ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คปพ.เสนอใช้ ม.44 ปฏิรูปพลังงาน
    08 เมษายน 2558 เวลา 21:36 น.

    [​IMG]

    คปพ. เสนอประยุทธ์ใช้ ม.44 ปฏิรูปพลังงาน เตรียมร่างกฎหมายปิโตรเลียมทั้งฉบับให้รัฐทำประชาพิจารณ์เสนอ9แนวทางช่วงเปลี่ยนผ่าน

    ม.ล.ปนัดดา ดิสกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและภาคประชาชนเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 และการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ 3 ซึ่งตัวแทนจากเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย(คปพ.) ได้เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 เพื่อใช้ในการแก้ไขประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปพลังงาน

    น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีต รมช.ต่างประเทศและตัวแทน คปพ. กล่าวว่า ในการแก้ไขกฎหมายด้านพลังงานจะต้องลงลึกในรายละเอียดเพื่อไม่ให้เอื้อประโยชน์ให้ใคร ซึ่งการปฏิรูปพลังงานของ คสช. ได้ตั้งเป้าหมายที่จะปฏิรูปพลังงานให้เกิดความโปร่งใส จัดสรรให้แก่ภาคส่วนต่างๆ อย่างเป็นธรรม แต่ในความเป็นจริงซึ่งผ่านมาเกือบ 1 ปีกลับไม่มีความคืบหน้า จึงอยากขอให้ใช้มาตรา 44 ดำเนินการในสิ่งที่มีการสั่งการไปแล้วแต่ไม่ได้ดำเนินการ

    นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ผู้แทนเครือข่าย คปพ. กล่าวว่า ภายในสองสัปดาห์นี้จะเสนอร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียมใหม่ทั้งฉบับและขอให้รัฐบาลจัดทำประชาพิจารณ์ และหากไม่มีข้อขัดข้องก็ขอให้เสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ต่อไป อย่างไรก็ตามในช่วงของการเปลี่ยนผ่านก่อนการใช้ พ.ร.บ.ปิโตรเลียมฉบับใหม่หรือก่อนมีพ.ร.บ. เพื่อจัดตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติใน 9 ประเด็นคือ

    1.เสนอให้รัฐบาลว่าจ้างบริษัทผู้เชี่ยวชาญที่สากลยอมรับมาประมวลผลข้อมูลที่มีอยู่ ในแปลง G4/57 และ G5/57 หากข้อมูลไม่เพียงพอที่จะใช้ประมูล ให้รัฐบาลจ้างสำรวจเพิ่มเติมอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์

    2.ค่าใช้จ่ายในการประมวลผลและสำรวจเพิ่มเติมที่รัฐบาลได้ใช้จ่ายไป ให้เอกชนผู้ได้รับสิทธิในการผลิตปิโตรเลียมต้องจ่ายคนให้แก่รัฐบาลเมื่อได้ผลผลิตแล้ว

    3. เมื่อประมวลผลข้อมูลและหลักฐานเพียงพอต่อการคาดการณ์ปริมาณปิโตรเลียมพร้อมแล้วให้เปิดประมูลแข่งขันการให้ส่วนแบ่งปิโตรเลียมแก่รัฐสูงสุดในระบบแบ่งปันผลผลิต

    4.จำนวนผู้เข้าแข่งขันในการประมูลในแต่ละแปลง เฉพาะแปลง G4/57 และ G5/57) ไม่น้อยกว่า 3 รายขึ้นไป

    5.รัฐมีสิทธิถือหุ้นในการลงทุนในการผลิตปิโตรเลียมไม่น้อยกว่า 15% โดยไม่ต้องลงเงินทุน แต่ให้หักค่าลงทุนเป็นก๊าซและน้ำมันที่ผลิตได้คืนแก่เอกชน

    6.รัฐต้องออกมาตรการให้เอกชนรายใหม่มีสิทธิใช้โครงข่ายท่อก๊าซเพื่อเชื่อมต่อผลผลิตก๊าซเข้าสู่ระบบได้ เพื่อป้องกันการกีดกันของผู้รับสัมปทานรายเดิมและเจ้าของโครงข่ายท่อก๊าซ

    7. เนื่องจากปัจจุบัน ปตท. ผูกขาดการรับซื้อก๊าซจากปากหลุมแต่เพียงผู้เดียวรัฐจึงต้องให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ได้สทิธิ์รับซื้ออก๊าซจากแปลง G4/57และ G5/57 โดยตรงเป็นลำดับแรก เพื่อให้มีหลักประกันว่าก๊าซที่ผลิตได้จะมีผู้รับซื้อแน่นอน และยังเป็นการตัดค่าใช้จ่ายคนกลางของ ปตท. ในฐานะตัวกลางออกไป และจะทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าลดลง ซึ่งเป็นการลดค่าครองชีพทางตรงให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ

    8. เนื่องจากปัจจุบัน ปตท. ผูกขาดการรับซื้อก๊าซจากปากหลุมแต่เพียงผู้เดียว จึงทำให้ ปตท. ผูกขาดการสร้างและเป็นเจ้าของโรงแยกก๊าซทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียวไป และปตท.ยังนำก๊าซไปใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของตนเองในราคาต่ำกว่าตลาดมาก รัฐจึงควรเปิดให้เอกชนรายอื่นนอกจาก ปตท.สร้างโรงแยกก๊าซเพิ่มเติมโดยได้สิทธิ์ซื้อก๊าซในส่วนที่เหลือของแปลง G4/57 และG5/57 ได้โดยตรง และรวมถึงแปลงอื่นๆ ในอนาคต เพื่อลดการผูกขาดตัดตอนและการมีอำนาจเหนือตลาดในธุรกิจก๊าซของ ปตท. และ 9.ในระหว่างจัดตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติให้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการปิโตรเลียมแห่งชาติประกอบด้วยภาครัฐและประชาชนที่ต้องมีสัดส่วนไม่น้อยไปกว่าภาครัฐ

    “เพื่อให้การดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวข้างต้นสามารถปฏิบัติได้จริงเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล คปพ.ขอเสนอให้รัฐบาลอาศัยอานาจตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 44 ซึ่งรัฐบาลได้แจ้งว่าจะใช้อำนาจดังกล่าวอย่างสร้างสรรค์เพื่อดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวให้เป็นรูปธรรม” นายปานเทพ กล่าว

    น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า อยากให้การแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม มีความเปิดกว้างให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมเรื่องของพลังงานด้วย ขณะเดียวกันยังอยากให้รัฐบาลทบทวนแนวทางการเปิดสัมปทาน เพราะจากตัวเลขคาดการณ์ของกระทรวงพลังงานที่บอกว่า หากเปิดสัมปทานไปแล้วจะมีวงเงินจากเอกชนเข้ามาประมาณ 5,000 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลขเพียง 1% เท่านั้นหากเทียบกับรายได้จากผลผลิตปิโตรเลียม 500,000 ล้านบาท

    นายวิวัฒน์ชัย อัตถากร นักวิชาการจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) กล่าวว่า เครือข่ายภาคประชาชนฯเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว 2557 ในการเร่งรัดการแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2514 และพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม 2514 ที่จากเดิมจำกัดวิธีการสำรวจและผลิตพลังงานในแหล่งปิโตรเลียมของประเทศโดยใช้ระบบให้สัมปทานกับภาคเอกชนเพียงอย่างเดียวมาเป็นการเปิดกว้างให้ใช้ระบบการแบ่งปันผลผลิตได้ เนื่องจากข้อมูลของกระทรวงพลังงานที่มีการเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบมีแปลงปิโตรเลียมที่มีศักยภาพอย่างน้อย 2 – 3 แปลงที่น่าจะมีปริมาณสำรองปิโตรเลียมจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีรายได้จากผลิตปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นปีละ 5 แสนล้านบาท

    ทั้งนี้ รายได้จากการผลิตปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้นปีละ 5 แสนล้านบาทถือว่าเป็นประโยชน์กับประเทศอย่างมากในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะลอตัวโดยรายได้ที่ภาครัฐจะได้รับเพิ่มขึ้นควรกันเงินบางส่วนประมาณ 1 แสนล้านบาทมาตั้งกองทุนจำนวน 5 กองทุนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนซึ่งถือว่าเป็นนโยบายที่รัฐบาลชุดนี้ต้องการผลักดันตั้งแต่เป็น คสช.

    ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกฯ กล่าวว่าการหารือวันนี้จะมีการส่งข้อมูลให้กับนายกรัฐมนตรีพิจารณาทุกประการ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีต้องการที่จะรับฟังข้อมูลความคิดเห็นต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการผลักดันแนวทางต่างๆที่เกี่ยวกับพลังงานต่อไปในอนาคต



    คปพ.เสนอใช้ ม.44 ปฏิรูปพลังงาน - โพสต์ทูเดย์ ข่าวการเมือง
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    นักการเงินสหรัฐฯออกโรงเตือนตลาดมีความเสี่ยงที่จะแครซ
    พวกผู้บริหารHedge Fundsเริ่มออกมาเตือนแล้วว่าตลาดหุ้นและตลาดการเงินสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะแครซ เพราะว่าปั่นมานานถึง6ปีแล้ว ถ้าตลาดแครช เฟดจำต้องทำQE 4อย่างแน่นอน แต่งบดุลของเฟดที่$4.5ล้านล้านจะไม่สามารถอุ้มระบบการเงินทั่้งหมดได้เหมือนในช่วง6ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ตลาดแครชในปี2008 เพราะนั้นหมายความว่าเฟดต้องเพิ่มงบดุลตัวเองไปถึง$8ล้านล้าน เกินระดับล้มละลายไปหลายเท่า ทุกวันนี้ก็ล้มละลายไปแล้ว
    แต่มีหรือเจ้ามือการเงินโลกจะยอมแพ้ ตอนนั้นคงจะได้เห็นยิงจรวดข้ามหัวกันไปมา
    ลองอ่านดู:
    Stanley Druckenmiller Duquense Capital Management เตือนว่าหุ้นที่ขึ้นมา4-6ปีที่ผ่านมา ถ้าพูดในแง่ความเสี่ยงแล้ว อาจจะจบลงอย่างเลวร้ายมาก
    Druckenmiller: This could end 'very badly'
    Jamie Dimonแห่งJP Morgan บอกว่าตลาดการเงินกำลังจะประสบกับอาการเหือดแห้งของสภาพคล่อง และอาจจะแครซ
    "Another Crisis Is Coming": Jamie Dimon Warns Of The Next Market Crash
    http://www.zerohedge.com/…/jamie-dimon-warns-broken-markets…
    Julian Robertson นักบริหารเฮดจ์ฟันด์เตือนว่าตลาดการเงินเป็นฟองสบู่ที่พร้อมจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ ถ้าหากเฟดเดอรัล รีเชิร์ฟไม่ขึ้นดอกเบี้ยสกัด
    เขาบอกว่า บอกไม่ได้ว่าลูกโป่งการเงินสหรัฐฯจะแตกเมื่อใด แต่ตอนนี้ตลาดบอนด์ไม่มีที่เหลือให้ขึ้นอีกแล้ว นักลงทุนเลยโยกเงินเข้าตลาดหุ้นทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ที่เดือดปุดๆอยู่
    ถ้าฟองสบู่ตลาดบอนด์แตก มันจะลามไปทำให้ฟองสบู่ตลาดหุ้นแตกตามไปด้วย และเฟดกลัวจนแทบตายว่าตลาดหุ้นจะทำให้เศรษฐกิจพังไปด้วย
    Robertsonกล่าวว่า ทางออกคือเฟดต้องสกัดด้วยการขึ้นดอกเบี้ย ไม่งั้นฟองสบู่ตลาดการเงินจะระเบิดอย่างรุนแรงมาก แต่เขาก็ไม่รู้อีกเหมือนกันว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเมื่อไหร่
    http://www.zerohedge.com/…/hedge-fund-legend-julian-roberts…
    thanong
    12/4/2015
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ไอเอส” โจมตีโรงกลั่นน้ำมันใหญ่ที่สุดในอิรัก-กองทัพยืนยันคุมสถานการณ์ได้
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 เมษายน 2558 11:44 น. (แก้ไขล่าสุด 12 เมษายน 2558 12:31 น.)

    [​IMG]

    @โรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดของอิรักในเมืองไบจี จังหวัดซาลาเฮดดิน (แฟ้มภาพ)

    เอเอฟพี – กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ส่งมือระเบิดฆ่าตัวตายบุกโจมตีโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดของอิรักในเมืองไบจี เมื่อวานนี้ (11 เม.ย.) แต่แหล่งข่าวในกองทัพยืนยันสามารถคุมสถานการณ์ไว้ได้

    กลุ่มติดอาวุธอิสลามสุหนี่ อ้างว่า สามารถบุกเข้าไปในโรงกลั่นน้ำมันได้แล้ว แต่กองทัพอิรักกลับยืนยันว่า โรงกลั่นในเมืองไบจีซึ่งเคยมีการต่อสู้ดุเดือดระหว่างกลุ่มไอเอสกับทหารมาแล้วหลายครั้ง ยังอยู่ในความควบคุมของฝ่ายรัฐบาล

    นายทหารยศพลตรีจากจังหวัดซาลาเฮดดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองไบจี เปิดเผยว่า “วันนี้พวกดาเอช (ชื่อย่อในภาษาอาหรับของไอเอส) ได้บุกโจมตีโรงกลั่นน้ำมันไบจี” และเกิดการปะทะอย่าง “ดุเดือดรุนแรงที่สุด” นับตั้งแต่กองทัพสามารถยึดคืนโรงกลั่นน้ำมันซึ่งอยู่ห่างจากกรุงแบกแดดไปทางเหนือราว 200 กิโลเมตรแห่งนี้ ได้เมื่อไม่กี่เดือนก่อน

    แหล่งข่าวในกองทัพคนอื่นๆ ระบุว่า การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 7.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น และนำไปสู่การยิงต่อสู้อย่างหนักหน่วง

    นายพลผู้นี้ระบุว่า นักรบไอเอสบุกเข้ามาจาก 3 ทาง คือ หมู่บ้านอัล-บุจวารี ทางทิศใต้, บ้านพักสำหรับคนงานโรงกลั่นน้ำมันทางทิศตะวันตก และกลุ่มโรงงานขนาดเล็กทางตะวันออกที่ผลิตสารอนุพันธ์

    “นักรบฆ่าตัวตาย 3 คน สามารถเล็ดรอดมาถึงประตูโรงกลั่นได้ คนหนึ่งได้กดระเบิดฆ่าตัวตาย ส่วนอีก 2 คนถูกสังหารเสียก่อน” นายพลอิรัก กล่าว

    กองกำลังของอิรักที่คุ้มกันโรงกลั่นน้ำมันไบจีสามารถปิดกั้นประตูทางเข้า และควบคุมสถานการณ์ไว้ได้สำเร็จ

    กลุ่มไอเอสได้เผยแพร่ภาพถ่ายขบวนรถฮัมวีที่บุกเข้าไปถึงอาณาเขตโรงกลั่นน้ำมันไบจี และภาพของนักรบที่เล็ดรอดเข้าไปจนถึงเขตหวงห้าม

    “พวกดาเอชพยายามประกาศว่าพวกเขาเข้าถึงทุกที่ แต่ในความเป็นจริงพวกเขาเป็นฝ่ายแพ้ และยังรุกคืบไปไม่ได้เลย” นายพลอิรัก กล่าว พร้อมระบุว่า กองกำลังฝ่ายรัฐบาลสังหารนักรบไอเอสไปประมาณ 20 คน แต่ยังยืนยันตัวเลขที่ชัดเจนไม่ได้

    โรงกลั่นน้ำมันไบจีเคยมีกำลังผลิตปิโตรเลียมสูงถึง 300,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งตอบสนองความต้องการในอิรักได้ถึงร้อยละ 50


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000042343
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โอบามาชี้ “ฮิลลารี คลินตัน” จะเป็น “ประธานาธิบดีที่ยอดเยี่ยม” ของสหรัฐฯ
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 เมษายน 2558 09:26 น. (แก้ไขล่าสุด 12 เมษายน 2558 12:33 น.)

    [​IMG]

    @ฮิลลารี คลินตัน อดีตสตรีหมายเลข 1 และอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ผู้ประกาศตัวลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีในปี 2016

    รอยเตอร์ – ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ กล่าวชื่นชม นางฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลสมัยแรกของเขา ว่า เป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และจะเป็น “ประธานาธิบดีที่ยอดเยี่ยม” ของสหรัฐฯ ต่อไปได้ ขณะที่ คลินตัน เตรียมแถลงเปิดตัวลงชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯอย่างเป็นทางการในวันนี้ (12 เม.ย.)

    โอบามา ซึ่งเดินทางไปร่วมประชุมซัมมิตผู้นำแห่งอเมริกาครั้งที่ 7 ที่กรุงปานามาซิตี แถลงต่อผู้สื่อข่าววานนี้ (11) ว่า “เธอเป็นผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาตั้งแต่ปี 2008 เป็นผู้สนับสนุนที่ดีเยี่ยมของผมในการเลือกตั้งทั่วไป เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศที่โดดเด่น และเป็นเพื่อนรักของผม ผมเชื่อว่าเธอจะเป็นประธานาธิบดีที่ยอดเยี่ยมของสหรัฐฯ ได้”

    โอบามา ระบุว่า ในวันที่ คลินตัน ประกาศลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี “เธอคงจะแถลงวิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศอย่างชัดเจน”

    ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวชื่นชมศักยภาพของนักการเมืองหญิงคนสำคัญของอเมริกา และยกย่องนโยบายของเธอระหว่างที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ช่วงปี 2009-2012

    “เธอจะวางตัวได้อย่างดีมากแน่นอน ไม่ว่าจะเจรจาการทูตในลักษณะใดก็ตาม” โอบามา กล่าวต่อสื่อมวลชน และเสริมว่า “ด้านกิจการภายในประเทศ ผลงานที่โดดเด่นมากของเธอก็คือ การดูแลช่วยเหลือครอบครัวคนทำงาน”

    คลินตัน เตรียมที่จะแถลงเปิดตัวผ่านวิดีโอและสื่อสังคมออนไลน์ในวันนี้ (12) ถึงความตั้งใจที่จะลงสมัครเป็นผู้แทนพรรคเดโมแครตลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016 ก่อนจะเดินทางไปยังรัฐไอโอวาและนิวแฮมป์เชียร์ซึ่งจะมีการเลือกตั้งรอบไพรแมรีเป็นรัฐแรกๆ

    เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นไปได้ที่รองประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะลงชิงชัยเช่นกัน โอบามา ก็ตอบแบบเรียบๆ ว่า “ผมผ่านการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายสำหรับตัวเองมาแล้ว และไม่อยู่ในฐานะที่จะคาดคะเนการเลือกตั้งในอนาคต”

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000042305
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แคนาดาเตรียมส่ง “ทหาร” ช่วยยูเครนรับมือภัยคุกคามรัสเซีย
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 เมษายน 2558 02:02 น. (แก้ไขล่าสุด 12 เมษายน 2558 12:34 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ - รัฐบาลแคนาดาเตรียมพิจารณาส่งกำลังทหารของตนไปยังยูเครน เร็วๆนี้ อย่างไรก็ดี มีการยืนยันว่ากำลังทหารของแคนาดาจะไม่ถูกส่งเข้าไปยัง “แนวหน้า” ที่มีการสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลยูเครน กับกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน ที่มีจุดยืนฝักใฝ่รัสเซีย

    รายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าวของสถานีโทรทัศน์ซีทีวีระบุว่า ขณะนี้รัฐบาลแคนาดา กำลังพิจารณาแผนการส่งกำลังทหารของตนเข้าไปยังยูเครน เพื่อเข้าไปสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคงของชาติพันธมิตรสำคัญอย่างสหรัฐฯที่ในเวลานี้ ได้มีการส่งกำลังทหารของตนเข้าไปในยูเครนก่อนหน้านี้แล้ว

    แหล่งข่าวเผยว่า กำลังทหารของแคนาดาอาจถูกส่งเข้าไปช่วยเหลือด้านการฝึกให้กับกองทัพยูเครน โดยที่จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลยูเครน กับกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน ที่มีจุดยืนฝักใฝ่รัสเซีย

    ความเคลื่อนไหวล่าสุด ถือเป็นการตอกย้ำจุดยืนของรัฐบาลแคนาดาชุดปัจจุบันที่ชูนโยบายต่อต้านรัสเซียอย่างแข็งขันหลังจากที่ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียทำการผนวก “ไครเมีย” ไปจากยูเครน

    อย่างไรก็ดี รายงานข่าวระบุ รัฐบาลแคนาดาภายใต้การนำของพรรคคอนเซอร์เวทีฟ อาจจำเป็นต้องนำประเด็นนี้เข้าหารือในที่ประชุมสมาชิกรัฐสภา และต้องพยายามอย่างหนักเพื่อโน้มน้าวให้รัฐสภา เชื่อว่า การส่งกำลังทหารแคนาดาไปยังยูเครนนั้น จะเป็นไปเพื่อช่วยปกป้องอธิปไตยและเอกภาพแห่งดินแดนของยูเครน

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000042269
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กองกำลังฝ่าย รบ.ซีเรีย ป้อง “สนามบินสำคัญ” จากกลุ่มติดอาวุธได้ ตายกันกว่า 35 ศพ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 เมษายน 2558 17:23 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี – กองกำลังที่ภักดีต่อรัฐบาลสยบการโจมตีที่สนามแห่งสำคัญของซีเรียได้เป็นผลสำเร็จระหว่างการสู้รบอย่างดุเดือดกับกลุ่มติดอาวุธไม่ทราบฝ่าย โดยพวกเขาสูญเสียนักรบไป 20 คน แต่สังหารศัตรูได้เกือบทั้งหมด กลุ่มสังเกตการณ์ ระบุวันนี้ (11)

    รามี อับดุล เราะห์มาน ผู้อำนวยการของกลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนในซีเรีย (Syrian Observatory for Human Rights) ระบุว่า “มีการโจมตีเกิดขึ้นที่รอบนอกสนามบินทหารคัลคาเลาะห์ในจังหวัดซุไวดาเมื่อวานนี้ (10) ”

    กองกำลังผู้ภักดีต่อประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียสามารถรักษาการควบคุมเหนือสนามบินแห่งนี้และพื้นที่โดยรอบไว้ได้ แม้ว่าจะสูญเสียนักรบไป 20 คน ขณะที่กลุ่มติดอาวุธถูกสังหารอย่างน้อย 15 คน

    ถึงแม้ว่ากลุ่มสังเกตการณ์ยังกำลังรอข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนของกลุ่มผู้โจมตีอยู่ แต่ อับเดล เราะห์มาน บอกกับเอเอฟพี ว่า คนพวกนี้มีแนวโน้มว่าจะเป็นนักรบญิฮาดจากกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)

    สนามบินคัลคาเลาะห์ตั้งอยู่ตามแนวถนนหลวงสายหลักที่เชื่อมต่อเมืองเอกของจังหวัดซุไวดาที่กบฏยึดครองอยู่กับกรุงดามัสกัส

    “พื้นที่นี้มีความสำคัญก็เพราะว่าเป็นจังหวัดของชาวดรูซและมีพื้นที่ติดกับกรุงดามัสกัส” อับเดล เราะห์มาน กล่าว โดยอ้างถึงนิกายของชนกลุ่มน้อยที่มองว่าจังหวัดซุไวดาเป็นที่มั่นสำคัญของพวกเขา

    ระบบของประธานาธิบดี อัสซาด อ้างว่าจะปกป้องบรรดาชนกลุ่มน้อยในซีเรียจากกลุ่มอิสลามิสต์ที่มีต่างชาติหนุนหลัง

    แต่การโจมตีชุมชนชนกลุ่มน้อยได้มีเพิ่มมากขึ้นพร้อมกับการผงาดขึ้นของกลุ่มไอเอส ซึ่งมักพุ่งเป้าที่บรรดานิกายของชนกลุ่มน้อยในซีเรีย ตลอดจนชาวสุหนี่ที่พวกเขากล่าวหาว่าไม่ยอมทำตามการตีความศาสนาอิสลามของพวกเขา

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'ป.ป.ช.' ถกรายชื่อข้าราชการส่อทุจริต
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 12 เมษายน 2558, 10:47

    [​IMG]

    "สรรเสริญ" เผย "ป.ป.ช." ถกรายชื่อข้าราชการส่อทุจริต เตรียมส่งลอต 2 เปรย มีขรก.ระดับสูง ยันพิจารณารอบคอบเป็นธรรม

    นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีเตรียมส่งรายชื่อข้าราชการที่ทุจริต ให้กับ ศอตช.เพิ่มเติม ว่า หลังจากที่ป.ป.ช.ได้ส่งรายชื่อข้าราชการที่ถูกดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาให้กับศอตช.แล้ว 5-10 ราย เป็นข้าราชการระดับท้องถิ่นที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีเรียกรับเงิน จัดซื้อจัดจ้าง ขณะนี้ทางสำนักงานป.ป.ช.กำลังดำเนินการรวบรวมเพื่อพิจารณาส่งรายชื่อเพิ่มเติมในรอบที่ 2 หากทางสำนักงานป.ป.ช.สามารถรวบรวมรายชื่อเรียบร้อยก็ต้องเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณา เพื่อขอมติก่อนจะส่งให้พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศอตช.ต่อไป คาดว่าหลังสงกรานต์จะมีการเรียกประชุมศอตช.

    ทั้งนี้ ในการเสนอรายชื่อของป.ป.ช.จะดูจากรายชื่อข้าราชการที่ถูกชี้มูลความผิดไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการลงโทษจากต้นสังกัด และยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ ยืนยันว่าป.ป.ช.ต้องทำด้วยความรัดกุมและรอบคอบ กำลังตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียดให้ชัดเจนก่อนส่ง เพราะไม่เช่นนั้นคนที่ถูกส่งชื่อจะเสียหายต้องให้ความเป็นธรรม เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ เพราะหากมีการร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และเมื่อตรวจสอบพบว่าไม่ได้กระทำความผิดจริง หรือถูกกลั่นแกล้งก็อาจส่งผลกระทบมาถึงภาพลักษณ์การทำงานของศอตช.ได้ ทั้งนี้ยืนยันว่าป.ป.ช.ไม่ผลีผลามส่งรายชื่อ ยกเว้นกรณีที่มีมูลและแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วเท่านั้น เพราะไม่เช่นนั้นจะมีผลต่อการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง และจะไม่ส่งรายชื่อข้าราชการในคราวละมาก ๆ แต่รายชื่อที่ส่งถึงจะน้อยแต่มีคุณภาพ

    ผู้สื่อข่าวถามว่า ในรายชื่อรอบที่ 2 ที่กำลังพิจารณานี้มีข้าราชการระดับสูงระดับนายอำเภอ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือไม่ นายสรรเสริญ กล่าวว่า ในการพิจารณาก็ต้องดูข้าราชการระดับสูงด้วยตามปกติอยู่แล้ว คือในระดับจังหวัด ผวจ. และรองผวจ. ไปถึงระดับอธิบดีกรมปลัดกระทรวง เหล่านี้อยู่ในผู้ที่ถูกเข้าข่ายที่ว่าหากมีเรื่องร้องเรียน และมีหลักฐานก็มีสิทธิที่จะโดนก่อน

    ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าเก้าอี้ต้องร้อนกันแน่ ๆ เลขาฯป.ป.ช. กล่าวว่า “ถ้าใครทำอะไรไว้ก็ต้องร้อนแน่ แต่ป.ป.ช.จะดูจากกรณีที่ไต่สวนแล้ว มีมูลถูกแจ้งข้อกล่าวหาเราต้องรอบคอบ เป็นธรรม นโยบายของพล.อ.ไพบูลย์ถือว่าโอเค เพราะอย่างในประเทศจีนเขาปลดออกจากตำแหน่งก่อนเลยหากพบว่ามีหลักฐานทุจริต ทั้งที่ยังไม่โดนอาญาด้วยซ้ำ”

    เลขาฯป.ป.ช. กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในการพิจารณารายชื่อรอบที่ 3 ได้วางแนวพิจารณาไว้ว่า จะพิจารณารายชื่อข้าราชการที่ถูกตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เนื่องจากถือว่า มีข้อมูลที่เข้าข่ายกระทำการทุจริต และจะพิจารณาเสนอชื่อผู้บริหารท้องถิ่นที่จงใจไม่ยื่นแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วย เพราะตอนนี้ศาลได้มีการลงโทษจำคุกแล้ว แต่ก่อนหน้านี้เพียงรอลงอาญา โดยมีตัวอย่างจากกรณีที่ศาลฎีกา แผนคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกผู้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลแม่คำมี อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ ก็ทำให้มีคนกลัวมากขึ้น
    - See more at: 'ป.ป.ช.' ถกรายชื่อข้าราชการส่อทุจริต

    'ป.ป.ช.' ถกรายชื่อข้าราชการส่อทุจริต
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นายกฯเผยได้รับรายชื่อข้าราชการที่มีเอี่ยวทุจริตแล้ว

    <iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/8ABwDrLJx0Y" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ป.ป.ท. หอบชื่อ 100 ขรก.พัวพันทุจริตส่งนายกฯ ลั่นเอาผิดถึงที่สุด
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 เม.ย. 2558 14:02

    [​IMG]

    เลขาฯ ป.ป.ท. เข้าทำเนียบรัฐบาล ก่อนหยุดสงกรานต์ นำรายชื่อ 100 ข้าราชการพัวพันทุจริตส่งนายกฯ ตามที่ รมว.ยุติธรรม มอบหมาย ลั่น จะสาวให้ลึกที่สุด ผิดคือผิด ถูกคือถูก ไม่กังวลว่าใครเป็นใคร...

    เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 10 เม.ย. มีรายงานว่า นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขาธิการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เดินทางเข้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นำส่งรายชื่อข้าราชการ 100 คน ที่พัวพันการทุจริต ส่งมอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ตามที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธาน ศอตช. มอบหมาย โดยใช้เวลากว่า 15 นาที

    นายประยงค์ กล่าวว่า ได้นำเอกสารและรายชื่อข้าราชการที่พัวพันเกี่ยวกับการทุจริตประมาณ 100 รายชื่อ มาส่งให้นายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา โดยขั้นตอนหลังจากนี้เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีที่จะดำเนินการต่อไป และหากมีข้อสั่งการหรือบัญชาอย่างใดตนจะรับไปดำเนินการหรือนายกรัฐมนตรีจะดำเนินการเองก็ได้ เพราะกฎหมายกำหนดไว้อยู่แล้ว ซึ่งรายชื่อที่ส่งให้ทั้งหมดนี้ จะเป็นการดำเนินการทางปกครอง ส่วนการดำเนินการคดีทางอาญาจะเป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม ขออนุญาตไม่ลงลึกรายละเอียด เนื่องจากรมว.ยุติธรรมสั่งห้ามเอาไว้ โดยจะเป็นผู้ให้ข้อมูลเอง

    ส่วนเป็นข้าราชการสังกัดใดนั้น ไม่สามารถให้รายละเอียดได้ ทั้งนี้ ประเทศเราข้าราชการจะมีบทบาทมากในแง่การรักษาความสงบและการพัฒนา หากมีข้าราชการไปทุจริตแล้วไม่ดำเนินการจะเกิดผลเสียหายมากกว่า ดังนั้น เมื่อภาครัฐเอาจริงเอาจังจะสามารถไปหยุดยั้งตรงนั้นได้ จากที่มากจะเหลือน้อยลง พอน้อยลงจะสามารถควบคุมปัญหาได้ แต่หากปล่อยไม่ทำอะไรเลยคนที่ทำจะได้ใจ ถึงที่สุดจะคุมปัญหาไม่ได้ หากเกี่ยวข้องกับเอกชนจะดึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้ามา และหากถึงที่สุดจริงๆ ต้องแก้กฎหมายเพื่อไปเชื่อมโยงกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังให้ได้

    อย่างไรก็ตาม การทำงานในปัจจุบันจะทำงานร่วมกันในฐานะศอตช. ดังนั้น การสอบสวนพยายามจะลงลึกให้ถึงที่สุด พยายามจะเข้าไปถึงผู้อยู่เบื้องหลัง ถ้าเกิดไปแตะถึงผู้บังคับบัญชาต้องดำเนินการเช่นกัน ผิดคือผิด ถูกคือถูก ไม่กังวลว่าใครเป็นใคร

    ป.ป.ท. หอบชื่อ 100 ขรก.พัวพันทุจริตส่งนายกฯ ลั่นเอาผิดถึงที่สุด - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยันมีอธิบดีทุจริตด้วย
    โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 11 เม.ย. 2558 06:03

    [​IMG]

    นายกชี้ผิดต้องปลด ส่งดำเนินคดีอาญา! ‘แดง’โผล่ราชดำเนิน

    “ป๋าเปรม” เปิดบ้านสี่เสาฯ ให้องค์กรเอกชน-มูลนิธิ รดน้ำวันสงกรานต์ “ป๋า” ขอคนไทยรักษาชาติ ซื่อสัตย์สุจริต ตอบแทนคุณแผ่นดิน “ประยุทธ์” นำ ครม.-ผบ.เหล่าทัพตบเท้าขอพร ประธานองคมนตรีกำชับให้ช่วยรักษาประเทศชาติให้ก้าวหน้า สงบสุข เห็นใจนายกฯเหนื่อยรับงานยาก แต่เชื่อมือว่าทำได้ ด้านนายกฯปลื้มรับกำลังใจ รับปากงัด ก.ม.ทำงานจริงจัง กมธ.ยกร่างฯ ปัดซูเอี๋ย สปช. ผ่านร่าง รธน.เลขาฯ ป.ป.ท.หอบรายชื่อ 100 ขรก.เอี่ยวโกงส่งนายกฯเชือด “บิ๊กตู่” เผยระดับอธิบดีขึ้นไปพัวพันทุจริต เสื้อแดงย้ายวิกซุ่มทำบุญรำลึก 10 เม.ย.53 วัดสามัคคีธรรม ย่านลาดพร้าว

    ก้าวเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลวันสงกรานต์ หลายหน่วยงานจัดกิจกรรมรดน้ำดำหัวขอพรผู้ใหญ่ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้นำคณะรัฐมนตรีพร้อม ผบ.เหล่าทัพเข้าขอพร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี โดย พล.อ. เปรมขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันรักษาบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าและสงบสุข

    “ป๋าเปรม” เปิดบ้านสี่เสาฯ รดน้ำดำหัว

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 10 เม.ย.ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดบ้านสี่เสาฯ ให้ตัวแทนข้าราชการทหาร ตำรวจ คณะบุคคล คณะทำงาน องค์กรภาคเอกชน และมูลนิธิต่างๆ เข้าอวยพรและขอพรเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ นำโดย พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฎฐ์ ประธานมูลนิธิรักเมืองไทย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย และตัวแทนจากกลุ่มต่างๆ ทยอยเดินทาง พร้อมนำพวงมาลัยเข้ารดน้ำขอพรตามประเพณีเนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ วันขึ้นปีใหม่ของไทย

    ปลุกคนไทยตอบแทนคุณแผ่นดิน

    พล.อ.เปรมได้กล่าวขอบคุณทุกคนที่มาอวยพรตอนหนึ่งว่า การรักษาวัฒนธรรมอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ ทุกคนต้องรักษาชาติ รักชาติ โดยต้องเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ต้องมีจิตใจที่มั่นคงที่จะตอบแทนคุณแผ่นดินเพื่อทำให้ประเทศสงบสุข มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนตามที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวไว้

    จากนั้น พล.อ.เปรม ได้เปิดโอกาสให้คณะบุคคลได้รดน้ำขอพร ก่อนที่คณะบุคคลทยอยเดินทางกลับ

    “ประยุทธ์” นำ ครม.–เหล่าทัพขอพร

    ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. ที่สโมสรทหารบก เทเวศร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) และผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้ารดน้ำขอพรจาก พล.อ.เปรม เนื่องในเทศกาลสงกรานต์เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ท่านเป็นผู้ที่พวกเรานับถือโดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แสดงถึงความแน่วแน่ในการตอบแทนคุณแผ่นดินด้วยการทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประชาชนอย่างต่อเนื่อง สมควรยึดถือเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติสืบไป

    “ป๋า” เห็นใจนายกฯ เหนื่อยแบกงานยาก

    จากนั้น พล.อ.เปรม กล่าวว่า เรียนนายกรัฐมนตรีและเพื่อนร่วมชีวิตทั้งหลาย ขอขอบคุณที่กรุณานึกถึงและมาพบกัน และอวยพรในวันสำคัญของชาติ การรักษาวัฒนธรรมก็คือการรักษาชาติ แต่นายกฯ และพวกเราทั้งหลายต้องทำมากกว่านั้นเพื่อรักษาชาติ เพราะเป็นงานที่ยากและเหนื่อย ผมมั่นใจว่านายกฯและพวกเราทั้งหลายจะช่วยกัน ร่วมมือกัน ด้วยความสามัคคี เพื่อทำให้บ้านเมืองสงบสุข มั่นคงและมั่งคั่ง เหมือนที่นายกฯพูดทุกคืน ในโอกาสนี้ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในประเทศและในโลกนี้ได้อำนวยพรพวกท่านทั้งหลาย ให้มีความร่มเย็นเป็นสุข ขอให้นายกฯนำพาประเทศไปสู่ความสงบสุขให้ได้

    ให้ช่วยกันรักษาประเทศชาติสงบสุข

    “ผมขออวยพรท่านทั้งหลายให้มีความแข็งแรง มั่นคง แน่วแน่รักษาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าและสงบสุขอย่างที่ทุกคนหวังจากนายกฯ พวกเราจะต้องทำในสิ่งที่ประชาชนคาดหวังให้ประสบความสำเร็จ ขอพระบารมีของพระบาท– สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมราชินีนาถคุ้มครองภัยอันตราย ใครคิดไม่ดีต่อชาติบ้านเมืองขอให้พระสยามเทวาธิราชดูแลไม่ให้เกิดปัญหาในชาติบ้านเมือง ขอให้ครอบครัวของเรามีแต่ความสงบสุข มีความรัก ความสามัคคี เป็นครอบครัวที่มีความสุขเหมือนกับนายกฯ ต้องการให้ทุกคนมีความสุข ขอให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับพวกเราทุกคนตลอดไป”

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้นำพวงมาลัยมอบให้ พล.อ.เปรม พร้อมรดน้ำขอพร โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและ ผบ.เหล่าทัพ ทยอยรดน้ำขอพร

    “บิ๊กตู่” รับปากใช้ ก.ม.ทำงานจริงจัง

    จากนั้นเวลา 17.20 น. ที่สโมสรทหารบก เทเวศร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ให้สัมภาษณ์ภายหลังรดน้ำขอพร พล.อ.เปรมว่า ช่วงสงกรานต์ตนไม่ได้ไปไหนอยู่ที่บ้าน การรดน้ำขอพร พล.อ.เปรม ท่านฝากความห่วงใยในการดูแลประชาชนให้มีความสุข ให้กำลังใจทุกกระทรวงทุกคนแก้ปัญหาให้ได้ ซึ่งท่านบอกว่าเป็นกำลังใจให้โดยตลอด แต่ท่านไม่ได้มีโอกาสมาพูดคุย วันนี้จึงเป็นโอกาสมาให้กำลังใจ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ท่านขอให้ดูแลประชาชนให้ดี ตนได้เรียนท่านว่า ตนได้ใช้กฎหมายใช้การทำงานอย่างจริงจัง และแก้ปัญหาทุกอย่างให้เป็นผลอย่างยั่งยืน ไม่ใช่แก้แบบประเดี๋ยวประด๋าว ซึ่งทุกวันนี้ปัญหานั้นมีเยอะ

    รับเป็นมนุษย์ก็มีโกรธนักข่าวบ้าง

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า “ที่ผ่านมาในการสัมภาษณ์ไม่เคยว่าสื่อ แต่บางครั้งการพูดคุยกันก็อาจจะแรงบ้าง หนักบ้างเบาบ้าง แต่ผมไม่ได้เกลียดคุณ แต่ต้องยอมรับว่าบางคำถาม เหมือนกับทำให้ทุกอย่างต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ ขณะที่กำลังคิดจะเดินไปข้างหน้า ก็ต้องกลับมาคิดใหม่มันไม่ได้ ยอมรับว่าเรารับเรื่องเยอะ แต่ด้วยตัวของผมเองรักทุกคน ทุกวันนี้ก็คิดบวกเยอะมากขึ้นแล้ว เพราะผมได้รับการสั่งสอนมาว่า เวลาโกรธใครถ้าปล่อยให้โกรธไปเรื่อยๆ วันข้างหน้าก็จะคบเขาไม่ได้ มันไม่ดี แต่ก็ยอมรับว่าเคยโกรธนักข่าวบ้างเหมือนกัน เพราะเป็นมนุษย์ต้องมีโกรธบ้าง การพูดจาต้องมีความขัดแย้งกันบ้าง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและอารมณ์ดี พูดคุยหยอกล้อกับสื่อมวลชนตลอดเวลา แม้ขณะที่ขึ้นไปนั่งบนรถยนต์แล้ว ก็ยังลดกระจกลงมาพูดคุย พร้อมอวยพรว่า “ปีใหม่นี้ ขอให้โชคดีทุกคน”

    บิ๊กกองทัพพรึบอวยพร “ประวิตร”

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเมื่อเวลา 17.30 น.ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายในกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ถนนวิภาวดีรังสิต พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม ได้เปิดให้ ผบ.เหล่าทัพเข้ารดน้ำเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ นำโดย พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ. พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ.และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.พร้อมนายทหารระดับผู้บังคับการกรม ฯลฯ

    “สมชาย–ปู” ปลอบขวัญเด็ก พท.

    เช้าวันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย บรรดาแกนนำพรรค อดีต ส.ส. และสมาชิกพรรคเพื่อไทย นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ร่วมรดน้ำดำหัวนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายโภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ที่จัดเป็นการภายใน บรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางมาสมทบด้วยในช่วงหลัง ก่อนรับประทานอาหารร่วมกับแกนนำและสมาชิกพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นกันเอง ทั้งนี้ นายสมชายได้กล่าวอวยพรสมาชิกพรรคว่า ขอให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยเข้มแข็ง อดทน เมื่อเราทำในสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชนก็ไม่ต้องกลัวอะไร เมื่อถึงเวลาประชาชนจะพิจารณาตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพวกเขาเอง ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้กล่าวให้กำลังใจซึ่งกันและกันกับสมาชิกพรรค

    “เจ๊หน่อย” ขอให้เป็นธรรมดับไฟขัดแย้ง

    ช่วงบ่ายวันเดียวกัน อดีต ส.ส.กทม. สมาชิกภาค กทม.พรรคเพื่อไทย เดินทางไปบ้านย่านลาดปลาเค้าของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย เพื่อรดน้ำดำหัวขอพรในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ โดยคุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ขออวยพรให้ชาวไทยได้ผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาไปได้ เชื่อว่าหลังจากเทศกาลสงกรานต์แล้วทุกอย่างจะกลับมาดีขึ้น ส่วนตัวได้สมัครใจขอเว้นวรรคทางการเมืองมาจนถึงขณะนี้ เพราะมองว่าไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็ทำงานช่วยประเทศชาติได้ และขอทำประโยชน์ให้แก่สังคม ทั้งนี้ไม่มีข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แต่ขอให้ยึดหลักความเป็นธรรม และยึดหลักประชาธิปไตย ต้องสร้างความเป็นธรรมให้แก่ทุกฝ่าย เพราะเชื่อว่าจะเป็นเครื่องมือลดความขัดแย้งได้

    บัญชี 100 ขรก.โกงถึงมือนายกฯ

    อีกเรื่อง เมื่อเวลา 12.00 น. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธาน ศอตช.มอบหมายให้นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขาธิการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เดินทางมาที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นำเอกสารและรายชื่อข้าราชการที่พัวพันการทุจริตจำนวน 100 คน ส่งมอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ในฐานะประธานคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) โดยส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ จากนั้น นายประยงค์ให้สัมภาษณ์ว่า ได้นำเอกสารและรายชื่อข้าราชการพัวพันการทุจริตประมาณ 100 รายชื่อ มาส่งให้นายกฯเพื่อพิจารณา หรือถ้านายกฯมีข้อสั่งการตนจะรับไปดำเนินการ เป็นการดำเนินการทางปกครอง ส่วนการดำเนินการคดีทางอาญาจะเป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ส่วนจะเป็นข้าราชการสังกัดใดบ้าง รมว.ยุติธรรมสั่งห้ามไม่ให้พูด เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามักเกี่ยวพันตำรวจและกระทรวงมหาดไทย นายประยงค์ตอบว่า สถิติการร้องเรียนมายัง ป.ป.ท.เป็นอย่างนั้น

    ขู่เช็กชื่อ ขรก.ทุจริตทุกเดือน

    นายประยงค์กล่าวว่า จะพิจารณาลักษณะนี้ต่อเนื่องทุกเดือน ดำเนินการกับผู้ทุจริต เพราะการลงโทษที่ผ่านมาเน้นแต่อาญา ต้องใช้เวลานาน นายกฯ จึงต้องการเอามาตรการทางวินัยทางปกครองมาดำเนินการ โดยใช้ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ส่วนคดีอาญายังดำเนินการต่อไปเหมือนเดิม ประเทศเราข้าราชการจะมีบทบาทมากในการรักษาความสงบและพัฒนา หากมีข้าราชการทุจริต แล้วไม่ดำเนินการจะเกิดผลเสียหายมากกว่า เมื่อภาครัฐเอาจริงเอาจังจะหยุดยั้งการทุจริตได้ แต่หากปล่อยไม่ทำอะไรเลยคนทำจะได้ใจ ถึงที่สุดจะคุมปัญหาไม่ได้ เป็นเจตนารมณ์ ศอตช.และนายกฯจะทำตรงนี้ให้บรรลุผลให้ได้ หากตีรวนไม่ทำงานจะมีกฎหมายกำกับอยู่ หัวหน้าส่วนราชการต้องดำเนินการ ข้าราชการทุกคนมีหน้าที่ต้องทำงาน หากไม่ทำถือว่าผิด

    ลั่นฟันดะไม่สนใครหน้าไหน

    เมื่อถามว่า ส่วนใหญ่จับตัวข้าราชการระดับสูงที่ทุจริตไม่ได้ มีแต่ระดับล่างผู้ปฏิบัติ นายประยงค์กล่าวว่า จะพยายามทั้งหมด บางส่วนถ้าพยาน หลักฐานไปไม่ถึง ต้องเอาหน่วยงานข้างเคียงเข้ามาช่วย หากเกี่ยวข้องกับเอกชนจะดึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาประกอบกำลังกัน หากถึงที่สุดไปไม่ถึงจริงๆ ต้องแก้กฎหมาย เพื่อไปเชื่อมโยงกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ ศอตช.จะสอบสวนลงลึกให้ถึงที่สุด พยายามจะเข้าไปถึงผู้อยู่เบื้องหลัง ถ้าไปแตะถึงผู้บังคับบัญชาต้องดำเนินการผิดคือผิด ถูกคือถูก ไม่กังวลว่าใครเป็นใคร ไม่ใช่แค่เขียนเสือให้วัวกลัว

    “บิ๊กตู่” เผยระดับอธิบดีขึ้นไปพันทุจริต

    เวลา 17.20 น. ที่สโมสรทหารบก เทเวศร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท.ส่ง 100 รายชื่อข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตว่า หลังจากนี้จะเรียกหลายหน่วยงานที่ส่งรายชื่อมา เพื่อให้ชี้แจงว่ามีเหตุผลและสาเหตุอย่างไร คดีความทั้งหมดจะทำอย่างไรกันต่อ เมื่อถามว่า เป็นคดีเก่าที่มีการตรวจสอบกันอยู่แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้ว่าเก่าหรือไม่ คงต้องไปถามแต่ละหน่วยงาน ตนเพียงแต่บอกว่าอะไรก็ตามตั้งแต่วันที่ตนเข้ามา 22 พ.ค.57 แล้วยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการสอบสวนให้ดำเนินการเสีย ไม่ได้เร่ง แต่ขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อถามว่า เท่าที่ได้ดูมีกี่ราย พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เยอะมาก ยอมรับว่ามีข้าราชการระดับผู้ใหญ่ตั้งแต่อธิบดีขึ้นไปก็มี เมื่อถามว่ามีข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับที่ดินโบนันซ่า จ.นครราชสีมาด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่เห็น

    ย้ำใช้ ม.44 แค่ส่งทหารช่วยปราบรุกป่า

    เมื่อถามว่า นายกฯจะใช้มาตรา 44 ดำเนินการให้เด็ดขาดเลยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า มาตรา 44 ใช้ทำอะไรได้บ้าง ใช้มาตรา 44 ก็ต้องใช้กฎหมายปกติด้วย จะใช้มาตรา 44 แค่ให้อำนาจทหารเข้าไปทำงานช่วยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เพราะทหารไม่มีอำนาจ จะได้มีอำนาจเข้าไปตรวจค้น ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯต้องไปพร้อมกันกับเรา เวลาจับกุมต้องใช้กฎหมายป่าไม้ รวมถึงการสอบสวนด้วย และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เดี๋ยวจะหาว่าเราไปบังคับและใช้กฎหมายพิเศษ ซึ่งเราไม่ทำ ดีกว่าไอ้บางพวกใช้กฎหมายปกติ แต่ทำให้พิเศษขึ้น ที่ผ่านมาใช้กันแบบนี้

    เมื่อถามว่า ถือเป็นการปฏิรูปข้าราชการที่ทุจริตหมดไปจากแผ่นดินไทยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทำไมดุเดือดจัง และครั้งนี้ไม่ใช่การเชือดไก่ให้ลิงดู แต่ทุกอย่างทำไปตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการส่งข้อมูลเข้ามาเช่นนี้ต้องไปดูว่าคดีความขนาดไหน ถ้าร้ายแรงต้องสอบสวน ถ้าผิดต้องปลดและดำเนินคดีทางอาญา แต่หากเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย ที่ทำผิดเพราะต้องทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ต้องมาดูว่าเหตุผลที่ทำไปนั้นเป็นเพราะอะไร เพราะมีอำนาจทางการปกครองเหมือนกับการทำงานที่ทุกคนก็ต้องกลัวหัวหน้า

    “คำนูณ”ปัดเกี้ยเซี้ย กมธ.ยกร่างฯ–สปช.

    ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงการสัมมนาทำความเข้าใจร่างรัฐธรรมนูญระหว่าง กมธ.ยกร่างฯกับสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ว่า ไม่ได้เป็นการเกี้ยเซี้ยหรือล็อบบี้ หากมองเช่นนั้นก็เป็นการหมิ่นเกียรติ สปช. เชื่อว่าทุกคนมีความเห็นเป็นของตัวเอง ไม่มีใครขอร้องได้ แต่เป็นความพยายามทำความเข้าใจระหว่างกัน เพราะ สปช.เรียกร้องว่าอยากคุยนอกรอบกับ กมธ.ยกร่างฯ จึงทำตามประสงค์ยืนยันไม่มีการแทรกแซงสิทธิการตัดสินใจของ สปช.

    “เสธ.อู้–สุจิต”มือวางแจงระบบ ลต.–การเมือง

    นายคำนูณ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นที่ สปช.ติดใจและถามมากคือ ภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดี-สถาบันการเมือง พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช กมธ.ยกร่างฯจะเป็นตัวหลักชี้แจงระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม และนายสุจิต บุญบงการ รองประธาน กมธ.ยกร่างฯจะดูแลภาพรวมในส่วนภาคการเมืองทั้งหมด ส่วนจะมีการทบทวนหรือยืนตามร่างเดิมของ กมธ.ยกร่างฯหรือไม่ ต้องดูคำขอแก้ไขเพิ่มเติมทั้งจาก สปช. คณะรัฐมนตรี (ครม.) และ คสช.ก่อน หลังวันที่ 25 พ.ค.จะให้เจ้าหน้าที่รวบรวมคำขอแปรญัตติมาจัดทำเป็นตาราง จากนั้นจะเชิญผู้ขอแก้ไขเพิ่มเติมทั้งหมดมาชี้แจงคณะละ 3-4 คน ให้เวลาคณะละครึ่งวัน จากนั้นจะตัดสินใจอีกครั้งว่า จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือไม่อย่างไร และคงไม่สามารถให้ สปช.มีส่วนร่วมร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้ ในบทเฉพาะกาลให้เป็นการกระทำของ กมธ.ยกร่างฯและส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เลยเพื่อความรวดเร็ว ถ้าต้องเพิ่มการพิจารณาของ สปช.จะยิ่งทำให้การเลือกตั้งภายใน 180 วันช้าออกไปอีก แต่อาจส่งไปให้ สปช.ทราบสรุป 1 วัน ก่อนส่งให้ สนช. แต่ไม่ให้แปรญัตติแก้ไข สปช.ไม่ได้ทำหน้าที่รัฐสภา ต้องให้เกียรติไว้วางใจ สนช.ที่ทำหน้าที่นิติบัญญัติแทนรัฐสภาด้วย

    ย้ำไม่มีหมกเม็ดนิรโทษฯใน รธน.

    นายคำนูณ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีสื่อตั้งข้อสังเกตการทบทวนถ้อยคำในภาค 4 การปฏิรูปและการสร้างความปรองดองในมาตรา 1 ตัดศาลออกจากความผูกพันและเปลี่ยนคำว่า “ก่อให้เกิดหน้าที่” เป็น “ก่อให้เกิดความรับผิดชอบ” ว่าเป็นการทบทวนอำนาจของคณะกรรมการปรองดองที่สามารถร่างพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ ตามเงื่อนไขที่ต้องให้ความจริง หรือสำนึกผิดต่อกรรมการปรองดองว่า กมธ.ยกร่างฯยังไม่มีการพิจารณาลงลึก แต่ถ้ามีการขอแก้ไขเพิ่มเติมมาก็พร้อมพิจารณา ภาค 4 อาจไม่ออกมาตามร่างแรกทั้งหมด ต้องดู ครม. คสช.และ สปช.ที่จะเสนอแก้ไข รวมทั้งความเห็นประชาชนและสื่อมวลชนว่ามีประเด็นใดไม่สบายใจหรือไม่สมบูรณ์ จะนำมาพิจารณาทุกประเด็น ยืนยันว่าไม่มีเรื่องนิรโทษกรรมในร่างรัฐธรรมนูญแน่นอน ร่างพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ เป็นขั้นตอนที่มีระยะเวลาและหลักเกณฑ์ตามที่คณะกรรมการปรองดองจะพิจารณา ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เขียนไว้ต้องเกิดขึ้น อาจไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้

    เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่า อำนาจของคณะกรรมการฯจะกลายเป็นประตูเปิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้กลับไทยโดยไม่มีความผิด นายคำนูณ กล่าวว่า คงไม่ใช่แน่ ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายออกกฎหมายอภัยโทษ หรือนิรโทษกรรมแก่ผู้ใดเป็นการเฉพาะ แม้การระบุให้เป็นอำนาจของกรรมการฯอภัยโทษคนที่สำนึกผิดหรือให้ข้อเท็จจริงก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อสำนึกผิดแล้วจะได้รับการอภัยโทษทุกราย

    “สุจิต”หวัง รธน.ผ่านฉลุยด่าน สปช.

    นายสุจิต บุญบงการ รองประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า การร่างรัฐธรรมนูญต้องมีหลักการ เมื่อมีหลักการแล้ว ถ้าจะใช้หลักใหม่เข้ามาเกรงว่าจะมีปัญหา โดยหลักการที่ต้องคงไว้ เช่น การปกครองในระบอบรัฐสภาที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ระบบเลือกตั้ง การบริหารงานก็ต้องให้สอดคล้องกับระบบรัฐสภา ส่วนกรณีที่มาของนายกรัฐมนตรีคนนอกที่มีการโต้แย้งมากนั้น ถ้าเป็นเรื่องที่สอดคล้องกับการปกครองในระบบรัฐสภาก็สามารถคุยกันได้ ทั้งนี้ ส่วนตัวมีความหวังว่าร่างรัฐธรรมนูญนี้จะผ่านการเห็นชอบของ สปช.

    ปูด กมธ.โวย “บวรศักดิ์” เผด็จการ

    นายศรีราชา วงศารยางกูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า กมธ.ยกร่างฯต้องดูเสียงสะท้อนของประชาชน ไม่ใช่เอาแต่ใจของผู้ร่าง อาจเกิดปัญหาตามมา หากคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยจะมีการต่อต้าน กมธ.ยกร่างฯทั้งหมดต้องรับผิดชอบ ใครเป็นหัวหน้าต้องรับผิดชอบสูงสุด ที่ผ่านมาได้รับคำร้องเรียนจาก กมธ.ยกร่างฯบางรายว่ามีเผด็จการ ประธาน กมธ.ยกร่างฯเอาความเห็นตนเป็นใหญ่ ไม่ค่อยรับฟังเสียงใคร ไม่เหมาะจะเป็นประธาน กมธ. ยกร่างฯควรกล้าให้มากพอที่จะแสดงพลังออกมา ส่วนที่นายกฯห่วงว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ร่างฉบับแรกอาจจะไม่ผ่าน นายกฯเป็นคนเลือกประธาน กมธ.ยกร่างฯผิดเอง อาจเป็นเพราะมีแต่ทฤษฎี ไม่เคยนำมาปฏิบัติจริง ส่วนกรณีรัฐบาลจะเชิญตัวแทนจากเยอรมันกับฝรั่งเศสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ประกอบการร่างรัฐธรรมนูญคงไม่มีอะไรดีขึ้น เราต้องพัฒนาบุคลากรเราก่อน แล้วประชาธิปไตยถึงจะไปได้

    รธน.ไม่เสร็จอย่าติ

    เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กล่าวผ่านรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ว่า การร่างรัฐธรรมนูญกระบวนการยังไม่เสร็จสิ้นอย่าไปตำหนิติเตียนกันนักเลย ประเด็นที่ยังไม่เรียบร้อยไม่ได้ข้อยุติ อย่าเพิ่งไปขัดแย้งกันเลย น่าดีใจที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจติดตามอย่างใกล้ชิด ประเทศเราถ้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องปฏิรูปก็จบ ไม่ต้องร่างใหม่เอาอันเก่ามาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าทุกคนคิดว่าต้องปฏิรูปแล้วต้องเขียนให้คนในประเทศและนักการเมืองยอมรับ

    อย่าอายเชิญต่างชาติมาชี้แนะ

    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาคมโลกยอมรับว่ามันเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย ตนว่าไม่ต้องอายถ้าทำแล้วอย่าอาย รัฐบาลไหนก็ตามถ้าทำแล้วยอมรับกันบ้าง ยอมรับกติกากฎหมายบ้าง ตนว่าคนเขาให้อภัยหมด เว้นแต่พวกไม่รับอย่างไรก็ไม่รับจะพูดว่าถูกอยู่นั่น ตนมอบนโยบายไปแล้วเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ให้ไปเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญของต่างประเทศที่เกิดเหตุการณ์แบบเรามาถาม ซึ่งไม่ได้ให้มาวิเคราะห์ว่ารัฐธรรมนูญไทยเป็นอย่างไร เราเคยเลิกทาสมาแล้วไม่ได้เสียชีวิตเสียอะไรเลย ซึ่งต่างประเทศก็มีเหมือนกัน และที่อยากให้เอามาคือฝรั่งเศสและเยอรมัน สถานการณ์คล้ายๆเรา รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะไปได้หรือไม่ได้ อยู่กับคนไทยทุกคน มีหลายคนต่อว่าตนไปเอาคนอื่นมายุ่งแต่ท่านไปเอามายุ่งมากกว่า เอามาวิจารณ์มาว่าประเทศใช้กฎหมาย ใช้อะไร ใช้กำลังหนักยิ่งกว่าตน ตนเอามาเพื่อศึกษาเท่านั้นไม่เกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญบ้านเราคือบ้านเรา

    ยันใช้เวลาแค่ 2 ปีตามโรดแม็ป

    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า เนื่องจากเป็นช่วงสงกรานต์ไม่อยากจะพูดอะไรที่มันแรงๆ แต่มันอดไม่ได้ ขออนุญาตพูด วันนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของการเดินหน้าประเทศ ที่พูดมาทั้งหมดตลอดระยะเวลาของการเป็นรัฐบาลกับ คสช. 11 เดือนแล้ว ความก้าวหน้ามีตามลำดับมีระยะต้น กลาง ปลาย รวมกันแล้วก็ 2 ปีแค่นั้น ต่อไปก็เป็นเรื่องของรัฐบาลที่มาตามโรดแม็ป การร่างรัฐธรรมนูญปัญหาคือประชาชน ถ้ายอมรับประเทศไปข้างหน้าแน่ ถ้าไม่ยอมรับกันประเทศถอยหลังกลับที่เดิม สรุปง่ายๆ การเลือกตั้งต้องบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส มีนักการเมืองที่ดี มีธรรมาภิบาล คุณธรรม จริยธรรม วันนี้ทุกคนมีความตั้งใจมีความกระตือรือร้นอย่างแรงกล้าที่จะทำให้ได้ แต่แน่นอนต้องมีคนขัดแย้งไม่เห็นด้วย ตนต้องใช้เวลาสร้างความรับรู้ให้ได้ให้เร็วที่สุด เพื่อประเทศชาติและประชาชนจะได้ปลอดภัยในช่วงการเปลี่ยนผ่าน การเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ไม่มีอะไรที่ได้มาเปล่าๆ ทุกคนต้องอดทนต้องช่วยเหลือกัน

    รำคาญพวกวิจารณ์หุบปากได้แล้ว

    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ที่ออกมาพูดไม่อยากจะกล่าวถึงมากนักหรอก รำคาญ น่าเบื่อหน่ายเหมือนกัน พูดถึงแต่สิ่งที่ทำมาแล้วและมีปัญหา ผมว่าหยุดพูดได้แล้ว พอผมไปใช้อำนาจทางกฎหมายก็บอกว่าไปปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ สิทธิเสรีภาพที่ผ่านมาบริหารประเทศได้ไหม มีการประท้วงแล้วใครใช้อาวุธสงครามยิงตอนคนที่เขามาประท้วง มันก็เกิดอย่างนี้ปี 53 ก็ชุดเดิม 56-57 ก็ชุดเก่าอีก ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้านก็ทำแบบเดิม สังคมเข้าใจบ้างฟังกันอยู่ได้ อย่าไปฟังเขา วันนี้ผมต้องปิดสถานีวิทยุ 6 พันกว่าแห่ง ผิดกฎหมายทั้งสิ้นเพราะเป็นของนักการเมืองส่วนใหญ่ที่ไม่ค่อยดี ไม่ได้ว่าทุกคน คนดีๆเยอะแยะไปใครรู้ตัวว่าดีไม่ได้ว่า ถ้าใครรู้ตัวว่าไม่ดีผมว่าท่านก็แล้วกันเพราะพยายามจะพูดอะไรให้มันกลับไปที่เก่าให้ได้ สร้างการรับรู้ที่มันผิดๆต้องการจะมีสิทธิเสรีภาพอย่างไร้ขีดจำกัดแต่ไม่ได้พูดถึงหน้าที่ความรับผิดชอบต่อประเทศชาติ ไม่มีเลย”

    ขู่ปิดหมดสื่อเลือกข้างพูดโกหก

    นายกฯกล่าวต่อว่า สื่อต่างๆเลือกข้างทั้งหมด สัปดาห์ที่แล้วเตือนกัน 2-3 สถานี พูดในสิ่งที่มันโกหกเตือนแล้วอะไรแล้ว ไม่อยากไปยุ่งอะไรกับท่าน พออีกคนเข้ามาสู้ท่านก็ไปรังแกอีกพวกเพื่อจะพูดข้างเดียว ไม่ใช่ ถ้าจะปิดก็ปิดทั้งหมดก็ระมัดระวังกันก็แล้วกัน แล้วจะหาว่าไปละเมิดสิทธิสื่อ ตักเตือนให้หยุดการกระทำนั้นไม่ใช่ข้อเท็จจริง ทุกคนรู้ดีแก่ใจว่าใครถูกใครผิด อย่ามาโกหกบิดเบือนกันอีกต่อไป ให้มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หน่อยก็แล้วกัน คงเข้าใจ คงไม่แรงไปหรอก ขอโทษแล้วกันถ้าใครคิดว่าแรง อย่าไปหลบซ่อนอยู่ที่โน่นที่นี่มาสู้ทางกฎหมายให้ชัดเจนจะอำนวยความเป็นธรรมให้ อย่าไปกล่าวอ้างประเทศชาติเสียหาย แล้วเอาคนโน้น คนนี้มาแก้ปัญหาให้เราไม่ใช่เรื่อง คนเหล่านี้เดี๋ยวคงต้องว่ากันต่อไปว่าจะทำกันอย่างไร ขอให้มีความสุขในช่วงวันหยุดสงกรานต์

    ย้ำเป็นมิตรทุกประเทศในโลก

    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า สำหรับในเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 8 เม.ย. มีโอกาสต้อนรับนายดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย นับเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 25 ปี และจะมีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันครบ 120 ปีในปี 2560 ซึ่งได้ลงนามในข้อตกลงของภาครัฐ 5 ฉบับ ครอบคลุมทั้งการลงทุน พลังงาน วัฒนธรรม การท่องเที่ยวและการต่อต้านยาเสพติด สำหรับกับประเทศอื่นๆก็เช่นเดียวกันเราจะเร่งรัดขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม เราพร้อมจะเป็นมิตรกับทุกประเทศในโลกนี้ โดยใช้หลักการพื้นฐานแห่งความไว้วางใจลดความหวาด ระแวงและมีผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน เพราะทุกประเทศมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นประเทศใหญ่ประเทศเล็ก

    รักษาการทูตยุ่นไว้อาลัย “ฮิโรยูกิ”

    ด้านความเคลื่อนไหวกลุ่มคนเสื้อแดง ภายหลังคสช.มีคำสั่งห้ามรวมตัวจัดกิจกรรมรำลึกให้ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุม 10 เม.ย.53 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าบริเวณถนนดินสอ จุดปะทะระหว่างทหารและกลุ่มคนเสื้อแดง บรรยากาศคึกคักมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรอง ทั้งทหาร-ตำรวจหลายสิบนายระดมกำลังมาเตรียมสกัดการรวมตัวกันของมวลชน กระทั่งเวลา 10.00 น. นายโอซามุ อิซาวา รักษาการเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เป็นตัวแทนมาวางดอกไม้ไว้อาลัยให้นายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพรอยเตอร์ชาวญี่ปุ่น ซึ่งเสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา เจ้าหน้าที่ไม่ห้าม เพียงเข้าไปบันทึกภาพเก็บไว้ เมื่อตำรวจ ทหารถอนออกจากพื้นที่ ปรากฏว่ามีหญิงกลางคน 2 ราย สวมเสื้อแดงมีสัญลักษณ์แนวร่วมนปช. พร้อมข้อความเรารักประชาธิปไตย นำดอกกุหลาบแดงมาวางและจุดเทียนรำลึกใต้ต้นไม้ ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนสตรีวิทยา โดยระบุว่าเดินทางมาจาก จ.สมุทรปราการ ตั้งใจมาเพราะมีเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเสียชีวิตที่จุดนี้ ต่อมาเวลาไล่เลี่ยกันชาย สูงอายุรายหนึ่ง นำดอกไม้มาวางจุดเดียวกับที่นายฮิโรยูกิเสียชีวิต

    เสื้อแดงโผล่ทำบุญรำลึก 10 เม.ย.53

    ขณะที่วัดสามัคคีธรรม ลาดพร้าว 64 นายพลท เฉลิมแสน แกนนำคนเสื้อแดง นัดหมายมวลชนเสื้อแดงราว 30 คน ร่วมทำบุญเลี้ยงพระ 9 รูป ถวายสังฆทาน กรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลให้คนเสื้อแดงที่เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุม 10 เม.ย.53 และผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดง โดยมีนางสุดสงวน สุธีสร อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าร่วม ท่ามกลางการจับตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล และฝ่ายข่าวกรองทหาร ที่มาซุ่มบันทึกภาพความเคลื่อนไหว แต่ไม่ได้สั่งยุติการจัดงาน ส่วนที่วัดเกิดการอุดม ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตำรวจ ทหารนับสิบนายเข้าตรึงกำลังในวัด สกัดไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงมารวมกลุ่มจัดงานรำลึก 10 เม.ย. ก่อนหน้านี้คณะกรรมการญาติวีรชน 10 เมษา ประกาศยุติการจัดงานไปแล้ว โดยแกนนำกลุ่มญาติวีรชน 10 เมษา นำโดยนายบรรเจิดและนางสุวิมล ฟุ้งกลิ่นจันทร์ พ่อแม่นายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ หนึ่งในคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ ยอมเดินทางไปทำบุญให้บุตรชายที่วัดมูลจินดา อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี แทน

    ฝืนคำสั่ง คสช.ชุมนุมอนุสาวรีย์ ปชต.

    ต่อมาในเวลา 18.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายบรรเจิด ฟุ้งกลิ่นจันทร์ บิดานายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ คนเสื้อแดงที่เสียชีวิตในวันที่ 10 เม.ย.53 ในฐานะแกนนำคณะกรรมการญาติวีรชน 10 เม.ย.53 นัดหมายกลุ่มญาติผู้สูญเสียในเหตุการณ์เดียวกันกว่า 10 ครอบครัว ร่วมกันปฏิเสธคำสั่ง คสช.ที่ห้ามจัดงานทำบุญให้ผู้วายชนม์ เดินทางมารวมตัวกันที่ลานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่อยู่ในเหตุการณ์สลายการชุมนุม แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ กลุ่มนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนรวมกว่า 50 คน จากนั้นได้เคลื่อนขบวนมวลชนไปบนถนนราชดำเนินกลาง พร้อมตะโกนคำว่าที่นี่มีคนตาย ก่อนหยุดวางดอกกุหลาบสีแดง พร้อมจุดเทียนรำลึกให้ผู้เสียชีวิต บริเวณที่มีเหตุปะทะจนเกิดความสูญเสีย รวม 4 จุด คือบริเวณ ถนนดินสอ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา 2 จุด และแยกคอกวัว 2 จุด ท่ามกลางบรรยากาศอันเศร้าสลด มีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศจำนวนมากมาเฝ้าสังเกตการณ์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ยอมให้จัดกิจกรรมโดยไม่เข้ามาขัดขวาง แค่คอยสังเกตการณ์ดูแลความปลอดภัยอยู่ห่างๆ

    โวยอึดอัดใจรอทวงคืนความเป็นธรรม

    นายบรรเจิดกล่าวว่า พวกเราอึดอัดใจที่ถูกห้ามจัดงานทำบุญให้ญาติ ย้ายที่จัดงานก็ย้ายแล้ว ขอจัดงานที่บ้านแบบเงียบๆ ก็แล้ว ผู้มีอำนาจยังไม่ยอม ทุกคนเสียใจมากจนสุดท้ายตัดสินใจมารวมตัวจัดกิจกรรมในที่เกิดเหตุแบบไม่ได้นัดหมาย และไม่กลัวจะถูกจับ จึงถือได้ว่า 5 ปีที่ผ่านมา การจัดงานรำลึก 10 เม.ย.ของญาติผู้สูญเสียในปีนี้ จัดได้อย่างยิ่งใหญ่ที่สุด และญาติทุกคนยังคงรอเวลา ที่ความยุติธรรมจะปรากฏ

    ยันมีอธิบดีทุจริตด้วย - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พรรคการเมืองอิตาลีล่ารายชื่อหนุนประชามติถอนตัวยูโรโซน

    [​IMG]

    พรรคไฟว์สตาร์มูฟเมนต์ของอิตาลี ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนกว่า 100,000 รายชื่อ เพื่อเสนอให้แก้ไขกฎหมาย ให้มีการทำประชามติเรื่องการถอนตัวจากยูโรโซน

    วันเสาร์ 11 เมษายน 2558 เวลา 23:17 น.
    เว็บไซต์ข่าวรัสเซียทูเดย์ รายงานจากกรุงโรม ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 10 เม.ย. พรรคไฟว์สตาร์มูฟเมนต์ของอิตาลี ทำการรวบรวมรายชื่อประชาชน เพื่อยื่นเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมาย ที่อนุญาตให้มีการทำประชามติเรื่องการถอนตัวจากยูโรโซนได้ โดยนายการ์โล ซิบิลา หัวหน้าพรรคเผยว่า ขณะนี้สามารถรวบรวมได้แล้วกว่า 100,000 รายชื่อ ซึ่งมากกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ แต่เขาก็หวังว่าจะได้เพิ่มอีกอย่างน้อย 50,000 รายชื่อภายในเดือน พ.ค. นี้ โดยคาดว่าการทำประชามติจะมีขึ้นในปีหน้า ทั้งนี้ ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญอิตาลีระบุไว้ว่า ห้ามไม่ให้มีการยกเลิกข้อตกลงระหว่างประเทศด้วยการทำประชามติ

    นายซิบิลา กล่าวว่า คำถามที่สำคัญตอนนี้คือ ใครกันคือผู้ที่ต้องการที่จะอยู่ในยูโรโซนต่อไป แต่การออกไปทั้งแบบนี้ก็ไม่ใช่คำตอบที่ควรจะเป็น สิ่งที่ควรเกิดขึ้นคือการวางแผนและหารือร่วมกัน แล้วปล่อยให้การตัดสินใจเป็นของประชาชน เพราะสิ่งที่สำคัญตอนนี้คือปัญหาเศรษฐกิจที่นับวันจะแย่ลงทุกที ปริมาณหนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยมานับแต่เข้าสู่ยูโรโซน ขณะที่อัตราการว่างงานสูงอยู่ที่ราวร้อยละ 12.7 ส่วนหนึ่งมาจากการที่อิตาลีไม่สามารถกำหนดนโยบายการคลังได้ด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม นายซิบิลากล่าวอีกว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อออกจากการส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป (อียู) เพียงแต่ต้องการหลุดพ้นจากสหภาพการเงินเท่านั้น

    พรรคไฟว์สตาร์มูฟเมนต์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2552 โดยศิลปินตลกและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองคนสำคัญ นายเบปเป กริลโล โดยในการเลือกตั้งสภายุโรป (อีพี) เมื่อปีที่แล้ว ไฟว์สตาร์ได้รับความไว้วางใจมากถึงร้อยละ 21 ซึ่งมากเป็นอันดับ 2.

    พรรคการเมืองอิตาลีล่ารายชื่อหนุนประชามติถอนตัวยูโรโซน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กลุ่มต้านรัสเซียรื้อรูปปั้นผู้นำบอลเชวิกในยูเครน

    [​IMG]

    กลุ่มต่อต้านรัสเซียในเมืองคาร์คิฟของยูเครน ตระเวนรื้อทำลายรูปปั้นผู้นำบอลเชวิก หลังรัฐสภาผ่านกฎหมายห้ามแสดงสัญลักษณ์โซเวียต

    วันเสาร์ 11 เมษายน 2558 เวลา 23:16 น.
    สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองคาร์คิฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ว่า สมาชิกของกลุ่มกองกำลังต่อต้านรัสเซียในเมืองคาร์คิฟ ทางตะวันออกของยูเครน บุกเข้าไปรื้อทำลายอนุสาวรีย์ของผู้นำบอลเชวิก 3 แห่งตามจุดต่างๆ ทั่วเมือง เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยคลิปวิดีโอที่ถูกโพสต์ลงเว็บไซต์ยูทูบ เผยให้เห็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่ปกปิดใบหน้า ปีนขึ้นไปใช้ลวดสลิงคล้องรูปปั้น ก่อนผูกโยงเข้ากับรถตู้สีขาวและดึงมันให้ล้มลงมา จากนั้นจึงขนย้ายรูปปั้นบางส่วนขึ้นรถพร้อมกับแยกย้ายกันหนีไป ซึ่งในช่วงหนึ่งของวิดีโอปรากฏภาพเจ้าหน้าที่เข้ามายังที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้มีความพยายามที่จะยุติการกระทำดังกล่าวแต่อย่างใด

    เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่ถึง 48 ชั่วโมง หลังรัฐสภายูเครนมีมติเสียงข้างมาก อนุมัติร่างกฎหมายฉบับใหม่ ห้ามไม่ให้มีการแสดงสัญลักษณ์ที่สื่อถึงลัทธิคอมมิวนิสต์ รวมถึงธงชาติสหภาพโซเวียตด้วย โดยให้เหตุว่าเป็นการยุติอดีตอันเจ็บปวดของประเทศในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และกำจัดอำนาจครอบงำจากรัสเซีย ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้สถานการณ์ความขัดแย้ง ระหว่างรัฐบาลเคียฟและกบฏผู้ฝักใฝ่รัสเซียในภาคตะวันออกตึงเครียดยิ่งขึ้น ขณะที่รัสเซียประณามว่าเป็นการสร้างความแตกแยก และปลูกฝังแนวคิดชาตินิยมด้วยการเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ อย่างไรก็ตาม กฎหมายฉบับนี้ยังต้องผ่านรอการลงนามจากประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก เพื่อประกาศใช้อย่างเป็นทางการ

    ทั้งนี้ คาร์คิฟถือเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครน มีพลเมืองราว 1.4 ล้านคน และใช้ภาษารัสเซียเป็นหลัก โดยตั้งอยู่ห่างจากสมรภูมิความขัดแย้งในเมืองโดเนตสก์และลูฮันสก์เพียง 200 กิโลเมตร.

    กลุ่มต้านรัสเซียรื้อรูปปั้นผู้นำบอลเชวิกในยูเครน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'สปน.'จ่อ เปิดตัวแอพร้องทุกข์

    [​IMG]

    'สปน.' จ่อ เปิดตัวแอพ ร้องทุกข์ เม.ย.นี้ ทั้ง ไอโอเอส แอนดรายด์

    วันอาทิตย์ 12 เมษายน 2558 เวลา 12:23 น.
    เมื่อวันที่ 12 เม.ย.นายจำเริญ ยุติธรรมสกุล รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าการจัดทำแอพพลิเคชั่นของ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ว่า ภายในเดือนนี้สปน.จะเปิดตัวแอพพลิเคชั่น พีเอสซี 1111 ที่ใช้ได้ทั้งระบบไอโอเอส และแอนดรอยด์ โดยแอพพลิเคชั่นดังกล่าวจะเป็นอีกช่วงทางหนึ่ง ให้ประชาชนสามารถยื่นเรื่องร้องทุกข์ได้นอกเหนือจากสายด่วน 1111 และ ศูนย์ดำรงธรรมโดยประชาชนสามารถเขียนเรื่องร้องทุกข์ เข้าไปในแอพพลิเคชั่นดังกล่าวแล้วส่งเข้ามาจากนั้นระบบจะจัดเก็บและส่งข้อมูลไปยังกระทรวงที่เกี่ยวข้องโดยตรง หากเรื่องใดมีความซับซ่อนเรื่องก็จะถูกส่งมายังสปน. ให้เจ้าหน้าที่ได้แยกแยะก่อนส่งไปยังหน่วยงานต่อไป เมื่อส่งเรื่องต่อแล้วก็จะมีการรายงานความคืบหน้าให้เจ้าของเรื่องรับทราบเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง

    อีกทั้งขณะนี้ สปน. ยังได้ร่วมมือกับ ม.ธรรมศาสตร์ พัฒนาเว็บไซต์ที่ชื่อว่าจีไอเอมเอฟโอ ซึ่งจะเป็นศูนย์ข้อมูลข่าวสารภาครัฐที่จะรวบรวมข้อมูลที่รัฐบาลต้องเปิดเผยต่อสาธารณะตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารราชของการปี 40 และข่าวสารที่จะเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตของประชาชนเช่นสภาดินฟ้าอากาศ พื้นที่แหล่งน้ำใต้ดิน ให้ประชาชนรับทราบ และคาดว่าจะสามารถเปิดใช้ได้ภายในปี 2559

    'สปน.'จ่อ เปิดตัวแอพร้องทุกข์ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อนดล แซ่เล้า

    ฝนสีเลือดที่จะตกอยู่ในสหราชอาณาจักรเป็นฝุ่นทะเลทรายซาฮาราสีแดงพัดเข้ามาจากแอฟริกา

    [​IMG]
    ภาพโดย Photo: AP/Ian Jones

    https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=718690618254305&id=599504813506220

    'Blood rain' to fall on Britain as red Saharan dust blows in from Africa - Telegraph
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    11 เม.ย. ครั้งแรกของโลก พลเมืองสเปนประท้วงกม.ปิดกั้นเสรีภาพ ผ่านเทคโนโลยีโฮโลแกรม

    [​IMG]

    กลุ่มพลเมืองชาวสเปนได้จัดการประท้วงผ่านทางเทคโนโลยีโฮโลแกรมเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลกเพื่อต่อต้านกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ โดยไม่ละเมิดกฎหมายฉบับดังกล่าว
    (ชมคลิป https://www.youtube.com/watch?t=14&v=dvoutHP1tAQ)

    ในกฎหมายฉบับใหม่ พลเมืองสเปนจะไม่สามารถประท้วงสภาคองเกรส หรือ จัดการชุมนุมในพื้นที่สาธารณะได้ หากไม่ได้ติดต่อเพื่อขอรับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่รัฐเสียก่อน

    "ถ้าคุณไม่สามารถแสดงความเห็นได้อย่างเสรีผ่านสถานะความเป็นบุคคลของตัวคุณเอง คุณก็มีเพียงทางเลือกเดียวที่จะแสดงความเห็นดังกล่าวออกมาได้ นั่นคือ การแปลงร่างตนเองไปเป็นโฮโลแกรม" หนึ่งในแกนนำผู้ริเริ่มแนวคิดการประท้วงผ่านเทคโนโลยีโฮโลแกรม ระบุ

    ขณะที่เว็บไซต์ของขบวนการดังกล่าว ได้เชิญชวนพลเมืองชาวสเปนให้เข้ามามีส่วนร่วมกับการประท้วงครั้งนี้ ด้วยการส่งข้อความอิเล็กทรอนิกส์, ส่งข้อความเสียง หรือ แปลงตนเองให้กลายเป็นโฮโลแกรม โดยบันทึกวิดีโอผ่านกล้องเวบแคมของเครื่องคอมพิวเตอร์

    ทั้งนี้ ภายใต้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ การประท้วงในพื้นที่สาธารณะ ตลอดจน การแสดงออกซึ่งเสรีภาพในการแสดงความเห็น, การปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน และการบันทึกพฤติกรรมการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ในหลายกรณี ล้วนมีโอกาสถูกตีความให้เป็นการก่ออาชญากรรมได้ทั้งสิ้น โดยผู้ก่อเหตุจะต้องรับโทษปรับ และ/หรือจำคุก

    โฮโลแกรม คือ ภาพชนิดหนึ่งซึ่งมีลักษณะ 3 มิติ ถูกสร้างขึ้นมาจากการบันทึกข้อมูลด้วย แสงเลเซอร์ โดยบันทึกริ้วรอยของการแทรกสอด (Interference Pattern) ของแสงเลเซอร์ ทำให้เราสามารถมองเห็นภาพเป็นลักษณะ 3 มิติ แตกต่างจากภาพทั่วไปซึ่งเราจะมองเป็นเพียงภาพสองมิติ ไม่มีความลึกทางมิติของภาพ เป็นภาพแบน ๆ เรียบ ๆ ทำให้ภาพนั้นดูสวยงามมากขึ้นและยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ อีกด้วย

    โฮโลแกรมถูกสร้างขึ้นด้วยกระบวนการที่เรียกว่า โฮโลกราฟี (Holography) โดยโฮโลกราฟีเป็นเทคนิคที่ช่วยให้แสงกระจายจากวัตถุที่จะบันทึกและได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ เพื่อให้ปรากฏเป็นวัตถุอยู่ในตำแหน่งเดิมเมื่อเทียบกับการบันทึก การเปลี่ยนแปลงรูปแบบตำแหน่ง และทิศทางของระบบการมองเห็นเป็นไปอย่างถูกต้อง เหมือนกับว่าวัตถุก็ยังคงเป็นปัจจุบัน จึงทำให้ภาพที่บันทึกปรากฏเป็นสามมิติ โฮโลแกรม 3 มิติ เป็นเทคโนโลยีรูปแบบหนึ่งที่ใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารระยะไกลระหว่างบุคคลต้นทางและปลายทางที่อยู่ต่างสถานที่กันสามารถโต้ตอบแบบตัวต่อตัว โฮโลแกรมแบ่งได้เป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประเภท คือ white-light hologram ซึ่งภาพโฮโลแกรมที่บันทึกนั้น สามารถมองเห็นได้ด้วยการส่องสว่าง ด้วยแสงสว่างจากธรรมชาติ และอีกประเภทหนึ่งคือ ภาพโฮโลแกรม ที่ต้องถูกส่องสว่างด้วยแสงเลเซอร์ หรือแสงที่มีสภาพหน้าคลื่นสอดคล้องกันในระดับหนึ่ง ถึงจะมองเห็นภาพ 3 มิติได้ (ที่มา Revolution News และวิกิพีเดีย)

    ครั้งแรกของโลก พลเมืองสเปนประท้วงกม.ปิดกั้นเสรีภาพ ผ่านเทคโนโลยีโฮโลแกรม : มติชนออนไลน์
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อวยชัย กุลพงษ์ ผ่าน khaosod

    พายุลูกเห็บถล่มหนักบึงกาฬ บ้านพัง-ต้นยางหักกว่า 2 พันต้น รถเสียหาย (ชมคลิป) วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 12:30 น.

    [​IMG]

    <iframe width="420" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/oZaHfdcszYE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    เมื่อเวลา 06.00 น วันที่ 12 เม.ย. เกิดพายุลูกเห็บและลมกรรโชกแรงพัดถล่ม หมู่ 1 บ้านโพธิ์หมากแข้ง และหมู่ 10 บ้านโนนจำปาทอง ต.โพธิ์หมากแข้ง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ นานกว่า 30 นาทีสร้างความตื่นเต้นให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก ต่างออกมาตากฝนเก็บลูกเห็บอย่างสนุกสนาน แต่ลูกเห็บก็ได้สร้างความเสียหายเบื้องต้นหลังคาบ้านพัง 15 หลัง รถยนต์เสียหายอีก 1 คัน ส่วน อ.ปากคาด บ้านพัง 10 หลัง ต้นยางหักกว่า 2 พันต้น นายอำเภอเร่งสำรวจให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว

    นางอารยา ด้างถางคำ ชาวบ้านหมู่ที่ 1 บ้านโพธิ์หมากแข้ง ต.หมากแข้ง เล่าว่า เมื่อช่วงเช้านี้อากาศร้อนอบอ้าวมาก และร้อนมาตั้งแต่เมื่อคืน พอเช้าตรู่ เกิดท้องฟ้ามืดครึ้ม มีลมกระโชกแรง จากนั้นมีฝนตกลงมาอย่างหนัก พร้อมกับมีลูกเห็บตกลงมา นานราว 30 นาที ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างวิ่งออกมานอกบ้าน เพื่อเก็บลูกเห็บที่มีขนาดใหญ่เท่ากับลูกปิงปอง ไปเก็บใส่ไว้ในถังและกะละมังบ้าง บางคนนำไปเก็บแช่ไว้ในตู้เย็น เนื่องจากไม่เคยเห็นลูกเห็บมานานในรอบ 20 ปี จึงเก็บไว้ดูให้นาน ส่วนความเสียหายเบื้องต้น มีหลังคาบ้านพังกว่า 15 หลัง และหนักสุดเป็นบ้านและรถยนต์กระบะของนายบัวกรรณ์ ทะนะวาที อายุ 38 ปี อยู่หมู่ 10 ต.โพธิ์หมากแข้ง อ.บึงโขงหลง ถูกลมพายุลูกเห็บตกใส่บ้านและรถพังเสียหาย

    ส่วนที่ อำเภอปากคาด ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า ที่บ้านนาดงน้อย หมู่ที่ 4 ต.นาดง อ.ปากคาด นายโอภาส ชูฤทธิ์ นายอำเภอปากคาด เข้าตรวจเยี่ยมราษฎรที่ถูกพายุฤดูร้อนพัดจนบ้านพังเสียหาย สังกะสีปลิวว่อนตกไปไกล จำนวน 10 หลังคา นอกจากนี้ยังมีสวนยางพาราของชาวบ้านหักโค่นกว่า 2 พันต้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและทหารสำรวจความเสียหายเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนแล้ว

    พายุลูกเห็บถล่มหนักบึงกาฬ บ้านพัง-ต้นยางหักกว่า 2 พันต้น รถเสียหาย (ชมคลิป) : ข่าวสดออนไลน์
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc
    10 เม.ย. ไปดาวอังคาร ย่นเหลือแค่ 39 วัน

    [​IMG]

    บริษัทสร้างจรวดที่สหรัฐอเมริกากำลังสร้างเครื่องยนต์จรวดแบบใหม่ ซึ่งสามารถพามนุษย์อวกาศไปส่งถึงดาวอังคารภายในเวลา 39 วันเท่านั้น แทนที่จะเป็นแรมปีอย่างที่คิดกัน

    นายจาง-ไดแอซ หัวหน้าฝ่ายบริหารบริษัทจรวดแอด แอสตรา ที่รัฐเท็กซัส ได้เปิดเผยว่า ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ทำให้สามารถปฏิวัติจรวดเสียใหม่ได้ “มันไม่ได้เหมือนกับจรวดที่เราเคยเห็นกันมาแล้ว หากแต่มันเป็นจรวดพลาสมา อันเป็นสภาวะที่ 4 ของสสาร นอกจากของแข็ง ของเหลวและก๊าซ อันประกอบด้วยก๊าซร้อนจัด มีอนุภาคประจุไฟฟ้าลบหรือไอออน มันมีชื่อว่า จรวดวาสิเมอร์ ไม่ใช่สำหรับปล่อยจรวด หากแต่ใช้กับสิ่งที่มีอยู่แล้ว อย่างที่เรียกว่า “การขับเคลื่อนในอวกาศ”

    เครื่องยนต์จรวดวาสิเมอร์ทำงานโดยการเผาพลาสมา ซึ่งเป็นก๊าซที่ร้อนจัดด้วยคลื่นวิทยุ สนามแม่เหล็กอันรุนแรงจะขับลำพลาสมาออกมาทางหางเครื่องยนต์ ก่อให้เกิดแรงขับ ผลักดันเครื่องยนต์ให้แล่นด้วยความเร็วสูง

    องค์การอวกาศสหรัฐฯ ได้ทำสัญญาว่าจ้างมูลค่า 3,300 ล้านบาท ให้สร้างจรวดแบบนี้รุ่นใหม่ มันจะช่วยประหยัดเชื้อเพลิงจรวดได้หลายพันแกลลอน ซึ่งทำให้ประหยัดเงินภายในเวลาปีเดียวได้ถึง 6,600 ล้านบาท

    ไปดาวอังคาร ย่นเหลือแค่ 39 วัน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Ammy Chumnankit ได้แชร์รูปภาพของ Richard Whitt

    ปฏิบัติการกำจัดประธานาธิบดีปูตินของสหรัฐอเมริกา :

    [​IMG]

    มาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐอเมริกากับพันธมิตรดำเนินการอยู่น่าจะมีเป้าหมายหลัก 3 ระดับ ระดับแรกคือระดับประเทศ เป็นการบ่อนทำลายประเทศรัสเซียโดยตรง ระดับที่ 2 คือ ระดับรวมพันธมิตรรัสเซีย เช่น BRICS จีน อิหร่าน ซีเรีย ฯลฯ และระดับที่ 3 คือ การบ่อนทำลายตัวประธานาธิบดีปูตินโดยตรง

    ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจการเมืองจากสหรัฐอเมริกากับพันธมิตรส่งผลต่อทั้ง 3 ระดับ ระดับรวมพันธมิตรรัสเซียน่าจะเป็นเพียงผลพลอยได้ จึงเหลือเพียง 2 ระดับ จาการวิเคราะห์ มีความเป็นไปได้ว่าน่าจะมุ่งต่อตัวประธานาธิบดีปูตินโดยตรง หวังทำลายคะแนนนิยม เนื่องจากระบบการเมืองรัสเซียปัจจุบันกลุ่มอำนาจเชื่อมโยงกันทั้งหมด การบั่นทอนประธานาธิบดีปูตินคือบั่นทอนฐานอำนาจ หวังว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียครั้งหน้าในเดือนมีนาคม 2018 รัสเซียจะได้ประธานาธิบดีคนใหม่ เป็นแผนจัดการประเทศคู่แข่งด้วยการกำจัดผู้นำประเทศนั้น

    ตามหลักการเรื่องกำจัดผู้นำ หากผู้นำสิ้นอำนาจ ผู้ติดตามย่อมกระจัดกระจาย หากหัวหน้าครอบครัวมีอันเป็นไป หรือไม่สามารถทำหน้าที่ ย่อมสะเทือนทั้งครอบครัว เหมือนกรณีการลอบสังหาร ยัสเซอร์ อาราฟัต ผู้นำปาเลสไตน์ เพื่อบั่นทอนขบวนการต่อสู้ปลดปล่อยปาเลสไตน์ ความพยายามที่จะลอบสังหารฮิตเลอร์เพื่อยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 กลยุทธ์การกำจัดผู้นำเป็นวิธีที่ใช้เสมอมา

    เป็นความคิดที่เชื่อว่าหากผู้นำรัสเซียในอนาคตไม่ใช่วลาดีมีร์ ปูติน รัสเซียจะอ่อนแอ ภัยคุกคามต่อสหรัฐอเมริกากับพันธมิตรจะลดลงโดยปริยาย


    ภายใต้สมมติฐานนี้ การทำลายเศรษฐกิจรัสเซียเป็นเพียงแผนขั้นต้นก่อนลงมือขั้นต่อไป

    เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย รัสเซียวกฤต :

    เมื่อมิคาอิล กอร์บาชอฟ (Mikhail Gorbachev) ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหภาพโซเวียตเมื่อปี 1990 ท่านมาพร้อมกับแนวคิดประชาธิปไตย “Demokratizatsiya” โดยสอดแทรกผ่านแนวคิดการปฏิรูป “Perestroika” หวังว่าแนวทางเหล่านี้จะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจการเมืองที่สะสมหมักหมมมาอย่างยาวนาน

    ผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างที่คิด เศรษฐกิจปั่นป่วน รายได้ของคนทำงานทั่วไปลดลง 1 ใน 3 ซึ่งหมายถึงคุณภาพชีวิตที่ลดลง ยอดขายโทรทัศน์ ตู้เย็น นม เนื้อล้วนลดลง รัสเซียมีพื้นที่กว้างใหญ่ ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลต้องดิ้นรนช่วยตัวเองในภาวะที่ทุกอย่างขาดแคลน โรงงาน เหมือง สาธารณูปโภคถูกทิ้งร้าง ผู้ที่เคยพึ่งหวังความช่วยเหลือจากรัฐ บัดนี้ต้องดิ้นรนหาทางเอาตัวรอดด้วยตนเอง

    การปฏิรูปของกอร์บาชอฟกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ การเมืองภายในประเทศปั่นป่วนอย่างหนัก ในที่สุดประเทศสหภาพโซเวียตกลายเป็นอดีต รัสเซียเปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ บอริส เยลต์ซิน (Boris Yeltsin) กลายเป็นผู้นำที่ประชาชนกลุ่มใหญ่ให้ความเชื่อถือ และขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซีย ภายใต้การปกครองแบบประชาธิปไตย

    ประธานาธิบดีเยลต์ซินเห็นว่าการปฏิรูปแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ของกอร์บาชอฟไม่ได้ผล ต้องแก้ไขสถานการณ์ด้วยการปฏิรูปอย่างจริงจัง ด้วยการยกเลิกระบอบเก่าทันทีและใช้ระบอบทุนนิยมอย่างเต็มที่ แต่รัสเซียในขณะนั้นไม่มีความพร้อมในทุกด้าน เช่น ระบบศาลยุติธรรมยังไม่มีกฎหมายการค้าการลงทุนภายใต้ระบอบทุนนิยม ผู้จัดการโรงงานเดิมผลิตตามคำสั่งรัฐ มาบัดนี้ต้องตัดสินใจเองว่าควรจะผลิตอะไร แต่ไม่สามารถหาคำตอบว่าตลาดต้องการอะไร อย่างไร

    ผลลัพธ์คือรัสเซียตกอยู่ในความวุ่นวายปั่นป่วนหนักกว่าเดิม ราคาข้าวของเครื่องใช้หลายอย่างเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว สินค้าอุปโภคบริโภคประจำวันบางอย่างขาดแคลน คนต้องเข้าคิวซื้อหลายชั่วโมง อัตราเงินเฟ้อสูงถึงร้อยละ 2600 ผู้ที่เลี้ยงชีพด้วยบำเหน็จบำนาญลำบากมากสุด

    การเปิดตลาดเสรีทำให้สินค้าเกษตรต่างประเทศไหลทะลักเข้ามา ราคาสินค้าเกษตรที่ผลิตภายในประเทศหลายรายการราคาลดต่ำกว่าครึ่งจากที่เคย ในขณะที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เช่นเดียวกับสินค้าประเภทเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์นม ผลลัพธ์คือเกษตรกรยากจนกว่าเดิม ช่องว่างฐานะระหว่างคนชนบทกับคนเมืองถ่างกว้างมากขึ้นทุกที

    มีข้อมูลว่าในทศวรรษ 1990 อายุขัยเฉลี่ยของผู้ชายลดจาก 63.8 เหลือ 58 ปี จำนวนประชากรลดลงเนื่องจากอัตราตายมากกว่าอัตราเกิด

    ประชาชนบางส่วนเริ่มไม่เห็นด้วยกับการปฏิรูป ไม่เห็นด้วยกับทุนนิยมเสรีประชาธิปไตยแบบตะวันตก เสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอน ประธานาธิบดีเยลต์ซินต้องเผชิญมรสุมการเมืองหลายรอบ แต่ยังสามารถชนะการเลือกตั้งหลังมีรัฐธรรมนูญใหม่อย่างหวุดหวิด ถึงกระนั้นสุขภาพท่านทรุดโทรมอย่างหนัก ผู้ที่ต้องรับบทผู้นำบริหารประเทศคือนายกรัฐมนตรี แต่ภายในปีเดียวต้องเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ถึง 5 ครั้ง คนที่ 5 คือนายวลาดีมีร์ ปูติน เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 1999 และเป็นประธานาธิบดีรัสเซียคนที่ 2 ในปีถัดมา

    รัสเซียในยุคปูติน :


    ผู้เชี่ยวชาญบางคนโจมตีว่าประธานาธิบดีปูตินบริหารประเทศแบบอำนาจนิยม ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง การเมืองฝ่ายค้านไม่ว่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้านหรือองค์กรภาคประชาชนเปรียบได้เพียงแค่ไม้ประดับทางการเมือง ไม่มีผลต่อการเมืองอย่างจริงจัง นักการเมือง ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นต่างต้องสังกัดพรรคที่ไม่แปลกแยกจากรัฐบาล


    ด้านสื่อมวลชนดูเหมือนมีเสรีภาพ แต่สื่อที่นำเสนอเรื่องที่ขัดนโยบายรัฐ ต่อต้านผู้นำประเทศจะอยู่ไม่ได้ เริ่มด้วยการถูกตักเตือน กดดันนายทุนเจ้าของสื่อ สื่อขายโฆษณาไม่ได้ นักข่าวบางคนถูกคุกคามถึงชีวิต Edward Lucas สรุปว่า “คุณต้องเงียบ” ไม่ทำให้ผู้มีอำนาจระเคืองใจ มิฉะนั้นท่านจะถูกคุกคามจนกว่าจะเงียบ ไม่มีใครปกป้องท่านได้


    แต่ในด้านเศรษฐกิจ เศรษฐกิจรัสเซียดีขึ้นมาก คนว่างงานลดน้อยลงมาก กรรมกรได้ค่าจ้างมากกว่าเดิมอย่างชัดเจน ผู้ที่รับบำเหน็จบำนาญ สวัสดิการทางสังคมได้รับเงินตรงเวลา ประชาชนกลุ่มนี้เดิมเป็นฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตยฝันอยากได้รัฐบาลสังคมนิยมคืนกลับมา เมื่อถึงยุคปูตินพวกเขาเลิกล้มความตั้งใจดังกล่าว

    โดยรวมแล้ว ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้นมาก ทั้งนี้เหตุผลสำคัญประการหนึ่งมาจากราคาน้ำมัน เมื่อปูตินรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยแรก ราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล รัฐได้กำไรจากน้ำมันเพียงน้อยนิด แต่ราคาน้ำมันที่ 100 ดอลลาร์คือราคาที่เพิ่มขึ้นถึง 6 เท่าตัว สร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำ และกลายเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศ มีผู้ประเมินว่าที่มาของงบประมาณในปัจจุบันกว่าร้อยละ 60 มาจากกำไรที่ได้จากการขายน้ำมันกับก๊าซธรรมชาติ

    รายได้จากน้ำมันกับก๊าซธรรมชาติกลายตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ไม่ต่างจากประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อื่น ๆ

    การถูกคว่ำบาตร และสถานการณ์ล่าสุด :


    ข้อมูลล่าสุด การถูกคว่ำบาตรและราคาน้ำมันอ่อนตัว ทำให้ค่าเงินรูเบิลอ่อนค่าราวร้อยละ 50 อัตราเงินเฟ้อเมื่อเดือนมกราคมอยู่ที่ร้อยละ 15 ยอดค้าปลีกลดลงมาก มีผู้คาดว่าอาจต่ำสุดนับจากสิ้นสุดสหภาพโซเวียตเมื่อปี 1991 กระทรวงเศรษฐกิจ (Economy Ministry) คาดว่าปี 2015 ค่าจ้างแท้จริง (Real Wage) จะลดลงมากกว่าร้อยละ 9 เทียบกับปกติที่จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อปี


    กำลังซื้อที่ลดลงกระทบผลประกอบการของภาคเอกชน กระทบเป็นวงจรต่อการจ้างงาน รายได้ของรัฐ การตกงานกลายเป็นเรื่องที่ลูกจ้างกังวลมากที่สุดในขณะนี้


    นี่คือผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังถูกคว่ำบาตรอย่างหนักเพียงไม่กี่เดือน น่าคิดว่าหากสถานการณ์ดำเนินต่อเนื่องอีก 2 - 3 ปี ผลจะเป็นอย่างไร

    วิเคราะห์องค์รวม :


    ประธานาธิบดีปูตินอาจไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ รัสเซียไม่ใช่ทุนนิยมประชาธิปไตยอย่างชาติตะวันตก สังคมเต็มด้วยมาเฟีย คนบางกลุ่มได้รับผลประโยชน์มากเป็นพิเศษจากประเทศฟื้นตัว แต่ไม่อาจปฏิเสธว่า โดยภาพรวมแล้วชีวิตความเป็นอยู่ของชาวรัสเซียในยุคปูตินดีที่สุดเมื่อเทียบกับหลายสิบปีที่ผ่านมา

    รัสเซียในยุคปูตินกำลังฟื้นตัวตามลำดับ ปูตินเริ่มเป็นผู้นำบริหารประเทศด้วยการเป็นนายกรัฐมนตรี สมัยแรกในปี 1999 และเป็นประธานาธิบดีสมัยแรกในปี 2000 จากนั้นครองอำนาจมาโดยตลอด ในช่วงปี 2008 - 2012 กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี อีกครั้งหลังครบวาระเป็นประธานาธิบดี 2 สมัยซ้อน จากนั้นกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกสมัยเมื่อปี 2012 จนถึงปัจจุบัน

    ประเด็นน่าคิดคือ หากสถานการณ์ราบรื่น ท่านน่าจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งต่อไปในปี 2018 (รัฐธรรมนูญปัจจุบันกำหนดให้ประธานาธิบดีมีวาระ 6 ปี สามารถดำรงตำแหน่ง 2 วาระติดต่อกัน) นั่นหมายความว่าท่านจะได้เป็นประธานาธิบดีถึงปี 2024 ด้วยวัย 72 ปี เป็นผู้ปกครองประเทศยาวนานถึง 1 ใน 4 ของศตวรรษ


    ถ้านับจากวันนี้ ท่านจะเป็นผู้นำประเทศรัสเซียอีก 9 ปี (ภายใต้สมมติฐานว่าท่านวางมือจากการเมืองหลังวัย 72 ปี)

    จากนี้อีก 9 ปี หากรัสเซียพัฒนาเจริญก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้มุมมองของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาย่อมเห็นว่าเป็นภัยคุกคาม ยิ่งหากคิดในกรอบที่กว้างขึ้น เช่น รัสเซียจับมือกับจีน รัสเซียกับกลุ่ม BRICS หรือเห็นคล้อยกับความคิดของนักวิชาการบางท่านที่ชี้ว่า รัสเซียมีแนวโน้มเป็นอำนาจนิยมและจักรวรรดินิยม เคยควบรวมอาณาจักรข้างเคียงมารวมเป็นประเทศเดียวกับตน ดังนั้น รัฐบาลสหรัฐอเมริกาย่อมกังวลหากรัสเซียจะเข้มแข็งอีกครั้ง


    ดังที่เคยอธิบายในบทความก่อนว่าแผนคว่ำบาตรรัสเซียในขณะนี้มีจุดอ่อน มีข้อจำกัด ความพยายามของรัฐบาลโอบามาในขณะนี้อาจเป็นเพียงทดสอบ “ปฏิบัติการกำจัดปูติน” ต้องการทดสอบวิธีการ ตรวจสอบการตอบสนองของชาวรัสเซีย ก่อนนำแผนไปปรับปรุงและเตรียมการให้ดีกว่านี้


    ถ้าหากสมมติฐานนี้ถูกต้อง ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับสหรัฐอเมริกาจะไม่จบในเร็ววัน

    บรรณานุกรม :

    1. Andrianova, Anna. (2015, February 15). Putin Lets Consumers Feel Pain as Russian Slump Deepens: Economy. Bloomberg. Retrieved from http://www.bloomberg.com/…/putin-lets-russian-consumers-fee…

    2. Brown, Archie. (2004). Gorbachev, Mikhail Sergeyevich. In Encyclopedia of Russian History. (4 vol. set, pp.577-583). USA: Macmillan Reference USA.

    3. Fakiolas, Efstathios T. (2012). International Politics in Times of Change. Tzifakis, Nikolaos. (Ed.). Berlin: Springer-Verlag Berlin Heidelberg.

    4. Kenez, Peter. (2006). A History of the Soviet Union from the Beginning to the End (2nd Ed.). New York: Cambridge University Press.

    5. Lucas, Edward. (2008). The New Cold War: Putin's Russia and the Threat to the West. New York: Palgrave Macmillan.

    6. Saunders, Doug. (2014, March 15). Crimea is serious, but this is not a new Cold War. The Globe and Mail. Retrieved from Crimea is serious, but this is not a new Cold War - The Globe and Mail
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มีอยู่จริงหลักการสัมพันธภาพ! พบ "วงเแหวนแสงฯบิดโค้ง" ตามทฤษฎี "ไอน์สไตน์" สุดคมชัด (ชมคลิป) 09 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 13:30:28 น.

    [​IMG]

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กล้องโทรทรรศน์ "The Alma" ในชิลี ได้พบภาพปรากฎการณ์ชวนตะลึง เมื่อปรากฎสิ่งคล้ายวงแหวนที่เกิดจากการบิดโค้งของแสงกาแล็กซี่ ซึ่งคาดว่ามีระยะทางห่างจากจากโลกราว 1,200 ล้านปีแสง โดยปรากฏในลักษณะคมชัดอย่างสูงสุด

    รายงานระบุว่า วงแหวนดังกล่าวเป็นมายาภาพที่เกิดจากกาแล็กซี่ 2 กาแล็กซี่อยู่ในระนาบเดียวกัน ซึ่งตรงกับทฤษฎีสัมพันธภาพของ "อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์" ที่ชี้ว่า แรงโน้มถ่วงของกาแล็กซี่่ที่อยู่ใกล้กว่าจะสามารถบิดโค้งแสงของกาแล็กซี่อีกกาแล็กซี่ที่อยู่ห่างไกลออกไป โดยกล้องดังกล่าวสามารถจับปรากฏการณ์นี้ได้ในลักษณะคมชัดอย่างยิ่งแม้จะถ่ายห่างไกลอยู่จากหอสังเกตการณ์อวกาศก็ตาม

    โดยในปรากฏการณ์นี้ กาแล็กซี่ที่ถูกเรียกว่า "SDP.81" เป็นกาแล็กซี่ที่ก่อตัวจากดวงดาวที่ยังมีชีวิตอยู่ห่างจากโลกราว 1,200 ปีแสงออกไปและถูกพบเห็นในช่วงเวลาที่จักรวาลมีอายุเพียง 15 เปอร์เซนต์ของอายุปัจจุบันและมันอยู่ภายใต้ภาวะ "เลนส์ความโน้มถ่วง "ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับแสงที่เดินทางมาจากแหล่งกำเนิดส่องสว่างไกลโพ้น ก่อนเกิดการ "บิดโค้ง" เนื่องจากแรงดึงดูดของวัตถุมวลมาก เช่น กระจุกดาวฤกษ์ ที่อยู่ระหว่างแหล่งกำเนิดแสงกับผู้สังเกต

    โดยเป็นปรากฏการณ์เหมือนที่ไอน์สไตน์ได้ตั้งไว้ในทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของเขา ซึ่งรายละเอียดของภาพนี้จะทำให้นักดาราศาสตร์สามารถประติดประต่อข้อมูลภาพวงแหวนดังกล่าวที่เกิดจากปรากฏการณ์การบิดโค้งของแสงและสามารถสร้างภาพที่แท้จริงของจักรวาลอันไกลโพ้นได้

    ขณะที่ข้อมูลที่ได้จากกล้องโทรทรรศน์ดังกล่าวนี้เป็นภาพที่น่าทึ่งที่สำคัญมากพอที่จะทำให้เราได้เข้าใจถึงกาแล็กซี่ต่างๆ ที่อยู่ในจักรวาลช่วงแรกเริ่มด้วย โดยจะทำให้นักดาราศาสตร์ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ถอดรูปแบบการบิดโค้งของแสงกาแล็กซี่ที่แท้จริงออกมา

    มีอยู่จริงหลักการสัมพันธภาพ! พบ "วงเแหวนแสงฯบิดโค้ง" ตามทฤษฎี "ไอน์สไตน์" สุดคมชัด (ชมคลิป) :
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    เยอรมันขยับด้านกองทัพเตรียมซื้อรถถัง mothballed จำนวน 100 คันกลับมาใช้

    [​IMG]

    --------------------
    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาโฆษก รมว.กลาโหมเยอรมันออกมาแถลงข่าวกับสื่อฯว่าทางกองทัพของเยอรมันเตรียมซื้อรถังรุ่น Leopard 2 ของเยอรมัน (เยอรมันตะวันตก ในยุค 1970) คืนจากอุตสาหกรรมด้านการป้องกันประเทศที่ถูกเก็บเข้าคลังไว้ ภายใต้งบประมาณราว 22 ล้านยูโร (ประมาณ 7.7 ร้อยล้านบาท) โดยกองทัพเยอรมันมีแผนจะเริ่มนำรถถังรุ่น Leopard 2 เข้าประจำการในกองทัพในปี 2017 โฆษกกลาโหมของเยอรมันกล่าวว่าในอนาคตเยอรมันมีแผนจะเพิ่มจำนวนรถถังจำนวน 328 คัน
    เมื่อ 4 ปีที่แล้วทางเยอรมันมีแผนปรับลดจำนวนรถถังจากหน่วย Bundeswehr ลงจากเดิม 350 คันเหลือ 225 คัน แต่คราวนี้กลับปรับเพิ่มจำนวนขึ้นซะอย่างนั้น การออกมาประกาศเพิ่มศักยภาพทางอาวุธของเยอรมันในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่นาโต้ได้ออกมาประกาศเสริมความแข็งแกร่งทางกองทัพเพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากวิกฤตยูเครน นักวิเคราะห์และผู้สังเกตการณ์มองว่า วิกฤตยูเครนส่งผลให้อุตสาหกรรมด้านอาวุธกองทัพในกลุ่มประเทศยุโรปเริ่มคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง หลายประเทศมีการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศสมาชิกนาโต้ (เพราะอเมริกาสั่งให้เพิ่ม) ในปีที่แล้วทั่วโลกมีการใช้จ่ายทางการทหารประมาณ $1.8 trillion ลดลงประมาณ 0.4 % จากปี 2013
    มาดูด้านเศรษฐกิจของเยอรมันกันบ้าง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาสหภาพเกษตรกรของเยอรมัน (German Farmers Union) ออกมาประกาศว่าสืบเนื่องจากรัสเซียสั่งแบนสินค้าการเกษตรจากอียูทั้งหมดเพื่อตอบโต้มาตรการแซงชั่นที่อียูกับสหรัฐฯทำต่อรัสเซียก่อน ทำให้ภาคเกษตรของเยอรมันสูญเสียรายได้ไปเกือบ €600 million (ประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท) นั่นคือแถลงการณ์คร่าวๆจากประธานสหภาพการเกษตรซึ่งเป็นภาคเอกชนของเยอรมัน
    คราวนี้มาฟังคำพูดจากฝั่งรัฐบาลของเยอรมันเองบ้าง ในวันเดียวกันนี้ (ศุกร์ที่ 10 เม.ย.58) นาย Sigmar Gabriel รมว.ด้านเศรษฐกิจของเยอรมันออกมากล่าวว่าอียูจะต้องเริ่มทำการค้ารัสเซียอีกครั้ง โดยนาย Sigmar Gabriel ได้ออกมากล่าวว่า "ยุโรปจะต้องฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัสเซียในฐานะหุ้นส่วนด้านการค้าอีกครั้ง" (อุบ๊ะ! ก่อนหน้านี้ไม่เห็นออกมาพูดอย่างนี้เลย เอาแต่พูดว่าต้องแซงชันรัสเซียเท่านั้น แต่วันนี้บอกว่า "หุ้นส่วนด้านการค้ากับรัสเซีย" ปัดโธ่! เห็นฤทธิ์ของปูตินแล้วหละสิ บอกแล้วเชื่ออเมริกามีแต่จะลงเหวอย่างเดียวเท่านั้น) รวม.เศรษฐกิจของเยอรมันกล่าวต่อว่า "ยุโรปจะต้องไม่ตีตัวออกห่างจากรัสเซีย การค้าเสรีเป็นอะไรที่มากกว่าเครื่องมือของนโยบายทางเศรษฐกิจเท่านั้น"
    นี่คือท่าทีล่าสุดของเยอรมันเกี่ยวกับรัสเซีย แสดงว่าอียูเริ่มจะไม่เชื่อฟังสหรัฐฯอีกต่อไปในแง่ของเศรษฐกิจนะ เพราะว่ามันไม่มีวิธีใดที่จะช่วยแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจของอียูให้ดีขึ้นไปกว่าความร่วมมือกันทางด้านการค้ากับรัสเซียและประเทศอื่นๆทั่วโลกอีกแล้ว ถ้าไม่หันไปง้อปูติน เศรษฐกิจของอียูมีแต่จะจมลงเรื่อยๆเท่านั้น สินค้าการเกษตรของอียูขายไม่ออก ราคาตกต่ำสหรัฐฯก็ไม่ได้เข้ามาช่วยรับซื้อแทนรัสเซียซะหน่อย เพราะสหรัฐฯเองก็พยายามจะเปิดตลาดสินค้าการเกษตรของตนในจีนด้วยเช่นกัน สหัฐฯชี้ไปที่รัสเซียแล้วบอกกับอียูว่า "ศัตรูๆๆ" ในขณะที่รัสเซียบอกว่า "เพื่อนๆๆ" แต่อียูไม่เชื่อรัสเซีย ดันไปหลงกลสหรัฐฯสุดท้ายตัวเองก็เจ็บปางตายถึงสำนึกได้ แต่กระนั้นในแง่ของกองทัพอียูก็พยายามเสริมกำลังของตัวเองขึ้นเช่นกัน เอาเป็นอันว่าตอนนี้ไม่มีใครไว้ใจใครด้วยกันทั้งนั้น
    The Eyes
    13/04/2558
    ---------------
    Germany to Put 100 Mothballed Tanks Back Into Service / Sputnik International
    German Farmers Lose €600 Mln From Anti-Russian Sanctions / Sputnik International
    German Economy Minister Urges to Restore Trade Relations With Russia / Sputnik International
    Ukrainian Crisis Prompts European Countries to Boost Military Spending / Sputnik International
     

แชร์หน้านี้

Loading...