยคนดังกล่าวเป็นชาวไอริช ถูกเจ้าหน้าตำรวจควบคุมตัวทันทีหลังจากเครื่องบินลงจอด (อุบ๊ะ! ผู้หญิงไอริชนี่ก็น่ากลัวเหมือนกันน้อ)
เท่าที่สังเกตเห็นก็คือทั้งเหตุการณ์ขู่วางระเบิดเครื่องบินเกิดขึ้นกับสายการบินเดีียวกันกับที่เครื่องบินพึ่งจะตกที่ฝรั่งเศสเมื่อเร็วๆนี้นี่เอง ก่อนหน้านี้เคยลงข่าวให้อ่านแล้วที่ตุรกีก็โดนขู่อย่างน้อย 3 ครั้งว่าจะมีการลอบวางระเบิดบนเครื่องบินหลังจากที่เกิดเหตุการณ์จับอัยการเมืองอิสตันบูลประเทศตุรกีเป็นตัวประกัน พบว่า 1 ใน 3 ของการขู่วางระเบิดเป็นความจริง หมายความว่าหลังจากตรวจค้นเครื่องบินแล้วพบว่ามีวัตถุระเบิดอยู่จริง กรณีที่เครื่องบินเยรมันวิงส์ตกที่ฝรั่งเศสนั้นคงจะไม่ใช่อุบัติเหตุเพียงเพราะสันนิษฐานว่านักบินผู้ช่วยมีอาการป่วยทางจิตจงใจทำให้เครื่องบินตกตามที่เป็นข่าวซะแล้วหละมั๊ง
The Eyes
13/04/2558
----------
Germanwings Plane Evacuated After Bomb Threat – Reports / Sputnik International
Plane Crashes Into Highway in Germany / Sputnik International
http://rt.com/news/248957-air-canada-plane-diverted/

 

ปปช.ชงรายชื่อลอต2 บัญชีดำขรก.เอี่ยวโกง เตรียมส่งศอตช.เชือด
13 เม.ย. 2558 06:00 น.



ปปช.ชงรายชื่อลอต2/บัญชีดำขรก.เอี่ยวโกง/เตรียมส่งศอตช.เชือด/กาหัวคนเคยถูก‘ชี้มูล’/

เมื่อวันที่ 12 เมษายน นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้ปปช.กำลังรวบรวมรายชื่อข้าราชการที่มีปัญหาเรื่องการทุจริตส่งให้กับศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.) ที่มีพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศอตช. เป็นรอบที่สองก่อนหน้านี้ป.ป.ช.ได้ส่งรายชื่อข้าราชการที่ถูกดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาให้กับศอตช.แล้ว 5-10 รายโดยเป็นข้าราชการระดับท้องถิ่นที่ถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีเรียกรับเงิน จัดซื้อจัดจ้าง
เตรียมถกบัญชีดำขรก.รอบ2
“สำหรับการส่งรายชื่อข้าราชการรอบที่ 2 นี้ หลังจากปปง.รวบรวมรายชื่อเรียบร้อยก็ต้องเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาเพื่อขอมติ ก่อนจะส่งให้พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศอตช.ต่อไป คาดว่าหลังสงกรานต์จะมีการเรียกประชุมศอตช.”นายสรรเสริญ กล่าว
กาหัวคนถูกชี้มูลแต่ลอยนวล
นายสรรเสริญ กล่าวว่า ในการเสนอรายชื่อของป.ป.ช.จะดูจากรายชื่อข้าราชการที่ถูกชี้มูลความผิดไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการลงโทษจากต้นสังกัด และยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ ยืนยันว่าป.ป.ช.ต้องทำด้วยความรัดกุมและรอบคอบ กำลังตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียดให้ชัดเจนก่อนส่ง เพราะไม่เช่นนั้นคนที่ถูกส่งชื่อจะเสียหายต้องให้ความเป็นธรรม เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ เพราะหากมีการร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และเมื่อตรวจสอบพบว่าไม่ได้กระทำความผิดจริง หรือถูกกลั่นแกล้งก็อาจส่งผลกระทบมาถึงภาพลักษณ์การทำงานของศอตช.ได้
เปรยมีข้าราชการระดับสูงแน่
ทั้งนี้ยืนยันว่าป.ป.ช.ไม่ผลีผลามส่งรายชื่อ ยกเว้นกรณีที่มีมูลและแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วเท่านั้น และจะไม่ส่งรายชื่อข้าราชการในคราวละมากๆ แต่รายชื่อที่ส่งถึงจะน้อยแต่มีคุณภาพ
ผู้สื่อข่าวถามว่าในรายชื่อรอบที่ 2 ที่พิจารณานี้มีข้าราชการระดับสูงระดับนายอำเภอ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือไม่ นายสรรเสริญ กล่าวว่า ในการพิจารณาก็ต้องดูข้าราชการระดับสูงด้วยตามปกติอยู่แล้ว คือในระดับจังหวัด ผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ ไปถึงระดับอธิบดีกรม ปลัดกระทรวงเหล่านี้อยู่ในผู้ที่ถูกเข้าข่ายที่ว่าถ้ามีเรื่องร้องเรียนและมีหลักฐานก็มีสิทธิจะโดนก่อน
ลั่นใครทำอะไรไว้เก้าอี้ร้อนแน่
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าเก้าอี้ต้องร้อนกันแน่ๆ เลขาฯป.ป.ช. กล่าวว่า “ถ้าใครทำอะไรไว้ก็ต้องร้อนแน่ แต่ป.ป.ช.จะดูจากกรณีที่ไต่สวนแล้ว มีมูล ถูกแจ้งข้อกล่าวหา เราไม่ผลีผลามที่จะส่งรายชื่อ เพราะไม่เช่นนั้นเขาจะเสียสิทธิ อาทิ สิทธิในการเลื่อนตำแหน่ง ดังนั้นเราต้องรอบคอบ เป็นธรรม”เลขาฯป.ป.ช. กล่าว
และว่านโยบายของพล.อ.ไพบูลย์ถือว่าถูกต้องเพราะอย่างในประเทศจีนเขาปลดออกจากตำแหน่งก่อนเลยหากพบว่ามีหลักฐานทุจริต ทั้งที่ยังไม่โดนอาญาด้วยซ้ำ
วางกรอบขึ้นบัญชีดำล็อต3
อย่างไรก็ตามในการพิจารณารายชื่อรอบที่ 3 ได้วางแนวพิจารณาไว้ว่าจะพิจารณารายชื่อข้าราชการที่ถูกตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เนื่องจากถือว่ามีข้อมูลที่เข้าข่ายกระทำการทุจริต และจะพิจารณาเสนอชื่อผู้บริหารท้องถิ่นที่จงใจไม่ยื่นแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินด้วย เพราะตอนนี้ศาลได้มีการลงโทษจำคุกแล้ว แต่ก่อนหน้านี้เพียงรอลงอาญา โดยมีตัวอย่างจากกรณีที่ศาลฎีกา แผนคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกผู้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลแม่คำมี อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ ก็ทำให้มีคนกลัวมากขึ้น
โกงฟุตซอลสอบถึงต้นทาง
นายสรรเสริญ ยังกล่าวถึงความคืบหน้ากรณีไต่สวนเรื่องการทุจริตในการก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ ว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการไต่สวนเรื่องนี้กำลังพิจารณาในรายละเอียดเรื่องการตรวจรับ จัดซื้อจัดจ้าง รวมไปถึงที่มาของเงินงบประมาณโครงการว่ามีเส้นทางมาจากไหนบ้าง ถูกต้องหรือไม่
ทั้งนี้การที่งบฯลงไปที่สพฐ.ใครเป็นผู้รับผิดชอบก่อนที่สพฐ. กระจายงบฯลงมาในพื้นที่ ใครเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนนี้บ้าง การดูเส้นทางงบประมาณ และ เจาะลงไปดูเรื่องการตรวจรับนั้นเป็นเรื่องที่ละเอียด จะทำให้เกิดความละเอียดถี่ถ้วน ไม่เช่นนั้นก็จะได้แต่ปลาซิวปลาสร้อย จึงต้องดูตั้งแต่ต้นทาง
“มาร์ค-สุเทพ-ปู”ลุ้นคดีหลังสงกรานต์
ทางด้าน นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีต่างๆที่กำลังดำเนินการไต่สวนอยู่ในขณะนี้ว่า หลังจากเทศกาลสงกรานต์จะมีคดีที่สังคมให้ความสนใจมีข้อสรุปที่จะแจ้งต่อสาธารณชนได้ว่าอะไรเกิดขึ้น เช่น คดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวหาพระสุเทพ ปภากโรหรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 หลัง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คดีสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงปี 2553 ที่มีการแจ้งข้อกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ว่าเข้าข่ายถูกถอดถอนทางการเมืองหรือไม่ และคดีกล่าวหาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกับ ครม. และพวก 2 ราย ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ปลายปี 2548 - พฤษภาคม 2553 รอบแรกจำนวน 524 ราย วงเงินรวม 577 ล้านบาท
- See more at: หนังสือพิมพ์แนวหน้า - มั่นคง ตรงไป ตรงมา

 

จ่อส่งขรก.โกงลอต2 ปปช.ชงศอตช.เชือด ระดับบิ๊ก-มีสิทธิ์โดน
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 13 เม.ย. 2558 06:01



ป.ป.ช.จ่อส่งรายชื่อ ขรก.โกงลอตสองให้ ศอตช. ระดับปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ อยู่ในแบล็กลิสต์ต้องสอบ เขย่าขวัญ ใครทำอะไรไว้เก้าอี้ร้อนแน่ “สิงห์ชัย” ขอ “บิ๊กตู่” ใช้ ม.44 ปราบทุจริตจริงจัง “พิชัย” ซัดทีม ศก.ไร้วิชั่น จ้องรีดภาษีเหมือน “แดร็กคูล่า” ชี้เป้าคนปล่อยข่าวเศรษฐกิจทรุดคือ “หม่อมอุ๋ย” เด็ก ปชป. ส่งทีมทนายงัด ป.อาญา 157 เล่นงาน ปปง.ยึดทรัพย์แม่ “เสธ.อู้” ยัน รธน.ใหม่ตีโจทย์การเมืองไทยแตก เกจิดังเตือน “ปู” รีบแก้กรรม ยอดฉัตรเอียงบ่งชี้จะมีเหตุเภทภัย เจ้าตัวยังชิลควง “น้องไปก์” ดูฟาสต์ 7

หลังศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ส่งรายชื่อข้าราชการที่พัวพันการทุจริตราว 100 คน ถึงมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ล่าสุดนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช.ระบุว่า ป.ป.ช.เตรียมส่งรายชื่อข้าราชการพัวพันการทุจริตลอตที่สองเพิ่มเติม

ป.ป.ช.จ่อส่งชื่อ ขรก.โกงรอบสอง

เมื่อวันที่ 12 เม.ย. นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า หลังจาก ป.ป.ช.ส่งรายชื่อข้าราชการทุจริตรอบแรกให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ไปแล้ว 5-10 ราย ซึ่งเป็นข้าราชการระดับท้องถิ่นที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีการเรียกรับเงิน การจัดซื้อจัดจ้าง ขณะนี้ ป.ป.ช.เตรียมรวบรวมรายชื่อข้าราชการทุจริตรอบสอง เพื่อส่งเพิ่มเติมให้ ศอตช.โดยต้องส่งเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ป.ป.ช.เพื่อขอมติก่อนส่งให้ศอตช.ต่อไป โดยจะดูจากรายชื่อข้าราชการที่ถูกชี้มูลความผิดไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการลงโทษจากต้นสังกัด ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ ยืนยันว่า ป.ป.ช.ทำด้วยความรัดกุม รอบคอบ มีการตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียด ไม่ผลีผลามส่งรายชื่อ จะไม่ส่งรายชื่อครั้งละมากๆ รายชื่อที่ส่งถึงจะน้อยแต่มีคุณภาพ

เฟ้นจับปลาใหญ่ส่ง ศอตช.ฟัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า รายชื่อข้าราชการทุจริตรอบสองจะมีข้าราชการระดับสูง ระดับผู้ว่าฯรองผู้ว่าฯ นายอำเภอหรือไม่ นายสรรเสริญตอบว่า การพิจารณาก็ต้องดูข้าราชการระดับสูงด้วย คือ ระดับผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ ไปถึงระดับปลัดกระทรวง อธิบดี กลุ่มเหล่านี้ถ้ามีหลักฐานก็มีสิทธิโดนก่อน ใครทำอะไรไว้ต้องเก้าอี้ร้อนแน่ แต่ ป.ป.ช.จะดูจากกรณีที่ไต่สวนแล้ว คดีมีมูล ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ไม่ผลีผลามส่งไป ไม่เช่นนั้นอาจเสียสิทธิการเลื่อนตำแหน่ง ต้องรอบคอบเป็นธรรม ซึ่งนโยบายของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธาน ศอตช. ถือว่าดี เพราะที่สาธารณรัฐประชาชนจีนก็ปลดข้าราชการออกจากตำแหน่งก่อนหากพบมีหลักฐานทุจริต ส่วนการพิจารณารายชื่อข้าราชการทุจริตรอบสามของ ป.ป.ช.ได้วางแนวไว้ว่าจะพิจารณารายชื่อข้าราชการที่ถูกตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เพราะถือว่ามีข้อมูลเข้าข่ายทุจริต รวมถึงพิจารณารายชื่อผู้บริหารท้องถิ่นที่จงใจไม่ยื่นแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วย เพราะขณะนี้ศาลได้ลงโทษจำคุกแล้ว จากก่อนหน้านี้แค่รอลงอาญา ทำให้มีคนกลัวมากขึ้น

ขอ “บิ๊กตู่” ใช้ ม.44 ปราบทุจริตจริงจัง

นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง อดีต ส.ว.อุทัยธานีกล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อมั่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก– รัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ปรารถนาดีกับบ้านเมือง ปัจจุบันบ้านเมืองมีปัญหามาก ใช้กฎหมายปกติไม่ได้ก็ต้องใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 44 มาแก้ไข แต่ต้องใช้อย่างสร้างสรรค์ เช่นการใช้กับปัญหาบุกรุกป่า ปัญหาข้าราชการทุจริต เรื่องเหล่านี้รัฐบาลต้องทำให้ได้ทำให้จริง วันนี้มีอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ในมือแล้วต้องแก้ให้ได้ รวมทั้งปฏิรูประบบราชการทั้งหมดให้มีประสิทธิภาพ ลดการทุจริตลงให้ได้ ถ้าทำได้จริงเชื่อว่าประชาชนจะออกมาสนับสนุน และรัฐบาลจะได้อานิสงส์อยู่ได้ยาว วันนี้รัฐบาลต้องแก้ปัญหาที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้า โดยเฉพาะปัญหาปากท้องและการทุจริต เรื่องการบริหารงานประเทศคงต้องวางระบบให้ดีเพื่อให้รัฐบาลถัดไปมาทำได้ง่ายขึ้น

จ่อส่งขรก.โกงลอต2 ปปช.ชงศอตช.เชือด ระดับบิ๊ก-มีสิทธิ์โดน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เจ้าชายซาอุฯ เผยไม่ต้องการทำสงครามกับ “อิหร่าน” ในเยเมน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 เมษายน 2558 10:15 น. (แก้ไขล่าสุด 13 เมษายน 2558 10:17 น.)



@เจ้าชายสะอูด อัล-ไฟซอล รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย

เอเอฟพี – เจ้าชายสะอูด อัล-ไฟซอล รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย ทรงเรียกร้องวานนี้ (12 เม.ย.) ให้อิหร่านเลิกหนุนหลังกบฏฮูตีนิกายชีอะห์ในเยเมน และยืนยันว่าริยาดไม่ได้คิดที่จะทำสงครามกับเตหะราน

ระหว่างแถลงข่าวร่วมกับ โลรองต์ ฟาเบียส รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส เจ้าชายสะอูดตรัสว่า “เราไม่ได้ทำสงครามกับพวกเขา เว้นแต่อิหร่านจะคิดว่าพวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของเยเมนไปเสียแล้ว”

อย่างไรก็ดี เจ้าชายสะอูดยังทรงขอร้องให้เตหะรานหยุดสนับสนุน “อาชญากรรม” ที่พวกกบฏฮูตีกำลังกระทำต่อผู้ที่มีอำนาจปกครองเยเมน และให้หยุดส่งอาวุธ หรือความช่วยเหลือใดๆ ไปยังกลุ่มติดอาวุธเหล่านั้น

ฟาเบียส ซึ่งเดินทางเยือนริยาดเพื่อเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซาอุฯ ยืนยันว่า ฝรั่งเศสพร้อมที่จะช่วยคลี่คลายวิกฤตการณ์ในเยเมน

“รัฐบาลฝรั่งเศสขอแสดงเจตนารมณ์ที่จะช่วยหาทางแก้ไขแก่เยเมน... จุดยืนของเรามีอยู่ว่า อะไรก็ตามที่จะนำไปสู่วิธีคลี่คลายปัญหาด้วยการทูต คือแนวทางที่ถูกต้อง”

ฟาเบียส บอกกับสื่อมวลชนว่า ผู้นำซาอุฯ “เน้นย้ำกับผมตลอดทั้งวัน” ว่าต้องการฟื้นคืนเสถียรภาพ และอำนาจปกครองที่ชอบธรรมแก่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเยเมน

ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้นำกลุ่มชาติอาหรับหลายประเทศส่งเครื่องบินเข้าไปถล่มกบฏฮูตีตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม หลังฝ่ายกบฏบุกยึดเมืองหลวงซานาได้สำเร็จเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว และกำลังแผ่ขยายอิทธิพลไปยังเมืองสำคัญอื่นๆ ทั่วเยเมน

ริยาดนั้นเกรงว่า หากเยเมนทั้งประเทศตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกกบฏฮูตี ก็จะกลายเป็น “รัฐบริวาร” ของอิหร่านในที่สุด

ผู้นำซาอุฯ ยืนยันว่า การแทรกแซงครั้งนี้เป็นไปตามคำขอร้องของประธานาธิบดี อับดราบูห์ มันซูร์ ฮาดี แห่งเยเมน ซึ่งหลบหนีการตามล่าของกบฏฮูตีเข้าไปลี้ภัยที่กรุงริยาด

เตหะรานปฏิเสธข้อหาติดอาวุธให้แก่กบฎฮูตี ขณะที่ อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ก็กล่าวประณามการกระทำของซาอุฯในเยเมนว่าเข้าข่าย “อาชญากรรม”


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000042636

 

ผลสำรวจชี้ ปชช.แดนหมีขาวหนุนมอสโกเดินหน้า “โครงการอวกาศ” ต่อ แม้ถูกตะวันตกคว่ำบาตรหนัก โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 เมษายน 2558 22:15 น. (แก้ไขล่าสุด 13 เมษายน 2558 10:33 น.)



เอเจนซีส์ - ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดโดยศูนย์ศึกษาความคิดเห็นสาธารณะแห่งรัสเซีย (VTSIOM) พบข้อมูล 87% ของกลุ่มตัวอย่างชาวรัสเซียจำนวน 1,600 คนใน 132 เมืองทั่วแดนหมีขาว “ไม่เห็นด้วย” หากรัฐบาลรัสเซียจะยอมล้มเลิกโครงการด้านอวกาศของตน เพราะผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการถูกสหรัฐอเมริกาและหลายชาติในยุโรปคว่ำบาตร

นอกจากผลสำรวจดังกล่าวที่ระบุ 87% ของกลุ่มตัวอย่างชาวรัสเซียไม่ต้องการให้รัฐบาลมอสโกล้มเลิกโครงการอวกาศแล้ว ผลสำรวจยังพบว่า 47% ของกลุ่มตัวอย่างต้องการให้รัฐบาลรัสเซียขยายโครงการด้านอวกาศของตนออกไปให้กว้างขวางยิ่งกว่าเดิม

ผลสำรวจยังระบุว่า 59% ของกลุ่มตัวอย่างเห็นว่า รัฐบาลแดนหมีขาว “ไม่ควรตัดงบ” ของโครงการอวกาศลง โดยมีเพียง 15% ที่ระบุว่าควรมีการหั่นงบประมาณด้านนี้ลงมาก่อน

ผลสำรวจโดยศูนย์ VTSIOM ที่มีการเผยแพร่ออกมาล่าสุดระบุด้วยว่า 60% ของกลุ่มตัวอย่างชาวรัสเซียในเวลานี้เชื่อว่ารัสเซียได้ก้าวขึ้นเป็น “มหาอำนาจเบอร์ 1 ด้านอวกาศ” ไปแล้ว ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าผลสำรวจเมื่อปี 1998 ที่พบว่ามีกลุ่มตัวอย่างชาวรัสเซียเพียง 30% ในเวลานั้นที่เชื่อว่ารัสเซียคือมหาอำนาจอวกาศของโลก

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000042534

 

ฮือฮา! พบประกาศรับสมัครงานของกลุ่มไอเอสโผล่โลกออนไลน์ ชี้ต้องการเพื่อนร่วมงานอื้อ รวมถึง “คนทำระเบิด” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 เมษายน 2558 03:22 น. (แก้ไขล่าสุด 13 เมษายน 2558 10:14 น.)



เอเจนซีส์ - สื่อดังเมืองผู้ดี “ดิ อินดิเพนเดนต์” รายงานพบประกาศรับสมัครงานของกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (Islamic State : IS) ถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์ มีเนื้อหาระบุว่าทางกลุ่มไอเอสต้องการรับสมัครบุคลากรอื้อในหลากหลายตำแหน่งทั้งอาจารย์สอนหนังสือ ครูสอนฟิตเนส ผู้ประกาศข่าว รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในการ “ผลิตระเบิด”

รายงานข่าวระบุว่า ประกาศรับสมัครงานดังกล่าวถูกเขียนขึ้นโดย “อาบู ซา-อีด อัล-บริตานี” สมาชิกชาวอังกฤษของกลุ่มไอเอสในซีเรีย โดยประกาศรับสมัครงานที่ว่านี้มีเนื้อหาระบุว่าขณะนี้ทางกลุ่มไอเอสกำลังมองหา “เพื่อนร่วมงาน” ทั้งในตำแหน่งอาจารย์ ฟิตเนสโค้ช ผู้ประกาศข่าว โฆษก พ่อครัว ช่างเทคนิค เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ ตำรวจ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในการทำวัตถุระเบิด

อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวมิได้กล่าวถึง “ค่าตอบแทน” หรือ “เงินเดือน” ที่ทางกลุ่มไอเอสจะจ่ายให้แก่บุคลากรในตำแหน่งต่างๆ ที่ประกาศรับสมัครเอาไว้ว่ามากน้อยเพียงใด มีเพียงการระบุถึงคุณสมบัติสำคัญของผู้สมัครในตำแหน่งต่างๆ ว่า นอกจากจะต้องมีความเชี่ยวชาญในสายงานของตนแล้วยังจะต้องมี “ศรัทธาแรงกล้า” ในศาสนาอิสลามอีกด้วย

ทั้งนี้ มีรายงานว่า แหล่งรายได้สำคัญของกลุ่มไอเอสมาจากการ “ค้าน้ำมันเถื่อน” ที่ได้จากบ่อน้ำมันในพื้นที่ยึดครองของไอเอสในอิรักและซีเรีย รวมถึง รายได้จากการ “ค้าอวัยวะ” ที่ได้จากเหล่าตัวประกันและนักโทษที่ถูกกลุ่มไอเอสสังหาร

ก่อนหน้านี้ สื่อดังของอังกฤษอีกฉบับอย่างเดลีเมล์รายงานว่า กลุ่มไอเอสเพิ่งทำการประหารชีวิตแพทย์จำนวน 10 คนด้วยการจ่อยิงที่ศีรษะเนื่องจากปฏิเสธที่จะทำการรักษานักรบของไอเอสที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ ทำให้มีการประเมินว่าบุคลากรทางการแพทย์ อาจเป็นอีกหนึ่งตำแหน่งงานที่กลุ่มไอเอสอาจกำลังขาดแคลน

 

จีนจำกัดจำนวนครั้งในการเข้าฮ่องกงของชาวเซินเจิ้น



รัฐบาลจีนออกคำสั่งให้นับจากนี้ชาวเมืองเซินเจิ้นเดินทางข้ามฝั่งไปยังฮ่องกงได้เพียงสัปดาห์ละครั้ง หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวฮ่องกง ว่าประชาชนจากแผ่นดินใหญ่เดินทางเข้ามา "มากเกินไป"

https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=jEcde1Gs4Ek

วันจันทร์ 13 เมษายน 2558 เวลา 13:03 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ว่าสำนักงานบริหารจัดการการเดินทางเข้า-ออก ภายใต้การบริหารโดยกระทรวงความปลอดภัยสาธารณะของจีน ประกาศเรื่องการจำกัดการเดินทางข้ามฝั่งเข้าไปยังเกาะฮ่องกงของชาวเมืองเซินเจิ้น ในมณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของประเทศ ได้เพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งเท่านั้น โดยคำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทันที

คำสั่งดังกล่าวถือเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ หลังในอดีตรัฐบาลแผ่นดินใหญ่อนุญาตให้ประชาชนเดินทางเข้า-ออกฮ่องกงได้อย่างเสรี และเป็นไปตามข้อเรียกร้องของชาวฮ่องกง ซึ่งในระยะหลังแสดงความไม่พอใจบ่อยครั้งขึ้น เกี่ยวกับการเดินทางเข้ามาของชาวแผ่นดินใหญ่ในระดับที่ "มากเกินไป"

นายเหลียง เจิ้น อิง ผู้ว่าการเกาะฮ่องกง กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายดายแม้แต่น้อย เนื่องจากนับตั้งแต่สหราชอาณาจักรส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนให้รัฐบาลปักกิ่งเมื่อปี 2540 ทางการจีนพยายามผ่อนปรนมาตรการคนเข้าเมืองระหว่างแผ่นดินใหญ่กับเกาะฮ่องกงมาตลอด เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ สถิติของรัฐบาลจีนระบุว่า ตลอดทั้งปีที่แล้วมีประชาชนจากแผ่นดินใหญ่เดินทางข้ามฝั่งมายังฮ่องกงราว 47 ล้านคน มากกว่าประชากรดั้งเดิมบนเกาะถึง 6 เท่า ในจำนวนนี้ราว 4.59 ล้านคนเดินทางข้ามฝั่งมากกว่าสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และร้อยละ 30 ของประชาชนกลุ่มนี้มีภูมิลำเนาอยู่ในเมืองเซินเจิ้น

จีนจำกัดจำนวนครั้งในการเข้าฮ่องกงของชาวเซินเจิ้น | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ถึงเวลาของ 'ฮิลลารี คลินตัน' หรือยัง



ครั้งที่ 2 ในรอบ 8 ปี สำหรับนางฮิลลารี คลินตัน ในการลงสู้ศึกเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ โอกาสครั้งนี้จะเป็นของเธอได้หรือไม่

วันจันทร์ 13 เมษายน 2558 เวลา 13:00 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ว่าหลังเป็นที่รอคอยและจับตากันมานานหลายเดือน ในที่สุดนางฮิลารี คลินตัน ประกาศตัวขอลงสู้ศึกเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวผ่านวีดีโอคลิปพร้อมสโลแกนที่ว่า เธอคือ "แชมป์" สำหรับชาวอเมริกันทุกชนชั้น

แม้การประกาศตัวอย่างเป็นทางการครั้งนี้ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เนื่องจากเธอยังต้องฝ่าฟันการเลือกตั้งระดับไพรมารีภายในพรรคเดโมแครต เพื่อเฟ้นหาผู้เหมาะสมที่สุดในการเป็นตัวแทนของพรรคลงสนามชิงชัยปะทะกับคู่แข่งขันจากพรรครีพับลิกัน แต่กระบวนการอันยาวนานเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเธอ ซึ่งก่อนดำรงตำแหน่งรมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐในคณะรัฐมนตรีชุดแรกของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เธอเคยเสนอตัวสู้กับโอบามามาแล้ว ในการแข่งขันระดับไพรมารีเมื่อปี 2551

นอกจากนี้ คลินตันยังเคยเดินสายช่วยเหลือผู้เป็นสามี คืออดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน หาเสียงทั่วประเทศในยุคทศวรรษที่ 1990 ซึ่งสามีของเธอได้รับชัยชนะ และดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อเนื่อง 2 สมัย หรือ 8 ปี ระหว่างปี 2536-2544 ประสบการณ์ดังกล่าวช่วยให้เธอเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เหนือกว่าคู่แข่งทั้งจากพรรคเดียวกันและต่างพรรคอยู่มาก

ดูเหมือนเส้นทางของคลินตันในการเลือกตั้งระดับไพรมารีภายในพรรคเดโมแครตอาจไม่ยากเย็นเหมือนเมื่อครั้งที่เธอต้องต่อสู้กับโอบามา แต่ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่กำลังจะมีขึ้นในปี 2559 เกิดขึ้นในขณะที่พรรคเดโมแครตสูญเสียการครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา หมายความว่าไม่ว่าคู่ต่อสู้จากพรรครีพับลิกันจะเป็นใคร แต่หากคลินตันได้เป็นตัวแทนพรรคจริง การต่อสู้กับอิทธิพลและอำนาจทางการเมืองของพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสคือหนึ่งในงานหินของเธอ

ขณะเดียวกัน คลินตันยังคงได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่สถานกงสุลสหรัฐในเมืองเบงกาซี ทางตอนเหนือของลิเบีย ถูกโจมตีโดยกลุ่มหัวรุนแรงท้องถิ่น และเป็นเหตุถึงขั้นทำให้เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำลิเบียเสียชีวิต เมื่อปี 2554 และกรณีที่เธอใช้อีเมลส่วนตัวติดต่องานราชการ ตลอดระยะเวลาอยู่ในตำแหน่งเจ้ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ขณะที่ในส่วนของงานบริหารภายในทีมงาน มีรายงานว่าบรรดาผุ้ช่วยของเธอยังไม่ "สามัคคี" กันอย่างเพียงพอ อีกทั้งบทเรียนจากการหาเสียงครั้งที่แล้ว ซึ่งนโยบายของเธอยังขาด "ความเป็นหนึ่งเดียว" อย่างชัดเจน"

ไม่ว่าแรงบันดาลใจและสาเหตุแท้จริงในการตัดสินใจกลับมาสู้อีกครั้งของคลินตันคืออะไร แต่บรรดาผู้สันทัดกรณีมองว่า คลินตันปรารถนาใช้ความผิดพลาดจากในอดีตเป็นบทเรียน เพื่อสร้าง "ประวัติศาสตร์" ให้กับตัวเองและพรรคเดโมแครต ในการครองสถิติมีผู้สมัครชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐติดต่อกัน 3 ครั้ง อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงคนแรกที่ชนะการแข่งขัน รวมถึงการปกป้องและสานต่อนโยบายของโอบามาที่เป็นปัญหาขัดแย้งกับพรรครีพับลิกัน โดยเฉพาะโครงการประกันสุขภาพ "โอบามาแคร์" ซึ่งหากพรรครีพับลิกันชนะ มีความเป็นไปได้สูงที่นโยบายนี้ของโอบามาจะถูกยกเลิก

การแข่งขันครั้งนี้มีเดิมพันสูงนักสำหรับคลินตัน ขณะที่สำหรับพรรคเดโมแครตคงไม่มีการเตรียมการเลือกตั้งครั้งไหนกดดันมากไปกว่านี้อีกแล้ว

ถึงเวลาของ 'ฮิลลารี คลินตัน' หรือยัง? | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ไฟป่าไซบีเรียลามหนัก



จำนวนผู้เสียชีวิตจากไฟป่ารุนแรงในแถบไซบีเรียของรัสเซียเพิ่มเป็นอย่างน้อย 15 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 400 คน

วันจันทร์ 13 เมษายน 2558 เวลา 15:00 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ว่ารัฐบาลรัสเซียรายงานการเกิดไฟป่ารุนแรงในภูมิภาคคาคาสเซีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของไซบีเรีย ตั้งเมื่อวันอาทิตย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 15 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 468 คน ในจำนวนนี้ 8 คนมีอาการสาหัสและต้องเข้าพักรักษาตัวภายในแผนกอภิบาลผู้ป่วยหนักของโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังมีรายงานแกะราว 3,000 ตัว และวัวควายรวมกันอีกอย่างน้อย 700 ตัว ตายเพราะอิทธิพลของไฟป่าครั้งนี้ด้วย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานสาเหตุของไฟป่าครั้งนี้เป็นผลจากการเผาหญ้งและแผ้วถางป่าของเกษตรกร ก่อนเปลี่ยนมาวิเคราะห์ว่า อุณหภูมิช่วงปลายฤดูหนาสที่อุ่นขึ้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา บวกกับกระแสลมแรง อาจเป็นปัจจัยก่อให้เกิดไฟป่าเช่นกัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ท้องถิ่นแสดงความกังวลเรื่องพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง อาจส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ในอนาคต

ไฟป่าไซบีเรียลามหนัก | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

เปิดชายคา เลาะรอบรั้วบ้านพักคนชรา เข้าอยู่ กินนอนอย่างไร ต้องดู!
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 13 เม.ย. 2558 05:30



“ลูกจ๋า ลืมแม่ไปแล้วหรือยัง ?”...เสียงพึมพำอันแหบแห้งของหญิงชราวัย 87 ปี พูดไล่หลังเจ้าหน้าที่สาววัยกลางคนที่กำลังย่ำเท้าผ่านหน้าเธอไป หะแรกที่มองเห็นภาพนี้ ทำให้หลงคิดไปว่า หญิงเฒ่าผู้นี้คงพูดกับเจ้าหน้าที่อันเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเธอเป็นแน่ แต่ความคิดนี้ก็แปรเปลี่ยนในทันที เพราะระหว่างที่เราเดินผ่านหน้าหญิงชราวัย 87 ปีนั้น เธอกลับมองมาที่เราด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พร้อมเอื้อมมือมาจับที่แขนของเรา แล้วพูดประโยคสั้นๆ ชวนหดหู่ที่ว่า “ลูกจ๋า ลืมแม่ไปแล้วหรือยัง ?”

บ้านพักคนชราในเบื้องหน้าที่เราเห็นอยู่นั้น คือภาพของหญิงเฒ่า และชายชรา เกือบสิบชีวิตนั่งอยู่บนม้านั่งยาว สายตาเหม่อลอย แต่ไม่ได้จับจ้องอยู่กับสิ่งใด ชายชราวัยร่วงโรยบางคนทิ้งตัวไว้บนรถเข็นผู้ป่วยตั้งแต่เช้ายันบ่ายแก่ พร้อมทอดสายตาไกลออกไปอย่างไร้จุดหมาย บรรยากาศนอกเหนือเสียจากคนเฒ่าคนแก่นั้น ยังมีเสียงนกร้อง เสียงน้ำกระทบหินจากน้ำตกจำลองดังคลอเคลียไปกับเพลงไทยเดิมที่เปิดผ่านเครื่องกระจายเสียงดังเอื่อยๆ ไปทั่วบริเวณ ให้ความรู้สึกเศร้าจับหัวใจชอบกล

ยามว่าง คนชรามักออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ยืดเส้นยืดสาย
“บ้านพักคนชราบางแค”...ในความคิดของใครหลายๆ คน อาจมีคำถามชวนสงสัย ไม่สืบทราบว่า รายละเอียดหรือกระบวนการก่อนส่งผู้สูงอายุมาที่บ้านพักคนชรานั้นเป็นเช่นไร และเมื่อพ่อแม่ของเรามาอยู่ที่นี่แล้ว จะมีสุขภาพกาย สุขภาพใจเป็นแบบไหน วันนี้ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รับอาสาทำหน้าที่ ส่งต่อข้อมูล คลี่คลายข้อสงสัยอย่างละเอียดยิบ ตั้งแต่ก่อนเข้าบ้าน จวบจนวันร้างราบ้านบางแคกันเลยทีเดียว

เปิดเงื่อนไขบ้านพักคนชรา...จองอย่างไรต้องดู!
บ้านพักคนชราบางแค หรือ ชื่ออันเป็นทางการที่ว่า ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค นั้น ให้ความอุปการะผู้สูงอายุชายหญิง สัญชาติไทย อายุ 60 ปีขึ้นไป ที่เดือดร้อนในเรื่องของที่อยู่อาศัย ขาดผู้อุปการะเลี้ยงดู ฐานะยากจน ไม่สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองได้ และที่สำคัญผู้สูงอายุจะต้องมีความสมัครใจในการเข้ารับบริการด้วย


ต้นไม้ใหญ่ใจกลางบ้านพักคนชรา ให้ความร่มรื่นยิ่งนัก
ดังนั้น ผู้ที่ต้องการจะสมัครเข้ารับบริการ จะต้องนำหลักฐาน 4 อย่าง คือ 1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (ถ้ามี) 2. สำเนาทะเบียนบ้าน 3. ใบรับรองแพทย์ หรือผลการตรวจเอกซเรย์ปอด 4. ภาพถ่าย (ถ้ามี) ไปที่สำนักงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการกรุงเทพฯ หรือสำนักงานประชาสงเคราะห์เขตพื้นที่เดิมทุกเขตสำหรับคนกรุงเทพฯ และสำหรับคนต่างจังหวัด สามารถยื่นหลักฐานได้ที่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดที่ตนอยู่ หรือสำนักงานประชาสงเคราะห์จังหวัดเดิม

ขอกระซิบกระซาบเล่าบอกสักหน่อยว่า ผู้สูงอายุแต่ละรายที่เข้ามาอยู่ที่บ้านพักคนชราบางแค ไม่ว่าจะเป็นที่พักประเภทใดก็ตาม ต่างจองล่วงหน้ากันมากถึง 10 ปี กว่าจะเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณลูกคุณหลานทั้งหลาย นึกจะส่งคุณย่าตาชวดมาปุบปับฉับไวใช่จะทำได้เพียงนึกคิด ดังนั้น หนุ่มโสดสาวโสดทั้งหลายที่คาดว่า จะอยู่เหงาเดียวดายจนผมสีดอกเลา ไร้คนอิงแอบดูแลชิดใกล้ ก็ควรจับจองกันตั้งแต่อายุ 60 ปี เพื่อเข้าอยู่ในอายุ 70 ปีพอดิบพอดี

บรรยากาศโดยรอบของบ้านพักคนชรา
ส่วนกรณีที่ ผู้สูงอายุมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าพักสถานสงเคราะห์ (ประเภทสามัญ) อย่างเร่งด่วนนั้น มีวิธีการเพียง 3 ขั้นตอน ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง 30 นาทีเท่านั้น และใช้อัตรากำลังของเจ้าหน้าที่เพียง 1 คน โดยมอบหมายให้นักสังคมสงเคราะห์เป็นผู้ดำเนินการตั้งแต่กระบวนการรับคำร้อง ตรวจสอบเอกสาร สอบข้อเท็จจริงและจัดทำข้อมูล และพิจารณาการให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสม และสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของผู้ใช้บริการ

เลาะตึก ชมห้อง! เหล่าคนชรากินนอนอย่างไร?
ที่พัก อาคารของบ้านพักคนชราบางแค ถูกซอยออกเป็นสัดเป็นส่วน แบ่งแยกชายหญิงชัดเจน และจัดประเภทของผู้รับบริการออกเป็น 3 ส่วน ตามกำลังทรัพย์ของผู้สูงอายุท่านนั้นๆ ซึ่งการดูแลผู้สูงอายุของที่นี่เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน ไม่แบ่งแยกว่าบ้านบังกะโล(เสียค่าสร้างที่พักหลักแสน) ต้องให้บริการดีกว่าอาคารสามัญ(อาคารรวม) เพราะทุกบ้าน ทุกคน ทุกวัยรับประทานอาหารแบบเดียวกัน ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ในลักษณะเดียวกัน

ห้องพักอาคารสามัญ

ที่พักประเภทที่ 1 คือ ประเภทสามัญ ซึ่งให้การอุปการะเลี้ยงดูผู้สูงอายุโดยไม่ต้องเสียค่าบริการใดๆ ทั้งสิ้น โดยโซนของผู้สูงอายุประเภทนี้ ที่พักจะมีลักษณะเป็นตึกยาวสูง 2 ชั้น ซอยออกเป็นห้องๆ 1 ห้องมีทั้งหมด 3 เตียง คล้ายคลึงกับโรงเรียนวัดตามต่างจังหวัด โดยตึกไม้ดังกล่าว ยังแบ่งแยกตามสุขภาพร่างกายของผู้สูงอายุ ดังนั้น ตึกสามัญจึงเป็นที่พักสำหรับผู้สูงอายุแบบ A คือ กลุ่มที่ดูแลตัวเองได้คล่องตัว และผู้สูงอายุกลุ่ม B คือ ผู้สูงอายุที่พอจะดูแลตัวเองได้ ส่วนใหญ่คนที่ดูแลตัวเองได้ค่อนข้างดีจะอยู่ชั้นบน คนที่พอจะดูแลตัวเองได้บ้าง จะอยู่ชั้นล่าง

ที่พักประเภทที่ 2 คือ ประเภทเสียค่าบริการแบบหอพัก แบ่งออกเป็นห้องเดี่ยว เสียค่าบริการคนละ 1,500 บาทต่อเดือน และห้องคู่เดือนละ 2,000 บาท ยังไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ (ไม่มีแอร์) โดยเป็นอาคารคอนกรีตสูง 2 ชั้น แบ่งออกเป็น 40 ห้อง ซึ่งอาคารประเภทที่เป็นห้องคู่ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุที่เป็นพี่น้อง หรือเป็นสามีภรรยากัน พร้อมกันนั้น อาคารประเภทนี้จะเป็นผู้สูงอายุที่มีเงินเก็บบำเหน็จบำนาญ หรือเป็นผู้สูงอายุที่ลูกหลานส่งเงินให้ต่อเนื่องทุกๆ เดือน

บ้านบังกะโล จ่ายครั้งเดียว 200,000 อยู่ได้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตลอดชีวิต

ที่พักประเภทที่ 3 คือ ประเภทพิเศษ (บังกะโล) ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวที่ปลูกสร้างตามแบบแปลนที่กำหนดในที่ดินของบ้านพักคนชรา โดยผู้ปลูกสร้างจะจ่ายเงินเป็นจำนวนทั้งหมด 200,000 บาทเพียงครั้งเดียว และอยู่ได้ตลอดชีวิต โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่ม นอกเหนือจากค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งผู้สูงอายุท่านนั้นๆ สามารถพักอาศัยอยู่ได้จนถึงแก่กรรม และเมื่อถึงแก่กรรมก็จะต้องยกกรรมสิทธิ์ให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เพื่อให้ผู้สูงอายุที่มีความสามารถในการจ่ายเงินก้อน 200,000 บาท รายต่อไป เป็นผู้พักอาศัยต่อ

ปัจจุบัน ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค มีผู้สูงอายุทั้งหมด จำนวน 265 คน แบ่งเป็น ชาย 81 คน หญิง 184 คน กระจายพักอาศัยตามอาคารต่างๆ ทั้งหมด 7 อาคาร

ห้องกายภาพบำบัด จัดไว้เพื่อดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
สงสัยหรือไม่...ยามว่าง คนชราทำสิ่งใด สกัดใจไม่ให้เข้าโหมดซึมเศร้า เหงา คิดถึง ?
กิจกรรมยามว่างของผู้สูงอายุที่นี่ มีให้เลือกหลากหลาย หากจะพูดให้ทันสมัย ก็คงจะบอกได้ว่า กิจกรรมยามว่างนั้น ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุ ผู้เฒ่าผู้แก่บางท่านก็ชอบเอกเขนกอยู่ตามบริเวณร่มไม้ภายในสนามของบ้านพักคนชรา บางท่านนอนกลางวันภายในห้องพัก หรือบางท่านที่ออกแนวลุยๆ สุขภาพร่างกายยังลุกเหินเดินวิ่งไหว ก็มักจะออกมาซื้อของกินของใช้ ตักบาตรทำบุญที่ตลาดบางแคอยู่เสมอ

ในขณะที่ บ้านบางแคยังมีกิจกรรม อาชีวบำบัด เพื่อให้ผู้สูงอายุมีทักษะพื้นฐานด้านงานฝีมือ ซึ่งทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้สูงอายุหลายท่าน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า กิจกรรมนี้ทำให้เวลาอันว่างเปล่าของคนแก่ กลับมามีค่าอีกครั้ง เพราะนอกจากจะได้เงินจากการขายของที่ระลึก ยังได้สังคม และทำให้เวลาว่างอันยาวนานดูสั้นลงเพียงไม่กี่ชั่วโมงอีกด้วย


มีบริการนวดแผนโบราณคอยให้บริการผู้สูงอายุ

นอกเหนือจากนี้ บ้านพักคนชราบางแค ยังมีกิจกรรมต่างๆ ไว้คอยรองรับผู้สูงอายุอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมด้านกายภาพบำบัด ซึ่งทางมูลนิธิฯ ได้จัดหาบุคคลจากภายนอก มาคอยนวดเฟ้นผ่อนคลายสบายเส้นไว้ให้แก่ผู้สูงอายุ กิจกรรมบริจาคจากเหล่าผู้มีจิตอาสา ที่มักจะเข้ามาเลี้ยงข้าว พร้อมกับทำบุญใส่ซองไว้ให้แก่ผู้สูงอายุ กิจกรรมนอกสถานที่ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นักสังคมสงเคราะห์จะพาผู้สูงอายุออกไปชมพิพิธภัณฑ์ ไหว้พระทำบุญตามวัดวาอารามต่างๆ

หากลูกหลานไม่เยี่ยมหา ไร้เงินสักบาทสะสม ความคิดถึงเข้ากัดกิน โรคภัยปรี่รุมเร้า ถึงคราวต้องสิ้นใจ ชีวิตผู้สูงอายุเหล่านี้จะเป็นไร ติดตามต่อได้ในตอนต่อไปที่มีชื่อว่า เศร้าน้ำตาไหล! เรื่องเล่าจากบ้านพักคนชรา “ลูกจ๋า รู้ไหมพ่ออยู่ที่นี่...”

เปิดชายคา เลาะรอบรั้วบ้านพักคนชรา เข้าอยู่ กินนอนอย่างไร ต้องดู! - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ปอกเปลือก ทรราช
ปูตินโทรหาบีบี้ว่า S-300 ของอิหร่านจะไม่เป็นการคุกคามอิสราเอล, UN แซงชั่นกลุ่มฮูติในเยเมน



----------------
เมื่อวานนี้ปธน.ปูตินแห่งรัสเซียยกหูโทรศัพท์ถึง นายกฯเนทันญาฮูของอิสราเอลโดยบอกให้บีบี้ทราบว่าระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียที่กำลังจะขายให้อิหร่านนั้น มีไว้เพื่อป้องกันภัยอย่างเดียวเท่านั้น และจะไม่ก่อการคุกคามใดๆต่ออิสราเอลหรือประเทศใดๆในตะวันออกกลางเลย
ข่าวบนสั้นไป มีเนื้อข่าวให้นิดเดียวเอง งั้นขอเพิ่มให้อีกซักข่าวนะครับ เมื่อวานนี้ที่ประชุมคณะมนตรีด้้านความมั่นคงของสหประชาชาติ (UNSC) ได้มีการลงมติเสียงข้างมาก 14 เสียงว่าห้ามการสนับสนุนด้านอาวุธให้แก่กลุ่มฮูติ ฝ่ายตัวแทนของรัสเซียนั้นงดออกเสียง มติของ UNCS ในครั้งนี้ถือว่าผิดคาดจากที่ทางรัสเซียเคยเสนอให้งดการสนับสนุนอาวุธให้กับทุกฝ่าย และตรงกับข้อเสนอของคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) ที่เคยออกมาพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าให้งดการสนับสนุนด้านอาวุธเฉพาะกลุ่มฮูติเท่านั้น แต่ไม่ห้ามฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์กันโดยเฉพาะกองกำลังผสมชาติอาหรับที่นำโดยซาอุดิฯ การแซงชั่นอาวุธ (arms embargo) ในครั้งนี้ยังรวมถึงการแซงชั่นงดการเดินทางไปต่างประเทศและอายัดทรัพย์สินของผู้นำกลุ่มฮูติและลูกชายคนโตอดีตปธน. Ahmed Ali Abdullah Saleh ของเยเมนด้วย UNSC มีข้อบังคับให้ทุกประเทศที่อยู่ติดกับเยเมนจะต้องตรวจสอบการขนส่งสินค้าทุกชนิดที่ส่งไปยังเยเมนด้วยเพื่อป้องกันการจัดส่งอาวุธไปให้เยเมน
ยุ่งไปกันใหญ่แล้วสิคราวนี้ หรือเยเมนจะกลายเป็นซีเรียสอง หรือโคโซโวสองไปอีกราย คราวนี้กองกำลังผสมอาหรับฯก็สามารถใช้เครื่องบินรบถล่มเยเมนได้ตามใจชอบแน่ๆ เป้าหมายหลักคือคลังอาวุธของเยเมนที่ทำลายไปได้บ้างเป็นบางส่วน จากนั้นก็สนามบินและระบบสาธารณูปโภคต่างๆในกรุงซานาเมืองหลวงของเยเมน
ที่ UNSC ออกมติมาอย่างนี้ก็หวังจะกันไม่อิหร่านให้การสนับสนุนด้านอาวุธให้แก่กลุ่มฮูติในเยเมนเป็นแน่ ก็ไม่รู้นะว่าพวกฮูติได้กักตุนอาวุธเพื่อการณ์นี้ไว้มากน้อยเพียงใด แต่เชื่อว่าคงจะไม่ยอมให้กลุ่มตัวเองตกเป็นผู้ถูกกระทำแต่ฝ่ายเดียวเป็นแน่ รัสเซียนั้นได้พยายามถึงที่สุดในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนพลเมืองต่างๆในเยเมนแล้ว แต่เมื่อเสียงส่วนใหญ่ซึ่งถูกครอบงำโดยอเมริกาออกมาเป็นอย่างนั้น รัสเซียเองก็ต้องยอมรับเสียงส่วนใหญ่ แต่อะไรจะเกิดขึ้นบ้างต่อจากนี้ไป ก็ต้องรอดูเหตุการณ์กันต่อไป
ป.ล. ถ้าอิหร่านหรือประเทศใดดื้อขัดขืนข้อห้ามของ UNSC สหรัฐฯและอริของอิหร่านในตะวันออกกลางก็จะสบโอกาสใช้เป็นข้ออ้างโจมอิหร่านได้
The Eyes
15/04/2558
----------
Putin to Netanyahu: Iranian S-300 Missiles Pose No Threat to Israel / Sputnik International
http://rt.com/news/249621-yemen-resolution-unsc-houthis/
TASS: Russia - Putin briefs Netanyahu on logic behind sale of S-300 to Iran

 

ศิษย์อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร
จากปฏิทินโหรฯ 58 แบบไดอารี่ ตามแนวท่านอ.เทพย์ฯ
/ 12.4.58 ในระยะ 2 – 3 วันนี้ (ทั่วโลก) ลมฟ้าอากาศจะแปรปรวนไป ตลาดการเงิน ตลาดหุ้น และการลงทุนต่างๆเคลื่อนไหวผิดปกติ บรรยากาศด้านสังคมความรักไม่แจ่มใส / ศุกร์เล็งเสาร์ 15.4.58 เวลา 11.38 น.
/ 13.4.58 วันนี้ วันสงกรานต์ เป็นวันที่ดวงอาทิตย์เริ่มโคจรใน 2 ธาตุ คือเบื้องหน้าจดราศีเมษ ธาตุไฟ เบื้องหลังอยู่ราศีมีน ธาตุน้ำ ควรงดกำหนดประกอบพิธีมงคลต่างๆ / ในระยะ 9 – 10 วันนี้ (ทั่วโลก) มักเกิดอุบัติเหตุใหญ่ (เดินทางไกล) อัคคีภัย และภัยธรรมชาติ ทั้งมักมีเหตุยุ่งยากวุ่นวายต่างๆ เช่น ปัญหาด้านการเงิน ด้านเอกสารสัญญา หรือในเหล่าท่านผู้ใหญ่ / อังคาร 90 พฤหัสบดี 18.4.58 เวลา 7.28 น.
/ 14.4.58 วันนี้ เป็นวันสิ้นปีทางโหราศาสตร์ (วันเนา) คือวันที่ดวงอาทิตย์ผลัดราศี จากราศีมีน ธาตุน้ำ ยกเข้าราศีเมษ ธาตุไฟ ควรงดกำหนดประกอบพิธีมงคลต่างๆ
/ 16.4.58 วันนี้ เป็นวันเถลิงศก (พระยาวัน) เป็นจุลศักราช จากปีมะแม ฉศก 1376 เป็นปีมะแม สัปตศก 1377 และ เปลี่ยนกาลโยคประจำปี ทั้งเป็นวันโลกาวินาสน์ตามกาลโยคใหม่ ควรงดกำหนดประกอบพิธีมงคล
Samphand Phuaksakon

 

“ป.ป.ช.”ยังไม่เคาะจำนวนส่งรายชื่อขรก.โกงรอบ 2
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีที่ป.ป.ช.เตรียมส่งรายชื่อข้าราชการทุจริตรอบสองให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.) ว่า จะมีการดำเนินการหลังจากการประชุมศอตช.อีกครั้ง ซึ่งป.ป.ช.จะไปตรวจสอบเพื่อแจ้งรายชื่อข้าราชการทุจริตเพิ่มเติมรอบสอง แต่ยังระบุไม่ได้ว่า จะมีจำนวนเท่าใด ต้องรอไปตรวจสอบข้อมูลก่อน พร้อมกับเสนอความเห็นต่อที่ประชุมป.ป.ช.ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้าราชการทุจริตรอบสองจะมีข้าราชการระดับสูง เช่น ปลัดกระทรวง ผู้ว่าฯ อธิบดี ร่วมอยู่ด้วยหรือไม่ นายสรรเสริญ กล่าวว่า ยังสรุปไม่ได้ว่า รายชื่อรอบสองจะมีข้าราชการระดับสูงร่วมด้วยหรือไม่ ต้องรอการตรวจสอบก่อน เพียงแต่ตำแหน่งระดับปลัดกระทรวง ผู้ว่าฯ อธิบดี อยู่ในอำนาจที่ป.ป.ช.จะตรวจสอบได้อยู่แล้ว ทั้งนี้รายชื่อที่ป.ป.ช.จะส่งให้ศอตช.รอบสองจะยึดหลักเกณฑ์เดิม คือ เป็นเรื่องที่ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนรายชื่อรอบแรกที่เดิมระบุว่า มีอยู่ 5-10 รายนั้น จากการประมวลล่าสุด พบมีรายชื่อเพิ่มขึ้นมาจำนวนมาก ทำให้รายชื่อข้าราชการทุจริตรอบแรกที่จะส่งให้ศอตช.จะมีประมาณ 20 - 30 คน ส่วนใหญ่เป็นระดับท้องถิ่น และข้าราชการประจำระดับซีเล็กๆอีกเล็กน้อย
วันที่โพสข่าว : 13 เมษา. 2558 เวลา 18:39 น.
 “ป.ป.ช.”ยังไม่เคาะจำนวนส่งรายชื่อขรก.โกงรอบ 2

 

สตง.ชงแนวทางบริหารจัดการปิโตรเลียม"บิ๊กตู่" ชี้ต้องรอบคอบโปร่งใส
เขียนวันที่ วันจันทร์ ที่ 13 เมษายน 2558 เวลา 11:30 น .เขียนโดยisranewsหมวดหมู่เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา |



สตง.นำส่งหนังสือถึง "ประยุทธ์" ยื่นข้อเสนอแนะแนวทางบริหารจัดการปิโตรเลียมประเทศทั้งระบบ ย้ำการตัดสินใจเลือกใช้ประโยชน์ของรัฐต้องรอบคอบโปร่งใส เกิดความเป็นธรรมทุกฝ่าย ต้องเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนรับทราบทุกขั้นตอน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า จากกรณีกระทรวงพลังงานได้มีการประกาศเชิญชวนให้ผู้ประกอบการยื่นคำขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแปลงสำรวจต่างๆ เขตพื้นที่บนบกและในทะเลอ่าวไทย รอบที่ 23 จำนวน 29 แปลง ซึ่งต่อมาภาคประชาชนและนักวิชาการได้เรียกร้องให้ชะลอการเปิดสัมปทาน โดยต้องการให้แก้กฎหมายปิโตรเลียมและนำระบบแบ่งปันผลผลิต มาใช้ในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจนนำมาสู่การยกเลิกประกาศการยื่นคำขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม
ล่าสุด ในช่วงปลายเดือนมี.ค. 58 ที่ผ่านมา สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ทำหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเสนอแนวทางการบริหารจัดการปิโตรเลียมของประเทศ ทั้งระบบ
โดย สตง.ระบุว่า เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ และสร้างความน่าเชื่อถือแก่นักลงทุน รวมทั้งเป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้มีการสำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบรอบใหม่ทั้งในทะเลและบนบก
จึงมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
1.การสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในสถานการณ์ปัจจุบันมีความสำคัญและจำเป็นต้องดำเนินการ ดังนั้น จึงควรเร่งดำเนินการศึกษาแนวทางการปิโตรเลียมให้มีความชัดเจนและปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อให้สามารถเปิดให้มีการสำรวจและผลิตโดยเร็ว
2. เร่งประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับปิโตรเลี่ยมของประเทศและเหตุผลความจำเป็นที่ต้องดำเนินการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝาย
3. การตัดสินใจเลือกใช้ระบบบริหารจัดการปิโตรเลียมและการกำหนดประโยชน์ของรัฐต้อง ดำเนินการด้วยความรอบคอบ โปร่งใส เหมาะสมกับศักยภาพของปิโตรเลียมของประเทศ เกิดประโยชน์สูงสุด ต่อประเทศและประชาชน รวมทั้งให้มีการแข่งขันอย่างเสรี และเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยต้องเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนรับทราบทุกขั้นตอน
4. ภายหลังจากที่ได้เปิดให้มีการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเผยแพร่ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับปิโตรเลียมของประเทศให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและประโยชน์ในการบริหารจัดการ ปิโตรเลียมของรัฐบาลในอนาคต
http://www.isranews.org/เรื่องเด่น-สำนักข่าวอิศรา/item/37895-news_37895.html#.VStL5SYakFo.facebook

 

ปอกเปลือก ทรราช
ปูตินลงนามยกเลิกแบน S-300 จากอิหร่าน, ซาอุดิฯ-เยเมน-อิหร่าน-ฮิชบอลเลาะห์



----------------
หันมาดูด้านรัสเซียกับอิหร่านบ้างครับ เกมกำลังมันเลยหละ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาสื่อฯฝั่งรัสเซียลงข่าวกันคึกโคมเลยว่าปธน.วลาดิมีร์ ปูติน ได้ออกกฎหมายพระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่ยกเลิกการสั่งห้ามขายขีปนาวุธ S-300 ซึ่งเป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศให้อิหร่านเรียบร้อยแล้ว เดิมทีนั้นในปี 2007 ทางรัสเซียได้บรรลุข้อตกลงในการขาย S-300 ให้อิหร่านจำนวน 5 ชุดด้วยกันภายใต้วงเงิน $800 millions (ประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท) แต่ต่อมาในปี 2010 ปธน.ดิมิทรี เมดเวเดฟ (เงาของปูติน ที่พึ่งเดินทางมาพบลุงตู่ที่เมืองไทยสร้างรอยยิ้มให้คนไทยเป็นจำนวนมากและทำให้อเมริกาเกิดอาการตาร้อนผ่าวเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาเร็วๆนี้แหละครับ) ได้เซ็นคำสั่งห้ามขาย S-300 ให้อิหร่านเนื่องจากขัดกับข้อห้ามของ UNSC ในปี 1929 ที่ห้ามไม่ให้สนับสนุนด้านอาวุธที่ยังเป็นปัญหาให้กับอิหร่านซึ่งประกอบด้วย ขีปนาวุธและระบบสนับสนุนขีปนาวุธ รถถัง เฮลิคอปเตอร์จู่โจม เครื่องบินรบ และเรือรบ เพราะถูกสหรัฐฯและอียูกดดัน ในปี 2011 อิหร่านยื่นฟ้องรัสเซียต่อศาลระหว่างประเทศที่กรุงเจนีวาเป็นมูลถึง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯเกี่ยวกับกรณีนี้ (ก็เป็นการตอบโต้เพื่อรักษาหน้าอิหร่านเท่านั้น ทุกอย่างอยู่ที่ผลประโยชน์ร่วมกัน เมื่อการเจรจาลงตัวค่อยถอนฟ้องทีหลังก็ได้)
ทางอิหร่านหละว่าอย่างไรบ้างต่อกรณีปูตินยกเลิกการสั่งห้ามส่งออกอาวุธให้อิหร่านในครั้งนี้? โอ้!… ยิ่งกว่าได้รับน้ำฝนหน้าแล้งซะอีก อิหร่านแทบจะกระโดดกอดและจุ๊บแก้มปูตินหลายฟ้อดเลยหละ ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการด้านกิจการต่างประเทศของอิหร่านออกมากล่าวกับสื่อฯว่า "คราวนี้พวกอเมริกันและพันธมิตรของเขาจะไม่สามารถสั่นคลอนสมดุลในพื้นที่ (ตะวันออกกลาง) และทำตัวเป็นเผด็จการสร้างเงื่อนไขจากจุดยืนที่แข็งแกร่งของพวกเขาได้อีกต่อไป" แหม… นี่เล่นไปถึงอเมริกาเลยนะนี่ ก็คนมันถูกกดดันมานานอ่ะ เมื่อได้รับการปลดปล่อย เมื่อมีอิสระ มีหรือจะไม่ดีใจและคุยทับซะเลย
ส่วนผู้นำของอิหร่านออกมากล่าวบางส่วนว่า "การที่ปธน.วลาดิมีร์ ปูติน ยกเลิกคำสั่งห้ามนี้ทำให้อิหร่านรู้สึกตื่นเต้นเป็นล้นพ้น (great excitement in Iran) ขั้นตอนนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นอิสรภาพของรัสเซียในการตัดสินใจทางการเมืองและแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกรุงมอสโคว์ที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นหุ้นส่วนที่มีความน่าเชื่อถือ..." (เป็นอย่างไรเล่าเมกาจ๋า? ซาอุดิฯกับอิสราเอลเริ่มหนาวๆร้อนอีกแล้ว)
แล้วสหรัฐฯหละ ว่าไงต่อกรณีรัสเซียยกเลิกห้ามขาย S-300 ให้อิหร่าน? อเมริการีบออกมาพูดก่อนคนอื่นเลยว่า "Wrong time for Russia to sell S-300 to Iran" (รัสเซียขาย S-300 ให้อิหร่านผิดเวลา) ฮั่นแน่! ทีตัวเองจะขาย THADD ให้เกาหลีใต้ไม่เห็นออกมาพูดอย่างนี้บ้างเลยนะ นิสัย!… จะรอให้อิหร่านโดนเครื่องบินรบจากซาอุดิฯกับอิสราเอลไปถล่มจนพินาศอย่างเยเมนก่อนหรือไงถึงจะบอกว่าให้ขายได้หรือบอกว่าถูกเวลาอ่ะ? การที่ปูตินตัดสินใจยกเลิกการห้ามขายในเวลานี้ถือว่า "It's the right time." แล้วหละ กิ้วๆ
อเมริกาบอกว่าแม้ว่าการยกเลิกการสั่งห้ามขายอาวุธ S-300VM ให้อิหร่านจะไม่เป็นการผิดต่อข้อกำหนดของคณะมนตรีด้านความมั่นคงของสหประชาชาติ (UNSC) แต่สหรัฐฯก็ไม่เห็นด้วยเพราะสหรัฐฯถือว่าอิหร่านกำลังทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางไม่มีเสถียรภาพ (ตลกอีกหละอเมริกา! ใครกันแน่ที่ทำให้ตะวันออกกลางปั่นป่วนอยู่จนถึงทุกวันนี้ ถ้าสหรัฐฯกับนาโต้ไม่เข้าไปยุ่งเชื่อเถอะว่าปัญหาเหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ตัวเองสร้างปัญหาแล้วยังกล้าแถโยนอี้ไปให้อิหร่านอีก ก็บอกแล้วอเมริกาแส่ที่ไหนปั่นป่วนที่นั่น ตอนนี้ก็กำลังขยายมาที่เอเซียแล้ว จีนรับมือซาตานตนนี้ให้ดีก็แล้วกัน และปัญหาที่ชาวตะวันออกกลางอพยพหนีตายจากภัยสงครามไหลทะลักเข้ายุโรปก็จะไม่เกิดขึ้นเด็ดขาด แล้วก็นำมาซึ่งปัญหาการออกมาเดินขบวนเรียกร้องต่อต้านคนมุสลิมในยุโรปด้วย ปัญหาพวกนี้เกี่ยวข้องโยงใยกันทั้งนั้น ทำอย่างไรถึงจะให้ชาวยุโรปเกลียดและต่อต้านชาวมุสลิม ก็สร้างสงครามนตะวันออกกลางให้คนหนีตายอพยพเข้ามาในยุโรป จากนั้นก็ปลุกม็อบขึ้นมาต่อต้านผู้อพยพเหล่านั้นว่ามาแย่งงานแย่งอาหารแย่งแผ่นดินชาวยุโรป แค่นี้ความปั่นป่วนก็จะเกิดขึ้นในยุโรปอีก แล้วมันก็จะนำไปสู่ความขัดแยัง ก่อการร้ายและสงครามในยุโรป อเมริกาก็ขายอาวุธรวยอื้อซ่าอีกตามฟอร์ม)
ซาอุดิฯว่าอย่างไร? (กรณีเยเมน) ทางซาอุดิฯได้ออกมาเรียกร้องให้อิหร่านยุติการสนับสนุน "อาชญากรรม" ของกลุ่มฮูติในเยเมน รวมถึงยุติการส่งมอบอาวุธและความช่วยเหลือด้านอื่นๆให้กับเยเมนด้วย (แม้กระทั่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างที่รัสเซียกำลังทำอยู่นี่นะ?) ทางซาอุดิฯบอกว่าซาอุดิฯไม่ได้กระทำสงครามกับอิหร่าน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องออกมาแสดงความไม่พอใจต่ออิหร่าน (ตลก! ถ้าไม่พอใจแล้วจะออกมาพูดอย่างนี้ทำไม ถ้าซาอุดิฯไม่เข้ามายุ่งกับเยเมนมีหรือปัญหามันจะบานปลายไปขนาดนี้ ห้ามคนอื่นไม่ยุ่งกับเยเมนแต่ตัวเองกับพวกจะถล่มเยเมนนี่นะ พฤติกรรมแบบนี้เหมือนใครหว่า?)
อ้อ… แถมให้อีกหน่อยหนึ่งเกี่ยวกับเยเมน กลุ่มนักรบฮิชบอลเลาะห์ได้ประกาศเข้าร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับกลุ่มฮูติในเยเมนแล้ว เอาหละสิ... อัลเคดากับไอซิสของอเมริกาในเยเมนมีหนาวแน่งานนี้ ก็ฮิชบอลเลาะห์ (กับกองทัพอิหร่าน) นี่แหละที่ผลานกำลังกันขับไล่ไอซิสในอิรัค ถึงทำให้ฝ่ายอิรัคสามารถเข้ายึดพื้นที่ต่างๆคืนจากไอซิสได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่อเมริกาออกมาชิงพูดเอาหน้าว่าที่อิรัคสามารถยึดพื้นที่คืนได้จากไอซิสได้ถึง 30% นั้นเป็นเพราะกองกำลังผสมที่นำโดยสหรัฐฯ หุย! น่าไม่อายจริงๆ สมัยที่สหรัฐฯเล่นบทผู้นำในกองทัพอิรัคนั้นทหารอิรัคสูญเสียไปเป็นจำนวนมากและฝ่ายไอซิสต่างหากที่เป็นฝ่ายรุก แต่พออิหร่านการฮิชบอลเลาะห์เข้ามาร่วมกับกองทัพอิรัคและให้อิรัคเปลี่ยนให้อิหร่านเป็นผู้นำในการปฏิบัติการต่างๆ จนมีชัยทุกครั้งไป สหรัฐฯกลับลอบโจมตีทางอากาศใส่กองกำลังผสมของอิรัคซะงั้น เพราะสหรัฐฯเสียหน้าที่ไม่ได้เป็นผู้นำในการวางแผนให้กองกำลังผสมของอิรัคไปตายฟรีในกับดับของไอซิสที่รู้กันกับสหรัฐฯ แผนนี้อิหร่านรู้ทันน่า
The Eyes
14/04/2558
-----------
Putin Gives Go-Ahead for S-300 Missile Systems Delivery to Iran / Sputnik International
http://rt.com/news/249229-russia-s300-delivery-iran/
Iran 'Very Excited' About Russian S-300 Ban Repeal / Sputnik International
Middle East: Sectarian Divisions and Oil Riches / Sputnik International
Wrong Time for Russia to Sell S-300 Missiles to Iran - US State Department / Sputnik International
US Concerned About Russia’s Possible S-300 Sale, Oil for Goods Program / Sputnik International
Hezbollah Fighting Alongside Houthis in Yemen / Sputnik International
Pentagon Claims ISIL Lost up to 30% of Iraqi Territory to US-Led Coalition / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
สหรัฐฯเติมเชื้อสัญญาณความขัดแย้งระหว่างจีน-อินโดนีเซียในคาบสมุทรทะจีนใต้



----------------
เอาแล้วไหมหละ!... ถ้าหากสหรัฐฯยังแข็งแกร่งและมีพฤติกรรมก้าวร้ายอยู่อย่าหวังเลยว่าทั่วโลกนี้จะมีความสงบสุขและสันติเกิดขึ้นได้ แม้กระทั่งในแถบเอเซียนี้เองก็เถอะ สหรัฐฯประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการสร้างความขัดแย้งและความพินาศให้เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ตอนนี้ก็กำลังจะขยายมาแถบยุโรปตะวันออกติดกับรัสเซียและในคาบสมุทรทะเลจีนใต้มากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
ก่อนหน้านี้สหรัฐฯออกมาเผือกกรณีข้อพิพาทพื้นที่ในทะเลจีนใต้ระหว่างจีน-เวียตนาม-ฟิลิปปินส์ จนโดนฝ่ายจีนตอกกลับไปแบบไม่ไว้หน้ากันมาแล้ว และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯก็จัดการซ้อมรบร่วมกับกองทัพอินโดนีเซียห่างไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่เกาะ Natuna Islands ประมาณ 300 ไมล์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากน่านน้ำของจีนในทะเลจีนใต้
การซ้อมรบในครั้งนี้มีขึ้นที่เกาะ Batam ซึ่งเป็นของอินโดนีเซีย มีบุคคลากรด้านกองทัพของสหรัฐฯเข้าร่วมจำนวน 88 นาย แต่รายงานไม่ได้ระบุจำนวนจากกองทัพของฝั่งอินโดนีเซีย โฆษกนากองทัพเรือของอินโดนีเซียกล่าวว่า "นี่เป็นการซ้อมรบร่วมกันระหว่างสหรัฐฯกับอินโดนีเซียครั้งที่สองในพื้นที่ที่พวกเราวางแผนเอาไว้ว่าจะมีขึ้นอีกครั้งในปีหน้า เราต้องการให้เป็นการฝึกร่วมเป็นจะประจำในพื้นที่ดังกล่าว"
ทางอินโดนีเซียกล่าวว่า "เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเข้าใจว่าอินโดนีเซียไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ เราไม่ได้ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุในทะเลจีนใต้ และก็สนับสนุนวิธีทางการทูตอยู่เสมอ"
ถ้าพวกนักการเมืองหรือนักการทูตในเกมการเมืองเขาออกมาพูดอย่างนี้ ซึ่งมันขัดแย้งกับพฤติกรรมที่แสดงออก โปรดจงเข้าใจเถอะว่าสิ่งที่เขาอยากจะสื่อออกมานั้นมันตรงกันข้ามกับที่เขาพูด เพราะพฤติกรรมเช่นนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นการยั่วยุฝ่ายจีน โดยอินโดนีเซียก็ตกเป็นเหยื่ออีกรายของสหรัฐฯ ในการถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างความแตกแยกในพื้นที่ดังกล่าว สหรัฐฯกำลังจะเสี้ยมให้อินโดนีเซียทะเลาะและขัดแย้งกับจีน
หากเกิดปัญหารุนแรงขึ้นมาสหรัฐฯก็เพียงแต่บอกว่าไม่มีส่วนร่วมในสงครามดังกล่าวแต่สนับสนุนด้านอาวุธให้อินโดนีเซียซัดกันกับจีน อย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเยเมนในตอนนี้ที่อเมริกาบอกว่าเป็นสงครามระหว่างเยเมนกับกองกำลังผสมชาติอาหรับที่นำโดยซาอุดิอาระเบีย แต่อเมริกาทำกำไรจากการขายอาวุธให้ซาอุดิฯ โกยกำไรสบาย อียูบางประเทศเริ่มตื่นแล้ว แต่อินโดนีเซียยังยอมให้อเมริกาจูงจมูกหาเรื่องใส่ตัวอีกต่อไป กรรม!
และในวันที่ 20 เมษายนนี้สหรัฐฯจะจัดซ้อมรบครั้งยิ่งใหญ่ร่วมกับฟิลิปปินส์อีกภายใต้ปฏิบัติการ "Balikatan" จะมีทหารเข้าร่วมจำนวน 12,000 นาย เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปีที่แล้ว การซ้อมรบดังกล่าวที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้มีขึ้นไม่ไกลจากเกาะ Scarborough Shoal ซึ่งเป็นดินแดนควบคุมของจีน ทางฟิลิปปินส์กล่าวว่า นี่ไม่ได้หมายถึงการแสดงพลังทางกองทัพ
อึ่ม! สูตรเดิม ความหมายคือ "ใช่" เพราะที่อื่นมีให้ฝึกเยอะแยะแต่ไม่ไป ดันเลือกใกล้พื้นที่มีปัญหาซะอย่างนั้น แน่นอนว่าการที่สหรัฐฯอ้างการซ้อมรบร่วมกับฟิลิปปินส์ในครั้งนอกจากจะเป็นการยั่วยุจีนแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้สหรัฐฯเข้าสอดแนมจีนในพื้นที่ดังกล่าวได้ด้วย ต้องรอดูปฏิกิริยาจากจีนดูบ้าง จีนนี่ใจเย็นกว่าปูตินมาก ของปูตินถ้านาโต้ซ้อมรบใกล้บ้านตัวเอง ปูตินสั่งให้ซ้อมรบทั่วประเทศและแทบจะทุกที่ๆมีฐานทัพของรัสเซียประจำการอยู่ด้วย เล่นเอาอียูหนาวๆร้อนๆไปตามๆกันต้องขอยื่นแขนมาจับมือกับรัสเซียแทน เชื่อว่าจีนก็คงจะจัดซ้อมรบในพื้นที่ทะเลจีนใต้เช่นกัน แต่จะดึงใครมาร่วมบ้างและจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนและเมื่อไรนั้น ก็รอดูกันต่อไป
The Eyes
14/04/2558
-----------
Annoying Beijing: US, Indonesia Plan Regular Navy Drills in South China Sea / Sputnik International
Hint to Beijing? US Organizes War Games With Philippines in South China Sea / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
จีนไม่อนุญาตให้ไต้หวันเป็นสมาชิกระดับ PFM ในธนาคาร AIIB เพื่อส่งสัญญาณบางอย่างไปถึงสหรัฐฯหรือเปล่า?



----------------
เมื่อวานนี้ทางจีนออกมาประกาศว่าจีนจะไม่อนุญาตให้กรุงไทเปมีสถานะเป็นสมาชิกระดับผู้ร่วมก่อตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเอเซีย (AIIB) ที่นำโดยจีน แต่จีนก็บอกว่าอาจจะจัดให้ไต้หวันเป็นสมาชิกทั่วไปก็ได้ ซึ่งมีสถานะและสิทธิต่างๆในธนาคาร AIIB ต่ำกว่าระดับ PFM ธนาคารดังกล่าวก่อตั้งขึ้นมาโดยมีจีนเป็นหัวขบวนเพื่อเสนอทางเลือกให้กลุ่มประเทศเอเซียไม่ตกเป็นทาส IMF, World Bank และ ADB ที่มีสหรัฐฯควบคุมเอาไว้ กลุ่มประเทศส่วนมากในเอเซียและนอกเอเซียต่างก็เข้าร่วมหุ้นในธนาคาร AIIB ยกเว้นสหรัฐฯ แคนาดา และญี่ปุ่น ที่สหรัฐฯไม่ได้เข้าร่วมหุ้นใน AIIB นี้ไม่ใช่ว่าสหรัฐฯไม่ต้องการจะร่วมด้วย แต่สหรัฐฯเคยส่งบอสใหญ่ของ IMF มาอ้อนวอนจีนถึงกรุงปักกิ่งเพื่อขอเข้ามีส่วนร่วใน AIIB ด้วยแล้วหลังจากที่พยายามห้ามและกดดันประเทศพันธมิตรของตนในยุโรปไม่ให้เข้าร่วมกับจีนในตอนแรกแต่ก็ไม่เป็นผล ไม่มีใครเชื่อฟังสหรัฐฯอีกต่อไป ดังนั้นสหรัฐฯจึงเปลี่ยนใจจะมาขอร่วมทุนในธนาคาร AIIB กับจีนด้วย แต่จีนทำเฉยๆ ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ ซึ่งก็แปลว่า "ไม่รับว้อยยยย!"
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไต้หวันด้วย? จีนนั้นต้องการดึงประเทศต่างๆทั่วโลกให้มามีส่วนร่วมในธนาคาร AIIB ให้มากที่สุดเพื่อจะได้มีอำนาจแข่งขันกับ IMF ของสหรัฐฯได้ แม้ฝั่งไต้หวันเองจะบอกว่าเป็นอิสระจากการปกครองของจีนและพยายามประกาศเอกราชมาตั้งนานแล้ว แต่สหรัฐและประเทศอื่นๆก็ไม่ได้ให้การรับรองสถานะของไต้หวันว่าเป็นประเทศหนึ่ง เพราะถูกจีนกดดัน และแม้ไต้หวันจะอ้างว่าเป็นประเทศหนึ่งเนื่องจากแยกตัวออกมาจากจีนเพราะแพ้สงครามคอมมิวนิสต์ในสมัยที่เจียง ไคเช็ก แพ้สงครามให้กับจีนที่นำโดยกองทัพปลดแอกประชาชนของประธานเหมาเจ๋อตุง เจียง ไคเช็กได้พากองทัพตนเองหนีมาอยู่ที่ไต้หวันและซ่องสุมกำลังไว้ที่นี่แล้วประกาศแยกตัวปกครองต่างหากจากจีน แต่จีนไม่เคยยอมรับว่าไต้หวันเป็นประเทศหนึ่ง จีนมองว่าไต้หวันเป็นเพียงมณฑลหนึ่งของจีนเท่านั้น
เดิมดีนั้นดูเหมือนว่าจีนกำลังจะให้ไต้หวันมีสถานะเป็นสมาชิกระดับ PFM ด้วยอยู่แล้ว แต่สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา "ขบวนการดอกทานตะวัน" (Sunflower Student Movement) ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาเยาวชรุ่นใหม่ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยจัดม็อบรำลึกครบรอบการยึดอาคารสภานิติบัญญัติของไต้หวันในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์ เพื่อเรียกร้องไม่ให้จีนครอบงำใต้หวัน (แต่ไม่ต่อต้านที่ใต้หวันถูกสหรัฐฯคอบงำและแทรกแซงกิจการภายในของไต้หวันบ้างเลย) ทางรัฐบาลของไต้หวันที่นำโดยพรรคก๊ก มิน ตั๋ง นั้นมีนโยบายที่ประณีประนอมกับจีน เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างกัน แต่สหรัฐฯไม่ชอบใจนโยบายแบบนี้ของรัฐบาลนี้จึงปลุกม็อบเยาวชนขึ้นมาต่อต้านจีนอย่างที่ทำในฮ่องกง ดังนั้นจีนจึงออกมาสั่งสอนไต้หวันโดยกระทบชิ่งไปถึงสหรัฐฯในการไม่จัดไต้หวันให้เป็นสมาชิกระดับ PFM เพื่อเป็นการสั่งสอนทั้งไต้หวันและสหรัฐฯไปในตัวซะเลย
การเคลื่อนไหวของกลุ่มดอกทานตะวันในไต้หวันนี้เป็นพวกนิยมประชาธิปไตยซึ่งมีพรรคการเมืองฝ่ายค้้านของไต้หวันและสหรัฐฯอยู่เบื้องหลัง พฤติกรรมคล้ายกันกับการเคลื่อนไหวของม็อบปฏิวัติร่มที่เกิดขึ้นในฮ่องกงเมื่อปีที่แล้ว พวกที่ออกมาเคลื่อนไหวส่วนมากเป็นเยาวชน ถูกปลุกระดมและสร้างกระแสขึ้นมาโดยต่างชาติที่อยู่เบื้องหลังแน่นอน พวกนี้จะมุ่งเป้าโจมตีที่จีนเป็นหลัก ไม่เคยออกมาตำหนิสหรัฐฯเลย
จากการสังเกตการเคลื่อนไหวแทรกแซงกิจการภายในประเทศต่างๆจากสหรัฐฯจะคล้ายๆกันคือใช้เยาวชนของประเทศนั้นเป็นเครื่องมือ เพราะปลูกฝังค่านิยมและแนวความคิดตามที่สหรัฐฯต้องการได้ง่าย สหรัฐฯนั้นพยายามจะทำให้กลุ่มประเทศโดยรอบจีนขัดแย้งกับจีนอยู่ตลอดเวลา เพื่อตัดกำลังของจีน ซึ่งก็คล้ายกับกรณีของรัสเซียอีกนั่นแหละ กรณีรัสเซียนั้นสหรัฐฯหลอกใช้นาโต้และอียูเป็นเครื่องมือของตนในการชักชวนและกดดันกลุ่มประเทศต่างๆรอบรัสเซียฝั่งยุโรปตะวันออกให้เป็นปฏิปักษ์และขัดแย้งกับรัสเซีย ซึ่งก็ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้างเป็นบางประเทศ
แต่ดูเหมือนว่าช่วงนี้กระแสความนิยมในรัสเซียกับจีนจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆมากกว่าสหรัฐฯซะแล้ว เพราะประเทศต่างๆทั่วโลกเริ่มจะเห็นธาตุแท้ของสหรัฐฯและเมื่อเปิดใจรับรัสเซียและจีนมากขึ้นก็เริ่มจะมีการเปรียบเทียบกับฝั่งสหรัฐฯบ้างแล้ว การที่ทั่วโลกหันมายอมรับจีนกับรัสเซียมากขึ้นนี้ทำให้สหรัฐฯกระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่งว่า สหรัฐฯมีความรู้สึกว่าการแผ่อำนาจจักรวรรดิอเมริกาของตนเองกำลังถูกขัดขวางและใกล้จะถึงอวสานของสหรัฐฯแล้ว ดังนั้นตอนนี้สหรัฐฯจึงพยายามทำทุกอย่าง งัดทุกเล่ห์กลออกมาใส่ร้ายทั้งจีนกับรัสเซีย
ล่าสุดก็สร้างความระแวงจีนให้เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศเอเซียด้วยกันเองว่าจีนแอบดังฟังล้วงข้อมูลภายในของประเทศต่างๆในเอเซียมานานนับ 10 ปีแล้วโดยที่ประเทศเหล่านั้นไม่รู้ตัวเลย ซึ่งก็รวมทั้งอินเดียด้วยที่ถูกจีนล้วงข้อมูล นั่นไง! บ่างช่างยุ... พฤติกรรมที่ว่านี้ก็คือสิ่งที่สหรัฐฯเคยทำมาแล้วและกำลังทำอยู่ต่างหาก แต่แทนที่จะบอกว่าเป็นฝีมือของตัวเองก็โบ้ยไปให้จีนซะงั้น ผู้นำเยอรมันเคยเจอกับตัวมาแล้ว ใครจะเชื่อคำพูดของสหรัฐฯในเวลานี้อีกเล่า? จากเท่าที่สังเกตมาได้สักพักหนึ่งได้พบว่าพฤติกรรมของพวกโปรอเมริกานี่ก็จะคล้ายกันกับพฤติกรรมดังกล่าวของสหรัฐฯเลยหละ คือนิยมบิดเบือนข่าว ใส่ร้ายคนอื่น ยุแหย่ให้สังคมแตกแยกกันทั้งในโลกทั่วไปและในสังคมออนไลน์
The Eyes
14/04/2558
-----------
China Blocks Taiwan's Bid to Join AIIB as Founding Member / Sputnik International
Taiwan’s president says China relations unshaken by public protests - AJW by The Asahi Shimbun
Sunflower Student Movement - Wikipedia, the free encyclopedia
China Spied on Southeast Asian Govt's, Companies as Late as 2004 - Report / Sputnik International
Indian Defense Personnel Under Threat of Foreign Intelligence Cyberattacks / Sputnik International